The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"  (อ่าน 25130 ครั้ง)

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ที่จริงนี่คือภาคต่อของ The Curve: โป้ง.. หัวใจปั่นไซด์โค้ง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้เล่นบอร์ดนี้ก็เลยเอาไปโพสต์ไว้ในเรื่องสั้น แต่จริงๆมันคือนิยาย เกือบห้าสิบตอน แล้วมีเพื่อนสมาชิกแนะนำว่าควรเอามาโพสต์ที่นี่แทน ดังนั้นแนะนำว่าถ้าอยากอ่านเรื่องนี้ให้ได้อารมณ์ต้องไปอ่านเรื่อง The Curve ก่อนเพราะเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนายโกล กับ นายไซด์โป้ง(โป้ง) เริ่มต้นที่นั้น

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50906.0

ภาคนี้เป็นภาคที่สองคนโตขึ้นแล้วเรียนจบม.ปลายแล้ว และมุ่งไปในสายทางของฟุตบอลอาชีพ ด้วยหัวใจรักที่มีต่อกัน และหัวใจรักในกีฬาฟุตบอล ทำให้ทั้งสองคนร่วมกันก้าวเดินไปบนเส้นทางอันยาวไกลสู่ความเป็นระดับโลกอย่างแท้จริง พวกเขาต้องฝ่าฟันอะไรอีกมาก พบคู่ต่อสู้หลากหลาย และที่สำคัญคือความรักของเขาสองคนคืออุปสรรค์สำคัญ และเป็นระเบิดเวลาที่รอการปะทุ เพราะในวงการฟุตบอล แม้จะเปิดรับเรื่องนี้มากขึ้น แต่ก็เป็นแดนสนทยาสำหรับLGBTI อยู่ดี 

สองหนุ่มจะไปถึงจุดแห่งฝันได้หรือไม่.. เชิญติดตามกันได้ครับ

คำติชมเป็นสุดยอดปรารถนา และผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการสนับสนุนจากทุกๆคน ผมหวังว่าเรื่องราวของนายโป้งกับนายโกลจะทำให้ทุกคนมีความสุข..

คำเตือน.. เรื่องนี้มันเกี่ยวกับฟุตบอลแบบลึกมากพอสมควร เพราะคุณต้องวิ่งตามตีนจรวดของโป้งไปยิงไซด์โค้งด้วยเท้าซ้ายพิฆาตของเขา และต้องไปยืนอยู่หน้าประตูดูนายโกลพุ่งปัดลูกยิงของคู่แข่งด้วย ในตอนที่เป็นฟุตบอล ดังนั้นใครอ่านแล้วงง สอบถามได้นะครับ เพราะผมก็พยายามแล้วจะใช้ภาษาให้ง่ายต่อการเข้าถึง แต่บางทีมันก็ไม่ได้เพราะมันขาดรสชาติของฟุตบอล..
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2016 10:14:36 โดย Andylover »

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
 กลิ่นแชมพูอ่อนๆเป็นกลิ่นที่ชายหนุ่มแสนคุ้นเคย เขาจะต้องได้กลิ่นนี้ทุกเช้ามืดที่ตื่นขึ้น เขาจะต้องก้มลงเล็กน้อยเพื่อสูดดมก่อนลืมตา แต่วันนี้ไม่มีกลิ่นนี้.. เด็กหนุ่มเลยค่อนข้างแปลกใจ.. พอลืมตามา

          “เฮ้ย..” เขาร้องเพราะไอ้ที่เขาสูดไปเต็มรัก คือ อวัยวะที่รยางค์นิ้วห้านิ้วที่เรียกว่า”ตีน”

          “นี่มึงเอาตีนมาแนบหน้ากูเลยเหรอไอ้โป้ง” เขาลุกพรวดแล้วดัน”ตีน”ข้างนั้นออกไป ถึงตีนข้างนั้นจะเป็นตีนซ้ายที่ลือลั่นสนั่นประเทศของเทพพร อีซ้ายพิฆาต ผู้เล่นแนวรุกดาวรุ่งของทีมชาติไทยก็ตาม

          “อะไรวะ” เจ้าของตีนงัวเงียตื่น.. ลูกขึ้นนั่ง

          “แล้วทำไม มึงเอาตีนมาไว้ตรงหัวกูวะโกล”

          “มึงต่างหากไอ้โป้ง” โกลหยิบหมอนมาปาใส่

           “แม่งเป็นห่าอะไรวะ นอนดิ้นฉิบหาย..”

           โป้งลุกขึ้นหัวเราะแฮ่ๆตามภาษา

          “กูฝันดี โกลกูฝันว่ามึงพากูไปเที่ยวที่ไหนไม่รู้สวยมาก.. สงสัยจะอินมากเลยนอนดิ้น”

          โกลส่ายหัวแล้วก็ลงจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัว

          “แปรงฟันดีกว่า ไม่รู้เผลอจูบตีนมึงไปกี่รอบ..”

          โป้งหัวเราะเอิ้กๆ แล้วล้มตัวลงนอนอีก

 

          รุ่งอรุณนั้นสดใสเหมือนทุกวัน สองหนุ่มวิ่งคู่กันไปบนถนนของเมืองภูเก็ตผ่านเด็กนักเรียนตัวเล็กๆที่ชี้ให้ พ่อแม่ดู ผ่านเด็กรุ่นโตมาหน่อยก็โบกมือให้..

          โป้งและโกลคือนักฟุตบอลทีมชาติรุ่นอายุต่ำกว่ายี่สิบปีที่ประสบความสำเร็จ จากการคว้าที่สามมาจากรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่สเปนเมื่อกลางปี ดังนั้นไม่แปลกหรอกที่ใครต่อใครในเมืองภูเก็ตจะสนใจเขาทั้งคู่

          โกลมองไอ้โป้งยิ้มให้ทุกคนอย่างใส่อกใส่ใจตามนิสัยของมัน  แต่ เขาเพียงผงกหัวให้ในบางครั้งถ้าหากโดนเรียกระบุตัวโดยตรง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไอ้โป้งมันถึงได้ยิ้มง่ายนัก.. โลกของมันช่างโสภาเหลือเกิน..

          แต่เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ.. ที่ทำให้ชีวิตที่เหมือนเดินหลงอยู่ในความแปลกแยกจากโลก และโดดเดี่ยวเหน็บหนาว ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นและงดงามที่เขาไม่เคยมองเห็นมันเลย.. จนกระทั้งได้เจอโป้ง..

           

           ทั้งสองนอกจากจะเป็นนักฟุตบอลตัวสำคัญของทีมชาติแล้ว ยังเป็นนักเตะของทีมภูเก็ต ยูเนี่ยน เอฟซี ทีมที่อยู่ในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกด้วย

            แม้โกลกับโป้งจะอายุยังน้อย โดยโกลอายุเพียง 18 จะย่าง 19 และโป้งอายุ 17 ย่าง 18  แต่ด้วยดีกรีทีมชาติทำให้พวกเขาขึ้นมายึดตำแหน่งตัวสำรองบนม้านั่งข้างสนามอย่างเป็นทางการ และสลับกับการลงตัวจริงในบางนัด

             แต่เจ้าโป้งที่เป็นผู้เล่นแนวรุก ถ้าจะนับนัดที่ได้ลง ก็เรียกได้ว่าลงสนามเกือบทุกนัดที่มีรายชื่อในสิบเจ็ดผู้เล่นที่มีสิทธิลง สนาม ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงสิบเอ็ดตัว หรือหกตัวสำรอง โค้ชก็มักต้องเอามันลงไปป่วนผู้เล่นฝั่งตรงข้ามเสมอทุกนัด.. สุดแต่ว่าจะลงนานแค่ไหนเท่านั้นเอง

             สำหรับคู่แข่งไอ้โป้งคือหายยะนะ.. ลงมาทีไร วิ่งไล่กันอลหม่านทุกที

             ส่วนโกลด้วยความที่เป็นผู้รักษาประตู แม้จะมีรายชื่อตัวสำรองตลอดเช่นกัน แต่ได้ลงเฉพาะบางนัดที่จำเป็นอย่างผู้รักษาประตูตัวหลัก พี่ประทีปบาดเจ็บ หรือเป็นนัดที่คู่ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ยังนับว่าเป็นผู้รักษาประตูมืออันดับสองของทีมอย่างแน่นอนแล้ว

      ปีนี้ทีมของโกลยังยืนอยู่อันดับหนึ่งด้วยแต้มที่เหนือกว่าทีมปราสาทหิน ยูไนเต็ดเพียงแต้มเดียว ดังนั้นทุกนัดจึงเป็นเหมือนนัดชิงแชมป์เพราะหากพลาดเมื่อไหร่ ก็มีหวังร่วงตกบัลลังก์จ่าฝูงเพราะอีกทีมจะทำคะแนนแซงขึ้นไปทันที

             และการแข่งขันในอาทิตย์นี้นัดก็สำคัญอีกนัดหนึ่ง เพราะเป็นการไปเยือนถึงเมืองนนท์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับสามที่ตามหลังปราสาทหินอยู่สองแต้มและทีมของพวกเขาอยู่สามแต้ม ในขณะที่จำนวนนัดที่แข่งขันเหลืออีกเพียงสองนัด

             ถ้าหากยูเนียนไปชนะถึงบ้านของเมืองนนท์ได้ก็เท่ากับนัดที่เหลือก็มีแค่พวก เขากับปราสาทหิน ยูไนเต็ดเท่านั้นที่จะสามารถเป็นแชมป์ได้

            และเพราะเป็นนัดสำคัญ ดังนั้นการเดินทางไปแข่งที่นนทบุรีวันนี้จึงเป็นการเดินทางทางอากาศแทนจะ เป็นรถบัสเหมือนทุกครั้ง เพราะประธานสโมสรคือลุงอำนาจต้องการให้นักเตะของเขามีสภาพพร้อมที่สุด

            ดังนั้นหลังจากวิ่งเสร็จแล้วสองหนุ่มก็ต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปสนามบิน

           

            วันนี้สนามของเมืองนนท์ ยูไนเต็ดกระหึ่มไปด้วยเสียงเชียร์ของกองเชียร์เจ้าบ้าน เพราะนี่คือนัดสำคัญ ถ้าพวกเขาชนะได้ โอกาสเป็นแชมป์ก็ยังมี เพราะนัดสุดท้ายพวกเขาจะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของปราสาทหิน ยูไนเต็ด ชนะได้สองนัดพวกเขาก็คือแชมเปี้ยน..

            แล้วการแข่งขันก็เริ่มต้นและเป็นใจให้แก่ทีมเจ้าบ้านอย่างเหลือเกิน...เพราะตอนนี้พวกเขาขึ้นนำสองประตูต่อหนึ่ง

     สำหรับภูเก็ต ยูเนียนนี่คือสกอร์ที่เจ็บปวด เพราะคู่แข่งได้ประตูจากลูกจุดโทษกังขาทั้งสองลูก แต่ยังดีที่บรรณ ศูนย์หน้าตัวเก่งยิงคืนมาได้หนึ่งลูก ซึ่งจริงควรจะเป็นสองแต่ถูกยกธงล้ำหน้าตัดสินเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนหนึ่งลูก

            โป้งยืนกระสับกระส่ายและกระโดดดึ่งๆอยู่ข้างสนาม โกลหันไปมองหน้านึกอยากจะกอดมันไว้ เพราะมันดูเหมือนพร้อมจะเต้นเสียให้ได้ในทุกจังหวะที่การแข่งขันเป็นไปอย่าง ตื่นเต้น         

           แต่โป้งก็ควรจะตื่นเต้นนั้นหละ เพราะเวลาเหลือเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้นด้วย..

           แล้วโค้ชมีสเตอร์ฮัลเซย์ก็หันมาบอกให้โป้งออกไปวอร์ม โป้งหันมามองหน้าขอกำลังใจจากโกลก่อนจะออกไปวิ่ง

           โกลมองตามร่างเพรียวไป.. เจ้าโป้งเก่งกาจ.. เรื่องอื่นมันอาจไม่ได้เรื่องได้ราว.. แต่เวลามันอยู่กับลูกฟุตบอลนั่นเป็นคนละเรื่อง.. นักเตะมากพรสวรรค์และขยันซ้อมคนนี้จะกลายเป็นตัวพลิกสถานการณ์ได้อย่างน่า อัศจรรย์เสมอ

            พอโป้งได้ลงสนามก็ป่วนกองหลังของเมืองนนท์จนเสียกระบวน แม้กองหลังของเมืองนนท์จะมีตัวทีมชาติชุดใหญ่อยู่หลายตัว

     แถมโป้งยังส่งลูกเข้าประตูไปได้จากจังหวะแย่งกับกองหลังในเขตโทษ แต่กรรมการก็เป่าให้เป็นการฟาวล์ของโป้งทั้งที่โป้งไม่ทำอะไร แถมเป็นฝ่ายโดนเบียด

            นั่นทำให้โสดากัปตันทีมผู้เยือกเย็นถึงกับต้องไปประท้วงจนโดนใบเหลืองไปอีกคน

           

             แล้วในจังหวะต่อมาก็เกิดการชุลมุนกันกลางสนาม เมื่อกองกลางของเมืองนนท์ปะทะกับสำราญที่กลางสนาม ทั้งสองเกือบจะมีเรื่องกัน แต่โป้งอยู่ใกล้ก็เลยไปดึงเอวพี่ราญของเขาออกมาได้เสียก่อน

                 “แม่งควาย” สำราญกล่าวอย่างมีอารมณ์

                 “ใจเย็นๆพี่” โป้งว่า

            โกลถอนหายใจอย่างอ่อนใจในกรรมการ.. เมืองนนท์มีข่าวไม่ดีกับเรื่องการที่กรรมการมักจะเข้าข้างมาโดยตลอด... ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เขาคาดหมายจะได้เจออยู่แล้ว...

              จังหวะนั้นกองกลางของเมืองนนท์ได้ลูกบอลไปเพราะกรรมการเห็นว่าเป็นการฟาวล์ของ สำราญ เขาเห็นว่ายูเนี่ยนยังไม่ได้ตั้งเกมจะรับ เขาก็ถือโอกาสจ่ายลูกออกไป โดยไม่ได้รอกรรมการเป่าให้สัญญาณ

               “เหี้ยละ..” โสดาร้องออกมา แล้วรีบวิ่งไปทันที

              กองกลางเมืองนนท์ที่ได้ลูกต่อไป มองไปข้างหน้า เห็นกองหน้าวิ่งทำทางไป.. กำลังจะจ่ายลูกไปให้อย่างรวดเร็ว  แต่พอเตะออกไป

              โป้งพุ่งเข้าไปในจังหวะที่ลูกพึ่งออกจากเท้าของคู่แข่ง เขาใช้เท้าขวางลูกบอลไว้ได้กลางอากาศ

              ลูกบอลกระดอนไปหา สำราญที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็แตะรับไว้ได้ด้วยเท้าซ้ายแล้วเลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว

              กองกลางที่เสียบอลก็รีบวิ่งตาม กองหลังของเมืองนนท์ผวาเข้ามาประกบ

              แต่สำราญมองซ้าย เตะลูกออกไปทางซ้ายในลักษณะนำไปข้างหน้า

              โป้งที่วิ่งมาทางซ้ายตั้งแต่แรกแล้ว จึงทันลูกที่ก่อนจะถึงกรอบเขตโทษราวสิบหลา

              โป้งทำเหมือนจะวิ่งเฉียงออกไปที่มุมธงด้านซ้าย กองหลังจึงรีบวิ่งตามไป แต่พลันเขาก็เอาข้างเท้าซ้ายเตะแปลูกไปทางขวา ส่งลูกบอลให้วิ่งเข้าไปตรงกลางหน้าประตูของเมืองนนท์

             บรรณวิ่งมายืนรออยู่แล้ว สับเท้ายิงอย่างแรงจากริมกรอบเขตโทษด้านหน้าประตูพอดี

     ผู้รักษาประตูพยายามพุ่งตัวไป แต่การปัดป้องนั้นทำได้แค่ปลายมือเท่านั้น

     ลูกบอลจึงยังพุ่งเข้าประตูไปอย่างงดงาม..

            กองเชียร์ทีมยูเนี่ยนซึ่งส่งเสียงเฮกันลั่นสนาม...

            อำนาจที่นั่งอยู่กับประธานสโมสรเมืองนนท์แม้สะใจก็แกล้งทำเป็นนิ่งเฉย แล้วกลับไปชวนสนทนาเรื่องที่สนใจจะซื้อนักเตะของเมืองนนท์แทน

            โกลหันไปมองสกอร์บอร์ด เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น

            แล้ว มีสเตอร์ฮัลเซย์ก็เปลี่ยนตัวอีก เป็นการเปลี่ยนเอากองหลังลงไปเพิ่มหนึ่งตัว โดยเปลี่ยนบรรณออกไป แล้วโป้งก็ได้รับคำสั่งให้ยืนห้อยเป็นกองหน้าอยู่ตัว เดียว

            นั่นทำให้ดูเหมือนทีมยูเนียนจะพอใจกับผลเสมอ

            แต่กรรมการยกป้ายทดเวลาหกนาที..

          “เอา..” โป้งร้องออกมาตอนหันไปเห็นป้ายพอดี

          “ทดบ้าอะไรหกนาที” ชายหนุ่มผิวสองสีดวงหน้าคมหล่อที่มาชมเกมในสนามบ่นออกมากับกองเชียร์ยูเนียน เขาอยู่ในชุดของครูของโรงเรียนเอกชน

    อรรถเป็นครูพละโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ในย่านนั้น เขาได้ตำแหน่งนี้เพราะทักษะเชิงฟุตบอลของเขานั้นเอง

     แต่ข้างตัวของเขาอีกข้างหนึ่ง มีหนุ่มน้อยคนหนึ่ง เขากำลังมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง รอยยิ้มปรากฏออกมา เด็กคนนี้สวมเสื้อของทีมชาติไทย แต่เป็นหมายเลขสิบห้าของโป้ง..

 “ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร..” เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมา

ภูเก็ต ยูเนี่ยนตั้งโซนในแดนตัวเองอย่างเหนียวแน่ แต่การบุกของเมืองนนท์ก็เป็นไปอย่างดุดัน สมกับที่มีตัวผู้เล่นชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติ

ฮัลเซย์ปลดหูฟังออก แล้วเดินไปกอดอกข้างโกลที่ยืนลุ้นอยู่ข้างสนาม

โกลหันมองหน้าฮัลเซย์ รู้สึกแปลกใจที่ฮัลเซย์ยังดูสงบผิดกับบุคลิกของเขา  เพราะถ้าเสมอแล้วก็ ให้นัดที่เหลือต้องลำบากหนักแน่นอน.. หรือว่า..

กองกลางตัวต่างชาติของเมืองนนท์ เห็นภูเก็ต ยูเนียนตั้งรับกันแน่นหนา ก็จนปัญญาจะหาช่องจ่ายบอล  เขาคิดว่ายังไงก็คงเสมอแน่แล้วเพราะที่ทดเวลามาเนิ่นนานจนน่าก็จะใกล้หมดเต็มที

“เอาเถอะ.. เสมอก็โอเคหละ” เขากล่าวเป็นภาษาบ้านตัวเอง จังหวะนั้นกองกลางกัปตันทีมของภูเก็ต ยูเนี่ยนวิ่งบีบเข้ามาพอดี เขาเลยเตะบอลไปทางซ้ายเพื่อจะคืนไปให้กองหลัง

       กองหลังที่อยู่กับทีมมาเนิ่นนาน เคยสัมผัสกับความสำเร็จสูงสุดมากแล้ว.. แต่ปีนี้เขาอาจจะเล่นได้เป็นปีสุดท้ายเท่านั้น  เขาอยากได้แชมป์อีกสักครั้งหลังสโมสรร้างจากตำแหน่งนี้มาหลายปี ผลเสมอย่อมไม่เพียงพอ

ระหว่างลูกบอลวิ่งเรียดมา เขาจึงมองไปข้างหน้าด้วยเพื่อหาตัวจะเปิดกลับเข้าไปเพื่อเดินเกมรุกต่อไป

แต่ลูกไม่มา..

ร่างหนึ่งปรากฏตัวอย่างรวดเร็วด้วยฝีเท้าที่เร็วจัด เขาอ่านล่วงเอาไว้แล้วว่าจะมีการเตะลูกคืนหลัง

โป้งจึงวิ่งปราดออกมา แล้วเข้าถึงลูกที่กำลังเดินทางบนพื้นสนามเสียก่อนมันจะไปถึงจุดหมาย

โป้งเตะมันไปข้างหน้าแล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว..

 “เฮ้ย..” กองหลังจอมเก๋าของเมืองนนท์ร้องออกมา เขาเป็นตัวสุดท้ายแล้ว ด้านหลังคือพื้นที่ว่างและผู้รักษาประตู

“อย่านะไอ้เด็กเปรต..” เขารีบวิ่งตามไป

โป้งทะยานไปข้างหน้าเหมือนจรวดทางเรียบ ชั่วขณะเดียวเขาก็มาถึงกรอบเขตโทษ

ผู้รักษาประตูทีมชาติทีมชาติมากประสบการณ์เห็นโป้งเข้ามาในระยะประชิด เขาตัดสินใจวิ่งออกมา

จะปักหลักล่อเป้ากับไอ้โป้ง.. ก็คือ การยืนให้มันหลอกยิงเท่านั้นเอง..

โป้งเห็นดังนั้น จึงเปิดหน้าเท้าที่กำลังจะสัมผัสบอลให้มากขึ้น ทำเช่นนั้นเมื่อเท้าซ้ายของเขาสัมผัสโดนลูก มันจึงเปลี่ยนทิศทางไปทางขวา  โป้งจึงพลิกตัวตามไปอย่างรวดเร็ว

เสียท่ามัน.. ผู้รักษาประตูบอกตัวเองตอนที่เขายั้งเท้า หันมองไปที่ร่างซึ่งวิ่งไปทางขวา

ต่อหน้าของเขา เด็กหนุ่มร่างเพรียวง้างเท้าขวา ระเบียบร่างกายของเขางดงามนักในแสงของสปอร์ตไลท์.. ในชั่วพริบตานั้น.. เขาเหมือนได้เห็นนักเตะรุ่นพี่ของเขาที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเล่นฟุตบอล..

เงาของเทพฤทธิ์ผู้บิดา ซ้อนกับโป้ง เทพพรลูกชาย เป็นภาพมายาในหัวของชายหนุ่ม

โป้งเตะลูกออกไปตรงๆ ลูกบอลก็พุ่งผ่านปากประตูและกระแทกกับตาข่าย

 “แชมเปี้ยน...” เด็กหนุ่มในชุดหมายเลขสิบห้าตะโกนออกมาคนแรกในหมู่กองเชียร์

 “ปราสาทหินแพ้.. เราเป็นแชมป์แล้ว...”

ดังนั้นเสียงเฮของกองเชียร์ของยูเนียนจึงเบาลงไปหลายส่วน เพราะหลายคนรีบเอาโทรศัพท์ของตนมาตรวจสอบผลฟุตบอลผ่านเว็ป รวมทั้งอรรถ..

กรรมกรเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันในชั่วอึดใจต่อมา

ฮัลเซย์หันมาตบบ่าโกล..

 “We are the Champion, โกล” ฮัลเซย์กล่าว

 “ปราสาทหินแพ้”


(เพราะ ปราสาทหินแพ้ไม้ได้แต้ม แต่ยูเนียนชนะได้สามแต้ม บวกกับที่นำอยู่หนึ่งแต้มก็เท่ากับนำไปเป็น 4 แต้ม แต่การแข่งขันเหลืออีกหนึ่งนัด ยูเนียนเป็นแชมป์ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ในนัดสุดท้ายก็ตาม)


โกลอึ้งอยู่ชั่วขณะ เขากำลังสับสนเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก

เขาหันไปมองโป้งที่กำลังเดินไปจับมือกับกองหลังรุ่นพี่ที่กำลังทำท่าเหมือนบีบ คอโป้ง แต่ก็เป็นกิริยาที่มาจากความเอ็นดูมากกว่าโกรธเคือง

 “พี่..” โกลเรียกโสดาที่เดินกลับมาที่ม้านั่งสำรองเพื่อจะเอาขวดน้ำ เขาบอกออกไปอย่างทั้งที่ยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นฉับพลัน.

 “ปราสาทหินแพ้.. เราเป็นแชมป์แล้ว”

โสดาชะงัก..นิ่งไปบ้าง

แล้วโกลเป็นฝ่ายได้สติ เขาวิ่งออกไป

โป้งงงเพราะในสนามเปลี่ยนแปลงบรรยากาศไปอย่างฉับพลัน  บนอัฒจันทร์กองเชียร์ของภูเก็ต ยูเนียนกำลังร้อง We are The champion เสียงสนั่น

 “โป้ง..” เสียงโกลเรียก แล้วร่างสูงๆก็วิ่งเขามากระโดดกอดจนโป้งล้มลงไป

 “เราเป็นแชมป์โป้ง เราเป็นแชมป์”

โป้งมองหน้าโกลที่อยู่เหนือร่างเขาอย่างงงๆ ใบหน้านั้นตื่นเต้นอย่างสุดขีด..

โกลรีบลุกแล้วดึงโป้งให้ลุกบ้าง  จากนั้นบรรดาเพื่อนร่วมทีมก็วิ่งมาหาโป้งแล้วก็จับรุมจับโป้งขึ้นแห่โดยให้ขี่หลังโกล  แต่โป้งก็ยังงงๆ มึนๆ

 “อะไรวะ.. ได้ไง.. ก็ยังเหลืออีกหนึ่งนัด..” โป้งยังคิดไม่ทันตามภาษาคนเข้าใจอะไรยาก.. แล้วยังมาตื้อไปหมดเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นฉับพลัน..

 “เดี่ยวๆพี่ อะไร.. ทำไมหละ โป้งงง ใครอธิบายให้ฟังหน่อย..” โป้งกล่าวทั้งหัวโยกหัวคลอนเพราโกลไม่ได้แห่เฉยๆแต่โยกตัวไปด้วย..

แต่ไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรเพราะพวกเขากำลังดีใจสุดขีด  กองเชียร์ของเมืองนนท์เองเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เริ่มลุกขึ้นปรบมือให้กับว่าที่แชมป์เปี้ยนทีมใหม่ของไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก

ภูเก็ต ยูเนียน เอฟซี...

                     

ก้านเพชรกับวู๊ดเป็นนักฟุตบอลของทีมภูเก็ตเอฟซี ทีมในลีกวัน(ดิวิชั้นหนึ่ง) ที่กำลังลุ้นอันดับมาขึ้นมาเล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก  แต่พวกเขาแข่งไปเมื่อวานแล้ว วันนี้สองคนก็เลยว่างและมาเปิดโทรทัศน์ดูฟุตบอลนัดสำคัญของของสองสหาย โกลและโป้ง..

ทั้งสองหันมามองหน้ากันเพราะภาพของโป้งที่กล้องจับ เขาเหมือนกำลังพยายามจะถามอะไรใครสักคนมากกว่าดีใจ

 “สงสัยมันยังไม่รู้ตัวว่าเป็นคนยิงประตูชัยของฤดูกาล..” วู๊ดส่ายหัวดุกดิก..

“ไอ้โป้งมันเก่งเฉพาะตอนอยู่กับลูกบอล.. นอกนั้นมันเอ๋อ..”

“สุดยอดครับ นี่คืออนาคตแห่งวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง.. โป้ง..เทพพร.. เขายิงประตูชัยให้ทีมยูเนียนเป็นแชมป์สมัยแรกของพวกเขา และยังเป็นการโค่นบัลลังก์ของอดีตแชมป์ทั้งสองทีมในสนามของเมืองนนท์ ยูไนเต็ดหนึ่งในอดีตแชมป์อีกด้วย  สุดยอดครับภูเก็ต ยูเนียน..” ผู้บรรยายกล่าวชื่นชม



ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
 ตอนที่สอง โกล: ความสับสนเมื่อเดินมาถึงทางเลือกสำคัญของชีวิต..
            แม้จะทราบแล้วว่าทีมได้เป็นแชมป์อย่างแน่นอนแล้วแต่บรรยากาศในการฝึกซ้อมยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม โกลกับโป้งยังคงต้องออกมาซ้อมเดียวแยกต่างหากเหมือนทุกวัน

            โกลวิ่งไปแตะเส้นเขตผู้รักษาประตูแล้ววิ่งกลับมาแตะเส้นประตูสามรอบ แล้วก็ตั้งหลักซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกบอลที่มาจากโป้งลอยข้ามกำแหงที่อุปสรรค์ที่ตั้งเป็นแถบยาวจนมองไม่เห็นคนเตะ

            แต่กระนั้นโกลก็ยังรับลูกไว้ได้ติดมือแล้วก็วิ่งไปกลับเส้นผู้รักษาประตูกับเส้นประตูอีกสามรอบเหมือนเดิม แล้วก็มารอรับลูกที่ข้ามกำแพงมาเหมือนเดิม

            อีกฝากเจ้าโป้งก็ต้องวิ่งไปที่วงกลมกลางสนามแล้ววิ่งกลับมาเพื่อเตะลูกให้ลอยข้ามกำแพง พอเตะไปแล้วกิวิ่งไปแล้ววิ่งกลับมาเตะเหมือนเดิมอีก โดยมีทวีเป็นคนเขี่ยลูกออกไประยะต่างๆเพื่อให้โป้งเข้าเตะ

            “แบบนี้หละมั๊งที่ทำให้สองคนนี้พัฒนาไปเร็วมาก” คนกล่าวคือการันต์ วันนี้การันต์มีธุระต้องมาทำที่ภูเก็ตก็เลยถือโอกาสมาดูหลานชายตัวเก่งซ้อมเสียหน่อย

            “แต่พี่อ่ำก็โหดเหมือนกันนะนี่..” อุดมผู้ช่วยของการันต์กล่าว

            “ยังเด็กแท้ๆน่าสงสารเหมือนกัน.. ไอ้โป้งนี่มันคงมีกรรมกับฟุตบอล ตอนอยู่กับพ่อ พ่อมันก็เคี่ยวซะ ขนาดจะให้กินข้าวยังต้องเดาะบอลสี่สิบทีก่อนกิน”

            อุดมเป็นอีกหนึ่งคนที่สนิทสนมกับครอบครัวของโป้ง กล่าวและโคลงหัวเมือนึกถึงความหลัง

            “ทุกความสำเร็จเกิดขึ้นจากการฝึกฝนอย่างหนักทั้งนั้นหละ” การันต์กล่าว

 (บอกกล่าว.. พอดีตอนจะส่งเรื่องโป้งไปประกวด ได้เจอว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญเรื่องของชื่ตัวผู้ฝึกสอนทีมชาติชุดใหญ่ หรือหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย.. โดยผมสับสนไปหลายตอนเพราะตัวละครตัวหนึ่งมีชื่อคล้ายกันคือกานต์.. ดังนั้นเมื่อแก้ไขต้นฉบับแล้ว ผมก็ต้องขออภัยด้วย.. จริงๆโค้ชทีมชาติชื่อการันต์ ส่วนเลขาของพรรณพงศ์ชื่อกานต์ครับผม)

          ในนัดสุดท้ายเป็นการพบกับเชียงรายยูไนเต็ดในสนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ตเอง ดังนั้นบรรยากาศในสนามจึงล้นหลามไปด้วยแฟนของทีมที่ต้องการจะมาร่วมฉลองแชมป์แรกของสโมสร

            หนุ่มผิวเข้มมองไปที่ถ้วยไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีกที่ตั้งเป็นสง่าบนอัฒจันทร์ฝั่งที่มีเหล่าวีไอพีนั่ง แถมแฟนฟุตบอลที่แออัดกันในสนามส่งเสียงเชียร์กระหึ่มสนาม ร้องเพลงของสโมสรที่ประพันธ์นักแต่งเพลงชื่อดังชาวภูเก็ต

            บรรยากาศสุดยอด.. เขากล่าวกับตัวเอง น่าอิจฉานายโป้งเพื่อนเก่าจริงๆที่ได้เล่นกับสโมสรแห่งนี้

            ใกล้เวลาที่นักเตะตัวจริงจะลงสนาม เด็กหนุ่มก็ต้องออกไปจากสนามหญ้าเพื่อให้พิธีการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น

            นักเดะสิบเอ็ดตัวจริงของทั้งสองทีมเดินตามกรรมการออกจากอุโมงค์ลงไปในสนามแข่งขัน ท่ามกล่างเสียงกองเชียร์ปรบมือกึกก้อง ธงรูปหมาป่าแสดงอาการกระโจนโดยมีแผ่นที่ของจังหวัดภูเก็ตเป็นฉากหลังโปกสะบัดไปทุกทิศทาง เพราะสมญาหนึ่งของยูเนียน คือหมาป่าแห่งอันดามัน..

            แล้วมือมีการแนะนำนักฟุตบอลทั้งสองทีม มาถึงเจ้าหนุ่มร่างเพรียว แฟนบอลก็ลุกขึ้นยืนแขนออกมาข้างหน้า ชูนิ้วโป้ง แล้วส่งเสียง...

            “โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง”

            เด็กหนุ่มมองภาพนั้นอดไม่ได้ที่จะขนลุกเกรียว.. เขามองไปที่ร่างเพรียวนั่น.. เขาคิดไว้แล้วว่าสักวันต้องได้เห็นโป้งเป็นอย่างวันนี้.. นายคนนี้ฝ่าฟันบนเส้นทางฟุตบอลด้วยความขยันหนั่นเพียรและใจรักในกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริง..

          โกลสำรวจตาข่ายด้วยตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเอาขวดน้ำไปตั้งอยู่ด้านหลังเสาด้านนอกตาข่าย จากนั้นเขาก็วิ่งยกขาสูงอยู่กับที่อีก แล้วก็บิดกายไปซ้ายขวาเพื่อเหยียดร่างกายอีกครั้ง

            พอดีโสดาหันมามองหน้า เขายกนิ้วโป้งเป็นการบอกว่าพร้อม แล้วเขาก็หันไปหานายโป้งที่หันมายิ้ม

            เขาก็ยิ้มตอบ.. เท่านั้นเหมือนทุกนัด.. แต่ก็เพียงพอจะทำให้หัวใจสองดวงเต็มล้นไปด้วยกำลังใจ

            พอกรรมการเป่านกหวีด ทีมเชียงรายยูไนเต็ดก็เริ่มเขี่ยบอล..

            โจมตีเร็วเลยนะ โกลมองตามลูกบอลที่ถูกเตะส่งกันมาอย่างรวดเร็ว แล้วพลัน.. คงเพราะยังไม่ได้ตั้งหลัก กองหลังของยูเนียนก็เผลอไผลปล่อยให้ศูนย์หน้าของเชียงรายยูไนเต็ดหลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษคนเดียว

            เขาสับไกยิงทันที

            ทว่าโกลพร้อมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นแม้จะเป็นการยิงในระยะประชิดเขาก็ยังพุ่งตัวไปรับไว้ได้ ล้มลงกอดลูกไว้แน่น เหลือบตามองศูนย์หน้าที่ขยับมาใกล้

            พอเห็นนายนั้นถอยหลังไป

            โกลก็ลุกขึ้นแล้ว เห็นพี่โสดายกมือให้สัญญาณว่าให้ดึงเกมช้า เขาก็เลยโยนลูกไปหาแบ็กขวาเพื่อให้ส่งต่อไปทำเกมอย่างไม่เร่งรีบ

            เชียงรายต้องการสามแต้มอย่างแน่นอน เพราะพวกเขากำลังลุ้นให้ดีกว่าฤดูกาลที่แล้ว แต่ยูเนียนก็ไม่ยอมแพ้ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองแน่นอนในวันสำคัญ

            ดังนั้นการแข่งขันจึงดำเนินไปอย่างสนุกด้วยจังหวะตอบโต้กันอย่างรวดเร็ว

            โป้งแม้จะโดนกองกลางตัวรับของเชียงรายวิ่งประกบตลอดแต่เขาก็ยังเอาตัวรอดไปได้หลายต่อหลายครั้ง จนเห็นได้ชัดว่าพี่สมบูรณ์ไม่สามารถจัดการกับความเร็วและความคล่องตัวของโป้งได้

            “ไม้เมือง” โค้ชหันมองหน้าเด็กหนุ่มผิวเข้ม

            “นายเอาอยู่ไหม..เคยเล่นด้วยกัน”

            ไม้เมืองนิ่ง.. สมัยก่อนเขาก็ไม่เคยจับโป้งทันอยู่แล้ว.. ถึงตอนนี้จะเก่งขึ้นตามวัย แต่โป้งก็ยิ่งก้าวกระโดดไปไกลกว่า

             ตอนนี้จังหวะการเคลื่อนที่ของโป้งจับทางไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ แต่ก็ช่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างฉับพลันกะทันหัน

            แต่ไม้เมืองยังไม่ทันได้ตอบ ในสนามก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น..

            สิ่งที่ไม้เมืองพลาดไป คือโป้งพลิกตัวหนีสมบูรณ์ด้วยการเดาะบอลไปด้วยหมุนตัวไปด้วยสามจังหวะ จากนั้นก็พาลูกวิ่งไปหากรอบเขตโทษ

            สิ่งที่ไม้เมืองได้เห็นคือโป้งวิ่งทะลุผ่านแนวรับของทีมเชียงรายเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วสับเท้ายิงถนัดถนี่..

            จังหวะแรกผู้รักษาประตูเชียงรายบล็อกออกมาได้ แต่ลูกกระดอนกลับมาตกที่เท้าของโป้ง เขาก็เตะแปด้วยเท้าซ้ายเรียดพื้น เปลี่ยนทางหนีตัวผู้รักษาประตู ข้ามเส้นเข้าประตูไป..

            สนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ตสะเทือนไหวอีกครั้งด้วยการโห่ร้องของแฟนบอลสองหมื่นคนในสนาม

            โกลต้องออกแรงบ่อยๆหลังจากนั้น เพราะเชียงรายยูไนเต็ด เดินเกมบุกเต็มกำลังเพื่อจะยิงประตูคืนให้ได้

            แต่แม้จะโดนทั้งโยนมาให้ผู้เล่นเข้าโหม่งจ่อๆ และยิงทั้งระยะใกล้ไกล โกลก็ยังไม่พลาดเขา สามารถป้องกันไว้ได้หมด

            สำหรับไม้เมือง โกลก็พัฒนาไปอย่างมากเช่นกัน..

            เขามองโกลกระโดดตัดจังหวะลูกเตะมุมไว้อย่างไม่พลาด นายคนนี้มีสมาธิก้บการแข่งขันอย่างเหลือเชื่อ..

            แต่แล้วในตอนนั้น ฉิบหายแล้ว.. เพราะโกลกำลังมองไกล..

            แล้วโกลก็ขว้างลูกบอลออกไปอย่างแรง...

            ลูกบอลจากโกลไปถึงโป้งที่ยืนอยู่นอกกรอบเขตโทษ เขาพาลูกวิ่งขึ้นไปผ่านเส้นครึ่งสนาม

            ตัวผู้เล่นของเชียงรายเข้ามาหาพร้อมกันสองตัว แต่โป้งมองไกลไปเห็นสำราญวิ่งไปทางขวา

            เขาก็เลยเตะโด่งโค้งไปหา

            สำราญวิ่งมาถึงจุดที่ลูกจะมาถึงซึ่งเป็นด้านข้างของกรอบเขตโทษ เขาปักหลักมั่นแล้วโหม่งให้ลูกบอลลอยตัดขวางกรอบเขตโทษ

            พอเห็นบรรณวิ่งแข่งกับกองหลังมา ผู้รักษาประตูเชียงรายก็พุ่งออกมาเพื่อจะรับลูกให้ได้ก่อน

            ทั้งสามคนมีเป้าหมายที่ลูกบอลที่ลอยอยู่ในอากาศ..

            แต่เป็นบรรณที่พุ่งตัวออกไปแล้วโหม่งได้ก่อน ลูกบอลจึงพุ่งไปทางขวา กระแทกเสาประตูย้อนไปทางซ้าย..แล้วกระดอนพื้น เด้งเข้าประตูไป..

            “สามจังหวะเป็นประตู..” ไม้เมืองคราง...   

            “ก็สมเป็นแชมป์ล่ะ” โค้ชเชียงรายกล่าว แล้วเขาก็หยิบสมุดมาจดอะไรบางอย่างแล้วเดินกลับไปนั่ง

 

            ผ่านเข้าครึ่งหลังเกมก็ผ่อนคลายแล้วลงนิดหน่อย

            แล้วพอท้ายเกมประมาณนาทีแปดสิบ โป้งก็โดนเปลี่ยนออกโดยต้องสวนทางกับไม้เมือง

            สองคนเห็นหน้ากันก็กอดกันทีหนึ่งแล้วก็วิ่งไปคนละทาง

            พอเปลี่ยนไม้เมืองลงไป เกมรุกของเชียงรายก็ดูคืนกลับสู่ชีวิตชีวาอีกครั้ง

            ไม้เมืองมองเห็นช่องที่ส่งลูกผ่านกองหลังของยูเนียนเข้าไป ศูนย์หน้าของทีมจึงได้โอกาสยิงในระยะประชิดอีกครั้ง แต่โกลชกมันออกไปด้วยสองกำปั้น

     ลูกลอยมาถึงไม้เมืองที่วิ่งมาพอดี เขาสับเท้ายิงเต็มข้อ

            ลูกบอลพุ่งมาอย่างรวดเร็ว โกลตั้งท่าไว้รออยู่แล้ว ลูกยิงของไม้เมืองเร็วและแรง แต่โกลสไลด์ตัวไปแล้วพุ่งไปคว้าไว้ได้ด้วยสองมือ

            ไม้เมืองเห็นดังนั้นก็รีบถอย เพราะแม้ไม่มีโป้งในสนาม โกลก็ยังสามารถเตะลูกออกไปได้ไกล และแม่นยำไปให้กองหน้า หากมัวละล้าละลัง มีหวังโดนสวนกลับ

            แต่โกลไม่ได้ทำอย่างนั้นเขากลับกลิ้งบอลให้ผู้เล่นกองหลัง เพื่อให้ส่งต่อไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เพราะต้องการเผาเวลา

            พอลูกออกไปพ้นหน้าประตูแล้วโกลก็หันไปมองข้างสนาม เห็นโป้งที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไป ยืนกระสับกระส่ายคงจะลุ้นให้หมดเวลาเร็วๆ เขากระโดดกระดึ่งๆอยู่กับที่

            โกลยิ้มแล้วหันมามองในสนาม สักครู่หนึ่งทีมเชียงราย ยูไนเต็ดก็เร่งเครื่องเฮือกใหญ่สมศักดิ์นักสู้  พวกเขาดาหน้ากันเข้ามา

            ถ่ายบอลกันไปมาเพื่อหาโอกาสจะยิงคืนให้ได้สักลูก..

            แต่โกลมีแผนละคนอย่าง.. เขาไม่ประมาทจะปล่อยให้ตีไข่แตก ดังนั้นเมื่อคู่แข่งเปลี่ยนไปบุกจากกราบซ้าย แล้วโยนลูกมาตรงกลางประตู

            โกลที่มองลูกอยู่ตลอดจึงกระโดดสูงกว่าใคร ตะปบลูกบอลด้วยสองมือแล้วลงพื้นอย่างนิ่มนวล จากนั้นก็เงื้อแขนแล้วขวางไกลไปหาอาวุธศูนย์หน้าสำรอง

            อาวุธดักลูกบอลที่กระดอนพื้นหนึ่งจังหวะแล้วก็พลิกตัวหมายจะวิ่งไปหาแดนคู่แข่ง

            แต่กรรมการเป่านกหวีดยาวเป็นสัญญาณการสิ้นสุดการแข่งขัน และสิ้นสุดฤดูการไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก

            สนามยูเนี่ยน ออฟ ภูเก็ตแม้จะมีโครงสร้างแข็งแรง ก็ยังต้องสะเทือนไหว... เสียงเฮของผู้ชมได้ยินไปไกลเพราะคนสองหมื่นเศษพร้อมในกันส่งเสียงขึ้นต้อนรับชัยชนะครั้งแรกของทีมรัก

            ที่ไม่ได้เข้ามาในสนามอยู่ที่บ้าน ร้านอาหาร บาร์เหล้า ก็ร้องออกมาด้วยความยินดี..

           

            อำนาจกับนามมินทร์ยืนปรบมือมองไปที่แท่นพิธีมอบรางวัล  โสดาชูถ้วยขึ้นเหนือหัวแล้วก็มีพลุไฟยิงขึ้นจากด้านหลัง กระดาษสีม่วงอันหมายถึงดอกเฟื่องฟ้า และสีเหลืองที่มาจากดอกประตู่บ้าน ดอกไม้และต้นไม้ประจำจังหวัด ก็โปรยปรายลงจากทุกทิศทาง

            ธงหมาป่าแห่งอันดามันโบกไสวอย่างองอาจเหนืออัฒจันทร์ทุกด้าน แฟนบอลร่วมกันร้องเพลงประจำสโมสรจนกระหึ่มสนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ต...

            ชัยชนะเป็นรางวัลแห่งความเหนื่อยยากของการฝึกซ้อมและแข่งขัน.. ภูเก็ต ยูเนียน...

            เจ้าหมาป่าแห่งอันดามันผงาดขึ้นสู่บัลลังก์แห่งลีกสูงสุดของประเทศ...


            เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก ก็ถึงถ้วย FA CUP แต่เพราะเป็นการเจอกับทีมที่ไม่แข็งแกร่งนัก แต่หักปากกาเซียนด้วยการโค่นปราสาทหิน ยูไนเต็ดในรองชนะเลิศเข้ามา

            ดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นไปอย่างไม่สูสี และจบลงด้วยแชมป์ที่สองของภูเก็ต ยูเนียนในสนามศุภชลาศัย อันทรงเกรียติ ธงหมาป่าแห่งอันดามันจึงโบกสะบัดในเมืองหลวงเพื่อฉลองชัยชนะของทีมอีกครั้งหนึ่ง

           

            โกลแม้จะไม่ได้มองกระดานบ่อยๆ แต่เขาฟังสิ่งอาจารย์พูดตลอด มันเป็นความสามารถที่พัฒนาในวัยเยาว์ที่เขาต้องอยู่คนเดียวเสมอๆ และไม่ค่อยชอบคบหาผู้คน โกลมีสมาธิสูง และสามารถจดจ่อกับสิ่งที่เขาต้องสนใจได้อย่างน่าแปลกใจ และแม้จะถูกรบกวนเขาก็ไม่มีปัญหากับการตั้งสมาธิ

            มองไปไอ้โป้งเหมือนจะนั่งฟัง  แต่เหมือนคำพูดของอาจารย์จะผ่านหูไปอย่างไม่ได้สัมผัสกับสมอง เหมือนกับว่าระบบประสาทของโป้งพัฒนาไปกับทักษะฟุตบอลจนเหลือพื้นที่น้อยสำหรับอย่างอื่น

            แถมมันยังสมาธิแตกง่าย.. เพียงแต่เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น โป้งก็จะหันไปสนใจทันที

            หมดคาบเรียนช่วงเช้า แปลว่าโป้งกับโกลจะว่างทันที

            และเมื่อไม่มีโปรแกรมซ้อม ดังนั้นทั้งคู่ก็ต้องไปช่วยอาจารย์พละสอนเด็กนักเรียน ด้วยการเป็นลูกมือ

            โกลกำลังแสดงท่าการเลี้ยงแล้วพลิกตัวขึ้นเลย์อัพทำคะแนนในชั่วโมงบาสเก็ตบอล ซึ่งเขาก็ทำได้ดี

            “อย่างนี้นะครับ.. เดี่ยวน้องลองทำดู” โกลบอกกับนักเรียนชั้นม.ต้น

            แล้วเขาก็หันไปเห็นโป้งช่วยอาจารย์พละลากตาข่ายที่บรรจะลูกบาสเก็ตบอลออกมาพอดี

            เด็กๆเข้าแถวเรียงกันเข้ามาโดยมีโกลยืนมองอยู่ พอมีเด็กสาวคนหนึ่งทำท่าไม่ถูกเขาก็เขาเรียกตัวกลับมาใหม่ แล้วก็ออกปากขอโทษก่อนจะเอามือจับหลังของเด็กสาวเพื่อจัดท่าทางการเลี้ยงใหม่

            “ต้องทำอย่างนี้นะครับ”

            เด็กสาวอมยิ้ม เพื่อนๆส่งเสียงฮือต่ำๆอย่างอิจฉา

            พอเด็กสาวคนนั้นทำได้ตามที่โกลแนะนำ คนต่อมาก็ร้องขอบ้าง

            “พี่ค่ะหนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” เด็กสาวยิ้มกริ่มมองหน้าโกล

            “เดี่ยวพี่สอนเอง” โป้งกล่าวออกมา  เขาเข้ามายืนคั้นระหว่างโกลกับเด็กสาว

            “น้องต้องทำอย่างนี้นะครับ” โป้งแสดงท่าให้ดู

            โกลมองตาปริบๆ           

            พอสอนเสร็จโป้งก็หันมาเหลือบมองหน้า แววตาเหมือนมีแสงเขียวๆพุ่งออกมา

            โกลต้องอมยิ้ม.. อมยิ้มอย่างพอใจ


            พอเลิกเรียนโกลกับโป้งก็ไปสมทบกับพวกคฑาที่กำลังจับกลุ่มคุยกันที่ชุดม้าหินใต้ต้นไม้ข้างตึกเรียนใหญ่

            “เออ..” ตั้นนึกออก หันมามองหาโป้งที่กำลังฉีกซองขนม

            “พี่ตั้มบอกว่ามันถูกภูเก็ตเอฟซีเรียกตัวมาทดสอบ”

            “จริงอะ” โป้งทำหน้าตื่นเต้น

            โกลกลัวว่าโป้งจะตื่นเต้นจนฉีกถุงปลาเส้นขาดกระจุยก็เลยแย่งมาฉีกเสียเอง

            “ก็น่าจะได้อยู่แล้ว..”โกลบอก 

            “แต่กูก็ได้ยินข่าววงในมาว่า ไอ้ปอมันได้ไปทดสอบที่ขอนแก่นเหมือนกัน”         

            “จริงเหรอ.. “ โป้งหันมาทำตาโต

แต่สลดลงนิดหน่อยเมื่อนึกได้

“แบบนี้ก็ต้องแยกกันสิวะ”

            พอพูดถึงตรงนี้โกลมองตาโป้ง แล้วเขาก็เบือนไปอีกทาง แยกกัน.. คำนี้ทำให้หัวใจของโกลหวั่นไหวในทันที


 

            โป้งกำลังอาบน้ำ ดังนั้นโกลจึงอยู่เพียงลำพัง

            เขาเอาข้อความทางไลน์ที่พึ่งได้รับมาเมื่อเช้าอ่าน

            ข้อความจากพี่สุขี

            “มีข้อเสนอจากทีมในญี่ปุ่นมานะโกล เขาต้องการผู้รักษาประตูดาวรุ่งไปแทนคนของเขาที่ถูกดึงไปลีกเยอรมัน”

            “แต่อย่างหนึ่ง คือมีข้อเสนอจากทีมในดีวิชั่นหนึ่งในอังกฤษ เขาต้องการโป้งเล่น พี่ก็เสนอโกลไปด้วย เขาก็สนใจ แต่ปัญหาคือเขามีตัวผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูแถมเป็นดาวรุ่งมีฝีมือด้วย ดังนั้นเขาก็แจ้งเลยว่าโกลอาจจะไม่ได้ลงตัวจริงหรือตัวสำรอง อาจได้แค่อยู่ในทีมสำรอง แถมให้ค่าเหนื่อยต่ำมาก”

            “ในความเห็นของพี่.. ถ้าโกลไปญี่ปุ่น โกลมีโอกาสจะได้เป็นตัวจริงสูงมาก โอกาสพัฒนาตัวสูงมาก แต่ถ้าไปอังกฤษ โกลอาจไม่ได้ลงเล่น.. ซึ่งแน่นอนไม่ดีแน่.. มีโอกาสไปไม่รอดสูงด้วย”

            “พี่อยากให้โกลคิดดีๆ.. ไปอังกฤษหรือไปญี่ปุ่น...”

 

            พอโป้งอาบน้ำเสร็จก็เป็นตาของโกล  แต่โกลยืนให้น้ำรดหัวอยู่ในห้องน้ำ  ตอนนี้จิตใจเขาว้าวุ่นไปหมด.

            ฟุตบอลคือที่สุดของชีวิตโกล เป็นสิ่งที่ทำให้โกลรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง เขาเคยวาดฝันว่าตัวเองจะต้องไปเป็นนักเตะระดับโลกให้ได้ในสักวัน  เขาต้องพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าเขามีฝีเท้าดี..

            เขาเห็นด้วยกับพี่สุขีที่ว่าหากเขาไปญี่ปุ่น เขาจะได้โอกาสลงสนามมาก.. เพราะการได้ลงสนามคือหนทางแห่งการพัฒนาตนเองอย่างแท้จริงสำหรับนักฟุตบอล เป็นสิ่งที่การซ้อมไม่สามารถทดแทนได้เลย.. ซ้อมให้ตายแต่ลงสนามแล้วเล่นไม่ดี ก็เท่านั้น.. ดังนั้นการได้เป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอคือทางเดียวสู่การไปสู่จุดสูงสุดของนักฟุตบอล..

            แต่ถ้าเขาเลือกอย่างนั้น.. แปลว่า.. เขาต้องแยกจากโป้ง..

            โกลเงยหน้าให้น้ำรดไปหน้า.. หวังว่ามันจะช่วยดับความสับสนในใจของเขาได้



ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ เป็นนักฟุตบอลด้วยเราไม่ค่อยรู้เรื่องฟุตบอลเท่าไหร่ เพราะจับจ้องมองแต่นักเตะ  :hao6:
มาปูเสื่อรอค่ะ ... o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอนที่สาม ความรักเหมือนพระอาทิตย์...

  สิ่งหนึ่งที่ชีวิตวัยเรียนต้องเผชิญคือการจบการศึกษาในแต่ละระดับ แม้โป้งกับโกลกับโรงเรียนแห่งนี้มีความทรงจำด้วยกันไม่มากนัก เนื่องจากเขาเหมือนมาอาศัยเรียนเพื่อให้ได้วุฒิแล้ว เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของของทั้งคู่หมดไปกับฟุตบอล

            แต่กระนั้นในวันสุดท้ายของการสอบ โกลกับโป้งก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าการที่มีเพื่อนที่โรงเรียนก็เป็นอีกชีวิตที่ทำให้ทั้งคู่ยังรู้สึกเป็นคนธรรมดาได้เป็นแค่เครื่องจักรที่เตะฟุตบอลอยู่ในสนามแต่เพียงอย่างเดียว

            และความรู้สึกตอนโดนเพื่อนรุมเขียนคำอำลาบนเสื้อมันก็ทำให้เขาทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด

            แล้วเมื่อแสงอาทิตย์ใกล้ลาขอบฟ้า โกล โป้ง คทา ตั้นและเพื่อนที่เคยร่วมก๊วนกันไปทำนั่นทำนี่ตลอดสองปีก็เดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกันๆ

            “ใจหายนะ คิดถึงว่าจากนี้ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนทุกเช้าแล้ว ชีวิตมหาวิทยาลัยก็ไม่เหมือนกัน เราคงคิดถึงเพื่อนๆทุกคนมากเลย” คฑากล่าวตอนที่ทั้งหมดหันไปมองตึกเรียนครั้งสุดท้าย

            “ที่จริงกูก็ไม่อยากให้มันมาถึงนะ.. แต่นี่คือส่วนหนึ่งของชีวิตนี่.. พวกเราต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปเพื่อเติบโต ที่สุดไม่ว่ารักกันแค่ไหน..แต่ถ้าหนทางมันไม่บรรจบกัน.. บางที่เราก็ต้องต่างคนต่างไป”

            โกลหันมองหน้าคฑา แล้วก็หันไปมองหน้าโป้ง..

            “ใช่คนเราก็ต้องจากกันอยู่ดี.. สักวันหนึ่ง.. แต่ถ้าการจากกันจะทำให้เราเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เราก็ต้องไปใช่ไหมหละ” โป้งกล่าวออกมาแล้วหันไปคฑา

            โดยที่โป้งไม่รู้คำพูดของโป้งนั้นทำให้โกลรู้สึกราวยืนอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บ..

 

            เมื่อต้องไม่ไปโรงเรียนแล้วโป้งกับโกลก็เข้าซ้อมเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ คือเริ่มซ้อมตอนเก้าโมงเช้าแล้วเลิกตอนห้าโมงเย็น  แต่ก็มักจะมีรายการฝึกพิเศษของโค้ชฮัลเซย์ในวันที่การซ้อมไม่ได้เข้มข้นมากๆ

            อย่างเช่นวันนี้

            ฮัลเซย์ยืนมองสองหนุ่มซ้อมกันอยู่สองคนในสนามซ้อม วันนี้เป็นการซ้อมลูกโหม่ง โดยทวีจะโยนลูกให้โป้งเข้าโหม่งด้วยเน้นให้โหม่งกดลงพื้นเพื่อให้กระดอนพื้นเข้าประตูในระยะประมาณห้าหลา โดยโกลเองก็ต้องปัดป้องโดยใช้ขาเท่านั้นห้ามใช้มือ

           

            พัฒนาการของโป้งเป็นอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ประทับใจฮัลเซย์ไม่น้อยคือ การพัฒนาของโกล

            โกลมีปฏิกิริยาว่องไวมาก แม้จะโดนโป้งโหม่งในระยะประชิดและเขาต้องป้องกันด้วยขาอย่างเดียว เขาก็ทำได้ดีมาก และสามารถป้องกันการโหม่งของโป้งได้หลายต่อหลายครั้ง  ก็สมกับที่อำนาจเคยเล่าให้ฟังว่าโกลในอดีตเคยเป็นกองกลางมาก่อนในสมัยยังเป็นเด็ก เขาใช้ขาได้ดีมาก..

            สิ่งที่โกลมีเป็นคุณสมบัติของผู้รักษาประตูชั้นนำของโลกมี เขามีร่างกายสูงใหญ่ การเคลื่อนที่คล่องแคล่ว สมาธิเป็นยอด และที่สำคัญคือการอ่านเกมและติดตามเกมได้อย่างดี เมื่อมารวมกับทักษะเก่าในการเตะเปิดบอล ทำให้โกลมีความสามารถที่ผู้รักษาประตูน้อยคนจะมี คือความสามารถในการพลิกเกมรับให้เป็นเป็นการรุกด้วยการส่งลูกเตะระยะไกลที่แม่นยำ.. สิ่งนี้ผู้รักษาประตูน้อยคนมากในโลกจะมี..

            ในขณะที่สปอร์ตไลท์มักจะจับมาที่โป้ง.. แต่ที่ลืมไม่ได้คือแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากทีมจะมีโป้งเป็นไม้เด็ดที่เขาส่งลงไปแก้เกมได้อย่างอัศจรรย์แล้ว ส่วนหนึ่งที่สำคัญมาจากการที่โกลทดแทนประทีปได้อย่างสมบูรณ์และสามารถเล่นเข้าขากับโป้งได้อย่างดี

            จะให้โป้งเก่งแค่ไหน แต่ในกีฬาที่ต้องใช้ความสามารถของทั้งทีม.. ผู้เล่นที่เป็นปราการด่านสุดท้ายของอย่างโกล ซึ่งสามารถปกป้องประตูได้อย่างเหนียวแน่น และสามารถพลิกเกมได้ คือสิ่งที่ขาดไม่ได้.. 

            นี่คือความแข็งแกร่งของคู่ซี้รุ่นเยาว์ของภูเก็ต ยูเนียนในปีที่ผ่านมา     

            อำนาจเดินมาเคียงข้าง

            “สุขีแจ้งมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า มีทีมต่างประเทศสองทีมแสดงเจตจำนงจะให้ซื้อตัวโป้งกับโกลไปร่วมทีม” อำนาจแจ้ง

            “เขาเสนอค่าตัวให้เราในราคาเป็นหลักล้านเลยนะ”

            ฮัลเซย์จึงหันมา

            “ก็.. ไม่เหนือความคาดหมายหรอกครับ.. เพราะทั้งคู่ก็โดดเด่นมากทั้งในทีมสโมสรและในทีมชาติ พวกเขาต้องก้าวไปข้างหน้าแล้ว”

            “แต่ไม่ต้องกลัว ฮัลเซย์ ผมมีงานใหม่ให้คุณเสมอ.. ผมติดต่อเด็กที่จะมาทดแทนแล้วสามคน เป็นเพื่อนร่วมทีมเก่าของโป้งทั้งสามคน กองหน้า ชื่ออัคร เป็นหนึ่งในศูนย์หน้าคู่ของนวสาครทีมแชมป์ ถ้วย ก.เมื่อปีก่อน ที่จริงผมอยากได้ทั้งคู่ แต่ผู้ปกครองของเด็กอีกคนอยากให้เขากลับไปเล่นที่บ้านเกิด แล้วก็กองกลางตัวรุก ของทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ชื่อไม้เมือง แล้วก็กองหลังตัวกลางของนวสาครเหมือนกัน ชื่อจอมทอง”

            “เด็กสามคนนี้มีความสามารถ และเหมาะทดแทนโป้งกับโกลได้” อำนาจมองไปในสนาม

            “แต่ผมก็ยังมีแผนจะเจรจาดึงตัวกองกลางของเอฟซีของคนคือ ก้านเพชร กับวู๊ดมาด้วย สองคนนี้โดดเด่นมากในชุดเยาวชน”

            “แผนการของคุณนี่เหมือน ทำให้ทีมของเราเป็นเนอสรี่ของทีมชาติไทยในอนาคตเลยนะ” ฮัลเซย์หันมายิ้ม

            “นี่เป็นนโยบายร่วมกันของผมกับคุณนามมินทร์ คุณนามมินทร์ท่านคิดอย่างผมคืออยากให้ประเทศไทยเรามีทีมชาติที่แข็งแกร่ง เราก็เลยวางแผนระยะยาวว่าจะสร้างให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ด้วยเด็กไทยเราเอง”

            “เป็นVision ที่ดี.. ผมเองก็รักประเทศไทย เอาเถอะ.. ผมจะลองทำให้เต็มที่.. เผื่อว่าสักวันเราจะได้เห็นเด็กจากเอเชียไปสัมผัสถ้วยฟุตบอลโลกได้..” ฮัลเซย์หันมายิ้ม

            อำนาจมองหน้าฮัลเซย์ เขาพยักหน้าก่อนหันไปมองในสนาม แล้วหันกลับมา

            “ขอบคุณมากฮัลเซย์”

           

            “อย่าหาว่าพี่เจ้ากี้เจ้าการนะ ในฐานที่พี่เป็นตัวแทนของน้อง พี่ก็อยากให้โกลคิดดีๆ จริงอยู่การไปอังกฤษอาจดีกว่า แต่จริงๆแล้ว เรายังเด็กไม่มีประสบการณ์ แถมการไปญี่ปุ่นก็ทำให้เรามีโอกาสลงมากกว่า คือในฐานะนักฟุตบอลเก่า พี่ก็ขอแนะนำว่า โกลควรจะไปญี่ปุ่นไม่ใช่อังกฤษ” สุขีบอกกับเขาตอนโทรศัพท์มาครั้งสุดท้าย

            โกลมองโป้งกำลังเล่นฟุตบอลกับเด็กหลายคนบนหาดทราย เขาวิ่งไปอย่างร่าเริงหัวเราะไปด้วย ในขณะเด็กๆกรูกันเข้าหาเพื่อพยายามแย่งลูกไปจากเขา

            รอยยิ้มของโป้งสวยงามในแดดยามบ่าย พาหัวใจของโกลให้เต้นไม่เป็นจังหวะ

            เขาจะสามารถลาจากรอยยิ้มที่เป็นกำลังใจของเขาไปได้จริงๆเหรอ.. แล้วโป้งจะอยู่ได้ด้วยตนเองไหมในดินแดนที่ห่างไปถึงสี่หมื่นกว่าไมล์อย่างอังกฤษ...

            มันมีอีกทางหนึ่ง.. เขาก็เลิกเล่นฟุตบอลเสีย แล้วตามไปอังกฤษ ไปเรียนและไปดูแลโป้ง...

            แต่ถ้าเขาเลือกหนทางนั้น... เขาจะทำใจได้จริงหรือ.. แล้วโป้งจะยอมให้เขาทำอย่างนั้นหรือไม่

           

            โป้งหันมองหน้าโกลที่นั่งกอดเขามองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาจากโลก.. ทั้งสองนั่งอยู่บนหาดทรายสีขาวเนียน

            แล้วเขาก็มองไปที่ขอบฟ้า

            “โกล.. ดวงอาทิตย์มันขึ้นแล้วก็มีตกใช่ไหม”           

            โกลหันมามองหน้าเขา

            “ก็ใช่น่ะสิ”

            “คนเราก็เหมือนกันนี่นะ  เมื่อพบก็ต้องมีจากลา..” โป้งกล่าวออกมาแล้วหันมา

            “กูดีใจนะที่ได้เจอและรักมึง.. แต่ถ้าความรักของกูทำให้มึงตัดสินใจไม่ได้ กูก็รู้สึกแย่.. แล้วยิ่งมึงเลิกเล่นฟุตบอลเพื่อกู ก็ยิ่งแย่ไปหนักกว่าเก่า”

            โกลสบตาโป้ง.. แววตาของโป้งตอนนี้มีแววแสนเศร้า

            “มึงรู้เรื่องแล้วเหรอ”

            “พี่สุขีบอก..” โป้งหันไปกลับไปมองอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ

            “พี่เขากลัวมึงดื้อไปอังกฤษตามกู พี่เขากลัวมึงเลิกเล่นบอลเพราะอยากไปอยู่กับกู”

            แล้วโป้งก็ถอนหายใจ

            “โกล.. กูไม่อยากให้มึงทิ้งฟุตบอล กูเชื่อว่าฟุตบอลคือสิ่งที่เราสองคนรักไม่แพ้กัน กูไม่อยากเห็นมึงซึ่งเป็นคนที่กูรักที่สุดทิ้งมันไป.. “ แล้วโป้งก็หันมา

            ทั้งคู่สบตากันในแสงที่ค่อยๆลาจากโลก  แต่ภาพของกันและกันกระจ่างชัดในหัวใจทั้งคู่

            “มึงพูดเหมือนมึงให้ความสำคัญกับฟุตบอลมากกว่ากู” โกลกล่าวออกไปตามความรู้สึก

            “เปล่าเลยโกล” โป้งเขาแขนมาโอบโกลแล้วซบที่หัวไหล่

            “กูเห็นแก่มึงต่างหาก  กูไม่อยากให้มึงทิ้งอนาคตเพราะกู กูอยากเห็นมึงเติบโตไปข้างหน้ากับลูกบอล มึงคงไม่รู้ว่า เวลามึงอยู่ในชุดนักฟุตบอลมันน่ามองมาก  ภาพของมึงในชุดผู้รักษาประตูบนสะพานท่าเรือวันปีใหม่คือภาพที่สวยงาม และสวยงามยิ่งกว่าคือเวลามึงเหินตัวปัดลูกบอล.. กูอาจดีใจที่มีมึงอยู่ข้างๆ แต่กูคงเศร้ามากที่ไม่ได้เห็นมันอีก และยิ่งเศร้ายิ่งกว่าถ้าสาเหตุที่ทำให้มึงเลิกเล่น หรือดับอนาคตเพราะตัดสินใจตามไปดูแลกู”

            “กูอยากให้มึงอยู่ใกล้ๆตลอดนะโกล.. แต่กูก็ไม่เห็นแก่ตัวพอจะทำลายอนาคตของมึง”

          ตอนนี้พระอาทิตย์ลับไปแล้ว แสงดาวเริ่มปรากฏ สิ่งทดแทนบนฟ้าคือดวงจันทร์วันเพ็ญ

            “โกล.. ถ้าเราต้องจากกันจริงๆ มันก็เหมือนดวงตะวันลับจากฟ้าใช่ไหม.. แต่ตะวันก็ต้องกลับคืนสู่ท้องฟ้าในวันรุ่งขึ้นจริงไหม.. ก็เหมือนกับความรักของเรา เวลาเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันก็เหมือนเวลากลางคืน แต่ถ้าเรารักกันอยู่เหมือนเก่า ก็เหมือนดวงตะวันที่ยังคงอยู่ไม่ได้ดับไป เดี่ยวมันก็จะขึ้นมาใหม่ แล้วพอมันขึ้นมาใหม่ มันก็ส่องสว่างเหมือนเดิม..” โป้งกล่าวแล้วเบียดกายเข้ามาใกล้กว่าเก่า

            โกลซบหัวลงบนหัวของโป้ง

            “โป้ง..ถ้าเราจากกันไป แล้วมึงคิดถึงกู.. ก็ให้มึงมองพระจันทร์ไว้.. เพราะพระจันทร์สว่างได้จากสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ มันก็เหมือนกับใจของกูที่รักมึงเสมอ และส่งแสงมาผ่านดวงจันทร์..แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน” โกลกล่าว

             "และจำไว้ว่ากูจะเฝ้าดูมึงอยู่เสมอ.. ผ่านดวงจันทร์"

         

            ทั้งสองผละออกจากกันเล็กน้อยเพื่อสบตากัน ในแสงจันทร์โกลประทับรอยจูบบนริมฝีปากของโป้ง..

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ เป็นนักฟุตบอลด้วยเราไม่ค่อยรู้เรื่องฟุตบอลเท่าไหร่ เพราะจับจ้องมองแต่นักเตะ  :hao6:
มาปูเสื่อรอค่ะ ... o13 o13 o13 o13
ขอบคุณครับ..

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
 ตอนที่ สี่ นารา ธันเดอร์เดียร์: โกลสู้สุดกำลัง         

           แม้จะมีการคุยกันเรื่องค่าตัวและค่าเหนื่อยแล้ว แต่โกลก็ต้องเข้าทำการทดสอบฝีเท้าก่อนตามปกติ

            สุขีนัดโกลมาเจอกันที่สนามบินเช้าตรู่เพื่อเดินทางร่วมกันไปญี่ปุ่น

            “เราต้องทดสอบฝีเท้าก่อนนะ แต่พี่ว่าโกลต้องทำได้แน่นอน เพราะทางโน้นเพิ่มอัตราค่าเหนื่อยมา หลังจากที่เขาส่งแมวมองมาดูฟอร์มโกลในนัดก่อน” สุขีว่าตอนที่ทั้งคู่อยู่บนทางเลื่อนอัตโนมัติเพื่อไปที่ Gate

            “แล้วโป้ง... เป็นยังไงบ้างครับ”เขาถาม

            สุขีเลิกคิ้ว

            “ตอนแรกเขาลังเลไปมาเหมือนกัน แต่ที่สุดก็ตัดสินใจได้ เขาก็ต้องเข้ารับการทดสอบเหมือนกัน แต่ก็น่าจะไม่มีปัญหา เพราะทางโน้นก็แสดงความสนใจมากๆเหมือนกัน”

            โกลต้องหันไปเมื่อซ่อนความรู้สึก

            “ถึงทีมที่โกลจะไปทดสอบจะพึ่งเลื่อนชั้นมาได้แค่สองฤดูกาล  แต่ก็น่าสนใจมาก ที่สำคัญคือเขาความสำคัญกับนักเตะเยาวชน แต่เพราะเป็นทีมเล็ก ที่สำคัญคือประธานสโมสรเป็นชาวญี่ปุ่นที่เคยมาอยู่เมืองไทย เขาก็เลยอยากได้เด็กไทยไปร่วมทีม เพราะเขามีภรรยาเป็นชาวไทยด้วย”

            “นารา ธันเดอร์เดียร์(thunder deer)” สุขีกล่าว.. โกลหันมามองหน้าสุขี

            “Mr. โมริอากะ โทชิโร่  ประธานสโมสร เขาเคยทำธุรกิจในเมืองไทยสิบปีเต็มๆ เขารักเมืองไทยมาก”

 

            พอขึ้นเครื่องโกลแปลกใจเล็กน้อยที่ สุขีกลับได้ที่นั่งในแถวถัดไปแทนที่จะได้นั่งกับเขา

            “พี่ชอบริมหน้าต่าง” สุขีกล่าวเพราะอ่านใจโกลได้ตอนเก็บสัมภาระไว้ช่องเหนือหัว

            โกลก็เลยนั่งลง แล้วมองออกไปด้านนอกเครื่องบิน เห็นพนักงานภาคพื้นทำงานกันอย่างแข็งขัน

            นี่เขากำลังจะไปจริงๆแล้วหรือ.. เขากำลังต้องแยกจากโป้งไปจริงๆแล้วใช่ไหม..

            รอยยิ้มของโป้ง.. อ้อมกอด.. ริมฝีปาก.. เสียงหัวใจ.. เขาจะไม่ได้สัมผัสมันอีกแล้วสินะ..

            “ขอโทษนะครับ” เสียงเข้มเหมือนพยายามดัด

            “คุณเป็นผู้รักษาประตูทีมชาติใช่ไหม.. ผมขอลายเซ็นหน่อยนะครับ”

            โกลเงยหน้าไป.. เขาพลันเขาตกอยู่ในอาการพิศวง  คนที่เรียกเขาเป็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ผิวขาวแต่กร้านแดด รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าที่มีโครงสวยงามได้รูป ดวงตาโตเป็นประกาย..

            เขานั่งลงข้างๆ

            “แหม่ดีจังได้เดินทางร่วมกับนักเตะทีมชาติ..”         

            โกลยิ้มจางๆ

            “ผมก็เหมือนกัน”

           

            โกลต้องผ่านบททดสอบที่แสนสาหัสเพื่อเป็นนักเตะของทีมในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ให้ได้ ซึ่งแม้จะเป็นทีมไม่ใหญ่แต่ก็มีความเพียบพร้อมในการฝึกฝนไม่แพ้กับทีมภูเก็ต ยูเนียน แถมสตาฟโค้ชก็ยังเป็นอดีตทีมชาติญี่ปุ่นแทบทั้งชุด..

            นายหน้าขาวที่นั่งคู่กับเขาบนเครื่องบินไม่ได้เป็นแค่ผู้โดยสารเฉยๆแต่ยังกลายเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมในการทดสอบนี้ด้วย

            ทั้งคู่ถูกจับให้ลงสนามในนัดอุ่นเครื่องกับทีมเยาวชนในท้องถิ่นสามนัด

            โกลก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ดีไหม แต่เขาก็พยายามทำอย่างเต็มที่ เขาทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างดี ไม่เสียสักประตูในเกมนัดอุ่นเครื่องสามนัด และได้รับคำชมเชยมาหลายครั้ง

            ในที่สุดวันนี้ก็คือวันตัดสินชะตา หลังจากเขากับหนุ่มน้อยผู้มีรอยยิ้มสดใสร่วมกันใช้เวลาในการทดสอบมาครบสามอาทิตย์เต็มๆ

            หัวหน้าโค้ช โยชินะ อากิ ยืนต่อหน้าพวกเขาในห้อง ตอนนี้โกลไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

            “พวกคุณมีความสามารถ มีความเร็ว ความคล่องตัว และความสามารถเฉพาะตัวในตำแหน่งที่คุณเล่น แต่ที่นี่คือญี่ปุ่น คุณก็ทราบอยู่แล้วว่าลีกของเรามีความเร็วสูงและต้องใช้ความสามารถสูงมากในการต่อสู้”

            สองหนุ่มมองหน้ากัน เพราะเหมือนเขากำลังจะแจ้งข่าวร้าย

            “พวกคุณยังเด็กเกินไปที่จะบอกได้ว่าเป็นมืออาชีพสำหรับคนญี่ปุ่น พวกคุณยังต้องการเวลาในการฝึกฝน..” เขาจ้องตาทีละคน

            ผู้ชายคนนี้เคยเป็นนักฟุตบอลที่ไปเล่นในลีกอังกฤษหลายปีทำให้เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว สองหนุ่มจึงเข้าใจที่เขาพูดอย่างชัดเจน

            “แต่เราก็ยินดีจะเป็นคนเติมเต็มในสิ่งนั้นให้คุณ..” เขายิ้มออกมา       

            “ในนามของทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ เรายินดีต้อนรับคุณเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีม”

            สองหนุ่มมองหน้ากันอีกครั้งอย่างยินดี

 

            นามเหย้าของทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ เป็นสนามขนาดใหญ่กว่าสนามของภูเก็ต ยูเนียนเสียอีก อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของศูนย์กลางเมืองนารา อันเป็นอดีตนครหลวงแห่งแรกของญี่ปุ่น

            วันนี้สนามเต็มแน่นไปด้วยผู้คนเพราะนารา ธันเดอร์เดียร์ ต้องต้อนรับการมาเยือนของทีมที่อยู่ในย่านใกล้เคียงอย่าง ไฟเตอร์(Fighter) โอซาก้า ยอดทีมแห่งเมืองใหญ่อันดับหนึ่งแห่งภูมิภาคคันไซ แถมวันนี้เป็นการเปิดฤดูกาลเลกที่สองของJ Leagueอีกด้วย

            โกลได้รับความไว้วางใจจากโค้ชให้ยืนตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวจริง เพราะผู้รักษาประตูตัวหลักบาดเจ็บไปตั้งแต่ช่วงปลายเลกแรกแล้ว

            แม้จะได้ยินมาว่าเขาถูกตั้งคำถามมากมายถึงความเหมาะสม.. แต่โค้ชโยชินะกลับตัดสินใจให้เขาลงสนามเป็นตัวหลัก

            โกลจึงตั้งใจเป็นพิเศษ.. เขามองลูกไม่วางตา

            กระทั้งจังหวะนี้ที่กองกลางทีมไฟเตอร์พาลูกบอลมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ แต่เขามองเพื่อนแล้วไม่เห็นว่าไม่สามารถจ่ายให้ได้ เขาจึงตัดสินในใช้ความสามารถของตัวเองทะลวงเข้ามา

            เทนโด้ อากาชิ กองกลางตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่น เขาใช้การหลอกล่อจนตัวผู้เล่นของนารางง แล้วก็พาลูกเลี้ยงหลบเข้ามา

            โกลที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงตั้งท่า

            ลูกยิงของเทนโด้นั้นแรงมาก โกลเคยเห็นมาแล้วจากเทปการแข่งขันที่โค้ชเอาให้ดู

            โกลตั้งมั่น..

            เทนโด้สับเท้าขวาข้างถนัด ส่งลูกบอลออกไปโดยเลือกที่มุมบนซ้าย

            โกลอ่านทางได้แม่นยำ พุ่งตัวออกไปแล้วปัดได้เต็มฝ่ามือ ลูกบอลกระแทกมือที่แข็งแรง แล้วลอยออกไปด้านหลังประตู

            ไฟเตอร์ โอซากะ ได้ลูกเตะมุม..

            โกลหันไปชี้ตำแหน่งให้ผู้เล่นแนวรับของทีมนารายืนตำแหน่งป้องกัน

            แล้วเขามองไปนอกกรอบเขตโทษ เห็นหนุ่มไทยอีกคนที่อยู่นอกกรอบเขตโทษ เขายิ้มมา.. รอยยิ้มนั้นราวกับจะทอแสงในประกายแดด

            แล้วลูกเตะมุมก็ลอยมา

            โกลโดนเบียดอย่างแรง โดยศูนย์หน้าทีมคู่แข่ง แต่เพราะโกลสูงกว่า และแข็งแรงกว่า ทำให้เขาสามารถชกลูกออกไปจากเขตประตูได้

            ลูกบอลลอยมาในตำแหน่งเทนโด้ยืนอยู่ เขายิงซ้ำทันที เป็นการยิงเล่นทาง..

            ลูกทำท่าจะมุดลงใต้คานอยู่แล้ว แต่โกลก็ยังกลับตัวไปเอื้อมมือบล็อกไว้ได้

            ลูกบอลไม่ได้ไปไหนไกล ลอยมาที่ศูนย์หน้าจากบราซิล เขาโหม่งกดลูกลงพื้นทันทีกะจะให้กระดอนเข้าที่ด้านซ้าย

            ลูกบอลกระทบพื้นแล้วกระเด้ง มันลอยเข้าประตูอย่างใจของผู้โหม่ง.. ก่อนม้นจะข้ามเส้น

            โกลใช้เท้าซ้ายดักมันเอาไว้ พอมันตกพื้นเขาก็เตะตูมออกไปอย่างแรง

            เสียงจากคนดูครางดังฮือเพราะจังหวะที่ต่อเนื่อง  แล้วเมื่อลูกบอลออกจากเขตเส้นข้าง บนอัฒจันทร์หนุ่มคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแห่งนาราที่ติดตามมาเชียร์ทีมโปรดก็ลุกขึ้น

            เขาปรบมือให้แก่ผู้รักษาประตูที่สามารถป้องกันลูกยิงและลูกโหม่งที่จัดการได้ยากเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ

            แล้วแฟนบอลคนอื่นก็ทำตาม เสียงปรบมือจึงดังก้องไปทั้งสนาม

            ในสนาม หนุ่มไทยอีกคนก็ปรบมือให้โกลแล้วชูนิ้วโป้งให้เป็นชมเชย   

           

            โยชินะ อากิกอดอกอยู่ข้างสนาม วันนี้เขาวางหมากลงมาเสี่ยงมาก แม้จะเป็นเกมที่วางไว้เพื่อตั้งรับ แต่เพราะการที่เขาตัดสินใจเอาตัวผู้เล่นชาวไทยลงสนามพร้อมกันสองคน ทั้งที่ทั้งสองเคยเล่นกับทีมใหญ่ไม่กี่นัดเท่านั้น..

            นี่หละความเสี่ยง..

            แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เขาไม่ได้มีผู้เล่นให้เลือกมากมายเหมือนทีมอื่น ดังนั้นทรัพยากรที่มีจำต้องใช้อย่างคุ้มค่า

            แต่นี่ก็ผ่านมาถึงครึ่งหลังมาแล้วเกือบถึงนาทีที่แปดสิบของการแข่งขัน มันบอกว่าเขาคิดไม่ผิด

             โกล ไอ้หนุ่มร่างสูงจากประเทศไทยแสดงความเป็นสุดยอดผู้รักษาประตูออกมาด้วยความเด็ดขาดในการจัดการป้องกัน

              ทั้งที่ไฟเตอร์ โอซาก้า เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในเลกแรก แต่กลับยังไม่สามารถยิงผ่านการป้องกันของโกลไปได้..

            วันนี้โกลทำหน้าที่ประดุจบานประตูขนาดยักษ์ของวิหารโทไดจิ แข็งแรงและมั่นคง..  เขาเก่งกาจกว่าตอนที่เล่นกับทีมชาติญี่ปุ่นชุด U19เสียอีก..

     เป็นพัฒนาการที่เห็นได้อย่างชัดเจน..


            โกลไม่ต้องมองนาฬิกา ก็รู้ว่าใกล้หมดเวลา.. เพราะตอนนี้ไฟเตอร์ดาหน้ากันเข้ามาเดินเกมรุกใส่พวกเขาอย่างดุเดือด

            โกลทั้งปัด ทั้งรับ ทั้งสกัดออกไปหลายต่อหลายครั้งจนรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเหมือนๆกับเพื่อนๆที่วิ่งกันตลอดเกม

            แล้วเทนโด้ก็ได้บอลอีกครั้งจากการถ่ายบอลกันไปมาหน้ากรอบเขตโทษ

            เขาทำท่าจะจ่าย แถมมีตัวผู้เล่นตัวอื่นขยับจะวิ่ง

            แต่ฉับพลัน เขาก็ง้างเท้ายิง..

            ลูกพุ่งมาอย่างแรง แต่โกลก็ยังพุ่งไปรับไว้ได้ด้วยสองมือ

            เขายั้งกายไม่ให้ล้ม มองไปข้างหน้าแล้วก็ปล่อยลูกลงพื้นก่อนจะเตะออกไป..

            นี่คือโอกาสที่โกลรอมาตลอดเกม..

            ตานายแล้ว.. แสดงให้คนที่นี่เห็นว่านายเก่งแค่ไหน โกลฝากลูกบอลไปบอกให้หนุ่มไทยที่กำลังวิ่งแข่งกับผู้เล่นของไฟเตอร์ โอซาก้าไป

            การวิ่งของเขาเป็นไปอย่างแข็งแรงแม้จะเข้าสู่นาทีที่เก้าสิบแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถเร่งให้ตัวเองวิ่งแซงผู้เล่นกองหลังของคู่แข่งได้

            ลูกยังลอยอยู่ในอากาศแต่ต่ำลงเรื่อยๆ

            ผู้รักษาประตูจอมเก๋าแห่งไฟเตอร์ พุ่งตัวออกมาหมายจะสกัด

            ลูกบอลกระทบพื้นแล้วกระเด้ง มันมุ่งมาในกรอบเขตโทษ

            ผู้รักษาประตูหมายจะคว้าลูกบอลไว้ให้ได้ 

            แต่พลัน..

            เท้าขวาเตะไปใต้ลูกบอลให้มันลอยขึ้น จากนั้นเหยียบหยั่งเท้า และใช้ความคล่องตัวพลิกกายหลบหลีกลีกร่างของผู้รักษาประตู แล้วก็วิ่งไปหาลูกบอล

            เด็กหนุ่มใช้เท้าซ้ายข้างถนัดเตะแปลูกอย่างไม่ต้องใช้แรงมากนัก.. ลูกบอลก็วิ่งเรียดข้ามเส้นประตูประตูที่ว่างโล่งไปอย่างนิ่มนวล...

            ทว่านั่น ก่อให้เกิดเสียงกึกก้องราวกับฟ้าถล่ม เป็นเสียงของกองเชียร์ทีมนารา ธันเดอร์เดียร์.. ธงรูปกวางดาวบนพื้นสีแดงน้ำเงินสะบัดกระพือฉลองประตูนั้นอย่างทรนง..

            โกลชูกำปั่นแล้วกระชากลงอย่างสะใจ แล้วเขาก็ยืนมองเพื่อร่วมทีมเข้าไปแสดงความยินดีใจต่อประตูนั้นด้วยอาการลิงโลด  แต่ผู้ทำประตูก็ยังคงเพียงยิ้มและเดินกลับแดนตัวเองในขณะที่เพื่อนร่วมทีมลูบและตบบ่าเขา

            นั้นคืออากัปกิริยาประจำที่แฟนบอลภูเก็ต ยูเนียนคุ้นเคย..

            เขาพอเขามาถึงตำแหน่งตัวเอง เขาก็หันมาหาผู้รักษาประตูแล้วส่งรอยยิ้มให้อย่างจำเพาะเจาะจง..

            โกลก็ยิ้มตอบ..

            รอยยิ้มที่เติมใจให้กันละกัน.. รอยยิ้มที่มาจากหัวใจที่แสนผูกพัน..     

            “กูไม่ได้ตามมึงมานะเว้ยโกล.. แต่อารันต์กับลุงอ่ำบอกว่ากูควรมาญี่ปุ่นแทน เพราะเขาบอกว่ากูจะได้พัฒนาตัวได้ดีกว่า เพราอังกฤษมันยังเร็วไปสำหรับกู..”

            “แค่นั้น.. จริงอ่ะ”

            “เออๆ.. ก็กูอยากจะอยู่กับมึงนี่หว่า.. กูไม่สนหรอกอังกง อังกฤษ ตรงไหนมีมึง มีบอลให้เล่นกูก็อยู่ได้แล้ว.. กูมันมักน้อย แค่นี้ก็พอ.. แค่นี้กูก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว..”

            แม้เขาจะหันไปแล้ว แต่โกลยังมองอยู่ มองแผ่นหลังที่สวมหมายเลยสิบห้า และปักอักษร Dhepporn(เทพพร)

            “กูก็เหมือนกันโป้ง..” เขากล่าวออกไป




ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ฟิลลิ่งเหมือนนั่งเชียร์ข้างสนามจริงๆเลย  :hao6:
เชียร์โกล ชอบนิยายออกแนวนักฟุตบอล  :mew1: :mew1: ไม่ค่อยมีคนเขียนแนวนี้  :pig4:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :heavenกดบวกเป็ดบวกโพส
ตามสองหนุ่มมาติดๆ
ตอนแรกใจหายมาก นึกว่า ต้องแยกกันซะแล้ว

จะไปเชียร์ทุกสนามนะ นักแต่ง o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
น่ารักก

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน โป้งโกล:จบฤดูกาลแรกในญี่ปุ่น

 ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มลงตัว หลังจากนัดนั้นพวกเขาก็ยังได้เป็นตัวจริงต่อเนื่องสามนัด โดยโกลไม่เสียประตูเลยแม้จะเจอทีมใหญ่อีกทีมอย่างทีมจากฮิโรชิม่า แต่พวกเขาก็ยันเสมอได้ในเกมที่ต้องไปเยือน และมาชนะอีกสองนัดติดๆโดยโป้งยิงไปได้อีกสองประตู

            ดังนั้นวันนี้ที่เป็นวันหยุดพัก สองหนุ่มก็เลยสบายใจพอจะชวนกันออกมาเที่ยวในตัวเมืองนารา โป้งกับโกลยังไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ จึงต้องซื้อจักรยานมาเป็นพาหนะชั่วคราว     

            ระหว่างทางได้พบกับเด็กนักเรียน

            “โป้งซัง โกลซัง” เด็กเรียกแล้วโบกมือให้

            โกลกับโป้งก็ผงกหัวบนรอยยิ้มให้แล้วขี่จักรยานผ่านไปต่อไป

            เมืองนาราแม้จะเป็นเมืองหลวงเก่าและเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ดังนั้นโกลกับโป้งจึงกลายเป็นที่รู้จักในหมู่คนท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว โค้ชโยชินะบอกว่าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเรียกพวกเขาว่าโป้งจัง และโกลจังตามชื่อเล่น ดังนั้นคนในท้องถิ่นจึงได้เรียกไปตามนั้น

            ในแสงแดดของวันใกล้ฤดูร้อน วิหารพระใหญ่แห่งโทไดจิตั้งตระหง่าน โป้งมองความใหญ่โตที่ได้เห็นอย่างตื่นตะลึงตามนิสัยคนตื่นเต้นง่าย

            “โอ้โหทำไมมันใหญ่โตอย่างนี้หละ” โป้งยังพูดไม่ขาดปากตอนเดินเข้ามาภายใน         

            แต่พอหันมาเห็นโกลยกมือประนมไหว้พระพุทธรูปองค์มหึมาที่ตั้งตระหง่าน เขาก็เดินมาเคียงข้างยกมือไหว้

            ทั้งสองโยนเงินทำบุญลงไปในกล่องแล้วเดินไปดูรอบๆ

            ระหว่างที่โกลยืนมองเศียรของทวารบาลเก่า โป้งก็หันไปลองกอดเสาต้นใหญ่เพื่อทดสอบความใหญ่โต

            “โป้งกับโกลใช่ไหม” เสียงเรียกทำให้โกลหัน

            เป็นหนุ่มสาวชาวไทยกลุ่มหนึ่งน่าจะอยู่ในวัยเรียน แต่น่าจะอายุมากกว่าพวกเขา

            “ใช่จริงๆด้วย”

            ว่าแล้วก็พากันวิ่งมาขอถ่ายรูปกันใหญ่

           

            โกลกำลังยืนถ่ายภาพด้วยกล้องโทรศัพท์ สักเดี๋ยวก็ได้ยินเสียงโป้งทะเลาะกับกวาง

            “เฮ้ยบอกว่าไม่มีแล้ว” โป้งชูมือสองข้าง เจ้ากวางตัวโตก็ยังคงเดินเข้าหา สักเดี๋ยวก็กลายเป็นทั้งฝูง

            “โกลช่วยกูด้วย กวางมันรุมกู”

            โกลหัวเราะกับภาพโป้งโดนกวางตัวโตล้อมหน้าล้อมหลังไปหมด       

            “หัวเราะอะไรเล่า.. ไม่ขำนะมึง.. ดูพวกมันดิ.. จ้องอย่างกับจะกินกู” โป้งร้อง แล้วดันหัวกวางตัวหนึ่งที่พยายามจะเอาปากมุดไปในกระเป๋ากางเกง เขาก็พยายามดันหัวมันออกไป แต่อีกตัวก็พยายามจะมุดอีกข้าง

            “เฮ้ยไอ้ตะกละ บอกว่าไม่มีแล้วไง เฮ้ย..ไอ้พวกนี้”

            สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่ถือไม้มาแกว่งไปไล่กวาง ทั้งฝูงเลยถอยออกไป

            “ขอบคุณครับ” โป้งยกมือไหว้ ชายที่ไล่เป็นชายวัยกลางคนก็โค้งกลับ

            โป้งก็เลยโค้งบ้าง

            “มึงอะไม่ช่วยกูเลย.. เกือบโดนกวางรุมแล้วไหมหละ” โป้งอุทธรณ์พลางปัดขนกวางที่ติดกางเกง

            “มึงนี่เป็นอะไรมากไหม ไปไหนก็เที่ยวไปทะเลาะกับสิงสาราสัตว์อยู่เรื่อย” โกลส่ายหัวแล้วเดินนำหน้า

            “ก็พวกมันน่ะ กูก็บอกว่าหมดแล้วหมดแล้ว ยังตามมา มันตะกละมากเลยน่ะ” โป้งบ่นตอนเดินตามโกลไป

           

            โกลเอาซอสราดลงบนข้าวหน้าปลาไหล แล้วก็มองไปเห็นโป้งมองชุดอาหารของตัวเองด้วยความสนใจแล้วก็ถ่ายรูป

            “กินสิ เดี่ยวก็ชืดหมดพอดี” โกลบอก

            “เคยแต่เห็นในการ์ตูน เออ มันก็หอมดีเนอะ” โป้งกล่าวแล้วยกชามมาดม

            “ของแพงนี่.. มันก็ต้องน่ากินอย่างนี้หละ” โกลบอก

            เพราะรู้ว่าโป้งใช้ตะเกียบไม่เป็นพนักงานเสริพก็อุตส่าห์เอาช้อนมาให้ เขาเลยใช้ช้อนตักเข้าปาก

            “อู้อร่อยจัง..” เขาร้องทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก     

            โกลอดอมยิ้มไม่ได้ ไอ้โป้งมันไม่ใช่คนตลก มันไม่มีมุกมากมายอะไรนักหนา แต่กลับทำให้โกลยิ้มได้อยู่เรื่อยๆ

            “ทีหลังเคี้ยวให้หมดก่อนก็ได้” โกลว่าแล้วก็เอาตะเกียบคีบกินแบบคนญี่ปุ่น

 

 

            กลับมาที่พักซึ่งก็เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่เรียกตามแบบญี่ปุ่นคือ 3LDK ซึ่งค่าเช่าต่อเดือนก็ตกราวๆเกือบlสองแสนเยน แต่เพราะโกลได้เงินเดือนที่สี่แสนห้าหมืนเยน ส่วนโป้งได้มากกว่าที่ห้าแสนหนึ่งหมื่นเย็นซึ่งทำให้พวกเขามีเงินพอจ่ายได้  แถมเวลาไปซ้อมก็มีอาหารให้กินด้วย

ก็นับว่าเป็นค่าตอบแทนที่ดีพอใช้ซึ่งถ้าเทียบก็มากกว่าพนักงานกินเงินเดือนในญี่ปุ่นหลายๆตำแหน่งด้วยซ้ำไป แต่ก็นับว่าถูกมากหากเทียบกับเงินเดือนนักเตะต่างชาติจากคนอื่นๆ

            แม้จะกินข้าวหน้าปลาไหลมาจนเต็มคราบ เจ้าโป้งก็ยังลุกขึ้นมาเปิดเตาเจียวไข่กินก่อนนอนอีก

โกลมองโป้งเอาซอสราดบนไข่แล้วรู้สึกเลี่ยนแทน

“โกล..” โป้งถามตอนที่มองตามองทีวี

“เราไปเรียนภาษาญี่ปุ่นกันไหม”

“อืม.. ก็ดีนะ แต่เราจะมีเวลาเรียนเหรอ” โกลตอบมือก็เอาผ้าถูทำความสะอาดเครื่องเรือน

“ฉันถามจาก ฮิซากินะ เขาบอกว่ามีคนไทยอยู่ในเมืองนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เขารับสอนภาษาญี่ปุ่นให้คนต่างชาติด้วยหละ” โป้งกล่าว

โคกิ ฮิซากิเป็นนักเตะวัยใกล้เคียงกับพวกเขาที่สุดคืออายุเท่ากับโกล ตำแหน่งกองหลังตัวกลาง เขาเป็นคนที่ขวนขวายเรียนภาษาจึงสนใจจะคุยกับโกลและโป้งเป็นภาษาอังกฤษ

"ก็ดีเหมือนกันนะ"


โกลและโป้งยังคงมาถึงสนามซ้อมก่อนใครในทุกวัน แม้คนญี่ปุ่นเองจะได้ชื่อว่าตรงต่อเวลาแต่ก็ยังแพ้เด็กจากประเทศไทยสองคนนี้ สิ่งที่พวกเขามีคือความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงในสายตาของโยชินะ อากิ..

“โยชินะคุง” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้เขาหันไป

“ท่านประธาน” โยชินะทักทายและโค้งให้อย่างนอบน้อม

“อรุณสวัสด์ครับท่าน”

โมริอากะ โทชิโร่ นักธุรกิจใหญ่ตบบ่าชายหนุ่ม

“ผมพึ่งจะว่าง ยังไม่ได้เห็นสองคนไทยเลย.. นี่ใช่ไหม.. เออขยันดีนี่ มาถึงก็วิ่งกันเลย”

โยชินะมองลงไปในสนาม

“ครับ.. สองคนนี้เป็นเด็กที่มีวินัยมาเรื่องการฝึกซ้อม เขาไม่เคยมาสาย ไม่เคยกลับก่อนใคร เป็นคุณสมบัติที่ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอายุยังน้อยแต่ถึงได้มีความสามารถกันขนาดนี้”

โมริอากะยิ้ม

“ผมเคยไปดูเขาที่ประเทศไทยเมื่อปีก่อน พอดีผมไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่เป็นนักธุรกิจคนไทย เขาเป็นหุ้นส่วนของทีมภูเก็ต ยูเนี่ยน ผมเลยได้ไปดู สองคนนี้โดดเด่นมากทั้งที่อายุน้อยมาก ผมเลยตัดสินใจจะดึงตัวมาเล่น.. แล้วเป็นยังไง เข้าท่าใช่ไหม”

“ครับ” โยชินะโค้งตอบ

“น่าประทับใจมาก”

โมริอากะพยักหน้า

“แต่ก็อย่าใช้งานหนักเกินไปนะ หักโหมพวกเขาเกินไปเดี่ยวจะแย่ เพราะยังอายุน้อยกันอยู่ ถ้านักเตะตัวหลักของเรากลับมาครบ ก็คงให้เขาสำรองพักบ้าง ตอนนี้ลงต่อเนื่องไปกี่นัดแล้วนะ”   

“ถ้ารวมเมื่อวันอาทิตย์ก็นัดที่เจ็ดแล้ว.. แต่พวกเขาก็ยังดูแข็งแรงกันดี.. แต่ผมก็จะให้พักอยู่แล้วหละครับ เพราะตอนนี้เราได้นักเตะตัวหลักกลับมาเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว” โยชินะตอบ

ท่านประธานพยักหน้าแล้วกอดอกมองสองหนุ่มวิ่งไปในสนาม แต่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มอีกคนออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วร่วมวิ่งด้วย

 

“ได้สิ” โคกิ ฮิซากิตอบขณะวิ่งไปด้วยกัน

“วันเดี่ยวเลิกซ้อมเราไปหาเขาก็ได้นะ เพราะบ้านของเขาอยู่ใกล้ๆนี่เอง”

“เขาเป็นคนไทยใช่ไหม” โป้งถามซ้ำเพื่อให้แน่ใจ

“ใช่” ฮิซากิตอบ เขายิ้มแล้วบอกลายละเอียด

“อายุมากกว่าเราสามปีนะ ฉันเลยเรียกรุ่นพี่ เขาชื่อไทยว่า ไอศูรย์ แต่ฉันเรียกเขาว่า อิโตะซัง เป็นคนไทยที่อยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กเพราะคนญี่ปุ่นรับเขาเป็นลูกบุญธรรม แต่เขายังพูดภาษาไทยได้ดีมาก”

หลังเลิกซ้อม ฮิซากิก็โทรศัพท์ไปหาอิโตะซังของเขาก่อนจะพาโกลกับโป้งไปที่บ้านหลังเล็กกะทัดรัดแต่น่าอยู่

“ฉันอยู่บ้านนี้คนเดียว” ไอศูรย์กล่าวเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเป็นภาษากลางที่ทั้งหมดเข้าใจ

“พ่อไปทำงานที่นาโกย่า ท่านอยู่บริษัทรถยนต์ ส่วนแม่ก็เสียไปได้สองปีแล้ว”

แล้วเขาก็รินชาเสริพให้สามนักฟุตบอล

“มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สิบขวบถึงตอนนี้ก็สิบเอ็ดปีแล้ว.. แต่ฉันก็ยังพูดไทยได้คล่องนะ.. และยังคิดถึงเมืองไทยอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้กลับไปหรอก กลับไปครั้งสุดท้ายเกือบสี่ปีแล้ว”

“ฉันอยากเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่นานแล้วแต่ก็ไม่มีเงินเรียน พอดีได้รู้จักกับรุ่นพี่อิโตะ เขาก็สอนให้เพราะพี่เขาถนัดทั้งสามภาษา” ฮิซากิเล่าบ้าง

“สองคนเก่งมาเลยนะ.. แบบนี้เล่นในญี่ปุ่นได้สบาย.. แต่ที่นี่มีธรรมเนียมเรื่องการฝึกฝนตัวเอง เราต้องขยันตรงต่อเวลา แล้วก็ทุ่มเท นี่เป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเลย” ไอศูรย์แนะนำตามภาษาคนที่อยู่มาก่อน

“ไม่ต้องห่วงรุ่นพี่ สองคนนี้ขยันมาก มาซ้อมก่อนใครทุกวัน วันที่ไม่มีซ้อมพวกเขาก็ยังลุกขึ้นมาวิ่งกัน ขนาดโค้ชยังชมเลย” ฮิซากิบอก

            โป้งกับโกลยิ้มให้แก่กัน

            “เรียนพูดไม่อยากหรอก แต่เขียนจะลำบากนิดหนึ่งนะ ก็มาที่นี่อาทิตย์สามวันก็ได้ เรียนวันละสองชั่วโมงก็คงพอ สักสองสามเดือนก็คงพอโต้ตอบกับคนอื่นได้ ว่างๆนี้ก็ฝึกกับฮิซะกิไป แต่” แล้วไอศูรย์ก็หันไปหาฮิซากิ

            “แต่นายห้ามสอนพูดคำหยาบนะ ไม่ต้องสอนด่าด้วย”

            ฮิซากิหัวเราะพลางลูบหัว

            “ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก เซนเซย์”

            แล้วทั้งคู่ก็หยุดสบตากันแว่บหนึ่ง

            โกลสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่างจากแววตาของทั้งคู่ แต่เจ้าโป้งมัวสนใจกับถ้วยชาที่เป็นงานปั้นมือ

 

          ตำแหน่งในทีมของโกลกับโป้งพ้นจากภาวะเสี่ยงไปเรียบร้อย โดยโกลสลับกับผู้รักษาประตูตัวหลักเป็นตัวจริงคนละสองนัด ส่วนโป้งลงตัวจริงสองนัด สลับเป็นตัวสำรองสองนัด

            โค้ชโยชินะพิจารณาจากการวิเคราห์ข้อมูลที่บันทึกไว้อย่างละเอียดในแบบญี่ปุ่น โป้งลงสนามไป 1197 นาทีในสิบหกนัด ยิงประตูไปแล้ว11ลูก เฉลี่ยเขาแล้วจะเขาจะใช้เวลาประมาณ109นาทีในสนามเพื่อหนึ่งประตู นั่นถือว่าดีมากสำหรับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวต่ำและกองกลางตัวรุก

            ส่วนโกลลงสนามไป 951นาทีในสิบหกนัด ป้องกันประตูได้ 65 ลูก เสียประตูไป6ลูก คิดเป็นแค่ 3.9 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการป้องกันประตู

            นั้นนับว่ามีส่วนอย่างมากกับผลงานชนะ8 เสมอ 5 และแพ้เพียงสองนัด ได้มา 30แต้ม อยู่ที่อันดับ6 ซึ่งมากกว่าครึ่งฤดูกาลแรกที่พวกเขาชนะจบ 17นัดด้วยผลงานชนะ 5 เสมอ 7 และแพ้5นัดได้ไป22คะแนน อยู่ที่อันดับ9

            นั้นเป็นผลงานที่ดีมาก..

            ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เสียงนกหวีดยาวก็ดังขึ้นอีก เป็นสัญญาณการได้ประตู มองไปก็ห็นโป้งวิ่งเหยาะๆกลับมาที่แดนตัวเองโดยมีเพื่อนๆร่วมดีใจ นั้นแปลว่าเขายิงได้อีกลูกหนึ่ง และสกอร์บอร์ดก็แสดงผลเป็น สี่ประตูต่อศูนย์

            “ยอดเยี่ยมเลยนะ” โค้ชโยชินะหันมากล่าวกับผู้ช่วย โอกิดะ นากามูระ

            “ครับ” โอกิดะตอบ

            “เรามี 33 แต้มได้อันดับสามในเลกสอง รวมสองเลกเราก็ได้ 55 คะแนน..อยู่อันดับที่ 6 เราก็ถือว่าดีมากเพราะปีที่แล้วเราได้แค่ 43 แต้ม..อันดับที่ 11 แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าเราทำได้ดีมากโดยเฉพาะครึ่งหลัง..”

            “อืม.. คุณว่าโกลซังกับโป้งซังมีส่วนแค่ไหน” โยชินะหันไปถาม

            “แน่นอนที่สุดครับ.. พวกเขาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากเลย.. สำคัญมากเลยจริงๆ”

            แล้วนกหวีดยาวสิ้นสุดการแข่งขัดนัดสุดท้ายของเจลีกก็ดังขึ้น

            โกลจับมือกับคู่แข่งแล้วก็เดินมาเรื่อยๆเพื่อกลับไปยังอุโมงค์ โป้งเดินมาเคียงคู่กับเขา

            โป้งมองไปบนอัฒจันทร์เห็นแฟนบอลเจ้าบ้านหลายคนกำลังหลั่งน้ำตาแต่ก็ปรบมือให้ทีมรักของตน เพราะทีมของพวกเขาตกชั้นไป J2

          “น่าสงสารเนอะ นี่กูรู้สึกผิดเลยนะตอนที่ยิงลูกสุดท้าย.. ไม่น่ายิงเลย มึงก็โหดเกิน เขาบุกแทบเป็นแทบตาย มึงก็เซฟจัง”

            โกลหันไปมองหน้าโป้ง แล้วก็ขยี้หัว

            “ก็มึงเคยบอกไม่ใช่เหรอ ว่าการไม่ออมมือคือการไม่ดูถูกคู่แข่ง.. พวกเขาคงอยากแพ้โดยเราสู้เต็มที่ มากกว่าชนะโดยที่เราอ่อนข้อให้”

            โป้งยังมองอัฒจันทร์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าสร้อย พอดีมีเด็กเก็บบอลในสนามคนหนึ่งวิ่งมา

            “โป้งซัง ผมขอเสื้อของคุณได้ไหม” เขาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นช้าๆ

            โป้งมองหน้าเขาก่อนจะยิ้ม เด็กชายคนนี้น่าจะอายุราวสิบสามหรือสิบสี่ปี อาจเป็นนักฟุตบอลระดับเยาวชน

            โป้งถอดเสื้อแล้วส่งให้

            เขาโค้งพร้อมบอกคำขอบคุณแล้วยิ้มอย่างปลาบปลื้ม จากนั้นก็หันมาหาโกล

            “ของคุณด้วยได้ไหม โกลซัง เพื่อนของผมฝากมาขอ”

            โกลก็ถอดเสื้อให้แล้วก็วางมือบนไหล่ของเด็กชาย

            “เป็นนักฟุตบอลหรือเปล่า” เขาถามเป็นภาษาญี่ปุ่น

            “ใช่ครับ” เด็กชายตอบ

            “จำไว้นะ.. อยากเหมือนพวกเรา ต้องขยันฝึกซ้อม.. เสื้อของเราไม่ได้ทำให้เธอเก่งขึ้น มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่จะทำให้เธอเก่งขึ้นได้” โกลกล่าว

            เด็กชายนิ่งไป แล้วเขาก็โค้งอย่างอ่อนน้อม

            “ครับ ผมจะจำเอาไว้ให้ดี”

            แล้วสองนักฟุตบอลก็เดินคู่กันไป โดยมีเด็กชายมองตามหลังไป เขาเม้มปากแล้วพยักหน้าช้าๆ

            “เท่ชะมัดเลยนะ สองคนนี้”




ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน โคกิ ฮิรากิ: เราก็เดินเป็นคู่ไม่ใช่เหรอเซนเซย์

แม้ในมีรายการชิงแชมป์โดยจะมีการแข่งขันของมีที่ได้5อันดับแรกเพื่อจะหาทีมที่จะได้ถ้วยแชมป์เจลีกไปครอง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับทีมอันดับหกอย่างพวกเขา

การต่อสู้ในฤดูกาลนี้ของนารา ธันเดอร์ เดียร์จบลงโดยสมบูรณ์แล้ว

ดังนั้นสองหนุ่มจึงได้รับวันหยุดเกือบหนึ่งเดือนเต็มๆ ซึ่งโป้งกับโกลตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวให้ทั่วประเทศญี่ปุ่น  พอบอกแผนนี้กับฮิรากิเขาก็อยากตามไปด้วยแต่เขาไปได้แค่สามสี่วันเท่านั้นเพราะเขามีโปรแกรมจะไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวของมาริจังแฟนสาวของเขา

ฮิรากิมารออยู่แล้วที่สถานีรถไฟเจอาร์นารา ตื่นตัวเมื่อเห็นโป้งกับโกลเดินมาโดยลากกระเป๋ากันมาคนละใบ

แต่รู้สึกแปลกที่โกลกับโป้งไม่มองหน้ากันหันคนละทาง

     “โอไฮโย โป้งคุง โกลคุง” ฮิรากิทัก

            สองคนก็หันมายิ้ม

            “ทะเลาะกันเหรอ” ฮิรากิถามตรง

            โกลเหลือบมองก่อนจะหันไปทางอื่น

            “มันน่ะงี่เง่า” โป้งตอบแล้วเมินบ้าง

            “ขอโทษที่มาช้า” เสียงไอศูรย์เดินมา

            “ไปเถอฉันจองรถรถเที่ยวแปดโมงไว้”

         

          เพราะเห็นท่าทีสองคนมึนตึงต่อกัน ดังนั้นตอนที่โป้งกับฮิรากิลุกไปเข้าห้องน้ำ ไอศูรย์เลยถามโกล

            “เป็นอะไรกัน” ไอศูรย์ถามเป็นภาษาไทย

            “ทะเลาะกันใช่ไหม”

            ที่นั่งของขบวนรถนี้สามารถปรับหันมาเจอหน้ากันได้ โกลเลยได้มองหน้าไอศูรย์ ไอศูรย์เป็นหนุ่มร่างเล็กผิวขาวจัด ดวงตากลมๆโตๆ หน้าตาอ่อนกว่าวัยยี่สิบต้นๆจนเหมือนเกือบเท่าพวกเขา

            “ก็ทะเลาะกันเรื่องกระเป๋า ไอ้โป้งมันจะให้ใส่ใบเดียว แต่ผมคิดว่าน่าจะใส่สองใบจะได้ต่างคนต่างลาก ไม่ต้องมาพะวักภวังค์ ก็เลยทะเลาะกัน” โกลตอบ

            “เรื่องมันก็แค่นี้ล่ะ เซนเซย์  มันงี่เง่า” เสียงสุดท้ายเหมือนเริ่มมีอารมณ์

            ไอศูรย์ยิ้ม

            “ทะเลาะกันบ่อยเหรอ”

            “ก็ไม่ค่อยบ่อย.. ไอ้โป้งบางทีมันก็เรื่องมากเกิน บางทีมันก็ขี้บ่น ผมก็อดจะย้อนมันไม่ได้ก็เลยทะเลาะกัน”

            ไอศูรย์ยิ้มกริ่ม มองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันมาถามตรง

            “สองคนเป็นแฟนกันใช่ไหม”

            โกลอึ้ง

            “ไม่ต้องกลัว ฉันเข้าใจ..” ไอศูรย์ยิ้ม

     ”จริงอยู่ที่ญี่ปุ่นอาจไม่ค่อยยอมรับเรื่องพวกนี้นัก เพราะพวกเขาเป็นสังคมประเภทอุดมคติสูง คิดอะไรเป็นกรอบแบบแผน แต่เดี๋ยวนี้ก็เปิดมากขึ้นแล้วหละ แต่ก็ไม่ควรไปแสดงออกอย่างชัดเจน อย่างที่สองคนทำน่ะ ดีแล้วเพราะไม่โจ่งแจ้งเกินไป”

            โกลมองออกไปข้างนอก ก่อนจะหันกลับมา

            “ก็อย่างนั้นล่ะ เซนเซย์  เราไม่ได้ปิดบังนะ แต่เราแค่ไม่ไปป่าวประกาศไปทั่วก็เท่านั้นเอง”

            ไอศูรย์พยักหน้า แล้วเขาก็ถอนหายใจ

            “บางที ฉันก็อิจฉาพวกนายนะ.. ได้แสดงออกในสิ่งที่ใจคิด.. แต่ใครสักกี่คนที่จะทำได้อย่างนั้น.. เพราะเรารักเขา ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะรักเราจริงไหม.. แต่พวกนายใจตรงกัน”

 

            เมืองอูจิเป็นเมืองไม่ใหญ่นัก แต่มีบรรยากาศงดงามและยังเป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในสมบัติชาติของญี่ปุ่นคือศาลาโฮโดหรือศาลาฟินิกซ์ สี่หนุ่มเดินชมเมืองโดยมีไอศูรย์อธิบายเป็นฉากๆ เพราะไอศูรย์นอกจากจะเป็นผู้เชียวชาญภาษาแล้วยังเรียนสาขาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วย

            ไอศกรีมชาเขียวที่เป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่ง เพราะอุจิเป็นแหล่งชาดีตั้งแต่สมัยโบราณ  สี่หนุ่มเลือกร้านที่ตกแต่งได้น่ารัก

            นายโป้งกินอย่างอร่อยด้วยรอยยิ้ม โกลหันมาเห็นแล้วก็ยิ้ม

            เหมือนเด็ก.. ไอ้ตีนซ้ายอันตรายในสนาม มาตอนนี้เหมือนเด็กห้าหกขวบ แถมกินเลอะจนไอศครีมติดแก้ม

            เขาก็เลยเอากระดาษทิชชู่เช็ดให้

            “กินเหมือนเด็ก” โกลว่า เขายิ้มละไม

            โป้งมองดวงตาและรอยยิ้มนั้น

            “ก็มันอร่อยนี่” โป้งท้วง

            “มึงก็อร่อยทุกอย่างหละโป้ง ทำอะไรระวังตัวหน่อย มิน่าแม่มึงต้องคอยเตือนตลอด”

            โป้งนิ่ง แล้วยิ้มออกมา

            “จะระวังทำไม ก็มึงคอยดูแลกูตลอดอยู่แล้วนี่”

            ฮิรากิมองสองคนด้วยรอยยิ้มที่ห้ามไม่ได้ เขาหันไปมองไอศูรย์ที่กำลังจิบน้ำแล้วมองไปที่ถนน..

 

            ศาลาฟินิกซ์งดงามอยู่กลางสระสีมรกตที่สะท้อนเงาอาคาร อาคารทรงที่ได้รับอิทธิพลศิลปะจีน มีอาคารเล็กสองข้างมีทางเดินเชื่อม ด้านหลังอาคารหลักมีอาคารอีกหลังตั้งอยู่และมีทางเดินเชื่อม เหมือนนกขนาดใหญ่กำลังกางปีก บนหลังคามีนกฟินิกซ์กางปีกอยู่บนยอดหลังคา

            โป้ง โกล และฮิรากิ ยืนกอดคอถ่ายรูปที่มุมด้านหน้าที่มองข้ามบึงน้ำไปเห็นอาคารแผ่ปีกไปทั้งสองด้าน

            พอถ่ายเสร็จสามหนุ่มก็หยอกกันพอสนุกสนาน ไอศูรย์จึงต้องอมยิ้มกับภาพนักฟุตบอลอาชีพทั้งสามเล่นกันอย่างกับเด็ก

            “เอ้าเด็กพอแล้ว ตั้งแถวๆ” เขาเดินเข้าไปแล้วยกมือเหมือนเวลาอาจารย์โรงเรียนประถมทำเวลาจัดแถวเด็กนักเรียน

            ฮิรากิก็เลยวิ่งมายืนตรงเป็นคนแรก โกลกับก็ยืนต่อหลัง

            “ตามเซนเซย์มานะ” แล้วไอศูรย์ก็เดินนำหน้าไป

            “เราจะไปไหนกันต่อฮับ เซนเซย์”

            “พิพิธภัณฑ์”

            “ไปทำอะไรฮับเซนเซย์”

            “ไม่เอา ไม่เอาจะกินไอติม”

            “กินอะไรเยอะแยะโป้งจัง.. กินไปสี่โคนแล้วยังไม่พออีกเหรอ”

            “ตะกละ”

            “โอ้ย..เซนเซย์ โป้งจังกัดผม”

            “ไม่เอาสิโป้งจัง โกลจังอย่าเล่นกันแรงๆ”

 

            จากอูจิสี่หนุ่มก็เดินทางต่อไปและแวะที่เมืองเล็กเมืองหนึ่งก่อนถึงเกียวโต เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของญี่ปุ่นคือฟุชิมิ

            สามหนุ่มนักฟุตบอลก็หยอกกันพลางถ่ายรูปไปตลอดแนวเสาโทรินับพันๆต้นของศาลาเจ้าเทพเจ้าอินาริและศาลของเทพจิ้งจอกขาว แล้ววรรคด้วยการที่มีแฟนฟุตบอลทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำได้ก็ทักทาย บางทีก็เป็นคนไทยก็ขอถ่ายรูปกับโป้งและโกล

            ไอศูรย์ยังติดตามเรื่องราวที่เมืองไทยเสมอแม้จะจากมานาน ตอนนี้ที่เมืองไทยสองหนุ่มกำลังดัง เพราะการที่เขาเดินทางมาค้าแข้งถึงต่างแดน แถมทำได้ดีและพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าที่ย้ายมาไม่ใช่การโปรโมทลีกของญี่ปุ่น

            ดังนั้นจึงเกิดกระแสตื่นตัวในหมู่ราชการไทยที่ร่วมหันมาปรับปรุงฟุตบอลระดับเยาวชนและแผนผลักดันให้มีลีกระดับเยาวชนซึ่งเป็นหนทางการพัฒนาเด็กไทยไปสู่อนาคต

            ไอศูรย์ก็ชื่นชอบฟุตบอล เพียงแต่เขาตัวเล็กเกินไปจะเล่น ก็เลยหันมาเรียนหนังสือ  ที่จริงเขามาจากครอบครัวที่ยากจน แต่โชคดีที่ได้พบกับโอโตะซังและโอกะซัง(พ่อกับแม่)ที่รับเขามาเลี้ยง แต่ยังมีเพื่อนเขาอีกหลายคนที่ไม่ได้โชคดีอย่างนั้น

เขาเศร้าใจกับข่าวคราวจากเพื่อนที่ยังติดต่ออยู่แจ้งมาถึงจุดจบที่น่าอนาถใจของเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกันสมัยก่อนที่หลงเดินทางผิดหันไปหายาเสพติด  เขาหวังว่าฟุตบอลที่พัฒนาอย่างเข้มแข็งจะเป็นแรงดึงดูดด้านบวกที่ต่อต้านกับขบวนการยาเสพติดที่พยายามชักจูงเยาวชนให้หลงไป

 

โป้งเอาทาโกะยากิใส่ปากเคี้ยวอย่างอร่อย โกลมองแล้วก็ส่ายหัวเพราะเขากินมาตลอดทางจริงๆ

“นี่มึงพึ่งกินคิซูเนะ อูด้ง(อูด้ง จิ้งจอก)ไปไม่ถึงชั่วโมงมากินต่ออีกแล้ว.. มึงนี่ สงสัยจะเป็นควาย มีสี่กระเพาะ” โกลส่ายหัว

โป้งทำหน้าไม่ยี่หระเคี้ยวเอื้องหยับๆให้ดูด้วย

ให้กินเท่าไหร่มันก็ไม่อ้วนหรอก เพราะโป้งมีระบบเผาพลาญราวกับเตาปรมาณู ดังนั้นแม้เขาจะกินเท่าไหร่มันก็เผาเป็นพลังงานหมด ตรงนี่กระมังที่โกลสันนิฐานว่าเป็นต้นเหตุของอาการลุกลี้ลุกลน สนใจอะไรรอบตัวของมัน

“เอ้าเจอแล้ว..” ฮิซากิร้องแล้วชี้ลงในแผนที่

“ใกล้ๆนี่เอง”

“อืม.. ข้ามไปฝั่งตรงข้ามเดินทะลุศาลเจ้ายาซากะไปก็ได้นี่” ไอศูรย์ว่า

“แล้วไปเช็คอินกันก่อน แล้วค่อยกลับมาเดินเล่นในกิออนตอนเย็นๆ เผื่อจะเจอไมโกะ(เกอิชาฝึกหัด)ด้วย”

“เทนโชซัง ผมขออีกชุดหนึ่งครับ” โป้งรีบหันไปสั่งด้วยภาษาญี่ปุ่นด้วยสำเนียงดีพอตัว

“ไฮ รอสักครู่ครับ” คนขายหันมาตอบ

“กินล้างกินพลาญ” โกลว่า

โป้งหันทาทำเชิดใส่แล้วก็จิ้มทาโกะยากิลูกสุดท้ายในถาดกระดาษกินโชว์อีกต่างหาก

 

ในแสงสีของย่านกิออน โกลกับโป้งเดินคู่กันชี้ชวนดูป้ายไฟอย่างร่าเริง

ฮิรากิมองแล้วก็ยิ้ม

“เห็นแล้วคิดถึงมาริจังหรือไง” ไอศูรย์กล่าวแล้วมองไปตรงๆ

“ทำไมไม่ชวนมาด้วย”

ฮิรากิหันไปมองหน้าไอศูรย์ ยามนี้หน้าไอศูรย์มีแสงไฟฉาบดูงดงามไปอีกแบบ

“เขามาด้วยมันก็ไม่สนุกหรอก.. เรามากันแค่สี่คนดีแล้ว”

“แล้วไม่เหงาเหรอ.. น่าอิจฉาจะตายเห็นพวกเขาเดินเป็นคู่แบบนี้” ไอศูรย์ถามกลับ

ฮิรากิมองโป้งกับโกล แล้วเขาก็สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกมา

“เราก็เดินเป็นคู่ไม่ใช่เหรอเซนเซย์” แล้วเขาก็ยิ้มเพราะได้พูดสิ่งทีอยากพูดออกไป

ไอศูรย์หันมามองรอยยิ้มของฮิรากิ แล้วเขาก็มองไปตรงๆ แล้วก็ไม่สามารถซุกซ่อนรอยยิ้มของตนเองไว้ได้เช่นกัน




ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
น่ารักอะ โกล โป้ง  :mc4: :mc4: งอนกันก็น่ารัก
อีกคู่ ฮิซากิ กับเซนเซย์ ฟินมาก ชอบ ชอบ :-[

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน โยชิซึเนะ โป้งจัง กับ เบ็งเค โกลจัง

เพราะความรู้เชิงวัฒนธรรมของไอศูรย์ เขาก็เลยเป็นลูกมือให้กับชายวัยกลางคนในการแต่งองค์ทรงเครื่องสองนักฟุตบอล ไทยเป็นซามูไรญี่ปุ่นได้อย่างแนบเนียน

ระหว่างแต่งตัวให้โป้ง ชายวัยกลางคนก็หันมากล่าวไอศูรย์ แต่เพราะเขาพูดเร็วและใช้ศัพท์ยากๆ โป้งก็เลยไม่เข้าใจ

แต่ฮิรากิถึงกับป้องปากหัวเราะ

“เขาบอกว่าโป้งหน้าตาเหมือนผู้หญิง ถ้าใส่กิโมโนผู้หญิงคงสวยดี”

โกลหัวเราะดังหึๆ

แต่โป้งทำตาโต

“ไม่เอานะ ผมอยากเป็นซามูไร.. ไม่ใช่เกอิชา” โป้งบอกแก่ขายวัยกลางคนด้วยภาษาญี่ปุ่น

ชายวัยกลางคนหัวเราะแล้วพูดกับโป้งด้วยคำพูดง่ายขึ้น

“หน้าตาอย่างกับผู้หญิง ซามูไรเขาต้องหน้าตาแบบคนโน้นสูงใหญ่ แข็งแรงอย่างกับเบ็งเค รู้จักไหม”

โป้งเข้าใจเกือบทั้งหมดแต่ไม่รู้ว่าเบ็งเคคืออะไร

“เบ็งเค เป็นนักรบสมัยสงครามเก็นไปอิ ว่ากันว่าเขาตัวใหญ่แข็งแรงมาก” ไอศูรย์อธิบาย

โป้งหันไปมองหน้าโกล เขาก็ทำท่าแบ่งกล้ามเย้ย

โป้งก็ทำหน้าหลอก..  ชายวัยกลางคนก็หัวเราะ

“เอาๆ ให้เป็นโยชิซึเนะก็ได้ จะได้เป็นเจ้านายเบ็งเค” แล้วเขาก็ถอยไปยืนทำท่าโค้ง

“โยชิซึเนะซังวะ”

“มินาโมโตะ โยชิซึเนะ เป็นน้องชายของมินาโมโตะ โยริโทโมะ โชกุนคนแรก” ไอศูรย์อธิบาย

“เขาเป็นเจ้านายของเบ็งเค”

โป้งได้ทีหันไปยืดอก แล้ววางมาดกระดิกนิ้วเรียกโกล

“โอ๊ย เบ็งเคมานวดข้าหน่อยสิ”

โกลทำหน้าเหม็นเบื่อใส่

ทั้งชายเจ้าของร้าน ฮิรากิ และไอศูรย์หัวเราะกันคิกคัก

 

ไอศูรย์ที่รับหน้าที่เป็นเหมือนมัคคุเทศก์มองสามหนุ่มหยอกล้อกันบ้างถ่ายรูปกันบ้างด้วยความสนุกสนาน

นอกสนามฟุตบอล พวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาเท่านั้นเอง..

เขากับฮิราอิรู้จักกันมานานตั้งแต่ ฮิราอิยังเป็นเด็กชาย แต่เพราะฮิราอิเป็นคนที่ความฝันจะไปอยู่ต่างประเทศก็เลยสนใจจะมาคุยกับเขา ด้วยภาษาอังกฤษ นั่นนอกจากเป็นคนช่วยทำให้เขาหายเหงาแล้ว ก็ยังเป็นคนที่ทำให้เขาได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นไปด้วย

ยิ่งนานวัน เด็กชายก็เติบโตขึ้น หันเข้าสู่กีฬาฟุตบอล เพราะเขาชอบ และก็ยังหวังว่าฟุตบอลจะพาให้เขาไปต่างประเทศได้ในสักวัน

เขารู้จักกับครอบครัวของฮิรากิ ดังนั้นสำหรับเขา ฮิรากิจึงเหมือนเป็นน้องชายอีกคนหนึ่ง..

แต่ยิ่งผ่านเวลา.. ความรู้สึกของเขาต่อฮิราอิ ก็ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั้งวันที่ฮิราอิมาบอกว่าเป็นเป็นแฟนกับมาริจัง เพื่อนหญิงที่สนิทสนมกัน.. นั้นเอง ที่บอกให้เขารู้ว่า.. เขาไม่ได้มองฮิราอิเป็นแค่น้องชาย..

ความเจ็บปวดที่ลั่นมาจากส่วนลึกของหัวใจบอกเขาอย่างชัดเจน

“รุ่นพี่ถ่ายรูป ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยครับ” ฮิราอิเรียก

ไอศูรย์ จึงเดินไปเข้าไป เขาหยิบกล้องแล้วเล็งภาพของสามหนุ่ม โดยฉากหลังเป็นปราสาททองคินคาคุจิที่สะท้อนเงากับสระกระจกจนเหมือนเหมือนมี ปราสาทสองหลัง ท่ามกลางใบไม้สีแดงจัดและเหลืองทองไส่เฉดสีกันอย่างงดงาม

พอถ่ายเสร็จ

โกลก็เดินออกมา

“เซนเซย์ไปถ่ายบ้างสิ ยังไม่มีรูปเซนเซย์เลยไม่ใช่เหรอ”

ไอศูรย์ก็เลยเดินเข้าไป ตอนแรกเขาก็ยืนห่าง

“ชิดๆกันหน่อยครับ” โกลโบกมือ

ไอศูรย์ก็ขยับนิดหนึ่ง แต่เป็นฮิราอิที่ขยับมาจนชิด

“โป้งออกมาดีกว่า ชุดไม่เข้ากันเลย” โกลว่าแล้วกวักมือเรียก

โป้งก็เดินงงๆออกมา

             ไอศูรย์พอโป้งออกไป ฮิราอิก็ขยับออกมานิดหนึ่ง

            แต่ฮิราอิขยับมาแถมโอบบ่าของไอศูรย์ไว้ด้วย

            โกลเผยรอยยิ้ม

            “สาม.. สอง หนึ่ง.. ชีส..”

           

            โป้งเดินเคียงมากับโกลตอนออกจากวัดคินคาคุจิ เขาหันไปเห็นฮิรากิกับไอศูรย์เดินห่างออกไป

            “มึงจงใจใช่ไหมโกล” โป้งถาม

            “หือ..” โกลขานแต่ยังไม่เข้าใจ

            “ก็ที่มึงพยายามให้พี่เขาถ่ายรูปคู่กับพี่ไอศูรย์ไง.. มึงกะจะให้พี่เขาได้ใกล้ชิดฮิรากิ” โป้งยิ้มเมื่ออธิบาย

            “ก็ประมาณนั้น.. ที่ถามนี่มึงก็ดูออกสินะ” โกลเหลือบมองหน้าโป้ง

            “ก็ออกสิวะ.. เวลาสองคนมองตากันมันบอกเลยชัดเจนมาก..แต่” โป้งลดเสียง เหลือบไปมองก่อนจะกล่าว

            “มันจะดีเหรอ.. ไอ้ฮิรากิมันมีแฟนแล้วนะ”

            โกลถอนหายใจ..

            “นี่หละปัญหา.. กูเลยอยากให้มันชัดเจน.. ไม่ว่าจะดีหรือร้าย.. บางทีความชัดเจนมันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ”

            โกลหันไปมอง สองหนุ่มเดินเคียงข้างกันสนทนากันด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ส่องลอดใบไม้สีแดงเหลืองเป็นห้วงๆงดงาม..

           

            หลังเปลี่ยนชุดคืนให้ร้านแล้ว โกลกับโป้งยินดีจะเซ็นลายเซ็นบนรูปถ่ายที่ลูกชายเจ้าของร้านไปอัดขยายเพราะ เขาจำได้ว่าทั้งคู่เป็นนักฟุตบอลเจลีก แต่โป้งรอให้โกลเซ็นเสร็จก่อนเขาถึงหันไปกระซิบกับไอศูรย์ ไอศูรย์หัวเราะ

            “โอเคๆ เดี่ยวเขียนให้” แล้วเขาก็เขียนลงไปด้านล่างของภาพ

            จากนั้นโป้งก็ยิ้มกริ่มตอนเซ็นชื่อ แต่โกลขมวดคิ้ว เขาพยายามอ่านแต่อ่านไม่ออก อ่านได้แต่ โป้งจังกับโกลจังซึ่งเขียนด้วยอักษรทาคาคานะ แต่อ่านตัวคันจิไม่ออก

            “เขียนว่าอะไร” โกลหันไปถามกับฮิรากิ

            โป้งเซ็นชื่อเสร็จแล้วก็ส่งให้ลูกชายเจ้าของร้าน เขารับไปแล้วเอาให้พ่อที่เดินมาพอดีดู

            “ใช่ๆ ใช่แล้ว.. โชชิซึเนะซังวะ” ว่าแล้วก็โค้งให้โป้ง ก่อนจะเดินไปตบบ่าโกลแล้วเดินไปด้านหลังของร้าน

            ฮิรากิหัวเราะเบาแล้วก็ตอบ

            “เขียนว่า โยชิซึเนะ โป้งจัง กับ เบ็งเค โกลจัง...”

            “ไอ้โป้ง..” โกลเสียงเขียว

            โกลหันขวับไปหาโป้งแต่ไอ้ตีนจรวดวิ่งออกไปจากร้านเสียแล้ว โกลเลยตามออกไป

            ลูกชายเจ้าของร้านมองตามทั้งไปทำตาโตๆ

            “โอ้.. แข็งแรงกันจังเลยนะ”

            ไอศูรย์หันไปยิ้มกับฮิรากิ..

           

            วันรุ่งขึ้นสี่หนุ่มก็ขึ้นรถไฟจากเกียวโตไปยังโอซาก้าซึ่งใช้เวลาราวๆชั่ง โมงหนึ่งแต่ต้องเบียดไปกับคนจำนวนมากเพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วนพอดี

            พอถึงโอซาก้าก็เอากระเป๋าไปฝากกับโรงแรมที่พัก แล้วก็เดินทางโอซากาโกะ เพราะโป้งอยากดูปลาที่ โอซาก้า อควาเรียม หรือเรียกว่าไคยุกคัง

            โป้งหัวเราะเอิ้กอ๊ากเมื่อเจ้าแมวน้ำตัวหนึ่งมามองเขาอยู่ข้างตู้ แถมทำท่าเหมือนรู้จักกันมาแรมปี ผงกหัวขึ้นๆลงด้วย

            “ไอ้โป้งมันมีเสน่ห์กับสัตว์ แต่อย่าปล่อยให้มันอยู่กับด้วยกันนานไปนะ เดี่ยวทะเลาะกัน” โกลหันไปบอกกับไอศูรย์และฮิรากิ เพราะเจ้าแมวน้ำมองหน้าพงกหัวให้โป้งอยู่อย่างนั้นไม่สนใจที่ครูฝึกเรียกด้วยซ้ำไป

            “แต่มันติดใจโป้งคุงจริงๆนะ ดูสิมันทำหน้าเหมือนเห็นเพื่อนเก่าเลย” ฮิรากิหัวเราะทั้งบันทึกวีดีโอด้วยโทรศัพท์ของเขา

            พอมาถึงตู้ใหญ่ที่สุดซึ่งมีฉลามวาฬและปลากระเบนและปลาขนาดใหญ่ว่ายเวียน โป้งก็ทำหน้าเหมือนเด็กมองมันอย่างตื่นตะลึง

            “สมัยเด็กๆ พ่อมึงไม่เคยพาไปไหนเลยหรือไง..” โกลกล่าวขึ้น

            โป้งหันมามองหน้าทำหน้าบู้

            “ไม่ค่อยได้ไปเลย.. ถึงวันหยุดก็อยู่บ้านซ้อมบอล อย่างดีก็ไปงานวันเด็กกับงานนั่นงานนี่นิดหน่อย” แล้วโป้งก็หันกลับไม่โบกมือให้ฉลามวาฬ  น่าตลกตรงที่ฉลามวาฬว่ายอยู่ดีๆก็กลับตัวมาว่ายวนตรงแถวที่โป้งยืนอยู่ ปลาเล็กปลาน้อยอื่นๆก็ว่ายวนเข้ามา

            หรือมันจะสัมผัสได้ถึงกระแสความเมตตาจากนายโลกสวยที่มองทุกอย่างอย่างงดงามไปหมด สมัยเด็กๆโกลก็ไม่เคยไปไหนกับพ่อแม่ คนที่พาเขาไปคือกานต์ และแม่บ้านที่เสียชีวิตไปตอนที่เขาอยู่ม.หนึ่ง โกลได้ไปในทุกที่เขาอยากไป ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ.. แต่ก็ไม่มีที่ใดที่สร้างความประทับใจให้เขาเลย..

            แต่พอมีนายคนนี้ก้าวเข้ามา.. ที่ไหนที่มีมันคือที่งดงามสำหรับโกล.. โป้งทำให้เขายิ้มได้ แม้แต่เวลามันโกรธแล้วงอน มันก็ยังทำอะไรประชดเขาเหมือนเด็กๆ ซึ่งน่าขำมากกว่าน่าโมโห..

            ดวงตาของโป้งที่มองฉลามวาฬว่ายวนเวียนทำให้หัวใจโกลเหมือนมีดอกไม้นับหมื่นแย้มบาน

            พอออกจากอควาเรียม โกลกับโป้งบอกว่าจะไปหาซื้อข้าวกลางวันกันให้แล้ว ทั้งสองก็เดินไปทั้งให้ฮิรากิกับไอศูรย์อยู่กันตามลำพังที่จุดชมวิวอ่าวโอซา ก้า

            ทั้งคู่นั่งกันอยู่ครู่ใหญ่โดยที่ฮิรากิก็เอาวีดีโอที่ถ่ายไว้ในอควาเรียมมา ดู ซึ่งเป็นตอนที่โป้งทะเลาะกับปลากะเบนอยู่ในอ่างให้เอามือลงไปลูบได้ เพราะมันเอาตัวมาทับมือโป้งไม่ยอมปล่อย.. โป้งเองก็ไม่กล้าดึงมือเพราะกลัวจะทำให้มันบาดเจ็บ ได้แต่ไล่มันด้วยการเสียง แต่มันก็ไม่ขยับ

            "เฮ้ยออกไปสิ.. เฮ้ย.. นี่ไม่ใช่เตียงนอน นี่มันมือฉัน"

            ฮิรากิหัวเราะเอิกๆกับน้ำเสียงและหน้าตาของเพื่อนร่วมทีมที่บันทึกไว้

            “โป้งคุงนี่เขาน่ารักดีนะ มิน่าโกลคุงถึงรักเขามาก”

            ไอศูรย์แปลกใจ

            “นี่รู้ด้วยเหรอ”

            ฮิรากิพยักหน้า..

“ตอนแรกก็สงสัยเฉยๆนะ แต่ได้สนิทสนมแล้วก็รู้เลยว่าเขาเป็นมากกว่าเพื่อนแน่นอน”

ไอศูรย์ทำหน้ากังวล

“ผมไม่บอกใครหรอก เซนเซย์.. ผมเข้าใจพวกเขาดี ผมเคยอ่านหนังสือต่างประเทศนะ เขาบอกว่าการเป็นเกย์เป็นสิ่งที่พูดเลือกกันไม่ได้ แถมพวกเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่าเกลียดด้วย เวลาเขาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เวลาเขาซ้อมด้วยกัน เขาก็เหมือนผู้ชายสองคนธรรมดา แล้วก็คงไม่มีใครคิดมากนอกเสียจากว่า..”

ฮิรากิมองออกไปในทะเล

ไอศูรย์เผลอตัวกลั้นใจระหว่างรอคอยคำพูดต่อไป

“คนที่เขาสนใจในตัวคนหนึ่งคนใดในสองคนนี้ แล้วเริ่มสังเกตุ  ซึ่งก็แน่นอนก็คงมีแต่ผู้หญิงหรือเกย์ด้วยกันเท่านั้นหละ”

ไอศูรย์พยักหน้าช้าๆ

“นั่นสินะ.. ใครจะไปคิด  เขาก็เหมือนเพื่อนที่สนิทกันมากเท่านั้นเอง”

แล้วฮิรากิก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ

“เซนเซย์.. บางทีมันก็แปลกนะ.. เรื่องของหัวใจคน ทำไมคนเราต้องดื้อดึง ทำไมคนเราต้องมีความแตกต่างกัน.. แล้วทำไมคนเราต้องมองคนที่แตกต่างจากเราว่าแตกต่าง.. แล้วที่สำคัญคือทำไมคนเราต้องแคร์คนอื่นว่าเขาจะคิดกับเรายังไง”

“ก็เพราะเป็นคนยังไงล่ะ ฮิรากิ.. เราเป็นคนเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เรามีคนอื่นที่แคร์เรา.. เรามีคนอื่นให้ห่วงใย.. เราแคร์คนที่ห่วงใยเรา” ไอศูรย์กล่าว

“เราก็ไม่อยากให้คนที่รักเราเสียใจใช่ไหมหละ”

ฮิรากิเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นเสียก่อน

เขาผงกหัวให้กับไอศูรย์แล้วก็เดินไปคุยอยู่ห่างพอสมควร

ไอศูรย์ถอนหายใจแล้วก็มองไปไกลในอ่าวที่มีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่แล่นผ่านไปมา

“อิโตะ..” เสียงเรียกอย่างแปลกใจทำให้ไอศูรย์ตื่นตัว เขาหันไป

ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้..

“นิชิโอะคุง..”

โกลกับโป้งกลับมาพร้อมกับอาหารชุดใหญ่ที่ได้จากร้านสะดวกซื้อทีอยู่ใกล้เคียง แต่เขาต้องแปลกใจที่มีคนอื่นอยู่ด้วย

เขาก็เดินลงข้างฮิรากิที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งห่างออกไป

“ใครน่ะ” โกลถาม

“เพื่อนของเซนเซย์” ฮิราอิกล่าวเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ได้เห็นชายคนนั้น

“ทาเคดะ นิชิโอะ เกย์เพลย์บอยชื่อดังแห่งโอซาก้า”

“เพลย์บอย.. หมายความว่ายังไง..” โป้งทำหน้าซื่อถาม

“ก็เพลย์บอย จีบผู้ชายไปทั่วไง..” ฮิรากิตอบแล้วหันไปมองทางอื่น

“เขาเคยคบหากับเซนเซย์อยู่ระยะหนึ่งด้วย”

โป้งกับโกลสบตากัน ก่อนจะกล่าวออกมา

“ไอ้เดฟ..”

ฮิรากิหันขวับมาทำหน้างง เพราะสองคู่หูพูดเป็นภาษาไทย

“อ้อ..เพื่อนเราคนหนึ่ง.. เขาเป็นคนไทยแต่เป็นลูกครึ่ง.. นั่นก็เพลย์บอยเกย์เวอร์ชั่นไทย”

ทาเคดะ นิชิโอะเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลนักธุรกิจร่ำรวยมากตระกูลหนึ่งของภูมิภาคคันไซ

            เขามีดวงหน้าหล่อเหลาและมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ดวงตามักจะฉายแววกรุ่มกริมยามสบตา ดังนั้นในระหว่างที่กินข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารราคาแพงที่นิชิโอะเป็นออก ปากเชิญมา เขาจึงทอดสายตาให้โกลบ่อยๆ

            “เป็นนักฟุตบอลนี่ก็ต้องแข็งแรงมาเลยสินะ” นิชิโอะกล่าวแล้วยิ้มจางๆมองหน้าโกล..

            โกลก็ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ

            “ก็ไม่หรอกครับ ผมเป็นผู้รักษาประตู”

            “แต่คุณก็ดูแข็งแรงดี กล้ามแน่นขนาดนั้น” แล้วนิชิโอะก็มองท่อนแขนของโกลที่วางบนโต๊ะ ทำขยับเหมือนจะเอื้อมมาจับ

            แต่จู่ๆโป้งก็ดึงแขนโกลลงไป

            “ไม่มีมารยาทเลยนะโกล ทำไมเอาแขนวางบนโต๊ะกินข้าวหละ” โป้งเอ็ดโกล

            โกลหันมามองหน้าโป้ง โป้งก็มองตา แม้จะยิ้มแต่เห็นได้ชัดว่าสายตาบอกเลยไม่ชอบใจ.. โกลต้องแอบยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ

            หึงหละสิ..

            “ว่างเมื่อไหร่ ก็มาสอนฟุตบอลผมบ้างนะ ผมสนใจกีฬานี้เหมือนกัน.. ผมมีค่าตอบแทนให้ด้วย” นิชิโอะคงไม่ได้สำเนียกในกิริยาของโป้ง

            “ไม่ว่างครับ เราซ้อมกันทุกวัน” โป้งตอบออกไปแทนแล้วก็มองหน้านิชิโอะ แม้เข้าจะยิ้มแต่สายตาก็ไม่ได้ยิ้มตามไป

            “อ้อ.. เหรอครับ..” นิชิโอะพยักหน้า

            “งั้นว่างๆผมจะไปเยี่ยมที่นารา.. ผมสนใจฟุตบอลและสนใจคนไทยด้วย”

            “เชิญครับ..” โป้งตอบแทน..

            "ที่สนามซ้อมเรามีพื้นที่ให้แฟนๆนั่งชมอยู่แล้ว” โป้งกล่าวเหลือบมองหน้าโกล

            โกลเอาชาร้อนมาจิบแล้วหันไปมองทางอื่น

            ไอศูรย์หันมองหน้าฮิรากิ เขาไม่มองหน้าใคร แต่มองออกไปจากวงสนทนาเหมือนไม่อยากจะรับฟังอะไร

            ออกมาจากร้านอาหาร นิชิโอะก็ทำท่าจะบอกลาเพราะเขาเปรยว่ามีนัดต่อ

            เขาโอบเอวของไอศูรย์อย่างใกล้ชิด

            “จะอยู่อีกกี่วัน ว่างๆฉันจะได้มารับนายไปเที่ยวกัน”

            “ก็คงอีกสองวัน” ไอศูรย์ว่า

            “งั้นดีเลย.. พรุ่งนี้ฉันจะรับนายไปเที่ยว.. แล้วจะโทรมานะ”นิชิโอะกล่าว แล้วสบตากับไอศูรย์อย่างมีความนัย

            ฮิรากิเห็นเขาก็เบือนไปอีกทาง โป้งก็แอบหันไปแบะปาก

            “ไม่ถูกชะตาเลยไอ้หมอนี่จริงๆ” โป้งกล่าวออกมาเป็นภาษาไทยเบาๆ

            “เอ่อ.. แต่เรามีโปรแกรมกันแล้วหละ นิชิโอะ.. ขอบคุณนะ” ไอศูรย์ปฏิเสธ

            “ก็เปลี่ยนสิ.. ตกลงพรุ่งนี้ฉันจะมารับนะ”

            แล้วนิชิโอะก็ขอตัวกลับ มีแต่โกลกับไอศูรย์เท่านั้นที่บอกลาด้วย แต่โป้งกับฮิรากิหันไปคนละทางแกล้งทำเป็นไม่เห็น

 

            “ถ้ามันมารับ มึงก็ไปกับไอ้หมอนั่นก็ไปแต่กูไม่ไป” โป้งกล่าวตอนเดินเข้าห้องน้ำด้วยกันสองคน

            “ทำไมละ นิชิโอะเขาเจ้าถิ่น มีเขาพาไปมันก็สนุกดีออกนะ” โกลตอบ

            “อยากจะไปก็ไป.. กูไปเที่ยวคนเดียวก็ได้” โป้งตอบแล้วเข้ามายืนที่โถปัสสาวะรูดซิบลงทำธุระ

            โกลก็ยืนข้างๆ

            “เฮ้ย นิชิโอะเขาน่ารักออก.. อุตส่าห์ชวนมึงอย่าเสียมารยาทสิวะ”

            โป้งหันมามองหน้าแววตาเย็นชารูดซิบกางเกงแล้วกดปุ่มFlash อย่างแรง

            “เออ.. กูไม่มีมารยาท..แต่กูจะไม่ไป.. เชิญมึงตามสบาย” แล้วโป้งก็เดินไปล้างมือ

            โกลอมยิ้มรูดซิบกด Flash แล้วเดินไปยืนข้างหลังโป้ง เขาหันซ้ายหันขวาไม่เห็นใครก็กอดแล้วหอมแก้ม แต่โป้งก็เอี้ยวหลบ

            “หึงเหรอ” โกลถามตรงๆ

            โป้งหันมาดันโกลออกไป

            “เออ..กูหึง ก็แม่งทำท่าจะเอามึงให้ได้อย่างนั้น” แล้วโป้งก็เดินจะออกไป แต่โกลดึงกลับมาอยู่ในอ้อมกอด

            “กูดีใจจังเลย.. มึงหึงกูด้วย” เขากระซิบข้างหู แล้วก็หอมแก้มก่อนจะเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม

            โป้งหน้าแดงจนร้อนฉ่า..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2016 18:28:40 โดย Andylover »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
โป้งหึงโกล :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เขาหึงกันน่ารักดีจังเขินๆ  :-[ :z3:
แอบหึงแทนนะ นิชิโอ๊ะ  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: เรามอบให้ ยี่สิบที จัดไป!!!!
 :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน ไอศูรย์: อยากให้เขาเป็นเด็กตลอดไป

ตอนนี้ยังเป็นยามบ่ายของวันอาทิตย์ ดังนั้นทั้งสี่หนุ่มเลยพากันไปที่ปราสาทโอซาก้า ส่วนที่เอกลักษณ์และเป็นจุดสนใจของนครโอซาก้าแห่งนี้

ปราสาทนี้เป็นปราการสำคัญ และเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของตระกูล ผู้ดำริให้สร้างคือโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ยอดขุนพลจอมวางแผนแห่งยุค และเป็นคนที่วางรากฐานหลายๆอย่างให้แก่ญี่ปุ่นหลังจากทุกอย่างเกือบจะเหลวแหลกลงสิ้นในสงครามกลางเมืองยุคเซนโกกุ

ปราสาทมองเห็นได้จากด้านนอกคูน้ำ ก็ดูน่าประทับใจอยู่แล้ว แต่พอหนุ่มๆเดินข้ามสะพานแล้วเดินผ่านทางวกเวียนขึ้นไป จึงได้เห็นตัวปราสาทที่ดูใหญ่โตสมกับเคยเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

            เจ้าโป้งเหมือนจะลืมความหึงหวงไปแล้ว ยืนมองชุดเกราะซามูไรในตู้จัดแสดงอย่างสนใจ

            “มันหนักไหมโกล.. กูอยากลองใส่จัง” โป้งหันถามกลับโกล

            “ก็คงหนักมั้ง เพราะมันเป็นเหล็กกล้าเอาเย็บติดกันด้วยไหมกับเชือกหนัง.. เขาว่าหนักสามสิบกิโลเลยนะ” โกลกอดอกมองเหมือนกัน

            “โห.. แล้วจะเดินไหวเหรอ.. หนักแย่” โป้งทำหน้าสยองเมื่อนึกถึงว่าตัวเองต้องใส่เกราะที่หนักและรุงรัง

            พอไปถึงชั้นบนสุดโป้งก็ไปยืนชมวิวเมืองโอซาก้า แล้วชี้ชวนให้โกลดูตึกหน้าตาแปลกๆที่เห็นไกลๆ เขาคงถามโกลว่านั้นตึกอะไร แล้วโกลตอบไม่ได้เลยตอบโต้กันไปมาแถมดันไหล่กัน

            ไอศูรย์เห็นแล้วก็อมยิ้ม หันไปเห็นฮิรากิยืนกอดอกมองออกอีกด้าน เขาเลยไปยืนข้างๆ

            “เคยมาแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนทัศนศึกษากับโรงเรียนสมัยมัธยมปลายก็น่าจะได้มาที่นี่”

            ฮิรากิหันมามองหน้า หน้าตาของเขาดูนิ่งๆ

            “ก็เคย.. แต่ตอนนั้นผมมัวแต่เล่น เลยไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่”

            แล้วฮิรากิก็มองหน้าไอศูรย์อยู่ครู่ก่อนจะหันออกไปอีก

            “เซนเซย์ยังคบกับนิชิโอะซังอยู่อีกเหรอ”

            ไอศูรย์ขมวดคิ้ว

            “ใช่สิ.. ก็เขาเป็นเพื่อนเก่า.. ก็ต้องคบกันอยู่”

            “ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายถึงความเป็นเพื่อน ผมหมายถึงเรื่องอื่นๆ” ฮิรากิว่าแล้วก็หันมาทั้งตัว

            “เซนเซย์ไม่เข็ดกับเขาเหรอ.. นายคนนี้เป็นยังไงก็น่าจะรู้.. คบกับเขามีแต่เสียกับเสียเท่านั้น คนอื่นเขาจะมองเซนเซย์ว่ายังไง”

            ไอศูนย์ไม่หันมา เขาทอดสายไปมองไกลๆ

            “นายไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักยับยังชั่งใจ.. ฉันดูแลหัวใจได้ นายเอาหัวใจของนายไปดูแลมาริจังให้ดีเถอะ” แล้วไอศูรย์ก็เดินจากไป

            ฮิรากินิ่งเงียบไปอยู่นาน ก่อนเขาจะกระแทกมือกับราวเหล็กก่อนจะเดินตามไปอย่างไม่สบอารมณ์

            ลงจากปราสาท โกลเห็นมีการแสดงเปิดหมวกในสวนรอบปราสากเขาก็เลยชวนโป้งไปดู ทั้งสองสนใจกับการแสดงมายากล จึงยืนชม โดยมีฮิรากิยืนอยู่ใกล้ๆ แต่ไอศูรย์เดินไปดูการแสดงอย่างอื่นที่เขาสนใจมากกว่า

            ดูการแสดงจนพอใจ และตอบแทนด้วยเงินจำนวนหนึ่งแล้ว ทั้งหมดก็ชวนกันกลับ แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงประกาศทำนองว่ามีนักดนตรีมาร่วมแสดงมาจากประเทศไทย เป็นแชมป์เดี่ยวแซกโซโฟน

            “ไอ้จุ๊ยหรือเปล่า” โกลเอ่ยขึ้น โป้งก็หันไปมอง

            แล้วทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเพลงเป็นเสียงคีย์บอร์ดปรับแสดงเปียโนนำก่อน จากนั้นก็เป็นเสียงแซกโซโฟนที่ไพเราะยิ่งนัก

            “ใช่แน่นอนโป้ง ไปดูกันเถอะ”

            แม้เสียงที่ได้ยินจะแน่ใจว่าใช่แต่เพราะความที่มันไพเราะยิ่งกว่าที่เคยได้ยิน ทำให้โกลไม่แน่ใจ แต่เมื่อได้เห็น       

            เจ้าของเสียงแซกโซโฟน เทรนเนอร์ที่กำลังบรรเลง เป็นชายหนุ่มคุ้นหน้า แม้ผมจะยาวขึ้นกว่าเดิม ร่างก็สูงขึ้นนิดหน่อย แต่ดวงตาและดวงหน้านั้น ใช่นายจุ๊ยต้นเสียงเล่นสดเพลงชาติที่โกลคุ้นเคยแน่นอนที่สุด

            “มาได้ไง หรือว่ามันมาเรียนที่นี่” โกลหันไปขอความเห็นโป้ง โป้งมัวแต่ฟังเพลงเลยไม่ได้ตอบ

            บทเพลงนั้นก็น่าฟังจริงๆ นั้นหละ เสียงแซกโซโฟนของจุ๊ยก้าวหน้าไปไกลกว่าที่โกลเคยได้ยิน  มันช่างรื่นหูและชวนให้หลงใหลเหลือเกิน ทั้งหางเสียงของมันยังพาให้ใจสั่นได้อีกด้วย

            แล้วเมื่อเพลงจบ โกลกับโป้งก็รอให้จุ๊ยพูดคุยกับนักดนตรีจนเสร็จ แล้วพวกเขาจึงเดินตามไปเมื่อเห็นว่ามีชายร่างสูงคนหนึ่งเดินไปหาเพื่อนเก่าแล้วทำท่าจะเดินออกไป

            “จุ๊ย” โป้งร้องเรียก

            หนุ่มร่างสันทัดหยุดหันมา พินิจมองอยู่ครู่

            “โป้ง โกล..เฮ้ยได้ไง..” จุ๊ยรีบเดินกลับมา

            “โอ้โหเว้ย..ไม่เจอกันนานเลย.. ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะเราไอ้โป้ง” จุ๊ยทักไม่ทักปล่าวจับแก้มสองข้างของโป้งหันไปหันมาด้วย

            “โอ้โห ดูสิเดียวนี้ราศีนักเตะระดับโลกจับแม่เอ้ย.. หล่อขึ้นเป็นกอง”

            โกลดึงมือจุ๊ยออก

            “พอๆ ทักดีๆก็ได้ โป้งมันไม่ใช่ตุ๊กตา”

            โป้งหัวเราะแหะๆ

            “กำลังคิดจะไปหาอยู่ที่นารา แต่อาราอิบอกว่าฤดูกาลปิดแล้ว ไปก็อาจไม่ได้เจอ” จุ๊ยว่า

            “อาราอิ” โกลทวนคำ

            ชายหนุ่มร่างสูงดวงหน้าหล่อเหล่าคมคาย เรือนร่างสูงโปร่งแต่ดูแข็งแรงเดินเข้ามา

            “โยชิ..ไม่ใช่เหรอ” โป้งจำได้เพราะก่อนมาเคยดูละครที่ชายหนุ่มเล่น

            “อ้อ..ฉันเรียกอาราอิ” จุ๊ยตอบ

            โยชิฮิสะ อาราอิ โกลทราบมาจากการติดตามข่าวเมืองไทยว่าตอนนี้เขาเป็นดาราค่าตัวแพงมากของไทยตอนนี้

           

            ในร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับสถานีเจอาร์โอซาก้าโจโอเอน สามหนุ่มไทยคุยกันออกรสโดยมีจุ๊ยเป็นคนเล่าเรื่องความเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยตอนนี้ ด้วยภาษาไทย โดยโป้งหัวเราะจนหน้าแดง เพราะมุกที่ยิงออกมาไม่หยุดของจุ๊ย

            “หน้าตาคุณ..คุ้นจัง..” ฮิรากิกล่าวหลังจากนั่งมองอาราอิอยู่นาน

            “คุณเคยเล่นคาราเต้ใช่ไหม”

            อาราอิวางแก้วน้ำลง

            “ใช่.. คุณเป็นนักฟุตบอลแต่ดูคาราเต้ด้วยเหรอ”

            “อ้อเป็นอีกอย่างที่ชอบครับ... รู้สึกว่าคุณจะเป็นคนที่เจอกับโอซาวะ มาโกโตะแชมป์อินเตอร์ไฮในรอบรองชนะเลิศ เมื่อปีก่อนใช่ไหม” ฮิรากิกล่าวตามที่จำได้

            “ใช่.. ดีใจจังมีคนจำผมในฐานะนักคาราเต้ได้ด้วย” อาราอิยิ้มกว้าง

            ไอศูรย์หันไปสนใจการสนทนาของสามหนุ่ม

            “ตอนนี้อัคร ไอ้วู๊ด ก้านเพชร แล้วก็ไอ้จอมไปอยู่ทีมยูเนียนหมด ฤดูกาลที่แล้วก็ได้รองแชมป์ แต่ได้เอฟเอคัพ ถึงอย่างนั้นใครๆก็ยังพูดถึงนายสองคนอยู่ ตอนที่ประกาศชื่อทีมชาติทั้งใหญ่เล็กไม่มีชื่อพวกนาย เป็นดราม่าห์ระดับชาติเลยละ จนโค้ชรันต์ต้องออกมาอธิบายว่าต้องการให้นายสองคนปรับตัวกับเจลีกให้ได้ก่อน” จุ๊ยกล่าว

            “ส่วนไอ้ปอไปอยู่กับขอนแก่น เอฟซี ก็ไปได้สวยนะ ยิงประตูได้ยิงดี แถมติดทีมชาติชุดยู23ด้วย.. แต่คนอื่นๆในทีมรุ่นพวกนายหันไปเรียนหนังสือเลิกเล่นกันไปหมด”

            “สมาคมฟุตบอลเขาก็บอกว่าต้องการให้นายสองคนเป็นแบบอย่าง เราจะได้ส่งนักเตะอื่นไปเป็นสินค้าส่งออกได้ในอนาคต”

            “สินค้าส่งออก” โกลทวนคำ

            “สงสัยเขามองพวกนายเป็นยางพารา เป็นข้าวสารมั้งก็เลยคิดแบบนั้นอย่างนั้น” จุ๊ยยักไหล่

           

            จากนั้นพวกเขาก็ยังร่วมรถไฟขบวนเดียวอีกเพราะบ้านของอาราอิอยู่ในย่านเทนโนจิ และโรงแรมที่จองไว้ก็อยู่ในย่านนั้นด้วย

            “มึงว่าจุ๊ยกับอาราอิเป็นอะไรกัน” โกลถามตอนที่เดินแยกกับสองคนนั้นแล้ว

            “ไม่รู้สิ.. แต่มันก็แปลกๆอยู่ไหม.. สองคนไม่ได้รู้จักกันมานานอะไร แต่พออาราอิชวนมาญี่ปุ่นจุ๊ยก็มา” โป้งกล่าวทั้งเกาคางคิด

            “เป็นไปได้ไหม ว่าพวกเขาจะคบกัน” โกลกล่าวแล้วมองไปข้างหน้า

            “ถ้าอย่างนั้นไอ้เดฟก๊อกหักอีกแล้วสิ..” โป้งพูดแล้วก็ถอนหายใจ

            “ถ้าเป็นจริง เดฟนี่ก็น่าสงสารนะ ชอบมาตั้งนาน แต่จุ๊ยกลับไปชอบคนอื่น..ตั้งแต่พี่ไตร จนกระทั้งนายอาราอินี่”

            โกลพยักหน้า

            “มันอาจเตรียมใจไว้นานแล้วก็ได้...”

 

          กลับถึงโรงแรมสี่หนุ่มก็นัดเจอกันที่ล๊อบบี้ตอนหกโมงเย็นเพื่อจะไปย่านเดินเล่นในย่านนัมบะ

            ไอศูรย์ออกจากห้องน้ำมาก็เห็นฮิรากินั่งพิมพ์อะไรบางอย่างด้วยโทรศัพท์

            เขาก็เลยไม่รบกวน แต่พอฮิรากิวางโทรศัพท์เขาก็หันมาไอศูรย์เหมือนจะพูด

            หากโทรศัพท์ของไอศูรย์ดังขึ้น เขาก็เลยเอื้อมไปรับ   

            “โคนิชิวะ นิชิโอะ” ไอศูรย์รับสาย

            “พึ่งกลับถึงโรงแรม.. “

            ฮิรากิถอนหายใจดังเฮือกแล้วลุกขึ้นคิดจะไปห้องน้ำ

            “คิโนเซกิเหรอ..” ไอศูรย์คงทวนในสิ่งที่นิชิโอะ แล้วเขาก็เงียบเพื่อฟัง

            แต่พลัน ฮิรากิเดินมาคว้าโทรศัพท์จากมือของไอศูรย์

            “รุ่นพี่.. เราไม่ไป.. เรามีแผนกันแล้วและจะไม่เปลี่ยน ถ้ารุ่นพี่จะไปก็ไปคนเดียวนะครับ แค่นี้ครับ” ฮิรากิกรอกเสียงลงไปเป็นชุด แล้วกดโทรศัพท์ทิ้ง

            “ฮิรากิ.. ทำไมทำแบบนี้” ไอศูรย์จะเอาโทรศัพท์คืนเพื่อจะโทรไปขอโทษนิชิโอะ

            “รุ่นพี่ต่างหากทำอะไร.. ทำไมรุ่นพี่ไม่เข็ดหลาบกับนายคนนี้เสียที นายคนนี้มันน่ารังเกียจ รุ่นพี่ก็ยังจะไปคบกับเขาอยู่ได้” ฮิรากิขยับหนีไม่ยอมคืนโทรศัพท์

            ไอศูรย์ยืดตัวตรงมองหน้าฮิรากิ

            “อะไรหละที่ว่าน่ารังเกียจ.. เพราะเขาเจ้าชู้ หรือเพราะว่าเขาเป็นเกย์” เสียงของไอศูรย์แข็งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

            สำหรับฮิรากิ ปกติไอศูรย์เป็นคนใจเย็นอย่างเหลือเชื่อ.. เขาจึงค่อนข้างตกใจ.. ที่ไอศูนย์มีท่าทีเช่นนี้กับเขา

            “ตอบมาสิ.. เขาน่ารักเกียจเพราะอะไร เพราะเจ้าชู้ หรือเพราะเป็นเกย์..” ไอศูนย์เน้นเสียงคาดคั้น

            ฮิรากิใจฟ่อ แต่ก็ยังพยายามขืนตอบ

            “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น.. ผมรังเกียจเพราะเขามาหารุ่นพี่เพียงแค่ต้องการเซ็กซ์เท่านั้น..”

            ความเงียบช่างน่าอึดอัด ที่สุดไอศูนย์ก็ทำลายมันเสียด้วยการกล่าวออกมา

            “นั่นเป็นเรื่องของฉัน ฮิรากิ ขอบใจที่เป็นห่วงฉัน แต่ฉันโตกว่านายฉันดูแลตัวเองได้” ไอศูรย์ก็แบมือ

            “เอาโทรศัพท์มา ฉันจะโทรไปขอโทษเขา”

            ฮิรากิจ้องตาไอศูรย์

            “รุ่นพี่ก็มองว่าผมเป็นเด็กทุกที ผมไม่ใช่เด็ก ผมเข้าใจทุกอย่างดี..”     

            ไอศูรย์ขยับมาใกล้จนชิด

            “แต่ฉันอยากให้นายเป็นเด็กฮิรากิ.. เพราะตอนนายเป็นเด็ก ฉันรักเอ็นดูนายได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ฉันสามารถใกล้ชิดกับนายได้โดยไม่คิดอะไร.. ไม่เหมือนตอนนี้.. ฉันอยากให้นายกลับเป็นเด็กชายฮิรากิ เพราะแบบนี้ฉันสับสน”

            แล้วไอศูรย์วางมือบนไหล่ฮิรากิ แล้วก็เขาก็เดินออกไปจากห้อง

            ฮิรากิหลับตาลงชั่วครู่ แล้วก็ลืมขึ้นก่อนเอาโทรศัพท์ออกมาดู

            “ผมก็เหมือนรุ่นพี่.. ผมอยากจะกอดรุ่นพี่ เล่นกับรุ่นพี่ นอนที่นอนเดียวกับรุ่นพี่ โดยที่ผมไม่คิดอะไรกับรุ่นพี่เหมือนเมื่อก่อน.. แต่ผมทำไม่ได้แล้ว..”

 

            ปลาฟุกุ(ปักเป้า)แล่บางเฉียบเรียงจัดมาในจาน ปรากฏเป็นรูปดั่งดอกเบญจมาศพลิบาน ถูกนำมาเสริพลงตรงหน้า

            “สวยจังว่ะ สวยจนกูไม่กล้ากินเลย”  โป้งมองอาหารที่เขาเป็นคนสั่งอย่างไม่เชื่อสายตา

            “มันคือศิลปะ.. เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ” โป้งกล่าวเสียงเข้มเค้นน้ำเสียงเลียนแบบอาจารย์ด้านศิลปะชื่อดัง

            “ไอ้ผมเห็นแล้วก็แดกไม่ลง.. จะแดกลงได้ไงมันคือศิลปะ”

            ทั้งโกลและไอศูรย์หัวเราะเพราะทันมุก แต่ฮิรากิงงเพราะโป้งพูดเป็นภาษาไทย

            “ความงามที่กินได้” โกลกล่าวแล้วหยิบตะเกียบมา

            “เดี๋ยว” โป้งห้ามไว้ เขามือถือถ่ายรูปก่อนจะหยิบตะเกียบเลือกชิ้นที่อยู่ริมมา ชุปซอสปรุงพิเศษแล้วใส่ปาก

            “โอ.. พระเจ้า.. นี่มัน.. อร่อยมาก..”

            ไอศูรย์ส่ายหัวกับกิริยาของโป้ง

            “กินได้ยัง โป้งคุง ฉันหิวแล้วนะ” ฮิรากิชักรำคราญกับลีลาของโป้ง

            ออกจากร้านอาหารก็พากันไปถ่ายรูปกับป้ายไฟลือชื่อของย่านโดทนบุริ อย่างป้ายรูปปูทาราบะตัวโต ป้ายไฟรูปมังกรของร้านราเม็ง ป้ายนักกีรฑาของกูลิโกะ ป้ายรูปปลาหมึกของร้านทาโกะยากิ ซึ่งแน่นอนโป้งไม่ลืมจะแวะซื้อกินด้วย

            “กินจุจังโป้งจังนี่ แต่ไม่ยักกะอ้วน” ไอศูรย์ว่าตอนเห็นโป้งถลกแขนเสื้อกันหนาวมาคีบทาโกะยากิกินอย่างอร่อย

            แต่พอเขาหันไปมองกลับไม่ใช่โกลที่ยืนอยู่ข้างๆ กลายเป็นฮิรากิ  เขาก็เงียบไปแล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร

            โกลที่แวะดูป้ายบอกราคาสินค้าหันมาเห็นภาพนั้นพอดี ดังนั้นเมื่อเดินไปใกล้โป้งจึงกระซิบด้วยภาษาไทย

            “เหมือนสองคนเขาจะทะเลาะกันหวะ”

            “กูก็ว่าอย่างนั้น สังเกตตั้งแต่ในร้านอาหารละ ไม่คุยกันเลย” โป้งกล่าวทั้งปากเคี้ยวหยับๆ

 

          หลังจากนั้นโป้งกับโกลก็ซื้อมือถือใหม่กันคนละเครื่องเพราะเครื่องเก่านั้นนำติดตัวมาจากมาเมืองไทย โดยโป้งก็ยังบ่นกระปอดกระแปดเรื่องราคา แต่ก็ตัดใจควักกระเป๋าซื้อไป

            “พรุ่งนี้ตกลงจะไปกับนิชิโอะไหม” โกลถามกับไอศูรย์ก่อนจะแยกกันไปห้องของแต่ฝ่าย

            ฮิรากิไม่อยากจะฟังคำตอบเลย แต่เขาก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะเขาเชื่อว่าไอศูรย์ต้องโทรศัพท์ขอโทษนิชิโอะหลังจากเขาคืนโทรศัพท์ให้บนรถไฟระหว่างไปนัมบะ

            “ไม่แล้วหละ.. ฉันโทรไปขอโทษเขาแล้ว และบอกว่าพวกเรามีจองทัวร์เอาไว้ เขาก็เลยไม่มาแล้ว” ไอศูรย์ตอบ

            โป้งหันไปยิ้มกระหยิ่มใส่โกล โกลก็แบะปากใส่

            พอกลับมาถึงห้อง ไอศูรย์ก็เข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ แล้วออกมาเปลี่ยนชุดแล้วก็เอาโทรศัพท์มาตอบข้อความทางไลน์กับเพื่อน

            ฮิรากิเข้าไปในแปรงฟันแล้วก็มองหน้าตัวเองในกระจก  แล้วเขาก็ตัดใจได้

            ไอศูรย์กำลังส่งภาพที่ถ่ายวันนี้ไปอัพเดททวีตเตอร์

            “รุ่นพี่อิโตะครับ”

            ไอศูรย์เงยหน้า

            ฮิรากิยืนตัวตรงต่อหน้าเขา

            “ผมเสียมารยาทกับรุ่นพี่ ผมต้องขอโทษด้วยครับ” แล้วเขาก็โค้งให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วก็ค้างอยู่อย่างนั้น

            ไอศูรย์มองฮิรากิแล้วก็ถอนหายใจ เขาวางโทรศัพท์แล้วก็ลุกไปจับบ่าทั้งสองของเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้น

            ตอนนี้ฮิรากิสูงราวร้อยแปดสิบนิดๆ สูงกว่าไอศูรย์มาก.. แต่ไอศูรย์กลับนึกถึงเด็กชายตัวน้อยคนนั้น..

            “เอาเถอะฉันเข้าใจว่านายหวังดี” ไอศูรย์ว่า

             “อย่าทำอีกก็แล้วกัน ถ้าหากนิชิโอะเขามาอีกก็ขอโทษเขาซะนะ”

            “ครับ” ฮิรากิรับปาก

            ไอศูรย์ตบไหล่สองที

            “นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” แล้วเขาก็หันหลัง 

            แต่พลันฮิรากิก็กอดรวบเขาไว้       

“รุ่นพี่..ถ้าเราไม่คำนึงถึงคนอื่น แต่ทำตามใจตัวเองสักครั้ง.. มันไม่ได้ ไม่ได้จริงๆหรือครับรุ่นพี่” แล้วฮิรากิก็ก้มลงมาจูบที่ต้นคอของไอศูรย์

แต่ไอศูรย์ปลดตัวเองออกมา แล้วหันมาเผชิญแววตาที่ผิดหวังของฮิรากิ

“ไม่ได้.. เพราะฉันอยากจะรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้เหมือนเดิม.. ฉันไม่อยากเสียนายไป ไม่อยากจะให้ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยแบบนั้นมาทำลายเราสองคน.. อีกอย่างนายก็มีมาริจังอยู่แล้ว.. นายควรจะซื่อสัตย์กับเธอ.. อย่าทำผิดพลาดเหมือนฉัน.. เพราะเมื่อผิดพลาดแล้ว.. จะหันหลังกลับมันก็ไม่ได้แล้ว”

แล้วไอศูรย์ก็สบตากับฮิรากินิ่งอยู่อย่างนั้น

            “นอนเถอะ.. พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันต่อ  เราไปเที่ยวกันให้สนุกแบบพี่น้องเหมือนสมัยก่อนดีกว่า.. แล้วลืมไปซะว่าเราเคยพูดอะไรกันคืนนี้”

            ไอศูรย์เดินไปที่เตียงแล้วก็สอดตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่ม

            “ปิดไฟด้วยนะฮิรากิ.. น้องรัก..”

            ฮิรากิหลับตาลงเม้นปากแน่น.. แล้วเขาก็ตอบออกไป

            “ครับรุ่นพี่”



 

 

 

           

     

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :กอด1:เซนเซย์  เพราะสังคมด้วยใช่ไหม
ไม่อยากจะนึกถึงคู่โกลโป้ง อย่านะะะะะ อย่ามากดดันคู่จิ้นเรานะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ถ้าจุ๊ยกับอิราอิเป็นแฟนกันจริงนี่เดฟโคตรน่าสงสารเลย
ผิดหวังจากทั้งจุ๊ยที่มีอิราอิผิดหวังจากวู๊ดที่มีก้านเพชร
ขอให้ไม่ใช่ทีเถอะ  :call: :call: :call: :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:






ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
สงสารฮิรากิจัง  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: รักรุ่นพี่เซนเซย์ใช่ไหมอะ
อีกคู่ก็ยังคงความน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย โกลโป้ง เชียร์ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ถ้าจุ๊ยกับอิราอิเป็นแฟนกันจริงนี่เดฟโคตรน่าสงสารเลย
ผิดหวังจากทั้งจุ๊ยที่มีอิราอิผิดหวังจากวู๊ดที่มีก้านเพชร
ขอให้ไม่ใช่ทีเถอะ  :call: :call: :call: :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
อ้อผมลืมบอกไป จริงๆแล้วเรื่องโป้งใช้ฉากเดียวกันคือโรงเรียนวสาคร และTimeline ใกล้เคียงกับอีกเรื่องหนึ่งคือ The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ .. เรื่องนั้น.. พระเอกตัวหลักคือนายจุ๊ย ตัวละครจากเรื่องนั้นที่ตามมาอยู่ในโป้งได้แก่ จุ๊ยเอง ตั้ม ปอ ฮ๊อย(คนที่ตีกลองตอนนัดชิงถ้วยก.) อ๊อด(คนที่เล่นเทมโบลีนตอนเดียวกับฮ๊อย) เดฟผู้อกหักตลอดกาล และอาราอิ โยชิฮิสะคนนี้หละครับ.. ผมไม่บอกแล้วกันว่าตกลงจุ๊ยเลือกใคร แต่บอกใบ้นิดหนึ่ง ในอนาคตของเรื่องโป้งตอนนี้ อีกสิบเอ็ดปีโดยประมาณ จุ๊ยที่กลายเป็นMr. Jerome Jang 'The Soul Waver Saxophone'  จะเดินทางกลับญี่ปุ่น เขาจะอาศัยอยู่ที่บ้านในย่านเทนโนจิ และเล่นดนตรีในผับแจ๊สที่ชื่อ The Water's Pure Heart ที่เป็นของอดีตดาราหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นครับ

ถ้าอยากลองอ่านดูก็ตามลิงก์นี้ครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50833.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2016 18:31:34 โดย Andylover »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ภาคแรก ด้วยเป็นคนที่ไม่ดูบอลทำให้รู้สึกตอนแรกว่าจะอ่านเรื่องนี้รู้เรื่องหรือเปล่า แต่ไม่ผิดหวัง การบรรยายของคุณดีมาก แม้จะไม่เข้าใจหรืออินน้อยไปกับฉากบรรยายตอนเตะบอล แต่คุณนักเขียนก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนนั่งกินบรรยาการได้ การวางพล็อตเราชอบนะ แม้ภาคแรกจะมีดราม่าเรื่องการเสียชีวิตตัวละครเยอะ แต่จัดว่าพล็อตกำลังดี แน่น  คือเราชอบตรงที่ว่าในหลายๆครั้งเรื่องมันจะดร๊อปลงแต่คุณก็พลิกเรื่องให้สนุกได้ ทำให้ไม่น่าเบื่อ เนื้อเรื่องที่บรรยายการพัฒนาตัวละครไปเรื่อยๆ ไม่กระโดดข้ามมาก สำหรับเราเขียนยาก หาอ่านยาก และส่วนมากจะืำให่ท้อง่าย เป็นกำลังใจต่อไปนะค่ะ เราอยากเห็นโป้งกับโกลในสนามโลก

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน โป้งVSโกล เกมรับปะทะเกมรุก ตัดสินจุดหมายต่อไป

ฮิเมจิเป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่งที่เรียกว่าแคว้นฮาริมะ ในอดีตที่นี่คือปากทางด้านตะวันตกเพื่อเข้าสู่บริเวณที่ราบกว้างใหญ่ที่เป็นอยู่โดยรอบกรุงเกียวโต ศูนย์กลางแห่งอำนาจของอาณาจักร

            ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในปราสาทในยุคอาสุกิ-โมโมยาม่าที่ยังหลงเหลืออยู่โดยไม่โดนทำลายลงด้วยไฟสงคราม และนับเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดอีกด้วย  เทนชูหรืออาคารที่เป็นอาคารหลักของปราสาทสามารถเห็นได้ไกลและโดดเด่นด้วยสีขาวตัดกับมีสวนสวยที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ซึ่งเป็นสิ่งเสริมสร้างความงามบนฉากหลังของท้องฟ้าสีคราม  ความงดงามนี้สมกับสมญานาม ปราสาทกระยางขาว คืองามดังนกกระยางยืนสงบอย่างทระนง..

            โป้งและฮิรากิเลียนท่าหุ่นซามูไรที่ตั้งในแสดงเพื่อให้โกลถ่ายรูป ต้องสองทำหน้าเหี้ยมหาญที่ทำให้ไอศูรย์นึกขำมากกว่าจะรู้สึกว่ามันน่าเกรมขามจริงๆ

            วันนี้ฮิรากิดูร่าเริงมากกว่าเมื่อวาน ไม่ว่าเขาเจตนาจะทำหรือเพราะร่าเริงจริงๆก็ตาม แต่นั่นก็ยังดีกว่าที่เขาทำหน้าบึ้งตึงใส่ไอศูรย์เหมือนเมื่อวานตอนเย็น

            กระนั้นสัมผัสของฮิรากิเมื่อวานยังวนเวียนหลอกหลอนในความรู้สึก จนไอศูรย์ต้องคอยข่มใจไล่มันอยู่บ่อยๆ

     จากฮิเมจิ ก็ไปโกเบ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายใหญ่อีกอันของโป้งเพราะเขาอยากลิ้มรสเนื้อโกเบอันลือชื่อ แล้วพอได้เจอหน้ากันครั้งแรก เจ้าโป้งก็ตั้งหน้าตั้งตาสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยโดยลืมไปว่าราคามันแพงระยับ

     ไอศูรย์เกือบจะออกปากทักตอนโป้งสั่งมาเพิ่มอีกจาน แต่โกลส่งสัญญาณให้เงียบไว้ แล้วเขาก็นั่งมองโป้งกินอย่างอร่อย

     แววตาของโกลเวลามองโป้งนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข.. นี่เองทำให้ไอศูรย์เข้าใจว่าเหตุใด

     พอออกจากร้านเนื้อย่าง ก็มีปัญหาให้โต้แย้งกันต่อ

“ก็แค่ข้ามสะพานอากาชิไปเอง.. ฉันอยากไปดูโรงละครคาบูกิดั่งเดิม”

“ไม่เอาๆ ไม่เอา.. ฉันอยากไปดูเสาโทริยักษ์กลางน้ำที่มิยาจิม่า” โป้งแย้ง

ไอศูรย์กับฮิรากิหน้าสองคนกลับไปกลับมาด้วยกิริยาใกล้เคียงกัน คือไม่รู้จะเข้าข้างใครดี

“ที่มิยาจิม่ามันมีกวางนะ เอ็งไม่กลัวกวางรุมอีกเหรอ”

“ไม่กลัว อยู่นาราก็เจอกวางบ่อยๆ ไม่กลัวแล้ว”

“ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แค่เสาโทริกลางน้ำ”

“ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยเหมือนกันแค่โรงละครเก่าๆ”

เมื่อตัดสินกันไม่ได้อย่างนี้ พอดีตรงที่ทั้งสองเถียงกันอยู่ใกล้กับสนามฟุตบอลที่อยู่ที่บริเวณลานกีฬาริมแม่น้ำที่นอกจากจะเป็นที่ออกกำลังกายของชุมชนแล้ว ยังใช้เป็นฟรัดเวย์(พื้นที่ที่จะปล่อยให้น้ำท่วมเพื่อให้น้ำสามารถไหลลงทะเลได้เร็วเวลามีพายุไต้ฝุ่น) และมีเด็กวัยรุ่นอายุประมาณสิบสามสิบสี่กลุ่มใหญ่กำลังเตรียมจะเล่นกันอยู่

“ตัดสินกันด้วยฟุตบอลดีไหม..” ไอศูรย์เสนอ..

การติดสินที่ว่าตอนแรกจะให้เป็นการยิงจุดโทษ แต่โกลบอกว่าเขาเสียเปรียบเพราะการยิงจุดโทษปกติก็ไม่ใช่จะรับกันได้ง่ายๆอยู่แล้ว แถมต้องเจอกับไอ้โป้งที่มีทักษะการหลอกหน้าเท้าที่เป็นเลิศด้วยแล้ว ดังนั้นโป้งก็เลยบอกว่า..

“เอาอย่างนี้สิ.. ฉันก็ไม่อยากจะรังแกคนอ่อนแอกว่า.. ฉันจะให้ฮิรากิมาช่วยนาย ฉันจะเป็นฝ่ายรุก นายกับฮิรากิก็ป้องกัน ภายในสิบห้านาทีถ้าฉันยิงนายไม่ได้สองประตูก็ถือว่าจบ เราข้ามไปเกาะชิโกกุกัน แต่ถ้าไม่เราต้องไปฮิโรชิม่ากัน” โป้งกล่าวแล้วทำหน้าทระนงตนอย่างยิ่ง..

          โป้งเหยียบลูกบอลไว้แล้วมองหน้าจ้องตาฮิรากิ ในยามที่โป้งจังอยู่กับลูกบอล แววตาของเขาจะเหมือนเป็นคนละคน  รอยยิ้มที่มีให้มันฉาบฉายด้วยแววมาดมั่นอย่างเต็มที่ ซึ่งผิดกับเวลาปกติ..

โป้งจังซึ่งร่าเริงเหมือนเด็กๆ ถูกเรียกกลับเข้าไปภายใน แล้วให้เทพพร เท้าซ้ายพิฆาตออกมายืนเผชิญหน้าแทน.. นั่นคือสิ่งที่ฮิรากิรู้สึก

            “เอาแล้วนะ” แล้วโป้งก็เลี้ยงลูกบอลจี้เข้ามาเร็วจี๋ ฮิรากิรีบเข้าขวางทาง

            โป้งไม่เหมือนนักฟุตบอลจอมลีลาคนอื่น เขาไม่ได้หลอกล่อคู่แข่งด้วยท่าอันงดงาม แต่ด้วยการเคลื่อนไหวที่จับทิศทางไม่ได้ เขาอาจพลิกไปซ้ายไปขวาได้อย่างฉับพลันแม้กำลังวิ่งอยู่ก็ตาม

            ยิ่งโป้งกำลังคลึงบอลช้าๆ และดันไปซ้ายไปขวาอย่างนี้ ใจของฮิรากิก็ยิ่งหวั่น..

            ความกังวลก็ไม่ได้เกินไปแม้แต่น้อย ฉับพลันโป้งที่ดันลูกไปด้านซ้ายก็ดึงลูกกลับไปขวาอย่างรวดเร็ว ฮิรากิรีบออกตัวไปสกัด แต่นั้นคือผิดพลาด เพราะแค่พริบตาเดียวโป้งก็ดึงลูกกลับไปซ้ายแล้ววิ่งผ่านตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว

            ฮิรากิหันหลังกลับไปทันที แต่ที่ได้เห็นก็แค่ตอนโป้งสับเท้าซ้ายยิงลูกโค้งมุ่งเข้าหามุมบนด้านซ้ายของกรอบประตู 

            โกลมองจับตาไว้แต่แรก เขาคือคนที่รู้จังหวะของโป้งดีที่สุดในโลกแล้วกระมัง..

            ดังนั้นโกลจึงออกตัวได้ตั้งแต่โป้งเงื้อเท้า เขาสามารถเหินกายอย่างงดงามและปัดลูกออกหลังไป

            ไอศูรย์ยืนกอดอกมองภาพสามหนุ่มจากทีมกวางสายฟ้าแห่งนารา แต่สำหรับโป้งกับโกล นอกจะทำให้ไอศูรย์ความรู้สึกชื่นชมที่เต็มแน่นแล้วเขายังเต็มไปด้วยความคาดหวัง

            โป้งจังยอดเยี่ยม โกลจังก็ไม่แพ้กัน.. ทีมชาติไทยของเขามีความหวังอย่างมากด้วยเกมรุกของโป้งจัง และความเหนียวแน่นของโกลจัง.. สักวันหนึ่ง.. เขาอาจได้เชียร์ทีมชาติไทยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แทนจะต้องคอยเชียร์ทีมญี่ปุ่นอย่างเดียว..

            “สุโค่ย..” เด็กหนุ่มทั้งหลายที่ยืนชมร้องออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขามองโป้งเลี้ยงบอลหลบหลีกการเข้าประกบของฮิรากิอย่างคล่องแคล่วแล้วก็เข้าไปยิงประตู แต่ก็ยังไม่ผ่านการป้องกันของโกลอยู่ดี

            “พี่ชายคนนั้นเก่งมาก.. แต่พี่ชายที่ป้องกันก็เก่ง อย่างน้อยก็ทำให้พี่ชายที่บุกลำบากมาก.. แต่ผู้รักษาประตูก็เก่ง รับได้ตลอดเลย” คนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

            แต่แล้วคนหนึ่งก็นึกออก

            “นักเตะเจลีก.. พวกเขาเป็นนักเตะ J1ใช่ไหมครับ” เขาหันมาถามอย่างไอศูรย์อย่างตื่นเต้น

            จังหวะนั้นเป็นจังหวะที่โป้งพลิกหนีการประกบของฮิรากิมาได้ แล้วมาเผชิญหน้ากับโกลที่พุ่งออกมา แต่โป้งกลับตัวบังไว้ แล้วใช้เท้างัดลูกบอลให้ลอยโด่งข้ามหัวทั้งเขาและโกลไป

            โกลพยายามเอื้อมปัด แต่ก็ไม่ทัน แต่ก็ยังไม่ยอมจึงพยายามจะวิ่งตามกลับไป แต่ลูกบอลก็ข้ามเส้นไปก่อน

            “เยส” โป้งกำหนัดชกลมสองจังหวะ แล้วหันไปแลบลิ้นหลอกโกล..

            “One up.. เหลืออีกแค่ประตูเดียวนะโกลจัง”

            “ก็ลองดู” โกลหยิบลูกออกมาจากแล้วก็โยนให้โป้ง

            “บุกเข้ามาเลย..”

            แต่เจ้าโป้งเตะสวนทางโกลกลับเข้าประตู แทนจะเอาลูกไปตั้งเกมรุกใส่

            “เฮ้ย..” โกลร้องออกมา

            โป้งทำท่าดีใจวิ่งไปหาไอศูรย์

            “เซนเซย์ผมชนะแล้ว เราได้ไปมิยาจิม่าแล้ว..”

            “อะไรวะ” โกลวิ่งตาม

            “ไอ้ขึ้โก้ง..”

            โป้งหันมาวิ่งถอยหลัง

            “โกงที่ไหน.. ก็บอกว่าสองลูกตัดสิน..”

            โกลคว้าคอโป้งมาล๊อกไว้

            “ไอ้ขี้โกง.. เมื่อกี้ไม่นับเว้ย..”

            ฮิรากิส่ายหัว แต่ก็ยิ้มแล้วเดินตามสองคนไป...

          นอกจากเด็กๆจะได้ลายเซ็นของสามนักเตะแล้ว โป้งยังใจดีสอนให้เด็กๆรู้จักวิธีการเลี้ยงลูกให้ติดเท้าเพื่อให้แย่งบอลได้ยาก และช่วยแก้ไขการเตะไซด์โค้งให้พวกเด็กๆอีกด้วย โดยโกลก็แนะนำเรื่องการป้องกันประตูให้แก่เด็กที่อยากเป็นผู้รักษาประตู ส่วนฮิรากิก็สอนให้เด็กรู้จักวิธีใช้ขาสกัดการส่งลูกบอลของคู่แข่งอย่างถูกวิธี

            ดังนั้นเมื่อพวกเขาก่อนจะลาจาก เด็กๆก็พากันตั้งแถวกล่าวคำขอบคุณกันโดยพร้อมเพรียง และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน

            เมื่อสี่หนุ่มจากกันไปแล้วพวกเด็กก็กลับมาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกัน แต่ก่อนจะแบ่งทีมกัน ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาแสดงบัตรประจำตัวว่าเป็นนักข่าวกีฬา

            “เมื่อกี้นี้คือเตปพอนโน(เทพพร) กับ กอรอโกโตะ(กรกฏ) และโคกิซังใช่ไหม” เขาถามเด็กด้วยชื่อจริงของโป้งกับโกลในสำเนียงแบบญี่ปุ่น

            เด็กๆงง

            “โป้งซัง โกลซัง และฮิรากิซังของทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ยังไง” เขาอธิบายด้วยคำเรียกที่คุ้นหูมากขึ้น

            เด็กๆก็พยักหน้า

            “พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง..” ชายหนุ่มถาม

            “เก่งมากเลย” คนหนึ่งว่า

            “ใจดีมากด้วย” อีกคนบอก

            “เขาให้ลายเซ็นพวกเราด้วย..”

            “แถมถ่ายรูปกับพวกเราแบบไม่ถือตัวด้วย”

            “ผมชอบโป้งซังมาก โป้งซังใจดี แถมเล่นฟุตบอลเก่ง”

            “ผมชอบโกลซัง เขาสอนให้ผมรู้จักเดาทางคนยิงประตูด้วย”

            “ผมชอบฮิรากิซัง เขาสอนเราเล่นฟุตบอล”

            ชายหนุ่มยิ้มแล้วก็ถามต่อ

            เขาคือโยฮาระ ชิราโอะ คอลัมนิสหนุ่มของหนังสือพิมพ์กีฬาชื่อดัง

 

            ที่สนามบินคันไซ จุ๊ยกำลังเก็บเอาของฝากที่ซื้อมาจากดิวตี้ฟรีลงในกระเป๋า

            อาราอิกำลังอ่านอะไรบางอย่าง จากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อผลไม้ของเขา

            “อ่านอะไรน่ะ” จุ๊ยหันมามองหน้า

            “ทำหน้าอย่างกับอ่านหนังสือโป๊สิบแปดบวกมีการยิ้มกรุ่มกริ่มด้วย.. น่าขนลุก”

            อาราอิเงยหน้า

            “นายนั้นหละน่าขนลุก แค่คนเขายิ้มก็หาว่าเขาอ่านหนังสือลามก.. ฉันกำลังอ่านเรื่องที่คอลัมนิสเขาไปเจอโป้งกับโกลที่สนามฟุตบอลในลานกีฬาท้องถิ่นที่โกเบ”

            “เขาชมว่าโป้งกับโกลถือเป็นแบบอย่างนักกีฬาที่มีความเป็นมิตร พวกเขาแสดงออกถึงหัวจิตหัวใจของคนที่มาจากดินแดนที่เต็มไปด้วยมิตรภาพแก่แขกผู้ไปเยือนอย่างประเทศไทย พวกเขาสอนเด็กๆญี่ปุ่นให้เล่นฟุตบอล และยังถ่ายรูปกับเด็กๆเหล่านั้นอย่างไม่ถือตัว เขายังบอกอีกด้วยว่าเด็กๆบอกว่าโป้งกับโกลพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดี แสดงออกให้เห็นความเป็นคนกระตือลื้อร้นที่จะปรับตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาเข้าถึงใจของแฟนทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ได้อย่างรวดเร็ว”

            “เขายังบอกว่า อนาคตเด็กสองคนในญี่ปุ่นจะสดใสแน่นอนตราบเท่าที่พวกเขายังแสดงออกอย่างเป็นกันเองและมั่นเพียรในการฝึกฝนอย่างที่ผู้เขียนเขาทราบมาจากการติดต่อสัมภาษณ์กับโยชินะซัง หัวหน้าโค้ชของทีมนารา”

            “ไอ้โป้งกับโกลน่ะ สองคนเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนอยู่นวสาคร มันวิ่งกันทุกวันไม่เว้นวันหยุด สองคนมีวินัยในการฝึกซ้อมมากเลยหละ จนอาจารย์ป้อมยังยกตัวอย่างให้พวกรุ่นน้องฟังบ่อยๆเลยนะ ไอ้ปอเล่าให้ฉันฟัง..” จุ๊ยยิ้ม

            “หัวใจสองคนผูกพันด้วยฟุตบอล.. มันน่าอิจฉาจริงๆเลยนะ.. พวกเขาอยู่ด้วยกันด้วยหัวใจรักในสิ่งเดียวกัน.. และรักกัน..”

ห่างจากสนามบินคันไซไปหลายร้อยกิโลเมตร คนหนึ่งในคนที่จุ๊ยกำลังพูดถึงกำลังสร้างเสียงหัวเราะให้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่เกาะมิยาจิม่าโดยไม่ได้ตั้งใจ..

            โป้งกำลังรับมือกับฝูงกวางที่ยกกันมาล้อมกรอบเขาไว้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เด็กหนุ่มโวยวายใส่เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยสำเนียงเพี้ยนนิดหน่อยแต่บรรดากวางทั้งหลายก็ยังเดินตามเขาไปต้อยๆ ดูเหมือนฉากจำลองของวรรณคดีสังข์ทองตอนพระสังข์ร่ายมนต์เรียกเนื้อ เพียงแต่นายโป้งไม่ได้เรียก แต่กำลังไล่..

            “หัวเราะอะไรกันเล่า..พวกนายมาช่วยกันไล่สิ..” โป้งเรียกให้เพื่อนช่วย

            “ก็บอกแล้วว่าอย่าให้มันกิน” ฮิรากิส่ายหัว

            “ก็ไม่ได้ให้ มันแย่งไปเอง” โป้งแย้ง แล้วพยายามเดินรอบต้นไม้แต่ก็ยังโดนกวางตามล้อม

            “โกลช่วยกูด้วยสิ” โป้งหันไปขอความช่วยเหลือด้วยภาษาไทย

            โกลกอดอกแกล้งเมิน

            “ไม่.. กูบอกแล้วว่าอย่ามา แต่มึงบอกว่าไม่กลัว..”

 

          “ตอนที่ปรมาณูลง คนที่นี่อยู่ระหว่างทำงานในช่วงบ่าย เขาว่ากันว่าบางคนตายทั้งที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนหาไม่เจอแม้แต่ศพ บางคนดีหน่อยกลายเป็นรอยร่างมนุษย์อยู่บนพื้น แต่อีกหลายแสนคนตายหลังจากนั้นด้วยมะเร็งจากกัมมันตรังสี” ไอศูรย์กล่าวตอนที่มองอะตอมมิกโดม ในสวนสันติภาพกลางเมืองฮิโรชิม่า

            “เศร้าจัง” โป้งออกปาก

            “ทำไมหนอคนเราชอบตัดสินอะไรด้วยความรุนแรง ด้วยอาวุธ ด้วยสงคราม”

            โกลตบบ่าโกล

            “ก็นี่หละมนุษย์..” ฮิรากิถอนหายใจยาว

            “ถ้าพวกเขาและพวกเราไม่คิดแบ่งแยกกัน.. ก็คงไม่ต้องจบลงด้วยสงคราม ดังนั้นแม้คนญี่ปุ่นถึงออกมาประท้วงตอนที่รัฐสภาของเราจะผ่านร่างกฎหมายเพิ่มกำลังทหาร เรามีบทเรียนจากสงครามมามากพอแล้ว.. เราไม่อยากจะให้ความเศร้าและความสูญเสียแบบเดิมเกิดขึ้นอีก”

 

            ที่สถานีรถไฟฮิโรชิม่า สี่หนุ่มก็ถึงเวลาแยกย้ายกัน เพราะฮิรากิจะต้องกลับไปเตรียมตัวเดินทางร่วมคณะกับมาริจังเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ ส่วนไอศูรย์ก็มีวิทยานิพนธ์อีกตั้งใหญ่รอการพิมพ์อยู่

            “เราอยากไปดูภูเขาไฟที่ยังคุกกรุ่นอยู่ เราก็เลยจะไปคาโงะชิมะกัน ผมจองโรงแรมเอาไว้แห่งหนึ่ง ผู้จัดการโรงแรมเป็นคนไทยที่คนญี่ปุ่นเอามาเลี้ยงเหมือนเซนเซย์เลยนะ ชื่อพี่ปอน”  โกลบอก

            “แล้วก็อย่าทะเลาะกันอีกหละ..” ไอศูรย์วางมือบนบ่าโป้ง

            “โกลน่ะเขายอมเราตลอดนะโป้ง มีแต่เราน่ะบางทีก็เอาแต่ใจตัวเองเกินไป”

            “ครับๆ” โป้งรับคำ

            “ผมจะเป็นเด็กดีเลยครับเซนเซย์”

            “จะได้กี่วันเชียว..” โกลเมินไปอีกทาง

            โป้งหันไปทำหน้าหลอก

            ฮิรากิที่เดินไปซื้อตั๋วรถไฟก็กลับมาพร้อมตั๋วรถไฟธรรมดาสองใบ และชิคังเซนสองใบ

            “ของพวกนาย พวกนายต้องไปเปลี่ยนรถที่ฮากาตะ ฟุกุโอกะ ฉันซื้อเป็นขบวนมิซูโฮะให้เลยเพราะจะได้เร็วสมใจโป้งจัง เพราะเห็นบอกว่าอยากจะเห็นตอนรถมันวิ่งเร็วๆ” ฮิรากิส่งตั๋วรถไฟให้ พร้อมเงินทอน

            “อ่านเข้าใจไหม..”

            โกลพยักหน้าเมื่อรับตั๋วมาจากฮิรากิแล้วอ่านดู


            รถไฟหัวกระสุนชินคังเซนวิ่งไปตามรางด้วยความเร็วสูงสุดเพราะที่พวกเขาโดยสารคือขบวนมิซูโฮะซึ่งเป็นรถด่วนประเภทที่เร็วที่สุดของสายเจอาร์สายคิวชู มุ่งหน้าไปออกจากฮิโรชิม่าข้ามช่องแคบกันมอนไปสู่เกาะคิวชิวอันเป็นเกาะใต้ของญี่ปุ่น

            “เร็วมากเลย” โป้งร้องเมื่อมองเสาไฟผ่านไปหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว

            “นี่มันสุดยอดเลยนะโกล”

            “เดี่ยวก็เมารถหรอกจ้องเสาไฟฟ้าแบบนั้น” โกลว่า

            โป้งก็เลยหันมานั่งดีๆ แต่คอยเหลือบมองทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วอย่างตื่นตาตื่นใจ

            มีอะไรที่ไม่ทำให้ไอ้โป้งตื่นเต้นบ้างไหมเนี่ย.. โกลส่ายหัวแล้วก็ก้มลงอ่านข่าวผ่านมือถือต่อไป

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอนคาโงะชิมะ

ที่สถานีคาโงะชิมะ ชูโอะ ชายหนุ่มร่างเล็กผิวขาวจัด และดวงหน้าที่ดูผิวเผินแล้วแทบไม่มีใครดูออกว่าเขาเป็นคนไทย  เขายืนชะเง้อคอเมื่อเห็นผู้โดยสารกลุ่มใหญ่เดินออกจากภายใน แล้วเขาก็เห็นคนที่เขามองหา เดินคู่กันมาโดยลากกระเป๋ามาคนละใบ

            “คุณโป้ง คุณโกล” เขาตัดสินใจเรียกเป็นภาษาไทยให้สองหนุ่มหันมาเจอเขาโดยง่าย

            แล้วโป้งก็เห็นก่อน

            “นั่นไง” เขาชี้ให้โกลดู

            “ตัวเล็กจัง.. เหมือนเด็กเลยคุณพี่ปอน” โกลว่าแล้วก็เปลี่ยนทางเดินตามโป้งไป

 

          รถที่พี่ปอนใช้มารับโป้งกับโกลเป็นรถแวนที่นั่งได้สะดวกพอสมควร

            “วันนี้เรามีแขกน้อย ผมก็เลยมารับคุณสองคนเอง ตอนแรกที่ผมเห็นบุ๊คกิ้ง บอกว่าเป็นคนไทยก็เลยเอามาดู เห็นชื่อกรกฏ กับเทพพรก็เลยดีใจ.. ผมน่ะเป็นแฟนของพวกคุณตั้งแต่นัดชนะญี่ปุ่นเลยนะ.. เพราะผมดูถ่ายทอดสดนัดนั้นด้วย เผลอดีใจจนคนที่บ้านมองหน้าเลย..” ปอนเล่า

            “คือพี่ปอนครับ ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ เรียกเราว่าน้องดีกว่า ฟังดูไม่ค่อยสนิทเลยคุณ” โป้งเป็นคนออกปาก

            “โอเคครับ..” ปอนมองหน้าโป้งจากกระจกมองหลัง

 
            โรงแรมที่ว่าเป็นเรียวกังที่ปรับปรุงมาจากบ้านเก่าของตระกูลใหญ่ที่เป็นสาขาหนึ่งของตระกูลชิมิซุ ตระกูลไดเมียวแห่งแคว้นเซตซุมะโบราณ ที่มีอาณาเขตครอบคลุมสองจังหวัดคือคาโงชะมะ และคุมาโมโต้

            บ้านไม้แบบญี่ปุ่นโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ แต่ปรับปรุงใหม่จนดูน่าอยู่และสุขสบายเหมือนเมื่อสมัยที่บ้านยังสร้างใหม่ๆ ไม่ได้ดูอึมครึ้มอย่างที่โกลคาดเดาไว้แต่อย่างไร

             ตัวบ้านตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองออกไปเห็นทะเลของอ่าวคาโงะชิมะ แต่เพราะตอนที่โป้งกับโกลมาถึง เป็นเวลาค่ำแล้วจึงมองเห็นภูเขาไฟซากุระเป็นแค่เงาทะมึนอยู่ในทะเลเท่านั้น

            ห้องที่พักเป็นห้องญี่ปุ่นขนาดแปดซึโบะ(แปดเสื่อตาตามิ) มีชั้นให้วางกระเป๋าและตู้ไว้เก็บของด้วย แล้วยังมีส่วนที่เป็นห้องน้ำที่ทำเป็นประตูไม้สีขาวให้กลมทำให้ดูคล้ายกับประตูตู้เก็บของ

            “เราผสมน้ำให้อาบแล้วนะครับ เดี่ยวเชิญอาบน้ำกันก่อน แล้วค่อยกินข้าวเย็นกัน.. ผมเตรียมอาหารชุดสูตรพิเศษของคาโงชิมะไว้ต้อนรับด้วย”

           

            แล้วพออาบน้ำเสร็จแล้วก็มีสองหนุ่มก็อยู่ในชุดยูกาตะแล้วก็มีคนมาเคาะประตู

            โกลเป็นออกปากอนุญาต ประตูก็เลื่อนออก พี่ปอนมาในชุดกิโมโนอย่างเป็นทางการพอสมควร นั่งอยู่ที่พื้นโค้งต่ำ

            “ขออภัยครับ ได้เวลาอาหารแล้วครับ”

           

            สองหนุ่มค่อนข้างตื่นตากับการที่หญิงสาวสี่คนในชุดยูกาตะสีเรียบร้อย เดินก้มต่ำมาวางเครื่องประกอบสำรับอาหารอย่างเงียบกริบและนิ่มนวล

            โดยชุดอาหารแยกเป็นสองชุด ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กสองตัวที่ตั้งตรงหน้าโป้งกับโกล โดยหันหน้าเข้าหากัน

            “ทานเหล้ากันเป็นใช่ไหมครับ” พี่ปอนนั่งอยู่เยื้องทางด้านประตูระหว่างโกลกับโป้ง

            เขาผายมือบนโต๊ะขนาดเล็กตรงหน้า มีเหล้าญี่ปุ่นขวดขนาดขวดแบนตั้งอยู่

            สองหนุ่มพยักหน้าพร้อมกัน

            พี่ปอนจึงขยับเข้ามาโค้งก่อนจะรินเหล้าให้โกล แล้วก็ไปทำแบบเดียวกับโป้ง

            “นี่เป็นเหล้าหมักจากหัวเชื้อข้าวกับมันหวานเซตซูมะ ลองชิมดูนะครับ แต่ผมต้องแจ้งไว้ก่อนว่าค่อนข้างเข้มข้นนิดหน่อย”

            โป้งกับโกลจึงจิบชิม กลิ่นหอมแตะจมูก รสก็ไม่ได้บาดคอมากนักในแบบเหล้าหมัก

            “ส่วนอาหารที่ขึ้นชื่อของเราก็เริ่มด้วย ซาเซมิปลากิบินาโงะ เป็นปลาซาดีนข้างเงินตัวเล็ก รสชาติหวานมีขมติดปลายลิ้นเล็กน้อย กินกับโชยุกับวาซาบิสดจะเข้ากันดี” ปอนหมายถึงจานที่เป็นซาเซมิปลาตัวเล็กแล่เป็นชิ้นกว้างประมาณสองเซ็นแต่ยาวเท่าขนาดลำตัวปลา

            โป้งคีบมามองก่อนจะทำตามที่พี่ปอนแนะนำแล้วก็กิน

            “อร่อยดีครับ” โป้งกล่าว

            “หวานมีขมนิดเดียวอร่อยมากและสดมาก” โกลชมบ้าง

            พี่ปอนยิ้ม

            “แล้วข้างกันเป็นซาเซมิไก่แบบคาโงชิมะนะครับ เป็นไก่สดมาก กินกับวาซาบิแล้วก็โชยุเหมือนกับซาเซมิปลา” เขากล่าวต่อไป

            โป้งทำหน้าแปลกๆก่อนจะลองชิม แต่พอชิมก็ทำตาโต

            “อร่อยดีครับ..”

            “คุ้นหละสิ” โกลแซว

            “สมัยก่อนลากไปกินในน้ำบ่อย”

            โป้งเชิดจมูกใส่ พี่ปอนก็หัวเราะเบาๆ

            “ส่วนที่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งคือ เซตซูมาอาเกะ อันนี้คล้ายๆลูกชิ้นปลาบ้านเรา”

            โกลคีบมาดู มันก็ดูเจ้าของที่ว่าหั่นเป็นชินพอคำสีขาวแทรกด้วยก้านของหน่อไม้ฝรั่ง หน้าตาคล้ายกับฮือก้วยที่ขายตามเยาวราช

            “อร่อยดีนะ.. หนึบๆดีครับ” โป้งกล่าวชม

            พี่ปอนโค้งตอบรับและกล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ฟังดูดีกว่าพี่ไอศูรย์อีก

            “ขอให้รับประทานอย่างเพลิดเพลินนะครับ อีกสักหนึ่งชั่วโมงจะมีพนักงานมาเก็บสำรับออกไปเอง ระหว่างนี้หากต้องการ วันนี้เป็นวันเพ็ญเราจะมีกิจกรรมชมจันทร์ในสวนด้วย รับประทานเสร็จแล้วก็ขอเชิญไปร่วมชมจันทร์ร่วมกันนะครับ ผมขอตัว”

            แล้วพี่ปอนก็ถอยหลังออกไปทั้งที่คุกเข่า แล้วโค้งอีกที่ก่อนจะลุกไปเปิดประตูแล้วออกไปนั่ง และลงปิดประตูบานเลื่อนลงอย่างเรียบร้อย

            “เหมือนเป็นโชกุนเลยหวะ” โป้งกล่าวออกมา

            “เขาจัดได้เนี๊ยบมาก”

            “เป็นไงหละ กูบอกแล้ว.. นี่หละบรรยากาศบ้านขุนนางเก่าของแท้” โกลยักคิ้กแล้วกินไก่ซาเซมิอย่างอร่อย

 

 

          โป้งตื่นขึ้นมาตอนดึกนึกอยากจะเอาโทรศัพท์มาดูเวลา กลับควานหาไม่เจอทั้งที่ปกติเขาจะมักจะวางไว้ที่หัวนอน 

            ลืมไว้ที่ศาลาชมจันทร์แน่นอน

            โป้งเลยแข็งใจลุกแล้วคว้าเอาเสื้อกันหนาวมาสวมทับยูกาตะเพื่อป้องกันอากาศที่เยือกเย็นข้างนอก

            จะปลุกโกลก็เกรงใจ เพราะโกลกรนเบาๆเสียด้วย

            โป้งเดินมาตามทางเดินที่เป็นทางยาวผ่านห้องต่างๆ จากนั้นก็สวมร้องเท้าแตะคีบแบบโบราณแล้วเดินไป มียามใส่ชุดแบบทหารโบราณยืนถือหอกปลอมอยู่สองคนหันมาโค้งให้โป้ง

            ยังดีว่าพี่ปอนได้อธิบายไว้แล้วว่าเพื่อให้ได้บรรยากาศ ยามรักษาความปลอดภัยของที่นี่จะใส่ชุดแบบซามูไรสมัยเอโดะตอนออกรบคือมีเกราะโดะมารุที่ตกแต่งน้อยกว่าเกราะของเจ้านาย

            ถ้าไม่อย่างนั้นกลางดึกอย่างนี้..โป้งมีหวังวิ่งป่าราบ

            “จะไปไหนครับ” คนหนึ่งถามขึ้น

            “ผมลืมของไว้ที่ศาลาชมจันทร์” โป้งตอบแล้วโค้งให้

            “เดินระวังด้วยนะครับทางเดินมันมืด” ยามรักษาการณ์อีกคนบอก

 

            ศาลาชมจันทร์เป็นศาลาที่หลังคาแบบญี่ปุ่น แต่เปิดโล่งทั้งสี่ด้านอยู่กลางสวนแบบญี่ปุ่น

            โป้งแปลกใจไม่น้อยกับชายหนุ่มหรือไม่ก็คนรุ่นเดียวกับเขานี่หละในชุดเกราะแบบเจ้านายแต่ไม่ได้สวมหมวก แถมเขากำลังพลิกดูโทรศัพท์ของเขาอย่างสนใจ

            “ขอโทษครับ อันนี้ของผม” โป้งกล่าวอย่างสุภาพ

            ชายในชุดเกราะมีวัยใกล้เคียงกับเขาจริงๆนั้นหละ เพียงแต่ว่ามีแววตาค่อนข้างเศร้า แต่กระนั้นก็ยิ้ม

            “อ้อแขกนี่เอง” เขากล่าว..

            “ของท่านใช่ไหม” แล้วเขาก็ส่งโทรศัพท์คืนให้

            “นี่เรียกว่าอะไร”

            โป้งแปลกใจไม่น้อยกับคำถาม

            “อันนี้เป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่นะครับ.. ผมพึ่งซื้อมาจากโอซาก้า”

            เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน เขามีเรือนร่างทีสูงไม่มากนักแต่ดูองอาจในชุดนักรบ

            “ท่านเป็นคนของโอซาก้าอย่างนั้นหรือ” เด็กหนุ่มมีคำพูดที่แปลกหูพอสมควร หรือเพราะโป้งยังไม่ชำนาญภาษา.. แต่น่าแปลกที่คำพูดของเขานั้นฟังยาก แต่โป้งยังฟังเข้าใจได้อย่างน่าแปลก

            “เปล่าครับผมอยู่ที่นารา” โป้งตอบ

            “นารา..ยามาโตะสินะ..” เขากล่าวชื่อเดิมของเมืองนาราออกมา เป็นชื่อของเมืองนาราก่อนจะถูกเรียกว่านาราในยุคปัจจุบัน

            “ครับ..”

            “แต่ท่านไม่ใช่ญี่ปุ่น” เขาแล้วขมวดคิ้ว

            “ใช่ ผมเป็นนักฟุตบอล มาจากเมืองไทย แต่อยู่ที่นารา” โป้งตอบ

            “ฟุตบอล.. หมายถึง กีฬาพวกตะวันตกที่ใช้ขาเล่นเตะลูกกลมๆใช่ไหม เราเคยเห็นพวกเด็กเล่นกัน.. ท่านเป็นนักกีฬานี้.. แสดงว่าท่านต้องเก่งมาก”

            โป้งแม้จะแปลกหูแต่ก็ยิ้ม

            “คุณเป็นพนักงานที่นี่เหรอครับ” โป้งถาม

            “อืมจะพูดอย่างนั้นก็ได้.. ผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว” เขาตอบ

          แล้วโป้งก็ได้ยินเสียง

            “โป้ง.. ตื่นได้แล้ว.. ไหนบอกจะออกไปวิ่งไง”

            โป้งลืมตา เห็นโกลยื่นหน้ามาเหนือหัว

            โป้งลุกขึ้นมองไปรอบๆ

            “ฝัน.. เหรอ” โป้งกล่าวด้วยความแปลกใจ

            โกลงง

            “อะไรของมึง..” โกลกล่าวแล้วลุกไปเปิดกระเป๋าหยิบชุดวอร์มที่พกมาด้วยทั้งของเขาและของโป้ง

            โป้งยังนั่งงงอยู่   

            “เปลี่ยนเสื้อผ้า” แล้วโกลก็ปาเสื้อกับกางเกงมาใส่

            โป้งเอามันออกจากหัวก่อนจะลุกขึ้นแต่ยังอยู่ในอาการงง

            พี่ปอนบอกว่าหากจะวิ่งตอนเช้า ก็สามารถวิ่งลงเขาไปถึงชุมชนที่ตีนเขาได้แล้ววิ่งกลับขึ้นมา ปกติใช้เวลาเดินไปกลับราวครึ่งชั่วโมง   

            แต่สำหรับโกลกับโป้ง นั่นไม่เพียงพอ พวกเขาก็เลยคิดกันว่าจะวิ่งไปไกลกว่านั้น

            ตอนที่สองคนออกวิ่งจากโรงแรมไปตามถนนลงเขา ฟ้ายังมืดสนิทแม้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว แต่เพราะเป็นฤดูใบไม้ร่วงฟ้าก็เลยยังไม่สว่าง

            แต่พอสองหนุ่มวิ่งลงมาถึงชุมชนก็เริ่มแสงรำไรที่ขอบฟ้า ชีวิตของคนที่เริ่มต้นมีเด็กนักเรียนหลายคนเริ่มออกเดินจากบ้านไปโรงเรียน คนทำงานก็แต่งกายด้วยสูทภูมิฐานขี่จักรยานบ้าง เดินบ้างไปตามถนน  แม้คาโงชิมะจะเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของเกาะคิวชิว แต่ก็ยังดูคล้ายกับนาราคือค่อนข้างสงบและเรียบง่าย

            ทั้งคู่วิ่งกันไปจนถึงป้อมตำรวจตรงหัวมุมถนนแล้วแวะร้านสะดวกซื้อแบบท้องถิ่นเพื่อซื้อนมสด คนขายเป็นเด็กหนุ่มวัยราวๆสิบแปดปี

            เขามองพินิจโป้งกับโกลนิดหนึ่งแบบมีมารยาท

            “พวกคุณเป็นนักฟุตบอลเจลีกใช่ไหม” เขาถามตอนส่งเงินทอนให้โกล

            “ครับ” โกลตอบแล้วหันไปมองหน้าโป้ง

            “โป้งซังกับโกลซังสินะ” เขากล่าวแล้วยิ้มกว้าง

            “ขยันกันจังเลยนะครับ ออกมาวิ่งกันแต่เช้า ทั้งอยู่ในช่วงพักผ่อนแท้ๆ”

            โป้งหันไปหันมาเห็นลูกฟุตบอลยางที่ใส่ตาข่ายแขวนเอาไว้

            “อันนี้เท่าไหร่ครับ” เขาเดินไปหยิบ

           

            โป้งตื่นตากับทิวทัศน์อ่าวคาโงะชิมะที่มองเห็นได้จากห้องพัก ภูเขาไฟซากุระมีควันสีเทาจางๆลอยเป็นสายอยู่เล็กน้อย เป็นภาพที่แปลกตา

            “ซื้อลูกบอลมาทำไม” โกลถามตอนเอาลูกบอลไปวางไว้หลังกระเป๋าเดินทางเพื่อไม่ให้มันกลิ้งไปทั่ว

            โป้งหันมายิ้มแต่ไม่ได้ตอบ

           

            ผิวเผินแล้วคาโงะชิมะเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่สองหนุ่มก็ยังเพลินไปกับขับสกู๊ตเตอร์ที่เช่ามาจากโรงแรมไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ข้ามเฟอร์รี่ไปยังเกาะภูเขาไฟ แล้วเดินไปถ่ายภาพภูเขาไฟพ่นควันในระยะใกล้จากจุดสังเกตการโยโนฮิระ จากนั้นก็ข้ามกลับมาเที่ยวชมประวัติศาสตร์อันยาวนานของแคว้นเซตซูมะ ที่สวนเซนงาเนนซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการปกครองของแคว้นมาก่อน แล้วขึ้นไปจุดชมวิวบนเขาชิโรยาม่าเพื่อถ่ายภาพของเมือง

            “ไม่รู้ว่าเซนเซย์กับฮิรากินี่เขาคิดยังไงกันแน่นะ” โกลกล่าวออกมาระหว่างนั่งยืนทอดสายตา

            “กูว่าเขาชอบกันนะ แต่ดูเหมือนเขาพยายามรักษาระยะห่างกันไว้.. ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแน่.. ส่วนหนึ่งก็คงเพราะฮิรากิมันมีแฟนแล้วด้วยมั้ง” โป้งสันนิฐาน

            “อยากรู้เหมือนกันนะ..” โกลถอนหายใจยาว

            “คิดไปก็น่าสงสารนะ”

            ตัวเมืองคาโงชิมะทอดตัวไปสู่ทะเลเป็นดูร่งเรืองแบบความเจริญของศตวรรษปัจจุบัน ภูเขาไฟซากุระตระหง่านอยู่กลางอ่าวล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีฟ้า โดยมีกลุ่มเมฆจับตัวอยู่เหนือยอดของภูเขาไฟดูประดุจชายที่สวมหมวกยืนอยู่กลางอ่าวเพียงลำพัง..

 

            บนไหล่เนินของภูเขา สุสานแบบญี่ปุ่นทอดตัวอย่างสงบเงียบ ชายหนุ่มเดินมาพร้อมห่อของและดอกไม้ เดินอย่างช้าๆขึ้นมาตามบันไดไปสู่บริเวณที่เขาต้องมาทุกปี

            เมื่อทำความสะอาดรอบบริเวณหลุมศพ แล้วเขาจัดแกะห่อผ้าเพื่อเอาแจกันวางไว้สองข้างของป้ายวิญญาณจัดการปักช่อดอกไม้บูชาลงไปทั้งสองฝั่งจากนั้น ก็เปิดกล่องข้าวที่มีคากิโนฮาซูชิ ซึ่งเป็นซูชิอัดแน่นห่อด้วยใบไม้อย่างงดงาม และขนมโมจิที่ประดิษฐ์อย่างงดงาม

            นี่คือหลุมศพของโอกาซัง(แม่)ที่แสนใจดีกับเขา ผ่านมาแล้วสามปีเต็มที่เธอจากไป ภาพของหญิงวัยกลางคนที่แสนดีรอคอยเขากลับจากโรงเรียนทุกเย็นด้วยรอยยิ้มยังพิมพ์แน่นใจความทรงจำ..

            แต่ที่เลี่ยงไม่ได้เมื่อระลึกถึง.. คือวันที่เธอจากไป

            ร่างของโอกาซังล้มนิ่งอยู่กับพื้นตอนที่ไอศูรย์กลับถึงบ้าน เขาพยายามพาเธอไปโรงพยาบาลแม้รู้ดีว่าสายเกินไป..

            น้ำตาของเขาบ่าท่วมขอบตา และยิ่งโกรกไหลเมื่อทราบความจริงจากแท็ปเล็ตของโอกาซังที่วางทิ้งไว้ เมื่อเปิดดูจึงได้ทราบว่าเธอกำลังดูภาพของเขาโอบกอดกับนิชิโอะ.. นั้นคือภาพสุดท้ายที่โอกาซังได้เห็นอย่างนั้นหรือ..

            เรื่องนี้โอโตะซังก็ทราบหลังจากนั้น แต่โอโตะซังไม่ได้กล่าวอะไรนอกเสียจากตบบ่าไอศูรย์แล้วกล่าวเบาๆ

            “อย่าโทษตัวเอง อิโตะ.. แม่ของเธอกลับไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์แล้ว เวลาในโลกของเธอมีเท่านี้.. แต่เราต่างหากที่มีชีวิต และต้องดำรงชีวิต.. เราต้องเดินหน้าต่อไป..”

            แต่ไอศูรย์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย.. ถ้าหากภาพของเขากับนิชิโอะคือภาพสุดท้าย.. สิ่งที่กระตุ้นให้อาการโรคหัวใจกำเริบก็คือภาพและความจริงที่เขาปิดบังผู้มีพระคุณของเขาทั้งสองเอาไว้นั่นเอง..

            “ผมจะไม่ทำผิดซ้ำสอง.. ผมจะไม่ทำให้โอโตะซังต้องเสียใจอีก.. ผมสัญญาครับโอกาซัง” ไอศุรย์ปาดน้ำตามออก แล้วมองตามควันธูปที่ลอยขึ้นสูง สู่ฟากฟ้า..


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เพราะคิดว่าตัวเองทำให้แม่ต้องตายหรือเปล่า ไอศูรย์ถึงตัดใจเรื่องฮิรากิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน ประตูนี้เพื่อเซมไป(รุ่นพี่)..

ใต้แสงจันทร์ที่งดงาม เด็กหนุ่มยืนถือพัด ดวงตาชมจันทร์ วันนี้เขาไม่ได้สวมเกราะซามูไร แต่อยู่ในชุดที่ลำลองกว่าและดูคล่องตัวกว่า เป็นชุดสำหรับการฝึกดาบ แต่กระนั้นก็มีตราประจำตระกูลชิมิซุประดับอยู่อย่างเด่นชัด

            “วันนี้ไม่ใส่เกราะเหรอ” โป้งถาม

            “ก็ท่านจะสอนเราเล่นเจ้าลูกกลมนั้นไม่ใช่เหรอ ซอกก้า เซนชู(นักฟุตบอล)”

            “เฮ้ยรู้ได้ไง ผมยังไม่ได้บอกเลย” โป้งตอบแล้วเอาลูกบอลออกจากตาข่ายมาเดาะเล่น

            หนุ่มน้อยในชุดญี่ปุ่นมองเท้าที่เคลื่อนไหวว่องไวแล้วก็ยิ้มชอบใจ

            “สอนเราให้ทำอย่างนั้นบ้างสิ”

            “ได้เลย..” โป้งว่าแล้วก็ดีดลูกขึ้นมาถือไว้..

            “แต่ก่อนอื่นขอถามก่อนนะว่า คุณชื่ออะไร”

            เด็กหนุ่มเม้มปากแล้วพยักหน้า

            “จริงสินะ เสียมารยาทจริง” เขากล่าวแล้วยืดตัวตรง

            “ซิมิซุ ทาอิชิโอะ ยินดีที่ได้พบ”

            ในแสงจันทร์กระจ่าง ชิมิซุ ทาอิชิโอะ เดาะลูกบอลได้อย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่นาน โป้งยืนมองแล้วเข้าใจได้ว่า อาจเพราะเขามีพื้นฐานการเล่นกีฬาอื่นมาก่อนก็เลยเรียนรู้ได้เร็ว

            ซามูไรหนุ่มเหยียบลูกบอลเอาไว้แล้วก็หันมา

            “สนุกจริงๆ.. เท่านี้เราก็ไม่เบื่อแล้ว เรามีอะไรทำแล้ว” เขายิ้ม แววโศกเศร้าที่เคยอยู่ในแววตาหายไปแล้ว

            โป้งเหมือนจะเห็นร่างกายนั้นสุกสว่างขึ้นด้วย         

            “เอาอย่างนี้แล้วกัน.. เรามีอะไรจะสอนท่านแลกเปลี่ยน”

            โป้งเกาหัว

            “อย่าบอกจะว่าจะสอนดาบ”

            “ไม่ได้ไม่ได้.. สอนดาบไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลานานมาก.. แต่จะสอนเคล็ดลับนักดาบให้..” ซามูไรหนุ่มยิ้ม

            “จำเอาไว้แล้วกัน.. ในเชิงดาบมีวิธีการเอาชนะอยู่แบบหนึ่ง คือการจงในเปิดจุดอ่อนเพื่อให้ศัตรูโจมตี..”

            “อ้าวแบบนั้นก็แย่สิ.. เราไม่ตายเหรอ” โป้งร้อง

            เด็กหนุ่มยิ้ม..

            “การจะใช้กลยุทธแบบนี้ได้ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าตัวเรามีจุดแข็งและอ่อนคืออะไร และคู่ต่อสู้มีจุดแข็งและอ่อนอะไร ถ้าเปิดแล้วจะป้องกันยังไง จากนั้นเมื่อศัตรูโจมตีเราก็สวนกลับหรือหลบหลีกแล้วสวนกลับ.. นี้คือสุดยอดวิธีการล้มคู่ต่อสู้..”

 

            “ไอ้โป้ง..” เรียกพร้อมเขย่าตัวด้วย

            โกลถอยมานั่งมอง โป้งค่อยๆลุกขึ้นๆอย่างงัวเงีย

            “เช้าแล้วเหรอโกล”

            “เปล่า ตีสี่ครึ่ง” โกลตอบ

            “อ้าวแล้วมึงปลุกกูทำไม” โป้งล้มลงนอนเหมือนเดิม

            “ก็มึงละเมอเสียงดัง โป้ง.. ทำเอากูตกใจตื่น เห็นมึงหัวเราะคิกคัก แล้วก็บ่นอะไรไม่รู้ กูก็เลยตัดสินใจเรียกไง”โกลว่า แล้วขยับมาใกล้ๆ

            “มึงฝันอะไร”

            “เปล่า..” โป้งปฏิเสธแล้วหลับตาลง

            “เปล่าอะไร.. ก็มึงเรียกชื่อด้วย อะไรทาอิ.. อะไรนี่หล่ะ” โกลเซ้าซี้

            “อะไรเล่าก็แค่ฝัน.. กินมากฝันมากอย่างที่มึงชอบว่ากูไง” โป้งปฏิเสธ

            “เฮ้ย ใช่เหรอ.. แต่มึงพูดอะไรงึมๆงัมๆตั้งหลายอย่าง” โกลถามอีก

            “เฮ้ยมึงนี่” โป้งชักรำคราญ คว้าคอโกลลงมากอดแนบอก

            “นอนๆ ไม่ต้องสนใจ กูก็ฝันเรื่อยเปื่อยของกู”

           

            “จากที่นี่คุณก็นั่งชิคังเซ็นไปลงที่ชินโทสุ แล้วไปต่อสายนางาซากิ จะมีขบวนลิมิตเต็ด เอ็กเพรส กาโมเมะไปที่นางาซากิ..” พีปอนอธิบายเมื่อมาส่งสองหนุ่มที่สถานีคาโงชิมะ ชูโอะ

            โกลพยักหน้าช้าๆ เขาก็ได้ข้อมูลเดียวกันมาจากเว็ปเหมือนกัน

            “ขอบคุณมากเลยนะครับ ที่มาพักที่โรงแรมของเรา.. โรงแรมของเราพึ่งเปิดตัวไม่นาน มีแขกไม่เยอะเท่าไหร่ แล้วก็ยังไม่ค่อยมีคนไทยด้วย แล้วก็ขอบคุณที่ยอมให้เราเอาพวกเราสองคนไปโปรโมทด้วย”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมก็แจ้งไปทางพี่สุขี เอเจนซี่ของเราแล้ว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร” โกลตอบ

            “เอ่อ.. พี่ครับ” โป้งเหมือนจะถามนานแล้วแต่พึ่งจะถามเอาตอนนี้

            “บ้านนั้นมีคนชื่อ.. ทาอิชิโอะไหมครับ”

            พี่ปอนนิ่ง.. ปอนเป็นเด็กในการอุปการะของลูกชายคนที่สามของเจ้าบ้านรุ่นปัจจุบัน และเขาก็ยังเรียนประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง แถมทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับสายของตระกูลชิมิซุที่แตกมาเป็นสายของเจ้าของบ้านหลังนี้ กระนั้นเขาก็ยังต้องคิดก่อน..

            “หมายถึงชิมิซุ ทาอิชิโอะ ลูกชายคนโตของเจ้าบ้านรุ่นที่สองรึเปล่า.. อืม..เขาเป็นนักดาบมีฝีมือคนหนึ่งในสมัยนั้นเลยนะ แต่น่าเสียดายที่ตายตั้งแต่อายุยังน้อย.. เขาทำเซปปุกุ ตามคำสั่งของท่านเจ้าบ้านเพราะอะไรก็ไม่มีบอกเอาไว้ในประวัติบ้าน แต่เขียนไว้แต่ก่อเรื่องเสื่อมเสีย" ปอนเล่าตามความทรงจำ

             "หลังจากเขาตายไม่นานก็มีเรื่องเศร้าคืออากานิชิ ที่เป็นซามูไรคนสนิทก็มาทำเซปปุกุตัวเองตายตามไปเหมือนกัน แต่นั้นมันเมื่อราวสามร้อยปีมาแล้ว ราวๆต้นสมัยเอโดะ”

            “เซปปุกุ คืออะไรครับ” โป้งถาม

            “อ้อ.. โป้งอาจรู้จักในนามฮาราคีรี.. จริงๆฮาราคีรี คำนี้มาจากการเอาคำว่าเซปปุกุมาเขียนล้อย้อนกลับมัน เป็นคำที่ใช้ในเชิงเหยียดหยาม ดังนั้นกรณีซามูไรยอมตายเอง อย่างกรณีท่านไซโกะ ทากาโมริ ทำตอนแพ้กองทัพพระจักรพรรดิเมจิก็ถือเป็นเซปปุกุ” พี่ปอนกล่าว

            “ว่าแล้ว” โป้งตบมือดังฉาด

            “มิน่า..ทำไมตัวถึงดูสว่างๆผิดปกติ”

            โกลหันมามองหน้า

            “อ้อไม่มีอะไร..”โป้งโบกไม้โบกมือ..

            หลังสองหนุ่นเดินลากกระเป๋าไปกันแล้ว ปอนก็ยิ้มออกมา

            “ท่านทาอิจิโอะ” เขากล่าวแล้วเดินหันหลังกลับ

 

            ในสวนที่งดงามในลักษณ์เรียบง่ายตามแนวคิดเซน ศาลาชมจันทร์ตั้งอยู่อย่างสงบ..

            พนักงานทำความสะอาดกวาดใบไม้ที่ปลิวไปทั่วอย่างถี่ถ้วน แต่เขากลับเลยผ่านลูกกลมๆที่วางพิงเสาของศาลาชมจันทร์

             ลูกกลมๆนั่นจะตั้งอยู่ตรงนั้นอีกนาน และนานจนกว่าเด็กหนุ่มที่ซื้อมันมาจะกลับมาเพื่อเอาลูกบอลหนังแท้มาเปลี่ยนให้ตามสัญญา..       

           

            แล้วเวลาวันหยุดก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นารา ธันเดอร์เดียร์จึงเริ่มการฝึกซ้อมเพื่อรับฤดูกาลใหม่

            โยชินะมาเดินดูนักเตะออกกำลังกายเพื่อเรียกความฟิตตามแผนการฝึก แต่สักเดี๋ยวโป้งก็วิ่งเข้ามาหา

            “โค้ชครับ อะไรคือการเปิดจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้โจมตีครับ..”

            โยชินะมองหน้าโป้ง เห็นเหงื่อซึมมาเต็มใบหน้า แต่โป้งกลับไม่ได้มีอาการเหนื่อยหอบแสดงว่าแม้จะหยุดพักไป เขาก็คงมีการฝึกฝนเรื่องความฟิตอยู่เรื่อยๆ

            “ก็.. มันเป็นวิธีทางการต่อสู้นะ ในกีฬาอย่างเคนโด้ คาราเต้ พวกนี้เขาจะมีกลยุทธแบบนี้อยู่คือ มันเป็นวิธีการหลอกให้ศัตรูโจมตี แล้วเราก็สวนกลับยังไงละ” โยชินะตอบ

            “แล้วถ้าเป็นฟุตบอลหละครับ” โป้งถามต่อ

            “อืม..” โยชินะกอดอก

            “นั่นสินะ.. ฟุตบอลเราจะเปิดโอกาสให้คู่แข่งก็ไม่ได้เสียด้วย.. นอกเสียจากเราจะมั่นใจว่าเราสามารถสวนกลับได้เร็วกว่าการโจมตี ก็อาจจะ.. อืม.. ก็อาจแกล้งทำเป็นหยุดเล่นหรือเสียท่า แล้วพอคู่ต่อสู้จะเข้าโจมตีก็สวนกลับทันที ซึ่งถ้าเป็นในเชิงการต่อสู้ตัวต่อตัว.. มันก็จะทำให้ได้เปรียบนะ”

            โป้งพยักหน้าแล้วก็โค้ง

            “ขอบคุณครับโค้ช ผมเข้าใจแล้ว.. แปลว่าบางทีเราก็ไม่ต้องใช้ทักษะหลอกคู่ต่อสู้ก็ได้ แต่เราหลอกให้คู่ต่อสู้โจมตีก่อน.. แล้วเราก็สวนกลับใช่ไหมครับ”

            โยชินะพยักหน้า โป้งก็วิ่งไป..

            “อืม.. เออก็เข้าท่าดีนะแผนนี้.. หลอกให้โจมตี.. แล้วสวนกลับอย่างนั้นเหรอ” โยชินะพยักหน้าช้าๆ

 

            โกลค่อนข้างแปลกใจที่โป้งเอาคอมพิวเตอร์ของเขามาเปิดดูคลิปนักฟุตบอลหลายต่อหลายคลิปต่อเนื่องกัน แถมทำแบบนี้มาหลายวันแล้ว

            “นี่มึงดูอะไร.. มีแค่คลิปคนเขาเสียบอล คนเขาพลาด.. อะไรของมึง” โกลถามแล้วเดินมากอดคอจากด้านหลัง

            “ก็ดูเอาไว้.. จะได้พลาดเหมือน” โป้งตอบ

            “พลาดเหมือน.. “ โกลทวนคำ แล้วก็ยืดตัวตรง

            “มึงนี่น่าจะบ้านะ.. มีแต่คนเขาไม่อยากพลาด มึงดันมาดูคลิปเพื่อให้พลาด..”

            โป้งหันมายิ้ม

            “ก็มีคนเขาสอนกูมา..เอ้ย..” โป้งรีบแก้คำพูด

            “มีบางอย่างเขาสอนกูมา”

            โกลมองหน้าโป้ง แล้วก็ขยี้หัว

            “นี่มึงท่าจะเพี้ยนนะเนี้ย”

 

            แต่ที่แปลกใจกว่าโกลเป็นคือฮิรากิ เมื่อโป้งบอกว่าให้ช่วยสอนวิธีการสกัดและแย่งบอล

            “สกัดบอล.. แย่งบอล” ฮิรากิมองหน้าโป้งอย่างฉงน

            “นายจะเรียนไปทำไม.. นายเป็นผู้เล่นตัวรุก เอาเวลาไปฝึกเทคนิคดีกว่า”

            “ฉันฝึกทุกวันอยู่แล้วฮิรากิ.. อยู่ในทีมก็ฝึกอยู่.. แต่ฉันอยากเรียนเพิ่มกับนาย” โป้งตอบ

 

          นัดแรกของเจลีกฤดูกาลใหม่เริ่มต้น แต่เป็นรายการที่โหดหินมากพอสมควรเพราะนารา ธันเดอร์เดียร์ ต้องไปเยือนทีมของเมืองฮิโรชิม่าที่แข็งแกร่งมากถึงสนามเมืองฮิโรชิม่า

            โกลและโป้งเป็นสำรองในนัดนี้ จึงต้องยืนลุ้นอยู่ข้างสนาม

            ด้วยแรงใจจากเสียงเชียร์ที่กระหึ่มสนาม นักเตะฮิโรชิม่าเดินเกมรุกอย่างเต็มที่ตามลักษณะของเจ้าบ้านและหมายชนะให้ได้เพราะเป็นนัดเปิดฤดูกาล

            แล้วพวกเขาก็ออกนำไปสองลูกตั้งแต่ครึ่งแรก แต่โมริ อาริกะศูนย์หน้าของนรารายิงตีไข่แตกได้ในนาทีสุดท้ายก่อนหมดครึ่งแรก

            โกลตบบ่าปลอบใจฮิรากิที่ก้มหน้าเดินเข้ามา เขาคงโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุเนื่องจากการเสียประตูแรก ฮิรากิพลาดให้ศูนย์หน้าความเร็วจัดของฮิโรชิม่าหลุดเข้าไปยิงประตูขึ้นนำได้

            “ไม่เอาๆ ยังเหลืออีกตั้ง ครึ่ง..” โกลบีบที่ต้นคอ

            ฮิรากิก็ยิ้มตอบแต่เป็นรอยยิ้มไม่สดใสเท่าไหร่

           

            โยชินะพยายามแก้เกมด้วยการส่งกองกลางลงไปเพิ่มและถอดเอากองหลังตัวริมเส้นฝั่งขวาออกหนึ่งตัว

            แต่แล้วเกมก็เร้าใจมากขึ้นเพราะนาราบุกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการครองเกมในแดนกลางได้มากกว่า แต่นาราก็ยังเข้าไปหาจังหวะยิงอย่างจะแจ้งไม่ได้..

            “โป้งจัง” โยชินะเรียก

            โกลและโป้งหันมามองพร้อมกัน

            โยชินะชี้นิ้วไปเป็นสัญญาณว่าให้ออกอบอุ่นร่างกาย

            โป้งหันไปสบตาขอกำลังใจจากโกลก่อนจะถอดเสื้อคลุมส่งให้แล้วเริ่มออกวิ่งไปตามไหล่ขอบสนาม

           

            ที่นารา..

            ไอศูรย์เงยหน้าจากวิทยานิพนธ์ ตอนที่ได้ยินผู้บรรยายบอกว่าโป้งได้บอล

            “สู้ๆนะโป้ง” เขากล่าวแล้วงับฝาโน๊ตบุ๊คลงเพื่อเชียร์อย่างเต็มตัว

            จากจอทีวี โป้งพาลูกไปตามริมเส้นฝั่งซ้ายโดยมีกองหลังทีมขาติญี่ปุ่นตามประกบมา

 

            โป้งวิ่งมาถึงมุมธงแล้วก็คลึงบอลช้าๆ กองหลังฝั่งตรงข้ามก็ไม่เข้าสกัด เพราะเขามีประสบการณ์สูงมาก ทำให้อ่านได้ว่าโป้งจะหาจังหวะพลิกลูกหนี

            แล้วโป้งก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แต่จังหวะที่โป้งเหยียบลูก.. เขาเหยียบพลาด ทำให้ไถลและลูกบอลก็ปลิ้นหลุดจากการครอบครอง

            โอกาตะ มิโยชิ เห็นดังนั้นจึงรีบผวาเข้าหาลูกที่ทะลักออกจากเท้าโป้งเพื่อจะเตะออกไป

            แต่แล้วทันใด เท้าของซ้ายของโป้งก็ยืดตามออกมาแล้วเตะลูกบอลเปลี่ยนทาง

            จากนั้นร่างที่เหมือนจะเสียหลักไป กลับยันกายคืนการทรงตัวแล้ววิ่งตามลูกบอลที่เปลี่ยนทางไป

            เขาใช้เท้าขวาดักมันได้ก่อนที่หลุดออกเส้นหลัง แล้วสับเท้าซ้ายเตะจิ้มกระแทกบอลให้ลอยเข้ากลางประตู

            ผู้รักษาประตูฮิโรชิม่า จึงหันข้างเข้าหาลูกบอลหมายจะรับ  แต่พลัน..

            โมริ อาริกะพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาเอาร่างกายโถมใส่ลูกบอลที่ลอยอยู่แล้วเข้าประตูไปพร้อมๆกับมัน

            โอกาตะมองตามโป้งที่วิ่งเข้าไปหาผู้ทำประตูด้วยความดีใจ

            “เด็กคนนี้..” เขากล่าวออกมา

            “ร้ายกาจจริงๆ”

           

            ที่นครโอซาก้า เด็กหนุ่มร่างสูงดวงหน้าคมเข้มหล่อเหลากอดอกมองภาพที่ฉากซ้ำ เขาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบเล็กน้อย มีอากัปกริยาคล้ายกับพลาดเหยียบลูกบอลจนมันหลุดออกจากเท้า แต่ฉับพลันเขาก็ยืดเท้าออกไปเตะมันเปลี่ยนทางซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับกองหลังร่างใหญ่ผู้สุขุมถลันเข้าแย่งลูก..

            “นี่มัน..” เขากล่าวออกมา แล้วกอดชุดคาราเต้ที่มัดไว้ด้วยสายดำแน่น

            “เปิดจุดอ่อนหลอกให้โจมตี แล้วโต้ฉับพลัน..”

            “โฮ้ย..” เสียงเรียกทำให้เขาหัน

            “มาโกโตะทำอะไรอยู่.. เร็วๆสิฉันหิวแล้วนะ”

            คนเรียกเป็นหนุ่มผิวเข้มเรือนร่างแน่นด้วยมัดกล้ามเห็นได้ชัดเมื่อใส่เสื้อรัดรูป

            “ดูฟุตบอล..” โอซาวะ มาโกโตะเดินเข้าไปหา

            “นี่นายไม่สนใจเหรอ โป้งจัง เป็นนักเตะจากประเทศไทยนะ..”

            “นักคาราเต้อย่างนายสนใจฟุตบอลด้วยเหรอ” ชายหนุ่มดวงหน้าคมเข้มถาม

            “ก็ดูบ้าง..” มาโกโตะตอบแล้วเดินคู่กันไปกับชายผิวเข้ม

 

            หลังจากบุกหนักมากเพื่อเอาประตูให้ได้ จังหวะนี้เป็นจังหวะสำคัญมาเพราะนาราได้ลูกเตะมุมที่ฝั่งขวา 

นิชิโยะ ฮิเดะมองกองกลางริมเส้นฝั่งขวาไปในกรอบเขตโทษ เห็นศูนย์หน้าและกองหลังตัวสูงใหญ่ยืนเบียดอยู่กับผู้เล่นฮิโรชิม่า

             เขาตัดใจเตะโยนเข้าไปตรงกลางหมายให้เพื่อนร่วมทีมสามารถจะเบียดแย่งได้

            “ฝากด้วยนะทุกคน” เขาพึมพำแล้ววิ่งเข้าเตะ

            ความสงบนิ่งของโกลมาแตกสลายจากอาการตื่นเต้น เขาชะเง้อแถมเขย่งตัว ทั้งที่ตัวเองเป็นคนตัวสูงที่สุดในสนามเพื่อติดตามเกม

            โมริกระโดดขึ้นสูงและออกแรงเบียดกับโอกาดะ แต่เขาได้จังหวะดีกว่ากองหลังอาวุโส เขาจึงได้โหม่ง แต่..

            ผิดเหลี่ยม..

            ลูกบอลกระเด้งหัวของโมริแล้วลอยไปด้านซ้าย ออกไปนอกกรอบเขตโทษ

            โป้งอยู่ตรงนั้น เขาจับลูกอย่างนิ่มนวล มองไป..

            กองกลางฝั่งตรงข้ามพยายามเข้ามาสกัด

            แต่โป้งมองไปเห็นเป้าหมายแล้ว.. เขาเตะงัดโด่งส่งลูกบอลย้อนกลับเข้าไป

            “ฮิรากิ แก้ตัวซะ”

            เพราะกองหลังของฮิโรชิม่าเทกันไปหาโป้งหมด ทำให้ฮิรากิกระโดดขึ้นเดี่ยวๆ เขาเห็นแล้วว่าผู้รักษาประตูอยู่ทางไหน แต่เขาตัดสินใจโหม่งกลับไปทางนั้น..

            ผู้รักษาประตูฮิโรชิม่าเคลื่อนตัวออกไปแล้ว แต่เขาหยั่งเท้าพลิกตัวคืนกลับมา เขาพยายามเอื้อมมือออกไป..   

            ลูกบอลสัมผัสปลายมือ.. แต่เพราะความรุนแรง..

            มันแฉลบไปเปลี่ยนทาง.. แต่มันยังคงลอยข้ามเส้นประตู..

            บรรดาผู้เล่นที่อยู่ใกล้ มองลูกบอลกระทบตาข่ายแล้วรูดตกลงบนพื้นหญ้า นั่นทำให้ผู้รักษาประตูทรุดลงถอนหายใจ โอกาดะผู้มากประสบการณ์เอามือเสยผมอย่างแรง

            ฮิรากิยืนงงกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นฉับพลัน.. จนเมื่อเพื่อนๆวิ่งเข้ามารุมเขาอย่างดีอกดีใจ เขาจึงได้ตระหนักว่าตัวเองทำประตูแรกของการเป็นนักเตะอาชีพ..

            ห่างไปหลายร้อยกิโลเมตร แต่เห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนจากจอทีวี

            ไอศูรย์ที่ผุดกายขึ้นลุ้นค่อยๆทิ้งกายลงนั่ง

            ภาพของฮิรากิท่ามกลางเพื่อนๆกำลังวิ่งกลับไปฝั่งตนเองทำให้เขาไม่สามารถหุบยิ้มได้..

            “สักวันหนึ่งผมจะยิงประตูให้ได้” เด็กชายวัยสิบสองปีบอกไว้เมื่อเนิ่นนาน

            “จะยิงได้เหรอ.. นายเป็นกองหลังนะฮิรากิ..”

            “ถ้าผมยิงได้ ผมจะมอบประตูนี้ให้..”

            แล้วภาพในทีวีที่ยังจับฮิรากิอยู่ก็แสดงให้เห็น ฮิรากิมองฟ้ากล่าวพึมพำอ่านได้ด้วยริมฝีปากที่ขยับ

            อิโตะเซมไป.. รุ่นพี่อิโตะ..



ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ขำโป้งจัง ที่แกคุยด้วยผีนะเฮ้ย ยังจะมีหน้ามาบอกตัวสว่างๆอีก เฮ้ออ จะมองโลกในแง่ดีก็มีขอบเขตบ้างเถ้อออ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
เจอผีจริงๆด้วย 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด