- บทที่ 25 - ย้ำ...บางอย่าง - “เฮ้ยแม็ต ถ้าจะกลับกันแล้วช่วยไปส่งเทด้วยดิ พี่มีแลปต้องเข้าคณะวะ”
“อ้อ ได้ครับ”
“ไม่อยากให้มันนอนร้านแบบคราวที่แล้ว”
“ฮ่าๆๆ ผมเข้าใจพี่ เดี๋ยวผมไปส่งให้”
“เออ นี่ชื่อหอกับเลขห้อง กุญแจน่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงมัน ล้วงเลย แต่อย่าล้วงลึกนะเว้ย”
“ไม่พี่ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”
เรายิ้มแบบรู้กัน ก่อนมาจะโดนสะกิดไหลแล้วเรียกให้ออกไปไกลผู้คนมากกว่าเดิม
“เฮ้ย”
“ครับ”
“คือ มานี่ดิ” ผมตามไปจนออกจากเขตร้าน ที่ไม่มีใครเลยจะสามารถได้ยินเราคุยกันได้
“เรื่องวันรับน้อง มึงได้เล่าให้มะนาวฟังไหม”
“ไม่ได้เล่าครับ คนอื่นก็ไม่ได้เล่านะ”
“เออ ขอบใจวะ เพราะพี่รู้ว่าแม็ตรู้ ถึงฝากเรา เข้าใจความห่วงของพี่ใช่ไหมว่าทำไมต้องห่วงมัน”
“คิดว่า เข้าใจนะ” จริงๆผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าสภานะระหว่างพวกพี่เขาเท่าไหร่ แต่ดูจากที่พาผมมาไกลขนาดนี้ ก็ พอเดาได้
“เออ ก็เหมือนกับที่มึงห่วงมะนาวนั่นแหละ ต่างกันตรงนี้คนของกูเนี่ย ไม่ยอมให้กูห่วงตรงๆ”
“อ้าว ไมอ่ะ” แต่ดูท่าแล้ว มันจะลึกซึ้ง และเอิ่ม แลดูร้อนๆ
“ไม่รู้ เกลียดกูมั้ง”
“...?”
“ไม่ต้องทำหน้างง ไป ไปในร้านเหอะ พี่ไปแล้ว” พี่ฟ้าเดินเท่ๆไปยกจักยานหมุนกลับหัว ก่อนจะปั่นออกไปในเวลาตีหนึ่ง อากาศเย็นๆของกลางคืน มันคงจะดีถ้ามีสักคันแหะ
“ไง เมายังเมท” ผมกลับเข้ามาในร้าน ไม่กลับไปนั่งเป็นเพื่อนเม แต่ตรงไปดูมะนาวซะหน่อย
“หื๋อ?”
“กูเอง” ผมโยกหัวเขาเบาๆ จะมองเห็นไหมเนี่ยว่าใครเป็นใคร
“แมดดดดด”
“เออ ฮ่าๆๆๆ”
“เมายัง” ผมถาม เช็คเปอร์เซ็นความสมบูรณ์
“จะเหลือเร้อะ” แปลว่าเมา แต่ไม่มากครับอาการนี้ ยังพูดรู้เรื่อง และยังกวนตีนได้
“เออ ดี”
“น้องจ๋า น้องเดือน ไปเอาดาวมาให้พวกพี่ชนหน่อย” พี่ปีสามคนนึงบอกผม ผมได้แต่พยักหน้ารับ
“เดี๋ยวพามาให้พี่”
ผมวางแก้วตัวเองลง แล้วลุกขึ้นยืน
“มึงจะไปเอาใคร?” มะนาวถามขึ้นก่อนผมจะเริ่มออกเดิน
“ตลกแล้ว เขาหมายถึงให้พาเมมา อย่าโวยวาย โอเค?”
“อื้ม” เขาทำหน้าเข้าใจแบบคนเมา ผมจึงก้มลงบอกเขาเพิ่มเติม
“อย่าทำหน้าบึ้ง ยิ้มไว้น่ารักกว่านะ”
มะนาวยิ้มตาปิดเลยครับ บ้ายุสุดๆ ผมเห็นแบบนี้เริ่มกลัว ถ้าใครบอกให้เดินตามไป จะเดินหายไปกับคนอื่นไหมเนี่ย
...........................................................
“ม้ายยย กูจะนอนนี่”
“เดี๋ยวผมไปส่งห้องให้ครับ ใช่ไหมมะนาว เราจะไปส่งพี่เทกัน”
ตีสอง ร้านปิด ความวุ้นวายอีกแบบเริ่มขึ้นหลังเสียงเพลงเบาลง
เอ้กับพงศ์ถูกขนไปกับรถพี่ยีนส์ เพราะเมบังคับไม่ให้กลับกับผม คือต้องกลับกับมันนั่นเอง สรุปคือ พี่ยีนส์ต้องไปส่งเมซึ่งเมจะไม่ยอมถ้าไม่ให้เพื่อนติดไปด้วย
ต่อไปนี้คงมีเรื่องให้วุ้นวายกันอีกเยอะแน่ๆ เพราะเจ้เฟของไอ้เมมาวางระเบิดไว้หลายจุดเลยล่ะ
“ช่าย พี่เป็นพี่ผมนะ ผมต้องดูแลพี่ดิ” ผมหิ้วพี่เทขึ้นมา เขาไม่ได้ตัวใหญ่กว่ามะนาวมากมาย เตี้ยกว่านิด แต่มีเนื้อมีหนังมากกว่าหน่อย คงน้ำหนักใกล้เคียง
มะนาวเดินเอียงๆมาจับแขนพี่เทขึ้นคล้องคอ แต่ไม่ได้ช่วยพยุงอะไรนะครับ ลำพังแค่ตัวเองยังเดินให้ตรงไม่ได้เลย แค่ทำให้เดินออกมาได้พร้อมกันแค่นั้นเอง
“เออ มึงดูแลกูได้ ดีมาก ม้านาว”
“นอนแน่เพ่ แน่นอนเพ่ นอนแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆ มึงมาวแน่ๆ พูดไม่รู้เรื่องเลย”
ผมเอาพี่เทที่ยังหัวเราะไม่หยุดวางที่เบาะหลัง เขาไหลตัวไปตามเบาะและนอนนิ่งไป
แต่พอผมกับมะนาวขึ้นมาและออกรถ เขาก็ค่อยๆดันตัวเองขึ้นนั่งคอตก อยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรจนมีเสียงแทรกเสียงเพลงเบาๆที่ผมเปิดไว้ขึ้นมา
“ฮึก”
ผมมองไปที่กระจกหลัง พี่เทนั่งกึ่งนอน ก้มหน้า และสะอื้น มะนาวเองก็คงรู้สึก เขาเหลียวกลับไปมอง และเช็ดน้ำตาที่เปื้อนมือพี่เท
“นี่น้ำลายหรืออะไรเนี่ยพี่” มะนาวเงอะงะส่งทิชชู่ให้หลายแผ่น
“น้ำมูก” คำตอบขัดกับสถานการณ์ เขาคงพยายามกลบอารมณ์จมดิ่งของตัวเอง ผมไม่รู้สึกตลกเลย แต่กับมะนาว เขากลับหัวเราะออกมาเบาๆ
“เหอะๆ แหวะ นี่พี่ ทิชชู่” บางทีมะนาวคงไม่อยากให้พี่ตัวเองต้องร้องให้ต่อ
“เออ ขอบใจนะ ที่ไม่ถามอะไรให้อึดอัด”
ผมรู้เลยว่ามะนาวสะอึกก้อนใหญ่ เขาคงกำลังจะถาม แค่หาจังหวะอยู่ ดูสิ นั่งเกาปากยุกยิก
ผมไม่ได้อยากรู้หรือคิดว่าตัวเองจะรู้ไปซะหมดหรอกนะครับ แต่ทำไมก็ไม่รู้นะ มันดันเดาได้เนี่ยสิ แย่จัง
ผมยื่นมือไปเขี่ยปากล่างมะนาว
“เฮ้ย ของเล่นเหรอ”
“เห็นมึงคันปากแล้วอดไม่ได้” ผมเอียงตัวกระซิบตอบ
พี่เทยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ตอนนี้ไม่มีทั้งเสียง และการเคลื่อนไหว
ผมจอดรถหน้าตึกที่คิดว่าเป็นหอพวกพี่เขา มะนาวนั่งมองพี่ตัวเองอย่างหนักใจ
“มึง พี่กูหลับไปแล้วอ่ะ แล้วจะทำไงอ่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่ฟ้าบอกเลขห้องมาแล้ว”
“เอ้า เหรอ”
ผมหาคีร์การ์ดกับกุญแจห้องพี่เทจากในกระเป๋ากางเกง ยื่นให้มะนาวถือไว้ ส่วนผมคงต้องแบกพี่เทอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ล็อกรถดิ” มะนาวทำตาม ยืนมองกุญแจรถกับกุญแจห้องคนอื่นสลับกัน
“ไปโน้น เปิดประตูหอ”
มะนาวทำตาม แต่กว่าจะไปถึงก็โซเซจนผมห่วง
เขาเดินนำไปหาเลขห้องที่ผมบอก แล้วไขกุญแจอย่างรู้หน้าที่ เดินเข้าไปเปิดไฟอย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้องที่ผมแบกอยู่
ผมวางพี่เทลงกลางเตียง เปิดแอร์ด้วยเพราะเคยได้ยินพี่เทบ่นร้อนบ่อยๆ
“ถอดรองเท้าก็พอมั้ง” ผมบอกหลังจากถอดเสร็จ ยืนมองผลงาน เรียบร้อยตามที่ท่านประธานปีสองสั่ง แต่ที่เกินมาเนี่ย ทำไมมีอีกคนนอนข้างๆพี่เท?
“กางเกงเขาท่าทางอึดอัดนะ” มะนาวนอนตะแคง ใช้นิ้วเกี่ยวขอบเข็มขัดพี่เทแล้วดึงโยกเบาๆ ผมเลยต้องรีบจับมือมะนาวออก
“เดี๋ยว ‘เขา’ ก็จัดการเองแหละน่า” เขาในความหมายของผมไม่ใช่พี่คนนี้นะครับ เขาที่อยู่ในคณะโน้น
“เหรอ อื้มมมมมมม แต่กูง่วงแล้ว นอนนี่ได้ไหม” มะนาวพูดช้าลงตั้งแต่ผมเปิดแอร์ครับ เขานอนทับแขนแล้วทำท่าจะชัดดาว ตัวเองลงตรงนั้น
“ไม่ได้ ลุก”
“ง่วง แอร์เย็น”
“ห้องเราก็เย็น ไป”
“อื้อ”
“จะให้อุ้มลงไปรึไง”
มะนาวทำหน้าเบะครับ ไม่รู้เพราะผมดุ หรือดันรู้ทัน หรือกำลังงอนที่ผมไม่อุ้มสักที
นี่มึงจะบ้าเหรอ ไม่ได้เมาขนาดนั้น เดินก็เดินได้ พูดก็ยังรู้เรื่องทุกอย่าง ยังจะ
“มึงดูโน้น” ผมพยักพเยิดไปทางพี่เทที่นอนนิ่ง แต่ลืมตามองมะนาวที่นอนอยู่ข้างๆ
“อ้าว พี่ไม่ได้หลับเหรอ”
“ตอนนี้กูเหมือนคนหลับอยู่ไหมล่ะ”
“เหมือนคนเมา”
“เออ กลับห้องไปได้แล้ว ไป ไปปปป”
พี่เทเอียงตัวเอาเท้าถีบสะโพกมะนาวไหลไปกับเตียง ดูพี่น้องคู่นี้ต่อสู้กัน มันช่างเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อ
“โหยย พี่ใจร้ายวะ นี่น้องนะเว้ย”
“ขอบใจวันหลังกูค่อยเลี้ยงชานมไข่มุกแล้วกัน” พี่แกตื่นมาดึงหมอนให้เข้าที่
“ผมจะจำไว้”
“ตื่นมามึงก็ลืมมะนาว” ผมย้ำกับมะนาวว่าเขาขี้ลืมแค่ไหน
“เดี๋ยวเลี้ยงมึงด้วยแม็ต ใจว่ะ อุส่ามาส่ง ห่าวววว กลับดีๆ ล่ะพวกมึง”
มะนาวตอบรับอย่างแข็งขัน ผมฉุดมะนาวให้ยืนขึ้น ปิดไฟในห้องแล้วปิดประตูให้เรียบร้อย ไม่ลืมไลน์บอกพี่ฟ้าว่าภารกิจเรียบร้อย พี่เทกลับถึงห้องปลอดภัย
เหลือก็ตัวป่วนข้างๆเนี่ยแหละครับ เริ่มออกฤทธิ์ บ่นหิว บ่นง่วงขึ้นมาแล้ว
“แมตตต หิวอ้า” มะนาวนั่งเกาะเข็มขัดนิรภัยแล้วเริ่มพูดทันทีที่ออกรถ
“กินอะไร แวะเซเว่น หรือจะไปร้านโจ๊กในตำนาน” ร้านโจ๊กในตำนานคือร้านโจ้กที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงครับ ไม่เคยปิดเลยเหมือนเปิดมาเพื่อนักศึกษาแถวนี้ที่ไม่ค่อยหลับไม่ค่อยนอน
“ไปเซเว่นในตำนาน”
“อย่าเอามารวมกันมั่วๆ ดิ มีที่ไหน”
“มี้ เลี้ยวขวาดิ”
“แน่ใจนะว่าจำทางได้”
“ทางมันก็มีแค่นี้ทำไมจะจำไม่ได้ ข้ามสะพานไปแล้วชิดซ้าย”
ผมขับไปตามที่มะนาวบอก
“นั่นๆ จอดรถต่อจากคันข้างหน้าเลย”
ผมทำตาม
“ฮี่” มะนาวยิ้มหวานเดินลงรถทันทีที่ผมจอดรถ ผมได้แต่เดินตามไป
เขาเลี้ยวเข้าร้านโชว์ห่วยที่ดูธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาตรงที่นี่มันจะตีสามอยู่แล้ว แต่ร้านนี้ยังไม่ปิด ผมมองขนมถุงข้าวสารอาหารแห้งมาม่าของใช้ทั่วไป วางแน่นหน้าร้านจนเหลือแค่ทางเดินแคบๆ
เขาเดินหายเข้าไปในร้าน เปิดตู้แช่ที่อยู่ในสุดของร้าน แล้วหยิบเบียร์ออกมาหลายขวด
ไม่พอ ตอนจ่ายเงินเขายังหยิบวอดก้าขวดเล็กจิ๋วมารวมกับฝูงเบียร์ด้วย
“ฮึ้ยยย ไม่ได้จะกินให้หมดวันนี้วันเดียวหรอกน่า” ผมไม่แน่ใจสีหน้าตัวเอง แต่มะนาวเห็นแล้วรีบแก้ตัวทันที
“คิดจะทำอะไรเนี่ย”
“ไม่บอก” มะนาวอุ้มถุงเบียร์ลอยหน้าลอยตาออกไป ผมได้แต่ถืออีกถุงตามไปขึ้นรถ
“เจ้เฟนี่สุดยอดเลยเนอะ หลังจากกูลุกมาคุยไรกันอีก”
“ก็ไม่มีอะไรมาก เขาก็ถามนั้นถามนี่ไปเรื่อย ส่วนใหญ่เขาคุยกันเรื่องรถรุ่นใหม่ที่กำลังจะออก”
“ฟินมึงเลยดิ กูว่าสักพักมึงเข้าชมรมยานยนต์กับพี่มึงแน่”
“หึ รู้ใจ”
“แน่นอน”
“เออ แต่ก่อนกลับ พี่เฟแกทิ้งระเบิดไว้ให้ไอ้เมด้วยนะ”
“ยังไงๆๆ”
“เขาฝากพี่ยีนส์ บอกว่า ฝากดูน้องฉันด้วยนะ อย่าให้หนุ่มที่ไหนมากวน”
“โหยยย คนกวนก็คนที่เจ้ฝากอ่ะแหละ”
“นั่นดิ รู้มั้ยพี่ยีนส์ทำไง”
“ทำไง”
“พี่แกยิ้มข้างนึงแล้วยักคิ้วให้เมแบบนี้ตอนพี่เฟไม่เห็น”
“กร้ากกก แล้วไอ้เมทำไงล่ะ”
“มันขมวดคิ้วทันทีเลย หยิบน้ำแข็งปาพี่ยีนส์ด้วย”
“เฮ้ย มันกล้าได้ไงวะ”
“ไม่รู้มัน”
“มึงว่ามีลุ้นไหม”
“ลุ้นอะไร?”
“เอ้า ก็พี่ยีนส์กับเมไง”
“ยังต้องลุ้นอีกเหรอ ของมันเห็นอยู่ชัดๆ”
“เออวะ เหมือนกูกับมึงใช่มะ” มะนาวยิ้มกรุ่มกริ่ม แต่ไม่สบตาผม
“เหมือนได้ไง เขาไม่ได้ ได้กันตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากันสักหน่อย”
“เฮ้ย”
“อะไร?”
“ใครได้ใคร?”
“เดี๋ยวก็รู้ อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้ คลังแสงที่ขนมานั่นน่ะ สาบานว่าไม่ได้คิดอะไรเลย”
“ม่าย ไม่ได้คิ้ดดดดดด”
“ฮ่าๆๆ”
ผมดึงมือมะนาวมาคล้องไว้ แอบเหลือบดู มะนาวทำปากยู่ยี่ แล้วก็ทำคอพับมาทางผม แต่ไม่ยักพิงมา
ผมเอื้อมมือไปดึงหัวเขาให้ตกลงมาพิงไหล่
อยู่ตรงนี้ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านนะ
ไม่ใช่อะไร ผมกลัวเขาก้มลงไปเบียร์ขึ้นมาเปิดตั้งแต่ตอนนี้น่ะสิ
“ไปบางแสนไหม?”
“วันนี้เหรอ?”
“วันนี้อยากกับไปฝึกวิชาก่อน”
“วิชาอะไร”
“ไม่บอก”
“นี่คิดอะไรพิเรนทร์ๆอยู่อีกรึเปล่า?”
“ฮึ้ย เห็นกูเป็นคนยังไง”
“คนเมาไง”
“เมาแล้วไง เมาไม่มากเว้ย” เขาเริ่มฮัมเพลง แล้วโยกหัวตาม
ถึงแล้ว มะนาวยังเต้นอยู่แม้ว่าผมจะปิดวิทยุไปแล้ว
“เดี๋ยวกูยกของเอง มึงอย่า เดี๋ยวตกแตก” ผมเห็นเขาพยายามหยิบกำปากถุงแทนที่จะหิ้วแบบคนปกติ
มะนาวเชื่อฟังมากครับ เขาหยุดก้มลง แล้วเปิดประตูลงไปยืนรอนิ่งๆข้างรถ
ไม่รู้เชื่อผม หรือกลัวตัวเองทำแตก แล้วจะอด
มะนาวเดินโซเซดึงราวขึ้นบันได ผมเดินช้าๆคอยดูเขาไม่ให้ตกบันได แต่มะนาวก็เดินเองจนถึงหน้าห้องที่ถูกต้อง เขาไขกุญแจเพราะผมทำท่าบอกมือไม่ว่าง
มะนาวไขกุญแจ เปิดประตู แล้วเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ถอดกุญแจเข้าไปด้วย ผมได้แต่ส่ายหน้า วางของกับพื้น เปิดไฟ กลับไปดึงกุญแจห้อง ปิดประตู เปิดแอร์ หันมาอีกที มะนาวนอนคว่ำหายใจฟี่ๆอยู่บนเตียง ปลายเท้ายังชี้มาที่ผม
นี่แปลว่าทิ้งตัวปุ๊บหลับปั๊บเลยใช่ไหมเนี่ย
ดี
นอนไปเลย!
.
.
ซะเมื่อไหร่ล่ะ
สาบานว่าผมพยายามแล้วที่จะไม่คิดนะ
แต่ผมรู้สึกอยู่ทุกวินาทีเลยว่ากลับมามันต้องมีอะไรมากกว่า หลับ หลับจริงๆ แบบนี้
“เห้อ” เอาเถอะ วันนี้เขาคงเหนื่อยแล้ว นี่มันก็ตีสามเข้าไปแล้วนี่เนอะ
ผมเก็บเบียร์ที่แช่เย็นมาแล้วเข้าตู้เย็น ก่อนมันจะบูดเสียของ ไม่ได้ใช้วันนี้ พรุ่งนี้ยังมีกลัวอะไรเนอะ
ขนมมากมายที่เจ้าตัวซื้อมาก็วางไว้ให้ไม่เกะกะ
หันกลับไป เขาก็ยังนอนท่าเดิม จะจัดการเขาก่อน หรืออาบน้ำให้ตัวเองก่อนดีนะ
ในขณะที่ยังคิดไม่ตกผมก็เดินมาถอดรองเท้าให้เขา ปลดเข็มขัด ปลดกระดุมกางเกงเขา
แทนที่เขาจะนอนนิ่งๆเหมือนเดิม ตัวอ่อนปวกเปียกหายใจนิ่งๆ แต่ผมกลับได้ยิน เสียงหัวใจ เสียงลมหายใจ มันหนักขึ้น แรงขึ้นๆ
“เฮ แกล้งหลับเหรอ”
“เปล่า มึงแหละทำกูตื่น”
“อะไรตื่น” ผมแกล้งทำตาโต ถามเขากลับอย่างไว
เอ อะไรตื่นน้า
ผมจัดการกับซิบกางเกงเขา ก่อนจะวางมือกับต้นขา ลูบเบาๆ และไม่สบตาเขาที่กำลังมองหาเรื่อง
“ปกติเรื่องแบบนี้มึงจะหัวช้าไม่ใช่เหรอ ทำไมทีนี้ไวจังวะ”
“อะไรตื่นเหรอ?”
ผมยังคงย้ำถามคำเดิม
“ข้ามคำถามล่อแหลมไปได้ไหม?”
“ล่ออะไรนะ?” ผมแทรกมือเข้าไประหว่างกางเกงยีนส์ที่ปลดทุกอย่างออกแล้ว กับบ็อกเซอร์เนื้อนิ่มๆของเขา ลูบมือผ่านท้องน้อย ไปโอบสะโพกเขาให้ขยับเข้ามาชิดกับผม
“ไอ้แม็ต!” มะนาวประท้วง แต่ผมยังคงกวน
“ล่อกูเหรอ?”
มะนาวฟึดฟัด ไม่พูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่ยอมรับสิ่งที่ผมพูด เขาผลักผมออกตีผมไม่ให้ความร่วมมืออะไรทั้งนั้น
ผมหัวเราะเบาๆกับท่าทีของเขา เดินไปหยิบน้ำเย็นมายื่นให้ ถึงตรงนี้เขายอมลุกขึ้นมานั่งดื่มน้ำ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
ผมเองตัวลงนอนข้างๆเกี่ยวมือเขามาจับไว้ แต่มะนาวไม่ยอมอยู่นิ่งๆ เขายกมือเราขึ้นทุบเตียงเป็นจังหวะเหมือนทำนองเพลง ก่อนจะเริ่มถาม
“มึง ถ้ามึงเห็นคนอื่นเมาหมดสภาพแบบนี้หรือเมามากกว่ากู มึงจะทำให้เขาแบบที่ทำให้กูมั้ย”
“บ้าป่าว กูจะไปดูทุกคนบนโลกนี้ได้ไง อย่างมากแค่ไปส่งก็พอแล้วมั้ง”
“แล้วทำไมมึงต้องทำให้กูเยอะแยะแบบนี้” เขาเลิกทุบเตียง ได้แต่มองเพดารนิ่งๆ
“เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำไมกูถึงให้เกียร์มึง”
เหมือนเขาจะพอใจคำตอบ แต่ก็ยังถามไม่หยุด
“จริงๆ เราเพิ่งรู้จักกันเองนะ แค่ ไม่ถึงสองเดือน ทำไมมึงถึงแน่ใจนัก ไม่กลัวกูเปลี่ยนไป หรือไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจบ้างเหรอ”
“กลัวสิ มึงขี้อ่อย กลัวไปอ่อยคนอื่น” ผมหัวเราะ มะนาวเองก็หัวเราะ ก่อนเขาจะเถียงออกมาทันทีจนทำให้ผมสงสัย
“กูเลือกเหอะ” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจังเกินกว่าผมจะปล่อยผ่าน
“เลือกอ่อยกูเหรอ?”
พูดจริงเหรอ เฮ ไหนพูดอีกทีสิ
“...” ผมหันไปมองหน้าเขา แต่มะนาวก็ยังเอาแต่เม้มปากแน่น
“มะนาว”
“ง่วงแล้ว กูจะนอน” เขาสะบัดมือผมทิ้ง แล้วหันหลังหนี ผมเลยตามไปกระซิบตรงท้ายทอยเขา
“มึงเลือกกูตอนไหนเนี่ย?”
“ทำไมวันนี้พูดมากจริง” มะนาวผลักอกผมออก แต่กลับเป็นตัวเองที่ไหลไปกับที่นอน ตัวผมไม่ขยับเลยสักนิด
“เลือกอ่อยกูจริงดิ”
“ไอ้บ้านี่พูดมาก” เขาทำท่ารำคาญซึ่งผมมองว่าเขากำลังเขิน
มะนาวมุดผ้าห่ม ยิ่งทำผมยิ่งหัวเราะ ยิ่งผมหัวเราะเขาก็ยิ่งหนี
“วันนี้ดูไม่ค่อยเมาเลยนี่นา ไหนดูสิ”
“คนเราก็ต้องมีพัฒนากันบ้างสิวะ จะให้เมาเหมือนหมาทุกรอบได้ไง แค่นี้คนอื่นก็ตราหน้ากูว่าอ่อนแย่ละ แล้วอีกอย่างกูก็กลัวมึงไม่ตามเก็บเหมือนกันนะเว้ย”
“กลัวไว้บ้างก็ดี กูไม่รู้จะอยู่ดูได้ทุกงานไหม” ผมขยี้หัวมะนาว
มะนาวหันมามองหน้า แล้วยื่นหัวมาให้ผมหอมด้วยท่าทางแปลกๆ
“มึงจะไม่อยู่เหรอ?”
ผมว่า ระบบอัตโนมัติของเขาเพิ่งเริ่มจะทำงาน มะนาวเปลี่ยนอารมณ์ ช้อนตาขึ้นมามองผมจากใต้คาง แถมยังดึงมือผมไปให้โอบรอบตัวเขาอีกต่างหาก
“มะนาว” เดี๋ยวนะ ที่คุยกันอยู่เป็นคุ้งเป็นแควนี่นึกว่าซ่างแล้ว ไม่หรอกเหรอ?
“อยู่เถอะ”
“อย่ามองด้วยสายตาแบบนี้”
“แบบไหน”
มะนาวลูบมือขึ้นมาตามสีข้าง มาวางฝ่ามือไว้บนอกผม เขาใช้เล็บขูดกับเสื้อผมเบาๆ แต่ช้าจนผมต้องลุ้นว่าเขาจะทำอะไรต่อ มะนาววนนิ้วไปมาบนผิวเสื้อ เกลี่ยปลายนิ้วช้าๆ เขามองมือตัวเอง สลับกับเงยหน้ามองหน้าผม
“จะทำอะไร”
“ทำอะไรก็ได้ เมาแล้ว” ยิ้มเจ้าเล่ห์กับขาที่ค่อยๆ แทรกเข้ามาที่หว่างขาผมนี่มันคืออะไร
“เมื่อกี้ยังบอกว่าตัวเองพัฒนาแล้วอยู่เลยนะ” ผมดึงเขาเข้ามาหาตัวกอดแน่นจนทั้งตัวแนบชิด
“เรื่องนี้ก็พัฒนาไปด้วยไง ไม่ดีเหรอ?”
“เลือกกูตั้งแต่ตอนไหน?” ผมวกกลับไปที่คำถามเดิม เขานิ่งไป คงไม่คิดว่าผมจะย้ำกลับไปถามคำถามเดิมอีก
มะนาวก็ยังคงไม่ตอบ สีหน้าหาเรื่องเขาโอบคอผม ดึงผมไปจูบปิดปาก
ความอุ่นและไอร้อนๆที่ออกมาจากร่างกายเขา ความหวานที่ไม่มีอะไรเหมือน กับเสียงลมหายใจที่แรงขึ้นๆ
ไม่ยอมบอกถึงขนาดเอาตัวเข้าแลกเลยเหรอเนี่ย
เห้อ ไม่ได้เห็นแก่ค่าปิดปากเลยนะ แต่จะยอมไม่รู้ต่อไปก็ได้
หึ
.................................
.................................................................................
...........
อีกด้านหนึ่ง
ห้องนอนที่เย็นฉ่ำ มีร่างร้อนรุ่มของคนเมานอนนิ่งอยู่เพียงลำพัง แต่เขาไม่ได้หลับ บางอย่างยังบอกเขาว่าในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานอน เขาเพียงแต่นอนหลับตาอยู่ในอากาศเย็นๆ และขดตัวเพื่อกอดตัวเอง
กึก!
เสียงเปิดประตูดังก้องในความเยือกเย็น
คนมาใหม่ไม่ได้สนใจแม้การเปิดไฟ แต่กลับถอดเสื้อตัวเองออกในความมืด ให้ผิวปะทะความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เขาโยนเสื้อทิ้งส่งๆ แล้วเดินตรงไปที่เตียง มองดูร่างที่เริ่มขยับกายไปมาเพราะรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมอง ร่างร้อนของคนบนเตียงบิดไปมาเพราะความเมื่อยล้า ก่อนจะลืมตาเพียงนิดเพื่อมองหาตำแหน่งคนมาใหม่
มือเรียวยกขึ้นในอากาศเอื้อมคว้าสิ่งที่ไม่เคยเอื้อมถึง เสียงครางฮืมในคอบ่งบอกแววเอาแต่ใจ
“ฮื้ม”
คนมาใหม่ก้าวขึ้นเตียง เอื้อมไปรับมือนั้นไว้ ก่อนจะนำพาให้แขนนั้นโอบตน
เขาแทรกกายทาบทับระหว่างสองขาของคนที่นอนอยู่ เอื้อมมือลูบไล้ เล้าโลมให้ผ่อนคลาย
ปลดสิ่งขวางกั้นผิวกาย ปลดปล่อยความรุ่มร้อนให้เป็นอิสระ
ริมฝีปากอุ่นแตะผิวหน้าท้องที่หดเกร็ง ฟันคมย้ำเบาๆไปทั่ว ขมเม้มอย่างไม่ปรานี
“จะทำไหม?” คนมาใหม่เอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบ ถามทั้งที่เริ่ม ‘ทำ’ ไปมากแล้ว
“อื้ม อ่ะ” ไม่ทันสิ้นเสียงเสื้อยืดของเขาก็ถูกดึงหลุดจากหัว ฝ่ามือหยาบลูบไล้ไปทั่วล่วงเกินทุกส่วนที่เข้าถึง
สองมือของคนเมาได้แต่โอบกอดร่างที่ทาบทับ จิกปลายนิ้วกับผิวอุ่น หายใจรดต้นคอของกันและกัน เกี่ยวรั้งรอบคออีกฝ่ายลงมาให้มอบจูบร้อนๆ ให้กับตน
จูบที่กระหายหิว จูบที่ละโมบและรุกเร้า
ทุกอย่างคืบคลานเผาอารมณ์ให้กระเจิง ไม่นานทั้งสองก็ไร้สิ่งขวางกั้น แขนแข็งแรงจับคนตัวเล็กกว่าที่ไร้เรี่ยวแรงให้นอนคว่ำ สอดแขนโอบรับน้ำหนักกลางลำตัว
การกลับมาทุกครั้งมีความหมาย หลังการบอกลาทุกครั้งมีคำสั่งแฝงในแววตาบอกให้กลับมาหา ถึงแม้คนฟังคำลาจะไม่ตั้งใจสื่อความหมายได แต่สายตาที่มองนิ่งๆ หรือความเงียบหลังจากนั้นก็ทำให้คนที่เป็นฝ่ายบอกลาต้องกลับมาเสมอ เพราะลึกๆ แล้วมันก็คือความต้องการของเขาเอง
ช่องทางคับแคบถูกแหวกนำทาง ผิวรอบๆ รัดตึงจนต้องกระซิบแผ่วบอกให้ผ่อนคลาย
แค่เสียงทุ่มคลออยู่ข้างหูมือเล็กก็จิกที่นอนติดมือแน่น แกร่งแขนและเริ่มรับน้ำหนักตัวเองไว้ อีกฝ่ายจึงเริ่มปล่อยมือและเริ่มจัดการกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที
ร่างบางไถลไปตามแรงดุนดัน เขาถูกกุมกายส่วนล่างที่ตื่นตัวและเต้นหนึบ สิ่งที่แทรกเข้ามาไม่มีจังหวะให้เขาพักหายใจ
จังหวะที่สอดประสานเริ่มขึ้น และเพิ่มความร้อนขึ้นสู่จุดสูงสุดแทบจะทันที
ไม่มีคำพูดไดอีกระหว่างคนทั้งคู่
แม้แต่เสียงครางก็ยังถูกเก็บกลั้นไว้ในคอ แม้จะเกร็งจนต้องกลั้นหายใจ เสียวซ่านจนแทบน้ำตาไหล แต่มันก็อยู่ในความมืดที่กลบให้เหมือนทุกอย่างสงบและปกติดี
ใช่ เพราะเรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องที่ปกตินี่นา
----------------------------------
TBC.
โอมมม จงไม่งง โอมมม เพี้ยง!
5555+ เข้าใจใช่มั้ยว่าตอนท้ายไม่ใช่เรื่องของคู่หลัก
อารมณ์ต่างกันมากจนอยากไปเปิดเรื่องใหม่ให้ฟ้าเทเลยค่ะ
วันนี้มะนาวจะไม่อ้อแอ้ วันหน้าก็ไม่ (หราาาาาา) ของที่โกยมามากมายยังไม่ได้ใช้วันนี้ แปลว่า เอาไว้มอมตัวเองวันหน้า 555