**สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559  (อ่าน 84337 ครั้ง)

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มาต่อนะคะๆๆ ค้างมาก อยากอ่านต่อสุดๆ :katai1:

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 10 : ปะทะ


จินหลง เมืองหลวงของต้าเสียง

      "ถอย? เจ้าบอกว่าถอยงั้นรึ?" น้ำเสียงแสดงความแปลกใจของใครบางคนดังขึ้น ดวงตาสีดำคู่คมจ้องไปยังผู้นำสารที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าแฝงแววคาดคั้นอย่างชัดเจน

      "ข่าวนี้จริงแน่หรือ มิใช่ว่าพวกเจ้าหูเบาโดนลู่ซือเหยียนเป่าเข้าอีกกระมัง?" ประโยคนี้คนพูดปล่อยออกมาจากริมฝีปากด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเสียดกระดูก คนฟังสั่นสะท้านเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้เป็นนาย ทำได้เพียงก้มหน้าให้ต่ำกว่าเดิม แล้วรายงานว่าจริงแท้แน่นอน ข่าวนี้สายที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพเป็นผู้ส่งมาด้วยตนเอง

      "ถอย... ลู่ซือเหยียนผู้นั้นถึงกับสั่งให้ถอยทัพ..." เมื่อแน่ใจว่าข่าวมิใช่ข่าวลวงแน่แล้ว รอยยิ้มบางๆก็ฝุดขึ้นบนเรียวปากได้รูป มือไล้ไปบนตัวอักษรไม่กี่ตัวราวกับว่ากลัวมันจะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา

      ไม่ใช่ถอยไม่กี่ลี้เพื่อตั้งหลัก แต่เป็นการถอยกลับไปอยู่ในจุดเริ่มต้น มิต่างกับการพ่ายแพ้สงคราม หึ ดูเหมือนว่าเทพแห่งโชคลาภในที่สุดก็เบื่อหน้าของเจ้าแม่ทัพน่าชังนั่นเสียที

      "แม่ทัพของอีกฝ่ายเป็นใคร?"

      "เหอจิ้งจงแห่งเมืองโจวพ่ะย่ะค่ะ"

      "เหอจิ้งจง แม่ทัพบรูพาผู้นั้นสินะ" คนฟังทวนชื่อที่ได้ฟัง นิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน ปลายนิ้วเคาะลงบนที่วางแขนรูปมังกรสี่เล็บเบาๆ เสียงกระทบเป็นจังหวะช่วยให้ความคิดปลอดโปร่งขึ้นไม่เบา

      "ข้าจำได้ว่าเหอจิ้งจงผู้นั้นเคยมาเยือนจินหลงของเราครั้งหนึ่ง ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะต้อนลู่ซือเหยียนได้เลย" ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นพวกแม่ทัพเถรตรงผู้หนึ่ง ถึงจะแก่ประสบการณ์แต่กลับยังไม่เข้าขั้น ไม่เช่นนั้นหลายปีที่ผ่านมาเหตุใดต้าซางถึงไม่ส่งคนผู้นั้นกุมทัพหน้ามาท้าชนกับลู่ซือเหยียนซึ่งๆหน้าเล่า?

      เรื่องนี้เห็นทีจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง

      "เจียงหลัน" ปลายนิ้วเรียวยาวหยุดการเคลื่อนไหวในที่สุด เขาหันไปเรียกสาวใช้ข้างกายเข้ามากระซิบบางอย่างข้างหู ก่อนจะพยักหน้าให้นางล่าถอยออกไปจากห้อง

       ต้นเหตุของเรื่องครานี้คงต้องสืบให้กระจ่าง หากเคลื่อนไหวอันใดไร้ความรอบคอบเกรงว่าจะเหยียบเจอตะปูเอาได้

       ต้องไม่ใช่เหอจิ้งจงแน่ แต่จะเป็นใครนั้น... สหายที่แนวหน้าคงจะช่วยหาคำตอบให้เอง ชื่อของคนที่อยู่เบื้องหลัง อย่างไรเขาก็ต้องได้มาไว้ในมือ


************


      หลายเดือนก่อนหน้านี้ ถนนทุกสายในเมืองหลวงของต้าซางเต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ พ่อค้า คหบดีจากต่างแดนล้วนมุ่งหน้ามาแสวงหาความร่ำรวยก้าวหน้าจากเมืองนี้ มาถึงยามนี้ทั่วทุกหัวถนนกลับเงียบเหงาร้างผู้คน ประตูจวน คฤหาสน์ต่างถูกหับปิดแน่นหนา เพิงขายของถูกทิ้งไว้ไร้ร่างผู้เป็นเจ้าของ คนเดินถนนไม่กี่คนที่ออกมาจับจ่ายหาของเข้าบ้านต่างก็มีสีหน้ามืดหม่นไร้ชีวิตชีวา เจอหน้าไม่สบตา พบปะไม่ส่งเสียงทักทาย บรรยากาศหม่นหมองแทรกซึมไปทั่วทุกสถานที่

       นี่เองเป็นบรรยากาศของผู้ที่พ่ายสงคราม ไม่มีผู้ใดออกมาต่อต้าน ไม่มีผู้ใดออกมาเรียกร้อง เพียงพวกทหารต้าเสียงไม่ลงมือปล้นฆ่าผลาญชีวิตผู้คนในเมือง พวกเขาก็ต้องคุกเข่าขอบคุณสวรรค์แล้ว

       สิบห้าวันหลังจากสั่งถอนกำลัง ทัพใหญ่ของต้าเสียงก็เคลื่อนพลกลับมายังอดีตเมืองหลวงแห่งต้าซางอีกครั้ง ทันทีที่กลับมาถึงลู่ซือเหยียนสั่งให้รองแม่ทัพนายกองของตนไปทำงานต่อไปทันที ส่วนหนึ่งโยกพลไปยังกำแพงเมืองและรับช่วงคุ้มกัน บางส่วนก็กระจายกำลังไปยังทุกตรอกซอกซอย ยิ่งกดความตรึงเครียดไว้บนบ่าของชาวเมืองมากกว่าเดิม

      พวกที่ลุกขึ้นมาต่อต้านก่อนหน้าจำนวนไม่น้อยถูกจับตัวเอาไว้ได้และถูกประหารทันที หัวและร่างถูกนำมาแขวนประจานที่หน้าลานประหาร สภาพศพอันน่าสยอดสยองยิ่งทำให้ความกลัวแทรกลึกเข้าไปในใจของชาวต้าซางมากกว่าเดิม ตอนที่ได้ข่าวว่าลู่ซือเหยียนกำลังนำทัพกลับมา ต่างพากันสวดภาวนาว่าอย่าให้มีการล้างบางเกิดขึ้นเลย

      เคราะห์ดีที่หลังจากทัพใหญ่เดินทางมาถึงแล้วนอกจากการจัดเวรยามแน่นหนามากขึ้นกว่าเดิมก็ไม่มีการนองเลือดเกิดขึ้น  เลี่ยงหรงจึงคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
     
      ....

      เสียงฝีเท้าหนักแน่นที่ไม่ได้ยินมานานแว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง หลิวช่างหลินยังคงเงียบสงบ เปิดฝาถ้วยชาเป่าไปบนผิวชาไล่ไอร้อนสีขาวก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างเยือกเย็น ผิดกับคนสนิทข้างกายที่สูดหายใจลึกด้วยความกังวล

     "ฝ่าบาท...คนผู้นั้น..." จางเหลียนเอ่ยเตือนผู้เป็นนายอย่างร้อนรน ยิ่งเห็นทีท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งราวกับมีไฟมาเผาเบาะรองจนนั่งไม่ติด น้ำเสียงนี้ของจางเหลียนทำให้ร่างบนตั่งไม้ขยับเปลี่ยนอิริยาบทในที่สุด วางถ้วยชาลงข้างตัวพร้อมกับยืดหลังตรงขับให้บรรยากาศสูงศักดิ์แผ่ออกมาล้อมรอบกาย

      หลิวช่างหลินเบือนหน้าไปยังบานประตูที่เสียงเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีด้วยใบหน้าเฉยชา ปากสั่งคนสนิทข้างกาย "เจ้าออกไปก่อน"

      "ฝ่าบาท" จางเหลียนทำท่าจะแย้งทันที ทว่าถูกสีหน้าไร้อารมณ์ของเจ้าชีวิตกดดันให้หุบปากลงเสียก่อน บัณฑิตหนุ่มหยิบถ้วยชามาใส่ถาดแล้วขยับตัวลุกขึ้นย่อตัวทำความเคารพก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง

      ในจังหวะที่จางเหลียนกำลังก้าวออกจากห้อง ชายในชุดเกราะที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอสังหารก็ก้าวสวนเข้ามาในห้อง ใบหน้าคมสันฉายประกายถมึงทึงดูเอาเรื่อง จางเหลียนเม้มปาก ลอบมองกลับไปเข้าห้องอีกครั้งแต่ก็ทำได้เพียงออกห่างจากห้องอย่างยอมจำนน

      ภายในห้องลู่ซือเหยียนเดินเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าตั่งที่ร่างโปร่งนั่นอยู่ หรี่ตาลงพิจารณาร่างตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเรียบตึงก็เคร่งขึ้นมากกว่าเดิม แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงก็แค่นเสียงหึออกมาคำหนึ่ง

      "ดูเหมือนข้าจะปฎิบัติต่อท่านดีเกินไปกระมัง ท่านถึงได้หาญกล้ากระทำการเยี่ยงนี้"

      "ข้าไม่เข้าใจว่าท่านเอ่ยถึงเรื่องอะไร" หลิวช่างหลินตอบเสียงเรียบเฉย

      "ท่านคงไม่บอกว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง?" น้ำเสียงของลู่ซือเหยียนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่อให้เขากล่าวออกมาว่าไม่เกี่ยวข้องก็จะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด และน้ำเสียงเช่นนี้เองที่ทำให้สีหน้าของคนเป็นองค์ชายเคร่งขึ้นหนึ่งระดับ แค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง

       "หากใจท่านฟันธงไปแล้วว่าข้าเกี่ยวข้อง ข้าจะทำอันใดได้เล่า" หลิวช่างหลินเหยียดยิ้มท้าทายขึ้นมาเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นเพียงมุมปากที่โค้งขึ้นเล็กน้อย ทว่ากลับแสดงความแข็งกร้าวออกมาได้อย่างชัดเจนยิ่ง ท่าทีที่ผิดแปลกนั้นทำให้คนมองชะงักไปเล็กน้อย ความประหลาดใจแล่นเข้ามาแทนที่ความโกรธขึงก่อนหน้า จิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาก่อนหน้านี้ถูกสลายไปโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

       ความเงียบของคู่สนทนาหาได้ทำให้หลิวช่างหลินหวาดหวั่น ตรงกันข้าม ความทระนงที่มีอยู่เต็มสายเลือดนั้นกลับทำให้ร่างโปร่งยืดหลังขึ้นตรงมากกว่าเดิม "ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็อยู่ ท่านบอกให้ข้าทำตัวดีๆ ข้าเคยพยายามหนีไหมเล่า?"

     ช่างยอกย้อนนัก ลู่ซือเหยียนสบถในใจ พยายามข่มโทสะที่ถูกร่างเบื้องหน้ากวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างยากเย็น สองมือตบเข้าที่พื้นตั่งไม้สีแดงข้างตัวของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซาง ใบหน้ายื่นเข้าไปเสียชิดกระซิบเสียงเคร่งลอดไรฝัน "ท่านอย่าพยายามท้าทายความอดทนของข้านัก ข้าเป็นชนชั้นทหาร ความอดทนไม่สูงมากเท่าไหร่หรอกนะ" พูดถึงตรงนี้มือแกร่งก็พุ่งเข้าไปคว้าข้อมือขาวขึ้นมากำแน่น

     "ข้าอาจจะไม่ลงมือกับชาวเมืองไม่ได้ แต่ขุนนางและเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เหลืออยู่ หากฆ่าไปคนข้าก็สบายปลดภาระที่ต้องดูแลไปได้หนึ่งคน" ดวงตามืดดำเรืองวาบ สุ้มเสียงทั้งเย็นชาทั้งเยียบเย็น ผลักให้คนฟังจมลงสู่ความหนาวเหน็บเสียดกระดูก "ครั้งนี้ถือว่าข้าพลาดที่ไม่ได้จับตาดูท่านให้ดี แต่ครั้งต่อไป ข้าจะทำอะไรบ้างก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน" พูดถึงตรงนี้ลู่ซือเหยียนก็ปล่อยมือออก แล้วกลับมายืดตัวตรงอีกครั้ง

      "จริงๆ หากท่านจะฆ่าข้า ก็สามารถลงมือได้ตั้งแต่แรก เหตุใดจึงต้องทำอะไรยุ่งยากเยี่ยงนี้ด้วย?" หลิวช่างหลินขยับข้อมือของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไร้ความหวาดกลัว "ไม่ต้องพูดถึงการควบคุมข้า หากฆ่าข้าตั้งแต่แรก ต้าเสียงก็จะสามารถควบคุมทุกอย่างได้ทั้งหมด เช่นนี้แล้ว ท่านทำไมถึงได้ไว้ชีวิตข้า?"

      นี่คือสิ่งที่ไม่ว่าจะพยายามครุ่นคิดเท่าไหร่ ก็ขบไม่แตก

      คำถามนี้ ลู่ซือเหยียนเพียงใช้ความเงียบ แทนคำตอบ เสียงลากเก้าอี้บ่งบอกว่าเจ้าตัวมานั่งอยู่ข้างกายของเขาแล้ว

      "เหตุใดจึงไม่ตอบเล่า?" ครานี้หลิวช่างหลิวมิได้ปล่อยให้อีกฝ่ายเลี่ยงประเด็นโดยง่าย กระทู้ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง "ท่านมีความจำเป็นอะไรถึงได้ไว้ชีวิตข้า?"

      "นั่นเป็นเรื่องของข้า ข้าจับเชลยได้ ย่อมอยากนำร่างที่มีชีวิตกลับไปเพื่อรับรางวัลที่ต้าเสียง" เสียงของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงเรียบเป็นเส้นตรง ขัดกับคำพูดที่พ่นออกมาเสียจริง หลิวช่างหลินมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย ประโยคต่อไปที่เอ่ยออกจากปากจึงแข็งกระด้างเป็นทีสุด

      "ท่านมิได้พูดความจริง" หลิวช่างหลินเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าลู่ซือเหยียนกลับยิ่งยียวนมากกว่าเก่า

      "ข้าพูดความจริงไปแล้ว เหตุใดไม่ยอมเชื่อข้าเล่า"

      "ท่านพูดความจริงหรือไม่ ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจกระมัง"

       "หากใจท่านฟันธงไปแล้วว่าข้ามิได้พูดความจริง ข้าจะทำอันใดได้เล่า" ประโยคที่เขาเป็นเจ้าของก่อนหน้า ถูกตีโต้กลับมาได้อย่างเจ็บแสบ อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

       "ท่าน!"

       "ท่านถาม ข้าก็ตอบแล้ว แต่จะตอบตามความจริงหรือไม่ มันก็เป็นสิทธิ์ของข้ามิใช่หรือ?" ลู่ซือเหยียนส่งเสียงหัวเราะต่ำๆในลำคอ ดวงตาสีดำดุจน้ำหมึกจับจ้องไปบนสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคู่สนทนา รู้สึกสนุกสนานเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ความหงุดหงิดในใจถูกบั่นทอนลงไปอีกครั้ง

       "ลู่ซือเหยียน!" คราวนี้อดีตรัชทายาทผู้สุขุมเยือกเย็นเรื่อยมาก็ถูกโทสะครอบงำในที่สุด สีหน้าตึงเขม็ง "จะอย่างไรข้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์ของต้าซาง ถึงไม่มีแผ่นดินให้ปกปักรักษา ทว่าชีวิตก็ยังเป็นชีวิตของข้าอยู่ ถึงจะหนีออกไปไม่ได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถจบชีวิตตัวเองด้วยวิธีที่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านอย่างที่สุดได้!"
       
       ลู่ซือเหยียนตาลุกวาบผุดลุกขึ้นทันที คำรามต่ำในลำคอว่าท่านกล้ารึ หลิวช่างหลินขยับตัวลุกขึ้นเช่นกัน เดินมาประจันหน้าโดยอาศัยเพียงเสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย หยุดในตำแหน่งที่ห่างจากคู่สนทนาเพียงหนึ่งฉื่อ*(1) ใบหน้าไร้ตำหนิประดุจหยกก็เหยียดรอยยิ้มหยันออกมา

       "คนที่สูญเสียทุกอย่างไปแล้วเช่นข้า ยังมีอันใดไม่กล้าอีกเล่า?

       ลู่ซือเหยียนสีหน้าเครียดขึง จับจ้องคู่สนทนาอยู่ครู่หนึ่ง เห็นเพียงความแข็งกระด้างอยู่บนนั้น ผ่านไปครึ่งก้านธูป แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงจึงแค่นเสียงออกมา สะบัดผ้าคลุมเดินจากไป

       เมื่อเสียงฝีเท้าห่างออกไป ท่าทางขึงขังของหลิวช่างหลินก็ถูกแทนที่ด้วยความโล่งอก ร่างทั้งร่างเซไปด้านหลังแล้วทรุดลงนั่งบนตั่งไม้อีกครั้ง ใบหน้าฉายแววอ่อนล้า หลังจากผ่อนลมหายใจลึกยาว เขาก็เคาะพื้นไม้ข้างเตียงเป็นจังหวะเรียบเรื่อยสามสี่ครั้ง คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจึงเดินออกมาคุกเข่า จนสั่งบางอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยโบกมือไล่คนออกไป

       เคราะห์ดีที่คราวนี้ยั่วโมโหจนไล่อีกฝ่ายกลับไปได้

       แต่อย่างไรรอจนอีกฝ่ายใจเย็นลง ต่อไปคงลงมือได้อย่างยากเย็น

       สิ่งที่ต้องทำ ต้องเร่งมือเสียแล้ว...

....

........

      นกตัวหนึ่งกระพือปีกโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเงียบเชียบ ทะยานลับหายไปในความมืดยามราตรี กระบอกไม้อันจ้อยถูกผูกติดกับท่อนขา ปีกสีขาวหาได้เตะสายตาของทหารยามคนใด สามารถนำพาข่าวสารใหม่จากไปอย่างรวดเร็ว


************


      "ตกลงสืบได้ความอย่างไร?" ชายหนุ่มในชุดปักลายมังกรสี่เล็บ สีน้ำเงินเข้มถามผู้ติดตามที่เพิ่งรับจดหมายม้วนเล็กๆจากขันทีหน้าห้อง ใบหน้าทรงเสน่ห์ปรากฎรอยยิ้มสบายๆดูเป็นมิตร เข้าถึงได้ง่าย การแสดงออกล้วนนุ่มนวลอย่างปัญญาชน แต่คนที่ติดตามมานานกลับไม่กล้าชักช้า เปิดกระบอกออกแล้วเทจดหมายไปยื่นส่งให้ผู้เป็นนายอย่างนอบน้อม

     มือเรียวยาวที่ถูกถนอมดูแลอย่างดียื่นมารับม้วนกระดาษนั้นไปคลี่ช้าๆ ดวงตากวาดผ่านตัวอักษรอย่างรวดเร็ว

     "หึ ข้าว่าแล้วไหมล่ะ" รอยยิ้มบนหน้าของชายหนุ่มกว้างขึ้นทันที พับกระดาษม้วนโยนเข้าเตาไฟที่อยู่ใกล้ตัว เปลวไฟไหวระริกอยู่ในดวงตา รอจนแผ่นกระดาษไหม้หมด ร่างในชุดหรูหราก็ยันตัวลุกขึ้น

     ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ ที่แท้ก็เป็นท่าน

     "ฝ่าบาท เรื่องนี้..." คนสนิทข้างกายเอ่ยเบาๆ

     "ยังก่อน ข้ายังไม่สนใจจะมีเรื่องกับแม่ทัพลู่ตอนนี้ รอให้พวกนั้นกลับมาที่นี่ก่อนเถอะ" ชายหนุ่มตอบเรียบง่าย ถึงแม้ว่าความคิดในสมองจะกำลังหมุนวนอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่พริบตา รอยยิ้มน่ามองก็ปรากฎขึ้นมาพร้อมๆกับแววตาพราวระยับ เขาหันไปกวักมือเรียกคนสนิทของตนเขามาหา ลดเสียงลงสั่งการ "หาคนไปกระจายข่าวนี้ให้ฉีอ๋อง เขาต้องอยากยินข่าวนี้เป็นแน่"

     หากคนผู้นั้นได้ข่าวแล้วยังไม่เคลื่อนไหว ก็นับว่าเขาเสียทีที่เกิดมาเป็นพี่น้องกันชาติหนึ่งแล้ว

     ที่เหลือก็เพียงแค่นั่งอยู่บนภู รอดูเสือกัดกันก็พอ

************

      "เจ้าตั้งใจจะทรยศอีกครั้งงั้นรึ?"

      เสียงที่ดังขึ้นเบื้องหลัง เรียกความสนใจของคนที่กำลังเหม่อมองท้องฟ้าหันกลับมามอง ดวงตาอันมืดหม่นที่เบือนมาสบนั้นทำให้ผู้ที่ส่งเสียงทักนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเดินมายืนเคียงข้างร่างสูงใหญ่ของหานหลงซาน

      "หากเจ้าภักดีต่อต้าเสียงจริงๆ ก็ควรเหนี่ยวธนูยิงนกตัวนั้นทิ้งเสีย หรือเพราะเจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานเกินไป จนหลงลืมไปเสียแล้ว ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่" ผู้มาเยือนยังคงเอ่ยด้วยท่าทางราวกับเนื้อหาเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ

      "ภักดี?" หานหลงซานเพียงเอ่ยทวนประโยคหนึ่งคำด้วยน้ำเสียงหยามหยัน สีหน้าและดวงตาทอประกายมืดหม่นยิ่งกว่าเดิม "คงมีแต่ท่านที่คิดเช่นนั้น เหตุใดข้าจะไม่รู้ ว่าแววตาของแม่ทัพนายกองที่อยู่ในห้องประชุมมีความหมายเช่นไร"

       ไม่ใช่ความเป็นมิตร มิใช่สิ่งที่สื่อว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน

       "ข้ารู้ดีว่าทั้งฐานะและตัวตนของข้าไม่มีวันได้รับการยอมรับจากพวกเขา เฒ่าสือ ท่านอย่าใช้คำว่าภักดีมารังแกข้าเลย"

       ผู้ที่ถูกเรียกว่าเฒ่าสือมองคนหนุ่มข้างกาย ใบหน้าฉายแววเวทนาออกมาชั่วพริบตาก่อนจะหายวับไป "เจ้าคิดมากไปแล้ว จบงานนี้ ฝ่าบาทต้องทรงพระราชทานอภัยโทษให้กับสกุลของเจ้าแน่ ไม่นานเจ้าก็จะได้กลับมาเป็นชาวต้าเสียงเต็มตัวอีกครั้ง"

       ชาวต้าเสียง... จุดมุ่งหมายแรกที่ทำให้เขายอมรอนแรมมาถึงที่นี่ บัดนี้ไม่ต่างกับหนามทิ่มแทงใจ ตอนที่มาถึงต้าซาง ถูกรับตัวมายังวังหลวงแห่งนี้ นอกจากความไว้เนื้อเชื่อใจของรัชทายาทองค์นั้นที่มอบให้อย่างไร้ข้อกังขา ความอบอุ่นที่ได้รับจากคนรอบข้าง รวมทั้ง...สิ่งได้รับจากคนผู้นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มานั้นทำให้เคยนึกจะล้มเลิกอยู่หลายครั้ง...

      แต่เขากลับรู้ดี แม้จะอยากล้มเลิกแผนการสักเพียงไหน เขาก็ไม่อาจทำได้ ทันทีที่เขาล้มเลิก ผู้ที่ส่งเขามาย่อมไม่มีทางปรานีให้เขามีชีวิตอย่างสุขสงบโดยไม่เปิดเผยตัวตนของเขา ทันทีที่ทุกคนรู้ความจริง ความไว้วางใจที่ได้รับย่อมไม่มีทางเหมือนเดิม

      สายลับที่ทรยศผู้เป็นนายย่อมไม่มีพื้นที่ที่จะยืนอีกต่อไป

      "ข้ารู้ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ อย่างไรข้าก็ไม่มีทางทรยศต้าเสียง ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล" หานหลงซานตอบกลับเพียงประโยคเดียว ก่อนจะหันมาประสานมือบอกลาผู้อาวุโส แล้วหันหลังเดินจากไป มีเพียงสายตาเวทนาของผู้มากวัยที่มองส่งไปจนลับตา

      บางครั้งโชคชะตาก็โหดร้ายกับมนุษย์เสียเหลือเกิน เห็นๆอยู่ว่าคนไม่ต้องการจะเดินไปในเส้นทางนั้น ก็ยังต้องฝืนเดินเข้าไป

      สิ่งที่ไกลเกินไขว่คว้า กลับกลายมาเป็นสิ่งที่คนผู้นั้นต้องการที่สุด

      น่าเสียดาย น่าเสียดาย...

      ผู้ชรารำพึงกับตัวเอง มือลูบไปบนดาบคู่กาย ทอดสายตามองไปยังความมืดมิด ถอดถอนใจแผ่วเบา ดวงตาก็เปลี่ยนไปเป็นคมกล้าดังคมดาบ

      "ข้าก็หวังว่าเจ้าจะไม่เลือกเดินทางผิด หานหลงซาน..."


*************************************


*(1) ฉื่อ chi : คือมาตรวัดของจีน โดยที่ 1 ฉื่อ = 10 นิ้วจีน = 22.7 - 23.1 เซนติเมตร


มาต่อแล้วค่ะ อ่า หายไปนาน(มากกกกกกกกกกกกกกก) ในที่สุดก็ได้มาต่อเสียที(...กราบขออภัยผู้ที่ติดตามอยู่ทุกท่านจริงๆค่า)

ยิ่งแต่ง ก็ยิ่งยาก ข้อมูลที่ต้องหาก็ชักเยอะ ฮา  แต่ก็เพลินจริงๆ ยิ่งตอนพระนาง(??) เขาตีฝีปากกันก็ยิ่งเพลิน อืม พิมพ์เองก็คิดเองว่า สองคนนี้จะมารักกันได้จริงๆรึ?... เอาเป็นว่ามาร่วมลุ้นไปกันผู้แต่งแล้วกันค่ะ  ตอนนี้จะแง้มส่วนของประวัติหลงซานและตัวละครใหม่เล็กน้อย อีกไม่กี่ตอนก็จะได้พบตัวจริงเสียงจริงแล้วค่ะ

ต้องขอบคุณทุกคอมเม้น และคนอ่านทุกท่านที่ยังเข้ามาติดตามอยู่นะคะ จากที่เฟลๆเพราะมรสุมชีวิตเหมือนได้แรงใจกลับมาเลย ขอบคุณมากๆค่ะ //v\\
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 00:41:47 โดย NakiDGM14 »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เสน่ห์ของเรื่องนี้คืออ่านแล้วเพลิน พระ-สายเล่นกันได้เป็นธรรมชาติไม่ฉาบฉวยชวนคิดตาม
ทั้งๆที่เรื่องดูเครียดแต่คนเขียนเก่งมากที่ทำให้เรื่องทีเครียดน่าติดตาม รอนะครับที่จะได้อ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ thanapontigy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
โฮๆๆๆๆๆ ดีใจมากค่ะที่มาต่อ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เข้มข้นทุกตอน อ่านไปลุ้นไปทุกบรรทัด
ขอคารวะผู้เขียนหลาย ๆ จอกที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าติดตามถึงเพียงนี้

คำผิดเล็กน้อยค่ะ
 
แม้ไม่มีแผ่นดินให้ปกปักษ์รักษา > ปกปักรักษา  (ปักษ์ แปลว่า ระยะเวลาครึ่งเดือน)
ท่าทางขังขังของหลิวช่างหลิน > ท่าทางขึงขัง

ปล. ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการใช้คำสักนิด ในบทนี้เราได้อ่านคำว่า "ร่าง" หลายครั้ง ทั้งร่างโปร่ง ร่างที่ซ่อนในเงามืด ร่างในชุดหรูหรา ร่างเบื้องหน้า. ร่างสูงผุดลุกขึ้น  เราคิดว่าบางครั้งถ้าแทนด้วยชื่อคนไปเลยอาจจะทำให้เห็นภาพได้มากกว่า หรือใช้คำว่า "เขา" นี่แหละ เช่น หยุดอยู่เบื้องหน้าตั่งที่หลิวช่างหลินนั่งอยู่ / ความทระนงที่มีอยู่เต็มสายเลือดกลับทำให้เขายืดหลังขึ้นตรงมากกว่าเดิม  ลองเล่นคำให้หลากหลายดูนะคะ ครั้งนี้ที่เราสะกิดใจเป็นเพราะในหนึ่งย่อหน้ามีใช้ซ้ำ ๆ กัน

ขอให้คิดว่าเราติเพื่อก่อนะคะ ถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจก็ขออภัยด้วย

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เข้มข้นทุกตอน อ่านไปลุ้นไปทุกบรรทัด
ขอคารวะผู้เขียนหลาย ๆ จอกที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าติดตามถึงเพียงนี้

คำผิดเล็กน้อยค่ะ
 
แม้ไม่มีแผ่นดินให้ปกปักษ์รักษา > ปกปักรักษา  (ปักษ์ แปลว่า ระยะเวลาครึ่งเดือน)
ท่าทางขังขังของหลิวช่างหลิน > ท่าทางขึงขัง

ปล. ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการใช้คำสักนิด ในบทนี้เราได้อ่านคำว่า "ร่าง" หลายครั้ง ทั้งร่างโปร่ง ร่างที่ซ่อนในเงามืด ร่างในชุดหรูหรา ร่างเบื้องหน้า. ร่างสูงผุดลุกขึ้น  เราคิดว่าบางครั้งถ้าแทนด้วยชื่อคนไปเลยอาจจะทำให้เห็นภาพได้มากกว่า หรือใช้คำว่า "เขา" นี่แหละ เช่น หยุดอยู่เบื้องหน้าตั่งที่หลิวช่างหลินนั่งอยู่ / ความทระนงที่มีอยู่เต็มสายเลือดกลับทำให้เขายืดหลังขึ้นตรงมากกว่าเดิม  ลองเล่นคำให้หลากหลายดูนะคะ ครั้งนี้ที่เราสะกิดใจเป็นเพราะในหนึ่งย่อหน้ามีใช้ซ้ำ ๆ กัน

ขอให้คิดว่าเราติเพื่อก่อนะคะ ถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจก็ขออภัยด้วย

ไม่ขุ่นแน่นอนค่า ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวจะเอาไปปรับให้ดีขึ้นนะคะ บางทีตอนอ่านทวนก็สะดุดเหมือนกัน น้อมรับทุกคำติชมค่ะ ><

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เนื้อเรื่องก็สนุก แถมยังได้ความรู้เพิ่มเติมด้วย คุ้มจริงๆเรื่องนี้ รอค่าาา

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ตอนใหม่~~~~ ชอบตอนพระนางเหมือนกันค่ะ หยอกเอิน(?)กันน่าร๊ากกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เดาทางไม่ถูกว่า ช่างหลิน จะรักพระเอกได้ยังไง :hao5:

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สงสารหลงซาน ยังหาจุดจบที่ดีระหว่างพระนางไม่ได้เลย

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
การปะทะฝีปากของพระนางนี่เด็ดได้ใจจริงๆ อยากรู้มากว่าจะรักกันยังไง

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกและน่าติดตามมาก โดยส่วนตัวแล้ว เราค่อนข้างชอบตัวละครที่มีเหตุมีผลเป็นทุนเดิม ทั้งยังฉลาด มีความสามารถ ความอดทน แล้วเข้มแข็ง อย่างช่างหลินนั้น เป็นคนที่เราชอบมากๆ ถึงขนาดอ่านมาสิบตอนแล้ว ยังไม่เห็นท่านแม่ทัพใหญ่อยู่ในสายตาเลยค่ะ ทำไมเรารู้สึกว่า ถ้าอยู่ในเงื่อนไขระดับเดียวกัน ยังไงช่างหลินก็ไม่มีทางแพ้แม่ทัพลู่แน่นอน (อวยสุดๆ) ชอบจนไม่รู้จะบรรยายยังไงดี สำนวนการเขียนคล้ายๆนิยายแปลเลยนะคะ ต่างแค่ไม่มีสุภาษิตจีนแทรกแบบนิยายกำลังภายใน :laugh: แบบว่ายิงมุกนิ่งๆแบบจีนๆน่ะค่ะ (เริ่มพร่ำเพ้อ... )

ขอตามลุ้นด้วยคนว่าสองคนนั้นจะลงเอยกันได้อย่างไร จริงๆแล้วนี่เหมือนเป็นอุปสรรคใหญ่สุดเลยล่ะค่ะ ถึงแม่ทัพลู่จะพอรู้ตัวเองแล้ว แต่รัชทายาทนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่น่าจะชอบผู้ชาย ทั้งยังเป็นศัตรูที่เข่นฆ่าพ่อแม่และประชาชน แถมยังพอมีหวังเรื่องกอบกู้บ้านเมือง หากสำเร็จ ก็ต้องแต่งมเหสี แม่ทัพลู่คงไม่ทิ้งศักดิ์ศรีไปเป็นกิ๊กแบบซ่อนๆหรอกมั้ง... จะให้รัชทายาททิ้งทุกอย่างแล้วหนีตามผู้ชาย.....  ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปอีก ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว อย่าว่าแต่สองคนนี้จะอยู่ด้วยกันยังไงเลย จะเริ่มรักกันได้ยังไงนี่ยังเป็นปริศนาสุดๆ  :ling3:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
สนุกมากๆค่ะ เข้ามาติดตามกีนไปยาวๆเลยยย

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอตอนต่อไปปปปป
แอบสงสารหลงซาน

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ปะทะ นี่มาจากปะทะฝีปากใช่ไหมคะ โอยยย เค้าปลื้มองค์รัชทายาทมากมาย  :impress2: /me โดนท่านแม่ทัพดีดกระเด็น
ขอบคุณที่มาต่อน้า สู้ๆๆๆๆคนเขียน  :3123:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
เค้ารออยู่น้าาาา :call:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เพิ่งเห็นว่ามาต่อ555
คิดไม่ออกว่าช่างหลินจะรักซือเหยียนได้ยังไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มาอัพต่ออีกเร็วๆน้า รอนะคะ งือออออ

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 11 : กลอุบาย (1)


     อันว่าแผ่นดินแห่งนี้แรกเริ่มเดิมทีเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยกว่าสิบแคว้น เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนอยู่เป็นประจำ หลายร้อยปีผ่านไป แคว้นเล็กแคว้นน้อยเหล่านั้นก็เริ่มแปรเปลี่ยน หลอมรวมเป็นขั้วอำนาจขนาดใหญ่สามขั้ว ต้าเสียงครองดินแดนแถบตะวันตก ซานฉีปกครองภาคกลางอันอุดมสมบูรณ์ และต้าซางที่ปักหลักมั่นคงอยู่ที่ฝั่งตะวังออก ระหว่างสามขั้วอำนาจในคราแรกมองเผินๆคล้ายเป็นมิตรช่วยเหลือจุนเจือกัน การแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ถูกจัดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะซานฉีที่ถูกอีกสองอาณาจักรหนีบไว้ตรงกลาง แต่ความเป็นมิตรนั้นกลับดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก การแทรกแซงจากภายในกัดกร่อนรากฐานอันมั่นคงของซานฉีรวดเร็วเกินกว่าที่ผู้ใดจะตั้งตัวได้ หนึ่งในขั้วอำนาจล่มสลาย แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลกลายเป็นชิ้นเนื้ออันโอชะที่ถูกสองอาณาจักรตัดแบ่งกันปกครอง...

      แต่ทั้งหมดที่ว่ามานี้หาได้มีความสำคัญอันใดอีกต่อไป เมื่อยามนี้แผ่นดินต้าเสียงมีชัยเหนือต้าซาง กินอาณาเขตทั้งหมดในแผ่นดิน เป็นเจ้าของเพียงหนึ่งไร้ผู้ใดทัดเทียม เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือแม่ทัพผู้หนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมาครึ่งค่อนชีวิต

      "พวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว" จั๋วเจียหานผู้ดำรงตำแหน่งกุนซือประจำกองทัพหย่งฉีใต้สังกัดของลู่ซือเหยียนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ เรียกให้ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้กำลังตรวจรายชื่อทหารเงยหน้าขึ้นมามอง

      "พวกนั้น?"

      "คนขององค์ชายรอง พวกนั้นกำลังปล่อยข่าวว่าท่านกำลังซ่องสุมกำลังเพื่อก่อกบฏ" คนเป็นกุนซือยังคงใช้น้ำเสียงเรียบเรื่อยเล่าเรื่องในเมืองหลวงคล้ายเรื่องที่พูดมานั้นไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

      ลู่ซือเหยียนกระตุกยิ้มดูแคลนขึ้นมาที่มุมปาก มือที่กำลังคัดรายชื่อทหารผู้เสียชีวิตจึงค่อยขยับต่อช้าๆ ลายเส้นเรียบคมมีน้ำหนักบ่งบอกถึงนิสัยหนักแน่นไม่ยอมใครของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ตอบรับคำพูดของที่ปรึกษาด้วยน้ำเสียงแฝงความประชดประชัน "ไม่แปลกใหม่เอาเสียเลย เล่นงานแม่ทัพหลังจากสร้างผลงานใหญ่แบบนี้ ฝ่าบาทคงจะรีบร้อนหันมาลงโทษข้าหรอกนะ"

     "ดูท่านไม่แปลกใจ" จั๋วเจียหานจับจ้องผู้เป็นนายแน่วนิ่ง "เฉินฟู่หลิงกลับร้อนใจจนแทบจะจับม้าวิ่งกลับไปแก้ข่าวให้ท่านอยู่ร่อมร่อ" พูดถึงตรงนี้ คนพูดก็ได้แต่ทอดถอนใจ "เขาเป็นคนซื่อตรง ฝีมือการนำทัพก็ยอดเยี่ยม น่าเสียดายที่ต้องมารับใช้เจ้านายอย่างท่าน"

     "พูดอย่างกับว่าเจ้าไม่ได้ทำงานให้ข้าอยู่" ลู่ซือเหยียนมองกุนซือของตนแล้วเบ้ปากใส่ คุณชายจั๋วท่านนี้ดีทุกอย่าง เสียแต่ว่าปากคอเราะร้าย เอ่ยวาจาคราใดเป็นต้องเฉือนคนฟังสักสองสามแผลเป็นอย่างต่ำ แม้กระทั่งเขาและหลี่รุ่ยเต๋อที่โตมาด้วยกันยังไม่ละเว้น

     "นั่นข้าก็กำลังสงสารตัวเองอยู่เช่นกัน" จั๋วเจียหานมิได้เกรงกลัวแม่ทัพใหญ่ผู้กุมอำนาจเหนือกองทัพเลยจริงๆ ถึงขนาดปล่อยประโยคนี้ออกมาโดยสนใจสีหน้าของคู่สนทนาเลย

     "หึ จะมาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว มาแก่ตายด้วยกันในกองทัพเสียเถอะ!" ลู่ซือเหยียนเอ่ยเสียงกร้าวอย่างหงุดหงิด

      "น่าเสียดายที่ข้าไม่คิดจะใช้เวลาทั้งชีวิตมาแก่ตายกับท่านในสถานที่เยี่ยงนี้ อย่าลืมว่าข้ามีคู่หมั้นรออยู่ที่บ้าน" คนเป็นกุนซือยังคงต่อปากต่อคำกับแม่ทัพใหญ่ได้อย่างไหลลื่น สีหน้าเรียบเฉยก็ยังคงเรียบเฉยอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ผู้บังคับบัญชาฮึดฮัดไป

     "งั้นจะลาออกเสียตอนนี้เลยไหมเล่า"

     "ถ้าข้าทำแบบนั้น ท่านพ่อไม่ขับข้าออกจากตระกูลก็แปลกแล้ว หากข้าเลือกได้ มีหรือจะทนทำงานอยู่ในกองทัพแบบนี้"

     ลู่ซือเหยียนแค่นเสียงใส่สหายที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเด็กเสียคราหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้นิ่งขึ้น เมื่อเหลือบไปมองรายชื่อบนโต๊ะอีกครั้ง "แล้วสรุปเจ้าคิดอย่างไร?" คราวนี้เขาไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายเช่นเมื่อครู่อีก ดวงตาหรี่ลงอย่างดุร้าย

     "ข้าควรจะกลับไปแก้ต่างให้ตัวเองหรือไม่?"

     "ทั้งท่านทั้งข้าต่างรู้ดีว่ายังกลับไม่ได้" จั๋วเจียหานยกถ้วยชาขึ้นจิบ ดื่มด่ำกับความหอมอยู่ชั่วครู่ "หากเราละมือออกจากต้าซางในตอนนี้ ศึกที่ทำมานานแรมปีนับว่าเสียเปล่าอย่างโง่เง่าแล้ว"

       ต้าซางยังไม่ยอมสยบโดยสมบูรณ์ หากลู่ซือเหยียนกลับต้าเสียงตอนนี้ก็ไม่ต่างกับการทิ้งปลาย่างไว้กับแมว จะถูกชิงคืนไปก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแม้แต่น้อย

      ความนัยที่สหายส่งมามิได้ทำให้สีหน้าของลู่ซือเหยียนแปรเปลี่ยน ใบหน้าคมสันฉายแววประหลาดขึ้นมาบางเบา ลมหนาวคล้ายพัดมาแรงกว่าที่เคย

      "จริงๆข้าก็ไม่อยากจะเดินหมากตานี้นัก..." น้ำเสียงทุ้มกดต่ำกว่าปกติเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทคล้ายมืดลงจนไม่อาจสะท้อนแสงใด ข่าวลวงที่ปล่อยออกไปว่าตนเองบาดเจ็บหนักก่อนหน้านี้ คือโอกาสสุดท้ายที่มอบให้องค์ชายผู้นั้น "ข้าวางเดิมพันไปกับหมากตานี้ เหลือทางถอยให้พวกเขาก้าวหนึ่งแล้ว ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมถอย รั้นจะเป็นศัตรูกับข้าให้ได้ ข้าก็ไม่มีทางเลือก"

     ลู่ซือเหยียนขยับลุกขึ้นจากที่นั่ง ล้วงป้ายไม้ป้ายหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ตัวอักษรงดงามชดช้อยที่ถูกสลัก 'หวงเว่ยฉี' องค์ชายรองแห่งราชสกุลหวงแห่งต้าเสียง มองอยู่เกือบหนึ่งเค่อ ป้ายไม้นั้นจึงถูกโยนเข้าไปในกระถางไฟที่กำลังคุโชน

     เปลวไฟสีส้มสะท้อนไหววูบยามกำลังกลืนกินป้ายไม้เล็กๆนั้น จวบจนมันกลายเป็นเถ้าถ่าน ผู้ที่โยนป้ายลงไปจึงหันหน้ากลับมามองยังสหายของตน

     "ดูเหมือนว่า ข้าจะทำตัวอยู่วงนอกไม่ได้แล้วจริงๆ"

      จั๋วเจียหานพินิจสหายผู้ควบตำแหน่งผู้บังคับบัญชาของตน ริมฝีปากเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย พัดกระดาษถูกคลี่ขึ้นมาพัดสายลมเย็นบาดผิวเข้าหาตัว ตอบกลับไปว่า "ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะทำตัวอยู่วงนอกตรงไหน"

      "ก่อนหน้านี้เพียงออกแรงช่วยเล็กน้อยไม่ให้ญาติผู้น้องของข้าถูกต้อนจนต้องจบชีวิตก็เท่านั้น" ลู่ซือเหยียนยักไหล่เรียบๆ "แต่ต่อไปคงจะเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้ว"

     "ท่านคิดจะกระโดดลงปลักโคลนนี้จริงๆงั้นรึ?"

     "พวกเขาบีบให้ข้าต้องเลือก ฝ่าบาททรงมีพระราชประสงค์ให้ข้าขจัดภัยร้ายที่จะเป็นอันตรายต่อต้าเสียง การลงมือครั้งนี้ ถือว่าพวกเขาล้ำเส้นแล้ว"

      การใส่ร้ายป้ายสีแม่ทัพใหญ่ผู้กุมตราทัพในระหว่างสงครามเป็นเรื่องที่พวกเลวทรามไม่รู้ผิดชอบเท่านั้นถึงจะกระทำออกมาได้ หากข่าวลือแพร่มาถึงแนวหน้า เหตุใดไม่เรียกว่าขวัญกำลังใจของทหารถูกทำลายสิ้นแล้ว ทหารที่ระส่ำระส่ายจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปต่อต้านศัตรู

     จะกระหายแค่ไหนก็ไม่ควรทำเรื่องที่เหมือนการขว้างหินโดนเท้าตัวเองแบบนี้ ตัวตนของเขาหลอมรวมกับกองทัพไปแล้ว การลงไม้ลงมือกับเขาไม่ต่างจากการพยายามทำลายกำแพงเมืองของตัวเอง เจ้านายเช่นนี้ ต่อให้ได้ขึ้นครองบังลังก์จริง ลู่ซือเหยียนให้ตายก็ไม่มีวันยินยอมคุกเข่าให้

     "ข้าไม่คิดจะคุกเข่าให้กับคนเช่นนี้ อาหาน เจ้าจะเอาอย่างไร" ลู่ซือเหยียนเพียงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่คิดจะบีบคั้นสหายรักให้เข้าร่วมวงจรแห่งอำนาจนี่แม้แต่น้อย ยกการตัดสินใจทั้งหมดให้เจ้าตัว

     "หากข้าไม่เอาด้วย ท่านจะทำอย่างไร" จั๋วเจียหานถามเบาๆ

     "แน่นอนว่าข้าย่อมไม่บีบบังคับเจ้า แต่ต่อไปคงไม่อาจสนิทกันได้มากเท่าเดิม" ลู่ซือเหยียนตอบออกมาแบบปลอดโปร่ง ไม่มีท่าทีหนักใจแม้แต่น้อย คนถามเลยได้ถลึงตาใส่ พูดแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการตัดความสัมพันธ์เลยมิใช่หรือ

     นี่เรียกว่าไม่บีบบังคับตรงไหนกัน

     "ท่านพูดขนาดนี้ข้าไม่เข้าร่วมก็คงต้องเสียสหายนิสัยต่ำช้าแบบท่านไปแน่ เอาก็เอา อย่างไรข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะเลือกรับใช้ผิดคน" จั๋วเจียหานถอดถอนใจ โบกมือรับว่าจะร่วมหัวจมท้ายกันไปจนสุดทาง การตกลงนี้เรียกรอยยิ้มที่หาได้ยากให้ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของคนฟัง

     "ดี! ไม่เสียทีที่เป็นสหายกันมานาน!"

     จั๋วเจียหานค้อนตาคว่ำ "แล้วเจ้าคนแซ่หลี่นั่นล่ะ หายหัวไปไหน ไม่อยู่แบบนี้จะถามความสมัครใจได้อย่างไร?"

     "ไม่จำเป็น คนแซ่หลี่นั่นข้าตัดสินใจให้แทนเรียบร้อยแล้ว หลี่ฮูหยินก็ทราบแล้วเช่นกัน" ลู่ซือเหยียนแจกแจงหน้าตาเฉย ก่อนจะหยิบจดหมายออกมาจากอกเสื้อส่งให้คนที่นั่งอยู่ข้างกายเปิดอ่านดู คนเป็นกุนซือเมื่อเห็นเนื้อในของจดหมายแล้ว สีหน้าก็ประหลาดขึ้นมาทันที เขาบรรจงพับจดหมายลงตามเดิมช้าๆ แล้วยื่นส่งคืนให้อีกฝ่าย...

     "เหตุใดทำหน้าเช่นนั้นเล่า" ลู่ซือเหยียนคลี่ยิ้มชั่วร้ายเต็มหน้า แทบจะมองเห็นรังสีลวงโลกได้ด้วยตาเปล่า น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นแบบนี้ เห็นทีจะมีคนโชคร้ายติดกับเข้าเป็นแน่

      "แล้วข้าควรทำสีหน้าเช่นไรล่ะ" จั๋วเจียหานเริ่มสำนึกเสียใจเล็กน้อย บางทีเขาควรจะยอมๆเสียสหายต่ำช้าเช่นนี้ไปซะ ไม่ควรจะเสียดายเลยจริงๆ!

      "เอาเป็นว่าเจ้าทำตามที่ในจดหมายบอกก็แล้วกัน" ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ตอบ แถมยังเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ คนฟังได้แต่ถอนหายใจ

      "แผนการนี้อันตรายมาก"

      "ข้ารู้ หากไม่เสี่ยง จะได้ชัยชนะมาได้อย่างไร"

      "ได้..." สุดท้ายจั๋วเจียหานก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผ่อนลมหายใจยาว ดวงตาเปลี่ยนเป็นฉายประกายคมกริบ "ข้าจะจัดการให้ก็แล้วกัน"

***********


สามวันต่อมา วังตะวันออก ที่ประทับแห่งองค์รัชทายาท ต้าซาง ยามโฉ่ว(01:00 - 02:59)

     เงาสีดำวูบไหวอยู่ในความมืดยามราตรีราวกับผีสาง คืนนี้ดวงจันทร์หายลับไปจากท้องฟ้า ขับให้บรรยากาศดูมืดครึ้มน่าพิศวงมากกว่าเดิม แม้จะมีแสงจากคบไฟที่กระจายเป็นจุดๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก การลาดตระเวนเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ร่างในชุดดำก็ค่อยๆคืบคลานเข้าใกล้ตัวตำหนักบรรทมมากขึ้นทุกที เวรยามที่เฝ้าอยู่คล้ายไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกตินั้นแม้แต่น้อย

      ชายชุดดำผู้รับหน้าที่เป็นผู้นำในการลอบเข้ามาในครั้งนี้พยักหน้าให้คนของตัวเอง อาศัยข้อได้เปรียบในการมองเห็นในที่มืดค่อยๆแทรกซึมเข้าไป จนถึงมุมอับแห่งหนึ่ง กลุ่มคนในชุดดำทดลองดันบานหน้าต่าง เมื่อพบว่าไม่ได้ลั่นดาลเอาไว้ก็เปิดออกแล้วปีนเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

      พบผ่านข้ารับใช้คนใดมีดสั้นในมือก็เสียบเข้าที่คอหอย ลากเข้าไปในมุมมืด ปลดชุดมาสวมทับและสวมรอยยกข้าวของเดินลึกเข้าไปส่วนในโดยไม่มีผู้ใดขวางกั้น ความเงียบสงัดยิ่งกดดันลงมาอย่างน่ากลัว...

      ใกล้จะถึงแล้ว...

      อาวุธในแขนเสื้อถูกกระชับมั่นกว่าเดิม ตอนนี้พวกเขามาหยุดที่หน้าห้องที่เป็นเป้าหมายแล้ว มือสังหารในชุดข้ารับใช้สูดลมหายใจลึก หยิบธูปยาสลบขึ้นมาจุดแล้วเจาะช่องเป่าควันเข้าไปด้านใน

     รอจนแน่ใจว่าเสียงลมหายใจของคนในห้องสม่ำเสมอ กลิ่นอายสังหารก็แผ่ออกมาอย่างชัดแจ้ง มือสังหารผลักประตูวิ่งตรงเข้าไปที่ข้างเตียง เงื้อมีดขึ้นเหนือร่างภายใต้ผ้านวมหนาแล้วแทงลงไป!

      ฉึก!


***********


      เสียงล้อบดลงบนหินปูถนนยามค่ำคืนแทรกผ่านความเงียบสงัดของถนนสายเล็กๆนอกวังหลวงของต้าซาง รถม้าหน้าตาธรรมดาสามคันที่ไม่มีอันใดโดดเด่นกำลังเคลื่อนออกห่างกำแพงวังมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในรถม้าคันกลางนั้นมีบุรุษสองคนนั่งประจันหน้ากันอยู่

      ฝ่ายแรกอยู่ในชุดผ้าไหมที่ตัดอย่างเรียบหรูสีน้ำเงินเข้มเดินลายด้วยด้ายสีทองเป็นรูปวิหคโบยบิน มีผ้าคลุมขนจิ้งจอกสีขาวคลุมอยู่แทบตลอดทั้งตัว ความหนาวเย็นบาดผิวที่ไม่มีเตาเล็กมาช่วยบรรเทานั้นทำให้ผิวหน้าและปลายนิ้วขึ้นสีระเรือ ลมหายใจแต่ละครั้งขับเอาไอสีขาวให้กรุ่นออกมาตามจังหวะการหายใจ

      ฝ่ายที่สองอยู่ในชุดสีดำพอดีตัวไร้ลวดลายใดๆทั้งสิ้น ในมือมีกระบี่ในปลอกสีดำสนิทเล่มหนึ่งนั่งเอนหลังพิงผนังของรถม้าจับจ้องฝ่ายแรกไม่วางตา

      จนกระทั่งคนที่ถูกจ้องมองคล้ายจนทนไม่ไหวในที่สุด ขยับมือถูกันเล็กน้อย ค่อยนำมาอังลมหายใจอุ่นๆแล้วจึงยอมเปิดปากขึ้น "ท่านจะพาข้าไปที่ไหน"

      "ที่ที่ปลอดภัย" ชายในชุดสีดำตอบเรียบง่ายโดยไม่ยอมลงรายละเอียด

      "ตอนนี้ยังมีที่ที่ปลอดภัยสำหรับข้าด้วยรึ?" น้ำเสียงนุ่มคล้ายมีความประหลาดใจแฝงอยู่เล็กน้อย ทั้งๆที่น้ำเสียงไม่ได้มีอะไรผิดปกติแต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้นคล้ายกำลังประชดประชัน ซึ่งคนฟังหาได้โกรธเคืองทั้งยังส่งเสียงหัวเราะต่ำๆในลำคอ..

      "ย่อมมีแน่ ข้าจะพาท่านไปเปิดหูเปิดตาเอง"

      "ข้าไม่คิดว่าจำเป็นต้องให้คนต่างเมืองมาพาตัวเองไปเปิดหูเปิดตาหรอก"

      "นั่นสินะ ข้าก็ลืมไป" คราวนี้คู่สนทนาขยับยิ้มมุมปาก ขยับกายเปลี่ยนท่านั่งให้ผ่อนคลายยิ่งกว่าเดิม "เสนอตัวพารัชทายาทแห่งต้าซางไปเดินเที่ยวในเมืองของต้าซาง นับเป็นเรื่องตลกราวกับสอนปลาว่ายน้ำจริงๆ"

       ที่แท้บุรุษในชุดผ้าไหมก็คือบุคคลที่ควรจะอยู่ในวังตะวันออก ทว่าถูกลู่ซือเหยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันพาตัวออกมาจากวังหลวงตั้งแต่หนึ่งชั่วยามก่อน ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นี้บุกเข้าไปพาตัวประกันผู้สูงศักดิ์ออกมาจากห้องอย่างอุกอาจ ไม่พูดไม่จานำเขาและจางเหลียนมาขึ้นรถม้าพาออกจากวังหลวง

       "ท่านพาข้าออกมาทำไมกันแน่" หลิวช่างหลินเอ่ยถามสิ่งที่ข้องใจตั้งแต่เริ่มออกมาเสียงเบา กระชับผ้าคลุมให้แน่นกว่าเดิมกันลมหนาวที่พัดโชยมาอีกระลอก ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อสัมผัสได้ถึงผ้าอุ่นๆที่คลุมทับลงมาอีกชั้น สีหน้ากระด้างขึ้นมาทันที มือเรียวขยับหยิบผ้าให้พ้นจากตัวไม่ยอมรับน้ำใจ

      ลู่ซือเหยียนเพียงเลิกคิ้ว แล้วดึงผ้าคลุมของตัวเองกลับมา ในเมื่อไม่อยากรับน้ำใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้

      "ข้าเพียงต้องย้ายท่านด้วยความจำเป็นบางอย่าง คงลงรายละเอียดลึกมากกว่านี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วข้าจะบอกก็แล้วกัน"

      "...จางเหลียนล่ะ?"

      "คนสนิทของท่านอยู่ที่รถม้าอีกคันหนึ่ง ไปถึงแล้วก็จะได้พบกันเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป" ถ้อยคำของลู่ซือเหยียนตรงไปตรงมาและเรียบง่ายอย่างนิ่ง ไม่พูดก็คือไม่พูดจริงๆ หลิวช่างหลินเองก็จนปัญญาจะซักไซ้ไล่เลียง จึงได้หุบปากเงียบไม่ได้ถามอะไรอีก กลับเป็นอีกคนที่เปิดประโยคขึ้นมาเอง

      "อยากรู้หรือไม่ ว่าเหตุใดหลงซานถึงได้ทรยศท่าน" คำถามนี้หลุดออกมา บรรยากาศภายในรถมาก็เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม สีหน้าของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางขึงตึงจนแทบจะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งเรียบบาง

      "หากท่านแม่ทัพลู่ตั้งใจจะเล่าเพื่อตอกย้ำความพ่ายแพ้ของข้า ก็ว่ามาเถอะ" น้ำเสียงของผู้พูดประโยคนี้เย็นชานัก แต่กลับทำอะไรผู้เปิดประเด็นไม่ได้ มือของลู่ซือเหยียนลูบดาบคู่ใจแผ่วเบา แล้วเริ่มเล่าโดยไม่สนใจสีหน้าของคนฟัง

      "ตระกูลของหลงซานติดหนี้ข้า แม่และน้องสาวของเขาอาศัยอยู่ที่จวนของข้าที่ต้าเสียง เป็นตัวประกันชั้นดีที่จะบีบไม่ให้เขาเอาใจออกห่างไปอยู่กับพวกท่านจริงๆ" เนื้อเสียงของลู่ซือเหยียนเรียบเรื่อยราวกับกำลังเล่านิทาน "ข้าเพียงสั่งให้เขาหนีออกจากต้าเสียง หาวิธีเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองหลวงให้ได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดกลายเป็นคนสนิทของท่าน"

      หลิวช่างหลินได้ฟังแล้วไม่ทราบว่าจะทำหน้าอย่างไร ก็ไม่คลายความกระด้างลง ต่อให้มีเหตุผลอะไรทรยศก็คือทรยศอยู่วันยังค่ำ ลู่ซือเหยียนเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็ไม่ได้หยุด เล่าของตัวเองไปเรื่อยๆ

      "ข้าไม่เคยให้คำสั่งใดๆกับเขา จะใช้ชีวิตอย่างไรก็ใช้ไป จนเริ่มสงครามข้าก็ส่งจดหมายของมารดาและน้องสาวไปให้หลงซาน"

      พูดถึงตรงนี้หลิวช่างหลินก็กัดฟันกรอด แค่นเสียงปรามาส "ต่ำช้าสิ้นดี"

      ลู่ซือเหยียนเพียงหัวเราะแผ่วๆในคอ ชักกระบี่ออกมาส่องดูคมกับแสงเทียน "สงครามก็คือกลอุบายไม่ใช่หรือ พวกเราทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ รักษาทหารฝั่งตัวเองให้ตายน้อยที่สุด หากจะบอกให้ข้าเอาเพียงกำลังเข้าชนเพียงอย่างเดียว แล้วสูญเสียทหารทั้งหมด ไป ข้ายอมเป็นคนต่ำช้าเสียยังจะดีซะกว่า หรือท่านเองไม่คิดเหมือนกันกับข้า?"

       "..." หลิวช่างหลินมิได้ต่อปากต่อคำ เพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลงเป็นการแสดงออกว่าไม่สนใจจะพูดจาอีก คนถูกตัดบทซึ่งๆหน้ามิได้ว่าอะไรเพียงขัดดาบลับคมต่อไปเรื่อยๆ

      รถม้ายังคงวิ่งต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงโลหะบาดหูดังอยู่จนคนหลับตามิอาจข่มตาหลับได้ลง ทว่าก็ไม่อยากต่อบทสนทนากับอีกฝ่ายอยู่ดี  ในช่วงเวลาเช่นนี้ส่งให้เขาอดครุ่นคิดไม่ได้...

       ลู่ซือเหยียนเอาเรื่องหลงซานมาพูดเพื่ออะไรกัน? ไม่ใช่การทับถมเพื่อแสดงว่าตนเองเหนือกว่า แต่เป็นคำบอกเล่าธรรมดาๆที่ไร้ที่มาที่ไปคล้ายกับเล่าเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน

       ตัวตนของแม่ทัพผู้นี้...เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย


***************



เข็นตอนต่อไปมาได้อีกตอนล่ะค่ะ! ตอนแรกว่าจะไม่แบ่งตอน แต่ไปๆมาๆมันยาวเกินเลยต้องหั่น ในที่สุดก็ใกล้จะได้ช่วงเวลาใกล้ชิด(?)เสียที!

โดยส่วนตัวคนเขียนชอบแม่ทัพลู่มากเลยค่ะ 55 จริงๆเจ้าตัวก็ไม่ใช่ทั้งคนดี ทั้งคนเลว สงครามมีแพ้ชนะ ช่างหลินกับซือเหยียนเพียงแค่ยืนอยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง ฮีมีด้านใหม่ๆมาทำความรู้จักอีกเยอะ! สองคนนี้พอฟัดพอเหวี่ยงกันอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงค่า~ =v=a

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นให้กำลังใจทุกคอมเม้นนะคะ แล้วพบกับใหม่ครึ่งหลังค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2016 03:07:29 โดย NakiDGM14 »

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ดีใจที่มาต่อนะคะ ตามต่อไปค่ะ

นี่คือใกล้ชิด(?) แหมะๆๆๆๆๆ รอใกล้กว่านี้ล่ะกัน

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
เย้ๆๆ รอทุกวันนนนน
ชอบแม่ทัพลู่เหมือนกันค่ะ อยากให้รุกไวไว 55555

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
เย้ๆตอนใหม่มาแล้ววววววว
ชอบที่รัชทายาทปัดเสื้อคลุมทิ้งไป เหมาะสมถือตัวดีงาม

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่หลงมาอ่าน แนวจีนไม่เคยอ่านเลยคะ แต่นักเขียนแต่งได้ดีมากคะ
เสียน้ำตาให้ตั้งแต่ต้นเรื่อง

กลัวตอนจบอย่างเดียวเลย เขาสองคนจะรักกันได้ยังไง ต่างมีภาระหน้าที่ เป็นศัตรูกันอีก มองไม่เห็นอนาคตสุดๆ

คาดว่าคงต้องเสียน้ำตาให้เรื่องนี้เป็นปี้บชัวร์

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :ling1: ชอบมากๆค่า ดีใจมาต่อ พระเอกดูเหมือนอ่อนให้ช่างกลินจลอดเลย หลงเสน่ห์แล้วใช่ไหมละ อิอิ รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
โหยย เรื่องนี้คือดีงามค่ะะะ <3 <3 พีเรียดจีนเนี่ย ถ้าไม่เล่นเรื่องแนวยุทธภพ เซียนปีศาจ ก็เห็นจะมีแต่เรื่องการเมืองการศึกนี่แหละที่ฮอตฮิต แต่นิยายที่เขียนถึงเรื่องซับซ้อนจำพวกนั้นได้ดีมีน้อยเฟ่ออ ยิ่งเป็นนิยายวายนี่นับเรื่องได้เลยทีเดียว 555555 แต่เราชอบมากเลยค่ะ เพราะรู้สึกถึงความเก็บเรฟ ความใส่ใจค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ นี่อ่านๆมายังนึกไม่ออกเลยว่าคู่อีตาแม่ทัพจะรักกันได้ยังไง 555555

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ชอบฉากห่มผ้าให้ คือแบบแม่ทัพลู่ดูเป็นห่วงเป็นใยอ่ะ น่าร้ากกกกกกก ส่วนหลิวช่างหลินก็ปัดทิ้ง ดูวางตัวดี ไม่หวั่นไหว  :laugh:
ส่วนเหล่าพลเพื่อนของท่านแม่ทัพก็ดูเป็นเพื่อนกันได้นะ ต่อปากต่อคำกันเก่งไม่มีเกรงเลยยยย 5555
อ่านตอนนี้แล้วรุ้สึกว่า มีคนจ้องจะฆ่าหลิวช่างหลิน แต่องค์ชายตาบอด ปกป้องตัวเองไม่ได้แล้ว อิตาแม่ทัพลู่ รับผิดชอบเดี๋ยวเน้  :hao5:

รอตอนนหน้าน้าค้า

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราชอบสองคนนี้จัง เขาดูเป็นเสือดูเชิงกันมาก5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด