The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"  (อ่าน 25132 ครั้ง)

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
นี่สิครอบครัว

พ่อโกลคะ.ทำทีมเลยค่ะ เป็นเจ้าของสโมสรเองเลย หุ้นกับแม่โกล.
พ่อเป็นประธานสโมสร แม่โกลเป็นผู้จัดการทีม
พ่อหมอเป็นแพทย์ประจำทีม
โค้ชครูป้อม ครบไหมนี่?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2016 18:36:42 โดย วัวพันปี »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
มันมากอ่ะบอกเลย ลุ้นที่สุดแล้ว น่าจะพีคที่สุดของภาคสองแล้วมั้งเนี้ย

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0


            สุทธิชัยตื่นขึ้นกลางดึกก็ไม่เห็นภรรยา จึงลุกขึ้นมองหา เห็นเธอกำลังเอาจดหมายฉบับหนึ่งมานั่งอ่านที่โต๊ะทำงาน นั่นคือจดหมายของอดีตสามีที่ส่งให้เธอก่อนเสียชีวิต

            แล้วเธอก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันไปหยิบรูปของนายโป้งในวัยเยาว์มาพินิจ

            เจ้าโป้งของเธอเป็นเด็กน่ารัก.. จิตใจดีและมองโลกในแง่ดี.. เขารักฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ ไปไหนมาไหนกับลูกฟุตบอล.. รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ร้องไห้ โกรธ ดีใจ เสียใจ.. ไม่มีตอนไหนที่วราพรไม่เห็นลูกฟุตบอลประกอบอยู่ในฉากของโป้ง

            มือที่วางลงมาทำให้เธอเงยขึ้นมอง สุทธิพรกล่าวด้วยแววตาแสนอบอุ่น

            “พร..ผมจะลากิจฉุกเฉินพรุ่งนี้เลย.. เราไปอังกฤษกันพรุ่งนี้ โป้งคงต้องการกำลังใจจากคุณด่วนที่สุดเหมือนกัน”

 

            กานต์มองนาฬิกาที่แสดงเวลาหกโมงครึ่ง เขาแปลกใจที่พรรณพงศ์มาที่ทำงานแต่เช้า แถมแต่งตัวเหมือนกำลังจะเดินทางไกล

            “กานต์.. คุณว่างอาทิตย์ไหม” พรรณพงศ์ถามเมื่อเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงาน

            กานต์หันไปหยิบปฏิทิน

            “ผมว่างครับ.. แต่คุณพรรณไม่ว่าง.. คุณมีประชุมสามครั้งในอาทิตย์หน้า” กานต์ตอบ

            “ยกเลิกได้ไหม” พรรณพงศ์ถาม

            “ผมจะไปอังกฤษ”

            กานต์นิ่ง

            “คุณจะไปหาคุณโกลใช่ไหมครับ”

            พรรณพงศ์หันไปทางอื่นก่อนจะตอบ

            “ไอ้ลูกตัวดี.. เรื่องแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ ฉันจะไปดูสักหน่อยสิว่าจะช่วยอะไรมันได้บ้าง.. นายช่วยจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุดให้ด้วยนะ”

           

            วราพรนั่งอยุ่ที่หน้าประตูโดยสารเครื่องบิน อีกแค่สิบนาทีเธอก็ได้เดินทางไปหาลูกชายของเธอแล้ว

            “รอแม่นะโป้ง อย่าพึ่งตัดสินใจอะไรโง่ๆนะลูก” เธอพิมพ์ข้อความไปทางโปรแกรมไลน์

            สุทธิชัยเดินกลับมาจากห้องน้ำ แล้วนั่งลงข้างๆ

            “พรๆ นั่น..แม่ของโกลใช่ไหม..” สุทธิชัยเรียกให้วราพรดู

            เธอหันไปตามที่สามีชี้ เห็นเปรมิกาเดินมาด้วยมาดอดีตนางแบบ แล้วนั่งลงตรงที่ว่างโดยมีหญิงสาวหน้าตาเชยคนหนึ่งเดินมายืนข้างๆ

            “แล้วนั่นก็คุณพรรณพงศ์” สุทธิชัยชี้ไปอีกทาง

            คงเพราะวราพรไม่ทันได้สังเกตว่าพรรณพงศ์เดินเข้ามาตอนไหน แต่ตอนนี้เขานั่งอยู่กับชายวัยไล่เลี่ยกันในชุดสูทอย่างสุภาพ สมเป็นนักธุรกิจใหญ่

            “พวกเขาจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” สุทธิชัยออกจะงง

            “ผมจำได้ว่าโกลบอกว่าพ่อแม่ของเขาไม่ค่อยถูกกันนี่..”

            วราพรยิ้มแล้วหันมา

            “คุณคะ.. นี่หละค่ะ หัวใจของพ่อแม่.. จะมากจะน้อยเด็กคนนั้น ก็เป็นลูกไม่ใช่หรือค่ะ”

           

            “คุณคะคุณพรรณอยุ่ทางโน้นน่ะค่ะ จะไปคุยด้วยหน่อยไหม” ศรีวรรณเลขาของเปรมิกาบอก

            เปรมิกาหันไปมองตาม

            เป็นพรรณพงศ์หันมามองพอดี คงเพราะกานต์ก็บอกเขาเหมือนกัน

            สองคุณลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเดินมาเจอกันตรงกลาง

            “คุณจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” เปรมิกาถาม

            “ไปเรื่องงานเหรอค่ะ”

            “เปล่า” พรรณพงศ์ยักไหล่

            “ผมจะไปหาเจ้าโกล”

            เปรมิกาพยักหน้าช้าๆ

            “แล้วคุณหละ” พรรณพงศ์ถามกลับ

            “มีงานหรือมีปาร์ตี้อะไรสำคัญที่ลอนดอนหรือไง”

            เปรมิกาหันไปมองเครื่องบินที่เทียบท่าอยู่

            “ฉันก็เป็นแม่ของโกลเหมือนกัน ใจคอคุณจะไม่ให้ฉันได้ไปดูเขาตอนที่เขาลำบากบ้างเลยเหรอคะ ว่าแต่คุณไม่มีนัดกับใครเหรอคะถึงจะไปลอนดอน”

            พรรณพงศ์ถอนหายใจอยากจะตอบ แต่เขาหันมาเจอสายตาของชายหญิงวัยไล่เลี่ยนั่งมองพวกเขาอยู่

            เขาจึงหันกลับไปหาเปรมิกา

            “เราไปคุยกันบนเครื่องตรงนี้คนเยอะ” แล้วเขาก็ทำท่าจะหันกลับ

            “เอ่อ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้น

            เปรมิกากับพรรณพงศ์หันมาพร้อมกัน

            “คุณสองคนคือพ่อแม่ของโกลใช่ไหมคะ” เธอกล่าว

            “ดิฉันเป็นแม่ของโป้งค่ะ”

 


             โกลพึ่งจะวางสายจากเดวิดไป แล้วคิดจะเอาอาหารสำเร็จรูปออกมาอุ่นกินเป็นอาหารเที่ยง แต่สักครู่ก็มีเสียงกดกริ่ง เขาก็เลยจะเดินไปดู แต่ได้ยินเสียงโป้งขยับตัวลุกจากโซฟา

            “โป้งอย่าออกไปนะ ดูก่อนว่าใคร” โกลส่งเสียงไปเตือน แต่สักเดี่ยวก็ได้ยินเสียงโป้งเปิดประตู โกลที่กำลังเอาของในตู้เย็นออกมาก็เลยออกจากครัวไปดู

            “อ้าวจุ๊ย” โกลทัก

            จุ๊ยโบกมือทักทายกลับ แต่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจ

           

            “กูไม่สบายใจเลยว่ะ กูเป็นคนพาไอ้อ่อมอะไรนั้นมาหาพวกมึง.. ถ้ากูสกรีนคนสักหน่อยก็คงไม่เกิดเรื่อง” จุ๊ยกล่าวเมื่อทั้งสามนั่งลงแล้ว

            “กูขอโทษนะเว้ยเพื่อน กูไม่รู้จริงๆว่าแม่งเป็นนักข่าว”

            โกลกับโป้งสบตากัน ก่อนโกลจะเป็นคนกล่าว

            “ช่างเถอะวะ มันผ่านไปแล้ว ก็มันคือความจริงนี่.. ไม่รู้ตอนนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี.. ที่สุดก็ต้องรู้"

            จุ๊ยถอนหายใจยาว

            “กูไม่สบายใจจริงๆนะเว้ย.. รู้สึกแย่มาก กูนี่เกือบจะบุกไปหาไอ้หมอนั่นที่ห้องแล้ว แต่ไอ้ไนส์โทรมายั้งไว้ก่อน.. มันบอกว่าไม่มีประโยชน์ แถมถ้ากูไปทำอะไรมัน ก็ยิ่งเสียมาถึงพวกมึง” ไม่บ่อยนักที่คนร่าเริงอย่างจุ๊ยจะมีสีหน้าแบบนี้ เขาหลี่ตาลงก่อนจะเบิกใหม่มองหน้าทั้งสองคน

            “แล้วตกลงพวกมึงว่ายังไง ทำยังไงดีกับเรื่องนี้”

            โป้งยิ้มจางๆ

            “เราจะแถลงข่าวสองทุ่มคือนี้หละ ตอนแรกจะแถลงบ่ายเลย แต่เดวิดบอกว่าให้เขากลับจากธุระก่อนแล้วค่อยแถลง”

            “แล้วจะแถลงว่า..” จุ๊ยกล่าวเชิงถาม

            ทั้งคู่สบตากัน แล้วโกลก็กล่าวตอบ

            “เราจะแขวนสตั๊ด..”

            จุ๊ยเหมือนมีอาการผงะ แต่เขาก็ยังไม่ได้แย้งอะไร

            “เราสองคนจะเลิกเล่น กลับไปเมืองไทยหรือที่ไหนก็ได้ แล้วเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอล เราจะสอนฟุตบอลเด็กๆ" โป้งเล่า แววตาของเขาแพรวพราวเมื่อพูดถึงความฝันของตัวเอง

             "เราจะสร้างทีมของเราเอง ฝึกพวกเขาเหมือนกับที่พวกโค้ชทุกคนสอนเราสองคนมา”

             "ไอ้โป้งมันชอบเด็ก" โกลจับหัวโป้ง กล่าวกับจุ๊ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

             "มันฝันจะทำแบบนั้นมานานมากแล้ว"

            จุ๊ยนิ่งเงียบ เขามองรอยยิ้มของทั้งคู่

            แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา

            “ที่กูมาก็เพื่อจะเอาไอ้นี่มาเปิดให้มึงดู ไอ้ไนส์กับกูช่วยกันรวบรวมแล้วก็ทำเป็นคลิปเดียวพวกมึงจะได้ไม่ต้องไปไล่ดูในเวปเอง มันเป็นวีดีโอที่หลายคนฝากเอาไว้ให้พวกมึงบนเฟสบุ๊ค แต่พวกมึงไม่ได้เข้าไปดู กูก็เลยเอามาให้พวกมึงดูเองที่นี่”     

   


            “โป้งที่รักครับ” ก้านเพชรกล่าว

            แต่วู๊ดที่อยู่ข้างหลังก็ตบหัวดังป๊าบ

            “ไม่ต้องที่รัก.. เอาจริงๆสิ อย่าเล่น”

            “ก็ไม่ได้เล่น” ก้านเพชรแย้งพลางลูบหัวปอยๆ

            “เอาดีๆ” วู๊ดเสียงเข้ม

            “โอเค.. โป้งไม่ที่รัก.. โกลยิ่งที่ไม่รักใหญ่.. เราสองคนอยากจะบอกว่าเราเข้าใจพวกนายมาก.. เพราะเราก็หัวอกเดียวกัน แต่เรายังโชคดีที่ยังไม่โดนแฉก็เท่านั้น.. แต่ไม่ต้องคงไม่รอด เอาไว้เราแต่งงานกัน ก็ต้องโดนเหมือนพวกนายเหมือนกัน”

            “ใครแต่งกับมึง” วู๊ดหันมองหน้า

            “เออน่า..กูให้มึงเป็นเจ้าบ่าว กูยอมแต่งเป็นเจ้าสาวเอง” ก้านเพชรตอบ

            โป้งหัวเราะกิ๊กๆตามภาษาคนเส้นตื้น

            “แต่ตอนนี้พวกมึงอย่าท้อนะเว้ย.. มึงสองคนต้องสู้.. เราสองคนจะคอยเป็นกำลังใจให้.. อย่าทิ้งในสิ่งที่มึงสองคนมี.. คือหัวใจรักฟุตบอล และความสามารถที่เหนือคนอื่น.."  วู๊ดกล่าวเสียงเข้ม แววตาที่มองมาจริงจังอย่างมาก

            "กูเสียดายมากถ้าหากมึงสองคนทิ้งฟุตบอล.. มึงอย่าแคร์ว่าใครจะคิดยังไง.. มึงต้องสู้นะเว้ย.. แล้วเราสองคนจะเป็นกำลังใจให้”

            “ใช่.. ฉันจะเป็นกำลังใจโป้ง.. ส่วนไอ้โกล.. เรื่องของมึง” ก้านเพชรกล่าวบ้าง

            โป้งหันมองหน้าโกล แต่แทนที่โกลจะโกรธ เขากลับยิ้มออกมา

            "อีกละไอ้ก้านกูบอกให้จริงจัง"

            "นี่ไงจริงจัง จริงใจด้วย..."

            แล้ววีดีโอก็ตัดไป กลายภาพของอดีตเพื่อนร่วมทีมนวสาครทั้งหมดส่งเสียงเกรียวกราว เหล่านี้คือพวกที่ตัดสินใจกลับไปเรียนหนังสือไม่เล่นฟุตบอลต่อ

            “ไอ้โป้งไอ้โกล.. มึงสองคนคือสุดเจ๋งของนวสาคร.. ไม่ว่ามึงสองคนจะเป็นอะไรยังไง เราก็คือพวกเดียวกันนะเว้ย” คนที่พูดคือแสนพล

            “ใช่ๆ” เพื่อนร่วมกันสนับสนุน แสนพลหันไปมองเพื่อนแล้วกล่าวต่อ

            “สำหรับพวกกู.. มึงสองคนคือตัวแทนคนที่ไล่ตามฝันในวงการฟุตบอลต่อไป เวลาพวกกูเห็นพวกมึงเล่น พวกกูจะนึกถึงความสนุกของมัน.. พวกมึงคือแรงและกำลังใจของพวกเรา พวกมึงต้องไม่ท้อนะเว้ย.. อย่างยอมแพ้ ไม่ว่าจะไอ้พวกเกลียดเกย์หรืออะไรก็ช่างแม่ง.. อย่าไปสนใจมัน.. จำไว้.. ใครไม่เชียร์พวกมึง พวกกูนี่หล่ะเชียร์.. พวกกูทุกคนคอยเป็นกำลังใจให้มึงนะเว้ย.."

            "สู้ๆเว้ยโกล โป้ง" เสียงหนึ่งสนับสนุน

            "อย่ายอมแพ้นะเว้ยพวกมึง" อีกเสียงหนึ่งตามมา

            "อย่าให้ใครดูถูกเราได้นะเว้ย พวกมึงต้องสู้.."

            "สู้เว้ย.."

            แล้วภาพก็ตัดไปอีก กลายเป็นภาพแก๊งค์เกย์สาวแห่งนวสาคร นำโดยเจ๊เหมียวร่างท้วมดูน่ารักจิ้มลิ้ม

            “อีโป้งอีโกล.. สองคนน่ะสุดยอด.. พวกเราน่ะเป็นกำลังใจให้นะยะ.. อย่ายอมแพ้จะมึง อย่าให้ไอ้นักข่าวนั้นมันสมหวัง พวกแกต้องสู้..“ เจ๊เหมียวว่า แล้วก็เปลี่ยนสีหน้า

            “แต่เหม่พูดแล้วก็โมโห.. อยากจะตบอีนักข่าวนั่น.. สงสัยจะว่างงานจัด.. อีดอก.. อย่าให้เจอนะ.. กูจะตบๆๆ” พูดแล้วก็ใส่อารมณ์

            “ใจเย็นๆ เจ๊สวยๆ” อีกคนรีบเข้ามาบีบนวดไหล่

            “เออๆ.. สวยๆ” เจ๊เหมียวว่าแล้วทำท่าสงบอารมณ์ ก่อนะกล่าวต่อไป

            “อีโป้ง อีโกล.. แกสองคนต้องสตร๊อง.. อย่ายอมแพ้.. เพื่อศักดิ์ศรี LGBTI ของพวกเรา.. Strong เข้าใจไหม..”

            แล้วภาพก็ตัดไป แล้วก็เป็นภาพของผุ้คนจำนวนมากนั่งกันเต็มอัฒจันทร์ของยูเนียน ออฟ ภูเก็ต กล้องแพนไปรอบๆเมื่อให้เห็นว่าอัฒจันทร์ทุกด้านมีคนนั่งอยู่เต็ม

            แล้วกล้องก็จับไปที่ตั้นที่ยืนอยู่กลางสนาม เขายกมือให้สัญญาณ ทั้งสนามก็ลุกขึ้น เหยียดมือมาข้างหน้าชูนิ้วโป้ง

            “โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง” เสียงนั้นกึกก้องไปหมด ทุกคนกำลังเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่

            แล้วกล้องก็จับมาที่ตั้นอีกครั้ง เขายกมือให้สัญญาณ อัฒจันทร์ก็เงียบไป

            แต่เมื่อตั้นให้สัญญาณอีกครั้ง

            ทุกคนปรบมือสี่ครั้งแล้วเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน

            “โกล Save Goal” แล้วก็ปรบมืออีกสี่ครั้ง

            “โกล Save Goal”

            จุ๊ยมองหน้าโป้งกับโกลนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมองภาพที่ฉายบนจอLED ขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมต่อรับข้อมูลจากโทรศัพท์ของจุ๊ย

             "โกล.." ตั้นตะโกนผ่านไมโครโฟน

             "สู้ๆ" อัฒจันทร์ตอบลงมา

             "โป้ง.."

             "สู้ๆ"

             "โกล โป้ง.."

             "สู้ๆ สู้ๆ..."

            แล้วภาพก็ตัดไปเป็นรายการของข่าวของญี่ปุ่น

            เป็นภาพนักฟุตบอลหนุ่มที่สองคนไม่คุ้นหน้า มีอักษรขี้นบอกชื่อว่า โยดะ ฮิโรยูกิ เป็นภาพตอนที่เขากำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนญี่ปุ่นหลังเกมการแข่งขัน

            “สำหรับ เฮตทริกที่ผมยิงได้..ผมขอมอบให้โป้งซังและโกลซังครับ.. โป้งซัง โกลซังพวกคุณอาจจำผมไม่ได้แล้ว ผมคือเด็กที่ขอเสื้อของคุณสองคนในสนาม ซึ่งวันนั้นโกลซังได้บอกผมเอาไว้ว่าเสื้อของพวกคุณไม่ได้ช่วยให้ผมเก่งขึ้น มีแต่การฝึกซ้อมเท่านั้นที่ทำให้ผมเก่งขึ้นได้.." เด็กหนุ่มวรรค

            "ดังนั้นผมจึงฝึกฝน..จนกระทั้งได้เป็นตัวจริงของทีมชุดใหญ่ และตอนนี้ผมยิงเฮตทริกได้ครั้งแรกในเจลีก.. ผมก็เลยอยากมอบแฮตทริกนี้ให้พวกคุณ เพื่อขอบคุณสำหรับเสื้อของโป้งซังที่ผมจะเอามาดูเวลาผมท้อ ส่วนคำสอนของโกลซังก็ทำให้ผมมีกำลังใจจะซ้อมมากขึ้น  ขอบคุณมากครับ”

            แล้วภาพก็ตัดเล็กน้อย คนเป็นการตัดตอนที่นักข่าวถาม

            “ครับผมทราบ.. แต่ผมถาม ว่าแล้วยังไงหละครับ.. จริงอยู่ผมไม่ใช่เกย์ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจว่าคนที่ผมเคารพเขาจะเป็นเกย์หรือไม่.. ผมไม่อายเลยที่จะบอกว่า เกย์สองคนนั้นคือแบบอย่างของการเป็นนักฟุตบอลที่ดีของผม.. ผมถามพวกคุณว่า พวกคุณใส่ใจอะไรครับ.."

              "พวกคุณมาดูฟุตบอลเพื่ออะไร ไม่ได้มาดูพวกเขาเล่นฟุตบอลหรอกเหรอครับ.. แล้วคุณได้เห็นโป้งซังกับโกลซังในสนามแล้วใช่ไหม.. พวกคุณก็เห็นว่าเขายอดเยี่ยมเพียงไร... แล้วผมจะอายทำไมถ้าหากจะบอกว่าสองคนนั้นเป็นแบบอย่างของผม”

           แล้วภาพก็ตัดเป็นรายการอีกรายการหนึ่งที่เหมือนจะเป็นสกู๊ปข่าว ไปถ่ายที่นาราสเตเดียม มีไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีเด็กนักเรียนและคนวัยทำงานหลายคนกำลังเขียนกันอยู่ พอจับภาพระยะใกล้ ก็จะมีเห็นว่ามีคำให้กำลังใจมากมาย

            “สู้นะโป้งจัง โกลจัง ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆที่คุณอยู่กับเรา”

            “อย่าท้อโป้งซัง โกลซัง ผมจะรอดูพวกคุณ”

            “ผมอยากเก่งเหมือนโป้งซัง.. โป้งซังอย่าท้อนะ”

            และผู้ประกาศก็บอกว่าบอร์ดนี้จะถูกส่งมาอังกฤษเพื่อเป็นกำลังใจให้กับโป้งและโกล

            แล้วก็ปิดท้ายด้วยภาพหนุ่มสาวรุ่นหลายคนสวมหมวกเขากวางและมีสวมเสื้อหมายเลขสิบหน้ากับหมายเลขสอง

            “โป้งซัง โกลซัง..สู้!” พวกเขาตะโกนออกมาพร้อมกัน

            แล้ววีดีโอก็หยุดเล่น

            จุ๊ยมายืนกอดอกตรงหน้าทั้งคู่

            “พวกมึงสองคนก็คิดดูเอาเองแล้วกันนะว่าควรจะทำอะไรกับชีวิต.. กูไม่เถียงหรอก..ว่ามีคนมากมายเขาดูถูกพวกเรา.. เพราะเรารักชอบเพศเดียวกัน ไม่เหมือนกับเขา.." จุ๊ยถอนหายใจเบาๆก่อนจะกล่าวต่อ

             "แต่พวกมึงต้องมองอีกด้านสิ ว่ามีคนอีกตั้งเยอะที่สนับสนุนพวกมึง มึงจะเอาตาไปมองแต่คนที่ดูถูกก็ตามใจ แต่อย่าลืมว่ามีเสียงเชียร์มากมายของคนที่รักพวกมึงคอยเชียร์อยู่เหมือนกัน.. ท้อได้เว้ยเพื่อน.. แต่อย่าถอย.. เพราะมึงถอยมึงก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองสู้...”

         

           

            พอจุ๊ยกลับไปได้ไม่นาน เดวิด นิวฟอร์ดก็มาถึงซึ่งทำให้โป้งกับโกลแปลกใจมาก แถมเขาไม่ได้มาคนเดียว

            ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้แนะนำตัวว่าเป็นเป็นเจ้าหน้าที่จากทีมเชลซี ชื่อไมเคิล ปาร์กเกอร์

            “เราได้เสนอข้อเสนอมาแล้ว แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ดังนั้นเราจึงหยุดไปชั่วคราวเพราะรอดูท่าทีของเธอกับเทมส์ไซด์ ในเมื่อทางโน้นไม่ต่อสัญญา เราจึงอยากจะเสนอสัญญาให้พวกพิจารณา" ไมเคิลบอก

            แล้วเดวิดก็เอาเอกสารมาวางตรงหน้าของแต่ละคน

            “โดยสรุปก็คือทางเชลซีเสนอค่าแรงรายสัปดาห์ของโป้ง อาทิตย์ห้าหมื่นสี่พันปอนด์ แล้วถ้าหากโป้งยิงประตูได้ ก็ได้รับเงินพิเศษลูกละหนึ่งพันปอนด์ ส่งลูกให้ยิงได้ครั้งละห้าร้อยปอนด์ แล้วถ้าได้แมนออฟเดอะแม๊ตช์ ก็เอาไปเลยสองพันปอนด์อันนี้ สัญญาสามปี” เดวิดอธิบาย

            “ส่วนของโกล เขาเสนอให้สี่หมื่นสองพันปอนด์ต่อสัปดาห์ ถ้าได้Clean Sheet ได้ สามพันปอนด์ต่อนัด ถ้าได้เป็นแมนออฟเดอะแม๊ตช์ก็ได้ สี่พันปอนด์ สัญญาสามปีเท่ากับโป้ง”

            แล้วไมเคิลพิจราณาปฏิกิริยาของสองหนุ่ม

            "ผมทราบว่าพวกคุณสองคนจะทำอะไร.. แต่พวกคุณอายุยังน้อยกันยังเหลือเวลาที่จะอยู่ในวงการฟุตบอลอีกมาก.. ผมไม่ได้บอกว่าพวกคุณจะไม่เจอแรงกดดัน แต่ถ้าพวกคุณไม่ท้อถอย และทำในสิ่งที่พวกคุณทำอย่างสม่ำเสมอคือความมุ่งมั่นกับฟุตบอล ไม่ช้าคุณก็จะประสบความสำเร็จในการเอาชนะใจแฟนบอลได้"

            โป้งกับโกลมองเอกสารแต่ไม่ได้หยิบ

            ทั้งคู่สบตากันแล้วโกลก็ตอบออกไป

            “ผมต้องขอบคุณมากเลยนะครับคุณปาร์กเกอร์ แต่เราเคยเล่นให้กับเทมส์ไซด์ มันเป็นมารยาทไม่ใช่เหรอครับที่เราจะไม่เล่นให้ทีมที่เป็นคู่แข่งร่วมเมืองกัน.." คำพูดของโกลมั่นคง

            "เราก็ไม่อยากจะทำให้แฟนบอลเสียความรู้สึกมากไปกว่านี้.. ต่อให้พวกเขาจะรู้สึกกับเรายังไงในตอนนี้ แต่ที่ผ่านมาเราก็อบอุ่นมากกับการสนับสนุนของพวกเขา.. ข้อเสนอที่ดีของพวกคุณเราจึงต้องขอเรียนว่า..” โกลมองตาโป้งชั่วครู่ก่อนจะหันมาตอบ

            “เราไม่สามารถรับไว้ได้ แต่เราทราบในความปรารถนาดีของพวกคุณครับ และขอบคุณมากครับ”

            เดวิด นิวฟอร์ดมองหน้าไมเคิล ปาร์กเกอร์

            ปาร์กเกอร์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา

            “พวกคุณกำลังอยู่ในฐานะลำบาก.. แต่พวกคุณกลับปฏิเสธข้อเสนอของเรา.. ถ้าหากพวกคุณกังวลเรื่องปัญหากับแฟนบอล เราสัญญาว่าเราจะดูแลทำความเข้าใจกับแฟนบอลก่อนแน่นอน เพราะเราเข้าร่วมโครงการต่อต้านการกีดกันทางเพศต่อLGBTI”

            โกลยิ้มตอบ

            “เราทราบครับ.. แต่อย่างที่ผมแจ้งไปแล้ว.. เราคือคนของเทมส์ไซด์ เราจะไม่ยอมทรยศความรู้สึกของแฟนบอลของตัวเอง.. หากพวกเราจะต้องตกงาน หรือแม้แต่เลิกเล่น เราก็คงไม่สามารถรับข้อเสนอได้จริงๆ”

            เดวิดกำลังจะพูดอะไร แต่ปาร์กเกอร์ออกปากเสียก่อน

            “ตกลง ผมเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ..” แล้วปาร์คเกอร์ก็ลุกขึ้น เขาจับมือโกลก่อนจะหันไปจับมือโป้ง

            “พวกคุณสองคนกำลังเผชิญปัญหาที่หนักหนามาก.. ผมเชื่อว่าทั้งสองคนจะผ่านไปด้วยดี.. ผมจะเป็นกำลังใจให้” ปาร์กเกอร์กล่าว

            “ผมยินดีที่คนในรุ่นพวกคุณยังมีจิตใจแบบนี้.. เชื่อผมเถอะครับด้วยความจริงใจ พวกคุณจะได้รับการตอบรับที่ดีแน่นอน”

 

            รถยนต์ที่ไมเคิล ปาร์กเกอร์โดยสารออกมาเป็นรถตู้ของสโมสร.. เขานั่งเงียบอยู่ครู่แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมโซเชียลเน็ตเวริ์ค

            “ถ้าถามว่าผมรู้สึกอย่างไรกับการเจรจาที่แสนสั้นนี้.. ผมรู้สึกแย่ที่ไม่สำเร็จ..แต่ถ้าถามว่าผมได้อะไรจากการมาเจรจานี้.. ผมได้พบว่าจริงๆแล้วในโลกนี้.. จิตวิญญาณที่เข้มแข็งยังมีอยู่ และยังมีอยู่ในใจของเด็กทั้งสองคน.. ผมอยากจะบอกกับแฟนเทมส์ไซด์ว่า วันนี้นักฟุตบอลที่เทมส์ไซด์เบือนหน้าหนี เขาปฏิเสธเราอย่างไม่มีความลังเล.. เพราะอะไร.. ก็เพราะความซื่อสัตย์ต่อทีมของพวกเขา.. แล้วนี่หรือที่พวกคุณตอบแทนให้กับคนที่ป้องกันประตูให้พวกคุณ และคนที่บุกตะลุยไปข้างหน้าโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยอย่างพวกเขา.. เทพพร และ กรกฏ”

            นั้นคือสเตตัสแรก

            “แล้วถ้าหากเรามองข้ามตัวตนของพวกเขาไป.. แล้วเราลืมไปว่าพวกเขาเป็นคนรักชอบเพศเดียวกัน.. แล้วเราเห็นอะไร.. ผมเห็นนักฟุตบอลสองคนที่เก่งกาจเหลือเกิน.. น่าเสียดาย น่าเสียดายที่คนมากมายไม่เห็นอย่างผม”

            นั้นคือสเตตัสที่สอง


(Football V Homophobia เป็นโครงการที่มีข้อตกลงกับหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ท๊อตแนม ฮอตสเปอร์ นอริช ซิตี้ และเซลซี FC เป็นส่วนหนึ่งในบรรดาทีมที่เข้าร่วม แต่ยังมีอีกหลายทีมที่ไม่แสดงความจำนงเข้าร่วม โดยเฉพาะในปีนี้ ยูไนเต็ดกับเชลซียังเป็นทีมที่สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดการให้มีการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการเหยียดเพศในกีฬาฟุตบอล แต่มีอีกหลายทีมยังไม่ได้ตัดสินใจ ขออนุญาต แปะลิงก์ Facebook ของโครงการนี้ https://www.facebook.com/pages/Football-V-Homophobia/223056224452297 )


ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
โป้ง โกล สู้ๆ ต้องผ่านมันไปได้
แต่ก็อยากให้ไปตั้งสโมสรกันสองคนอยู่นะ :-[
ดีใจที่ทั้งคู่ไม่ปล่อยมือกัน

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ตอนนี้ซึ้งสุดๆ แต่ก็ยังลุ้นอยู่กับบทสรุปของเหตุการณ์ครั้งนี้ พ่อโกลจะช่วยอะไรได้บ้าง
รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
มันต้องผ่านไปได้ด้วยดี รอพ่อแม่ของโกลและโป้งมาหา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน การตัดสินใจ ด้วยรัก..



             โป้งกับโกลแต่ตัวอย่างสุภาพด้วยชุดสูท ทั้งสองคนขึ้นไปนั่งบนรถก่อน โดยมีเดวิดลงไปเปิดประตูรั้วเพื่อให้เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกับเพื่อนบ้าน

            แต่แล้วเขาก็เห็นจดหมายจำนวนมากเสียบไว้กับรั้ว เท่าที่ดูเป็นจดหมายให้กำลังใจจากเพื่อนบ้าน แต่ก็มีที่จดหมายหยาบคายจากพวกหัวเก่าอยู่บ้าง

             แต่ที่สะดุดตา คือ จดหมายที่มีตราของตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งของอังกฤษ เอ็ดลิงค์ตัน..

ถึงคุณกรกฏ และ คุณเทพพร

            ผมชื่อ เจมส์ เอ็ตเวริ์ด เอ็ดลิงค์ตัน เป็นผู้สนับสนุนทีม เดมเดซี่ เอฟซี ในนามของทีม ผมขอแจ้งว่าเรื่องที่คุณกำลังเผชิญกับข่าวและสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้น พวกเรามีความเข้าใจและรู้สึกเห็นใจในความยากลำบากนั้นอย่างสุดซึ้ง

            ผมและคณะกรรมการของทีมได้ปรึกษากัน รวมทั้งได้สนทนากับผู้เล่นของสโมสรเดมเดซี่แล้ว พวกเราจึงขอเสนอให้คุณมาร่วมทีมกับเรา เพื่อช่วยเหลือกันในการแข่งขันสำหรับฤดูกาลใหม่  โดยเราจะส่งทีมเข้าร่วมรายการฟุตบอล เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลถัดไป เราเชื่อว่าถ้าหากมีนักเตะฝีเท้าดีอย่างพวกคุณจะช่วยให้เราสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้

            ผมต้องขออภัยหากการเชิญชวนนี้ทำให้คุณไม่พอใจ เราทราบดีว่าพวกคุณคือนักฟุตบอลระดับอาชีพที่มีฝีเท้าในระดับโลก แต่เราคิดว่าหากพวกคุณจะแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญ คุณอาจต้องการเวลาในการพักจากมรสุม เรายินดีจะเป็นอ่าวหลบภัยชั่วคราวให้พวกคุณ แล้วรอให้พายุใหญ่นี้สงบลงก่อน แล้วพวกคุณค่อยเดินทางต่อไปในมหาสมุทรแห่งฟุตบอลที่แสนทรหดนี้

            ขอขอบคุณและหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากพวกคุณ ผม คณะกรรมการ(ซึ่งประกอบด้วยคนในชุมชนที่พวกคุณอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่) และเหล่านักฟุตบอลจะเฝ้าคอยด้วยความคาดหวัง

ด้วยความนับถือย่างจริงใจ

เจมส์ เอ็ดเวริ์ด เอ็ดลิงค์ตัน

ในนามคณะกรรมการเดมเดซีย์ เอฟซี

            ฮีทโทรว์ คือสนามบินที่วุ่นวายอย่างมาก ยังดีที่มีพรรณพงศ์เดินนำไปตลอดวราพรกับสิทธิชัยจึงออกมาจากสนามบินได้โดยไม่เสียเวลามาก

            “คุณโกลกับคุณโป้งนัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนตอนสามทุ่ม” กานต์รายงานจากข้อมูลที่ติดต่อกับบริษัทเอเจนซี่

            “มีแนวโน้มสูงว่าทั้งสองคนจะแขวนสตั๊ดครับ”

            วราพรใจหายวาบ

            “ตอนนี้กี่โมง” เปรมิกาถามกับเลขานุการส่วนตัว

            “สองทุ่มยี่สิบครับ”

 

            ห้องประชุมของโรงแรมดังกลางกรุงลอนดอนถูกใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวที่เกี่ยวข้องกับข่าวที่กำลังสั่นสะเทือนวงการฟุตบอล

             ทำให้ด้านนอกโรงแรมมีกลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งประกอบด้วยองค์กรสิทธิLGBTI และประชาชนจำนวนมากมายืนชูป้ายให้กำลังใจ แต่ก็มีกลุ่มต่อต้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรเคร่งศาสนาก็มายืนชูป้ายประท้วงเช่นเดียวกัน

            โกลขับรถมุ่งไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมากั่นให้รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรึ7ได้ผ่านเข้าไปภายในโรงแรมโดยสะดวก

            ปกติถ้าเห็นแบบนี้ โป้งจะต้องแสดงอาการตื่นเต้น แต่วันนี้โป้งดูเงียบกว่าทุกวัน เขาเพียงโบกมือให้ผู้สนับสนุนที่เรียกชื่อเขาเพียงเท่านั้น

           

            เจมส์ เอ็ดเวริ์ด เอ๊ดลิงค์ตัน แสดงบัตรประจำตัวและใช้สิทธิพิเศษของตนเพื่อเข้าไปภายในห้องกับชายหนุ่มผิวขาวแต่ดวงหน้าแบบเอเชีย

            “อาเจมส์ว่าเขาตอบรับเราไหม” ชายหนุ่มถามด้วยภาษาที่ชายหนุ่มร่างสูงเข้าใจ แต่เข้าใจกันเพียงสองคนคือภาษาไทย

            “ไม่รู้เหมือนกันนะไนส์.. เดี๋ยวก็รู้” มิสเตอร์เอ็ดลิงค์ตันตอบต่อชายหนุ่ม

            เขาเคยไปอยู่เมืองไทยหลายปี เพราะบิดาที่เสียไปชอบเมืองไทยมาก และให้เขาบริหารกิจการโรงแรมของท่านที่เมืองไทย แต่หลังจากประสบปัญหาหลายๆอย่าง เขาก็ตัดสินใจขายกิจการและกลับมาอาศัยที่อังกฤษ  ส่วนเจ้าไนส์ อัครภพ คนนี้เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นคนไทย

            ภายในห้องประชุมนั้นมีโต๊ะยาวที่จัดไมโครโฟนไว้สามชุด แสดงว่าจะมีคนอื่นนอกจากทั้งสองคนร่วมแถลงด้วย เจมส์เดาว่าคงจะเป็นเอเจนซี่

            ที่เขาต้องมาด้วยตนเอง ก็เพื่อจะแจ้งความจำนงของเขาให้แก่ทั้งสองคนทราบด้วยตัวเอง

            แล้วก็มีเสียงขยับตัวของบรรดานักข่าวและช่างภาพเมื่อประตูด้านหนึ่งเปิด ไนส์หันไปมองเห็นโป้งและโกลในภาพที่แตกต่างออกไปคือสูทสีดำสนิท เดินออกมาโดยมีชายชาวอังกฤษอีกคนเดินตามออกมา

            ทั้งสามนั้งลงแล้วก็คุยกันนิดหน่อย

            ไนส์แอบโบกมือหย่อยๆ แต่กระนั้นโป้งก็เห็นเพราะเขามองไปรอบๆโดยตลอดอยู่แล้ว เขาก็เลยโบกมือตอบนิดหน่อยพอรู้กัน

            “ขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่สละเวลามาร่วมในการแถลงข่าวนี้ ผม มิสเตอร์กรกฏ และมิสเตอร์เทพพร ขอแสดงความเคารพต่อทุกท่านไว้ณ.ที่นี้” เดวิดกล่าวอย่างเป็นทางการ

            “สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ มิสเตอร์กรกฏขอกล่าวอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง ส่วนมิสเตอร์เทพพร.. อย่างที่พวกคุณทราบ.. เขาพูดไม่เก่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับฝีเท้าของเขา”

            พวกสื่อหัวเราะกันเพราะก็อย่างนั้นจริงๆ เพราะเวลาโป้งโดนสัมภาษณ์มักจะตื่นเต้นจนพูดไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ภาษาอังกฤษของเขาก็ดีพอสมควร  แต่เป็นการหัวเราะอย่างเอ็นดู เพราะหากไม่นับเรื่องที่กำลังเป็นกระแสอยู่ โป้งมักจะได้รับคำชมจากสื่อว่าเป็นคนน่ารักและจริงใจ

            “ก่อนอื่นเลย ขอบคุณมากครับที่อุตส่าห์มากัน.. หวังว่าผมจะไม่ทำให้ใครพลาดเดทหรือดินเนอร์สำคัญนะครับ” โกลกล่าวเริ่มต้นโดยพยายามให้ไม่เคร่งเครียดเกินไป

            สื่อก็หัวเราะกันพอประมาณ

            “สำหรับเรื่องของพวกเรา เราขอยอมรับว่าทั้งหมดคือความจริง” โกลกล่าวออกไปอย่างมั่นคง

            เขาวรรคเพื่อให้ช่างภาพได้บันทึกภาพของเขาในวินาทีนั้นอย่างเต็มที่

            “ผมกับโป้งเป็นคู่ชีวิตกันมานานมาก เราคบหากันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนจนกระทั้งวันนี้ นับแล้วก็แปดปีกว่าๆ” แล้วโกลก็หันไปจับมือกับโป้งวางวางไว้บนโต๊ะ

            “เราสองคนผ่านเรื่องราวมากมายด้วยกัน เราร่วมกันฝึกฝน ร่วมกันต่อสู้ และร่วมเป็นกำลังใจให้กันละกันในทุกอย่างของชีวิต.. สำหรับผมโป้งคือทุกอย่างของผม”

            แล้วทั้งคู่ก็หันมาสบตากัน

            “เราไม่เคยปิดบังอะไร เพียงแต่ตลอดมา เราทราบดีว่ามีเด็กมากมายเฝ้าดูพวกเรา เราจึงคิดว่าเราควรจะวางตัวอย่างเหมาะสม ดังนั้นเราจึงไม่เคยบอกออกไปอย่างเป็นทางการ โดยเราสองคนพยายามรักษาระยะห่างกันไว้ เวลาที่อยู่ในสนามฟุตบอล แต่เราก็ไม่ได้มีเจตนาปกปิดแต่อย่างใด.. และหากมีใครสักคนถามเรา เราก็คงจะตอบอย่างจริงใจ แต่ยังไม่เคยมีใครถามเรามาก่อน”

            แล้วประตูด้านหลังก็เปิดออก

            อย่างเงียบๆ ชายหญิงสองคู่ก็เดินเข้ามา แต่เพราะเก้าอี้เต็มหมดแล้วทั้งสี่จึงได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ

            ไนส์หันไปเห็นและจำได้ว่าคือพ่อแม่ของโกล เปรมิกา และพรรณพงศ์ วรรณพิธิ  เขาจึงลุกขึ้นให้เปรมิกานั่งและเจมส์ที่หันมาก็ลุกให้หญิงสาวอีกคนนั่ง

            โป้งเห็นทั้งสี่เดินเข้ามา เขายิ้มออกมาอยากจะเดินลงไปกอดแม่เสียตอนนี้ แต่ได้แค่ยิ้มให้  เขาคิดว่าโกลก็น่าจะเห็นแต่ เขาไม่ได้แสดงอาการ

            “เราทราบดีว่าแฟนฟุตบอลหลายคนรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งทีเกิดขึ้น และการที่สโมสรไม่ต่อสัญญากับเรา ก็ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดแต่อย่างใด ในความรู้สึกของเรา  เราเข้าใจดีและยินดีรับการตัดสินใจนั้น” โกลกล่าวต่อไป

            “แต่ในขณะเดียวกัน ที่มีสโมสรหลายสโมสรให้ความสนใจเรา เราก็ยินดีมาก แต่เราก็ต้องขออภัยเพราะตอนนี้เรายังไม่พร้อมจะกลับไปเล่นให้ทีมใดๆในลีกระดับสูง” โกลวรรค

            “โดยเราได้ตัดสินใจกันตั้งแต่เดินทางมาแล้วว่า เราจะยินดีเข้าร่วมกับสโมสรเดมเดซี่ ที่ยินดีจะให้เราได้ร่วมแข่งขันกับพวกเขาด้วยความอารี”

            มีนักข่าวหลายคนเห็นเจมส์แล้ว เขาจำได้ดีเพราะเจมส์เป็นทายาทตระกูลเอ๊ดลิงค์ตันที่เป็นชื่อสายของขุนนางเก่า และยังเป็นนักธุรกิจจึงหันไปด้านหลังที่คิดว่าเจมส์นั่งอยู่

            เจมส์ที่ยืนอยู่ก็โค้งรับด้วยความยินดี

            “สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เราจะไม่โทษใคร ไม่โกรธใคร เราสองคนขอใช้เวลาที่จะโกรธและเสียใจ ให้กับฟุตบอล เราสัญญากับเดมเดซี่ และผู้สนับสนุนทุกคนว่า เราจะให้ความทุ่มเทให้มากกว่าเดิมเพื่อสร้างผลงานในสนามที่ดีสมกับที่ทุกๆคนให้ความไว้วางใจเรา ขอบคุณครับ”

            เงียบ..

            วราพรมองหน้าโกล.. โกลที่เธอฝากโป้งเอาไว้นั้น ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังจริงๆ เขาเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งพิงให้โป้งได้ทุกเวลาจริงๆ

            “มีใครจะซักถามอะไรไหมครับ” เดวิดกล่าว

            มีหลายมือยกมือ แต่เดวิดเลือกเอานักข่าวจากสำนักที่มีทัศนคติกับเกย์แย่ที่สุดก่อน เพราะเขาต้องการใช้เวทีนี้เป็นที่ระบายออกของความอัดอั้น  และเดินหน้าชนกันไปเลย

            “พวกคุณสองคน ยังคิดจะเล่นฟุตบอลต่ออย่างนั้นเหรอครับ แล้วไม่สนใจที่มีคนออกมาต่อต้านเหรอครับ เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาของชายชาตรี” นักข่าวคนนั้นถามออกมา

            เล่นเอาคนที่อยู่ข้างๆซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสาวเลสเปี้ยนถึงกับแบะปาก

            โกลยิ้มอย่างเยือกเย็นในแบบของเขา

            “ฟุตบอลเป็นกีฬาทีเล่นด้วยเท้า.. ตัดสินกันด้วยการทำประตู และก็ไม่มีช่วงไหนของฟุตบอลที่ต้องมีการแสดงการร่วมเพศเพื่อจะได้มาซึ่งคะแนน”

            เสียงหัวเราะคิกคักกันในหมู่ผู้เข้าร่วม

            “ผมกับโป้งในสนามฟุตบอลเราก็ใช้ทักษะทีเราฝึกฝนมาอย่างยากลำบากเหมือนกับนักฟุตบอลคนอื่นๆ และในการเล่น เราไม่ได้เอาเพศสภาพลงไปเล่น เราคือนักฟุตบอลชายในสนาม หรือว่าคุณเห็นเป็นอย่างอื่น..” โกลถามกลับ

            “แต่เราก็เข้าใจว่ามีหลายท่านรู้สึกไม่ชอบใจ ดังนั้นเราจึงสัญญาว่าต่อให้เราเปิดเผยตัวแล้ว เราก็จะยังพยายามปฏิบัติตนเหมือนเดิม และจะไม่แสดงอาการปารถนาทางเพศในสนามอย่างแน่นอน เพื่อรักษาความบรรยากาศและความศักดิสิทธิ์ของกีฬาที่ผมและโป้งรักด้วยชีวิต”

            ผู้สื่อข่าวคนนั้นถึงกับหน้าเจื่อน นั่งลงโดยมีผู้สื่อข่าวสาวยิ้มเยาะอย่างเปิดเผย

            “เมื่อบ่ายเชลซี ได้เสนอข้อเสนอเข้ามาแต่พวกคุณปฏิเสธจริงหรือเปล่าค่ะ” คนที่ได้คำถามต่อไปเป็นผู้สื่อข่าวสาวคนข้างๆ

            “ครับ..” โกลตอบ แล้วหันไปสบตาโป้ง ก่อนจะหันมา

            “เราสองคนเป็นเคยเป็นนักฟุตบอลของเทมส์ไซด์ แค่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้แฟนบอลรู้สึกไม่ดีมากพอแล้ว เราจึงไม่สามารถทำร้ายพวกเขามากกว่าเดิมได้ เราจึงปฏิเสธข้อเสนอของทีมที่อยู่ในลีกระดับเดียวกันในลอนดอนด้วยกันไป เราไม่สามารถเล่นกับทีมที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของเทมส์ไซด์ได้ เพื่อตอบแทนที่แฟนบอลเคยให้การสนับสนุนเรา”

            พรรณพงศ์มองสังเกตปฏิกิริยาของผู้สื่อข่าว

            เจ้าโกลวาทศิลป์ร้ายกาจเพียงไรเขารู้ดี  เจ้านี่มักจะตอบอะไรที่ทำให้คนอื่นอึ้งไปได้เสมอ ถ้ามันจะประชดประชัน ก็เจ็บไปถึงทรวงเลยทีเดียว

            “แล้วที่มีข่าวว่าทีมชาติไทยได้ถอนชื่อของพวกคุณออกไปแล้ว คุณจะทำอย่างไร” นักข่าวคนต่อไปถาม

            โกลหันมองโป้งก่อนจะตอบเช่นเคย

            “เราเข้าใจทีมชาติของเรา.. แต่เราก็ยังคาดหวังว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ ไม่มีเราพวกเขาก็ยังมีคนอื่นๆที่ยอดเยี่ยมกว่าเราสองคน ดังนั้น แม้จะเสียดายที่ไม่ได้รับใช้ประเทศชาติแล้ว พวกเราก็ยังเป็นกำลังใจให้ทุกคนเหมือนเดิม”

            การแถลงข่าวจบสิ้นลงแล้ว ด้วยความเรียบร้อย..

            “ดูสิเราน่ะ.. ผอมไปหรือเปล่า.. หน้าตอบๆไปนะ ทำไม่ค่อยได้กินข้าวเหรอ.. แล้วนี่ดูสิผิวก็ด้านด้วย.. แม่บอกให้ทาครีมบ้างก็ไม่ฟังเลยลูกคนนี้” วราพรกอดลูกชายแล้ว แต่ก็ยังไม่วายบ่น

            สุทธิชัยหันไปโคลงหัวกับโกล

            โกลอมยิ้มมองสองแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความดีใจ เจ้าโป้งก็อ้อนแม่เหมือนเด็กๆ

            “โกล.. พ่อแม่ของเราน่ะ ท่านก็มาด้วยความเป็นห่วงนะ.. เราจะไม่ไปคุยกับท่านหน่อยเหรอ” สุทธิชัยกล่าวแล้วมองหน้าของชายหนุ่มร่างสูง

            โกลหันไปมองด้านหนึ่งก่อนจะตอบรับและเดินไป

            โกลเดินเข้าถึงตอนที่พรรณพงศ์และเปรมิกาคุยอยู่กับเจมส์ เอ็ดลิงค์ตัน ออกมาตรงบริเวณโถงหน้าห้องประชุม เขาจึงไปยืนข้างกานต์ที่ยืนอยู่ห่างไปเล็กน้อยเพื่อรอ

            “ผมกับภรรยายินดีจะให้สนับสนุน เดมเดซี่ในการทำทีมเพิ่มเติมด้วย เรื่องอุปกรณ์การฝึกซ้อมและอุปกรณ์ของนักกีฬาเราจะให้ฟรีโดยไม่คิดมูลค่า ขอให้ทีมส่งรายการมาให้ได้เลย ผมจัดการจัดหาให้ทั้งหมด” พรรณพงศ์กล่าว

            “ส่วนดิฉันจะยินดีจะสนับสนุนเรื่องการออกแบบชุดสำหรับฤดูกาลใหม่ แล้วถ้าหากต้องการความช่วยเหลือด้านอื่นๆเช่นการประชาสัมพันธ์ที่เมืองไทย.. ดิฉันก็ยินดีจะทำ และจะออกคอลเล็กชั่นใหม่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเพื่อสนับสนุนภาพลักษณ์ของเดมเดซี่ด้วย” เปรมิกาเสนอตัว

            “ขอบคุณมากครับ.. แต่ต้องแจ้งก่อนว่าเราไม่ได้ทราบมาก่อนว่าโกลดี้เป็นลูกชายของพวกคุณ ทีมของเราเคยเล่นฟุตบอลกับเขา และประทับใจมากก็เลยยื่นชวนให้เขามาร่วมทีม” เจมส์กล่าว

            แล้วเขาก็ยกนาฬิกาขึ้นมองเป็นสัญญาณว่าจะลากลับ

            “ยินดีครับที่ได้เจอ แล้วเราคงได้พบกันอีก” เจมส์จับมือกับพรรณพงศ์และเปรมิกา

            ก่อนเขาจะหันไปส่งสัญญาณมือบอกลาโกลแล้วก็เดินไปคู่กับไนส์ที่รออยู่

            พอทั้งสองคนลับไป โกลก็เดินเข้าไป

            เขายกมือไหว้ทั้งคู่

พรรณพงศ์เอื้อมมือมาจะจับตัวโกล..ระหว่างนั้นกลัวเหลือเกินว่าโกลจะขยับหนี

แต่โกลไม่ได้ถอยเหมือนทุกครั้ง เขาจึงสามารถบีบไหล่ของโกลได้.. นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาสามารถสัมผัสกายของโกลได้

“ทำดีมากโกล.. เราพูดได้ดีมาก.. แต่จะดีกว่าถ้าเราไม่แขวะนักข่าวคนนั้นไป” พรรณพงศ์ว่า

“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ” เปรมิกากลับเข้าข้างโกล

“ก็อยากถามอะไรไม่เข้าท่าเข้าทาง ตรงมาก็ตรงไป ผิดตรงไหน”

โกลมองหน้าเปรมิกา แล้วเขาก็ยิ้มออกมา

“คุณพ่อคุณแม่จะอยู่กี่วันครับ..ผมมีแผนจะพาแม่ของโป้งกับน้าหมอไปเที่ยว จะไปด้วยกันไหมครับ”

เปรมิกาไม่คาดเลยว่าเธอจะได้รับคำนี้จากโกล เธอหันมองหน้าพรรณพงศ์ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ต้นแขนของโกล           

“ถ้าสองสามวันก็พอได้นะลูก.. ถ้านานกว่านั้นคงไม่ได้ เพราะแม่มีงาน”         

โกลยิ้มตอบ

“ครับแม่”

เป็นครั้งแรกที่คำว่าแม่จากปากโกลไม่ได้เคลือบไปด้วยความชิงชัง.. นี่เป็นการปลดปล่อยพวกเขาจากบรรยากาศอึมครึ้มของครอบครัวที่ปกคลุมมาอย่างยาวนานในสายตาของกานต์

ทั้งสามคนสนทนากันไปอีกครู่ใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เป็นการที่โกลตอบคำถามและฟังคำแนะนำของทั้งพรรณพงศ์และเปรมิกา กระแสของความอบอุ่นเคลือบอยู่ในบรรยากาศการสนทนานั้น

กานต์ไม่อาจกลั่นน้ำตาได้ เขาจึงต้องแอบหันเช็ดมันออกก่อนจะหันกลับมาเพื่อตอบรับคำสั่งของพรรณพงศ์

พายุอาจยังโหมอยู่ข้างนอก..แต่ตรงนี้นาทีนี้ ความอบอุ่นปลอดภัยจากครอบครัวได้โอบล้อมทั้งโป้งและโกลเอาไว้อย่างมั่นคง และพร้อมจะเป็นกำลังใจให้ทั้งสองต่อสู้กับมรสุมนี้ไปอย่างเข้มแข็ง..

 

ข่าวภาคดึกนำเสนอเรื่องบทสัมภาษณ์ของโป้งและโกลไปทั่วประเทศและทั่วโลก

เซบาสเตียน บัลเดอร์อมยิ้มอย่างพอใจกับผลการตัดสินใจของทั้งสองคน

“ฉันจะรอพวกนายกลับมา โกลเด้นท์บอยทั้งสองคนของฉัน.. พวกนายจะเข้มแข็งเหมือนเดิม และเก่งกว่าเดิม..” แล้วเขาก็หยิบเอกสารฉบับหนึ่งมา

เป็นเอกสารเสนองานในตำแหน่งผู้จัดการทีมกับทีมชั้นนำทีมหนึ่งในพรีเมียร์ชิพ

“ถ้านายพร้อมกลับมา ฉันก็พร้อมจะร่วมงานกับนายอีก”

 

อำนาจมองหน้าสองนักกีฬาตัวหลักของทีม เขาถอนหายใจแล้วก็เลื่อนเอกสารออกไป

“ลาออก..ไม่อนุมัติ.. แต่ฉันจะให้เดมเดซี่ยืมตัวนายสองคนไป.. ก็ดีเล่นแต่ในประเทศไทยก็ไม่มีประโยชน์ออกไปเจอโลกกว้างกับเขาบ้าง..” อำนาจกล่าว

สองคนหันกลับมามองหน้ากันแล้วยิ้ม

“ฝากบอกได้โป้งด้วย.. ฉันคิดถึงมันมาก.. แล้วก็บอกให้มันเข้มแข็ง” อำนาจกล่าวแล้วก็อมยิ้ม

“ฉันภูมิใจที่มันกล้าหาญ.. นี่หละสิ่งที่เรียกว่าลูกผู้ชาย”

ลมหนาวพัดกลิ่นแห้งมา แต่บรรยากาศในสนามโอลแทรฟฟอร์ดกำลังลุกโชนด้วยบรรยากาศที่กดดัน..

นี่คือเอฟเอ คัพ ถ้วยที่มีมนต์ขลัง..

ในฐานะผู้จัดการ ชายหนุ่มเคราดกดำกอดอกมองลูกทีมกำลังวิ่งไล่ตามนักเตะร่างเล็กเพรียวที่วิ่งราวหนีไปมาอย่างกับเท้าของเขาติดจรวด

การเคลื่อนที่เรียบง่ายแต่จับทางได้ยาก ด้วยความเร็วและจังหวะเท้าที่พลิ้วไหว เปลี่ยนแปลงได้อย่างในชั่วพริบตา

ผ่านมาหลายปีเด็กคนนี้ก็ยิ่งเก่งมากขึ้นทุกที.. แล้วเหมือนมันจะจองเวรจองกรรมกับโอลแทร็ปฟอร์ดนี่เหลือเกิน.. มาทีไรมันต้องยิงประตู..

ฉับพลัน.. เขาได้ลูกบอลมาครอบครองอีกครั้งที่กลางสนาม เพราะความผิดพลาดของแนวรุกของปีศาจแดงเอง

เด็กหนุ่มทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เข้าหากองหลังที่พุ่งเข้ามาเช่นกัน

แต่แล้วก่อนถึงตัวกองหลัง เขาก็สับขาเอาส้นเท้าตอกลูกบอลให้ย้อนไปข้างหลังเฉียงโดยเฉียงไปทางขวาเล็กน้อย

ลูกบอลถูกดักไว้ได้อย่างมั่นคงด้วยหนุ่มผิวค่อนข้างขาว เขามองด้วยแววตาคมกริบ แล้วเตะไปทางขวาที่มีเพื่อนร่วมทีมวิ่งนำไป

ร่างสมส่วนพลิกกายหลบหนีการสกัดจากแบ๊คซ้ายของยูไนเต็ด แล้วมุ่งไปสู่เส้นหลัง เขาเตะโยนเข้าไปหาพื้นที่หน้าประตู

ผู้รักษาประตูตัวเก่งของยูไนเต็ดรีบกระโดดทุบบอลโด่งออกมา

แต่พลัน..

ร่างเล็กเพรียวกระโดดขึ้นกลางอากาศ เขาบิดกายตวัดเท้าซ้าย วาดวงใส่ลูกบอลที่ลอยอยู่

ท่าฟาดหน้าเน็ต เซปักตระกร้อ..

ลูกบอลพุ่งกระแทกพื้นหนึ่งจังหวะแล้วเปลี่ยนทาง..

ผู้รักษาประตูคนเก่งของยูไนเต็ดจึงได้แต่พยายามเอื้อมไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะการเปลี่ยนทางกะทันหันนั้น..

“แสบจริงๆนะนายคนนี้” แล้วผู้จัดการทีมหนุ่มหันไปสั่งกับผู้ช่วย

“เปลี่ยนกองหน้าลงไป..เทหมดหน้าตักไปเลย”

“แต่” ผู้ช่วยลังเล

“จะรออะไรเล่านี่มันบอลน๊อกเอาท์ โดนนำสองศูนย์จะระวังอะไร.. นี่มันจะหมดเวลาแล้วด้วย” เขายืนยัน แล้วหันไปชี้สั่งผู้เล่นในสนาม

“เอ้าเดินกันทำไม.. เอาบอลไปตั้ง เวลายังไม่หมดสักหน่อยรีรออะไร”

แล้วเขาก็หันไปมองแฟนบอลกลุ่มเล็กราวหลักพัน ที่สวมเสื้อสีเหลืองอ่อนของทีมเล็กๆที่กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหญ่ให้กับวงการฟุตบอล พวกเขายืนขึ้นแล้วเหยียดมือออกไปข้างหน้า ยกนิ้วโป้ง

“โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง”

เจ้าของชื่อโบกมือไปบนอัฒจันทร์ แล้ววิ่งกลับไปประจำตำแหน่ง.. โดยไม่ลืมจะหันไปยิ้มให้กับผู้รักษาประตูร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นปราการยักษ์ป้องกันการคุกคามของคู่แข่งอย่างเข้มแข็ง..

อีกคู่ที่หันมาสบตากันคือปีกขวาผู้แม่นยำกับกองกลางตัวรับผู้เยือกเย็น.. เขาทั้งสองคือขุมกำลังจากแดนไกลที่มานำพาช่วยให้ทีมเล็กๆนี้กำลังจะก้าวเข้าไปสู่รองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเก่าแก่..

เดมเดซี่ เอฟซี..

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ความอบอุ่นยังมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากพ่อและแม่ รวมทั้งแฟนบอลตัวจริงของโกลและโป้ง
สองคนที่มาใหม่คงเป็นก้านกับวู๊ดแน่ๆ สนุกมากครับ
รอตอนต่อไป

ปล. โกลดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย จากการที่ปฏิบัติตัวต่อพ่อกับแม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2016 20:46:25 โดย anterosz »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เทมส์ไซด์ไม่เสียดายแย่เหรอที่เดมเดซี่ เอฟซี บ้านใหม่ของโกลและโป้งก้าวเข้าไปสู่รองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเก่าแก่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอนกลับไปเยือนคราวน์ เรเวน



โป้งวิ่งคู่กับโกลในการซ้อมประจำวันเหมือนอย่างทุกวัน

การอยู่ในทีมลีกระดับสิบทำให้พวกเขาเหมือนอยู่ในช่วงพักผ่อนอยู่ตลอด ดังนั้นโกลจึงติดต่อจ้างทีมโค้ชมากฝีมือเป็นที่ปรึกษาการซ้อมให้กับพวกเขาและทีม ซึ่งเป็นงบได้อุปการะจากพรรณพงศ์โดยตรง

ทั้งนี้เพื่อใช้โอกาสที่เขาไม่ต้องเจอกับเกมหนักๆเหมือนในลีกอาชีพพัฒนาตนเองและเพื่อนๆ ซึ่งถ้าหากเป็นการแข่งในลีกระดับสูงพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ทำ

เดมเดชี่มีนักฟุตบอลอยู่ถึงยี่สิบห้าคน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ได้เป็นนักฟุตบอลโดยอาชีพ พวกเขามีงานประจำอื่นทำแล้วมาฝึกฝนฟุตบอลตอนเย็น ดังนั้นการฝึกซ้อมของพวกเขาจึงเหมือนกับทีมระดับโรงเรียนมากกว่า

แต่การเข้ามาของโป้งและโกล ร่วมทั้งก้านเพชรและวู๊ดก็ทำให้ระบบการซ้อมเปลี่ยนไป แต่ก็เฉพาะกับคนที่มีเวลามาซ้อมทุกวัน อย่างศูนย์หน้าวัยสิบเจ็ดปี และอีกไม่กี่คน

เจมส์ เอ็ดลิงก์ตันก็จะมาดูการซ้อมเป็นพักๆ ซึ่งสนามซ้อมชานเมืองนี่ก็อยู่บนที่ดินของตระกูลเอ็ดลิงก์ตัน  เจมส์เป็นคนเรียบง่าย ทว่าความจริงเขาคือบุคคลที่มีเชื้อสายสืบกลับไปได้ถึงควีนแอนด์แห่งราชวงศ์สจว๊ตที่เคยเป็นราชินีแห่งอังกฤษมาก่อน

เดวิด นิวฟอร์ดแจ้งเรื่องที่มีสโมสรในอังกฤษและต่างชาติยื่นข้อเสนอมาให้โป้งกับโกลมามากมายหลายที่ บางแห่งยื่นข้อเสนอมาสูงลิบ และยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนนัดที่ทั้งคู่ลงสนาม

แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร เพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถตัดใจเดินจากทีมเล็กที่อบอุ่นนี้ได้อย่างไร

ขนาดว่าโกลเป็นคนที่ไม่ค่อยปลาบปลื้มอะไรง่ายๆ เขาก็ยังรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่เป็นบรรยากาศที่เป็นกันเองมาก บางทีบรรดานักฟุตบอลพ่อลูกอ่อนก็พาลูกเมียมาซ้อมด้วย และมีการจัดงานปาร์ตี้เล็กๆหลังการซ้อมกันอย่างสนุกสนานด้วยฝีมือทำครัวของพวกแม่ๆ

จะว่าไปเหล่านักเตะกึ่งสมัครเล่นเหล่านี้มีความสุขกับการได้เล่นฟุตบอลมากเสียยิ่งกว่านักฟุตบอลอาชีพตัวจริงเสียอีก..

แต่การแข่งขันกับทีมในลีกระดับสิบ ก็เป็นไปอย่างไม่เข้มข้นนัก และมักจบด้วยชัยชนะของทีมเดมเดซี่ซะเป็นส่วนใหญ่ แม้บางนัดนักฟุตบอลอาชีพทั้งสี่จะไม่ลงสนามพร้อมกันก็ตาม ซึ่งแน่นอนไม่ได้ท้าทายความสามารถของพวกเขาเลยสักนิด

ดังนั้นรายการแข่งขันที่แท้จริงสำหรับสี่นักฟุตบอลอาชีพคือรายการเอฟเอ คัพ
       ซึ่งที่โป้ง โกล วู๊ดและก้านเพชรกำลังมุ่งมั่นฝึกซ้อมอยู่นี่ก็เพื่อลงสนามในรายการนั้น..



พอกลับถึงบ้าน โป้งก็จัดการทอดไข่เจียวกินเป็นมื้อดึก โดยตอนนี้มีผู้ร่วมวงอีกคนคือก้านเพชร..   

“ทำไมพวกตัวบางๆนี่มันกินจุจังวะโกล” วู๊ดหันมาบ่นแต่มือกำลังกดรีโมทเปิดโทรทัศน์

            “คงเพราะมันระบบเผาพลาญดีมั้ง.. ตัวมันเลยบางไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อแถมกินจุ” แล้วก็หันไปเก็บข้าวของที่โป้งโยนทิ้งไว้ก่อนเข้าครัวไป

            “ทางสโมสรแจ้งมาว่ากูกับก้านเพชรอาจโดนขายไปเยอรมันหรือไม่ก็ฮอลแลนด์ว่ะ” วู๊ดเล่า

            “แม่งกูไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลย ภาษาอังกฤษยังไม่กระดิก จะไปเจอเยอรมันอีกแล้ว..”

            โกลส่ายหัวไม่เห็นด้วย ก่อนจะตอบ

            “เฮ้ยของพวกนี้มันฝึกกันได้.. แต่ที่นั่นหนาวกว่าที่นี่นะ โดยเฉพาะฮอลแลนด์..” โกลว่า

            “ก่อนไปมึงก็ลองย้ายไปนอนในตู้เย็นดูสิ..จะได้ชิน”

            วู๊ดหันมามองหน้า

            “ไอ้สัตว์ เดี่ยวนี้เล่นมุกกับเขาด้วยนะ” วู๊ดท้าวสะเอว

            “วู๊ด ไอ้ก้านมันจับก้นกู” โป้งออกมาจากครัวทำแก้มป่องๆ มือข้างหนึ่งถือตะหลิวมาด้วย

            “เปล่านะ” ก้านเพชรตามออกมาแก้ตัว ทำหน้าตื่นๆมองวู๊ดเพราะกลัวโดนวู๊ดเล่นงาน

            “มันเป็นอุบัติเหตุ”

            วู๊ดถอนหายใจ.. ส่ายหัว ปวดกระบาล

            แต่โกลหัวเราะดังเอิ้กๆ

            การมาของวู๊ดกับก้านเพชรแม้จะทำให้บ้านวุ่นวายมากกว่าเดิม เพราะก้านเพชรมักจะหยอกโป้งแนวหมาหยอกไก่ ส่วนไอ้โป้งก็ชอบโวยวายเวลาโดนแกล้ง แต่นั่นก็ทำให้บ้านที่เคยสงบเงียบคึกคักขึ้นมาได้ทันตา

            แล้วตรงนี้เอง มันทำให้ชีวิตที่เรียบๆของโกลมีสีสัน และสำคัญการมาของทั้งสอง ทำให้โกลตระหนักถึงคำว่าน้ำใจของเพื่อน..



            สนามแห่งนี้ครั้งหนึ่งเป็นสถานที่ซึ่งโกลคุ้นเคยดี เสาประตูฝั่งนี้มีรอยบุบเล็กน้อยจากการที่มีพวกชีเปลือยวิ่งลงมาแล้วตำรวจไล่จับจนตำรวจคนหนึ่งพุ่งไปกระแทกเสาจนบุบ

            โกลวางขวดน้ำลงข้างๆเสาสัมผัสรอยบุบเหมือนกับทุกครั้งที่เขาต้องมายืนตรงนี้

            แล้วเขาก็หันไปสู่สนามหญ้าที่ทอดตัวยาว.. ที่นี่คือคราวน์ ราเวน.. สนามที่พวกเขาใช้เวลาสี่ปีลงเล่นเพื่อเอาชนะผู้มาเยือนให้ได้  ผิดแต่วันนี้.. เขามาเพื่อเอาชนะเจ้าบ้านให้ได้

            จากรายงานของบีบีซี ปีนี้ครานว์ ราเวนมียอดคนดูน้อยที่สุดในรอบยี่สิบปี โดยพวกเขามีผู้ชมเข้ามาชมการแข่งขัดเฉลี่ยลดลงเกือบยี่สิบเปอร์เซนต์ คงไม่ได้มาจากสาเหตุของกรณีโป้งกับโกลอย่างเดียว แต่เป็นเพราะบังเอิญเกิดเรื่องต่อเนื่องหลายๆอย่าง

            เริ่มตั้งแต่เซบาสเตียนจากไปอยู่กับทีมใหญ่ร่วมที่อยู่เมืองกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังมีกรณีเปลี่ยนเจ้าของเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนและมีการขึ้นราคาค่าตั๋วขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์

            แถมปีนี้เทมส์ไซด์ ก็ยังมีผลงานไม่ค่อยดีในสนาม จากที่สี่ปีที่เซบาสเตียน เขาและโป้งอยู่ คราวน์ ราเวนคือแดนหฤโหดของทุกทีมที่มาเยือน ทีมใดมีประวัติยาวนาน หรือประสบความสำเร็จสูงแค่ไหน ก็ตามอาจต้องจะมากลับไปด้วยความปราชัย

            พวกเขาเคยทำสถิติไม่แพ้ในบ้านถึงยี่สิบนัดต่อเนื่อง  แต่ปีนี้ปีเดียว เทมส์ไซด์ แพ้ในบ้านไปแล้วหกนัด และถ้านับรวมทุกนัดเย้าเยือน เทมส์ไซด์อยู่อันดับที่สิบแปด ชนะเพียงหกนัด เสมอสาม และแพ้ไปสิบสี่นัด.. มีแค่สิบเก้าแต้มอยู่อันดับสิบแปด

             โกลไม่รู้ว่าเขาควรรู้สึกอย่างไรกับความตกต่ำของเทมส์ไซด์ เขาควรจะสมน้ำหน้า หรือควรจะเสียใจด้วยดี

             แต่เมื่อโกลกล่าวถึงเทมส์ไซด์ เขาก็จะอดไม่ที่จะคิดถึงเพื่อนๆพี่ๆในทีม และใบหน้าของแฟนบอลที่เคยให้กำลังใจ

             การรับรู้ความตกต่ำของเทมส์ไซด์ทำให้โกลรู้สึกใจฟ่ออย่างบอกไม่ถูก.. พวกเขาคงเศร้าไม่น้อยกับผลงานที่ย่ำแย่ของเทมส์ไซด์

            แต่อย่างไรก็ดีวันนี้ ในฐานะของนักฟุตบอลของเดมเดซี่ ประตูข้างที่เขายืนในคราวน์ ราเวน จะต้องไม่ถูกกรำกราย ไม่ว่าลูกยิงนั้นจะมาจากเพื่อนสนิทอย่างซัตตัน ทามเมอร์ หรือว่าลี กอร์ดอน และแม้รุ่นพี่ที่เขานับถืออย่างฮันท์ อารีเย่ โกลก็จะไม่ยอมให้ลูกบอลผ่านตัวเขาไปได้..

           

            การเคลื่อนไหวของผู้เล่นปีกขวาหนุ่มไทยที่เขาไม่รู้จัก ทำให้ซีนี่ย์ เทอร์มอลล์กองหลังด้านซ้ายของเทมส์ไซด์แปลกใจ

            ไม่เร็วเท่ากับโป้ง.. แต่ก็เต็มไปด้วยชั้นเชิง.. นายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

            ก้านเพชรต้องต่อสู้กับความแข็งแกร่งของเทอร์มอลล์ นั่นทำให้เขานึกชื่นชม.. มิน่าเล่าเทมส์ไซด์ถึงได้เคยได้ถ้วยเอฟเอ คัพ

            จังหวะเท้าและลีลาของเขาหลอกเทอร์มอลล์ไม่ได้ง่ายๆ กว่าจะเอาตัวรอดไปได้ก็ยากลำบากพอสมควร

            แต่กระนั้น.. จังหวะนี้.. นี่คือโอกาสทอง

            เทอร์มอลล์พยายามไม่มองการหลอกล่อของก้านเพชร แต่กระนั้นจังหวะเท้าที่รวดเร็วก็ยังให้เขาสับสน เมื่อก้านเพชรใช้การเปลี่ยนความเร็วขึ้นลงอย่างรวดเร็วคล้ายๆกับโป้งทำ

            แต่เทอร์มอลล์ที่ได้ชื่อว่ามีสมาธิก็ยังเผลอหลุดจนได้.. เขาย่ำเท้าลงผิดท่าตอนพยายามสไลด์ตัวตามก้านเพชร..

            แล้วแค่ชั่วขณะที่คู่แข่งแสดงอาการเป๋ไปเล็กน้อย..

            ก้านเพชรใช้ความเร็วเตะปลี่ยนทิศทางลูกบอลฉับพลัน แล้วเขาวิ่งหนีเทอร์มอลล์ไปได้

            อย่างรวดเร็วเขาก็เลี้ยงมาจนถึงมุมขวาของกรอบเขตโทษ

            ก้านเพชรเตะโยนลูกลอยต่ำผ่านกะให้ผ่านไปตรงกลางระหว่างศูนย์หน้าหนุ่มร่างโย่งของเดมเดซี่และผู้รักษาประตูเทมส์ไซด์

            แดนเนียล ชาร์ปวิ่งออกไปพร้อมๆกับมิคาเอล วานโชเป้ กองหลังตัวเก๋าของคู่แข่ง แล้วเขาก็อาศัยช่วงขาที่ยาว เหยียดเท้าออกไปเตะโดนบอล

            ผู้รักษาประตูหนุ่มวิ่งออกมาถึงเส้นผู้รักษาประตู เขารีบกางแขนออกไปหมายจะป้องกัน..

            ลูกไม่รุนแรง แต่เพราะโดนเท้าแบบไม่ตั้งใจทำให้มันลอยอย่างไร้ทิศทางและสูงจากพื้นไม่มากซึ่งเป็นการยากที่จะกะระยะเพื่อปัดป้อง ดังนั้นมันจึงลอดผ่านมือที่พยายามจะป้องกันไป..

            แต่ลูกบอลก็เดินทางในมุมกว้างเกินไป มันพุ่งไปกระแทกกับเสาแล้วกระดอนย้อนกลับ

            ตอนนี้ลูกบอลอยู่ตรงกลางระหว่างคนสี่คน.. ผู้รักษาประตู กองหลังสองตัวของเทมส์ไซด์ และหนุ่มร่างโย่งวัยเจ็ดปี..

            ทั้งสี่พุ่งเข้าหาลูกพร้อมๆกัน..

            ด้วยความสูงยาว แดนเนียลสัมผัสลูกคนแรก เขาส่งมันย้อนกลับเข้าหาประตูโดยมุดลอดใต้มือของผู้รักษาประตู

            มันกลิ้งตรงเข้าหาเส้นประตู..

            แต่ซุน เวิ้นไฮ้ กองหลังดาวรุ่งสามารถดักมันได้เสียก่อนจะข้ามเส้นเขากลับตัวแล้วเตะมันออกไป

            กองเชียร์เดอะไวท์ โคลว์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

            แต่พลัน

            พวกเขาก็ต้องตระหนกอีกครั้ง ร่างสันทัดแต่หนาและแข็งแรงพุ่งเข้าหาลูกบอล

            เขาสับเท้าขวาเตะลูกบอลที่ลอยออกมาเสียก่อนมันจะตกพื้น

            ลูกยิงพุ่งทะยานตามแรงส่งอันรุนแรงแล้วมุ่งเข้าหาประตู แต่ผู้รักษาประตูที่ลุกขึ้นมาแล้ว จึงใช้กำปั้นชกกระเด็นออกไปได้อีกครั้ง

            ลูกบอลลอยโด่งออกมา เดนท์ มาริเนอร์ กองหลังด้านขวายืนรออยู่ หมายใจจะว่าเมื่อลูกบอลมาถึงเขาเพื่อจะโหม่งออกเส้นข้างสนามไป

            ทันใดนั้น ด้วยความว่องไว โป้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา กระโดดตัวลอยแล้วจัดระเบียบร่างกายเป็นคันศรกลางอากาศ เขาโหม่งสะบัดลูกบอลอย่างถนัดถนี่

            ลูกบอลพุ่งกระแทกลงพื้นหน้าเส้นผู้รักษาประตู ตรงนั้นมีวานโชเป้อยู่   

            เขาเหยียดเท้าเพื่อจะสกัดในจังหวะที่ลูกกระเด้ง

            แต่ลูกบอลกระดอนแรงจนลอยข้ามเท้าของเขา.. เมื่อไร้การขัดขวางมันจึงมุ่งไปสู่ทิศทางตรงเข้าสู่ประตู

            ผู้รักษาประตูตามไปล้มตัวรับเอาไว้ได้ แต่เป็นการรับโดยที่ทั้งตัวเขาและลูกบอลเข้าไปนอนอยู่ก้นตาข่ายทั้งคู่

            สนามคราวน์ เรเวนเงียบไปเกินครึ่ง แต่ยังมีเสียงของแฟนบอลหลักพันพากันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

            เดมเดซี่ขึ้นนำ หนึ่งประตูต่อศูนย์

            แม้จะยิงประตูได้ แต่โป้งเดินกลับมาแดนตัวเองโดยก้มหน้าไม่แสดงอาการดีใจ เขาเพียงทำในสิ่งที่ทำอยู่เสมอ คือเมื่อกลับถึงตำแหน่ง ก็หันไปส่งยิ้มให้โกลแล้วก็กลับมามุ่งมั่นกับเกมต่อไป


            หลังได้ประตู วู๊ดก็ถอยลงมาเล่นเกมรับเต็มตัวร่วมกับกองหลังของเดมเดซี่ จึงทำให้เหมือนกับมีกองหลังห้าตัว แต่กระนั้นเกมรุกของเทมส์ไซด์ก็เดินหน้าเต็มตัวทำให้ พวกเขามีโอกาสเข้าไปเผชิญหน้ากับโกลบ้างประปราย 

            จนกระทั้งเข้าสู่ครึ่งหลังประมาณนาทีที่แปดสิบ..

          โรนัน คอลลินตัน กองหลังพ่อลูกอ่อนของเดมเดซี่ เริ่มรู้สึกล้าจากการที่ต้องตามประกบกับศูนย์หน้าระดับอาชีพมาตลอดเกม ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าเท้าวิ่งได้ช้าลง

           ครั้งถึงจังหวะที่ซัดตัน ทามเมอร์ ใช้ลูกจ่ายเรียดเข้าทะลุช่องระหว่างเขากับปีกขวาวัยรุ่นแบร์ดอน การ์เดียน เขาก็พยายามจะวิ่งตามฮันท์ อาริเย่เพื่อพยายามขัดขวาง แต่เขาก็วิ่งช้าเกินไป

            และเมื่อเห็นว่าอาจไม่สามารถขัดขวางได้ทัน เขาก็ตัดสินใจชนปะทะกับฮันท์จนล้มไปทั้งคู่

            กรรมการเป่านกหวีด แล้ววิ่งมาชูใบเหลืองให้โรนัน เขาหันไปช่วยฮันท์ให้ลุกขึ้นก่อนจะหันไปรับการสั่งสอนจากผู้ตัดสินแต่โดยดี แล้วหันหลังให้จดเบอร์เสื้อตามระเบียบ

            ซัดตันมาลูกมาตั้งตรงจุดที่กรรมการไปมาร์คไว้ด้วยสเปร์ยแบบลบออกง่าย

            ในแนวกำแพงของเดมเดซี่มีโป้งยืนอยู่ด้วย ซันดันอดไม่ได้ที่จะทำหน้าตาแปลกๆหลอกโป้ง โป้งก็ตอบกลับด้วยการแลบลิ้นใส่ แล้วต่างฝ่ายก็หัวเราะกันอย่างขบขัน

            นั่นทำให้หนึ่งในบรรดาแฟนบอลรุ่นหนุ่มของเทมส์ไซด์ถึงกับสะอึก..

            เขาเคยบาดเจ็บจากการตามไปเชียร์เทมส์ไซด์กับทีมในดีวิชั่นหนึ่ง ซึ่งนัดนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้นในสนามเพราะแฟนบอลเจ้าบ้านที่อาละวาดไม่พอใจ ที่เทมไซด์ถล่มทีมรักของตัวเองย่อยยับถึงแปดต่อศูนย์

            ตัวเขาโดนขวดขว้างมาโดนจนหัวแตก

            ตอนนั้น โป้ง โกล และซัตตันเป็นตัวแทนของทีมไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล เขายังจำได้ว่าซัตตันเล่นตลกด้วยการหยอกเย้าโป้งจนเขาหัวเราะจนท้องแข็ง..

            ภาพที่เห็นตอนนี้บอกชัดว่า แม้ทั้งคู่จะอยู่คนข้างกัน.. แต่มิตรภาพไม่ได้จางไปเลย..

            แล้วนกหวีดจากผู้ตัดสินก็ดังขึ้น ซัดตันเลือกที่ยิงไปตรงตำแหน่งของโป้ง เพราะมันมีช่องที่เกิดจากการที่โป้งตัวเตี้ยกว่าเพื่อนๆ

            แต่แทนที่โป้งจะกระโดดสกัด เขากลับก้มหัว แล้วพุ่งตัวออกมา

            ลูกยิงจึงพุ่งผ่านรูที่ว่างนั้นจริงๆ หากแต่พอผ่านไป มือของแข็งแรงของโกลก็ตะครุบมันไว้อย่างง่ายดาย

            แล้วโกลก็โยนลูกบอล แล้วเตะโด่งยาวออกไปอย่างรวดเร็ว

            สวนกลับทันใด...

            โป้งที่วิ่งออกตัวมาก่อน เขามาถึงวงกลมกลางสนามอย่างรวดเร็ว หันไป ลูกบอลก็ลอยมาถึงพอดี

            ซุนเว้นไฮ้เข้ามาประกบโป้งจากข้างหลังเพื่อไม่ให้โป้งพักลูกแล้วพลิกตัวพาลูกบอลหนีไปได้ถนัด

            แต่กลับโป้งไม่ได้พักลูกบอลเอาไว้ เขาโหม่งสะบัดไปทางซ้าย

            ซุนเว้นไฮ้หันไปตามลูก

            ตรงนั้นมีวู๊ดวิ่งมาดักลูกไว้ได้ วู๊ดไม่เก็บลูกบอลเอาไว้ แต่เตะลูกไปข้างหน้าผ่านตัวซุนเว้นไฮ้ไปทันที

            ใช้จังหวะที่ซุนหันเหความสนใจไปจากตน โป้งพลิกตัววิ่งอ้อมร่างสูงของซุนแล้ววิ่งไปตามลูกบอลไปอย่างรวดเร็ว

            เจ้าโป้งหลุดเดี่ยวอีกแล้ว..

            วานโชเป้กองหลังมากประสบการและซุนเว้นไอท์พยายามวิ่งไล่ตามอย่างสุดชีวิต

            ผู้รักษาประตูหนุ่มเห็นดังนั้นก็เกิดความลังเล.. เขาไม่ได้มีความว่องไวพอจะหยุดโป้งได้ที่นอกกรอบเขตโทษ แต่ถ้าไม่ออกไปก็เท่ากับรอให้โป้งมาล่อเป้า แถมด้านขวายังมีก้านเพชรวิ่งตามมาอีกคน... เขาควรทำอย่างไรดี...

            ทว่าในความลังเลนั้น เขาก็ตัดสินใจวิ่งออกไป..

            แต่ออกตัววิ่งมาได้ไม่เท่าไหร่

            โป้งก็ใช้เท้าซ้ายเตะกระแทกบอลให้ลอยโด่งเข้ามา

            ลูกบอลลอยสูงถึงจุดสูงสุด แล้วก็ค่อยๆโค้งลงตามแรงดึงดูดโลก

            เพราะนายทวารหนุ่มอยู่ในอาการวิ่ง เมื่อเขาหยุดกระทันหัน แล้วพยายามเอื้อมปัดจึงกลายเป็นแค่ตะกายคว้าความว่างเปล่า..

            วานโชเป้ชะลอเท้าเพราะมันไร้ประโยชน์

            ลูกบอลตกลงหลังเส้นประตูแล้วกระดอนกระแทกตาข่าย

            ผู้จัดการคนปัจจุบันของเทมส์ไซด์ได้แต่ถอนหายใจ.. ถ้าเทียบตัวผู้เล่นโดยไม่นับรวมสี่หนุ่มไทย.. นักเตะของเดมเดซี่เทียบอะไรไม่ได้กับนักฟุตบอลของเทมส์ไซด์

            แต่ทางตรงข้าม.. แต่ถ้าวัดกับทั้งหนุ่มไทยโดยไม่ต้องพูดถึงโป้งกับโกล.. ลูกทีมของเขากลับไม่มีใครเทียบกับวู๊ดและก้านเพชรได้เลย

            เมื่อรวมการประสานงานของสี่ประสานจากแดนสยาม.. กับความทุ่มเทและร่วมแรงร่วมใจของเดมเดซี่..

            ประตูสู่เวมบรีย์จึงเปิดให้กับเดมเดซี่.. เป็นปาฏิหารย์ที่เกิดต่อหน้าต่อตาเขาและคงเล่าขานไปอีกแสนนาน ไม่ว่าเดมเดซี่จะโค่นคู่แข่งลงในนัดชิงชนะเลิศหรือไม่

            แล้วนกหวีดสัญญาณหมดเวลาดังจากกรรมการ

            โป้งก็พยายามเดินให้เรียบร้อยเพื่อกลับห้องแต่งตัว แต่เจ้าซัดตันดันมากระโดดตบหัวเบาๆยั่ว ก็เลยอดไปวิ่งไล่ตีคืนไม่ได้

            แล้วตอนนั้นเองบนอัฒจันทร์ก็มีแฟนบอลหนุ่มลุกขึ้น เขาเหยียดแขนไปข้างหน้าทั้งสองข้าง แล้วชูนิ้วโป้ง

            “โป้ง โป้ง โป้ง”

            แล้วจากหนึ่งก็กลายเป็นสองเป็นสาม แล้วกลายเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันแล้วก็กลายเป็นทั้งอัฒจันทร์ฝั่งนั้น.. เสียงเรียกชื่อโป้งดังสนั่น

            โกลหันไปมองแล้วก็ยิ้มออกมา แล้วก็กำลังจะหันไปหยิบขวดน้ำ

            แต่ทันใดข้างหลังของเขาก็มีเสียงแฟนบอลตะโกนและปรบมือสี่ครั้ง

            “โกล Save Goal” แล้วปรบมือสี่ครั้ง

            “โกล Save Gola”

            เสียงการสดุดีสองนักเตะที่เคยถูกปฏิเสธจากสโมสรก็กระหึ่มไปทั่วทั้งสนามคราวน์ เรเวน...

            ซัดตันเห็นโป้งยืนงง ก็เลยเดินข้าไปชูมือโป้งแล้วพาหันไปรอบๆเพื่อตอบรับการเชียร์นั้น

            เช่นกันกับฮันท์ อาริเย่ เขาเข้าไปกอดคอโกลแล้วพาให้เขาโค้งตอบรับเสียงเรียกของแฟนบอล


            ในมุมนักข่าวของสนาม ชายคนหนึ่งพิมพ์ข้อความด้วยโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

            “ตอนนี้ทั้งสนามคราวน์กำลังส่งเสียงเชียร์โป้งและโกล”

            “ในเสียงเชียร์นั้นผมสัมผัสถึงพลังของความรักของแฟนบอลต่อคนทั้งคู่”

            “ขอบคุณพระเจ้าที่ความเห็นแก่ตัวของผมไม่ได้ทำลายพวกเขา”

            “ผมรู้สึกผิดตลอดมาและจะรู้สึกผิดตลอดไป..”

            “แต่ผมจะก็ดีใจที่เห็นพวกเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างเข้มแข็ง และแกร่งกว่าเดิม..”

ข้อความเหล่านี้จะปรากฏทันทีในทวีตเตอร์ของสำนักข่าวของเขา..

            อ่อมเงยหน้าแล้วยกกล้องบันทึกภาพของโป้งและโกลอย่างตั้งใจเพื่อจะใช้ประกอบบทความที่เขาคิดจะเขียน

            บทความที่ชื่อว่า โป้งและโกล บทพิสูจน์พลังของความรัก..

            แม้บทความที่เขาตั้งใจเขียนต่อไปอาจทำให้เขาต้องตกงาน...แต่เขาก็จะเขียนมัน..

            แต่ที่จริงแล้วเขาอาจโดนไล่ออกตั้งแต่ตอนที่ทวีตข้อความแล้วก็ได้.. ชายหนุ่มจึงได้แต่ยิ้มเยาะให้ชะตากรรมของตัวเอง..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2016 18:14:27 โดย Andylover »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
สนุกมากๆ! ทั้งในสนามและนอกสนาม

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เทมไซด์เลยต้องเสียทั้งโกลและโป้งไหนจะสถิติที่ดีที่สุดไปอีกด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านสองตอนรวด ชอบตอนที่โกลที่เขาปฏิบัติกับพ่อแม่อ่านแล้วซึ้งดีใจ พ่อแม่ของโกลแม่จะไม่ถูกกันแต่ก็ทำเพื่อลูก
อันนี้ชื้นชมมากคะ เสียดายที่ฝันของโกลและโป้ง ที่ควรจะไปได้ไกลกว่านี้ต้องมาหยุดชะงัก แต่มันก็ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรักของเขาสองคน

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: กอดโกลและโป้งนะให้กำลังใจ

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 o13
กลับไปเยือนถิ่นเดิม
มันทำให้เรารู้สึกว่าน้องๆคือ สุภาพบุรุษนักกีฬา
ไม่ว่าจะเป็นโป้ง โกล หรือเพื่อนร่วมทีมเก่า

ปล.ถ้าอัพ บอกวันที่อัพ กับหน้าได้ไหมคะ เพราะนิยายเริ่มหลายหน้าแล้ว

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน ช้างศึกบุกปูซาน

         

           การไล่ตามความฝันบางทีก็ยากเย็น ที่สุดรอบชิงชนะเลิศที่เวมบรีย์ ก็ไม่ได้จบลงอย่างเทพนิยาย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมของเซบาสเตียนที่รู้จักวิธีการเล่นของโป้งกับโกลเป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาพลาดท่าพ่ายไปหนึ่งประตูต่อศูนย์ จากการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังพ่อลูกอ่อน

            แต่กระนั้นกลับไม่มีอาการเสียใจจากทีมเดมเดซี่ และกองเชียร์ทั้งสนามและแม้นักกีฬาฝ่ายตรงข้ามปรบมือให้กับความใจสู้ของนักฟุตบอลของทีมเล็กๆอย่างเดมเดซี่

            ไม่ใครตำหนิใคร แม้แต่คนที่ทำเข้าประตูตัวเองก็ไม่ถูกตำหนิ

            ภายหลังบีบีซีได้ออกมาเปิดเผยว่าเป็นการถ่ายทอดสดเอฟเอคัพที่มีคนดูมากที่สุดในรอบหลายสิบปี และเวปไซด์ข่าวก็รายงานตรงกันว่ายอดผู้ใช้งานโซเชียลและติดแฮ๊ชแท็ก #forgreatspiritThemdaisyรวมแล้วมากกว่าล้านในแค่ระยะเวลาไม่นาน

            ตอนเย็นวันรุ่งขึ้นก็มีงานฉลองกันใหญ่ภายในชุมชน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านและการสนับสนุนจากเจมส์ เอ็ดลิงก์ตัน และพ่อของโกลที่ส่งเงินมามอบให้นักกีฬาเป็นกรณีพิเศษ

            โกลและโป้งรู้สึกว่าการฉลองนี้ยิ่งใหญ่กว่าการฉลองใดๆ ทั้งที่ก็มีแค่เพื่อนบ้านกับชาวบ้านระแวกใกล้เคียง แม้การฉลองในยูเนียน ออฟ ภูเก็ต ก็เทียบไม่ได้ ที่นาราก็ดูจะจืดไป และเทมส์ไซด์ก็ไม่เท่านี้ในความรู้สึกของโกลและโป้ง

            ไม่มีพลุไฟหรือขบวนพาเรด มีแค่ปาร์ตี้เลี้ยงอาหารพื้นบ้านกับบาร์บีคิว และเกมสนุกๆให้เด็กๆเพลิดเพลิน

แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่ของเหล่านักฟุตบอลผู้กรำศึกกับครอบครัวและชาวบ้านนั้น สว่างสวยงามกว่าดอกไม้ไฟใดๆ และงดงามกว่าขบวนพาเรดที่ไหน..

เป็นภาพโป้งกับโกลคงจะไม่มีวันลืมและจะไม่มีวันลบไปจากความทรงจำ


“มิสเตอร์บัลเดอร์ต่อสายตรงถึงผมเมื่อวาน บอกว่าทางบอร์ดอนุมัติข้อเสนอค่าเหนื่อยของโป้งมาที่แปดหมื่นเก้าพันปอนด์ กับเงินโบนัสพิเศษตอนเซ็นสัญญาอีกห้าล้านปอนด์ ส่วนโกลก็ได้ที่ เจ็ดหมื่นสองพันปอนด์ กับโบนัสเซ็นสัญญาอีกห้าล้านปอนด์เหมือนกัน” เดวิดแจ้งเรื่องนี้ให้ทั้งสองทราบในตอนเช้าที่เขามาเยี่ยม

“ส่วนโบนัสอื่นๆ ก็น่าสนใจทีเดียว จากประสบการณ์ผมว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับนักฟุตบอลจากเอเชียเท่าที่เคยมีมา”

แต่โกลกับโป้งไม่รู้สึกดีใจเลย เขามองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมา..

 

เช้าวันรุ่งสองหนุ่มออกไปที่ตลาดในชุมชนเพื่อหาของสดมาประกอบอาหารเลี้ยงส่งวู๊ดและก้านเพชร

ระหว่างที่โป้งกำลังยืนพิจารณาเนื้อสเตอร์ลอยด์หลายชิ้นในตู้อยู่

“ได้ยินว่าแมนเชสเตอร์ บูลสกายเสนอค่าเหนื่อยมาสูงลิบเลยใช่ไหม”

โป้งเงยหน้ามามองเจ้าของร้านที่เป็นชายร่างท้วมหน้าตาดุดันสมกับเป็นคนขายเนื้อสัตว์

แต่โป้งรู้ว่ามิสเตอร์ลินินเกอร์เป็นคนใจดี

“ผมยังไม่ได้คิดเลยครับ” โป้งตอบ

เจ้าของร้านกอดอก

“ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะ” เสียงชายวัยกลางคนดังจนโกลที่เดินมาจากแผงผักตกใจ

“เธอกับโกลดี้..จำเป็นต้องกลับไปในที่ซึ่งพวกเธอควรอยู่.. เวลาพักร้อนของพวกเธอหมดลงแล้ว.. ฉันอยากเห็นเธอสองคนในเกมระดับที่เหมาะสมกับความเก่งกาจของพวกเธอเต็มแก่แล้ว” เจ้าของร้านขายเนื้อกล่าวเสียงหนักแน่น

“ใช่แล้ว” อีกด้านหนึ่งของถนนสายที่ตัดผ่านกลางย่านการค้าตะโกนมา

“พวกเราอยากเห็นเธอชูถ้วยพรีเมียร์ชิพ”

“ใช่ๆ เห็นด้วย..”

“จริงด้วย.. ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องกลับไป”

“พวกเราจะเป็นกำลังใจให้”

 

“ตกลงลุงอ่ำของมึงน่ะ ขายกูกับไอ้ก้านไปอยู่เยอรมัน ไปใส่เสื้อสีเหลืองของโบรูสเซีย.. โดยไม่ได้ถามพวกกูสักคำ” วู๊ดกล่าวตอนใช้มีดตัดเนื้อเป็นคำแล้วกิน

โกลเอาไวน์แดงรินเพิ่มให้วู๊ด

“ดีแล้วนี่..” โกลบอก

“ดีอะไร” ก้านเพชรว่าแล้วพลางเอาซ้อมตักเอาผักใส่จานของโป้งที่นั้งอยู่ข้าง

“เราอยากไปฮอลแลนด์ต่างหาก.. เห็นเขาว่าหนุ่มๆฮอลแลนด์เด็ด..” ก้านเพชรแลบลิ้นเลียปาก แต่พอวู๊ดแกล้งวางช้อนแรงๆก็สะดุ้ง

“ล้อเล่นน่า..”

“ล้อเล่นเหี้ยอะไรไอ้ก้าน.. มึงคิดว่ากูเป็นกระต่ายหรือไงเอาผักมาสุมในจานกูเนี่ย” ไม่ใช่วู๊ดแต่เป็นโป้งที่โวยวาย แล้วดันจานออกไปให้โกลดูจานที่บานไปด้วยผักและแครอต

“กินเยอะตัวจะได้โตๆ” ก้านเพชรว่าแล้วก็เอามือลูบหัวโป้ง

“โตเหี้ยอะไร.. กูยี่สิบห้าเท่ามึง จะโตอะไรอีก” โป้งโต้ แต่ก็เอาซ้อมจิ้มผักเคี้ยวกรวมๆ

โกลมองหน้าโป้งตอนนี้แล้วชวนให้นึกถึงกระต่ายจริงๆ..

 

            ภาพถ่ายของโกลกับโป้งแถลงข่าวที่กลางสนามบูลสกายออฟแมนเชสเตอร์ แพรไปทั้วโลกในระยะเวลาอันสั้นตามความรวดเร็วของโซเชียลมิเดีย

            แม้การันต์จะมีเรื่องให้เครียดหนักเขาก็ยังอดยิ้มกับภาพนั้นไม่ได้

            “พี่ฤทธิ์ไอ้โป้งมันกลับมาแล้วนะพี่.. ดูมันสิ.. ยิ้มเสียหน้าบานเชียว”

            แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นขัดอารมณ์ มีสายจากผู้ใหญ่ในสมาคมอีกแล้ว

            เขาได้แต่ฟังไปเรื่อยๆ แล้วก็วางสายอย่างอ่อนใจ

            ตอนนี้สถานการณ์ของทีมชาติไทยเริ่มวิกฤติ เพราะผ่านรอบคัดเลือกที่สามไปแล้วห้านัด ทีมชาติไทยอยู่ที่อันดับสี่ของตารางกรุ๊ปบี ด้วยคะแนนชนะสอง เสมอหนึ่งและแพ้สองนัด มีคะแนนอยู่เจ็ดแต้มน้อยกว่าทีมชาติซาอุดิอาระเบียที่อยู่อันดับสามที่มีแปดแต้ม และมีคะแนนน้อยกว่าที่สองออสเตรเรียที่มีสิบแต้ม

            นัดหน้าพวกเขาต้องไปเยือนซาอุดิอาระเบีย.. ตอนนี้ขุมกำลังที่มีชนะซาอุดิอาระเบียได้หรือไม่คือคำถามของสื่อ ซึ่งแน่นอนเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ทบทวนเรื่องการเรียกตัวโป้งกับโกลมา..

            แถมนัดที่เหลือของพวกเขาคือ การไปเยือนทีมชาติเกาหลีใต้อันดับหนึ่งของสาย และออสเตรเลียอันดับสอง..

            “ไม่ว่าผู้ใหญ่ในสมาคมจะทราบหรือไม่ แต่ปัญหาของเราคือเกมรุกที่ไม่มีประสิทธิภาพ เราชนะได้สองเกมก็จริง แต่เป็นการชนะที่ฉิวเฉียดหนึ่งต่อศูนย์ทั้งสองนัด ดังนั้นเกมรุกที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาของเราได้.. ผมนึกถึงสี่นักฟุตบอลที่เราขาดไป.. เทพพร ก้านเพชร ฤทธา และกรกฏ.. ถ้าหากเรามัวแต่ห่วงศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายของใครบางคน.. โอกาสจะได้เห็นทีมชาติไทยในฟุตบอลโลกคงเลือนรางเต็มที” นั้นคือคำวิจารณ์ของอดีตนักฟุตบอลมีชื่อของไทยที่ผันตัวไปเป็นคอลัมนิส

            “ตายเป็นตายวะ.. อย่างมากก็ลาออก” การันต์ทุบโต๊ะเบาๆ แล้วเขาก็ตัดสินใจร่างจดหมาย

           

            ผู้จัดการทีมซาอุดิอาระเบียถึงกับขบกรามเป็นสันนูน เพราะทีมของเขากำลังเผชิญกับลูกฟรีคิกในระยะอันตราย..

            ด้านหลังของลูกบอลนั้นมีชายหนุ่มตัวเล็กที่ยืนอยู่ โดยมีชายหนุ่มสูงกว่านิดหน่อยยืนเสยผมหล่ออยู่ใกล้ๆ

            สองคนนี้ไม่ว่าคนไหนก็อันตรายทั้งนั้น..

            เพราะคนหนึ่งคือเจ้าของหมายเลขสิบห้าที่กำลังสะท้านโลกในตอนนี้ กับอีกคนที่ได้ยินว่าทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนทุ่มถึงสามสิบล้านยูโรในการคว้าตัวไปร่วมทีม

            นกหวีดเป่าให้สัญญาณ คนร่างสูงกว่าทำท่าจะขยับแค่กลับไม่ได้วิ่งไปแต่วิ่งไปทางซ้าย..

            แล้วนายหมายเลขสิบห้าก็วิ่งเข้าไป ทำท่าจะเตะไปข้างๆ

            กำแพงของซาอุดิอาระเบียจึงหันเหไปตามการวิ่งของหนุ่มคนแรก

            แต่ทว่า.. เท้าของชายหนุ่มไม่ได้สัมผัสบอล เท้าขวาที่ทำเหมือนจะเตะไปทางซ้ายกลายเป็นย่ำยันหลัก แล้วก็หวาดเท้าซ้ายเตะลงไป..

            เป็นไซด์ก้อยที่เดินทางอย่างรวดเร็วและโค้งอ้อมตัวผู้เล่นแล้วมุ่งไปที่ด้านซ้ายของประตูอย่างฉับพลัน

            ผู้รักษาประตูซาอุดิอาระเบียจะปัดป้องมันก็สายเกินไปแล้ว...

            “เข้าไปแล้วครับ..” เสียงผู้บรรยายกระแทกกระทั้นอย่างสะใจ..

            “สุดยอดจริงๆครับเทพพร..  พอมีเขาเกมก็ดูเปลี่ยนไปทันทีเลย” ผู้บรรยายคนที่สองกล่าว

            หญิงสาวดวงหน้าสวยงามมองที่จอโทรทัศน์ภายในร้านอาหาร เธอต้องแอบกำหมัดทุมตักตัวเองด้วยความสะใจ

            “คุณเปรคะ” คู่สนทนาเรียก

            “ขา..” เธอหันไปขาน

            “เมื่อกี้เราถึงไหนกันแล้วนะคะ “ เปรมิกาตื่นตัวรีบหันมาง

            “พูดถึงเรื่องแบบรองเท้าแล้วค่ะ” คู่สนทนากล่าว

            “อ้อค่ะ” เธอรีบก้มลงดูเอกสารบนโต๊ะ

            “เอาละครับ อับดุล คาริมมี่ได้บอลที่กราบซ้ายแล้วโยนหักเข้ามา”

            “คือ.. เราคิดว่าจะเน้นเป็นร้องเท้าเปลือยส้นดีไหมค่ะ จะได้เข้ากับขุด” คู่สนทนาเอาแบบให้ดู

            “ค่ะ”

            “ราชิด อิมมานพักอกแล้วยิง.. “

            “โอ้โห ซุปเปอร์เซฟอีกแล้วครับ กรกฏทุบบอลออกหลังไปได้”

            “เยส” เปรมิกาลุกขึ้นกำหมัดใส่จอทีวี

            คนในร้านอาหารหรูหันกลับมามองเธอเป็นตาเดียว..

            เปรมิการู้ตัว หันไปมองรอบๆ แล้วผงกหัวขออภัยก่อนจะนั่งลง

            คู่สนทนาถอดแว่น.. วางบนโต๊ะมองหน้าเปรมิกา เปรมิกาก็ยิ้มอย่างเอียงอาย..

            แต่พลันคู่สนทนาเป็นฝ่ายกวาดเอกสารต่างๆออกไปพ้น

            “เรามาเชียร์บอลกันเถอะค่ะ คุณเปร.. ลูกชายคุณนี่สุดยอดเลยนะค่ะ.. เก่งมาก..”

            เปรมิกาอ้าปากหวอ เพราะตอนนี้ดีไซด์เนอร์ชื่อดังและมีเชื้อเจ้ากำลังทำท่าทะมัดทะแม่ง

            “เอาเลยลูก เทพพร..โยนไปให้ปรเมศวร์เลยลูก..นั่นและอย่างนั้น.. แม่นมากไอ้หนู..มันต้องอย่างนี้สิ”

           

            “แล้วปรเมศวร์ก็ยิงปิดท้ายให้ทีมชาติไทยถล่มเอาชนะซาอุดิอาระเบียไปสามประตูต่อศูนย์ อีกเจ็ดวันข้างหน้าเราจะต้องไปเยือนเกาหลีใต้ที่จะเปิดสังเวียนเมืองปูซานต้อนรับเรา” ผู้ประกาศผิวเข้มวางกระดาษลงข้างตัว

            “พูดจริงๆนะครับ.. การได้เทพพร ก้านเพชร ฤทธา แล้วก็กรกฏกลับมานี่เราแกร่งขึ้นมาจริงๆนะ โดยพวกเขาเล่นเข้าขากับทีมดีมาก แม้จะได้ซ้อมกับทีมน้อยมาก” ผู้ประกาศใส่แว่นให้ความเห็น

            “ตอนประกาศรายชื่อตัวจริงนี่ ผมดูอยู่ ตกใจเลยนะ เฮ้ยมีเทพพร ก้านเพชร ฤทธา กรกฏ.. เท่านั้นหละครับ ใจมันมาเลย.. เราชนะแน่ๆ”

            “นั่นสิ.. ผมเองก็แปลกใจ เพราะไม่มีข่าวเลยว่าสี่คนนี้จะกลับมาร่วมทีม” ผู้ประกาศผิวเข้มกล่าว

            “แต่พอมาแล้วเหมือนกับมันเล่นเข้าขากันน่ะ เพราะสี่คนเขาเล่นด้วยกันในอังกฤษอยู่แล้วมาเจอกับปรเมศวร์ จอมทอง ทรงยศ.. ที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยนวสาคร แล้วก็ยังเคยเล่นกับท๊อปแล้วก็อนุพงษ์มาแล้ว.. ทุกอย่างมันเลยจูนกันติด ลงตัว.. แต่..”

            แล้วผู้ประกาศผิวหมึกก็ขมวดคิ้ว

            “สมาคมประกาศก่อนหน้าว่าไม่มีสี่คนนี้แน่นอน.. แต่อยู่ดีๆมี.. ผมชักเป็นห่วงโค้ชการันต์.. ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง เพราะวงในมาบอกว่าผู้บริหารหลายคนไม่ทราบเรื่องนี้”

            “ผมว่าไม่นะ เพราะแฟนบอลหนุนหลังแน่นอน” ผู้ประกาศใส่แว่น

            “แต่จะเอาให้แน่ ที่ปูซานเราต้องชนะให้ได้”

            “ครับเพราะถ้าเราชนะได้.. นัดนี้ นัดหน้าไปยันเสมอออสเตรเลียที่บ้านเราก็เข้ารอบแล้ว เพราะนัดนี้เราชนะแต่ออสเตรเรียแพ้เกาหลี เราก็เลยมีสิบแต้มมากกว่าเขาหนึ่งแต้ม ถ้าเราชนะเกาหลีได้.. ก็ไปลุ้นเอารอบนัดสุดท้ายเอา ซึ่งนัดหน้าเขาจะเจอกับซาอุดิอาระเบียด้วย..”

            “ก็นั้นหละครับท่านผู้ชม.. เราช่วยกันลุ้นว่าเราจะได้เขาไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกได้ไหม..”

            อำนาจถอนหายใจแล้วก็กดปิดโทรทัศน์ ตอนที่การันต์โทรมาแจ้งว่าจะเอาโป้งกับโกลร่วมทีมไปซาอุดิอาระเบีย เขาก็รู้สึกหนักใจ.. นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขาเคยต้องลาออกจากการเป็นโค้ชทีมชาติเพราะตัดสินใจไม่เอาตัวผู้เล่นที่เป็นเด็กปั้นเด็กสร้างของสมาคม แต่รายการนั้นโชคร้ายตกรอบกลับมา

            “ไอ้โป้ง ไอ้โกล ไอ้ก้าน ไอ้วู๊ด พวกเอ็งต้องเล่นเกินร้อย.. เอ็งจะทำให้คนที่เอาหน้าที่การงานของตัวเองไปเสี่ยงผิดหวังไม่ได้นะเว้ย” เขากล่าวออกไปโดยหวังว่าคำพูดของจะเดินทางไปถึงสี่หนุ่มนั่น

 

            โกลมองยืนอยู่ที่หน้าต่างของโรงแรมกลางเมืองปูซาน มองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอก

            ในห้องโป้งกำลังนั่งเล่นโซเชียลอยู่บนเตียงโดยมีเจ้าก้านเพชรเอาหนังยางมามัดจุกให้ โดยเจ้าโป้งก็คงขี้เกียจหรือไม่ก็ไม่มีอารมณ์จะโวยวาย

            วู๊ดมองก้านเพชรเล่นหัวโป้ง ก่อนจะเดินไปข้างๆโกล

            “ดูท่าสมาคมจะอยากเล่นงานเราจริงๆ เพราะนี่ค่าห้องก็ต้องออกกันเอง ค่าเครื่องบินก็เหมือนกัน”

            “ก็ไม่มีปัญหานี่..” โกลตอบ

            “ของมึงกับก้าน พวกกูออกให้เอง”

            วู๊ดมองหน้า

            “ไม่ใช่อย่างนั้น.. แค่นี้พวกกูก็ออกกันเองไหว.. แต่มันก็น้อยใจนะ ต้องทำอะไรแบบนี้ ทั้งที่เราลงสนามให้ประเทศแท้ๆ”

            “โอ้ย.. ก็อย่างนี้หละ.. นี่ขนาดพ่อกูเขาไปคุยเอง พวกเขายังไม่เกรงใจเลย.. พ่อกูก็เลยบอกว่าเราต้องชนะสถานเดียว.. แล้วเอาชัยชนะไปเหยียบหน้าพวกเขา แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกคนในสมาคมนะ หลายคนก็เห็นดีเห็นงาม แต่บังเอิญไอ้คนที่มันไม่เห็นด้วยมันเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ มันบอกว่าผิดระเบียบแล้วไม่ยอมช่วยอะไร” ก้านเพชรกล่าวแล้วทำหน้าเบื่อๆ

            “กูไม่ได้สนใจตรงนั้นว่ะ” โป้งวางโทรศัพท์ลง

            “กูไม่สนใจว่าพวกเขาจะยอมรับกูหรือไม่.. กูไม่สน.. กูเลิกสนตั้งแต่กูกับโกลตัดสินแถลงข่าวเรื่องของเราแล้ว.. ก็ไม่สนว่าใครจะมองกูยังไง แต่ที่กูจะต้องเอาชนะให้ได้ ก็เพราะนี่คือสัญญาใจที่กูมีให้กับแฟนบอล และอีกอย่างคือ โค้ชการันต์.. กูกับโกลมีวันนี้ได้ก็เพราะอารันต์ กูจะไม่ยอมให้อารันต์เดือดร้อน และผิดหวัง”

            ทุกคนหันมามองหน้าโป้ง.. ตอนนี้แม้โป้งจะมีจุกสามจุกอยู่บนหัวดูหน้าขัน แต่แววตาของเขาคือแววตาเดียวกับที่อยู่ในสนาม แววตาที่มุ่งมั่นและตั้งใจ

            “กูจะชนะให้ได้.. ไม่ว่าจะยังไง.. กูจะพาทีมของเราไปบอลโลกให้ได้”

            สามหนุ่มสบตากันและกัน ไม่ต้องพูดออกมาแต่สัญญาใจได้เกิดขึ้นแล้ว..

 

            สนามปูซาน เอซีแอด ที่เคยใช้เป็นสนามหลักในการแข่งขันกีฬาใหญ่มาแล้วหลายรายการ วันนี้แฟนบอลชาวเกาหลีแห่กันเข้ามาจนเต็มสนามความจุ สี่หมื่นสี่พันที่นั่งของมัน

            โกลเอากำปั้นทุบบนฝ่ามือตัวเองเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง โป้งหันกลับมายิ้มให้แล้วก็หันกลับไป

            แววตาของโป้งมองตรงไปคมกริบดุจพญาอินทรี

            เกาหลีคือทีมอันดับหนึ่งแห่งเอเชีย สื่อเกาหลีบอกกับแฟนบอลตัวเองอย่างนั้น..

            แล้วยังไง... โป้งจะทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ.. เขาจะกลับออกไปพร้อมชัยชนะให้ได้

            นกหวีดของผู้ตัดสินส่งสัญญาณเริ่มเกม หลังเขี่ยบอลแล้ว ท๊อปก็จ่ายลูกคืนหลังมาให้โป้ง
            โป้งจับลูกบอลเอาด้วยเท้าขวา แล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว..

            จังหวะนั้นแฟนบอลเกาหลีถึงกับตื่นตะลึง.. การวิ่งที่รวดเร็ว ความคล่องตัวเหลือเชื่อ โป้งพลิ้วกายผ่านผู้เล่นเกาหลีไปคนแล้วคนเล่า ครั้งเห็นว่าจะถูกรุม เขาก็เตะเปลี่ยนทางไปด้านขวาหาก้านเพชรอย่างรวดเร็ว

            ก้านเพชรหลอกล่อกับผู้เล่าเกาหลีด้วยจังหวะเท้าที่ว่องไว แล้วก็พาลูกบอลผ่านไปจนถึงเส้นหลังแล้วโยนลูกโค้งเข้าไป

            ท๊อปกระโดดขึ้นสูง สะบัดหัวโหม่งลูกบอลคืนไปข้างหลัง

            ปอพักลูกบอลด้วยอก แล้วพอลูกตกลงมา เขาเงื้อเท้าขวาระเบิดลูกยิงที่ประดุจระเบิดของปืนใหญ่..

            ดั่งพลังแห่งปืนนารายณ์สังหารบนกำแพงป้อมเพชรของกรุงอโยธยา

            แม้ลูกบอลจะโดนปัดได้แต่มันแทบจะไม่เปลี่ยนทิศทางใดๆ ผ่านเข้าประตูและกระแทกกับตาข่ายจนกระพืออย่างรุนแรง..

            วันนี้ไม่ใช่แค่สี่หนุ่ม.. แต่เป็นทั้งทีม.. พวกเขาตระหนักดีว่าการันต์อยู่ในสถานการณ์ใด.. วันนี้หัวจิตหัวใจของช้างศึกเป็นหนึ่งเดียว..

           

            การันต์ไม่เคยเห็นหนุ่มๆของเขาตั้งใจถึงขนาดนี้.. นี่นาฬิกายังเดินไปไม่พึงสามนาที.. ธงชาติไทยก็จะสบัดเหนืออัฒจันทร์เมืองปูซานอย่างอาจหาญแล้ว.. แฟนบอลเปล่งเสียงกึกก้องกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ

            “ขอบใจทุกคน.. ขอบใจมาก” เขากล่าวแล้วเชิดหน้าเดินออกไปข้างสนาม ตะโกนสั่งบัญชาการอย่างมั่นใจ


             ช้างศึกตกมันแล้ว.. มันกรีดเสียงโกญจนาถสนั่นปฐพี จะอันดับหนึ่งของเอเชียหรืออะไรก็ช่าง.. แต่วันนี้พวกเขาจะต้องชนะ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2016 19:15:15 โดย Andylover »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
เฝ้ารอชัยชนะของพวกหนุ่มๆ สนุกมาก!

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ยิ่งอ่านยิ่งสนุกคะ ปักหลักเชียร์ โกล โป้ง  :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เข้ามาเชียร์หนุ่มนักฟุตบอลทั้งหลาย สู้ๆ  :mc4: :mew1:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :mc4:ใส่ชุดเชียร์ลีด ชุดเซิ้งกระติบข้าวแล้วกัน
เราเชียร์นะลูกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน ซิดนี่ย์ ลุย.. พาธงไทยไปบอลโลกให้ได้..

         

           ช่างแตกต่างเหลือเกิน.. ผู้จัดการทีมชาติเกาหลีที่เป็นอดีตนักเตะชื่อดังบอกกับตัวเอง..

            การเปลี่ยนตัวผู้เล่นสี่ตัวมีผลให้เกมรุกของพวกเขาน่ากลัวขึ้นอย่างมากมาย การเล่นที่ไม่เคยเห็นจากนักเตะเอเชียคนไหนของเทพพร.. การหลอกล่อและโยนอย่างแม่นยำของก้านเพชร การรับที่เหนียวแน่นและประสานงานกันอย่างดีระหว่างคู่กองกลางของฤทธาและอนุพงศ์ การป้องกันประตูดั่งปราการเหล็กของกรกฏ

            นี่มันคนละทีมกับที่พ่ายทีมของเขาในสนามราชมังคลาที่เมืองไทย.. แถมวันนี้นักเตะไทยยังมุ่งมั่นอย่างมาก.. แต่ละคนเข้าหาลูกอย่างเด็ดขาด..

            นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขาไปคุมทีมในไทยแลนด์พรีเมียร์ลึก.. ตอนนั้นนักเตะไทยยังไม่ได้แข็งแกร่งเท่านี้ แต่ตอนนี้... ด้วยตัวผู้เล่นที่มี.. จะสงสัยอะไรถ้าหากธงชาติไทยจะสะบัดอยู่ในสนามฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย..

            ตอนนี้ทีมของเขาพับสนามบุกก็จริง.. แต่การวิ่งจังหวะเดียวของเทพพรอาจฉีกเกมรับกระจุย.. แถมกองหลังของเขาก็โดนเล่นงานจนอ่อนล้าแล้วด้วย..

            “ต้องเปลี่ยนตัว” เขาหันไปเรียกผู้ช่วยมา

            “เราต้อง..”

            แต่แล้วจู่ๆกองเชียร์ไทยที่อยู่ข้างหลังตรงที่พวกเขาอยู่ก็แสดงอาการตื่นเต้น..

            ไม่ดีแน่..

            เขารีบหันไปในสนาม..

            เทพพรกำลังควบผ่านไปเหมือนม้าศึกที่คึกคะนอง ลูกบอลที่เลี้ยงไปติดเท้าก็เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอันเพรียวพลิ้ว

            แล้วกองหลังตัวที่คิดจะเปลี่ยนออกก็ทำผิดพลาด เขาไม่สามารถติดตามร่างที่เคลื่อนกายเหมือนสายลมพัดได้

            อย่าเชียวนะ.. ผู้จัดการทีมเกาหลีอยากจะตะโกนออกไป

            แต่พลัน กองหลังก็ตัดสินใจชั่ววูบคว้าคอเสื้อโป้งเอาไว้..

            แต่หยุดโป้งไม่ได้ เขายังขืนตัววิ่งหนีไปได้

            กรรมการไม่ได้เป่า..

            เมื่อเห็นโป้งเปลี่ยนทางวิ่งเข้าหากรอบเขตโทษ กองหลังตัวกลางรีบเข้าวิ่งเข้าไป เพราะเขาคือตัวสุดท้ายแล้ว เขาตัดใจล้มตัวกวาดเท้าขวางทางโป้ง

            โป้งงัดลูกบอลลอยขึ้นแล้วกระโดด แต่ระหว่างที่ร่างกายลอยอยู่นั้น

            ข้างหน้า..ผู้รักษาประตูเกาหลีก็พุ่งตัวออกมา

            โป้งตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

            ลูกบอลบอลอยู่ระดับเอว เขาก็เลยตีเข่าใส่มัน แล้วก็อาศัยการสิ่งที่เซบาสเตียนสอนคือการเตรียมป้องกันการปะทะและเซฟตัวเองตอนลงพื้น

            ลูกบอลโดนเข่าลอยก็เปลี่ยนทางไปและหลุดพ้นจากการปะทะของโป้งและผู้รักษาประตู

            มันตกพื้นแล้วกลิ้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ..

            ปอและกองกลางอีกตัวของเกาหลีที่วิ่งตามมุ่งเข้าหาลูกบอลพร้อมๆกันในลักษณะเบียดกันมา แต่ประสบการณ์จากเจลีกทำให้ปอรู้จักวิธีการเบียดร่างเพื่อให้ได้เปรียบ

            แล้วเขาก็ถึงลูกบอล โดยเบียดอิงกับกองกลางเกาหลีที่รูปร่างสูงกว่าแค่เล็กน้อย เขาเตะลูกออกไปแบบไม่ได้เน้นน้ำหนัก

            กระนั้นลูกบอลก็พุ่งเรียดพื้นเข้าสู่ประตูที่ว่างโล่ง..

            นาที 84... แต้มบนสกอร์บอร์ดของสนามปูซาน เอซิอิด เปลี่ยนเป็นสองประตูต่อศูนย์

            แต่ท่ามกลางเสียงเฮของกองเชียร์ไทย ผู้ตัดสินชาวเยเมนก็เดินมาหากองหลังมากประสบการณ์ของเกาหลี เพราะจังหวะที่พยายามจะดึงเสื้อของโป้ง

            แล้วชูใบเหลืองให้กับกองหลังผู้นั้น แล้วตามด้วยใบแดงเพราะผู้เล่นคนนี้มีชื่ออยู่ในสมุดของเขาอยู่ก่อนแล้ว

            ผู้จัดการทีมเกาหลีถอนหายใจแล้วเดินกลับมานั่งที่ม้านั่ง..

            เสียทั้งประตู เสียทั้งตัวผู้เล่น..

 

            วู๊ดกำลังล้างหัวอยู่ใต้ฝักบัว ต้องเงยหน้าเมื่อได้ยินโป้งเอะอะ

            “ไอ้ปอ..ไอ้ลามก” โป้งโวยวายแล้วดิ้นขลุกขลัก.. เพราะปอกอดเขาแน่น

            “เออน่าให้กูหอมหน่อย.. แม่งจ่ายให้กูยิงซะสวยขนาดนั้น ขอกูจูบที ไอ้โกลไม่ว่าหรอก ตั้มช่วยกูสิ”

            ตั้มทำหน้าหมั่นเขี้ยวแล้วก็เข้ามาข่วยจับเอวโป้งเอาไว้ไม่ให้ดิ้นรน

            “โกลช่วยกูด้วย” โป้งร้องทั้งดิ้น แต่เพราะแขนที่แข็งแรงของตั้มทำให้เขาไม่มีปัญญาจะเดินให้หลุด

            โกลที่หันมามองแล้วก็หันกลับล้างแชมพูออกหัว

            “อย่าแรงนะมึงเดียวแก้มมันช้ำ” แต่เขาก็กล่าว

            “ไม่แรง ไม่แรง แหม่ไอ้โป้งเดี่ยวนี้ขาวเนียน.. มากูจูบหน่อยสิ”

            “ไอ้เพื่อนลามก.. เฮ้ย.. อย่า...”

            เพื่อนร่วมที่อยู่ในห้องอาบน้ำหัวเราะกันสนั่น โดยเฉพาะจอมถึงกับลงไปนั่งกับพื้นแล้วหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่

            วู๊ดรู้สึกเหมือนกับบรรยากาศเก่าๆกลับมาอีกครั้ง.. เหมือนพวกเขายังเป็นเด็กวัยรุ่น เหมือนพวกเขายังอยู่ด้วยกันที่นวสาคร..

            “อ้า.. หอมชื่นใจ” ปอกล่าวออกมาแล้วหอมแถมอีกที

            “กูจะฟ้องแม่.. มึงแกล้งกู ไอ้ปอ.. บอกว่าอย่า...” โป้งโวยวายเสียงหลงตอนปอจะหอมครั้งที่สาม

 

            ในรถบัสกลับไปโรงแรม โค้ชการันต์สังเกตเห็นว่าแก้มของโป้งเป็นรอยแดงๆตอนกำลังจะเดินผ่านเขาไปนั่งที่ ก็เลยถาม

            “ไปทำอะไรมา ตอนเข้าไปห้องแต่งตัวยังไม่มีนี่”

            โป้งทำแก้มป่องๆ แล้วหันไปชี้หน้าปอที่เดินตามหลังมา

            “มันแกล้งครับโค้ช..”

            ปอลอยหน้าลอยตา

            “แค่หอมสี่ห้าทีทำเป็นโวย” ปอพูดปนหัวเราะหึๆ

            โค้ชส่ายหัว

            “มิน่าโค้ชป้อมถึงชอบบ่นว่าปวดหัว เพราะอย่างนี้นี้เอง”

            โป้งหันยกนิ้วโป้งเชิงว่า'โป้งแล้ว'ด้วยให้ปอ แล้วก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆโกล

            “มึงอะไม่ช่วยกูเลย” โป้งเอาศอกถองโกล

            โกลเหลือบตาจากหนังสือมองหน้า

            “อ้าวก็นึกว่าชอบ..”

            แล้วเขาก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

            “โป้ง” ท๊อปปีนเบาะแล้วหันมา

            “ออสเตรเลียแพ้..” เขาบอกแล้วแสดงภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู

            โป้งมองหน้า แต่ยังคิดไม่ทัน

            โกลรีบเอาทิ้งหนังสือแล้ว เข้ามาดูจอใกล้ๆ

            “แพ้..แล้วไง..” โป้งยังคงงง

            “ออสเตรเลียแพ้” จอมร้องขึ้นเสียงหลง เพราะเขาก็พึ่งจะเปิดโทรศัพท์ดูเหมือนกัน เพราะเขาเปิดใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบรอมมิ่งเอาไว้เหมือนกับท๊อปตั้งแต่ก่อนออกจากเมืองไทย

            “จริงเหรอ” ปอตื่นตัวแล้วปีนเบาะไปหา

            การันต์จึงลุกขึ้นหันไปยกมือปรามเพราะเด็กๆเริ่มเอะอะกัน

            “เอ้าๆ.. เดี่ยวฉันบอกเอง.. ออสเตรเรียแพ้ซาอุดิอาระเบียสองประตูต่อหนึ่ง.. เท่ากับว่า..” การันต์วรรค

            “พวกเธอก็เตรียมตัวกันให้พร้อม เพราะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายกำลังรอเราอยู่ในปีหน้า”

            เสียงเฮดังลั่น ในขณะที่รถของทีมชาติไทยก็เริ่มออกตัว

            พอผ่านพ้นประตูออกมา กองเชียร์ไทยที่รออยู่ก็โบกธงและโห่ร้องกันสนั่น

            “ไทยแลนด์ ไทยแลนด์ ไทยแลนด์”

           

            ออสเตรเลีย สเตเดียม วันนี้ยังคงคึกคักเพราะหากออสเตรเลียเสมอไทยได้ก็ยังมีโอกาสเข้าไปเพลย์ออฟกับทีมจาก CONCACAF (ทีมจากอเมริกาเหนือและกลาง) ต่อไป แต่ถ้าชนะก็เข้ารอบในฐานะอันดับสองทันที

            การันต์ยังคงจัดทีมชุดรองที่เน้นเกมรับและลูกกลางอากาศลงแทน ซึ่งจะไม่มีโป้งเป็นสิบเอ็ดตัวจริง แต่มีก้านเพชรเป็นตัวเปิดบอลแทน

            ครึ่งแรกเดินทางไปเกือบหมดเวลาแล้ว..

            “แล้วโค้ชจะทำยังไงครับตอนกลับเมืองไทย” โป้งถาม ที่ถามเพราะตั้งแต่ออกจากประเทศมา ก็ยังไม่ได้กลับไปเลย เพราะโปรแกรมที่ต่อเนื่อง

            โกลหันมามองหน้าการันต์ นัดนี้โกลก็ไม่ได้เป็นตัวจริงเหมือนกัน รวมทั้งปอและท๊อป

          “ไม่รู้สิ.. ก็อาจโดนตักเตือนนะ  แต่ถ้าเลวร้ายจริงๆ อาก็คงลาออก..” การันต์ถอนหายใจดังเฮือก..

            “มันแย่นะครับ.. ทำไมพวกเขาไม่มองที่ฝีเท้าเจ้าตัวเล็กนี่ แทนที่จะมองเรื่องส่วนตัว” ท๊อปกล่าวแล้วก็เอามือลูบหัวโป้ง

            “มันกับโกลเก่งระดับโลกไปแล้ว.. แต่ยังมัวแต่คิดว่าไม่เหมาะ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี..” ปอทำเสียงประชดในตอนท้าย

            การันต์มองออกไปในสนาม

            “พี่อำนาจเขาพูดเอาไว้อย่างหนึ่งนะ ตอนนั้นก็เรื่องคล้ายๆกันอย่างนี้ในทีมนั้นหละ.. มีนักฟุตบอลคนหนึ่งมีข่าวว่าเป็นเกย์.. แล้วก็ถูกตัดจากทีมไป.. ตอนหลังเขาก็หายไปอย่างเงียบๆ ทั้งที่เป็นคนฝีเท้าดี พี่อำนาจเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับสมาคม”

     “เขาบอกว่า.. ทุกวันนี้มีคนหนึ่งในสิบเป็นเป็นรักร่วมเพศ แต่ถ้าบังเอิญในจำนวนนั้นเป็นคนมีทักษะกีฬาและเก่งกาจ เราจะตัดโอกาสเขา ตัวเอง และประเทศชาติ เพื่อรักษาสังคมนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ.. อะไรที่ว่าเป็นความเหมาะสมกันแน่ เราจะยอมสูญเสียทรัพยากรของชาติไปเพราะเขาเป็นเกย์อย่างนั้นจริงๆเหรอ”

     แต่แล้วโค้ชก็ลุกพรวดขึ้น..

     เสียงเฮในสนามออสเตรเลีย สเตเดียม ดังสนั่น ลูกยิงไกลสุดสวยของกองกลางออสเตรเลียเรียกขวัญกำลังใจมา

     “ไอ้โป้ง.. นายปอ... ไปวอร์มเดี่ยวนี้เลย” การันต์สั่ง

     ปอลุกไปทันที แต่โป้งหันมามองหน้าอารันต์ของเขา..

     ผมจะไม่ทำให้อาผิดหวังแน่นอนครับ..

     “ทีมชาติไทยลำบากแล้วครับ” ผู้บรรยายบอกเสียงไม่สบายใจ

     “ถ้าเราแพ้ เราจะอาจต้องไปเพลย์ออฟแทน เพราะถ้าออสเตรเลียชนะจะมีมากกว่าเราหนึ่งแต้ม.. เขาจะผ่านไปเล่นโดยอัตโนมัติ”

     อำนาจถอนหายใจ แล้วกล้องก็จับมาที่โป้งที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของสนามในตำแหน่งถนัดของเขา

     “เอาให้ได้ไอ้โป้ง.. อนาคตไอ้รันต์อยู่กับเอ็งแล้ว.. มันเชื่อในตัวเอ็งเหมือนกับที่อาเชื่อ.. แล้วก็พ่อของเอ็งเชื่อ.. เอ็งต้องทำให้ได้ไอ้โป้ง”

 

     ออสเตรเลียตั้งรับแล้วสวนกลับอย่างมีระบบ ผู้เล่นก็สูงใหญ่กว่าทีมชาติไทยทำให้เขาป้องกันลูกกลางอากาศได้ดี แม้โป้งกับก้านเพชรจะโยนเข้าไปสักทีครั้งก็โดนโหม่งออกไปได้หมด การยิงในทุกระยะของปืนใหญ่นารายณ์สังหารอย่างนายปอก็ไปติดบล๊อกของผู้รักษาประตูทีมชาติออสเตรเลียที่เล่นได้ดีเหมือนผีเข้า

     นาฬิกาเดินไปเรื่อยจนเกือบจะหมดเวลาอยู่รอมร่อ..

     กองเชียร์สาวไทยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หันไปซบกับไหล่ของแฟนหนุ่มที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทในมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ชายหนุ่มกำหมัดแน่น..

     “กูเชื่อใจมึงโป้ง.. สร้างปาฏิหาริย์ให้โลกตะลึงอีกสิวะ.. มึงมันสุดยอดโป้ง” วสันต์กล่าวออกไปเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นตะโกน

     “โป้ง.. เอาคืนให้ได้”

     โป้งหลบหลีกกองหลังด้านขวาที่สูงใหญ่กว่าเขาไปได้ด้วยความคล่องแคล่วที่เหนือกว่า

     ผ่านเข้าถึงบริเวณมุมธงด้านซ้าย เขาก็ตั้งป้อมเตะโยนเข้าไป  แต่ลูกของเขาไม่ผ่านกองหลังตัวกลางที่เข้ามาบล็อก..

     ลูกกระดอนกลับมา.. โป้งมองลูกบอลที่กลิ้งอยู่ แต่เขายั้งตัวเองเอาไว้ จนกระทั้งกองหลังของออสเตรเลียพุ่งลูกเข้ามาทั้งสองคน แล้วเขาก็ออกตัวพุ่งเข้าไป

     โป้งอาศัยช่วงที่สองกองหลังรีบเร่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าหาลูกบอล
                 เท้าที่ว่องไวเตะดีดลูกไประหว่างช่องของสองกองหลัง ด้วยรูปร่างที่บางและความเร็วที่เร่งฉับพลันของเขา.. ช่องว่างน้้นกว้างพอให้โป้งตามลูกบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ..

     แม้จะเห็นช่องนิดเดียวและมีผู้รักษาประตูบัง แต่นี่คือโอกาสสำคัญ...

     โป้งตัดสินใจทันที..

     เขาเงื้อเท้าซ้ายเพื่อส่งกำลังเต็มที่

     ผู้รักษาประตูตั้งท่าเตรียมรับการยิง..

     นั้นคือสิ่งที่โป้งเรียนรู้จากการเผชิญหน้ากับโกลบ่อยๆ คนตัวสูงถ้าไม่ไวเท่ากับโกล.. ก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน..

     การจัดท่าทางเพื่อเตรียมรับการยิงอย่างรุนแรงนั้น.. มักจะมีช่องว่างเกิดขึ้น

     โป้งเปลี่ยนจังหวะเท้าทันใด เขาแค่เตะมันออกไปเบาๆ แล้วตามไปทันที

     ตอนนี้โป้งและลูกบอลผ่านเสาประตูด้านซ้ายมา จากแค่มุมเดียวคือยิงผ่านผู้รักษาประตูไปทางขวา ก็กลายเป็นมีช่องเกิดด้านซ้ายของผู้รักษาประตูด้วย

     โป้งแค่ดีดลูกด้วยการแปด้วยเท้าขวาไปสู่ช่องใหม่ที่เกิดขึ้น..

     นายทวารลูกครึ่งอะบอริจิ้น รีบล้มตัวแล้วเหยียดมือไป

     วสันต์เบิกตากว้าง.. วินาทีอันแสนสั้นกลายเป็นเนินนานในความรู้สึก..

     กรรมการที่วิ่งตามขึ้นมาถึง เห็นได้ถนัด..

     “ปรี๊ด...”

     ปอสะดุ้งโหย่ง เพรากรรมการเป่านกหวีดใส่หูเขาเต็มๆ

     กองเชียร์ทีมชาติไทยกระโดดตัวลอยทันที.. ธงขาติไทยผงาดกระพือตามแรงโบกไกวของผู้ทำหน้าที่ถือธง  มันปลิวส่งแถบสีแดงขาวน้ำเงินเหยียดตรงผ่าแรงลมอย่างห้าวหาญ

     การันต์ยิ้มออกมาที่สุด เขามองบรรยากาศของการแสดงความดีใจของลูกทีมทั้งในและนอกสนาม รวมทั้งแฟนฟุตบอลบนอัฒจันทร์

     แล้วอีกไม่นานนัก กรรมการก็เป่าหมดเวลาการแข่งขัน ทีมชาติไทยเสมอออสเตรเลีย หนึ่งประตูต่อหนึ่ง..

           

            “อ้าว..ทำไมแก้มแดงอีกแล้ว..” การันต์อีกถามเมื่อโป้งกำลังจะผ่านไปตามทางเดินภายในรถบัสนักกีฬา

            “แดงเป็นปืดๆทั้งซ้ายทั้งขวาเลย”

            โป้งทำหน้าอูมแล้วเดินไปนั่ง

            “ใครทำอะไรมันอีก” การันต์ถามกับโกลที่เดินตามหลังมา

            โกลยิ้มน้อยๆ

            “มันโดนรุมจับขึงแล้วรุมหอมแก้มครับ”

            การันต์หันไปมองหน้าโป้งที่ทำท่ากอดอกแก้มอูมเหมือนเด็กชายวัยสักสี่ห้าขวบที่โดนขัดใจ

            การันต์นึกถึงตอนที่เขาเห็นโป้งครั้งแรกที่โรงพยาบาลเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน  เจ้าหนูตัวเล็กแก้มแดงนอนหลับอุตุโดยมีรอยยิ้มน้อยๆอย่างน่ารัก.. แล้วก็นึกไปถึงตอนนี้พี่ฤทธิ์และเขาหัวเราะอย่างบันเทิงใจเมื่อเจ้าโป้งน้อยวัยขวบนิดๆพยายามจะไล่เตะลูกฟุตบอล..

            โป้งจะรู้หรือเปล่าหนอว่าชื่อเทพพรนี้ การันต์เป็นคนตั้งให้เอง..

            แล้วมันก็เป็นพรของเทพจริงๆ พรของเทพที่ไม่เคยทำให้การันต์ผิดหวัง

            เลี้ยวผ่านประตูและผ่านกองเชียร์คนไทยจำนวนมากในออสเตรเลีย รถบัสของทีมชาติไทยเลี้ยวแล้วมุ่งไปตามถนนอันกว้างขวางของนครซิดนีย์

     ป้ายคำว่าไทยแลนด์อยู่หน้ารถโดดเด่นเป็นสง่า แล้วคำว่าไทยแลนด์ และธงชาติก็พร้อมจะไปสำแดงตนอย่างสง่าผ่าเผยเป็นครั้งแรกบนสุดยอดเวทีลูกหนังของโลกที่ประเทศแคนนาดา..

     ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย..


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2016 07:49:41 โดย Andylover »

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
บอลโลกแล้ววววววว สุดยอดมากๆ!!!

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ใจหายใจคว่ำลุ้นไปหมด อ่านจบตอนแล้วปลื้มปริ่ม

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอน โป้ง อยู่ระหว่างการปรับปรุง ขออภัยในความไม่สะดวก (ฟอร์มตก)

"คุณจิตติค่ะ.. ดิฉันอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนนี้จากสายตาดิฉัน มีประชาชนมากกว่าห้าหมื่นคนมารอรับนักฟุตบอลทีมชาติ.." แล้วผู้ประกาศสาวก็หยุด..

"ออกจากตรงนี้ก่อนนะครับ เราจะใช้เป็นทางให้นักฟุตบอลเดิน.." เสียงเจ้าหน้าที่ลอดมา..

"เดี่ยวสิคะ ดิฉันขอรายงานก่อน กำลังทำหน้าที่สื่อค่ะ"

พรรณพงศ์ถอนหายใจแล้วเปลี่ยนช่องอื่น

คราวนี้กล้องแพนให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากมายมหาศาลจริงๆในอาคารผู้โดยสาร ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่สวมเสื้อเหย้าบางเยือนบ้าง บ้างเพนท์หน้าเพนท์ตากัน ที่แปลกกว่าทุกครั้งคือมีกลุ่มเกย์ในชุดแฟนซีบ้าง ชุดฟูฟ่องเหมือนงานคานิวัลบ้าง เสริมมาด้วย..

"โป้ง โกล ก้าน วู๊ด เราภูมิใจในตัวพวกนาย.. เพื่อศักดิศรีของ LGBTI.. สู้!! " ป้ายแรก

"เกย์ก็ไม่หนักหัวใคร ไม่ได้ฆ่าพ่อใคร ไม่เห็นต้องมาว่า" ป้ายที่สองจากกลุ่มหนุ่มๆของนวสาคร..

"แค่จิ้นก็ฟินเวอร์.. รักนะพวกเธอว์ เชียร์พวกเธอขาดใจ.. " อันนี้ป้ายที่สองจากกลุ่มสาวๆ

พรรณพงศ์ยิ้มออกมา จนถึงวันนี้ที่โป้ง โกล ก้านเพชรและวู๊ดจะมีส่วนสำคัญมากกับทีมชาติ แต่กระแสต่อต้านก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่อ่อนกำลังลงมาก เมื่อกระแสสนับสนุนรุนแรงจนหยุดไม่ได้

โป้งลงสามนัดยิงไปสามประตู โกลกลายเป็นกำแพงเหล็กของทีม ก้านเพชรเป็นตัวเปิดเกมคนสำคัญมาก วู๊ดกลายเป็นหลักในเกมรับและการพลิกเกมโต้กลับ.. การกลับมาของพวกเขาพลิกสถานการณ์ของทีมชาติ.. ดังนั้นให้บางคนในสมาคมจะไม่ชอบใจก็ไม่กล้าออกมาขัดหรือแสดงออกอะไร

"น่าปลื้มใจจังนะครับ.. " กานต์กล่าวขึ้น เขาเข้ามาในห้องทำงานของพรรณพงศ์ได้สักครู่แล้ว แต่พึ่งจะพูดออกมา

พรรณพงศ์หันมามองหน้า.. แล้วก็ยิ้ม

“สมมุตินายเกิดช้ากว่านี้อีกสักหน่อย.. นายก็คงจะเหมือนกับพวกเขานะกานต์.. ที่จริง นายสมัยก่อนก็เก่งไม่แพ้ก้านเพชร และจะว่าไปนายคือคนแรกที่สอนฟุตบอลให้โกลไม่ใช่เหรอ..”

กานต์ยิ้มเศร้าๆ แล้วก็ถอนหายใจ

“มันผ่านมาแล้วครับคุณ.. แต่สำหรับผมมันก็ยังเป็นความทรงจำที่แสนดีอยู่ ถึงมันจะจบไม่สวยก็เถอะครับ” กานต์มองไปในภาพในอดีต..

 “ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณโกลในสนาม ผมก็จะนึกถึงบรรยากาศในสนาม.. ตอนนี้ผมคงได้แค่เชียร์แล้วหละครับคุณพรรณ.. แล้วก็หวังว่าคุณโกล แล้วนายโป้งจะทำให้ทีมชาติไทยไปถึงจุดสูงสุดก็เท่านั้นเองครับ”

 

     ข่าวเรื่องการมารับกันถึงสนามบินของแฟนบอลเรือนแสนกลายเป็นข่าวดังขนาดCNNต้องนำเสนอในช่วงข่าวต่างประเทศ

            โป้งกับโกลได้ชมผ่านจอโทรทัศน์ในสนามบินตอนไปต่อเครื่องแฟรงค์เฟริ์ต เพราะพวกเขาแยกกับทีมที่สนามบินซิดนี่ย์นั้นเอง แล้วบินตรงกับอังกฤษกันเลย เนื่องจากเซบาสเตียนบอกว่ามีโปรแกรมฝึกฝนพิเศษให้กับทั้งคู่ และทั้งคู่ก็ยังไม่มีที่พักในเมืองแมนเชสเตอร์เลยด้วย..

            แต่กระนั้นภาพข่าวที่บอกว่ามีกองเชียร์LGBTI จัดเต็มด้วยการแต่งชุดแฟนซีและชุดฟูฟ่องแบบคานิวัลไปรับร่วมทั้งป้ายสนับสนุนสี่นักเตะLGBTI ก็ทำให้โกลกับโป้งยิ้มได้และมีกำลังใจขึ้นมาอย่างมาก

          “เออ.. มึงจำที่โค้ชพูดได้ปะ.. ว่ามีเรื่องของนักฟุตบอลที่ถูกจับได้ว่าเกย์..” โกลกล่าวขึ้น

            โป้งหันมามองหน้า

            “เขาเป็นนักฟุตบอลรุ่นเดียวกับโค้ชนั่นหละ ติดทีมชาติในยุคของลุงอ่ำคุมทีม ตอนนั้นมีคนในสต๊าฟโค้ชในทีมนั้นหละที่เอาบอกคนข้างนอกว่าเขากับกับนักฟุตบอลรูปหล่อคนหนึ่งมีความสัมพันธ์กันลับๆตอนเก็บตัวซ้อม” โกลเล่า

            “สมาคมถอดเขาออกจากทีม โดยที่ลุงอ่ำก็คัดค้านเพราะเห็นแก่อนาคตเด็ก.. เพราะฝีเท้าเขาดีเลยหละ ไม่แพ้ไอ้ก้านตอนนี้เลย แต่เขาเลือกจะออกไปเอง พอออกไปเขาก็เลิกเล่นฟุตบอล แล้วก็ไปทำงานอื่นแทน แต่เขาก็ยังเล่นอยู่บ้างนะ แล้วก็ยังชอบออกกำลังกายด้วย..”

            โป้งขมวดคิ้ว

            “ใครน๊า.. กูคิดไม่ออกว่ะ”

            “มึงรู้จักดีเลยหละ แต่มึงอาจจำเขาตอนเล่นฟุตบอลไม่ได้แล้ว เพราะเขาติดทีมชาติอยู่แค่สั้นๆ พอมีเรื่องเขาก็ออกไปเลย ลงสนามได้แค่ไม่สองนัดเอง” โกลกล่าวแล้วยิ้มจางๆ

            “ใคร...” โป้เอียงคอ

            “อากานต์ไง” โกลเฉลย

            “หา.. อากานต์เนี่ยเหรอ..” โป้งร้อง แต่พอคิดถึงว่ารูปร่างของอากานต์ดูเหมือนคนเล่นกีฬามาก่อนจริงๆ ก็พอปะติดปะต่อได้

            “อากานต์เขาใช้วิธีการคือยอมรับเอาไว้คนเดียว เพราะคนที่มีอะไรด้วยเป็นคนมีครอบครัวแล้ว แต่งงานแล้ว.. จากนั้นเขาก็ออกมาจากทีม ตอนแรกก็ไปทำงานบริษัท จนที่สุดก็ได้เจอกับพ่อกูตอนไปวิ่งออกกำลังกาย ก็เลยชวนมาทำงานด้วย เขาก็เลยอยู่กับพ่อของกูจนถึงทุกวันนี้” โกลกล่าว

            “เขาเป็นคนสอนกูทุกอย่างเหมือนพ่อของมึงสอนมึงนั้นหละ กูถึงได้เล่นตำแหน่งแรกเป็นปีกขวาไง.. เพราะกูเรียนฟุตบอลมาจากเขานี่หละ”

           

            โป้งแปลกใจไม่น้อยกับการได้พบกับชายร่างใกล้เคียงกับเขาในห้องทำงานของผู้จัดการทีม อดีตผู้เล่นแนวรุกที่ได้ชื่อว่าสุดยอดแห่งยุคสมัยคนหนึ่ง โป้งทันได้เห็นเขาวิ่งในสนามในช่วงปลายของการค้าแข้งของเขา.. ภาพที่เขาเลี้ยงลูกด้วยท่าทางคล่องแคล่วคือภาพที่ติดตาของโป้ง

            อาร์โทนิโอ เอียนโร่..

            ส่วนโกลก็เช่นกัน เพราะคนที่อยู่กับเอียนโร่ คือสุดยอดแห่งผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมัน..

            โอซิเวอร์ อาร์คาร์น

            “ที่ต้องเรียกกลับมาก่อน เพราะพอดีว่าเพื่อนของฉันสองคนนี้เขาว่างในช่วงนี้พอดีน่ะ..” เซบาสเตียนกล่าวแล้วก็เขาก็เอนหลังกับโซฟายาวที่นั่งร่วมกับทั้งสองยอดนักเตะระดับตำนาน

            โป้งกับโกลมองหน้ากัน

            “โกลดี้.. เธอยังมีเรื่องที่ต้องขอคำแนะนำจากอาร์คาร์นอีกเยอะเลยใช่ไหม” เซบาสเตียนถาม

            “ครับ” โกลตอบแบบไม่ลังเลเลย..

            “โป้ง.. เธอหละคิดหรือเปล่าว่าถ้าเธออายุมากขึ้น.. ความเร็วของเธอไม่เท่าเดิมจะทำยังไง..” เซบาสเตียนหันมาหาโป้ง

            “ตอนนี้เธอมีความเร็วกับการความคล่องตัวเป็นอาวุธ ดังนั้นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเธอก็คืออายุ.. เมื่อสังขารเราร่วงโรย มันก็ไม่เหมือนเดิมนะ” เอียนโร่กล่าวเสริม

            โป้งมองตาชายที่เคยเป็นหนึ่งในผู้เล่นตำแหน่งจอมทัพ หรือ เพลย์เมกเกอร์(Play Maker) ซึ่งคอยบัญชาเกมรุกและกำหนดทิศทางการเล่นของทีมชาติอิตาลีได้อย่างยอดเยี่ยมในยุคของเขา

            “เธอมีสิ่งที่ผู้เล่นความเร็วสูงหลายคนขาด นั้นคือความแม่นยำ.. ดังนั้น.. เอียนโร่จะเป็นคนสอนเธอว่าเราจะทำอย่างไรในสภาพที่เธอจะต้องเจอในอีกห้าหรือหกปีข้างหน้า.. เธอจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีความเร็ว" เซบาสเตียนสรุป

 

            “ดูท่าปีนี้จะไม่ใช่ปีที่ดีของโป้ง” ผู้ประกาศกล่าวแล้วถอนหายใจ

            “หรือว่าเขาจะพยายามเก็บแรงไว้เล่นให้ทีมชาติปีหน้า” ผู้ประกาศสวมแว่นตั้งขอสังเกต

            “ผมว่าไม่นะ เท่ารู้โป้งเขาเป็นคนทุ่มเทกับฟุตบอลมาก โค้ชการันต์ยังชมบ่อยๆว่าไม่เคยเห็นใครตั้งใจและทุ่มเทเท่าโป้ง.. แต่อาจจะเพราบัลเดอร์เขาจะเน้นให้โป้งเป็นตัวจ่ายบอล หรือก็เพลย์เมกเกอร์แทนจะเป็นตัววิ่งทะลวงเกมรับเหมือนเมื่อก่อน มันก็เลยอาจดูขัดๆไป.. ปีนี้สิบนัดไปแล้วแต่โป้งก็ยังยิงประตูไม่ได้เลย แถมถูกประเมินคะแนนต่ำมากที่หกกว่าๆ ทั้งที่ก่อนหน้าเขาถือเป็นผู้เล่นที่ฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุดของพรีเมียร์ลีกคนหนึ่ง” ผู้ประกาศผิวหมึกบอก

            “เหมือนไม่ฟิตด้วยนะ” ผู้ประกาศข่าวสวมแว่นให้ข้อสังเกต

            “ผมถึงบอกว่าเขาเหมือนพยายามเก็บตัวไว้เล่นกับทีมชาติ”

            “ก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ไม่น่าจะใช่” ผู้ประกาศผิวหมึกตอบ

            การันต์ขมวดคิ้ว.. จะว่าเพราะย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่ก็ไม่น่าใช่ เพราะโป้งก็มีประสบการณ์ในพรีเมียร์มากพอแล้ว.. แต่มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้โป้งดูเนือยๆไป แถมเล่นผิดพลาดมากขึ้นอย่างน่าตกใจ

            “มันเหนื่อยอะไรของมัน”

            แต่คนรู้คำตอบคือป้อมเพชร เขานั่งก้มหน้าลงกินอาหารเช้าต่อในโรงอาหารที่ว่างแล้วเพราะเด็กนักเรียนเข้าห้องเรียนหมดแล้ว

            เขานึกถึงตอนที่โป้งไปฝึกกับการันต์ ตอนนั้นโป้งก็มีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน..

 

            โกลหันไปมองโป้งที่ยังหลับอุตุอยู่บนเตียงด้วยความเพลีย.. ไม่บ่อยนักหรอกที่โป้งจะหมดเรี่ยวหมดแรงได้ขนาดนี้.. เขาลูบหัวมันเบาๆ ก่อนหอมแก้มอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวจะทำให้ตื่น

            เขาเปิดประตูบ้านชานเมืองแมนเชสเตอร์ ย้ายมาก็หลายเดือนเพื่อนบ้านก็ถือว่าใจดีพอสมควร แถมอยู่ใกล้กับบ้านของอดีตนักเตะคนดังของยูไนเต็ดด้วย

            มีเด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นโกลยืนอยุ่หน้าบ้านก็หันมายกมือทักทาย

            เขาก็ยกมือตอบ แล้วหยิบหนังสือพิมพ์จากตู้แล้วเดินกลับเข้าบ้าน

            หนังสือพิมพ์พากันวิจารณ์ฟอร์มการเล่นของโป้ง แถมยังบอกว่าโป้งเหมือนเล่นไม่เต็มที่.. แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วโป้งเล่นเต็มที่ทุกนัด.. แต่มันก็ไม่ฟิตจริงๆนั่นหละ

            แต่หลังจากนี้มันก็จะได้พักแล้ว.. แล้วมาดูกันว่าสิ่งที่ทำให้โป้งเหนื่อยผิดปกติมาตลอดห้าเดือนนี่จะส่งผลอย่างไร

            พอโป้งตื่นแล้วโกลก็ชวนไปเดินซื้อของที่ย่านร้านค้าใจกลางเมือง

            โป้งกำลังยืนมองแผงขนมเค้กหน้าตาน่ากิน แต่พอหันมา ก็เห็นเด็กผู้ชายสองคนยืนมองหน้าเขาอยู่

            “ว่าไง” โป้งทักทาย

            แต่เด็กตัวเล็กกว่าเดินถอยหลังไปนิดหนึ่ง

            แต่ตัวคนตัวโตกว่าก้าวออกมา

            “ไอ้เกย์ ไอ้ห่วย”

            โป้งถึงกับอึ้ง โกลที่อยู่อีกร้านหันไปเพราะเสียงเด็กคนนั้นค่อนข้างดัง

            เขารีบเดินเข้ามา

            “ไอ้เกย์ ไปให้พ้น.. แกมันห่วย”

            ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโป้งรู้สึกยังไง เขายืนนิ่งงัน

            โกลต้องกำลังเข้าไปดึงตัวเด็กคนนั้น

            แต่หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมา

            “ริชาร์ด หยุดเดี่ยวนะ” เธอกระตุกแขนลูกชาย

            “ขอโทษมิสเตอร์โป้งเดียวนี้”

            เด็กชายทำหน้ารั้นใส่

            “ขอโทษทำไม.. พ่อบอกว่าเขาห่วย เพราะเขาเป็นเกย์ปวกเปียก”

            “ริชาร์ด” มารดาเสียงแข็ง

            เธอเหลืยบมองหน้าโป้งก่อนจะสั่ง

            “กลับบ้านเดี่ยวนี้.. วันนี้เธอถูกทำโทษ”

            แล้วแม่ของเด็กก็หันมาขอโทษโป้งด้วยกริยาจริงใจ

            “คือพ่อของเขาตามใจมากไปน่ะค่ะ อย่าถือสาเลยนะคะ”

            โป้งยิ้มออกมาแต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสเหมือนปกติ

            โกลรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่เลวร้ายมากสำหรับโป้ง.. เขาอาจจะเคยเจอมาแล้วหนักหนากว่านี้ตอนจบการแข่งขันนัดก่อนหน้า มีแฟนบอลปาก้อนกระดาษใส่เขาตอนจะเดินเข้าอุโมงค์ แถมโห่ใส่เสียงดังสนั่น

            แต่วันนี้เป็นเด็ก เพราะโป้งเป็นคนรักเด็ก นี่คงกระทบกับจิตใจของโป้งอย่างแรงทีเดียว

            “โอเคไหม” โกลถามอยู่ในรถ

            โป้งเป็นคนขับ เขามองไปตรงแล้วยิ้มเศร้าๆ

            “เราเป็นนักฟุตบอลโกล.. ทุกอย่างขึ้นอยู่กับในสนาม ที่ผ่านมาฉันก็เล่นแย่จริงๆไม่ใช่เหรอ.. โดนแบบนี้ก็สมควรแล้วไง”

           

            สนามบูลสกาย ออฟ แมนเชสเตอร์สนั่นไปด้วยเสียงเชียร์จากสารทิศ โดยแฟนบอลจะส่งเสียงขึ้นเป็นระยะตามการแนะนำตัวนักเตะแต่ละคน

            แต่พอถึงชื่อโป้งก็มีเสียงโห่จากแฟนบอลกลุ่มเล็กๆ

            โป้งหันไปมองนิดเดียวแล้วก็หันกลับมา..

            เซบาสเตียนถอนหายใจ ก่อนหน้าเกม ประธานสโมสรถึงกับต่อสายตรงจากต่างแดนว่าให้เขาดร๊อปโป้ง เพราะกลายเป็นตัวถ่วงของทีมอย่างเห็นได้ชัด

            แต่เขาก็ยังยืนยันอย่างหนักแน่น และให้ดูในนัดนี้ก่อน

 

            เกมเริ่มต้นอย่างเชื่องช้า เพราะฝ่ายตรงข้ามเข้ามาตั้งรับเต็มตัวแม้จะเป็นทีมใหญ่เหมือนกัน

     ดังนั้นปีกซ้ายของแมนเชสเตอร์ บูลสกาย โอลิเวียร่า คอนโต้ได้ลูกแล้วก็ไม่รู้จะจ่ายไปไหน

     แต่ที่ว่างอยู่ก็คือโป้งนั่นเอง เขาเลยจ่ายลูกเรียดพื้นไปให้

            เสียงโห่เบาๆยังมีอยู่ แต่เหมือนโป้งจะไม่ได้ใส่ใจ     

            เขาคลึงบอลไปข้างหน้าช้าๆ โดยมีกองหน้าฝั่งตรงข้ามตามเข้ามาประกบ

            ตอนนั้นโป้งส่งสัญญาณให้เพื่อนด้วยมือโดยไม่ให้ฝั่งตรงข้ามทราบ แล้วเขาก็เตะลูกย้อนหลังกลับไป

            กองหลังตัวกลางได้ลูกจากโป้งก็ทำตามสิ่งที่ซ้อมกันมาโดยตลอด เตะลูกไปด้านขวาให้กองกลางตัวริมเส้นด้านขวา

            บอร์ติก เบรินเนอร์รับลูกมาแล้วก็เลี้ยงไปข้างหน้าประมาณห้าหกหลา รอจนกองหลังด้านซ้ายของคู่ต่อสู่พุ่งเข้ามา เขาก็กลับเตะจ่ายกลับไปหาโป้งที่รอท่าอยู่

            กองกลางตัวรับที่ประกบโป้งรีบเข้าหาเพื่อจะกดดัน

            โป้งใช้ร่างกายบังลูกเอาไว้ จากนั้นก็พลิกตัวอีกครั้งแล้วเตะลูกไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว

            คอนโต้วิ่งทะยานออกไปทันลูกบอลที่ริมเส้นแล้วก็เตะสะท้อนลูกคืนมา

            โป้งที่กลับตัวหนีแล้ววิ่งไปจนพ้นตัวประกบ

     ตอนนี้เกมรับฝั่งตรงข้ามเริ่มแตกกระบวนไปนิดหน่อย แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ช่องว่างที่มีระหว่างกองหลังที่เกิดอาการสับสนมันมากพอให้โป้งจัดการโจมตี

     โป้งพาลูกเข้าหากองหลังสองตัวที่พุ่งเข้ามาพร้อมกัน

     แล้วทันใด เขาเตะกระแทกลูกลอยข้ามหัวสองกองหลังที่ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากไม่คาดคิด

     ศูนย์หน้าของบูลสกาย โยฮัน บาร์ก วิ่งตามลูกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเขาก็จับจังหวะตอนลูกตกพื้น สับไกยิงทันที...

            บูลแมน คือชื่อเล่นของกองเชียร์เจ้าบ้าน โห่ร้องอย่างยินดีหลังนกหวีดของผู้ตัดสินดังขึ้น

            โยฮัน บาร์ก ศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยี่ยมวิ่งเข้ามากอดคอโป้งในฐานะคนที่ใส่พานให้เขายิง

           

     หนึ่งในกองเชียร์ของบูลสกายมองชายหนุ่มเอาลูกมาตั้งเพื่อเตรียมตัวเล่นลูกฟรีคิกในระยะยี่สิบห้าหลา..

     ตลอดสิบนัดที่ผ่านมาไอ้หมอนี่มันเล่นไม่เรื่อง จ่ายบอลเสีย แถมเล่นไปก็แข้งขาอ่อน.. ไม่เหมือนกับที่มันเล่นให้เทมส์ไซด์ซักนิด.. เปลืองค่าจ้างเกือบแสนปอนด์ชะมัด เขากับเพื่อนๆเลยนัดกันว่าจะโห่มัน หากมันลงสนาม..

     แต่ตอนนี้รอบๆตัวเขาที่เป็นกลุ่มเฉพาะกิจ ความคึกคะนองที่จะโห่มันหายไปหมด..

     ชายหนุ่มร่างเพรียวมองไปตรงๆ อย่างตั้งมั่น แล้วเมื่อได้ยินสัญญาณนกหวีด

     เขาวิ่งเข้าหาลูกด้วยจังหวะที่ทำมาตลอดชีวิตนักเตะ..

            ลูกโค้งทำให้กองเชียร์ครางฮือ.. มันอ้อมกำแพงแล้วผ่านหน้าผู้รักษาประตูอย่างรวดเร็ว..

     โกลยิ้มกระหยิ่มมองกลุ่มโห่ที่กลายเป็นกลุ่มเชียร์

     "ไม่โห่ต่อหละวะ.. " เขาบ่น แล้วหันกลับมาหาเจ้าโป้งที่วิ่งมาเหยาะๆเหมือนกับทุกคราวที่ทำประตูได้..

     จ่ายสี่ยิงหนึ่ง.. บูลสกายนำไปแล้วห้าประตูต่อศูนย์..

     โป้งหันมายิ้มแล้วก็หันกลับไปเหมือนทุกครั้ง



ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
โป้งแอบฝึกอะไรแน่ๆ เลยทำให้หมดแรงไประยะหนึ่ง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
โป้งไปฝึกอะไรมานะอยากรู้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
สงสารโป้งตอนที่เด็กคนนั้นพูด.. :mew6:
พ่อเด็กก็สอนลูกแย่มาก :z6:
ทีมโกล โป้ง ชอบตอนโกลหอมแก้มโป้งน่ารักอะ :o8:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
น้องโป้งเจอเด็กก้าวร้าวซะแล้ว แต่ในที่สุดน้องโป้งก็คืนฟอร์ม

ออฟไลน์ Andylover

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอนก่อนถึงนัดชิง โป้งโกล ตัดสินใจ





โกลแปลกใจกับเสียงกริ่งประตูของผู้มาเยือนในตอนเช้า แม่บ้านที่จะมาทุกสามวันเป็นคนออกไปดูแล้วรีบเข้ามาแจ้ง

“มีคนมาเยอะแยะเลยค่ะ เขาบอกว่ามาหามิสเตอร์โป้ง”

โป้งเดินออกจากห้องน้ำมาพอดีทำหน้างง

 

โป้งย่อตัวลงรับช่อดอกไม้จากเด็กชายตัวน้อย

“ผมขอโทษครับมิสเตอร์โป้ง” ริชาร์ดเด็กชายคนที่เคยด่าโป้งเอาส่งกล่องคุกกี้ที่ส่งให้

โป้งก็หันมารับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม

โกลจงใจไม่ออกไป แต่มองจากหน้าต่าง เห็นพวกกองเชียร์ที่มีพ่อของเด็กชายสองคนเป็นแกนนำกำลังกล่าวคำขอโทษกับโป้ง

ก็แน่หละ.. หลังจากนัดนั้นโป้งก็กลายเป็นห้องเครื่องของเกมรุกและรับของแมนเชสเตอร์ บูลสกาย ทั้งจ่ายและยิงจนพาทีมขึ้นมายืนอันดับหนึ่งของตารางมาโดยตลอด

แต่นี่ผ่านมาหลายนัดจนใกล้จะคริสมาสต์แล้ว ถึงคิดจะมาขอโทษ..

โกลไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีเหมือนโป้ง และเขาก็เสแสร้งแกล้งใจดีไม่เป็นเสียด้วย

ไม่ออกไปดีกว่า ให้ไอ้โป้งแสดงบทพ่อพระผู้ใจดีคนเดียว..

 

นัดนี้เป็นนัดที่ห้าแล้วจอมต้องนั่งดูเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่ข้างสนามซึ่งเขาก็ทำใจไว้แต่ต้นแล้ว ที่จริงก็ตั้งแต่ตอนที่ถูกซื้อตัวแล้วตอนช่วงต้นเดือนมกราคม จอมรู้ตัวดีว่าอาจต้องมาตกชะตาเช่นนี้ แม้ทีมที่ซื้อตัวเขามาจะเป็นแค่ทีมกลางตารางอย่างทีมสวอนซีก็ตาม

แต่นัดนี้สำหรับจอม การนั่งดูอยู่ข้างสนามอาจเป็นหนทางที่ดีกว่า เพราะนอกจากอากาศจะหนาวจนจับขั้วหัวใจแล้ว วันนี้สวอนซีต้องเจอกับแมนเชสเตอร์ บูลสกาย ที่มีโป้งกับโกลลงสนาม

ไม่ได้เจอกันไม่ถึงปี ทั้งสองดูจะเก่งกาจขึ้นกว่าเดิม โกลมีจังหวะการเคลื่อนที่ดูแล้วน้อยลงกว่าเดิม แทนที่เขาต้องออกมาจัดการลูกบอลที่เข้ามาในกรอบเขตโทษในทุกจังหวะเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้โกลอาศัยการดูเกมแล้วก็ออกมารับหรือตัดเกมในจังหวะสำคัญๆเท่านั้น แต่นั่นกลับทำให้เขามีสถิติดีกว่าเดิมมาก โกลไม่เสียประตูต่อเนื่องกันมาสิบสี่นัดแล้ว และกำลังอาจทำลายสถิติในนัดนี้

ส่วนโป้ง.. เจ้านี่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์และพรแสวง ตอนต้นฤดูกาลมันฟอร์มตกมากๆ จนโดนแฟนบอลโห่  แต่หลังจากมันระเบิดฟอร์มในนัดที่สิบเอ็ด มันก็กลับมาเป็นหนึ่งในสุดยอดอันตรายของลีกเหมือนเช่นเดิม

เพียงแต่บทบาทของโป้งในสนามเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด...

ตอนนี้เมื่อก่อนถ้าโป้งไม่ยืนเป็นปีกซ้าย ก็เป็นศูนย์หน้าตัวต่ำ แต่ตอนนี้โป้งยืนตำแหน่งกลางสนาม เขากลายเป็นศูนย์กลางของการบัญชาการเกม เขามีหน้าที่ควบคุมทิศทางการรุกของทีมอย่างเด็ดขาด โป้งปรากฏตัวทั่วสนามคอยประสานเกมรุกให้ราบรื่น และคอยสร้างสรรค์จังหวะการทำประตูจากการส่งลูกบอลในทุกระยะอย่างแม่นยำ

ที่จริงจะว่าไปโป้งก็เป็นคนโยนและส่งลูกได้อย่างแม่นยำมาแต่ไหนแต่ไร.. สมัยอยุ่กับนวสาครเขาก็มักจะเปิดลูกให้ปอกับอัครยิงได้แบบไม่ต้องรังสรรค์ปั่นแต่งเพิ่มเติม

แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิจารณ์ฟุตบอลจนได้รับเสียงชมเชยคือสิ่งที่เขาจะทำนี่ต่างหาก...

เดวิด เลย์แมน พยายามทำเกมรุกขึ้นไปให้ได้ เขาคือกัปตันทีมผู้บงการเกมรุกของสวอนซีในฤดูกาลนี้ แต่วันนี้เกมรุกของทีมเป็นอย่างกระท่อนกระแท่นเต็มที       

เลย์แมนพยายามพาลูกเข้าไปในแดนของบูลสกาย แต่เดี๋ยวเดียวตัวแสบของบูลสกายก็ปรากฏตัว..

เทพพร โป้ง.. เลย์แมนเคยเจอกับหมอนี่มาหลายครั้ง ตั้งแต่ตอนอยู่กับเทมส์ไซด์ แต่ตอนนั้นหมอนี่เป็นผู้เล่นเกมรุกเต็มตัว

หากตอนนี้.. ที่เขาพยายามจะทำและทำได้ดีมากคือการเข้ามาขัดขวางการเปิดเกมของเลย์แมน..

เขาร่างเล็กถ้าเทียบกับนักฟุตบอลทั่วไปในพรีเมียร์ลีก ส่วนสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบพอดี แต่กระนั้นวิธีการที่เขากำลังเข้าใช้ประกบเลย์แมนก็ทำให้การเดินเกมรุกของเลย์แมนสะดุดไป..

โป้งเข้ามาพัวพันและขยับตามการเคลื่อนไหวอย่างแน่วแน่ ด้วยการเคลื่อนที่บนปลายเท้าอย่างคล่องแคล่ว  แถมการเคลื่อนที่ตามของโป้งยังจัดตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าขวางการเปิดลูกไปข้างหน้าได้อย่างดี

ดังนั้นเลย์แมนจึงต้องหาทางเตะลูกเปลี่ยนทางไปให้คนอื่น แล้วเขาก็เลือกเพื่อนที่อยู่ทางซ้าย..

            เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วก็กำลังจะเตะ..

ฉับพลัน โป้งเข้าโจมตีในทันใด และด้วยความเร็วเกินกว่าจะหลบหลีกได้ทัน ลูกบอลก็โดนโป้งเตะสกัดจนหลุดออกจากครอบครองของเลย์แมน

            จอมครางฮือ..

            การโจมตีในขณะที่คู่แข่งกำลังจะจ่ายบอล เป็นหนึ่งในเทคนิคการแย่งบอลที่ผู้เล่นเกมรับเองก็ยังยากจะทำได้ดี.. เพราะต้องอาศัยความเข้าใจในการเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลคนอื่น และทักษะการเข้าสกัดบอลที่ว่องไว..

            เจ้าโป้งเป็นผู้เล่นเกมรุก แต่กลับทำได้ดีขนาดนี้.. นี่เองหละกระมังที่ทำให้โป้งฟอร์มตกไปในช่วงต้นฤดูกาล.. เพราะมันไปฝึกฝนทำในสิ่งที่ผู้เล่นเกมรับต้องทำทั้งไม่ใช่ทักษะหลักของตัวเอง

            ผ่านไปหลายปีแล้วที่จอมได้เห็นโป้ง นับจากที่เจอมันครั้งแรกในสนามฟุตบอลตอนม.ต้น เขาเคยอัศจรรย์ใจกับทักษะมันยังไง เขาก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมในตอนนี้

            มันยังคงเป็นโป้งคนเดิม แต่เพิ่มเติมคือคือเกมรับ..

            แต่ความคิดของจอมก็ต้องมาชะงัก เพราะเมื่อโป้งสกัดลูกไปจากเท้าของเลย์แมนแล้ว เขาก็พาลูกบอลเข้าหาแดนของสวอนซีอย่างรวดเร็ว

            จะจัดการยังไงดี ถ้าเป็นเขา.. จอมถามตัวเอง.. หากเขาต้องอยู่ในสนามตอนนี้

แนวรุกของบูลสกายเคลื่อนขึ้นมาเป็นแผง.. โป้งมีความสามารถในการส่งลูกที่แม่นยำมาก.. เขาสามารถเตะไปเปลี่ยนเกมไปทางไหนก็ได้อย่างใจนึก แถมถ้าไม่ส่งให้ใคร นายร่างเพรียวนี่ก็ยังสามารถตะลุยเข้าไปด้วยตัวเอง..

            ก็คงกลับไปที่เบสิกที่สุดของการตั้งรับ จัดการกับคนที่ครองลูกบอลให้ได้..

            ดังนั้นกองกลางตัวรับของสวอนซีจึงรีบเข้ามาหาโป้ง แต่โป้งก็เตะลูกเรียดสวนทางเข้าไปหาศูนย์หน้าที่ขยับถอยลงมา

            แต่โยฮัน บาร์ก เตะลูกย้อนทางกลับไปหาโป้งในทันที

โป้งซึ่งหลังจากจ่ายบอลไปแล้ว ก็วิ่งสลัดหนีตัวประกบมาถึงตำแหน่งที่นัดแนะกันในการซ้อม

            โป้งดักลูกบอลเอาไว้ แล้วก็อาศัยการเตะลูกเรียดพื้น ผ่านตรงกลางระหว่างกองหลังตัวกลางกับตัวริมเส้นของสวอนซีมุ่งไปหามุมสนามตรงที่ปักธง

            โอลิเวียร่า คอนโต้วิ่งตามไปรับลูกได้ทันที่ก่อนจะถึงมุมธง แล้วเขาเตะโยนเข้าหากรอบเขตโทษอย่างรวดเร็ว

            ลูกบอลลอดการสกัดกั่นของกองหลังด้านขวา มุ่งตัดขวางกรอบเขตโทษ

กองหน้าร่างสูงของบูลสกายพยายามเบียดกับกองหลังร่างหนาของสวอนซี ที่พยายามจะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงลูกบอล.. แล้วกองหลังก็เป็นฝ่ายชนะ กองหน้าของบูลสกายเข้าไม่ถึง ลูกบอลจึงผ่านทั้งคู่ไปและกำลังจะไปถึงผู้รักษาประตู..

            โดยไม่คาดคิด.. โป้งที่วิ่งแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหยียดขากระแทกลูกบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป..

            “คุณพระคุณเจ้าอย่าให้ลูกช้างลงไปเจอไอ้โป้งตอนนี้เลย.. ถ้าลูกลงไปคงจะเป็นการเปิดตัวที่แย่มากๆของลูกช้างแน่นอน” จอมแอบยกมือจบท่วมหัวเรียกหาสิ่งศักดิสิทธิ์โดยอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังสนใจไปที่การทำประตูของโป้ง

           

            รับชมผ่านจอทีวี ตอนนี้โป้งวิ่งเข้ามาช่วยปีกขวาที่เกือบจะเสียการครอบครองลูกบอล ปินโตเซ่ โกโกรัน เห็นโป้งเข้ามาใกล้ในระยะก็เลยเตะจ่ายลูกมาให้

            โป้งพาลูกบอลเข้ามาตรงกลาง เขามองไปไกล แต่พอจ่ายจริงๆ กลายเป็นกระแทกลูกตอกส้นกลับคืนไปให้โกโกรัน หนุ่มวัยยี่สองฝีเท้าจัดทะยานไปตามริมเส้นแล้วโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ

โยฮัน บาร์ก กระโดดขึ้นตัวลอยคนเดียวโหม่งผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป

ลูกแรกของบาร์ก แต่เป็นลูกที่สองของบูลสกายในเกมนี้ แมนเชสเตอร์ บูลสกายนำสวอนซีสองประตูต่อศูนย์

            “ยอดเยี่ยมจริงๆครับการประสานงานของบูลสกาย” ผู้บรรยายบอก

            “ตอนนี้บูลสกายมีเกมรุกที่น่ากลัวมาก พวกเขามีโป้งเป็นตัวประสานงานในเกมรุก เรียกได้ว่าในปีนี้โป้งทำหน้าที่จอมทัพในเกมรุกของบูลสกายได้อย่างยอดเยี่ยม..” ผู้บรรยายที่สองกล่าว

            “ตอนนี้ผ่านไปแล้วยี่สิบหกนัด แต่บูลสกายนำทีมอันดับสองถึงสิบห้าแต้ม ถึงแม้ว่าแต้มยังทิ้งกันไม่ขาด แต่ต้องบอกว่าไล่พวกเขายาก ยากจริงๆ”

            การันต์เอนกายกับโซฟานวมกอด

            ที่เจ้าโป้งเปลี่ยนสไตร์การเล่นไป.. ก็นับว่าเซบาสเตียนมองการไกลมากกับการฝึกฝนเพิ่มเติมให้โป้ง..

            เด็กคนนี้ไปไกลมาก.. มากจนพอจะเรียกได้ว่าหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกไปแล้ว..

           

            จากฤดูหนาว ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้พลิอันสดใส แต่เกมการแข่งขันของฟุตบอลรายการใหญ่ของยุโรปกำลังระอุ..

ปอก็ไม่แน่ใจว่าดีลการย้ายทีมของเขาเป็นเรื่องของการตลาดของยักษ์ใหญ่แห่งสเปนหรือเป็นเพราะรีลมาดริดต้องการตัวเขาจริงๆ

แต่กระนั้นความโชคดีของเขาก็มาถึงเมื่อย้ายมาได้แค่เดือนเดียวเขาก็มีโอกาสลงสนามภายใต้การคุมทีมของอดีตยอดนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศษ ซานาอีย์ ซีอีกซ์ เพราะบรรดากองหน้าชั้นยอดของซีอีกย์พากันบาดเจ็บ

แล้วปอก็คว้าโอกาสได้อย่างมั่นคง เขาลงสนามเป็นตัวหลักมาโดยตลอดนับแต่นั้น

ปืนใหญ่แห่งบูรพาเป็นสมญาที่ผู้สื่อข่าวเรียกเขา สิบห้านัดที่เขาลงสนามเขายิงไปแล้วสิบสองประตู..

แต่วันนี้ปืนใหญ่นารายณ์สังหารของเขาดูจะไร้ความหมายกับปราการเหล็กแห่งเอเชียของบูลสกาย..

ปอเชื่อแน่ว่าเขาพัฒนาไปมาก.. ผลงานกับนารา ธันเดอร์เดียร์และที่นี่บอกเขาเช่นนั้น..

ลองอีกทีวะ..

ปอสับเท้ายิงเต็มที่ส่งกระสุนปืนนารายณ์สังหารออกไป..

ลูกยิงของปอทั้งหนักและรุนแรง..  โกลประจักษ์ดี

การหยุดมันไม่ใช่วิธีปกติ  โกลใช้วิธีขยับออกมาเล็กน้อยแล้วพุ่งไปใช้มือตะปบไว้แล้วแต่ทำแขนให้ยืดหยุ่น เอนกลับนิดหน่อยเพื่อดูดซับแรงของลูกยิงเพื่อไม่ให้มันดิ้นหลุดมือ แล้วก็รีบดึงมากอดไว้

"เหนียวไปแล้วมั้งไอ้โกล" ปออดตะโกนบ่นออกไปไม่ได้ แต่ก็ด้วยรอยยิ้ม

โกลยิ้มตอบกับเหมือนทุกครั้ง

"มึงอ่อน"

"เดี่๋ยวๆ กูจะเอาคืนจากไอ้โป้ง.. เล่นงานกล่องดวงใจแม่ง.." ปอกล่าวอาฆาต แต่กลับหัวเราะอย่างร่าเริง

แต่ถึงจะพูดไปอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่จะหยุดโป้งได้ ตอนที่ปอพยายามจะหยุดยั้งโป้ง กลับโดนมันใช้เท้าดึงลูกแล้วหมุนพลิกตัวสามร้อยหกสิบองศาหลบไปได้ แล้วก็เชิดใส่ด้วยการวิ่งหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว

"เกลียดแม่ง ทั้งผัวทั้งเมีย.."  เขาโคลงหัวอ่อนใจตัวเอง ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าใครผัวใครเมีย

ซีอิกซ์ขมวดคิ้มมองตามการวิ่งของขุนพลเกมรุกของแมนเชสเตอร์ บูลสกาย เด็กคนนี้.. ช่างน่าตื่นตานัก.. การเคลื่อนที่ของเขาแสดงออกถึงการฝึกฝนที่แน่นปึกของทักษะพื้นฐานของฟุตบอล การครองบอลและการเลี้ยงบอลก็เป็นทักษะเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม. มันแสดงให้เห็นถึงความพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

ไม่แปลกใจเลยที่เซบาสเตียนฝากความไว้วางใจของเขาไว้กับเด็กจากเอเชียคนนี้..

ผู้จัดการทีมหนุ่มได้แต่หวังว่าแนวรับของเขาที่ราคาค่าเฉพาะตัวของแต่คนก็อาจพอซื้อนักเตะในสโมสรเล็กๆได้ทั้งทีม จะสามารถจัดการกับเด็กไทยคนนี้ได้

โป้งใช้การเตะบอลเปลี่ยนไปมาเพื่อทำให้เกมรับของฝ่ายตรงข้ามปั่นป่วน แต่ก็สมกับเป็นผู้เล่นระดับสุดยอดของโลก พวกเขายังคงปักหลักอย่างแข็งแกร่ง

แต่นี่คือนัดที่สองของนัดรองชนะเลิศของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก.. นัดแรกที่สนามบูลสกาย โป้งพลาดโอกาสทอง เพราะเขายิงจุดโทษพลาดไป.. ทำให้ทีมเสมอกับรีล มาดริดศูนย์ต่อศูนย์

ยังไงวันนี้ก็ต้องชนะ.. เขาต้องยิงประตูให้ได้

แล้วโป้งก็ตัดสินใจ เตะบอลไปข้างหน้าเหมือนจะเลี้ยงตรงเข้าหาคนที่พยายามบังทางเขาอยู่

พอเห็นดังนั้นอีกฝ่ายก็ขยับหมายจะสกัดเพื่อแย่งบอล

แต่แล้วโป้งก็เร่งสปีดก้าวข้ามลูกแล้วก็หมุนตัวกลับหลัง แล้วเตะลูกกับไปหากองกลางตัวรับที่อยู่ข้างหลัง

เดมาร์ เอเตียน ผู้เล่นแนวรับของบูลสกาย จับลูกได้ก็รีบวิ่งขึ้นไปทางซ้าย  กองกลางตัวซ้ายของคู่แข่งจึงวิ่งเข้ามาหมายจะขวาง แต่เดมาร์ เอเตียนกลับจ่ายลูกคืนไปให้โป้งที่วิ่งย้อนหลังกลับมา

โป้งหมุนตัวแล้วเตะโดยไม่จับลูกบอล โยนโด่งไปด้านขวา ซึ่งปีกขวาของบูลสกายตั้งท่ารออยู่แล้ว

เมื่อโป้งโยนไกลไปข้างหน้าเขาก็วิ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถึงบอลก่อนตัวผู้เล่นของฝั่งตรงข้ามที่วิ่งตามมา ก่อนเตะแปเรียดเข้าไปในกรอบเขตโทษ

แต่กองหลังตัวกลางของรีล มาดริดดักลูกได้ก่อนที่มันจะไปถึงศูนย์หน้าของบูลสกาย แล้วก็กลับตัวเตะส่งลูกไปกองกลางเพื่อจะทำเกมโต้กลับ

ยอดกองกลางของทีมราชันย์ชุดขาวได้ลูกมา แค่เพียงแค่คิดว่าจะจ่ายเร็วไปหาปีกขวาลือชื่อของทีมราชันย์ชุดขาว

ทว่าไม่ทันได้เตะลูกบอลออกไปตามใจคิด โป้งก็วิ่งเข้ามาใช้เท้าสะกิดลูกออกจากการครอบครองของเขาทันที

จากนั้นโป้งก็วิ่งตามลูกบอลที่กลิ้งไป แล้วพามันมุ่งย้อนกลับเข้าหาประตูของคู่แข่ง

กองหลังตัวกลางเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้ามาหาโป้งเพื่อขวางทาง แต่โป้งใช้การคลึงบอลย้อนทางแล้วหมุนตัวหลบหลีกการสกัดกั่นไปทั้งคนและลูกบอล

พอหมุนตัวกลับมา โป้งก็ตั้งหลักเท้าซ้ายแล้วสับยิงเท้าซ้ายพิฆาตส่งลูกเดินทางเป็นแนวโค้ง

นายประตูทีมราชันชุดขาวพุ่งและเหยียดมือออกไป แต่ลูกของโป้งโค้งหนีมือของเขาไปจนสุดจะเอื้อม

มันกระทบเสาแต่ก็กระดอนเข้าประตูไป..

กองเชียร์บูลแมนตะโกนร้องออกมาด้วยความยินดีในสนามซานดิเอโก้ เบอร์นาบิว

ซีอิกซ์ถอนหายใจเอามือมาลูบริมฝีปากที่เคราดก ผิดกับผมที่บางจนเกือบล้านเหน่ง

เขาหันไปมองเซบาสเตียนที่ทำท่าชกลมอย่างสะใจ..

           

หลังจากนั้นรีล มาดริดก็พยายามจะบุกแต่กลายเป็นว่าถูกการตั้งรับของบูลสกายจัดการได้หมด

ปอได้โอกาสยิงอีกสองครั้ง แต่ก็ไม่ผ่านมือของโกลเหมือนเดิม..

เขาก็ยังคงได้แค่บ่นใส่โกล แต่ก็โดนโกลก็ตอบกลับเหมือนเดิมให้เจ็บใจเล่น

            แต่แล้วเมื่อเวลาในการทดเวลาใกล้จะหมด ปอได้บอลอีกครั้งและคิดจะพาลูกไปข้างหน้า

แต่นกหวีดจากกรรมการก็เป่าขึ้นเสียก่อน..

            เขาเลยทิ้งลูกบอลแล้ววิ่งเข้าหาโป้ง

เห็นหน้าขาวๆ แก้มเนียนๆของมันแล้วหมั่นเขี้ยว..

“ไอ้โป้งมึง..มานี่เลยมาให้กูกัดแภ้มมึงซะดีๆ”

 โป้งหันมาเห็นปอวิ่งเข้ามาก็รึ้ถึงเจตนาร้าย รีบหลบหลีกแล้วก็วิ่งหนีไปรอบๆ

            โกลถอนหายใจ ถอดถุงมือแล้วก็ยืนมองปอวิ่งไล่โป้งไปทั่วอย่างน่าขบชัน

เหมือนการ์ตูนแมวกับหนู ที่เจ้าแมวกำลังพยายามวิ่งไล่จับเจ้าหนูที่คล่องแคล่วอย่างไรอย่างนั้น

            ซีอีกซ์เดินมาจับมือกับเซบาสเตียน แล้วก็มองไปที่สองหนุ่มที่ยังวิ่งหลอกล่อกันอยู่ ประเดี่ยวหนึ่งที่โกลเดินมา โป้งก็วิ่งไปแอบหลังร่างสูงใหญ่ พอปอจะเข้ามาจับ เขาก็หมุนร่างโกลไปมาเป็นเกราะกำบัง

            “นี่เขาสนิทกันมากเลยขนาดนั้นเหรอ”

            เซบาสเตียนหัวเราะ

            “เขาเคยร่วมทีมมัธยมกันน่ะ.. ก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา..”

           

            ที่จริงยังเหลือพรีเมียร์ลีกยังเหลือนัดการแข่งขันอีกสองนัดแต่ โกลกับโป้งกลับไม่ต้องลงสนามแล้วเนื่องจากทีมที่ตามเป็นที่สองพ่ายให้กับทีมคู่แข่งอย่างพลิกล๊อกทำให้พวกเขาได้แชมป์อย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้นโค้ชจึงอนุญาตให้โป้งกับโกลที่ลงสนามเป็นตัวจริงเกือบทุกนัดในปีนี้ได้วันหยุดพิเศษเจ็ดวัน เช่นเดียวกับนักเตะตัวหลักอื่นๆ แล้วจะได้กลับมาลงสนามในนัดสุดท้ายที่บังเอิญเล่นที่บูลสกาย ออฟ แมนเชสเตอร์

            ขณะขับรถกลับบ้านโป้งนึกได้ว่าไข่ที่บ้านหมดก็เลย แวะซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่พอออกมาจากร้านแล้วโกลก็นึกได้ว่าลืมซื้อของสองสามอย่างก็จะเลยกลับเข้าไป แต่เพราะโป้งบ่นเขาเลยให้โป้งรออยู่ข้างนอก

            พอโกลกลับออกมาเห็นโป้งกำลังใช้โทรศัพท์มือถือของคนอื่นถ่ายวีดีโอชายหนุ่มกำลังคุกเข่าขอหญิงสาวแต่งงานตรงหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง

            หญิงสาวตอบตกลงและยื่นมือให้ชายหนุ่มสวมแหวน ก่อนทั้งคู่จะกอดกันกลมอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จทั้งคู่ก็เดินมารับโทรศัพท์คืนจากโป้ง ขอบคุณและไม่ลืมจะขอเซลฟี่กับโป้งเพราะจำได้แต่แรกว่าโป้งคือนักเตะของบูลสกาย แถมสองคนก็ยังพูดติดตลกว่าพวกเขาเป็นแฟนยูไนเต็ด

โป้งก็เลยตอบว่าเขาก็แฟนยูไนเต็ดเหมือนกันก็เลยหัวเราะและกอดคอกับชายหนุ่มถ่ายเซลฟี่อีกรอบ

“พวกเขาพบรักกันที่หน้าซุปเปอร์นี้..ก็เลยมาขอแต่งงานกันที่นี่” โป้งอธิบายแล้วมองทั้งคู่เดินคู่กันไป

 

            โกลออกสวมเสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำ นั่งลงบนเตียงที่โป้งนอนตะแคงใช้โทรศัพท์ทำอะไรบางอย่างอยู่

            “โกล พรุ่งนี้เราไปแคนาดากันไหม” โป้งลุกมานั่งขัดสมาธิ

            “ไปทำไม อีกสองเดือนก็ต้องไปแข่งที่นั้นอยู่แล้ว” โกลตอบทำหน้างง

            “ตอนนั้นเราต้องไปเล่นบอลไม่ได้ไปเที่ยวซะหน่อย.. กูอยากไปดูน้ำตกในแองการ่า”

            โกลมองหน้าโป้ง เวลามันทำตาโตแล้วยิ้มดูน่ารักเอ็นดู

            โกลเลยเอาจับแก้มโป้งแล้วก็ยิ้มจางๆ

            “ไปก็ไป.. หยุดตั้งหลายวันนี่”

           

โกลถ่ายรูปโป้งตอนกำลังทำหน้าตื่นตากับหอทิวทัศน์ที่ได้เห็นจากยอดของCN tower สัญลักษณ์ของนครโตรอนโตเมืองใหญ่ที่สุดของแคนาดา..   ไม่ว่าโป้งจะโตขึ้นแค่ไหน.. ไม่ว่าในสนามฟุตบอลมันจะเก่งกาจเพียงไร  แต่ความเป็นโป้งก็ยังคงเส้นคงวา..  โลกนอกขอบเขตของฟุตบอลช่างน่าตื่นตาไปทุกสิ่งสำหรับเจ้าของสมญานาม Siam Magician ของบีบีซีอันมาจากปากของผู้บรรยายกีฬาชื่อดังของสถานี

 

แล้วแววตาเดียวกันก็ประดับดวงหน้าอ่อนโยนและอ่อนกว่าวัยอีกครั้ง ตอนที่โป้งเกาะราวแล้วทำตาโตมองสายน้ำเป็นล้านๆตันโยนกายลงจากหน้าผาสู่ทะเลสาบออนตาริโอ

ในละลองน้ำที่ฟุ้งกระจายของน้ำตกใหญ่ เกิดสายรุ้งพาดเป็นฉากหลังทำให้ใบหน้าของโป้งยิ่งงดงามจนโกลอยากจะเข้าไปสวมกอดเสียตรงนี้

"มันยิ่งใหญ่จริงๆเนอะ.. โกล..  เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเราเล็กนิดเดียว.. "

โกลเดินเข้ามาข้างๆ เอามือลูบบนผมเส้นละเอียดของโป้ง

"มึงก็ตัวเล็กอยู่แล้วนี่โป้ง.. "

 

พอออกห่างจากน้ำตกก็มีสวนเล็กๆ โป้งบอกว่าหิวแล้วก็เดินไป โกลก็เลยนั่งรอที่ม้านั่งมองนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปมา

สักครู่โทรศัพท์ก็ส่งสัญญาบอกว่าเขามีข้อความใหม่จากโปรแกรมไลน์

พอเปิดดูก็นเห็นว่ามาจากโป้ง


เป็นรูปของเขาเองตอนที่อยู่ในสนามของนวสาคร กำลังขว้างลูกบอลออกไป..

"จำได้ไหม..  เราเจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่.. "

โกลแปลกใจแต่ก็ตอบ..

" สิบปีที่แล้วไง.. "

" ช่าย.. "

แล้วก็เป็นภาพของโป้งกับโกลที่ตลาดสามพันนาม ต่อด้วยภาพที่ร่วมถือถ้วยชนะเลิศไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกที่สนามเดอะยูเนี่ยน ออฟ ภูเก็ต ภาพที่สนามคัมป์นู บาเซโลน่า ภาพที่วัดโทไดจิที่นารา ภาพฉลองถ้วยเอฟเอคัพในเวมบรีย์ ภาพที่หน้าโอเปร่าเฮ้าท์ที่ซิดนีย์ และภาพเมื่อเร็วนี้ที่มีปออยู่ด้วยในซานดิเอโก เบอร์นาบิว เมืองมาดริด

"สิบปีแล้วจริงๆด้วย.. มึงยังดูแลกูเหมือนเดิมตลอดเลยโกล.. "

" ก็แม่ของมึงฝากมึงไว้กับกู.. กูก็ต้องดูแลมึงไปจนกว่าจะตายกันไปข้างไง" โกลพิมพ์ตอบไป

“โกล" คราวนี้เป็นเสียงเรียก

โกลหันไป

โป้งยืนอยู่ห่างออกไปในชุดนักฟุตบอล เขายืนอยู่หลังลูกฟุตบอล

จะเล่นอะไรอีก..  โกลส่ายหัวแต่ก็ลุกขึ้น เขาเก็บโทรศัพท์แล้วก็ตั้งท่า กางขาเล็กน้อยเหยียดมือกางแล้วก็ตั้งมั่น

ตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวหลายคนหยุดดูด้วยความสงสัย

โป้งแย้มรอยยิ้ม ก่อนจะวิ่งเข้าเตะด้วยเท้าซ้ายส่งลูกพุ่งไปเป็นวิถีโค้ง

โกลพุ่งตัวออกไปตะปบลูกไว้ติดมือ ตั้งหลักได้แล้วคิดจะขว้างกลับ แต่ต้องหยุดไว้เพราะสังเกตุเห็นตัวอักษรชุดหนึ่งเขียนไว้บนลูกบอล..

"แต่งงานกันเถอะ"

โกลอึ้ง

โป้งยืนมองโกลด้วยใจลุ้นระทึก แล้วผู้รักษาประตูผู้แกร่งปานปราการเหล็กก็หยิบปากกาปาร์กเกอร์ราคาแพงออกมาเขียน

ทำหน้านิ่งๆแล้วก็ขว้างลูกบอลกลับมา

โป้งพักด้วยอก พอบอลตกก็เตะงัดขึ้นมาแล้วเอามือจับ

ใต้ลายมือเป็นระเบียบของโป้ง

อักษรหวัดของโกลอ่านได้ด้วยความคุ้นเคยของโป้งว่า

"รออะไร..  พรุ่งนี้เลยดีไหม"

ในแสงแดดยามบ่ายของสวนตกแต่งอย่างน่ารักใกล้น้ำตกไนแองการ่า..  สองหนุ่มเดินเข้ามาจับมือกันแล้วเดินคู่กันไปตามทางเดินโดยไร้คำพูด..

แต่ดวงอาทิตย์เหนือฟอร์ตไนแองการ่าทอดทอลงมาอย่างอบอุ่นเหมือนจะพรายยิ้มละไมให้กับสองนักฟุตบอลที่อยู่ร่วมทีมกันทั้งในสนามและเส้นทางของชีวิต..

 

            ก้านเพชรร้องออกมา..

            “แย่ละ โดนเรานำแล้ววู๊ด”

วู๊ดขมวดคิ้ว..

            “นำอะไร ไม่ได้เล่นบอลอยู่ซะหน่อย” วู๊ดถามขณะเดินออกมาจากทางออกด้านหลังของสนามซิกเนล อิดูน่า หรือที่รู้จักกันในนามเวสพาเลน สตาดิโอน

            “แข่งจบแล้ว เราชนะ ใครจะมานำเรา”

            “ไม่ใช่ๆ” ก้านเพชรเอาโทรศัพท์ให้ดู

            บนหน้าของเฟสบุ๊กแสดงสเตตัสที่พึ่งอัพเดทได้ราวสิบนาที เป็นภาพของโป้งกับโกลในชุดสูทสีขาวทั้งคู่ยืนจับมือกันตรงหน้าประตูฟุตบอลของสนามกีฬาที่วู๊ดไม่รู้จัก.. 

            “สิบปีแล้วที่เราเดินร่วมทางกันมา”

            อีกรูปเป็นรูปโป้งกำลังเลี้ยงลูกฟุตบอลแล้วโกลเข้ามาเบียดแย่ง

            “จะเถียงกันบ้าง แต่เราก็รักกัน”

            ต่อมาเป็นรูปโป้งอิริยาบถสะใจ โดยโกลยืนเอามือกุมหน้า และมีลูกบอลนอนอยู่ก้นตาข่าย

            “บางทีก็อยากแค่เอาชนะกัน แต่เราก็เข้าใจกัน”

            อีกรูปเป็นรูปโกลแสดงอาการดีใจ โดยถือลูกบอลไว้ในมือ และโป้งคุกเข่าทำท่าเสียดายอยู่ใกล้ๆ

            “ผลัดแพ้ ผลัดกันชนะ เพราะเรารู้ใจกัน”

            แล้วก็ภาพที่ทั้งคู่ยืนอยุ่หน้ากรอบประตูฟุตบอลโดยหันหน้าเข้าหากัน และเอามือประสานกันประคองลูกฟุตบอลเอาไว้

            “เราสัญญา.. ว่าเราจะร่วมทีมกันไปจนกว่าจะตายจากกัน”

            แล้วก็เป็นภาพที่ของใบทะเบียนสมรสที่ออกโดยนครโตรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นชื่อเทพพร และกรกฏ

            “มันจะไม่ใช่แค่กระดาษ แต่เป็นสัญญาจากหัวใจ” 

และภาพสุดท้ายคือถุงมือผู้รักษาประตูที่วางพาดบนรองเท้าสตั๊ด.. ภาพนี้ไม่มีแคปชั่น..
           
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2016 20:41:51 โดย Andylover »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จดทะเบียนสมรสกันแล้ววววววว :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด