พิมพ์หน้านี้ - The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:33:47

หัวข้อ: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:33:47
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/160111122654.jpg)

ที่จริงนี่คือภาคต่อของ The Curve: โป้ง.. หัวใจปั่นไซด์โค้ง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้เล่นบอร์ดนี้ก็เลยเอาไปโพสต์ไว้ในเรื่องสั้น แต่จริงๆมันคือนิยาย เกือบห้าสิบตอน แล้วมีเพื่อนสมาชิกแนะนำว่าควรเอามาโพสต์ที่นี่แทน ดังนั้นแนะนำว่าถ้าอยากอ่านเรื่องนี้ให้ได้อารมณ์ต้องไปอ่านเรื่อง The Curve ก่อนเพราะเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนายโกล กับ นายไซด์โป้ง(โป้ง) เริ่มต้นที่นั้น

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50906.0

ภาคนี้เป็นภาคที่สองคนโตขึ้นแล้วเรียนจบม.ปลายแล้ว และมุ่งไปในสายทางของฟุตบอลอาชีพ ด้วยหัวใจรักที่มีต่อกัน และหัวใจรักในกีฬาฟุตบอล ทำให้ทั้งสองคนร่วมกันก้าวเดินไปบนเส้นทางอันยาวไกลสู่ความเป็นระดับโลกอย่างแท้จริง พวกเขาต้องฝ่าฟันอะไรอีกมาก พบคู่ต่อสู้หลากหลาย และที่สำคัญคือความรักของเขาสองคนคืออุปสรรค์สำคัญ และเป็นระเบิดเวลาที่รอการปะทุ เพราะในวงการฟุตบอล แม้จะเปิดรับเรื่องนี้มากขึ้น แต่ก็เป็นแดนสนทยาสำหรับLGBTI อยู่ดี 

สองหนุ่มจะไปถึงจุดแห่งฝันได้หรือไม่.. เชิญติดตามกันได้ครับ

คำติชมเป็นสุดยอดปรารถนา และผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการสนับสนุนจากทุกๆคน ผมหวังว่าเรื่องราวของนายโป้งกับนายโกลจะทำให้ทุกคนมีความสุข..

คำเตือน.. เรื่องนี้มันเกี่ยวกับฟุตบอลแบบลึกมากพอสมควร เพราะคุณต้องวิ่งตามตีนจรวดของโป้งไปยิงไซด์โค้งด้วยเท้าซ้ายพิฆาตของเขา และต้องไปยืนอยู่หน้าประตูดูนายโกลพุ่งปัดลูกยิงของคู่แข่งด้วย ในตอนที่เป็นฟุตบอล ดังนั้นใครอ่านแล้วงง สอบถามได้นะครับ เพราะผมก็พยายามแล้วจะใช้ภาษาให้ง่ายต่อการเข้าถึง แต่บางทีมันก็ไม่ได้เพราะมันขาดรสชาติของฟุตบอล..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:34:55
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:36:11
 กลิ่นแชมพูอ่อนๆเป็นกลิ่นที่ชายหนุ่มแสนคุ้นเคย เขาจะต้องได้กลิ่นนี้ทุกเช้ามืดที่ตื่นขึ้น เขาจะต้องก้มลงเล็กน้อยเพื่อสูดดมก่อนลืมตา แต่วันนี้ไม่มีกลิ่นนี้.. เด็กหนุ่มเลยค่อนข้างแปลกใจ.. พอลืมตามา

          “เฮ้ย..” เขาร้องเพราะไอ้ที่เขาสูดไปเต็มรัก คือ อวัยวะที่รยางค์นิ้วห้านิ้วที่เรียกว่า”ตีน”

          “นี่มึงเอาตีนมาแนบหน้ากูเลยเหรอไอ้โป้ง” เขาลุกพรวดแล้วดัน”ตีน”ข้างนั้นออกไป ถึงตีนข้างนั้นจะเป็นตีนซ้ายที่ลือลั่นสนั่นประเทศของเทพพร อีซ้ายพิฆาต ผู้เล่นแนวรุกดาวรุ่งของทีมชาติไทยก็ตาม

          “อะไรวะ” เจ้าของตีนงัวเงียตื่น.. ลูกขึ้นนั่ง

          “แล้วทำไม มึงเอาตีนมาไว้ตรงหัวกูวะโกล”

          “มึงต่างหากไอ้โป้ง” โกลหยิบหมอนมาปาใส่

           “แม่งเป็นห่าอะไรวะ นอนดิ้นฉิบหาย..”

           โป้งลุกขึ้นหัวเราะแฮ่ๆตามภาษา

          “กูฝันดี โกลกูฝันว่ามึงพากูไปเที่ยวที่ไหนไม่รู้สวยมาก.. สงสัยจะอินมากเลยนอนดิ้น”

          โกลส่ายหัวแล้วก็ลงจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัว

          “แปรงฟันดีกว่า ไม่รู้เผลอจูบตีนมึงไปกี่รอบ..”

          โป้งหัวเราะเอิ้กๆ แล้วล้มตัวลงนอนอีก

 

          รุ่งอรุณนั้นสดใสเหมือนทุกวัน สองหนุ่มวิ่งคู่กันไปบนถนนของเมืองภูเก็ตผ่านเด็กนักเรียนตัวเล็กๆที่ชี้ให้ พ่อแม่ดู ผ่านเด็กรุ่นโตมาหน่อยก็โบกมือให้..

          โป้งและโกลคือนักฟุตบอลทีมชาติรุ่นอายุต่ำกว่ายี่สิบปีที่ประสบความสำเร็จ จากการคว้าที่สามมาจากรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่สเปนเมื่อกลางปี ดังนั้นไม่แปลกหรอกที่ใครต่อใครในเมืองภูเก็ตจะสนใจเขาทั้งคู่

          โกลมองไอ้โป้งยิ้มให้ทุกคนอย่างใส่อกใส่ใจตามนิสัยของมัน  แต่ เขาเพียงผงกหัวให้ในบางครั้งถ้าหากโดนเรียกระบุตัวโดยตรง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไอ้โป้งมันถึงได้ยิ้มง่ายนัก.. โลกของมันช่างโสภาเหลือเกิน..

          แต่เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ.. ที่ทำให้ชีวิตที่เหมือนเดินหลงอยู่ในความแปลกแยกจากโลก และโดดเดี่ยวเหน็บหนาว ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นและงดงามที่เขาไม่เคยมองเห็นมันเลย.. จนกระทั้งได้เจอโป้ง..

           

           ทั้งสองนอกจากจะเป็นนักฟุตบอลตัวสำคัญของทีมชาติแล้ว ยังเป็นนักเตะของทีมภูเก็ต ยูเนี่ยน เอฟซี ทีมที่อยู่ในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกด้วย

            แม้โกลกับโป้งจะอายุยังน้อย โดยโกลอายุเพียง 18 จะย่าง 19 และโป้งอายุ 17 ย่าง 18  แต่ด้วยดีกรีทีมชาติทำให้พวกเขาขึ้นมายึดตำแหน่งตัวสำรองบนม้านั่งข้างสนามอย่างเป็นทางการ และสลับกับการลงตัวจริงในบางนัด

             แต่เจ้าโป้งที่เป็นผู้เล่นแนวรุก ถ้าจะนับนัดที่ได้ลง ก็เรียกได้ว่าลงสนามเกือบทุกนัดที่มีรายชื่อในสิบเจ็ดผู้เล่นที่มีสิทธิลง สนาม ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงสิบเอ็ดตัว หรือหกตัวสำรอง โค้ชก็มักต้องเอามันลงไปป่วนผู้เล่นฝั่งตรงข้ามเสมอทุกนัด.. สุดแต่ว่าจะลงนานแค่ไหนเท่านั้นเอง

             สำหรับคู่แข่งไอ้โป้งคือหายยะนะ.. ลงมาทีไร วิ่งไล่กันอลหม่านทุกที

             ส่วนโกลด้วยความที่เป็นผู้รักษาประตู แม้จะมีรายชื่อตัวสำรองตลอดเช่นกัน แต่ได้ลงเฉพาะบางนัดที่จำเป็นอย่างผู้รักษาประตูตัวหลัก พี่ประทีปบาดเจ็บ หรือเป็นนัดที่คู่ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ยังนับว่าเป็นผู้รักษาประตูมืออันดับสองของทีมอย่างแน่นอนแล้ว

      ปีนี้ทีมของโกลยังยืนอยู่อันดับหนึ่งด้วยแต้มที่เหนือกว่าทีมปราสาทหิน ยูไนเต็ดเพียงแต้มเดียว ดังนั้นทุกนัดจึงเป็นเหมือนนัดชิงแชมป์เพราะหากพลาดเมื่อไหร่ ก็มีหวังร่วงตกบัลลังก์จ่าฝูงเพราะอีกทีมจะทำคะแนนแซงขึ้นไปทันที

             และการแข่งขันในอาทิตย์นี้นัดก็สำคัญอีกนัดหนึ่ง เพราะเป็นการไปเยือนถึงเมืองนนท์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับสามที่ตามหลังปราสาทหินอยู่สองแต้มและทีมของพวกเขาอยู่สามแต้ม ในขณะที่จำนวนนัดที่แข่งขันเหลืออีกเพียงสองนัด

             ถ้าหากยูเนียนไปชนะถึงบ้านของเมืองนนท์ได้ก็เท่ากับนัดที่เหลือก็มีแค่พวก เขากับปราสาทหิน ยูไนเต็ดเท่านั้นที่จะสามารถเป็นแชมป์ได้

            และเพราะเป็นนัดสำคัญ ดังนั้นการเดินทางไปแข่งที่นนทบุรีวันนี้จึงเป็นการเดินทางทางอากาศแทนจะ เป็นรถบัสเหมือนทุกครั้ง เพราะประธานสโมสรคือลุงอำนาจต้องการให้นักเตะของเขามีสภาพพร้อมที่สุด

            ดังนั้นหลังจากวิ่งเสร็จแล้วสองหนุ่มก็ต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปสนามบิน

           

            วันนี้สนามของเมืองนนท์ ยูไนเต็ดกระหึ่มไปด้วยเสียงเชียร์ของกองเชียร์เจ้าบ้าน เพราะนี่คือนัดสำคัญ ถ้าพวกเขาชนะได้ โอกาสเป็นแชมป์ก็ยังมี เพราะนัดสุดท้ายพวกเขาจะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของปราสาทหิน ยูไนเต็ด ชนะได้สองนัดพวกเขาก็คือแชมเปี้ยน..

            แล้วการแข่งขันก็เริ่มต้นและเป็นใจให้แก่ทีมเจ้าบ้านอย่างเหลือเกิน...เพราะตอนนี้พวกเขาขึ้นนำสองประตูต่อหนึ่ง

     สำหรับภูเก็ต ยูเนียนนี่คือสกอร์ที่เจ็บปวด เพราะคู่แข่งได้ประตูจากลูกจุดโทษกังขาทั้งสองลูก แต่ยังดีที่บรรณ ศูนย์หน้าตัวเก่งยิงคืนมาได้หนึ่งลูก ซึ่งจริงควรจะเป็นสองแต่ถูกยกธงล้ำหน้าตัดสินเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนหนึ่งลูก

            โป้งยืนกระสับกระส่ายและกระโดดดึ่งๆอยู่ข้างสนาม โกลหันไปมองหน้านึกอยากจะกอดมันไว้ เพราะมันดูเหมือนพร้อมจะเต้นเสียให้ได้ในทุกจังหวะที่การแข่งขันเป็นไปอย่าง ตื่นเต้น         

           แต่โป้งก็ควรจะตื่นเต้นนั้นหละ เพราะเวลาเหลือเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้นด้วย..

           แล้วโค้ชมีสเตอร์ฮัลเซย์ก็หันมาบอกให้โป้งออกไปวอร์ม โป้งหันมามองหน้าขอกำลังใจจากโกลก่อนจะออกไปวิ่ง

           โกลมองตามร่างเพรียวไป.. เจ้าโป้งเก่งกาจ.. เรื่องอื่นมันอาจไม่ได้เรื่องได้ราว.. แต่เวลามันอยู่กับลูกฟุตบอลนั่นเป็นคนละเรื่อง.. นักเตะมากพรสวรรค์และขยันซ้อมคนนี้จะกลายเป็นตัวพลิกสถานการณ์ได้อย่างน่า อัศจรรย์เสมอ

            พอโป้งได้ลงสนามก็ป่วนกองหลังของเมืองนนท์จนเสียกระบวน แม้กองหลังของเมืองนนท์จะมีตัวทีมชาติชุดใหญ่อยู่หลายตัว

     แถมโป้งยังส่งลูกเข้าประตูไปได้จากจังหวะแย่งกับกองหลังในเขตโทษ แต่กรรมการก็เป่าให้เป็นการฟาวล์ของโป้งทั้งที่โป้งไม่ทำอะไร แถมเป็นฝ่ายโดนเบียด

            นั่นทำให้โสดากัปตันทีมผู้เยือกเย็นถึงกับต้องไปประท้วงจนโดนใบเหลืองไปอีกคน

           

             แล้วในจังหวะต่อมาก็เกิดการชุลมุนกันกลางสนาม เมื่อกองกลางของเมืองนนท์ปะทะกับสำราญที่กลางสนาม ทั้งสองเกือบจะมีเรื่องกัน แต่โป้งอยู่ใกล้ก็เลยไปดึงเอวพี่ราญของเขาออกมาได้เสียก่อน

                 “แม่งควาย” สำราญกล่าวอย่างมีอารมณ์

                 “ใจเย็นๆพี่” โป้งว่า

            โกลถอนหายใจอย่างอ่อนใจในกรรมการ.. เมืองนนท์มีข่าวไม่ดีกับเรื่องการที่กรรมการมักจะเข้าข้างมาโดยตลอด... ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เขาคาดหมายจะได้เจออยู่แล้ว...

              จังหวะนั้นกองกลางของเมืองนนท์ได้ลูกบอลไปเพราะกรรมการเห็นว่าเป็นการฟาวล์ของ สำราญ เขาเห็นว่ายูเนี่ยนยังไม่ได้ตั้งเกมจะรับ เขาก็ถือโอกาสจ่ายลูกออกไป โดยไม่ได้รอกรรมการเป่าให้สัญญาณ

               “เหี้ยละ..” โสดาร้องออกมา แล้วรีบวิ่งไปทันที

              กองกลางเมืองนนท์ที่ได้ลูกต่อไป มองไปข้างหน้า เห็นกองหน้าวิ่งทำทางไป.. กำลังจะจ่ายลูกไปให้อย่างรวดเร็ว  แต่พอเตะออกไป

              โป้งพุ่งเข้าไปในจังหวะที่ลูกพึ่งออกจากเท้าของคู่แข่ง เขาใช้เท้าขวางลูกบอลไว้ได้กลางอากาศ

              ลูกบอลกระดอนไปหา สำราญที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็แตะรับไว้ได้ด้วยเท้าซ้ายแล้วเลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว

              กองกลางที่เสียบอลก็รีบวิ่งตาม กองหลังของเมืองนนท์ผวาเข้ามาประกบ

              แต่สำราญมองซ้าย เตะลูกออกไปทางซ้ายในลักษณะนำไปข้างหน้า

              โป้งที่วิ่งมาทางซ้ายตั้งแต่แรกแล้ว จึงทันลูกที่ก่อนจะถึงกรอบเขตโทษราวสิบหลา

              โป้งทำเหมือนจะวิ่งเฉียงออกไปที่มุมธงด้านซ้าย กองหลังจึงรีบวิ่งตามไป แต่พลันเขาก็เอาข้างเท้าซ้ายเตะแปลูกไปทางขวา ส่งลูกบอลให้วิ่งเข้าไปตรงกลางหน้าประตูของเมืองนนท์

             บรรณวิ่งมายืนรออยู่แล้ว สับเท้ายิงอย่างแรงจากริมกรอบเขตโทษด้านหน้าประตูพอดี

     ผู้รักษาประตูพยายามพุ่งตัวไป แต่การปัดป้องนั้นทำได้แค่ปลายมือเท่านั้น

     ลูกบอลจึงยังพุ่งเข้าประตูไปอย่างงดงาม..

            กองเชียร์ทีมยูเนี่ยนซึ่งส่งเสียงเฮกันลั่นสนาม...

            อำนาจที่นั่งอยู่กับประธานสโมสรเมืองนนท์แม้สะใจก็แกล้งทำเป็นนิ่งเฉย แล้วกลับไปชวนสนทนาเรื่องที่สนใจจะซื้อนักเตะของเมืองนนท์แทน

            โกลหันไปมองสกอร์บอร์ด เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น

            แล้ว มีสเตอร์ฮัลเซย์ก็เปลี่ยนตัวอีก เป็นการเปลี่ยนเอากองหลังลงไปเพิ่มหนึ่งตัว โดยเปลี่ยนบรรณออกไป แล้วโป้งก็ได้รับคำสั่งให้ยืนห้อยเป็นกองหน้าอยู่ตัว เดียว

            นั่นทำให้ดูเหมือนทีมยูเนียนจะพอใจกับผลเสมอ

            แต่กรรมการยกป้ายทดเวลาหกนาที..

          “เอา..” โป้งร้องออกมาตอนหันไปเห็นป้ายพอดี

          “ทดบ้าอะไรหกนาที” ชายหนุ่มผิวสองสีดวงหน้าคมหล่อที่มาชมเกมในสนามบ่นออกมากับกองเชียร์ยูเนียน เขาอยู่ในชุดของครูของโรงเรียนเอกชน

    อรรถเป็นครูพละโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ในย่านนั้น เขาได้ตำแหน่งนี้เพราะทักษะเชิงฟุตบอลของเขานั้นเอง

     แต่ข้างตัวของเขาอีกข้างหนึ่ง มีหนุ่มน้อยคนหนึ่ง เขากำลังมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง รอยยิ้มปรากฏออกมา เด็กคนนี้สวมเสื้อของทีมชาติไทย แต่เป็นหมายเลขสิบห้าของโป้ง..

 “ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร..” เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมา

ภูเก็ต ยูเนี่ยนตั้งโซนในแดนตัวเองอย่างเหนียวแน่ แต่การบุกของเมืองนนท์ก็เป็นไปอย่างดุดัน สมกับที่มีตัวผู้เล่นชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติ

ฮัลเซย์ปลดหูฟังออก แล้วเดินไปกอดอกข้างโกลที่ยืนลุ้นอยู่ข้างสนาม

โกลหันมองหน้าฮัลเซย์ รู้สึกแปลกใจที่ฮัลเซย์ยังดูสงบผิดกับบุคลิกของเขา  เพราะถ้าเสมอแล้วก็ ให้นัดที่เหลือต้องลำบากหนักแน่นอน.. หรือว่า..

กองกลางตัวต่างชาติของเมืองนนท์ เห็นภูเก็ต ยูเนียนตั้งรับกันแน่นหนา ก็จนปัญญาจะหาช่องจ่ายบอล  เขาคิดว่ายังไงก็คงเสมอแน่แล้วเพราะที่ทดเวลามาเนิ่นนานจนน่าก็จะใกล้หมดเต็มที

“เอาเถอะ.. เสมอก็โอเคหละ” เขากล่าวเป็นภาษาบ้านตัวเอง จังหวะนั้นกองกลางกัปตันทีมของภูเก็ต ยูเนี่ยนวิ่งบีบเข้ามาพอดี เขาเลยเตะบอลไปทางซ้ายเพื่อจะคืนไปให้กองหลัง

       กองหลังที่อยู่กับทีมมาเนิ่นนาน เคยสัมผัสกับความสำเร็จสูงสุดมากแล้ว.. แต่ปีนี้เขาอาจจะเล่นได้เป็นปีสุดท้ายเท่านั้น  เขาอยากได้แชมป์อีกสักครั้งหลังสโมสรร้างจากตำแหน่งนี้มาหลายปี ผลเสมอย่อมไม่เพียงพอ

ระหว่างลูกบอลวิ่งเรียดมา เขาจึงมองไปข้างหน้าด้วยเพื่อหาตัวจะเปิดกลับเข้าไปเพื่อเดินเกมรุกต่อไป

แต่ลูกไม่มา..

ร่างหนึ่งปรากฏตัวอย่างรวดเร็วด้วยฝีเท้าที่เร็วจัด เขาอ่านล่วงเอาไว้แล้วว่าจะมีการเตะลูกคืนหลัง

โป้งจึงวิ่งปราดออกมา แล้วเข้าถึงลูกที่กำลังเดินทางบนพื้นสนามเสียก่อนมันจะไปถึงจุดหมาย

โป้งเตะมันไปข้างหน้าแล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว..

 “เฮ้ย..” กองหลังจอมเก๋าของเมืองนนท์ร้องออกมา เขาเป็นตัวสุดท้ายแล้ว ด้านหลังคือพื้นที่ว่างและผู้รักษาประตู

“อย่านะไอ้เด็กเปรต..” เขารีบวิ่งตามไป

โป้งทะยานไปข้างหน้าเหมือนจรวดทางเรียบ ชั่วขณะเดียวเขาก็มาถึงกรอบเขตโทษ

ผู้รักษาประตูทีมชาติทีมชาติมากประสบการณ์เห็นโป้งเข้ามาในระยะประชิด เขาตัดสินใจวิ่งออกมา

จะปักหลักล่อเป้ากับไอ้โป้ง.. ก็คือ การยืนให้มันหลอกยิงเท่านั้นเอง..

โป้งเห็นดังนั้น จึงเปิดหน้าเท้าที่กำลังจะสัมผัสบอลให้มากขึ้น ทำเช่นนั้นเมื่อเท้าซ้ายของเขาสัมผัสโดนลูก มันจึงเปลี่ยนทิศทางไปทางขวา  โป้งจึงพลิกตัวตามไปอย่างรวดเร็ว

เสียท่ามัน.. ผู้รักษาประตูบอกตัวเองตอนที่เขายั้งเท้า หันมองไปที่ร่างซึ่งวิ่งไปทางขวา

ต่อหน้าของเขา เด็กหนุ่มร่างเพรียวง้างเท้าขวา ระเบียบร่างกายของเขางดงามนักในแสงของสปอร์ตไลท์.. ในชั่วพริบตานั้น.. เขาเหมือนได้เห็นนักเตะรุ่นพี่ของเขาที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเล่นฟุตบอล..

เงาของเทพฤทธิ์ผู้บิดา ซ้อนกับโป้ง เทพพรลูกชาย เป็นภาพมายาในหัวของชายหนุ่ม

โป้งเตะลูกออกไปตรงๆ ลูกบอลก็พุ่งผ่านปากประตูและกระแทกกับตาข่าย

 “แชมเปี้ยน...” เด็กหนุ่มในชุดหมายเลขสิบห้าตะโกนออกมาคนแรกในหมู่กองเชียร์

 “ปราสาทหินแพ้.. เราเป็นแชมป์แล้ว...”

ดังนั้นเสียงเฮของกองเชียร์ของยูเนียนจึงเบาลงไปหลายส่วน เพราะหลายคนรีบเอาโทรศัพท์ของตนมาตรวจสอบผลฟุตบอลผ่านเว็ป รวมทั้งอรรถ..

กรรมกรเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันในชั่วอึดใจต่อมา

ฮัลเซย์หันมาตบบ่าโกล..

 “We are the Champion, โกล” ฮัลเซย์กล่าว

 “ปราสาทหินแพ้”


(เพราะ ปราสาทหินแพ้ไม้ได้แต้ม แต่ยูเนียนชนะได้สามแต้ม บวกกับที่นำอยู่หนึ่งแต้มก็เท่ากับนำไปเป็น 4 แต้ม แต่การแข่งขันเหลืออีกหนึ่งนัด ยูเนียนเป็นแชมป์ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ในนัดสุดท้ายก็ตาม)


โกลอึ้งอยู่ชั่วขณะ เขากำลังสับสนเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก

เขาหันไปมองโป้งที่กำลังเดินไปจับมือกับกองหลังรุ่นพี่ที่กำลังทำท่าเหมือนบีบ คอโป้ง แต่ก็เป็นกิริยาที่มาจากความเอ็นดูมากกว่าโกรธเคือง

 “พี่..” โกลเรียกโสดาที่เดินกลับมาที่ม้านั่งสำรองเพื่อจะเอาขวดน้ำ เขาบอกออกไปอย่างทั้งที่ยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นฉับพลัน.

 “ปราสาทหินแพ้.. เราเป็นแชมป์แล้ว”

โสดาชะงัก..นิ่งไปบ้าง

แล้วโกลเป็นฝ่ายได้สติ เขาวิ่งออกไป

โป้งงงเพราะในสนามเปลี่ยนแปลงบรรยากาศไปอย่างฉับพลัน  บนอัฒจันทร์กองเชียร์ของภูเก็ต ยูเนียนกำลังร้อง We are The champion เสียงสนั่น

 “โป้ง..” เสียงโกลเรียก แล้วร่างสูงๆก็วิ่งเขามากระโดดกอดจนโป้งล้มลงไป

 “เราเป็นแชมป์โป้ง เราเป็นแชมป์”

โป้งมองหน้าโกลที่อยู่เหนือร่างเขาอย่างงงๆ ใบหน้านั้นตื่นเต้นอย่างสุดขีด..

โกลรีบลุกแล้วดึงโป้งให้ลุกบ้าง  จากนั้นบรรดาเพื่อนร่วมทีมก็วิ่งมาหาโป้งแล้วก็จับรุมจับโป้งขึ้นแห่โดยให้ขี่หลังโกล  แต่โป้งก็ยังงงๆ มึนๆ

 “อะไรวะ.. ได้ไง.. ก็ยังเหลืออีกหนึ่งนัด..” โป้งยังคิดไม่ทันตามภาษาคนเข้าใจอะไรยาก.. แล้วยังมาตื้อไปหมดเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นฉับพลัน..

 “เดี่ยวๆพี่ อะไร.. ทำไมหละ โป้งงง ใครอธิบายให้ฟังหน่อย..” โป้งกล่าวทั้งหัวโยกหัวคลอนเพราโกลไม่ได้แห่เฉยๆแต่โยกตัวไปด้วย..

แต่ไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรเพราะพวกเขากำลังดีใจสุดขีด  กองเชียร์ของเมืองนนท์เองเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เริ่มลุกขึ้นปรบมือให้กับว่าที่แชมป์เปี้ยนทีมใหม่ของไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก

ภูเก็ต ยูเนียน เอฟซี...

                     

ก้านเพชรกับวู๊ดเป็นนักฟุตบอลของทีมภูเก็ตเอฟซี ทีมในลีกวัน(ดิวิชั้นหนึ่ง) ที่กำลังลุ้นอันดับมาขึ้นมาเล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก  แต่พวกเขาแข่งไปเมื่อวานแล้ว วันนี้สองคนก็เลยว่างและมาเปิดโทรทัศน์ดูฟุตบอลนัดสำคัญของของสองสหาย โกลและโป้ง..

ทั้งสองหันมามองหน้ากันเพราะภาพของโป้งที่กล้องจับ เขาเหมือนกำลังพยายามจะถามอะไรใครสักคนมากกว่าดีใจ

 “สงสัยมันยังไม่รู้ตัวว่าเป็นคนยิงประตูชัยของฤดูกาล..” วู๊ดส่ายหัวดุกดิก..

“ไอ้โป้งมันเก่งเฉพาะตอนอยู่กับลูกบอล.. นอกนั้นมันเอ๋อ..”

“สุดยอดครับ นี่คืออนาคตแห่งวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง.. โป้ง..เทพพร.. เขายิงประตูชัยให้ทีมยูเนียนเป็นแชมป์สมัยแรกของพวกเขา และยังเป็นการโค่นบัลลังก์ของอดีตแชมป์ทั้งสองทีมในสนามของเมืองนนท์ ยูไนเต็ดหนึ่งในอดีตแชมป์อีกด้วย  สุดยอดครับภูเก็ต ยูเนียน..” ผู้บรรยายกล่าวชื่นชม


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:37:12
 ตอนที่สอง โกล: ความสับสนเมื่อเดินมาถึงทางเลือกสำคัญของชีวิต..
            แม้จะทราบแล้วว่าทีมได้เป็นแชมป์อย่างแน่นอนแล้วแต่บรรยากาศในการฝึกซ้อมยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม โกลกับโป้งยังคงต้องออกมาซ้อมเดียวแยกต่างหากเหมือนทุกวัน

            โกลวิ่งไปแตะเส้นเขตผู้รักษาประตูแล้ววิ่งกลับมาแตะเส้นประตูสามรอบ แล้วก็ตั้งหลักซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกบอลที่มาจากโป้งลอยข้ามกำแหงที่อุปสรรค์ที่ตั้งเป็นแถบยาวจนมองไม่เห็นคนเตะ

            แต่กระนั้นโกลก็ยังรับลูกไว้ได้ติดมือแล้วก็วิ่งไปกลับเส้นผู้รักษาประตูกับเส้นประตูอีกสามรอบเหมือนเดิม แล้วก็มารอรับลูกที่ข้ามกำแพงมาเหมือนเดิม

            อีกฝากเจ้าโป้งก็ต้องวิ่งไปที่วงกลมกลางสนามแล้ววิ่งกลับมาเพื่อเตะลูกให้ลอยข้ามกำแพง พอเตะไปแล้วกิวิ่งไปแล้ววิ่งกลับมาเตะเหมือนเดิมอีก โดยมีทวีเป็นคนเขี่ยลูกออกไประยะต่างๆเพื่อให้โป้งเข้าเตะ

            “แบบนี้หละมั๊งที่ทำให้สองคนนี้พัฒนาไปเร็วมาก” คนกล่าวคือการันต์ วันนี้การันต์มีธุระต้องมาทำที่ภูเก็ตก็เลยถือโอกาสมาดูหลานชายตัวเก่งซ้อมเสียหน่อย

            “แต่พี่อ่ำก็โหดเหมือนกันนะนี่..” อุดมผู้ช่วยของการันต์กล่าว

            “ยังเด็กแท้ๆน่าสงสารเหมือนกัน.. ไอ้โป้งนี่มันคงมีกรรมกับฟุตบอล ตอนอยู่กับพ่อ พ่อมันก็เคี่ยวซะ ขนาดจะให้กินข้าวยังต้องเดาะบอลสี่สิบทีก่อนกิน”

            อุดมเป็นอีกหนึ่งคนที่สนิทสนมกับครอบครัวของโป้ง กล่าวและโคลงหัวเมือนึกถึงความหลัง

            “ทุกความสำเร็จเกิดขึ้นจากการฝึกฝนอย่างหนักทั้งนั้นหละ” การันต์กล่าว

 (บอกกล่าว.. พอดีตอนจะส่งเรื่องโป้งไปประกวด ได้เจอว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญเรื่องของชื่ตัวผู้ฝึกสอนทีมชาติชุดใหญ่ หรือหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย.. โดยผมสับสนไปหลายตอนเพราะตัวละครตัวหนึ่งมีชื่อคล้ายกันคือกานต์.. ดังนั้นเมื่อแก้ไขต้นฉบับแล้ว ผมก็ต้องขออภัยด้วย.. จริงๆโค้ชทีมชาติชื่อการันต์ ส่วนเลขาของพรรณพงศ์ชื่อกานต์ครับผม)

          ในนัดสุดท้ายเป็นการพบกับเชียงรายยูไนเต็ดในสนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ตเอง ดังนั้นบรรยากาศในสนามจึงล้นหลามไปด้วยแฟนของทีมที่ต้องการจะมาร่วมฉลองแชมป์แรกของสโมสร

            หนุ่มผิวเข้มมองไปที่ถ้วยไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีกที่ตั้งเป็นสง่าบนอัฒจันทร์ฝั่งที่มีเหล่าวีไอพีนั่ง แถมแฟนฟุตบอลที่แออัดกันในสนามส่งเสียงเชียร์กระหึ่มสนาม ร้องเพลงของสโมสรที่ประพันธ์นักแต่งเพลงชื่อดังชาวภูเก็ต

            บรรยากาศสุดยอด.. เขากล่าวกับตัวเอง น่าอิจฉานายโป้งเพื่อนเก่าจริงๆที่ได้เล่นกับสโมสรแห่งนี้

            ใกล้เวลาที่นักเตะตัวจริงจะลงสนาม เด็กหนุ่มก็ต้องออกไปจากสนามหญ้าเพื่อให้พิธีการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น

            นักเดะสิบเอ็ดตัวจริงของทั้งสองทีมเดินตามกรรมการออกจากอุโมงค์ลงไปในสนามแข่งขัน ท่ามกล่างเสียงกองเชียร์ปรบมือกึกก้อง ธงรูปหมาป่าแสดงอาการกระโจนโดยมีแผ่นที่ของจังหวัดภูเก็ตเป็นฉากหลังโปกสะบัดไปทุกทิศทาง เพราะสมญาหนึ่งของยูเนียน คือหมาป่าแห่งอันดามัน..

            แล้วมือมีการแนะนำนักฟุตบอลทั้งสองทีม มาถึงเจ้าหนุ่มร่างเพรียว แฟนบอลก็ลุกขึ้นยืนแขนออกมาข้างหน้า ชูนิ้วโป้ง แล้วส่งเสียง...

            “โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง”

            เด็กหนุ่มมองภาพนั้นอดไม่ได้ที่จะขนลุกเกรียว.. เขามองไปที่ร่างเพรียวนั่น.. เขาคิดไว้แล้วว่าสักวันต้องได้เห็นโป้งเป็นอย่างวันนี้.. นายคนนี้ฝ่าฟันบนเส้นทางฟุตบอลด้วยความขยันหนั่นเพียรและใจรักในกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริง..

          โกลสำรวจตาข่ายด้วยตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเอาขวดน้ำไปตั้งอยู่ด้านหลังเสาด้านนอกตาข่าย จากนั้นเขาก็วิ่งยกขาสูงอยู่กับที่อีก แล้วก็บิดกายไปซ้ายขวาเพื่อเหยียดร่างกายอีกครั้ง

            พอดีโสดาหันมามองหน้า เขายกนิ้วโป้งเป็นการบอกว่าพร้อม แล้วเขาก็หันไปหานายโป้งที่หันมายิ้ม

            เขาก็ยิ้มตอบ.. เท่านั้นเหมือนทุกนัด.. แต่ก็เพียงพอจะทำให้หัวใจสองดวงเต็มล้นไปด้วยกำลังใจ

            พอกรรมการเป่านกหวีด ทีมเชียงรายยูไนเต็ดก็เริ่มเขี่ยบอล..

            โจมตีเร็วเลยนะ โกลมองตามลูกบอลที่ถูกเตะส่งกันมาอย่างรวดเร็ว แล้วพลัน.. คงเพราะยังไม่ได้ตั้งหลัก กองหลังของยูเนียนก็เผลอไผลปล่อยให้ศูนย์หน้าของเชียงรายยูไนเต็ดหลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษคนเดียว

            เขาสับไกยิงทันที

            ทว่าโกลพร้อมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นแม้จะเป็นการยิงในระยะประชิดเขาก็ยังพุ่งตัวไปรับไว้ได้ ล้มลงกอดลูกไว้แน่น เหลือบตามองศูนย์หน้าที่ขยับมาใกล้

            พอเห็นนายนั้นถอยหลังไป

            โกลก็ลุกขึ้นแล้ว เห็นพี่โสดายกมือให้สัญญาณว่าให้ดึงเกมช้า เขาก็เลยโยนลูกไปหาแบ็กขวาเพื่อให้ส่งต่อไปทำเกมอย่างไม่เร่งรีบ

            เชียงรายต้องการสามแต้มอย่างแน่นอน เพราะพวกเขากำลังลุ้นให้ดีกว่าฤดูกาลที่แล้ว แต่ยูเนียนก็ไม่ยอมแพ้ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองแน่นอนในวันสำคัญ

            ดังนั้นการแข่งขันจึงดำเนินไปอย่างสนุกด้วยจังหวะตอบโต้กันอย่างรวดเร็ว

            โป้งแม้จะโดนกองกลางตัวรับของเชียงรายวิ่งประกบตลอดแต่เขาก็ยังเอาตัวรอดไปได้หลายต่อหลายครั้ง จนเห็นได้ชัดว่าพี่สมบูรณ์ไม่สามารถจัดการกับความเร็วและความคล่องตัวของโป้งได้

            “ไม้เมือง” โค้ชหันมองหน้าเด็กหนุ่มผิวเข้ม

            “นายเอาอยู่ไหม..เคยเล่นด้วยกัน”

            ไม้เมืองนิ่ง.. สมัยก่อนเขาก็ไม่เคยจับโป้งทันอยู่แล้ว.. ถึงตอนนี้จะเก่งขึ้นตามวัย แต่โป้งก็ยิ่งก้าวกระโดดไปไกลกว่า

             ตอนนี้จังหวะการเคลื่อนที่ของโป้งจับทางไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ แต่ก็ช่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างฉับพลันกะทันหัน

            แต่ไม้เมืองยังไม่ทันได้ตอบ ในสนามก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น..

            สิ่งที่ไม้เมืองพลาดไป คือโป้งพลิกตัวหนีสมบูรณ์ด้วยการเดาะบอลไปด้วยหมุนตัวไปด้วยสามจังหวะ จากนั้นก็พาลูกวิ่งไปหากรอบเขตโทษ

            สิ่งที่ไม้เมืองได้เห็นคือโป้งวิ่งทะลุผ่านแนวรับของทีมเชียงรายเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วสับเท้ายิงถนัดถนี่..

            จังหวะแรกผู้รักษาประตูเชียงรายบล็อกออกมาได้ แต่ลูกกระดอนกลับมาตกที่เท้าของโป้ง เขาก็เตะแปด้วยเท้าซ้ายเรียดพื้น เปลี่ยนทางหนีตัวผู้รักษาประตู ข้ามเส้นเข้าประตูไป..

            สนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ตสะเทือนไหวอีกครั้งด้วยการโห่ร้องของแฟนบอลสองหมื่นคนในสนาม

            โกลต้องออกแรงบ่อยๆหลังจากนั้น เพราะเชียงรายยูไนเต็ด เดินเกมบุกเต็มกำลังเพื่อจะยิงประตูคืนให้ได้

            แต่แม้จะโดนทั้งโยนมาให้ผู้เล่นเข้าโหม่งจ่อๆ และยิงทั้งระยะใกล้ไกล โกลก็ยังไม่พลาดเขา สามารถป้องกันไว้ได้หมด

            สำหรับไม้เมือง โกลก็พัฒนาไปอย่างมากเช่นกัน..

            เขามองโกลกระโดดตัดจังหวะลูกเตะมุมไว้อย่างไม่พลาด นายคนนี้มีสมาธิก้บการแข่งขันอย่างเหลือเชื่อ..

            แต่แล้วในตอนนั้น ฉิบหายแล้ว.. เพราะโกลกำลังมองไกล..

            แล้วโกลก็ขว้างลูกบอลออกไปอย่างแรง...

            ลูกบอลจากโกลไปถึงโป้งที่ยืนอยู่นอกกรอบเขตโทษ เขาพาลูกวิ่งขึ้นไปผ่านเส้นครึ่งสนาม

            ตัวผู้เล่นของเชียงรายเข้ามาหาพร้อมกันสองตัว แต่โป้งมองไกลไปเห็นสำราญวิ่งไปทางขวา

            เขาก็เลยเตะโด่งโค้งไปหา

            สำราญวิ่งมาถึงจุดที่ลูกจะมาถึงซึ่งเป็นด้านข้างของกรอบเขตโทษ เขาปักหลักมั่นแล้วโหม่งให้ลูกบอลลอยตัดขวางกรอบเขตโทษ

            พอเห็นบรรณวิ่งแข่งกับกองหลังมา ผู้รักษาประตูเชียงรายก็พุ่งออกมาเพื่อจะรับลูกให้ได้ก่อน

            ทั้งสามคนมีเป้าหมายที่ลูกบอลที่ลอยอยู่ในอากาศ..

            แต่เป็นบรรณที่พุ่งตัวออกไปแล้วโหม่งได้ก่อน ลูกบอลจึงพุ่งไปทางขวา กระแทกเสาประตูย้อนไปทางซ้าย..แล้วกระดอนพื้น เด้งเข้าประตูไป..

            “สามจังหวะเป็นประตู..” ไม้เมืองคราง...   

            “ก็สมเป็นแชมป์ล่ะ” โค้ชเชียงรายกล่าว แล้วเขาก็หยิบสมุดมาจดอะไรบางอย่างแล้วเดินกลับไปนั่ง

 

            ผ่านเข้าครึ่งหลังเกมก็ผ่อนคลายแล้วลงนิดหน่อย

            แล้วพอท้ายเกมประมาณนาทีแปดสิบ โป้งก็โดนเปลี่ยนออกโดยต้องสวนทางกับไม้เมือง

            สองคนเห็นหน้ากันก็กอดกันทีหนึ่งแล้วก็วิ่งไปคนละทาง

            พอเปลี่ยนไม้เมืองลงไป เกมรุกของเชียงรายก็ดูคืนกลับสู่ชีวิตชีวาอีกครั้ง

            ไม้เมืองมองเห็นช่องที่ส่งลูกผ่านกองหลังของยูเนียนเข้าไป ศูนย์หน้าของทีมจึงได้โอกาสยิงในระยะประชิดอีกครั้ง แต่โกลชกมันออกไปด้วยสองกำปั้น

     ลูกลอยมาถึงไม้เมืองที่วิ่งมาพอดี เขาสับเท้ายิงเต็มข้อ

            ลูกบอลพุ่งมาอย่างรวดเร็ว โกลตั้งท่าไว้รออยู่แล้ว ลูกยิงของไม้เมืองเร็วและแรง แต่โกลสไลด์ตัวไปแล้วพุ่งไปคว้าไว้ได้ด้วยสองมือ

            ไม้เมืองเห็นดังนั้นก็รีบถอย เพราะแม้ไม่มีโป้งในสนาม โกลก็ยังสามารถเตะลูกออกไปได้ไกล และแม่นยำไปให้กองหน้า หากมัวละล้าละลัง มีหวังโดนสวนกลับ

            แต่โกลไม่ได้ทำอย่างนั้นเขากลับกลิ้งบอลให้ผู้เล่นกองหลัง เพื่อให้ส่งต่อไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เพราะต้องการเผาเวลา

            พอลูกออกไปพ้นหน้าประตูแล้วโกลก็หันไปมองข้างสนาม เห็นโป้งที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไป ยืนกระสับกระส่ายคงจะลุ้นให้หมดเวลาเร็วๆ เขากระโดดกระดึ่งๆอยู่กับที่

            โกลยิ้มแล้วหันมามองในสนาม สักครู่หนึ่งทีมเชียงราย ยูไนเต็ดก็เร่งเครื่องเฮือกใหญ่สมศักดิ์นักสู้  พวกเขาดาหน้ากันเข้ามา

            ถ่ายบอลกันไปมาเพื่อหาโอกาสจะยิงคืนให้ได้สักลูก..

            แต่โกลมีแผนละคนอย่าง.. เขาไม่ประมาทจะปล่อยให้ตีไข่แตก ดังนั้นเมื่อคู่แข่งเปลี่ยนไปบุกจากกราบซ้าย แล้วโยนลูกมาตรงกลางประตู

            โกลที่มองลูกอยู่ตลอดจึงกระโดดสูงกว่าใคร ตะปบลูกบอลด้วยสองมือแล้วลงพื้นอย่างนิ่มนวล จากนั้นก็เงื้อแขนแล้วขวางไกลไปหาอาวุธศูนย์หน้าสำรอง

            อาวุธดักลูกบอลที่กระดอนพื้นหนึ่งจังหวะแล้วก็พลิกตัวหมายจะวิ่งไปหาแดนคู่แข่ง

            แต่กรรมการเป่านกหวีดยาวเป็นสัญญาณการสิ้นสุดการแข่งขัน และสิ้นสุดฤดูการไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก

            สนามยูเนี่ยน ออฟ ภูเก็ตแม้จะมีโครงสร้างแข็งแรง ก็ยังต้องสะเทือนไหว... เสียงเฮของผู้ชมได้ยินไปไกลเพราะคนสองหมื่นเศษพร้อมในกันส่งเสียงขึ้นต้อนรับชัยชนะครั้งแรกของทีมรัก

            ที่ไม่ได้เข้ามาในสนามอยู่ที่บ้าน ร้านอาหาร บาร์เหล้า ก็ร้องออกมาด้วยความยินดี..

           

            อำนาจกับนามมินทร์ยืนปรบมือมองไปที่แท่นพิธีมอบรางวัล  โสดาชูถ้วยขึ้นเหนือหัวแล้วก็มีพลุไฟยิงขึ้นจากด้านหลัง กระดาษสีม่วงอันหมายถึงดอกเฟื่องฟ้า และสีเหลืองที่มาจากดอกประตู่บ้าน ดอกไม้และต้นไม้ประจำจังหวัด ก็โปรยปรายลงจากทุกทิศทาง

            ธงหมาป่าแห่งอันดามันโบกไสวอย่างองอาจเหนืออัฒจันทร์ทุกด้าน แฟนบอลร่วมกันร้องเพลงประจำสโมสรจนกระหึ่มสนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ต...

            ชัยชนะเป็นรางวัลแห่งความเหนื่อยยากของการฝึกซ้อมและแข่งขัน.. ภูเก็ต ยูเนียน...

            เจ้าหมาป่าแห่งอันดามันผงาดขึ้นสู่บัลลังก์แห่งลีกสูงสุดของประเทศ...


            เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก ก็ถึงถ้วย FA CUP แต่เพราะเป็นการเจอกับทีมที่ไม่แข็งแกร่งนัก แต่หักปากกาเซียนด้วยการโค่นปราสาทหิน ยูไนเต็ดในรองชนะเลิศเข้ามา

            ดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นไปอย่างไม่สูสี และจบลงด้วยแชมป์ที่สองของภูเก็ต ยูเนียนในสนามศุภชลาศัย อันทรงเกรียติ ธงหมาป่าแห่งอันดามันจึงโบกสะบัดในเมืองหลวงเพื่อฉลองชัยชนะของทีมอีกครั้งหนึ่ง

           

            โกลแม้จะไม่ได้มองกระดานบ่อยๆ แต่เขาฟังสิ่งอาจารย์พูดตลอด มันเป็นความสามารถที่พัฒนาในวัยเยาว์ที่เขาต้องอยู่คนเดียวเสมอๆ และไม่ค่อยชอบคบหาผู้คน โกลมีสมาธิสูง และสามารถจดจ่อกับสิ่งที่เขาต้องสนใจได้อย่างน่าแปลกใจ และแม้จะถูกรบกวนเขาก็ไม่มีปัญหากับการตั้งสมาธิ

            มองไปไอ้โป้งเหมือนจะนั่งฟัง  แต่เหมือนคำพูดของอาจารย์จะผ่านหูไปอย่างไม่ได้สัมผัสกับสมอง เหมือนกับว่าระบบประสาทของโป้งพัฒนาไปกับทักษะฟุตบอลจนเหลือพื้นที่น้อยสำหรับอย่างอื่น

            แถมมันยังสมาธิแตกง่าย.. เพียงแต่เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น โป้งก็จะหันไปสนใจทันที

            หมดคาบเรียนช่วงเช้า แปลว่าโป้งกับโกลจะว่างทันที

            และเมื่อไม่มีโปรแกรมซ้อม ดังนั้นทั้งคู่ก็ต้องไปช่วยอาจารย์พละสอนเด็กนักเรียน ด้วยการเป็นลูกมือ

            โกลกำลังแสดงท่าการเลี้ยงแล้วพลิกตัวขึ้นเลย์อัพทำคะแนนในชั่วโมงบาสเก็ตบอล ซึ่งเขาก็ทำได้ดี

            “อย่างนี้นะครับ.. เดี่ยวน้องลองทำดู” โกลบอกกับนักเรียนชั้นม.ต้น

            แล้วเขาก็หันไปเห็นโป้งช่วยอาจารย์พละลากตาข่ายที่บรรจะลูกบาสเก็ตบอลออกมาพอดี

            เด็กๆเข้าแถวเรียงกันเข้ามาโดยมีโกลยืนมองอยู่ พอมีเด็กสาวคนหนึ่งทำท่าไม่ถูกเขาก็เขาเรียกตัวกลับมาใหม่ แล้วก็ออกปากขอโทษก่อนจะเอามือจับหลังของเด็กสาวเพื่อจัดท่าทางการเลี้ยงใหม่

            “ต้องทำอย่างนี้นะครับ”

            เด็กสาวอมยิ้ม เพื่อนๆส่งเสียงฮือต่ำๆอย่างอิจฉา

            พอเด็กสาวคนนั้นทำได้ตามที่โกลแนะนำ คนต่อมาก็ร้องขอบ้าง

            “พี่ค่ะหนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” เด็กสาวยิ้มกริ่มมองหน้าโกล

            “เดี่ยวพี่สอนเอง” โป้งกล่าวออกมา  เขาเข้ามายืนคั้นระหว่างโกลกับเด็กสาว

            “น้องต้องทำอย่างนี้นะครับ” โป้งแสดงท่าให้ดู

            โกลมองตาปริบๆ           

            พอสอนเสร็จโป้งก็หันมาเหลือบมองหน้า แววตาเหมือนมีแสงเขียวๆพุ่งออกมา

            โกลต้องอมยิ้ม.. อมยิ้มอย่างพอใจ


            พอเลิกเรียนโกลกับโป้งก็ไปสมทบกับพวกคฑาที่กำลังจับกลุ่มคุยกันที่ชุดม้าหินใต้ต้นไม้ข้างตึกเรียนใหญ่

            “เออ..” ตั้นนึกออก หันมามองหาโป้งที่กำลังฉีกซองขนม

            “พี่ตั้มบอกว่ามันถูกภูเก็ตเอฟซีเรียกตัวมาทดสอบ”

            “จริงอะ” โป้งทำหน้าตื่นเต้น

            โกลกลัวว่าโป้งจะตื่นเต้นจนฉีกถุงปลาเส้นขาดกระจุยก็เลยแย่งมาฉีกเสียเอง

            “ก็น่าจะได้อยู่แล้ว..”โกลบอก 

            “แต่กูก็ได้ยินข่าววงในมาว่า ไอ้ปอมันได้ไปทดสอบที่ขอนแก่นเหมือนกัน”         

            “จริงเหรอ.. “ โป้งหันมาทำตาโต

แต่สลดลงนิดหน่อยเมื่อนึกได้

“แบบนี้ก็ต้องแยกกันสิวะ”

            พอพูดถึงตรงนี้โกลมองตาโป้ง แล้วเขาก็เบือนไปอีกทาง แยกกัน.. คำนี้ทำให้หัวใจของโกลหวั่นไหวในทันที


 

            โป้งกำลังอาบน้ำ ดังนั้นโกลจึงอยู่เพียงลำพัง

            เขาเอาข้อความทางไลน์ที่พึ่งได้รับมาเมื่อเช้าอ่าน

            ข้อความจากพี่สุขี

            “มีข้อเสนอจากทีมในญี่ปุ่นมานะโกล เขาต้องการผู้รักษาประตูดาวรุ่งไปแทนคนของเขาที่ถูกดึงไปลีกเยอรมัน”

            “แต่อย่างหนึ่ง คือมีข้อเสนอจากทีมในดีวิชั่นหนึ่งในอังกฤษ เขาต้องการโป้งเล่น พี่ก็เสนอโกลไปด้วย เขาก็สนใจ แต่ปัญหาคือเขามีตัวผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูแถมเป็นดาวรุ่งมีฝีมือด้วย ดังนั้นเขาก็แจ้งเลยว่าโกลอาจจะไม่ได้ลงตัวจริงหรือตัวสำรอง อาจได้แค่อยู่ในทีมสำรอง แถมให้ค่าเหนื่อยต่ำมาก”

            “ในความเห็นของพี่.. ถ้าโกลไปญี่ปุ่น โกลมีโอกาสจะได้เป็นตัวจริงสูงมาก โอกาสพัฒนาตัวสูงมาก แต่ถ้าไปอังกฤษ โกลอาจไม่ได้ลงเล่น.. ซึ่งแน่นอนไม่ดีแน่.. มีโอกาสไปไม่รอดสูงด้วย”

            “พี่อยากให้โกลคิดดีๆ.. ไปอังกฤษหรือไปญี่ปุ่น...”

 

            พอโป้งอาบน้ำเสร็จก็เป็นตาของโกล  แต่โกลยืนให้น้ำรดหัวอยู่ในห้องน้ำ  ตอนนี้จิตใจเขาว้าวุ่นไปหมด.

            ฟุตบอลคือที่สุดของชีวิตโกล เป็นสิ่งที่ทำให้โกลรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง เขาเคยวาดฝันว่าตัวเองจะต้องไปเป็นนักเตะระดับโลกให้ได้ในสักวัน  เขาต้องพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าเขามีฝีเท้าดี..

            เขาเห็นด้วยกับพี่สุขีที่ว่าหากเขาไปญี่ปุ่น เขาจะได้โอกาสลงสนามมาก.. เพราะการได้ลงสนามคือหนทางแห่งการพัฒนาตนเองอย่างแท้จริงสำหรับนักฟุตบอล เป็นสิ่งที่การซ้อมไม่สามารถทดแทนได้เลย.. ซ้อมให้ตายแต่ลงสนามแล้วเล่นไม่ดี ก็เท่านั้น.. ดังนั้นการได้เป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอคือทางเดียวสู่การไปสู่จุดสูงสุดของนักฟุตบอล..

            แต่ถ้าเขาเลือกอย่างนั้น.. แปลว่า.. เขาต้องแยกจากโป้ง..

            โกลเงยหน้าให้น้ำรดไปหน้า.. หวังว่ามันจะช่วยดับความสับสนในใจของเขาได้


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 10-01-2016 09:40:07
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ เป็นนักฟุตบอลด้วยเราไม่ค่อยรู้เรื่องฟุตบอลเท่าไหร่ เพราะจับจ้องมองแต่นักเตะ  :hao6:
มาปูเสื่อรอค่ะ ... o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:40:40
ตอนที่สาม ความรักเหมือนพระอาทิตย์...

  สิ่งหนึ่งที่ชีวิตวัยเรียนต้องเผชิญคือการจบการศึกษาในแต่ละระดับ แม้โป้งกับโกลกับโรงเรียนแห่งนี้มีความทรงจำด้วยกันไม่มากนัก เนื่องจากเขาเหมือนมาอาศัยเรียนเพื่อให้ได้วุฒิแล้ว เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของของทั้งคู่หมดไปกับฟุตบอล

            แต่กระนั้นในวันสุดท้ายของการสอบ โกลกับโป้งก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าการที่มีเพื่อนที่โรงเรียนก็เป็นอีกชีวิตที่ทำให้ทั้งคู่ยังรู้สึกเป็นคนธรรมดาได้เป็นแค่เครื่องจักรที่เตะฟุตบอลอยู่ในสนามแต่เพียงอย่างเดียว

            และความรู้สึกตอนโดนเพื่อนรุมเขียนคำอำลาบนเสื้อมันก็ทำให้เขาทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด

            แล้วเมื่อแสงอาทิตย์ใกล้ลาขอบฟ้า โกล โป้ง คทา ตั้นและเพื่อนที่เคยร่วมก๊วนกันไปทำนั่นทำนี่ตลอดสองปีก็เดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกันๆ

            “ใจหายนะ คิดถึงว่าจากนี้ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนทุกเช้าแล้ว ชีวิตมหาวิทยาลัยก็ไม่เหมือนกัน เราคงคิดถึงเพื่อนๆทุกคนมากเลย” คฑากล่าวตอนที่ทั้งหมดหันไปมองตึกเรียนครั้งสุดท้าย

            “ที่จริงกูก็ไม่อยากให้มันมาถึงนะ.. แต่นี่คือส่วนหนึ่งของชีวิตนี่.. พวกเราต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปเพื่อเติบโต ที่สุดไม่ว่ารักกันแค่ไหน..แต่ถ้าหนทางมันไม่บรรจบกัน.. บางที่เราก็ต้องต่างคนต่างไป”

            โกลหันมองหน้าคฑา แล้วก็หันไปมองหน้าโป้ง..

            “ใช่คนเราก็ต้องจากกันอยู่ดี.. สักวันหนึ่ง.. แต่ถ้าการจากกันจะทำให้เราเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เราก็ต้องไปใช่ไหมหละ” โป้งกล่าวออกมาแล้วหันไปคฑา

            โดยที่โป้งไม่รู้คำพูดของโป้งนั้นทำให้โกลรู้สึกราวยืนอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บ..

 

            เมื่อต้องไม่ไปโรงเรียนแล้วโป้งกับโกลก็เข้าซ้อมเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ คือเริ่มซ้อมตอนเก้าโมงเช้าแล้วเลิกตอนห้าโมงเย็น  แต่ก็มักจะมีรายการฝึกพิเศษของโค้ชฮัลเซย์ในวันที่การซ้อมไม่ได้เข้มข้นมากๆ

            อย่างเช่นวันนี้

            ฮัลเซย์ยืนมองสองหนุ่มซ้อมกันอยู่สองคนในสนามซ้อม วันนี้เป็นการซ้อมลูกโหม่ง โดยทวีจะโยนลูกให้โป้งเข้าโหม่งด้วยเน้นให้โหม่งกดลงพื้นเพื่อให้กระดอนพื้นเข้าประตูในระยะประมาณห้าหลา โดยโกลเองก็ต้องปัดป้องโดยใช้ขาเท่านั้นห้ามใช้มือ

           

            พัฒนาการของโป้งเป็นอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ประทับใจฮัลเซย์ไม่น้อยคือ การพัฒนาของโกล

            โกลมีปฏิกิริยาว่องไวมาก แม้จะโดนโป้งโหม่งในระยะประชิดและเขาต้องป้องกันด้วยขาอย่างเดียว เขาก็ทำได้ดีมาก และสามารถป้องกันการโหม่งของโป้งได้หลายต่อหลายครั้ง  ก็สมกับที่อำนาจเคยเล่าให้ฟังว่าโกลในอดีตเคยเป็นกองกลางมาก่อนในสมัยยังเป็นเด็ก เขาใช้ขาได้ดีมาก..

            สิ่งที่โกลมีเป็นคุณสมบัติของผู้รักษาประตูชั้นนำของโลกมี เขามีร่างกายสูงใหญ่ การเคลื่อนที่คล่องแคล่ว สมาธิเป็นยอด และที่สำคัญคือการอ่านเกมและติดตามเกมได้อย่างดี เมื่อมารวมกับทักษะเก่าในการเตะเปิดบอล ทำให้โกลมีความสามารถที่ผู้รักษาประตูน้อยคนจะมี คือความสามารถในการพลิกเกมรับให้เป็นเป็นการรุกด้วยการส่งลูกเตะระยะไกลที่แม่นยำ.. สิ่งนี้ผู้รักษาประตูน้อยคนมากในโลกจะมี..

            ในขณะที่สปอร์ตไลท์มักจะจับมาที่โป้ง.. แต่ที่ลืมไม่ได้คือแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากทีมจะมีโป้งเป็นไม้เด็ดที่เขาส่งลงไปแก้เกมได้อย่างอัศจรรย์แล้ว ส่วนหนึ่งที่สำคัญมาจากการที่โกลทดแทนประทีปได้อย่างสมบูรณ์และสามารถเล่นเข้าขากับโป้งได้อย่างดี

            จะให้โป้งเก่งแค่ไหน แต่ในกีฬาที่ต้องใช้ความสามารถของทั้งทีม.. ผู้เล่นที่เป็นปราการด่านสุดท้ายของอย่างโกล ซึ่งสามารถปกป้องประตูได้อย่างเหนียวแน่น และสามารถพลิกเกมได้ คือสิ่งที่ขาดไม่ได้.. 

            นี่คือความแข็งแกร่งของคู่ซี้รุ่นเยาว์ของภูเก็ต ยูเนียนในปีที่ผ่านมา     

            อำนาจเดินมาเคียงข้าง

            “สุขีแจ้งมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า มีทีมต่างประเทศสองทีมแสดงเจตจำนงจะให้ซื้อตัวโป้งกับโกลไปร่วมทีม” อำนาจแจ้ง

            “เขาเสนอค่าตัวให้เราในราคาเป็นหลักล้านเลยนะ”

            ฮัลเซย์จึงหันมา

            “ก็.. ไม่เหนือความคาดหมายหรอกครับ.. เพราะทั้งคู่ก็โดดเด่นมากทั้งในทีมสโมสรและในทีมชาติ พวกเขาต้องก้าวไปข้างหน้าแล้ว”

            “แต่ไม่ต้องกลัว ฮัลเซย์ ผมมีงานใหม่ให้คุณเสมอ.. ผมติดต่อเด็กที่จะมาทดแทนแล้วสามคน เป็นเพื่อนร่วมทีมเก่าของโป้งทั้งสามคน กองหน้า ชื่ออัคร เป็นหนึ่งในศูนย์หน้าคู่ของนวสาครทีมแชมป์ ถ้วย ก.เมื่อปีก่อน ที่จริงผมอยากได้ทั้งคู่ แต่ผู้ปกครองของเด็กอีกคนอยากให้เขากลับไปเล่นที่บ้านเกิด แล้วก็กองกลางตัวรุก ของทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ชื่อไม้เมือง แล้วก็กองหลังตัวกลางของนวสาครเหมือนกัน ชื่อจอมทอง”

            “เด็กสามคนนี้มีความสามารถ และเหมาะทดแทนโป้งกับโกลได้” อำนาจมองไปในสนาม

            “แต่ผมก็ยังมีแผนจะเจรจาดึงตัวกองกลางของเอฟซีของคนคือ ก้านเพชร กับวู๊ดมาด้วย สองคนนี้โดดเด่นมากในชุดเยาวชน”

            “แผนการของคุณนี่เหมือน ทำให้ทีมของเราเป็นเนอสรี่ของทีมชาติไทยในอนาคตเลยนะ” ฮัลเซย์หันมายิ้ม

            “นี่เป็นนโยบายร่วมกันของผมกับคุณนามมินทร์ คุณนามมินทร์ท่านคิดอย่างผมคืออยากให้ประเทศไทยเรามีทีมชาติที่แข็งแกร่ง เราก็เลยวางแผนระยะยาวว่าจะสร้างให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ด้วยเด็กไทยเราเอง”

            “เป็นVision ที่ดี.. ผมเองก็รักประเทศไทย เอาเถอะ.. ผมจะลองทำให้เต็มที่.. เผื่อว่าสักวันเราจะได้เห็นเด็กจากเอเชียไปสัมผัสถ้วยฟุตบอลโลกได้..” ฮัลเซย์หันมายิ้ม

            อำนาจมองหน้าฮัลเซย์ เขาพยักหน้าก่อนหันไปมองในสนาม แล้วหันกลับมา

            “ขอบคุณมากฮัลเซย์”

           

            “อย่าหาว่าพี่เจ้ากี้เจ้าการนะ ในฐานที่พี่เป็นตัวแทนของน้อง พี่ก็อยากให้โกลคิดดีๆ จริงอยู่การไปอังกฤษอาจดีกว่า แต่จริงๆแล้ว เรายังเด็กไม่มีประสบการณ์ แถมการไปญี่ปุ่นก็ทำให้เรามีโอกาสลงมากกว่า คือในฐานะนักฟุตบอลเก่า พี่ก็ขอแนะนำว่า โกลควรจะไปญี่ปุ่นไม่ใช่อังกฤษ” สุขีบอกกับเขาตอนโทรศัพท์มาครั้งสุดท้าย

            โกลมองโป้งกำลังเล่นฟุตบอลกับเด็กหลายคนบนหาดทราย เขาวิ่งไปอย่างร่าเริงหัวเราะไปด้วย ในขณะเด็กๆกรูกันเข้าหาเพื่อพยายามแย่งลูกไปจากเขา

            รอยยิ้มของโป้งสวยงามในแดดยามบ่าย พาหัวใจของโกลให้เต้นไม่เป็นจังหวะ

            เขาจะสามารถลาจากรอยยิ้มที่เป็นกำลังใจของเขาไปได้จริงๆเหรอ.. แล้วโป้งจะอยู่ได้ด้วยตนเองไหมในดินแดนที่ห่างไปถึงสี่หมื่นกว่าไมล์อย่างอังกฤษ...

            มันมีอีกทางหนึ่ง.. เขาก็เลิกเล่นฟุตบอลเสีย แล้วตามไปอังกฤษ ไปเรียนและไปดูแลโป้ง...

            แต่ถ้าเขาเลือกหนทางนั้น... เขาจะทำใจได้จริงหรือ.. แล้วโป้งจะยอมให้เขาทำอย่างนั้นหรือไม่

           

            โป้งหันมองหน้าโกลที่นั่งกอดเขามองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาจากโลก.. ทั้งสองนั่งอยู่บนหาดทรายสีขาวเนียน

            แล้วเขาก็มองไปที่ขอบฟ้า

            “โกล.. ดวงอาทิตย์มันขึ้นแล้วก็มีตกใช่ไหม”           

            โกลหันมามองหน้าเขา

            “ก็ใช่น่ะสิ”

            “คนเราก็เหมือนกันนี่นะ  เมื่อพบก็ต้องมีจากลา..” โป้งกล่าวออกมาแล้วหันมา

            “กูดีใจนะที่ได้เจอและรักมึง.. แต่ถ้าความรักของกูทำให้มึงตัดสินใจไม่ได้ กูก็รู้สึกแย่.. แล้วยิ่งมึงเลิกเล่นฟุตบอลเพื่อกู ก็ยิ่งแย่ไปหนักกว่าเก่า”

            โกลสบตาโป้ง.. แววตาของโป้งตอนนี้มีแววแสนเศร้า

            “มึงรู้เรื่องแล้วเหรอ”

            “พี่สุขีบอก..” โป้งหันไปกลับไปมองอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ

            “พี่เขากลัวมึงดื้อไปอังกฤษตามกู พี่เขากลัวมึงเลิกเล่นบอลเพราะอยากไปอยู่กับกู”

            แล้วโป้งก็ถอนหายใจ

            “โกล.. กูไม่อยากให้มึงทิ้งฟุตบอล กูเชื่อว่าฟุตบอลคือสิ่งที่เราสองคนรักไม่แพ้กัน กูไม่อยากเห็นมึงซึ่งเป็นคนที่กูรักที่สุดทิ้งมันไป.. “ แล้วโป้งก็หันมา

            ทั้งคู่สบตากันในแสงที่ค่อยๆลาจากโลก  แต่ภาพของกันและกันกระจ่างชัดในหัวใจทั้งคู่

            “มึงพูดเหมือนมึงให้ความสำคัญกับฟุตบอลมากกว่ากู” โกลกล่าวออกไปตามความรู้สึก

            “เปล่าเลยโกล” โป้งเขาแขนมาโอบโกลแล้วซบที่หัวไหล่

            “กูเห็นแก่มึงต่างหาก  กูไม่อยากให้มึงทิ้งอนาคตเพราะกู กูอยากเห็นมึงเติบโตไปข้างหน้ากับลูกบอล มึงคงไม่รู้ว่า เวลามึงอยู่ในชุดนักฟุตบอลมันน่ามองมาก  ภาพของมึงในชุดผู้รักษาประตูบนสะพานท่าเรือวันปีใหม่คือภาพที่สวยงาม และสวยงามยิ่งกว่าคือเวลามึงเหินตัวปัดลูกบอล.. กูอาจดีใจที่มีมึงอยู่ข้างๆ แต่กูคงเศร้ามากที่ไม่ได้เห็นมันอีก และยิ่งเศร้ายิ่งกว่าถ้าสาเหตุที่ทำให้มึงเลิกเล่น หรือดับอนาคตเพราะตัดสินใจตามไปดูแลกู”

            “กูอยากให้มึงอยู่ใกล้ๆตลอดนะโกล.. แต่กูก็ไม่เห็นแก่ตัวพอจะทำลายอนาคตของมึง”

          ตอนนี้พระอาทิตย์ลับไปแล้ว แสงดาวเริ่มปรากฏ สิ่งทดแทนบนฟ้าคือดวงจันทร์วันเพ็ญ

            “โกล.. ถ้าเราต้องจากกันจริงๆ มันก็เหมือนดวงตะวันลับจากฟ้าใช่ไหม.. แต่ตะวันก็ต้องกลับคืนสู่ท้องฟ้าในวันรุ่งขึ้นจริงไหม.. ก็เหมือนกับความรักของเรา เวลาเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันก็เหมือนเวลากลางคืน แต่ถ้าเรารักกันอยู่เหมือนเก่า ก็เหมือนดวงตะวันที่ยังคงอยู่ไม่ได้ดับไป เดี่ยวมันก็จะขึ้นมาใหม่ แล้วพอมันขึ้นมาใหม่ มันก็ส่องสว่างเหมือนเดิม..” โป้งกล่าวแล้วเบียดกายเข้ามาใกล้กว่าเก่า

            โกลซบหัวลงบนหัวของโป้ง

            “โป้ง..ถ้าเราจากกันไป แล้วมึงคิดถึงกู.. ก็ให้มึงมองพระจันทร์ไว้.. เพราะพระจันทร์สว่างได้จากสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ มันก็เหมือนกับใจของกูที่รักมึงเสมอ และส่งแสงมาผ่านดวงจันทร์..แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน” โกลกล่าว

             "และจำไว้ว่ากูจะเฝ้าดูมึงอยู่เสมอ.. ผ่านดวงจันทร์"

         

            ทั้งสองผละออกจากกันเล็กน้อยเพื่อสบตากัน ในแสงจันทร์โกลประทับรอยจูบบนริมฝีปากของโป้ง..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:41:53
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ เป็นนักฟุตบอลด้วยเราไม่ค่อยรู้เรื่องฟุตบอลเท่าไหร่ เพราะจับจ้องมองแต่นักเตะ  :hao6:
มาปูเสื่อรอค่ะ ... o13 o13 o13 o13
ขอบคุณครับ..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 10-01-2016 09:42:57
 ตอนที่ สี่ นารา ธันเดอร์เดียร์: โกลสู้สุดกำลัง         

           แม้จะมีการคุยกันเรื่องค่าตัวและค่าเหนื่อยแล้ว แต่โกลก็ต้องเข้าทำการทดสอบฝีเท้าก่อนตามปกติ

            สุขีนัดโกลมาเจอกันที่สนามบินเช้าตรู่เพื่อเดินทางร่วมกันไปญี่ปุ่น

            “เราต้องทดสอบฝีเท้าก่อนนะ แต่พี่ว่าโกลต้องทำได้แน่นอน เพราะทางโน้นเพิ่มอัตราค่าเหนื่อยมา หลังจากที่เขาส่งแมวมองมาดูฟอร์มโกลในนัดก่อน” สุขีว่าตอนที่ทั้งคู่อยู่บนทางเลื่อนอัตโนมัติเพื่อไปที่ Gate

            “แล้วโป้ง... เป็นยังไงบ้างครับ”เขาถาม

            สุขีเลิกคิ้ว

            “ตอนแรกเขาลังเลไปมาเหมือนกัน แต่ที่สุดก็ตัดสินใจได้ เขาก็ต้องเข้ารับการทดสอบเหมือนกัน แต่ก็น่าจะไม่มีปัญหา เพราะทางโน้นก็แสดงความสนใจมากๆเหมือนกัน”

            โกลต้องหันไปเมื่อซ่อนความรู้สึก

            “ถึงทีมที่โกลจะไปทดสอบจะพึ่งเลื่อนชั้นมาได้แค่สองฤดูกาล  แต่ก็น่าสนใจมาก ที่สำคัญคือเขาความสำคัญกับนักเตะเยาวชน แต่เพราะเป็นทีมเล็ก ที่สำคัญคือประธานสโมสรเป็นชาวญี่ปุ่นที่เคยมาอยู่เมืองไทย เขาก็เลยอยากได้เด็กไทยไปร่วมทีม เพราะเขามีภรรยาเป็นชาวไทยด้วย”

            “นารา ธันเดอร์เดียร์(thunder deer)” สุขีกล่าว.. โกลหันมามองหน้าสุขี

            “Mr. โมริอากะ โทชิโร่  ประธานสโมสร เขาเคยทำธุรกิจในเมืองไทยสิบปีเต็มๆ เขารักเมืองไทยมาก”

 

            พอขึ้นเครื่องโกลแปลกใจเล็กน้อยที่ สุขีกลับได้ที่นั่งในแถวถัดไปแทนที่จะได้นั่งกับเขา

            “พี่ชอบริมหน้าต่าง” สุขีกล่าวเพราะอ่านใจโกลได้ตอนเก็บสัมภาระไว้ช่องเหนือหัว

            โกลก็เลยนั่งลง แล้วมองออกไปด้านนอกเครื่องบิน เห็นพนักงานภาคพื้นทำงานกันอย่างแข็งขัน

            นี่เขากำลังจะไปจริงๆแล้วหรือ.. เขากำลังต้องแยกจากโป้งไปจริงๆแล้วใช่ไหม..

            รอยยิ้มของโป้ง.. อ้อมกอด.. ริมฝีปาก.. เสียงหัวใจ.. เขาจะไม่ได้สัมผัสมันอีกแล้วสินะ..

            “ขอโทษนะครับ” เสียงเข้มเหมือนพยายามดัด

            “คุณเป็นผู้รักษาประตูทีมชาติใช่ไหม.. ผมขอลายเซ็นหน่อยนะครับ”

            โกลเงยหน้าไป.. เขาพลันเขาตกอยู่ในอาการพิศวง  คนที่เรียกเขาเป็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ผิวขาวแต่กร้านแดด รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าที่มีโครงสวยงามได้รูป ดวงตาโตเป็นประกาย..

            เขานั่งลงข้างๆ

            “แหม่ดีจังได้เดินทางร่วมกับนักเตะทีมชาติ..”         

            โกลยิ้มจางๆ

            “ผมก็เหมือนกัน”

           

            โกลต้องผ่านบททดสอบที่แสนสาหัสเพื่อเป็นนักเตะของทีมในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ให้ได้ ซึ่งแม้จะเป็นทีมไม่ใหญ่แต่ก็มีความเพียบพร้อมในการฝึกฝนไม่แพ้กับทีมภูเก็ต ยูเนียน แถมสตาฟโค้ชก็ยังเป็นอดีตทีมชาติญี่ปุ่นแทบทั้งชุด..

            นายหน้าขาวที่นั่งคู่กับเขาบนเครื่องบินไม่ได้เป็นแค่ผู้โดยสารเฉยๆแต่ยังกลายเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมในการทดสอบนี้ด้วย

            ทั้งคู่ถูกจับให้ลงสนามในนัดอุ่นเครื่องกับทีมเยาวชนในท้องถิ่นสามนัด

            โกลก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ดีไหม แต่เขาก็พยายามทำอย่างเต็มที่ เขาทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างดี ไม่เสียสักประตูในเกมนัดอุ่นเครื่องสามนัด และได้รับคำชมเชยมาหลายครั้ง

            ในที่สุดวันนี้ก็คือวันตัดสินชะตา หลังจากเขากับหนุ่มน้อยผู้มีรอยยิ้มสดใสร่วมกันใช้เวลาในการทดสอบมาครบสามอาทิตย์เต็มๆ

            หัวหน้าโค้ช โยชินะ อากิ ยืนต่อหน้าพวกเขาในห้อง ตอนนี้โกลไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

            “พวกคุณมีความสามารถ มีความเร็ว ความคล่องตัว และความสามารถเฉพาะตัวในตำแหน่งที่คุณเล่น แต่ที่นี่คือญี่ปุ่น คุณก็ทราบอยู่แล้วว่าลีกของเรามีความเร็วสูงและต้องใช้ความสามารถสูงมากในการต่อสู้”

            สองหนุ่มมองหน้ากัน เพราะเหมือนเขากำลังจะแจ้งข่าวร้าย

            “พวกคุณยังเด็กเกินไปที่จะบอกได้ว่าเป็นมืออาชีพสำหรับคนญี่ปุ่น พวกคุณยังต้องการเวลาในการฝึกฝน..” เขาจ้องตาทีละคน

            ผู้ชายคนนี้เคยเป็นนักฟุตบอลที่ไปเล่นในลีกอังกฤษหลายปีทำให้เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว สองหนุ่มจึงเข้าใจที่เขาพูดอย่างชัดเจน

            “แต่เราก็ยินดีจะเป็นคนเติมเต็มในสิ่งนั้นให้คุณ..” เขายิ้มออกมา       

            “ในนามของทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ เรายินดีต้อนรับคุณเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีม”

            สองหนุ่มมองหน้ากันอีกครั้งอย่างยินดี

 

            นามเหย้าของทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ เป็นสนามขนาดใหญ่กว่าสนามของภูเก็ต ยูเนียนเสียอีก อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของศูนย์กลางเมืองนารา อันเป็นอดีตนครหลวงแห่งแรกของญี่ปุ่น

            วันนี้สนามเต็มแน่นไปด้วยผู้คนเพราะนารา ธันเดอร์เดียร์ ต้องต้อนรับการมาเยือนของทีมที่อยู่ในย่านใกล้เคียงอย่าง ไฟเตอร์(Fighter) โอซาก้า ยอดทีมแห่งเมืองใหญ่อันดับหนึ่งแห่งภูมิภาคคันไซ แถมวันนี้เป็นการเปิดฤดูกาลเลกที่สองของJ Leagueอีกด้วย

            โกลได้รับความไว้วางใจจากโค้ชให้ยืนตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวจริง เพราะผู้รักษาประตูตัวหลักบาดเจ็บไปตั้งแต่ช่วงปลายเลกแรกแล้ว

            แม้จะได้ยินมาว่าเขาถูกตั้งคำถามมากมายถึงความเหมาะสม.. แต่โค้ชโยชินะกลับตัดสินใจให้เขาลงสนามเป็นตัวหลัก

            โกลจึงตั้งใจเป็นพิเศษ.. เขามองลูกไม่วางตา

            กระทั้งจังหวะนี้ที่กองกลางทีมไฟเตอร์พาลูกบอลมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ แต่เขามองเพื่อนแล้วไม่เห็นว่าไม่สามารถจ่ายให้ได้ เขาจึงตัดสินในใช้ความสามารถของตัวเองทะลวงเข้ามา

            เทนโด้ อากาชิ กองกลางตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่น เขาใช้การหลอกล่อจนตัวผู้เล่นของนารางง แล้วก็พาลูกเลี้ยงหลบเข้ามา

            โกลที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงตั้งท่า

            ลูกยิงของเทนโด้นั้นแรงมาก โกลเคยเห็นมาแล้วจากเทปการแข่งขันที่โค้ชเอาให้ดู

            โกลตั้งมั่น..

            เทนโด้สับเท้าขวาข้างถนัด ส่งลูกบอลออกไปโดยเลือกที่มุมบนซ้าย

            โกลอ่านทางได้แม่นยำ พุ่งตัวออกไปแล้วปัดได้เต็มฝ่ามือ ลูกบอลกระแทกมือที่แข็งแรง แล้วลอยออกไปด้านหลังประตู

            ไฟเตอร์ โอซากะ ได้ลูกเตะมุม..

            โกลหันไปชี้ตำแหน่งให้ผู้เล่นแนวรับของทีมนารายืนตำแหน่งป้องกัน

            แล้วเขามองไปนอกกรอบเขตโทษ เห็นหนุ่มไทยอีกคนที่อยู่นอกกรอบเขตโทษ เขายิ้มมา.. รอยยิ้มนั้นราวกับจะทอแสงในประกายแดด

            แล้วลูกเตะมุมก็ลอยมา

            โกลโดนเบียดอย่างแรง โดยศูนย์หน้าทีมคู่แข่ง แต่เพราะโกลสูงกว่า และแข็งแรงกว่า ทำให้เขาสามารถชกลูกออกไปจากเขตประตูได้

            ลูกบอลลอยมาในตำแหน่งเทนโด้ยืนอยู่ เขายิงซ้ำทันที เป็นการยิงเล่นทาง..

            ลูกทำท่าจะมุดลงใต้คานอยู่แล้ว แต่โกลก็ยังกลับตัวไปเอื้อมมือบล็อกไว้ได้

            ลูกบอลไม่ได้ไปไหนไกล ลอยมาที่ศูนย์หน้าจากบราซิล เขาโหม่งกดลูกลงพื้นทันทีกะจะให้กระดอนเข้าที่ด้านซ้าย

            ลูกบอลกระทบพื้นแล้วกระเด้ง มันลอยเข้าประตูอย่างใจของผู้โหม่ง.. ก่อนม้นจะข้ามเส้น

            โกลใช้เท้าซ้ายดักมันเอาไว้ พอมันตกพื้นเขาก็เตะตูมออกไปอย่างแรง

            เสียงจากคนดูครางดังฮือเพราะจังหวะที่ต่อเนื่อง  แล้วเมื่อลูกบอลออกจากเขตเส้นข้าง บนอัฒจันทร์หนุ่มคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแห่งนาราที่ติดตามมาเชียร์ทีมโปรดก็ลุกขึ้น

            เขาปรบมือให้แก่ผู้รักษาประตูที่สามารถป้องกันลูกยิงและลูกโหม่งที่จัดการได้ยากเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ

            แล้วแฟนบอลคนอื่นก็ทำตาม เสียงปรบมือจึงดังก้องไปทั้งสนาม

            ในสนาม หนุ่มไทยอีกคนก็ปรบมือให้โกลแล้วชูนิ้วโป้งให้เป็นชมเชย   

           

            โยชินะ อากิกอดอกอยู่ข้างสนาม วันนี้เขาวางหมากลงมาเสี่ยงมาก แม้จะเป็นเกมที่วางไว้เพื่อตั้งรับ แต่เพราะการที่เขาตัดสินใจเอาตัวผู้เล่นชาวไทยลงสนามพร้อมกันสองคน ทั้งที่ทั้งสองเคยเล่นกับทีมใหญ่ไม่กี่นัดเท่านั้น..

            นี่หละความเสี่ยง..

            แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เขาไม่ได้มีผู้เล่นให้เลือกมากมายเหมือนทีมอื่น ดังนั้นทรัพยากรที่มีจำต้องใช้อย่างคุ้มค่า

            แต่นี่ก็ผ่านมาถึงครึ่งหลังมาแล้วเกือบถึงนาทีที่แปดสิบของการแข่งขัน มันบอกว่าเขาคิดไม่ผิด

             โกล ไอ้หนุ่มร่างสูงจากประเทศไทยแสดงความเป็นสุดยอดผู้รักษาประตูออกมาด้วยความเด็ดขาดในการจัดการป้องกัน

              ทั้งที่ไฟเตอร์ โอซาก้า เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในเลกแรก แต่กลับยังไม่สามารถยิงผ่านการป้องกันของโกลไปได้..

            วันนี้โกลทำหน้าที่ประดุจบานประตูขนาดยักษ์ของวิหารโทไดจิ แข็งแรงและมั่นคง..  เขาเก่งกาจกว่าตอนที่เล่นกับทีมชาติญี่ปุ่นชุด U19เสียอีก..

     เป็นพัฒนาการที่เห็นได้อย่างชัดเจน..


            โกลไม่ต้องมองนาฬิกา ก็รู้ว่าใกล้หมดเวลา.. เพราะตอนนี้ไฟเตอร์ดาหน้ากันเข้ามาเดินเกมรุกใส่พวกเขาอย่างดุเดือด

            โกลทั้งปัด ทั้งรับ ทั้งสกัดออกไปหลายต่อหลายครั้งจนรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเหมือนๆกับเพื่อนๆที่วิ่งกันตลอดเกม

            แล้วเทนโด้ก็ได้บอลอีกครั้งจากการถ่ายบอลกันไปมาหน้ากรอบเขตโทษ

            เขาทำท่าจะจ่าย แถมมีตัวผู้เล่นตัวอื่นขยับจะวิ่ง

            แต่ฉับพลัน เขาก็ง้างเท้ายิง..

            ลูกพุ่งมาอย่างแรง แต่โกลก็ยังพุ่งไปรับไว้ได้ด้วยสองมือ

            เขายั้งกายไม่ให้ล้ม มองไปข้างหน้าแล้วก็ปล่อยลูกลงพื้นก่อนจะเตะออกไป..

            นี่คือโอกาสที่โกลรอมาตลอดเกม..

            ตานายแล้ว.. แสดงให้คนที่นี่เห็นว่านายเก่งแค่ไหน โกลฝากลูกบอลไปบอกให้หนุ่มไทยที่กำลังวิ่งแข่งกับผู้เล่นของไฟเตอร์ โอซาก้าไป

            การวิ่งของเขาเป็นไปอย่างแข็งแรงแม้จะเข้าสู่นาทีที่เก้าสิบแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถเร่งให้ตัวเองวิ่งแซงผู้เล่นกองหลังของคู่แข่งได้

            ลูกยังลอยอยู่ในอากาศแต่ต่ำลงเรื่อยๆ

            ผู้รักษาประตูจอมเก๋าแห่งไฟเตอร์ พุ่งตัวออกมาหมายจะสกัด

            ลูกบอลกระทบพื้นแล้วกระเด้ง มันมุ่งมาในกรอบเขตโทษ

            ผู้รักษาประตูหมายจะคว้าลูกบอลไว้ให้ได้ 

            แต่พลัน..

            เท้าขวาเตะไปใต้ลูกบอลให้มันลอยขึ้น จากนั้นเหยียบหยั่งเท้า และใช้ความคล่องตัวพลิกกายหลบหลีกลีกร่างของผู้รักษาประตู แล้วก็วิ่งไปหาลูกบอล

            เด็กหนุ่มใช้เท้าซ้ายข้างถนัดเตะแปลูกอย่างไม่ต้องใช้แรงมากนัก.. ลูกบอลก็วิ่งเรียดข้ามเส้นประตูประตูที่ว่างโล่งไปอย่างนิ่มนวล...

            ทว่านั่น ก่อให้เกิดเสียงกึกก้องราวกับฟ้าถล่ม เป็นเสียงของกองเชียร์ทีมนารา ธันเดอร์เดียร์.. ธงรูปกวางดาวบนพื้นสีแดงน้ำเงินสะบัดกระพือฉลองประตูนั้นอย่างทรนง..

            โกลชูกำปั่นแล้วกระชากลงอย่างสะใจ แล้วเขาก็ยืนมองเพื่อร่วมทีมเข้าไปแสดงความยินดีใจต่อประตูนั้นด้วยอาการลิงโลด  แต่ผู้ทำประตูก็ยังคงเพียงยิ้มและเดินกลับแดนตัวเองในขณะที่เพื่อนร่วมทีมลูบและตบบ่าเขา

            นั้นคืออากัปกิริยาประจำที่แฟนบอลภูเก็ต ยูเนียนคุ้นเคย..

            เขาพอเขามาถึงตำแหน่งตัวเอง เขาก็หันมาหาผู้รักษาประตูแล้วส่งรอยยิ้มให้อย่างจำเพาะเจาะจง..

            โกลก็ยิ้มตอบ..

            รอยยิ้มที่เติมใจให้กันละกัน.. รอยยิ้มที่มาจากหัวใจที่แสนผูกพัน..     

            “กูไม่ได้ตามมึงมานะเว้ยโกล.. แต่อารันต์กับลุงอ่ำบอกว่ากูควรมาญี่ปุ่นแทน เพราะเขาบอกว่ากูจะได้พัฒนาตัวได้ดีกว่า เพราอังกฤษมันยังเร็วไปสำหรับกู..”

            “แค่นั้น.. จริงอ่ะ”

            “เออๆ.. ก็กูอยากจะอยู่กับมึงนี่หว่า.. กูไม่สนหรอกอังกง อังกฤษ ตรงไหนมีมึง มีบอลให้เล่นกูก็อยู่ได้แล้ว.. กูมันมักน้อย แค่นี้ก็พอ.. แค่นี้กูก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว..”

            แม้เขาจะหันไปแล้ว แต่โกลยังมองอยู่ มองแผ่นหลังที่สวมหมายเลยสิบห้า และปักอักษร Dhepporn(เทพพร)

            “กูก็เหมือนกันโป้ง..” เขากล่าวออกไป



หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 10-01-2016 11:25:12
ฟิลลิ่งเหมือนนั่งเชียร์ข้างสนามจริงๆเลย  :hao6:
เชียร์โกล ชอบนิยายออกแนวนักฟุตบอล  :mew1: :mew1: ไม่ค่อยมีคนเขียนแนวนี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 10-01-2016 16:38:24
 :heavenกดบวกเป็ดบวกโพส
ตามสองหนุ่มมาติดๆ
ตอนแรกใจหายมาก นึกว่า ต้องแยกกันซะแล้ว

จะไปเชียร์ทุกสนามนะ นักแต่ง o13
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 10-01-2016 17:19:43
น่ารักก
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 11-01-2016 10:57:20
ตอน โป้งโกล:จบฤดูกาลแรกในญี่ปุ่น

 ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มลงตัว หลังจากนัดนั้นพวกเขาก็ยังได้เป็นตัวจริงต่อเนื่องสามนัด โดยโกลไม่เสียประตูเลยแม้จะเจอทีมใหญ่อีกทีมอย่างทีมจากฮิโรชิม่า แต่พวกเขาก็ยันเสมอได้ในเกมที่ต้องไปเยือน และมาชนะอีกสองนัดติดๆโดยโป้งยิงไปได้อีกสองประตู

            ดังนั้นวันนี้ที่เป็นวันหยุดพัก สองหนุ่มก็เลยสบายใจพอจะชวนกันออกมาเที่ยวในตัวเมืองนารา โป้งกับโกลยังไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ จึงต้องซื้อจักรยานมาเป็นพาหนะชั่วคราว     

            ระหว่างทางได้พบกับเด็กนักเรียน

            “โป้งซัง โกลซัง” เด็กเรียกแล้วโบกมือให้

            โกลกับโป้งก็ผงกหัวบนรอยยิ้มให้แล้วขี่จักรยานผ่านไปต่อไป

            เมืองนาราแม้จะเป็นเมืองหลวงเก่าและเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ดังนั้นโกลกับโป้งจึงกลายเป็นที่รู้จักในหมู่คนท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว โค้ชโยชินะบอกว่าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเรียกพวกเขาว่าโป้งจัง และโกลจังตามชื่อเล่น ดังนั้นคนในท้องถิ่นจึงได้เรียกไปตามนั้น

            ในแสงแดดของวันใกล้ฤดูร้อน วิหารพระใหญ่แห่งโทไดจิตั้งตระหง่าน โป้งมองความใหญ่โตที่ได้เห็นอย่างตื่นตะลึงตามนิสัยคนตื่นเต้นง่าย

            “โอ้โหทำไมมันใหญ่โตอย่างนี้หละ” โป้งยังพูดไม่ขาดปากตอนเดินเข้ามาภายใน         

            แต่พอหันมาเห็นโกลยกมือประนมไหว้พระพุทธรูปองค์มหึมาที่ตั้งตระหง่าน เขาก็เดินมาเคียงข้างยกมือไหว้

            ทั้งสองโยนเงินทำบุญลงไปในกล่องแล้วเดินไปดูรอบๆ

            ระหว่างที่โกลยืนมองเศียรของทวารบาลเก่า โป้งก็หันไปลองกอดเสาต้นใหญ่เพื่อทดสอบความใหญ่โต

            “โป้งกับโกลใช่ไหม” เสียงเรียกทำให้โกลหัน

            เป็นหนุ่มสาวชาวไทยกลุ่มหนึ่งน่าจะอยู่ในวัยเรียน แต่น่าจะอายุมากกว่าพวกเขา

            “ใช่จริงๆด้วย”

            ว่าแล้วก็พากันวิ่งมาขอถ่ายรูปกันใหญ่

           

            โกลกำลังยืนถ่ายภาพด้วยกล้องโทรศัพท์ สักเดี๋ยวก็ได้ยินเสียงโป้งทะเลาะกับกวาง

            “เฮ้ยบอกว่าไม่มีแล้ว” โป้งชูมือสองข้าง เจ้ากวางตัวโตก็ยังคงเดินเข้าหา สักเดี๋ยวก็กลายเป็นทั้งฝูง

            “โกลช่วยกูด้วย กวางมันรุมกู”

            โกลหัวเราะกับภาพโป้งโดนกวางตัวโตล้อมหน้าล้อมหลังไปหมด       

            “หัวเราะอะไรเล่า.. ไม่ขำนะมึง.. ดูพวกมันดิ.. จ้องอย่างกับจะกินกู” โป้งร้อง แล้วดันหัวกวางตัวหนึ่งที่พยายามจะเอาปากมุดไปในกระเป๋ากางเกง เขาก็พยายามดันหัวมันออกไป แต่อีกตัวก็พยายามจะมุดอีกข้าง

            “เฮ้ยไอ้ตะกละ บอกว่าไม่มีแล้วไง เฮ้ย..ไอ้พวกนี้”

            สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่ถือไม้มาแกว่งไปไล่กวาง ทั้งฝูงเลยถอยออกไป

            “ขอบคุณครับ” โป้งยกมือไหว้ ชายที่ไล่เป็นชายวัยกลางคนก็โค้งกลับ

            โป้งก็เลยโค้งบ้าง

            “มึงอะไม่ช่วยกูเลย.. เกือบโดนกวางรุมแล้วไหมหละ” โป้งอุทธรณ์พลางปัดขนกวางที่ติดกางเกง

            “มึงนี่เป็นอะไรมากไหม ไปไหนก็เที่ยวไปทะเลาะกับสิงสาราสัตว์อยู่เรื่อย” โกลส่ายหัวแล้วเดินนำหน้า

            “ก็พวกมันน่ะ กูก็บอกว่าหมดแล้วหมดแล้ว ยังตามมา มันตะกละมากเลยน่ะ” โป้งบ่นตอนเดินตามโกลไป

           

            โกลเอาซอสราดลงบนข้าวหน้าปลาไหล แล้วก็มองไปเห็นโป้งมองชุดอาหารของตัวเองด้วยความสนใจแล้วก็ถ่ายรูป

            “กินสิ เดี่ยวก็ชืดหมดพอดี” โกลบอก

            “เคยแต่เห็นในการ์ตูน เออ มันก็หอมดีเนอะ” โป้งกล่าวแล้วยกชามมาดม

            “ของแพงนี่.. มันก็ต้องน่ากินอย่างนี้หละ” โกลบอก

            เพราะรู้ว่าโป้งใช้ตะเกียบไม่เป็นพนักงานเสริพก็อุตส่าห์เอาช้อนมาให้ เขาเลยใช้ช้อนตักเข้าปาก

            “อู้อร่อยจัง..” เขาร้องทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก     

            โกลอดอมยิ้มไม่ได้ ไอ้โป้งมันไม่ใช่คนตลก มันไม่มีมุกมากมายอะไรนักหนา แต่กลับทำให้โกลยิ้มได้อยู่เรื่อยๆ

            “ทีหลังเคี้ยวให้หมดก่อนก็ได้” โกลว่าแล้วก็เอาตะเกียบคีบกินแบบคนญี่ปุ่น

 

 

            กลับมาที่พักซึ่งก็เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่เรียกตามแบบญี่ปุ่นคือ 3LDK ซึ่งค่าเช่าต่อเดือนก็ตกราวๆเกือบlสองแสนเยน แต่เพราะโกลได้เงินเดือนที่สี่แสนห้าหมืนเยน ส่วนโป้งได้มากกว่าที่ห้าแสนหนึ่งหมื่นเย็นซึ่งทำให้พวกเขามีเงินพอจ่ายได้  แถมเวลาไปซ้อมก็มีอาหารให้กินด้วย

ก็นับว่าเป็นค่าตอบแทนที่ดีพอใช้ซึ่งถ้าเทียบก็มากกว่าพนักงานกินเงินเดือนในญี่ปุ่นหลายๆตำแหน่งด้วยซ้ำไป แต่ก็นับว่าถูกมากหากเทียบกับเงินเดือนนักเตะต่างชาติจากคนอื่นๆ

            แม้จะกินข้าวหน้าปลาไหลมาจนเต็มคราบ เจ้าโป้งก็ยังลุกขึ้นมาเปิดเตาเจียวไข่กินก่อนนอนอีก

โกลมองโป้งเอาซอสราดบนไข่แล้วรู้สึกเลี่ยนแทน

“โกล..” โป้งถามตอนที่มองตามองทีวี

“เราไปเรียนภาษาญี่ปุ่นกันไหม”

“อืม.. ก็ดีนะ แต่เราจะมีเวลาเรียนเหรอ” โกลตอบมือก็เอาผ้าถูทำความสะอาดเครื่องเรือน

“ฉันถามจาก ฮิซากินะ เขาบอกว่ามีคนไทยอยู่ในเมืองนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เขารับสอนภาษาญี่ปุ่นให้คนต่างชาติด้วยหละ” โป้งกล่าว

โคกิ ฮิซากิเป็นนักเตะวัยใกล้เคียงกับพวกเขาที่สุดคืออายุเท่ากับโกล ตำแหน่งกองหลังตัวกลาง เขาเป็นคนที่ขวนขวายเรียนภาษาจึงสนใจจะคุยกับโกลและโป้งเป็นภาษาอังกฤษ

"ก็ดีเหมือนกันนะ"


โกลและโป้งยังคงมาถึงสนามซ้อมก่อนใครในทุกวัน แม้คนญี่ปุ่นเองจะได้ชื่อว่าตรงต่อเวลาแต่ก็ยังแพ้เด็กจากประเทศไทยสองคนนี้ สิ่งที่พวกเขามีคือความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงในสายตาของโยชินะ อากิ..

“โยชินะคุง” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้เขาหันไป

“ท่านประธาน” โยชินะทักทายและโค้งให้อย่างนอบน้อม

“อรุณสวัสด์ครับท่าน”

โมริอากะ โทชิโร่ นักธุรกิจใหญ่ตบบ่าชายหนุ่ม

“ผมพึ่งจะว่าง ยังไม่ได้เห็นสองคนไทยเลย.. นี่ใช่ไหม.. เออขยันดีนี่ มาถึงก็วิ่งกันเลย”

โยชินะมองลงไปในสนาม

“ครับ.. สองคนนี้เป็นเด็กที่มีวินัยมาเรื่องการฝึกซ้อม เขาไม่เคยมาสาย ไม่เคยกลับก่อนใคร เป็นคุณสมบัติที่ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอายุยังน้อยแต่ถึงได้มีความสามารถกันขนาดนี้”

โมริอากะยิ้ม

“ผมเคยไปดูเขาที่ประเทศไทยเมื่อปีก่อน พอดีผมไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่เป็นนักธุรกิจคนไทย เขาเป็นหุ้นส่วนของทีมภูเก็ต ยูเนี่ยน ผมเลยได้ไปดู สองคนนี้โดดเด่นมากทั้งที่อายุน้อยมาก ผมเลยตัดสินใจจะดึงตัวมาเล่น.. แล้วเป็นยังไง เข้าท่าใช่ไหม”

“ครับ” โยชินะโค้งตอบ

“น่าประทับใจมาก”

โมริอากะพยักหน้า

“แต่ก็อย่าใช้งานหนักเกินไปนะ หักโหมพวกเขาเกินไปเดี่ยวจะแย่ เพราะยังอายุน้อยกันอยู่ ถ้านักเตะตัวหลักของเรากลับมาครบ ก็คงให้เขาสำรองพักบ้าง ตอนนี้ลงต่อเนื่องไปกี่นัดแล้วนะ”   

“ถ้ารวมเมื่อวันอาทิตย์ก็นัดที่เจ็ดแล้ว.. แต่พวกเขาก็ยังดูแข็งแรงกันดี.. แต่ผมก็จะให้พักอยู่แล้วหละครับ เพราะตอนนี้เราได้นักเตะตัวหลักกลับมาเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว” โยชินะตอบ

ท่านประธานพยักหน้าแล้วกอดอกมองสองหนุ่มวิ่งไปในสนาม แต่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มอีกคนออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วร่วมวิ่งด้วย

 

“ได้สิ” โคกิ ฮิซากิตอบขณะวิ่งไปด้วยกัน

“วันเดี่ยวเลิกซ้อมเราไปหาเขาก็ได้นะ เพราะบ้านของเขาอยู่ใกล้ๆนี่เอง”

“เขาเป็นคนไทยใช่ไหม” โป้งถามซ้ำเพื่อให้แน่ใจ

“ใช่” ฮิซากิตอบ เขายิ้มแล้วบอกลายละเอียด

“อายุมากกว่าเราสามปีนะ ฉันเลยเรียกรุ่นพี่ เขาชื่อไทยว่า ไอศูรย์ แต่ฉันเรียกเขาว่า อิโตะซัง เป็นคนไทยที่อยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กเพราะคนญี่ปุ่นรับเขาเป็นลูกบุญธรรม แต่เขายังพูดภาษาไทยได้ดีมาก”

หลังเลิกซ้อม ฮิซากิก็โทรศัพท์ไปหาอิโตะซังของเขาก่อนจะพาโกลกับโป้งไปที่บ้านหลังเล็กกะทัดรัดแต่น่าอยู่

“ฉันอยู่บ้านนี้คนเดียว” ไอศูรย์กล่าวเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเป็นภาษากลางที่ทั้งหมดเข้าใจ

“พ่อไปทำงานที่นาโกย่า ท่านอยู่บริษัทรถยนต์ ส่วนแม่ก็เสียไปได้สองปีแล้ว”

แล้วเขาก็รินชาเสริพให้สามนักฟุตบอล

“มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สิบขวบถึงตอนนี้ก็สิบเอ็ดปีแล้ว.. แต่ฉันก็ยังพูดไทยได้คล่องนะ.. และยังคิดถึงเมืองไทยอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้กลับไปหรอก กลับไปครั้งสุดท้ายเกือบสี่ปีแล้ว”

“ฉันอยากเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่นานแล้วแต่ก็ไม่มีเงินเรียน พอดีได้รู้จักกับรุ่นพี่อิโตะ เขาก็สอนให้เพราะพี่เขาถนัดทั้งสามภาษา” ฮิซากิเล่าบ้าง

“สองคนเก่งมาเลยนะ.. แบบนี้เล่นในญี่ปุ่นได้สบาย.. แต่ที่นี่มีธรรมเนียมเรื่องการฝึกฝนตัวเอง เราต้องขยันตรงต่อเวลา แล้วก็ทุ่มเท นี่เป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเลย” ไอศูรย์แนะนำตามภาษาคนที่อยู่มาก่อน

“ไม่ต้องห่วงรุ่นพี่ สองคนนี้ขยันมาก มาซ้อมก่อนใครทุกวัน วันที่ไม่มีซ้อมพวกเขาก็ยังลุกขึ้นมาวิ่งกัน ขนาดโค้ชยังชมเลย” ฮิซากิบอก

            โป้งกับโกลยิ้มให้แก่กัน

            “เรียนพูดไม่อยากหรอก แต่เขียนจะลำบากนิดหนึ่งนะ ก็มาที่นี่อาทิตย์สามวันก็ได้ เรียนวันละสองชั่วโมงก็คงพอ สักสองสามเดือนก็คงพอโต้ตอบกับคนอื่นได้ ว่างๆนี้ก็ฝึกกับฮิซะกิไป แต่” แล้วไอศูรย์ก็หันไปหาฮิซากิ

            “แต่นายห้ามสอนพูดคำหยาบนะ ไม่ต้องสอนด่าด้วย”

            ฮิซากิหัวเราะพลางลูบหัว

            “ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก เซนเซย์”

            แล้วทั้งคู่ก็หยุดสบตากันแว่บหนึ่ง

            โกลสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่างจากแววตาของทั้งคู่ แต่เจ้าโป้งมัวสนใจกับถ้วยชาที่เป็นงานปั้นมือ

 

          ตำแหน่งในทีมของโกลกับโป้งพ้นจากภาวะเสี่ยงไปเรียบร้อย โดยโกลสลับกับผู้รักษาประตูตัวหลักเป็นตัวจริงคนละสองนัด ส่วนโป้งลงตัวจริงสองนัด สลับเป็นตัวสำรองสองนัด

            โค้ชโยชินะพิจารณาจากการวิเคราห์ข้อมูลที่บันทึกไว้อย่างละเอียดในแบบญี่ปุ่น โป้งลงสนามไป 1197 นาทีในสิบหกนัด ยิงประตูไปแล้ว11ลูก เฉลี่ยเขาแล้วจะเขาจะใช้เวลาประมาณ109นาทีในสนามเพื่อหนึ่งประตู นั่นถือว่าดีมากสำหรับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวต่ำและกองกลางตัวรุก

            ส่วนโกลลงสนามไป 951นาทีในสิบหกนัด ป้องกันประตูได้ 65 ลูก เสียประตูไป6ลูก คิดเป็นแค่ 3.9 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการป้องกันประตู

            นั้นนับว่ามีส่วนอย่างมากกับผลงานชนะ8 เสมอ 5 และแพ้เพียงสองนัด ได้มา 30แต้ม อยู่ที่อันดับ6 ซึ่งมากกว่าครึ่งฤดูกาลแรกที่พวกเขาชนะจบ 17นัดด้วยผลงานชนะ 5 เสมอ 7 และแพ้5นัดได้ไป22คะแนน อยู่ที่อันดับ9

            นั้นเป็นผลงานที่ดีมาก..

            ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เสียงนกหวีดยาวก็ดังขึ้นอีก เป็นสัญญาณการได้ประตู มองไปก็ห็นโป้งวิ่งเหยาะๆกลับมาที่แดนตัวเองโดยมีเพื่อนๆร่วมดีใจ นั้นแปลว่าเขายิงได้อีกลูกหนึ่ง และสกอร์บอร์ดก็แสดงผลเป็น สี่ประตูต่อศูนย์

            “ยอดเยี่ยมเลยนะ” โค้ชโยชินะหันมากล่าวกับผู้ช่วย โอกิดะ นากามูระ

            “ครับ” โอกิดะตอบ

            “เรามี 33 แต้มได้อันดับสามในเลกสอง รวมสองเลกเราก็ได้ 55 คะแนน..อยู่อันดับที่ 6 เราก็ถือว่าดีมากเพราะปีที่แล้วเราได้แค่ 43 แต้ม..อันดับที่ 11 แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าเราทำได้ดีมากโดยเฉพาะครึ่งหลัง..”

            “อืม.. คุณว่าโกลซังกับโป้งซังมีส่วนแค่ไหน” โยชินะหันไปถาม

            “แน่นอนที่สุดครับ.. พวกเขาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากเลย.. สำคัญมากเลยจริงๆ”

            แล้วนกหวีดยาวสิ้นสุดการแข่งขัดนัดสุดท้ายของเจลีกก็ดังขึ้น

            โกลจับมือกับคู่แข่งแล้วก็เดินมาเรื่อยๆเพื่อกลับไปยังอุโมงค์ โป้งเดินมาเคียงคู่กับเขา

            โป้งมองไปบนอัฒจันทร์เห็นแฟนบอลเจ้าบ้านหลายคนกำลังหลั่งน้ำตาแต่ก็ปรบมือให้ทีมรักของตน เพราะทีมของพวกเขาตกชั้นไป J2

          “น่าสงสารเนอะ นี่กูรู้สึกผิดเลยนะตอนที่ยิงลูกสุดท้าย.. ไม่น่ายิงเลย มึงก็โหดเกิน เขาบุกแทบเป็นแทบตาย มึงก็เซฟจัง”

            โกลหันไปมองหน้าโป้ง แล้วก็ขยี้หัว

            “ก็มึงเคยบอกไม่ใช่เหรอ ว่าการไม่ออมมือคือการไม่ดูถูกคู่แข่ง.. พวกเขาคงอยากแพ้โดยเราสู้เต็มที่ มากกว่าชนะโดยที่เราอ่อนข้อให้”

            โป้งยังมองอัฒจันทร์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าสร้อย พอดีมีเด็กเก็บบอลในสนามคนหนึ่งวิ่งมา

            “โป้งซัง ผมขอเสื้อของคุณได้ไหม” เขาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นช้าๆ

            โป้งมองหน้าเขาก่อนจะยิ้ม เด็กชายคนนี้น่าจะอายุราวสิบสามหรือสิบสี่ปี อาจเป็นนักฟุตบอลระดับเยาวชน

            โป้งถอดเสื้อแล้วส่งให้

            เขาโค้งพร้อมบอกคำขอบคุณแล้วยิ้มอย่างปลาบปลื้ม จากนั้นก็หันมาหาโกล

            “ของคุณด้วยได้ไหม โกลซัง เพื่อนของผมฝากมาขอ”

            โกลก็ถอดเสื้อให้แล้วก็วางมือบนไหล่ของเด็กชาย

            “เป็นนักฟุตบอลหรือเปล่า” เขาถามเป็นภาษาญี่ปุ่น

            “ใช่ครับ” เด็กชายตอบ

            “จำไว้นะ.. อยากเหมือนพวกเรา ต้องขยันฝึกซ้อม.. เสื้อของเราไม่ได้ทำให้เธอเก่งขึ้น มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่จะทำให้เธอเก่งขึ้นได้” โกลกล่าว

            เด็กชายนิ่งไป แล้วเขาก็โค้งอย่างอ่อนน้อม

            “ครับ ผมจะจำเอาไว้ให้ดี”

            แล้วสองนักฟุตบอลก็เดินคู่กันไป โดยมีเด็กชายมองตามหลังไป เขาเม้มปากแล้วพยักหน้าช้าๆ

            “เท่ชะมัดเลยนะ สองคนนี้”



หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 11-01-2016 10:58:14
ตอน โคกิ ฮิรากิ: เราก็เดินเป็นคู่ไม่ใช่เหรอเซนเซย์

แม้ในมีรายการชิงแชมป์โดยจะมีการแข่งขันของมีที่ได้5อันดับแรกเพื่อจะหาทีมที่จะได้ถ้วยแชมป์เจลีกไปครอง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับทีมอันดับหกอย่างพวกเขา

การต่อสู้ในฤดูกาลนี้ของนารา ธันเดอร์ เดียร์จบลงโดยสมบูรณ์แล้ว

ดังนั้นสองหนุ่มจึงได้รับวันหยุดเกือบหนึ่งเดือนเต็มๆ ซึ่งโป้งกับโกลตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวให้ทั่วประเทศญี่ปุ่น  พอบอกแผนนี้กับฮิรากิเขาก็อยากตามไปด้วยแต่เขาไปได้แค่สามสี่วันเท่านั้นเพราะเขามีโปรแกรมจะไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวของมาริจังแฟนสาวของเขา

ฮิรากิมารออยู่แล้วที่สถานีรถไฟเจอาร์นารา ตื่นตัวเมื่อเห็นโป้งกับโกลเดินมาโดยลากกระเป๋ากันมาคนละใบ

แต่รู้สึกแปลกที่โกลกับโป้งไม่มองหน้ากันหันคนละทาง

     “โอไฮโย โป้งคุง โกลคุง” ฮิรากิทัก

            สองคนก็หันมายิ้ม

            “ทะเลาะกันเหรอ” ฮิรากิถามตรง

            โกลเหลือบมองก่อนจะหันไปทางอื่น

            “มันน่ะงี่เง่า” โป้งตอบแล้วเมินบ้าง

            “ขอโทษที่มาช้า” เสียงไอศูรย์เดินมา

            “ไปเถอฉันจองรถรถเที่ยวแปดโมงไว้”

         

          เพราะเห็นท่าทีสองคนมึนตึงต่อกัน ดังนั้นตอนที่โป้งกับฮิรากิลุกไปเข้าห้องน้ำ ไอศูรย์เลยถามโกล

            “เป็นอะไรกัน” ไอศูรย์ถามเป็นภาษาไทย

            “ทะเลาะกันใช่ไหม”

            ที่นั่งของขบวนรถนี้สามารถปรับหันมาเจอหน้ากันได้ โกลเลยได้มองหน้าไอศูรย์ ไอศูรย์เป็นหนุ่มร่างเล็กผิวขาวจัด ดวงตากลมๆโตๆ หน้าตาอ่อนกว่าวัยยี่สิบต้นๆจนเหมือนเกือบเท่าพวกเขา

            “ก็ทะเลาะกันเรื่องกระเป๋า ไอ้โป้งมันจะให้ใส่ใบเดียว แต่ผมคิดว่าน่าจะใส่สองใบจะได้ต่างคนต่างลาก ไม่ต้องมาพะวักภวังค์ ก็เลยทะเลาะกัน” โกลตอบ

            “เรื่องมันก็แค่นี้ล่ะ เซนเซย์  มันงี่เง่า” เสียงสุดท้ายเหมือนเริ่มมีอารมณ์

            ไอศูรย์ยิ้ม

            “ทะเลาะกันบ่อยเหรอ”

            “ก็ไม่ค่อยบ่อย.. ไอ้โป้งบางทีมันก็เรื่องมากเกิน บางทีมันก็ขี้บ่น ผมก็อดจะย้อนมันไม่ได้ก็เลยทะเลาะกัน”

            ไอศูรย์ยิ้มกริ่ม มองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันมาถามตรง

            “สองคนเป็นแฟนกันใช่ไหม”

            โกลอึ้ง

            “ไม่ต้องกลัว ฉันเข้าใจ..” ไอศูรย์ยิ้ม

     ”จริงอยู่ที่ญี่ปุ่นอาจไม่ค่อยยอมรับเรื่องพวกนี้นัก เพราะพวกเขาเป็นสังคมประเภทอุดมคติสูง คิดอะไรเป็นกรอบแบบแผน แต่เดี๋ยวนี้ก็เปิดมากขึ้นแล้วหละ แต่ก็ไม่ควรไปแสดงออกอย่างชัดเจน อย่างที่สองคนทำน่ะ ดีแล้วเพราะไม่โจ่งแจ้งเกินไป”

            โกลมองออกไปข้างนอก ก่อนจะหันกลับมา

            “ก็อย่างนั้นล่ะ เซนเซย์  เราไม่ได้ปิดบังนะ แต่เราแค่ไม่ไปป่าวประกาศไปทั่วก็เท่านั้นเอง”

            ไอศูรย์พยักหน้า แล้วเขาก็ถอนหายใจ

            “บางที ฉันก็อิจฉาพวกนายนะ.. ได้แสดงออกในสิ่งที่ใจคิด.. แต่ใครสักกี่คนที่จะทำได้อย่างนั้น.. เพราะเรารักเขา ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะรักเราจริงไหม.. แต่พวกนายใจตรงกัน”

 

            เมืองอูจิเป็นเมืองไม่ใหญ่นัก แต่มีบรรยากาศงดงามและยังเป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในสมบัติชาติของญี่ปุ่นคือศาลาโฮโดหรือศาลาฟินิกซ์ สี่หนุ่มเดินชมเมืองโดยมีไอศูรย์อธิบายเป็นฉากๆ เพราะไอศูรย์นอกจากจะเป็นผู้เชียวชาญภาษาแล้วยังเรียนสาขาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วย

            ไอศกรีมชาเขียวที่เป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่ง เพราะอุจิเป็นแหล่งชาดีตั้งแต่สมัยโบราณ  สี่หนุ่มเลือกร้านที่ตกแต่งได้น่ารัก

            นายโป้งกินอย่างอร่อยด้วยรอยยิ้ม โกลหันมาเห็นแล้วก็ยิ้ม

            เหมือนเด็ก.. ไอ้ตีนซ้ายอันตรายในสนาม มาตอนนี้เหมือนเด็กห้าหกขวบ แถมกินเลอะจนไอศครีมติดแก้ม

            เขาก็เลยเอากระดาษทิชชู่เช็ดให้

            “กินเหมือนเด็ก” โกลว่า เขายิ้มละไม

            โป้งมองดวงตาและรอยยิ้มนั้น

            “ก็มันอร่อยนี่” โป้งท้วง

            “มึงก็อร่อยทุกอย่างหละโป้ง ทำอะไรระวังตัวหน่อย มิน่าแม่มึงต้องคอยเตือนตลอด”

            โป้งนิ่ง แล้วยิ้มออกมา

            “จะระวังทำไม ก็มึงคอยดูแลกูตลอดอยู่แล้วนี่”

            ฮิรากิมองสองคนด้วยรอยยิ้มที่ห้ามไม่ได้ เขาหันไปมองไอศูรย์ที่กำลังจิบน้ำแล้วมองไปที่ถนน..

 

            ศาลาฟินิกซ์งดงามอยู่กลางสระสีมรกตที่สะท้อนเงาอาคาร อาคารทรงที่ได้รับอิทธิพลศิลปะจีน มีอาคารเล็กสองข้างมีทางเดินเชื่อม ด้านหลังอาคารหลักมีอาคารอีกหลังตั้งอยู่และมีทางเดินเชื่อม เหมือนนกขนาดใหญ่กำลังกางปีก บนหลังคามีนกฟินิกซ์กางปีกอยู่บนยอดหลังคา

            โป้ง โกล และฮิรากิ ยืนกอดคอถ่ายรูปที่มุมด้านหน้าที่มองข้ามบึงน้ำไปเห็นอาคารแผ่ปีกไปทั้งสองด้าน

            พอถ่ายเสร็จสามหนุ่มก็หยอกกันพอสนุกสนาน ไอศูรย์จึงต้องอมยิ้มกับภาพนักฟุตบอลอาชีพทั้งสามเล่นกันอย่างกับเด็ก

            “เอ้าเด็กพอแล้ว ตั้งแถวๆ” เขาเดินเข้าไปแล้วยกมือเหมือนเวลาอาจารย์โรงเรียนประถมทำเวลาจัดแถวเด็กนักเรียน

            ฮิรากิก็เลยวิ่งมายืนตรงเป็นคนแรก โกลกับก็ยืนต่อหลัง

            “ตามเซนเซย์มานะ” แล้วไอศูรย์ก็เดินนำหน้าไป

            “เราจะไปไหนกันต่อฮับ เซนเซย์”

            “พิพิธภัณฑ์”

            “ไปทำอะไรฮับเซนเซย์”

            “ไม่เอา ไม่เอาจะกินไอติม”

            “กินอะไรเยอะแยะโป้งจัง.. กินไปสี่โคนแล้วยังไม่พออีกเหรอ”

            “ตะกละ”

            “โอ้ย..เซนเซย์ โป้งจังกัดผม”

            “ไม่เอาสิโป้งจัง โกลจังอย่าเล่นกันแรงๆ”

 

            จากอูจิสี่หนุ่มก็เดินทางต่อไปและแวะที่เมืองเล็กเมืองหนึ่งก่อนถึงเกียวโต เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของญี่ปุ่นคือฟุชิมิ

            สามหนุ่มนักฟุตบอลก็หยอกกันพลางถ่ายรูปไปตลอดแนวเสาโทรินับพันๆต้นของศาลาเจ้าเทพเจ้าอินาริและศาลของเทพจิ้งจอกขาว แล้ววรรคด้วยการที่มีแฟนฟุตบอลทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำได้ก็ทักทาย บางทีก็เป็นคนไทยก็ขอถ่ายรูปกับโป้งและโกล

            ไอศูรย์ยังติดตามเรื่องราวที่เมืองไทยเสมอแม้จะจากมานาน ตอนนี้ที่เมืองไทยสองหนุ่มกำลังดัง เพราะการที่เขาเดินทางมาค้าแข้งถึงต่างแดน แถมทำได้ดีและพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าที่ย้ายมาไม่ใช่การโปรโมทลีกของญี่ปุ่น

            ดังนั้นจึงเกิดกระแสตื่นตัวในหมู่ราชการไทยที่ร่วมหันมาปรับปรุงฟุตบอลระดับเยาวชนและแผนผลักดันให้มีลีกระดับเยาวชนซึ่งเป็นหนทางการพัฒนาเด็กไทยไปสู่อนาคต

            ไอศูรย์ก็ชื่นชอบฟุตบอล เพียงแต่เขาตัวเล็กเกินไปจะเล่น ก็เลยหันมาเรียนหนังสือ  ที่จริงเขามาจากครอบครัวที่ยากจน แต่โชคดีที่ได้พบกับโอโตะซังและโอกะซัง(พ่อกับแม่)ที่รับเขามาเลี้ยง แต่ยังมีเพื่อนเขาอีกหลายคนที่ไม่ได้โชคดีอย่างนั้น

เขาเศร้าใจกับข่าวคราวจากเพื่อนที่ยังติดต่ออยู่แจ้งมาถึงจุดจบที่น่าอนาถใจของเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกันสมัยก่อนที่หลงเดินทางผิดหันไปหายาเสพติด  เขาหวังว่าฟุตบอลที่พัฒนาอย่างเข้มแข็งจะเป็นแรงดึงดูดด้านบวกที่ต่อต้านกับขบวนการยาเสพติดที่พยายามชักจูงเยาวชนให้หลงไป

 

โป้งเอาทาโกะยากิใส่ปากเคี้ยวอย่างอร่อย โกลมองแล้วก็ส่ายหัวเพราะเขากินมาตลอดทางจริงๆ

“นี่มึงพึ่งกินคิซูเนะ อูด้ง(อูด้ง จิ้งจอก)ไปไม่ถึงชั่วโมงมากินต่ออีกแล้ว.. มึงนี่ สงสัยจะเป็นควาย มีสี่กระเพาะ” โกลส่ายหัว

โป้งทำหน้าไม่ยี่หระเคี้ยวเอื้องหยับๆให้ดูด้วย

ให้กินเท่าไหร่มันก็ไม่อ้วนหรอก เพราะโป้งมีระบบเผาพลาญราวกับเตาปรมาณู ดังนั้นแม้เขาจะกินเท่าไหร่มันก็เผาเป็นพลังงานหมด ตรงนี่กระมังที่โกลสันนิฐานว่าเป็นต้นเหตุของอาการลุกลี้ลุกลน สนใจอะไรรอบตัวของมัน

“เอ้าเจอแล้ว..” ฮิซากิร้องแล้วชี้ลงในแผนที่

“ใกล้ๆนี่เอง”

“อืม.. ข้ามไปฝั่งตรงข้ามเดินทะลุศาลเจ้ายาซากะไปก็ได้นี่” ไอศูรย์ว่า

“แล้วไปเช็คอินกันก่อน แล้วค่อยกลับมาเดินเล่นในกิออนตอนเย็นๆ เผื่อจะเจอไมโกะ(เกอิชาฝึกหัด)ด้วย”

“เทนโชซัง ผมขออีกชุดหนึ่งครับ” โป้งรีบหันไปสั่งด้วยภาษาญี่ปุ่นด้วยสำเนียงดีพอตัว

“ไฮ รอสักครู่ครับ” คนขายหันมาตอบ

“กินล้างกินพลาญ” โกลว่า

โป้งหันทาทำเชิดใส่แล้วก็จิ้มทาโกะยากิลูกสุดท้ายในถาดกระดาษกินโชว์อีกต่างหาก

 

ในแสงสีของย่านกิออน โกลกับโป้งเดินคู่กันชี้ชวนดูป้ายไฟอย่างร่าเริง

ฮิรากิมองแล้วก็ยิ้ม

“เห็นแล้วคิดถึงมาริจังหรือไง” ไอศูรย์กล่าวแล้วมองไปตรงๆ

“ทำไมไม่ชวนมาด้วย”

ฮิรากิหันไปมองหน้าไอศูรย์ ยามนี้หน้าไอศูรย์มีแสงไฟฉาบดูงดงามไปอีกแบบ

“เขามาด้วยมันก็ไม่สนุกหรอก.. เรามากันแค่สี่คนดีแล้ว”

“แล้วไม่เหงาเหรอ.. น่าอิจฉาจะตายเห็นพวกเขาเดินเป็นคู่แบบนี้” ไอศูรย์ถามกลับ

ฮิรากิมองโป้งกับโกล แล้วเขาก็สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกมา

“เราก็เดินเป็นคู่ไม่ใช่เหรอเซนเซย์” แล้วเขาก็ยิ้มเพราะได้พูดสิ่งทีอยากพูดออกไป

ไอศูรย์หันมามองรอยยิ้มของฮิรากิ แล้วเขาก็มองไปตรงๆ แล้วก็ไม่สามารถซุกซ่อนรอยยิ้มของตนเองไว้ได้เช่นกัน



หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-01-2016 12:37:00
 :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โค้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 11-01-2016 14:02:19
น่ารักอะ โกล โป้ง  :mc4: :mc4: งอนกันก็น่ารัก
อีกคู่ ฮิซากิ กับเซนเซย์ ฟินมาก ชอบ ชอบ :-[
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 13-01-2016 16:54:50
ตอน โยชิซึเนะ โป้งจัง กับ เบ็งเค โกลจัง

เพราะความรู้เชิงวัฒนธรรมของไอศูรย์ เขาก็เลยเป็นลูกมือให้กับชายวัยกลางคนในการแต่งองค์ทรงเครื่องสองนักฟุตบอล ไทยเป็นซามูไรญี่ปุ่นได้อย่างแนบเนียน

ระหว่างแต่งตัวให้โป้ง ชายวัยกลางคนก็หันมากล่าวไอศูรย์ แต่เพราะเขาพูดเร็วและใช้ศัพท์ยากๆ โป้งก็เลยไม่เข้าใจ

แต่ฮิรากิถึงกับป้องปากหัวเราะ

“เขาบอกว่าโป้งหน้าตาเหมือนผู้หญิง ถ้าใส่กิโมโนผู้หญิงคงสวยดี”

โกลหัวเราะดังหึๆ

แต่โป้งทำตาโต

“ไม่เอานะ ผมอยากเป็นซามูไร.. ไม่ใช่เกอิชา” โป้งบอกแก่ขายวัยกลางคนด้วยภาษาญี่ปุ่น

ชายวัยกลางคนหัวเราะแล้วพูดกับโป้งด้วยคำพูดง่ายขึ้น

“หน้าตาอย่างกับผู้หญิง ซามูไรเขาต้องหน้าตาแบบคนโน้นสูงใหญ่ แข็งแรงอย่างกับเบ็งเค รู้จักไหม”

โป้งเข้าใจเกือบทั้งหมดแต่ไม่รู้ว่าเบ็งเคคืออะไร

“เบ็งเค เป็นนักรบสมัยสงครามเก็นไปอิ ว่ากันว่าเขาตัวใหญ่แข็งแรงมาก” ไอศูรย์อธิบาย

โป้งหันไปมองหน้าโกล เขาก็ทำท่าแบ่งกล้ามเย้ย

โป้งก็ทำหน้าหลอก..  ชายวัยกลางคนก็หัวเราะ

“เอาๆ ให้เป็นโยชิซึเนะก็ได้ จะได้เป็นเจ้านายเบ็งเค” แล้วเขาก็ถอยไปยืนทำท่าโค้ง

“โยชิซึเนะซังวะ”

“มินาโมโตะ โยชิซึเนะ เป็นน้องชายของมินาโมโตะ โยริโทโมะ โชกุนคนแรก” ไอศูรย์อธิบาย

“เขาเป็นเจ้านายของเบ็งเค”

โป้งได้ทีหันไปยืดอก แล้ววางมาดกระดิกนิ้วเรียกโกล

“โอ๊ย เบ็งเคมานวดข้าหน่อยสิ”

โกลทำหน้าเหม็นเบื่อใส่

ทั้งชายเจ้าของร้าน ฮิรากิ และไอศูรย์หัวเราะกันคิกคัก

 

ไอศูรย์ที่รับหน้าที่เป็นเหมือนมัคคุเทศก์มองสามหนุ่มหยอกล้อกันบ้างถ่ายรูปกันบ้างด้วยความสนุกสนาน

นอกสนามฟุตบอล พวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาเท่านั้นเอง..

เขากับฮิราอิรู้จักกันมานานตั้งแต่ ฮิราอิยังเป็นเด็กชาย แต่เพราะฮิราอิเป็นคนที่ความฝันจะไปอยู่ต่างประเทศก็เลยสนใจจะมาคุยกับเขา ด้วยภาษาอังกฤษ นั่นนอกจากเป็นคนช่วยทำให้เขาหายเหงาแล้ว ก็ยังเป็นคนที่ทำให้เขาได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นไปด้วย

ยิ่งนานวัน เด็กชายก็เติบโตขึ้น หันเข้าสู่กีฬาฟุตบอล เพราะเขาชอบ และก็ยังหวังว่าฟุตบอลจะพาให้เขาไปต่างประเทศได้ในสักวัน

เขารู้จักกับครอบครัวของฮิรากิ ดังนั้นสำหรับเขา ฮิรากิจึงเหมือนเป็นน้องชายอีกคนหนึ่ง..

แต่ยิ่งผ่านเวลา.. ความรู้สึกของเขาต่อฮิราอิ ก็ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั้งวันที่ฮิราอิมาบอกว่าเป็นเป็นแฟนกับมาริจัง เพื่อนหญิงที่สนิทสนมกัน.. นั้นเอง ที่บอกให้เขารู้ว่า.. เขาไม่ได้มองฮิราอิเป็นแค่น้องชาย..

ความเจ็บปวดที่ลั่นมาจากส่วนลึกของหัวใจบอกเขาอย่างชัดเจน

“รุ่นพี่ถ่ายรูป ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยครับ” ฮิราอิเรียก

ไอศูรย์ จึงเดินไปเข้าไป เขาหยิบกล้องแล้วเล็งภาพของสามหนุ่ม โดยฉากหลังเป็นปราสาททองคินคาคุจิที่สะท้อนเงากับสระกระจกจนเหมือนเหมือนมี ปราสาทสองหลัง ท่ามกลางใบไม้สีแดงจัดและเหลืองทองไส่เฉดสีกันอย่างงดงาม

พอถ่ายเสร็จ

โกลก็เดินออกมา

“เซนเซย์ไปถ่ายบ้างสิ ยังไม่มีรูปเซนเซย์เลยไม่ใช่เหรอ”

ไอศูรย์ก็เลยเดินเข้าไป ตอนแรกเขาก็ยืนห่าง

“ชิดๆกันหน่อยครับ” โกลโบกมือ

ไอศูรย์ก็ขยับนิดหนึ่ง แต่เป็นฮิราอิที่ขยับมาจนชิด

“โป้งออกมาดีกว่า ชุดไม่เข้ากันเลย” โกลว่าแล้วกวักมือเรียก

โป้งก็เดินงงๆออกมา

             ไอศูรย์พอโป้งออกไป ฮิราอิก็ขยับออกมานิดหนึ่ง

            แต่ฮิราอิขยับมาแถมโอบบ่าของไอศูรย์ไว้ด้วย

            โกลเผยรอยยิ้ม

            “สาม.. สอง หนึ่ง.. ชีส..”

           

            โป้งเดินเคียงมากับโกลตอนออกจากวัดคินคาคุจิ เขาหันไปเห็นฮิรากิกับไอศูรย์เดินห่างออกไป

            “มึงจงใจใช่ไหมโกล” โป้งถาม

            “หือ..” โกลขานแต่ยังไม่เข้าใจ

            “ก็ที่มึงพยายามให้พี่เขาถ่ายรูปคู่กับพี่ไอศูรย์ไง.. มึงกะจะให้พี่เขาได้ใกล้ชิดฮิรากิ” โป้งยิ้มเมื่ออธิบาย

            “ก็ประมาณนั้น.. ที่ถามนี่มึงก็ดูออกสินะ” โกลเหลือบมองหน้าโป้ง

            “ก็ออกสิวะ.. เวลาสองคนมองตากันมันบอกเลยชัดเจนมาก..แต่” โป้งลดเสียง เหลือบไปมองก่อนจะกล่าว

            “มันจะดีเหรอ.. ไอ้ฮิรากิมันมีแฟนแล้วนะ”

            โกลถอนหายใจ..

            “นี่หละปัญหา.. กูเลยอยากให้มันชัดเจน.. ไม่ว่าจะดีหรือร้าย.. บางทีความชัดเจนมันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ”

            โกลหันไปมอง สองหนุ่มเดินเคียงข้างกันสนทนากันด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ส่องลอดใบไม้สีแดงเหลืองเป็นห้วงๆงดงาม..

           

            หลังเปลี่ยนชุดคืนให้ร้านแล้ว โกลกับโป้งยินดีจะเซ็นลายเซ็นบนรูปถ่ายที่ลูกชายเจ้าของร้านไปอัดขยายเพราะ เขาจำได้ว่าทั้งคู่เป็นนักฟุตบอลเจลีก แต่โป้งรอให้โกลเซ็นเสร็จก่อนเขาถึงหันไปกระซิบกับไอศูรย์ ไอศูรย์หัวเราะ

            “โอเคๆ เดี่ยวเขียนให้” แล้วเขาก็เขียนลงไปด้านล่างของภาพ

            จากนั้นโป้งก็ยิ้มกริ่มตอนเซ็นชื่อ แต่โกลขมวดคิ้ว เขาพยายามอ่านแต่อ่านไม่ออก อ่านได้แต่ โป้งจังกับโกลจังซึ่งเขียนด้วยอักษรทาคาคานะ แต่อ่านตัวคันจิไม่ออก

            “เขียนว่าอะไร” โกลหันไปถามกับฮิรากิ

            โป้งเซ็นชื่อเสร็จแล้วก็ส่งให้ลูกชายเจ้าของร้าน เขารับไปแล้วเอาให้พ่อที่เดินมาพอดีดู

            “ใช่ๆ ใช่แล้ว.. โชชิซึเนะซังวะ” ว่าแล้วก็โค้งให้โป้ง ก่อนจะเดินไปตบบ่าโกลแล้วเดินไปด้านหลังของร้าน

            ฮิรากิหัวเราะเบาแล้วก็ตอบ

            “เขียนว่า โยชิซึเนะ โป้งจัง กับ เบ็งเค โกลจัง...”

            “ไอ้โป้ง..” โกลเสียงเขียว

            โกลหันขวับไปหาโป้งแต่ไอ้ตีนจรวดวิ่งออกไปจากร้านเสียแล้ว โกลเลยตามออกไป

            ลูกชายเจ้าของร้านมองตามทั้งไปทำตาโตๆ

            “โอ้.. แข็งแรงกันจังเลยนะ”

            ไอศูรย์หันไปยิ้มกับฮิรากิ..

           

            วันรุ่งขึ้นสี่หนุ่มก็ขึ้นรถไฟจากเกียวโตไปยังโอซาก้าซึ่งใช้เวลาราวๆชั่ง โมงหนึ่งแต่ต้องเบียดไปกับคนจำนวนมากเพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วนพอดี

            พอถึงโอซาก้าก็เอากระเป๋าไปฝากกับโรงแรมที่พัก แล้วก็เดินทางโอซากาโกะ เพราะโป้งอยากดูปลาที่ โอซาก้า อควาเรียม หรือเรียกว่าไคยุกคัง

            โป้งหัวเราะเอิ้กอ๊ากเมื่อเจ้าแมวน้ำตัวหนึ่งมามองเขาอยู่ข้างตู้ แถมทำท่าเหมือนรู้จักกันมาแรมปี ผงกหัวขึ้นๆลงด้วย

            “ไอ้โป้งมันมีเสน่ห์กับสัตว์ แต่อย่าปล่อยให้มันอยู่กับด้วยกันนานไปนะ เดี่ยวทะเลาะกัน” โกลหันไปบอกกับไอศูรย์และฮิรากิ เพราะเจ้าแมวน้ำมองหน้าพงกหัวให้โป้งอยู่อย่างนั้นไม่สนใจที่ครูฝึกเรียกด้วยซ้ำไป

            “แต่มันติดใจโป้งคุงจริงๆนะ ดูสิมันทำหน้าเหมือนเห็นเพื่อนเก่าเลย” ฮิรากิหัวเราะทั้งบันทึกวีดีโอด้วยโทรศัพท์ของเขา

            พอมาถึงตู้ใหญ่ที่สุดซึ่งมีฉลามวาฬและปลากระเบนและปลาขนาดใหญ่ว่ายเวียน โป้งก็ทำหน้าเหมือนเด็กมองมันอย่างตื่นตะลึง

            “สมัยเด็กๆ พ่อมึงไม่เคยพาไปไหนเลยหรือไง..” โกลกล่าวขึ้น

            โป้งหันมามองหน้าทำหน้าบู้

            “ไม่ค่อยได้ไปเลย.. ถึงวันหยุดก็อยู่บ้านซ้อมบอล อย่างดีก็ไปงานวันเด็กกับงานนั่นงานนี่นิดหน่อย” แล้วโป้งก็หันกลับไม่โบกมือให้ฉลามวาฬ  น่าตลกตรงที่ฉลามวาฬว่ายอยู่ดีๆก็กลับตัวมาว่ายวนตรงแถวที่โป้งยืนอยู่ ปลาเล็กปลาน้อยอื่นๆก็ว่ายวนเข้ามา

            หรือมันจะสัมผัสได้ถึงกระแสความเมตตาจากนายโลกสวยที่มองทุกอย่างอย่างงดงามไปหมด สมัยเด็กๆโกลก็ไม่เคยไปไหนกับพ่อแม่ คนที่พาเขาไปคือกานต์ และแม่บ้านที่เสียชีวิตไปตอนที่เขาอยู่ม.หนึ่ง โกลได้ไปในทุกที่เขาอยากไป ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ.. แต่ก็ไม่มีที่ใดที่สร้างความประทับใจให้เขาเลย..

            แต่พอมีนายคนนี้ก้าวเข้ามา.. ที่ไหนที่มีมันคือที่งดงามสำหรับโกล.. โป้งทำให้เขายิ้มได้ แม้แต่เวลามันโกรธแล้วงอน มันก็ยังทำอะไรประชดเขาเหมือนเด็กๆ ซึ่งน่าขำมากกว่าน่าโมโห..

            ดวงตาของโป้งที่มองฉลามวาฬว่ายวนเวียนทำให้หัวใจโกลเหมือนมีดอกไม้นับหมื่นแย้มบาน

            พอออกจากอควาเรียม โกลกับโป้งบอกว่าจะไปหาซื้อข้าวกลางวันกันให้แล้ว ทั้งสองก็เดินไปทั้งให้ฮิรากิกับไอศูรย์อยู่กันตามลำพังที่จุดชมวิวอ่าวโอซา ก้า

            ทั้งคู่นั่งกันอยู่ครู่ใหญ่โดยที่ฮิรากิก็เอาวีดีโอที่ถ่ายไว้ในอควาเรียมมา ดู ซึ่งเป็นตอนที่โป้งทะเลาะกับปลากะเบนอยู่ในอ่างให้เอามือลงไปลูบได้ เพราะมันเอาตัวมาทับมือโป้งไม่ยอมปล่อย.. โป้งเองก็ไม่กล้าดึงมือเพราะกลัวจะทำให้มันบาดเจ็บ ได้แต่ไล่มันด้วยการเสียง แต่มันก็ไม่ขยับ

            "เฮ้ยออกไปสิ.. เฮ้ย.. นี่ไม่ใช่เตียงนอน นี่มันมือฉัน"

            ฮิรากิหัวเราะเอิกๆกับน้ำเสียงและหน้าตาของเพื่อนร่วมทีมที่บันทึกไว้

            “โป้งคุงนี่เขาน่ารักดีนะ มิน่าโกลคุงถึงรักเขามาก”

            ไอศูรย์แปลกใจ

            “นี่รู้ด้วยเหรอ”

            ฮิรากิพยักหน้า..

“ตอนแรกก็สงสัยเฉยๆนะ แต่ได้สนิทสนมแล้วก็รู้เลยว่าเขาเป็นมากกว่าเพื่อนแน่นอน”

ไอศูรย์ทำหน้ากังวล

“ผมไม่บอกใครหรอก เซนเซย์.. ผมเข้าใจพวกเขาดี ผมเคยอ่านหนังสือต่างประเทศนะ เขาบอกว่าการเป็นเกย์เป็นสิ่งที่พูดเลือกกันไม่ได้ แถมพวกเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่าเกลียดด้วย เวลาเขาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เวลาเขาซ้อมด้วยกัน เขาก็เหมือนผู้ชายสองคนธรรมดา แล้วก็คงไม่มีใครคิดมากนอกเสียจากว่า..”

ฮิรากิมองออกไปในทะเล

ไอศูรย์เผลอตัวกลั้นใจระหว่างรอคอยคำพูดต่อไป

“คนที่เขาสนใจในตัวคนหนึ่งคนใดในสองคนนี้ แล้วเริ่มสังเกตุ  ซึ่งก็แน่นอนก็คงมีแต่ผู้หญิงหรือเกย์ด้วยกันเท่านั้นหละ”

ไอศูรย์พยักหน้าช้าๆ

“นั่นสินะ.. ใครจะไปคิด  เขาก็เหมือนเพื่อนที่สนิทกันมากเท่านั้นเอง”

แล้วฮิรากิก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ

“เซนเซย์.. บางทีมันก็แปลกนะ.. เรื่องของหัวใจคน ทำไมคนเราต้องดื้อดึง ทำไมคนเราต้องมีความแตกต่างกัน.. แล้วทำไมคนเราต้องมองคนที่แตกต่างจากเราว่าแตกต่าง.. แล้วที่สำคัญคือทำไมคนเราต้องแคร์คนอื่นว่าเขาจะคิดกับเรายังไง”

“ก็เพราะเป็นคนยังไงล่ะ ฮิรากิ.. เราเป็นคนเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เรามีคนอื่นที่แคร์เรา.. เรามีคนอื่นให้ห่วงใย.. เราแคร์คนที่ห่วงใยเรา” ไอศูรย์กล่าว

“เราก็ไม่อยากให้คนที่รักเราเสียใจใช่ไหมหละ”

ฮิรากิเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นเสียก่อน

เขาผงกหัวให้กับไอศูรย์แล้วก็เดินไปคุยอยู่ห่างพอสมควร

ไอศูรย์ถอนหายใจแล้วก็มองไปไกลในอ่าวที่มีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่แล่นผ่านไปมา

“อิโตะ..” เสียงเรียกอย่างแปลกใจทำให้ไอศูรย์ตื่นตัว เขาหันไป

ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้..

“นิชิโอะคุง..”

โกลกับโป้งกลับมาพร้อมกับอาหารชุดใหญ่ที่ได้จากร้านสะดวกซื้อทีอยู่ใกล้เคียง แต่เขาต้องแปลกใจที่มีคนอื่นอยู่ด้วย

เขาก็เดินลงข้างฮิรากิที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งห่างออกไป

“ใครน่ะ” โกลถาม

“เพื่อนของเซนเซย์” ฮิราอิกล่าวเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ได้เห็นชายคนนั้น

“ทาเคดะ นิชิโอะ เกย์เพลย์บอยชื่อดังแห่งโอซาก้า”

“เพลย์บอย.. หมายความว่ายังไง..” โป้งทำหน้าซื่อถาม

“ก็เพลย์บอย จีบผู้ชายไปทั่วไง..” ฮิรากิตอบแล้วหันไปมองทางอื่น

“เขาเคยคบหากับเซนเซย์อยู่ระยะหนึ่งด้วย”

โป้งกับโกลสบตากัน ก่อนจะกล่าวออกมา

“ไอ้เดฟ..”

ฮิรากิหันขวับมาทำหน้างง เพราะสองคู่หูพูดเป็นภาษาไทย

“อ้อ..เพื่อนเราคนหนึ่ง.. เขาเป็นคนไทยแต่เป็นลูกครึ่ง.. นั่นก็เพลย์บอยเกย์เวอร์ชั่นไทย”

ทาเคดะ นิชิโอะเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลนักธุรกิจร่ำรวยมากตระกูลหนึ่งของภูมิภาคคันไซ

            เขามีดวงหน้าหล่อเหลาและมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ดวงตามักจะฉายแววกรุ่มกริมยามสบตา ดังนั้นในระหว่างที่กินข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารราคาแพงที่นิชิโอะเป็นออก ปากเชิญมา เขาจึงทอดสายตาให้โกลบ่อยๆ

            “เป็นนักฟุตบอลนี่ก็ต้องแข็งแรงมาเลยสินะ” นิชิโอะกล่าวแล้วยิ้มจางๆมองหน้าโกล..

            โกลก็ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ

            “ก็ไม่หรอกครับ ผมเป็นผู้รักษาประตู”

            “แต่คุณก็ดูแข็งแรงดี กล้ามแน่นขนาดนั้น” แล้วนิชิโอะก็มองท่อนแขนของโกลที่วางบนโต๊ะ ทำขยับเหมือนจะเอื้อมมาจับ

            แต่จู่ๆโป้งก็ดึงแขนโกลลงไป

            “ไม่มีมารยาทเลยนะโกล ทำไมเอาแขนวางบนโต๊ะกินข้าวหละ” โป้งเอ็ดโกล

            โกลหันมามองหน้าโป้ง โป้งก็มองตา แม้จะยิ้มแต่เห็นได้ชัดว่าสายตาบอกเลยไม่ชอบใจ.. โกลต้องแอบยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ

            หึงหละสิ..

            “ว่างเมื่อไหร่ ก็มาสอนฟุตบอลผมบ้างนะ ผมสนใจกีฬานี้เหมือนกัน.. ผมมีค่าตอบแทนให้ด้วย” นิชิโอะคงไม่ได้สำเนียกในกิริยาของโป้ง

            “ไม่ว่างครับ เราซ้อมกันทุกวัน” โป้งตอบออกไปแทนแล้วก็มองหน้านิชิโอะ แม้เข้าจะยิ้มแต่สายตาก็ไม่ได้ยิ้มตามไป

            “อ้อ.. เหรอครับ..” นิชิโอะพยักหน้า

            “งั้นว่างๆผมจะไปเยี่ยมที่นารา.. ผมสนใจฟุตบอลและสนใจคนไทยด้วย”

            “เชิญครับ..” โป้งตอบแทน..

            "ที่สนามซ้อมเรามีพื้นที่ให้แฟนๆนั่งชมอยู่แล้ว” โป้งกล่าวเหลือบมองหน้าโกล

            โกลเอาชาร้อนมาจิบแล้วหันไปมองทางอื่น

            ไอศูรย์หันมองหน้าฮิรากิ เขาไม่มองหน้าใคร แต่มองออกไปจากวงสนทนาเหมือนไม่อยากจะรับฟังอะไร

            ออกมาจากร้านอาหาร นิชิโอะก็ทำท่าจะบอกลาเพราะเขาเปรยว่ามีนัดต่อ

            เขาโอบเอวของไอศูรย์อย่างใกล้ชิด

            “จะอยู่อีกกี่วัน ว่างๆฉันจะได้มารับนายไปเที่ยวกัน”

            “ก็คงอีกสองวัน” ไอศูรย์ว่า

            “งั้นดีเลย.. พรุ่งนี้ฉันจะรับนายไปเที่ยว.. แล้วจะโทรมานะ”นิชิโอะกล่าว แล้วสบตากับไอศูรย์อย่างมีความนัย

            ฮิรากิเห็นเขาก็เบือนไปอีกทาง โป้งก็แอบหันไปแบะปาก

            “ไม่ถูกชะตาเลยไอ้หมอนี่จริงๆ” โป้งกล่าวออกมาเป็นภาษาไทยเบาๆ

            “เอ่อ.. แต่เรามีโปรแกรมกันแล้วหละ นิชิโอะ.. ขอบคุณนะ” ไอศูรย์ปฏิเสธ

            “ก็เปลี่ยนสิ.. ตกลงพรุ่งนี้ฉันจะมารับนะ”

            แล้วนิชิโอะก็ขอตัวกลับ มีแต่โกลกับไอศูรย์เท่านั้นที่บอกลาด้วย แต่โป้งกับฮิรากิหันไปคนละทางแกล้งทำเป็นไม่เห็น

 

            “ถ้ามันมารับ มึงก็ไปกับไอ้หมอนั่นก็ไปแต่กูไม่ไป” โป้งกล่าวตอนเดินเข้าห้องน้ำด้วยกันสองคน

            “ทำไมละ นิชิโอะเขาเจ้าถิ่น มีเขาพาไปมันก็สนุกดีออกนะ” โกลตอบ

            “อยากจะไปก็ไป.. กูไปเที่ยวคนเดียวก็ได้” โป้งตอบแล้วเข้ามายืนที่โถปัสสาวะรูดซิบลงทำธุระ

            โกลก็ยืนข้างๆ

            “เฮ้ย นิชิโอะเขาน่ารักออก.. อุตส่าห์ชวนมึงอย่าเสียมารยาทสิวะ”

            โป้งหันมามองหน้าแววตาเย็นชารูดซิบกางเกงแล้วกดปุ่มFlash อย่างแรง

            “เออ.. กูไม่มีมารยาท..แต่กูจะไม่ไป.. เชิญมึงตามสบาย” แล้วโป้งก็เดินไปล้างมือ

            โกลอมยิ้มรูดซิบกด Flash แล้วเดินไปยืนข้างหลังโป้ง เขาหันซ้ายหันขวาไม่เห็นใครก็กอดแล้วหอมแก้ม แต่โป้งก็เอี้ยวหลบ

            “หึงเหรอ” โกลถามตรงๆ

            โป้งหันมาดันโกลออกไป

            “เออ..กูหึง ก็แม่งทำท่าจะเอามึงให้ได้อย่างนั้น” แล้วโป้งก็เดินจะออกไป แต่โกลดึงกลับมาอยู่ในอ้อมกอด

            “กูดีใจจังเลย.. มึงหึงกูด้วย” เขากระซิบข้างหู แล้วก็หอมแก้มก่อนจะเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม

            โป้งหน้าแดงจนร้อนฉ่า..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-01-2016 19:13:52
โป้งหึงโกล :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 14-01-2016 17:54:10
เขาหึงกันน่ารักดีจังเขินๆ  :-[ :z3:
แอบหึงแทนนะ นิชิโอ๊ะ  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: เรามอบให้ ยี่สิบที จัดไป!!!!
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 15-01-2016 08:11:38
ตอน ไอศูรย์: อยากให้เขาเป็นเด็กตลอดไป

ตอนนี้ยังเป็นยามบ่ายของวันอาทิตย์ ดังนั้นทั้งสี่หนุ่มเลยพากันไปที่ปราสาทโอซาก้า ส่วนที่เอกลักษณ์และเป็นจุดสนใจของนครโอซาก้าแห่งนี้

ปราสาทนี้เป็นปราการสำคัญ และเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของตระกูล ผู้ดำริให้สร้างคือโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ยอดขุนพลจอมวางแผนแห่งยุค และเป็นคนที่วางรากฐานหลายๆอย่างให้แก่ญี่ปุ่นหลังจากทุกอย่างเกือบจะเหลวแหลกลงสิ้นในสงครามกลางเมืองยุคเซนโกกุ

ปราสาทมองเห็นได้จากด้านนอกคูน้ำ ก็ดูน่าประทับใจอยู่แล้ว แต่พอหนุ่มๆเดินข้ามสะพานแล้วเดินผ่านทางวกเวียนขึ้นไป จึงได้เห็นตัวปราสาทที่ดูใหญ่โตสมกับเคยเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

            เจ้าโป้งเหมือนจะลืมความหึงหวงไปแล้ว ยืนมองชุดเกราะซามูไรในตู้จัดแสดงอย่างสนใจ

            “มันหนักไหมโกล.. กูอยากลองใส่จัง” โป้งหันถามกลับโกล

            “ก็คงหนักมั้ง เพราะมันเป็นเหล็กกล้าเอาเย็บติดกันด้วยไหมกับเชือกหนัง.. เขาว่าหนักสามสิบกิโลเลยนะ” โกลกอดอกมองเหมือนกัน

            “โห.. แล้วจะเดินไหวเหรอ.. หนักแย่” โป้งทำหน้าสยองเมื่อนึกถึงว่าตัวเองต้องใส่เกราะที่หนักและรุงรัง

            พอไปถึงชั้นบนสุดโป้งก็ไปยืนชมวิวเมืองโอซาก้า แล้วชี้ชวนให้โกลดูตึกหน้าตาแปลกๆที่เห็นไกลๆ เขาคงถามโกลว่านั้นตึกอะไร แล้วโกลตอบไม่ได้เลยตอบโต้กันไปมาแถมดันไหล่กัน

            ไอศูรย์เห็นแล้วก็อมยิ้ม หันไปเห็นฮิรากิยืนกอดอกมองออกอีกด้าน เขาเลยไปยืนข้างๆ

            “เคยมาแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนทัศนศึกษากับโรงเรียนสมัยมัธยมปลายก็น่าจะได้มาที่นี่”

            ฮิรากิหันมามองหน้า หน้าตาของเขาดูนิ่งๆ

            “ก็เคย.. แต่ตอนนั้นผมมัวแต่เล่น เลยไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่”

            แล้วฮิรากิก็มองหน้าไอศูรย์อยู่ครู่ก่อนจะหันออกไปอีก

            “เซนเซย์ยังคบกับนิชิโอะซังอยู่อีกเหรอ”

            ไอศูรย์ขมวดคิ้ว

            “ใช่สิ.. ก็เขาเป็นเพื่อนเก่า.. ก็ต้องคบกันอยู่”

            “ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายถึงความเป็นเพื่อน ผมหมายถึงเรื่องอื่นๆ” ฮิรากิว่าแล้วก็หันมาทั้งตัว

            “เซนเซย์ไม่เข็ดกับเขาเหรอ.. นายคนนี้เป็นยังไงก็น่าจะรู้.. คบกับเขามีแต่เสียกับเสียเท่านั้น คนอื่นเขาจะมองเซนเซย์ว่ายังไง”

            ไอศูนย์ไม่หันมา เขาทอดสายไปมองไกลๆ

            “นายไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักยับยังชั่งใจ.. ฉันดูแลหัวใจได้ นายเอาหัวใจของนายไปดูแลมาริจังให้ดีเถอะ” แล้วไอศูรย์ก็เดินจากไป

            ฮิรากินิ่งเงียบไปอยู่นาน ก่อนเขาจะกระแทกมือกับราวเหล็กก่อนจะเดินตามไปอย่างไม่สบอารมณ์

            ลงจากปราสาท โกลเห็นมีการแสดงเปิดหมวกในสวนรอบปราสากเขาก็เลยชวนโป้งไปดู ทั้งสองสนใจกับการแสดงมายากล จึงยืนชม โดยมีฮิรากิยืนอยู่ใกล้ๆ แต่ไอศูรย์เดินไปดูการแสดงอย่างอื่นที่เขาสนใจมากกว่า

            ดูการแสดงจนพอใจ และตอบแทนด้วยเงินจำนวนหนึ่งแล้ว ทั้งหมดก็ชวนกันกลับ แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงประกาศทำนองว่ามีนักดนตรีมาร่วมแสดงมาจากประเทศไทย เป็นแชมป์เดี่ยวแซกโซโฟน

            “ไอ้จุ๊ยหรือเปล่า” โกลเอ่ยขึ้น โป้งก็หันไปมอง

            แล้วทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเพลงเป็นเสียงคีย์บอร์ดปรับแสดงเปียโนนำก่อน จากนั้นก็เป็นเสียงแซกโซโฟนที่ไพเราะยิ่งนัก

            “ใช่แน่นอนโป้ง ไปดูกันเถอะ”

            แม้เสียงที่ได้ยินจะแน่ใจว่าใช่แต่เพราะความที่มันไพเราะยิ่งกว่าที่เคยได้ยิน ทำให้โกลไม่แน่ใจ แต่เมื่อได้เห็น       

            เจ้าของเสียงแซกโซโฟน เทรนเนอร์ที่กำลังบรรเลง เป็นชายหนุ่มคุ้นหน้า แม้ผมจะยาวขึ้นกว่าเดิม ร่างก็สูงขึ้นนิดหน่อย แต่ดวงตาและดวงหน้านั้น ใช่นายจุ๊ยต้นเสียงเล่นสดเพลงชาติที่โกลคุ้นเคยแน่นอนที่สุด

            “มาได้ไง หรือว่ามันมาเรียนที่นี่” โกลหันไปขอความเห็นโป้ง โป้งมัวแต่ฟังเพลงเลยไม่ได้ตอบ

            บทเพลงนั้นก็น่าฟังจริงๆ นั้นหละ เสียงแซกโซโฟนของจุ๊ยก้าวหน้าไปไกลกว่าที่โกลเคยได้ยิน  มันช่างรื่นหูและชวนให้หลงใหลเหลือเกิน ทั้งหางเสียงของมันยังพาให้ใจสั่นได้อีกด้วย

            แล้วเมื่อเพลงจบ โกลกับโป้งก็รอให้จุ๊ยพูดคุยกับนักดนตรีจนเสร็จ แล้วพวกเขาจึงเดินตามไปเมื่อเห็นว่ามีชายร่างสูงคนหนึ่งเดินไปหาเพื่อนเก่าแล้วทำท่าจะเดินออกไป

            “จุ๊ย” โป้งร้องเรียก

            หนุ่มร่างสันทัดหยุดหันมา พินิจมองอยู่ครู่

            “โป้ง โกล..เฮ้ยได้ไง..” จุ๊ยรีบเดินกลับมา

            “โอ้โหเว้ย..ไม่เจอกันนานเลย.. ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะเราไอ้โป้ง” จุ๊ยทักไม่ทักปล่าวจับแก้มสองข้างของโป้งหันไปหันมาด้วย

            “โอ้โห ดูสิเดียวนี้ราศีนักเตะระดับโลกจับแม่เอ้ย.. หล่อขึ้นเป็นกอง”

            โกลดึงมือจุ๊ยออก

            “พอๆ ทักดีๆก็ได้ โป้งมันไม่ใช่ตุ๊กตา”

            โป้งหัวเราะแหะๆ

            “กำลังคิดจะไปหาอยู่ที่นารา แต่อาราอิบอกว่าฤดูกาลปิดแล้ว ไปก็อาจไม่ได้เจอ” จุ๊ยว่า

            “อาราอิ” โกลทวนคำ

            ชายหนุ่มร่างสูงดวงหน้าหล่อเหล่าคมคาย เรือนร่างสูงโปร่งแต่ดูแข็งแรงเดินเข้ามา

            “โยชิ..ไม่ใช่เหรอ” โป้งจำได้เพราะก่อนมาเคยดูละครที่ชายหนุ่มเล่น

            “อ้อ..ฉันเรียกอาราอิ” จุ๊ยตอบ

            โยชิฮิสะ อาราอิ โกลทราบมาจากการติดตามข่าวเมืองไทยว่าตอนนี้เขาเป็นดาราค่าตัวแพงมากของไทยตอนนี้

           

            ในร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับสถานีเจอาร์โอซาก้าโจโอเอน สามหนุ่มไทยคุยกันออกรสโดยมีจุ๊ยเป็นคนเล่าเรื่องความเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยตอนนี้ ด้วยภาษาไทย โดยโป้งหัวเราะจนหน้าแดง เพราะมุกที่ยิงออกมาไม่หยุดของจุ๊ย

            “หน้าตาคุณ..คุ้นจัง..” ฮิรากิกล่าวหลังจากนั่งมองอาราอิอยู่นาน

            “คุณเคยเล่นคาราเต้ใช่ไหม”

            อาราอิวางแก้วน้ำลง

            “ใช่.. คุณเป็นนักฟุตบอลแต่ดูคาราเต้ด้วยเหรอ”

            “อ้อเป็นอีกอย่างที่ชอบครับ... รู้สึกว่าคุณจะเป็นคนที่เจอกับโอซาวะ มาโกโตะแชมป์อินเตอร์ไฮในรอบรองชนะเลิศ เมื่อปีก่อนใช่ไหม” ฮิรากิกล่าวตามที่จำได้

            “ใช่.. ดีใจจังมีคนจำผมในฐานะนักคาราเต้ได้ด้วย” อาราอิยิ้มกว้าง

            ไอศูรย์หันไปสนใจการสนทนาของสามหนุ่ม

            “ตอนนี้อัคร ไอ้วู๊ด ก้านเพชร แล้วก็ไอ้จอมไปอยู่ทีมยูเนียนหมด ฤดูกาลที่แล้วก็ได้รองแชมป์ แต่ได้เอฟเอคัพ ถึงอย่างนั้นใครๆก็ยังพูดถึงนายสองคนอยู่ ตอนที่ประกาศชื่อทีมชาติทั้งใหญ่เล็กไม่มีชื่อพวกนาย เป็นดราม่าห์ระดับชาติเลยละ จนโค้ชรันต์ต้องออกมาอธิบายว่าต้องการให้นายสองคนปรับตัวกับเจลีกให้ได้ก่อน” จุ๊ยกล่าว

            “ส่วนไอ้ปอไปอยู่กับขอนแก่น เอฟซี ก็ไปได้สวยนะ ยิงประตูได้ยิงดี แถมติดทีมชาติชุดยู23ด้วย.. แต่คนอื่นๆในทีมรุ่นพวกนายหันไปเรียนหนังสือเลิกเล่นกันไปหมด”

            “สมาคมฟุตบอลเขาก็บอกว่าต้องการให้นายสองคนเป็นแบบอย่าง เราจะได้ส่งนักเตะอื่นไปเป็นสินค้าส่งออกได้ในอนาคต”

            “สินค้าส่งออก” โกลทวนคำ

            “สงสัยเขามองพวกนายเป็นยางพารา เป็นข้าวสารมั้งก็เลยคิดแบบนั้นอย่างนั้น” จุ๊ยยักไหล่

           

            จากนั้นพวกเขาก็ยังร่วมรถไฟขบวนเดียวอีกเพราะบ้านของอาราอิอยู่ในย่านเทนโนจิ และโรงแรมที่จองไว้ก็อยู่ในย่านนั้นด้วย

            “มึงว่าจุ๊ยกับอาราอิเป็นอะไรกัน” โกลถามตอนที่เดินแยกกับสองคนนั้นแล้ว

            “ไม่รู้สิ.. แต่มันก็แปลกๆอยู่ไหม.. สองคนไม่ได้รู้จักกันมานานอะไร แต่พออาราอิชวนมาญี่ปุ่นจุ๊ยก็มา” โป้งกล่าวทั้งเกาคางคิด

            “เป็นไปได้ไหม ว่าพวกเขาจะคบกัน” โกลกล่าวแล้วมองไปข้างหน้า

            “ถ้าอย่างนั้นไอ้เดฟก๊อกหักอีกแล้วสิ..” โป้งพูดแล้วก็ถอนหายใจ

            “ถ้าเป็นจริง เดฟนี่ก็น่าสงสารนะ ชอบมาตั้งนาน แต่จุ๊ยกลับไปชอบคนอื่น..ตั้งแต่พี่ไตร จนกระทั้งนายอาราอินี่”

            โกลพยักหน้า

            “มันอาจเตรียมใจไว้นานแล้วก็ได้...”

 

          กลับถึงโรงแรมสี่หนุ่มก็นัดเจอกันที่ล๊อบบี้ตอนหกโมงเย็นเพื่อจะไปย่านเดินเล่นในย่านนัมบะ

            ไอศูรย์ออกจากห้องน้ำมาก็เห็นฮิรากินั่งพิมพ์อะไรบางอย่างด้วยโทรศัพท์

            เขาก็เลยไม่รบกวน แต่พอฮิรากิวางโทรศัพท์เขาก็หันมาไอศูรย์เหมือนจะพูด

            หากโทรศัพท์ของไอศูรย์ดังขึ้น เขาก็เลยเอื้อมไปรับ   

            “โคนิชิวะ นิชิโอะ” ไอศูรย์รับสาย

            “พึ่งกลับถึงโรงแรม.. “

            ฮิรากิถอนหายใจดังเฮือกแล้วลุกขึ้นคิดจะไปห้องน้ำ

            “คิโนเซกิเหรอ..” ไอศูรย์คงทวนในสิ่งที่นิชิโอะ แล้วเขาก็เงียบเพื่อฟัง

            แต่พลัน ฮิรากิเดินมาคว้าโทรศัพท์จากมือของไอศูรย์

            “รุ่นพี่.. เราไม่ไป.. เรามีแผนกันแล้วและจะไม่เปลี่ยน ถ้ารุ่นพี่จะไปก็ไปคนเดียวนะครับ แค่นี้ครับ” ฮิรากิกรอกเสียงลงไปเป็นชุด แล้วกดโทรศัพท์ทิ้ง

            “ฮิรากิ.. ทำไมทำแบบนี้” ไอศูรย์จะเอาโทรศัพท์คืนเพื่อจะโทรไปขอโทษนิชิโอะ

            “รุ่นพี่ต่างหากทำอะไร.. ทำไมรุ่นพี่ไม่เข็ดหลาบกับนายคนนี้เสียที นายคนนี้มันน่ารังเกียจ รุ่นพี่ก็ยังจะไปคบกับเขาอยู่ได้” ฮิรากิขยับหนีไม่ยอมคืนโทรศัพท์

            ไอศูรย์ยืดตัวตรงมองหน้าฮิรากิ

            “อะไรหละที่ว่าน่ารังเกียจ.. เพราะเขาเจ้าชู้ หรือเพราะว่าเขาเป็นเกย์” เสียงของไอศูรย์แข็งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

            สำหรับฮิรากิ ปกติไอศูรย์เป็นคนใจเย็นอย่างเหลือเชื่อ.. เขาจึงค่อนข้างตกใจ.. ที่ไอศูนย์มีท่าทีเช่นนี้กับเขา

            “ตอบมาสิ.. เขาน่ารักเกียจเพราะอะไร เพราะเจ้าชู้ หรือเพราะเป็นเกย์..” ไอศูนย์เน้นเสียงคาดคั้น

            ฮิรากิใจฟ่อ แต่ก็ยังพยายามขืนตอบ

            “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น.. ผมรังเกียจเพราะเขามาหารุ่นพี่เพียงแค่ต้องการเซ็กซ์เท่านั้น..”

            ความเงียบช่างน่าอึดอัด ที่สุดไอศูนย์ก็ทำลายมันเสียด้วยการกล่าวออกมา

            “นั่นเป็นเรื่องของฉัน ฮิรากิ ขอบใจที่เป็นห่วงฉัน แต่ฉันโตกว่านายฉันดูแลตัวเองได้” ไอศูรย์ก็แบมือ

            “เอาโทรศัพท์มา ฉันจะโทรไปขอโทษเขา”

            ฮิรากิจ้องตาไอศูรย์

            “รุ่นพี่ก็มองว่าผมเป็นเด็กทุกที ผมไม่ใช่เด็ก ผมเข้าใจทุกอย่างดี..”     

            ไอศูรย์ขยับมาใกล้จนชิด

            “แต่ฉันอยากให้นายเป็นเด็กฮิรากิ.. เพราะตอนนายเป็นเด็ก ฉันรักเอ็นดูนายได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ฉันสามารถใกล้ชิดกับนายได้โดยไม่คิดอะไร.. ไม่เหมือนตอนนี้.. ฉันอยากให้นายกลับเป็นเด็กชายฮิรากิ เพราะแบบนี้ฉันสับสน”

            แล้วไอศูรย์วางมือบนไหล่ฮิรากิ แล้วก็เขาก็เดินออกไปจากห้อง

            ฮิรากิหลับตาลงชั่วครู่ แล้วก็ลืมขึ้นก่อนเอาโทรศัพท์ออกมาดู

            “ผมก็เหมือนรุ่นพี่.. ผมอยากจะกอดรุ่นพี่ เล่นกับรุ่นพี่ นอนที่นอนเดียวกับรุ่นพี่ โดยที่ผมไม่คิดอะไรกับรุ่นพี่เหมือนเมื่อก่อน.. แต่ผมทำไม่ได้แล้ว..”

 

            ปลาฟุกุ(ปักเป้า)แล่บางเฉียบเรียงจัดมาในจาน ปรากฏเป็นรูปดั่งดอกเบญจมาศพลิบาน ถูกนำมาเสริพลงตรงหน้า

            “สวยจังว่ะ สวยจนกูไม่กล้ากินเลย”  โป้งมองอาหารที่เขาเป็นคนสั่งอย่างไม่เชื่อสายตา

            “มันคือศิลปะ.. เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ” โป้งกล่าวเสียงเข้มเค้นน้ำเสียงเลียนแบบอาจารย์ด้านศิลปะชื่อดัง

            “ไอ้ผมเห็นแล้วก็แดกไม่ลง.. จะแดกลงได้ไงมันคือศิลปะ”

            ทั้งโกลและไอศูรย์หัวเราะเพราะทันมุก แต่ฮิรากิงงเพราะโป้งพูดเป็นภาษาไทย

            “ความงามที่กินได้” โกลกล่าวแล้วหยิบตะเกียบมา

            “เดี๋ยว” โป้งห้ามไว้ เขามือถือถ่ายรูปก่อนจะหยิบตะเกียบเลือกชิ้นที่อยู่ริมมา ชุปซอสปรุงพิเศษแล้วใส่ปาก

            “โอ.. พระเจ้า.. นี่มัน.. อร่อยมาก..”

            ไอศูรย์ส่ายหัวกับกิริยาของโป้ง

            “กินได้ยัง โป้งคุง ฉันหิวแล้วนะ” ฮิรากิชักรำคราญกับลีลาของโป้ง

            ออกจากร้านอาหารก็พากันไปถ่ายรูปกับป้ายไฟลือชื่อของย่านโดทนบุริ อย่างป้ายรูปปูทาราบะตัวโต ป้ายไฟรูปมังกรของร้านราเม็ง ป้ายนักกีรฑาของกูลิโกะ ป้ายรูปปลาหมึกของร้านทาโกะยากิ ซึ่งแน่นอนโป้งไม่ลืมจะแวะซื้อกินด้วย

            “กินจุจังโป้งจังนี่ แต่ไม่ยักกะอ้วน” ไอศูรย์ว่าตอนเห็นโป้งถลกแขนเสื้อกันหนาวมาคีบทาโกะยากิกินอย่างอร่อย

            แต่พอเขาหันไปมองกลับไม่ใช่โกลที่ยืนอยู่ข้างๆ กลายเป็นฮิรากิ  เขาก็เงียบไปแล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร

            โกลที่แวะดูป้ายบอกราคาสินค้าหันมาเห็นภาพนั้นพอดี ดังนั้นเมื่อเดินไปใกล้โป้งจึงกระซิบด้วยภาษาไทย

            “เหมือนสองคนเขาจะทะเลาะกันหวะ”

            “กูก็ว่าอย่างนั้น สังเกตตั้งแต่ในร้านอาหารละ ไม่คุยกันเลย” โป้งกล่าวทั้งปากเคี้ยวหยับๆ

 

          หลังจากนั้นโป้งกับโกลก็ซื้อมือถือใหม่กันคนละเครื่องเพราะเครื่องเก่านั้นนำติดตัวมาจากมาเมืองไทย โดยโป้งก็ยังบ่นกระปอดกระแปดเรื่องราคา แต่ก็ตัดใจควักกระเป๋าซื้อไป

            “พรุ่งนี้ตกลงจะไปกับนิชิโอะไหม” โกลถามกับไอศูรย์ก่อนจะแยกกันไปห้องของแต่ฝ่าย

            ฮิรากิไม่อยากจะฟังคำตอบเลย แต่เขาก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะเขาเชื่อว่าไอศูรย์ต้องโทรศัพท์ขอโทษนิชิโอะหลังจากเขาคืนโทรศัพท์ให้บนรถไฟระหว่างไปนัมบะ

            “ไม่แล้วหละ.. ฉันโทรไปขอโทษเขาแล้ว และบอกว่าพวกเรามีจองทัวร์เอาไว้ เขาก็เลยไม่มาแล้ว” ไอศูรย์ตอบ

            โป้งหันไปยิ้มกระหยิ่มใส่โกล โกลก็แบะปากใส่

            พอกลับมาถึงห้อง ไอศูรย์ก็เข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ แล้วออกมาเปลี่ยนชุดแล้วก็เอาโทรศัพท์มาตอบข้อความทางไลน์กับเพื่อน

            ฮิรากิเข้าไปในแปรงฟันแล้วก็มองหน้าตัวเองในกระจก  แล้วเขาก็ตัดใจได้

            ไอศูรย์กำลังส่งภาพที่ถ่ายวันนี้ไปอัพเดททวีตเตอร์

            “รุ่นพี่อิโตะครับ”

            ไอศูรย์เงยหน้า

            ฮิรากิยืนตัวตรงต่อหน้าเขา

            “ผมเสียมารยาทกับรุ่นพี่ ผมต้องขอโทษด้วยครับ” แล้วเขาก็โค้งให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วก็ค้างอยู่อย่างนั้น

            ไอศูรย์มองฮิรากิแล้วก็ถอนหายใจ เขาวางโทรศัพท์แล้วก็ลุกไปจับบ่าทั้งสองของเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้น

            ตอนนี้ฮิรากิสูงราวร้อยแปดสิบนิดๆ สูงกว่าไอศูรย์มาก.. แต่ไอศูรย์กลับนึกถึงเด็กชายตัวน้อยคนนั้น..

            “เอาเถอะฉันเข้าใจว่านายหวังดี” ไอศูรย์ว่า

             “อย่าทำอีกก็แล้วกัน ถ้าหากนิชิโอะเขามาอีกก็ขอโทษเขาซะนะ”

            “ครับ” ฮิรากิรับปาก

            ไอศูรย์ตบไหล่สองที

            “นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” แล้วเขาก็หันหลัง 

            แต่พลันฮิรากิก็กอดรวบเขาไว้       

“รุ่นพี่..ถ้าเราไม่คำนึงถึงคนอื่น แต่ทำตามใจตัวเองสักครั้ง.. มันไม่ได้ ไม่ได้จริงๆหรือครับรุ่นพี่” แล้วฮิรากิก็ก้มลงมาจูบที่ต้นคอของไอศูรย์

แต่ไอศูรย์ปลดตัวเองออกมา แล้วหันมาเผชิญแววตาที่ผิดหวังของฮิรากิ

“ไม่ได้.. เพราะฉันอยากจะรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้เหมือนเดิม.. ฉันไม่อยากเสียนายไป ไม่อยากจะให้ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยแบบนั้นมาทำลายเราสองคน.. อีกอย่างนายก็มีมาริจังอยู่แล้ว.. นายควรจะซื่อสัตย์กับเธอ.. อย่าทำผิดพลาดเหมือนฉัน.. เพราะเมื่อผิดพลาดแล้ว.. จะหันหลังกลับมันก็ไม่ได้แล้ว”

แล้วไอศูรย์ก็สบตากับฮิรากินิ่งอยู่อย่างนั้น

            “นอนเถอะ.. พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันต่อ  เราไปเที่ยวกันให้สนุกแบบพี่น้องเหมือนสมัยก่อนดีกว่า.. แล้วลืมไปซะว่าเราเคยพูดอะไรกันคืนนี้”

            ไอศูรย์เดินไปที่เตียงแล้วก็สอดตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่ม

            “ปิดไฟด้วยนะฮิรากิ.. น้องรัก..”

            ฮิรากิหลับตาลงเม้นปากแน่น.. แล้วเขาก็ตอบออกไป

            “ครับรุ่นพี่”



 

 

 

           

     
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 15-01-2016 10:38:41
 :กอด1:เซนเซย์  เพราะสังคมด้วยใช่ไหม
ไม่อยากจะนึกถึงคู่โกลโป้ง อย่านะะะะะ อย่ามากดดันคู่จิ้นเรานะ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-01-2016 11:06:55
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ถ้าจุ๊ยกับอิราอิเป็นแฟนกันจริงนี่เดฟโคตรน่าสงสารเลย
ผิดหวังจากทั้งจุ๊ยที่มีอิราอิผิดหวังจากวู๊ดที่มีก้านเพชร
ขอให้ไม่ใช่ทีเถอะ  :call: :call: :call: :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:





หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 15-01-2016 17:21:56
สงสารฮิรากิจัง  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: รักรุ่นพี่เซนเซย์ใช่ไหมอะ
อีกคู่ก็ยังคงความน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย โกลโป้ง เชียร์ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 15-01-2016 18:26:56
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ถ้าจุ๊ยกับอิราอิเป็นแฟนกันจริงนี่เดฟโคตรน่าสงสารเลย
ผิดหวังจากทั้งจุ๊ยที่มีอิราอิผิดหวังจากวู๊ดที่มีก้านเพชร
ขอให้ไม่ใช่ทีเถอะ  :call: :call: :call: :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
อ้อผมลืมบอกไป จริงๆแล้วเรื่องโป้งใช้ฉากเดียวกันคือโรงเรียนวสาคร และTimeline ใกล้เคียงกับอีกเรื่องหนึ่งคือ The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ .. เรื่องนั้น.. พระเอกตัวหลักคือนายจุ๊ย ตัวละครจากเรื่องนั้นที่ตามมาอยู่ในโป้งได้แก่ จุ๊ยเอง ตั้ม ปอ ฮ๊อย(คนที่ตีกลองตอนนัดชิงถ้วยก.) อ๊อด(คนที่เล่นเทมโบลีนตอนเดียวกับฮ๊อย) เดฟผู้อกหักตลอดกาล และอาราอิ โยชิฮิสะคนนี้หละครับ.. ผมไม่บอกแล้วกันว่าตกลงจุ๊ยเลือกใคร แต่บอกใบ้นิดหนึ่ง ในอนาคตของเรื่องโป้งตอนนี้ อีกสิบเอ็ดปีโดยประมาณ จุ๊ยที่กลายเป็นMr. Jerome Jang 'The Soul Waver Saxophone'  จะเดินทางกลับญี่ปุ่น เขาจะอาศัยอยู่ที่บ้านในย่านเทนโนจิ และเล่นดนตรีในผับแจ๊สที่ชื่อ The Water's Pure Heart ที่เป็นของอดีตดาราหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นครับ

ถ้าอยากลองอ่านดูก็ตามลิงก์นี้ครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50833.0
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 15-01-2016 21:55:46
ชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ภาคแรก ด้วยเป็นคนที่ไม่ดูบอลทำให้รู้สึกตอนแรกว่าจะอ่านเรื่องนี้รู้เรื่องหรือเปล่า แต่ไม่ผิดหวัง การบรรยายของคุณดีมาก แม้จะไม่เข้าใจหรืออินน้อยไปกับฉากบรรยายตอนเตะบอล แต่คุณนักเขียนก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนนั่งกินบรรยาการได้ การวางพล็อตเราชอบนะ แม้ภาคแรกจะมีดราม่าเรื่องการเสียชีวิตตัวละครเยอะ แต่จัดว่าพล็อตกำลังดี แน่น  คือเราชอบตรงที่ว่าในหลายๆครั้งเรื่องมันจะดร๊อปลงแต่คุณก็พลิกเรื่องให้สนุกได้ ทำให้ไม่น่าเบื่อ เนื้อเรื่องที่บรรยายการพัฒนาตัวละครไปเรื่อยๆ ไม่กระโดดข้ามมาก สำหรับเราเขียนยาก หาอ่านยาก และส่วนมากจะืำให่ท้อง่าย เป็นกำลังใจต่อไปนะค่ะ เราอยากเห็นโป้งกับโกลในสนามโลก
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 16-01-2016 12:38:20
ตอน โป้งVSโกล เกมรับปะทะเกมรุก ตัดสินจุดหมายต่อไป

ฮิเมจิเป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่งที่เรียกว่าแคว้นฮาริมะ ในอดีตที่นี่คือปากทางด้านตะวันตกเพื่อเข้าสู่บริเวณที่ราบกว้างใหญ่ที่เป็นอยู่โดยรอบกรุงเกียวโต ศูนย์กลางแห่งอำนาจของอาณาจักร

            ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในปราสาทในยุคอาสุกิ-โมโมยาม่าที่ยังหลงเหลืออยู่โดยไม่โดนทำลายลงด้วยไฟสงคราม และนับเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดอีกด้วย  เทนชูหรืออาคารที่เป็นอาคารหลักของปราสาทสามารถเห็นได้ไกลและโดดเด่นด้วยสีขาวตัดกับมีสวนสวยที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ซึ่งเป็นสิ่งเสริมสร้างความงามบนฉากหลังของท้องฟ้าสีคราม  ความงดงามนี้สมกับสมญานาม ปราสาทกระยางขาว คืองามดังนกกระยางยืนสงบอย่างทระนง..

            โป้งและฮิรากิเลียนท่าหุ่นซามูไรที่ตั้งในแสดงเพื่อให้โกลถ่ายรูป ต้องสองทำหน้าเหี้ยมหาญที่ทำให้ไอศูรย์นึกขำมากกว่าจะรู้สึกว่ามันน่าเกรมขามจริงๆ

            วันนี้ฮิรากิดูร่าเริงมากกว่าเมื่อวาน ไม่ว่าเขาเจตนาจะทำหรือเพราะร่าเริงจริงๆก็ตาม แต่นั่นก็ยังดีกว่าที่เขาทำหน้าบึ้งตึงใส่ไอศูรย์เหมือนเมื่อวานตอนเย็น

            กระนั้นสัมผัสของฮิรากิเมื่อวานยังวนเวียนหลอกหลอนในความรู้สึก จนไอศูรย์ต้องคอยข่มใจไล่มันอยู่บ่อยๆ

     จากฮิเมจิ ก็ไปโกเบ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายใหญ่อีกอันของโป้งเพราะเขาอยากลิ้มรสเนื้อโกเบอันลือชื่อ แล้วพอได้เจอหน้ากันครั้งแรก เจ้าโป้งก็ตั้งหน้าตั้งตาสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยโดยลืมไปว่าราคามันแพงระยับ

     ไอศูรย์เกือบจะออกปากทักตอนโป้งสั่งมาเพิ่มอีกจาน แต่โกลส่งสัญญาณให้เงียบไว้ แล้วเขาก็นั่งมองโป้งกินอย่างอร่อย

     แววตาของโกลเวลามองโป้งนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข.. นี่เองทำให้ไอศูรย์เข้าใจว่าเหตุใด

     พอออกจากร้านเนื้อย่าง ก็มีปัญหาให้โต้แย้งกันต่อ

“ก็แค่ข้ามสะพานอากาชิไปเอง.. ฉันอยากไปดูโรงละครคาบูกิดั่งเดิม”

“ไม่เอาๆ ไม่เอา.. ฉันอยากไปดูเสาโทริยักษ์กลางน้ำที่มิยาจิม่า” โป้งแย้ง

ไอศูรย์กับฮิรากิหน้าสองคนกลับไปกลับมาด้วยกิริยาใกล้เคียงกัน คือไม่รู้จะเข้าข้างใครดี

“ที่มิยาจิม่ามันมีกวางนะ เอ็งไม่กลัวกวางรุมอีกเหรอ”

“ไม่กลัว อยู่นาราก็เจอกวางบ่อยๆ ไม่กลัวแล้ว”

“ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แค่เสาโทริกลางน้ำ”

“ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยเหมือนกันแค่โรงละครเก่าๆ”

เมื่อตัดสินกันไม่ได้อย่างนี้ พอดีตรงที่ทั้งสองเถียงกันอยู่ใกล้กับสนามฟุตบอลที่อยู่ที่บริเวณลานกีฬาริมแม่น้ำที่นอกจากจะเป็นที่ออกกำลังกายของชุมชนแล้ว ยังใช้เป็นฟรัดเวย์(พื้นที่ที่จะปล่อยให้น้ำท่วมเพื่อให้น้ำสามารถไหลลงทะเลได้เร็วเวลามีพายุไต้ฝุ่น) และมีเด็กวัยรุ่นอายุประมาณสิบสามสิบสี่กลุ่มใหญ่กำลังเตรียมจะเล่นกันอยู่

“ตัดสินกันด้วยฟุตบอลดีไหม..” ไอศูรย์เสนอ..

การติดสินที่ว่าตอนแรกจะให้เป็นการยิงจุดโทษ แต่โกลบอกว่าเขาเสียเปรียบเพราะการยิงจุดโทษปกติก็ไม่ใช่จะรับกันได้ง่ายๆอยู่แล้ว แถมต้องเจอกับไอ้โป้งที่มีทักษะการหลอกหน้าเท้าที่เป็นเลิศด้วยแล้ว ดังนั้นโป้งก็เลยบอกว่า..

“เอาอย่างนี้สิ.. ฉันก็ไม่อยากจะรังแกคนอ่อนแอกว่า.. ฉันจะให้ฮิรากิมาช่วยนาย ฉันจะเป็นฝ่ายรุก นายกับฮิรากิก็ป้องกัน ภายในสิบห้านาทีถ้าฉันยิงนายไม่ได้สองประตูก็ถือว่าจบ เราข้ามไปเกาะชิโกกุกัน แต่ถ้าไม่เราต้องไปฮิโรชิม่ากัน” โป้งกล่าวแล้วทำหน้าทระนงตนอย่างยิ่ง..

          โป้งเหยียบลูกบอลไว้แล้วมองหน้าจ้องตาฮิรากิ ในยามที่โป้งจังอยู่กับลูกบอล แววตาของเขาจะเหมือนเป็นคนละคน  รอยยิ้มที่มีให้มันฉาบฉายด้วยแววมาดมั่นอย่างเต็มที่ ซึ่งผิดกับเวลาปกติ..

โป้งจังซึ่งร่าเริงเหมือนเด็กๆ ถูกเรียกกลับเข้าไปภายใน แล้วให้เทพพร เท้าซ้ายพิฆาตออกมายืนเผชิญหน้าแทน.. นั่นคือสิ่งที่ฮิรากิรู้สึก

            “เอาแล้วนะ” แล้วโป้งก็เลี้ยงลูกบอลจี้เข้ามาเร็วจี๋ ฮิรากิรีบเข้าขวางทาง

            โป้งไม่เหมือนนักฟุตบอลจอมลีลาคนอื่น เขาไม่ได้หลอกล่อคู่แข่งด้วยท่าอันงดงาม แต่ด้วยการเคลื่อนไหวที่จับทิศทางไม่ได้ เขาอาจพลิกไปซ้ายไปขวาได้อย่างฉับพลันแม้กำลังวิ่งอยู่ก็ตาม

            ยิ่งโป้งกำลังคลึงบอลช้าๆ และดันไปซ้ายไปขวาอย่างนี้ ใจของฮิรากิก็ยิ่งหวั่น..

            ความกังวลก็ไม่ได้เกินไปแม้แต่น้อย ฉับพลันโป้งที่ดันลูกไปด้านซ้ายก็ดึงลูกกลับไปขวาอย่างรวดเร็ว ฮิรากิรีบออกตัวไปสกัด แต่นั้นคือผิดพลาด เพราะแค่พริบตาเดียวโป้งก็ดึงลูกกลับไปซ้ายแล้ววิ่งผ่านตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว

            ฮิรากิหันหลังกลับไปทันที แต่ที่ได้เห็นก็แค่ตอนโป้งสับเท้าซ้ายยิงลูกโค้งมุ่งเข้าหามุมบนด้านซ้ายของกรอบประตู 

            โกลมองจับตาไว้แต่แรก เขาคือคนที่รู้จังหวะของโป้งดีที่สุดในโลกแล้วกระมัง..

            ดังนั้นโกลจึงออกตัวได้ตั้งแต่โป้งเงื้อเท้า เขาสามารถเหินกายอย่างงดงามและปัดลูกออกหลังไป

            ไอศูรย์ยืนกอดอกมองภาพสามหนุ่มจากทีมกวางสายฟ้าแห่งนารา แต่สำหรับโป้งกับโกล นอกจะทำให้ไอศูรย์ความรู้สึกชื่นชมที่เต็มแน่นแล้วเขายังเต็มไปด้วยความคาดหวัง

            โป้งจังยอดเยี่ยม โกลจังก็ไม่แพ้กัน.. ทีมชาติไทยของเขามีความหวังอย่างมากด้วยเกมรุกของโป้งจัง และความเหนียวแน่นของโกลจัง.. สักวันหนึ่ง.. เขาอาจได้เชียร์ทีมชาติไทยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แทนจะต้องคอยเชียร์ทีมญี่ปุ่นอย่างเดียว..

            “สุโค่ย..” เด็กหนุ่มทั้งหลายที่ยืนชมร้องออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขามองโป้งเลี้ยงบอลหลบหลีกการเข้าประกบของฮิรากิอย่างคล่องแคล่วแล้วก็เข้าไปยิงประตู แต่ก็ยังไม่ผ่านการป้องกันของโกลอยู่ดี

            “พี่ชายคนนั้นเก่งมาก.. แต่พี่ชายที่ป้องกันก็เก่ง อย่างน้อยก็ทำให้พี่ชายที่บุกลำบากมาก.. แต่ผู้รักษาประตูก็เก่ง รับได้ตลอดเลย” คนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

            แต่แล้วคนหนึ่งก็นึกออก

            “นักเตะเจลีก.. พวกเขาเป็นนักเตะ J1ใช่ไหมครับ” เขาหันมาถามอย่างไอศูรย์อย่างตื่นเต้น

            จังหวะนั้นเป็นจังหวะที่โป้งพลิกหนีการประกบของฮิรากิมาได้ แล้วมาเผชิญหน้ากับโกลที่พุ่งออกมา แต่โป้งกลับตัวบังไว้ แล้วใช้เท้างัดลูกบอลให้ลอยโด่งข้ามหัวทั้งเขาและโกลไป

            โกลพยายามเอื้อมปัด แต่ก็ไม่ทัน แต่ก็ยังไม่ยอมจึงพยายามจะวิ่งตามกลับไป แต่ลูกบอลก็ข้ามเส้นไปก่อน

            “เยส” โป้งกำหนัดชกลมสองจังหวะ แล้วหันไปแลบลิ้นหลอกโกล..

            “One up.. เหลืออีกแค่ประตูเดียวนะโกลจัง”

            “ก็ลองดู” โกลหยิบลูกออกมาจากแล้วก็โยนให้โป้ง

            “บุกเข้ามาเลย..”

            แต่เจ้าโป้งเตะสวนทางโกลกลับเข้าประตู แทนจะเอาลูกไปตั้งเกมรุกใส่

            “เฮ้ย..” โกลร้องออกมา

            โป้งทำท่าดีใจวิ่งไปหาไอศูรย์

            “เซนเซย์ผมชนะแล้ว เราได้ไปมิยาจิม่าแล้ว..”

            “อะไรวะ” โกลวิ่งตาม

            “ไอ้ขึ้โก้ง..”

            โป้งหันมาวิ่งถอยหลัง

            “โกงที่ไหน.. ก็บอกว่าสองลูกตัดสิน..”

            โกลคว้าคอโป้งมาล๊อกไว้

            “ไอ้ขี้โกง.. เมื่อกี้ไม่นับเว้ย..”

            ฮิรากิส่ายหัว แต่ก็ยิ้มแล้วเดินตามสองคนไป...

          นอกจากเด็กๆจะได้ลายเซ็นของสามนักเตะแล้ว โป้งยังใจดีสอนให้เด็กๆรู้จักวิธีการเลี้ยงลูกให้ติดเท้าเพื่อให้แย่งบอลได้ยาก และช่วยแก้ไขการเตะไซด์โค้งให้พวกเด็กๆอีกด้วย โดยโกลก็แนะนำเรื่องการป้องกันประตูให้แก่เด็กที่อยากเป็นผู้รักษาประตู ส่วนฮิรากิก็สอนให้เด็กรู้จักวิธีใช้ขาสกัดการส่งลูกบอลของคู่แข่งอย่างถูกวิธี

            ดังนั้นเมื่อพวกเขาก่อนจะลาจาก เด็กๆก็พากันตั้งแถวกล่าวคำขอบคุณกันโดยพร้อมเพรียง และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน

            เมื่อสี่หนุ่มจากกันไปแล้วพวกเด็กก็กลับมาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกัน แต่ก่อนจะแบ่งทีมกัน ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาแสดงบัตรประจำตัวว่าเป็นนักข่าวกีฬา

            “เมื่อกี้นี้คือเตปพอนโน(เทพพร) กับ กอรอโกโตะ(กรกฏ) และโคกิซังใช่ไหม” เขาถามเด็กด้วยชื่อจริงของโป้งกับโกลในสำเนียงแบบญี่ปุ่น

            เด็กๆงง

            “โป้งซัง โกลซัง และฮิรากิซังของทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ยังไง” เขาอธิบายด้วยคำเรียกที่คุ้นหูมากขึ้น

            เด็กๆก็พยักหน้า

            “พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง..” ชายหนุ่มถาม

            “เก่งมากเลย” คนหนึ่งว่า

            “ใจดีมากด้วย” อีกคนบอก

            “เขาให้ลายเซ็นพวกเราด้วย..”

            “แถมถ่ายรูปกับพวกเราแบบไม่ถือตัวด้วย”

            “ผมชอบโป้งซังมาก โป้งซังใจดี แถมเล่นฟุตบอลเก่ง”

            “ผมชอบโกลซัง เขาสอนให้ผมรู้จักเดาทางคนยิงประตูด้วย”

            “ผมชอบฮิรากิซัง เขาสอนเราเล่นฟุตบอล”

            ชายหนุ่มยิ้มแล้วก็ถามต่อ

            เขาคือโยฮาระ ชิราโอะ คอลัมนิสหนุ่มของหนังสือพิมพ์กีฬาชื่อดัง

 

            ที่สนามบินคันไซ จุ๊ยกำลังเก็บเอาของฝากที่ซื้อมาจากดิวตี้ฟรีลงในกระเป๋า

            อาราอิกำลังอ่านอะไรบางอย่าง จากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อผลไม้ของเขา

            “อ่านอะไรน่ะ” จุ๊ยหันมามองหน้า

            “ทำหน้าอย่างกับอ่านหนังสือโป๊สิบแปดบวกมีการยิ้มกรุ่มกริ่มด้วย.. น่าขนลุก”

            อาราอิเงยหน้า

            “นายนั้นหละน่าขนลุก แค่คนเขายิ้มก็หาว่าเขาอ่านหนังสือลามก.. ฉันกำลังอ่านเรื่องที่คอลัมนิสเขาไปเจอโป้งกับโกลที่สนามฟุตบอลในลานกีฬาท้องถิ่นที่โกเบ”

            “เขาชมว่าโป้งกับโกลถือเป็นแบบอย่างนักกีฬาที่มีความเป็นมิตร พวกเขาแสดงออกถึงหัวจิตหัวใจของคนที่มาจากดินแดนที่เต็มไปด้วยมิตรภาพแก่แขกผู้ไปเยือนอย่างประเทศไทย พวกเขาสอนเด็กๆญี่ปุ่นให้เล่นฟุตบอล และยังถ่ายรูปกับเด็กๆเหล่านั้นอย่างไม่ถือตัว เขายังบอกอีกด้วยว่าเด็กๆบอกว่าโป้งกับโกลพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดี แสดงออกให้เห็นความเป็นคนกระตือลื้อร้นที่จะปรับตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาเข้าถึงใจของแฟนทีมนารา ธันเดอร์เดียร์ได้อย่างรวดเร็ว”

            “เขายังบอกว่า อนาคตเด็กสองคนในญี่ปุ่นจะสดใสแน่นอนตราบเท่าที่พวกเขายังแสดงออกอย่างเป็นกันเองและมั่นเพียรในการฝึกฝนอย่างที่ผู้เขียนเขาทราบมาจากการติดต่อสัมภาษณ์กับโยชินะซัง หัวหน้าโค้ชของทีมนารา”

            “ไอ้โป้งกับโกลน่ะ สองคนเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนอยู่นวสาคร มันวิ่งกันทุกวันไม่เว้นวันหยุด สองคนมีวินัยในการฝึกซ้อมมากเลยหละ จนอาจารย์ป้อมยังยกตัวอย่างให้พวกรุ่นน้องฟังบ่อยๆเลยนะ ไอ้ปอเล่าให้ฉันฟัง..” จุ๊ยยิ้ม

            “หัวใจสองคนผูกพันด้วยฟุตบอล.. มันน่าอิจฉาจริงๆเลยนะ.. พวกเขาอยู่ด้วยกันด้วยหัวใจรักในสิ่งเดียวกัน.. และรักกัน..”

ห่างจากสนามบินคันไซไปหลายร้อยกิโลเมตร คนหนึ่งในคนที่จุ๊ยกำลังพูดถึงกำลังสร้างเสียงหัวเราะให้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่เกาะมิยาจิม่าโดยไม่ได้ตั้งใจ..

            โป้งกำลังรับมือกับฝูงกวางที่ยกกันมาล้อมกรอบเขาไว้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เด็กหนุ่มโวยวายใส่เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยสำเนียงเพี้ยนนิดหน่อยแต่บรรดากวางทั้งหลายก็ยังเดินตามเขาไปต้อยๆ ดูเหมือนฉากจำลองของวรรณคดีสังข์ทองตอนพระสังข์ร่ายมนต์เรียกเนื้อ เพียงแต่นายโป้งไม่ได้เรียก แต่กำลังไล่..

            “หัวเราะอะไรกันเล่า..พวกนายมาช่วยกันไล่สิ..” โป้งเรียกให้เพื่อนช่วย

            “ก็บอกแล้วว่าอย่าให้มันกิน” ฮิรากิส่ายหัว

            “ก็ไม่ได้ให้ มันแย่งไปเอง” โป้งแย้ง แล้วพยายามเดินรอบต้นไม้แต่ก็ยังโดนกวางตามล้อม

            “โกลช่วยกูด้วยสิ” โป้งหันไปขอความช่วยเหลือด้วยภาษาไทย

            โกลกอดอกแกล้งเมิน

            “ไม่.. กูบอกแล้วว่าอย่ามา แต่มึงบอกว่าไม่กลัว..”

 

          “ตอนที่ปรมาณูลง คนที่นี่อยู่ระหว่างทำงานในช่วงบ่าย เขาว่ากันว่าบางคนตายทั้งที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนหาไม่เจอแม้แต่ศพ บางคนดีหน่อยกลายเป็นรอยร่างมนุษย์อยู่บนพื้น แต่อีกหลายแสนคนตายหลังจากนั้นด้วยมะเร็งจากกัมมันตรังสี” ไอศูรย์กล่าวตอนที่มองอะตอมมิกโดม ในสวนสันติภาพกลางเมืองฮิโรชิม่า

            “เศร้าจัง” โป้งออกปาก

            “ทำไมหนอคนเราชอบตัดสินอะไรด้วยความรุนแรง ด้วยอาวุธ ด้วยสงคราม”

            โกลตบบ่าโกล

            “ก็นี่หละมนุษย์..” ฮิรากิถอนหายใจยาว

            “ถ้าพวกเขาและพวกเราไม่คิดแบ่งแยกกัน.. ก็คงไม่ต้องจบลงด้วยสงคราม ดังนั้นแม้คนญี่ปุ่นถึงออกมาประท้วงตอนที่รัฐสภาของเราจะผ่านร่างกฎหมายเพิ่มกำลังทหาร เรามีบทเรียนจากสงครามมามากพอแล้ว.. เราไม่อยากจะให้ความเศร้าและความสูญเสียแบบเดิมเกิดขึ้นอีก”

 

            ที่สถานีรถไฟฮิโรชิม่า สี่หนุ่มก็ถึงเวลาแยกย้ายกัน เพราะฮิรากิจะต้องกลับไปเตรียมตัวเดินทางร่วมคณะกับมาริจังเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ ส่วนไอศูรย์ก็มีวิทยานิพนธ์อีกตั้งใหญ่รอการพิมพ์อยู่

            “เราอยากไปดูภูเขาไฟที่ยังคุกกรุ่นอยู่ เราก็เลยจะไปคาโงะชิมะกัน ผมจองโรงแรมเอาไว้แห่งหนึ่ง ผู้จัดการโรงแรมเป็นคนไทยที่คนญี่ปุ่นเอามาเลี้ยงเหมือนเซนเซย์เลยนะ ชื่อพี่ปอน”  โกลบอก

            “แล้วก็อย่าทะเลาะกันอีกหละ..” ไอศูรย์วางมือบนบ่าโป้ง

            “โกลน่ะเขายอมเราตลอดนะโป้ง มีแต่เราน่ะบางทีก็เอาแต่ใจตัวเองเกินไป”

            “ครับๆ” โป้งรับคำ

            “ผมจะเป็นเด็กดีเลยครับเซนเซย์”

            “จะได้กี่วันเชียว..” โกลเมินไปอีกทาง

            โป้งหันไปทำหน้าหลอก

            ฮิรากิที่เดินไปซื้อตั๋วรถไฟก็กลับมาพร้อมตั๋วรถไฟธรรมดาสองใบ และชิคังเซนสองใบ

            “ของพวกนาย พวกนายต้องไปเปลี่ยนรถที่ฮากาตะ ฟุกุโอกะ ฉันซื้อเป็นขบวนมิซูโฮะให้เลยเพราะจะได้เร็วสมใจโป้งจัง เพราะเห็นบอกว่าอยากจะเห็นตอนรถมันวิ่งเร็วๆ” ฮิรากิส่งตั๋วรถไฟให้ พร้อมเงินทอน

            “อ่านเข้าใจไหม..”

            โกลพยักหน้าเมื่อรับตั๋วมาจากฮิรากิแล้วอ่านดู


            รถไฟหัวกระสุนชินคังเซนวิ่งไปตามรางด้วยความเร็วสูงสุดเพราะที่พวกเขาโดยสารคือขบวนมิซูโฮะซึ่งเป็นรถด่วนประเภทที่เร็วที่สุดของสายเจอาร์สายคิวชู มุ่งหน้าไปออกจากฮิโรชิม่าข้ามช่องแคบกันมอนไปสู่เกาะคิวชิวอันเป็นเกาะใต้ของญี่ปุ่น

            “เร็วมากเลย” โป้งร้องเมื่อมองเสาไฟผ่านไปหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว

            “นี่มันสุดยอดเลยนะโกล”

            “เดี่ยวก็เมารถหรอกจ้องเสาไฟฟ้าแบบนั้น” โกลว่า

            โป้งก็เลยหันมานั่งดีๆ แต่คอยเหลือบมองทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วอย่างตื่นตาตื่นใจ

            มีอะไรที่ไม่ทำให้ไอ้โป้งตื่นเต้นบ้างไหมเนี่ย.. โกลส่ายหัวแล้วก็ก้มลงอ่านข่าวผ่านมือถือต่อไป
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 16-01-2016 14:07:30
ตอนคาโงะชิมะ

ที่สถานีคาโงะชิมะ ชูโอะ ชายหนุ่มร่างเล็กผิวขาวจัด และดวงหน้าที่ดูผิวเผินแล้วแทบไม่มีใครดูออกว่าเขาเป็นคนไทย  เขายืนชะเง้อคอเมื่อเห็นผู้โดยสารกลุ่มใหญ่เดินออกจากภายใน แล้วเขาก็เห็นคนที่เขามองหา เดินคู่กันมาโดยลากกระเป๋ามาคนละใบ

            “คุณโป้ง คุณโกล” เขาตัดสินใจเรียกเป็นภาษาไทยให้สองหนุ่มหันมาเจอเขาโดยง่าย

            แล้วโป้งก็เห็นก่อน

            “นั่นไง” เขาชี้ให้โกลดู

            “ตัวเล็กจัง.. เหมือนเด็กเลยคุณพี่ปอน” โกลว่าแล้วก็เปลี่ยนทางเดินตามโป้งไป

 

          รถที่พี่ปอนใช้มารับโป้งกับโกลเป็นรถแวนที่นั่งได้สะดวกพอสมควร

            “วันนี้เรามีแขกน้อย ผมก็เลยมารับคุณสองคนเอง ตอนแรกที่ผมเห็นบุ๊คกิ้ง บอกว่าเป็นคนไทยก็เลยเอามาดู เห็นชื่อกรกฏ กับเทพพรก็เลยดีใจ.. ผมน่ะเป็นแฟนของพวกคุณตั้งแต่นัดชนะญี่ปุ่นเลยนะ.. เพราะผมดูถ่ายทอดสดนัดนั้นด้วย เผลอดีใจจนคนที่บ้านมองหน้าเลย..” ปอนเล่า

            “คือพี่ปอนครับ ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ เรียกเราว่าน้องดีกว่า ฟังดูไม่ค่อยสนิทเลยคุณ” โป้งเป็นคนออกปาก

            “โอเคครับ..” ปอนมองหน้าโป้งจากกระจกมองหลัง

 
            โรงแรมที่ว่าเป็นเรียวกังที่ปรับปรุงมาจากบ้านเก่าของตระกูลใหญ่ที่เป็นสาขาหนึ่งของตระกูลชิมิซุ ตระกูลไดเมียวแห่งแคว้นเซตซุมะโบราณ ที่มีอาณาเขตครอบคลุมสองจังหวัดคือคาโงชะมะ และคุมาโมโต้

            บ้านไม้แบบญี่ปุ่นโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ แต่ปรับปรุงใหม่จนดูน่าอยู่และสุขสบายเหมือนเมื่อสมัยที่บ้านยังสร้างใหม่ๆ ไม่ได้ดูอึมครึ้มอย่างที่โกลคาดเดาไว้แต่อย่างไร

             ตัวบ้านตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองออกไปเห็นทะเลของอ่าวคาโงะชิมะ แต่เพราะตอนที่โป้งกับโกลมาถึง เป็นเวลาค่ำแล้วจึงมองเห็นภูเขาไฟซากุระเป็นแค่เงาทะมึนอยู่ในทะเลเท่านั้น

            ห้องที่พักเป็นห้องญี่ปุ่นขนาดแปดซึโบะ(แปดเสื่อตาตามิ) มีชั้นให้วางกระเป๋าและตู้ไว้เก็บของด้วย แล้วยังมีส่วนที่เป็นห้องน้ำที่ทำเป็นประตูไม้สีขาวให้กลมทำให้ดูคล้ายกับประตูตู้เก็บของ

            “เราผสมน้ำให้อาบแล้วนะครับ เดี่ยวเชิญอาบน้ำกันก่อน แล้วค่อยกินข้าวเย็นกัน.. ผมเตรียมอาหารชุดสูตรพิเศษของคาโงชิมะไว้ต้อนรับด้วย”

           

            แล้วพออาบน้ำเสร็จแล้วก็มีสองหนุ่มก็อยู่ในชุดยูกาตะแล้วก็มีคนมาเคาะประตู

            โกลเป็นออกปากอนุญาต ประตูก็เลื่อนออก พี่ปอนมาในชุดกิโมโนอย่างเป็นทางการพอสมควร นั่งอยู่ที่พื้นโค้งต่ำ

            “ขออภัยครับ ได้เวลาอาหารแล้วครับ”

           

            สองหนุ่มค่อนข้างตื่นตากับการที่หญิงสาวสี่คนในชุดยูกาตะสีเรียบร้อย เดินก้มต่ำมาวางเครื่องประกอบสำรับอาหารอย่างเงียบกริบและนิ่มนวล

            โดยชุดอาหารแยกเป็นสองชุด ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กสองตัวที่ตั้งตรงหน้าโป้งกับโกล โดยหันหน้าเข้าหากัน

            “ทานเหล้ากันเป็นใช่ไหมครับ” พี่ปอนนั่งอยู่เยื้องทางด้านประตูระหว่างโกลกับโป้ง

            เขาผายมือบนโต๊ะขนาดเล็กตรงหน้า มีเหล้าญี่ปุ่นขวดขนาดขวดแบนตั้งอยู่

            สองหนุ่มพยักหน้าพร้อมกัน

            พี่ปอนจึงขยับเข้ามาโค้งก่อนจะรินเหล้าให้โกล แล้วก็ไปทำแบบเดียวกับโป้ง

            “นี่เป็นเหล้าหมักจากหัวเชื้อข้าวกับมันหวานเซตซูมะ ลองชิมดูนะครับ แต่ผมต้องแจ้งไว้ก่อนว่าค่อนข้างเข้มข้นนิดหน่อย”

            โป้งกับโกลจึงจิบชิม กลิ่นหอมแตะจมูก รสก็ไม่ได้บาดคอมากนักในแบบเหล้าหมัก

            “ส่วนอาหารที่ขึ้นชื่อของเราก็เริ่มด้วย ซาเซมิปลากิบินาโงะ เป็นปลาซาดีนข้างเงินตัวเล็ก รสชาติหวานมีขมติดปลายลิ้นเล็กน้อย กินกับโชยุกับวาซาบิสดจะเข้ากันดี” ปอนหมายถึงจานที่เป็นซาเซมิปลาตัวเล็กแล่เป็นชิ้นกว้างประมาณสองเซ็นแต่ยาวเท่าขนาดลำตัวปลา

            โป้งคีบมามองก่อนจะทำตามที่พี่ปอนแนะนำแล้วก็กิน

            “อร่อยดีครับ” โป้งกล่าว

            “หวานมีขมนิดเดียวอร่อยมากและสดมาก” โกลชมบ้าง

            พี่ปอนยิ้ม

            “แล้วข้างกันเป็นซาเซมิไก่แบบคาโงชิมะนะครับ เป็นไก่สดมาก กินกับวาซาบิแล้วก็โชยุเหมือนกับซาเซมิปลา” เขากล่าวต่อไป

            โป้งทำหน้าแปลกๆก่อนจะลองชิม แต่พอชิมก็ทำตาโต

            “อร่อยดีครับ..”

            “คุ้นหละสิ” โกลแซว

            “สมัยก่อนลากไปกินในน้ำบ่อย”

            โป้งเชิดจมูกใส่ พี่ปอนก็หัวเราะเบาๆ

            “ส่วนที่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งคือ เซตซูมาอาเกะ อันนี้คล้ายๆลูกชิ้นปลาบ้านเรา”

            โกลคีบมาดู มันก็ดูเจ้าของที่ว่าหั่นเป็นชินพอคำสีขาวแทรกด้วยก้านของหน่อไม้ฝรั่ง หน้าตาคล้ายกับฮือก้วยที่ขายตามเยาวราช

            “อร่อยดีนะ.. หนึบๆดีครับ” โป้งกล่าวชม

            พี่ปอนโค้งตอบรับและกล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ฟังดูดีกว่าพี่ไอศูรย์อีก

            “ขอให้รับประทานอย่างเพลิดเพลินนะครับ อีกสักหนึ่งชั่วโมงจะมีพนักงานมาเก็บสำรับออกไปเอง ระหว่างนี้หากต้องการ วันนี้เป็นวันเพ็ญเราจะมีกิจกรรมชมจันทร์ในสวนด้วย รับประทานเสร็จแล้วก็ขอเชิญไปร่วมชมจันทร์ร่วมกันนะครับ ผมขอตัว”

            แล้วพี่ปอนก็ถอยหลังออกไปทั้งที่คุกเข่า แล้วโค้งอีกที่ก่อนจะลุกไปเปิดประตูแล้วออกไปนั่ง และลงปิดประตูบานเลื่อนลงอย่างเรียบร้อย

            “เหมือนเป็นโชกุนเลยหวะ” โป้งกล่าวออกมา

            “เขาจัดได้เนี๊ยบมาก”

            “เป็นไงหละ กูบอกแล้ว.. นี่หละบรรยากาศบ้านขุนนางเก่าของแท้” โกลยักคิ้กแล้วกินไก่ซาเซมิอย่างอร่อย

 

 

          โป้งตื่นขึ้นมาตอนดึกนึกอยากจะเอาโทรศัพท์มาดูเวลา กลับควานหาไม่เจอทั้งที่ปกติเขาจะมักจะวางไว้ที่หัวนอน 

            ลืมไว้ที่ศาลาชมจันทร์แน่นอน

            โป้งเลยแข็งใจลุกแล้วคว้าเอาเสื้อกันหนาวมาสวมทับยูกาตะเพื่อป้องกันอากาศที่เยือกเย็นข้างนอก

            จะปลุกโกลก็เกรงใจ เพราะโกลกรนเบาๆเสียด้วย

            โป้งเดินมาตามทางเดินที่เป็นทางยาวผ่านห้องต่างๆ จากนั้นก็สวมร้องเท้าแตะคีบแบบโบราณแล้วเดินไป มียามใส่ชุดแบบทหารโบราณยืนถือหอกปลอมอยู่สองคนหันมาโค้งให้โป้ง

            ยังดีว่าพี่ปอนได้อธิบายไว้แล้วว่าเพื่อให้ได้บรรยากาศ ยามรักษาความปลอดภัยของที่นี่จะใส่ชุดแบบซามูไรสมัยเอโดะตอนออกรบคือมีเกราะโดะมารุที่ตกแต่งน้อยกว่าเกราะของเจ้านาย

            ถ้าไม่อย่างนั้นกลางดึกอย่างนี้..โป้งมีหวังวิ่งป่าราบ

            “จะไปไหนครับ” คนหนึ่งถามขึ้น

            “ผมลืมของไว้ที่ศาลาชมจันทร์” โป้งตอบแล้วโค้งให้

            “เดินระวังด้วยนะครับทางเดินมันมืด” ยามรักษาการณ์อีกคนบอก

 

            ศาลาชมจันทร์เป็นศาลาที่หลังคาแบบญี่ปุ่น แต่เปิดโล่งทั้งสี่ด้านอยู่กลางสวนแบบญี่ปุ่น

            โป้งแปลกใจไม่น้อยกับชายหนุ่มหรือไม่ก็คนรุ่นเดียวกับเขานี่หละในชุดเกราะแบบเจ้านายแต่ไม่ได้สวมหมวก แถมเขากำลังพลิกดูโทรศัพท์ของเขาอย่างสนใจ

            “ขอโทษครับ อันนี้ของผม” โป้งกล่าวอย่างสุภาพ

            ชายในชุดเกราะมีวัยใกล้เคียงกับเขาจริงๆนั้นหละ เพียงแต่ว่ามีแววตาค่อนข้างเศร้า แต่กระนั้นก็ยิ้ม

            “อ้อแขกนี่เอง” เขากล่าว..

            “ของท่านใช่ไหม” แล้วเขาก็ส่งโทรศัพท์คืนให้

            “นี่เรียกว่าอะไร”

            โป้งแปลกใจไม่น้อยกับคำถาม

            “อันนี้เป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่นะครับ.. ผมพึ่งซื้อมาจากโอซาก้า”

            เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน เขามีเรือนร่างทีสูงไม่มากนักแต่ดูองอาจในชุดนักรบ

            “ท่านเป็นคนของโอซาก้าอย่างนั้นหรือ” เด็กหนุ่มมีคำพูดที่แปลกหูพอสมควร หรือเพราะโป้งยังไม่ชำนาญภาษา.. แต่น่าแปลกที่คำพูดของเขานั้นฟังยาก แต่โป้งยังฟังเข้าใจได้อย่างน่าแปลก

            “เปล่าครับผมอยู่ที่นารา” โป้งตอบ

            “นารา..ยามาโตะสินะ..” เขากล่าวชื่อเดิมของเมืองนาราออกมา เป็นชื่อของเมืองนาราก่อนจะถูกเรียกว่านาราในยุคปัจจุบัน

            “ครับ..”

            “แต่ท่านไม่ใช่ญี่ปุ่น” เขาแล้วขมวดคิ้ว

            “ใช่ ผมเป็นนักฟุตบอล มาจากเมืองไทย แต่อยู่ที่นารา” โป้งตอบ

            “ฟุตบอล.. หมายถึง กีฬาพวกตะวันตกที่ใช้ขาเล่นเตะลูกกลมๆใช่ไหม เราเคยเห็นพวกเด็กเล่นกัน.. ท่านเป็นนักกีฬานี้.. แสดงว่าท่านต้องเก่งมาก”

            โป้งแม้จะแปลกหูแต่ก็ยิ้ม

            “คุณเป็นพนักงานที่นี่เหรอครับ” โป้งถาม

            “อืมจะพูดอย่างนั้นก็ได้.. ผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว” เขาตอบ

          แล้วโป้งก็ได้ยินเสียง

            “โป้ง.. ตื่นได้แล้ว.. ไหนบอกจะออกไปวิ่งไง”

            โป้งลืมตา เห็นโกลยื่นหน้ามาเหนือหัว

            โป้งลุกขึ้นมองไปรอบๆ

            “ฝัน.. เหรอ” โป้งกล่าวด้วยความแปลกใจ

            โกลงง

            “อะไรของมึง..” โกลกล่าวแล้วลุกไปเปิดกระเป๋าหยิบชุดวอร์มที่พกมาด้วยทั้งของเขาและของโป้ง

            โป้งยังนั่งงงอยู่   

            “เปลี่ยนเสื้อผ้า” แล้วโกลก็ปาเสื้อกับกางเกงมาใส่

            โป้งเอามันออกจากหัวก่อนจะลุกขึ้นแต่ยังอยู่ในอาการงง

            พี่ปอนบอกว่าหากจะวิ่งตอนเช้า ก็สามารถวิ่งลงเขาไปถึงชุมชนที่ตีนเขาได้แล้ววิ่งกลับขึ้นมา ปกติใช้เวลาเดินไปกลับราวครึ่งชั่วโมง   

            แต่สำหรับโกลกับโป้ง นั่นไม่เพียงพอ พวกเขาก็เลยคิดกันว่าจะวิ่งไปไกลกว่านั้น

            ตอนที่สองคนออกวิ่งจากโรงแรมไปตามถนนลงเขา ฟ้ายังมืดสนิทแม้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว แต่เพราะเป็นฤดูใบไม้ร่วงฟ้าก็เลยยังไม่สว่าง

            แต่พอสองหนุ่มวิ่งลงมาถึงชุมชนก็เริ่มแสงรำไรที่ขอบฟ้า ชีวิตของคนที่เริ่มต้นมีเด็กนักเรียนหลายคนเริ่มออกเดินจากบ้านไปโรงเรียน คนทำงานก็แต่งกายด้วยสูทภูมิฐานขี่จักรยานบ้าง เดินบ้างไปตามถนน  แม้คาโงชิมะจะเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของเกาะคิวชิว แต่ก็ยังดูคล้ายกับนาราคือค่อนข้างสงบและเรียบง่าย

            ทั้งคู่วิ่งกันไปจนถึงป้อมตำรวจตรงหัวมุมถนนแล้วแวะร้านสะดวกซื้อแบบท้องถิ่นเพื่อซื้อนมสด คนขายเป็นเด็กหนุ่มวัยราวๆสิบแปดปี

            เขามองพินิจโป้งกับโกลนิดหนึ่งแบบมีมารยาท

            “พวกคุณเป็นนักฟุตบอลเจลีกใช่ไหม” เขาถามตอนส่งเงินทอนให้โกล

            “ครับ” โกลตอบแล้วหันไปมองหน้าโป้ง

            “โป้งซังกับโกลซังสินะ” เขากล่าวแล้วยิ้มกว้าง

            “ขยันกันจังเลยนะครับ ออกมาวิ่งกันแต่เช้า ทั้งอยู่ในช่วงพักผ่อนแท้ๆ”

            โป้งหันไปหันมาเห็นลูกฟุตบอลยางที่ใส่ตาข่ายแขวนเอาไว้

            “อันนี้เท่าไหร่ครับ” เขาเดินไปหยิบ

           

            โป้งตื่นตากับทิวทัศน์อ่าวคาโงะชิมะที่มองเห็นได้จากห้องพัก ภูเขาไฟซากุระมีควันสีเทาจางๆลอยเป็นสายอยู่เล็กน้อย เป็นภาพที่แปลกตา

            “ซื้อลูกบอลมาทำไม” โกลถามตอนเอาลูกบอลไปวางไว้หลังกระเป๋าเดินทางเพื่อไม่ให้มันกลิ้งไปทั่ว

            โป้งหันมายิ้มแต่ไม่ได้ตอบ

           

            ผิวเผินแล้วคาโงะชิมะเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่สองหนุ่มก็ยังเพลินไปกับขับสกู๊ตเตอร์ที่เช่ามาจากโรงแรมไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ข้ามเฟอร์รี่ไปยังเกาะภูเขาไฟ แล้วเดินไปถ่ายภาพภูเขาไฟพ่นควันในระยะใกล้จากจุดสังเกตการโยโนฮิระ จากนั้นก็ข้ามกลับมาเที่ยวชมประวัติศาสตร์อันยาวนานของแคว้นเซตซูมะ ที่สวนเซนงาเนนซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการปกครองของแคว้นมาก่อน แล้วขึ้นไปจุดชมวิวบนเขาชิโรยาม่าเพื่อถ่ายภาพของเมือง

            “ไม่รู้ว่าเซนเซย์กับฮิรากินี่เขาคิดยังไงกันแน่นะ” โกลกล่าวออกมาระหว่างนั่งยืนทอดสายตา

            “กูว่าเขาชอบกันนะ แต่ดูเหมือนเขาพยายามรักษาระยะห่างกันไว้.. ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแน่.. ส่วนหนึ่งก็คงเพราะฮิรากิมันมีแฟนแล้วด้วยมั้ง” โป้งสันนิฐาน

            “อยากรู้เหมือนกันนะ..” โกลถอนหายใจยาว

            “คิดไปก็น่าสงสารนะ”

            ตัวเมืองคาโงชิมะทอดตัวไปสู่ทะเลเป็นดูร่งเรืองแบบความเจริญของศตวรรษปัจจุบัน ภูเขาไฟซากุระตระหง่านอยู่กลางอ่าวล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีฟ้า โดยมีกลุ่มเมฆจับตัวอยู่เหนือยอดของภูเขาไฟดูประดุจชายที่สวมหมวกยืนอยู่กลางอ่าวเพียงลำพัง..

 

            บนไหล่เนินของภูเขา สุสานแบบญี่ปุ่นทอดตัวอย่างสงบเงียบ ชายหนุ่มเดินมาพร้อมห่อของและดอกไม้ เดินอย่างช้าๆขึ้นมาตามบันไดไปสู่บริเวณที่เขาต้องมาทุกปี

            เมื่อทำความสะอาดรอบบริเวณหลุมศพ แล้วเขาจัดแกะห่อผ้าเพื่อเอาแจกันวางไว้สองข้างของป้ายวิญญาณจัดการปักช่อดอกไม้บูชาลงไปทั้งสองฝั่งจากนั้น ก็เปิดกล่องข้าวที่มีคากิโนฮาซูชิ ซึ่งเป็นซูชิอัดแน่นห่อด้วยใบไม้อย่างงดงาม และขนมโมจิที่ประดิษฐ์อย่างงดงาม

            นี่คือหลุมศพของโอกาซัง(แม่)ที่แสนใจดีกับเขา ผ่านมาแล้วสามปีเต็มที่เธอจากไป ภาพของหญิงวัยกลางคนที่แสนดีรอคอยเขากลับจากโรงเรียนทุกเย็นด้วยรอยยิ้มยังพิมพ์แน่นใจความทรงจำ..

            แต่ที่เลี่ยงไม่ได้เมื่อระลึกถึง.. คือวันที่เธอจากไป

            ร่างของโอกาซังล้มนิ่งอยู่กับพื้นตอนที่ไอศูรย์กลับถึงบ้าน เขาพยายามพาเธอไปโรงพยาบาลแม้รู้ดีว่าสายเกินไป..

            น้ำตาของเขาบ่าท่วมขอบตา และยิ่งโกรกไหลเมื่อทราบความจริงจากแท็ปเล็ตของโอกาซังที่วางทิ้งไว้ เมื่อเปิดดูจึงได้ทราบว่าเธอกำลังดูภาพของเขาโอบกอดกับนิชิโอะ.. นั้นคือภาพสุดท้ายที่โอกาซังได้เห็นอย่างนั้นหรือ..

            เรื่องนี้โอโตะซังก็ทราบหลังจากนั้น แต่โอโตะซังไม่ได้กล่าวอะไรนอกเสียจากตบบ่าไอศูรย์แล้วกล่าวเบาๆ

            “อย่าโทษตัวเอง อิโตะ.. แม่ของเธอกลับไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์แล้ว เวลาในโลกของเธอมีเท่านี้.. แต่เราต่างหากที่มีชีวิต และต้องดำรงชีวิต.. เราต้องเดินหน้าต่อไป..”

            แต่ไอศูรย์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลย.. ถ้าหากภาพของเขากับนิชิโอะคือภาพสุดท้าย.. สิ่งที่กระตุ้นให้อาการโรคหัวใจกำเริบก็คือภาพและความจริงที่เขาปิดบังผู้มีพระคุณของเขาทั้งสองเอาไว้นั่นเอง..

            “ผมจะไม่ทำผิดซ้ำสอง.. ผมจะไม่ทำให้โอโตะซังต้องเสียใจอีก.. ผมสัญญาครับโอกาซัง” ไอศุรย์ปาดน้ำตามออก แล้วมองตามควันธูปที่ลอยขึ้นสูง สู่ฟากฟ้า..

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-01-2016 22:08:15
เพราะคิดว่าตัวเองทำให้แม่ต้องตายหรือเปล่า ไอศูรย์ถึงตัดใจเรื่องฮิรากิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 17-01-2016 10:19:21
ตอน ประตูนี้เพื่อเซมไป(รุ่นพี่)..

ใต้แสงจันทร์ที่งดงาม เด็กหนุ่มยืนถือพัด ดวงตาชมจันทร์ วันนี้เขาไม่ได้สวมเกราะซามูไร แต่อยู่ในชุดที่ลำลองกว่าและดูคล่องตัวกว่า เป็นชุดสำหรับการฝึกดาบ แต่กระนั้นก็มีตราประจำตระกูลชิมิซุประดับอยู่อย่างเด่นชัด

            “วันนี้ไม่ใส่เกราะเหรอ” โป้งถาม

            “ก็ท่านจะสอนเราเล่นเจ้าลูกกลมนั้นไม่ใช่เหรอ ซอกก้า เซนชู(นักฟุตบอล)”

            “เฮ้ยรู้ได้ไง ผมยังไม่ได้บอกเลย” โป้งตอบแล้วเอาลูกบอลออกจากตาข่ายมาเดาะเล่น

            หนุ่มน้อยในชุดญี่ปุ่นมองเท้าที่เคลื่อนไหวว่องไวแล้วก็ยิ้มชอบใจ

            “สอนเราให้ทำอย่างนั้นบ้างสิ”

            “ได้เลย..” โป้งว่าแล้วก็ดีดลูกขึ้นมาถือไว้..

            “แต่ก่อนอื่นขอถามก่อนนะว่า คุณชื่ออะไร”

            เด็กหนุ่มเม้มปากแล้วพยักหน้า

            “จริงสินะ เสียมารยาทจริง” เขากล่าวแล้วยืดตัวตรง

            “ซิมิซุ ทาอิชิโอะ ยินดีที่ได้พบ”

            ในแสงจันทร์กระจ่าง ชิมิซุ ทาอิชิโอะ เดาะลูกบอลได้อย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่นาน โป้งยืนมองแล้วเข้าใจได้ว่า อาจเพราะเขามีพื้นฐานการเล่นกีฬาอื่นมาก่อนก็เลยเรียนรู้ได้เร็ว

            ซามูไรหนุ่มเหยียบลูกบอลเอาไว้แล้วก็หันมา

            “สนุกจริงๆ.. เท่านี้เราก็ไม่เบื่อแล้ว เรามีอะไรทำแล้ว” เขายิ้ม แววโศกเศร้าที่เคยอยู่ในแววตาหายไปแล้ว

            โป้งเหมือนจะเห็นร่างกายนั้นสุกสว่างขึ้นด้วย         

            “เอาอย่างนี้แล้วกัน.. เรามีอะไรจะสอนท่านแลกเปลี่ยน”

            โป้งเกาหัว

            “อย่าบอกจะว่าจะสอนดาบ”

            “ไม่ได้ไม่ได้.. สอนดาบไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลานานมาก.. แต่จะสอนเคล็ดลับนักดาบให้..” ซามูไรหนุ่มยิ้ม

            “จำเอาไว้แล้วกัน.. ในเชิงดาบมีวิธีการเอาชนะอยู่แบบหนึ่ง คือการจงในเปิดจุดอ่อนเพื่อให้ศัตรูโจมตี..”

            “อ้าวแบบนั้นก็แย่สิ.. เราไม่ตายเหรอ” โป้งร้อง

            เด็กหนุ่มยิ้ม..

            “การจะใช้กลยุทธแบบนี้ได้ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าตัวเรามีจุดแข็งและอ่อนคืออะไร และคู่ต่อสู้มีจุดแข็งและอ่อนอะไร ถ้าเปิดแล้วจะป้องกันยังไง จากนั้นเมื่อศัตรูโจมตีเราก็สวนกลับหรือหลบหลีกแล้วสวนกลับ.. นี้คือสุดยอดวิธีการล้มคู่ต่อสู้..”

 

            “ไอ้โป้ง..” เรียกพร้อมเขย่าตัวด้วย

            โกลถอยมานั่งมอง โป้งค่อยๆลุกขึ้นๆอย่างงัวเงีย

            “เช้าแล้วเหรอโกล”

            “เปล่า ตีสี่ครึ่ง” โกลตอบ

            “อ้าวแล้วมึงปลุกกูทำไม” โป้งล้มลงนอนเหมือนเดิม

            “ก็มึงละเมอเสียงดัง โป้ง.. ทำเอากูตกใจตื่น เห็นมึงหัวเราะคิกคัก แล้วก็บ่นอะไรไม่รู้ กูก็เลยตัดสินใจเรียกไง”โกลว่า แล้วขยับมาใกล้ๆ

            “มึงฝันอะไร”

            “เปล่า..” โป้งปฏิเสธแล้วหลับตาลง

            “เปล่าอะไร.. ก็มึงเรียกชื่อด้วย อะไรทาอิ.. อะไรนี่หล่ะ” โกลเซ้าซี้

            “อะไรเล่าก็แค่ฝัน.. กินมากฝันมากอย่างที่มึงชอบว่ากูไง” โป้งปฏิเสธ

            “เฮ้ย ใช่เหรอ.. แต่มึงพูดอะไรงึมๆงัมๆตั้งหลายอย่าง” โกลถามอีก

            “เฮ้ยมึงนี่” โป้งชักรำคราญ คว้าคอโกลลงมากอดแนบอก

            “นอนๆ ไม่ต้องสนใจ กูก็ฝันเรื่อยเปื่อยของกู”

           

            “จากที่นี่คุณก็นั่งชิคังเซ็นไปลงที่ชินโทสุ แล้วไปต่อสายนางาซากิ จะมีขบวนลิมิตเต็ด เอ็กเพรส กาโมเมะไปที่นางาซากิ..” พีปอนอธิบายเมื่อมาส่งสองหนุ่มที่สถานีคาโงชิมะ ชูโอะ

            โกลพยักหน้าช้าๆ เขาก็ได้ข้อมูลเดียวกันมาจากเว็ปเหมือนกัน

            “ขอบคุณมากเลยนะครับ ที่มาพักที่โรงแรมของเรา.. โรงแรมของเราพึ่งเปิดตัวไม่นาน มีแขกไม่เยอะเท่าไหร่ แล้วก็ยังไม่ค่อยมีคนไทยด้วย แล้วก็ขอบคุณที่ยอมให้เราเอาพวกเราสองคนไปโปรโมทด้วย”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมก็แจ้งไปทางพี่สุขี เอเจนซี่ของเราแล้ว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร” โกลตอบ

            “เอ่อ.. พี่ครับ” โป้งเหมือนจะถามนานแล้วแต่พึ่งจะถามเอาตอนนี้

            “บ้านนั้นมีคนชื่อ.. ทาอิชิโอะไหมครับ”

            พี่ปอนนิ่ง.. ปอนเป็นเด็กในการอุปการะของลูกชายคนที่สามของเจ้าบ้านรุ่นปัจจุบัน และเขาก็ยังเรียนประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง แถมทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับสายของตระกูลชิมิซุที่แตกมาเป็นสายของเจ้าของบ้านหลังนี้ กระนั้นเขาก็ยังต้องคิดก่อน..

            “หมายถึงชิมิซุ ทาอิชิโอะ ลูกชายคนโตของเจ้าบ้านรุ่นที่สองรึเปล่า.. อืม..เขาเป็นนักดาบมีฝีมือคนหนึ่งในสมัยนั้นเลยนะ แต่น่าเสียดายที่ตายตั้งแต่อายุยังน้อย.. เขาทำเซปปุกุ ตามคำสั่งของท่านเจ้าบ้านเพราะอะไรก็ไม่มีบอกเอาไว้ในประวัติบ้าน แต่เขียนไว้แต่ก่อเรื่องเสื่อมเสีย" ปอนเล่าตามความทรงจำ

             "หลังจากเขาตายไม่นานก็มีเรื่องเศร้าคืออากานิชิ ที่เป็นซามูไรคนสนิทก็มาทำเซปปุกุตัวเองตายตามไปเหมือนกัน แต่นั้นมันเมื่อราวสามร้อยปีมาแล้ว ราวๆต้นสมัยเอโดะ”

            “เซปปุกุ คืออะไรครับ” โป้งถาม

            “อ้อ.. โป้งอาจรู้จักในนามฮาราคีรี.. จริงๆฮาราคีรี คำนี้มาจากการเอาคำว่าเซปปุกุมาเขียนล้อย้อนกลับมัน เป็นคำที่ใช้ในเชิงเหยียดหยาม ดังนั้นกรณีซามูไรยอมตายเอง อย่างกรณีท่านไซโกะ ทากาโมริ ทำตอนแพ้กองทัพพระจักรพรรดิเมจิก็ถือเป็นเซปปุกุ” พี่ปอนกล่าว

            “ว่าแล้ว” โป้งตบมือดังฉาด

            “มิน่า..ทำไมตัวถึงดูสว่างๆผิดปกติ”

            โกลหันมามองหน้า

            “อ้อไม่มีอะไร..”โป้งโบกไม้โบกมือ..

            หลังสองหนุ่นเดินลากกระเป๋าไปกันแล้ว ปอนก็ยิ้มออกมา

            “ท่านทาอิจิโอะ” เขากล่าวแล้วเดินหันหลังกลับ

 

            ในสวนที่งดงามในลักษณ์เรียบง่ายตามแนวคิดเซน ศาลาชมจันทร์ตั้งอยู่อย่างสงบ..

            พนักงานทำความสะอาดกวาดใบไม้ที่ปลิวไปทั่วอย่างถี่ถ้วน แต่เขากลับเลยผ่านลูกกลมๆที่วางพิงเสาของศาลาชมจันทร์

             ลูกกลมๆนั่นจะตั้งอยู่ตรงนั้นอีกนาน และนานจนกว่าเด็กหนุ่มที่ซื้อมันมาจะกลับมาเพื่อเอาลูกบอลหนังแท้มาเปลี่ยนให้ตามสัญญา..       

           

            แล้วเวลาวันหยุดก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นารา ธันเดอร์เดียร์จึงเริ่มการฝึกซ้อมเพื่อรับฤดูกาลใหม่

            โยชินะมาเดินดูนักเตะออกกำลังกายเพื่อเรียกความฟิตตามแผนการฝึก แต่สักเดี๋ยวโป้งก็วิ่งเข้ามาหา

            “โค้ชครับ อะไรคือการเปิดจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้โจมตีครับ..”

            โยชินะมองหน้าโป้ง เห็นเหงื่อซึมมาเต็มใบหน้า แต่โป้งกลับไม่ได้มีอาการเหนื่อยหอบแสดงว่าแม้จะหยุดพักไป เขาก็คงมีการฝึกฝนเรื่องความฟิตอยู่เรื่อยๆ

            “ก็.. มันเป็นวิธีทางการต่อสู้นะ ในกีฬาอย่างเคนโด้ คาราเต้ พวกนี้เขาจะมีกลยุทธแบบนี้อยู่คือ มันเป็นวิธีการหลอกให้ศัตรูโจมตี แล้วเราก็สวนกลับยังไงละ” โยชินะตอบ

            “แล้วถ้าเป็นฟุตบอลหละครับ” โป้งถามต่อ

            “อืม..” โยชินะกอดอก

            “นั่นสินะ.. ฟุตบอลเราจะเปิดโอกาสให้คู่แข่งก็ไม่ได้เสียด้วย.. นอกเสียจากเราจะมั่นใจว่าเราสามารถสวนกลับได้เร็วกว่าการโจมตี ก็อาจจะ.. อืม.. ก็อาจแกล้งทำเป็นหยุดเล่นหรือเสียท่า แล้วพอคู่ต่อสู้จะเข้าโจมตีก็สวนกลับทันที ซึ่งถ้าเป็นในเชิงการต่อสู้ตัวต่อตัว.. มันก็จะทำให้ได้เปรียบนะ”

            โป้งพยักหน้าแล้วก็โค้ง

            “ขอบคุณครับโค้ช ผมเข้าใจแล้ว.. แปลว่าบางทีเราก็ไม่ต้องใช้ทักษะหลอกคู่ต่อสู้ก็ได้ แต่เราหลอกให้คู่ต่อสู้โจมตีก่อน.. แล้วเราก็สวนกลับใช่ไหมครับ”

            โยชินะพยักหน้า โป้งก็วิ่งไป..

            “อืม.. เออก็เข้าท่าดีนะแผนนี้.. หลอกให้โจมตี.. แล้วสวนกลับอย่างนั้นเหรอ” โยชินะพยักหน้าช้าๆ

 

            โกลค่อนข้างแปลกใจที่โป้งเอาคอมพิวเตอร์ของเขามาเปิดดูคลิปนักฟุตบอลหลายต่อหลายคลิปต่อเนื่องกัน แถมทำแบบนี้มาหลายวันแล้ว

            “นี่มึงดูอะไร.. มีแค่คลิปคนเขาเสียบอล คนเขาพลาด.. อะไรของมึง” โกลถามแล้วเดินมากอดคอจากด้านหลัง

            “ก็ดูเอาไว้.. จะได้พลาดเหมือน” โป้งตอบ

            “พลาดเหมือน.. “ โกลทวนคำ แล้วก็ยืดตัวตรง

            “มึงนี่น่าจะบ้านะ.. มีแต่คนเขาไม่อยากพลาด มึงดันมาดูคลิปเพื่อให้พลาด..”

            โป้งหันมายิ้ม

            “ก็มีคนเขาสอนกูมา..เอ้ย..” โป้งรีบแก้คำพูด

            “มีบางอย่างเขาสอนกูมา”

            โกลมองหน้าโป้ง แล้วก็ขยี้หัว

            “นี่มึงท่าจะเพี้ยนนะเนี้ย”

 

            แต่ที่แปลกใจกว่าโกลเป็นคือฮิรากิ เมื่อโป้งบอกว่าให้ช่วยสอนวิธีการสกัดและแย่งบอล

            “สกัดบอล.. แย่งบอล” ฮิรากิมองหน้าโป้งอย่างฉงน

            “นายจะเรียนไปทำไม.. นายเป็นผู้เล่นตัวรุก เอาเวลาไปฝึกเทคนิคดีกว่า”

            “ฉันฝึกทุกวันอยู่แล้วฮิรากิ.. อยู่ในทีมก็ฝึกอยู่.. แต่ฉันอยากเรียนเพิ่มกับนาย” โป้งตอบ

 

          นัดแรกของเจลีกฤดูกาลใหม่เริ่มต้น แต่เป็นรายการที่โหดหินมากพอสมควรเพราะนารา ธันเดอร์เดียร์ ต้องไปเยือนทีมของเมืองฮิโรชิม่าที่แข็งแกร่งมากถึงสนามเมืองฮิโรชิม่า

            โกลและโป้งเป็นสำรองในนัดนี้ จึงต้องยืนลุ้นอยู่ข้างสนาม

            ด้วยแรงใจจากเสียงเชียร์ที่กระหึ่มสนาม นักเตะฮิโรชิม่าเดินเกมรุกอย่างเต็มที่ตามลักษณะของเจ้าบ้านและหมายชนะให้ได้เพราะเป็นนัดเปิดฤดูกาล

            แล้วพวกเขาก็ออกนำไปสองลูกตั้งแต่ครึ่งแรก แต่โมริ อาริกะศูนย์หน้าของนรารายิงตีไข่แตกได้ในนาทีสุดท้ายก่อนหมดครึ่งแรก

            โกลตบบ่าปลอบใจฮิรากิที่ก้มหน้าเดินเข้ามา เขาคงโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุเนื่องจากการเสียประตูแรก ฮิรากิพลาดให้ศูนย์หน้าความเร็วจัดของฮิโรชิม่าหลุดเข้าไปยิงประตูขึ้นนำได้

            “ไม่เอาๆ ยังเหลืออีกตั้ง ครึ่ง..” โกลบีบที่ต้นคอ

            ฮิรากิก็ยิ้มตอบแต่เป็นรอยยิ้มไม่สดใสเท่าไหร่

           

            โยชินะพยายามแก้เกมด้วยการส่งกองกลางลงไปเพิ่มและถอดเอากองหลังตัวริมเส้นฝั่งขวาออกหนึ่งตัว

            แต่แล้วเกมก็เร้าใจมากขึ้นเพราะนาราบุกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการครองเกมในแดนกลางได้มากกว่า แต่นาราก็ยังเข้าไปหาจังหวะยิงอย่างจะแจ้งไม่ได้..

            “โป้งจัง” โยชินะเรียก

            โกลและโป้งหันมามองพร้อมกัน

            โยชินะชี้นิ้วไปเป็นสัญญาณว่าให้ออกอบอุ่นร่างกาย

            โป้งหันไปสบตาขอกำลังใจจากโกลก่อนจะถอดเสื้อคลุมส่งให้แล้วเริ่มออกวิ่งไปตามไหล่ขอบสนาม

           

            ที่นารา..

            ไอศูรย์เงยหน้าจากวิทยานิพนธ์ ตอนที่ได้ยินผู้บรรยายบอกว่าโป้งได้บอล

            “สู้ๆนะโป้ง” เขากล่าวแล้วงับฝาโน๊ตบุ๊คลงเพื่อเชียร์อย่างเต็มตัว

            จากจอทีวี โป้งพาลูกไปตามริมเส้นฝั่งซ้ายโดยมีกองหลังทีมขาติญี่ปุ่นตามประกบมา

 

            โป้งวิ่งมาถึงมุมธงแล้วก็คลึงบอลช้าๆ กองหลังฝั่งตรงข้ามก็ไม่เข้าสกัด เพราะเขามีประสบการณ์สูงมาก ทำให้อ่านได้ว่าโป้งจะหาจังหวะพลิกลูกหนี

            แล้วโป้งก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แต่จังหวะที่โป้งเหยียบลูก.. เขาเหยียบพลาด ทำให้ไถลและลูกบอลก็ปลิ้นหลุดจากการครอบครอง

            โอกาตะ มิโยชิ เห็นดังนั้นจึงรีบผวาเข้าหาลูกที่ทะลักออกจากเท้าโป้งเพื่อจะเตะออกไป

            แต่แล้วทันใด เท้าของซ้ายของโป้งก็ยืดตามออกมาแล้วเตะลูกบอลเปลี่ยนทาง

            จากนั้นร่างที่เหมือนจะเสียหลักไป กลับยันกายคืนการทรงตัวแล้ววิ่งตามลูกบอลที่เปลี่ยนทางไป

            เขาใช้เท้าขวาดักมันได้ก่อนที่หลุดออกเส้นหลัง แล้วสับเท้าซ้ายเตะจิ้มกระแทกบอลให้ลอยเข้ากลางประตู

            ผู้รักษาประตูฮิโรชิม่า จึงหันข้างเข้าหาลูกบอลหมายจะรับ  แต่พลัน..

            โมริ อาริกะพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาเอาร่างกายโถมใส่ลูกบอลที่ลอยอยู่แล้วเข้าประตูไปพร้อมๆกับมัน

            โอกาตะมองตามโป้งที่วิ่งเข้าไปหาผู้ทำประตูด้วยความดีใจ

            “เด็กคนนี้..” เขากล่าวออกมา

            “ร้ายกาจจริงๆ”

           

            ที่นครโอซาก้า เด็กหนุ่มร่างสูงดวงหน้าคมเข้มหล่อเหลากอดอกมองภาพที่ฉากซ้ำ เขาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบเล็กน้อย มีอากัปกริยาคล้ายกับพลาดเหยียบลูกบอลจนมันหลุดออกจากเท้า แต่ฉับพลันเขาก็ยืดเท้าออกไปเตะมันเปลี่ยนทางซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับกองหลังร่างใหญ่ผู้สุขุมถลันเข้าแย่งลูก..

            “นี่มัน..” เขากล่าวออกมา แล้วกอดชุดคาราเต้ที่มัดไว้ด้วยสายดำแน่น

            “เปิดจุดอ่อนหลอกให้โจมตี แล้วโต้ฉับพลัน..”

            “โฮ้ย..” เสียงเรียกทำให้เขาหัน

            “มาโกโตะทำอะไรอยู่.. เร็วๆสิฉันหิวแล้วนะ”

            คนเรียกเป็นหนุ่มผิวเข้มเรือนร่างแน่นด้วยมัดกล้ามเห็นได้ชัดเมื่อใส่เสื้อรัดรูป

            “ดูฟุตบอล..” โอซาวะ มาโกโตะเดินเข้าไปหา

            “นี่นายไม่สนใจเหรอ โป้งจัง เป็นนักเตะจากประเทศไทยนะ..”

            “นักคาราเต้อย่างนายสนใจฟุตบอลด้วยเหรอ” ชายหนุ่มดวงหน้าคมเข้มถาม

            “ก็ดูบ้าง..” มาโกโตะตอบแล้วเดินคู่กันไปกับชายผิวเข้ม

 

            หลังจากบุกหนักมากเพื่อเอาประตูให้ได้ จังหวะนี้เป็นจังหวะสำคัญมาเพราะนาราได้ลูกเตะมุมที่ฝั่งขวา 

นิชิโยะ ฮิเดะมองกองกลางริมเส้นฝั่งขวาไปในกรอบเขตโทษ เห็นศูนย์หน้าและกองหลังตัวสูงใหญ่ยืนเบียดอยู่กับผู้เล่นฮิโรชิม่า

             เขาตัดใจเตะโยนเข้าไปตรงกลางหมายให้เพื่อนร่วมทีมสามารถจะเบียดแย่งได้

            “ฝากด้วยนะทุกคน” เขาพึมพำแล้ววิ่งเข้าเตะ

            ความสงบนิ่งของโกลมาแตกสลายจากอาการตื่นเต้น เขาชะเง้อแถมเขย่งตัว ทั้งที่ตัวเองเป็นคนตัวสูงที่สุดในสนามเพื่อติดตามเกม

            โมริกระโดดขึ้นสูงและออกแรงเบียดกับโอกาดะ แต่เขาได้จังหวะดีกว่ากองหลังอาวุโส เขาจึงได้โหม่ง แต่..

            ผิดเหลี่ยม..

            ลูกบอลกระเด้งหัวของโมริแล้วลอยไปด้านซ้าย ออกไปนอกกรอบเขตโทษ

            โป้งอยู่ตรงนั้น เขาจับลูกอย่างนิ่มนวล มองไป..

            กองกลางฝั่งตรงข้ามพยายามเข้ามาสกัด

            แต่โป้งมองไปเห็นเป้าหมายแล้ว.. เขาเตะงัดโด่งส่งลูกบอลย้อนกลับเข้าไป

            “ฮิรากิ แก้ตัวซะ”

            เพราะกองหลังของฮิโรชิม่าเทกันไปหาโป้งหมด ทำให้ฮิรากิกระโดดขึ้นเดี่ยวๆ เขาเห็นแล้วว่าผู้รักษาประตูอยู่ทางไหน แต่เขาตัดสินใจโหม่งกลับไปทางนั้น..

            ผู้รักษาประตูฮิโรชิม่าเคลื่อนตัวออกไปแล้ว แต่เขาหยั่งเท้าพลิกตัวคืนกลับมา เขาพยายามเอื้อมมือออกไป..   

            ลูกบอลสัมผัสปลายมือ.. แต่เพราะความรุนแรง..

            มันแฉลบไปเปลี่ยนทาง.. แต่มันยังคงลอยข้ามเส้นประตู..

            บรรดาผู้เล่นที่อยู่ใกล้ มองลูกบอลกระทบตาข่ายแล้วรูดตกลงบนพื้นหญ้า นั่นทำให้ผู้รักษาประตูทรุดลงถอนหายใจ โอกาดะผู้มากประสบการณ์เอามือเสยผมอย่างแรง

            ฮิรากิยืนงงกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นฉับพลัน.. จนเมื่อเพื่อนๆวิ่งเข้ามารุมเขาอย่างดีอกดีใจ เขาจึงได้ตระหนักว่าตัวเองทำประตูแรกของการเป็นนักเตะอาชีพ..

            ห่างไปหลายร้อยกิโลเมตร แต่เห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนจากจอทีวี

            ไอศูรย์ที่ผุดกายขึ้นลุ้นค่อยๆทิ้งกายลงนั่ง

            ภาพของฮิรากิท่ามกลางเพื่อนๆกำลังวิ่งกลับไปฝั่งตนเองทำให้เขาไม่สามารถหุบยิ้มได้..

            “สักวันหนึ่งผมจะยิงประตูให้ได้” เด็กชายวัยสิบสองปีบอกไว้เมื่อเนิ่นนาน

            “จะยิงได้เหรอ.. นายเป็นกองหลังนะฮิรากิ..”

            “ถ้าผมยิงได้ ผมจะมอบประตูนี้ให้..”

            แล้วภาพในทีวีที่ยังจับฮิรากิอยู่ก็แสดงให้เห็น ฮิรากิมองฟ้ากล่าวพึมพำอ่านได้ด้วยริมฝีปากที่ขยับ

            อิโตะเซมไป.. รุ่นพี่อิโตะ..


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-01-2016 11:36:21
ขำโป้งจัง ที่แกคุยด้วยผีนะเฮ้ย ยังจะมีหน้ามาบอกตัวสว่างๆอีก เฮ้ออ จะมองโลกในแง่ดีก็มีขอบเขตบ้างเถ้อออ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 17-01-2016 12:49:13
เจอผีจริงๆด้วย 555
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-01-2016 16:55:38
โป้งฝันเห็นผีนะกล้วบ้างก็ได้ชิลด์จนนึกว่าโป้งฝันว่าโกลเอาอมยิ้มลูกฟุตบอลมาให้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 17-01-2016 19:36:25
เราชอบฟุตบอลมากกกกกกกกกกกก
เราดูลีกลาลีกา และบุนเดสลีกา
คุณแต่งได้ดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วเพลนมากๆ555
ในทีมชาติญี่ปุ่นชอบมากคือ อุจิดะ ฮัตสึโตะ และ เออิจิ คาวาชิม่า นี่แหละ

นานๆ จะมีเรื่องเกี่ยวกับนักบอลมาให้อ่าน ดีใจมากๆ

ป.ล.คืนนี้มีแดงเดือด(เกี่ยว)
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 17-01-2016 22:30:51
ตอนซากิงะฮาระยุคใหม่ กวางสายฟ้าปะทะนักรบแห่งโอซาก้า

          อาการเยือกเย็นขึ้นอย่างรวดเร็วสมกับเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ฤดูการเจลีกดำเนินมาจวนจะผ่านช่วงเวลาแห่งใบไม้สีแดง..

          แต่แม้จะอากาศจะเย็นเท่าไหร่ที่สนามอายิโนะโมโตะ สเตเดียม แห่งนครโตเกียว.. ความร้อนแรงกำลังลุกโชน

โกลมองการเคลื่อนที่ของลูกบอลอย่างไม่วางสายตา ตอนนี้เป็นช่วงท้ายของการแข่งขันแล้ว ในสนามของทีมแห่งเมืองโตเกียวจึงมีบรรยากาศราวกับสนามโคลิเซี่ยมแห่งกรุงโรม เสียงเชียร์ของเจ้าบ้านอึกทึกหนุนให้ทีมสามารถทำประตูคืนจากทีมนาราให้ได้

            โกลเห็นกองหน้าของคู่แข่งวิ่งฉีกออกไปด้านข้างแล้วโยนลูกกลับเข้ามา

            โกลทำท่าจะขยับ แต่ฮิรากิกระโดดขึ้นก่อน เขาโหม่งลูกบอลย้อนกลับไปไกลพอสมควร..

            ไม่พ้นอันตราย.. โกลบอกตัวเอง เพราะที่ลูกบอลไปถึงคือระยะราวสามสิบหลา ตรงนั้นกองกลางทีมชาติญี่ปุ่นที่มีลูกไม้ตายคือการยิงไกลดักลูกบอลเอาไว้ได้

            ฮิโกดะ ไออิจิ แตะลูกไปข้างหน้าจังหวะหนึ่ง เขามองว่าแล้วเพื่อนถูกประกบด้วยตัวผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม..

            แต่ตอนนี้เวลาในการหมดไปแล้ว.. อาจเป็นจังหวะสุดท้าย.. โอกาสสุดท้าย

            ฮิโกดะ ง้างเท้าทันใด..

            เท้าขวาทรงพลังเตะส่งลูกฟุตบอลให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า

            โป้งที่อยู่บนอัฒจันทร์ลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัว

            “โกล..” เขาเรียกออกไป

            โกลกระโดนพุ่งตัวออกไป เขาเหยียดไปสุดแขน ต้องทำให้ได้..

            ลูกบอลที่พุ่งมารุนแรงยิ่ง แต่ท่อนแขนของโกลก็ราวกับท่อนเหล็ก..

            ผู้ชมร้องฮือออกมาอย่างตื่นเต้น..

            ลูกบอลกระแทกมืออย่างแรง แล้วกระดอนกลับ

            ฮิรากิยืนอยู่ตรงที่ลูกบอลตก เขาตัดสินใจเตะออกไปสุดแรงเกิด..

            แล้วนกหวีดยาวของการสิ้นสุดเลกแรกของJ1 ก็ส่งเสียงออกมาจากผู้ตัดสิน

            โป้งกำหมัดชูขึ้นเสมอหน้าแล้วเขย่า

            “ต้องอย่างนี้สิที่รัก.. ไม่ทำให้กูผิดหวังเลยจริงๆ กลับไปต้องจัดหนัก จัดหนักเลย... เฮื้อย..”

 

            ธงรูปกวางสะบัดโบกเหนืออัฒจันทร์ด้านหลังประตูที่โกลอยู่ ฮิรากิเดินมาช่วยโกลให้ลุกขึ้น

            เสียงเรียกชื่อของเขาดังมาจากด้านหลังทำให้เขาหัน

            “โกล Save Goal..” แล้วก็ปรบมือสี่ครั้ง

            “โกล Save Goal..”

            เป็นเพลงทำนองเชียร์ที่แฟนของนารา ธันเดอร์เดียร์ประดิษฐ์เพื่อสดุดีผู้รักษาประตูหนุ่ม เจ้าของสถิติไม่เสียประตูต่อเนื่องสิบนัดที่ลงสนาม..

            โยชินะยิ้มออกมา.. ชัยชนะนัดนี้แม้จะยากลำบากนิดหน่อย เพราะไม่มีไม้ตายของเขาคือนายโป้งจังอยู่ในสนาม เนื่องจากบาดเจ็บที่ข้อเท้าทำให้ต้องพักยาวเป็นเดือน แต่เขาก็ยังมีโกลจัง นายทวารที่วางใจได้.. สิบนัดที่ไม่เสียประตูทำให้นาราชนะไปแปด เสมอเพียงสองนัด.. รวมผลงานทั้งสิ้นในครึ่งฤดูกาลแรก นารา ธันเดอร์เดียร์ชนะ 13 เสมอ 3 และแพ้เพียงนัดเดียวเท่านั้น

            42 แต้ม.. นารา ธันเดอร์เดียร์ ตีตั่วไปสู่รอบ Championship Stage ด้วยการเป็นแชมป์ในเลกแรกของฤดูกาล..

 

            หลังจากนั้นก็พักไปสองอาทิตย์ แล้วก็กลับมาแข่งใหม่.. และต้องเริ่มครึ่งแรกของเลกที่สองด้วยการไม่มีโป้งไปสามนัด.. เพราะอาการบาดเจ็บของโป้งแม้จะดีวันดีคืนแต่โยชินะไม่อยากเสี่ยงให้เขาลงสนามเพราะเนื่องจากเกรงว่าจะไม่หายดี

            ดังนั้นการเปิดเลกที่สองจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก นารา เสมอในบ้านให้ทีมจากฮิโรชิม่า และไปแพ้ให้กับไฟเตอร์ โอซาก้าในนัดที่สอง ก่อนจะกลับมาเสมอกับทีมที่ได้อันดับสุดท้ายจากเลกแรกอย่างทีมจากเมืองยามางาตะ..

            และการกลับมาของโป้งก็เหมือนนำเทพธิดาแห่งชัยชนะกลับมายืนในสนามแห่งนาราอีกครั้ง

            “โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง” เสียงที่กระหึ่มขึ้นรอบสนามพร้อมท่าที่นำเข้ามาจากเมืองไทยโดยไอศูรย์ เหยียดแขนไปข้างหน้า ชูนิ้วโป้ง..

            โกลมองไปรอบๆแล้วก็คิดถึงบรรยากาศที่สนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ต เขากับโป้งตั้งใจว่าเมื่อจบฤดูกาลปีนี้พวกเขาจะกลับไปเยี่ยมเมืองไทยสักระยะ..

            มองลงมาเห็นโป้งที่หันมายืนตำแหน่งแล้วหันมายิ้มให้กับเขา

            นัดนี้โป้งฉลองการกลับมาด้วยการยิงไปสองประตู เขาพาธงกวางสายฟ้าโบกสะบัดฉลองชัยชนะในบ้านด้วยสกอร์สามประตูต่อศูนย์

 

            สุขียิ้มอย่างยินดีกับภาพข่าวในหนังสือพิมพ์กีฬา โป้งภาพโป้งที่กำลังง้าเท้าเพื่อเตะฟรีคิกเป็นภาพที่งดงามจริงๆ สมกับเป็นฝีมือของช่างภาพกีฬาฝีมือดีของญี่ปุ่น

            ตอนนี้แม้ช่วงเริ่มต้นครึ่งฤดูกาลหลัง นารา ธันเดอร์เดียร์ อาจทำได้ไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ที่สามของตาราง และน่าจะยึดหัวหาดที่อันดับไม่ต่ำกว่านั้นได้แน่นอน เพราะการแข่งขันดำเนินไปจนเหลืออีกแค่ไม่กี่นัดเท่านั้นในเลกที่สอง

            พวกเขามีคะแนนอยู่ที่30คะแนน ชนะไป 8 นัด เสมอไป 6นัด และแพ้เพียงนัดเดียวเท่านั้น

            ตอนนี้โป้งเข้าสู้วัยยี่สิบปีบริบูรณ์ซึ่งถ้านับตามกฎหมายไทยก็คือว่าบรรลุนิติภาวะโดยสมบูรณ์แล้ว...

            สำหรับสายตาของอดีตนักฟุตบอลและผู้คร่ำหวอดในวงการนี้มาแทบทั้งชีวิต สิ่งที่โป้งและโกลก้าวมาถึงเหนือไปกว่านักฟุตบอลหลายคนที่เขารู้จัก

            โป้งกลายเป็นยอดแห่งผู้เล่นเกมรุกในเอเชีย.. และโกลก็กลายเป็นผู้รักษาประตูที่เหนียวแน่นจนมีคนเรียกเขาว่าปราการเหล็กแห่งสยาม แถมL'Équipe หนังสือพิมพ์กีฬาชื่อดังเอาเรื่องราวของทั้งคู่ไปตีพิมพ์ในฐานะดาวดวงใหม่จากตะวันออกไกล

            สุขีถอนหายใจแล้วก็พับหนังสือพิมพ์ก่อนจะหันไปคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบอีเมลใหม่ที่พึ่งเข้ามา

            สุขีที่กำลังนั่งตัวงอแอ่นพุงถึงกับดีดตัวตรง..

            เขากวาดตาไปอ่านอีเมลด้วยความตื่นเต้น..

            “Accordingly, we would like to official submit our offer for Mr. Depporn Sakarayamanee at 12,000,000 Euro and for Mr. Korakot Wannapidhi at 6,000,000 Euro” เขาอ่านที่ละคำเป็นภาษาอังกฤษ..

          สุขีนิ่งเงียบ.. เขาตรวจสอบอีเมลดูอีกรอบ ว่ามันทุกต้องไหม.. ที่มา ผู้ลงนามท้ายเอกสาร.. เอกสารแนบ.. เอกสารอธิบาย.. Digital Signature.. ครบถ้วน..

            แน่นอนอีเมลนี้ก็คงถูกส่งไปหาฝ่ายบริหารของทีมนารา ธันเดอร์เดียร์แล้ว อย่างแน่นอนที่สุด..

 

            โยชินะกอดอกมองโกลพุ่งตัวไปป้องกันประตูในสภาพเหมือนคนไข้โรคจิตในโรงพยาบาลบ้าคือแขนโดนมัดไขว้ไว้ด้านหน้า เจตนาของการฝึกพิลึกนี่ก็คือการให้เขาป้องกันประตูด้วยหัว

            “เราได้รับอีเมลมาเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน แต่ท่านประธานพึ่งจะตัดสินใจลงมา แต่ท่านกำลังติดต่อธุรกิจอยู่ ท่านเลยบอกว่าจะมาร่วมชมเกมนัดที่เราจะเจอกับไฟเตอร์ในรอบที่สองของแชมเปี้ยนชิป สเตจ..” ผู้จัดการฝ่ายฟุตบอลที่เป็นอดีตนักเตะทีมชาติรุ่นอาวุโสกล่าวกับเขาเมื่อวานนี้

            “ราคาของโป้งจังอยู่ที่ 12ล้านยูโร ส่วนของโกลจัง อยู่ที่ 6ล้านยูโร สองคนก็ 18ล้าน หรือก็ประมาณ 2000ล้านเยนได้เลย เทียบกับตอนที่เราซื้อพวกเขามาตอนนั้นแค่ 20กว่าล้านเยนไม่ได้เลย”

            “20ล้านกลายเป็น 2000ล้าน.. สำหรับผมก็ไม่แปลกหรอก ตอนที่พวกเขามาถึงเขาเป็นแค่เด็กไม่มีประสบการณ์แต่ตอนนี้เขากลายเป็นนักเตะระดับคุณภาพของเจลีกไปแล้วเรียบร้อย..” โยชินะตอบไปอย่างนั้น

            “ถ้าสโมสรตัดสินใจยังไงผมก็ถือตามนั้น.. อีกอย่าง.. “ โยชินะกล่าว

“ตอนนี้พวกเขาก็คือนกที่ปีกแข็งแรงมากพอจะบินต่อไปแล้ว ทีมของเราเป็นเหมือนเกาะที่อยู่กลางมหาสมุทร ที่พวกเขามาแวะพัก.. สักวันเขาต้องก็บินไป เกาะเล็กๆอย่างเรามันถ้าขืนไปรั้งเขาไว้ สักวันถ้าพวกเขาเติบใหญ่ไปกว่านี้ ลมพายุจากปีกของพวกเขาก็คงทำลายเกาะเล็กที่เราอุตส่าห์สร้างกันมาท่ามกลางทะเลเจลีกที่กว้างใหญ่”

โยชินะมองไปอีกด้าน โป้งกำลังฝึกการวิ่งถอยหลังแล้วหันมาเตะบอลให้ผ่านระหว่างเสาที่มีช่องว่างห่างกันแค่นิดเดียว

“แล้วเราจะบอกพวกเขาเมื่อไหร่.. ทางโน้นเขาต้องการให้เขาเซ็นสัญญาให้จบก่อนเดือนมกราคม เขาต้องการให้ทั้งคู่ไปช่วยทีมของเขาในช่วงปลายฤดูกาลเพื่อเลื่อนชั้นขึ้นมาพรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้ผมขอร้องกับทางเอเจนซี่ไม่ให้บอกพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่รู้”

“วันพรุ่งนี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ.. พวกเขาจะได้รู้เรื่องนี้..” โยชินะกล่าวกับตัวเอง

 

สนามซูอิตะ สเตเดียมสะเทือนไหวเมื่อกองเชียร์จำนวนมหาศาลของสองทีมแห่งคันไซส่งเสียงร้องเพลงเชียร์ทีมรักของตนอย่างกึกก้อง

ธงสีน้ำเงินดำของไฟเตอร์ โอซาก้าโบกไสวอยู่ด้านหนึ่ง โดยที่ธงกวางสายฟ้าแห่งนาราก็โบกปลิวท้าทายอย่างไม่หวั่นเกรง..

นี่คือศึกนัดสำคัญที่สุดในฤดูกาล เป็นสงครามที่เสมอได้กับสงครามแห่งซากิงะฮาระที่เคยเป็นศึกตัดสินตำแหน่งโชกุน.. เพราะนี้คือการต่อสู้เพื่อตำแหน่งเจ้าแห่งลีกสูงสุดของแผ่นดินญี่ปุ่น

“นัดที่แล้วที่นารา ไฟเตอร์ตามตีเสมอได้ 2:2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ตอนนี้พวกเขาได้เปรียบตามกฏประตูทีมเยือน.. ซึ่งถ้าหากผลจบลงด้วยการเสมอกัน0:0 หรือ 1:1 พวกเขาก็จะได้เป็นแชมป์อีกสมัยหนึ่งหลังจากห่างหายจากตำแหน่งแชมป์มาชั่วระยะหนึ่ง” ผู้บรรยายกล่าว

ไอศูรย์มองภาพที่กล้องถ่ายทอดสดจับภาพของนักเตะทั้งสองทีมยืนเรียงแถวกันเพื่อร้องเพลงชาติญี่ปุ่น แล้วกล้องก็มาหยุดชั่วขณะที่ ฮิรากิ..

เมื่อตอนเช้าไอศูรย์ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ฮิรากิจอดจักรยานของเขาลงตรงหน้า

สองคนไม่มีคำพูดอะไรเลยจนกระทั้งเนิ่นนาน

“ผมจะเอาแชมป์มาฝากรุ่นพี่ให้ได้ครับ.. ผมจะทำให้ได้” แล้วฮิรากิก็ขี่จักรยานออกไป

ไอศูรย์กำหมัดขึ้นแล้วชูใส่หน้าเด็กหนุ่มในจอทีวี

“ถ้าทำไม่ได้ ฉันจะต่อยนายให้คว่ำเลย.. เจ้าเด็กแสบ”

 

โยฮาระ ชิราโอะ นั่งอยู่ในบล็อกของนักข่าว เขามองไปที่ด้านบนอัฒจันทร์ก็เห็นเด็กๆจากโกเบที่ได้รับรางวัลพิเศษจากสำนักพิมพ์ให้มาชมเกมนี้ด้วย พวกเขาคือกลุ่มเด็กที่โกลกับโป้งเคยพบที่สนามริมแม่น้ำ

ฮาเซกาวะ คิชิโอะคือหนึ่งในหมู่เด็กที่ได้รับสิทธินั้น ปีนี้เขาอายุสิบสองปี และวาดฝันว่าจะเป็นนักเตะอาชีพ เขามองที่โกลซังที่ยืนบิดกายอยู่หน้าประตูตัวเอง

“โกลซัง..ผมเชียร์คุณนะ.. แสดงให้ผมเห็นหน่อยว่าคุณสุดยอด”

 

พอสิ้นเสียงนกหวีดให้สัญญาณเริ่มเกม ไฟเตอร์ โอซาก้าก็สำแดงความเป็นยอดนักสู้ พวกเขาเริ่มต้นด้วยเกมรุกที่รวดเร็วโจมตีใส่แผงหลังของนารา ธันเดอร์เดียร์อย่างกับพายุ

ฮิรากิต้องทำงานอย่างหนัก เขาต้องวิ่งวุ่นไปตามเกมรุกที่พลิกผันไปมาของทีมคู่แข่ง ยี่สิบห้านาทีแรกจึงเป็นยี่สิบห้านาทีนรกของเขาเลยก็ว่าได้

แล้วทันใดเมื่อฮิรากิโหม่งลูกที่เตะโยนยาวเข้ามาในกรอบเขตโทษออกไป

แย่แล้ว.. ฮิรากิรีบตั้งหลีกแล้ววิ่งออกไป แต่เทนโด้ อากาชิง้างแล้วยิงสวนทางวิ่งของเขา..

ลูกบอลพุ่งอย่างกับจรวดผ่านหน้าของฮิรากิอย่างรวดเร็ว จนเขารู้สึกถึงแรงลมที่เกิดจากการแหวกอากาศ

กระสุนปืนใหญ่แห่งญี่ปุ่นพุ่งทะยานผ่านแนวรับมาแล้ว โกลแม้จะเห็นมันในระยะประชิด เขาก็ยังขยับออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วตะปบมันไว้ได้ก่อนจะล้มตัวลงกอดแน่น

โยชินะถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ใจหนึ่งก็หวั่นไหว.. ถ้าเขาต้องสูญเสียโกลซังไป.. สถิติการเสียประตูน้อยที่สุดในลีกก็ไม่แน่ว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่

           

            “เกมนี้โป้งจังเงียบไปนะครับ” ผู้บรรยายคนที่หนึ่งกล่าว

            “นั่นสิครับ อาจจะเพราะทีมไฟเตอร์เริ่มจะจับทางเขาได้แต่..” ผู้บรรยายคนที่สองยังไม่ทันได้จะจบประโยค

            “โอ๋ะ..จังหวะนี้”

            อย่างที่ไม่คาดคิด เทนโด้ อากาชิเองก็คาดไม่ถึง เพราะโป้งใช้การล้มตัวลงสกัดลูกบอลไปจาการครอบครองของเขาได้..

            หนุ่มวัยยี่สิบปีพรวดขึ้นจากพื้นแล้วพาลูกบอลวิ่งหนีเทนโด้ที่ตามหลังมา ตัวประกบสองตัวของเขาได้แก่กองกลางตัวเก๋าของทีมกับกองหลังก็รีบเข้ามาจะขวางหน้า

            แต่โป้งจึงพลิกกายพาลูกหลบหลีกการสกัดกั่นไปอย่างคล่องแคล่ว แล้วเตะลูกไปทางขวาให้ นิชิโยะ ฮิเดะ ปีกขวาที่วิ่งตัดเข้ามาตรงกลางเพื่อช่วยเหลือ

            ครั้งผู้เล่นของไฟเตอร์หันไปหานิชิโยะ โป้งก็วิ่งต่อไปไม่หยุดโดยมีกองกลางตัวรับของไฟเตอร์วิ่งตามไป

            นิชิโยะมองไปด้านหน้าที่มีศูนย์หน้าของนาราสองคนยืนอยู่ในแนวเดียวกับกองหลังของทีมโอซาก้า

            แทนที่เขาจะเตะเรียดไปข้างหน้าเพื่อให้กองหน้าวิ่งหนีการประกบเข้าไปยิง.. แต่เขากลับทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง เขาเตะโยนโค้งออกไปหาเสาไกล..

            โป้งวิ่งมาถึงพอดี เขากระโดดขึ้นกลางอากาศแล้วเหยียดร่างกายดังคันธนู ก่อนจะโหม่งกระแทกลูกฟุตบอลไปเต็มแรง

            ผู้รักษาประตูหมดสิทธิ เพราะเขายืนขาตาย.. ได้แต่มองลูกพุ่งผ่านหน้าเขาไป..

            แล้วลูกกระแทกพื้นก่อนกระดอนเปลี่ยนทางเล็กน้อย.. แต่มันเฉี่ยวออกเสาออกนอกกรอบไปอย่างหวุดหวิด..

            เสียงคนดูในสนามร้องดังโอ้..ด้วยความรู้สึกหลากหลาย

            โป้งลุกขึ้นถอนหายใจ แล้วหันไปปรบมือให้นิชิโยะทั้งวิ่งกลับไปแดนตัวเอง

 

            แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการแลกหมัดกันอย่างสนุกสนานเหมือนคู่มวยที่สูสี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้จนเข้าสู่ครึ่งหลัง

โมริอากะ โทชิโร่ มองลงไปในสนามจากส่วนที่นั่งของวีไอพี ซึ่งข้างๆเขายังมีสุขี เอเจนซี่ประจำตัวของโป้งและโกลนั่งอยู่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของทีมที่อาจจะเป็นทีมใหม่ของโป้งกับโกลหากว่าเขาตัดสินใจตกปากรับคำ

“สำหรับผม โกลจังและโป้งจังสำคัญมาก เพราะอย่างที่คุณเห็น โป้งจังทำประตูได้ 16ลูก โกลจังก็ทำClean Sheet ได้มากที่สุดของเราคือสิบนัดไม่เสียประตูเลย.. เขาสองคนจึงถือเป็นบุคคลที่ค่ามากกับทีมของเรา แล้วคุณคิดว่าเราจะตอบตกลงกับคุณง่ายๆได้อย่างนั้นเหรอ” ท่านประธานกล่าวเสียงเข้มด้วยภาษาอังกฤษชัดเจน

“แต่คุณก็คงไม่คิดจะรั้งเขาเอาไว้อย่างนี้ใช่ไหมครับ” ผู้บริหารของทีมในอังกฤษกล่าว

“เด็กสองคนนี้มีความสามารถสูงมาก.. เราต้องการพวกเขาเพื่ออนาคตของพวกเขาเอง พวกเขาจะได้เล่นกับนักเตะระดับโลกหลายๆคน ผมเชื่อว่าคุณรักพวกเขาเหมือนลูกเหมือนหลานเช่นกัน ดังนั้นคุณคงไม่ต้องการเห็นเขาอยู่แค่ในเอเชียใช่ไหมครับ.. ทั้งที่เขามีโอกาสจะไปสู่ระดับโลก”

พูดได้ดี.. สุขีนึกชม

แต่สุขีส่งเสียงหึก่อนจะกล่าวออกมา

“ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ท่านทั้งสองทราบ” สุขีกล่าวแล้วอ่านข้อความ

“เมื่อเช้าผมพึ่งได้รับอีเมลจาก อูดิเนเซ่ของอิตาลี ลาส พลามาสจากสเปน แล้วก็กาลาตาซารายของตุรกี เรื่องเด็กสองคนนี้.. พวกเขาสนใจจะซื้อในแพคคู่ด้วยราคาอยู่ที่ราวๆยี่สิบล้านยูโรเศษๆทั้งสิ้น..” เขากล่าวแล้วยิ้มเยือกเย็น

“ผมคิดว่าทั้งสองฝ่ายควรจะทบทวนและหาข้อสรุปที่ดีออกมาโดยเร็วนะครับ ผมยังให้เครดิตที่คุณติดต่อมาก่อนนะ มีสเตอร์คราเตอร์”

 

โยชินะกอดอกแน่นจนตัวเองรู้สึกอึดอัด เขาต้องคลายออกแล้วเดินออกไปที่ข้างสนามชี้ไปที่กัปตันทีมแล้วสั่งให้เดินเกมให้เร็วขึ้นอีก

มองนาฬิกาบนสกอร์บอร์ดก็เห็นเวลาเดินไปนาทีที่แปดสิบแปดแล้ว.. ไม่ดีแน่ ไม่ดี.. จบลงด้วยสกอร์นี้ พวกเขาจะแพ้ตามกฏประตูทีมเยือน..


แดนเนียล คราเตอร์ อดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษกดวางหูโทรศัพท์

เขาถอนหายใจกับข้อความที่ได้รับ เขาเดินกลับขึ้นไปสู่อัฒจันทร์ที่อึกทึกด้วยเสียงเชียร์ เพื่อเจรจาในสิ่งที่สโมสรแจ้งให้เขาไปตกลงกับประธานทีมนารา และเอเจนซี่หนุ่มจากไทย


เวลาในสนามเดินผ่านนาทีที่เก้าสิบไปแล้ว โกลรู้จากการที่กองเชียร์ทีมไฟเตอร์ เริ่มต้นร้องเพลงของสโมสร

และกรรมการชูป้ายทดเวลาบาดเจ็บไปอีกสามนาที

โกลกระโดดขึ้นรับลูกเตะมุมที่โยนเข้ากลางมาอย่างง่ายดาย

เขาโบกมือไล่เพื่อนให้วิ่งไปข้างหน้า แต่ก่อนจะวิ่งไป โป้งก็หันมายิ้มให้โกลเหมือนทุกครั้ง..

ไอ้บ้าเอ้ย.. มึงจะสลดเป็นกับเขาไหมนี่.. โกลนึกในใจ แต่ตัวเขาเองก็มีรอยยิ้มเหมือนกัน เมื่อใจของเขาสัมผัสกับรอยยิ้มนั้น

ตอนนี้ทีมไฟเตอร์วิ่งไปอยู่แดนตัวเองกันหมดแล้ว..

โกลจึงกลิ้งลูกออกจากเขตโทษ แล้วเตะออกไป.. เขามองลูกลอยไปในอากาศ แล้วพลันก็เกิดความคิด

เอาวะ.. โกลตัดสินใจ แล้วเขาก็ขยับ..

 

โป้งได้บอลที่นอกกรอบเขตโทษด้วยการโหม่งชงมาของนิชิโยะ

เขาพยายามหาช่องว่างแล้วเพื่อจะเตะส่งให้ศูนย์หน้า แต่มันก็ตันไปเสียทุกทาง  แม้จะจ่ายคืนหลังก็ยังทำได้อย่างยากลำบากเพราะตัวผู้เล่นของคู่แข่งลงมาประกบตัวต่อตัวกับผู้เล่นของนาราทั้งหมด..

โป้งจึงตัดสินใจอย่างบ้าบิ่น  เขาเตะบอลไปทางขวาอย่างฉับพลันด้วยความแรงพอสมควร แต่แล้วก็ยืดขาไปจนสุดดังลูกกลับมา เขาเสียหลักเล็กน้อยกับการกระทำอย่างนั้น

แต่คู่ต่อสู้ที่ร่างกายใหญ่โตกว่าย่อมมีปัญหามากกว่า.. เพราะเขาผวาจะตามลูกบอลไป แต่พอโป้งดึงลูกกลับอย่างรวดเร็วก็เลยเสียหลักเซด้วยอาการชะงักอย่างฉับพลัน

โป้งพลิกกายวิ่งตามลูกที่กลิ้งไปด้านซ้าย.. เพราะการที่กองหลังซึ่งขวางทางเขาอยู่เสียหลักจึงเปิดช่องว่างกว้างขวาง..

โป้งยันเท้าขวาเป็นหลัก เงื้อเท้าซ้าย..

เตะออกไป.. ลูกไซด์โป้ง..

ลูกบอลเดินทางเป็นแนวโค้งเข้าหามุมด้านบนของประตูอย่างรวดเร็ว

ทันควันผู้รักษาประตูของโอซาก้าก็พุ่งตัวออกไป เขาเหินกายไปราวกับบินได้ เหยียดมือหมายจะปัดลูกบอล..

ไม่ถึง.. มือไปไม่ถึงลูกบอลเพราะมันโค้งหนีไป

ตึ๋ง..เสียงโลหะถูกกระทบลั่นสนั่นไปทั้งสนามที่เงียบลงไปชั่วขณะ

ลูกบอลกระแทกคานบนแล้วกระดอนกลับ กองหลังที่เสียท่าไปเมื่อสักครู่ยืนในตำแหน่งลูกตก เขาจึงโหม่งเสยสุดแรงส่งลูกให้ลอยไปไกลพ้นปากประตู

เทนโด้ อากาชิ ที่อยู่บริเวณเกือบถึงวงกลมกลางสนาม มองลูกบอลที่ลอยมา เขาปล่อยให้ลูกตกลงข้างตัว

เขาคิดจะพลิกตัวพาลูกบอลไปทำเกมรุกต่อ

แต่แล้วก็มีร่างสูงปรากฏตัวจากด้านหลัง ใช้เท้าขวาแตะลูกบอลด้วยทักษะที่ดี แล้ววิ่งทะยานผ่านตัวของเทนโด้ไปอย่างเร็ว

โกลเลี้ยงลูกบอลมุ่งเข้าหาประตูคู่แข่ง เขาไม่ได้ฝีเท้าจัดเท่าโป้งแต่ก็ไม่เป็นรองใคร

ถึงเขาจะไม่ได้เล่นในตำแหน่งนี้ไปแสนนาน.. แต่ก็ยังจำได้ขึ้นใจ..

นี่คือทักษะแรกของเขากับลูกฟุตบอล..

“โกลซัง ไปเลย..” ฮาเซกาวะ คิชิโอะร้องสุดเสียงขึ้นบนอัฒจันทร์ที่เงียบเสียงไปด้วยความตื่นเต้น

ถึงจุดที่โกลถนัด..

สิบเอ็ดปีที่แล้ว.. ในสนามฟุตบอลที่มีคนเชียร์แค่หลักร้อย.. เด็กชายกรกฏสับไกยิงจากระยะและตำแหน่งเดียวกันนี้

ระยะยี่สิบห้าหลา เยื้องมาทางขวาของกรอบเขตโทษ...

โกลง้างเท้าถนัดแล้วเตะลงไปด้วยน้ำหนักที่จำได้ขึ้นใจ..

ลูกบอลทะยานออกไปด้วยวิถีของไซด์โป้ง

ผู้รักษาประตูรีบพุ่งไปหมายจะปัดป้องลูกยิงของผู้รักษาประตูด้วยกัน..

สวบ.. ไม่ใช่เสียงโลหะ.. เพราะมันคือเสียงของตาข่ายหลังประตูถูกกระแทกแล้วกระพือ

ผู้ตัดสินมองเวลาบนนาฬิกา แล้วก็ยกแขนขึ้น เขาส่งลมผ่านลิ้นของนกหวีดออกไป..

แล้วเขาก็ชี้ไปที่กลางสนาม..

กองเชียร์กวางสายฟ้าแผดเสียงร้องพร้อมกันด้วยความดีใจ หลายคนกระโดดกอดกันทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ความยินดีชักพาให้พวกเขา หลงลืมอาการหมางเมินเยี่ยงคนไม่รู้จักกันไปเสียสิ้น..

กวางสายฟ้าผงาดขึ้นบนพื้นธงที่ปลิวสะบัด.. นารา ธันเดอร์เดียร์ คือแชมเปี้ยนแห่ง J1..

 

“แปดล้าน แปดล้านยูโร.” แดนเนียลตะโกนออกไปแข่งกับเสียงแฟนบอล

       “แปดล้านสำหรับผู้รักษาประตูคนนี้”

สุขีผงกหัวรับคำ แล้วหันไปมองประธานโมริอากะ

แต่ตอนนี้ประธานคงไม่อยากจะรับฟังอะไรแล้ว.. เขากำลังดีใจสุดขีด..

ขืนบอกตอนนี้เดี๋ยวไม่ได้ซื้อขายกัน.. สุขียิ้ม..



หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 17-01-2016 23:10:30
สุดยอด!!! จะได้ไปอังกฤษกันแล้วววว
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 18-01-2016 11:23:40
กำลังเพลินกับโป้งเตะบอล แล้วมาหยุดกับโป้งบนอัฒจันทร์ อ่านต่อมา อ้อ..โป้งขาเจ็บ

 สมกับภาคนี้ที่เป็นของโกล พัฒนาฝีมือฝีเท้าจนเด่นเลย o13
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 18-01-2016 15:43:18
กำลังเพลินกับโป้งเตะบอล แล้วมาหยุดกับโป้งบนอัฒจันทร์ อ่านต่อมา อ้อ..โป้งขาเจ็บ

 สมกับภาคนี้ที่เป็นของโกล พัฒนาฝีมือฝีเท้าจนเด่นเลย o13

ผมก๊อปจากออกจากต้นฉบับขาดไปสองประโยค แก้ไขแล้วครับ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 18-01-2016 20:01:10
เข้ามาเชียร์โป้ง โกล ถึงโป้งจะขาเจ็บนัดนี่ไม่เป็นไร รอเชียร์นัดหน้า ... :mc4: :mc4:
โกลเท่มากเลย  o13 o13 o13  อ่านแล้วมันส์ดี ชอบ ชอบ ... :z2:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-01-2016 21:37:14
โกลอย่างเท่ห์เลย o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 19-01-2016 08:03:07
ตอน ลาแล้วนารา ความทรงจำที่งดงาม..



แม้ความดีใจจะท่วมท้น และการฉลองในสนามจะเป็นไปอย่างลิงโลด แต่บนรถที่เดินทางกลับสู่นารา ในรถบัสกลับเงียบกริบ..

ฮิรากิหันไปมองเพื่อนๆและรุ่นพี่ ทุกคนหลับตาลงเพื่อพักผ่อนมีแค่นิชิโยะที่กำลังใช้โทรศัพท์คุยChat กับแฟนสาวที่อยู่ต่างแดน

โป้งคุงและโกลคุงนอนหลับโดยโป้งคุงสบหัวลงบนไหล่ที่แข็งแรงของโกลคุง และโกลคุงก็ซบลงบนหัวของโป้งคุง

วันนี้โกลคุงเป็นฮีโร่ แต่ถ้าจะพูดไป จริงๆแล้ว ต้องบอกว่าโกลคุงคือฮีโร่ตัวจริง ผู้ทำงานอยู่เบื้องหลังในฐานะปราการตัวสุดท้ายของทีมมาตลอดทั้งฤดูกาล.. ปีนี้นาราขาดกองหลังตัวหลักอย่างรุ่นพี่โทจิโด ที่บาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุรถยนต์ก่อนเปิดฤดูกาล ดังนั้นเขาจึงได้รับโอกาสยืนเป็นกองหลังตัวกลางหลักของทีมตลอดทั้งปี ฮิรากิยอมรับว่าเขายังอ่อนด้อย ประสบการณ์ในสนามมีน้อย แม้จะพยายามแล้ว แต่ก็มักจะผิดพลาดบ่อยๆ หากผิดพลาดทีไรก็จะมีโกลคุงคอยป้องกันประตูไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเสมอ

ถ้าหากคนจะชื่นชมโป้งคุงที่เก่งกาจ ก็ต้องชมโกลคุงที่เหนียวแน่นด้วยเช่นกัน..

ผู้รักษาประตูกับกองหน้า.. คู่หูผู้รู้ใจกัน..

ฮิรากิถอนหายใจแล้วหลับตาลง..

ใจของเขาลอยไป.. ที่จริงตอนนี้เขาควรจะคิดถึงมาริจัง แต่เธอคงกำลังขะมักเขม้นอยู่ที่วิทยาลัยดนตรีแห่งนาโงยา แม้การแข่งนัดสำคัญนี้เธอก็ไม่สามารถปลีกตัวมาชมได้เพราะใกล้การทดสอบ..

แต่.. เหตุใดหนอ.. ดวงใจของเขากลับนึกถึงแต่ใบหน้านั้น.. ใบหน้าของรุ่นพี่อิโตะ..

 

แม้จะเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วชายวัยกลางคนยังคงเฝ้าคอย เขามองไปก็เห็นบรรดาเพื่อนร่วมเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ บางคนนั้งลงกับขอบของฟุตบาท บางคนที่บ้านอยู่ใกล้ก็ถึงขนาดลากเก้าอี้มานั่ง และแบ่งเผื่อเพื่อนร่วมเมืองที่สูงอายุคนอื่น

แล้วรถบัสสีแดงสลับน้ำเงินก็วิ่งมา โดยมีรถตำรวจประจำเมืองที่วิ่งไปรอที่รอยต่อระหว่างจังหวัดนำขบวนมา

“มาแล้ว” ชายวัยกลางคนกล่าว กลุ่มคนทั้งหลายก็ลุกขึ้น เด็กหนุ่มหลายคนที่มีธงก็ลุกขึ้นโบกธงกวางสายฟ้า

“บันไซ” ชายวัยกลางคนตะโกนไปเป็นต้นเสียง

แล้วเสียงแซ่ซ้องของผู้คนสองข้างทางก็กึกก้อง โกลเอี่ยวตัวให้โป้งข้ามเบาะมาเกาะกระจกดูบรรยากาศการต้อนรับการกลับมาของพวกเขา

รอยยิ้ม การเปล่งเสียงร้อง แฟนบอลหนุ่มสาวบางคนเพนท์ใบหน้าเป็นสีประจำทีม บางคนเอาเขากวางมาใส่หัว บางคนชูผ้าพันคอของสโมสร

พวกผู้ใหญ่ที่สูงอายุหน่อยก็ปรบมือและตะโกนบันไซ.. ทุกคนกำลังมีความสุขกับความสำเร็จของสโมสร..

ไฟฉุกเฉินของรถตำรวจส่งแสงสีแดงน้ำเงิน รถบัสสีเดียวกันแล่นตามไปอย่างช้าๆโดยมีรถตู้ของเจ้าหน้าที่ของทีม และรถของประธานโมริอากะปิดท้าย

ขบวนผ่านถนนที่มีผู้คนจำนวนมากมายยืนส่งเสียงบันไซ โห่ร้อง และปรบมือ..

            โกลกับโป้งแปลกใจที่พวกเขาต้องเข้ามาพบกับประธานและโค้ชโยชินะที่ห้องทำงาน แต่พอเห็นสุขีอยู่ด้วยพวกเขาก็เริ่มจะหวั่นใจจนมองหน้ากัน

            โกลมั่นใจว่าโป้งต้องรู้สึกเหมือนเขา.. ตอนนี้พวกเขาหลงรักเมืองนาราเสียแล้ว.. ณ.ที่นี้เขาสัมผัสถึงความรักของผู้คนที่มีให้..

            แต่บนเส้นทางของฟุตบอลอาชีพที่ยังอีกยาวไกล.. พวกเขาก็ต้องก้าวเดินไปแม้จะต้องทอดทิ้งสิ่งที่น่าประทับใจเอาไว้เบื้องหลัง.. ซึ่งตอนพวกเขาจากภูเก็ตมาไม่ได้ต่างกัน..

            “ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณที่พวกคุณเป็นกำลังสำคัญของทีมทำให้ประสบความสำเร็จในวันนี้”โมริอากะกล่าว

            “ผมต้องบอกว่าพวกคุณคือการตัดสินใจทีผมชื่นใจและภูมิใจที่สุด..”

            แล้วโมริอากะก็ลุกขึ้น โค้งอย่างต่ำที่สุด พร้อมๆกับโค้ชโยชินะ

            “ขอบคุณมากครับ”

            โกลกับโป้งต้องโค้งตอบด้วยอาการเดียวกัน

            โมริอากะนั่งลง

            “แต่เป็นธรรมดา.. เมื่อพบก็ต้องลาจาก” โมริอากะกล่าวต่อ

            “พวกคุณยังเด็ก.. ยังมีหนทางยาวไกลต้องเดิน.. ผมเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกว่าเรามีเวลาด้วยกันน้อยจริงๆ และแม้จะยากลำบาก ผมก็จำต้องตัดสินใจ.. สโมสรทราบในความสามารถของพวกคุณและตระหนัก.. แต่ผมก็ต้องแจ้งว่า เราได้ตกลงอนุญาตให้คุณย้ายไปทีมเทมส์ไซด์ ยูไนเต็ด ในอังกฤษตามคำร้องขอคุณสุขีที่แจ้งความจำนงเข้ามา”

            สุขีมองตาโป้งกับโกลที่หันมา

            “พี่ตัดสินใจรับข้อเสนอแทนพวกเรา พี่ไม่อยากให้เราปฏิเสธนะ แม้จะมีสิทธิจะเป็นของพวกเรา.. เพราะพวกเราต้องเดินไปข้างหน้า เจลีกเป็นลีกที่ดี แต่ถ้าเธอต้องการพิสูจน์ตัวเอง และพัฒนาต่อไป  เวทีที่ใหญ่กว่าอย่างอังกฤษคือสถานที่ซึ่งเหมาะสมกับพวกเธอ” สุขีกล่าว

            “แต่พวกเธอก็ยังมีสิทธิจะปฏิเสธ”

            โป้งกับโกลสบตากัน

            “โป้งจัง โกลจัง.. ในฐานะของรุ่นพี่ ไม่ใช่โค้ช..ผมไม่ต้องการให้คุณปฏิเสธ” โยชินะกล่าวออกมาเสียหนักแน่น

            สองหนุ่มมองตาของโค้ชโยชินะที่เขานับถือ

            “พวกคุณต้องก้าวไปข้างหน้า.. อย่าลังเล อย่าหวาดกลัว จงเชื่อมั่น.. และถ้าพวกคุณรักพวกเรา และชาวเมืองนารา ก็ขอให้พวกคุณจำไว้ว่า.. พวกเราจะคอยเฝ้ามองพวกคุณเดินไปข้างหน้าต่อไป.. ขออย่างเดียวพวกคุณกรุณาจำพวกเราไว้.. และกล่าวถึงเราบ้างถ้ามีโอกาส เข้าใจไหม”

            แล้วโป้งกับโกลก็ยืนตัวตรงเอามือไขว้หลังยืดอก

            “โอ๊ต..” สองคนเปล่งเสียงตอบรับออกไป

 

            ฮิรากิจอดจักรยานลงหน้าบ้านที่เขาคุ้นเคย แต่บ้านปิดไฟเงียบสนิท รุ่นพี่อิโตะคงเข้านอนแล้ว เขาถอนหายใจแล้วก็ขับจักรยานออกไป

            เมื่อรถจักรยานพ้นไปแล้ว..

            ในความมืดของบ้าน ไอศูรย์ก็ถอนหายใจออกมา  เขาพลิกร่างพิงกับฝาพนังข้างหน้าต่าง

            “ขอบใจนะฮิรากิ.. ขอบใจมาก.. ขอบใจ..”

 

            หลังบรรยากาศการเฉลิมฉลองจืดจางลง และโป้งกับโกลก็เดินทางไปอังกฤษอย่างเงียบๆเพื่อตรวจร่างกายและทดสอบความฟิตจนได้รับการยอมรับเรียบร้อย

            จากนั้นนารา ธันเดอร์เดียร์จึงมีแถลงการณ์ออกมาอย่างเป็นทางการ

            นั่นทำให้เกิดกระแสมากมายหลายอย่าง ซึ่งสุขีก็แนะนำให้ทั้งสองหนุ่มเก็บตัวไม่ออกให้สัมภาษณ์ใดๆ

            “ก็ยังดีที่นาราไม่ใช่ทีมใหญ่มากมายอะไร ดังนั้นแฟนบอลก็เลยรับได้เร็วกว่าทีมใหญ่ เพราะอีกอย่างมูลค่าที่ขายพวกนายออกไปก็ยังทำให้สโมสรสามารถเอาไปซื้อนักเตะใหม่มาเสริม แล้วพวกเขาก็ยังดึงตัวเพื่อนของพวกนายคือนายปอ แล้วรุ่นพี่ของพวกเธอคือนายท๊อปมาเสริมทัพ” สุขีเล่าให้ฟัง

            “แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบใจนักข่าวคนนั้น ที่เขาเขียนเรื่องการย้ายทีมของพวกนายว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำและเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับอนาคต เพราะพวกนายสมควรจะออกไปสู่โลกกว้างเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำให้แฟนบอลเริ่มเห็นดีเห็นงามด้วย”

“ฉันได้คุยกับคนที่ตลาด ตอนแรกพอรู้ว่าฉันคือเอเจนซี่ที่ติดต่อเรื่องซื้อขายพวกนาย เกือบจะไม่ขายของให้ด้วยซ้ำ แต่พูดไปพูดมาเขาก็บอกว่า โป้งจังกับโกลจังเป็นคนที่ช่วยให้พวกเขามีความสุขมากขึ้น.. ถ้าการจากไปแปลว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกนาย เขาก็ยินดีด้วย” สุขีกล่าวแล้วยิ้มเมื่อนึกถึงรอยยิ้มของคุณลุงขายอาหารคนนั้น

“โกล โป้ง.. พวกนายจำไว้นะ สิ่งที่พวกนายทำโดยไม่รู้ตัวเพราะอัธยาศัยใจจริงของพวกนายนี่หละ ที่ทำให้แฟนบอลรัก.. ถ้านายได้ใจแฟนบอลแล้ว.. ต่อให้พวกนายจะฟอร์มตก ฟอร์มห่วยแค่ไหน พวกเขาก็จะอยู่ข้างพวกนาย.. และพร้อมจะเดินข้างพวกนายตลอดแม้จะเกิดอะไรขึ้น.. นี่หละประโยชน์ของการทำตัวให้เป็นที่รักของแฟนบอล”

แล้วเขาก็หันมามองหน้าหนุ่มน้อยทั้งสอง

“นายต้องรักษาเอาไว้สามอย่าง เวลาที่ไปอังกฤษ เพราะพี่ไม่ได้ไปดูแลเราแล้ว.. เพราะพวกเราเกินขอบเขตของพี่ไปแล้ว บริษัทจะจัดหาคนใหม่ที่อยู่ยุโรปไปดูแลพวกนายแทน สิ่งที่พี่อยากจะฝากไว้มีแค่สองอย่างในฐานะนักฟุตบอลรุ่นพี่ คือ หนึ่งการรักษาวินัยในการฝึกซ้อม เพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะพัฒนาตัวเราได้ สองคือรักษาน้ำใจเอื้อเฟือเผื่อแผ่ และสามคือรักษาความมีสัมมาคารวะแบบคนเอเชียเรา.. แม้ที่โน่นจะมีแต่ฝรั่งแต่เชื่อเถอะ พวกนั้นก็ชมชอบคนมีน้ำใจไม่เย่อหยิ่งและให้เกียรติคนอื่นเหมือนกัน”

สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วขานออกไปพร้อมกันว่า

“ครับ”

 

เครื่องบิน Airbus 380 เร่งเครื่องยนต์เติมกำลัง แรงขับดันมหาศาลของเครื่องนยนต์โรส-รอยส์ Trent 900 ทั้งสี่เครื่องส่งให้เครื่องบินทะยานไปตามทางวิ่งก่อนจะยกตัวขึ้นสู่อากาศ

โป้งมองจากหน้าต่างเห็นสนามบินคันไซในบรรยากาศยามเที่ยง เขาถอนหายใจยาวเหยียดแล้วกอดตุ๊กตากวางที่แฟนฟุตบอลที่ตามมาส่งที่สนามบินให้เอาไว้

แม้พวกเขาจะออกจากนารามาแต่เช้าตรู่โดยมีฮิราอิเท่านั้นที่ตามมาส่ง และไม่คิดว่าจะมีแฟนตามมาส่ง เพราะพวกเขาไม่ได้บอกใครถึงกำหนดการเดินทาง

แต่ปรากฏว่าพอเดินเข้ามาในอาคารสนามบินก็ได้เจอกับแฟนบอลวัยรุ่นและผู้อาวุโสหลายร้อยคนในเสื้อสีแดงน้ำเงินหมายเลขสิบห้า และเสื้อผู้รักษาประตูหมายเลขสิบเจ็ด ป้ายอำลาบ้าง ขอบคุณบ้าง ชูสลอน

แล้วคนหนึ่งที่เป็นตัวแทนของแฟนก็มอบเจ้าตุ๊กตาสองตัวให้เขากับโกล พร้อมกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้ง

เจ้ากวางน้อยใส่หมายเลขสิบห้า ส่วนโกลเป็นหมายเลขสิบเจ็ดอันเป็นหมายเลขของพวกเขาในทีม

“กูต้องคิดถึงทุกคนแน่ๆเลย.. ที่นี่น่ารักมากเลยว่าไหมโกล”

โกลยิ้ม..

“กูก็เหมือนกัน”

 

ฮิรากิมองเครื่องบินที่บินผ่านฟากฟ้าไปตอนที่เขานั่งรถออกจากสนามบิน.. นั่นจะใช่ลำที่โป้งคุงกับโกลคุงโดยสารหรือไม่เขาก็ไม่รู้

“ฉันต้องคิดถึงพวกนายมากๆแน่เลย” ฮิรากิเปิดโทรศัพท์เพื่อดูภาพที่เขาไปเที่ยวกับสองหนุ่มไทย

“ลาก่อนเพื่อนรัก ถึงเราต้องเจอกันและอยู่คนละฝั่ง ถึงฉันต้องตามประกบโป้งคุง หรือต้องโหม่งใส่โกลคุง แต่ฉันจะไม่ลืมเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันเลย..”

 

เหนือฟ้าเมืองนารา มีเครื่องบินโดยสารลำหนึ่งบินอยู่  แม้อาจจะไม่ใช่เครื่องบินที่นักฟุตบอลหนุ่มสองคนโดยสาร แต่แม่ของเด็กชายตัวน้อยก็ชี้ให้เด็กชายที่กำลังร้องไห้ให้ดู

“นั่นๆ เครื่องบินที่โป้งจังนั่ง โบกมือให้เร็ว”

เด็กชายตัวน้อยหยุดแล้วเงยมอง เครื่องบินลำโตสี่เครื่องยนต์บินสูงเหนือเมือง

“บาย..โป้งจัง โกลจัง..”

แล้วเด็กชายก็หันมาหาแม่

“แม่ครับผมอยากเป็นนักฟุตบอล”

แม่ปาดน้ำตาให้ลูกแล้วยิ้ม

“ต้องเริ่มจากเข้มแข็งไม่ร้องไห้บ่อย แล้วก็ต้องออกไปฝึก ออกไปวิ่งทุกวันเหมือนพี่ๆทั้งสองคน ชิโนะจังทำได้หรือเปล่าหละ”

เด็กชายรับคำแล้วก็ยิ้ม มารดาจึงพาเด็กชายเดินไปตามถนนผ่านหน้าไอศูรย์ที่ยืนมองมาตั้งแต่ต้น หล่อนหันมาโค้งและยิ้มให้ไอศูรย์เพราะคุ้นเคยใบหน้ากันดี และเป็นเชิงขอโทษที่ลูกชายของเธอรบกวน

มองไปบนฟ้าอีกที เห็นเครื่องบินบินลับไปในหมู่เมฆ

“ลาก่อนโป้งจัง โกลจัง.. ขอให้โชคดี”

แล้วเขาก็นึกถึงเรื่องราวที่โกลสนทนากับเขาในคืนวาน

“ทำไมเซนเซย์ถึงไม่แสดงออกความในใจให้ฮิรากิรู้ ผมรู้ว่าฮิรากิก็มีใจให้เซนเซย์”

เขาเงียบอยู่ครู่แล้วตอบออกไป

“ถ้าแสดงออกแล้ว ฮิรากิสับสนมันจะดีอย่างนั้นเหรอ.. ฮิรากิมีมาริจังอยู่แล้ว มันจะไม่เป็นการทำให้เกิดปัญหาอย่างนั้นเหรอโกล.. ฉันทำไม่ได้หรอกโกล”

“อีกอย่างฉันสัญญาไว้แล้ว.. และฉันจะไม่ผิดคำสัญญาของตัวเองด้วย ฮิรากิเขายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ อย่าให้ฉันกลายเป็นอุปสรรค์ต่อชีวิตและอนาคตของเขาเลยโกลจัง”

ไอศูรย์ถอนหายใจแล้วก็เดินไปตามถนนนารามาจิอย่างโดดเดี่ยว... เขาขยับเสื้อโค้ทให้กระชับ เพื่อปกป้องตัวและหัวใจให้พ้นจากลมหนาวที่พัดพาเอาความอ้างว้างมาปกคลุม...


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 19-01-2016 09:13:01
การจากลาที่น่าจดจำ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 19-01-2016 10:27:01
ใจหายแทนเหมือนกันแต่ต้องก้าวต่อไปจุดหมายปลายทางนะ สู้ๆ โกล โป้ง ตามไปเชียร์ที่อังกฤษต่อ :mc4: :mc4:
แต่งได้น่ารักดีนะ อ่านแล้วเพลินมาก ถ้าทั้งคู่ไปสู่จุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จด้วยกันนี้ เขาคงภูมิใจมากที่เขาเดินฝันฝ่ามันไปด้วยกัน ..รู้สึกฟินเวอร์!!!!
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 20-01-2016 23:13:47
ตอน  เทมส์ไซด์ ยูไนเต็ด: โป้งโกลสู่อังกฤษ



Themesside United Football Club, คือชื่ออย่างเป็นทางการของสโมสรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในลอนดอน ในอดีตสโมสรแห่งนี้เคยเป็นทีมชั้นนำในลีกสูงสุดกระทั้งประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนมีผลกระทบทำให้ทีมตกชั้นไปเล่นในลีกที่ต่ำกว่า แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังมีแฟนบอลเหนียวแน่นมากทีมหนึ่งในอังกฤษ

สนามคราวน์ เรเวนท์(Crown Raven Stadium)เป็นสนามเก่าแก่ แม้จะมีการปรับปรุงหลายครั้งแต่อัฒจันทร์ด้านหนึ่งยังคงทำเลียนแบบของเก่าที่เป็นโครงไม้ ทำให้สนามแห่งดูเข้มขลังสมกับเป็นทีมเก่าแก่ของอังกฤษ ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดฟุตบอล

ในเกมทุกนัดจะมีผู้ชมเกือบเต็มความจุของสนามขนาดสามหมื่นหกพันที่นั่งแห่งนี้

โกลกับโป้งนั่งร่วมกับผู้ชมในเกมนัดเหย้าที่เทมส์ไซด์ ยูไนเต็ดลงสนามเจอกับทีมอันดับสุดท้ายของแชมเปี้ยนชิบลีก หรือก็คือลีกที่รองจากพรีเมียร์ชิปนั้นเอง

แม้สนามจะมีความจุมากกว่านารา สเตเดียม หรือ ยูเนียน ออฟ ภูเก็ต เพียงไม่เท่าไหร่ แต่สนามแห่งนี้กลับมีบรรยากาศการเชียร์ที่เข้มข้นและดูทรงพลังกว่า อาจะเพราะสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อทำให้เสียงเชียร์กึกก้องอยู่ภายในสนามแทนที่กระจายออกไป

พอจบเกมสองหนุ่มก็เดินออกจากสนามมาร่วมกับแฟนบอลคนอื่น

“มันสุดยอดเลยนะโกล.. ถ้าคิดว่านี่คือเกมระดับสโมสร แถมไม่ได้เป็นเกมใหญ่ด้วย” โป้งกล่าว

“อาจไม่เท่ากับตอนที่คัมป์นู หรือเบอร์นาบิว.. แต่ก็เรียกได้ว่าสุดๆเลยหละ..”

โกลพยักหน้า

“แบบนี้ความคาดหวังแฟนบอลต้องเต็มเปี่ยมแน่ๆ”โกลว่าแล้วกอดคอ

“เราต้องขยัน ต้องตั้งใจ ต้องทุ่มเทให้มากแล้วหละโป้ง.. อาจเป็นงานหนักกว่าที่ผ่านมาหลายเท่าก็ได้นะ”

“อืม..” โป้งรับคำ

“พุร่งนี้ไปวิ่งกันเลย.. รอช้าไม่ได้แล้ว..”

 

แม้อากาศภายนอกจะหนาวเย็นจนลมหายใจของสองหนุ่มดวงหน้าเอเชียที่ระบายออกมาแล้วกลายเป็นไอ แต่ทั้งคู่ก็ยังมุ่งมั่นวิ่งไปตามถนนกลางนครลอนดอน

ผู้คนจำใจต้องออกมาท่ามกล่างความหนาวต่างเดินห่อร่างกายเพราะความหนาวสะท้าน พวกเขาแปลกใจอย่างมากกับสองหนุ่มเอเชียที่วิ่งไปด้วยกันในความเร็วที่สม่ำเสมอ

“สงสัยจะใช่เด็กไทยสองคนที่ทีมเทมส์ไซด์พึ่งได้มา..” ชายคนหนึ่งมองสองหนุ่มที่มาและกำลังจะผ่านไป

“เห็นเขาว่าคนหนึ่งได้โกลเด้นท์บอล อีกคนได้โกลเด้นโกลฟ ในยู20” ชายอีกคนกล่าวและกระโดดเตี้ยอยู่กับที่ไล่ความหนาว

“อืม.. ดูขยันกันดีนะ ดี.. ดีมาก.. อย่างนี้หละ ดีมาก”

 

แดนเนียล คาร์เตอร์ยืนอยู่เคียงข้าง เซบาสเตียน บัลเดอร์ผู้จัดการทีม

“สมใจคุณไหม” แดนเนียล คาร์เตอร์ถาม

“แล้วคุณคิดว่ายังไง”

แดนเนียลกอดอก

“นักฟุตบอลเอเชียมักจะเสียเปรียบเรื่องรูปร่าง แต่กรกฏผ่านเรื่องนี้ได้สบาย ส่วนเทพพร อาจจะดูตัวเล็กไปนิดหนึ่งแต่.. เด็กคนนี้มีความคล่องตัวมาก การเอาตัวรอดก็ดี ฉลาดดี.. ผมก็คิดว่าถ้าเราเอาเขาพัฒนาเรื่องอื่นๆที่จำเป็น.. ไม่แน่เราอาจได้นักเตะระดับเดียวกับฮิเดโดะชิ นากาตะ หรืออาลี ดาอีก็ได้”

เซบาสเตียนยิ้ม

“มักน้อยจัง.. ผมจะสร้างเลโอเนล เมสซี่ต่างหาก”

แล้วในสนามก็เกิดเสียงเฮกันแม้จะไม่เฮกันเต็มที่เหมือนปกติ.. เพราะนี่คือเกมนัดของ U21.. จึงมีผู้ชมแค่หลักพัน

โป้งวิ่งเหยาะๆกลับมาสู่แดนดัวเองโดยมีผู้เล่นคนอื่นเดินมาจับหัวบ้างตบไหล่บ้างเพื่อชื่นชม เพราะเมื่อสักครูโป้งเลี้ยงหลบกองหลังของคู่แข่งเข้าไป แถมยังพลิกตัวหนีผู้รักษาประตูแล้วยิงเข้าไปอย่างง่ายดาย

“สี่ศูนย์..” เซบาสเตียนหันมามองหน้าผู้จัดการฝ่ายฟุตบอลของทีม

“เทพพรยิงแฮตทริก.. ในนัดแรกที่ลงสนามให้กับทีมเรา.. คุณคิดว่าผมคาดหวังเกินไปรึเปล่า.. ผมว่าไม่นะ.. ถ้าเราปั้นเขาดีๆ อาจมีซุปเปอร์สตาร์มาจากเอเชียให้โลกชื่นชมก็ได้นะ”

 

วันนี้เป็นวันซ้อมเรื่องร่างกาย ครูฝึกมองโกลยกดัมเบลอย่างมั่นคงเอามือจับคางพยักหน้าพอใจแล้วก็เดินไป

แล้วมองโป้งที่ยกดัมเบลอันเล็กกว่าแต่เร็วกว่าตามคำสั่งของเขา ก็ทำท่าเดียวกัน

โป้งเป็นนักเตะเพราะประเภทอาศัยความเร็ว เขาไม่ได้ต้องการกล้ามเนื้อใหญ่โต แต่ต้องการกล้ามเนื้อที่ทนทานและส่งพลังออกมาได้ยามต้องการ ส่วนโกลแม้ต้องคล่องแคล่ว แต่การจะรับลูกยิงที่รุนแรงก็ต้องใช้มัดกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง

โกลมองครูฝึกเดินไปดูนักเตะคนอื่น ในขณะที่เขากำลังพักระหว่างเซต

การฝึกที่นี่โหดกว่าที่ญี่ปุ่นนิดหน่อย และอาศัยวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้มข้นกว่า พวกเขาเจอโปรแกรมการฝึกต่างไปจากที่เจอที่ญี่ปุ่นเล็กน้อย ที่นี่มีเจ้าหน้าที่แพทย์คอยยืนดูการซ้อมตลอด แล้วพวกเขายังต้องพบกับนักกายภาพที่จะแนะนำและแก้ไขท่าเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้แบบจำเพาะคน

โกลเลยนึกขอบคุณในการแนะนำของสุขีที่ให้เขาไปญี่ปุ่นก่อนค่อยมา หากกระโดดข้ามาตรฐานแล้ว พวกเขาอาจไม่สามารถปรับตัวได้ดีเท่านี้

“โกลๆ” โป้งเรียก

หันโป้งพักการยกน้ำหนักลงชั่วคราว..

“นี่กูยกจนเมื่อยแล้ว ครูฝึกเขาลืมรึเปล่าวะ แถมกูปวดฉี่ด้วย”

โกลถอนหายใจ มองหน้าโป้งตอนนี้ที่เหงื่อเป็นเม็ดๆ แต่ทำหน้าเหมือนเด็กไร้เดียงสา

“ทำเป็นเด็กไปได้ เรื่องแค่นี้เองไอ้โป้ง.. ปวดก็ไปฉี่ ไม่มีใครห้ามมึงนี่”

ที่อยากจะบอกต่อไปคือ มึงช่วยเอาความฉลาดในสนามมาใช้ในชีวิตจริงหน่อยเถอะไอ้โป้งอย่าซื่อให้มากนัก...

 

สนามคราวน์ ราเวนอื้ออึงไปด้วยสรรพเสียงเมื่อกรรมการเป่านกหวีดว่ามีการฟาลว์ในกรอบเขตโทษ

กองหลังของเทมส์ไซด์ โบกไม้โบกมือว่าไม่ได้ทำอะไร แต่กรรมการก็ยังยืนยัน

โกลไม่สนใจว่ามีการประท้วงหรืออะไรเกิดขึ้น เขาเดินไปยืนตรงเส้นประตูแล้วกระโดดเบา แต่ระหว่างนั้นก็หลับตาลง

ทุกการกระโดด นับพุทธโธ ทำจิตให้สงบ..

ลืมตาขึ้นมา ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามก็เอาลูกมาตั้งที่จุดโทษ

โกลกางแขนออก แต่ใจกำลังภาวนาให้สงบตามวิถีพุทธ..

แล้วสัญญาณนกหวีดก็ดัง ศูนย์หน้าตัวเก๋าอดีตกองหน้าตัวเก่งของทีมในพรีเมียร์ลีก ถอยหลังแล้ววิ่งเข้ายิงโดยทำท่าหลอกหน้าเท้า..

โกลตั้งมั่นอยู่ลูกบอลอยู่แล้ว ไม่สนว่าคนเตะจะทำท่าอะไร พอมันพุ่งออกมาเขาก็ทะยานออกไป

ร่างกายเหินกลางอากาศ มือแข็งแรงความจับลูกบอลที่พุ่งมาอย่างมั่นคง เขาล้มตัวลงกอดลูกบอลไว้..

เสียงเฮสนั่นของแฟนบอลหลังประตูกึกก้องจนโกลแสบแก้วหู เขาหันไปมองแล้วยกมือขึ้นแทนคำขอบคุณในเสียงชื่นชม..

“เป็นการเซฟจุดโทษลูกที่สามของเขานับตั้งแต่ย้ายมา.. เราโดนจุดโทษไปสี่ครั้งในนัดที่เขาลงสนามแต่ โกลดี้เซฟได้สาม.. สถิติดีมาก” ผู้ช่วยของเซบาสเตียน บัลเดอร์ กล่าว

“แต่ที่ผมสนใจคือจังหวะแบบนี้ต่างหาก” ผู้จัดการทีมหนุ่มกล่าวแล้วชี้ไป

โกลมองไกล.. เขาเห็นตัวผู้เล่นคนหนึ่งว่างอยู่.. แล้วเขาก็โยนลูกออกไป ก่อนจะหวดเท้าเตะไปด้วยน้ำหนักที่พอดิบพอดี

“ผู้รักษาประตูที่เปลี่ยนเกมรับเป็นรุกได้มีอยู่ไม่มากเลยนะจอร์จ” เซบาสเตียนกล่าว

ลูกบอลลอยโด่งไปถึงเป้าหมาย บ๊อกดาน ฮีลเตยัน ปีกซ้ายของทีมโหม่งได้พอดิบพอดี ลูกบอลบอลเปลี่ยนทางไปตรงพื้นที่ว่างที่ไม่มีผู้เล่นฝั่งตรงข้ามยืนคุมอยู่

ร่างกายเพรียวพลิ้วกระโดดดักลูกได้กลางอากาศ ลูกบอลตกลงอย่างนิ่มนวล

แล้วเขาก็เตะมันด้วยน้ำหนักพอดีให้ลูกบอลเดินทางไปข้างหน้า จากนั้นก็วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

การเลี้ยงที่ไม่ต้องอาศัยความสวยงาม แต่จังหวะเคลื่อนที่ยากจะคาดเดา หนุ่มน้อยแตะลูกเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันด้วยเท้าขวา แล้วเขาก็พาลูกบอลวิ่งไปโดยมีกองหลังที่อยู่ในอาการเสียหลักมองตามอย่างหมดหวัง

ผู้รักษาประตูวิ่งออกมาหา..

โป้งแย้มรอยยิ้ม.. เสร็จหละ..

แม้จะไม่ได้มองเต็มๆก็แค่เหลือบตา แต่เขาก็เห็นว่ามีผู้เล่นในชุดขาวคลิปดำวิ่งตามมา โป้งจึงเตะแปลูกบอลไปข้างๆ

อาริอู เอนิติย์ศูนย์หน้าตัวเก่งของเทมส์ไซด์ เขาไม่ต้องจับบอลให้นิ่ง มาถึงลูกบอลก็เตะทันทีในจังหวะเดียว

ลูกบอลเดินทางอย่างรวดเร็ว แม้ผู้รักษาประตูจะพยายามป้องกันด้วยการยืดแขนมาปัด แต่ลูกบอลก็พุ่งผ่านไป มันชนเสาจังหวะหนึ่งก่อน จะกระดอนผ่านเส้นประตูเข้าไปนอนอยู่ทีก้นตาข่าย

“เจ็ดนัด เจ็ดประตู สิบสองAssist(การส่งลูกไปให้ทำประตู)” เซบาสเตียนยิ้มออกมา

“เรายังต้องการอะไรอีก จอร์จ..”

จอร์จ โทนนิ่งจดลงในสมุด พอเงยหน้าก็พอดีกับเสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขันดังขึ้น

        “เราควรไปวางแผนสำหรับฤดูกาลต่อไปได้แล้วนะครับ.. พรีเมียร์ลีกรอเราอยู่”

        จอร์จต้องใช้การตะเบ็ง เพราะตอนนี้แฟนทีมเทมส์ไซด์ตะโกนเฮออกมาจนสนั่นไปทั้งสนาม

       นี่คือการฉลองชัยนัดสุดท้ายของเกมในระดับแชมเปี้ยนชิป..

      เพราะฤดูหน้าเทมส์ไซด์ จะกลับไปสู่ลีกสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษอีกครั้ง...

 

สองปีแล้วที่พวกเขาจากแผ่นดินไทยไป ดังนั้นแม้โกลจะไม่ค่อยตื่นเต้นกับอะไรง่ายๆเหมือนโป้ง แต่ก็ยังอดรู้สึกว่าใจเต้นแรงมาก ตอนที่เครื่องบินลำที่พวกเขาโดยสารมาตีโค้งทำเห็นทิวทัศน์ของแผ่นดิน และสนามบินสุวรรณภูมิ

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมองหน้าโป้ง มองแล้วมองอีก

“หน้าตาไม่เห็นเหมือนในพาสปอร์ต ของปลอมรึเปล่านี่” เจ้าหน้าที่หนุ่มกล่าวหน้าบึ้งๆ

โป้งหันไปมองหน้าโกล ก่อนจะหันกลับมา

“ไม่นะครับ ผมพูดไทยได้ เกิดที่นี่ สงสัยผมยาวขึ้น.. เอาอย่างนี้ครับ” โป้งรวบผมให้ดู

เจ้าหน้าที่ถอนหายใจ..แล้วก็ยิ้มออกมา

“ตอนไปเป็นเด็กกะโปโล กลับมาเป็นนักบอลค่าตัวห้าสิบกว่าล้าน.. มันจะเหมือนกันได้ยังไง”

โป้งยังไม่เข้าใจ ทำหน้างง จนโกลเข้ามากระซิบบอกตอนเจ้าหน้าที่ลงตราให้

“เค้าล้อเล่น”

โป้งทำหน้าโล่งอกเพราะเขาตกใจจริงๆ

“น้องโป้ง น้องโกลตอนนี้คนเขารู้จักน้องกันหมดแล้วหละ ถ้าอยากเป็นส่วนตัว พี่แนะนำให้ปิดบังตัวเองหน่อยนะ” เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าว


โกลมองโป้งสวมทั้งหมวก ทั้งแว่นตา แถมใส่หน้ากากอนามัยด้วย..

“เอ่อ.. มึง” โกลมองหน้าโป้งจากกระจก..

“กูว่าใส่หมวกไอ้โม่งเลยดีกว่าว่ะ”

โป้งหันมามองหน้าเพราะรู้ว่าโกลประชด

“เอาไอ้นี่ออกก็ได้”

แล้วเขาก็ถอดหน้ากากอนามัยออก แล้วมาทำหน้าบูดๆใส่

“ถ้าโดนรุมอย่าหาว่าไม่เตือนนะ”

โกลหัวเราะ

“พวกเราเป็นนักบอลไม่ใช่ดารา.. อยากมากก็มาขอลายเซ็นมาขอถ่ายรูป.. มึงไม่ต้องเวอร์ขนาดนั้นก็ได้” โกลกล่าวแล้วล๊อกคอโป้งพาเดินออกจากห้องน้ำ


แล้วก็เป็นอย่างที่โกลพูด คือแม้จะมีคนจำได้ แต่ส่วนใหญ่ก็แค่ถ่ายรูปเฉยๆ และทักทายด้วยรอยยิ้ม มีแต่แฟนบอลรุ่นเด็กที่กล้าหน่อยถึงจะเข้ามาขอลายเซ็น

แต่ระหว่างที่รอต่อเครื่องบินไปเชียงราย สองคนกำลังนั่งคุยกันเรื่องที่พึ่งได้รับอีเมลจากนวสาครให้ไปช่วยแนะแนวรุ่นน้องเรื่องอาชีพนักฟุตบอล

แล้วโป้งก็หันไปเห็นเด็กคนหนึ่งยืนแอบหลังมารดา

และยิ่งโป้งมองเขาก็ยิ่งแอบมิดไปอีก เด็กคนนั้นใส่เสื้อทีมเทมส์ไซด์ชุดเย้าสีขาวคลิปดำ มีหมายเลขสิบห้าเห็นได้จากหน้าอกขวา

โป้งเลยลุกขึ้นไป โดยโกลกำลังจะหันมาพูดตอบ แต่โป้งลุกไปแล้ว

“นี่ไงพี่เขามาแล้ว.. อยากได้ลายเซ็นพี่เขาไม่ใช่เหรอ” คนเป็นแม่บอกกับลูกชาย

โป้งเลยย่อตัวลง เด็กชายจึงค่อยๆออกมาด้วยอาการขวยเขิน

“ว่ายังไงเทพพร.. อยากได้ลายเซ็นไหม” โป้งถาม

“ผมไม่ได้ชื่อเทพพรครับ พี่ต่างหากชื่อเทพพร” เด็กชายทำตาโต

“ได้ยังไง.. ก็นี่ไงเทพพร” โป้งดึงเด็กชายให้หันหลัง

“ชื่อติดตรงเสื้อตัวเบอร์เริ่ม..”

“ผมชื่อศตวรรษ” เด็กชายหันมาแย้ง..

โป้งหัวเราะเสียงใส

“เอ้า.. ศตวรรษก็ศตวรรษ.. ศตวรรษอยากได้ลายเซ็นเทพพรไหม” โป้งถาม

เด็กชายอ้ำอึ้งมองหน้ามารดา

“เขาชอบน้องโป้งมากเลยค่ะ อายุแค่สี่ขวบแค่นี้แต่บอกอยากจะเป็นนักฟุตบอลเหมือนพี่โป้ง.. พ่อเขาชอบดูฟุตบอลนะค่ะ” ผู้มารดากล่าว

“บอกพี่เขาสิว่าอยากได้ครับ”

เด็กชายก็เลยบอกออกมาด้วยเสียงเล็กๆ

“อยากได้ครับ”

โป้งเอามือลูบหัว

“แต่ก่อนอื่นถ้าพี่โป้งให้ลายเซ็นแล้ว ศตวรรษต้องสัญญากับพี่โป้งนะครับว่าจะออกวิ่งทุกเช้า หัดเดาะลูกบอลทุกวัน หัดเลี้ยงลูกบอลทุกวัน แล้วก็ต้องเรียนเก่งๆ”

คำสุดท้ายนี้ทำให้โกลต้องแอบหัวเราะดังหึๆ

“ครับ”

โป้งก็รับปากกามาจากเด็กชาย

“ตรงไหนดี.. ตรงหน้าผากดีไหม” โป้งทำท่าจะเขียนจริง เด็กชายเลยหลบ

“ไม่เอา.. เอาตรงนี้”

แล้วเขาก็หันหลังให้โป้ง โป้งก็เลยเขียนลงบนเสื้อด้านหลังตรงบริเวณใต้ชื่อตัวเขาเอง

โกลมองภาพโป้งเล่นกับเด็กชายแล้วเขาก็รู้สึกสุขใจ

พอโป้งเดินกลับมาเขาก็เลยกล่าวขึ้น

“ทำไมชอบเด็กๆ”

โป้งมองตามหลังเด็กชายที่เดินไปกับมารดาอย่างร่าเริง

“กูอยากมีน้องโกล.. แล้วก็เคยเกือบมี.. แต่เขาตายไปก่อนจะได้ลืมตาดูโลก” โป้งเล่าแววตาเขาเหม่อมองไปในอดีตมากกว่าภาพตรงหน้า

“มันเป็นจุดแตกหักของแม่กับพ่อเลยหละ ตอนนั้นแม่ท้องได้ประมาณสามเดือนกว่าๆ แต่วันนั้นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน แล้วพ่อก็พลั้งมือผลักแม่จนล้ม เลยเสียน้องไป หลังจากนั้นแม่กูไม่คุยกับพ่ออีกเลย พ่อก็ไม่ค่อยกลับบ้าน หายสองสามวันกลับที ที่สุดก็ต้องเลิกกัน”

“กูอยากมีน้องชาย.. กูอยากให้เขามาเล่นบอลกับกู เล่นกันทั้งวันสนุกดีออก” โป้งหันมายิ้มอย่างแจ่มใส

“แล้วถ้าเป็นน้องสาวหละ” โกลถามต่อ

“ก็ให้เล่นบอลด้วยไง.. นักฟุตบอลหญิงเยอะแยะ.. กูว่าถ้ากูเล่นได้ น้องก็ต้องเหมือนกู.. เรามันเลือดนักบอลเหมือนกัน” โป้งยังคงยิ้มอย่างร่าเริง..

โกลจึงขยับมากระซิบ

“งั้นเรามามีลูกด้วยกันไหม”

โป้งสะดุ้งหันมามองหน้า ตอบเสียงเบา

“เฮ้ยกูไม่มีมดลูกนะ หรือว่ามึงมีโกล”

โกลหัวเราะก่อนเบาๆ

“กูก็ไม่มี.. แต่เรามีลูกด้วยกันได้ ก็ทำแบบหลอดแก้วแบบตัวกูไงโป้ง หรือไม่ก็รับเด็กมาเลี้ยง”

โป้งทำหน้าคิด

“งั้นกูเอาสิบเจ็ดคนเลยนะ” เขากล่าว

“เฮ้ยเอามาทำไมเยอะแยะ เดี่ยวก็เลี้ยงไม่ไหว” โกลแย้ง

“อ้าว..ก็เอามาทำทีมฟุตบอลไง.. ตัวจริงบวกสำรอง.. สิบเจ็ดคนพอดี” โป้งหัวเราะเสียงใส


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 21-01-2016 00:57:29
กลับมาเที่ยวบ้านกันแล้ววว
โป้งนิสัยน่ารักดี 555
เอาเลย รีบๆมีลูกกัน พอเลิกเล่นกับสโมสรแล้ว ก็จะได้ตั้งทีมฟุตบอลของตัวเองเลย
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 22-01-2016 08:58:45
เขาหยอกกันน่ารักดี ชอบ ชอบ :o8:
จะมีลูกเยอะแบบตั้งทีมฟุตบอล มีทั้งตัวจริงและสำรองเลยหรอค่ะ โป้ง  :hao6:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 22-01-2016 10:32:41
อ่อย น่ารักเกินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-01-2016 22:49:03
บวกแค่ตัวจริงกับตัวสำรองไม่ได้ต้องบวกโค้ชบวกสต๊าฟผู้ช่วยผู้จัดการทีมเข้าไปด้วยนะโป้ง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 23-01-2016 09:22:30
ตอน พรีเมียร์ชิพ มุ่งมั่นเพื่อนัดแรก
            “ครับแม่” โป้งตอบตอนที่กำลังลื้อกระเป๋าเอาของที่ซื้อมาออกมา

            “แล้วข้าวของจะซื้อมาทำไมเยอะแยะ.. เงินน่ะลูก มันเก็บไว้ก็ไม่เสียหลายหรอก เดี่ยวนี้เราได้เงินเดือนเยอะก็จริง แต่อย่าลืมอาชีพนักฟุตบอลมันสั้นนะโป้ง.. เราต้องเก็บไว้เผื่ออนาคตเข้าใจไหม” วราพรกล่าวต่อ

            “โกล.. เราก็ต้องคอยเตือนโป้ง.. ไม่ใช่พากันใช้สุรุ่ยสุร่าย อย่างนั้นไม่ได้นะโกล.. โกลอายุมากกว่าต้องสอนโป้ง ต้องคอยดูแลควบคุมกัน เข้าใจไหม.. ไม่อย่างนั้นแม่จะฝากโป้งไว้กับโกลทำไม.. ก็หวังให้เราคอยดูแลโป้งนี่หละ”

            “ครับน้า” โกลตอบแล้วเอาของทั้งหลายมาวางเรียงกันเป็นระเบียบ

            แล้วจากนั้นสองหนุ่มก็ต้องฟังวราพรบ่นยาวเหยียดตามระเบียบ โดยตอบได้แค่สองคำ”ครับแม่” “ครับน้า”

            แต่โกลกลับรู้สึกอบอุ่นใจกับสิ่งที่วราพรบ่นเพราะนั่นคือการสะท้อนมาจากความเป็นห่วงเป็นใยของเธอ

           

            หลังจากเยี่ยมบ้านเพื่อรับการเติมแรงใจและคำสอนชุดใหญ่จากวราพรแล้ว สองหนุ่มก็เดินทางมากรุงเทพเพื่อมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าคือนวสาคร

            บ้านของโกลยังคงเงียบเหงา ตอนที่โกลย่างเท้าลงมาจากแท็กซี่ สองหนุ่มเดินเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งอยู่ในสภาพเดิมไม่ผิดจากตอนที่จากไป แม้แต่ห้องนอนของโกล ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมไม่ผิดแปลกไป

            บ้านหลังนี้ยังคงเหมือนเดิมทั้งในกายภาพและความรู้สึกของโกล คือเป็นแค่ที่ซุกหัวนอน ผิดไปจากบ้านของโป้งที่เชียงราย ที่นั้นโกลรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านจริงๆ ทั้งที่นั้นไม่ใช่บ้านของเขา สุทธิชัยและวราพรก็ไม่ได้เป็นพ่อแม่หรือเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย

            แต่ความรู้สึกอบอุ่นใจที่สองก็มาสู่หัวใจโกลเมื่อเขาได้เข้ามาในห้องแต่งตัวของนวสาครวิทยาลัยอีกครั้ง

            แม้ตอนนี้ล๊อกเกอร์ประจำของเขากลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว ส่วนที่เคยเป็นป้องและกลายเป็นของโป้งต่อ ก็ย่อมต้องกลายเป็นของคนอื่นเช่นกัน

            ดังนั้นสองหนุ่มจึงต้องเอาสัมภาระใส่ไว้รวมกันที่ล๊อกเกอร์สำรองแทน

            โกลมองโป้งที่กำลังสวมร้องเท้า เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบนักฟุตบอลของนวสาคร ชวนให้นึกไปถึงตอนที่เขากับโป้งเข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันครั้งแรก

            “ตอนนั้นกูก็เอะใจนะว่าทำไมมึงต้องเขินกูด้วย” โกลกล่าวออกมา

            “หือ” โป้งหันมาทำหน้างง

            “อ้อ.. หมายถึงตอนเจอกันครั้งแรก” แล้วโป้งก็นึกออกเอง

            “ก็มึงไม่ถามกูกลับเองนี่หว่าว่ากูเป็นเกย์หรือเปล่า.. กูก็เลยไม่ได้บอก”

            “แต่กูชอบมึงตอนนั้นมาก เวลามึงอายแล้วน่ารักดี” โกลยิ้ม

            “ทำไมมึงไม่อายเหมือนเมื่อก่อนบ้างวะ กูอยากเห็น”

            โป้งหัวเราะหึๆ

            “ไม่ละ ตอนนั้นกูอายเพราะกูไม่ชินกับมึง.. เดี่ยวนี้รู้จักกันไปถึงไส้.. ไม่อายแล้ว” โป้งว่า แล้วเขาก็ลุกขึ้นทดสอบความแน่นหนาของรองเท้า

            “ไปเถอะน้องรออยู่”

 

            แม้ลูกที่เตะส่งมาให้จะแรงมากจนโป้งรับด้วยเท้าแล้วกระฉอกออก แต่ตัวผู้เล่นที่วิ่งมาบังทางเขาก็ยังไม่สามารถจะแย่งบอลไปได้  เพราะโป้งตามเข้าเอาตัวบังลูกไปไว้

            เขางัดลูกบอลให้ลอยจากพื้น แล้วเดาะมันข้ามไหล่ไปจากนั้นก็พลิกกายวิ่งหนีไปตามทิศทางที่ลูกบอลลอยไปตก

            โกลยิ้มออกมา เขารู้ว่าไม่ต้องรอนานหรอก เพราะต่อให้กองหลังฝ่ายเขากรูกันเข้าไปหมดทั้งแผงก็หยุดโป้งไม่ได้ เขาจึงเตรียมตัว

            แล้วเดี๋ยวเดียวโป้งก็หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ โกลก็พุ่งตัวออกไปหาทันที

            โป้งเห็นดังนั้นเลยยิงออกไปด้วยเท้าซ้าย แต่โกลก็ดึงตัวเองกลับอย่างฉับไว แล้วกระโจนเข้าตะครุบลูกไว้ได้ก่อนมันจะโค้งหนีมือ

            โค้ชป้อมอมยิ้มแล้วก็เป่านกหวีดยุติการแข่งขันซ้อมพิเศษที่มีสองนักฟุตบอลชื่อดังมาร่วม

            หลังจากนั้นโป้งกับโกลก็สอนเทคนิคต่างๆให้รุ่นน้องซึ่งมีนอกจากจะมี่นักฟุตบอลรุ่นใหม่ของนวสาครแล้วก็ยังมีเด็กในระแวกใกล้เคียงมาด้วย เพราะโรงเรียนเปิดให้พวกเขาได้เข้ามา แต่ก็เป็นไปอย่างเรียบร้อยเพราะทุกคนมาด้วยใจที่อยากเรียนรู้เทคนิคระดับทีมชาติจากโป้งและโกล

            “นายปอกำลังทำผลงานดีเลยหละ ตั้งแต่ไปอยู่ญี่ปุ่นก็ยิงให้ธันเดอร์เดียร์ไปหลายลูกแล้ว ส่วนนายไม้เมืองก็เล่นดีนะ เห็นสื่อเขาชมกันว่าปรับตัวได้ดีทั้งคู่” โค้ชเล่าเมื่อเดินร่วมกับสองลูกศิษย์และลูกทีมออกมาจากห้องพักอาจารย์พละ

            “ส่วนภูเก็ตยูเนียน.. ไม่เล่าดีกว่าไปดูเอง เพราะจะไปภูเก็ตกันอยู่แล้วนี่”

            “แล้ว..โค้ชเมื่อไหร่จะแต่งงานครับ” โป้งถามเป็นการถามรวบยอดถึงแฟนสาวของโค้ชด้วย

            โค้ชป้อมมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มออกมา

            “เราเลิกกันแล้วหล่ะ”

            “อ้าว..” ทั้งสองคนร้องออกพร้อมกัน

            “ก็เขามาบอกว่าเราสองคนมีชีวิตต่างกันมาก เขาบอกว่าฉันไม่มีเวลาให้ เพราะมัวแต่ยุ่งกับฟุตบอล” โค้ชป้อมกล่าวแล้วมองไปไกลๆ

            “ก็อ้างไปได้สารพัดนั่นหละนะ  แต่ก็เอาเถอะเขามีคนดูแลใหม่แล้วนี่”

            “ใครครับ” โกลถาม

            “อาจารย์สุรีวัลไง..” ป้อมเพชรตอบ

            สองหนุ่มอึ้ง ไม่แน่ใจว่าป้อมเพชรล้อเล่นหรืออะไรจึงได้แต่มองหน้ากัน

            “นี่ฉันพูดจริงๆ.. เขาสองคนคบกันอยู่ สวีทหวาน เลยหละ  แถมย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่นด้วยกันอีก.. ก็โอเคนะ.. อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปกับผู้ชายอื่น..” ป้อมเพชรพยายามคิดบวก

            “แต่ก็เสียศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ โดนหักเหลี่ยม.. ฉันนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆเลย”

            โป้งนิ่งอยู่นานก่อนจะสบตาโกลแล้วกล่าวออกไป

            “แต่โค้ชคือโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดของผมเลยนะครับ.. โค้ชฮัลเซย์อาจจะเก่ง โค้ชโยชินะก็มีความสามารถ บอสเซบาสเตียนก็เยี่ยม.. แต่โค้ชคือคนที่ผมนับถือนะครับ ที่นายตั้ม นายปอ นายจอม นายฉัตรแล้วก็คนอื่นๆรวมทั้งโกลด้วยกลายเป็นคนเก่งกาจขึ้นมาได้..ก็เพราะโค้ช.. โค้ชเริ่มจากศูนย์ ไม่มีอะไรเลย.. แต่กลับทำทีมเราไปจนชนะเลิศได้ตั้งหลายปี จนตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นนวสาครแล้วก็เพราะโค้ชนะครับ”

            ป้อมเพชรหยุดเท้าหันมามองหน้าลูกศิษย์.. แล้วเขาก็เอื้อมมือไปจับหัวโป้ง

            “เดี่ยวนี้นอกจะฝีเท้าระดับโลก ปากหวานชมคนอื่นเก่งเป็นด้วยนะเราน่ะ”

           

            สองหนุ่มไปข้ามถนนไปสั่งอาหารตามสั่งจากร้านประจำ โดยโป้งสั่งไข่เจียว ส่วนโกลสั่งข้าวผัด

            โป้งราดซอสจนชุ่มเหมือนเดิม

            “สงสารโค้ชนะ..” โป้งกล่าว

            “แต่อย่างว่า อย่างนี้อาจดีกว่า ฝืนแต่งงานกันไป.. เพราะถ้าฝืน.. แล้วไปด้วยกันไม่ได้.. ก็ไม่ดีใช่ไหมหละ” โกลกล่าวแล้วก็ถอนหายใจ

            “มันพูดยากว่ะ เรื่องแบบนี้”

          โป้งพยักหน้าช้าๆ ตักข้าวพร้อมไข่เจียวเข้าปาก

            “โอ๊ย.. ป้าอร่อยจัง.. ฝีมือดีขึ้นหรือเปล่า” โป้งร้องบอกเจ้าของร้านปากก็ยังเคี้ยวหยับๆ

            “เธอไม่ได้กินนานแล้วต่างหากมั้งนายโป้ง” เจ้าของร้านตอบแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

            โกลส่ายหัวแล้วก็ยิ้ม แต่พอเขากินข้าวผัดความรู้สึกมันก็ออกมาแบบเดียวกัน.. รสชาติที่เคยคุ้น.. มันช่างอร่อยนัก..

           

            สนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ตแทบจะสะเทือนไหว เมื่อบรรณยิงประตูได้อย่างสุดสวยจากการเตะเปิดเข้ามาอย่างงดงามของก้านเพชร

            “ก้านมันเก่งขึ้นนะเนี่ย” โป้งปรบมือค้างตามองก้านเพชรวิ่งคืนสู่ตำแหน่งตัวเอง

            “หือ..” โกลหันมาทำตาขวาง

            “อะไรเล่า..แค่บอกว่ามันเก่งขึ้น” โป้งท้วง

           

            “ฮ่าๆ ดูๆ มันโตจนลุงจำมันไม่ได้แล้ว” อำนาจหัวเราะอย่างร่าเริงจับตัวโป้งหมุนไปหมุนมา

            “หล่อกว่าพ่อมันสมัยหนุ่มๆอีก.. นี่ตัวสูงขึ้นนิดนึงหรือเปล่า”

            “นิดเดียวเองลุงอ่ำ.. สูงขึ้นสองเซ็นต์” โป้งยกสองนิ้วประกอบ

            “เออๆ ไม่เป็นไร ตัวเล็กๆวิ่งเร็วๆ หลบเก่งๆไม่เป็นไร” อำนาจหัวเราะอีกอย่างมีความสุข

            แต่เดี่ยวก็เงียบไปน้ำตาซึม..

            “ถ้าพ่อเอ็งได้มาเห็นตอนนี้..มันคงดีใจ”

            โป้งหันไปสบตาโกล แล้วก็กล่าว

            “พ่อเขารู้อยู่แล้วหละลุง ที่สวรรค์เขามีถ่ายบอลเจลีก แชมเปี้ยนชิปก็ถ่ายนะ”

            “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ.. ฮ่าๆ” อำนาจหัวเราะออกมาอีก

            “เซบาสเตียน ชมมาว่าเราสองคนตั้งใจฝึกซ้อมมาก และก็มีส่วนทำให้ทีมเลื่อนชั้นได้ง่ายขึ้น..” ฮัลเซย์ที่นั่งอยู่ในใกล้กล่าว

            “เราสองคนต้องรักษาความดีอย่างนี้เอาไว้นะลูก” อำนาจมองหน้าโป้งและโกล

            “นักฟุตบอลน่ะ ขาดไม่ได้คือซ้อม ขาดไม่ได้คือฝึกฝน.. อย่าคิดว่าเราเก่งแล้วไม่ต้องฝึกแล้ว ไม่ได้เด็ดขาดนะ ยิ่งฝึกยิ่งเก่ง ยิ่งซ้อมยิ่งชำนาญ ยิ่งขยันยิ่งฟิต พวกเก่งๆในโลกสมัยนี้ แล้วเล่นได้นานๆอย่างไรอัน กิ๊ก สตีเฟ่น เจอราร์ด โรนันโด้ เมสซี่ พวกนี้เขาประสบความสำเร็จได้ด้วยความขยัน และรักษาร่างกาย”

            “ใช่..” ฮัลเซย์พยักหน้า

            “หมดสมัยนักฟุตบอลปล่อยตัวอ้วน แล้วอาศัยทักษะเฉพาะตัวแล้ว ฟุตบอลสมัยใหม่เขาวัดทีความฟิต ความสามารถและเล่นเป็นทีม”

            โป้งกับโกลมองหน้ากันแล้วตอบรับอย่างมั่นคง

 

            “โป้งที่รัก คิดถึงจังเลย” ก้านเพชรกล่าวแล้วก็เดินตรงเข้าสวมกอดโป้ง

            “โอ้โห ไม่เจอกันนาน พอหัวไม่เกรียนก็ยิ่งหล่อ ผมขอกลับมาจีบโป้งตามเดิมได้ไหม”

            โป้งหัวเราะ

            แต่โกลมองเขม่น แต่ที่เดินมาลากไปคือวู๊ด

            “มานี่ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือ เดี่ยวไอ้โกลมันก็ต่อยเอา” วู๊ดพูดเหมือนธรรมดา แต่ก้านเพชรสัมผัสได้ถึงแรงที่บีบที่แขน และแววตาคมกริบ

            เขาไม่กล้าร้องและถอยออกมาโดยดี

            ฉัตรจึงเดินเข้าไปหาโป้ง

            “เป็นไงบ้างเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกแล้วนี่”

            โป้งทำจมูกยู่..

            “ยังสักหน่อย.. แค่เลื่อนชั้นขึ้นมายังไม่ได้ลงพรีเมียร์เลย” โป้งตอบ

            "ว่าแต่มึงเถอะเดียวนี้เล่นดีมาก สปีดก็เร็วขึ้น จังหวะบอลก็ดีกว่าเก่า"

            “ก็เลียนแบบจากมึงนั่นหละ ทั้งจำเอาจากเมื่อก่อน แล้วก็เอาเทปมาดู..” ฉัตรยิ้ม  สำหรับฉัตร.. โป้งเป็นมากกว่าเพื่อนเก่า เขาเป็นแรงบันดาลใจและเป็นเหมือนครูอีกคนหนึ่ง


            “ได้แล้วได้แล้ว..” ตั้มวิ่งมา

            “กูได้รถตู้มาแล้วไปเลย ไปคันเดียวไม่ต้องหลายคัน พวกไอ้ตั้นรอกันอยู่ที่ร้านเพื่อนของมึงที่เรียนด้วยกันก็มากันหมด”

                       

            การได้เจอเพื่อนเก่าเป็นสิ่งที่สร้างความสุขและทำให้ใจหายเหมือนกัน เมื่อพบว่าแต่ละคนก็เปลี่ยนแปลงกันไปหมดแล้ว พวกเขาไม่ใช่เด็กกันอีกต่อไป แต่ละคนเติบโตไปอีกระดับหนึ่ง ดังนั้นท่ามกลางบรรยากาศการเฮฮาปาร์ตี้ โป้งกับโกลก็อดนึกถึงความหลังไม่ได้..

            ตั้มขับรถมาส่งทั้งสองที่โรงแรมสไตร์บูติกขนาดเล็ก

            โกลเดินตามหลังโป้งเข้ามาถึงล๊อบบี้ ก็เห็นเขาหยุดดูเปียโนสีขาวหลังหลังหนึ่งอยู่

            “มึงเล่นดนตรีเป็นปะโกล”

            “เคยเล่นนะ มันต้องเรียนสมัยเด็กๆ” โกลตอบ

            “กูชอบดนตรีนะ เป็นอีกอย่างที่กูอยากทำ แต่ก็ไม่เคยทำสักที.. “ โป้งยิ้ม

            “มึงเล่นให้กูฟังหน่อยสิ”

            โกลมองรอยยิ้มนั้นแล้วก็เอามือจับหัวโป้ง

            “เอาไว้กูซ้อมดีๆ แล้วจะเล่นให้ฟัง”

            โป้งยิ้มกว้าง แล้วมองไปรอบๆตัว

            “โรงแรมนี้สวยนะ ตกแต่งน่ารักดี เจ้าของต้องชอบดนตรีแน่ๆเลย ดูของตกแต่งสิมีแต่โน้ต เครื่องดนตรีเยอะแยะเลย”

            “แต่ชื่อไม่ได้เข้ากันเลย.. ชื่อรักสายน้ำ”

            โกลรู้สึกสะดุดหูกับชื่อนั้น แต่พอเดินตามโป้งเข้าเพื่อจะไปยังห้องพัก พอดีเจอกับหญิงสาวที่เปิดประตูออกมา

            “อ้าว.. ก็เห็นเด็กบอกอยู่ว่ามีนักฟุตบอลมาพัก.. คือพวกสองเธอคนนี้เอง” หญิงสาวทักน้ำเสียงฟังดูสนิทใจกับพวกเขามาก

            “ดีใจนะ มีเด็กจากนวสาครมาพักที่นี่.. เดี่ยวลดให้อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย”

            โกลขมวดคิ้ว..

            “จำน้าไม่ได้หละสิ.. น้าเป็นแม่ของไตรไงจำได้ไหม น้าจำเราสองคนได้ เพราะไปช่วยงานศพอยู่หลายวันเลย”

            โป้งร้องอ้อ..

            “โตขึ้นเยอะเลยนะ น้าไม่ได้เจอพวกเรากี่ปีแล้วเนี่ย..สี่ปีได้ไหม” หญิงสาวกล่าวแล้วพินิจหน้าสองหนุ่ม

           

            โป้งกำลังถอดเสื้อแล้วโยนไปพาดกับราว ก่อนเดินมาเอาผ้าเช็ดตัวคาดพุง

            หันไปเห็นโกลยืนขมวดคิ้ว

            “มีอะไรเหรอ..”

            “ที่มึงบอกว่าโรงแรมชื่อไม่เข้ากับการตกแต่งน่ะ กูว่าผิดวะ” โกลกล่าว เดินไปเปิดตู้เย็นมินิบาร์รินน้ำ

            เขายกแก้วมาเสมอหน้า

            “โรงแรมนี้ชื่อรักสายน้ำ แม่ของพี่ไตรเป็นเจ้าของ ไม่มากก็น้อยพี่ไตรต้องมีส่วนในการตั้งชื่อนี้แน่นอน”

            “รู้ได้ไง..” โป้งเอียงคอ

            “จุ๊ยแปลว่าน้ำ.. ภาษาจีน” โกลตอบ

            “รักสายน้ำ.. คือชื่อโรงแรมนี้ใช่ไหม”

            โป้งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเข้าใจ

            “มิน่าหละ..” โป้งตบมือฉาด

            “รักสายน้ำ ก็คือรักจุ๊ยไง”

            พอโป้งเดินเข้าห้องน้ำไป

            โกลก็เดินไปยืนที่ประตูกระจกมองออกไปที่ทิวทัศน์ภายนอก

            “ได้ยินว่าไอ้จุ๊ยไปเรียนอังกฤษนี่หว่า...”

           

            วันหยุดก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนสายลมที่พัดผ่าน

            โกลกับโป้งกลับไปถึงอังกฤษก็เริ่มต้นทุ่มเทกับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ ตามคำสอนที่ได้รับมาจากอำนาจและฮัลเซ่ย์

            แล้วไม่นานฤดูกาลแรกของพวกเขากับลีกที่เป็นความฝันของเด็กหลายคนว่าจะได้มีโอกาสมาร่วมเล่นก็มาถึง พรีเมียร์ชิพของอังกฤษ

            แถมนัดนี้ยังเป็นนัดที่หนักหนา เพราะพวกเขาต้องไปเยือนทีมที่ถือเป็นอริร่วมเมืองถึงบ้าน.. สังเวียนใหญ่อันดับสามของลอนดอน...

             สนามไวท์ฮาร์ทเลนท์ เรือนเหย้าของท๊อตเน่ม ฮอตสเปอร์ เจ้าไก่เดีอยทองแห่งลอนดอน

            โกลวางขวดน้ำไว้ที่ข้างเสาด้านนอกประตูแล้ว ก็กวาดตาไปรอบสนาม..

            เด็กไทยส่วนใหญ่มักจะพูดถึงทีมอย่างแมนแชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซนนอล.. แต่สำหรับโกล เสื้อสีขาวของทอตเน่ม ฮอทสเปอร์คือสิ่งที่โกลอยากจะสวมใส่

            แต่ในเมื่อเส้นทางไม่บรรจบ.. ก็ต้องขออภัยทีมที่รัก.. เพราะเขาจะไม่ยอมให้ลูกยิงของนักเตะคนใดผ่านประตูเข้าได้เด็ดขาด..

            โป้งรู้ดีว่าโกลเชียร์ทีมอะไรในอังกฤษ เขาหันมาเห็นโกลอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะรักแค่ไหน ในสีเสื้อของเทมส์ไซด์ เขาก็คือนายทวารผู้แข่งแกร่งที่จะต้องหยุดทุกลูกยิงให้ได้

            ตัวเขาเองก็เช่นกัน.. วันนี้คือวันแรกของการลงแข่งขันในลีกสูงสุดของอังกฤษ.. เขาจะทำให้ได้ เขาทุ่มเกินร้อย..

            เขาหันไปยิ้มให้โกลอย่างที่ทำประจำแล้วหันกลับมา พอดีกับเมอร์ลิน ดาร์นี่ กัปตันทีมหันมาสบตาเขา เขาก็ตอบรับด้วยการพยักหน้า

            นกหวีดของผู้ตัดสินให้สัญญาณเริ่มต้นการต่อสู้บทใหม่ของโป้งและโกล..

            เกมครึ่งแรกเริ่มต้นอย่างอึดอัด เหมือนนักเตะทั้งสองฝ่ายยังเกร็งกันอยู่  แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ด้านเจ้าบ้านก็เริ่มต้นเข้ามาใกล้ประตูจนกระทั้งโกลต้องออกแรง

            ลูกยิงของกองกลางตัวเก่งของเจ้าบ้านพุ่งมาเร็วจี๋ โกลใช้กำปั้นกระแทกมันจนลอยออกไปด้านหลัง

            นับเป็นการทักทายแรกที่หนักหน่วงใช้ได้เลย..

            “คนนี้ใช่ไหม..” ผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ของยอดทีมแห่งลอนดอนถามกับผู้ช่วย

            “ที่บอกว่าเป็นเด็กไทย”

            “ใช่แล้ว.. ตอนเล่นในFIFA U20 เล่นได้โดดเด่นมากป้องกันลูกสำคัญให้ทีมชาติไทยรอดการเสียประตูได้หลายครั้ง” ผู้ช่วยตอบ

            เซบาสเตียนเริ่มนั่งไม่ติดเขาต้องลุกออกมายืนข้างสนาม เพราะยิ่งใกล้หมดครึ่งแรกทีมของเขาก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้น

            ตอนนี้โกลทำงานหนักมากเพราะผู้เล่นของฝั่งโน้นดาหน้าเข้ามาด้วยวิธีการต่างๆ

            โป้งแทบจะก็ไม่ได้บอลเลย แถมยังต้องลงมาช่วยในเกมรับ แต่พอได้บอลจะสวนกลับ โดยบังทางไว้หมด ตอนนี้ลูกทีมของเขากำลังหลวมตัวไปติดกับดักของผู้จัดการทีมฝั่งตรงข้าม ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดนักวางแผนคนหนึ่ง

            พอได้จังหวะก็เลยเรียกตัวเมอร์ลินมาบอกวิธีแก้ไข แล้วก็ยืนกอดอกอยู่ข้างสนามเพราะเป็นจังหวะเตะมุม

            โกลมองลูกที่ลอยเข้ามาตรงกลางประตู เขาจับจังหวะแล้วอาศัยความสูงกระโดดชกลูกบอลให้ลอยออกไป

            โป้งมองลูกบอลอย่างตั้งมั่น เมื่อมันลอยมาเขาก็เลยคิดจะพักอกเพื่อเอาไปเล่นต่อ แต่ผลันก็มีร่างใหญ่โตเบียดมาอย่างรวดเร็ว

            กองหลังของฝ่ายตรงข้ามเบียดร่างเข้ามาจนโป้งเสียหลัก ลูกบอลจึงกระแทกตัวเขาแล้ว

            โป้งล้มลงแต่พยายามหันไปมองตามลูกบอล มันกระดอนไปเข้าทางของปีกขวาของท๊อดแน่ม

            ปีกขวาจอมยิงประตูได้ลูกก็ไม่รอข้า ง้างยิง..

            มิคาเอล วานโชเป้กองหลังตัวสูงวัยแต่มากประสบการณ์พุ่งเข้าบล็อกลูกยิงนั้นด้วยแผ่นหลัง

            ลูกบอลลอยโด่งขึ้นกลางอากาศ กองหน้าของสเปอร์อยู่ตรงนั้นพอดี จึงสปริงค์ตัวขึ้น

            แต่ก่อนหัวของเขาจะโดนลูกบอล..

            มือสวมถุงมือคว้าลูกไปอย่างรวดเร็ว

            โกลไม่รอช้า เขาขว้างลูกบอลออกไปอย่างแรง

            โป้งที่ลุกขึ้นแล้วเขาพุ่งตัวออกไปตามลูกบอลที่โกลขว้างมาอย่างสุดแรง

            แล้วโป้งก็ทันลูกที่วงกลมกลางสนาม เขาเลี้ยงไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงมุ่งสู่กรอบเขตโทษ โดยมีกองหล้งของของทีมคู่แข่งตามมาอย่างสุดฝีเท้าแต่ก็ได้แค่ในระยะห่าง

            ผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้ามพุ่งตัวออกมาจนเลยกรอบเขตโทษเพื่อหมายจะหยุดหรือไม่ก็ชะลอบอล จังหวะนั้นเองโป้งที่อยู่บริเวณประมาณสามสิบหลาก็ง้างเท้าซ้าย

            นายทวารเห็นดังนั้นจึงชะงักเท้า แต่ทว่า

     กลายเป็นว่าโป้งไม่ได้ยิง เขาลดน้ำหน้กเท้าลงฉับพลัน แล้วก็แค่เตะออกไปเบาๆและเลี้ยงบอลจี้เข้าหากรอบเขตโทษ

            “อะไรวะ” ผู้รักษาประตูร้องอย่างหัวเสีย เขาตัดสินใจพุ่งตัวออกไปอีก

            แล้วทันใดโป้งก็สับไกยิงทันทีด้วยเท้าขวา..

            ผู้รักษาประตูจึงได้เพียงสัมผัสถึงแรงลมตอนลูกเดินทางอย่างรวดเร็วผ่านหน้าเขา

            พอเขาหันหลังไปก็เห็นมันกระแทกกับตาข่ายเรียบร้อย และรูดลงมานอนก้นตาข่าย..

            อีกาขาวคือสมญาของทีมเทมส์ไซด์ กองเชียร์อีกาขาวแผดเสียงเฮขึ้นลั่นสนามจนกลบเสียงนกหวีดของกรรมการ

            ไม่ใช่แค่ในสนามไวท์ฮาร์เลนเท่านั้น.. แต่ยังมีเสียงเฮเสียงเล็กๆที่กระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี.. เด็กชายในชุดแข่งของเทมส์ไซด์วิ่งไปรอบชุดรับแขกโดยมีคุณพ่อมองตามอย่างมีความสุข

            “พี่โป้งสุดยอดเลย” แล้วเด็กชายศตวรรษก็หันเข้าหาจอทีวี เหยียดแขนยกนิ้วโป้ง..

            “โป้งๆๆ”

            บิดาของเด็กชายหันสบตาภรรยาอย่างมีความสุข..


            ในกรุงเทพมหานคร เด็กชายวัยเพียงสิบสี่เดินเรื่อยๆมาตามถนน เขารู้สึกว่าทุกก้าวอย่างหนักอึ้ง และร่างกายก็อ่อนล้าเหลือกำลัง

            ก็แน่อยู่แล้ว.. เพราะเขาพึ่งจะเลิกจากการเล่นบาสเก็ตบอลอยู่คนเดียวร่วมสามชั่วโมง.. มีแต่มันนี่หละที่ทำให้เขาสงบใจลงได้บ้าง..

            “โง่อย่างมึง เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์” นั้นคือเสียงพ่อตวาดเมื่อได้เห็นผลการสอบกลางภาคของเขา

            “โง่ผิดพี่ผิดน้อง..”

            เขาอยากจะเก่งเหมือนพี่ชายและพี่สาว อยากทำให้พ่อมีความสุขเหมือนกัน พี่ชายคนโตเป็นกำลังจะเป็นนายแพทย์ ส่วนพี่สาวก็เรียนด้านเภสัช เขาก็อยากเรียนให้เก่ง แต่เรียนอย่างไรก็ไม่เข้าใจสักที..

            หัวของเขาคงจะมีแต่ขี้เลื่อยอย่างที่พ่อว่านั่นหละ

            “จังหวะนี้.. เข้าไปแล้วครับ.. สุดยอดเลย.. เป็นหลอกที่ร้ายกาจมากครับ” เมื่อได้ยิน เขาก็เร่งฝีเท้าไปหน้าจอที่ทีวีของร้านขายของชำ

            แล้วภาพที่เขาได้เห็นก็คือชายหนุ่มในชุดสีดำขริบแดงของทีมเยือน วิ่งเหยาะๆกลับมาที่แดนตัวเองโดยมีเพื่อนร่วมทีมมาดีใจด้วย         

            แล้วก็ฉายภาพรีเพลย์ ร่างปราดเปรียววิ่งไปข้างหน้า จังหวะเท้าที่เลี้ยงบอลเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้เขาวิ่งทิ้งคู่แข่งที่ไล่ตามมาจนหมด

            ดังกับนกที่เหินลมอย่างเสรี.. เทพพร.. โป้ง.. ทำไมพี่เขามีความสุขนัก..

            “พี่เขามีความสุขมากเลย..” เด็กชายกล่าวออกมา

            “ก็เพราะพี่เขาได้ทำในสิ่งที่รักไงหละ” เสียงหนึ่งดังจากข้างตัว

            เด็กชายหันไป เขาตาโต.. เขาจำชายคนนี้ได้แม่นยำ.. การุณ วิจิตรประสงค์กุล อดีตนักบาสเกตบอลทีมชาติไทย  เขาอยู่ในชุดวอร์มแสดงว่าพึ่งเสร็จจากการออกกำลังกายเหมือนกัน

            “ถ้าคนเราได้ลองทำในสิ่งที่เรารัก เราก็จะรู้สึกเป็นสุข.. ก็เหมือนกับที่เธอเล่นบาสคนเดียวได้เป็นชั่วโมงนี่อย่างไร..”

            เด็กชายค่อนข้างแปลกใจ

            “พี่เห็นเราเล่นอยู่คนเดียว.. นึกอยากจะเข้าไปเล่นด้วยนะ แต่ดูเหมือนเราจะมีอะไรในใจเลยคิดว่าปล่อยให้เล่นไปคนเดียวดีกว่า..” ชายหนุ่มอธิบายแล้วยิ้ม

            “พี่กำลังจะฟอร์มทีมบาส.. สนใจไหมหละ..”

            เด็กชายมองลูกบาสเก็ตบอลที่ใส่อยู่ในถุงเนตในมือ

            “แต่พ่อคงไม่ชอบ” เขากล่าวออกมาเสียงเศร้าๆ

            “ก็ลองคุยกับท่านดู.. ไม่อย่างนั้นก็คุยกับผู้ใหญ่คนอื่นที่เข้าใจเรา.. ให้ช่วยคุยกับพ่อให้” แล้วชายหนุ่มก็ตบบ่าเด็กชาย

            “พี่เป็นครูอยู่ที่นวสาครนะ ถ้าอยากเล่นก็ไปหาพี่ที่นั้น.. พี่ชื่อ”

            “พี่การุณ..ผมชื่อ แอร์ครับ” เด็กชายตอบออกมาเสียก่อน

(ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้นิดเดียว เพื่อปูพื้นฐานเรื่องใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างพล๊อตครับ นี่จะเป็นงานเขียนเกี่ยวกับกีฬาเรื่องใหม่ที่จะเขียนหลังจากจบเรื่องโป้งกับโกลแล้ว.. วางชื่อไว้คร่าวๆว่า “Air Walker.. เหินฟ้าล่าฝัน” เรื่องนี้วางไว้ว่าพระเอกของเราจะมีความสามารถของอดีตยอดนักบาสเก็ตบอล ไมเคิล จอร์แดน คือท่า Air Walk ที่อัศจรรย์.. แต่คงจะพล๊อดนานหน่อย เพราะผมเป็นแค่ผู้ชมบาสเก็ตบอล ไม่ค่อยได้เล่นจริงๆ ต้องขอเก็บข้อมูลนานนิดหนึ่ง ซึ่งก็พอดีกับเรื่องโป้งจบนั้นหละครับ)


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 23-01-2016 10:43:26
แมทช์แรก ขอให้ชนะนะโกลโป้ง สุดยอด!
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 23-01-2016 10:53:10
ฟินมากเลย...เชียร์ โป้ง โกล  :mc4: สู้สู
บรรยายได้เห็นภาพเหมือนนั่งติดข้างสนาม จากที่เฉยๆเริ่มจะชอบฟุตบอลขึ้นมาแล้วซิ  :o8:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-01-2016 11:26:37
 o13 o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 25-01-2016 09:05:40
ตอน ก้าวย่างของนักเตะอาชีพ..


             

             เข้าสู่ครึ่งหลังทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ก็ส่งตัวรุกลงมาเพิ่มอีกสองคน เพื่อยิงประตูให้คืนได้ แต่แทนที่เซบาสเตียนจะเปลี่ยนตัวรับลงไป เขากับส่งตัวรุกอย่าง ลี กอร์ดอนลงมาแทน  ทำให้เป็นการเปิดเกมแลกกันระหว่างสองทีมแห่งลอนดอนในศึกลอนดอนดาร์บี้แม็ตท์

            ปกติโกลจะนับว่าเขาเซพประตูไปกี่ครั้งแล้ว แต่นัดนี้การนับก็เริ่มจะไร้ประโยชน์

            ช่างแม่ง.. แล้วโกลก็กระโดดทุบลุกยิงที่โค้งข้ามกำแพงมนุษย์ของเพื่อนร่วมทีมกระดอนออกไป

            ไม่นับแม่งแล้ว...

            “กำแพงเหล็กแห่งสยาม..” แดนเนียล คาร์เตอร์กล่าว เขาได้ยินสมญานี้มาจากทีมนารา สมกับสมญานามนี้จริงๆ

           

            เวลางวดเข้าสู่ช่วงท้ายเกมแล้ว เซบาสเตียนเตรียมจะเก็บโป้งไว้สำหรับนัดต่อไป แต่ระหว่างที่เขากำลังปรึกษากันอยู่นั้นเอง

            เสียงนกหวีดยาว แล้วก็เกิดความวุ่นวายขึ้น

            เมอร์ลีนรีบวิ่งจากกลางสนามไปลี กอร์ดอน ที่ทำท่าฮึดฮัดจะเอาเรื่องคนที่พุ่งเข้าเสียบเขาด้วยสองเท้า

            แต่ยังดีที่โป้งเห็นก่อนเลยขวางเอาไว้

            “ใจเย็นเพื่อนใจเย็นๆ” โป้งกางมือขวางไว้ด้วย เพราะลี กอร์ดอนและกองหลังของสเปอร์ตัวโตกว่าเขาทั้งคู่ทำให้เป็นภาพที่น่าขันอยู่เหมือนกัน เพราะโป้งตัวนิดเดียวแต่ยืนห้ามยักษ์สองตนกำลังทะเลาะกัน

            “จะเปลี่ยนเลยไหมครับ” ผู้ช่วยถามกับเซบาสเตียน

            เซบาสเตียนยกมือห้ามไว้

           

            โป้งยืนอยู่หลังลูกบอล ยืนท้าวสะเอวมองทีมคู่แข่งจัดกำแพง

            พอทุกอย่างเข้าที่ กรรมการก็เป่านกหวีด

            โป้งวิ่งเข้าหาลูก.. แต่แล้วพอถึงลูกบอล เขากลับวิ่งข้ามไป

            กำแพงของท๊อตแน่มไม่หลงทาง ยืนปักหลักรอ

            ลี กอร์ดอนวิ่งตามมาแล้วก็ง้างเท้า.. แต่พอจะโดนลูกเขากลับเตะไปข้างๆ

            หลอกสองชั้น

            ลูกบอลไปถึงโป้งที่วิ่งหลอกแล้วไปยืนอยู่ไม่ห่างไป เขาเตะลูกดัวยเท้าซ้ายส่งลูกบอลทะยานโค้งขวาข้ามหัวกำแพงที่แตกตัวเพราะความสับสน

            “บ้าชะมัด..ไอ้เด็กนี่” ผู้รักษาประตูพุ่งออกไปหมายจะป้องกัน

            มือของเขาถึงระยะของลูกฟุตบอล.. ทว่า.. ลูกบอลไม่ใช่แค่โค้ง แต่ยังมุดลงด้วย..

            ลูกบอลจึงลอดไปใต้มือของผู้รักษาประตูเจ้าบ้าน มันกระแทกพื้นหลังเส้นประตู แล้วกระดอนไปกระทบตาข่ายทำให้กระพือไหวไปทั้งผืน..

            เหมือนดังอัฒจันทร์ฝั่งทีมเยือนที่เกิดการกระเพื่อมไหวเพราะแฟนบอลThe White Crow กระโดดโลดเต้นส่งเสียงดีใจอย่างลิงโลด..

            เซบาสเตียน บัลเดอร์กอดอกพอใจ..

            จบเกม.. เสียงเฮเป็นของฝ่ายทีมเยือน ด้วยประตูชัยทั้งสองลูกของโป้ง เทพพร..

           

          ที่สุดสองหนุ่มก็ตัดสินใจย้ายของออกจากอพาร์ทเม้นเก่าที่สองคนอยู่มาตั้งแต่มาถึงลอนดอนเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ เดวิด โอเลียร์ลี่ เอเจนซี่ที่ดูแลพวกเขาต่อจากสุขีหาให้

            สำหรับโกลกับโป้ง ตอนนี้พวกเขาคือนักเตะพรีเมียร์ชิพอย่างเต็มตัว แม้สามฤดูกาลที่ผ่านมาเทมส์ไซด์จะยังไม่ได้แชมเปี้ยนในรายการใดๆ แต่พวกเขาก็ทำผลงานได้ดีฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ ก็จบด้วยตำแหน่งที่สิบ ฤดูกาลที่สองอันดับดีขึ้นมาเป็นที่หก และในฤดูกาลที่ผ่านมาสร้างความประหลาดใจด้วยการจบด้วยอันดับสี่ ได้สิทธิไปแข่งยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก รายการฟุตบอลสโมสรถ้วยสูงสุดของยุโรป   

     และก็เช่นกันสัญญาใหม่ของพวกเขาที่มาทดแทนสัญญาฉบับเดิมค่าเหนื่อยของพวกเขาจึงเพิ่มจากเดิมราวๆ 4800 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยโป้งได้ค่าแรงที่ 39000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ส่วนโกลได้ที่ 29000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

            และด้วยค่าแรงที่เพิ่มขึ้นทำให้พวกเขาตัดสินใจเช่าบ้านหลังที่มีบริเวณเพื่อความเป็นส่วนตัว และอยู่ห่างจากศูนย์กลางกรุงลอนดอนที่แออัด ซึ่งแม้จะไกลออกมาแต่ก็มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่เดิมและเป็นชุมชนที่น่าอยู่ใช้ได้และให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี

            โกลอ่านนิยายแนวสืบสวนที่เขาชอบอยู่ มองไปอีกทีก็เห็นโป้งยังคงเล่นฟุตบอลร่วมกับเด็กท้องถิ่นวัยแปดเก้าขวบอย่างสนุกสนานในลานกีฬาของท้องถิ่น

            ถ้าจะนับจากวันที่พวกเขาก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพ นี่ก็เกือบเจ็ดปีแล้ว แต่โป้งยังคงเป็นไอ้โป้งคนเดิมที่ร่าเริงและตื่นเต้นอยู่เสมอ  ยังชอบใช้เวลาในวันหยุดกับฟุตบอลอย่างไม่เบื่อหน่าย

            ซึ่งโกลคิดว่ามันคงขาดใจตายถ้าหากไม่ได้อยู่กับฟุตบอล เพราะแม้ปีก่อนที่โป้งเจ็บไปเดือนเต็มๆ โป้งก็ยังอุตส่าห์ซ้อมทักษะที่ตัวเองขาดคือเล่นลูกบอลด้วยหัว.. นั่นเองกระมั้งที่ทำให้โป้งซึ่งเป็นผู้เล่นแนวรุกแต่ไม่ได้เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า เป็นรองดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก

            ส่วนโกล เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน.. หรือพัฒนาไปหรือเปล่า.. แต่ก็คงจะต้องเก่งขึ้นเพราะปีที่แล้วเขาเป็นผู้รักษาประตูที่มีสถิติClean Sheet มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก และประเทศอังกฤษ

            โกลถอนหายใจแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ แต่สักครู่ใหญ่ก็ถูกขัดจังหวะเพราะกลิ่นเหงื่อกับเสียงที่ดังรอบตัว

            พอเงยหน้าก็เห็นโป้งกับเด็กๆหลายคนมายืนล้อมเขาอยู่

            “โกล.. กูสัญญากับเด็กๆว่าจะพาไปเลี้ยงถ้าหากแพ้.. แล้วกูแพ้เด็กๆ” โป้งกล่าวทั้งเหงื่อเต็มหน้า

            โกลขมวดคิ้ว

            “มึงเนี่ยนะแพ้เด็ก..” โกลถามย้ำ

            “เออ.. สิเด็กๆเขาเก่งนะ.. กูเล่นสู้ไม่ได้เลย” โป้งหัวเราะแล้วเอามือวางบนหัวเด็กคนหนึ่ง

            โกลถอนหายใจ..

            “เอาๆ ไป.. ร้านใกล้ๆแถวนี้ ก็พอนะ.. ไปไกลไม่ไหวหรอก.. หลายคนจัด” โกลตอบเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เด็กๆฟังกันรู้เรื่อง

            พวกเขาจึงพร้อมใจกันเฮ รวมทั้งนายโป้งด้วย

 

            ในร้านอาหารท้องถิ่น โกลรู้สึกเหมือนตัวเองพาเด็กทั้งโขยงมานั่งกินอาหารกันเพียงลำพัง เพราะเจ้าโป้งก็กลายเป็นเด็กไปด้วยอีกคนหนึ่ง

            “พวกคุณน่ารักจังเลยนะครับ” พนักงานเสริพกล่าวเมื่อเข้าเช็คบิล

            โกลมองหน้าตอนนับเงินตามจำนวนที่แสดง

            “พาเด็กๆมาเลี้ยงทุกเดือนเลย.. คราวนี้ในโอกาสอะไรครับ”

            “นายโป้งเขาเล่นฟุตบอลแพ้เด็ก” โกลตอบแล้วเอาใส่แบงค์เพิ่มไปจากจำนวนเพื่อเป็นทิป

            “ได้ยังไงกัน” พนักงานเสริพหนุ่มเอามือทาบอก เขาเป็นเกย์แสดงออก

            “มิสเตอร์โป้งที่ปราบมากองหลังมาแล้วเกือบทุกทีมในลีกนี่เหรอครับ..”

            โกลหันไปมองโป้งโดนเด็กรุมล้อมแกล้งอย่างสนุกสนาน

            “สกิลมันลดลงเกินครึ่งเวลาเจอเด็กๆ” โกลตอบแล้วก็ยิ้ม

            พนักงานหนุ่มมองแววตาของโกลแล้วก็ยิ้มบ้าง

            ถึงแม้จะไม่เปิดเผย แต่โกลกับโป้งก็มีชีวิตด้วยกันอย่างสนิทสนม.. ชายหนุ่มเชื่อว่าหลายคนรอบตัวเขาน่าจะทราบ

            แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังต้องแอบภาวนาให้เขาสองคนไม่โดนสื่ออังกฤษขุดคุ้ย.. พวกเขาช่างน่ารักกันเหลือเกิน.. ถ้ามีอะไรทำให้ทั้งสองมีปัญหา เขาคงพลอยเศร้าใจไปด้วย..

 

            แต่ปีนี้ฤดูกาลของพวกเขาเริ่มต้นเร็วกว่าทุกปี.. ไม่ใช่แค่เพราะต้องแข่งรอบคัดเลือกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก แต่เพราะหน้าที่ในฐานะทีมชาติไทยเรียกร้องให้พวกเขากลับไปทำหน้าที่

            ป้อมเพชรนั่งดูการถ่ายทอดสดนัดนี้เพียงลำพังในห้องคอนโดมิเนียม

            “เข้าไปแล้วครับ.. ปรเมศวร์ยิงอย่างสุดสวยจากการเปิดเข้ามาของเทพพร.. เป็นการประสานงานกันอย่างยอดเยี่ยมของอดีตเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน.. นี่ขนาดไม่ได้เล่นด้วยกันนาน แต่สบตาก็รู้ใจจริงๆ” ผู้บรรยายออกเสียงอย่างตื่นเต้น

            ป้อมเพชรมองภาพลูกทีมเก่าของเขาด้วยหัวใจที่เต็มตื้อ.. โป้งกับโกลไม่ต้องพูดถึง.. ว่าระดับของเขาก้าวไปไกลขนาดไหน ปอก็พิสูจน์ตัวเองในเจลีกด้วยเป็นการติดหนึ่งในสามดาวซัลโวสูงสุดของลีก อัครทำประตูได้มากใด้มากในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกแม้จะยังอยู่ใต้ร่มเงาของบรรณกับท๊อปคู่ศูนย์หน้าของทีมแชมป์ปีที่แล้วภูเก็ต ยูเนี่ยน ซึ่งก็เป็นทีมที่มีวู๊ดกับตั้มเป็นผู้เล่นตัวสำค้ญเช่นกัน..

            ภาพเก่าๆที่เห็นพวกเขาหยอกล้อกันในห้องแต่งตัวยังคงเป็นความทรงจำที่ดี.. ตอนนั้นพวกเขายังเด็กกันมาก แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งและเก่งกาจกว่าตัวป้อมเพชรเองเสียอีก..

            ความภาคภูมิใจสูงสุดของความเป็นครู คือการเห็นลูกศิษย์ก้าวหน้าไปยิ่งกว่าตนเอง.. วันนี้ป้อมเพชรได้ประจักษ์แล้ว...

 

            เสียงเชียร์ที่สะท้านทรวงของแฟนบอลของยอดทีมแห่งอิตาลีดังสนั่นหวั่นไหว

            จูเวนตูส สเตเดียม สังเวียนใหญ่แห่งเมืองตูรินกึกก้องไปด้วยเสียงของกองเชียร์ที่เข้ามาแออัดกันเต็มความจุของสนาม ธงสีขาวสลับดำของจูเวนตูส ทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งของอิตาลีโบกสะบัด

            “เทมส์ไซด์ พึ่งจะปฏิเสธข้อเสนอของทีมใหญ่ๆ ที่ยื่นให้สำหรับเทพพร ราวๆ ยี่สิบแปดล้านยูโร ส่วนโกลที่สิบแปดล้านยูโร พวกเขาบอกว่าสองคนนี้มีความสำคัญกับทีมมาก” ชายวัยสี่สิบปีกล่าวกับชายอีกคน สองคนนี้คือผู้บริหารของทีมชั้นนำทีมหนึ่งในพรีเมียร์ลีกที่ติดตามมาดูฟอร์ม

            “แปลว่าถ้าเราต้องการเขาย้าย ก็ต้องเสนอมากกว่านั้นสินะ”

            จูเวนตูสเป็นทีมใหญ่ที่มีเกียรติประวัติยาวนานของลีกกัลโช่ ซีเรียอาร์ แห่งอิตาลี  ที่นี้คือบ้านของพวกเขา และเจอกับเทมส์ไซด์ที่เป็นทีมเล็ก แน่นอนคำว่าปรานีปราศรัยจึงไม่มี

            ด้วยตัวผู้เล่นสุดยอด พวกเขาเดินเกมรุกอย่างกับพายุ โจมตีเข้าใส่เทมส์ไซด์อย่างหนักหน่วงเหมือนเป็นการรับน้องใหม่ให้แก่ทีมที่พึ่งได้สัมผัสกับเกมในระดับยุโรปในสมัยใหม่เป็นครั้งแรก

            แต่การวางหมากของเซบาสเตียนก็เป็นไปอย่างรัดกุม ทำให้แม้จะมีการถ่ายเทลูกบอลไปอย่างแม่นยำและรวดเร็วเพียงไร ก็ยังไม่สามารถเจาะเกมรับของเทมส์ไซด์ แม้ผ่านไปได้ ปราการเหล็กแห่งสยามก็จัดการได้ไม่ยากเย็น

            และเมื่อทำประตูไม่ได้ และเสียงเชียร์เริ่มกลายเป็นการกดดัน.. กองกลางหนุ่มของทีมแห่งตูรินก็ผิดพลาดเสียเอง

            โป้งบังทางของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถจ่ายลูกบอลไปในทิศทางที่ต้องการ เลยต้องเปลี่ยนใจหันไปเตะออกไปด้านขวาที่เขาคิดว่าโล่งกว่า

            แต่จังหวะที่เขากำลังจะเตะ โป้งก็เขามากดดันด้วยการเข้ามาจะแย่งลูก หนุ่มวัยเท่ากันกับโป้งจึงต้องรีบออกบอล..

            แต่ลูกที่เขาเตะมันสั้นเกินไป.. โซล คันนิ่งเกอร์ กองกลางตัวรุกจับทางได้ วิ่งเขามาตัดทางของลูกบอลแล้วพามันวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

            โซล คันนิ่งเกอร์ มีความเร็วพอสมควร จึงพาลูกไปผ่านวงกลมกลางสนามมาได้อย่างไม่ยากเย็น ทว่าข้างหน้าเขามีกองหลังชองจูเวนตูสขวางอยุ่ โซล คันนิ่งเกอร์ ทำท่าจะเลี้ยงบอลไปทางด้านขวา แต่กลับก้าวข้ามลูกบอลแล้วตอกส้นไป

            ลูกบอลที่กลิ้งมาคือเป้าหมายของผู้เล่นแนวรุกหนุ่ม เขาเตะมันออกไปข้างหน้าด้วยน้ำหนักพอดีกับจังหวะเท้า สร้างการเลี้ยงบอลที่รวดเร็วแต่ไม่ห่างตัวเกินไปจนทำให้คู่ต่อสู้ที่พยายามจะเขาสกัด ไม่กล้าเข้าพลีพลามแย่งเพราะกลัวเป็นการฟาลว์

            รวดเร็วและปราดเปรียว พริบตาก็ถึงเส้นหลัง โป้งเหลือบตาทีเดียวเห็นเพื่อนอยู่ในตำแหน่งแล้ว เขาจึงเตะลูกโด่งโค้งขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษ

            ฮัน อาริเย่ห์ ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสของเทมส์ไซด์ กระโดดโถมตัวโหม่งเต็มหัว

            ผู้รักษาประตูตั้งหลักได้ ก็บล็อกไว้ด้วยสองแขน แต่แรงของลูกทำให้มันกระดอนไปด้านช้ายของสนาม

            โป้งที่วิ่งตามเข้ามา แตะรับลูกบอลอย่างมั่นคง

     ตัวกองหลังริมเส้นด้านขวาของทีมคู่แข่งก็รีบพุ่งเข้ามาล้มตัวสกัด

            แต่เท้าของโป้งเร็วกว่า เขาเตะลูกออกไปข้างหน้าให้มันพ้นจากการสกัดแล้ว แล้วเขาก็กระโดดข้ามตัวของกองหลังที่ล้มตัวอยู่ไป

            ตรงนี้เป็นจุดที่ยิงได้ยาก.. เพราะเป็นจุดที่เรียกว่ามุมแคบแถมมีผู้รักษาประตูขวาง แต่โป้งก็ตัดสินใจ..

            เขาวางเท้าขวาเป็นหลักแล้วตวัดเท้าซ้ายยิงทันที

            ด้วยความแรงและระยะที่ใกล้.. ลูกบอลจึงผ่านมือของผู้รักษาประตูเข้าไปกระแทกตาข่ายในประตูอย่างรุนแรง

            โกลแม้จะมองอยู่จากระยะไกลก็ยังอดแสดงอาการดีใจไม่ได้  เจ้าโป้งของเขาทำประตูแรกในแชมเปี้ยนส์ลีกได้แล้ว...

 

            จุ๊ยถือสะพายกล่องแซกโซโฟนออกมาจากโรงมหรสพที่เขาพึ่งจะเสร็จจากการแสดง ในฐานะนักดนตรีฝึกหัดของวงออเครสตร้าระดับโลกแห่งกรุงลอนดอน เขาจึงทุ่มเทกำลังไปเกินร้อยสำหรับการแสดงของเขา

            แต่กระนั้นเมื่อแยกกับชายหนุ่มชาวฮ่องกงที่เป็นเพื่อนร่วมวงแล้ว เขาก็รีบเอาโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูผลฟุตบอล เพราะวันนี้เป็นวันที่มีรายการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก

            เขาโปรแกรมทวีตเตอร์ แล้วรีบเลื่อนหน้าจอจนกระทั้งเจอข่าว..

            รูปโป้งที่วิ่งกำลังเตะลูกอยู่หน้าประตูและแคปชั่นที่ว่า

            เทพพรยิงสองประตูสุดสวย เทมส์ไซด์ชนะสองประตูต่อศูนย์..

            จุ๊ยยิ้มออกแล้วก็เดินผิวปากเป็นเพลงคลาสสิกที่ติดปากอย่างสบายใจ..

 

            โกลสะดุ้งขึ้นสุดตัวเพราะโป้งตะโกนออกมาด้วยเสียงดัง..

            แต่พอลุกขึ้นมาปรากฏว่าไอ้ตัวแสบมันละเมอ เขาจึงส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ..

            คงเพราะฝันแฟนตาซีไปตามเรื่องของมันทำให้มันนอนดิ้นจนผ้าห่มหลุด โกลเลยจัดท่านอนให้ใหม่แล้วก็ห่มผ้า

            ก็สมควรแล้วจะเหนื่อย เพราะโปรแกรมช่วงคริสมาสต์ต่อปีใหม่ที่เรียกได้ว่าโหดทมิฬของพรีเมียร์ลีกพึ่งผ่านไป แล้วไอ้โป้งก็ลงเป็นตัวจริงทุกนัด จนกระทั้งนัดสุดท้ายที่โกลพึ่งจะได้เห็นความเหนื่อยอ่อน นี่ถ้าไม่ใช่ไอ้บ้าพลังนี่ ก็คงง่อยเปลี้ยไปแล้ว

            โกลเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วลงมาเปิดประตูบ้านเพื่อหยิบหนังสือพิมพ์และนมสดที่วางไว้คู่กันอย่างมีระเบียบเพราะคนส่งเป็นเจ้าเดียวกัน

            “ลือหนัก.. ทีมยักษ์ทุ่มสิบห้าล้านแย่งตัวเทพพร” นั่นหัวแรก

            “บาร์ซ่าเสนอสิบล้านหวังดึงกรกฏเฝ้าเสา” นั่นหัวที่สอง

            โกลกับโป้งเป็นข่าวอย่างนี้มาโดยตลอดตั้งแต่พวกเขาเริ่มต้นปรับตัวจนเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้ แต่ข่าวก็ไม่ใช่ไร้สาระซะทีเดียว.. จริงๆเอเจนซี่ก็มักจะแจ้งข่าวแบบนี้เข้ามาก่อนหน้าหนังสือพิมพ์จะทราบ แต่ที่พวกเขายังไม่ได้ย้ายไปไหนเหตุผล หนึ่งคือเซบาสเตียน บัลเดอร์ไม่ต้องการขายพวกเขาไป และสองคือพวกเขาก็ยังไม่ได้อยากย้าย

            เสียงกดกริ่งเรียกโกลกลับมาจากห้วงความคิด

            เขาลุกไปเปิดประตู

            “มิสเตอร์โกลดี้” เด็กชายทักด้วยรอยยิ้ม เขาคือเด็กชายริชาร์ต หนึ่งในเด็กที่มักจะเล่นกับโป้งบ่อยๆ

            “ไฮ รีชชี่” โกลไม่ลืมจะย่อตัวลง เพราะรู้ดีว่าความสูงของเขามักจะทำให้เด็กต้องเงยมองจนเมื่อยคอ

            แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆอีกคน

            “มีสเตอร์โกลดี้ คุณพ่ออยากจะชวนคุณไปร่วมงานของชุมชน”

            โกลเงยหน้ามองบิดาของเด็กชาย เขามีดวงหน้าแบบผู้ชายอังกฤษทั่วไป แต่ยิ้มอย่างสดใส

            “พวกเขาจะจัดงานประจำปีของชุมชน ที่จัดทุกปี.. ก็คงจะเป็นงานแฟร์เล็กๆ วันอาทิตย์นี้หละ..”

            โป้งมองปฏิทินแล้วตักไข่เจียวหมูสับคำใหญ่ใส่ปาก

            อาทิตย์นี้.. มีโปรแกรมเอฟเอคัพ แต่โป้งกับโกลได้พักเพราะเซบาสเตียนบอกว่าจะจัดชุดเด็กลงเนื่องพบกับทีมจากลีกระดับต่ำกว่าถึงสามขั้น แถมเป็นที่คราวน์ ราเวนด้วย พวกตัวจริงที่กรำศึกมานานอย่างโกลที่เป็นผู้รักษาประตูตัวจริงลงสนามทุกนัดอยู่แล้ว และโป้งที่แนวรุกตัวหลักของทีมจึงได้พัก จะมีก็แค่บางคนที่อย่างเช่นกัปตัน และอีกสองสามคนที่ต้องไปลงสนามและจะได้พักในนัดต่อไป

            “ก็เอาสิ.. น่าสนุกดี..” โป้งตอบแล้วก็ยิ้มด้วยแววตาซุกซนเป็นประกาย

            “อืม.. แต่เขาขอให้เราลงสนามเล่นบอลด้วย กูเลยโทรไปถามโค้ช โค้ชอนุญาตแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น เขาก็โอเค” โกลตอบมือก็เช็ดทำความสะอาดบริเวณเตาที่โป้งทำเลอะเอาไว้ตอนทอดไข่

            “โทรไปชวนซัตตันด้วยสิ มันก็ได้พักนี่ โทรไปเรียกมันมาดีกว่า มันฮาดี และมันคงชอบงานแบบนี้ด้วย” โป้งว่า แล้วกล่าวถึงซัดตัน ศูนย์หน้าวัยเดียวกับพวกเขาที่ถือเป็นสหายสนิท ซึ่งปีที่แล้วก็ยังชวนกันไปท่องยุโรป

           

            งานประจำปีของชุมชนเป็นงานรื่นเริงภายในที่จะจัดขึ้นทุกปี โดยจะมีการละเล่นที่ชาวบ้านในชุมชนและชุมชนใกล้เคียงร่วมกันมาจัด มีการออกร้านขายของแบบพื้นบ้าน และมีปาร์ตี้ดื่มเลี้ยงอาหารสนุกสนาน.. ซึ่งโป้งกับโกลก็สมทบทุนด้วยเงินจำนวนมากพอจะเพิ่มประมาณและคุณภาพอาหารได้

            พอมีโป้งกับโกล และยังมีซัดตันที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพมีชื่อเสียงมาร่วมชาวบ้านก็ดูจะตื่นเต้นกัน

            ซัดตัน ทามเมอร์ เป็นคนผิวดำ แต่เขามีอุปนิสัยตลกและมีบุคลิกคล้ายดาราตลกอเมริกันชื่อดังทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ มุกส่วนใหญ่ของซัดตันจะเป็นการแซวโป้งที่เรียกเสียงหัวเราะให้คู่สนทนาอย่างดี เพราะซัตตันรู้ดีว่าโป้งเป็นคนคิดอะไรช้า และมักไม่ทันสิ่งที่เขาพูดจึงอำไปได้เรื่อยๆ และโป้งมันก็ไม่ถือสาเสียด้วย

            ส่วนโกลกำลังเล่นหมากรุกกับพวกผู้ใหญ่ เงยหน้าหันไปก็เห็นโป้งโดนซัดตันอำโดยมีเด็กๆหัวเราะกันครื้นเครง ใบหน้าโป้งตอนงงมันก็น่าขบขันจริงๆนั้นหละ และยิ่งเวลาอยู่ท่ามกลางเด็กๆเขาก็ยิ่งดูราวจะถอยกลับไปวัยเดียวกัน

            แล้วก็มีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมสมัครเล่นของชุมชน และทีมกึ่งอาชีพ เดมเดซี่ เอฟซี ที่เป็นทีมในดีวิชั่นสิบที่อยู่ภายในชุมชน

            โป้งลงสนามแค่ยิ่สิบนาทีก็จริงแต่ ก็จ่ายบอลให้กับทีมสมัครเล่นไปยิงประตูได้หนึ่งลูก และซัตตันยิงหนึ่งลูก ส่วนโกลยืนเป็นผู้รักษาประตูกระทั้งจบครึ่งแรก

            “ยิง.. ยิงเลย” โป้งแสดงอาการลุ้นเหมือนปกติที่เวลาเขานั่งอยู่ม้านั่งสำรอง ซัตตันเห็นแล้วก็ส่ายหัว

            “โป้งนี่มันตื่นเต้นไปได้ทุกเรื่อง” ซัตตันกล่าว

            โกลยิ้ม

            “พวกคุณเป็นกันเองมาก ดีใจจริงๆที่ได้พวกคุณมาร่วมงานชาวบ้านชอบใจกันมาก” คนที่กล่าวเป็นเหมือนผู้แทนชุมชน เขาเป็นนักการเมืองระดับชาติคนหนึ่ง วิลเลี่ยม แทต นักการเมืองหัวก้าวหน้าที่มีบุคลิกแข็งกร้าวในสภาอังกฤษแต่กลับมีบุคลิกอ่อนโยนนอกสภา วิลเลี่ยม แทตเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากชาวอังกฤษว่ามีจุดยืนเรื่องสวัสดิการสังคม และมนุษยธรรม แต่คนในรัฐสภาอังกฤษชอบมองเขาเป็นแกะดำ

            “พอดีไม่มีโปรแกรม เราก็เลยมาได้.. แต่ปีหน้าไม่รู้จะได้มาร่วมไหม.. งานสนุกๆอย่างนี้พวกเราได้มาร่วมก็รู้สึกดีมากเช่นกันครับ” โกลตอบ

            “เข้าๆ เข้า” โป้งร้องออกมาแล้วลุกขึ้นยืนชูมือ

            “นี่นายเชียร์ใครกันแน่โป้ง” ซัตตันถามเพราะไม่ว่าใครจะยิงประตูโป้งก็แสดงอาการดีใจกับเขาไปด้วย

            “ก็ทั้งสองทีม.. ใครยิงได้ก็ต้องดีใจใช่ไหมหละ..” โป้งตอบ

            “นกสองหัวเอ้ย” ซัตตันส่ายหัว

            “ไม่ใช่ซะหน่อย..” โป้งทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กโดนขัดใจ

            “ฟุตบอลเป็นกีฬานะ.. ดูให้สนุกก็ต้องดูที่การทำประตู การเล่นของนักกีฬา ฉันไม่ได้เชียร์ใครเพราะฉันเชียร์ฟุตบอล”

            ผู้แทนแทตนิ่งไปนิดหนึ่งกับคำตอบของโป้ง

            “คุณรักฟุตบอลมากเลยสินะ” แทตถาม

            โป้งหันมายิ้ม

            “ครับ..” โป้งตอบ

            “มันสนุกที่สุดในโลกเลย”

 

            “ไม่ต้องก็ได้ พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” แม่บ้านรายหนึ่งกล่าวขึ้นแล้วจะแย่งถุงเก็บขยะมากจากโป้งและโกล

            “ให้พวกเราทำเถอะครับ” โกลกล่าวก่อนจะหันไปไปเก็บขยะ

            “พวกเราไม่ใช่แขกซะหน่อย.. พวกเราเป็นคนในชุมชนนะครับ” โป้งตอบแล้วก็ยิ้ม

            เหล่าแม่บ้านหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ทุกคนก็ยิ้มออกมาแล้วหันไปทำงานของตน เพื่อทำความสะอาดบริเวณสวนสาธารณะของชุมชนที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน

 

           
            กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากหน้าหนาวก็ไปสู่ใบไม้ผลิ... ฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกก็เวียนเข้าสู่ช่วงปลายแล้วเช่นกัน

            เซบาสเตียนมองไปในสนาม ตอนนี้โกลกระโดดขึ้นรับลูกยิงจากฝั่งตรงข้ามไว้ได้ติดมือและกำลังจะมองไปข้างหน้าเพื่อขว้างเปลี่ยนเกม

            ตอนนี้พวกเขาตกรอบยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกไปเรียบร้อย แต่ก็นับว่าทำได้ดีเกินคาด เพราะผ่านเข้าไปถึงรอบสิบหกทีม และแม้จะพ่ายให้ทีมยักษ์ใหญ่แห่งโปรตุเกสไปหวุดหวิดก็นับว่าดีแล้วสำหรับการเล่นในปีแรก

            ปีนี้พวกเขาอยู่ที่สาม มีคะแนนตามหลังทีมอันดับหนึ่งอยู่ห้าแต้ม แต่ทิ้งอันดับสามอยู่ถึงเจ็ดแต้ม.. โอกาสจะเข้าไปเล่นถ้วยยุโรปอีกก็เรียกว่าสดใสมาก เพราะนี่ก็เหลือนัดการแข่งขัดอีกแค่สี่นัดเท่านั้น

            แต่สิ่งที่เซบาสเตียนหนักใจนั้นมีสองอย่าง คืออย่างแรกผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรกำลังจะขายหุ้นให้นักธุรกิจจากเอเชีย และสองคือสัญญาของโป้งกับโกลจะหมดลงในช่วงปิดฤดูกาลนี้

            เพราะตอนที่เขาทำสัญญากับโป้งและโกล เอเจนซี่ของโป้งและโกลขอสัญญาระยะสั้นเนื่องจากเห็นว่าค่าเหนื่อยที่พวกเขาเสนอได้นั้นน้อยเกินไป แต่เพราะเป็นเจตจำนงของโกลและโป้งที่จะอยู่กับทีมทำให้เอเจนซี่ผู้มากประสบการณ์ต้องยอมรับแต่ก็ขอให้ลดระยะเวลาลงแค่สองปีเท่านั้น

            ตอนนี้ข่าวลือข้างนอกหนักมากๆ เรื่องทีมในอังกฤษเสนอค่าเหนื่อยมหาศาลให้กับโป้งและโกล ว่ากันว่าถึงหลักสิบล้านเลยที่เดียว ซึ่งเป็นมูลค่าที่ทีมอย่างพวกเขาไม่สามารถจ่ายให้ได้

            สำหรับเซบาสเตียน โกลกับโป้งมีความสำคัญต่อความสมดุลภายในทีมอย่างมาก ทีมจะไม่มีวันประสบความสำเร็จเท่านี้หากไม่มีการป้องกันของโกล และคงไม่สามารถล้มทีมอย่างจูเวนตูสในถ้วยยุโรปได้ และยังเอาชนะทีมแกร่งในประเทศได้อีกถ้าไม่มีการทำเกมรุกที่ผลิกผันได้ฉับพลันของโป้ง

            แล้วเสียงเชียร์ก็กระหึ่มขึ้นภายในสนามแอนด์ฟิล.. ไม่ใช่ของกองเชียร์เจ้าถิ่น.. แต่เป็นของเดอะไวท์ โคลว์ เพราะตอนนี้โป้งยิงประตูจากระยะไกลเข้าไป.. เป็นประตูที่สองในเกมนี้ของทีม ทว่าเป็นลูกแรกของโป้งในนัดนี้ แต่เป็นลูกที่ยี่เจ็ดของเขาในปีนี้..

            เวลาในสนามใกล้จะหมด เขาหันไปมองหน้าผู้จัดการทีมจากชาติเดียวกันที่ออกอาการหัวเสียออกมาตะโกนสั่งลูกทีม

            “ขอโทษนะเพื่อนยาก” เซบาสเตียนกล่าวออกมาคนเดียว

            “ฉันขอไปชิงเอฟเอคัพก่อนนะ”


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 25-01-2016 09:43:57
โอ๊ยยย ลุ้นตลอด สนุกสุดๆ
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-01-2016 20:08:12
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-01-2016 20:18:49
ตอนนี้ทั้งคู่ ต้องเล่น U23 ด้วยไหมคะ หรือว่าอายุเกินแล้ว
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 25-01-2016 20:24:13
เข้ามาเชียร์โป้ง โกล   :mc4: ทั้งคู่ก้าวหน้าไปได้เร็วมาก และที่ชอบที่สุดคือทั้งคู่ :n1: มือกันเดินไปด้วยแบบนี้ ไปสู้เส้นทางฝันด้วยกัน สู้ สู้ นะ  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 25-01-2016 22:29:07
ตอน สิ่งที่กูรักที่สุดในโลกไม่ใช่ฟุตบอล



            สนามเวมบลีย์คือสุดยอดสังเวียนแห่งอังกฤษ เพราะที่นี้คือสนามกีฬาแห่งชาติ และเป็นสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ตัดสินฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นั้นคือ FA Cup อังกฤษ ซึ่งเป็นถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถแห่งอังกฤษ

            นัดนี้แฟนบอลจำนวนมหาศาลหลั่งไหลกันเข้ามาภายในสนามที่มีความจุมหึมา 90000ที่นั้ง เพื่อมาเป็นกำลังใจให้กับทีมของตนเองในนัดชิงชนะเลิศนี้

            เสียงเชียร์จึงอื้ออึงและกึกก้องไปทั่วสนามจนโกลไม่ได้ยินเสียงของมิคาเอล วานโชเป้กองหลังรุ่นพี่ที่สนทนากับเขา มิคาเอลเองก็ไม่ได้ยินเสียงต้วเอง เลยถอนหายใจแล้วตบบ่า ในทำนองว่าเอาไว้ค่อยคุยกัน

            คู่ต่อสู้ของเขาคือทีมที่แข็งแกร่งมาก และเป็นอีกทีมที่อยู่ร่วมกรุงลอนดอน

            อาร์เซนอล เจ้าปืนใหญ่แห่งเมืองหลวงนั้นเอง

            ในเกมลีกปีนี้พวกเขากับอาร์เซนอลกินกันไม่ลงเสมอไปแบบไร้สกอร์  แต่วันนี้จำเป็นต้องมีผู้ชนะ..

            โป้งหันมายิ้มให้เขาแล้วหันกลับไป.. ชั่วขณะเดียวเท่านั้น ดวงใจของทั้งคู่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเรี่ยวแรง..

 

            แตกต่างจากฟุตบอลลีก.. นี่คือนัดชิงชนะเลิศ ด้วยความที่ทีมของเขาก็เป็นรองอยู่ ดังนั้นตามศาสตร์ของฟุตบอลยุคใหม่ การตั้งรับเป็นสิ่งที่รับการยอมรับและใช้กันมากสำหรับทีมที่เป็นรอง.. แต่ไม่ใช่เซบาสเตียน..

            เขาเทหมดหน้าตัก.. วันนี้เขาจึงส่งศูนย์หน้าคู่ของเขาลงไปและมีโป้งเป็นตัวรองลงมาจากศูนย์หน้าทั้งสอง

            การเดินเกมเข้าใส่กันของทั้งคู่จึงเป็นอย่างตื่นเต้น และทำให้ในสนามเกิดเสียงฮือขึ้นเป็นระยะๆ เพราะอาร์เซน่อลเองก็เป็นทีมที่เดินเกมรุกได้อย่างตื่นตาตื่นใจ

            เป็นการแลกหมัดกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ สมกับเป็นเกมแห่งศักดิศรีและเดิมพันด้วยถ้วยรางวัลอันเก่าแก่..

            แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีประตูเสียที..

            โกลเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อย และเขาก็เชื่อว่าผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้ามก็เช่นเดียวกัน เพราะนี่ยี่สิบของครึ่งหลังแล้ว แต่สองคนทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กันมาโดยตลอด ทั้งเขาและผู้ร้กษาประตูต้องออกแรงปัด ทุบ รับ และทำทุกอย่างเพื่อป้องกันประตู

            เจ้าโป้งยังคงแพลงฤทธิ์ มันใช้ความเร็ว ความคล่องตัว และความฉลาดในสนามของมันปั่นป่วนแนวรับของคู่แข่งจนต้องวิ่งวุ่น ไม่แพ้กับนักเตะแนวรุกค่าตัวเกือบร้อยล้านตามการตีราคาตลาดของอาร์เซนอลที่เขย่าแนวรับของเทมส์ไซด์

            แล้วโกลก็ต้องทะยานตัวออกไปอีกครั้ง เขาทุบลูกบอลออกหลังไปด้วยกำปั้น

            นี่การป้องกันครั้งที่ยี่สิบของเขาในเกมนี้

            จุ๊ยที่อุตส่าห์เข้ามาชมเกมในสนามถึงกับถอนหายใจเฮือกตอนโกลสามารถปัดป้องลูกยิงสุดสวยของกองหน้าอาร์เซนนอลได้ เช่นกันกับชายหนุ่มที่มาด้วยกัน

            “โคตรเจ็งวะ จุ๊ยเพื่อนมึงแต่ละคน” ชายหนุ่มว่า

            เขาเป็นเพื่อนคนไทยเหมือนกัน เล่นดนตรีเหมือนกัน ชนิดเดียวกันแต่อยู่กันคนละวงชื่อไนส์ ดวงหน้าของเขามีเหงื่อผุด

            “แหง่อยู่แล้ว นวสาครสุดยอด” จุ๊ยได้ทีอวดอ้าง

            “ไม่เก่งเขาไม่ให้จบเว้ย”

            ไนส์ทำหน้าเหม็นเบื่อ

            “”แต่กูจำได้ว่าสองคนนี้เขาไม่ได้จบที่นั้นนะไอ้จุ๊ย เขาย้ายไปภูเก็ตตอนม.ห้า” ไนส์ว่า

            “กูต่างหากต้องคุย.. เด็กภูเก็ตสุดยอดอยู่แล้ว” ที่พูดเพราะเจ้าตัวเป็นคนภูเก็ตนั่นเอง

            “เด็กเชียงรายต่างหากครับ” คนข้างหลังยื่นหน้ามา
            พอหันไปเห็นเป็นดวงหน้าลูกครึ่งผิวออกเข้มคล้ำเพราะเชื้อสายแอฟริกัน

            “โป้งเขาเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับผมที่เชียงราย แต่ผมจบมาก่อน”

            สามหนุ่มมองหน้ากัน ก่อนจะประสานหัวเราะ..

            “สรุปว่าคนไทยเราเก่งแล้วกัน” จุ๊ยกล่าวออกมา

           

            ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสของอาร์เซนอลยืนขมวดคิ้วเครียด

            นี่เขาก็ทำทุกอย่างไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจะเจาะประตูของเทมส์ไซด์ได้

            แถมแต่ละครั้งที่เทมส์ไซด์ได้ลูก เจ้าเด็กเอเชียตัวบางนั่นก็จะพาลูกไปป่วนกองหลังเขาจนอลหม่านไปหมด แถมเกือบยิงประตูได้หลายครั้ง เคราะห์ดีที่ผู้รักษาประตูของเขายังเหนียวแน่น

            แต่ระหว่างใช้สมองขบคิดนั้นเอง

            กองหน้าผิวเข้มของเขาพึ่งจะได้ลูกบอลมาจากกองกลาง แต่พอพยายามวิ่งทะลวงเข้าไป ก็โดนสกัดล้มลงโดยกองหลังตัวเก๋าของเทมส์ไซด์

            “เฮ้” เขาออกเสียงเพื่อจะท้วงกรรมการ

            แต่กรรมการก็เป่านกหวีดตามหลังมาก่อน และชี้ไปที่จุดโทษ

            แย่หละ.. เซบาสเตียนก้าวออกมาจากม้านั่ง เขาหันไปมองสกอร์บอร์ด

            หมดเวลาการแข่งขันไปแล้ว

            เขาหันไปเห็นผู้ช่วยผู้ตัดสินยกป้ายแสดงการทดเวลาแค่สองนาที

           

            โกลหลับตาลง แล้วกำหนดลงหายใจ..

            สมาธิ.. สมาธิ..

            พอเขาลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าผู้เล่นคนที่ล้มลงไปเอาลูกมาตั้งเอง

            ผู้ชมในสนามเต็มไปด้วยความรู้สึกระทึกใจที่แบ่งเป็นสองด้าน.. อยากให้ยิงเข้า และไม่อยากให้ยิงเข้า.. แต่ไร้เสียงจากทั้งสองฝ่ายเพราะความระทึกใจนั้นจุกแน่น บางคนถึงกับกัดเล็บตัวเองอย่างลืมตัว

            ทั้งจุ๊ยและไนส์ก็จับมือกันอย่างลืมตัว แถมปากขมุบขมิบอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาจากวัดทั่วเมืองไทย

            ยอดศูนย์หน้าผิวเข้มของอาร์เซนอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

            กรกฏเป็นสุดยอดผู้รักษาประตูคนหนึ่ง.. สถิติการหยุดลูกจุดโทษของเขาเป็นเลิศ แต่ศูนย์หน้าของทีมเจ้าปืนใหญ่เองก็ใช่ย่อย.. สถิติยิงลูกโทษของเขาคือร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มในฤดูกาลนี้

            เขาวิ่งเข้ามาแล้วตั้งท่ายิงโดยมองเป้าหมายที่มุมบนด้านซ้าย

            แต่ครั้งเมื่อเท่าสัมผัสลูกบอล..ลูกที่พุ่งทะยานไปนั้นไม่ใช่ลูกมุ่งสู่เป้าหมายที่มองแต่อย่างใด.

เป็นการยิงตรงๆแบบวัดใจผู้รักษาประตู..

ลูกบอลเร็วและแรง.. พุ่งไปข้างหน้าอย่างกับจรวด..

หากแต่สิ่งที่รอมันอยู่คืออุ้งมือที่มั่นคงและแข็งแรง..

หมับ.. มันสิ้นฤทธิ์อยู่ในอ้อมกอดที่ราวกับกับดักเหล็กของโกล..

ในขณะที่นั้นเอง..โป้งก็ออกตัววิ่งไป..

โกลก็ขว้างลูกไปหาซัตตัน ทามเมอร์

ซัตตันจับลูกไว้ได้อย่างนิ่มนวลแล้วก็กลับตัวเตะโด่งไปข้างหน้า

ฮันท์ อาริเย่ศูนย์หน้าตัวสูงวิ่งหนีกองหลังที่ประกบเขาออกมาริมเส้นด้านขวา แล้วก็ยังสามารถเบียดเอาชนะจนกระโดดโหม่งลูกบอลที่ลอยเข้ามาให้เปลี่ยนทางย้อนกลับไปกลางสนามตรงหน้ากรอบเขตโทษ

            โป้งเอาเท้าซ้ายแตะรับบอล แต่เขาจงใจให้ลูกกระดอนขึ้นเล็กน้อย จังหวะนั้นมีผู้เล่นแนวรับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อหมายจะสกัดเขา

           เขาจึงใช้เท้าขวาเตะลูกลอยย้อนไปทางซ้าย แล้วเอี้ยวตัววิ่งตามไป ทำให้ทั้งเขาและลูกฟุตบอลพ้นจากการสกัดกั่น

            แล้วโป้งก็เงื้อเท้าซ้าย สับไกยิงออกไป..

            ผู้รักษาประตูอาร์เซนอลที่พุ่งหมายจะสกัด จึงต้องพยายามยั้งตัว

            เขาพยายามเหยียดมือไปปัด..

            แต่ที่มือสัมผัสนั้นคือความว่างเปล่า..

            ลูกบอลเดินทางด้วยวิถีโค้งแค่ผ่านอากาศ แล้วมุ่งเข้าหาเสาประตู

            มันกระแทกเข้ากับเสาประตูอย่างจังจนกรอบประตูสะเทือนเทิ้ม

            ลูกบอลกระเด้ง.. แต่ไม่ใช่การกระเด้งกลับ

     หากแต่มันมุ่งย้อนไปทางซ้ายในทิศทางเข้าสู่ประตู...

            สนามเวมบรีแทบถล่มลงเพราะเสียงและการกระโดดสุดตัวของกองเชียร์เทมส์ไซด์

            เสียงอึกทึกอื้ออึงจนแม้นกหวีดสัญญาณการเป็นประตูของผู้ตัดสินก็ยังสู้ไม่ได้ และกระทั้งนกหวีดยาวของการสิ้นสุดการแข่งขันที่ตามมาก็ไม่มีใครได้ยิน..

            แต่ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสรู้ว่าการต่อสู้จบสิ้นลงแล้ว เขามองนักเตะฝ่ายตรงข้ามวิ่งเข้าหาผู้ทำประตูอย่างชื่นชมยินดี

            เขาตบบ่าตัวสำรองฝ่ายเขาซึ่งออกมายืนถอนหายใจ แล้วเดินไปหาเซบาสเตียนที่ยังยืนนิ่งอยู่

            “คุณยอดเยี่ยมมาก..” เขายื่นมือออกไป

            เซบาสเตียนเหมือนตื่นจากภวังค์ หันมาจับมือด้วย

            “คุณก็เช่นกัน”

 

          เทมส์ไซด์ ฉลองกันสุดเหวี่ยงเพราะนี่คือแชมป์แรกในรอบหลายสิบปีของทีม ซึ่งทำให้ทั้งนักฟุตบอล เจ้าหน้าที่สโมสร แฟนบอลปลาบปลื้มใจกันทั่วหน้า

            แต่หลังการฉลองกับเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลจบสิ้นลง โป้งกับโกลก็หวนกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบเหมือนเดิม

            ฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นปีแสนเหน็ดเหนื่อยของทั้งคู่ แต่ก็เป็นที่ดีของพวกเขา

            ทีมของเขาจบลงด้วยอันดับสามและได้แชมป์เอฟเอคัพ ทีมชาติไทยก็ผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบที่สามของการคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

            ปีนี้โป้งกับโกลคิดกันว่าจะกลับบ้าน แต่เพราะแม่ของโป้งบอกว่าจะเดินทางมาทำให้สองหนุ่มตัดสินใจเปลี่ยนแผน เพราะคิดว่ารอแม่ของโป้งกับน้าหมอเดินทางมาก่อนแล้วก็ค่อยพากันเที่ยวให้ทั่วอังกฤษ

           

             วันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส โป้งกับโกลก็เลยชวนกันไปซื้อต้นไม้และของกระจุกกระจิกมาตกแต่งสวนต้อนรับหน้าร้อน

            ระหว่างโป้งกำลังขุดดินอยู่ โกลก็กำลังตอกไม้ทำเป็นรั้วเล็กๆรอบแนวปลูกดอกไม้

            “โป้ง โกล” เสียงเรียกที่ไม่ได้ยินนานแต่ก็คุ้นหูทำให้ทั้งคู่หันไป

            มองผ่านรั้วเห็นจุ๊ยยืนอยู่กับชายสองคนนอกรั้ว

            โกลเอาน้ำชากับขนมมาเสริพแล้วนั่งลงตรงที่ว่างของชุดรับแขก ร่วมฟังจุ๊ยเล่าเรื่องชีวิตของเขาในอังกฤษอย่างออกรส

            ขายสองคนที่มากับจุ๊ย คนหนึ่งชื่อว่าไนส์เป็นนักดนตรีชาวไทยที่เล่นอยู่กับวงดังอีกวงของเมืองลอนดอน ส่วนอีกคนแนะนำตัวว่าชื่ออ่อม โดยเขาบอกว่าเป็นรุ่นพี่ของโป้ง แต่โป้งไม่รู้จักแต่ก็พอจะคุ้นหน้าบ้าง

            “ห่ากูก็เป่า แต่แม่งก็บอกไม่ใช่ๆ” จุ๊ยเล่า

            “มันต้องหวานกว่านี้ มันต้องสวยกว่านี้” เขาเลียนแบบครูฝึกของเขาเอง

            “กูก็เลยบอกว่า ไหนครูลองเป่าดู.. แม่งก็มองหน้ากู แล้วก็ให้เป่าอีกที กูก็เป่าเหมือนเดิมเปี้ยบ.. แม่งเสือกบอกว่าใช้ได้ผ่าน”

            โกลอมยิ้มแต่โป้งหัวเราะดังคิกๆ

            “กูว่ามันก็เป่าไม่ได้หรอก..” ไนส์ยกชามาจิบ

            “มึงเชื่อกู จุ๊ย ฝรั่งแม่ง..บางทีมันก็อยากข่มเราไง.. ยิ่งมึงเก่งมาก  มันก็ยิ่งหมั่นไส้ เลยแกล้ง”

 

            แล้วเมื่อราวๆจะสี่โมงจุ๊ยก็บอกลากลับ ดังนั้นโกลจึงอาสาไปส่ง แล้วก็เตรียมหยิบกุณแจรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูออกจากตัวบ้านมาด้วย

            “ไม่ต้องๆ ไม่ต้อง กูเรียกแท็กซี่ไว้ก่อนแล้ว” จุ๊ยโบกมือ

            แล้วเขาก็เงยขึ้นมองตัวบ้าน

            “แหม่พวกมึงนี่น่าอิจฉา.. บ้านหลังเบ้อเริ่ม.. กูนี่อยู่ห้องเช่าของสถาบันเล็กอย่างกับรูหนู”

            “ก็มานอนที่นี่บ้างก็ได้จุ๊ย.. ยังไงเราต้องไปซ้อมทุกวัน มึงก็ไปเจอเราที่สนามซ้อมแล้วมาด้วยกัน เช้าก็ไปส่งแถวสถาบันดนตรีของมึง” โป้งออกปาก

            จุ๊ยหันมามองหน้า แล้วก็เอื้อมมือมาหยิกแกมโป้ง

            “แหม่ไอ้โป้งนี่น่ารักชะมัด.. มิน่าไอ้โกลรักแทบตาย..” จุ๊ยว่า

            “โกลมึงถนอมโป้งหน่อยนะเว้ย ไม่ใช่รุนแรงกับมัน ตัวมันเล็กกว่ามึงตั้งเยอะ”

            ในนาทีนั้นหูของจุ๊ยเหมือนได้ยินเสียงใครกดอะไรบางอย่าง.. จุ๊ยมีความสามารถของคนที่หูไวมากซึ่งเรียกว่า Absolute Pitch แต่พอเขาจะเริ่มหา

            “มันต่างหากรุนแรงกับกู ไอ้จุ๊ย มึงเห็นตัวมันบางๆอย่างนี้ เวลามันโมโหทุบเอา ทุบเอา ต่อยเอา ต่อยเอา กูนี่น่วมไปหมด” โกลกล่าวตอบเสียก่อน

            จุ๊ยจึงหันมา

            “มึงโอเวอร์ละ.. กูเคยทำร้ายร่างกายมึงที่ไหน” โป้งแย้ง

            โกลถลกแขนเสื้อ แสดงรอยช้ำที่ต้นแขน..

            “นี่อะไรไอ้โป้ง.. อย่าบอกว่ามึงไม่ได้ทำ..”

            “เอ้าๆ พอๆ อย่าทะเลาะกัน..” ไนส์ห้ามทับ

            พอดีแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน

            ทั้งสามหนุ่มจึงอำลา

            โดยคนสุดท้ายที่ออกไปคืออ่อม เขาโบกมือให้โป้งแล้วก็เดินตามเพื่อนอีกสองคนไป

            “กูต้องเรียกพี่อ่อมรึเปล่าวะ” โป้งกล่าว

            “เพราะเขาอายุมากกว่ากู เป็นรุ่นพี่กูนี่หว่า”

            “ไม่ต้องมั้ง..” โกลตอบแล้วก็กอดคอโป้งเดินเข้าบ้าน

            โดยที่สองหนุ่มไม่รู้ กล้องที่ซุกซ่อนไว้ก็ลั่นไกชัตเตอร์อีกครั้ง

 

          อ่อมทิ้งกายลงกับเตียงภายในห้องเช่าแสนซอมซ่อ กี่ปีแล้วนับตั้งแต่เขากระเสือกกระสนดิ้นรนพาตัวเองมาจากเมืองไทยเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีกว่าในประเทศอังกฤษ

            แต่ถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถทำได้อย่างใจฝันสักเรื่องเดียว..

            เขาเอากล้องถ่ายภาพขนาดเล็ก และอีกชิ้นคืออุปกรณ์บันทึกเสียงความไวสูงที่มีขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายที่ติดตัวไปด้วย ทั้งสองชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์รุ่นพี่ของเขาที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันให้ยืมมา

            สองสิ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเขา.. เพราะมิตรภาพแบบไม่ตั้งใจในสนามฟุตบอลแท้ๆ ที่ทำให้เขาได้รู้จักกับจุ๊ยที่เป็นเพื่อนของโป้งกับโกล..

            และบังเอิญเหลือเกินที่สำนักข่าวออนไลน์ที่เขาทำงานสนใจเรื่องของสองคนนี้ สำนักข่าวที่หากินกับข่าวซุบซิบดาราและคนดัง โดยเฉพาะข่าวฉาว..

            ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมเกินไปของโป้งและโกลกลายเป็นเรื่องที่จะขายได้ เพราะตอนนี้สองคนนี้ได้รับความสนใจมาก เนื่องจากเป็นนักเตะเอเชียที่กำลังสร้างผลงานดี แถมมีทีมใหญ่ให้ความสนใจจะดึงตัวไปร่วมทีมมากมาย..

            “อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะโป้ง โกล.. แต่ฉันก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด.. พวกนายผิดเองที่ปิดบังเรื่องนี้ไว้.. ฉันก็เลยจะนำมันออกไปเผยแพร่ให้ โลกจะได้รู้สึกที่ว่านายสองคนเป็นเกย์”

 

            โป้งแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่ก็ยังมีสติยั้งตัวเองไว้ทัน เขาหลับตาลงชั่วคราวแล้วหันไปหาโกล

            โกลยืนกอดอกพึงขอบประตูระเบียงห้องนอน และมองออกไปด้านนอก

            “เราจะทำยังไงดีโกล” โป้งถาม

            โกลหรี่ตาลงชั่วคราว

            “จะทำอะไรได้โป้ง.. เราก็ต้องรอเท่านั้น.. ป่านนี้เรื่องคงแพร่ไปทั่วแล้วหละ.. เราก็คงต้องรอปฏิกิริยาจากสังคมก็เท่านั้นเอง”

            โป้งวางโทรศัพท์แล้วเดินมาข้างโกล

            โกลจึงดึงโป้งมากอดเอาไว้ โป้งก็ซบลงบนอกของโกล ส่วนโกลก็ซบลงบนหัวของโป้งแล้วถ่ายทอดความอบอุ่น

            โกลคิดเอาไว้แล้ววันนี้จะต้องมาถึง.. แต่ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง

 

            เซบาสเตียน บัลเดอร์นั่งอ่านสิ่งที่ประธานสโมสรเอาให้เขาอ่านจนจบ

            “คุณคิดว่าเรามีเหตุผลไม่พอสำหรับการตัดสินใจนี้เหรอ..” เขาถาม

            “ผมอาจะไม่ใช่คนที่รังเกียจเกย์ แต่สำหรับวงการนี้.. มันยังเป็นสิ่งที่รับไม่ได้.. และผมก็คิดว่าคุณคงจะเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง คุณต้องคิดถึงบรรยากาศภายในทีมด้วย.. พวกนักเตะจะรู้สึกยังไงถ้าหากมีเกย์อยู่ห้องแต่งตัวด้วย มีเกย์ร่วมซ้อมด้วย และพวกเขาอาจต้องพักร่วมกับเกย์ในโรงแรมเวลาเรามีโปรแกรมต่างประเทศ”

            เซบาสเตียนถอนหายใจยาวเหยียด

            “ผมเข้าใจ.. ผมก็แค่ผู้จัดการทีม แต่ท่านเป็นประธานบริหาร ถ้าหากสิ่งนี้รอบครอบแล้วในความคิดของคณะกรรมการ ผมก็ยินดีจะรับฟัง”

           

            ในโลกที่การสื่อสารรวดเร็วฉับไวเช่นนี้ไม่ต้องรอให้นานนัก เรื่องนี้ก็กลายเป็นข่าวใหญ่พาดหัวในประเทศไทย..

            การุนต์ถอนหายใจยาวเหยียดกับโทรศัพท์ที่มาจากผู้ใหญ่ในแวดวงฟุตบอล

            “ผมต้องการให้คุณตัดชื่อเขาสองคนออกจากทีม.. เรื่องแบบนี้เราไม่ได้รังเกียจ แต่พวกเขาเป็นแบบอย่างกับเยาวชน.. เราจะยอมให้เด็กๆมีไอดอลเป็นเกย์ไม่ได้.. แล้วยังจะแฟนบอลอีกหละ.. พวกเขารับไม่ได้แน่นอนที่มีผู้เล่นเป็นเกย์” นั้นคือถ้อยคำที่เขาได้รับมาจากสายที่พึ่งวางไป

            การุนต์ถอนหายใจแล้วก็กดโทรศัพท์หาอำนาจทันที

            “โป้งเอ้ย โป้ง.. ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้..”

 

            “ตอนนี้ข้างนอกมีการตอบโต้กันรุนแรงมาก ในเวปไซด์ของเทมส์ไซด์ถึงขนาดต้องปิดการแสดงความเห็นไปเลย.. ส่วนใหญ่ก็เข้ามาตำหนิ มาล้อเลียน.. ก็ดีแล้วหละที่พวกเธอตัดสินใจไม่รับรู้ แล้วก็เชื่อฉันที่เก็บตัวแต่ในบ้าน” เดวิด นิวฟอร์ด(ขอแก้ไขชื่อของเอเจนซี่คนนี้เป็น นิวฟอร์ด)กล่าวแล้วกว่าดตามองทั้งสองคน

            “บรรดาสโมสรที่ยื่นเสนอมา ก็ถอนตัวออกไปเกือบหมด มีบางสโมสรรั้งรอเอาไว้ แต่ก็คงถอนในไม่ช้า.. ส่วนเทมส์ไซด์.. น่าจะรู้อยู่แล้วนะ เขาคงแจ้งมาแล้วสินะว่าจะไม่เสนอสัญญาให้ ก็แปลว่าถึงจะมีสัญญาถึงเดือนสิงหาคม แต่พวกเธอก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้ว”

            เขามองหน้าโป้งกับโกล

            “เธอต้องเข้าใจนะว่า ประเทศนี้ยังไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น.. ยังมีคนเป็นจำนวนมากเขารับไม่ได้”

            โกลพยักหน้าช้าๆ

            “ผมเข้าใจ” แล้วเขาก็หันไปมองกระจกหน้าต่างที่เขาพึ่งจะเรียกช่างมาเปลี่ยนให้

            “เราโดนเด็กวัยรุ่นก่อกวนมาหลายวันแล้ว โป้งก็หวุดหวิดจะออกไปไล่เอง แต่ยังดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาก่อน พวกนั้นก็เลยหนีไปหมด แล้วก็ยังไม่เห็นกลับมานะ”

            “แค่นี้มันก็วัดได้แล้วว่าแฟนบอลจะคิดยังไง” โป้งถอนหายใจยาวเหยียด เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เดวิดเห็นใบหน้าเศร้าหมองของหนุ่มน้อยคนนี้

            “ผมก็แค่อยากเล่นฟุตบอลเท่านั้นเอง เดวิด ผมรักฟุตบอลมากเลยนะ.. แต่ทำยังไงได้หละ จะให้ผมทำยังไง.. ในเมื่อนี่คือตัวของผม.. ผมผิดใช่ไหมที่เป็นเกย์ แล้วดันรักฟุตบอล.. ผมผิดอย่างนั้นเหรอเดวิด”

            เดวิด นิวฟอร์ดนิ่งเงียบ

            “พวกคุณไม่ได้ผิด.. แต่นี่คือโลก.. เราบังคับให้ทุกคนยอมรับเรื่องที่แตกต่างไปจากอุดมคติของพวกเขาไม่ได้หรอก.. เราจำเป็นต้องเลือกว่าจะทำตามเขา หรือเดินหนีเขา แล้วก็ไปมีชีวิตต่อไปของเราในแนวทางอื่นๆ เหมือนกับที่หลายคนที่เปิดเผยตัวก่อนหน้า แล้วก็เดินออกไปจากตรงนี้”

 

            เมื่อเดวิด นิวฟอร์ดขอตัวกลับไป โกลก็เดินกลับไปส่งหน้าบ้าน แล้วเขาก็รีบกลับเข้ามาเพราะกลัวว่าจะมีตากล้องหรือนักข่าวมารอดักสัมภาษณ์เขา

            พอเข้ามาก็เห็นโป้งเอาลูกฟุตบอลมากอดอยู่ที่โซฟา

            เขากอดมันเหมือนเด็กที่กอดของเล่นตัวโปรดที่ชำรุดแล้วเอาไว้ ด้วยความเสียดายและหวงแหน

            โกลสูดลมหายใจลึกๆ

            “โป้ง.. เราเลิกกันเถอะ..”

            โป้งหันขวับ เขาปล่อยลูกบอลตกจากอ้อมกอด

            ลูกบอลกลิ้งมาตรงกลางระหว่างทั้งคู่

            “นี่เป็นทางเดียวโป้ง.. เราเลิกกัน.. เราแยกกัน ต่างคนต่างอยู่ มึงไปมีแฟนผู้หญิง ส่วนกูก็จะแถลงข่าวว่าตลอดเวลากูเป็นฝ่ายเดียวที่รักมึง แต่มึงไม่ได้เป็นเกย์ และไม่ได้รักกู แต่อยู่กับกูเพราะมึงสงสารและเห็นแก่มิตรภาพของเรา” โกลกล่าวเขาพยายามจะจ้องตาโป้งแต่กลับสู้สายตาไมได้ ต้องหลบเลี่ยง

            เขาเงยมองเพดานแล้วกล่าวต่อ

            “กูจะเลิกเล่นฟุตบอลแล้วก็กลับเมืองไทย.. กูไปมีชีวิตของกู.. กูเบื่อฟุตบอลเต็มทีแล้ว กูอยากจะไปทำอย่างอื่นบ้าง แต่ที่กูทนอยุ่นี่ก็เพื่อมึง.. ดังนั้นถ้าเราเลิกกันกูจะได้ไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ”

            โป้งเดินมาตรงหน้าโกล เขาใช้เท้างัดลูกฟุตบอลให้ลอยขึ้นแล้วโหม่งใส่

            โกลก็รับมันได้อย่างง่ายได้แล้วถือมันเอาไว้

            “มึงโกหก.. โกล.. มึงไม่ได้เบื่อฟุตบอล กูรู้มึงรักมันมากไม่น้อยกว่ากู.. มึงอย่ามาพูดแบบนี้.. มึงโกหกตัวเอง” โป้งตะโกนใส่

             แววตาของโป้งที่มองหน้าโกล แข็งกร้าวและจริงจัง..

            โกลหลับตาลง ก่อนจะลืมขึ้นเพื่อสู้สายตากับโป้ง

            “โป้ง..” โกลปล่อยลูกบอลลงพื้น ก่อนเขาจะเดินเข้าไปใกล้ แล้วก็กอดร่างโป้งเอาไว้

            “กูไม่เถียง.. กูโกหกโป้ง กูรักฟุตบอล.. แต่ที่กูรักกว่าคือมึง.. กูอยากเห็นมึงมีความสุขโป้ง.. เวลาที่มึงอยุ่กับฟุตบอลมึงจะมีความสุข.. กูอยากเห็นมึงมีความสุขโป้ง.. นี่คือความสุขที่สุดของกู”

            โป้งสัมผัสได้ถึงน้ำตาที่รินลงมาบนเรือนผมเพราะโกลแนบแก้มกับหัวเขาเอาไว้

            “กูขอร้อง.. มึงไปจากกูซะ กูไม่อยากเป็นต้นเหตุให้มึงเลิกเล่นฟุตบอล..” เขาสะอื้น

            "ถ้าการเลิกเล่นฟุตบอลมันคือความเจ็บปวดของเราทั้งคู่ กูก็ขอเจ็บคนเดียว โป้ง.. กูขอร้อง"

            โป้งนิ่งไปจนโกลรู้สึกหวั่นใจ แต่แล้วเขาก็พูดออกมา

            “โกลมึงเข้าใจผิดแล้ว.. กูไม่ได้รักฟุตบอลที่สุดในโลก.. สิ่งที่กูรักที่สุดคือมึงกับแม่.. กูทิ้งแม่มาแล้วเพื่อฟุตบอล แล้วมึงยังจะให้กูทิ้งมึงไปอีกคนเพื่อมันอีกเหรอ..”

             แล้วโป้งก็ผละออกจากอกโกล

            เขาเตะลูกบอลไปทางหน้าต่าง แล้วก็วิ่งเข้าไป.. ตั้งหลักเท้าขวา สับเท้าซ้ายลงไป..

            เพล้ง.. บานหน้าต่างแตกกระจาย

            ลูกบอลลอยทะลุออกไปตกไกลถึงแนวรั้ว

            โกลหันมามองตามร่างที่กำลังหอบถี่ๆไม่ใช่ความเหนื่อย แต่เพราะความกดดันแน่นอก

            “กูพอแล้ว.. กูจะไม่ทิ้งอะไรไปเพราะฟุตบอลอีก กูเสียพ่อไปเพราะฟุตบอล กูจากแม่มาเพราะฟุตบอล และกูต้องเสียมึงไปเพราะฟุตบอลอีก.. กูทำไมได้..และกูจะไม่ทำอีก”

            โกลปาดน้ำตาของตัวเองแล้วเดินไปหมุนร่างโป้ง พอหันมาจึงได้เห็นสายน้ำตาของโป้ง

            ทั้งสองกอดร่างของกันและกันเอาไว้อย่างแนบแน่น..เพื่อปลอบโยนกันและกัน..

            และเพื่อซับน้ำตาให้กันและกัน..

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 25-01-2016 23:17:49
เพิ่งเห็นค่าว่าเอาภาคสองมาลงแล้ว
ยังสนุกเหมือนเดิม อ่านแล้วรักโกลกับโป้งมากขึ้นเรื่อยๆเลย
เจ้าของเรื่องเปลี่ยนหัวข้อเวลาลงนิยายด้วยก็ดีนะคะ
คนอ่านจะได้รู้ว่ามาอัพตอนใหม่แล้ว
ส่วนเรื่องใหม่ที่ว่าจะเขียนเกี่ยวกับบาสเก็ตบอล จองคิวรอเลยค่ะ อยากอ่านมาก  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ตอนใหม่(อัพ20%)
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 26-01-2016 07:57:15
ตอน บนทางแยกของการตัดสินใจ.. โกลโป้ง.. เสียงสะท้อนของกำลังใจ (20%)

            สุทธิชัยตื่นขึ้นกลางดึกก็ไม่เห็นภรรยา จึงลุกขึ้นมองหา เห็นเธอกำลังเอาจดหมายฉบับหนึ่งมานั่งอ่านที่โต๊ะทำงาน นั่นคือจดหมายของอดีตสามีที่ส่งให้เธอก่อนเสียชีวิต

            แล้วเธอก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันไปหยิบรูปของนายโป้งในวัยเยาว์มาพินิจ

            เจ้าโป้งของเธอเป็นเด็กน่ารัก.. จิตใจดีและมองโลกในแง่ดี.. เขารักฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ ไปไหนมาไหนกับลูกฟุตบอล.. รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ร้องไห้ โกรธ ดีใจ เสียใจ.. ไม่มีตอนไหนที่วราพรไม่เห็นลูกฟุตบอลประกอบอยู่ในฉากของโป้ง

            มือที่วางลงมาทำให้เธอเงยขึ้นมอง สุทธิพรกล่าวด้วยแววตาแสนอบอุ่น

            “พร..ผมจะลากิจฉุกเฉินพรุ่งนี้เลย.. เราไปอังกฤษกันพรุ่งนี้ โป้งคงต้องการกำลังใจจากคุณด่วนที่สุดเหมือนกัน”

 

            กานต์มองนาฬิกาที่แสดงเวลาหกโมงครึ่ง เขาแปลกใจที่พรรณพงศ์มาที่ทำงานแต่เช้า แถมแต่งตัวเหมือนกำลังจะเดินทางไกล

            “กานต์.. คุณว่างอาทิตย์ไหม” พรรณพงศ์ถามเมื่อเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงาน

            กานต์หันไปหยิบปฏิทิน

            “ผมว่างครับ.. แต่คุณพรรณไม่ว่าง.. คุณมีประชุมสามครั้งในอาทิตย์หน้า” กานต์ตอบ

            “ยกเลิกได้ไหม” พรรณพงศ์ถาม

            “ผมจะไปอังกฤษ”

            กานต์นิ่ง

            “คุณจะไปหาคุณโกลใช่ไหมครับ”

            พรรณพงศ์หันไปทางอื่นก่อนจะตอบ

            “ไอ้ลูกตัวดี.. เรื่องแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ ฉันจะไปดูสักหน่อยสิว่าจะช่วยอะไรมันได้บ้าง.. นายช่วยจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุดให้ด้วยนะ”

           

            วราพรนั่งอยุ่ที่หน้าประตูโดยสารเครื่องบิน อีกแค่สิบนาทีเธอก็ได้เดินทางไปหาลูกชายของเธอแล้ว

            “รอแม่นะโป้ง อย่าพึ่งตัดสินใจอะไรโง่ๆนะลูก” เธอพิมพ์ข้อความไปทางโปรแกรมไลน์

            สุทธิชัยเดินกลับมาจากห้องน้ำ แล้วนั่งลงข้างๆ

            “พรๆ นั่น..แม่ของโกลใช่ไหม..” สุทธิชัยเรียกให้วราพรดู

            เธอหันไปตามที่สามีชี้ เห็นเปรมิกาเดินมาด้วยมาดอดีตนางแบบ แล้วนั่งลงตรงที่ว่างโดยมีหญิงสาวหน้าตาเชยคนหนึ่งเดินมายืนข้างๆ

            “แล้วนั่นก็คุณพรรณพงศ์” สุทธิชัยชี้ไปอีกทาง

            คงเพราะวราพรไม่ทันได้สังเกตว่าพรรณพงศ์เดินเข้ามาตอนไหน แต่ตอนนี้เขานั่งอยู่กับชายวัยไล่เลี่ยกันในชุดสูทอย่างสุภาพ สมเป็นนักธุรกิจใหญ่

            “พวกเขาจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” สุทธิชัยออกจะงง

            “ผมจำได้ว่าโกลบอกว่าพ่อแม่ของเขาไม่ค่อยถูกกันนี่..”

            วราพรยิ้มแล้วหันมา

            “คุณคะ.. นี่หละค่ะ หัวใจของพ่อแม่.. จะมากจะน้อยเด็กคนนั้น ก็เป็นลูกไม่ใช่หรือค่ะ”

           

            “คุณคะคุณพรรณอยุ่ทางโน้นน่ะค่ะ จะไปคุยด้วยหน่อยไหม” ศรีวรรณเลขาของเปรมิกาบอก

            เปรมิกาหันไปมองตาม

            เป็นพรรณพงศ์หันมามองพอดี คงเพราะกานต์ก็บอกเขาเหมือนกัน

            สองคุณลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเดินมาเจอกันตรงกลาง

            “คุณจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” เปรมิกาถาม

            “ไปเรื่องงานเหรอค่ะ”

            “เปล่า” พรรณพงศ์ยักไหล่

            “ผมจะไปหาเจ้าโกล”

            เปรมิกาพยักหน้าช้าๆ

            “แล้วคุณหละ” พรรณพงศ์ถามกลับ

            “มีงานหรือมีปาร์ตี้อะไรสำคัญที่ลอนดอนหรือไง”

            เปรมิกาหันไปมองเครื่องบินที่เทียบท่าอยู่

            “ฉันก็เป็นแม่ของโกลเหมือนกัน ใจคอคุณจะไม่ให้ฉันได้ไปดูเขาตอนที่เขาลำบากบ้างเลยเหรอคะ ว่าแต่คุณไม่มีนัดกับใครเหรอคะถึงจะไปลอนดอน”

            พรรณพงศ์ถอนหายใจอยากจะตอบ แต่เขาหันมาเจอสายตาของชายหญิงวัยไล่เลี่ยนั่งมองพวกเขาอยู่

            เขาจึงหันกลับไปหาเปรมิกา

            “เราไปคุยกันบนเครื่องตรงนี้คนเยอะ” แล้วเขาก็ทำท่าจะหันกลับ

            “เอ่อ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้น

            เปรมิกากับพรรณพงศ์หันมาพร้อมกัน

            “คุณสองคนคือพ่อแม่ของโกลใช่ไหมคะ” เธอกล่าว

            “ดิฉันเป็นแม่ของโป้งค่ะ”


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 26-01-2016 08:06:45
เป็นกำลังให้ทั้งคู่นะ  :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 26-01-2016 09:37:41
คือไอ้อ่อมนี่เลวสุดๆอ่ะ ขอให้โดนแฟนบอลที่รักโป้งกับโกลจริงๆยำตรีนสักที
กำลังสนุกและลุ้นสุดๆเลยครับ
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 26-01-2016 17:59:25
นี่สิครอบครัว

พ่อโกลคะ.ทำทีมเลยค่ะ เป็นเจ้าของสโมสรเองเลย หุ้นกับแม่โกล.
พ่อเป็นประธานสโมสร แม่โกลเป็นผู้จัดการทีม
พ่อหมอเป็นแพทย์ประจำทีม
โค้ชครูป้อม ครบไหมนี่?
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 26-01-2016 20:23:06
มันมากอ่ะบอกเลย ลุ้นที่สุดแล้ว น่าจะพีคที่สุดของภาคสองแล้วมั้งเนี้ย
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 27-01-2016 08:13:23


            สุทธิชัยตื่นขึ้นกลางดึกก็ไม่เห็นภรรยา จึงลุกขึ้นมองหา เห็นเธอกำลังเอาจดหมายฉบับหนึ่งมานั่งอ่านที่โต๊ะทำงาน นั่นคือจดหมายของอดีตสามีที่ส่งให้เธอก่อนเสียชีวิต

            แล้วเธอก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันไปหยิบรูปของนายโป้งในวัยเยาว์มาพินิจ

            เจ้าโป้งของเธอเป็นเด็กน่ารัก.. จิตใจดีและมองโลกในแง่ดี.. เขารักฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ ไปไหนมาไหนกับลูกฟุตบอล.. รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ร้องไห้ โกรธ ดีใจ เสียใจ.. ไม่มีตอนไหนที่วราพรไม่เห็นลูกฟุตบอลประกอบอยู่ในฉากของโป้ง

            มือที่วางลงมาทำให้เธอเงยขึ้นมอง สุทธิพรกล่าวด้วยแววตาแสนอบอุ่น

            “พร..ผมจะลากิจฉุกเฉินพรุ่งนี้เลย.. เราไปอังกฤษกันพรุ่งนี้ โป้งคงต้องการกำลังใจจากคุณด่วนที่สุดเหมือนกัน”

 

            กานต์มองนาฬิกาที่แสดงเวลาหกโมงครึ่ง เขาแปลกใจที่พรรณพงศ์มาที่ทำงานแต่เช้า แถมแต่งตัวเหมือนกำลังจะเดินทางไกล

            “กานต์.. คุณว่างอาทิตย์ไหม” พรรณพงศ์ถามเมื่อเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงาน

            กานต์หันไปหยิบปฏิทิน

            “ผมว่างครับ.. แต่คุณพรรณไม่ว่าง.. คุณมีประชุมสามครั้งในอาทิตย์หน้า” กานต์ตอบ

            “ยกเลิกได้ไหม” พรรณพงศ์ถาม

            “ผมจะไปอังกฤษ”

            กานต์นิ่ง

            “คุณจะไปหาคุณโกลใช่ไหมครับ”

            พรรณพงศ์หันไปทางอื่นก่อนจะตอบ

            “ไอ้ลูกตัวดี.. เรื่องแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ ฉันจะไปดูสักหน่อยสิว่าจะช่วยอะไรมันได้บ้าง.. นายช่วยจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุดให้ด้วยนะ”

           

            วราพรนั่งอยุ่ที่หน้าประตูโดยสารเครื่องบิน อีกแค่สิบนาทีเธอก็ได้เดินทางไปหาลูกชายของเธอแล้ว

            “รอแม่นะโป้ง อย่าพึ่งตัดสินใจอะไรโง่ๆนะลูก” เธอพิมพ์ข้อความไปทางโปรแกรมไลน์

            สุทธิชัยเดินกลับมาจากห้องน้ำ แล้วนั่งลงข้างๆ

            “พรๆ นั่น..แม่ของโกลใช่ไหม..” สุทธิชัยเรียกให้วราพรดู

            เธอหันไปตามที่สามีชี้ เห็นเปรมิกาเดินมาด้วยมาดอดีตนางแบบ แล้วนั่งลงตรงที่ว่างโดยมีหญิงสาวหน้าตาเชยคนหนึ่งเดินมายืนข้างๆ

            “แล้วนั่นก็คุณพรรณพงศ์” สุทธิชัยชี้ไปอีกทาง

            คงเพราะวราพรไม่ทันได้สังเกตว่าพรรณพงศ์เดินเข้ามาตอนไหน แต่ตอนนี้เขานั่งอยู่กับชายวัยไล่เลี่ยกันในชุดสูทอย่างสุภาพ สมเป็นนักธุรกิจใหญ่

            “พวกเขาจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” สุทธิชัยออกจะงง

            “ผมจำได้ว่าโกลบอกว่าพ่อแม่ของเขาไม่ค่อยถูกกันนี่..”

            วราพรยิ้มแล้วหันมา

            “คุณคะ.. นี่หละค่ะ หัวใจของพ่อแม่.. จะมากจะน้อยเด็กคนนั้น ก็เป็นลูกไม่ใช่หรือค่ะ”

           

            “คุณคะคุณพรรณอยุ่ทางโน้นน่ะค่ะ จะไปคุยด้วยหน่อยไหม” ศรีวรรณเลขาของเปรมิกาบอก

            เปรมิกาหันไปมองตาม

            เป็นพรรณพงศ์หันมามองพอดี คงเพราะกานต์ก็บอกเขาเหมือนกัน

            สองคุณลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเดินมาเจอกันตรงกลาง

            “คุณจะไปอังกฤษเหมือนกันเหรอ” เปรมิกาถาม

            “ไปเรื่องงานเหรอค่ะ”

            “เปล่า” พรรณพงศ์ยักไหล่

            “ผมจะไปหาเจ้าโกล”

            เปรมิกาพยักหน้าช้าๆ

            “แล้วคุณหละ” พรรณพงศ์ถามกลับ

            “มีงานหรือมีปาร์ตี้อะไรสำคัญที่ลอนดอนหรือไง”

            เปรมิกาหันไปมองเครื่องบินที่เทียบท่าอยู่

            “ฉันก็เป็นแม่ของโกลเหมือนกัน ใจคอคุณจะไม่ให้ฉันได้ไปดูเขาตอนที่เขาลำบากบ้างเลยเหรอคะ ว่าแต่คุณไม่มีนัดกับใครเหรอคะถึงจะไปลอนดอน”

            พรรณพงศ์ถอนหายใจอยากจะตอบ แต่เขาหันมาเจอสายตาของชายหญิงวัยไล่เลี่ยนั่งมองพวกเขาอยู่

            เขาจึงหันกลับไปหาเปรมิกา

            “เราไปคุยกันบนเครื่องตรงนี้คนเยอะ” แล้วเขาก็ทำท่าจะหันกลับ

            “เอ่อ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้น

            เปรมิกากับพรรณพงศ์หันมาพร้อมกัน

            “คุณสองคนคือพ่อแม่ของโกลใช่ไหมคะ” เธอกล่าว

            “ดิฉันเป็นแม่ของโป้งค่ะ”

 


             โกลพึ่งจะวางสายจากเดวิดไป แล้วคิดจะเอาอาหารสำเร็จรูปออกมาอุ่นกินเป็นอาหารเที่ยง แต่สักครู่ก็มีเสียงกดกริ่ง เขาก็เลยจะเดินไปดู แต่ได้ยินเสียงโป้งขยับตัวลุกจากโซฟา

            “โป้งอย่าออกไปนะ ดูก่อนว่าใคร” โกลส่งเสียงไปเตือน แต่สักเดี่ยวก็ได้ยินเสียงโป้งเปิดประตู โกลที่กำลังเอาของในตู้เย็นออกมาก็เลยออกจากครัวไปดู

            “อ้าวจุ๊ย” โกลทัก

            จุ๊ยโบกมือทักทายกลับ แต่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจ

           

            “กูไม่สบายใจเลยว่ะ กูเป็นคนพาไอ้อ่อมอะไรนั้นมาหาพวกมึง.. ถ้ากูสกรีนคนสักหน่อยก็คงไม่เกิดเรื่อง” จุ๊ยกล่าวเมื่อทั้งสามนั่งลงแล้ว

            “กูขอโทษนะเว้ยเพื่อน กูไม่รู้จริงๆว่าแม่งเป็นนักข่าว”

            โกลกับโป้งสบตากัน ก่อนโกลจะเป็นคนกล่าว

            “ช่างเถอะวะ มันผ่านไปแล้ว ก็มันคือความจริงนี่.. ไม่รู้ตอนนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี.. ที่สุดก็ต้องรู้"

            จุ๊ยถอนหายใจยาว

            “กูไม่สบายใจจริงๆนะเว้ย.. รู้สึกแย่มาก กูนี่เกือบจะบุกไปหาไอ้หมอนั่นที่ห้องแล้ว แต่ไอ้ไนส์โทรมายั้งไว้ก่อน.. มันบอกว่าไม่มีประโยชน์ แถมถ้ากูไปทำอะไรมัน ก็ยิ่งเสียมาถึงพวกมึง” ไม่บ่อยนักที่คนร่าเริงอย่างจุ๊ยจะมีสีหน้าแบบนี้ เขาหลี่ตาลงก่อนจะเบิกใหม่มองหน้าทั้งสองคน

            “แล้วตกลงพวกมึงว่ายังไง ทำยังไงดีกับเรื่องนี้”

            โป้งยิ้มจางๆ

            “เราจะแถลงข่าวสองทุ่มคือนี้หละ ตอนแรกจะแถลงบ่ายเลย แต่เดวิดบอกว่าให้เขากลับจากธุระก่อนแล้วค่อยแถลง”

            “แล้วจะแถลงว่า..” จุ๊ยกล่าวเชิงถาม

            ทั้งคู่สบตากัน แล้วโกลก็กล่าวตอบ

            “เราจะแขวนสตั๊ด..”

            จุ๊ยเหมือนมีอาการผงะ แต่เขาก็ยังไม่ได้แย้งอะไร

            “เราสองคนจะเลิกเล่น กลับไปเมืองไทยหรือที่ไหนก็ได้ แล้วเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอล เราจะสอนฟุตบอลเด็กๆ" โป้งเล่า แววตาของเขาแพรวพราวเมื่อพูดถึงความฝันของตัวเอง

             "เราจะสร้างทีมของเราเอง ฝึกพวกเขาเหมือนกับที่พวกโค้ชทุกคนสอนเราสองคนมา”

             "ไอ้โป้งมันชอบเด็ก" โกลจับหัวโป้ง กล่าวกับจุ๊ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

             "มันฝันจะทำแบบนั้นมานานมากแล้ว"

            จุ๊ยนิ่งเงียบ เขามองรอยยิ้มของทั้งคู่

            แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา

            “ที่กูมาก็เพื่อจะเอาไอ้นี่มาเปิดให้มึงดู ไอ้ไนส์กับกูช่วยกันรวบรวมแล้วก็ทำเป็นคลิปเดียวพวกมึงจะได้ไม่ต้องไปไล่ดูในเวปเอง มันเป็นวีดีโอที่หลายคนฝากเอาไว้ให้พวกมึงบนเฟสบุ๊ค แต่พวกมึงไม่ได้เข้าไปดู กูก็เลยเอามาให้พวกมึงดูเองที่นี่”     

   


            “โป้งที่รักครับ” ก้านเพชรกล่าว

            แต่วู๊ดที่อยู่ข้างหลังก็ตบหัวดังป๊าบ

            “ไม่ต้องที่รัก.. เอาจริงๆสิ อย่าเล่น”

            “ก็ไม่ได้เล่น” ก้านเพชรแย้งพลางลูบหัวปอยๆ

            “เอาดีๆ” วู๊ดเสียงเข้ม

            “โอเค.. โป้งไม่ที่รัก.. โกลยิ่งที่ไม่รักใหญ่.. เราสองคนอยากจะบอกว่าเราเข้าใจพวกนายมาก.. เพราะเราก็หัวอกเดียวกัน แต่เรายังโชคดีที่ยังไม่โดนแฉก็เท่านั้น.. แต่ไม่ต้องคงไม่รอด เอาไว้เราแต่งงานกัน ก็ต้องโดนเหมือนพวกนายเหมือนกัน”

            “ใครแต่งกับมึง” วู๊ดหันมองหน้า

            “เออน่า..กูให้มึงเป็นเจ้าบ่าว กูยอมแต่งเป็นเจ้าสาวเอง” ก้านเพชรตอบ

            โป้งหัวเราะกิ๊กๆตามภาษาคนเส้นตื้น

            “แต่ตอนนี้พวกมึงอย่าท้อนะเว้ย.. มึงสองคนต้องสู้.. เราสองคนจะคอยเป็นกำลังใจให้.. อย่าทิ้งในสิ่งที่มึงสองคนมี.. คือหัวใจรักฟุตบอล และความสามารถที่เหนือคนอื่น.."  วู๊ดกล่าวเสียงเข้ม แววตาที่มองมาจริงจังอย่างมาก

            "กูเสียดายมากถ้าหากมึงสองคนทิ้งฟุตบอล.. มึงอย่าแคร์ว่าใครจะคิดยังไง.. มึงต้องสู้นะเว้ย.. แล้วเราสองคนจะเป็นกำลังใจให้”

            “ใช่.. ฉันจะเป็นกำลังใจโป้ง.. ส่วนไอ้โกล.. เรื่องของมึง” ก้านเพชรกล่าวบ้าง

            โป้งหันมองหน้าโกล แต่แทนที่โกลจะโกรธ เขากลับยิ้มออกมา

            "อีกละไอ้ก้านกูบอกให้จริงจัง"

            "นี่ไงจริงจัง จริงใจด้วย..."

            แล้ววีดีโอก็ตัดไป กลายภาพของอดีตเพื่อนร่วมทีมนวสาครทั้งหมดส่งเสียงเกรียวกราว เหล่านี้คือพวกที่ตัดสินใจกลับไปเรียนหนังสือไม่เล่นฟุตบอลต่อ

            “ไอ้โป้งไอ้โกล.. มึงสองคนคือสุดเจ๋งของนวสาคร.. ไม่ว่ามึงสองคนจะเป็นอะไรยังไง เราก็คือพวกเดียวกันนะเว้ย” คนที่พูดคือแสนพล

            “ใช่ๆ” เพื่อนร่วมกันสนับสนุน แสนพลหันไปมองเพื่อนแล้วกล่าวต่อ

            “สำหรับพวกกู.. มึงสองคนคือตัวแทนคนที่ไล่ตามฝันในวงการฟุตบอลต่อไป เวลาพวกกูเห็นพวกมึงเล่น พวกกูจะนึกถึงความสนุกของมัน.. พวกมึงคือแรงและกำลังใจของพวกเรา พวกมึงต้องไม่ท้อนะเว้ย.. อย่างยอมแพ้ ไม่ว่าจะไอ้พวกเกลียดเกย์หรืออะไรก็ช่างแม่ง.. อย่าไปสนใจมัน.. จำไว้.. ใครไม่เชียร์พวกมึง พวกกูนี่หล่ะเชียร์.. พวกกูทุกคนคอยเป็นกำลังใจให้มึงนะเว้ย.."

            "สู้ๆเว้ยโกล โป้ง" เสียงหนึ่งสนับสนุน

            "อย่ายอมแพ้นะเว้ยพวกมึง" อีกเสียงหนึ่งตามมา

            "อย่าให้ใครดูถูกเราได้นะเว้ย พวกมึงต้องสู้.."

            "สู้เว้ย.."

            แล้วภาพก็ตัดไปอีก กลายเป็นภาพแก๊งค์เกย์สาวแห่งนวสาคร นำโดยเจ๊เหมียวร่างท้วมดูน่ารักจิ้มลิ้ม

            “อีโป้งอีโกล.. สองคนน่ะสุดยอด.. พวกเราน่ะเป็นกำลังใจให้นะยะ.. อย่ายอมแพ้จะมึง อย่าให้ไอ้นักข่าวนั้นมันสมหวัง พวกแกต้องสู้..“ เจ๊เหมียวว่า แล้วก็เปลี่ยนสีหน้า

            “แต่เหม่พูดแล้วก็โมโห.. อยากจะตบอีนักข่าวนั่น.. สงสัยจะว่างงานจัด.. อีดอก.. อย่าให้เจอนะ.. กูจะตบๆๆ” พูดแล้วก็ใส่อารมณ์

            “ใจเย็นๆ เจ๊สวยๆ” อีกคนรีบเข้ามาบีบนวดไหล่

            “เออๆ.. สวยๆ” เจ๊เหมียวว่าแล้วทำท่าสงบอารมณ์ ก่อนะกล่าวต่อไป

            “อีโป้ง อีโกล.. แกสองคนต้องสตร๊อง.. อย่ายอมแพ้.. เพื่อศักดิ์ศรี LGBTI ของพวกเรา.. Strong เข้าใจไหม..”

            แล้วภาพก็ตัดไป แล้วก็เป็นภาพของผุ้คนจำนวนมากนั่งกันเต็มอัฒจันทร์ของยูเนียน ออฟ ภูเก็ต กล้องแพนไปรอบๆเมื่อให้เห็นว่าอัฒจันทร์ทุกด้านมีคนนั่งอยู่เต็ม

            แล้วกล้องก็จับไปที่ตั้นที่ยืนอยู่กลางสนาม เขายกมือให้สัญญาณ ทั้งสนามก็ลุกขึ้น เหยียดมือมาข้างหน้าชูนิ้วโป้ง

            “โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง” เสียงนั้นกึกก้องไปหมด ทุกคนกำลังเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่

            แล้วกล้องก็จับมาที่ตั้นอีกครั้ง เขายกมือให้สัญญาณ อัฒจันทร์ก็เงียบไป

            แต่เมื่อตั้นให้สัญญาณอีกครั้ง

            ทุกคนปรบมือสี่ครั้งแล้วเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน

            “โกล Save Goal” แล้วก็ปรบมืออีกสี่ครั้ง

            “โกล Save Goal”

            จุ๊ยมองหน้าโป้งกับโกลนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมองภาพที่ฉายบนจอLED ขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมต่อรับข้อมูลจากโทรศัพท์ของจุ๊ย

             "โกล.." ตั้นตะโกนผ่านไมโครโฟน

             "สู้ๆ" อัฒจันทร์ตอบลงมา

             "โป้ง.."

             "สู้ๆ"

             "โกล โป้ง.."

             "สู้ๆ สู้ๆ..."

            แล้วภาพก็ตัดไปเป็นรายการของข่าวของญี่ปุ่น

            เป็นภาพนักฟุตบอลหนุ่มที่สองคนไม่คุ้นหน้า มีอักษรขี้นบอกชื่อว่า โยดะ ฮิโรยูกิ เป็นภาพตอนที่เขากำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนญี่ปุ่นหลังเกมการแข่งขัน

            “สำหรับ เฮตทริกที่ผมยิงได้..ผมขอมอบให้โป้งซังและโกลซังครับ.. โป้งซัง โกลซังพวกคุณอาจจำผมไม่ได้แล้ว ผมคือเด็กที่ขอเสื้อของคุณสองคนในสนาม ซึ่งวันนั้นโกลซังได้บอกผมเอาไว้ว่าเสื้อของพวกคุณไม่ได้ช่วยให้ผมเก่งขึ้น มีแต่การฝึกซ้อมเท่านั้นที่ทำให้ผมเก่งขึ้นได้.." เด็กหนุ่มวรรค

            "ดังนั้นผมจึงฝึกฝน..จนกระทั้งได้เป็นตัวจริงของทีมชุดใหญ่ และตอนนี้ผมยิงเฮตทริกได้ครั้งแรกในเจลีก.. ผมก็เลยอยากมอบแฮตทริกนี้ให้พวกคุณ เพื่อขอบคุณสำหรับเสื้อของโป้งซังที่ผมจะเอามาดูเวลาผมท้อ ส่วนคำสอนของโกลซังก็ทำให้ผมมีกำลังใจจะซ้อมมากขึ้น  ขอบคุณมากครับ”

            แล้วภาพก็ตัดเล็กน้อย คนเป็นการตัดตอนที่นักข่าวถาม

            “ครับผมทราบ.. แต่ผมถาม ว่าแล้วยังไงหละครับ.. จริงอยู่ผมไม่ใช่เกย์ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจว่าคนที่ผมเคารพเขาจะเป็นเกย์หรือไม่.. ผมไม่อายเลยที่จะบอกว่า เกย์สองคนนั้นคือแบบอย่างของการเป็นนักฟุตบอลที่ดีของผม.. ผมถามพวกคุณว่า พวกคุณใส่ใจอะไรครับ.."

              "พวกคุณมาดูฟุตบอลเพื่ออะไร ไม่ได้มาดูพวกเขาเล่นฟุตบอลหรอกเหรอครับ.. แล้วคุณได้เห็นโป้งซังกับโกลซังในสนามแล้วใช่ไหม.. พวกคุณก็เห็นว่าเขายอดเยี่ยมเพียงไร... แล้วผมจะอายทำไมถ้าหากจะบอกว่าสองคนนั้นเป็นแบบอย่างของผม”

           แล้วภาพก็ตัดเป็นรายการอีกรายการหนึ่งที่เหมือนจะเป็นสกู๊ปข่าว ไปถ่ายที่นาราสเตเดียม มีไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีเด็กนักเรียนและคนวัยทำงานหลายคนกำลังเขียนกันอยู่ พอจับภาพระยะใกล้ ก็จะมีเห็นว่ามีคำให้กำลังใจมากมาย

            “สู้นะโป้งจัง โกลจัง ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆที่คุณอยู่กับเรา”

            “อย่าท้อโป้งซัง โกลซัง ผมจะรอดูพวกคุณ”

            “ผมอยากเก่งเหมือนโป้งซัง.. โป้งซังอย่าท้อนะ”

            และผู้ประกาศก็บอกว่าบอร์ดนี้จะถูกส่งมาอังกฤษเพื่อเป็นกำลังใจให้กับโป้งและโกล

            แล้วก็ปิดท้ายด้วยภาพหนุ่มสาวรุ่นหลายคนสวมหมวกเขากวางและมีสวมเสื้อหมายเลขสิบหน้ากับหมายเลขสอง

            “โป้งซัง โกลซัง..สู้!” พวกเขาตะโกนออกมาพร้อมกัน

            แล้ววีดีโอก็หยุดเล่น

            จุ๊ยมายืนกอดอกตรงหน้าทั้งคู่

            “พวกมึงสองคนก็คิดดูเอาเองแล้วกันนะว่าควรจะทำอะไรกับชีวิต.. กูไม่เถียงหรอก..ว่ามีคนมากมายเขาดูถูกพวกเรา.. เพราะเรารักชอบเพศเดียวกัน ไม่เหมือนกับเขา.." จุ๊ยถอนหายใจเบาๆก่อนจะกล่าวต่อ

             "แต่พวกมึงต้องมองอีกด้านสิ ว่ามีคนอีกตั้งเยอะที่สนับสนุนพวกมึง มึงจะเอาตาไปมองแต่คนที่ดูถูกก็ตามใจ แต่อย่าลืมว่ามีเสียงเชียร์มากมายของคนที่รักพวกมึงคอยเชียร์อยู่เหมือนกัน.. ท้อได้เว้ยเพื่อน.. แต่อย่าถอย.. เพราะมึงถอยมึงก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองสู้...”

         

           

            พอจุ๊ยกลับไปได้ไม่นาน เดวิด นิวฟอร์ดก็มาถึงซึ่งทำให้โป้งกับโกลแปลกใจมาก แถมเขาไม่ได้มาคนเดียว

            ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้แนะนำตัวว่าเป็นเป็นเจ้าหน้าที่จากทีมเชลซี ชื่อไมเคิล ปาร์กเกอร์

            “เราได้เสนอข้อเสนอมาแล้ว แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ดังนั้นเราจึงหยุดไปชั่วคราวเพราะรอดูท่าทีของเธอกับเทมส์ไซด์ ในเมื่อทางโน้นไม่ต่อสัญญา เราจึงอยากจะเสนอสัญญาให้พวกพิจารณา" ไมเคิลบอก

            แล้วเดวิดก็เอาเอกสารมาวางตรงหน้าของแต่ละคน

            “โดยสรุปก็คือทางเชลซีเสนอค่าแรงรายสัปดาห์ของโป้ง อาทิตย์ห้าหมื่นสี่พันปอนด์ แล้วถ้าหากโป้งยิงประตูได้ ก็ได้รับเงินพิเศษลูกละหนึ่งพันปอนด์ ส่งลูกให้ยิงได้ครั้งละห้าร้อยปอนด์ แล้วถ้าได้แมนออฟเดอะแม๊ตช์ ก็เอาไปเลยสองพันปอนด์อันนี้ สัญญาสามปี” เดวิดอธิบาย

            “ส่วนของโกล เขาเสนอให้สี่หมื่นสองพันปอนด์ต่อสัปดาห์ ถ้าได้Clean Sheet ได้ สามพันปอนด์ต่อนัด ถ้าได้เป็นแมนออฟเดอะแม๊ตช์ก็ได้ สี่พันปอนด์ สัญญาสามปีเท่ากับโป้ง”

            แล้วไมเคิลพิจราณาปฏิกิริยาของสองหนุ่ม

            "ผมทราบว่าพวกคุณสองคนจะทำอะไร.. แต่พวกคุณอายุยังน้อยกันยังเหลือเวลาที่จะอยู่ในวงการฟุตบอลอีกมาก.. ผมไม่ได้บอกว่าพวกคุณจะไม่เจอแรงกดดัน แต่ถ้าพวกคุณไม่ท้อถอย และทำในสิ่งที่พวกคุณทำอย่างสม่ำเสมอคือความมุ่งมั่นกับฟุตบอล ไม่ช้าคุณก็จะประสบความสำเร็จในการเอาชนะใจแฟนบอลได้"

            โป้งกับโกลมองเอกสารแต่ไม่ได้หยิบ

            ทั้งคู่สบตากันแล้วโกลก็ตอบออกไป

            “ผมต้องขอบคุณมากเลยนะครับคุณปาร์กเกอร์ แต่เราเคยเล่นให้กับเทมส์ไซด์ มันเป็นมารยาทไม่ใช่เหรอครับที่เราจะไม่เล่นให้ทีมที่เป็นคู่แข่งร่วมเมืองกัน.." คำพูดของโกลมั่นคง

            "เราก็ไม่อยากจะทำให้แฟนบอลเสียความรู้สึกมากไปกว่านี้.. ต่อให้พวกเขาจะรู้สึกกับเรายังไงในตอนนี้ แต่ที่ผ่านมาเราก็อบอุ่นมากกับการสนับสนุนของพวกเขา.. ข้อเสนอที่ดีของพวกคุณเราจึงต้องขอเรียนว่า..” โกลมองตาโป้งชั่วครู่ก่อนจะหันมาตอบ

            “เราไม่สามารถรับไว้ได้ แต่เราทราบในความปรารถนาดีของพวกคุณครับ และขอบคุณมากครับ”

            เดวิด นิวฟอร์ดมองหน้าไมเคิล ปาร์กเกอร์

            ปาร์กเกอร์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา

            “พวกคุณกำลังอยู่ในฐานะลำบาก.. แต่พวกคุณกลับปฏิเสธข้อเสนอของเรา.. ถ้าหากพวกคุณกังวลเรื่องปัญหากับแฟนบอล เราสัญญาว่าเราจะดูแลทำความเข้าใจกับแฟนบอลก่อนแน่นอน เพราะเราเข้าร่วมโครงการต่อต้านการกีดกันทางเพศต่อLGBTI”

            โกลยิ้มตอบ

            “เราทราบครับ.. แต่อย่างที่ผมแจ้งไปแล้ว.. เราคือคนของเทมส์ไซด์ เราจะไม่ยอมทรยศความรู้สึกของแฟนบอลของตัวเอง.. หากพวกเราจะต้องตกงาน หรือแม้แต่เลิกเล่น เราก็คงไม่สามารถรับข้อเสนอได้จริงๆ”

            เดวิดกำลังจะพูดอะไร แต่ปาร์กเกอร์ออกปากเสียก่อน

            “ตกลง ผมเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ..” แล้วปาร์คเกอร์ก็ลุกขึ้น เขาจับมือโกลก่อนจะหันไปจับมือโป้ง

            “พวกคุณสองคนกำลังเผชิญปัญหาที่หนักหนามาก.. ผมเชื่อว่าทั้งสองคนจะผ่านไปด้วยดี.. ผมจะเป็นกำลังใจให้” ปาร์กเกอร์กล่าว

            “ผมยินดีที่คนในรุ่นพวกคุณยังมีจิตใจแบบนี้.. เชื่อผมเถอะครับด้วยความจริงใจ พวกคุณจะได้รับการตอบรับที่ดีแน่นอน”

 

            รถยนต์ที่ไมเคิล ปาร์กเกอร์โดยสารออกมาเป็นรถตู้ของสโมสร.. เขานั่งเงียบอยู่ครู่แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมโซเชียลเน็ตเวริ์ค

            “ถ้าถามว่าผมรู้สึกอย่างไรกับการเจรจาที่แสนสั้นนี้.. ผมรู้สึกแย่ที่ไม่สำเร็จ..แต่ถ้าถามว่าผมได้อะไรจากการมาเจรจานี้.. ผมได้พบว่าจริงๆแล้วในโลกนี้.. จิตวิญญาณที่เข้มแข็งยังมีอยู่ และยังมีอยู่ในใจของเด็กทั้งสองคน.. ผมอยากจะบอกกับแฟนเทมส์ไซด์ว่า วันนี้นักฟุตบอลที่เทมส์ไซด์เบือนหน้าหนี เขาปฏิเสธเราอย่างไม่มีความลังเล.. เพราะอะไร.. ก็เพราะความซื่อสัตย์ต่อทีมของพวกเขา.. แล้วนี่หรือที่พวกคุณตอบแทนให้กับคนที่ป้องกันประตูให้พวกคุณ และคนที่บุกตะลุยไปข้างหน้าโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยอย่างพวกเขา.. เทพพร และ กรกฏ”

            นั้นคือสเตตัสแรก

            “แล้วถ้าหากเรามองข้ามตัวตนของพวกเขาไป.. แล้วเราลืมไปว่าพวกเขาเป็นคนรักชอบเพศเดียวกัน.. แล้วเราเห็นอะไร.. ผมเห็นนักฟุตบอลสองคนที่เก่งกาจเหลือเกิน.. น่าเสียดาย น่าเสียดายที่คนมากมายไม่เห็นอย่างผม”

            นั้นคือสเตตัสที่สอง


(Football V Homophobia เป็นโครงการที่มีข้อตกลงกับหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ท๊อตแนม ฮอตสเปอร์ นอริช ซิตี้ และเซลซี FC เป็นส่วนหนึ่งในบรรดาทีมที่เข้าร่วม แต่ยังมีอีกหลายทีมที่ไม่แสดงความจำนงเข้าร่วม โดยเฉพาะในปีนี้ ยูไนเต็ดกับเชลซียังเป็นทีมที่สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดการให้มีการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการเหยียดเพศในกีฬาฟุตบอล แต่มีอีกหลายทีมยังไม่ได้ตัดสินใจ ขออนุญาต แปะลิงก์ Facebook ของโครงการนี้ https://www.facebook.com/pages/Football-V-Homophobia/223056224452297 )

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 27-01-2016 08:26:35
โป้ง โกล สู้ๆ ต้องผ่านมันไปได้
แต่ก็อยากให้ไปตั้งสโมสรกันสองคนอยู่นะ :-[
ดีใจที่ทั้งคู่ไม่ปล่อยมือกัน
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 27-01-2016 08:46:29
ตอนนี้ซึ้งสุดๆ แต่ก็ยังลุ้นอยู่กับบทสรุปของเหตุการณ์ครั้งนี้ พ่อโกลจะช่วยอะไรได้บ้าง
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-01-2016 11:19:34
มันต้องผ่านไปได้ด้วยดี รอพ่อแม่ของโกลและโป้งมาหา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ตอนใหม่ การตัดสินใจ ด้วยรัก..
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 27-01-2016 15:18:40
ตอน การตัดสินใจ ด้วยรัก..



             โป้งกับโกลแต่ตัวอย่างสุภาพด้วยชุดสูท ทั้งสองคนขึ้นไปนั่งบนรถก่อน โดยมีเดวิดลงไปเปิดประตูรั้วเพื่อให้เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกับเพื่อนบ้าน

            แต่แล้วเขาก็เห็นจดหมายจำนวนมากเสียบไว้กับรั้ว เท่าที่ดูเป็นจดหมายให้กำลังใจจากเพื่อนบ้าน แต่ก็มีที่จดหมายหยาบคายจากพวกหัวเก่าอยู่บ้าง

             แต่ที่สะดุดตา คือ จดหมายที่มีตราของตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งของอังกฤษ เอ็ดลิงค์ตัน..

ถึงคุณกรกฏ และ คุณเทพพร

            ผมชื่อ เจมส์ เอ็ตเวริ์ด เอ็ดลิงค์ตัน เป็นผู้สนับสนุนทีม เดมเดซี่ เอฟซี ในนามของทีม ผมขอแจ้งว่าเรื่องที่คุณกำลังเผชิญกับข่าวและสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้น พวกเรามีความเข้าใจและรู้สึกเห็นใจในความยากลำบากนั้นอย่างสุดซึ้ง

            ผมและคณะกรรมการของทีมได้ปรึกษากัน รวมทั้งได้สนทนากับผู้เล่นของสโมสรเดมเดซี่แล้ว พวกเราจึงขอเสนอให้คุณมาร่วมทีมกับเรา เพื่อช่วยเหลือกันในการแข่งขันสำหรับฤดูกาลใหม่  โดยเราจะส่งทีมเข้าร่วมรายการฟุตบอล เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลถัดไป เราเชื่อว่าถ้าหากมีนักเตะฝีเท้าดีอย่างพวกคุณจะช่วยให้เราสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้

            ผมต้องขออภัยหากการเชิญชวนนี้ทำให้คุณไม่พอใจ เราทราบดีว่าพวกคุณคือนักฟุตบอลระดับอาชีพที่มีฝีเท้าในระดับโลก แต่เราคิดว่าหากพวกคุณจะแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญ คุณอาจต้องการเวลาในการพักจากมรสุม เรายินดีจะเป็นอ่าวหลบภัยชั่วคราวให้พวกคุณ แล้วรอให้พายุใหญ่นี้สงบลงก่อน แล้วพวกคุณค่อยเดินทางต่อไปในมหาสมุทรแห่งฟุตบอลที่แสนทรหดนี้

            ขอขอบคุณและหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากพวกคุณ ผม คณะกรรมการ(ซึ่งประกอบด้วยคนในชุมชนที่พวกคุณอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่) และเหล่านักฟุตบอลจะเฝ้าคอยด้วยความคาดหวัง

ด้วยความนับถือย่างจริงใจ

เจมส์ เอ็ดเวริ์ด เอ็ดลิงค์ตัน

ในนามคณะกรรมการเดมเดซีย์ เอฟซี

            ฮีทโทรว์ คือสนามบินที่วุ่นวายอย่างมาก ยังดีที่มีพรรณพงศ์เดินนำไปตลอดวราพรกับสิทธิชัยจึงออกมาจากสนามบินได้โดยไม่เสียเวลามาก

            “คุณโกลกับคุณโป้งนัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนตอนสามทุ่ม” กานต์รายงานจากข้อมูลที่ติดต่อกับบริษัทเอเจนซี่

            “มีแนวโน้มสูงว่าทั้งสองคนจะแขวนสตั๊ดครับ”

            วราพรใจหายวาบ

            “ตอนนี้กี่โมง” เปรมิกาถามกับเลขานุการส่วนตัว

            “สองทุ่มยี่สิบครับ”

 

            ห้องประชุมของโรงแรมดังกลางกรุงลอนดอนถูกใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวที่เกี่ยวข้องกับข่าวที่กำลังสั่นสะเทือนวงการฟุตบอล

             ทำให้ด้านนอกโรงแรมมีกลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งประกอบด้วยองค์กรสิทธิLGBTI และประชาชนจำนวนมากมายืนชูป้ายให้กำลังใจ แต่ก็มีกลุ่มต่อต้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรเคร่งศาสนาก็มายืนชูป้ายประท้วงเช่นเดียวกัน

            โกลขับรถมุ่งไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมากั่นให้รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรึ7ได้ผ่านเข้าไปภายในโรงแรมโดยสะดวก

            ปกติถ้าเห็นแบบนี้ โป้งจะต้องแสดงอาการตื่นเต้น แต่วันนี้โป้งดูเงียบกว่าทุกวัน เขาเพียงโบกมือให้ผู้สนับสนุนที่เรียกชื่อเขาเพียงเท่านั้น

           

            เจมส์ เอ็ดเวริ์ด เอ๊ดลิงค์ตัน แสดงบัตรประจำตัวและใช้สิทธิพิเศษของตนเพื่อเข้าไปภายในห้องกับชายหนุ่มผิวขาวแต่ดวงหน้าแบบเอเชีย

            “อาเจมส์ว่าเขาตอบรับเราไหม” ชายหนุ่มถามด้วยภาษาที่ชายหนุ่มร่างสูงเข้าใจ แต่เข้าใจกันเพียงสองคนคือภาษาไทย

            “ไม่รู้เหมือนกันนะไนส์.. เดี๋ยวก็รู้” มิสเตอร์เอ็ดลิงค์ตันตอบต่อชายหนุ่ม

            เขาเคยไปอยู่เมืองไทยหลายปี เพราะบิดาที่เสียไปชอบเมืองไทยมาก และให้เขาบริหารกิจการโรงแรมของท่านที่เมืองไทย แต่หลังจากประสบปัญหาหลายๆอย่าง เขาก็ตัดสินใจขายกิจการและกลับมาอาศัยที่อังกฤษ  ส่วนเจ้าไนส์ อัครภพ คนนี้เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นคนไทย

            ภายในห้องประชุมนั้นมีโต๊ะยาวที่จัดไมโครโฟนไว้สามชุด แสดงว่าจะมีคนอื่นนอกจากทั้งสองคนร่วมแถลงด้วย เจมส์เดาว่าคงจะเป็นเอเจนซี่

            ที่เขาต้องมาด้วยตนเอง ก็เพื่อจะแจ้งความจำนงของเขาให้แก่ทั้งสองคนทราบด้วยตัวเอง

            แล้วก็มีเสียงขยับตัวของบรรดานักข่าวและช่างภาพเมื่อประตูด้านหนึ่งเปิด ไนส์หันไปมองเห็นโป้งและโกลในภาพที่แตกต่างออกไปคือสูทสีดำสนิท เดินออกมาโดยมีชายชาวอังกฤษอีกคนเดินตามออกมา

            ทั้งสามนั้งลงแล้วก็คุยกันนิดหน่อย

            ไนส์แอบโบกมือหย่อยๆ แต่กระนั้นโป้งก็เห็นเพราะเขามองไปรอบๆโดยตลอดอยู่แล้ว เขาก็เลยโบกมือตอบนิดหน่อยพอรู้กัน

            “ขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่สละเวลามาร่วมในการแถลงข่าวนี้ ผม มิสเตอร์กรกฏ และมิสเตอร์เทพพร ขอแสดงความเคารพต่อทุกท่านไว้ณ.ที่นี้” เดวิดกล่าวอย่างเป็นทางการ

            “สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ มิสเตอร์กรกฏขอกล่าวอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง ส่วนมิสเตอร์เทพพร.. อย่างที่พวกคุณทราบ.. เขาพูดไม่เก่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับฝีเท้าของเขา”

            พวกสื่อหัวเราะกันเพราะก็อย่างนั้นจริงๆ เพราะเวลาโป้งโดนสัมภาษณ์มักจะตื่นเต้นจนพูดไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ภาษาอังกฤษของเขาก็ดีพอสมควร  แต่เป็นการหัวเราะอย่างเอ็นดู เพราะหากไม่นับเรื่องที่กำลังเป็นกระแสอยู่ โป้งมักจะได้รับคำชมจากสื่อว่าเป็นคนน่ารักและจริงใจ

            “ก่อนอื่นเลย ขอบคุณมากครับที่อุตส่าห์มากัน.. หวังว่าผมจะไม่ทำให้ใครพลาดเดทหรือดินเนอร์สำคัญนะครับ” โกลกล่าวเริ่มต้นโดยพยายามให้ไม่เคร่งเครียดเกินไป

            สื่อก็หัวเราะกันพอประมาณ

            “สำหรับเรื่องของพวกเรา เราขอยอมรับว่าทั้งหมดคือความจริง” โกลกล่าวออกไปอย่างมั่นคง

            เขาวรรคเพื่อให้ช่างภาพได้บันทึกภาพของเขาในวินาทีนั้นอย่างเต็มที่

            “ผมกับโป้งเป็นคู่ชีวิตกันมานานมาก เราคบหากันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนจนกระทั้งวันนี้ นับแล้วก็แปดปีกว่าๆ” แล้วโกลก็หันไปจับมือกับโป้งวางวางไว้บนโต๊ะ

            “เราสองคนผ่านเรื่องราวมากมายด้วยกัน เราร่วมกันฝึกฝน ร่วมกันต่อสู้ และร่วมเป็นกำลังใจให้กันละกันในทุกอย่างของชีวิต.. สำหรับผมโป้งคือทุกอย่างของผม”

            แล้วทั้งคู่ก็หันมาสบตากัน

            “เราไม่เคยปิดบังอะไร เพียงแต่ตลอดมา เราทราบดีว่ามีเด็กมากมายเฝ้าดูพวกเรา เราจึงคิดว่าเราควรจะวางตัวอย่างเหมาะสม ดังนั้นเราจึงไม่เคยบอกออกไปอย่างเป็นทางการ โดยเราสองคนพยายามรักษาระยะห่างกันไว้ เวลาที่อยู่ในสนามฟุตบอล แต่เราก็ไม่ได้มีเจตนาปกปิดแต่อย่างใด.. และหากมีใครสักคนถามเรา เราก็คงจะตอบอย่างจริงใจ แต่ยังไม่เคยมีใครถามเรามาก่อน”

            แล้วประตูด้านหลังก็เปิดออก

            อย่างเงียบๆ ชายหญิงสองคู่ก็เดินเข้ามา แต่เพราะเก้าอี้เต็มหมดแล้วทั้งสี่จึงได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ

            ไนส์หันไปเห็นและจำได้ว่าคือพ่อแม่ของโกล เปรมิกา และพรรณพงศ์ วรรณพิธิ  เขาจึงลุกขึ้นให้เปรมิกานั่งและเจมส์ที่หันมาก็ลุกให้หญิงสาวอีกคนนั่ง

            โป้งเห็นทั้งสี่เดินเข้ามา เขายิ้มออกมาอยากจะเดินลงไปกอดแม่เสียตอนนี้ แต่ได้แค่ยิ้มให้  เขาคิดว่าโกลก็น่าจะเห็นแต่ เขาไม่ได้แสดงอาการ

            “เราทราบดีว่าแฟนฟุตบอลหลายคนรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งทีเกิดขึ้น และการที่สโมสรไม่ต่อสัญญากับเรา ก็ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดแต่อย่างใด ในความรู้สึกของเรา  เราเข้าใจดีและยินดีรับการตัดสินใจนั้น” โกลกล่าวต่อไป

            “แต่ในขณะเดียวกัน ที่มีสโมสรหลายสโมสรให้ความสนใจเรา เราก็ยินดีมาก แต่เราก็ต้องขออภัยเพราะตอนนี้เรายังไม่พร้อมจะกลับไปเล่นให้ทีมใดๆในลีกระดับสูง” โกลวรรค

            “โดยเราได้ตัดสินใจกันตั้งแต่เดินทางมาแล้วว่า เราจะยินดีเข้าร่วมกับสโมสรเดมเดซี่ ที่ยินดีจะให้เราได้ร่วมแข่งขันกับพวกเขาด้วยความอารี”

            มีนักข่าวหลายคนเห็นเจมส์แล้ว เขาจำได้ดีเพราะเจมส์เป็นทายาทตระกูลเอ๊ดลิงค์ตันที่เป็นชื่อสายของขุนนางเก่า และยังเป็นนักธุรกิจจึงหันไปด้านหลังที่คิดว่าเจมส์นั่งอยู่

            เจมส์ที่ยืนอยู่ก็โค้งรับด้วยความยินดี

            “สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เราจะไม่โทษใคร ไม่โกรธใคร เราสองคนขอใช้เวลาที่จะโกรธและเสียใจ ให้กับฟุตบอล เราสัญญากับเดมเดซี่ และผู้สนับสนุนทุกคนว่า เราจะให้ความทุ่มเทให้มากกว่าเดิมเพื่อสร้างผลงานในสนามที่ดีสมกับที่ทุกๆคนให้ความไว้วางใจเรา ขอบคุณครับ”

            เงียบ..

            วราพรมองหน้าโกล.. โกลที่เธอฝากโป้งเอาไว้นั้น ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังจริงๆ เขาเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งพิงให้โป้งได้ทุกเวลาจริงๆ

            “มีใครจะซักถามอะไรไหมครับ” เดวิดกล่าว

            มีหลายมือยกมือ แต่เดวิดเลือกเอานักข่าวจากสำนักที่มีทัศนคติกับเกย์แย่ที่สุดก่อน เพราะเขาต้องการใช้เวทีนี้เป็นที่ระบายออกของความอัดอั้น  และเดินหน้าชนกันไปเลย

            “พวกคุณสองคน ยังคิดจะเล่นฟุตบอลต่ออย่างนั้นเหรอครับ แล้วไม่สนใจที่มีคนออกมาต่อต้านเหรอครับ เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาของชายชาตรี” นักข่าวคนนั้นถามออกมา

            เล่นเอาคนที่อยู่ข้างๆซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสาวเลสเปี้ยนถึงกับแบะปาก

            โกลยิ้มอย่างเยือกเย็นในแบบของเขา

            “ฟุตบอลเป็นกีฬาทีเล่นด้วยเท้า.. ตัดสินกันด้วยการทำประตู และก็ไม่มีช่วงไหนของฟุตบอลที่ต้องมีการแสดงการร่วมเพศเพื่อจะได้มาซึ่งคะแนน”

            เสียงหัวเราะคิกคักกันในหมู่ผู้เข้าร่วม

            “ผมกับโป้งในสนามฟุตบอลเราก็ใช้ทักษะทีเราฝึกฝนมาอย่างยากลำบากเหมือนกับนักฟุตบอลคนอื่นๆ และในการเล่น เราไม่ได้เอาเพศสภาพลงไปเล่น เราคือนักฟุตบอลชายในสนาม หรือว่าคุณเห็นเป็นอย่างอื่น..” โกลถามกลับ

            “แต่เราก็เข้าใจว่ามีหลายท่านรู้สึกไม่ชอบใจ ดังนั้นเราจึงสัญญาว่าต่อให้เราเปิดเผยตัวแล้ว เราก็จะยังพยายามปฏิบัติตนเหมือนเดิม และจะไม่แสดงอาการปารถนาทางเพศในสนามอย่างแน่นอน เพื่อรักษาความบรรยากาศและความศักดิสิทธิ์ของกีฬาที่ผมและโป้งรักด้วยชีวิต”

            ผู้สื่อข่าวคนนั้นถึงกับหน้าเจื่อน นั่งลงโดยมีผู้สื่อข่าวสาวยิ้มเยาะอย่างเปิดเผย

            “เมื่อบ่ายเชลซี ได้เสนอข้อเสนอเข้ามาแต่พวกคุณปฏิเสธจริงหรือเปล่าค่ะ” คนที่ได้คำถามต่อไปเป็นผู้สื่อข่าวสาวคนข้างๆ

            “ครับ..” โกลตอบ แล้วหันไปสบตาโป้ง ก่อนจะหันมา

            “เราสองคนเป็นเคยเป็นนักฟุตบอลของเทมส์ไซด์ แค่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้แฟนบอลรู้สึกไม่ดีมากพอแล้ว เราจึงไม่สามารถทำร้ายพวกเขามากกว่าเดิมได้ เราจึงปฏิเสธข้อเสนอของทีมที่อยู่ในลีกระดับเดียวกันในลอนดอนด้วยกันไป เราไม่สามารถเล่นกับทีมที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของเทมส์ไซด์ได้ เพื่อตอบแทนที่แฟนบอลเคยให้การสนับสนุนเรา”

            พรรณพงศ์มองสังเกตปฏิกิริยาของผู้สื่อข่าว

            เจ้าโกลวาทศิลป์ร้ายกาจเพียงไรเขารู้ดี  เจ้านี่มักจะตอบอะไรที่ทำให้คนอื่นอึ้งไปได้เสมอ ถ้ามันจะประชดประชัน ก็เจ็บไปถึงทรวงเลยทีเดียว

            “แล้วที่มีข่าวว่าทีมชาติไทยได้ถอนชื่อของพวกคุณออกไปแล้ว คุณจะทำอย่างไร” นักข่าวคนต่อไปถาม

            โกลหันมองโป้งก่อนจะตอบเช่นเคย

            “เราเข้าใจทีมชาติของเรา.. แต่เราก็ยังคาดหวังว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ ไม่มีเราพวกเขาก็ยังมีคนอื่นๆที่ยอดเยี่ยมกว่าเราสองคน ดังนั้น แม้จะเสียดายที่ไม่ได้รับใช้ประเทศชาติแล้ว พวกเราก็ยังเป็นกำลังใจให้ทุกคนเหมือนเดิม”

            การแถลงข่าวจบสิ้นลงแล้ว ด้วยความเรียบร้อย..

            “ดูสิเราน่ะ.. ผอมไปหรือเปล่า.. หน้าตอบๆไปนะ ทำไม่ค่อยได้กินข้าวเหรอ.. แล้วนี่ดูสิผิวก็ด้านด้วย.. แม่บอกให้ทาครีมบ้างก็ไม่ฟังเลยลูกคนนี้” วราพรกอดลูกชายแล้ว แต่ก็ยังไม่วายบ่น

            สุทธิชัยหันไปโคลงหัวกับโกล

            โกลอมยิ้มมองสองแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความดีใจ เจ้าโป้งก็อ้อนแม่เหมือนเด็กๆ

            “โกล.. พ่อแม่ของเราน่ะ ท่านก็มาด้วยความเป็นห่วงนะ.. เราจะไม่ไปคุยกับท่านหน่อยเหรอ” สุทธิชัยกล่าวแล้วมองหน้าของชายหนุ่มร่างสูง

            โกลหันไปมองด้านหนึ่งก่อนจะตอบรับและเดินไป

            โกลเดินเข้าถึงตอนที่พรรณพงศ์และเปรมิกาคุยอยู่กับเจมส์ เอ็ดลิงค์ตัน ออกมาตรงบริเวณโถงหน้าห้องประชุม เขาจึงไปยืนข้างกานต์ที่ยืนอยู่ห่างไปเล็กน้อยเพื่อรอ

            “ผมกับภรรยายินดีจะให้สนับสนุน เดมเดซี่ในการทำทีมเพิ่มเติมด้วย เรื่องอุปกรณ์การฝึกซ้อมและอุปกรณ์ของนักกีฬาเราจะให้ฟรีโดยไม่คิดมูลค่า ขอให้ทีมส่งรายการมาให้ได้เลย ผมจัดการจัดหาให้ทั้งหมด” พรรณพงศ์กล่าว

            “ส่วนดิฉันจะยินดีจะสนับสนุนเรื่องการออกแบบชุดสำหรับฤดูกาลใหม่ แล้วถ้าหากต้องการความช่วยเหลือด้านอื่นๆเช่นการประชาสัมพันธ์ที่เมืองไทย.. ดิฉันก็ยินดีจะทำ และจะออกคอลเล็กชั่นใหม่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเพื่อสนับสนุนภาพลักษณ์ของเดมเดซี่ด้วย” เปรมิกาเสนอตัว

            “ขอบคุณมากครับ.. แต่ต้องแจ้งก่อนว่าเราไม่ได้ทราบมาก่อนว่าโกลดี้เป็นลูกชายของพวกคุณ ทีมของเราเคยเล่นฟุตบอลกับเขา และประทับใจมากก็เลยยื่นชวนให้เขามาร่วมทีม” เจมส์กล่าว

            แล้วเขาก็ยกนาฬิกาขึ้นมองเป็นสัญญาณว่าจะลากลับ

            “ยินดีครับที่ได้เจอ แล้วเราคงได้พบกันอีก” เจมส์จับมือกับพรรณพงศ์และเปรมิกา

            ก่อนเขาจะหันไปส่งสัญญาณมือบอกลาโกลแล้วก็เดินไปคู่กับไนส์ที่รออยู่

            พอทั้งสองคนลับไป โกลก็เดินเข้าไป

            เขายกมือไหว้ทั้งคู่

พรรณพงศ์เอื้อมมือมาจะจับตัวโกล..ระหว่างนั้นกลัวเหลือเกินว่าโกลจะขยับหนี

แต่โกลไม่ได้ถอยเหมือนทุกครั้ง เขาจึงสามารถบีบไหล่ของโกลได้.. นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาสามารถสัมผัสกายของโกลได้

“ทำดีมากโกล.. เราพูดได้ดีมาก.. แต่จะดีกว่าถ้าเราไม่แขวะนักข่าวคนนั้นไป” พรรณพงศ์ว่า

“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ” เปรมิกากลับเข้าข้างโกล

“ก็อยากถามอะไรไม่เข้าท่าเข้าทาง ตรงมาก็ตรงไป ผิดตรงไหน”

โกลมองหน้าเปรมิกา แล้วเขาก็ยิ้มออกมา

“คุณพ่อคุณแม่จะอยู่กี่วันครับ..ผมมีแผนจะพาแม่ของโป้งกับน้าหมอไปเที่ยว จะไปด้วยกันไหมครับ”

เปรมิกาไม่คาดเลยว่าเธอจะได้รับคำนี้จากโกล เธอหันมองหน้าพรรณพงศ์ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ต้นแขนของโกล           

“ถ้าสองสามวันก็พอได้นะลูก.. ถ้านานกว่านั้นคงไม่ได้ เพราะแม่มีงาน”         

โกลยิ้มตอบ

“ครับแม่”

เป็นครั้งแรกที่คำว่าแม่จากปากโกลไม่ได้เคลือบไปด้วยความชิงชัง.. นี่เป็นการปลดปล่อยพวกเขาจากบรรยากาศอึมครึ้มของครอบครัวที่ปกคลุมมาอย่างยาวนานในสายตาของกานต์

ทั้งสามคนสนทนากันไปอีกครู่ใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เป็นการที่โกลตอบคำถามและฟังคำแนะนำของทั้งพรรณพงศ์และเปรมิกา กระแสของความอบอุ่นเคลือบอยู่ในบรรยากาศการสนทนานั้น

กานต์ไม่อาจกลั่นน้ำตาได้ เขาจึงต้องแอบหันเช็ดมันออกก่อนจะหันกลับมาเพื่อตอบรับคำสั่งของพรรณพงศ์

พายุอาจยังโหมอยู่ข้างนอก..แต่ตรงนี้นาทีนี้ ความอบอุ่นปลอดภัยจากครอบครัวได้โอบล้อมทั้งโป้งและโกลเอาไว้อย่างมั่นคง และพร้อมจะเป็นกำลังใจให้ทั้งสองต่อสู้กับมรสุมนี้ไปอย่างเข้มแข็ง..

 

ข่าวภาคดึกนำเสนอเรื่องบทสัมภาษณ์ของโป้งและโกลไปทั่วประเทศและทั่วโลก

เซบาสเตียน บัลเดอร์อมยิ้มอย่างพอใจกับผลการตัดสินใจของทั้งสองคน

“ฉันจะรอพวกนายกลับมา โกลเด้นท์บอยทั้งสองคนของฉัน.. พวกนายจะเข้มแข็งเหมือนเดิม และเก่งกว่าเดิม..” แล้วเขาก็หยิบเอกสารฉบับหนึ่งมา

เป็นเอกสารเสนองานในตำแหน่งผู้จัดการทีมกับทีมชั้นนำทีมหนึ่งในพรีเมียร์ชิพ

“ถ้านายพร้อมกลับมา ฉันก็พร้อมจะร่วมงานกับนายอีก”

 

อำนาจมองหน้าสองนักกีฬาตัวหลักของทีม เขาถอนหายใจแล้วก็เลื่อนเอกสารออกไป

“ลาออก..ไม่อนุมัติ.. แต่ฉันจะให้เดมเดซี่ยืมตัวนายสองคนไป.. ก็ดีเล่นแต่ในประเทศไทยก็ไม่มีประโยชน์ออกไปเจอโลกกว้างกับเขาบ้าง..” อำนาจกล่าว

สองคนหันกลับมามองหน้ากันแล้วยิ้ม

“ฝากบอกได้โป้งด้วย.. ฉันคิดถึงมันมาก.. แล้วก็บอกให้มันเข้มแข็ง” อำนาจกล่าวแล้วก็อมยิ้ม

“ฉันภูมิใจที่มันกล้าหาญ.. นี่หละสิ่งที่เรียกว่าลูกผู้ชาย”

ลมหนาวพัดกลิ่นแห้งมา แต่บรรยากาศในสนามโอลแทรฟฟอร์ดกำลังลุกโชนด้วยบรรยากาศที่กดดัน..

นี่คือเอฟเอ คัพ ถ้วยที่มีมนต์ขลัง..

ในฐานะผู้จัดการ ชายหนุ่มเคราดกดำกอดอกมองลูกทีมกำลังวิ่งไล่ตามนักเตะร่างเล็กเพรียวที่วิ่งราวหนีไปมาอย่างกับเท้าของเขาติดจรวด

การเคลื่อนที่เรียบง่ายแต่จับทางได้ยาก ด้วยความเร็วและจังหวะเท้าที่พลิ้วไหว เปลี่ยนแปลงได้อย่างในชั่วพริบตา

ผ่านมาหลายปีเด็กคนนี้ก็ยิ่งเก่งมากขึ้นทุกที.. แล้วเหมือนมันจะจองเวรจองกรรมกับโอลแทร็ปฟอร์ดนี่เหลือเกิน.. มาทีไรมันต้องยิงประตู..

ฉับพลัน.. เขาได้ลูกบอลมาครอบครองอีกครั้งที่กลางสนาม เพราะความผิดพลาดของแนวรุกของปีศาจแดงเอง

เด็กหนุ่มทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เข้าหากองหลังที่พุ่งเข้ามาเช่นกัน

แต่แล้วก่อนถึงตัวกองหลัง เขาก็สับขาเอาส้นเท้าตอกลูกบอลให้ย้อนไปข้างหลังเฉียงโดยเฉียงไปทางขวาเล็กน้อย

ลูกบอลถูกดักไว้ได้อย่างมั่นคงด้วยหนุ่มผิวค่อนข้างขาว เขามองด้วยแววตาคมกริบ แล้วเตะไปทางขวาที่มีเพื่อนร่วมทีมวิ่งนำไป

ร่างสมส่วนพลิกกายหลบหนีการสกัดจากแบ๊คซ้ายของยูไนเต็ด แล้วมุ่งไปสู่เส้นหลัง เขาเตะโยนเข้าไปหาพื้นที่หน้าประตู

ผู้รักษาประตูตัวเก่งของยูไนเต็ดรีบกระโดดทุบบอลโด่งออกมา

แต่พลัน..

ร่างเล็กเพรียวกระโดดขึ้นกลางอากาศ เขาบิดกายตวัดเท้าซ้าย วาดวงใส่ลูกบอลที่ลอยอยู่

ท่าฟาดหน้าเน็ต เซปักตระกร้อ..

ลูกบอลพุ่งกระแทกพื้นหนึ่งจังหวะแล้วเปลี่ยนทาง..

ผู้รักษาประตูคนเก่งของยูไนเต็ดจึงได้แต่พยายามเอื้อมไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะการเปลี่ยนทางกะทันหันนั้น..

“แสบจริงๆนะนายคนนี้” แล้วผู้จัดการทีมหนุ่มหันไปสั่งกับผู้ช่วย

“เปลี่ยนกองหน้าลงไป..เทหมดหน้าตักไปเลย”

“แต่” ผู้ช่วยลังเล

“จะรออะไรเล่านี่มันบอลน๊อกเอาท์ โดนนำสองศูนย์จะระวังอะไร.. นี่มันจะหมดเวลาแล้วด้วย” เขายืนยัน แล้วหันไปชี้สั่งผู้เล่นในสนาม

“เอ้าเดินกันทำไม.. เอาบอลไปตั้ง เวลายังไม่หมดสักหน่อยรีรออะไร”

แล้วเขาก็หันไปมองแฟนบอลกลุ่มเล็กราวหลักพัน ที่สวมเสื้อสีเหลืองอ่อนของทีมเล็กๆที่กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหญ่ให้กับวงการฟุตบอล พวกเขายืนขึ้นแล้วเหยียดมือออกไปข้างหน้า ยกนิ้วโป้ง

“โป้ง โป้ง โป้ง โป้ง”

เจ้าของชื่อโบกมือไปบนอัฒจันทร์ แล้ววิ่งกลับไปประจำตำแหน่ง.. โดยไม่ลืมจะหันไปยิ้มให้กับผู้รักษาประตูร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นปราการยักษ์ป้องกันการคุกคามของคู่แข่งอย่างเข้มแข็ง..

อีกคู่ที่หันมาสบตากันคือปีกขวาผู้แม่นยำกับกองกลางตัวรับผู้เยือกเย็น.. เขาทั้งสองคือขุมกำลังจากแดนไกลที่มานำพาช่วยให้ทีมเล็กๆนี้กำลังจะก้าวเข้าไปสู่รองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเก่าแก่..

เดมเดซี่ เอฟซี..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 27-01-2016 16:13:13
ความอบอุ่นยังมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากพ่อและแม่ รวมทั้งแฟนบอลตัวจริงของโกลและโป้ง
สองคนที่มาใหม่คงเป็นก้านกับวู๊ดแน่ๆ สนุกมากครับ
รอตอนต่อไป

ปล. โกลดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย จากการที่ปฏิบัติตัวต่อพ่อกับแม่
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-01-2016 16:35:11
เทมส์ไซด์ไม่เสียดายแย่เหรอที่เดมเดซี่ เอฟซี บ้านใหม่ของโกลและโป้งก้าวเข้าไปสู่รองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเก่าแก่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง อัพเดทตอนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 28-01-2016 19:34:13
ตอนกลับไปเยือนคราวน์ เรเวน



โป้งวิ่งคู่กับโกลในการซ้อมประจำวันเหมือนอย่างทุกวัน

การอยู่ในทีมลีกระดับสิบทำให้พวกเขาเหมือนอยู่ในช่วงพักผ่อนอยู่ตลอด ดังนั้นโกลจึงติดต่อจ้างทีมโค้ชมากฝีมือเป็นที่ปรึกษาการซ้อมให้กับพวกเขาและทีม ซึ่งเป็นงบได้อุปการะจากพรรณพงศ์โดยตรง

ทั้งนี้เพื่อใช้โอกาสที่เขาไม่ต้องเจอกับเกมหนักๆเหมือนในลีกอาชีพพัฒนาตนเองและเพื่อนๆ ซึ่งถ้าหากเป็นการแข่งในลีกระดับสูงพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ทำ

เดมเดชี่มีนักฟุตบอลอยู่ถึงยี่สิบห้าคน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ได้เป็นนักฟุตบอลโดยอาชีพ พวกเขามีงานประจำอื่นทำแล้วมาฝึกฝนฟุตบอลตอนเย็น ดังนั้นการฝึกซ้อมของพวกเขาจึงเหมือนกับทีมระดับโรงเรียนมากกว่า

แต่การเข้ามาของโป้งและโกล ร่วมทั้งก้านเพชรและวู๊ดก็ทำให้ระบบการซ้อมเปลี่ยนไป แต่ก็เฉพาะกับคนที่มีเวลามาซ้อมทุกวัน อย่างศูนย์หน้าวัยสิบเจ็ดปี และอีกไม่กี่คน

เจมส์ เอ็ดลิงก์ตันก็จะมาดูการซ้อมเป็นพักๆ ซึ่งสนามซ้อมชานเมืองนี่ก็อยู่บนที่ดินของตระกูลเอ็ดลิงก์ตัน  เจมส์เป็นคนเรียบง่าย ทว่าความจริงเขาคือบุคคลที่มีเชื้อสายสืบกลับไปได้ถึงควีนแอนด์แห่งราชวงศ์สจว๊ตที่เคยเป็นราชินีแห่งอังกฤษมาก่อน

เดวิด นิวฟอร์ดแจ้งเรื่องที่มีสโมสรในอังกฤษและต่างชาติยื่นข้อเสนอมาให้โป้งกับโกลมามากมายหลายที่ บางแห่งยื่นข้อเสนอมาสูงลิบ และยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนนัดที่ทั้งคู่ลงสนาม

แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร เพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถตัดใจเดินจากทีมเล็กที่อบอุ่นนี้ได้อย่างไร

ขนาดว่าโกลเป็นคนที่ไม่ค่อยปลาบปลื้มอะไรง่ายๆ เขาก็ยังรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่เป็นบรรยากาศที่เป็นกันเองมาก บางทีบรรดานักฟุตบอลพ่อลูกอ่อนก็พาลูกเมียมาซ้อมด้วย และมีการจัดงานปาร์ตี้เล็กๆหลังการซ้อมกันอย่างสนุกสนานด้วยฝีมือทำครัวของพวกแม่ๆ

จะว่าไปเหล่านักเตะกึ่งสมัครเล่นเหล่านี้มีความสุขกับการได้เล่นฟุตบอลมากเสียยิ่งกว่านักฟุตบอลอาชีพตัวจริงเสียอีก..

แต่การแข่งขันกับทีมในลีกระดับสิบ ก็เป็นไปอย่างไม่เข้มข้นนัก และมักจบด้วยชัยชนะของทีมเดมเดซี่ซะเป็นส่วนใหญ่ แม้บางนัดนักฟุตบอลอาชีพทั้งสี่จะไม่ลงสนามพร้อมกันก็ตาม ซึ่งแน่นอนไม่ได้ท้าทายความสามารถของพวกเขาเลยสักนิด

ดังนั้นรายการแข่งขันที่แท้จริงสำหรับสี่นักฟุตบอลอาชีพคือรายการเอฟเอ คัพ
       ซึ่งที่โป้ง โกล วู๊ดและก้านเพชรกำลังมุ่งมั่นฝึกซ้อมอยู่นี่ก็เพื่อลงสนามในรายการนั้น..



พอกลับถึงบ้าน โป้งก็จัดการทอดไข่เจียวกินเป็นมื้อดึก โดยตอนนี้มีผู้ร่วมวงอีกคนคือก้านเพชร..   

“ทำไมพวกตัวบางๆนี่มันกินจุจังวะโกล” วู๊ดหันมาบ่นแต่มือกำลังกดรีโมทเปิดโทรทัศน์

            “คงเพราะมันระบบเผาพลาญดีมั้ง.. ตัวมันเลยบางไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อแถมกินจุ” แล้วก็หันไปเก็บข้าวของที่โป้งโยนทิ้งไว้ก่อนเข้าครัวไป

            “ทางสโมสรแจ้งมาว่ากูกับก้านเพชรอาจโดนขายไปเยอรมันหรือไม่ก็ฮอลแลนด์ว่ะ” วู๊ดเล่า

            “แม่งกูไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลย ภาษาอังกฤษยังไม่กระดิก จะไปเจอเยอรมันอีกแล้ว..”

            โกลส่ายหัวไม่เห็นด้วย ก่อนจะตอบ

            “เฮ้ยของพวกนี้มันฝึกกันได้.. แต่ที่นั่นหนาวกว่าที่นี่นะ โดยเฉพาะฮอลแลนด์..” โกลว่า

            “ก่อนไปมึงก็ลองย้ายไปนอนในตู้เย็นดูสิ..จะได้ชิน”

            วู๊ดหันมามองหน้า

            “ไอ้สัตว์ เดี่ยวนี้เล่นมุกกับเขาด้วยนะ” วู๊ดท้าวสะเอว

            “วู๊ด ไอ้ก้านมันจับก้นกู” โป้งออกมาจากครัวทำแก้มป่องๆ มือข้างหนึ่งถือตะหลิวมาด้วย

            “เปล่านะ” ก้านเพชรตามออกมาแก้ตัว ทำหน้าตื่นๆมองวู๊ดเพราะกลัวโดนวู๊ดเล่นงาน

            “มันเป็นอุบัติเหตุ”

            วู๊ดถอนหายใจ.. ส่ายหัว ปวดกระบาล

            แต่โกลหัวเราะดังเอิ้กๆ

            การมาของวู๊ดกับก้านเพชรแม้จะทำให้บ้านวุ่นวายมากกว่าเดิม เพราะก้านเพชรมักจะหยอกโป้งแนวหมาหยอกไก่ ส่วนไอ้โป้งก็ชอบโวยวายเวลาโดนแกล้ง แต่นั่นก็ทำให้บ้านที่เคยสงบเงียบคึกคักขึ้นมาได้ทันตา

            แล้วตรงนี้เอง มันทำให้ชีวิตที่เรียบๆของโกลมีสีสัน และสำคัญการมาของทั้งสอง ทำให้โกลตระหนักถึงคำว่าน้ำใจของเพื่อน..



            สนามแห่งนี้ครั้งหนึ่งเป็นสถานที่ซึ่งโกลคุ้นเคยดี เสาประตูฝั่งนี้มีรอยบุบเล็กน้อยจากการที่มีพวกชีเปลือยวิ่งลงมาแล้วตำรวจไล่จับจนตำรวจคนหนึ่งพุ่งไปกระแทกเสาจนบุบ

            โกลวางขวดน้ำลงข้างๆเสาสัมผัสรอยบุบเหมือนกับทุกครั้งที่เขาต้องมายืนตรงนี้

            แล้วเขาก็หันไปสู่สนามหญ้าที่ทอดตัวยาว.. ที่นี่คือคราวน์ ราเวน.. สนามที่พวกเขาใช้เวลาสี่ปีลงเล่นเพื่อเอาชนะผู้มาเยือนให้ได้  ผิดแต่วันนี้.. เขามาเพื่อเอาชนะเจ้าบ้านให้ได้

            จากรายงานของบีบีซี ปีนี้ครานว์ ราเวนมียอดคนดูน้อยที่สุดในรอบยี่สิบปี โดยพวกเขามีผู้ชมเข้ามาชมการแข่งขัดเฉลี่ยลดลงเกือบยี่สิบเปอร์เซนต์ คงไม่ได้มาจากสาเหตุของกรณีโป้งกับโกลอย่างเดียว แต่เป็นเพราะบังเอิญเกิดเรื่องต่อเนื่องหลายๆอย่าง

            เริ่มตั้งแต่เซบาสเตียนจากไปอยู่กับทีมใหญ่ร่วมที่อยู่เมืองกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังมีกรณีเปลี่ยนเจ้าของเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนและมีการขึ้นราคาค่าตั๋วขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์

            แถมปีนี้เทมส์ไซด์ ก็ยังมีผลงานไม่ค่อยดีในสนาม จากที่สี่ปีที่เซบาสเตียน เขาและโป้งอยู่ คราวน์ ราเวนคือแดนหฤโหดของทุกทีมที่มาเยือน ทีมใดมีประวัติยาวนาน หรือประสบความสำเร็จสูงแค่ไหน ก็ตามอาจต้องจะมากลับไปด้วยความปราชัย

            พวกเขาเคยทำสถิติไม่แพ้ในบ้านถึงยี่สิบนัดต่อเนื่อง  แต่ปีนี้ปีเดียว เทมส์ไซด์ แพ้ในบ้านไปแล้วหกนัด และถ้านับรวมทุกนัดเย้าเยือน เทมส์ไซด์อยู่อันดับที่สิบแปด ชนะเพียงหกนัด เสมอสาม และแพ้ไปสิบสี่นัด.. มีแค่สิบเก้าแต้มอยู่อันดับสิบแปด

             โกลไม่รู้ว่าเขาควรรู้สึกอย่างไรกับความตกต่ำของเทมส์ไซด์ เขาควรจะสมน้ำหน้า หรือควรจะเสียใจด้วยดี

             แต่เมื่อโกลกล่าวถึงเทมส์ไซด์ เขาก็จะอดไม่ที่จะคิดถึงเพื่อนๆพี่ๆในทีม และใบหน้าของแฟนบอลที่เคยให้กำลังใจ

             การรับรู้ความตกต่ำของเทมส์ไซด์ทำให้โกลรู้สึกใจฟ่ออย่างบอกไม่ถูก.. พวกเขาคงเศร้าไม่น้อยกับผลงานที่ย่ำแย่ของเทมส์ไซด์

            แต่อย่างไรก็ดีวันนี้ ในฐานะของนักฟุตบอลของเดมเดซี่ ประตูข้างที่เขายืนในคราวน์ ราเวน จะต้องไม่ถูกกรำกราย ไม่ว่าลูกยิงนั้นจะมาจากเพื่อนสนิทอย่างซัตตัน ทามเมอร์ หรือว่าลี กอร์ดอน และแม้รุ่นพี่ที่เขานับถืออย่างฮันท์ อารีเย่ โกลก็จะไม่ยอมให้ลูกบอลผ่านตัวเขาไปได้..

           

            การเคลื่อนไหวของผู้เล่นปีกขวาหนุ่มไทยที่เขาไม่รู้จัก ทำให้ซีนี่ย์ เทอร์มอลล์กองหลังด้านซ้ายของเทมส์ไซด์แปลกใจ

            ไม่เร็วเท่ากับโป้ง.. แต่ก็เต็มไปด้วยชั้นเชิง.. นายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

            ก้านเพชรต้องต่อสู้กับความแข็งแกร่งของเทอร์มอลล์ นั่นทำให้เขานึกชื่นชม.. มิน่าเล่าเทมส์ไซด์ถึงได้เคยได้ถ้วยเอฟเอ คัพ

            จังหวะเท้าและลีลาของเขาหลอกเทอร์มอลล์ไม่ได้ง่ายๆ กว่าจะเอาตัวรอดไปได้ก็ยากลำบากพอสมควร

            แต่กระนั้น.. จังหวะนี้.. นี่คือโอกาสทอง

            เทอร์มอลล์พยายามไม่มองการหลอกล่อของก้านเพชร แต่กระนั้นจังหวะเท้าที่รวดเร็วก็ยังให้เขาสับสน เมื่อก้านเพชรใช้การเปลี่ยนความเร็วขึ้นลงอย่างรวดเร็วคล้ายๆกับโป้งทำ

            แต่เทอร์มอลล์ที่ได้ชื่อว่ามีสมาธิก็ยังเผลอหลุดจนได้.. เขาย่ำเท้าลงผิดท่าตอนพยายามสไลด์ตัวตามก้านเพชร..

            แล้วแค่ชั่วขณะที่คู่แข่งแสดงอาการเป๋ไปเล็กน้อย..

            ก้านเพชรใช้ความเร็วเตะปลี่ยนทิศทางลูกบอลฉับพลัน แล้วเขาวิ่งหนีเทอร์มอลล์ไปได้

            อย่างรวดเร็วเขาก็เลี้ยงมาจนถึงมุมขวาของกรอบเขตโทษ

            ก้านเพชรเตะโยนลูกลอยต่ำผ่านกะให้ผ่านไปตรงกลางระหว่างศูนย์หน้าหนุ่มร่างโย่งของเดมเดซี่และผู้รักษาประตูเทมส์ไซด์

            แดนเนียล ชาร์ปวิ่งออกไปพร้อมๆกับมิคาเอล วานโชเป้ กองหลังตัวเก๋าของคู่แข่ง แล้วเขาก็อาศัยช่วงขาที่ยาว เหยียดเท้าออกไปเตะโดนบอล

            ผู้รักษาประตูหนุ่มวิ่งออกมาถึงเส้นผู้รักษาประตู เขารีบกางแขนออกไปหมายจะป้องกัน..

            ลูกไม่รุนแรง แต่เพราะโดนเท้าแบบไม่ตั้งใจทำให้มันลอยอย่างไร้ทิศทางและสูงจากพื้นไม่มากซึ่งเป็นการยากที่จะกะระยะเพื่อปัดป้อง ดังนั้นมันจึงลอดผ่านมือที่พยายามจะป้องกันไป..

            แต่ลูกบอลก็เดินทางในมุมกว้างเกินไป มันพุ่งไปกระแทกกับเสาแล้วกระดอนย้อนกลับ

            ตอนนี้ลูกบอลอยู่ตรงกลางระหว่างคนสี่คน.. ผู้รักษาประตู กองหลังสองตัวของเทมส์ไซด์ และหนุ่มร่างโย่งวัยเจ็ดปี..

            ทั้งสี่พุ่งเข้าหาลูกพร้อมๆกัน..

            ด้วยความสูงยาว แดนเนียลสัมผัสลูกคนแรก เขาส่งมันย้อนกลับเข้าหาประตูโดยมุดลอดใต้มือของผู้รักษาประตู

            มันกลิ้งตรงเข้าหาเส้นประตู..

            แต่ซุน เวิ้นไฮ้ กองหลังดาวรุ่งสามารถดักมันได้เสียก่อนจะข้ามเส้นเขากลับตัวแล้วเตะมันออกไป

            กองเชียร์เดอะไวท์ โคลว์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

            แต่พลัน

            พวกเขาก็ต้องตระหนกอีกครั้ง ร่างสันทัดแต่หนาและแข็งแรงพุ่งเข้าหาลูกบอล

            เขาสับเท้าขวาเตะลูกบอลที่ลอยออกมาเสียก่อนมันจะตกพื้น

            ลูกยิงพุ่งทะยานตามแรงส่งอันรุนแรงแล้วมุ่งเข้าหาประตู แต่ผู้รักษาประตูที่ลุกขึ้นมาแล้ว จึงใช้กำปั้นชกกระเด็นออกไปได้อีกครั้ง

            ลูกบอลลอยโด่งออกมา เดนท์ มาริเนอร์ กองหลังด้านขวายืนรออยู่ หมายใจจะว่าเมื่อลูกบอลมาถึงเขาเพื่อจะโหม่งออกเส้นข้างสนามไป

            ทันใดนั้น ด้วยความว่องไว โป้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา กระโดดตัวลอยแล้วจัดระเบียบร่างกายเป็นคันศรกลางอากาศ เขาโหม่งสะบัดลูกบอลอย่างถนัดถนี่

            ลูกบอลพุ่งกระแทกลงพื้นหน้าเส้นผู้รักษาประตู ตรงนั้นมีวานโชเป้อยู่   

            เขาเหยียดเท้าเพื่อจะสกัดในจังหวะที่ลูกกระเด้ง

            แต่ลูกบอลกระดอนแรงจนลอยข้ามเท้าของเขา.. เมื่อไร้การขัดขวางมันจึงมุ่งไปสู่ทิศทางตรงเข้าสู่ประตู

            ผู้รักษาประตูตามไปล้มตัวรับเอาไว้ได้ แต่เป็นการรับโดยที่ทั้งตัวเขาและลูกบอลเข้าไปนอนอยู่ก้นตาข่ายทั้งคู่

            สนามคราวน์ เรเวนเงียบไปเกินครึ่ง แต่ยังมีเสียงของแฟนบอลหลักพันพากันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

            เดมเดซี่ขึ้นนำ หนึ่งประตูต่อศูนย์

            แม้จะยิงประตูได้ แต่โป้งเดินกลับมาแดนตัวเองโดยก้มหน้าไม่แสดงอาการดีใจ เขาเพียงทำในสิ่งที่ทำอยู่เสมอ คือเมื่อกลับถึงตำแหน่ง ก็หันไปส่งยิ้มให้โกลแล้วก็กลับมามุ่งมั่นกับเกมต่อไป


            หลังได้ประตู วู๊ดก็ถอยลงมาเล่นเกมรับเต็มตัวร่วมกับกองหลังของเดมเดซี่ จึงทำให้เหมือนกับมีกองหลังห้าตัว แต่กระนั้นเกมรุกของเทมส์ไซด์ก็เดินหน้าเต็มตัวทำให้ พวกเขามีโอกาสเข้าไปเผชิญหน้ากับโกลบ้างประปราย 

            จนกระทั้งเข้าสู่ครึ่งหลังประมาณนาทีที่แปดสิบ..

          โรนัน คอลลินตัน กองหลังพ่อลูกอ่อนของเดมเดซี่ เริ่มรู้สึกล้าจากการที่ต้องตามประกบกับศูนย์หน้าระดับอาชีพมาตลอดเกม ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าเท้าวิ่งได้ช้าลง

           ครั้งถึงจังหวะที่ซัดตัน ทามเมอร์ ใช้ลูกจ่ายเรียดเข้าทะลุช่องระหว่างเขากับปีกขวาวัยรุ่นแบร์ดอน การ์เดียน เขาก็พยายามจะวิ่งตามฮันท์ อาริเย่เพื่อพยายามขัดขวาง แต่เขาก็วิ่งช้าเกินไป

            และเมื่อเห็นว่าอาจไม่สามารถขัดขวางได้ทัน เขาก็ตัดสินใจชนปะทะกับฮันท์จนล้มไปทั้งคู่

            กรรมการเป่านกหวีด แล้ววิ่งมาชูใบเหลืองให้โรนัน เขาหันไปช่วยฮันท์ให้ลุกขึ้นก่อนจะหันไปรับการสั่งสอนจากผู้ตัดสินแต่โดยดี แล้วหันหลังให้จดเบอร์เสื้อตามระเบียบ

            ซัดตันมาลูกมาตั้งตรงจุดที่กรรมการไปมาร์คไว้ด้วยสเปร์ยแบบลบออกง่าย

            ในแนวกำแพงของเดมเดซี่มีโป้งยืนอยู่ด้วย ซันดันอดไม่ได้ที่จะทำหน้าตาแปลกๆหลอกโป้ง โป้งก็ตอบกลับด้วยการแลบลิ้นใส่ แล้วต่างฝ่ายก็หัวเราะกันอย่างขบขัน

            นั่นทำให้หนึ่งในบรรดาแฟนบอลรุ่นหนุ่มของเทมส์ไซด์ถึงกับสะอึก..

            เขาเคยบาดเจ็บจากการตามไปเชียร์เทมส์ไซด์กับทีมในดีวิชั่นหนึ่ง ซึ่งนัดนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้นในสนามเพราะแฟนบอลเจ้าบ้านที่อาละวาดไม่พอใจ ที่เทมไซด์ถล่มทีมรักของตัวเองย่อยยับถึงแปดต่อศูนย์

            ตัวเขาโดนขวดขว้างมาโดนจนหัวแตก

            ตอนนั้น โป้ง โกล และซัตตันเป็นตัวแทนของทีมไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล เขายังจำได้ว่าซัตตันเล่นตลกด้วยการหยอกเย้าโป้งจนเขาหัวเราะจนท้องแข็ง..

            ภาพที่เห็นตอนนี้บอกชัดว่า แม้ทั้งคู่จะอยู่คนข้างกัน.. แต่มิตรภาพไม่ได้จางไปเลย..

            แล้วนกหวีดจากผู้ตัดสินก็ดังขึ้น ซัดตันเลือกที่ยิงไปตรงตำแหน่งของโป้ง เพราะมันมีช่องที่เกิดจากการที่โป้งตัวเตี้ยกว่าเพื่อนๆ

            แต่แทนที่โป้งจะกระโดดสกัด เขากลับก้มหัว แล้วพุ่งตัวออกมา

            ลูกยิงจึงพุ่งผ่านรูที่ว่างนั้นจริงๆ หากแต่พอผ่านไป มือของแข็งแรงของโกลก็ตะครุบมันไว้อย่างง่ายดาย

            แล้วโกลก็โยนลูกบอล แล้วเตะโด่งยาวออกไปอย่างรวดเร็ว

            สวนกลับทันใด...

            โป้งที่วิ่งออกตัวมาก่อน เขามาถึงวงกลมกลางสนามอย่างรวดเร็ว หันไป ลูกบอลก็ลอยมาถึงพอดี

            ซุนเว้นไฮ้เข้ามาประกบโป้งจากข้างหลังเพื่อไม่ให้โป้งพักลูกแล้วพลิกตัวพาลูกบอลหนีไปได้ถนัด

            แต่กลับโป้งไม่ได้พักลูกบอลเอาไว้ เขาโหม่งสะบัดไปทางซ้าย

            ซุนเว้นไฮ้หันไปตามลูก

            ตรงนั้นมีวู๊ดวิ่งมาดักลูกไว้ได้ วู๊ดไม่เก็บลูกบอลเอาไว้ แต่เตะลูกไปข้างหน้าผ่านตัวซุนเว้นไฮ้ไปทันที

            ใช้จังหวะที่ซุนหันเหความสนใจไปจากตน โป้งพลิกตัววิ่งอ้อมร่างสูงของซุนแล้ววิ่งไปตามลูกบอลไปอย่างรวดเร็ว

            เจ้าโป้งหลุดเดี่ยวอีกแล้ว..

            วานโชเป้กองหลังมากประสบการและซุนเว้นไอท์พยายามวิ่งไล่ตามอย่างสุดชีวิต

            ผู้รักษาประตูหนุ่มเห็นดังนั้นก็เกิดความลังเล.. เขาไม่ได้มีความว่องไวพอจะหยุดโป้งได้ที่นอกกรอบเขตโทษ แต่ถ้าไม่ออกไปก็เท่ากับรอให้โป้งมาล่อเป้า แถมด้านขวายังมีก้านเพชรวิ่งตามมาอีกคน... เขาควรทำอย่างไรดี...

            ทว่าในความลังเลนั้น เขาก็ตัดสินใจวิ่งออกไป..

            แต่ออกตัววิ่งมาได้ไม่เท่าไหร่

            โป้งก็ใช้เท้าซ้ายเตะกระแทกบอลให้ลอยโด่งเข้ามา

            ลูกบอลลอยสูงถึงจุดสูงสุด แล้วก็ค่อยๆโค้งลงตามแรงดึงดูดโลก

            เพราะนายทวารหนุ่มอยู่ในอาการวิ่ง เมื่อเขาหยุดกระทันหัน แล้วพยายามเอื้อมปัดจึงกลายเป็นแค่ตะกายคว้าความว่างเปล่า..

            วานโชเป้ชะลอเท้าเพราะมันไร้ประโยชน์

            ลูกบอลตกลงหลังเส้นประตูแล้วกระดอนกระแทกตาข่าย

            ผู้จัดการคนปัจจุบันของเทมส์ไซด์ได้แต่ถอนหายใจ.. ถ้าเทียบตัวผู้เล่นโดยไม่นับรวมสี่หนุ่มไทย.. นักเตะของเดมเดซี่เทียบอะไรไม่ได้กับนักฟุตบอลของเทมส์ไซด์

            แต่ทางตรงข้าม.. แต่ถ้าวัดกับทั้งหนุ่มไทยโดยไม่ต้องพูดถึงโป้งกับโกล.. ลูกทีมของเขากลับไม่มีใครเทียบกับวู๊ดและก้านเพชรได้เลย

            เมื่อรวมการประสานงานของสี่ประสานจากแดนสยาม.. กับความทุ่มเทและร่วมแรงร่วมใจของเดมเดซี่..

            ประตูสู่เวมบรีย์จึงเปิดให้กับเดมเดซี่.. เป็นปาฏิหารย์ที่เกิดต่อหน้าต่อตาเขาและคงเล่าขานไปอีกแสนนาน ไม่ว่าเดมเดซี่จะโค่นคู่แข่งลงในนัดชิงชนะเลิศหรือไม่

            แล้วนกหวีดสัญญาณหมดเวลาดังจากกรรมการ

            โป้งก็พยายามเดินให้เรียบร้อยเพื่อกลับห้องแต่งตัว แต่เจ้าซัดตันดันมากระโดดตบหัวเบาๆยั่ว ก็เลยอดไปวิ่งไล่ตีคืนไม่ได้

            แล้วตอนนั้นเองบนอัฒจันทร์ก็มีแฟนบอลหนุ่มลุกขึ้น เขาเหยียดแขนไปข้างหน้าทั้งสองข้าง แล้วชูนิ้วโป้ง

            “โป้ง โป้ง โป้ง”

            แล้วจากหนึ่งก็กลายเป็นสองเป็นสาม แล้วกลายเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันแล้วก็กลายเป็นทั้งอัฒจันทร์ฝั่งนั้น.. เสียงเรียกชื่อโป้งดังสนั่น

            โกลหันไปมองแล้วก็ยิ้มออกมา แล้วก็กำลังจะหันไปหยิบขวดน้ำ

            แต่ทันใดข้างหลังของเขาก็มีเสียงแฟนบอลตะโกนและปรบมือสี่ครั้ง

            “โกล Save Goal” แล้วปรบมือสี่ครั้ง

            “โกล Save Gola”

            เสียงการสดุดีสองนักเตะที่เคยถูกปฏิเสธจากสโมสรก็กระหึ่มไปทั่วทั้งสนามคราวน์ เรเวน...

            ซัดตันเห็นโป้งยืนงง ก็เลยเดินข้าไปชูมือโป้งแล้วพาหันไปรอบๆเพื่อตอบรับการเชียร์นั้น

            เช่นกันกับฮันท์ อาริเย่ เขาเข้าไปกอดคอโกลแล้วพาให้เขาโค้งตอบรับเสียงเรียกของแฟนบอล


            ในมุมนักข่าวของสนาม ชายคนหนึ่งพิมพ์ข้อความด้วยโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

            “ตอนนี้ทั้งสนามคราวน์กำลังส่งเสียงเชียร์โป้งและโกล”

            “ในเสียงเชียร์นั้นผมสัมผัสถึงพลังของความรักของแฟนบอลต่อคนทั้งคู่”

            “ขอบคุณพระเจ้าที่ความเห็นแก่ตัวของผมไม่ได้ทำลายพวกเขา”

            “ผมรู้สึกผิดตลอดมาและจะรู้สึกผิดตลอดไป..”

            “แต่ผมจะก็ดีใจที่เห็นพวกเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างเข้มแข็ง และแกร่งกว่าเดิม..”

ข้อความเหล่านี้จะปรากฏทันทีในทวีตเตอร์ของสำนักข่าวของเขา..

            อ่อมเงยหน้าแล้วยกกล้องบันทึกภาพของโป้งและโกลอย่างตั้งใจเพื่อจะใช้ประกอบบทความที่เขาคิดจะเขียน

            บทความที่ชื่อว่า โป้งและโกล บทพิสูจน์พลังของความรัก..

            แม้บทความที่เขาตั้งใจเขียนต่อไปอาจทำให้เขาต้องตกงาน...แต่เขาก็จะเขียนมัน..

            แต่ที่จริงแล้วเขาอาจโดนไล่ออกตั้งแต่ตอนที่ทวีตข้อความแล้วก็ได้.. ชายหนุ่มจึงได้แต่ยิ้มเยาะให้ชะตากรรมของตัวเอง..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 28-01-2016 19:55:31
สนุกมากๆ! ทั้งในสนามและนอกสนาม
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-01-2016 20:07:02
เทมไซด์เลยต้องเสียทั้งโกลและโป้งไหนจะสถิติที่ดีที่สุดไปอีกด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 28-01-2016 20:12:08
อ่านสองตอนรวด ชอบตอนที่โกลที่เขาปฏิบัติกับพ่อแม่อ่านแล้วซึ้งดีใจ พ่อแม่ของโกลแม่จะไม่ถูกกันแต่ก็ทำเพื่อลูก
อันนี้ชื้นชมมากคะ เสียดายที่ฝันของโกลและโป้ง ที่ควรจะไปได้ไกลกว่านี้ต้องมาหยุดชะงัก แต่มันก็ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรักของเขาสองคน

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: กอดโกลและโป้งนะให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่(100%)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 28-01-2016 21:17:11
 o13
กลับไปเยือนถิ่นเดิม
มันทำให้เรารู้สึกว่าน้องๆคือ สุภาพบุรุษนักกีฬา
ไม่ว่าจะเป็นโป้ง โกล หรือเพื่อนร่วมทีมเก่า

ปล.ถ้าอัพ บอกวันที่อัพ กับหน้าได้ไหมคะ เพราะนิยายเริ่มหลายหน้าแล้ว
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 30/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 30-01-2016 10:05:05
ตอน ช้างศึกบุกปูซาน

         

           การไล่ตามความฝันบางทีก็ยากเย็น ที่สุดรอบชิงชนะเลิศที่เวมบรีย์ ก็ไม่ได้จบลงอย่างเทพนิยาย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมของเซบาสเตียนที่รู้จักวิธีการเล่นของโป้งกับโกลเป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาพลาดท่าพ่ายไปหนึ่งประตูต่อศูนย์ จากการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังพ่อลูกอ่อน

            แต่กระนั้นกลับไม่มีอาการเสียใจจากทีมเดมเดซี่ และกองเชียร์ทั้งสนามและแม้นักกีฬาฝ่ายตรงข้ามปรบมือให้กับความใจสู้ของนักฟุตบอลของทีมเล็กๆอย่างเดมเดซี่

            ไม่ใครตำหนิใคร แม้แต่คนที่ทำเข้าประตูตัวเองก็ไม่ถูกตำหนิ

            ภายหลังบีบีซีได้ออกมาเปิดเผยว่าเป็นการถ่ายทอดสดเอฟเอคัพที่มีคนดูมากที่สุดในรอบหลายสิบปี และเวปไซด์ข่าวก็รายงานตรงกันว่ายอดผู้ใช้งานโซเชียลและติดแฮ๊ชแท็ก #forgreatspiritThemdaisyรวมแล้วมากกว่าล้านในแค่ระยะเวลาไม่นาน

            ตอนเย็นวันรุ่งขึ้นก็มีงานฉลองกันใหญ่ภายในชุมชน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านและการสนับสนุนจากเจมส์ เอ็ดลิงก์ตัน และพ่อของโกลที่ส่งเงินมามอบให้นักกีฬาเป็นกรณีพิเศษ

            โกลและโป้งรู้สึกว่าการฉลองนี้ยิ่งใหญ่กว่าการฉลองใดๆ ทั้งที่ก็มีแค่เพื่อนบ้านกับชาวบ้านระแวกใกล้เคียง แม้การฉลองในยูเนียน ออฟ ภูเก็ต ก็เทียบไม่ได้ ที่นาราก็ดูจะจืดไป และเทมส์ไซด์ก็ไม่เท่านี้ในความรู้สึกของโกลและโป้ง

            ไม่มีพลุไฟหรือขบวนพาเรด มีแค่ปาร์ตี้เลี้ยงอาหารพื้นบ้านกับบาร์บีคิว และเกมสนุกๆให้เด็กๆเพลิดเพลิน

แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่ของเหล่านักฟุตบอลผู้กรำศึกกับครอบครัวและชาวบ้านนั้น สว่างสวยงามกว่าดอกไม้ไฟใดๆ และงดงามกว่าขบวนพาเรดที่ไหน..

เป็นภาพโป้งกับโกลคงจะไม่มีวันลืมและจะไม่มีวันลบไปจากความทรงจำ


“มิสเตอร์บัลเดอร์ต่อสายตรงถึงผมเมื่อวาน บอกว่าทางบอร์ดอนุมัติข้อเสนอค่าเหนื่อยของโป้งมาที่แปดหมื่นเก้าพันปอนด์ กับเงินโบนัสพิเศษตอนเซ็นสัญญาอีกห้าล้านปอนด์ ส่วนโกลก็ได้ที่ เจ็ดหมื่นสองพันปอนด์ กับโบนัสเซ็นสัญญาอีกห้าล้านปอนด์เหมือนกัน” เดวิดแจ้งเรื่องนี้ให้ทั้งสองทราบในตอนเช้าที่เขามาเยี่ยม

“ส่วนโบนัสอื่นๆ ก็น่าสนใจทีเดียว จากประสบการณ์ผมว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับนักฟุตบอลจากเอเชียเท่าที่เคยมีมา”

แต่โกลกับโป้งไม่รู้สึกดีใจเลย เขามองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมา..

 

เช้าวันรุ่งสองหนุ่มออกไปที่ตลาดในชุมชนเพื่อหาของสดมาประกอบอาหารเลี้ยงส่งวู๊ดและก้านเพชร

ระหว่างที่โป้งกำลังยืนพิจารณาเนื้อสเตอร์ลอยด์หลายชิ้นในตู้อยู่

“ได้ยินว่าแมนเชสเตอร์ บูลสกายเสนอค่าเหนื่อยมาสูงลิบเลยใช่ไหม”

โป้งเงยหน้ามามองเจ้าของร้านที่เป็นชายร่างท้วมหน้าตาดุดันสมกับเป็นคนขายเนื้อสัตว์

แต่โป้งรู้ว่ามิสเตอร์ลินินเกอร์เป็นคนใจดี

“ผมยังไม่ได้คิดเลยครับ” โป้งตอบ

เจ้าของร้านกอดอก

“ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะ” เสียงชายวัยกลางคนดังจนโกลที่เดินมาจากแผงผักตกใจ

“เธอกับโกลดี้..จำเป็นต้องกลับไปในที่ซึ่งพวกเธอควรอยู่.. เวลาพักร้อนของพวกเธอหมดลงแล้ว.. ฉันอยากเห็นเธอสองคนในเกมระดับที่เหมาะสมกับความเก่งกาจของพวกเธอเต็มแก่แล้ว” เจ้าของร้านขายเนื้อกล่าวเสียงหนักแน่น

“ใช่แล้ว” อีกด้านหนึ่งของถนนสายที่ตัดผ่านกลางย่านการค้าตะโกนมา

“พวกเราอยากเห็นเธอชูถ้วยพรีเมียร์ชิพ”

“ใช่ๆ เห็นด้วย..”

“จริงด้วย.. ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องกลับไป”

“พวกเราจะเป็นกำลังใจให้”

 

“ตกลงลุงอ่ำของมึงน่ะ ขายกูกับไอ้ก้านไปอยู่เยอรมัน ไปใส่เสื้อสีเหลืองของโบรูสเซีย.. โดยไม่ได้ถามพวกกูสักคำ” วู๊ดกล่าวตอนใช้มีดตัดเนื้อเป็นคำแล้วกิน

โกลเอาไวน์แดงรินเพิ่มให้วู๊ด

“ดีแล้วนี่..” โกลบอก

“ดีอะไร” ก้านเพชรว่าแล้วพลางเอาซ้อมตักเอาผักใส่จานของโป้งที่นั้งอยู่ข้าง

“เราอยากไปฮอลแลนด์ต่างหาก.. เห็นเขาว่าหนุ่มๆฮอลแลนด์เด็ด..” ก้านเพชรแลบลิ้นเลียปาก แต่พอวู๊ดแกล้งวางช้อนแรงๆก็สะดุ้ง

“ล้อเล่นน่า..”

“ล้อเล่นเหี้ยอะไรไอ้ก้าน.. มึงคิดว่ากูเป็นกระต่ายหรือไงเอาผักมาสุมในจานกูเนี่ย” ไม่ใช่วู๊ดแต่เป็นโป้งที่โวยวาย แล้วดันจานออกไปให้โกลดูจานที่บานไปด้วยผักและแครอต

“กินเยอะตัวจะได้โตๆ” ก้านเพชรว่าแล้วก็เอามือลูบหัวโป้ง

“โตเหี้ยอะไร.. กูยี่สิบห้าเท่ามึง จะโตอะไรอีก” โป้งโต้ แต่ก็เอาซ้อมจิ้มผักเคี้ยวกรวมๆ

โกลมองหน้าโป้งตอนนี้แล้วชวนให้นึกถึงกระต่ายจริงๆ..

 

            ภาพถ่ายของโกลกับโป้งแถลงข่าวที่กลางสนามบูลสกายออฟแมนเชสเตอร์ แพรไปทั้วโลกในระยะเวลาอันสั้นตามความรวดเร็วของโซเชียลมิเดีย

            แม้การันต์จะมีเรื่องให้เครียดหนักเขาก็ยังอดยิ้มกับภาพนั้นไม่ได้

            “พี่ฤทธิ์ไอ้โป้งมันกลับมาแล้วนะพี่.. ดูมันสิ.. ยิ้มเสียหน้าบานเชียว”

            แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นขัดอารมณ์ มีสายจากผู้ใหญ่ในสมาคมอีกแล้ว

            เขาได้แต่ฟังไปเรื่อยๆ แล้วก็วางสายอย่างอ่อนใจ

            ตอนนี้สถานการณ์ของทีมชาติไทยเริ่มวิกฤติ เพราะผ่านรอบคัดเลือกที่สามไปแล้วห้านัด ทีมชาติไทยอยู่ที่อันดับสี่ของตารางกรุ๊ปบี ด้วยคะแนนชนะสอง เสมอหนึ่งและแพ้สองนัด มีคะแนนอยู่เจ็ดแต้มน้อยกว่าทีมชาติซาอุดิอาระเบียที่อยู่อันดับสามที่มีแปดแต้ม และมีคะแนนน้อยกว่าที่สองออสเตรเรียที่มีสิบแต้ม

            นัดหน้าพวกเขาต้องไปเยือนซาอุดิอาระเบีย.. ตอนนี้ขุมกำลังที่มีชนะซาอุดิอาระเบียได้หรือไม่คือคำถามของสื่อ ซึ่งแน่นอนเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ทบทวนเรื่องการเรียกตัวโป้งกับโกลมา..

            แถมนัดที่เหลือของพวกเขาคือ การไปเยือนทีมชาติเกาหลีใต้อันดับหนึ่งของสาย และออสเตรเลียอันดับสอง..

            “ไม่ว่าผู้ใหญ่ในสมาคมจะทราบหรือไม่ แต่ปัญหาของเราคือเกมรุกที่ไม่มีประสิทธิภาพ เราชนะได้สองเกมก็จริง แต่เป็นการชนะที่ฉิวเฉียดหนึ่งต่อศูนย์ทั้งสองนัด ดังนั้นเกมรุกที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาของเราได้.. ผมนึกถึงสี่นักฟุตบอลที่เราขาดไป.. เทพพร ก้านเพชร ฤทธา และกรกฏ.. ถ้าหากเรามัวแต่ห่วงศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายของใครบางคน.. โอกาสจะได้เห็นทีมชาติไทยในฟุตบอลโลกคงเลือนรางเต็มที” นั้นคือคำวิจารณ์ของอดีตนักฟุตบอลมีชื่อของไทยที่ผันตัวไปเป็นคอลัมนิส

            “ตายเป็นตายวะ.. อย่างมากก็ลาออก” การันต์ทุบโต๊ะเบาๆ แล้วเขาก็ตัดสินใจร่างจดหมาย

           

            ผู้จัดการทีมซาอุดิอาระเบียถึงกับขบกรามเป็นสันนูน เพราะทีมของเขากำลังเผชิญกับลูกฟรีคิกในระยะอันตราย..

            ด้านหลังของลูกบอลนั้นมีชายหนุ่มตัวเล็กที่ยืนอยู่ โดยมีชายหนุ่มสูงกว่านิดหน่อยยืนเสยผมหล่ออยู่ใกล้ๆ

            สองคนนี้ไม่ว่าคนไหนก็อันตรายทั้งนั้น..

            เพราะคนหนึ่งคือเจ้าของหมายเลขสิบห้าที่กำลังสะท้านโลกในตอนนี้ กับอีกคนที่ได้ยินว่าทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนทุ่มถึงสามสิบล้านยูโรในการคว้าตัวไปร่วมทีม

            นกหวีดเป่าให้สัญญาณ คนร่างสูงกว่าทำท่าจะขยับแค่กลับไม่ได้วิ่งไปแต่วิ่งไปทางซ้าย..

            แล้วนายหมายเลขสิบห้าก็วิ่งเข้าไป ทำท่าจะเตะไปข้างๆ

            กำแพงของซาอุดิอาระเบียจึงหันเหไปตามการวิ่งของหนุ่มคนแรก

            แต่ทว่า.. เท้าของชายหนุ่มไม่ได้สัมผัสบอล เท้าขวาที่ทำเหมือนจะเตะไปทางซ้ายกลายเป็นย่ำยันหลัก แล้วก็หวาดเท้าซ้ายเตะลงไป..

            เป็นไซด์ก้อยที่เดินทางอย่างรวดเร็วและโค้งอ้อมตัวผู้เล่นแล้วมุ่งไปที่ด้านซ้ายของประตูอย่างฉับพลัน

            ผู้รักษาประตูซาอุดิอาระเบียจะปัดป้องมันก็สายเกินไปแล้ว...

            “เข้าไปแล้วครับ..” เสียงผู้บรรยายกระแทกกระทั้นอย่างสะใจ..

            “สุดยอดจริงๆครับเทพพร..  พอมีเขาเกมก็ดูเปลี่ยนไปทันทีเลย” ผู้บรรยายคนที่สองกล่าว

            หญิงสาวดวงหน้าสวยงามมองที่จอโทรทัศน์ภายในร้านอาหาร เธอต้องแอบกำหมัดทุมตักตัวเองด้วยความสะใจ

            “คุณเปรคะ” คู่สนทนาเรียก

            “ขา..” เธอหันไปขาน

            “เมื่อกี้เราถึงไหนกันแล้วนะคะ “ เปรมิกาตื่นตัวรีบหันมาง

            “พูดถึงเรื่องแบบรองเท้าแล้วค่ะ” คู่สนทนากล่าว

            “อ้อค่ะ” เธอรีบก้มลงดูเอกสารบนโต๊ะ

            “เอาละครับ อับดุล คาริมมี่ได้บอลที่กราบซ้ายแล้วโยนหักเข้ามา”

            “คือ.. เราคิดว่าจะเน้นเป็นร้องเท้าเปลือยส้นดีไหมค่ะ จะได้เข้ากับขุด” คู่สนทนาเอาแบบให้ดู

            “ค่ะ”

            “ราชิด อิมมานพักอกแล้วยิง.. “

            “โอ้โห ซุปเปอร์เซฟอีกแล้วครับ กรกฏทุบบอลออกหลังไปได้”

            “เยส” เปรมิกาลุกขึ้นกำหมัดใส่จอทีวี

            คนในร้านอาหารหรูหันกลับมามองเธอเป็นตาเดียว..

            เปรมิการู้ตัว หันไปมองรอบๆ แล้วผงกหัวขออภัยก่อนจะนั่งลง

            คู่สนทนาถอดแว่น.. วางบนโต๊ะมองหน้าเปรมิกา เปรมิกาก็ยิ้มอย่างเอียงอาย..

            แต่พลันคู่สนทนาเป็นฝ่ายกวาดเอกสารต่างๆออกไปพ้น

            “เรามาเชียร์บอลกันเถอะค่ะ คุณเปร.. ลูกชายคุณนี่สุดยอดเลยนะค่ะ.. เก่งมาก..”

            เปรมิกาอ้าปากหวอ เพราะตอนนี้ดีไซด์เนอร์ชื่อดังและมีเชื้อเจ้ากำลังทำท่าทะมัดทะแม่ง

            “เอาเลยลูก เทพพร..โยนไปให้ปรเมศวร์เลยลูก..นั่นและอย่างนั้น.. แม่นมากไอ้หนู..มันต้องอย่างนี้สิ”

           

            “แล้วปรเมศวร์ก็ยิงปิดท้ายให้ทีมชาติไทยถล่มเอาชนะซาอุดิอาระเบียไปสามประตูต่อศูนย์ อีกเจ็ดวันข้างหน้าเราจะต้องไปเยือนเกาหลีใต้ที่จะเปิดสังเวียนเมืองปูซานต้อนรับเรา” ผู้ประกาศผิวเข้มวางกระดาษลงข้างตัว

            “พูดจริงๆนะครับ.. การได้เทพพร ก้านเพชร ฤทธา แล้วก็กรกฏกลับมานี่เราแกร่งขึ้นมาจริงๆนะ โดยพวกเขาเล่นเข้าขากับทีมดีมาก แม้จะได้ซ้อมกับทีมน้อยมาก” ผู้ประกาศใส่แว่นให้ความเห็น

            “ตอนประกาศรายชื่อตัวจริงนี่ ผมดูอยู่ ตกใจเลยนะ เฮ้ยมีเทพพร ก้านเพชร ฤทธา กรกฏ.. เท่านั้นหละครับ ใจมันมาเลย.. เราชนะแน่ๆ”

            “นั่นสิ.. ผมเองก็แปลกใจ เพราะไม่มีข่าวเลยว่าสี่คนนี้จะกลับมาร่วมทีม” ผู้ประกาศผิวเข้มกล่าว

            “แต่พอมาแล้วเหมือนกับมันเล่นเข้าขากันน่ะ เพราะสี่คนเขาเล่นด้วยกันในอังกฤษอยู่แล้วมาเจอกับปรเมศวร์ จอมทอง ทรงยศ.. ที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยนวสาคร แล้วก็ยังเคยเล่นกับท๊อปแล้วก็อนุพงษ์มาแล้ว.. ทุกอย่างมันเลยจูนกันติด ลงตัว.. แต่..”

            แล้วผู้ประกาศผิวหมึกก็ขมวดคิ้ว

            “สมาคมประกาศก่อนหน้าว่าไม่มีสี่คนนี้แน่นอน.. แต่อยู่ดีๆมี.. ผมชักเป็นห่วงโค้ชการันต์.. ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง เพราะวงในมาบอกว่าผู้บริหารหลายคนไม่ทราบเรื่องนี้”

            “ผมว่าไม่นะ เพราะแฟนบอลหนุนหลังแน่นอน” ผู้ประกาศใส่แว่น

            “แต่จะเอาให้แน่ ที่ปูซานเราต้องชนะให้ได้”

            “ครับเพราะถ้าเราชนะได้.. นัดนี้ นัดหน้าไปยันเสมอออสเตรเลียที่บ้านเราก็เข้ารอบแล้ว เพราะนัดนี้เราชนะแต่ออสเตรเรียแพ้เกาหลี เราก็เลยมีสิบแต้มมากกว่าเขาหนึ่งแต้ม ถ้าเราชนะเกาหลีได้.. ก็ไปลุ้นเอารอบนัดสุดท้ายเอา ซึ่งนัดหน้าเขาจะเจอกับซาอุดิอาระเบียด้วย..”

            “ก็นั้นหละครับท่านผู้ชม.. เราช่วยกันลุ้นว่าเราจะได้เขาไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกได้ไหม..”

            อำนาจถอนหายใจแล้วก็กดปิดโทรทัศน์ ตอนที่การันต์โทรมาแจ้งว่าจะเอาโป้งกับโกลร่วมทีมไปซาอุดิอาระเบีย เขาก็รู้สึกหนักใจ.. นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขาเคยต้องลาออกจากการเป็นโค้ชทีมชาติเพราะตัดสินใจไม่เอาตัวผู้เล่นที่เป็นเด็กปั้นเด็กสร้างของสมาคม แต่รายการนั้นโชคร้ายตกรอบกลับมา

            “ไอ้โป้ง ไอ้โกล ไอ้ก้าน ไอ้วู๊ด พวกเอ็งต้องเล่นเกินร้อย.. เอ็งจะทำให้คนที่เอาหน้าที่การงานของตัวเองไปเสี่ยงผิดหวังไม่ได้นะเว้ย” เขากล่าวออกไปโดยหวังว่าคำพูดของจะเดินทางไปถึงสี่หนุ่มนั่น

 

            โกลมองยืนอยู่ที่หน้าต่างของโรงแรมกลางเมืองปูซาน มองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอก

            ในห้องโป้งกำลังนั่งเล่นโซเชียลอยู่บนเตียงโดยมีเจ้าก้านเพชรเอาหนังยางมามัดจุกให้ โดยเจ้าโป้งก็คงขี้เกียจหรือไม่ก็ไม่มีอารมณ์จะโวยวาย

            วู๊ดมองก้านเพชรเล่นหัวโป้ง ก่อนจะเดินไปข้างๆโกล

            “ดูท่าสมาคมจะอยากเล่นงานเราจริงๆ เพราะนี่ค่าห้องก็ต้องออกกันเอง ค่าเครื่องบินก็เหมือนกัน”

            “ก็ไม่มีปัญหานี่..” โกลตอบ

            “ของมึงกับก้าน พวกกูออกให้เอง”

            วู๊ดมองหน้า

            “ไม่ใช่อย่างนั้น.. แค่นี้พวกกูก็ออกกันเองไหว.. แต่มันก็น้อยใจนะ ต้องทำอะไรแบบนี้ ทั้งที่เราลงสนามให้ประเทศแท้ๆ”

            “โอ้ย.. ก็อย่างนี้หละ.. นี่ขนาดพ่อกูเขาไปคุยเอง พวกเขายังไม่เกรงใจเลย.. พ่อกูก็เลยบอกว่าเราต้องชนะสถานเดียว.. แล้วเอาชัยชนะไปเหยียบหน้าพวกเขา แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกคนในสมาคมนะ หลายคนก็เห็นดีเห็นงาม แต่บังเอิญไอ้คนที่มันไม่เห็นด้วยมันเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ มันบอกว่าผิดระเบียบแล้วไม่ยอมช่วยอะไร” ก้านเพชรกล่าวแล้วทำหน้าเบื่อๆ

            “กูไม่ได้สนใจตรงนั้นว่ะ” โป้งวางโทรศัพท์ลง

            “กูไม่สนใจว่าพวกเขาจะยอมรับกูหรือไม่.. กูไม่สน.. กูเลิกสนตั้งแต่กูกับโกลตัดสินแถลงข่าวเรื่องของเราแล้ว.. ก็ไม่สนว่าใครจะมองกูยังไง แต่ที่กูจะต้องเอาชนะให้ได้ ก็เพราะนี่คือสัญญาใจที่กูมีให้กับแฟนบอล และอีกอย่างคือ โค้ชการันต์.. กูกับโกลมีวันนี้ได้ก็เพราะอารันต์ กูจะไม่ยอมให้อารันต์เดือดร้อน และผิดหวัง”

            ทุกคนหันมามองหน้าโป้ง.. ตอนนี้แม้โป้งจะมีจุกสามจุกอยู่บนหัวดูหน้าขัน แต่แววตาของเขาคือแววตาเดียวกับที่อยู่ในสนาม แววตาที่มุ่งมั่นและตั้งใจ

            “กูจะชนะให้ได้.. ไม่ว่าจะยังไง.. กูจะพาทีมของเราไปบอลโลกให้ได้”

            สามหนุ่มสบตากันและกัน ไม่ต้องพูดออกมาแต่สัญญาใจได้เกิดขึ้นแล้ว..

 

            สนามปูซาน เอซีแอด ที่เคยใช้เป็นสนามหลักในการแข่งขันกีฬาใหญ่มาแล้วหลายรายการ วันนี้แฟนบอลชาวเกาหลีแห่กันเข้ามาจนเต็มสนามความจุ สี่หมื่นสี่พันที่นั่งของมัน

            โกลเอากำปั้นทุบบนฝ่ามือตัวเองเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง โป้งหันกลับมายิ้มให้แล้วก็หันกลับไป

            แววตาของโป้งมองตรงไปคมกริบดุจพญาอินทรี

            เกาหลีคือทีมอันดับหนึ่งแห่งเอเชีย สื่อเกาหลีบอกกับแฟนบอลตัวเองอย่างนั้น..

            แล้วยังไง... โป้งจะทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ.. เขาจะกลับออกไปพร้อมชัยชนะให้ได้

            นกหวีดของผู้ตัดสินส่งสัญญาณเริ่มเกม หลังเขี่ยบอลแล้ว ท๊อปก็จ่ายลูกคืนหลังมาให้โป้ง
            โป้งจับลูกบอลเอาด้วยเท้าขวา แล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว..

            จังหวะนั้นแฟนบอลเกาหลีถึงกับตื่นตะลึง.. การวิ่งที่รวดเร็ว ความคล่องตัวเหลือเชื่อ โป้งพลิ้วกายผ่านผู้เล่นเกาหลีไปคนแล้วคนเล่า ครั้งเห็นว่าจะถูกรุม เขาก็เตะเปลี่ยนทางไปด้านขวาหาก้านเพชรอย่างรวดเร็ว

            ก้านเพชรหลอกล่อกับผู้เล่าเกาหลีด้วยจังหวะเท้าที่ว่องไว แล้วก็พาลูกบอลผ่านไปจนถึงเส้นหลังแล้วโยนลูกโค้งเข้าไป

            ท๊อปกระโดดขึ้นสูง สะบัดหัวโหม่งลูกบอลคืนไปข้างหลัง

            ปอพักลูกบอลด้วยอก แล้วพอลูกตกลงมา เขาเงื้อเท้าขวาระเบิดลูกยิงที่ประดุจระเบิดของปืนใหญ่..

            ดั่งพลังแห่งปืนนารายณ์สังหารบนกำแพงป้อมเพชรของกรุงอโยธยา

            แม้ลูกบอลจะโดนปัดได้แต่มันแทบจะไม่เปลี่ยนทิศทางใดๆ ผ่านเข้าประตูและกระแทกกับตาข่ายจนกระพืออย่างรุนแรง..

            วันนี้ไม่ใช่แค่สี่หนุ่ม.. แต่เป็นทั้งทีม.. พวกเขาตระหนักดีว่าการันต์อยู่ในสถานการณ์ใด.. วันนี้หัวจิตหัวใจของช้างศึกเป็นหนึ่งเดียว..

           

            การันต์ไม่เคยเห็นหนุ่มๆของเขาตั้งใจถึงขนาดนี้.. นี่นาฬิกายังเดินไปไม่พึงสามนาที.. ธงชาติไทยก็จะสบัดเหนืออัฒจันทร์เมืองปูซานอย่างอาจหาญแล้ว.. แฟนบอลเปล่งเสียงกึกก้องกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ

            “ขอบใจทุกคน.. ขอบใจมาก” เขากล่าวแล้วเชิดหน้าเดินออกไปข้างสนาม ตะโกนสั่งบัญชาการอย่างมั่นใจ


             ช้างศึกตกมันแล้ว.. มันกรีดเสียงโกญจนาถสนั่นปฐพี จะอันดับหนึ่งของเอเชียหรืออะไรก็ช่าง.. แต่วันนี้พวกเขาจะต้องชนะ..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 30/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-01-2016 13:22:58
 o13 o13 o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 30/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 30-01-2016 14:43:40
เฝ้ารอชัยชนะของพวกหนุ่มๆ สนุกมาก!
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 30/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 30-01-2016 17:54:09
ยิ่งอ่านยิ่งสนุกคะ ปักหลักเชียร์ โกล โป้ง  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 30/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 30-01-2016 20:47:43
เข้ามาเชียร์หนุ่มนักฟุตบอลทั้งหลาย สู้ๆ  :mc4: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 30/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 30-01-2016 23:36:45
 :mc4:ใส่ชุดเชียร์ลีด ชุดเซิ้งกระติบข้าวแล้วกัน
เราเชียร์นะลูกๆ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 31/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 31-01-2016 10:32:40
ตอน ซิดนี่ย์ ลุย.. พาธงไทยไปบอลโลกให้ได้..

         

           ช่างแตกต่างเหลือเกิน.. ผู้จัดการทีมชาติเกาหลีที่เป็นอดีตนักเตะชื่อดังบอกกับตัวเอง..

            การเปลี่ยนตัวผู้เล่นสี่ตัวมีผลให้เกมรุกของพวกเขาน่ากลัวขึ้นอย่างมากมาย การเล่นที่ไม่เคยเห็นจากนักเตะเอเชียคนไหนของเทพพร.. การหลอกล่อและโยนอย่างแม่นยำของก้านเพชร การรับที่เหนียวแน่นและประสานงานกันอย่างดีระหว่างคู่กองกลางของฤทธาและอนุพงศ์ การป้องกันประตูดั่งปราการเหล็กของกรกฏ

            นี่มันคนละทีมกับที่พ่ายทีมของเขาในสนามราชมังคลาที่เมืองไทย.. แถมวันนี้นักเตะไทยยังมุ่งมั่นอย่างมาก.. แต่ละคนเข้าหาลูกอย่างเด็ดขาด..

            นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขาไปคุมทีมในไทยแลนด์พรีเมียร์ลึก.. ตอนนั้นนักเตะไทยยังไม่ได้แข็งแกร่งเท่านี้ แต่ตอนนี้... ด้วยตัวผู้เล่นที่มี.. จะสงสัยอะไรถ้าหากธงชาติไทยจะสะบัดอยู่ในสนามฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย..

            ตอนนี้ทีมของเขาพับสนามบุกก็จริง.. แต่การวิ่งจังหวะเดียวของเทพพรอาจฉีกเกมรับกระจุย.. แถมกองหลังของเขาก็โดนเล่นงานจนอ่อนล้าแล้วด้วย..

            “ต้องเปลี่ยนตัว” เขาหันไปเรียกผู้ช่วยมา

            “เราต้อง..”

            แต่แล้วจู่ๆกองเชียร์ไทยที่อยู่ข้างหลังตรงที่พวกเขาอยู่ก็แสดงอาการตื่นเต้น..

            ไม่ดีแน่..

            เขารีบหันไปในสนาม..

            เทพพรกำลังควบผ่านไปเหมือนม้าศึกที่คึกคะนอง ลูกบอลที่เลี้ยงไปติดเท้าก็เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอันเพรียวพลิ้ว

            แล้วกองหลังตัวที่คิดจะเปลี่ยนออกก็ทำผิดพลาด เขาไม่สามารถติดตามร่างที่เคลื่อนกายเหมือนสายลมพัดได้

            อย่าเชียวนะ.. ผู้จัดการทีมเกาหลีอยากจะตะโกนออกไป

            แต่พลัน กองหลังก็ตัดสินใจชั่ววูบคว้าคอเสื้อโป้งเอาไว้..

            แต่หยุดโป้งไม่ได้ เขายังขืนตัววิ่งหนีไปได้

            กรรมการไม่ได้เป่า..

            เมื่อเห็นโป้งเปลี่ยนทางวิ่งเข้าหากรอบเขตโทษ กองหลังตัวกลางรีบเข้าวิ่งเข้าไป เพราะเขาคือตัวสุดท้ายแล้ว เขาตัดใจล้มตัวกวาดเท้าขวางทางโป้ง

            โป้งงัดลูกบอลลอยขึ้นแล้วกระโดด แต่ระหว่างที่ร่างกายลอยอยู่นั้น

            ข้างหน้า..ผู้รักษาประตูเกาหลีก็พุ่งตัวออกมา

            โป้งตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

            ลูกบอลบอลอยู่ระดับเอว เขาก็เลยตีเข่าใส่มัน แล้วก็อาศัยการสิ่งที่เซบาสเตียนสอนคือการเตรียมป้องกันการปะทะและเซฟตัวเองตอนลงพื้น

            ลูกบอลโดนเข่าลอยก็เปลี่ยนทางไปและหลุดพ้นจากการปะทะของโป้งและผู้รักษาประตู

            มันตกพื้นแล้วกลิ้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ..

            ปอและกองกลางอีกตัวของเกาหลีที่วิ่งตามมุ่งเข้าหาลูกบอลพร้อมๆกันในลักษณะเบียดกันมา แต่ประสบการณ์จากเจลีกทำให้ปอรู้จักวิธีการเบียดร่างเพื่อให้ได้เปรียบ

            แล้วเขาก็ถึงลูกบอล โดยเบียดอิงกับกองกลางเกาหลีที่รูปร่างสูงกว่าแค่เล็กน้อย เขาเตะลูกออกไปแบบไม่ได้เน้นน้ำหนัก

            กระนั้นลูกบอลก็พุ่งเรียดพื้นเข้าสู่ประตูที่ว่างโล่ง..

            นาที 84... แต้มบนสกอร์บอร์ดของสนามปูซาน เอซิอิด เปลี่ยนเป็นสองประตูต่อศูนย์

            แต่ท่ามกลางเสียงเฮของกองเชียร์ไทย ผู้ตัดสินชาวเยเมนก็เดินมาหากองหลังมากประสบการณ์ของเกาหลี เพราะจังหวะที่พยายามจะดึงเสื้อของโป้ง

            แล้วชูใบเหลืองให้กับกองหลังผู้นั้น แล้วตามด้วยใบแดงเพราะผู้เล่นคนนี้มีชื่ออยู่ในสมุดของเขาอยู่ก่อนแล้ว

            ผู้จัดการทีมเกาหลีถอนหายใจแล้วเดินกลับมานั่งที่ม้านั่ง..

            เสียทั้งประตู เสียทั้งตัวผู้เล่น..

 

            วู๊ดกำลังล้างหัวอยู่ใต้ฝักบัว ต้องเงยหน้าเมื่อได้ยินโป้งเอะอะ

            “ไอ้ปอ..ไอ้ลามก” โป้งโวยวายแล้วดิ้นขลุกขลัก.. เพราะปอกอดเขาแน่น

            “เออน่าให้กูหอมหน่อย.. แม่งจ่ายให้กูยิงซะสวยขนาดนั้น ขอกูจูบที ไอ้โกลไม่ว่าหรอก ตั้มช่วยกูสิ”

            ตั้มทำหน้าหมั่นเขี้ยวแล้วก็เข้ามาข่วยจับเอวโป้งเอาไว้ไม่ให้ดิ้นรน

            “โกลช่วยกูด้วย” โป้งร้องทั้งดิ้น แต่เพราะแขนที่แข็งแรงของตั้มทำให้เขาไม่มีปัญญาจะเดินให้หลุด

            โกลที่หันมามองแล้วก็หันกลับล้างแชมพูออกหัว

            “อย่าแรงนะมึงเดียวแก้มมันช้ำ” แต่เขาก็กล่าว

            “ไม่แรง ไม่แรง แหม่ไอ้โป้งเดี่ยวนี้ขาวเนียน.. มากูจูบหน่อยสิ”

            “ไอ้เพื่อนลามก.. เฮ้ย.. อย่า...”

            เพื่อนร่วมที่อยู่ในห้องอาบน้ำหัวเราะกันสนั่น โดยเฉพาะจอมถึงกับลงไปนั่งกับพื้นแล้วหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่

            วู๊ดรู้สึกเหมือนกับบรรยากาศเก่าๆกลับมาอีกครั้ง.. เหมือนพวกเขายังเป็นเด็กวัยรุ่น เหมือนพวกเขายังอยู่ด้วยกันที่นวสาคร..

            “อ้า.. หอมชื่นใจ” ปอกล่าวออกมาแล้วหอมแถมอีกที

            “กูจะฟ้องแม่.. มึงแกล้งกู ไอ้ปอ.. บอกว่าอย่า...” โป้งโวยวายเสียงหลงตอนปอจะหอมครั้งที่สาม

 

            ในรถบัสกลับไปโรงแรม โค้ชการันต์สังเกตเห็นว่าแก้มของโป้งเป็นรอยแดงๆตอนกำลังจะเดินผ่านเขาไปนั่งที่ ก็เลยถาม

            “ไปทำอะไรมา ตอนเข้าไปห้องแต่งตัวยังไม่มีนี่”

            โป้งทำแก้มป่องๆ แล้วหันไปชี้หน้าปอที่เดินตามหลังมา

            “มันแกล้งครับโค้ช..”

            ปอลอยหน้าลอยตา

            “แค่หอมสี่ห้าทีทำเป็นโวย” ปอพูดปนหัวเราะหึๆ

            โค้ชส่ายหัว

            “มิน่าโค้ชป้อมถึงชอบบ่นว่าปวดหัว เพราะอย่างนี้นี้เอง”

            โป้งหันยกนิ้วโป้งเชิงว่า'โป้งแล้ว'ด้วยให้ปอ แล้วก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆโกล

            “มึงอะไม่ช่วยกูเลย” โป้งเอาศอกถองโกล

            โกลเหลือบตาจากหนังสือมองหน้า

            “อ้าวก็นึกว่าชอบ..”

            แล้วเขาก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

            “โป้ง” ท๊อปปีนเบาะแล้วหันมา

            “ออสเตรเลียแพ้..” เขาบอกแล้วแสดงภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู

            โป้งมองหน้า แต่ยังคิดไม่ทัน

            โกลรีบเอาทิ้งหนังสือแล้ว เข้ามาดูจอใกล้ๆ

            “แพ้..แล้วไง..” โป้งยังคงงง

            “ออสเตรเลียแพ้” จอมร้องขึ้นเสียงหลง เพราะเขาก็พึ่งจะเปิดโทรศัพท์ดูเหมือนกัน เพราะเขาเปิดใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบรอมมิ่งเอาไว้เหมือนกับท๊อปตั้งแต่ก่อนออกจากเมืองไทย

            “จริงเหรอ” ปอตื่นตัวแล้วปีนเบาะไปหา

            การันต์จึงลุกขึ้นหันไปยกมือปรามเพราะเด็กๆเริ่มเอะอะกัน

            “เอ้าๆ.. เดี่ยวฉันบอกเอง.. ออสเตรเรียแพ้ซาอุดิอาระเบียสองประตูต่อหนึ่ง.. เท่ากับว่า..” การันต์วรรค

            “พวกเธอก็เตรียมตัวกันให้พร้อม เพราะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายกำลังรอเราอยู่ในปีหน้า”

            เสียงเฮดังลั่น ในขณะที่รถของทีมชาติไทยก็เริ่มออกตัว

            พอผ่านพ้นประตูออกมา กองเชียร์ไทยที่รออยู่ก็โบกธงและโห่ร้องกันสนั่น

            “ไทยแลนด์ ไทยแลนด์ ไทยแลนด์”

           

            ออสเตรเลีย สเตเดียม วันนี้ยังคงคึกคักเพราะหากออสเตรเลียเสมอไทยได้ก็ยังมีโอกาสเข้าไปเพลย์ออฟกับทีมจาก CONCACAF (ทีมจากอเมริกาเหนือและกลาง) ต่อไป แต่ถ้าชนะก็เข้ารอบในฐานะอันดับสองทันที

            การันต์ยังคงจัดทีมชุดรองที่เน้นเกมรับและลูกกลางอากาศลงแทน ซึ่งจะไม่มีโป้งเป็นสิบเอ็ดตัวจริง แต่มีก้านเพชรเป็นตัวเปิดบอลแทน

            ครึ่งแรกเดินทางไปเกือบหมดเวลาแล้ว..

            “แล้วโค้ชจะทำยังไงครับตอนกลับเมืองไทย” โป้งถาม ที่ถามเพราะตั้งแต่ออกจากประเทศมา ก็ยังไม่ได้กลับไปเลย เพราะโปรแกรมที่ต่อเนื่อง

            โกลหันมามองหน้าการันต์ นัดนี้โกลก็ไม่ได้เป็นตัวจริงเหมือนกัน รวมทั้งปอและท๊อป

          “ไม่รู้สิ.. ก็อาจโดนตักเตือนนะ  แต่ถ้าเลวร้ายจริงๆ อาก็คงลาออก..” การันต์ถอนหายใจดังเฮือก..

            “มันแย่นะครับ.. ทำไมพวกเขาไม่มองที่ฝีเท้าเจ้าตัวเล็กนี่ แทนที่จะมองเรื่องส่วนตัว” ท๊อปกล่าวแล้วก็เอามือลูบหัวโป้ง

            “มันกับโกลเก่งระดับโลกไปแล้ว.. แต่ยังมัวแต่คิดว่าไม่เหมาะ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี..” ปอทำเสียงประชดในตอนท้าย

            การันต์มองออกไปในสนาม

            “พี่อำนาจเขาพูดเอาไว้อย่างหนึ่งนะ ตอนนั้นก็เรื่องคล้ายๆกันอย่างนี้ในทีมนั้นหละ.. มีนักฟุตบอลคนหนึ่งมีข่าวว่าเป็นเกย์.. แล้วก็ถูกตัดจากทีมไป.. ตอนหลังเขาก็หายไปอย่างเงียบๆ ทั้งที่เป็นคนฝีเท้าดี พี่อำนาจเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับสมาคม”

     “เขาบอกว่า.. ทุกวันนี้มีคนหนึ่งในสิบเป็นเป็นรักร่วมเพศ แต่ถ้าบังเอิญในจำนวนนั้นเป็นคนมีทักษะกีฬาและเก่งกาจ เราจะตัดโอกาสเขา ตัวเอง และประเทศชาติ เพื่อรักษาสังคมนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ.. อะไรที่ว่าเป็นความเหมาะสมกันแน่ เราจะยอมสูญเสียทรัพยากรของชาติไปเพราะเขาเป็นเกย์อย่างนั้นจริงๆเหรอ”

     แต่แล้วโค้ชก็ลุกพรวดขึ้น..

     เสียงเฮในสนามออสเตรเลีย สเตเดียม ดังสนั่น ลูกยิงไกลสุดสวยของกองกลางออสเตรเลียเรียกขวัญกำลังใจมา

     “ไอ้โป้ง.. นายปอ... ไปวอร์มเดี่ยวนี้เลย” การันต์สั่ง

     ปอลุกไปทันที แต่โป้งหันมามองหน้าอารันต์ของเขา..

     ผมจะไม่ทำให้อาผิดหวังแน่นอนครับ..

     “ทีมชาติไทยลำบากแล้วครับ” ผู้บรรยายบอกเสียงไม่สบายใจ

     “ถ้าเราแพ้ เราจะอาจต้องไปเพลย์ออฟแทน เพราะถ้าออสเตรเลียชนะจะมีมากกว่าเราหนึ่งแต้ม.. เขาจะผ่านไปเล่นโดยอัตโนมัติ”

     อำนาจถอนหายใจ แล้วกล้องก็จับมาที่โป้งที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของสนามในตำแหน่งถนัดของเขา

     “เอาให้ได้ไอ้โป้ง.. อนาคตไอ้รันต์อยู่กับเอ็งแล้ว.. มันเชื่อในตัวเอ็งเหมือนกับที่อาเชื่อ.. แล้วก็พ่อของเอ็งเชื่อ.. เอ็งต้องทำให้ได้ไอ้โป้ง”

 

     ออสเตรเลียตั้งรับแล้วสวนกลับอย่างมีระบบ ผู้เล่นก็สูงใหญ่กว่าทีมชาติไทยทำให้เขาป้องกันลูกกลางอากาศได้ดี แม้โป้งกับก้านเพชรจะโยนเข้าไปสักทีครั้งก็โดนโหม่งออกไปได้หมด การยิงในทุกระยะของปืนใหญ่นารายณ์สังหารอย่างนายปอก็ไปติดบล๊อกของผู้รักษาประตูทีมชาติออสเตรเลียที่เล่นได้ดีเหมือนผีเข้า

     นาฬิกาเดินไปเรื่อยจนเกือบจะหมดเวลาอยู่รอมร่อ..

     กองเชียร์สาวไทยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หันไปซบกับไหล่ของแฟนหนุ่มที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทในมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ชายหนุ่มกำหมัดแน่น..

     “กูเชื่อใจมึงโป้ง.. สร้างปาฏิหาริย์ให้โลกตะลึงอีกสิวะ.. มึงมันสุดยอดโป้ง” วสันต์กล่าวออกไปเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นตะโกน

     “โป้ง.. เอาคืนให้ได้”

     โป้งหลบหลีกกองหลังด้านขวาที่สูงใหญ่กว่าเขาไปได้ด้วยความคล่องแคล่วที่เหนือกว่า

     ผ่านเข้าถึงบริเวณมุมธงด้านซ้าย เขาก็ตั้งป้อมเตะโยนเข้าไป  แต่ลูกของเขาไม่ผ่านกองหลังตัวกลางที่เข้ามาบล็อก..

     ลูกกระดอนกลับมา.. โป้งมองลูกบอลที่กลิ้งอยู่ แต่เขายั้งตัวเองเอาไว้ จนกระทั้งกองหลังของออสเตรเลียพุ่งลูกเข้ามาทั้งสองคน แล้วเขาก็ออกตัวพุ่งเข้าไป

     โป้งอาศัยช่วงที่สองกองหลังรีบเร่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าหาลูกบอล
                 เท้าที่ว่องไวเตะดีดลูกไประหว่างช่องของสองกองหลัง ด้วยรูปร่างที่บางและความเร็วที่เร่งฉับพลันของเขา.. ช่องว่างน้้นกว้างพอให้โป้งตามลูกบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ..

     แม้จะเห็นช่องนิดเดียวและมีผู้รักษาประตูบัง แต่นี่คือโอกาสสำคัญ...

     โป้งตัดสินใจทันที..

     เขาเงื้อเท้าซ้ายเพื่อส่งกำลังเต็มที่

     ผู้รักษาประตูตั้งท่าเตรียมรับการยิง..

     นั้นคือสิ่งที่โป้งเรียนรู้จากการเผชิญหน้ากับโกลบ่อยๆ คนตัวสูงถ้าไม่ไวเท่ากับโกล.. ก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน..

     การจัดท่าทางเพื่อเตรียมรับการยิงอย่างรุนแรงนั้น.. มักจะมีช่องว่างเกิดขึ้น

     โป้งเปลี่ยนจังหวะเท้าทันใด เขาแค่เตะมันออกไปเบาๆ แล้วตามไปทันที

     ตอนนี้โป้งและลูกบอลผ่านเสาประตูด้านซ้ายมา จากแค่มุมเดียวคือยิงผ่านผู้รักษาประตูไปทางขวา ก็กลายเป็นมีช่องเกิดด้านซ้ายของผู้รักษาประตูด้วย

     โป้งแค่ดีดลูกด้วยการแปด้วยเท้าขวาไปสู่ช่องใหม่ที่เกิดขึ้น..

     นายทวารลูกครึ่งอะบอริจิ้น รีบล้มตัวแล้วเหยียดมือไป

     วสันต์เบิกตากว้าง.. วินาทีอันแสนสั้นกลายเป็นเนินนานในความรู้สึก..

     กรรมการที่วิ่งตามขึ้นมาถึง เห็นได้ถนัด..

     “ปรี๊ด...”

     ปอสะดุ้งโหย่ง เพรากรรมการเป่านกหวีดใส่หูเขาเต็มๆ

     กองเชียร์ทีมชาติไทยกระโดดตัวลอยทันที.. ธงขาติไทยผงาดกระพือตามแรงโบกไกวของผู้ทำหน้าที่ถือธง  มันปลิวส่งแถบสีแดงขาวน้ำเงินเหยียดตรงผ่าแรงลมอย่างห้าวหาญ

     การันต์ยิ้มออกมาที่สุด เขามองบรรยากาศของการแสดงความดีใจของลูกทีมทั้งในและนอกสนาม รวมทั้งแฟนฟุตบอลบนอัฒจันทร์

     แล้วอีกไม่นานนัก กรรมการก็เป่าหมดเวลาการแข่งขัน ทีมชาติไทยเสมอออสเตรเลีย หนึ่งประตูต่อหนึ่ง..

           

            “อ้าว..ทำไมแก้มแดงอีกแล้ว..” การันต์อีกถามเมื่อโป้งกำลังจะผ่านไปตามทางเดินภายในรถบัสนักกีฬา

            “แดงเป็นปืดๆทั้งซ้ายทั้งขวาเลย”

            โป้งทำหน้าอูมแล้วเดินไปนั่ง

            “ใครทำอะไรมันอีก” การันต์ถามกับโกลที่เดินตามหลังมา

            โกลยิ้มน้อยๆ

            “มันโดนรุมจับขึงแล้วรุมหอมแก้มครับ”

            การันต์หันไปมองหน้าโป้งที่ทำท่ากอดอกแก้มอูมเหมือนเด็กชายวัยสักสี่ห้าขวบที่โดนขัดใจ

            การันต์นึกถึงตอนที่เขาเห็นโป้งครั้งแรกที่โรงพยาบาลเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน  เจ้าหนูตัวเล็กแก้มแดงนอนหลับอุตุโดยมีรอยยิ้มน้อยๆอย่างน่ารัก.. แล้วก็นึกไปถึงตอนนี้พี่ฤทธิ์และเขาหัวเราะอย่างบันเทิงใจเมื่อเจ้าโป้งน้อยวัยขวบนิดๆพยายามจะไล่เตะลูกฟุตบอล..

            โป้งจะรู้หรือเปล่าหนอว่าชื่อเทพพรนี้ การันต์เป็นคนตั้งให้เอง..

            แล้วมันก็เป็นพรของเทพจริงๆ พรของเทพที่ไม่เคยทำให้การันต์ผิดหวัง

            เลี้ยวผ่านประตูและผ่านกองเชียร์คนไทยจำนวนมากในออสเตรเลีย รถบัสของทีมชาติไทยเลี้ยวแล้วมุ่งไปตามถนนอันกว้างขวางของนครซิดนีย์

     ป้ายคำว่าไทยแลนด์อยู่หน้ารถโดดเด่นเป็นสง่า แล้วคำว่าไทยแลนด์ และธงชาติก็พร้อมจะไปสำแดงตนอย่างสง่าผ่าเผยเป็นครั้งแรกบนสุดยอดเวทีลูกหนังของโลกที่ประเทศแคนนาดา..

     ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย..


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 31/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 31-01-2016 10:50:25
บอลโลกแล้ววววววว สุดยอดมากๆ!!!
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 31/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-02-2016 00:38:51
ใจหายใจคว่ำลุ้นไปหมด อ่านจบตอนแล้วปลื้มปริ่ม
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 01/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 01-02-2016 16:19:11
ตอน โป้ง อยู่ระหว่างการปรับปรุง ขออภัยในความไม่สะดวก (ฟอร์มตก)

"คุณจิตติค่ะ.. ดิฉันอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนนี้จากสายตาดิฉัน มีประชาชนมากกว่าห้าหมื่นคนมารอรับนักฟุตบอลทีมชาติ.." แล้วผู้ประกาศสาวก็หยุด..

"ออกจากตรงนี้ก่อนนะครับ เราจะใช้เป็นทางให้นักฟุตบอลเดิน.." เสียงเจ้าหน้าที่ลอดมา..

"เดี่ยวสิคะ ดิฉันขอรายงานก่อน กำลังทำหน้าที่สื่อค่ะ"

พรรณพงศ์ถอนหายใจแล้วเปลี่ยนช่องอื่น

คราวนี้กล้องแพนให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากมายมหาศาลจริงๆในอาคารผู้โดยสาร ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่สวมเสื้อเหย้าบางเยือนบ้าง บ้างเพนท์หน้าเพนท์ตากัน ที่แปลกกว่าทุกครั้งคือมีกลุ่มเกย์ในชุดแฟนซีบ้าง ชุดฟูฟ่องเหมือนงานคานิวัลบ้าง เสริมมาด้วย..

"โป้ง โกล ก้าน วู๊ด เราภูมิใจในตัวพวกนาย.. เพื่อศักดิศรีของ LGBTI.. สู้!! " ป้ายแรก

"เกย์ก็ไม่หนักหัวใคร ไม่ได้ฆ่าพ่อใคร ไม่เห็นต้องมาว่า" ป้ายที่สองจากกลุ่มหนุ่มๆของนวสาคร..

"แค่จิ้นก็ฟินเวอร์.. รักนะพวกเธอว์ เชียร์พวกเธอขาดใจ.. " อันนี้ป้ายที่สองจากกลุ่มสาวๆ

พรรณพงศ์ยิ้มออกมา จนถึงวันนี้ที่โป้ง โกล ก้านเพชรและวู๊ดจะมีส่วนสำคัญมากกับทีมชาติ แต่กระแสต่อต้านก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่อ่อนกำลังลงมาก เมื่อกระแสสนับสนุนรุนแรงจนหยุดไม่ได้

โป้งลงสามนัดยิงไปสามประตู โกลกลายเป็นกำแพงเหล็กของทีม ก้านเพชรเป็นตัวเปิดเกมคนสำคัญมาก วู๊ดกลายเป็นหลักในเกมรับและการพลิกเกมโต้กลับ.. การกลับมาของพวกเขาพลิกสถานการณ์ของทีมชาติ.. ดังนั้นให้บางคนในสมาคมจะไม่ชอบใจก็ไม่กล้าออกมาขัดหรือแสดงออกอะไร

"น่าปลื้มใจจังนะครับ.. " กานต์กล่าวขึ้น เขาเข้ามาในห้องทำงานของพรรณพงศ์ได้สักครู่แล้ว แต่พึ่งจะพูดออกมา

พรรณพงศ์หันมามองหน้า.. แล้วก็ยิ้ม

“สมมุตินายเกิดช้ากว่านี้อีกสักหน่อย.. นายก็คงจะเหมือนกับพวกเขานะกานต์.. ที่จริง นายสมัยก่อนก็เก่งไม่แพ้ก้านเพชร และจะว่าไปนายคือคนแรกที่สอนฟุตบอลให้โกลไม่ใช่เหรอ..”

กานต์ยิ้มเศร้าๆ แล้วก็ถอนหายใจ

“มันผ่านมาแล้วครับคุณ.. แต่สำหรับผมมันก็ยังเป็นความทรงจำที่แสนดีอยู่ ถึงมันจะจบไม่สวยก็เถอะครับ” กานต์มองไปในภาพในอดีต..

 “ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณโกลในสนาม ผมก็จะนึกถึงบรรยากาศในสนาม.. ตอนนี้ผมคงได้แค่เชียร์แล้วหละครับคุณพรรณ.. แล้วก็หวังว่าคุณโกล แล้วนายโป้งจะทำให้ทีมชาติไทยไปถึงจุดสูงสุดก็เท่านั้นเองครับ”

 

     ข่าวเรื่องการมารับกันถึงสนามบินของแฟนบอลเรือนแสนกลายเป็นข่าวดังขนาดCNNต้องนำเสนอในช่วงข่าวต่างประเทศ

            โป้งกับโกลได้ชมผ่านจอโทรทัศน์ในสนามบินตอนไปต่อเครื่องแฟรงค์เฟริ์ต เพราะพวกเขาแยกกับทีมที่สนามบินซิดนี่ย์นั้นเอง แล้วบินตรงกับอังกฤษกันเลย เนื่องจากเซบาสเตียนบอกว่ามีโปรแกรมฝึกฝนพิเศษให้กับทั้งคู่ และทั้งคู่ก็ยังไม่มีที่พักในเมืองแมนเชสเตอร์เลยด้วย..

            แต่กระนั้นภาพข่าวที่บอกว่ามีกองเชียร์LGBTI จัดเต็มด้วยการแต่งชุดแฟนซีและชุดฟูฟ่องแบบคานิวัลไปรับร่วมทั้งป้ายสนับสนุนสี่นักเตะLGBTI ก็ทำให้โกลกับโป้งยิ้มได้และมีกำลังใจขึ้นมาอย่างมาก

          “เออ.. มึงจำที่โค้ชพูดได้ปะ.. ว่ามีเรื่องของนักฟุตบอลที่ถูกจับได้ว่าเกย์..” โกลกล่าวขึ้น

            โป้งหันมามองหน้า

            “เขาเป็นนักฟุตบอลรุ่นเดียวกับโค้ชนั่นหละ ติดทีมชาติในยุคของลุงอ่ำคุมทีม ตอนนั้นมีคนในสต๊าฟโค้ชในทีมนั้นหละที่เอาบอกคนข้างนอกว่าเขากับกับนักฟุตบอลรูปหล่อคนหนึ่งมีความสัมพันธ์กันลับๆตอนเก็บตัวซ้อม” โกลเล่า

            “สมาคมถอดเขาออกจากทีม โดยที่ลุงอ่ำก็คัดค้านเพราะเห็นแก่อนาคตเด็ก.. เพราะฝีเท้าเขาดีเลยหละ ไม่แพ้ไอ้ก้านตอนนี้เลย แต่เขาเลือกจะออกไปเอง พอออกไปเขาก็เลิกเล่นฟุตบอล แล้วก็ไปทำงานอื่นแทน แต่เขาก็ยังเล่นอยู่บ้างนะ แล้วก็ยังชอบออกกำลังกายด้วย..”

            โป้งขมวดคิ้ว

            “ใครน๊า.. กูคิดไม่ออกว่ะ”

            “มึงรู้จักดีเลยหละ แต่มึงอาจจำเขาตอนเล่นฟุตบอลไม่ได้แล้ว เพราะเขาติดทีมชาติอยู่แค่สั้นๆ พอมีเรื่องเขาก็ออกไปเลย ลงสนามได้แค่ไม่สองนัดเอง” โกลกล่าวแล้วยิ้มจางๆ

            “ใคร...” โป้เอียงคอ

            “อากานต์ไง” โกลเฉลย

            “หา.. อากานต์เนี่ยเหรอ..” โป้งร้อง แต่พอคิดถึงว่ารูปร่างของอากานต์ดูเหมือนคนเล่นกีฬามาก่อนจริงๆ ก็พอปะติดปะต่อได้

            “อากานต์เขาใช้วิธีการคือยอมรับเอาไว้คนเดียว เพราะคนที่มีอะไรด้วยเป็นคนมีครอบครัวแล้ว แต่งงานแล้ว.. จากนั้นเขาก็ออกมาจากทีม ตอนแรกก็ไปทำงานบริษัท จนที่สุดก็ได้เจอกับพ่อกูตอนไปวิ่งออกกำลังกาย ก็เลยชวนมาทำงานด้วย เขาก็เลยอยู่กับพ่อของกูจนถึงทุกวันนี้” โกลกล่าว

            “เขาเป็นคนสอนกูทุกอย่างเหมือนพ่อของมึงสอนมึงนั้นหละ กูถึงได้เล่นตำแหน่งแรกเป็นปีกขวาไง.. เพราะกูเรียนฟุตบอลมาจากเขานี่หละ”

           

            โป้งแปลกใจไม่น้อยกับการได้พบกับชายร่างใกล้เคียงกับเขาในห้องทำงานของผู้จัดการทีม อดีตผู้เล่นแนวรุกที่ได้ชื่อว่าสุดยอดแห่งยุคสมัยคนหนึ่ง โป้งทันได้เห็นเขาวิ่งในสนามในช่วงปลายของการค้าแข้งของเขา.. ภาพที่เขาเลี้ยงลูกด้วยท่าทางคล่องแคล่วคือภาพที่ติดตาของโป้ง

            อาร์โทนิโอ เอียนโร่..

            ส่วนโกลก็เช่นกัน เพราะคนที่อยู่กับเอียนโร่ คือสุดยอดแห่งผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมัน..

            โอซิเวอร์ อาร์คาร์น

            “ที่ต้องเรียกกลับมาก่อน เพราะพอดีว่าเพื่อนของฉันสองคนนี้เขาว่างในช่วงนี้พอดีน่ะ..” เซบาสเตียนกล่าวแล้วก็เขาก็เอนหลังกับโซฟายาวที่นั่งร่วมกับทั้งสองยอดนักเตะระดับตำนาน

            โป้งกับโกลมองหน้ากัน

            “โกลดี้.. เธอยังมีเรื่องที่ต้องขอคำแนะนำจากอาร์คาร์นอีกเยอะเลยใช่ไหม” เซบาสเตียนถาม

            “ครับ” โกลตอบแบบไม่ลังเลเลย..

            “โป้ง.. เธอหละคิดหรือเปล่าว่าถ้าเธออายุมากขึ้น.. ความเร็วของเธอไม่เท่าเดิมจะทำยังไง..” เซบาสเตียนหันมาหาโป้ง

            “ตอนนี้เธอมีความเร็วกับการความคล่องตัวเป็นอาวุธ ดังนั้นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเธอก็คืออายุ.. เมื่อสังขารเราร่วงโรย มันก็ไม่เหมือนเดิมนะ” เอียนโร่กล่าวเสริม

            โป้งมองตาชายที่เคยเป็นหนึ่งในผู้เล่นตำแหน่งจอมทัพ หรือ เพลย์เมกเกอร์(Play Maker) ซึ่งคอยบัญชาเกมรุกและกำหนดทิศทางการเล่นของทีมชาติอิตาลีได้อย่างยอดเยี่ยมในยุคของเขา

            “เธอมีสิ่งที่ผู้เล่นความเร็วสูงหลายคนขาด นั้นคือความแม่นยำ.. ดังนั้น.. เอียนโร่จะเป็นคนสอนเธอว่าเราจะทำอย่างไรในสภาพที่เธอจะต้องเจอในอีกห้าหรือหกปีข้างหน้า.. เธอจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีความเร็ว" เซบาสเตียนสรุป

 

            “ดูท่าปีนี้จะไม่ใช่ปีที่ดีของโป้ง” ผู้ประกาศกล่าวแล้วถอนหายใจ

            “หรือว่าเขาจะพยายามเก็บแรงไว้เล่นให้ทีมชาติปีหน้า” ผู้ประกาศสวมแว่นตั้งขอสังเกต

            “ผมว่าไม่นะ เท่ารู้โป้งเขาเป็นคนทุ่มเทกับฟุตบอลมาก โค้ชการันต์ยังชมบ่อยๆว่าไม่เคยเห็นใครตั้งใจและทุ่มเทเท่าโป้ง.. แต่อาจจะเพราบัลเดอร์เขาจะเน้นให้โป้งเป็นตัวจ่ายบอล หรือก็เพลย์เมกเกอร์แทนจะเป็นตัววิ่งทะลวงเกมรับเหมือนเมื่อก่อน มันก็เลยอาจดูขัดๆไป.. ปีนี้สิบนัดไปแล้วแต่โป้งก็ยังยิงประตูไม่ได้เลย แถมถูกประเมินคะแนนต่ำมากที่หกกว่าๆ ทั้งที่ก่อนหน้าเขาถือเป็นผู้เล่นที่ฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุดของพรีเมียร์ลีกคนหนึ่ง” ผู้ประกาศผิวหมึกบอก

            “เหมือนไม่ฟิตด้วยนะ” ผู้ประกาศข่าวสวมแว่นให้ข้อสังเกต

            “ผมถึงบอกว่าเขาเหมือนพยายามเก็บตัวไว้เล่นกับทีมชาติ”

            “ก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ไม่น่าจะใช่” ผู้ประกาศผิวหมึกตอบ

            การันต์ขมวดคิ้ว.. จะว่าเพราะย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่ก็ไม่น่าใช่ เพราะโป้งก็มีประสบการณ์ในพรีเมียร์มากพอแล้ว.. แต่มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้โป้งดูเนือยๆไป แถมเล่นผิดพลาดมากขึ้นอย่างน่าตกใจ

            “มันเหนื่อยอะไรของมัน”

            แต่คนรู้คำตอบคือป้อมเพชร เขานั่งก้มหน้าลงกินอาหารเช้าต่อในโรงอาหารที่ว่างแล้วเพราะเด็กนักเรียนเข้าห้องเรียนหมดแล้ว

            เขานึกถึงตอนที่โป้งไปฝึกกับการันต์ ตอนนั้นโป้งก็มีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน..

 

            โกลหันไปมองโป้งที่ยังหลับอุตุอยู่บนเตียงด้วยความเพลีย.. ไม่บ่อยนักหรอกที่โป้งจะหมดเรี่ยวหมดแรงได้ขนาดนี้.. เขาลูบหัวมันเบาๆ ก่อนหอมแก้มอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวจะทำให้ตื่น

            เขาเปิดประตูบ้านชานเมืองแมนเชสเตอร์ ย้ายมาก็หลายเดือนเพื่อนบ้านก็ถือว่าใจดีพอสมควร แถมอยู่ใกล้กับบ้านของอดีตนักเตะคนดังของยูไนเต็ดด้วย

            มีเด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นโกลยืนอยุ่หน้าบ้านก็หันมายกมือทักทาย

            เขาก็ยกมือตอบ แล้วหยิบหนังสือพิมพ์จากตู้แล้วเดินกลับเข้าบ้าน

            หนังสือพิมพ์พากันวิจารณ์ฟอร์มการเล่นของโป้ง แถมยังบอกว่าโป้งเหมือนเล่นไม่เต็มที่.. แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วโป้งเล่นเต็มที่ทุกนัด.. แต่มันก็ไม่ฟิตจริงๆนั่นหละ

            แต่หลังจากนี้มันก็จะได้พักแล้ว.. แล้วมาดูกันว่าสิ่งที่ทำให้โป้งเหนื่อยผิดปกติมาตลอดห้าเดือนนี่จะส่งผลอย่างไร

            พอโป้งตื่นแล้วโกลก็ชวนไปเดินซื้อของที่ย่านร้านค้าใจกลางเมือง

            โป้งกำลังยืนมองแผงขนมเค้กหน้าตาน่ากิน แต่พอหันมา ก็เห็นเด็กผู้ชายสองคนยืนมองหน้าเขาอยู่

            “ว่าไง” โป้งทักทาย

            แต่เด็กตัวเล็กกว่าเดินถอยหลังไปนิดหนึ่ง

            แต่ตัวคนตัวโตกว่าก้าวออกมา

            “ไอ้เกย์ ไอ้ห่วย”

            โป้งถึงกับอึ้ง โกลที่อยู่อีกร้านหันไปเพราะเสียงเด็กคนนั้นค่อนข้างดัง

            เขารีบเดินเข้ามา

            “ไอ้เกย์ ไปให้พ้น.. แกมันห่วย”

            ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโป้งรู้สึกยังไง เขายืนนิ่งงัน

            โกลต้องกำลังเข้าไปดึงตัวเด็กคนนั้น

            แต่หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมา

            “ริชาร์ด หยุดเดี่ยวนะ” เธอกระตุกแขนลูกชาย

            “ขอโทษมิสเตอร์โป้งเดียวนี้”

            เด็กชายทำหน้ารั้นใส่

            “ขอโทษทำไม.. พ่อบอกว่าเขาห่วย เพราะเขาเป็นเกย์ปวกเปียก”

            “ริชาร์ด” มารดาเสียงแข็ง

            เธอเหลืยบมองหน้าโป้งก่อนจะสั่ง

            “กลับบ้านเดี่ยวนี้.. วันนี้เธอถูกทำโทษ”

            แล้วแม่ของเด็กก็หันมาขอโทษโป้งด้วยกริยาจริงใจ

            “คือพ่อของเขาตามใจมากไปน่ะค่ะ อย่าถือสาเลยนะคะ”

            โป้งยิ้มออกมาแต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสเหมือนปกติ

            โกลรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่เลวร้ายมากสำหรับโป้ง.. เขาอาจจะเคยเจอมาแล้วหนักหนากว่านี้ตอนจบการแข่งขันนัดก่อนหน้า มีแฟนบอลปาก้อนกระดาษใส่เขาตอนจะเดินเข้าอุโมงค์ แถมโห่ใส่เสียงดังสนั่น

            แต่วันนี้เป็นเด็ก เพราะโป้งเป็นคนรักเด็ก นี่คงกระทบกับจิตใจของโป้งอย่างแรงทีเดียว

            “โอเคไหม” โกลถามอยู่ในรถ

            โป้งเป็นคนขับ เขามองไปตรงแล้วยิ้มเศร้าๆ

            “เราเป็นนักฟุตบอลโกล.. ทุกอย่างขึ้นอยู่กับในสนาม ที่ผ่านมาฉันก็เล่นแย่จริงๆไม่ใช่เหรอ.. โดนแบบนี้ก็สมควรแล้วไง”

           

            สนามบูลสกาย ออฟ แมนเชสเตอร์สนั่นไปด้วยเสียงเชียร์จากสารทิศ โดยแฟนบอลจะส่งเสียงขึ้นเป็นระยะตามการแนะนำตัวนักเตะแต่ละคน

            แต่พอถึงชื่อโป้งก็มีเสียงโห่จากแฟนบอลกลุ่มเล็กๆ

            โป้งหันไปมองนิดเดียวแล้วก็หันกลับมา..

            เซบาสเตียนถอนหายใจ ก่อนหน้าเกม ประธานสโมสรถึงกับต่อสายตรงจากต่างแดนว่าให้เขาดร๊อปโป้ง เพราะกลายเป็นตัวถ่วงของทีมอย่างเห็นได้ชัด

            แต่เขาก็ยังยืนยันอย่างหนักแน่น และให้ดูในนัดนี้ก่อน

 

            เกมเริ่มต้นอย่างเชื่องช้า เพราะฝ่ายตรงข้ามเข้ามาตั้งรับเต็มตัวแม้จะเป็นทีมใหญ่เหมือนกัน

     ดังนั้นปีกซ้ายของแมนเชสเตอร์ บูลสกาย โอลิเวียร่า คอนโต้ได้ลูกแล้วก็ไม่รู้จะจ่ายไปไหน

     แต่ที่ว่างอยู่ก็คือโป้งนั่นเอง เขาเลยจ่ายลูกเรียดพื้นไปให้

            เสียงโห่เบาๆยังมีอยู่ แต่เหมือนโป้งจะไม่ได้ใส่ใจ     

            เขาคลึงบอลไปข้างหน้าช้าๆ โดยมีกองหน้าฝั่งตรงข้ามตามเข้ามาประกบ

            ตอนนั้นโป้งส่งสัญญาณให้เพื่อนด้วยมือโดยไม่ให้ฝั่งตรงข้ามทราบ แล้วเขาก็เตะลูกย้อนหลังกลับไป

            กองหลังตัวกลางได้ลูกจากโป้งก็ทำตามสิ่งที่ซ้อมกันมาโดยตลอด เตะลูกไปด้านขวาให้กองกลางตัวริมเส้นด้านขวา

            บอร์ติก เบรินเนอร์รับลูกมาแล้วก็เลี้ยงไปข้างหน้าประมาณห้าหกหลา รอจนกองหลังด้านซ้ายของคู่ต่อสู่พุ่งเข้ามา เขาก็กลับเตะจ่ายกลับไปหาโป้งที่รอท่าอยู่

            กองกลางตัวรับที่ประกบโป้งรีบเข้าหาเพื่อจะกดดัน

            โป้งใช้ร่างกายบังลูกเอาไว้ จากนั้นก็พลิกตัวอีกครั้งแล้วเตะลูกไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว

            คอนโต้วิ่งทะยานออกไปทันลูกบอลที่ริมเส้นแล้วก็เตะสะท้อนลูกคืนมา

            โป้งที่กลับตัวหนีแล้ววิ่งไปจนพ้นตัวประกบ

     ตอนนี้เกมรับฝั่งตรงข้ามเริ่มแตกกระบวนไปนิดหน่อย แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ช่องว่างที่มีระหว่างกองหลังที่เกิดอาการสับสนมันมากพอให้โป้งจัดการโจมตี

     โป้งพาลูกเข้าหากองหลังสองตัวที่พุ่งเข้ามาพร้อมกัน

     แล้วทันใด เขาเตะกระแทกลูกลอยข้ามหัวสองกองหลังที่ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากไม่คาดคิด

     ศูนย์หน้าของบูลสกาย โยฮัน บาร์ก วิ่งตามลูกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเขาก็จับจังหวะตอนลูกตกพื้น สับไกยิงทันที...

            บูลแมน คือชื่อเล่นของกองเชียร์เจ้าบ้าน โห่ร้องอย่างยินดีหลังนกหวีดของผู้ตัดสินดังขึ้น

            โยฮัน บาร์ก ศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยี่ยมวิ่งเข้ามากอดคอโป้งในฐานะคนที่ใส่พานให้เขายิง

           

     หนึ่งในกองเชียร์ของบูลสกายมองชายหนุ่มเอาลูกมาตั้งเพื่อเตรียมตัวเล่นลูกฟรีคิกในระยะยี่สิบห้าหลา..

     ตลอดสิบนัดที่ผ่านมาไอ้หมอนี่มันเล่นไม่เรื่อง จ่ายบอลเสีย แถมเล่นไปก็แข้งขาอ่อน.. ไม่เหมือนกับที่มันเล่นให้เทมส์ไซด์ซักนิด.. เปลืองค่าจ้างเกือบแสนปอนด์ชะมัด เขากับเพื่อนๆเลยนัดกันว่าจะโห่มัน หากมันลงสนาม..

     แต่ตอนนี้รอบๆตัวเขาที่เป็นกลุ่มเฉพาะกิจ ความคึกคะนองที่จะโห่มันหายไปหมด..

     ชายหนุ่มร่างเพรียวมองไปตรงๆ อย่างตั้งมั่น แล้วเมื่อได้ยินสัญญาณนกหวีด

     เขาวิ่งเข้าหาลูกด้วยจังหวะที่ทำมาตลอดชีวิตนักเตะ..

            ลูกโค้งทำให้กองเชียร์ครางฮือ.. มันอ้อมกำแพงแล้วผ่านหน้าผู้รักษาประตูอย่างรวดเร็ว..

     โกลยิ้มกระหยิ่มมองกลุ่มโห่ที่กลายเป็นกลุ่มเชียร์

     "ไม่โห่ต่อหละวะ.. " เขาบ่น แล้วหันกลับมาหาเจ้าโป้งที่วิ่งมาเหยาะๆเหมือนกับทุกคราวที่ทำประตูได้..

     จ่ายสี่ยิงหนึ่ง.. บูลสกายนำไปแล้วห้าประตูต่อศูนย์..

     โป้งหันมายิ้มแล้วก็หันกลับไปเหมือนทุกครั้ง


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 31/01/2016
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 01-02-2016 19:56:05
โป้งแอบฝึกอะไรแน่ๆ เลยทำให้หมดแรงไประยะหนึ่ง
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 01/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-02-2016 21:39:29
โป้งไปฝึกอะไรมานะอยากรู้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 01/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 01-02-2016 21:57:27
สงสารโป้งตอนที่เด็กคนนั้นพูด.. :mew6:
พ่อเด็กก็สอนลูกแย่มาก :z6:
ทีมโกล โป้ง ชอบตอนโกลหอมแก้มโป้งน่ารักอะ :o8:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 01/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-02-2016 11:53:18
น้องโป้งเจอเด็กก้าวร้าวซะแล้ว แต่ในที่สุดน้องโป้งก็คืนฟอร์ม
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 03/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 03-02-2016 13:20:10
ตอนก่อนถึงนัดชิง โป้งโกล ตัดสินใจ





โกลแปลกใจกับเสียงกริ่งประตูของผู้มาเยือนในตอนเช้า แม่บ้านที่จะมาทุกสามวันเป็นคนออกไปดูแล้วรีบเข้ามาแจ้ง

“มีคนมาเยอะแยะเลยค่ะ เขาบอกว่ามาหามิสเตอร์โป้ง”

โป้งเดินออกจากห้องน้ำมาพอดีทำหน้างง

 

โป้งย่อตัวลงรับช่อดอกไม้จากเด็กชายตัวน้อย

“ผมขอโทษครับมิสเตอร์โป้ง” ริชาร์ดเด็กชายคนที่เคยด่าโป้งเอาส่งกล่องคุกกี้ที่ส่งให้

โป้งก็หันมารับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม

โกลจงใจไม่ออกไป แต่มองจากหน้าต่าง เห็นพวกกองเชียร์ที่มีพ่อของเด็กชายสองคนเป็นแกนนำกำลังกล่าวคำขอโทษกับโป้ง

ก็แน่หละ.. หลังจากนัดนั้นโป้งก็กลายเป็นห้องเครื่องของเกมรุกและรับของแมนเชสเตอร์ บูลสกาย ทั้งจ่ายและยิงจนพาทีมขึ้นมายืนอันดับหนึ่งของตารางมาโดยตลอด

แต่นี่ผ่านมาหลายนัดจนใกล้จะคริสมาสต์แล้ว ถึงคิดจะมาขอโทษ..

โกลไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีเหมือนโป้ง และเขาก็เสแสร้งแกล้งใจดีไม่เป็นเสียด้วย

ไม่ออกไปดีกว่า ให้ไอ้โป้งแสดงบทพ่อพระผู้ใจดีคนเดียว..

 

นัดนี้เป็นนัดที่ห้าแล้วจอมต้องนั่งดูเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่ข้างสนามซึ่งเขาก็ทำใจไว้แต่ต้นแล้ว ที่จริงก็ตั้งแต่ตอนที่ถูกซื้อตัวแล้วตอนช่วงต้นเดือนมกราคม จอมรู้ตัวดีว่าอาจต้องมาตกชะตาเช่นนี้ แม้ทีมที่ซื้อตัวเขามาจะเป็นแค่ทีมกลางตารางอย่างทีมสวอนซีก็ตาม

แต่นัดนี้สำหรับจอม การนั่งดูอยู่ข้างสนามอาจเป็นหนทางที่ดีกว่า เพราะนอกจากอากาศจะหนาวจนจับขั้วหัวใจแล้ว วันนี้สวอนซีต้องเจอกับแมนเชสเตอร์ บูลสกาย ที่มีโป้งกับโกลลงสนาม

ไม่ได้เจอกันไม่ถึงปี ทั้งสองดูจะเก่งกาจขึ้นกว่าเดิม โกลมีจังหวะการเคลื่อนที่ดูแล้วน้อยลงกว่าเดิม แทนที่เขาต้องออกมาจัดการลูกบอลที่เข้ามาในกรอบเขตโทษในทุกจังหวะเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้โกลอาศัยการดูเกมแล้วก็ออกมารับหรือตัดเกมในจังหวะสำคัญๆเท่านั้น แต่นั่นกลับทำให้เขามีสถิติดีกว่าเดิมมาก โกลไม่เสียประตูต่อเนื่องกันมาสิบสี่นัดแล้ว และกำลังอาจทำลายสถิติในนัดนี้

ส่วนโป้ง.. เจ้านี่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์และพรแสวง ตอนต้นฤดูกาลมันฟอร์มตกมากๆ จนโดนแฟนบอลโห่  แต่หลังจากมันระเบิดฟอร์มในนัดที่สิบเอ็ด มันก็กลับมาเป็นหนึ่งในสุดยอดอันตรายของลีกเหมือนเช่นเดิม

เพียงแต่บทบาทของโป้งในสนามเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด...

ตอนนี้เมื่อก่อนถ้าโป้งไม่ยืนเป็นปีกซ้าย ก็เป็นศูนย์หน้าตัวต่ำ แต่ตอนนี้โป้งยืนตำแหน่งกลางสนาม เขากลายเป็นศูนย์กลางของการบัญชาการเกม เขามีหน้าที่ควบคุมทิศทางการรุกของทีมอย่างเด็ดขาด โป้งปรากฏตัวทั่วสนามคอยประสานเกมรุกให้ราบรื่น และคอยสร้างสรรค์จังหวะการทำประตูจากการส่งลูกบอลในทุกระยะอย่างแม่นยำ

ที่จริงจะว่าไปโป้งก็เป็นคนโยนและส่งลูกได้อย่างแม่นยำมาแต่ไหนแต่ไร.. สมัยอยุ่กับนวสาครเขาก็มักจะเปิดลูกให้ปอกับอัครยิงได้แบบไม่ต้องรังสรรค์ปั่นแต่งเพิ่มเติม

แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิจารณ์ฟุตบอลจนได้รับเสียงชมเชยคือสิ่งที่เขาจะทำนี่ต่างหาก...

เดวิด เลย์แมน พยายามทำเกมรุกขึ้นไปให้ได้ เขาคือกัปตันทีมผู้บงการเกมรุกของสวอนซีในฤดูกาลนี้ แต่วันนี้เกมรุกของทีมเป็นอย่างกระท่อนกระแท่นเต็มที       

เลย์แมนพยายามพาลูกเข้าไปในแดนของบูลสกาย แต่เดี๋ยวเดียวตัวแสบของบูลสกายก็ปรากฏตัว..

เทพพร โป้ง.. เลย์แมนเคยเจอกับหมอนี่มาหลายครั้ง ตั้งแต่ตอนอยู่กับเทมส์ไซด์ แต่ตอนนั้นหมอนี่เป็นผู้เล่นเกมรุกเต็มตัว

หากตอนนี้.. ที่เขาพยายามจะทำและทำได้ดีมากคือการเข้ามาขัดขวางการเปิดเกมของเลย์แมน..

เขาร่างเล็กถ้าเทียบกับนักฟุตบอลทั่วไปในพรีเมียร์ลีก ส่วนสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบพอดี แต่กระนั้นวิธีการที่เขากำลังเข้าใช้ประกบเลย์แมนก็ทำให้การเดินเกมรุกของเลย์แมนสะดุดไป..

โป้งเข้ามาพัวพันและขยับตามการเคลื่อนไหวอย่างแน่วแน่ ด้วยการเคลื่อนที่บนปลายเท้าอย่างคล่องแคล่ว  แถมการเคลื่อนที่ตามของโป้งยังจัดตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าขวางการเปิดลูกไปข้างหน้าได้อย่างดี

ดังนั้นเลย์แมนจึงต้องหาทางเตะลูกเปลี่ยนทางไปให้คนอื่น แล้วเขาก็เลือกเพื่อนที่อยู่ทางซ้าย..

            เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วก็กำลังจะเตะ..

ฉับพลัน โป้งเข้าโจมตีในทันใด และด้วยความเร็วเกินกว่าจะหลบหลีกได้ทัน ลูกบอลก็โดนโป้งเตะสกัดจนหลุดออกจากครอบครองของเลย์แมน

            จอมครางฮือ..

            การโจมตีในขณะที่คู่แข่งกำลังจะจ่ายบอล เป็นหนึ่งในเทคนิคการแย่งบอลที่ผู้เล่นเกมรับเองก็ยังยากจะทำได้ดี.. เพราะต้องอาศัยความเข้าใจในการเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลคนอื่น และทักษะการเข้าสกัดบอลที่ว่องไว..

            เจ้าโป้งเป็นผู้เล่นเกมรุก แต่กลับทำได้ดีขนาดนี้.. นี่เองหละกระมังที่ทำให้โป้งฟอร์มตกไปในช่วงต้นฤดูกาล.. เพราะมันไปฝึกฝนทำในสิ่งที่ผู้เล่นเกมรับต้องทำทั้งไม่ใช่ทักษะหลักของตัวเอง

            ผ่านไปหลายปีแล้วที่จอมได้เห็นโป้ง นับจากที่เจอมันครั้งแรกในสนามฟุตบอลตอนม.ต้น เขาเคยอัศจรรย์ใจกับทักษะมันยังไง เขาก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมในตอนนี้

            มันยังคงเป็นโป้งคนเดิม แต่เพิ่มเติมคือคือเกมรับ..

            แต่ความคิดของจอมก็ต้องมาชะงัก เพราะเมื่อโป้งสกัดลูกไปจากเท้าของเลย์แมนแล้ว เขาก็พาลูกบอลเข้าหาแดนของสวอนซีอย่างรวดเร็ว

            จะจัดการยังไงดี ถ้าเป็นเขา.. จอมถามตัวเอง.. หากเขาต้องอยู่ในสนามตอนนี้

แนวรุกของบูลสกายเคลื่อนขึ้นมาเป็นแผง.. โป้งมีความสามารถในการส่งลูกที่แม่นยำมาก.. เขาสามารถเตะไปเปลี่ยนเกมไปทางไหนก็ได้อย่างใจนึก แถมถ้าไม่ส่งให้ใคร นายร่างเพรียวนี่ก็ยังสามารถตะลุยเข้าไปด้วยตัวเอง..

            ก็คงกลับไปที่เบสิกที่สุดของการตั้งรับ จัดการกับคนที่ครองลูกบอลให้ได้..

            ดังนั้นกองกลางตัวรับของสวอนซีจึงรีบเข้ามาหาโป้ง แต่โป้งก็เตะลูกเรียดสวนทางเข้าไปหาศูนย์หน้าที่ขยับถอยลงมา

            แต่โยฮัน บาร์ก เตะลูกย้อนทางกลับไปหาโป้งในทันที

โป้งซึ่งหลังจากจ่ายบอลไปแล้ว ก็วิ่งสลัดหนีตัวประกบมาถึงตำแหน่งที่นัดแนะกันในการซ้อม

            โป้งดักลูกบอลเอาไว้ แล้วก็อาศัยการเตะลูกเรียดพื้น ผ่านตรงกลางระหว่างกองหลังตัวกลางกับตัวริมเส้นของสวอนซีมุ่งไปหามุมสนามตรงที่ปักธง

            โอลิเวียร่า คอนโต้วิ่งตามไปรับลูกได้ทันที่ก่อนจะถึงมุมธง แล้วเขาเตะโยนเข้าหากรอบเขตโทษอย่างรวดเร็ว

            ลูกบอลลอดการสกัดกั่นของกองหลังด้านขวา มุ่งตัดขวางกรอบเขตโทษ

กองหน้าร่างสูงของบูลสกายพยายามเบียดกับกองหลังร่างหนาของสวอนซี ที่พยายามจะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงลูกบอล.. แล้วกองหลังก็เป็นฝ่ายชนะ กองหน้าของบูลสกายเข้าไม่ถึง ลูกบอลจึงผ่านทั้งคู่ไปและกำลังจะไปถึงผู้รักษาประตู..

            โดยไม่คาดคิด.. โป้งที่วิ่งแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหยียดขากระแทกลูกบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป..

            “คุณพระคุณเจ้าอย่าให้ลูกช้างลงไปเจอไอ้โป้งตอนนี้เลย.. ถ้าลูกลงไปคงจะเป็นการเปิดตัวที่แย่มากๆของลูกช้างแน่นอน” จอมแอบยกมือจบท่วมหัวเรียกหาสิ่งศักดิสิทธิ์โดยอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังสนใจไปที่การทำประตูของโป้ง

           

            รับชมผ่านจอทีวี ตอนนี้โป้งวิ่งเข้ามาช่วยปีกขวาที่เกือบจะเสียการครอบครองลูกบอล ปินโตเซ่ โกโกรัน เห็นโป้งเข้ามาใกล้ในระยะก็เลยเตะจ่ายลูกมาให้

            โป้งพาลูกบอลเข้ามาตรงกลาง เขามองไปไกล แต่พอจ่ายจริงๆ กลายเป็นกระแทกลูกตอกส้นกลับคืนไปให้โกโกรัน หนุ่มวัยยี่สองฝีเท้าจัดทะยานไปตามริมเส้นแล้วโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ

โยฮัน บาร์ก กระโดดขึ้นตัวลอยคนเดียวโหม่งผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป

ลูกแรกของบาร์ก แต่เป็นลูกที่สองของบูลสกายในเกมนี้ แมนเชสเตอร์ บูลสกายนำสวอนซีสองประตูต่อศูนย์

            “ยอดเยี่ยมจริงๆครับการประสานงานของบูลสกาย” ผู้บรรยายบอก

            “ตอนนี้บูลสกายมีเกมรุกที่น่ากลัวมาก พวกเขามีโป้งเป็นตัวประสานงานในเกมรุก เรียกได้ว่าในปีนี้โป้งทำหน้าที่จอมทัพในเกมรุกของบูลสกายได้อย่างยอดเยี่ยม..” ผู้บรรยายที่สองกล่าว

            “ตอนนี้ผ่านไปแล้วยี่สิบหกนัด แต่บูลสกายนำทีมอันดับสองถึงสิบห้าแต้ม ถึงแม้ว่าแต้มยังทิ้งกันไม่ขาด แต่ต้องบอกว่าไล่พวกเขายาก ยากจริงๆ”

            การันต์เอนกายกับโซฟานวมกอด

            ที่เจ้าโป้งเปลี่ยนสไตร์การเล่นไป.. ก็นับว่าเซบาสเตียนมองการไกลมากกับการฝึกฝนเพิ่มเติมให้โป้ง..

            เด็กคนนี้ไปไกลมาก.. มากจนพอจะเรียกได้ว่าหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกไปแล้ว..

           

            จากฤดูหนาว ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้พลิอันสดใส แต่เกมการแข่งขันของฟุตบอลรายการใหญ่ของยุโรปกำลังระอุ..

ปอก็ไม่แน่ใจว่าดีลการย้ายทีมของเขาเป็นเรื่องของการตลาดของยักษ์ใหญ่แห่งสเปนหรือเป็นเพราะรีลมาดริดต้องการตัวเขาจริงๆ

แต่กระนั้นความโชคดีของเขาก็มาถึงเมื่อย้ายมาได้แค่เดือนเดียวเขาก็มีโอกาสลงสนามภายใต้การคุมทีมของอดีตยอดนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศษ ซานาอีย์ ซีอีกซ์ เพราะบรรดากองหน้าชั้นยอดของซีอีกย์พากันบาดเจ็บ

แล้วปอก็คว้าโอกาสได้อย่างมั่นคง เขาลงสนามเป็นตัวหลักมาโดยตลอดนับแต่นั้น

ปืนใหญ่แห่งบูรพาเป็นสมญาที่ผู้สื่อข่าวเรียกเขา สิบห้านัดที่เขาลงสนามเขายิงไปแล้วสิบสองประตู..

แต่วันนี้ปืนใหญ่นารายณ์สังหารของเขาดูจะไร้ความหมายกับปราการเหล็กแห่งเอเชียของบูลสกาย..

ปอเชื่อแน่ว่าเขาพัฒนาไปมาก.. ผลงานกับนารา ธันเดอร์เดียร์และที่นี่บอกเขาเช่นนั้น..

ลองอีกทีวะ..

ปอสับเท้ายิงเต็มที่ส่งกระสุนปืนนารายณ์สังหารออกไป..

ลูกยิงของปอทั้งหนักและรุนแรง..  โกลประจักษ์ดี

การหยุดมันไม่ใช่วิธีปกติ  โกลใช้วิธีขยับออกมาเล็กน้อยแล้วพุ่งไปใช้มือตะปบไว้แล้วแต่ทำแขนให้ยืดหยุ่น เอนกลับนิดหน่อยเพื่อดูดซับแรงของลูกยิงเพื่อไม่ให้มันดิ้นหลุดมือ แล้วก็รีบดึงมากอดไว้

"เหนียวไปแล้วมั้งไอ้โกล" ปออดตะโกนบ่นออกไปไม่ได้ แต่ก็ด้วยรอยยิ้ม

โกลยิ้มตอบกับเหมือนทุกครั้ง

"มึงอ่อน"

"เดี่๋ยวๆ กูจะเอาคืนจากไอ้โป้ง.. เล่นงานกล่องดวงใจแม่ง.." ปอกล่าวอาฆาต แต่กลับหัวเราะอย่างร่าเริง

แต่ถึงจะพูดไปอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่จะหยุดโป้งได้ ตอนที่ปอพยายามจะหยุดยั้งโป้ง กลับโดนมันใช้เท้าดึงลูกแล้วหมุนพลิกตัวสามร้อยหกสิบองศาหลบไปได้ แล้วก็เชิดใส่ด้วยการวิ่งหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว

"เกลียดแม่ง ทั้งผัวทั้งเมีย.."  เขาโคลงหัวอ่อนใจตัวเอง ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าใครผัวใครเมีย

ซีอิกซ์ขมวดคิ้มมองตามการวิ่งของขุนพลเกมรุกของแมนเชสเตอร์ บูลสกาย เด็กคนนี้.. ช่างน่าตื่นตานัก.. การเคลื่อนที่ของเขาแสดงออกถึงการฝึกฝนที่แน่นปึกของทักษะพื้นฐานของฟุตบอล การครองบอลและการเลี้ยงบอลก็เป็นทักษะเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม. มันแสดงให้เห็นถึงความพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

ไม่แปลกใจเลยที่เซบาสเตียนฝากความไว้วางใจของเขาไว้กับเด็กจากเอเชียคนนี้..

ผู้จัดการทีมหนุ่มได้แต่หวังว่าแนวรับของเขาที่ราคาค่าเฉพาะตัวของแต่คนก็อาจพอซื้อนักเตะในสโมสรเล็กๆได้ทั้งทีม จะสามารถจัดการกับเด็กไทยคนนี้ได้

โป้งใช้การเตะบอลเปลี่ยนไปมาเพื่อทำให้เกมรับของฝ่ายตรงข้ามปั่นป่วน แต่ก็สมกับเป็นผู้เล่นระดับสุดยอดของโลก พวกเขายังคงปักหลักอย่างแข็งแกร่ง

แต่นี่คือนัดที่สองของนัดรองชนะเลิศของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก.. นัดแรกที่สนามบูลสกาย โป้งพลาดโอกาสทอง เพราะเขายิงจุดโทษพลาดไป.. ทำให้ทีมเสมอกับรีล มาดริดศูนย์ต่อศูนย์

ยังไงวันนี้ก็ต้องชนะ.. เขาต้องยิงประตูให้ได้

แล้วโป้งก็ตัดสินใจ เตะบอลไปข้างหน้าเหมือนจะเลี้ยงตรงเข้าหาคนที่พยายามบังทางเขาอยู่

พอเห็นดังนั้นอีกฝ่ายก็ขยับหมายจะสกัดเพื่อแย่งบอล

แต่แล้วโป้งก็เร่งสปีดก้าวข้ามลูกแล้วก็หมุนตัวกลับหลัง แล้วเตะลูกกับไปหากองกลางตัวรับที่อยู่ข้างหลัง

เดมาร์ เอเตียน ผู้เล่นแนวรับของบูลสกาย จับลูกได้ก็รีบวิ่งขึ้นไปทางซ้าย  กองกลางตัวซ้ายของคู่แข่งจึงวิ่งเข้ามาหมายจะขวาง แต่เดมาร์ เอเตียนกลับจ่ายลูกคืนไปให้โป้งที่วิ่งย้อนหลังกลับมา

โป้งหมุนตัวแล้วเตะโดยไม่จับลูกบอล โยนโด่งไปด้านขวา ซึ่งปีกขวาของบูลสกายตั้งท่ารออยู่แล้ว

เมื่อโป้งโยนไกลไปข้างหน้าเขาก็วิ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถึงบอลก่อนตัวผู้เล่นของฝั่งตรงข้ามที่วิ่งตามมา ก่อนเตะแปเรียดเข้าไปในกรอบเขตโทษ

แต่กองหลังตัวกลางของรีล มาดริดดักลูกได้ก่อนที่มันจะไปถึงศูนย์หน้าของบูลสกาย แล้วก็กลับตัวเตะส่งลูกไปกองกลางเพื่อจะทำเกมโต้กลับ

ยอดกองกลางของทีมราชันย์ชุดขาวได้ลูกมา แค่เพียงแค่คิดว่าจะจ่ายเร็วไปหาปีกขวาลือชื่อของทีมราชันย์ชุดขาว

ทว่าไม่ทันได้เตะลูกบอลออกไปตามใจคิด โป้งก็วิ่งเข้ามาใช้เท้าสะกิดลูกออกจากการครอบครองของเขาทันที

จากนั้นโป้งก็วิ่งตามลูกบอลที่กลิ้งไป แล้วพามันมุ่งย้อนกลับเข้าหาประตูของคู่แข่ง

กองหลังตัวกลางเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้ามาหาโป้งเพื่อขวางทาง แต่โป้งใช้การคลึงบอลย้อนทางแล้วหมุนตัวหลบหลีกการสกัดกั่นไปทั้งคนและลูกบอล

พอหมุนตัวกลับมา โป้งก็ตั้งหลักเท้าซ้ายแล้วสับยิงเท้าซ้ายพิฆาตส่งลูกเดินทางเป็นแนวโค้ง

นายประตูทีมราชันชุดขาวพุ่งและเหยียดมือออกไป แต่ลูกของโป้งโค้งหนีมือของเขาไปจนสุดจะเอื้อม

มันกระทบเสาแต่ก็กระดอนเข้าประตูไป..

กองเชียร์บูลแมนตะโกนร้องออกมาด้วยความยินดีในสนามซานดิเอโก้ เบอร์นาบิว

ซีอิกซ์ถอนหายใจเอามือมาลูบริมฝีปากที่เคราดก ผิดกับผมที่บางจนเกือบล้านเหน่ง

เขาหันไปมองเซบาสเตียนที่ทำท่าชกลมอย่างสะใจ..

           

หลังจากนั้นรีล มาดริดก็พยายามจะบุกแต่กลายเป็นว่าถูกการตั้งรับของบูลสกายจัดการได้หมด

ปอได้โอกาสยิงอีกสองครั้ง แต่ก็ไม่ผ่านมือของโกลเหมือนเดิม..

เขาก็ยังคงได้แค่บ่นใส่โกล แต่ก็โดนโกลก็ตอบกลับเหมือนเดิมให้เจ็บใจเล่น

            แต่แล้วเมื่อเวลาในการทดเวลาใกล้จะหมด ปอได้บอลอีกครั้งและคิดจะพาลูกไปข้างหน้า

แต่นกหวีดจากกรรมการก็เป่าขึ้นเสียก่อน..

            เขาเลยทิ้งลูกบอลแล้ววิ่งเข้าหาโป้ง

เห็นหน้าขาวๆ แก้มเนียนๆของมันแล้วหมั่นเขี้ยว..

“ไอ้โป้งมึง..มานี่เลยมาให้กูกัดแภ้มมึงซะดีๆ”

 โป้งหันมาเห็นปอวิ่งเข้ามาก็รึ้ถึงเจตนาร้าย รีบหลบหลีกแล้วก็วิ่งหนีไปรอบๆ

            โกลถอนหายใจ ถอดถุงมือแล้วก็ยืนมองปอวิ่งไล่โป้งไปทั่วอย่างน่าขบชัน

เหมือนการ์ตูนแมวกับหนู ที่เจ้าแมวกำลังพยายามวิ่งไล่จับเจ้าหนูที่คล่องแคล่วอย่างไรอย่างนั้น

            ซีอีกซ์เดินมาจับมือกับเซบาสเตียน แล้วก็มองไปที่สองหนุ่มที่ยังวิ่งหลอกล่อกันอยู่ ประเดี่ยวหนึ่งที่โกลเดินมา โป้งก็วิ่งไปแอบหลังร่างสูงใหญ่ พอปอจะเข้ามาจับ เขาก็หมุนร่างโกลไปมาเป็นเกราะกำบัง

            “นี่เขาสนิทกันมากเลยขนาดนั้นเหรอ”

            เซบาสเตียนหัวเราะ

            “เขาเคยร่วมทีมมัธยมกันน่ะ.. ก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา..”

           

            ที่จริงยังเหลือพรีเมียร์ลีกยังเหลือนัดการแข่งขันอีกสองนัดแต่ โกลกับโป้งกลับไม่ต้องลงสนามแล้วเนื่องจากทีมที่ตามเป็นที่สองพ่ายให้กับทีมคู่แข่งอย่างพลิกล๊อกทำให้พวกเขาได้แชมป์อย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้นโค้ชจึงอนุญาตให้โป้งกับโกลที่ลงสนามเป็นตัวจริงเกือบทุกนัดในปีนี้ได้วันหยุดพิเศษเจ็ดวัน เช่นเดียวกับนักเตะตัวหลักอื่นๆ แล้วจะได้กลับมาลงสนามในนัดสุดท้ายที่บังเอิญเล่นที่บูลสกาย ออฟ แมนเชสเตอร์

            ขณะขับรถกลับบ้านโป้งนึกได้ว่าไข่ที่บ้านหมดก็เลย แวะซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่พอออกมาจากร้านแล้วโกลก็นึกได้ว่าลืมซื้อของสองสามอย่างก็จะเลยกลับเข้าไป แต่เพราะโป้งบ่นเขาเลยให้โป้งรออยู่ข้างนอก

            พอโกลกลับออกมาเห็นโป้งกำลังใช้โทรศัพท์มือถือของคนอื่นถ่ายวีดีโอชายหนุ่มกำลังคุกเข่าขอหญิงสาวแต่งงานตรงหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง

            หญิงสาวตอบตกลงและยื่นมือให้ชายหนุ่มสวมแหวน ก่อนทั้งคู่จะกอดกันกลมอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จทั้งคู่ก็เดินมารับโทรศัพท์คืนจากโป้ง ขอบคุณและไม่ลืมจะขอเซลฟี่กับโป้งเพราะจำได้แต่แรกว่าโป้งคือนักเตะของบูลสกาย แถมสองคนก็ยังพูดติดตลกว่าพวกเขาเป็นแฟนยูไนเต็ด

โป้งก็เลยตอบว่าเขาก็แฟนยูไนเต็ดเหมือนกันก็เลยหัวเราะและกอดคอกับชายหนุ่มถ่ายเซลฟี่อีกรอบ

“พวกเขาพบรักกันที่หน้าซุปเปอร์นี้..ก็เลยมาขอแต่งงานกันที่นี่” โป้งอธิบายแล้วมองทั้งคู่เดินคู่กันไป

 

            โกลออกสวมเสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำ นั่งลงบนเตียงที่โป้งนอนตะแคงใช้โทรศัพท์ทำอะไรบางอย่างอยู่

            “โกล พรุ่งนี้เราไปแคนาดากันไหม” โป้งลุกมานั่งขัดสมาธิ

            “ไปทำไม อีกสองเดือนก็ต้องไปแข่งที่นั้นอยู่แล้ว” โกลตอบทำหน้างง

            “ตอนนั้นเราต้องไปเล่นบอลไม่ได้ไปเที่ยวซะหน่อย.. กูอยากไปดูน้ำตกในแองการ่า”

            โกลมองหน้าโป้ง เวลามันทำตาโตแล้วยิ้มดูน่ารักเอ็นดู

            โกลเลยเอาจับแก้มโป้งแล้วก็ยิ้มจางๆ

            “ไปก็ไป.. หยุดตั้งหลายวันนี่”

           

โกลถ่ายรูปโป้งตอนกำลังทำหน้าตื่นตากับหอทิวทัศน์ที่ได้เห็นจากยอดของCN tower สัญลักษณ์ของนครโตรอนโตเมืองใหญ่ที่สุดของแคนาดา..   ไม่ว่าโป้งจะโตขึ้นแค่ไหน.. ไม่ว่าในสนามฟุตบอลมันจะเก่งกาจเพียงไร  แต่ความเป็นโป้งก็ยังคงเส้นคงวา..  โลกนอกขอบเขตของฟุตบอลช่างน่าตื่นตาไปทุกสิ่งสำหรับเจ้าของสมญานาม Siam Magician ของบีบีซีอันมาจากปากของผู้บรรยายกีฬาชื่อดังของสถานี

 

แล้วแววตาเดียวกันก็ประดับดวงหน้าอ่อนโยนและอ่อนกว่าวัยอีกครั้ง ตอนที่โป้งเกาะราวแล้วทำตาโตมองสายน้ำเป็นล้านๆตันโยนกายลงจากหน้าผาสู่ทะเลสาบออนตาริโอ

ในละลองน้ำที่ฟุ้งกระจายของน้ำตกใหญ่ เกิดสายรุ้งพาดเป็นฉากหลังทำให้ใบหน้าของโป้งยิ่งงดงามจนโกลอยากจะเข้าไปสวมกอดเสียตรงนี้

"มันยิ่งใหญ่จริงๆเนอะ.. โกล..  เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเราเล็กนิดเดียว.. "

โกลเดินเข้ามาข้างๆ เอามือลูบบนผมเส้นละเอียดของโป้ง

"มึงก็ตัวเล็กอยู่แล้วนี่โป้ง.. "

 

พอออกห่างจากน้ำตกก็มีสวนเล็กๆ โป้งบอกว่าหิวแล้วก็เดินไป โกลก็เลยนั่งรอที่ม้านั่งมองนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปมา

สักครู่โทรศัพท์ก็ส่งสัญญาบอกว่าเขามีข้อความใหม่จากโปรแกรมไลน์

พอเปิดดูก็นเห็นว่ามาจากโป้ง


เป็นรูปของเขาเองตอนที่อยู่ในสนามของนวสาคร กำลังขว้างลูกบอลออกไป..

"จำได้ไหม..  เราเจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่.. "

โกลแปลกใจแต่ก็ตอบ..

" สิบปีที่แล้วไง.. "

" ช่าย.. "

แล้วก็เป็นภาพของโป้งกับโกลที่ตลาดสามพันนาม ต่อด้วยภาพที่ร่วมถือถ้วยชนะเลิศไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกที่สนามเดอะยูเนี่ยน ออฟ ภูเก็ต ภาพที่สนามคัมป์นู บาเซโลน่า ภาพที่วัดโทไดจิที่นารา ภาพฉลองถ้วยเอฟเอคัพในเวมบรีย์ ภาพที่หน้าโอเปร่าเฮ้าท์ที่ซิดนีย์ และภาพเมื่อเร็วนี้ที่มีปออยู่ด้วยในซานดิเอโก เบอร์นาบิว เมืองมาดริด

"สิบปีแล้วจริงๆด้วย.. มึงยังดูแลกูเหมือนเดิมตลอดเลยโกล.. "

" ก็แม่ของมึงฝากมึงไว้กับกู.. กูก็ต้องดูแลมึงไปจนกว่าจะตายกันไปข้างไง" โกลพิมพ์ตอบไป

“โกล" คราวนี้เป็นเสียงเรียก

โกลหันไป

โป้งยืนอยู่ห่างออกไปในชุดนักฟุตบอล เขายืนอยู่หลังลูกฟุตบอล

จะเล่นอะไรอีก..  โกลส่ายหัวแต่ก็ลุกขึ้น เขาเก็บโทรศัพท์แล้วก็ตั้งท่า กางขาเล็กน้อยเหยียดมือกางแล้วก็ตั้งมั่น

ตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวหลายคนหยุดดูด้วยความสงสัย

โป้งแย้มรอยยิ้ม ก่อนจะวิ่งเข้าเตะด้วยเท้าซ้ายส่งลูกพุ่งไปเป็นวิถีโค้ง

โกลพุ่งตัวออกไปตะปบลูกไว้ติดมือ ตั้งหลักได้แล้วคิดจะขว้างกลับ แต่ต้องหยุดไว้เพราะสังเกตุเห็นตัวอักษรชุดหนึ่งเขียนไว้บนลูกบอล..

"แต่งงานกันเถอะ"

โกลอึ้ง

โป้งยืนมองโกลด้วยใจลุ้นระทึก แล้วผู้รักษาประตูผู้แกร่งปานปราการเหล็กก็หยิบปากกาปาร์กเกอร์ราคาแพงออกมาเขียน

ทำหน้านิ่งๆแล้วก็ขว้างลูกบอลกลับมา

โป้งพักด้วยอก พอบอลตกก็เตะงัดขึ้นมาแล้วเอามือจับ

ใต้ลายมือเป็นระเบียบของโป้ง

อักษรหวัดของโกลอ่านได้ด้วยความคุ้นเคยของโป้งว่า

"รออะไร..  พรุ่งนี้เลยดีไหม"

ในแสงแดดยามบ่ายของสวนตกแต่งอย่างน่ารักใกล้น้ำตกไนแองการ่า..  สองหนุ่มเดินเข้ามาจับมือกันแล้วเดินคู่กันไปตามทางเดินโดยไร้คำพูด..

แต่ดวงอาทิตย์เหนือฟอร์ตไนแองการ่าทอดทอลงมาอย่างอบอุ่นเหมือนจะพรายยิ้มละไมให้กับสองนักฟุตบอลที่อยู่ร่วมทีมกันทั้งในสนามและเส้นทางของชีวิต..

 

            ก้านเพชรร้องออกมา..

            “แย่ละ โดนเรานำแล้ววู๊ด”

วู๊ดขมวดคิ้ว..

            “นำอะไร ไม่ได้เล่นบอลอยู่ซะหน่อย” วู๊ดถามขณะเดินออกมาจากทางออกด้านหลังของสนามซิกเนล อิดูน่า หรือที่รู้จักกันในนามเวสพาเลน สตาดิโอน

            “แข่งจบแล้ว เราชนะ ใครจะมานำเรา”

            “ไม่ใช่ๆ” ก้านเพชรเอาโทรศัพท์ให้ดู

            บนหน้าของเฟสบุ๊กแสดงสเตตัสที่พึ่งอัพเดทได้ราวสิบนาที เป็นภาพของโป้งกับโกลในชุดสูทสีขาวทั้งคู่ยืนจับมือกันตรงหน้าประตูฟุตบอลของสนามกีฬาที่วู๊ดไม่รู้จัก.. 

            “สิบปีแล้วที่เราเดินร่วมทางกันมา”

            อีกรูปเป็นรูปโป้งกำลังเลี้ยงลูกฟุตบอลแล้วโกลเข้ามาเบียดแย่ง

            “จะเถียงกันบ้าง แต่เราก็รักกัน”

            ต่อมาเป็นรูปโป้งอิริยาบถสะใจ โดยโกลยืนเอามือกุมหน้า และมีลูกบอลนอนอยู่ก้นตาข่าย

            “บางทีก็อยากแค่เอาชนะกัน แต่เราก็เข้าใจกัน”

            อีกรูปเป็นรูปโกลแสดงอาการดีใจ โดยถือลูกบอลไว้ในมือ และโป้งคุกเข่าทำท่าเสียดายอยู่ใกล้ๆ

            “ผลัดแพ้ ผลัดกันชนะ เพราะเรารู้ใจกัน”

            แล้วก็ภาพที่ทั้งคู่ยืนอยุ่หน้ากรอบประตูฟุตบอลโดยหันหน้าเข้าหากัน และเอามือประสานกันประคองลูกฟุตบอลเอาไว้

            “เราสัญญา.. ว่าเราจะร่วมทีมกันไปจนกว่าจะตายจากกัน”

            แล้วก็เป็นภาพที่ของใบทะเบียนสมรสที่ออกโดยนครโตรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นชื่อเทพพร และกรกฏ

            “มันจะไม่ใช่แค่กระดาษ แต่เป็นสัญญาจากหัวใจ” 

และภาพสุดท้ายคือถุงมือผู้รักษาประตูที่วางพาดบนรองเท้าสตั๊ด.. ภาพนี้ไม่มีแคปชั่น..
           
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 03/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-02-2016 15:03:43
จดทะเบียนสมรสกันแล้ววววววว :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 03/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 03-02-2016 16:44:45
ชอบมากเลยเขาจดทะเบียนสมรสกันแล้วอะ..ฟินมาเลยค่ะ  :-[ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 03/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 03-02-2016 20:29:16
โอ้วววมายยยยก๊อดดดด แต่งงานกันแล้ววววว
สุดยอดดดดด!!!
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า3 03/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-02-2016 23:04:18
แต่งงานกันแล้ว ดีใจกับโป้งและโกลด้วยจ้า
ร่วมฝ่าฟันด้วยกันมา ปลื้มปริ่ม
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 05/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 05-02-2016 16:22:34
ตอน ศึกแห่งศักดิ์ศรี โป้งโกล ปะทะ วู๊ดก้านเพชร..



          วันนี้สนามบูลสกาย ออฟ แมนเชสเตอร์แออัดไปด้วยแฟนบอล เพราะวันนี้คือนัดสุดท้ายของฤดูกาลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

            โป้งเตะบอลยาวในจังหวะสวนกลับให้กับโยฮัน บาร์กวิ่งไล่ลูกบอล ไปยิงอย่างสุดสวยเป็นประตูที่สองของแมนเชสเตอร์ บูลสกายในวันนี้

            การแข่งขันอันยาวนานจบสิ้นลงไปอีกหนึ่งรายการ แถมเป็นรายการใหญ่

ถ้วยยอดมงกุฎของลีกสูงสุดถูกยกชูโดย คาร์เตอร์ สจ๊วต กัปตันทีมชาวอังกฤษแล้วแล้วท่ามกลางพลุสีและกระดาษสีโปรยปราย นักเตะที่เหนื่อยร่วมกันมาก็โห่ร้องฉลองชัยชนะ..

           

โกลเห็นโป้งนั่งอยู่ที่โซฟาหันไปรอบตัวๆ แล้วก็ขมวดคิ้ว

            “เป็นอะไร..” เขาถามแล้วนั่งลง

            “มันไม่เห็นเปลี่ยนแปลงเลยเนอะ” โป้งกล่าวแล้วก็มองไปมองมาอีกรอบ

            “กูนึกว่าแต่งงานแล้วชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง.. แต่มันก็เหมือนเดิม”

            โกลหันมามองหน้า

            “มึงบ้า.. ก็กูกับมึงก็อยู่อย่างกันอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว.. มึงจะให้เปลี่ยนอะไร”

            โป้งทำแก้มป่องๆ

            “ก็มันน่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างสิ.. แต่นี่..เหมือนเดิมทุกอย่างเลย แล้วเขาจะแต่งกันทำไมวะ”

            “ก็นั้นเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาอยุ่กับพ่อแม่ แต่งงานก็ได้อยู่ด้วยกัน แต่มึงกับกูอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี.. มันจะเปลี่ยนอะไรเล่าโป้ง” โกลกล่าว

            แต่โป้งทำปากเชิดๆ แบบทุกทีที่มันคิดอะไรเพ้อเจ้อ

            โกลก็เลยหมั่นเขี้ยว รวบร่างของโป้งไว้แล้วกดล้มตัวลงบนโซฟา

            “อยากให้เปลี่ยน ก็ลองมีลูกไหมหละ..”

            โป้งมองหน้า..

            “ตลกละ กูไม่มีมดลูก..”

            โกลหัวเราะหึๆ แล้วหอมแก้มเนียนของโป้ง

            “ลองดู.. เพื่อมึงจะท้องในลำไส้ได้..”

            “ไอ้โกล.. เฮ้ย..”

            “อย่าดิ้นสิ..”

            “โอ้ย..ไอ้โกล..”

            “หือ..”

            “โกล.. กู.. โกล..โอย...”

 

            สนามสตาร์ด เด ฟรองส์ แห่งนครปารีสวันนี้ อัฒจันทร์กลายเป็นสองสีที่ตัดกัน ด้านหนึ่งเป็นสีเหลืองด้วยกองเชียร์ของโบรุสเซีย ดอทมูนท์ และอีกด้านเป็นสีฟ้าสดใสของกองเชียร์บูลแมนของ แมนเชสเตอร์ บูลสกาย..

            ไม้เมืองคุ้นเคยกับสนามแห่งนี้ดีมาก เพราะเขาย้ายมาจากภูเก็ตยูเนียนมาร่วมกันปารีสแซงค์ยากแมงค์ มาได้หลายเดือนแล้ว พร้อมกับที่ทีมขายจอม กองหลังตัวเก่ง

            เขามีโอกาสลงสนามไปเล่นในเกมใหญ่ก็หลายเกมแล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่า วันนี้สนามดูราวกับสะท้านสะเทิ้มเพราะเสียงเพลงเชียร์ของสองทีมที่เข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปียนสลีก ถ้วยที่ทรงเกียรติที่สุดในยุโรปสำหรับฟุตบอลสโมสร

            ในสนามมีถ้วยเรียบหรูซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของยุโรปนี้อยู่หลายใบ บางอันทำจากกระดาษ บางอันทำจากโฟม และอีกหลากหลายวัสดุ แต่ที่องอาจอยู่บนแท่นเหนืออัฒจันทร์หลักคือถ้วยแห่งเจ้ายุโรปใบจริงที่ตั้งอย่างสง่างามรอคอยนักฟุตบอลผู้คู่ควรมายกมันชูขึ้นสุดแขน

            วันนี้ไม้เมืองเข้าสนามมาโดยไม่รู้ว่า ตัวเองอยากจะเชียร์ใครกันแน่..

            ด้านหนึ่งก็มีก้านเพชรและวู๊ด สองสหายร่วมทีมภูเก็ตยูเนียนอย่างยาวนานของเขา และอีกด้านหนึ่งก็มีโป้งเพื่อนเก่าที่มีมิตรภาพอันงดงามในความทรงจำ

            แล้วนกหวีดเริ่มการแข่งขันก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงกองเชียร์ที่อึกทึก...

            เซบาสเตียนกอดอกมองเกมรุกของอดีตทีมเก่าของเขาเมื่อนานมาแล้ว ในวันนี้เขายังรู้สึกดีๆเมื่อได้กลับมาที่นี่.. มันเหมือนคนจากบ้านไปนานแล้วได้หวนคืน..

เด็กหนุ่มชาวไทยที่เลี้ยงลูกบอลอยู่ริมเส้นนี่เก่งกาจใช้ได้.. คนที่นี่เรียกเขาว่ากานนี่ แต่เห็นโกลบอกเขาว่านายคนนี้ชื่อก้านเพชร

จังหวะเท้าที่แพรวพราวเน้นการครองบอลล่อหลอก และจังหวะการโยนลูกจากกาบที่แม่นยำ..

เขานึกออกถึงความยากลำบากของคู่แข่งของทีมชาติไทยขึ้นมาทีเดียว..

หากมีโป้งวิ่งประสานงาน และทำเกมทะลวงซ้ายและกลาง แล้วมีก้านเพชรโจมตีจากริมเส้นด้านขวา ยังมีนายศูนย์หน้าตีนหนักของรีลมาดริด.. คงเป็นเกมรุกที่น่ากลัวอย่างยิ่ง..

การโยนของก้านเพชรแม่นยำขึ้นมาก โกลต้องคอยระวังให้ดี

เผลอนิดเดียวก้านเพชรก็โยนโค้งเข้ามา ศูนย์หน้าของดอทมูนกระโดดเข้าโจมตีทันที ด้วยลูกโหม่งกระดอนพื้น

โกลจับจังหวะกระดอนได้อย่างแม่นยำ เคลื่อนตัวไปรับได้ติดมือ

เขามองไป แล้วตัดสินใจเตะโยนออกไป

ปีกซ้าย นายคอนโต้วิ่งตามลูกบอล แล้วชิงจังหวะโหม่งส่งลูกย้อนเข้าตรงกลางมาหาโป้ง

พอโป้งจับลูกก็ได้เห็นหน้าวู๊ดทันทีเหมือนกัน

วู๊ดจับตากับโป้ง แต่ไม่ผลีผลามสกัด  เจ้าโป้งยิ่งยั่วยวนด้วยการเลี้ยงบอลเข้าใกล้มาเรื่อยๆ

แล้วโป้งก็ขยับจะออกวิ่ง วู๊ดจึงขยับจะตามอีก แต่โป้งกลับดึงตัวไว้แล้วขยับจะเปลี่ยนทางไปอีกด้าน วู๊ดจึงรีบกลับลำ..

เสร็จมัน.. วู๊ดรู้ตัวก็เมื่อโป้งเตะบอลผ่านวู๊ดไปด้านขวาอย่างรวดเร็ว

แสบนักไอ้โป้ง วู๊ดคำรามเบาๆแล้ววิ่งตามโป้งที่วิ่งไปข้างหน้าหลังจากจ่ายบอลไปแล้ว

ลูกบอลมาถึงปีกขวาโกโกรัน เขาเลี้ยงไปถึงริมกรอบเขตโทษด้านขวา แต่พอเจอขวางไว้ เขาก็เตะคืนกลับไปให้โป้ง

โป้งวิ่งมาโดยมีวู๊ดวิ่งตามมาติดๆ

โป้งจับลูกบอลไว้แล้วรอจังหวะ พอวู๊ดมาถึงก็จะพยายามแหย่ขาสกัด โป้งก็เตะบอลไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน ทำให้ตัวเขาหนีจากการสกัดและการประกบ

วู๊ดรีบตั้งหลักแล้วจะตามโป้ง แต่โป้งไม่ได้ไปไหนไกลปักหลักยิงไกลอยู่ตรงนั้นนั่นเอง

ลูกยิงของโป้งโค้งไปด้านขวาแล้วหักลงอย่างรวดเร็ว

ผู้รักษาประตูพุ่งออกแล้วใช้มือตบได้ แต่ลูกไม่สะท้อนกลับแค่แฉลบเปลี่ยนวิถี..

"โอ้ย.. " ไม้เมืองร้องออกไป..

เขาทุบมือตัวเอง..

ลูกบอลกระแทกเสาแล้วกระดอนออกมาเล็กน้อย แต่ผู้รักษาประตูผวาไปรับไว้ได้ก่อนศูนย์หน้าของบูลสกายจะเข้าซ้ำได้ทัน

 

การตอบโต้ของทั้งสองทีมหน้าตื่นตาตื่นใจมาก แม้แต่ผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ยังรู้สึก วันนี้เขาได้รับเชิญจากยูฟ่าให้มาชมการแข่งขันเพื่อเป็นสักขีพยาน ในฐานะของผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของยุโรป

ในยุคที่เอเชียกำลังรุ่งเรืองเรื่องฟุตบอล นักฟุตบอลจากประเทศเล็กๆทั้งสี่คนกำลังทำหน้าที่ของตนอย่างโดดเด่น

แล้วน่าตลก.. ทั้งสี่หนุ่มประกาศตนเป็น LGBTI ตรงนี้ขัดใจชายวัยเจ็ดสิบไม่น้อย..

แต่หลังจากที่เขาชมเกมเอฟเอคัพที่สนามโอล์ดเทรฟฟอร์ดเมื่อปีก่อนโน้นแล้ว.. เมื่อได้เห็นสี่ประสานของเดมเดซี่ในปีนั้น คำถามในใจก็เกิดขึ้น..

หรือโลกจะทำผู้เล่นมากพรสวรรค์หล่นหายเพราะการปักป้ายกีดกันทางเพศอย่างเข้มงวด..และการกระทำแบบนั้น ทำให้คนมากพรสวรรค์ในอดีตหันหลังให้วงการกีฬา..

ความนิยมทางเพศกำหนดพรสวรรค์ของเราหรือ.. หรือเพราะการชี้นำของสังคมกันแน่

 

แล้วในสนามก็ร้องฮือออกมา..

ผู้รักษาประตูบูลสกายทะยานไปตบลูกยิงไกลของกองกลางตัวรุกของดอทมูน

ลูกบอลสะท้อนกลับมาอย่างแรง ตกลงด้านอกเขตโทษด้านขวา

ปีกขวาดวงหน้าคมคายแบบเอเชียมุ่งมาเตะย้อนเข้าไป

ร่างสูงราวร้อยเก้าสิบ กลับตัวมาปัดลูกบอลออกมาตกตรงหน้ากรอบเขตโทษ

ศูนย์หน้าผิวเข้มของดอทมูนพยายามยิงช้ำอีก ลูกบอลวิ่งเรียดมุ่งเข้ามาหาประตูอีกครั้ง

ทว่าขายาวๆก็เหยียดมาดักไว้ได้..

แต่ลูกบอลยังกลิ้งอยู่ใกล้ๆ นายประตูจึงพยายามตวัดขา เขาเตะลูกบอลออกไปก่อนศูนย์หน้าคู่แข่ง แต่ก็ตัวเองโดนกระแทกเพราะศูนย์หน้าหนุ่มรีบร้อนจนยั้งตัวไม่ได้

กองหลังของบูลสกายวิ่งมากลับตัวเตะเพื่อเคลียร์ลูกออกไป

แต่ลูกเตะของเขาสั้นเกินไป..ตกลงแค่ขอบครึ่งวงกลมหน้ากรอบเขตโทษ..

กองกลางตัวรับของดอทมูนอยู่บนเส้นทางพอดี

เมื่อลูกตกลงตรงหน้าเขาสับเท้ายิงออกไปเสียก่อนที่นายร่างเพรียวที่ตามมาจะสกัดทัน

ลูกบอลทะยานมุ่งมาอย่างรวดเร็ว

นายประตูร่างสูงรีบลุก แล้วดีดตัวแล้วเหยียดมือออกไป

แต่แรงของลูกบอลทำให้แค่ปลายมือสัมผัส ไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางของลูกยิงได้

มันจึงแค่เปลี่ยนวิถีแค่เดียว แล้วมุ่งเข้าประตูไป..

กองเชียร์โบรูสเซีย ดอทมูนกระโดดกันตัวลอย..

แต่กรรมการส่ายหน้าแล้วชี้ไป.. ที่ผู้กำกับเส้น ผู้กำกับเส้นสะบัดธงอีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามีการฟาลว์เกิดขึ้น  เป็นการฟาลว์จากจังหวะที่โกลโดนศูนย์หน้ากระแทก

 

การันต์อุตส่าห์ตื่นมากลางดึกเพื่อชมสี่ผู้เล่นตัวหลักของเขาลงสนามในนัดสำคัญ

โกลแข็งแกร่งมากจนทำให้เขารู้สึกตื่นใจ.. จังหวะที่โกลเกือบเสียประตู เป็นเพราะเขาโดนกระแทกจนล้มไป ไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่าลูกยิงของวู๊ดอาจโดนปัดออกไปก็เป็นได้..

ปราการเหล็กแห่งสยาม.. เขานึกไปถึงคำทำนายล่วงหน้าของอดีตผู้รักษาประตูที่เคยช่วยเขาฝึกสอนโกล..  ผู้รักษาประตูระดับโลกชาวไทย.. โกลไปถึงคำนั้นได้อย่างภาคภูมิ

แล้วก็ทั้งสองทีมตอบโต้กันไปมาจนหมดครึ่งแรก แม้นเข้าสู่ครึ่งหลังก็ยังเป็นแบบเดิม

"การครองบอลสูสีมากโดยบูลสกายครองบอลที่ 51% แต่ด้านดอทมูนยิงเข้ากรอบมากว่า โดยยิงเข้ากรอบไปแล้วแปดครั้งแต่ไม่เป็นประตู สวนบูลสกายยิงเข้ากรอบไปห้าครั้งไม่เป็นประตูเช่นกัน" ผู้บรรยายนำเสนอสถิติ

"เล่นกันมันแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่ายังไม่มีประตู.. อาจต้องต่อเวลาพิเศษครับ เพราะนี่ก็นาทีที่88แล้ว"

การันต์กอดอก..  ก็ไม่แน่..  ในช่วงวิกฤติแบบนี้... ไอ้หมอนี่ชอบนักแล..

วู๊ดสัมผัสอาการล้าที่ต้นขา.. เพราะการประกบโป้งที่ดิ้นไปดิ้นมาได้เหมือนปลาไหลนั้นทำให้เขาต้องพลอยพลิกตัวไปมา..

ไอ้การเล่นแบบใหม่ของโป้งที่เน้นการครองลูกบอลและทำเกมรุกมากกว่าการตะลุยเข้าไปเองทำให้มันคาดเดาได้ยากกว่าเดิม

โป้งพาบอลไปข้างหน้าแล้วก็ดึงจังหวะหยุด ไอ้การเล่นแบบนี้ไอ้โป้งต้องคิดจะจ่ายอย่างแน่นอน.. เพราะจังหวะที่หยุดคือการชะลอให้เพื่อนวิ่งขึ้นไปเติมเกม..

แล้วโป้งขยับเท้าก้าวข้ามลูก

อาจจะตอกส้น..  วู๊ดเตรียมรับมือความพลิกผัน

แล้วฉับพลัน เท้าว่องไวพลันเปลี่ยนแปลง โป้งเอี้ยวตัว ใช้เท้าซ้ายไขว้ดีดลูกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วกลับตัววิ่งทะยานไปอย่างกับจรวดทางเรียบ

"บ้าเอ้ย.." วู๊ดสบถแล้ววิ่งตาม

กองหลังตัวกลางทั้งคู่รีบถลันออกมา

โป้งแย้มรอยยิ้ม เขาหยุดลูกไว้ทันทีแล้ว หมุนตัวพร้อมคลึงลูกบอลลากไปด้วยหลบกองหลังร่างใหญ่ได้อย่างหวุดหวิดแล้วพลิกตัวกลับวิ่งต่อไป

สู่กรอบเขตโทษ..

นายทวารมากประสบการณ์เผลอขยับจะออกมาเพราะความตื่นเต้น

ในชั่วพริบตาที่ตัดสินใจพลาดนั่นเอง.. เขายั้งตัวจะหยุด..

แต่ตัวอันตรายแห่งบูลสกายก็ยิงด้วยเท้าซ้ายทันที

ผู้รักษาประตูพยายามผงะจะปัดลูกที่มาถึงตัวอย่างรวดเร็ว

แม้ลูกยิงของโป้งเป็นลูกตรง แต่เพราะมันไม่หมุนมันจึงส่ายหนีมือกลางอากาศ..

ลูกบอลทะยานไปด้วยกำลังส่งของเท้าซ้ายระบือนาม มันพุ่งกระแทกกับตาข่ายเต็มแรง แล้วรูดหล่นมาสิ้นฤทธิ์ที่ในประตู..

กองเชียร์บูลแมนที่อยู่ข้างหลังประตูพร้อมใจกันลุกขึ้นโห่ร้อง ธงตราสัญลักษณ์แมนเชสเตอร์ บูลสกายผงาดสะบัด

วู๊ดทรุดกายลงเพราะความเหนื่อยล้าจากการวิ่งตามโป้งแต่ทำอะไรไม่ได้

มันคือไอ้โป้ง.. เขาลืมคิดไปว่า.. อาวุธอันตรายของมันคือความเร็ว.. ที่สุดก็เสร็จมันอีกจนได้..

 

คำว่าเก่งที่สุดในโลกล้วนแล้วแต่เป็นการป้อยอ..

แต่ที่อดีตผู้จัดการระดับตำนานชาวสก็อตแลนด์อยากมอบให้ไอ้หนุ่มจากแดนไกลนั้นมีแค่ว่า..

"นายมันเป็นผู้เล่นที่มหัศจรรย์..  มหัศจรรย์จริงๆ.." แล้วเขาลุกขึ้นปรบมือให้กับสิ่งมหัศจรรย์จากสยาม

"แหม่ผมอยากกลับไปเป็นหนุ่มแล้วเล่นกับเด็กคนนี้จังเลย" ชายอีกคนลุกขึ้นด้วย กล่าวกับอดีตผู้จัดทีมผู้ยิ่งใหญ่.. เขาคืออดีตตำนานเจ้าของหมายเลขสิบเอ็ดคู่บารมีของอดีตยอดผู้จัดการทีมแห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

“เขาบอกว่าเป็นแฟนของยูไนเต็ดนะครับ แต่เสียดายที่เราไม่ได้ตัวเขามา เพราะเขาสนิทสนมกับเซบาสเตียนมากกว่า.. ก็เลยอด”

 

ถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โป้งเคยได้เห็นตัวจำลองแล้วในพิพิธภัณฑ์ในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด แต่ครั้งนี้เขากำลังจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง

คาร์เตอร์ สจ๊วตหันมาดึงโป้งออกมาจากแถวของนักฟุตบอลของบูลสกายที่อยู่บนเวทีพื้นยกบนพื้นสนาม

จากนั้นก็หันไปเรียกโกลมาด้วยกัน

เมื่อประธานสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป ยกถ้วยให้สก็อต โป้งและโกลเอื้อมมือไปรับ..

แล้วทั้งสามก็ร่วมกันชูถ้วยขึ้นเหนือหัวโดยมีพลุไฟพวยพุ่งจากด้านหลังพื้นยก แล้วเหล่าบูลแมนก็ตะโกนร้องเพลงสโมสรเพื่อสดุดีบรรดานักฟุตบอลของทีมที่นำเกียรติยศสูงสุดแห่งยุโรปมาสู่สโมสร

 

วราพรบรรจงวางบนฝาบาตรพระ

            เมื่อเธอก็ย่อตัวลง พนมมือแล้วหลับตา

เธอก็นึกถึงอดีตสามี

            คุณค่ะ.. นายโป้งไม่ได้ทำให้คุณผิดหวังเลยใช่ไหมคะ.. เขาทำในสิ่งที่คุณพยายามทำมาตลอดได้สำเร็จแล้ว.. คุณต้องช่วยเชียร์เขานะคะ.. พวกเขาจะออกเดินทางไปวันนี้แล้วนะคะ

 

            โป้งกำลังเดินตามโกลไปที่นั่งของตัวเอง แต่อยู่เขาก็โดนปอดึงลงนั่งตัก

            “เฮ้ยโป้งนั่งตรงนี้. นั่งกับกูกับไอ้ตั้มบ้างก็ได้”

            โกลหันมามอง

            “ไม่เอาอะ พวกมึงชอบแกล้งกู” โป้งพยายามขืนตัวลุกขึ้น

            “ไม่แกล้งๆไม่แกล้ง” ปอว่าแล้วก็กอดเอวโป้งไว้ไม่ให้ลุก

            “เอ้าๆ พอๆ ไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว ปล่อยมันไป ปอ” อนุพงศ์เดินตามหลังมาเอ็ด

            ปอยิ้มแห้งๆ ปล่อยโป้งแต่โดยดี

            การันต์ที่เหลียวไปมองเหล่านักฟุตบอลเล่นกันก็อดส่ายหัวอ่อนใจไม่ได้

            สักครู่ใหญ่ๆ เมื่อผู้โดยสารนั่งกันเรียบร้อย เครื่องบินก็เคลื่อนไปตามทางวิ่งแล้วไปหยุดนิ่ง

            การันต์สูดลมหายใจลึกๆเข้าหนึ่งครั้ง..

            นี่จะเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่.. ไม่ว่าจะดีหรือร้าย หรือยากเย็นแค่ไหน.. เขาและทั้งยี่สิบห้าชีวิตจะไม่สู้ไม่ถอยหลัง..

            แล้วเครื่องบินลำโบอิ้ง 787ดรีมไลน์เนอร์ ก็สำแดงพลังจากเครื่องยนต์GEnx-1B ทั้งสองเครื่องผลักดันอากาศยานให้พุ่งไปข้างหน้า

เมื่อเครื่องบินเชิดหัวไปสู่อากาศ แล้วตีโค้งออกจากสนามบินสวรรณภูมิก่อนจะทะยานไปมุ่งไปสู่ดินแดนแสนไกลโพ้น.. มันได้แบกเอาความหวังและความฝันมากมายหลายล้านดวงไปด้วย

            ชายหนุ่มทั้งยี่สิบห้าคนกำลังจะไปสู่การแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่.. ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย.. พวกเขายังคงร่าเริงคุยเล่นกันตามภาษา.. แต่พวกเขารู้ดีว่าสองบ่านั้นแบกเอาเกียรติและศักดิศรีรวมทั้งพลังใจของชาวไทยทั้งชาติไปด้วย...

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 05/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 05-02-2016 21:22:03
บอลโลกกำลังรออยู่สินะ ลุ้นกันสุดตัวเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 06/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 06-02-2016 15:41:14
ตอนนัดแรกฟุตบอลโลก ปะทะอาเจนติน่า

         

            “เออว่าจะถามว่าทำไมมึงถึงได้มาจดทะเบียนกันที่นี่วะโกล” วู๊ดถามตอนที่กำลังวิ่งวอร์มกันอยู่

            โกลหันไปมองโป้ง

            “ก็แคนาดาเขาให้เกย์จดทะเบียนได้ไง.. พวกกูก็เลยมากันที่นี่ แล้วจะได้มาสำรวจสนามก่อนด้วย”

            วู๊ดพยักหน้า

            “แล้วมึงกับก้านว่าไง ไม่แต่งบ้างเหรอ” โกลถามกลับ

            วู๊ดทำหน้าเซ็ง.. หันไปมองก้านเพชรกำลังยืดเส้นก่อนวิ่งเพราะมันดันปวดท้องขึ้นมาเลยขอตัวไปห้องน้ำพึ่งกลับมา

            “ไอ้ก้านมันไม่เหมือนไอ้โป้ง.. มันน่ะติดนิสัยเจ้าชู้ เดี่ยวๆก็มีคนมาพัวพันตลอด.. กูแต่งกับมันมีหวังอกแตกตายห่า.. อยู่กันไปอย่างนี้ดีแล้ว”

            “ปอเราไปแต่งงานกันบ้างดีไหม” ตั้มที่วิ่งตามมาหันไปถาม

            “ไม่เอาหรอก.. เมียมึงน่ะขี้หึง.. เดี่ยวตามแหกอกกู..” ปอตอบ

            “กูไปจดทะเบียนซ้อนกับไอ้โป้งดีกว่า” ว่าแล้วปอก็วิ่งเข้ามาควงแขนโป้ง..

            “ไปเราไปจดทะเบียนกันนะโป้ง”

            โกลส่ายหน้า โป้งก็เมินหน้าหนี..

            “นี่ถ้ามึงไม่คั่วนางแบบวิกตอเรียซีเครตอยู่.. กูต้องคิดว่ามึงเป็นเกย์นะเนี่ยปอ กูเห็นชอบมาเจ๊าะแจะไอ้โป้งจัง” วู๊ดกล่าว

            “กูได้หมดหละ น่ารักๆอย่างไอ้โป้งเนี่ย กูชอบ..”

            ว่าแล้วก็หยิกแก้มโป้งจนร้องโอ๊ย.. โป้งเลยผลักกลับจนกระเด็น

 

            การจับฉลากแบ่งสายที่ทำกันไปก่อนหน้า ทีมชาติไทยต้องไปร่วมสายกับทีมชาติอาเจนติน่า โบลิเวีย และออสเตรีย

            แถมลงสนามนัดแรกยังต้องเจอกับอาเจนติน่าที่เป็นแชมป์โลกครั้งที่แล้วด้วย..

            ที่แคนาดาและอเมริกามีคนไทยอาศัยอยู่ไม่น้อยแถมยังมีข้ามมาจากอเมริกาด้วยทำให้ในสนามมีกองเชียร์ไทยจำนวนมากพอสมควรอยู่ภายในสนาม

            ธงชาติไทยผืนใหญ่ปลิวสะบัดเหนืออัฒจันทร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเสียงที่เปล่งออกมาสุดเสียงว่าไทยแลนด์ก็ก้องสะท้อนแข่งกับกองเชียร์อาเจนติน่าอย่างไม่หวั่นไหว

            แต่การเล่นของนักเตะทำให้การันต์ถึงกับทอดถอนหายใจ..

            อาจเพราะเกร็งและหวั่นเกรงในศักดิ์ศรี..

            วันนี้แม้แต่ตัวเก่าจากทีมชาติชุดใหญ่ชุดก่อนที่เขาส่งลงไปประคองทีมในเกมรับคือ เดชบดินทร์ กองหลังวัยสามสิบปีก็ยังพลอยผิดพลาดไปด้วย เคราะห์ยังดีที่โกลตบส่งลูกยิงของกองหน้าอาเจนติน่าออกไปได้หลายต่อหลายคราว

            แล้วจังหวะนี้โกลก็ต้องออกแรงชกลูกบอลกระเด็นออกไปอีกรอบ และเป็นโป้งที่วันนี้ลงสนามในฐานปีกซ้ายช่วยหวดลูกตูมเดียวออกหลังฝั่งตรงข้ามไปเลย

            โป้งดูหงุดหงิดผิดกับตอนลงสนามแรกๆ

            ก็น่าหงุดหงิดอยู่หรอก เพราะวันนี้ไม่ว่าวิ่งไปตรงไหน ลูกบอลก็ไม่มาถึงเขาเสียที.. ตัวอื่นเล่นกันผิดฟอร์มไปหมด เสียบอลง่าย และจ่ายกันสะเปะสะปะ

            แต่ตราบที่ยังไม่ผิดพลาดร้ายแรงนัก โกลก็ยังสามารถปัดป้องเอาไว้ได้

            “เป็นอะไรวะเพื่อนๆ สู้หน่อยสิ..” โกลกล่าวออกไป

            แล้วไอ้ที่โกลกลัวก็เกิดขึ้นจนได้

            เรียวนาร์ด เจสซี่ยอดแห่งกองหน้าของอาเจนติน่า หลุดการประกบของจอมแล้ววิ่งตรงมาในกรอบเขตโทษ  แล้วสับไกยิงทันที

            ลูกยิงที่เน้นทิศทางแต่ไม่เน้นนำหนัก ทำให้โกลต้องพุ่งไปรับ

            มือของโกลตบถูกลูกบอลแล้วส่งมันกลับออกพ้นจากประตูไป

            เดชบดินทร์ตามมาแล้วช่วยเตะออกไปพ้นประตู หากแต่ไปได้ไม่ไกล

            ปีกขวาตัวร้ายของอาเจนติน่าได้ลูกบอลไว้ ก็วิ่งพรวดขึ้นมาถึงริมเส้น กฤษดากองหลังด้านซ้ายพยายามเข้าบังทาง แต่ก็ยังโดนปีกขวาผู้คล่องแคล่วล๊อกหลบ แล้วโยนลูกโด่งกลับเข้ามาหน้าประตูได้

            กองหน้าคู่ของอาเจนติน่าอยู่ในกรอบเขตโทษทั้งสองคน ก็พยายามเบียดกับจอมและเดชบดินทร์ที่พยายามเข้าประกบไม่ให้สองคนเล่นได้ถนัด

            ลูกบอลลอยมาใกล้ โกลตัดสินใจไม่กระโดดออกไปแต่ปักหลักรอ

            เรียวนาร์ด เจสซี่ก็เช่นกัน เขาปล่อยให้จอมกระโดดไปคนเดียว.. จอมพยายามจะโขกให้ออกไปแต่.. ผิดเหลี่ยม.. ลูกบอลพุ่งเข้าสู่ประตูตัวเอง

            โกลมองลูกบอลอยู่ แม้จะเป็นการโหม่งจากพวกเดียวกัน เขาก็ยังตั้งการ์ดบล็อกเอาไว้

            แต่ลูกผิดเหลี่ยมของจอมไม่ได้มีน้ำหนักพอจะกระดอนไปไหนไกล.. มันตกลงหน้าเจสซี่พอดี..

            ด้วยสัญชาตญาณดาวยิง เขาก็เตะสวนทางเข้าใส่ทันที

            โกลพยายามจะปัด แต่มันกระชั้นเกินไป.. มือของเขาไม่โดนลูก..

            ลูกบอลกระแทกตาข่ายอย่างแรง..

            1:0...


            ในห้องแต่งตัวโค้ชการันต์และผู้ช่วยปล่อยเวลาให้นักเตะได้ปรับอารมณ์ก่อนจะเดินเข้ามา

            ไม่มีใครสักคนที่สบตาโค้ช นอกเสียจากโกล โป้งเองก็กำลังรอยเชือกรองเท้าใหม่อยู่

            “วันนี้..ผมเข้าใจว่ามันเป็นเกมหนัก.. และนี่ก็คือฟุตบอลโลกครั้งแรกของพวกคุณ.. แถมต้องเจอกับอาเจนติน่าอีก..” โค้ชกล่าวแล้วถอนหายใจ

            “เราต้องเจอกับแชมป์จากครั้งที่แล้ว.. เจอกับเจสซี่ที่เป็นสุดยอดนักฟุตบอล..”

            โป้งเหมือนยังไม่พอใจเชือกรองเท้าตัวเองก็ดึงออกแล้วร้อยใหม่ โดยเหลือบตามองโค้ชด้วย

          “แต่แล้วยังไง.. ผมมั่นใจมาก ในนัดนี้  เรามีอะไรที่สู้เขาไม่ได้เหรอ.. เขามีเจสซี่ เรามีไอ้โป้ง เขามีคาวาโย้ เรามีก้านเพชร.. เขามีซีโมเน่ เรามีวู๊ด เขามีซาซ่า เรามีโกล.. เขามีริกเตอร์ เรามีอนุพงษ์.. เรามีขุมกำลังชั้นยอดในทีม.. และที่สำคัญ เราคือทีมชาติไทย.. ผมจะไม่บอกว่าเมื่อกลับออกไปแล้วพวกคุณต้องทำอะไร.. เพราะพวกคุณยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ผมวางแผนเอาไว้เลยตั้งแต่ต้น”

            การันต์กวาดตามองไปรอบๆ ก้านเพชรหันไปมองโป้งที่ร้อยเชือกรองเท้าอยู่อย่างตั้งใจ ส่วนโกลก็ยังสบตาเขาอยู่

            “พวกคุณคิดดูเอาเองนะ.. คิดดูว่าเราจะทำให้คนไทยผิดหวังเพราะเราเล่นห่วยแถมแพ้.. หรือเราจะให้คนไทยภูมิใจที่เราทุ่มเทไม่ว่าแพ้หรือชนะ”

            แล้วโค้ชก็หันหลัง

            “ที่จริง.. ทำไมพวกเราไม่เล่นให้สนุกไปเลยหละ” โป้งกล่าวแล้วสวมรองเท้า เขายืนขึ้นแล้วกระโดดสองที

            “นี่มันฟุตบอลโลกไม่ใช่เหรอ.. เราทุกคนฝันว่าจะได้มาเล่นสักครั้งไม่ใช่เหรอ.. ทำไมเราต้องคิดว่าเราเล่นดีหรือเล่นไม่ดี เราเก่งหรือไม่เก่ง.. ทำไมเราไม่คิดว่าก็ได้มาเล่นแล้วไง.. เราก็เล่นกันให้เต็มที่ไปเลย ถ้าเราสนุกแฟนๆเขาก็จะสนุกกับเรา เรามาสนุกด้วยกันดีกว่าไหม.. คิดอะไรมาก.. ชีวิตนักเตะมันก็แค่ไม่ถึงยี่สิบกว่าปี เราทุกคนก็ใช้มันมาตั้งเยอะแล้ว.. ฟุตบอลโลกงวดหน้าเราก็ไม่รู้จะได้มาเล่นอีกไหม..”

            โป้งยิ้มแล้วมองไปรอบๆ

            “คิดมากอะไร.. เรามาเล่นบอลเพราะเราสนุกกับมันไม่ใช่เหรอ.. พวกนายยังจำความรู้สึกแรกตอนเล่นบอลครั้งแรกได้ไหมหละ.. สำหรับฉันไม่ว่านัดไหนๆ ขอให้ฉันได้สนุกก็พอ แพ้หรือชนะ.. ก็ช่างมัน แค่อยากจะพยายามเล่นให้ดีเพื่อจะได้เล่นต่อ เล่นต่อไปเรื่อยๆ” แล้วเขาก็วรรคมองหน้าการันต์ ก่อนจะหันมาหาเพื่อนๆ

“ฉันก็แค่ไอ้คนบ้าบอลคนหนึ่งก็แค่นั้น... ก็เลยอยากจะเล่นให้เยอะ ให้มากๆ ก็แค่นั้นเอง..”

จอมไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง แต่เขาลุกขึ้นแล้วก็กอดคอโป้ง

“ไปโป้ง เราไปเล่นบอลกันต่อดีกว่าเนอะ”

โป้งยักคิ้วแล้วก็เดินออกคู่กับจอมออกไป

“ไปเร็วๆเพื่อนๆ ไปเล่นบอลกัน..” จอมหันมาโบกมือ

โกลหันไปหาปอ

“ไป.. เล่นบอลดีกว่า”

ปอหันมา

“เออวะ.. เล่นบอลกันให้มันไปเลยเนอะ”

แล้วนักฟุตบอลทั้งหลายก็ลุกขึ้น รอยยิ้มปรากฏออกมา

“ไอ้เจสซี่นี่แม่งร้าย.. ประเดี่ยวกูจะจับมันให้ดิ้นไม่ออกเลย” ตั้มหันมากล่าวกับปอ

“เออ.. แม่งทำเป็นเก่ง.. เจอกันหน่อยวะ” ก้านเพชร

“ขี้เก็กชิบหาย..”

“มึงเก็กกว่ามันอีก กูว่า” วู๊ดกล่าว

“เฮ้ย ก็กูหล่อ.. เขาเรียกทำตัวให้สมความหล่อเฟ้ย..”

การันต์มองลูกทีพูดคุยกันอย่างร่าเริง

“โค้ชครับ..” เดชบดินทร์หันมาตอนจะเดินผ่าน

“ไปดูพวกเราเล่นบอลกันเถอะครับ ผมจะเล่นให้สนุกเลย..”

 

อนุพงศ์เตะบอลไปทางด้านขวาให้วู๊ดเพราะตัวเขาเองโดนกองกลางอาเจนติน่าวิ่งเขามากดดัน

วู๊ดไม่รอช้า รีบเตะจ่ายเร็วต่อไปให้ก้านเพชร..

ก้านเพชรได้ลูกก็พาบอลไปเจอกับกองกลางด้านซ้ายของอาเจนติน่าที่อยู่ในลีกเยอรมันด้วยกัน เขายิ้มพรายให้ก่อนจะขยับหลอกล่อ แล้วก็จับจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามหลงทางนิดหน่อย

เขาก็กระชากพาลูกบอลวิ่งไต่เส้นไปอย่างรวดเร็ว

การวิ่งของก้านเพชรเหมือนเขาตั้งใจจะไปให้ถึงเส้นหลัง แต่ฉับพลันก็เตะแปเรียดไปหาอนุพงษ์ที่วิ่งตามมา

อนุพงศ์หยุดลูกแล้วก็เห็นร่างที่คุ้นตาที่ปรากฏขึ้นที่ด้านซ้าย เขาเลยตอกกระแทกลูกบอลลอยโด่งไปหา

โป้งไม่พักลูก แต่โหม่งลูกไปข้างหน้า เพื่อไม่ให้ตัวกองหลังด้านขวาที่วิ่งตามเขาเป็นเงาถือโอกาสแย่งบอลได้

พอวิ่งทันลูกก็รอจังหวะ ฝ่ายตรงข้ามพยายามจะเตะบอลโดยยื่นขาจะลอดใต้หว่างขาของโป้ง แต่โป้งเตะลูกบอลหนี เขย่งกระโดดข้ามขาของคู่แข่งแล้วพาลูกบอลวิ่งไป

คาวานี่เป็นปีกขวาแต่ตามโป้งลงมาก็พยายามจะขวาง โป้งทำท่าเหมือนจะหมุนตัวพาลูกบอลหนี

แต่ฉับพลันก็เปลี่ยนท่า เตะลูกด้วยเท้าขวาเรียดพื้นไป

ลูกบอลวิ่งผ่านตรงกลางกรอบเขตโทษ ปอแตะด้วยซ้าย..ก่อนจะง้างเท้าขวา..

“เก่งนักใช่ไหมไอ้ซาซ่า.. เจอปืนใหญ่บูรพากูหน่อย..” แล้วเขาก็สับเท้าขวาข้างถนัด

ลูกปืนนารายณ์สังหารทะยานทะลุผ่านกองหลังสองคนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ซาซ่าคือยอดนายทวารที่เล่นในลีกอิตาลี รีบขยับออกไป เหยียดมือหมายเพื่อหยุดแรงลูกบอล

แต่ลูกบอลเดินทางเร็วมาก การยิงที่รุนแรงทำให้มันพุ่งผ่านไปปลายมือไป

ผืนตาข่ายตุงจนสุด... แต่ลูกบอลก็ยังทำท่าเหมือนจะแทรกผ่านไปให้ได้ ก่อนสิ้นฤทธิ์ลง

ธงไตรรงค์โบกกระพือขึ้นเหนือหัวบรรดากองเชียร์หลายรุ่นที่ลุกขึ้นเปล่งเสียงโห่ร้อง..

“เข้าไปแล้วครับ” ผู้บรรยายเผลอตะโกนใส่ไมค์จนสุดเสียง

ที่สี่แยกราชประสงค์ในตอนเช้าตรู่ ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วแต่ไม่ใครสักคนที่คิดจะออกรถ เหล่าสิงห์มอเตอร์ไซด์ชูมือชัยโยโห่ร้องออกมา คนในรถก็ตะโกนอย่างสุดเสียง.. แม้แต่ตำรวจจราจรหนุ่มก็ยังทำท่ากำหมัดชกลม..

กระแสรถทั้งสี่ด้านหยุดไปหมด.. เพราะจอทีวียักษ์กลางสี่แยกกำลังฉายภาพปอวิ่งมากอดคอโป้งแล้วพาโป้งวิ่งกลับไปหาอัฒจันทร์ที่มีธงไตรรงค์กระพือไสว...


       นักเรียนในโรงอาหารของนวสาครวิทยาลัยก็เช่นกัน กระโดดโลดเต้นกันใหญ่..

“ต้องอย่างนี้สิวะ” ป้อมเพชรพยักหน้าช้าๆมองลูกศิษย์ที่ตัวเองเป็นคนสอนมาอย่างภาคภูมิใจ

นึกถึงตอนที่ปอมาคัดตัวเข้าร่วมทีมตอนม.หนึ่ง เด็กคนนี้ยิงลูกออกไปกรอบประตูไกลลิบ.. เป็นการยิงแรงมาก แต่ไร้ทิศทาง.. แต่ตอนนี้ ด้วยเท้าที่เติบโตเต็มที่ มันกลายเป็นดั่งกระบอกปืนใหญ่ที่ลั่นกระสุนสังหารถล่มประตูอย่างแม่นยำและรุนแรง..


เฮดโค้ชของทีมอาเจนติน่า แปลกใจกับการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไปของทีมชาติไทย.. มันเกิดอะไรขึ้นในห้องแต่งตัวกันแน่..

กลับออกมายังไม่ถึงสิบนาทีพวกเขาตีเสมอทีมระดับโลกของพวกเขาได้แล้ว

แถมหลังจากนั้น.. การโจมตีตอบโต้กลับของพวกเขาเกือบเป็นประตูหลายต่อหลายครั้งจนพวกตัวรับเริ่มขยาด.. ไม่กล้าเดินเกมรุกเต็มตัว

โดยเฉพาะนายเทพพร เท้าซ้ายมหัศจรรย์.. เด็กคนนี้อันตรายมากอย่างที่ใครต่อใครบอกเขาจริงๆ

แล้วจังหวะนี้ก็เกิดต่อหน้าต่อตาของยอดเฮดโค้ชเลยที่เดียว..

โป้งพาลูกวิ่งมาตามริมเล่นในจังหวะโต้กลับ โดยมีเจสซี่วิ่งตามคู่ขนาดด้านในเพื่อไม่ให้โป้งเปิดกลับเข้ามาด้านในได้

แต่ฉับพลันโป้งก็เลี้ยงบอลเอียงเข้าหาเจสซี่ทันที

อารามแปลกใจเจสซี่แม้มีประสบการณ์มากมายก็ยังต้องผวา เพราะโป้งเหมือนจะวิ่งชนเขาเลยทีเดียว

แต่โป้งก็หยุดกระทันหันโดยเจสซี่ไม่คาดคิด.. ทำให้เจสซี่ที่กำลังสปีดอยู่หยุดไม่ทัน

แล้วทุกอย่างก็สายเกินกว่ายอดผู้เล่นเกมรุกจะทำอะไรได้.. กลับตัวมาก็เห็นแค่โป้งวิ่งพาลูกตัดเข้าไปกลางสนาม

กองกลางตัวรับรีบเข้าขวางทางทันที

แต่ฉับพลันโป้งก็สับเท้าตอกส้นส่งลูกบอลย้อนกลับ..

ตรงนั้นฉัตรที่ลงมาแทนแบ็กซ้ายตัวหลักรับลูกได้แล้วก็พาลูกไต่เส้นต่อไป โดยผ่านหน้าเฮดโค้ชที่กำลังแปลกใจกับการพลิกเกมอย่างรวดเร็วของทีมชาติไทย

ฉัตรจำสิ่งที่โป้งสอนได้จนวันนี้ โป้งบอกว่าบนสนามมีจุดที่มองไม่เห็น เขาจะต้องหาเองว่าที่ใดคือจุดที่ฉัตรถนัด..

แล้วฉัตรค้นพบจากประสบการณ์หลายปี ก่อนถึงเส้นหลังยี่สิบแปดหลาโดยประมาณ..

ฉัตรง้างเท้าซ้ายเตะส่งลูกบอลทะยานไป..

ท๊อปกระโดดเบียดกับกองหลังอาเจนติน่า เขาชิงความได้เปรียบโขกลูกได้เต็มหน้าผาก..

ลูกบอลพุ่งไปทางซ้ายแล้วกระแทกพื้นหนึ่งจังหวะ แล้วมุ่งเข้าหาประตู

ซาซ่าล้มตัวลง มือของปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ลูกยังกลิ้งอยู่ตรงกลางกรอบผู้รักษาประตู

ปอรีบพุ่งเข้าหาตามสัญชาติมือสังหาร

แต่ก่อนเขาจะถึงลูก กองหลังก็เตะมันย้อนกลับไปหาซาซ่าที่ลุกขึ้นมาได้แล้ว ซาซ่าจึงรีบเตะลูกออกไปหมายให้พ้นกรอบเขตโทษไปก่อน

แต่ลูกบอลที่ไร้ทิศทางนั้นพุ่งมาตรงตัววู๊ดที่อยู่เกือบครึ่งของแดนของอาเจนติน่า

แล้วเขาก็เลือก.. ทำสิ่งแสนคุ้นเคย.. ทำในสิ่งที่เคยทะลวงกองหลังของทีมในอังกฤษมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง.. เตะลูกไปตรงช่องว่างที่กองหลังอาเจนติน่าเปิดเอาไว้เพราะความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น

โป้งวิ่งสอดขึ้นไปตามลูกบอลที่วิ่งไหลเข้าไปในกรอบเขตโทษ

เขาเปลี่ยนทางลูกบอลให้มันหักย้อนไปด้านขวานิดหน่อย มุ่งไปอีกสองก้าวและสับเท้ายิงทันที..

ลูกบอลพุ่งเข้าตรงมา.. ซาซ่าจะขยับไปรับ.. แต่พลัน.. ขาของใครคนหนึ่งก็แทรกเข้ามา..

ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเจตนาอะไร.. ลูกบอลก็โดนกระแทกแล้วเปลี่ยนทางเข้าประตู..

กองหลังอาเจนติน่าตะลึงค้างในท่าที่เขาเหยียบลงพื้นหลังการสกัดนั้น..

เสียงเฮกึกก้องสนามมาจากกองเชียร์ทีมน้องใหม่ ไม่ใช่เหล่ากองเชียร์แชมป์โลกหลายสมัย..

 

เสียงเฮทำให้วราพรที่กำลังเข็นคนไข้เด็กออกมาด้วยตนเองตกใจ

"เบาๆหน่อยนะคะ..  โรงพยาบาลงดใช้เสียงค๊า.." เธอเอ็ดไปตามหน้าที่แต่ตามองทีวี

ภาพกราฟฟิคขึ้นว่าGOAL แล้วก็ระเบิดหายไป กลายเป็นภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่เธอก็จดจำได้ดี

โป้งสับเท้ายิง ส่งลูกพุ่งไปก่อนจะโดนกองหลังใส่เสื้อสีฟ้าสลับขาวกระแทกเข้าประตู

แล้วอักษรก็ขึ้นเป็นเลข 1:2 โดยมีธงชาติไทยอยู่เหนือเลขสอง..

"ทีมชาติไทยเราพลิกขึ้นำแล้วครับ.. สุดยอดเลยครับ ไทย.. นำอาเจนติน่าสองประตูต่อหนึ่ง" ผู้บรรยายกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ..

 

อาเจนติน่าก็ลนลานเป็น พวกเขาดาหน้ากันมาโจมตีราวกับพายุ

ทีมชาติไทยจะเปลี่ยนเอาท๊อปออกไป แล้วส่งไม้เมืองมาเพิ่มในแดนกลาง จากนั้นก็หุบโป้งมาอยู่หลังปอ ทำให้เกมรับแน่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมาก

นักเตะไทยเข้าหาลูกทุกคน.. การพัฒนาของวงการฟุตบอลไทยทำให้ให้พวกเขามีความฟิตมากพอจะวิ่งไล่บี้นักเตะอาเจนติน่าไปตลอด ทำให้พายุเกมรุกของอาเจนติน่าลงเอยด้วยความว่างเปล่า

เรียวนาร์ด เจสซึ่ รู้สึกขัดใจไม่น้อยกับเจ้ากองหลังตัวสูงยาวที่บังทางเขามิด.. ไอ้การเคลื่อนที่รู้เท่าทันเขานี้มันมาจากไหนกัน..

หรือจะเพราะการฝึกซ้อม.. ใช่สินะ.. ก็ฝั่งนั้นก็มีคนที่จังหวะเท้าว่องไวมากอยู่.. เทพพร โป้ง.. คนที่สื่อจับตาว่าจะเทียบเคียงเขาได้

ไอ้เรื่องนั้นมันเล็กน้อย..  แต่ที่ใหญ่ตอนนี้คือ.. พวกเขาตามหลังอยู่

เจสซี่ตัดสินใจหลอกล่อ กองหลังร่างสูงก็เหมือนจะขยับหลงไป..

เสร็จฉัน.. เจสซี่รีบเปลี่ยนจังหวะ.. ดึงลูกย้อนกลับแล้วจะวิ่งไป

จอมชักเท้าขวากลับหลังในบัดดล

นึกไว้แล้วเชียว.. ว่าจะหลอก

เท้าที่กระชากกลับมาขวางลูกบอลเอาไว้

เจสซี่ที่คิดแต่จะพาลูกวิ่งไปจึงกลายเป็นถลำตัวไป กลับตัวมาได้ จึงได้แค่มองจอมเตะลูกไป

ก้านเพชรได้ลูกบอลมาแต่เขาหันหลังให้แดนคู่ต่อสู้โดยมีกองหลังของอาเจนติน่าเข้ามาเบียด..

แล้วความช่วยเหลือก็มาถึง..

ไม้เมืองวิ่งแข่งมากับกองกลางตัวรับของคู่แข่ง เมื่อลูกบอลมาถึงเขาจึงเตะกระแทกไปข้างหน้า..

เขารู้ดีว่ามีคนหนึ่งรออยู่..

ในเสื้อแดงเข้มสลับเลือดหมู.. หมายเลขสิบห้าโดดเด่นเหมือนจะลอยออกมา.. ไม้เมืองมองส่งร่างเพรียวลมที่พุ่งทะยานไปด้วยกำลังขาที่แข็งแรง..

"ไปเลย.. " เขาบอกไปกับสายลมที่ไม่รู้จะทันตีนจรวดของโป้งหรือเปล่า..

จากแดนตัวเองโป้งวิ่งเดี่ยวแข่งกับสายลมสู่ประตูคู่แข่ง เขาถึงหน้าประตูของอาเจนติน่าแล้ว..

ซาซ่าไม่ได้ขยับออกมา เขาคิดจะปักหลักป้องกัน แต่โป้งวิ่งเข้าหาโดยไม่ยอมยิง..

ในระยะประชิดแบบนี้ต่อให้เขาใช้มือไม่ใช่ว่าจะได้เปรียบ ซาซ่าจึงตัดสินใจพุ่งไปล้มตัวลงหมายจะตะครุบลูกบอลให้ได้

จังหวะนั้นเองโป้งก็แตะลูกเปลี่ยนทางทันใดด้วยเท้าซ้าย แล้วตามด้วยเท้าขวาเตะกระแทกไปตรงๆ..

ลูกบอลผ่านตัวซาซ่าไปสู่ประตู

ซาซ่ารีบกลับตัวแล้วตะกายไปกับพื้นตามลูกที่วิ่งตรงจะข้ามเส้น

นิดเดียวเท่านั้น..  เขาเอื้อมไปทั้งเสือกตัวอย่างสุดกำลัง แล้วคว้า..

มือหนักแน่นตบลง.. แต่สัมผัสได้เพียงพื้นสนามหญ้า..

ลูกบอลกลิ้งข้ามเส้นไปท่ามกลางเสียงเฮของแฟนบอลที่หลังประตู..

 

"ชนะแล้วเว้ย.. " ชายหนุ่มชูมือขึ้นอย่างลืมตัว

คนที่ยืนรอรถเมล์อยู่หันมามองหน้าเขากันหมด

เขาจึงยิ้มแห้งๆ ปลดหูฟังแล้วกล่าวเสียงอายๆ..

"ไทยชนะอาเจนติน่า สามต่อหนึ่ง"

กลายเป็นชายหนุ่มตกใจ เพราะคนเหล่านั้นร้องเฮออกมาแทน..


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 06/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-02-2016 21:15:27
 o13 o13 o13 o13 o13

ชนะอาร์เจนด้วยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 06/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 06-02-2016 23:46:41
โอ๊ยยยยย มันมากๆ! สุดยอดดดดดด ตื้นตัดสุดๆ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 06/02/2016
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 07-02-2016 11:42:09
สุดยอดดดดดดด ตื่นเต้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 08-02-2016 10:19:06
ตอนความเชื่อ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท.. นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก..(ช่วงที่1)


            อรรถเงยหน้าจากกองกระดาษมากมายเพราะโทรทัศน์ภายในห้องพักครูตัดเป็นรายการข่าว

            “ทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งผ่านเข้าสู้รอบแปดทีมสุดท้าย.. เมื่อเช้านี้ทีมชาติไทยที่เป็นอันดับหนึ่งของสายบีในรอบแบ่งกลุ่ม เจอกับทีมแอลจีเลียทีมอันดับสองของสายเอ”

            “นาทีที่สิบสี่ ทีมชาติไทยออกนำไปอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่เทพพรตัดบอลมาจากปีกขวาแอลจีเลียแล้ววิ่งพาลูกเข้าไปตรงกลางก่อนจะจ่ายทะลุช่องให้กับทรงคุณหลุดเข้าไปยิงนำหนึ่งประตูต่อศูนย์”

            โป้งเตะบอลด้วยการแปเรียดพื้น ลูกบอลแทรกตรงกลางระหว่างแผงกองหลังของคู่แข่ง

            ท๊อปวิ่งเข้าไปแตะบอลไว้หนึ่งจังหวะก่อนจะเลี้ยงไปสับไกยิงผ่านมือผุ้รักษาประตูไปอย่างงดงาม

            “หลังจากนั้นก่อนหมดเวลาครึ่งแรก.. ทีมชาติไทยได้ประตูนำห่างเป็นสองต่อศูนย์จากจังหวะที่ก้านเพชรพาบอลไปถึงมุมธงด้านชวาแล้วโยนเข้ามาให้ปรเมศวร์ได้โหม่ง แต่ลูกบอลชนคานกระดอนออกมา  แล้วก็เป็นเทพพรเจ้าเก่า ยิงด้วยเท้าซ้ายโค้งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม”

            ลูกยิงของโป้งดูไม่เคยเบื่อ.. มันโค้งออกไปอย่างน่ากลัวแล้วผลุบลงอย่างฉับพลัน โดยที่นายทวารแอลจีเรียได้แต่มอง

        “เริ่มครึ่งหลังมาเพียงสองนาที ทีมชาติไทยออกนำห่างเป็นสองประตูต่อศูนย์ โดยเป็นการทำชิ่งสองจังหวะสุดสวยระหว่างเทพพรกับทรงคุณ และทรงคุณก็หลุดเข้าไปยิงเป็นประตูที่สองของเขานัดนี้จบเกม.. ทีมชาติไทยชนะไปสามประตูต่อศูนย์ผ่านเข้าไปเจอกับทีมชาติญี่ปุ่นในรอบแปดทีม”

            “อาจารย์อรรถ.. คุณเป็นศิษย์ของเทพฤทธิ์ไม่ใช่เหรอ อย่างนั้นก็ต้องสนิทกับเทพพรด้วยสิ” อาจารย์พละอีกคนหันมาถาม

            “ครับ” อรรถพยักหน้า แล้วแววตาของเขาก็เศร้าลงเล็กน้อย..

            “โป้ง เขาเก่งมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งโตเขาก็ยิ่งเก่ง.. แต่นิสัยก็ยังเหมือนเดิม.. มองโลกในแง่ดี.. หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล..” เขากล่าวแล้วยิ้มให้อดีต


            โกลเห็นโป้งเอารูปเก่าๆที่เก็บไว้ในโทรศัพท์มาเปิดดู เป็นรูปของพวกเขากับฮิรากิ..

            “ไม่รู้เซนเซย์จะมาเชียร์ฮิรากิไหมนะ” โกลกล่าวออกมาแล้วนั่งลงข้างโป้งที่นั่งอยู่บนเตียง

            “ฮิรากิ..มันก็ยังไม่ได้แต่งงานกับมาริจังใช่ไหม”

            “อืม..” โป้งพยักหน้า

            “ฮิรากิมันบอกว่า มาริจังยังไม่พร้อม เพราะเธอไม่อยากจะมาเป็นแม่บ้าน เธออยากจะใช้ชีวิตแบบสาวทำงานไปก่อน”

            แล้วทั้งสองก็เงียบไป

            “พรุ่งนี้เราต้องเจอกับเพื่อนเก่าหลายคนเลยนะ.. ฮิรากิมันจะเหมือนเราหรือเปล่านะ.. มันจะคิดถึงพวกเราไหม” โป้งกล่าวแล้วก็ทิ้งตัวลงนอน

            จากอีกมุมของนครโตรอนโต..

            ฮิรากิมองผ่านกระจกไปยังทิวทัศน์ของถนนหลวงของเมือง

            “พรุ่งนี้เราก็ได้เจอกันแล้วนะโป้งคุง โกลคุง”

 

            เสียงเพลงนิปอนโอเล่ดังสนั่นแข่งกับเสียงตะโกนไทยแลนด์ สู้ กึกก้องในสนามบีเอ็มโอฟิลด์จนสนั่นหวั่นไหว ความจุสี่หมื่นที่นั่งของสนามแน่นจนแทบล้น..

ตอนนี้แม้แต่คนแคนาดาเองก็เริ่มหันมาเชียร์ทีมชาติไทย เพราะมองว่าเป็นม้ามืดที่น่ากลัว ผ่านรอบแรกด้วยผลชนะสองเสมอหนึ่ง ยิงไปแปดประตู เสียแค่ประตูเดียว.. แถมหนึ่งในการชนะยังเป็นการชนะอดีตแชมป์โลกเสียอย่างอาเจนติน่าเสียด้วย ต่อด้วยการถล่มแอลจีเรียไปสามต่อศูนย์..

            การันต์ยังไม่ได้คิดไปไกลว่าพวกเขาจะเป็นแชมป์โลก.. แม้จะมีสื่อหลายหัวในเมืองไทยที่เป็นสื่อตลาดจะพยายามปลุกกระแส แต่เขาก็ยังมองว่าทีมยังขาดประสบการณ์ และเขาก็เน้นให้ลูกทีมสู้ให้เต็มที่ในแต่ละนัดมากกว่า

            ตอนนี้ดาวซัลโวสูงสุดของทีมคือปอกับท๊อป โดยสองคนยิงไปแล้วคนละ3ประตู ส่วนโป้งยิงได้แค่2ลูกถ้าไม่นับลูกที่คู่ต่อสู้ยิงประตูตัวเองที่เกิดจากเขา แต่ยอดAssistนั้นสูงที่สุดของรายการที่ 6 ครั้ง เริ่มมีคนพูดถึงโอกาสที่โป้งจะคว้าGolden Ball ในฐานะยอดผู้เล่นของรายการ บางคนพูดไปถึง Ballon d’or ที่จะมีการประกาศปลายปี แต่ดูเหมือนโป้งจะไม่ได้สนใจ

            โป้งยังร่าเริงเหมือนปกติ เขาเป็นแบบอย่างของคำว่าเล่นฟุตบอล เพราะรักฟุตบอลของจริง..

            ส่วนนักเตะสำคัญของทีมอย่างโกล.. รายนั้นไม่ต้องพูดถึง เสียประตูเดียวนี่คือผลงานโดยตรงของเขา.. คำว่าระดับโลก.. มันแสดงชัดบนผลงานนั้นอยู่แล้ว ก้านเพชร วู๊ด อนุพงศ์ ตั้มและจอม ก็เล่นได้อย่างโดดเด่น.. เป็นการประสานงานกันที่ลงตัวที่สุดเท่าที่การันต์เคยมีในทีมชาติ..

            เกมนี้จะว่าไปก็หนักมาก แม้พวกเขาจะเคยเอาชนะญี่ปุ่นมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประมาทสายเลือดซามูไรได้เลย

            เหลือบไปข้างๆ คนที่ยืนล้วงกระเป๋ามองเกมคือโยชินะ อากิ คนที่รู้จักโป้งเป็นอย่างดีที่สุดคนหนึ่ง.. แล้วเขายังรู้จักความอันตรายของปอดีอีกเช่นกัน

             

            ฮิรากิโหม่งลูกที่เปิดเข้ามาโดยก้านเพชรออกไปอย่างรวดเร็ว

            เมื่อลูกบอลลอยออกมา เทนโด้ อากาชิก็พักอกแล้วกลับตัว

            เขาพาลูกบอลวิ่งไปทำเกมโต้กลับในทันที

            วู๊ดเห็นดังนั้นจึงขยับเข้ามาขวางทาง เทนโด้จึงต้องจ่ายออกไปทางด้านขวาให้กับนิชิโยะ ฮิเดะ ที่วิ่งตามมาช่วย

            ฮิเดะพาบอลวิ่งไต่เส้นจนมาตรงมุมถนัดเขาก็เล็งไปที่ศูนย์หน้า โยดะ ฮิโรยูกิ..

            โยดะ มองลูกที่พุ่งมาจากการเตะโยนอย่างรวดเร็ว เขาสลัดหนีเดชบดินทร์ด้วยความเร็วของหนุ่มรุ่น แล้วเขาก็เอี้ยวตัวโหม่งสะบัดเปลี่ยนทางให้ลูกมุ่งเข้าประตู

            โกลพุ่งตัวไป แล้วตบลูกที่เกือบจะเสียบตรงมุมบนออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด

            ฮิรากิวิ่งขึ้นมาที่หน้าประตูของทีมไทยเพื่อเล่นลูกเตะมุม เจอโป้งที่ยืนอยู่นอกกรอบเขตโทษ

            เขาก็ยื่นมือออกไป โป้งก็จับด้วย ฮิรากิเลยดึงโป้งเขามากอดแล้วตบไหล่

            “คิดถึงจังเลย เพื่อน”

            โป้งยิ้มแล้วมองตามหลังเพื่อนร่างสูงวิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ

            นิชิโยะตั้งลูกตรงมุมธงแล้วมองเข้าไปในกรอบเขตโทษ ตอนนี้ศูนย์หน้าทั้งสองประจำอยู่ในตำแหน่ง

            เขาก็เลยเตะโค้งเข้าไป ลูกบอลลอยข้ามทุกคนไปหมด.. แล้วทำท่าจะหักเข้าประตู.. โกลจึงกระโดดไปตบออกไปนอกกรอบเขตโทษ

            ตัวกองกลางญี่ปุ่นกระโดดพักอก แล้วพาลูกไปด้านซ้ายเจอกับตั้มเข้ามาขวาง ตั้มพยายามบังทางแต่ กองกลางคนนี้เท้าว่องไวมากจึงหลอกแล้วเตะเรียดผ่านตั้มเข้าไป

            โยดะจับลูกได้ก่อนจอมจะสกัด เขาพลิกตัวอย่างว่องไวแล้วเอี้ยวตัวยิงลูกออกไป

            โกลขยับจะไปปิดทางลูกยิง แต่จอมที่วิ่งเข้ามา ก็เข้ามาในเส้นทางลูกพอดี

            ลูกบอลเลยกระแทกกับหลังของจอมแล้วเปลี่ยนทาง

            ตอนนั้นโกลขยับออกไปแล้ว..

            ลูกบอลเปลี่ยนทิศทางแล้วพุ่งไปทางขวา แต่ตอนนี้โกลพุ่งตัวไปทางซ้าย..

            หลงทางเสียแล้ว.. โกลรู้ตัวดี..

            แต่ฉับพลัน เขาก็ยืดขาออกไป..

            เท้าของโกลกระแทกกับลูกบอลแล้วส่งมันกระดอนสูงขึ้นไปในอากาศ

            ฮิรากิที่อยู่ใกล้ๆ รีบตามเข้าไปเพื่อซ้ำให้ได้ พร้อมกับๆจอมที่กลับตัวไปหาลูก  ทั้งสองกระโดดขึ้นพร้อมๆกัน ตอนที่ลูกบอลโดนแรงดึงดูดดึงย้อนกลับลงมา..

            อิรากิกระโดดก่อนนิดหน่อย จึงโหม่งได้ก่อนจอม..

            ลูกพุ่งย้อนกลับไปหาประตู..

            แต่กำปั่นที่แข็งแรงก็ชกตูมเข้าใส่ลูกบอล ส่งมันลอยออกไปไกล

             เทนโด อากาชิเหยียดขาดักลูกเอาไว้ได้ และคิดจะเลี้ยงลูกกลับไป  แต่คู่ต่อสู้ตัวแสบของเขาก็เข้าขวาง เทพพร โป้ง

            เทนโดไม่สามารถจะสลัดโป้งออกไปได้ เพราะการเคลื่อนที่ของโป้ง โป้งขยับกายบนปลายเท้าได้อย่างรวดเร็ว แม้เทนโดจะพยายามหลอกล่อ แต่โป้งก็ขยับบังทางไว้อย่างแน่นหนา..

            นั่นทำโยชิดะเผลออมยิ้มแล้วพยักหน้า.. เจ้าหนูโป้งมันพัฒนาไปแล้วจริงๆ แต่พอคิดได้ว่าไม่ควรก็รีบเปลี่ยนสีหน้าให้เรียบขรึม โดยต้องเหลือบมองว่าผู้ช่วยจะเห็นหรือเปล่า..

            เทนโด เริ่มใจร้อนเพราะตอนนี้ก้านเพชรก็เข้ามาช่วยกดดันอีกคน เขาก็เลยคิดจะเตะย้อนกลับ

            ทันใด.. โป้งก็จู่โจมทันที เขาแหย่ขาออกไปเตะลูกบอลหลุดจากเท้าของเทนโด

            ลูกบอลกลิ้งไปเข้าเท้าก้านเพชร เขารีบพลิกตัวทันใดแล้วพาลูกบอลวิ่งไปข้างหน้าสู่แดนของญี่ปุ่น

            เทนโดรีบตามลูกบอลกลับไป แต่โป้งที่ออกตัวที่หลังกลับแซงเขาขึ้นไปข้างหน้า

            ก้านเพชรวิ่งพาลูกเข้าไปถึงเกือบครึ่งสนามฝั่งญี่ปุ่น

            มีทั้งปอวิ่งไปเบียดไปกับกองกลางตัวรับของญี่ปุ่น และยังมีท๊อปอีกคน

            เขาจึงตัดสินใจเตะโยนไป

            ลูกบอลลอยมาค่อนข้างสูงเพราะกะให้ปอวิ่งไล่ไปยิงประตู แต่ตอนนี้ด้านหน้ามีผู้รักษาประตูที่วิ่งออกมาตัดระยะ และเขาเองก็ต้องเบียดกับกองกลางตัวรับที่แข็งแกร่ง

            ดังนั้นปอจึงตัดสินใจ เขาหยุดวิ่งแล้วหมุนตัวกระโดดโหม่งให้ลูกลอยย้อนกลับไป

            โป้งวิ่งมาถึงลูกตอนที่มันกำลังย้อยลงมาพอดี เขาไม่รอให้ลูกตกก่อน

            เตะลูกบอลในจังหวะที่มันยังอยู่ในอากาศ ส่งลุกบอลพุ่งออกไป

            ผู้รักษาประตูญี่ปุ่นวิ่งกลับไปตั้งแต่ตอนที่ปอโหม่งแล้ว เขาต้องหันกลับมาเพื่อจะปัดป้อง แต่ลูกบอลแรงและเร็วกว่าที่เขาปัดได้ทัน

            มันพุ่งโค้งลงตามแรงดึงดูดของโลก..

            คานของประตูถูกกระแทกจนสะเทือน ลูกบอลกระดอนลงกระแทกพื้นนอกเขตประตู.. เสียงกองเชียร์ไทยร้องดังฮือออกมาด้วยความเสียดาย

            แต่ที่ลูกกระเด้งไม่ใช่การกระเด้งย้อนออกมา แต่มันมุ่งกลับคืนเข้าประตู..

            ผู้รักษาประตูจึงรีบวิ่งไป..เขาพุ่งเหยียดมือออกไป

            ไม่ทัน.. ลูกบอลกระเด้งข้ามเส้นเข้าประตูไปเสียก่อน..

            ฮิรากิหยุดวิ่งแล้วถอนหายใจยาว มองโป้งโดนเพื่อนรุมแสดงความดีใจ ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าโป้งจะทำหน้าอย่างไรอยู่ เขาคงแค่ยิ้มธรรมดา..

            ฮิรากิเคยถามว่าทำไมโป้งไม่แสดงอาการดีใจฉลองเหมือนคนอื่น โป้งตอบเขาว่า

            “ก็ยิงประตูมันเป็นส่วนหนึ่งของเกมอยู่แล้วนี่.. อีกอย่าง ดีใจเกินเหตุมันก็เหมือนเราเยาะเย้ยคู่แข่งยังไงไม่รู้ ฉันเลยไม่แสดงอาการมาก ถึงจะดีใจก็เถอะ”

            แล้วการแข่งขันก็จบลงด้วยประตูเดียวที่โป้งยิงตัดสินนั้น

            โยชินะเดินมาจับมือกับการันต์

            “วันนี้พวกคุณเล่นได้สมกับเป็นผุ้ชนะ” แล้วเขาก็โค้งให้

            การันต์โค้งตอบ

            “พวกคุณก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน..”

            สองโค้ชหันไปมองในสนาม โป้ง โกล ฮิรากิ นิชิโยะ และปอเดินคุยกันออกมากันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหมือนกับว่าพวกเขาพึ่งจะเดินออกจากร้านอาหารหลังสังสรรค์กัน เพียงแต่ทั้งหมดใส่ชุดนักฟุตบอลที่เปื้อนไปหมดและมีเหงื่อเปียกใบหน้า

            “โป้งซัง โกลซัง” เสียงเรียกแล้ววิ่งตามมา

            โยดะ ฮิโรยูกิ วิ่งเหยาะมาจากด้านหลัง

            “ผมโยดะ ฮิโรยูกิ ที่หกปีกก่อนคุณให้เสื้อกับผม จำได้ไหมครับ”

            โป้งกับโกลมองหน้ากัน ทั้งคู่จำได้ดี

            “ผมจะมาขอบคุณพวกคุณครับ” แล้วเขาก็โค้งให้ก่อนจะกล่าว

            “ขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมนะครับ”

            โป้งกับโกลจึงโค้งตอบ

            แล้วสองหนุ่มก็เดินร่วมไปกับโยดะ เพื่อชมเชยทักษะของโยดะ อีกสามหนุ่มที่หยุดรอก็เดินตามไป

            โยฮาระ ชิราโอะ จงใจบันทึกภาพทั้งหมดเดินเคียงกันไป

             มิตรภาพ.. เขาตั้งใจจะตั้งแคปชั่นภาพนี้ว่าอย่างนั้น..

            วันนี้ทีมชาติไทยสวมชุดน้ำเงิน ญี่ปุ่นสวมสีขาว แต่ทั้งหกหนุ่มที่เดินร่วมกันนั้นดูกลมกลืนแม้จะสวมเสื้อกันคนละสี.. และแม้จะขับเคี่ยวกันอย่างหนักในสนาม.. ทั้งหมดก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน..

           

            “เวลาในสนามหมดไปแล้วนะครับ.. แต่จังหวะนี้.. ฤทธาตัดลูกได้ เตะไปข้างหน้าให้ไม้เมือง ไม้มองมองไกลแล้วโยนไปด้านซ้ายให้จารุพงษ์.. ตรงกลางมีทั้งปรเมศวร์กับอัคร..แต่จารุพงษ์เลือกจ่ายเรียดไป เทพพรได้บอลตรงหน้ากรอบเขตโทษ.. โอ้โห.. เหลือเกินจริงๆครับเทพพร.. ล๊อกหลบสองจังหวะผ่านกองหลังไปได้.. แล้วก็ยิง..”

            อำนาจกำหมัดแน่นตาจ้องภาพบนจอแอลอีดีขนาดยักษ์

            “เข้าไปแล้วครับ.. เป็นประตูที่สองของเทพพรในนัดนี้ และเป็นลูกที่สองของทีมชาติไทย.. เราชนะแน่นอนครับ.. แล้วกรรมการก็เป่าหมดเวลาการแข่งขัน.. ทีมชาติไทยเอาชนะอังกฤษไปสองประตูต่อศูนย์ เข้าชิงชนะเลิศเป็นทีมแรก.. เป็นประวัติศาสตร์ของทีมชาติไทย.. สุดยอดจริงๆครับ.. สุดยอด”

            อำนาจทุบกับโซฟาแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็วคิดว่าจะเข้าห้องน้ำเพราะอุตส่าห์อั้นไว้ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง

            แต่เพราะความตื่นเต้นทำให้อำนาจลุกรวดเร็วเกินไป..

            พลันเขาก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนเหวี่ยงไปอย่างรุนแรง แล้วร่างของเขาก็ซวนเซอย่างควบคุมไม่ได้

            “คุณพ่อ..” หญิงสาวกำลังจะเอาข้าวเหนียวทุเรียนที่บิดาชอบมาให้ ทิ้งจานแล้ววิ่งไป

            เศษจานกระจัดกระจาย ปะปนกับข้าวเหนียวมูลและชิ้นทุเรียนสุก.. เงาและฝีเท้าวิ่งไปผ่านด้วยความสับสน..

            “เรียกรถพยาบาล เรียกรถพยาบาล”

 

            สนามWorld Cup Stadium เป็นสนามใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อรับการแข่งขันรายการยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกลูกหนังครั้งนี้

            ด้วยความจุกว่าแปดหมื่นที่นั่งทำให้เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และทันสมัยที่สุดด้วย     

            จุ๊ยกับเพื่อนเก่านวสาครมารวมกันเฉพาะกิจเพื่อการนี้ พวกเขาเดินทางมาจากสารทิศเพื่อเชียร์เหล่าเพื่อนเก่าของเขาที่ลงสนามในนามทีมชาติไทย พวกเขาก็นัดกันใส่เสื้อแข่งของทีมนวสาครมากันทุกคนและนั่งกันเป็นหมู่

            แต่พวกเขาเป็นแค่หนึ่งในบรรดาคนไทยทั้งที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาและข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนไกลเพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยในสนามWorld Cup Stadium แห่งนครโตรอนโต

            ธงชาติไทยผืนมหึมาถูกส่งต่อเนื่องกันไปบนอัฒจันทร์แล้วส่งคืนกลับไปมาเป็นภาพที่งดงามเป็นภาพที่วราพรอดจะหยุดมองไม่ได้แม้กำลังจะเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเพื่องานประจำวัน..

            นี่คือภาพที่เธอเองก็อยากจะเห็นมาตลอด.. และเชื่อว่าเทพฤทธิ์เองก็ปรารถนาจะได้เห็น  และเช่นกัน.. อำนาจที่เธอทราบมาว่าอยู่ในอาการวิกฤติจากเอาการเส้นเลือดในสมองแตกก็คงปรารถนา..

            อำนาจคืออีกคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโป้ง.. ที่จริงต้องบอกว่าภูเก็ต ยูเนียนของเขาคือเนสเซอรี่ของทีมชาติไทย.. นอกจากโป้งและโกล วู๊ด ก้านเพชร ตั้ม ไม้เมือง และอัคร คือนักเตะของยูเนียนทั้งสิ้น

            เธอไม่กล้าบอกโป้งตอนที่โป้งโทรศัพท์มาเมื่อวานเพื่อขอพรจากเธอ..

            แล้วนักเตะก็เดินออกจากห้องแต่งตัวมาตรงจุดรอภายในอุโมงค์ กล้องจับที่หน้าโป้งอย่างให้ความสำคัญ..

            โป้ง.. นัดนี้โป้งไม่ได้แค่สู้เพื่อตัวเองนะ.. แต่โป้งต้องตั้งใจให้มากกว่าเดิม.. เอาชัยชนะมาให้ได้นะลูก.. เอามาเป็นของขวัญให้ลุงอ่ำของโป้งด้วยนะลูกนะ...


            FIFA World cup Trophy ด้วยรางวัลอันยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอลของโลกตั้งอยู่ตรงหน้าทางออกของอุโมงค์ มันยืนเด่นอย่างสง่างามเพื่อมองแถวของนักฟุตบอลที่เดินออกมาจากอุโมค์เพื่อชิงชัยในสิทธิการเป็นเจ้าแห่งลูกหนังโลก

            เมื่อนักกีฬาสองทีมเดินตามป้ายฟีฟ่าแฟร์เพลย์ออกมาจากอุโมงค์ เสียงคนของกองเชียร์ทั้งสองชาติ ก้องสนั่นไปในสนาม

            โกลเหลือบไปมองถ้วยสีทอง ที่ทำด้วยทองคำเป็นรูปนักฟุตบอลสองคนชูแขนแสดงอาการดีใจในชัยชนะรองรับลูกโลก ที่ฐานมีแถบมาลาไคท์สองแถบสีเขียว เขียนคำว่า FIFA World Cup

        ส่วนที่มองไม่เห็นจากตรงนี้คือใต้ฐาน โกลตั้งในอย่างแรงกล้าที่จะให้อักษรโรมันที่เขียนว่า THAILAND ไปปรากฏอยู่ในแถวรายชื่อประเทศที่ชนะเลิศให้ได้

            คู่ต่อกรของทีมชาติไทยคือทีมกังหันสีส้ม ฮอลแลนด์นั้นเอง..  พวกเขายังไม่เคยได้แชมป์หลังจากเฉียดมาแล้วหลายครั้ง จนสมัยเด็กๆโกลเองก็ยังปันใจเชียร์ เพราะอยากให้พวกเขาได้สมหวังเสียที..

            แต่ไม่ใช่ครั้งนี้.. โกลจะทำทุกอย่างและทุกทางเพื่อชัยชนะ..

 

แม้พวกเขาจะไม่เคยเป็นแชมป์โลก แต่ถ้าเทียบกับการที่พวกเขาหักด่านบราซิลในรอบแปดทีม ก่อนจะหักปีกอินทรีย์เหล็กเยอรมัน..ในรอบรองชนะเลิศแล้ว พวกเขาก็ถือว่าคือสุดยอดทีมอย่างแท้จริง

            หัวหน้าโค้ชทีมเนเธอร์แลนด์วางแผนมาอย่างดีเพื่อเกมนี้.. ตัวอันตรายของทีมชาติไทยมีอยุ่หลักๆสามตัว คือเกมรุกจากกาบขวาของก้านเพชร การยิงที่รุนแรงของปรเมศวร์ และฝีเท้าอันว่องไวและความเฉียบขาดของเทพพร..

            จับสามตัวนี้.. โอกาสเป็นแชมป์โลกสมัยแรกก็ใกล้เข้ามา

            แต่อีกด้านของความคิดคือการันต์.. เขารู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามต้องจัดการโป้ง ก้านเพชร และปอแน่นอน ดังนั้นในการวางตัววันนี้ การันต์ตัดสินใจใช้วางเกมใหม่..

            อยากจับโป้งเหรอ.. เอาสิ.. ฉันวางไว้ข้างหน้าคู่กับปอเลย.. อยากได้ก้านเพชรใช่ไหม.. เอามันยืนอยู่หลังกองหน้าเสียเลย.. จากนั้นก็วางไม้เมือง อนุพงศ์ ฉัตรเรียงเป็นแนวด้านหลัง และวู๊ดยืนห้อยเป็นอยู่หน้าแผงกองหลังที่มีจอม เดชบดินทร์ และตั้มเรียงเป็นแนว เพื่อช่วยโกลใจการตั้งรับพายุเกมรุกของคู่แข่ง

            เขารู้ว่าต้องมีคนบอกว่าทีมชาติไทยไม่เคยเล่นแผนนี้มาก่อน.. ใครว่า.. นี่คือแผนที่พวกเขาซ้อมกันมาอย่างลับๆตั้งแต่พวกหนุ่มๆเดินทางเข้าค่ายซ้อมแล้วต่างหาก..

           

            กรรมการมองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบความพร้อม จากนั้นก็ยกมือแล้วเป่านกหวีดให้สัญญาณ การแข่งขันฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ เริ่มต้น...

            กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ได้บอลที่ริมเส้นพยายามเลี้ยงบอลผ่านการป้องกันของไม้เมือง และมีวู๊ดคอยคุมเชิงอยู่อีกชั้นเพื่อไม่ให้ผิดพลาด

            เขาต้องคืนบอลกลับไปเพื่อให้กองกลางตัวรุกชื่อดังแทน

            ทาโก้ บิเดเนอร์วิช มีจุดเด่นเรื่องการเปิดเกมที่แม่นยำ

             พอเขาได้ลูก อนุพงศ์จึงต้องรีบเข้าไปประกบ แต่ด้วยความว่องไวของเขา เมื่ออนุพงศ์ต้องเผชิญกับการเคลื่อนที่อย่างฉับพลันก็เสียท่า ปล่อยให้ทาโก้ สามารถเตะส่งลูกผ่านเขาและวู๊ดไปได้ทั้งคู่

            กองหน้าอัศวินสีส้ม มีความเร็วเป็นอาวุธ เขาปล่อยลูกให้ผ่านตัวแล้วพลิกกายหนีตัวประกบแล้ววิ่งตามลูกเข้ามาในกรอบเขตโทษ เขากำลังจะสับเท้ายิง แต่ผู้รักษาประตูร่างสูงก็เข้ามาขวางเอาไว้ แล้วล้มตัวดักจับลูกบอลออกไปจากเท้าของเขาอย่างรวดเร็ว

            เมื่อลุกขึ้นได้ โกลขว้างลูกออกไปให้ไกลถึงไม้เมือง

            หนุ่มผิวเข้มร่างสูง แต่พลิกกายได้อย่างรวดเร็วเขาหลบการสกัดกั่นของกองกลางตัวรับที่เข้ามาพัวพัน แล้วเตะเรียดไปให้ก้านเพชร.. ก้านเพชรก็วิ่งพาตัวประกบไปข้างหน้า

            แต่พลันเขาก็กระแทกลูกกลับไปด้านหลังให้อนุพงศ์

            นี่คือแผน.. อนุพงศ์เตะกระแทกลูกบอลให้ลอยขึ้นหน้าไปไกลถึงกรอบเขตโทษ

            ปอกระโดดขึ้นโหม่งไปสะบัดเข้าไปในกรอบเขตโทษ..

            กองหลังหลังตัวใหญ่พยายามจะวิ่งไปบังทางโป้ง แต่เขาก็เร็วไม่พอจะตามโป้งทัน โป้งสับเท้าซ้ายส่งลูกบอลออกไป

            ลูกยิงของโป้งมุ่งไปทางมุมบนด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว

            ผู้รักษาประตูในชุดสีส้มกระโดดทุบออกไปเสียก่อนมันเสียบเข้ามุมไป

           

            “โอ้ย..” เสียงบ่นออกมาอย่างเสียดายของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ในโถงของโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ของภูเก็ต

            ป้อมเพชรหันไปมองเด็กหนุ่ม แล้วหันมองจอภาพ

            เห็นเป็นภาพรีเพลย์จังหวะการยิงของโป้งที่เกือบเป็นประตู

            อยากจะหยุดดูให้นานกว่านี้ แต่เขามีสิ่งที่เร่งร้อนกว่านั้นต้องทำ


            “หมอปั้มหัวใจไปรอบแล้วหละค่ะเมื่อเช้า แต่ตอนนี้หมอบอกว่าเหมือนพ่อจะมีสติขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้ฟื้นตัวเลย.” แล้วเธอก็หันไปมองบิดาที่นอนอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤติหลังกระจก

            ป้อมเพชรถอนหายใจ

           

            ปอได้ลูกแต่ก็พลิกตัวไม่ได้ เพราะเขาโดนกองหลังร่างใหญ่เบียด เขาคิดจะจ่ายลูกไปให้โป้ง แต่พอขยับเท้าเท่านั้น กองหลังผู้มากประสบการณ์ก็อ่านจังหวะได้

            เขารีบแหย่ขาไปเตะลูกบอลออกไปจากการครอบครองของปอทันที

            พอลูกบอลกลิ้งออกมา กองกลางตัวรับก็รีบเข้าเตะลูกบอลโยนโด่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

            จอมกลับตัวพยายามวิ่งเบียดกับศูนย์หน้าของฮอลแลนด์ไป แต่จังหวะเท้าของเขาช้ากว่า ก็เลยโดนแซง

            หากแต่ลูกยังอยู่ในอากาศ จอมจึงถือโอกาสกระโดดขึ้นโหม่งส่งลูกออกเส้นข้างสนามไป

            แล้วกรรมการก็เป่าหมดครึ่งแรก...

           

พอหนุ่มๆออกจากห้องกันไปแล้ว ผู้ช่วยของการันต์ก็แจ้งให้ทราบ

“พี่อ่ำอาการแย่มากครับ.. มีโอกาสจะไม่รอดสูงมาก เพราะเลือดออกในสมองหลายจุดมากและยังคุมไม่ได้ ตอนนี้พวกญาติๆแล้วก็พี่ป้อมไปอยู่ที่ภูเก็ตกันหมดแล้ว"

การันต์พยักหน้า

แล้วเขาก็หันไปมองตรงที่ซึ่งโป้งนั่งอยู่เมื่อสักครู่..

“ไอ้โป้ง.. ลุงอ่ำของแกฝากความหวังไว้กับแกสูงมากเลยนะ แกต้องทำให้ได้”
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 08-02-2016 10:20:00
ความเชื่อ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท.. นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก..ช่วงที่สอง

โกลสำรวจประตูที่เขาต้องย้ายมาประจำ แล้วก็หันไปมองอัฒจันทร์มีกองเชียร์ทีมไทยนั่งอยู่จนเต็ม ทุกคนส่งเสียงร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานและพร้อมเพรียง..

ธงชาติไทยที่โบกไกวอยู่สูงสุดของอัฒจันทร์ปลิวไปตามแรงสะบัดอย่างงดงาม..

ป่านนี้ที่เมืองไทย.. คงจะราวๆช่วงเช้า เห็นว่ามีการประกาศให้เป็นวันหยุดพิเศษด้วย.. และมีการจัดกิจกรรมที่สนามกีฬาใหญ่ๆ และสนามของสโมสรฟุตบอลแทบทุกสโมสร..

โกลหันกลับมา เห็นโป้งพึ่งเดินออกจากอุโมงค์มา เมื่อกี้มันบอกว่าปวดฉี่เลยแยกไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วออกมาทีหลัง

โป้งหันมายิ้มให้โกล แต่รอยยิ้มนั้นโกลสังเกตว่ามันผิดไปจากเดิม.. แม้จากระยะไกลโกลก็สัมผัสได้..

 

ตอนแรกเกมในครึ่งหลังก็เดินไปในรูปแบบเดิม.. คือผลัดกันรุกผลัดกันรับ.. แต่สักพักหนึ่ง ฮอลแลนด์ก็เปลี่ยนกองหน้าตัวเก๋าลงมา และกองกลางตัวทำเกมลงมาเพิ่มอีกหนึ่งตัว จากนั้นพวกเขาก็เริ่มครองเกมได้อย่างเหนือกว่า จนทีมชาติไทยเริ่มต้องถอยกลับมาตั้งรับ

แล้วกองกลางตัวทำเกมผู้มากประสบการณ์ก็แผลงฤทธิ์ เขาเป็นปีกซ้ายที่มีชื่อเสียงมาก แม้ปัจจุบันจะอายุมากแล้ว แต่ความเก๋าเกมก็ยังมีประโยชน์

เขาดึงจังหวะหลอกล่อจนตั้มที่ออกไปพยายามบังทางจนหลงไป  แล้วก็เตะโยนลูกโค้งเข้ามา

กองหน้าสูงวัยแต่อันตรายรอบด้าน อาศัยจังหวะกระโดดโหม่งได้ก่อน แต่เขาไม่ได้เล็งที่ประตู

ลูกบอลลอยไปด้านหลังของผู้โหม่งและข้ามหัวของจอม รวมทั้งเดชบดินทร์..

กองหน้าหนุ่มรออยู่แล้ว เขากลับตัวแล้วเอี่ยวตัวซัดลูกที่ตกลงมาเต็มแรง..

ลูกบอลพุ่งไปอย่างรวดเร็ว

โกลพุ่งออกไปเขาตะปบลูกเอาไว้ได้

แต่เพราะความแรงจากระยะประชิด ทำให้มันดิ้นหลุดมือตอนที่เขาล้มลงพื้น

กองหน้ามากประสบการณ์อยู่ตรงนั้นรีบเหยียดขาออกไป..

แต่โกลดีดตัวไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงจะคว้าลูกไว้ได้ แต่เขายังสามารถลุกพรวดขึ้นได้

โกลโยนลูกไปในอากาศแล้วเตะไปข้างหน้า.. เป็นการเตะที่มีเป้าหมาย..

โป้งคือเป้าหมาย..

โป้งมองลูกที่ลอยมา แต่ข้างหลังเขายังมีกองหลังเบียดอยู่ เขาจึงไม่พักลูก แต่เตะหมุนตัวเตะไปข้างๆ

ปอที่อยู่ไม่ไกลวิ่งเข้ามาดักลูกเอาไว้ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะติดตัวประกบ ต้องเตะคืนไปให้อนุพงศ์

ตอนนี้กองหลังของฮอลแลนด์ถอนกลับตัวกลับแดนตัวเองอย่างมีระบบ

การโต้กลับไม่ได้ผลแล้ว.. อนุพงศ์จึงตัดสินใจเดินเกมต่อไป เขาเลือกจ่ายบอลกลับไปให้โป้ง..

โป้งได้บอล.. ตอนนี้เขารับลูกได้อย่างสะดวกมากขึ้นเพราะตัวประกบของเขาถอยไปแล้ว..

ถ้านับจากเริ่มเกมมานี่ก็ใกล้หมดเวลาเต็มทีแล้ว

โป้งวิ่งไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

“ไอ้โป้ง.. ลุงอ่ำของแกฝากความหวังไว้กับแกสูงมากเลยนะ แกต้องทำให้ได้”..

ต้องทำให้ได้.. โป้งท่องในใจ..

แล้วโป้งก็เตะบอลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

แม้แต่ฝ่ายเดียวกันยังแปลกใจ โป้งวิ่งเข้าหาแดนของฮอลแลนด์เหมือนหัวรถจักรเร่งเครื่องจนสุดกำลัง..

“ไอ้โป้ง..” การันต์ร้องออกมา

กองกลางของฮอลแลนด์เป็นด่านแรก โป้งมาถึงตัวอย่างเร็วเกินกว่าเขาจะตั้งตัวได้ เขาจึงต้องลนลานเข้าสกัด

โป้งจึงเตะลูกเปลี่ยนทางอย่างรวดเร็ว  ทำให้หลบขาที่เหยียดมาไปได้อย่างจวนเจียน

กองกลางอีกตัวพุ่งเข้ามาจากด้านข้างด้วยการสไลด์ตัว แต่โป้งยกบอลแล้วกระโดดข้ามไปอย่างง่ายดาย

กองหลังหนุ่มของฮอลแลนด์เข้ามาทันที คิดจะอาศัยจังหวะที่โป้งพึ่งลงพื้น หมายจะพุ่งชนเพื่อทำให้โป้งหยุดด้วยการทำฟาลว์

แต่โป้งดึงจังหวะไว้อย่างรู้เท่าทัน

ดังนั้นเมื่อร่างสูงเข้ามา.. เขาก็คลึงลากลูกหมุนไปกับพร้อมตัว หลบพ้นการสกัดแล้วก็วิ่งต่อไป

หลบสามด่านอย่างรวดเร็ว..  ในสนามถึงกับเงียบไปด้วยความตื่นเต้น

            ทุกสายตามองตามหมายเลขสิบห้าทีมชาติไทยวิ่งทะยานสู่กรอบเขตโทษ

            กองหลังที่เหลืออีกสองตัวพุ่งเข้ามาพร้อมกัน หมายจะหยุดจอมทะลวงหมายเลขสิบห้าเอาไว้ให้ได้

            โป้งวางเท้าขวาเป็นหลัก แล้วง้างเท้าซ้าย.. สับเท้าซ้ายส่งลูกไซด์โป้งออกไป..

            ลูกบอลพุ่งผ่านตัวสองกองหลังไปอย่างรวดเร็วแล้วก็เดินทางไปเป็นวิถีโค้ง..

            ผู้รักษาประตูฮอลแลนด์รออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าลูกมันเดินทางเร็วและโค้งกว่าที่เขาเคยเห็นมาก จึงต้องพุ่งตัวออกไปแล้วเหยียดไปจนสุด

            ลูกโค้งหนีพ้นมือไปได้ แต่..

            ตึ่ง.. โลหะถูกกระทบส่งเสียงเหมือนร้องด้วยความเจ็บปวด มันดีดส่งลูกบอลกระเด้งย้อนกลับมา

            แต่โป้งไม่ได้หยุดรอดูผลงาน เขามุ่งมั่นจะยิงให้ได้ เขาก็เลยออกวิ่งตั้งแต่ส่งลูกยิงออกไป

            เขาวิ่งแทรกกลางระหว่างสองกองหลังที่ชะงักไป เข้าหาลูกฟุตบอลที่กระดอนกลับมา..

            ไม่จับ.. เขาเอี่ยวตัวเตะด้วยเท้าขวา

            ลูกบอลกระแทกพื้นหนึ่งจังหวะแล้วกระดอนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว..

            นายทวารฮอลแลนด์รีบผุดลุกขึ้นได้ เขารีบกลับตัวไปหมายจะไปป้องกัน

            แต่กลับกลายเป็นได้แค่ประจักษ์พยานของการที่ลูกบอลลอยข้ามเส้นเข้าประตูไป...

            เสียงในสนามWorld Cup Stadium จะดังเท่าไหร่ไม่รู้

            แต่ในสนามศุภชลาศัยที่ติดตั้งจอLEDขนาดยักษ์เพื่อให้คนที่ไม่มีโอกาสไปเชียร์ที่ขอบสนามได้ชม เสียงของคนไทยที่เข้าไปร่วมชมที่กระโดดสุดตัวโห่ร้องออกไปนั้นสนั่นหวั่นไหว..

            สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่700ปี สนามนิวไอโมบายแห่งบุรีรัมย์ สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณ สนามยูเนียน ออฟ ภูเก็ต และอีกหลายสนาม.. รวมทั้งจากทุกบ้านเรือน ร้านค้า และสถานที่สาธารณะ..

            แม้โรงเรียนที่อยู่บนดอยสูง นักเรียนยากจนและชาวบ้านที่มาอาศัยโทรทัศน์ของโรงเรียนก็ยังร่วมโลดเต้นด้วยความยินดี

            เสียงชัยโยโห่ร้องดังสะท้อนไปทั่วแผ่นดินไทย..


            ภาพของโป้งที่ฉายออกไปทั่วโลก คือภาพที่เขายืนมองไปสู่อัฒจันทร์ที่มีธงไตรรงค์โบกสะบัด  เขาปาดเกล็ดน้ำตา..

            “เพื่อลุงครับ ลุงอ่ำ” เขาบอกกับธงแดงขาวน้ำเงิน..


หัวหน้าโค้ชของฮอลแลนด์ตะโกนสั่งออกไปให้ลูกทีมเดินหน้าเต็มกำลัง

การันต์ยังไม่ได้เปลี่ยนตัวสักคนเดียว เขาจึงส่งถอดก้านเพชรและฉัตรออก แต่ส่งกองหลังด้านซ้ายและกองกลางตัวรับตัวเก๋าที่เรียกติดทีมมาด้วยลงไปช่วยในเกมรับ

แต่ก็เรียกท๊อปและอัครออกมาวอร์มทั้งคู่เพื่อเป็นตัวเลือกหากสถานการณ์พลิกผันไป

แม้เดินหน้าอย่างเต็มตัว แต่เกมรับของทีมไทยนั้นแน่นหนาอย่างยิ่งจะทำให้การจ่ายต่อลูกบอลของอัศวินสีส้มทำด้วยความยากลำบาก

ที่สุดปีกตัวเก่งก็ตัดสินใจลุยเข้าไปเอง.. เขาเลี้ยงลูกเข้าหาตั้มอย่างบ้าระห่ำ ตั้มรอจังหวะเพื่อป้องกัน ดังนั้นแม้จะมีทักษะสูงกว่า ตั้มก็ยังสามารถอ่านการเคลื่อนไหวนั้นได้ แล้วล้มตัวลงสกัดลูกบอลออกข้างเส้นข้างไป

โป้งหันไปมองกรรมการที่สี่ชูป้ายแสดงการทดเวลาบาดเจ็บ

สามนาที..

ฮอลแลนด์ต้องให้กองหลังที่มีกำลังแขนมากขึ้นมาทุ่มลูกให้เข้าไปใกล้ประตูมากที่สุด เขาถอยหลังแล้ววิ่งทุ่มข้ามไหล่ออกไปอย่างแรง

ลูกบอลลอยไปไกลถึงวงกลมหน้ากรอบเขตโทษ ตรงนั้นกองหน้าตัวเก๋าของฮอลแลนด์ชิงจังหวะจากวู๊ดแล้วพักบอลลงพื้นได้ก่อน เขาเตะบอลย้อนกลับไปหากองกลางตัวรุกที่มีชื่อเสียงเรื่องการยิงไกล

วิ่งเข้าหาลูก แล้วยิงตูม.. ลูกบอลพุ่งผ่านหน้าจอมที่แม้จะพยายามจะขัดขวางแต่ก็ไม่ทัน

โกลจ้องเขม็งอยู่แล้ว เขาวิ่งออกมาเล็กน้อย ใช้สองมือรับเอาไว้แล้วหยุนแขนดึงลูกมากอดไว้ก่อนจะล้มตัวลงกอดลูก..

พอกองหน้าฝั่งตรงข้ามถอยออกไป โกลก็ลุกขึ้นในทันที เขาขว้างลูกออกข้างหน้า เป้าหมายอยู่ที่ไม้เมือง

ไม้เมืองพักลูกแล้วจ่ายต่อไปทันที ให้โป้งที่วิ่งถอยลงมา

โป้งรู้ดีว่ามีคนตามมาจะพยายามแย่ง เขาจึงพลิกกายบังจากนั้นก็พลิกกายอีกทีพร้อมเขี่ยลูกไปข้างหน้าแล้ววิ่งไป ทิ้งคนที่พยายามเข้าแย่งเอาไว้ข้างหลัง..

ข้างหน้ามีตัวผู้เล่นสองคนพยายามเข้าแย่ง โป้งจึงเตะกระแทกลูกให้ลอยโด่งสวนทางทั้งสองคนไป

ปอพักอกแล้วเตะบอลออกไปข้างๆให้ไม้เมืองที่วิ่งตามลูกขึ้นมา

ไม้เมืองมองไปเห็นโป้งวิ่งฉีกออกไปด้านช้ายจึงเตะส่งไปให้

โป้งดักลูกไว้ได้ แล้วก็มองไป

เขาตัดสินใจยิงไกลจากตรงนี้..

ลูกยิงของโป้งพุ่งโค้งออกไปด้านขวาก่อนจะโค้งกลับมาเป็นรูปตัวยู ผู้รักษาประตูฮอลแลนด์จึงต้องรีบใช้มือตบมันกระเด็นออกไปหลังประตู


“ไอ้นาฬิกาบ้าเดินเร็วๆสิเว้ย..” จุ๊ยที่อยู่บนอัฒจันทร์กำหมัดแน่น

ไม่ได้มองสนาม เขามองนาฬิกาของตัวเองที่ตั้งไว้ตอนที่กรรมการชูป้าย


ในสนามโป้งเดินเอาลูกไปตั้งที่มุมธง เขามองไปเห็นเพื่อนขึ้นมาลุ้นลูกเตะมุมในแบบตั้งรับคือปล่อยให้ปอกับไม้เมืองเท่านั้นที่อยุ่ในกรอบเขตโทษ

แถมโป้งยังกวักมือเรียกให้วู๊ดมายืนใกล้ๆ ดังนั้นกองกลางตัวเก๋าของฮอลแลนด์จึงอ่านว่าโป้งจะเล่นลูกสั้นเพื่อถ่วงเวลาจึงตามเขามายืนใกล้ๆวู๊ดเพื่อหาจังหวะแย่งบอล

โป้งถอยหลัง..

            พอได้ยินเสียงนกหวีดก็วิ่งเข้าไป

            แต่โป้งกลับไม่ได้เตะไปไหน เขาเตะลูกบอลออกไปแล้วเลี้ยงไต่เส้นหลังไปเลย..

            ผู้เล่นฮอลแลนด์ไม่คาดคิด จึงรีบเข้ามาหมายสกัดกั่น แต่ด้วยจังหวะเท้าที่รวดเร็วโป้งตอกส้นกลับไปหาวู๊ดที่ยืนอยู่คนเดียวเพราะผู้เล่นฮอลแลนด์ทิ้งเขาไปหาโป้ง

            วู๊ดดักบอลอย่างง่ายดายแล้วก็เตะโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ

            และเพราะเกมรับที่แตกออก ปอก็ว่างอยู่คนเดียวเหมือนกัน เอาอกพักลูกที่ลอยเข้ามา..แล้วหมุนตัว

เขาเตะลูกออกไปอย่างแรง..

            ในระยะแค่ไม่กี่หลา..ไม่มีอะไรหยุดปืนใหญ่นารายณ์สังหารได้.. ลูกบอลพุ่งกระแทกตาข่ายจนตุงไปทั้งผืน...

 

            ป้อมเพชรเดินตามลูกสาวของอดีตโค้ชที่เขานับถือเข้ามาภายในห้อง

            ก่อนหน้าทั้งสองจะเข้ามา เจ้าหน้าที่พยาบาลได้เตรียมเอาจอLCDทีวีมาวางไว้ ป้อมเพชรจึงหันไปหยิบรีโมทเปิด แล้วเดินไปข้างเตียง

            ร่างที่บนเตียงซึ่งมีเพียงสัญญาณชีพและการหายใจช้าๆเท่านั้นที่ยังเชื่อมโยงกับชีวิต..

            ป้อมเพชรจับมือที่แล้วก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหู

            “พี่อ่ำ.. เราเป็นแชมป์โลกครับ”

           

            ถ้วย FIFA World Cup ส่งยืนออกไปด้วยมือของประธานฟีฟ่า

            อนุพงษ์รับมันไว้แล้วหันไปหาโป้งก่อนจะส่งมอบมันต่อให้

            น้ำหนักของมันไม่ได้หนักกว่าถ้วยไหนๆ ไม่ว่าจะไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก  J1ลีก  พรีเมียร์ลีกอังกฤษ และแม้ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก.. แต่สิ่งที่อัดแน่นคือความรู้สึกของความภาคภูมิใจ

              โป้งหันไปมองโกลที่อยู่ข้างๆแล้วเพื่อบอกให้โกลขยับมาร่วมถือถ้วยกับเขา


              โป้งและโกลหันออกไปสู่ผู้ชมแล้วยกถ้วยอันทรงเกียรติขึ้นหนือหัว... โดยมีเพื่อนที่อยู่ข้างหลังกระโดดโลดเต้นฉลองชัยชนะอย่างยินดีและกระดาษสีที่โปรยปรายลงมา

              "ไทยแลนด์ ไทยแลนด์ ไทยแลนด์.." เสียงเปล่งออกมาจนดังกลบเพลงประจำการแข่งขันที่เจ้าภาพเปิดผ่านลำโพง..

              ไม่เพียงแต่ธงไทยจะมาบอลโลก แต่วันนี้.. นักเตะไทยกำลังชูถ้อยชนะเลิศอย่างเต็มภาคภูมิ...


            วราพรที่พึ่งจะเสร็จจากการทำความสะอาดอุปกรณ์ เธอหยุดมองภาพนั้นแล้วก็อดหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตันไม่ได้

            เจ้าโป้งของเธอกำลังชูถ้วยที่นักฟุตบอลทั้งโลกปรารถนาจะสัมผัสไว้ด้วยสองมือ

            แล้วก็มีแขนหนึ่งวางลงบนไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน

            สุทธิชัยกล่าวบนรอยยิ้มละไม

            “เห็นไหม.. ผมบอกคุณแล้ว.. ผมก็เชื่อเหมือนคุณฤทธิ์ว่าสักวันนายโป้งจะได้ชูถ้วยใบนี้ เป็นยังไงหล่ะ..”

           

            ในห้องผู้ป่วยวิกฤติลมหายใจของอำนาจค่อยๆผ่อนลงแล้วหยุดสนิท นวลแขเดินมาดูใกล้ๆ เธอแน่ใจว่าตาของเธอไม่ฝาด ริมฝีปากของบิดาของเธอมีรอยยิ้มจริงๆ.. ดังนั้นแม้น้ำตาจะรินออกมาเธอก็ยังจับมือบิดาของเธอด้วยรอยยิ้ม

            ป้อมเพชรยกมือไหว้เพื่ออำลา.. สำหรับเขาอำนาจคือคนให้โอกาสได้ติดทีมชาติ.. และสำหรับวงการฟุตบอลไทย.. มันมากกว่านั้น..

            ความเชื่อของอำนาจไม่เคยสั่นคลอน.. เขาเชื่อว่าสักวันถ้วยรางวัลสูงสุดแห่งวงการฟุตบอลจะมาอยู่ที่เมืองไทย.. แล้วในวันที่มันเป็นจริง.. อำนาจก็จากไป รอยยิ้มนี้ไม่ใช่การคลายหรือหดของกล้ามเนื้อแน่นอน..

            แต่มันสะท้อนออกมาจากความสุขสมหวังของชายผู้สร้างเทพฤทธิ์ การันต์ ชาญ และป้อมเพชร.. แล้วพวกเขาก็ได้สร้าง โป้ง โกล ปอ อัคร ตั้ม จอม วู๊ด และอาจรวมถึงก้านเพชรและไม้เมืองด้วย...


หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 08-02-2016 10:21:08
บทส่งท้าย

 เครื่องบินเที่ยวบินพิเศษของการบินไทย ลดระดับลงสู่สนามบินกองทัพอากาศดอนเมือง

            แล้วเจ้าอากาศยานมหึมาก็ย่อนแผงล้อลงสัมผัสพื้นอย่างนิ่มนวลด้วยฝีมือของกัปตันที่เก่งที่สุดของการบินไทย   

            แล้วเมื่อมันแล่นไปไปจนถึงจุดที่เจ้าหน้าที่ภาคพื้นให้สัญญาณ ประตูเครื่องก็เปิดออก

            แสงแรกของบนแผ่นดินที่ถ้วยFIFA World Cup สัมผัสคือแสงอรุณของกรุงเทพมหานครซึ่งมันไม่คุ้นเคย

            การันต์เดินออกมาจากประตูคนแรก เขาชูถ้วยอันยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอลสู่ท้องฟ้า แสงกระทบบนถ้วยสีทองส่องประกายในยามรุ่งเช้าอย่างงดงาม

            ผ่านจอทีวีเด็กๆที่ตื่นแต่เช้าสวมเสื้อแข่งทีมชาติไทย ปรบมือเกรียวกราว แล้วชี้ชวนกันดู  ผู้ใหญ่ที่ผ่านการลุ้นถ้วยใบนี้แทนชาติอื่นมาหลายต่อหลายครั้งก็เช่นกัน หันไปหัวเราะอย่างเบิกบานที่ได้เห็นถ้วยใบนี้มาถึงเมืองไทยในฐานะของรางวัลแห่งความพากเพียรและจิตใจที่เข้มแข็งของเหล่านักฟุตบอล

            โป้งเดินลงจากเครื่องบินโดยมีโกลเดินตามหลังมา เขาได้ยินเสียงดังในอากาศจึงหันเงยไปมอง

            เครื่องบินกริฟแพนห้าลำ บินจากด้านซ้ายไปขวาพ่นควันเป็นสีธงไตรรงค์

 

            บนรถแห่ที่แม้หนุ่มๆจะรู้สึกเหนื่อยจากการเดินทาง และรู้สึกเบื่อจากพิธีการต้อนรับที่เยิ่นเย้อ.. แต่พวกเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มเมื่อได้เห็นสิ่งที่ตัวเองอยากจะร่วมฉลองด้วยมากกว่าคณะรัฐมนตรี เหล่าข้าราชการระดับสูง หรือนายทหารตำรวจยศสูง...

            ประชาชนมากมายมหาศาลที่มารอต้อนรับพวกเขาอย่างเบิกบาน แต่ละคนสวมเสื้อทีมชาติไทยทั้งเหย้าและเยือน เพนท์หน้าเป็นลายธงช้างบ้าง บางคนสวมชุดไทยเต็มยศสวมชฏากระโดด โลดเต้นอย่างร่าเริง

            ตอนแรกโป้งก็ยิ้มเฉยๆ แต่พอได้ยินเสียงเรียกชื่อเขากับโกลต่อเนื่องกัน เขาก็หันมองหน้าโกลแล้วทั้งสองก็โบกมือออกไปให้เหล่าแฟนบอล

           

            หลังจากขบวนแห่แล้ว ทั้งหมดได้พบกับครอบครัวที่มาต้อนรับที่โรงแรมซึ่งเป็นจุดปลายทางของขบวนรถแห่

            วราพร น้าหมอ พรรณพงศ์ และเปรมิกายิ้มออกมาพร้อมกันเมื่อสองหนุ่มทรุดตัวลงกราบเท้าอย่างพร้อมเพรียง     

            วราพรและเปรมิกาย่อตัวลงประคองโป้งและโกลให้ลุกขึ้นแล้วทั้งหกก็กอดกันท่ามกลางแสงไฟของแฟลชถ่ายภาพนับร้อยๆของผู้สื่อข่าว

            วราพรเอาจดหมายฉบับหนึ่งให้โป้ง เป็นจดหมายของเทพฤทธิ์ที่ส่งหาเธอก่อนเสียชีวิต..

            โกลเดินเข้ามาร่วมอ่านด้วย หนึ่งในข้อความเหล่านั้นคือ

“สิ่งที่ผมทำได้คือการพยายามสนับสนุนเขาให้เป็นสุดยอดของนักฟุตบอลที่โลกต้องยอมรับ ผมจึงขอความช่วยเหลือพี่อำนาจและการันต์ เขาสองคนรู้เรื่องนี้แล้ว โชคดีที่ทั้งคู่เอ็นดูเจ้าโป้ง และยินดีจะสนับสนุนเขาต่อไป.. ดันนั้นผมจึงต้องขอแรงพรให้ช่วยเป็นแรงใจ และสนับสนุนให้โป้งขยันฝึกฝน ช่วยตักเตือนให้เขามั่นฝึกซ้อม.. โป้งมีพรสวรรค์ แต่พรสวรรค์ไม่ใช่คำตอบของการเป็นสุดยอดนักเตะเพียงอย่างเดียว  แต่สิ่งทีสร้างนักเตะที่ยอดเยี่ยมคือพรแสวง โป้งจะต้องขยันและฝึกซ้อม เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่จะพาเขาไปสู่พื้นที่ของคำว่าระดับโลกได้”

            โป้งมองหน้าโกล โกลเห็นเกล๊ดน้ำตาจากตาของโป้ง เขาจึงเอามือปาดมันออกแล้วก็จับหัวโป้ง

            “มึงก็ทำในสิ่งที่พ่อมึงอยากเห็นได้แล้วนี่โป้ง.. มึงยิงประตูในบอลโลก มึงเป็นเจ้าของทั้งGolden Ball และ Golden Boot มึงจะร้องไห้ทำไมไอ้ขี้แยเอ้ย”

            วราพรหันไปมองหน้าสามี แล้วก็ยิ้มให้กับการสบตากันของโป้งและโกล

“ในฐานะพ่อที่ไม่เอาถ่าน ผมทำได้แค่นี้.. และผมหวังว่า.. สิ่งที่ผมทำจะช่วยเหลือลูกของเราได้.. แต่ถ้าไม่ได้ อย่างน้อยผมก็รู้ว่า โป้งจะมีคนคอยปลอบใจเขา และคอยดูแลเขาอย่างแน่นอนที่สุด..”

            ฤทธิคะ.. นอกจากฉันแล้ว.. โป้งเขามีคนที่คอยดูแลเขาอย่างดีแล้วค่ะ  ด้วยมือที่แข็งแรงของเขา..

โกล เขาจะเซฟสุดใจเพื่อนายโป้งแน่นอนค่ะ..

 

รูปถ่ายของอำนาจในชุดของโค้ชทีมชาติยืนชี้นิ้วอย่างองอาจอยู่ข้างสนามคือภาพที่นวลศรีเลือกในพิธีศพ เธอเป็นคนถือรูปเอาไว้ในขณะที่โป้ง โกล ตั้ม ก้านเพชร วู๊ด ฉัตร และไม้เมืองร่วมกันเอาเถ้าถ่านลงลอยในทะเลอันดามัน

นวลศรีทำเช่นนี้ตามคำสั่งเสีย.. เธอเข้าใจดี เพราะบิดาอยากมีลูกชาย แต่ในเมื่อมีไม่ได้ นักฟุตบอลทั้งหลายคือบรรดาลูกชายของพ่อของเธอ

เรือที่มามีทั้งหมดสามลำ เรืออีกลำมีธงหมาป่าแห่งอันดามันปลิวไสวอยู่ มีแฟนบอลที่เดินทางมาด้วยอยู่กันเต็มลำเรือเพื่อส่งประธานสโมสรของทีมที่เขา

กานต์ยืนอยู่บนเรือลำนั้นด้วย.. เขายกมือจบไหว้ และนึกขอบคุณในความกรุณาของอำนาจที่ยังตราตรึงในดวงใจ และคำพูดของอำนาจที่มอบเขาก่อนจะหันหลังออกจากทีมชาติ

“สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องสร้างนักฟุตบอลที่จะพาเราไปบอลโลก.. และฉันพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า ไม่ว่าเขาจะเป็นเกย์ หรือเป็นเพศปกติ.. ฟุตบอลก็คือกีฬาที่คนรักมัน เหมาะสมทั้งหมดที่จะได้เล่นมันอย่างสนุกสนาน..”

เรืออีกลำคือเรือของกองทัพเรือ มีทหารในเรือในชุดขาวยกปืนขึ้นยิงสลุดส่งดวงวิญญาณของอำนาจ และบนเรือลำนั้นถ้วย FIFA World Cup ก็ตระหง่านอยู่บนแท่น..

นายทหารเรือหนุ่มที่คอยดูแลถ้วย รู้สึกว่ามันจะเปล่งประกายอย่างงดงามเป็นพิเศษ หรือมันจะรับรู้ได้ว่าการที่มันได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการนี้.. ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับวงการฟุตบอลของอำนาจที่ประสบผลผ่านผลงานของอดีตลูกทีมหมาป่าแห่งอันดามัน ภูเก็ต ยูเนียน เอฟซี ทีมที่อำนาจก่อตั้งอย่างมีเหตุผล..

เนอสเซอรี่ของทีมชาติไทย..



            รูปสามมิติของชายหนุ่มร่างสูงยืนคู่กับชายหนุ่มร่างเพรียวยืนโดดเด่นคู่กันเหนือแท่นแสดง เป็นสิ่งที่เด็กชายจับตาดูตั้งแต่แรกที่เขาในหมู่ของเด็กนักเรียนที่เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลไทยที่เปิดใหม่

            แต่ครูพละวัยหนุ่มก็พาพกเขาเดินไปที่หน้าแท่นแสดงอื่นก่อน แท่นนั้นมีชายหนุ่มร่างแข็งแกร่งยืนกอดอกสง่าอยู่

            “คุณทรงยศ ชื่อเล่นว่าคุณตั้มเป็นแบ๊คขวาทีมชาติไทยในชุดที่ได้แชมป์โลกครั้งแรก หลังจากฟุตบอลโลกครั้งนั้นแล้วคุณตั้มก็ยังอยุ่ในเมืองไทย เล่นฟุตบอลกับภูเก็ต ยูเนียน เอฟซี จนกระทั้งแขวนสตั๊ด แล้วไปเป็นครูพละให้กับโรงเรียนเอกชนในภูเก็ตจนเสียชีวิตด้วยวัยห้าสิบสองปีด้วยโรคมะเร็ง ลูกสาวของท่านชื่อปรมินทร์ เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยในชุดที่ได้แชมป์โลกหญิงหลังจากแชมป์โลกชายครั้งแรกสิบปี”

            แล้วก็พาเดินไปที่แทนต่อมา

            “คุณปอ ปรเมศวร์ ลูกยิงปืนนารายณ์สังหาร เป็นอาวุธสำคัญของทีมชาติไทยในฟุตบอลโลกครั้งแรกของไทยเรา คุณปอเล่นฟุตบอลให้รีลมาดริดจนกระทั้งอายุสามสิบปี ก็ย้ายไปเล่นที่ญี่ปุ่นจนมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ในตอนอายุสามสิบห้าปี ท่านไม่ได้สมรส แต่มีลูกชายนอกสมรสเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ชื่อโอซากิโอะ ยามาชิดะ ซึ่งเป็นกัปตันทีมชาติญี่ปุ่นในชุดที่ญี่ปุ่นได้แชมป์โลกเมื่อแปดปีก่อน”

            และแท่นต่อมามีรูปชายหนุ่มร่างกายแข็งแกร่งยืนคู่กับชายหนุ่มรูปร่างบางแต่มีดวงหน้าคมคาย

            “คุณก้านเพชร และคุณฤทธา หลังจากฟุตบอลโลกแล้ว พวกเขาก็ยังเล่นให้เยอรมันจนกระทั้งอายุสามสิบปี ก็ย้ายกลับมาเป็นเล่นให้กับภูเก็ต ยูเนียนจนแขวนสตั๊ด  ทั้งสองร่วมกันเปิดบริษัทนำเที่ยวเกี่ยวกับกีฬาขายโปรแกรมท่องเที่ยวพ่วงกับรายการชมกีฬา คุณก้านเพชรเสียชีวิตด้วยมะเร็งตอนอายุได้หกสิบปี และคุณวู๊ดปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้บริหารอาวุโสของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ร่วมกับคุณจอม จอมทอง”

            “แล้วก็มาถึงฮีโร่ของพวกเรา..” ครูวรรค แล้วผายมือไปที่แทน

            “คุณเทพพร โป้ง และคุณกรกฏ โกล.. ทั้งสองเล่นฟุตบอลในอังกฤษกับแมนเชสเตอร์ บูลสกาย จนกระทั้งอายุยี่สิบแปดปีก็ย้ายไปเล่นให้ทีมบาเซโลน่าในสเปน ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับนาราธันเดอร์เดียร์ และแขวนสตั๊ดที่ญี่ปุ่น ก่อนจะเดินทางกลับมาเป็นโค้ชให้กับทีมภูเก็ต ยูเนียนสืบสานตำนานเนอสเซอรี่ทีมชาติไทย จนสามารถคว้าแชมป์โลกได้อีกสมัยในอีกยี่สิบห้าปีต่อมาซึ่งคุณโกลเป็นหัวหน้าโค้ช และคุณโป้งเป็นโค้ชเกมรุกให้กับทีมชาติไทยในปีนั้น”

            เด็กชายที่มองรูปนี้แต่ต้น ยิ้ม.. คุณปู่โป้งและคุณปู่โกล..

            เขาเรียกอย่างนั้นตามที่พ่อของเขาสอน เพราะพ่อของเขาเป็นหนึ่งในเด็กหนึ่งหลายร้อยคนที่มูลนิธิของโป้งและโกลอุปถัมภ์

            “คุณโป้งถือเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาได้Golden Boot หนึ่งครั้ง และ Golden  Ball สองครั้ง แม้ทีมชาติไทยจะไม่ได้แชมป์โลกในสมัยต่อมา รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกสองสมัย และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลาลีก้าหนึ่งสมัย และได้รางวัลBallon d’or สามสมัย เขาทำประตูในฐานะนักฟุตบอลทั้งหมด 633 ประตู และยอด Assist สูงถึง 2079 ครั้ง และยิงให้ทีมชาติไทยได้ 67ประตู”

            “ส่วนคุณโกล ก็เป็นสุดยอดแห่งผู้รักษาประตูตลอดกาลเช่นกัน ได้รับรางวัล Golden Glove สามสมัย รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกและลาลีก้าสเปนเท่ากับคุณโป้ง และได้รับรางวัลจากสมาคมนักข่าวกีฬาทั่วโลกในฐานะผู้รักษาประตูแห่งทศวรรษ และเป็นเจ้าของสถิติเสียประตูน้อยที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก และฟุตบอลโลก รวมทั้งยิงประตูได้หกประตูตลอดชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ”

            “ปัจจุบันทั้งสองท่านอาศัยอย่างสงบในประเทศแคนาดา เป็นผุ้สนับสนุนมูลนิธิช่วยเหลือเด็กและผู้ต้อยโอกาสสิบห้าองค์กรทั่วโลก”

            “เฮ้ยๆ อย่าเล่นสิวะ เดี่ยวมันก็เสีย” เสียงของชายชราร่างสูงและหลังเยียดตรงแม้จะเป็นอายุมากแล้ว เอ็ดชายชราอีกคนที่กำลังบังคังให้หุ่นสามมิติหมุนไปหมุนมา

            เด็กชายหันไปมอง

            ชายชราร่างบางทำหน้าบันเทิงใจกับการหันไปหันมาอย่างน่าขันของรูปสามมิติของปืนใหญ่แห่งบูรพา ปรเมศวร์

            “นี่แน่ะ นี่แน่ะ ชอบแกล้งกูดีนักไอ้ปอ..” แล้วก็หัวเราะอย่างร่าเริง

            “พอๆ พอแล้ว ไปเถอะเดี่ยวดูยามมองหน้าแล้ว ไปเร็ว” ชายร่างสูงรีบดึงมือของชายร่างบาง

            “แหม่เล่นหน่อยก็ไม่ได้นะ.. ยังแกล้งไอ้ปอไม่สะใจเลย” ชายชราอุทธรณ์ แต่พอหันมาเจอหน้าเด็กชายที่มองอยู่ ก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและเมตตา

            เด็กชายมองตามชายชราสองคนเดินไปอย่างคล่องแคล่วไม่เหมือนกับอายุเจ็บสิบเศษเลยสักนิด.. แผ่นหลังเหยียดตรง มือสองมือยังจับกันไว้อย่างมั่นคง.. เงาที่ทอดลงมาเหมือนจะบอกเด็กชายว่า.. ตามมาสิ.. ถ้าเธอรักฟุตบอล.. จงเดินตามเงาของพวกเรา..

            เขาเหยียดมือออกไปทั้งสองข้าง แล้วกล่าวเบาๆ

            “โป้ง โป้ง โป้ง.. โกล เซฟ โกล โกล เซฟ โกล”

            “คุณปู่ครับ ผมจะพาทีมชาติไทยเป็นแชมป์สมัยที่สามให้ได้เลย..” แล้วเขาก็เดินตามเพื่อนๆที่เดินไปสู่ห้องชมวีดีทัศน์สามมิติต่อไป..


อวสาน..
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: Andylover ที่ 08-02-2016 10:50:40
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องโป้งและโกลมาจนถึงอวสานจนได้

บอกตามตรง ตอนที่พล๊อตเรื่องนี้ ผมไม่ได้คิดจะมีคนอ่านเลยจริงๆ เพราะเนื้อเรื่องมันแนวฟุตบอลจริงๆ แต่ก็พยายามแล้วจะแทรกบทวาย บทรักเข้าไปด้วย..

เป็นหนึ่งในนิยายที่เขียนยากที่สุดของผมเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะผมต้องออกแบบการแข่งขันและวางแผนการเขียนแต่ละทัวร์นาเม้นท์อย่างละเอียด แต่มันก็ผ่านไปได้ แล้วก็ถือเป็นเรื่องที่ยาวที่สุดเรื่องหนึ่งของผมเลย (ผมเคยเขียนเรื่องหนึ่งยาวพันเจ็ดร้อยหน้า เรื่องนี้อันดับสอง ต้นฉบับยาวหกร้อยกว่าหน้า)

แต่ก็ชักจะติดใจนิยายแนวกีฬาแล้วหละ.. ก็เลยตั้งใจว่าจะเขียนแนวนี้เพิ่มอีกสักสองเรื่อง ที่วางไว้แล้วและน่าจะเขียนก่อน คือ Air Walker เป็นเรื่องของนักบาสเกตบอล อีกเรื่องที่คิดไว้คือน่าเกี่ยวกับกีฬาที่คนไทยคุ้นเคยคือเซปักตะกร้อ..

สุดท้ายก็คงต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับแฟนของโป้งและโกล.. และก็เหมือนกับจุ๊ย เขาจะโผล่ไปหวานๆในเรื่อง Air Walker แน่นอน..

สวัสดี และซินเจียยู่อี้ ซิงนี้ฮวดไช้ครับ.. พบกันใหม่ในเรื่อง Air Walker : เหินฟ้าคว้าฝัน..

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 08-02-2016 10:56:30
สนุกมากกก รักเรื่องนี้ บรรยายดี ไม่ดูฟุตบอลแต่อ่านรู้เรื่องอ่ะ ชอบโป้งอ่ะ นิสัยเหมือนเด็กจนกระทั่งแก่5555 ลุงอ่ำไม่น่าจากไปเลยย เสียแทนโป้ง ปอด้วย เสียใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-02-2016 11:55:00
ทั้งโกลและโป้งอยู่ด้วยกันจนแก่เลย :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 08-02-2016 12:08:27
เป็นเรื่องที่สนุกมากและได้อรรถรสในการอ่านเพราะการบรรยายของนักเขียนและทำให้น่าติดตามตลอดทุกตอน
ชื่นชมความรักของทั้งคู่ที่เติบโตไปด้วยกันและผ่านอะไรหลายๆอย่างมาด้วยกันทั้สุขและทุกข์และมันก็ทำให้โป้งโตเป็นผู้ใหญ่
ส่วนโกลนะดูเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่แม่ของโป้งจะฝากให้โกลดูแล

เสียดายจบซะแล้วและจบลงที่ความสุข  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ขอบคุณเขียนเรื่องราวดีดีมาให้อ่านกัน  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 08-02-2016 14:06:00
ชอบบบบบบบบบบบ มันส์มากค่ะ ไม่ค่อยดูบอล แต่มันส์เหมือนตอนเชียร์บอลไทยทีมชาติเลย555
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 08-02-2016 22:31:29
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะครับ
สนุกมาก น่าติดตามตลอดในทุกๆตอน ตั้งแต่ภาคแรก มาถึงภาคสอง จนถึงตอนจบ
ขอบคุณจริงๆ

"โป้ง โป้ง โป้ง โกล เซฟ โกล"
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 10-02-2016 01:18:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-02-2016 12:04:10
ขอบคุณค่ะที่เขียนนิยายดีๆ แบบนี้มาให้อ่าน
เป็นตอนจบที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ ทั้งที่ไม่ได้เศร้าแต่เราร้องไห้ไม่หยุด
สงสัยเราจะรักโป้งกับโกลมาก มันอิ่มอกอิ่มใจในบทสรุปชีวิตของทั้งคู่
เราจะตามอ่านเรื่องของคุณต่อไป รอเจอกันอีกในเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-02-2016 16:33:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 12-02-2016 03:26:37
 สนุกมากสนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 13-02-2016 11:02:42
เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณมากๆนะ รอเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 13-02-2016 17:33:31
สนุกมากๆ ครับ อ่านรวดเดียวจบสองภาคเลย
เขียนได้ดีจริงๆ มีการเล่นประเด็นใหญ่ๆ ของสังคมแทรกอยู่ด้วย
เนื้อเรื่องสมดุลย์ลงตัวดีมาก จะติดตามเรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 01-03-2016 15:48:16
ขอบคุณมากๆที่แต่งเรื่องดีๆ และสนุกมากๆมาให้อ่าน
ข้ามเรื่องนี้ไปตั้งแต่แรกเพราะไม่ชอบบอล แต่พอได้ลองอ่านแล้วปรากฏว่าหยุดไม่ได้
ต้องอ่านควบสองวันจนจบทั้งสองภาค เท่านี้คงไม่ต้องบรรยายว่าเขียนได้ดีเพียงไร
แถมยังต้องเสียน้ำตาตอนที่ทั้งคู่ถูกเปิดเผยอีก บีบคั้นมากๆ
ขอบคุณอีกครั้ง และจะรออ่านผลงานเรื่องต่อๆไป  :L2:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: GRID ที่ 24-08-2017 05:03:22
กลับมาอ่านอีกครั้งเป็นรอบที่สอง
ยังอิ่มเอมประทับใจเหมือนเดิม
เป็นผลงานการประพันธ์ที่ไร้กาลเวลาจริงๆ ครับ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 03-02-2018 13:45:31
สนุกมากกกกก อ่านจบแล้วใจฟูๆ. อิ่มใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 31-05-2018 23:08:17
ชอบมากๆเลยนิยายให้ความรู้สึกด่ำดิ่งเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย กับเกมส์การแข่งขันก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วยเอาใจช่วยสุดๆเอาวะของจริงไปบอลโลกรอบสุดท้ายไม่ได้แต่ได้แชมป์โลก
ในนิยายก็เอารู้สึกฟินมว๊ากกกกก
และขอบคุณผู้แต่งมากๆอ่านจบล่ะมันทำให้เรานึกถึงตอนที่เราคลั่งไคล้ฟุตบอลที่ตอนนี้แทบไม่ได้ติดตามวงการนี้อีกเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: The Save: โกล เซฟสุดใจเพื่อนายไซด์โป้ง ต่อตอนใหม่หน้า4 07/02/2016 "จบแล้วครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: lnwgreankak ที่ 06-06-2018 06:28:39
สนุกมากครับ  o13