สุทธิชัยตื่นขึ้นกลางดึกก็ไม่เห็นภรรยา จึงลุกขึ้นมองหา เห็นเธอกำลังเอาจดหมายฉบับหนึ่งมานั่งอ่านที่โต๊ะทำงาน นั่นคือจดหมายของอดีตสามีที่ส่งให้เธอก่อนเสียชีวิต
แล้วเธอก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันไปหยิบรูปของนายโป้งในวัยเยาว์มาพินิจ
เจ้าโป้งของเธอเป็นเด็กน่ารัก.. จิตใจดีและมองโลกในแง่ดี.. เขารักฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ ไปไหนมาไหนกับลูกฟุตบอล.. รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ร้องไห้ โกรธ ดีใจ เสียใจ.. ไม่มีตอนไหนที่วราพรไม่เห็นลูกฟุตบอลประกอบอยู่ในฉากของโป้ง
มือที่วางลงมาทำให้เธอเงยขึ้นมอง สุทธิพรกล่าวด้วยแววตาแสนอบอุ่น
“พร..ผมจะลากิจฉุกเฉินพรุ่งนี้เลย.. เราไปอังกฤษกันพรุ่งนี้ โป้งคงต้องการกำลังใจจากคุณด่วนที่สุดเหมือนกัน”
กานต์มองนาฬิกาที่แสดงเวลาหกโมงครึ่ง เขาแปลกใจที่พรรณพงศ์มาที่ทำงานแต่เช้า แถมแต่งตัวเหมือนกำลังจะเดินทางไกล
“กานต์.. คุณว่างอาทิตย์ไหม” พรรณพงศ์ถามเมื่อเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงาน
กานต์หันไปหยิบปฏิทิน
“ผมว่างครับ.. แต่คุณพรรณไม่ว่าง.. คุณมีประชุมสามครั้งในอาทิตย์หน้า” กานต์ตอบ
“ยกเลิกได้ไหม” พรรณพงศ์ถาม
“ผมจะไปอังกฤษ”
กานต์นิ่ง
“คุณจะไปหาคุณโกลใช่ไหมครับ”
พรรณพงศ์หันไปทางอื่นก่อนจะตอบ
“ไอ้ลูกตัวดี.. เรื่องแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ ฉันจะไปดูสักหน่อยสิว่าจะช่วยอะไรมันได้บ้าง.. นายช่วยจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุดให้ด้วยนะ”
วราพรนั่งอยุ่ที่หน้าประตูโดยสารเครื่องบิน อีกแค่สิบนาทีเธอก็ได้เดินทางไปหาลูกชายของเธอแล้ว
“รอแม่นะโป้ง อย่าพึ่งตัดสินใจอะไรโง่ๆนะลูก” เธอพิมพ์ข้อความไปทางโปรแกรมไลน์
สุทธิชัยเดินกลับมาจากห้องน้ำ แล้วนั่งลงข้างๆ
“พรๆ นั่น..แม่ของโกลใช่ไหม..” สุทธิชัยเรียกให้วราพรดู
เธอหันไปตามที่สามีชี้ เห็นเปรมิกาเดินมาด้วยมาดอดีตนางแบบ แล้วนั่งลงตรงที่ว่างโดยมีหญิงสาวหน้าตาเชยคนหนึ่งเดินมายืนข้างๆ
“แล้วนั่นก็คุณพรรณพงศ์” สุทธิชัยชี้ไปอีกทาง
คงเพราะวราพรไม่ทันได้สังเกตว่าพรรณพงศ์เดินเข้ามาตอนไหน แต่ตอนนี้เขานั่งอยู่กับชายวัยไล่เลี่ยกันในชุดสูทอย่างสุภาพ สมเป็นนักธุรกิจใหญ่
“พวกเขาจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” สุทธิชัยออกจะงง
“ผมจำได้ว่าโกลบอกว่าพ่อแม่ของเขาไม่ค่อยถูกกันนี่..”
วราพรยิ้มแล้วหันมา
“คุณคะ.. นี่หละค่ะ หัวใจของพ่อแม่.. จะมากจะน้อยเด็กคนนั้น ก็เป็นลูกไม่ใช่หรือค่ะ”
“คุณคะคุณพรรณอยุ่ทางโน้นน่ะค่ะ จะไปคุยด้วยหน่อยไหม” ศรีวรรณเลขาของเปรมิกาบอก
เปรมิกาหันไปมองตาม
เป็นพรรณพงศ์หันมามองพอดี คงเพราะกานต์ก็บอกเขาเหมือนกัน
สองคุณลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเดินมาเจอกันตรงกลาง
“คุณจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” เปรมิกาถาม
“ไปเรื่องงานเหรอค่ะ”
“เปล่า” พรรณพงศ์ยักไหล่
“ผมจะไปหาเจ้าโกล”
เปรมิกาพยักหน้าช้าๆ
“แล้วคุณหละ” พรรณพงศ์ถามกลับ
“มีงานหรือมีปาร์ตี้อะไรสำคัญที่ลอนดอนหรือไง”
เปรมิกาหันไปมองเครื่องบินที่เทียบท่าอยู่
“ฉันก็เป็นแม่ของโกลเหมือนกัน ใจคอคุณจะไม่ให้ฉันได้ไปดูเขาตอนที่เขาลำบากบ้างเลยเหรอคะ ว่าแต่คุณไม่มีนัดกับใครเหรอคะถึงจะไปลอนดอน”
พรรณพงศ์ถอนหายใจอยากจะตอบ แต่เขาหันมาเจอสายตาของชายหญิงวัยไล่เลี่ยนั่งมองพวกเขาอยู่
เขาจึงหันกลับไปหาเปรมิกา
“เราไปคุยกันบนเครื่องตรงนี้คนเยอะ” แล้วเขาก็ทำท่าจะหันกลับ
“เอ่อ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้น
เปรมิกากับพรรณพงศ์หันมาพร้อมกัน
“คุณสองคนคือพ่อแม่ของโกลใช่ไหมคะ” เธอกล่าว
“ดิฉันเป็นแม่ของโป้งค่ะ”
โกลพึ่งจะวางสายจากเดวิดไป แล้วคิดจะเอาอาหารสำเร็จรูปออกมาอุ่นกินเป็นอาหารเที่ยง แต่สักครู่ก็มีเสียงกดกริ่ง เขาก็เลยจะเดินไปดู แต่ได้ยินเสียงโป้งขยับตัวลุกจากโซฟา
“โป้งอย่าออกไปนะ ดูก่อนว่าใคร” โกลส่งเสียงไปเตือน แต่สักเดี่ยวก็ได้ยินเสียงโป้งเปิดประตู โกลที่กำลังเอาของในตู้เย็นออกมาก็เลยออกจากครัวไปดู
“อ้าวจุ๊ย” โกลทัก
จุ๊ยโบกมือทักทายกลับ แต่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจ
“กูไม่สบายใจเลยว่ะ กูเป็นคนพาไอ้อ่อมอะไรนั้นมาหาพวกมึง.. ถ้ากูสกรีนคนสักหน่อยก็คงไม่เกิดเรื่อง” จุ๊ยกล่าวเมื่อทั้งสามนั่งลงแล้ว
“กูขอโทษนะเว้ยเพื่อน กูไม่รู้จริงๆว่าแม่งเป็นนักข่าว”
โกลกับโป้งสบตากัน ก่อนโกลจะเป็นคนกล่าว
“ช่างเถอะวะ มันผ่านไปแล้ว ก็มันคือความจริงนี่.. ไม่รู้ตอนนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี.. ที่สุดก็ต้องรู้"
จุ๊ยถอนหายใจยาว
“กูไม่สบายใจจริงๆนะเว้ย.. รู้สึกแย่มาก กูนี่เกือบจะบุกไปหาไอ้หมอนั่นที่ห้องแล้ว แต่ไอ้ไนส์โทรมายั้งไว้ก่อน.. มันบอกว่าไม่มีประโยชน์ แถมถ้ากูไปทำอะไรมัน ก็ยิ่งเสียมาถึงพวกมึง” ไม่บ่อยนักที่คนร่าเริงอย่างจุ๊ยจะมีสีหน้าแบบนี้ เขาหลี่ตาลงก่อนจะเบิกใหม่มองหน้าทั้งสองคน
“แล้วตกลงพวกมึงว่ายังไง ทำยังไงดีกับเรื่องนี้”
โป้งยิ้มจางๆ
“เราจะแถลงข่าวสองทุ่มคือนี้หละ ตอนแรกจะแถลงบ่ายเลย แต่เดวิดบอกว่าให้เขากลับจากธุระก่อนแล้วค่อยแถลง”
“แล้วจะแถลงว่า..” จุ๊ยกล่าวเชิงถาม
ทั้งคู่สบตากัน แล้วโกลก็กล่าวตอบ
“เราจะแขวนสตั๊ด..”
จุ๊ยเหมือนมีอาการผงะ แต่เขาก็ยังไม่ได้แย้งอะไร
“เราสองคนจะเลิกเล่น กลับไปเมืองไทยหรือที่ไหนก็ได้ แล้วเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอล เราจะสอนฟุตบอลเด็กๆ" โป้งเล่า แววตาของเขาแพรวพราวเมื่อพูดถึงความฝันของตัวเอง
"เราจะสร้างทีมของเราเอง ฝึกพวกเขาเหมือนกับที่พวกโค้ชทุกคนสอนเราสองคนมา”
"ไอ้โป้งมันชอบเด็ก" โกลจับหัวโป้ง กล่าวกับจุ๊ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"มันฝันจะทำแบบนั้นมานานมากแล้ว"
จุ๊ยนิ่งเงียบ เขามองรอยยิ้มของทั้งคู่
แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา
“ที่กูมาก็เพื่อจะเอาไอ้นี่มาเปิดให้มึงดู ไอ้ไนส์กับกูช่วยกันรวบรวมแล้วก็ทำเป็นคลิปเดียวพวกมึงจะได้ไม่ต้องไปไล่ดูในเวปเอง มันเป็นวีดีโอที่หลายคนฝากเอาไว้ให้พวกมึงบนเฟสบุ๊ค แต่พวกมึงไม่ได้เข้าไปดู กูก็เลยเอามาให้พวกมึงดูเองที่นี่”
“โป้งที่รักครับ” ก้านเพชรกล่าว
แต่วู๊ดที่อยู่ข้างหลังก็ตบหัวดังป๊าบ
“ไม่ต้องที่รัก.. เอาจริงๆสิ อย่าเล่น”
“ก็ไม่ได้เล่น” ก้านเพชรแย้งพลางลูบหัวปอยๆ
“เอาดีๆ” วู๊ดเสียงเข้ม
“โอเค.. โป้งไม่ที่รัก.. โกลยิ่งที่ไม่รักใหญ่.. เราสองคนอยากจะบอกว่าเราเข้าใจพวกนายมาก.. เพราะเราก็หัวอกเดียวกัน แต่เรายังโชคดีที่ยังไม่โดนแฉก็เท่านั้น.. แต่ไม่ต้องคงไม่รอด เอาไว้เราแต่งงานกัน ก็ต้องโดนเหมือนพวกนายเหมือนกัน”
“ใครแต่งกับมึง” วู๊ดหันมองหน้า
“เออน่า..กูให้มึงเป็นเจ้าบ่าว กูยอมแต่งเป็นเจ้าสาวเอง” ก้านเพชรตอบ
โป้งหัวเราะกิ๊กๆตามภาษาคนเส้นตื้น
“แต่ตอนนี้พวกมึงอย่าท้อนะเว้ย.. มึงสองคนต้องสู้.. เราสองคนจะคอยเป็นกำลังใจให้.. อย่าทิ้งในสิ่งที่มึงสองคนมี.. คือหัวใจรักฟุตบอล และความสามารถที่เหนือคนอื่น.." วู๊ดกล่าวเสียงเข้ม แววตาที่มองมาจริงจังอย่างมาก
"กูเสียดายมากถ้าหากมึงสองคนทิ้งฟุตบอล.. มึงอย่าแคร์ว่าใครจะคิดยังไง.. มึงต้องสู้นะเว้ย.. แล้วเราสองคนจะเป็นกำลังใจให้”
“ใช่.. ฉันจะเป็นกำลังใจโป้ง.. ส่วนไอ้โกล.. เรื่องของมึง” ก้านเพชรกล่าวบ้าง
โป้งหันมองหน้าโกล แต่แทนที่โกลจะโกรธ เขากลับยิ้มออกมา
"อีกละไอ้ก้านกูบอกให้จริงจัง"
"นี่ไงจริงจัง จริงใจด้วย..."
แล้ววีดีโอก็ตัดไป กลายภาพของอดีตเพื่อนร่วมทีมนวสาครทั้งหมดส่งเสียงเกรียวกราว เหล่านี้คือพวกที่ตัดสินใจกลับไปเรียนหนังสือไม่เล่นฟุตบอลต่อ
“ไอ้โป้งไอ้โกล.. มึงสองคนคือสุดเจ๋งของนวสาคร.. ไม่ว่ามึงสองคนจะเป็นอะไรยังไง เราก็คือพวกเดียวกันนะเว้ย” คนที่พูดคือแสนพล
“ใช่ๆ” เพื่อนร่วมกันสนับสนุน แสนพลหันไปมองเพื่อนแล้วกล่าวต่อ
“สำหรับพวกกู.. มึงสองคนคือตัวแทนคนที่ไล่ตามฝันในวงการฟุตบอลต่อไป เวลาพวกกูเห็นพวกมึงเล่น พวกกูจะนึกถึงความสนุกของมัน.. พวกมึงคือแรงและกำลังใจของพวกเรา พวกมึงต้องไม่ท้อนะเว้ย.. อย่างยอมแพ้ ไม่ว่าจะไอ้พวกเกลียดเกย์หรืออะไรก็ช่างแม่ง.. อย่าไปสนใจมัน.. จำไว้.. ใครไม่เชียร์พวกมึง พวกกูนี่หล่ะเชียร์.. พวกกูทุกคนคอยเป็นกำลังใจให้มึงนะเว้ย.."
"สู้ๆเว้ยโกล โป้ง" เสียงหนึ่งสนับสนุน
"อย่ายอมแพ้นะเว้ยพวกมึง" อีกเสียงหนึ่งตามมา
"อย่าให้ใครดูถูกเราได้นะเว้ย พวกมึงต้องสู้.."
"สู้เว้ย.."
แล้วภาพก็ตัดไปอีก กลายเป็นภาพแก๊งค์เกย์สาวแห่งนวสาคร นำโดยเจ๊เหมียวร่างท้วมดูน่ารักจิ้มลิ้ม
“อีโป้งอีโกล.. สองคนน่ะสุดยอด.. พวกเราน่ะเป็นกำลังใจให้นะยะ.. อย่ายอมแพ้จะมึง อย่าให้ไอ้นักข่าวนั้นมันสมหวัง พวกแกต้องสู้..“ เจ๊เหมียวว่า แล้วก็เปลี่ยนสีหน้า
“แต่เหม่พูดแล้วก็โมโห.. อยากจะตบอีนักข่าวนั่น.. สงสัยจะว่างงานจัด.. อีดอก.. อย่าให้เจอนะ.. กูจะตบๆๆ” พูดแล้วก็ใส่อารมณ์
“ใจเย็นๆ เจ๊สวยๆ” อีกคนรีบเข้ามาบีบนวดไหล่
“เออๆ.. สวยๆ” เจ๊เหมียวว่าแล้วทำท่าสงบอารมณ์ ก่อนะกล่าวต่อไป
“อีโป้ง อีโกล.. แกสองคนต้องสตร๊อง.. อย่ายอมแพ้.. เพื่อศักดิ์ศรี LGBTI ของพวกเรา.. Strong เข้าใจไหม..”
แล้วภาพก็ตัดไป แล้วก็เป็นภาพของผุ้คนจำนวนมากนั่งกันเต็มอัฒจันทร์ของยูเนียน ออฟ ภูเก็ต กล้องแพนไปรอบๆเมื่อให้เห็นว่าอัฒจันทร์ทุกด้านมีคนนั่งอยู่เต็ม
แล้วกล้องก็จับไปที่ตั้นที่ยืนอยู่กลางสนาม เขายกมือให้สัญญาณ ทั้งสนามก็ลุกขึ้น เหยียดมือมาข้างหน้าชูนิ้วโป้ง
“โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง” เสียงนั้นกึกก้องไปหมด ทุกคนกำลังเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่
แล้วกล้องก็จับมาที่ตั้นอีกครั้ง เขายกมือให้สัญญาณ อัฒจันทร์ก็เงียบไป
แต่เมื่อตั้นให้สัญญาณอีกครั้ง
ทุกคนปรบมือสี่ครั้งแล้วเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน
“โกล Save Goal” แล้วก็ปรบมืออีกสี่ครั้ง
“โกล Save Goal”
จุ๊ยมองหน้าโป้งกับโกลนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมองภาพที่ฉายบนจอLED ขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมต่อรับข้อมูลจากโทรศัพท์ของจุ๊ย
"โกล.." ตั้นตะโกนผ่านไมโครโฟน
"สู้ๆ" อัฒจันทร์ตอบลงมา
"โป้ง.."
"สู้ๆ"
"โกล โป้ง.."
"สู้ๆ สู้ๆ..."
แล้วภาพก็ตัดไปเป็นรายการของข่าวของญี่ปุ่น
เป็นภาพนักฟุตบอลหนุ่มที่สองคนไม่คุ้นหน้า มีอักษรขี้นบอกชื่อว่า โยดะ ฮิโรยูกิ เป็นภาพตอนที่เขากำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนญี่ปุ่นหลังเกมการแข่งขัน
“สำหรับ เฮตทริกที่ผมยิงได้..ผมขอมอบให้โป้งซังและโกลซังครับ.. โป้งซัง โกลซังพวกคุณอาจจำผมไม่ได้แล้ว ผมคือเด็กที่ขอเสื้อของคุณสองคนในสนาม ซึ่งวันนั้นโกลซังได้บอกผมเอาไว้ว่าเสื้อของพวกคุณไม่ได้ช่วยให้ผมเก่งขึ้น มีแต่การฝึกซ้อมเท่านั้นที่ทำให้ผมเก่งขึ้นได้.." เด็กหนุ่มวรรค
"ดังนั้นผมจึงฝึกฝน..จนกระทั้งได้เป็นตัวจริงของทีมชุดใหญ่ และตอนนี้ผมยิงเฮตทริกได้ครั้งแรกในเจลีก.. ผมก็เลยอยากมอบแฮตทริกนี้ให้พวกคุณ เพื่อขอบคุณสำหรับเสื้อของโป้งซังที่ผมจะเอามาดูเวลาผมท้อ ส่วนคำสอนของโกลซังก็ทำให้ผมมีกำลังใจจะซ้อมมากขึ้น ขอบคุณมากครับ”
แล้วภาพก็ตัดเล็กน้อย คนเป็นการตัดตอนที่นักข่าวถาม
“ครับผมทราบ.. แต่ผมถาม ว่าแล้วยังไงหละครับ.. จริงอยู่ผมไม่ใช่เกย์ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจว่าคนที่ผมเคารพเขาจะเป็นเกย์หรือไม่.. ผมไม่อายเลยที่จะบอกว่า เกย์สองคนนั้นคือแบบอย่างของการเป็นนักฟุตบอลที่ดีของผม.. ผมถามพวกคุณว่า พวกคุณใส่ใจอะไรครับ.."
"พวกคุณมาดูฟุตบอลเพื่ออะไร ไม่ได้มาดูพวกเขาเล่นฟุตบอลหรอกเหรอครับ.. แล้วคุณได้เห็นโป้งซังกับโกลซังในสนามแล้วใช่ไหม.. พวกคุณก็เห็นว่าเขายอดเยี่ยมเพียงไร... แล้วผมจะอายทำไมถ้าหากจะบอกว่าสองคนนั้นเป็นแบบอย่างของผม”
แล้วภาพก็ตัดเป็นรายการอีกรายการหนึ่งที่เหมือนจะเป็นสกู๊ปข่าว ไปถ่ายที่นาราสเตเดียม มีไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีเด็กนักเรียนและคนวัยทำงานหลายคนกำลังเขียนกันอยู่ พอจับภาพระยะใกล้ ก็จะมีเห็นว่ามีคำให้กำลังใจมากมาย
“สู้นะโป้งจัง โกลจัง ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆที่คุณอยู่กับเรา”
“อย่าท้อโป้งซัง โกลซัง ผมจะรอดูพวกคุณ”
“ผมอยากเก่งเหมือนโป้งซัง.. โป้งซังอย่าท้อนะ”
และผู้ประกาศก็บอกว่าบอร์ดนี้จะถูกส่งมาอังกฤษเพื่อเป็นกำลังใจให้กับโป้งและโกล
แล้วก็ปิดท้ายด้วยภาพหนุ่มสาวรุ่นหลายคนสวมหมวกเขากวางและมีสวมเสื้อหมายเลขสิบหน้ากับหมายเลขสอง
“โป้งซัง โกลซัง..สู้!” พวกเขาตะโกนออกมาพร้อมกัน
แล้ววีดีโอก็หยุดเล่น
จุ๊ยมายืนกอดอกตรงหน้าทั้งคู่
“พวกมึงสองคนก็คิดดูเอาเองแล้วกันนะว่าควรจะทำอะไรกับชีวิต.. กูไม่เถียงหรอก..ว่ามีคนมากมายเขาดูถูกพวกเรา.. เพราะเรารักชอบเพศเดียวกัน ไม่เหมือนกับเขา.." จุ๊ยถอนหายใจเบาๆก่อนจะกล่าวต่อ
"แต่พวกมึงต้องมองอีกด้านสิ ว่ามีคนอีกตั้งเยอะที่สนับสนุนพวกมึง มึงจะเอาตาไปมองแต่คนที่ดูถูกก็ตามใจ แต่อย่าลืมว่ามีเสียงเชียร์มากมายของคนที่รักพวกมึงคอยเชียร์อยู่เหมือนกัน.. ท้อได้เว้ยเพื่อน.. แต่อย่าถอย.. เพราะมึงถอยมึงก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองสู้...”
พอจุ๊ยกลับไปได้ไม่นาน เดวิด นิวฟอร์ดก็มาถึงซึ่งทำให้โป้งกับโกลแปลกใจมาก แถมเขาไม่ได้มาคนเดียว
ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้แนะนำตัวว่าเป็นเป็นเจ้าหน้าที่จากทีมเชลซี ชื่อไมเคิล ปาร์กเกอร์
“เราได้เสนอข้อเสนอมาแล้ว แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ดังนั้นเราจึงหยุดไปชั่วคราวเพราะรอดูท่าทีของเธอกับเทมส์ไซด์ ในเมื่อทางโน้นไม่ต่อสัญญา เราจึงอยากจะเสนอสัญญาให้พวกพิจารณา" ไมเคิลบอก
แล้วเดวิดก็เอาเอกสารมาวางตรงหน้าของแต่ละคน
“โดยสรุปก็คือทางเชลซีเสนอค่าแรงรายสัปดาห์ของโป้ง อาทิตย์ห้าหมื่นสี่พันปอนด์ แล้วถ้าหากโป้งยิงประตูได้ ก็ได้รับเงินพิเศษลูกละหนึ่งพันปอนด์ ส่งลูกให้ยิงได้ครั้งละห้าร้อยปอนด์ แล้วถ้าได้แมนออฟเดอะแม๊ตช์ ก็เอาไปเลยสองพันปอนด์อันนี้ สัญญาสามปี” เดวิดอธิบาย
“ส่วนของโกล เขาเสนอให้สี่หมื่นสองพันปอนด์ต่อสัปดาห์ ถ้าได้Clean Sheet ได้ สามพันปอนด์ต่อนัด ถ้าได้เป็นแมนออฟเดอะแม๊ตช์ก็ได้ สี่พันปอนด์ สัญญาสามปีเท่ากับโป้ง”
แล้วไมเคิลพิจราณาปฏิกิริยาของสองหนุ่ม
"ผมทราบว่าพวกคุณสองคนจะทำอะไร.. แต่พวกคุณอายุยังน้อยกันยังเหลือเวลาที่จะอยู่ในวงการฟุตบอลอีกมาก.. ผมไม่ได้บอกว่าพวกคุณจะไม่เจอแรงกดดัน แต่ถ้าพวกคุณไม่ท้อถอย และทำในสิ่งที่พวกคุณทำอย่างสม่ำเสมอคือความมุ่งมั่นกับฟุตบอล ไม่ช้าคุณก็จะประสบความสำเร็จในการเอาชนะใจแฟนบอลได้"
โป้งกับโกลมองเอกสารแต่ไม่ได้หยิบ
ทั้งคู่สบตากันแล้วโกลก็ตอบออกไป
“ผมต้องขอบคุณมากเลยนะครับคุณปาร์กเกอร์ แต่เราเคยเล่นให้กับเทมส์ไซด์ มันเป็นมารยาทไม่ใช่เหรอครับที่เราจะไม่เล่นให้ทีมที่เป็นคู่แข่งร่วมเมืองกัน.." คำพูดของโกลมั่นคง
"เราก็ไม่อยากจะทำให้แฟนบอลเสียความรู้สึกมากไปกว่านี้.. ต่อให้พวกเขาจะรู้สึกกับเรายังไงในตอนนี้ แต่ที่ผ่านมาเราก็อบอุ่นมากกับการสนับสนุนของพวกเขา.. ข้อเสนอที่ดีของพวกคุณเราจึงต้องขอเรียนว่า..” โกลมองตาโป้งชั่วครู่ก่อนจะหันมาตอบ
“เราไม่สามารถรับไว้ได้ แต่เราทราบในความปรารถนาดีของพวกคุณครับ และขอบคุณมากครับ”
เดวิด นิวฟอร์ดมองหน้าไมเคิล ปาร์กเกอร์
ปาร์กเกอร์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา
“พวกคุณกำลังอยู่ในฐานะลำบาก.. แต่พวกคุณกลับปฏิเสธข้อเสนอของเรา.. ถ้าหากพวกคุณกังวลเรื่องปัญหากับแฟนบอล เราสัญญาว่าเราจะดูแลทำความเข้าใจกับแฟนบอลก่อนแน่นอน เพราะเราเข้าร่วมโครงการต่อต้านการกีดกันทางเพศต่อLGBTI”
โกลยิ้มตอบ
“เราทราบครับ.. แต่อย่างที่ผมแจ้งไปแล้ว.. เราคือคนของเทมส์ไซด์ เราจะไม่ยอมทรยศความรู้สึกของแฟนบอลของตัวเอง.. หากพวกเราจะต้องตกงาน หรือแม้แต่เลิกเล่น เราก็คงไม่สามารถรับข้อเสนอได้จริงๆ”
เดวิดกำลังจะพูดอะไร แต่ปาร์กเกอร์ออกปากเสียก่อน
“ตกลง ผมเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ..” แล้วปาร์คเกอร์ก็ลุกขึ้น เขาจับมือโกลก่อนจะหันไปจับมือโป้ง
“พวกคุณสองคนกำลังเผชิญปัญหาที่หนักหนามาก.. ผมเชื่อว่าทั้งสองคนจะผ่านไปด้วยดี.. ผมจะเป็นกำลังใจให้” ปาร์กเกอร์กล่าว
“ผมยินดีที่คนในรุ่นพวกคุณยังมีจิตใจแบบนี้.. เชื่อผมเถอะครับด้วยความจริงใจ พวกคุณจะได้รับการตอบรับที่ดีแน่นอน”
รถยนต์ที่ไมเคิล ปาร์กเกอร์โดยสารออกมาเป็นรถตู้ของสโมสร.. เขานั่งเงียบอยู่ครู่แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมโซเชียลเน็ตเวริ์ค
“ถ้าถามว่าผมรู้สึกอย่างไรกับการเจรจาที่แสนสั้นนี้.. ผมรู้สึกแย่ที่ไม่สำเร็จ..แต่ถ้าถามว่าผมได้อะไรจากการมาเจรจานี้.. ผมได้พบว่าจริงๆแล้วในโลกนี้.. จิตวิญญาณที่เข้มแข็งยังมีอยู่ และยังมีอยู่ในใจของเด็กทั้งสองคน.. ผมอยากจะบอกกับแฟนเทมส์ไซด์ว่า วันนี้นักฟุตบอลที่เทมส์ไซด์เบือนหน้าหนี เขาปฏิเสธเราอย่างไม่มีความลังเล.. เพราะอะไร.. ก็เพราะความซื่อสัตย์ต่อทีมของพวกเขา.. แล้วนี่หรือที่พวกคุณตอบแทนให้กับคนที่ป้องกันประตูให้พวกคุณ และคนที่บุกตะลุยไปข้างหน้าโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยอย่างพวกเขา.. เทพพร และ กรกฏ”
นั้นคือสเตตัสแรก
“แล้วถ้าหากเรามองข้ามตัวตนของพวกเขาไป.. แล้วเราลืมไปว่าพวกเขาเป็นคนรักชอบเพศเดียวกัน.. แล้วเราเห็นอะไร.. ผมเห็นนักฟุตบอลสองคนที่เก่งกาจเหลือเกิน.. น่าเสียดาย น่าเสียดายที่คนมากมายไม่เห็นอย่างผม”
นั้นคือสเตตัสที่สอง
(Football V Homophobia เป็นโครงการที่มีข้อตกลงกับหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ท๊อตแนม ฮอตสเปอร์ นอริช ซิตี้ และเซลซี FC เป็นส่วนหนึ่งในบรรดาทีมที่เข้าร่วม แต่ยังมีอีกหลายทีมที่ไม่แสดงความจำนงเข้าร่วม โดยเฉพาะในปีนี้ ยูไนเต็ดกับเชลซียังเป็นทีมที่สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดการให้มีการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการเหยียดเพศในกีฬาฟุตบอล แต่มีอีกหลายทีมยังไม่ได้ตัดสินใจ ขออนุญาต แปะลิงก์ Facebook ของโครงการนี้
https://www.facebook.com/pages/Football-V-Homophobia/223056224452297 )