**สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559  (อ่าน 84142 ครั้ง)

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ

บทนำ - เลื่อนลง
บทที่ 1 สูญเสีย - เลื่อนลง
บทที่ 2 คนทรยศ - เลื่อนลง
บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ - เลื่อนลง
บทที่ 4 หยาดน้ำตา - เลื่อนลง
บทที่ 5 ในเปลวเพลิง - คลิกตรงนี้
บทที่ 6 ในเปลวเพลิง (2)  - คลิกตรงนี้
บทที่ 7 หลับฝัน คลิกตรงนี้
บทที่ 8 คำถาม คลิกตรงนี้
บทที่ 9 เคลื่อนไหว คลิกตรงนี้
บทที่ 10 ปะทะ คลิกตรงนี้
บทที่ 11 กลอุบาย (1) คลิกตรงนี้
บทที่ 12 : กลอุบาย (2) คลิกตรงนี้
บทที่ 13 : คู่รัก? คลิกตรงนี้
บทที่ 14 : ซ้อนแผน  คลิกตรงนี้
บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น)คลิกตรงนี้

ภาคสอง เชลยผู้สูงศักดิ์
บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) คลิกตรงนี้
บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) คลิกตรงนี้
**********************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2016 19:54:57 โดย NakiDGM14 »

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
จุดเริ่มต้น
*****************

     สงครามสิ้นสุดลงแล้ว...อนาคตของต้าซางก็เช่นกัน...วันเวลานับจากเสียงกลองรบดังครั้งแรกจนถึงตอนนี้มานับได้ห้าปีแล้ว สองอาณาจักรใหญ่เปิดศึกรบกันอย่างดุเดือด ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แผนการมากมายหลั่งไหลออกมาเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง หากแต่สงครามที่สุดแล้วก็ยังเป็นสงคราม ย่อมต้องมีฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะ หากมิมีผู้ใดคิดว่ามันจะจบได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

     เพียงหนึ่งดาบของผู้ทรยศที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพมานานนับสิบปี ชีวิตของแม่ทัพใหญ่และนายทหารผู้ภักดีก็ถูกปลิดออกจากร่างอย่างง่ายดาย กองทัพที่ไร้ผู้บัญชาการกลายสภาพเป็นมังกรไร้หัวมิอาจฝืนต้านทานกองทัพศัตรูที่โจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่องได้อีกต่อไป ประตูของเมืองหลวงถูกทำลายลงพร้อมๆกับความหวังของประชาชนที่ถูกเหยียบย่ำด้วยเสียงฝีเท้าม้าและรถศึกที่ไหลทะลักเข้ามาในเมือง

     ถึงตอนนี้ไม่มีผู้ใดจับดาบขึ้นต่อต้านอีกแล้ว ต่างพากันยืนมองกองทัพอันยิ่งใหญ่ของผู้รุกรานควบผ่านเข้าไปยังพระราชวังอันเป็นจุดศูนย์รวมของอำนาจและปิดฉากประวัติศาสตร์อันยาวนานของต้าซางลงอย่างแท้จริง

*****************

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 1 : สูญเสีย

          "ฝ่าบาท!"

     เสียงเรียกคุ้นเคยลอยมากระทบโสตประสาทของผู้ที่นอนอยู่บนเตียงหลังม่านหนาเรียกให้ปลายนิ้วเรียวขยับเล็กน้อย เปลือกตาบางที่ปิดสนิทสั่นระริกก่อนเปิดขึ้นช้าๆ แรกเริ่มสิ่งที่สัมผัสได้คือความหนักอึ้งที่กดทับลงบนร่างราวกับถูกตะกั่วหนาหนักถ่วงเอาไว้ ความรู้สึกต่อมาคือลำคอที่แห้งผากประหนึ่งกำลังเดินย่ำอยู่ในทะเลทราย ทว่าสิ่งที่ผิดแปลกที่สุดในยามนี้คือความมืดที่มองเห็นในตอนนี้คล้ายจะมืดสนิทกว่าทุกครั้ง

     มันไม่ควรมืดสนิทแบบนี้

     "ฝ่าบาท! ฝ่าบาทฟื้นแล้ว! หมอหลวง! ตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!"

     เสียงของคนสนิทดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกได้ถึงมือของใครบางคนที่เข้ามาพยุงหลังให้ลุกขึ้นพร้อมๆกับสัมผัสเรียบลื่นของอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นป้านชาเล็กๆแตะลงบนริมฝีปากป้อนชาอุ่นๆให้ไหลลงไปไล่ความแห้งผากในคอ ก่อนคนผู้นั้นจะพยุงให้เขาเอนตัวลงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน แม้จะมองไม่เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย แต่เสียงและการกระทำนั้น...

     ".....อาเหลียน?"

     หลังจากพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงของตนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยเรียกเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้แบบไม่มั่นใจนัก ดวงตาทั้งสองข้างยังพยายามยามเพ่งฝ่าความมืดรอบกายเพื่อยืนยันความสงสัยของตนว่าอีกฝ่ายใช่คนที่ตนคิดหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นผล...

     วังตะวันออกไม่สมควรมืดแบบนี้...อย่างไรก็ควรมีแสงจากคบไฟของทหารองครักษ์บ้างไม่ใช่รึ...

     "พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคือจางเหลียน ฝ่าบาทรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?" น้ำเสียงของคนสนิทนั้นร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่แปลกที่เขาจะจำไม่ได้ในตอนแรก

     ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้คิ้วของคนเพิ่งฟื้นขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น คล้ายกับมีม่านหมอกแผ่ลงมาปกคลุมความคิดจนไม่อาจวิเคราะห์สิ่งต่างๆให้กระจ่างแจ้งดังเดิม แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรเสียงฝีเท้านับสิบก็ใกล้เข้ามาตามด้วยเสียงประตูที่ถูกกระแทกเปิดออกอย่างไร้มารยาท บ่งบอกว่าผู้มาเยือนไม่ใช่หมอหลวงที่อาเหลียนเรียกหาเมื่อครู่แน่

     ผู้เป็นนายแห่งวังตะวันออกขยับตัวจากที่พิงบ่าผู้ติดตามเป็นยืดตัวตรงอย่างสงวนท่าที ทอดสายตาไปยังทิศทางที่เสียงดังขึ้นมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้ในใจยังมีตะกอนบางอย่างถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมา เหตุใดจนถึงตอนนี้แม้แต่เงาเลือนลางก็ไม่มีให้เห็นทั้งๆที่คนรอบกายเคลื่อนไหวกันอย่างไม่ติดขัดแม้แต่น้อย...

     เกิดอะไรขึ้นกับตาของข้ากันแน่...

     ความกังวลในอกท่วมท้นขึ้นทุกขณะ แต่สิ่งที่แสดงต่อผู้มาเยือนนั้นมีเพียงความนิ่งสงบราวกับผิวน้ำไร้คลื่นรบกวน สะกดให้ผู้อุกอาจบุกเข้ามายังห้องบรรทมของรัชทายาทแห่งต้าซางต้องหยุดฝีเท้าลงไม่ห่างจากเตียงที่เจ้าของห้องนั่งอยู่มากนัก กลิ่นอายของโลหิตบางเบาจากร่างนั้นทำให้มือที่วางอยู่บนตักกำเข้าหากันอย่างเงียบเชียบ

     "เจ้าเป็นใคร" จังหวะการก้าวเดินที่ไม่คุ้นเคยและกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้น เขามั่นใจว่าต้องไม่ใช่คนที่คุ้นเคยแน่

     "ข้าน้อยลู่ซือเหยียน รัชทายาทแห่งต้าซางคงรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของข้ากระมัง?" แขกผู้มาเยือนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชา แม้การเลือกใช้คำจะดูให้เกียรติ์แต่ชื่อที่อ้างถึงนั้นถึงกับทำให้อกของคนฟังกระตุกวูบ...

     เหตุใดจะไม่รู้จัก...เจ้าของนามลู่ซือเหยียนมิใช่แม่ทัพใหญ่ของแผ่นดินต้าเสียงที่กรีฑาทัพมาล้อมเมืองหลวงของต้าซางหรอกหรือ! เกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาหลับไปกันแน่...จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขากับแม่ทัพใหญ่กำลังปรึกษาเรื่องการรักษาเมืองกันอยู่ที่นอกวัง...

     ราวกับชิ้นส่วนที่ขาดหายไปเริ่มผุดขึ้นมาทีละชิ้น ทีละชิ้น ม่านหมอกขุ่นมัวถูกกระชากให้เปิดออกอย่างโหดร้าย ความเจ็บปวดที่พุ่งขึ้นมาก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นความมืดมิดนั้นมาจากจอกชาที่องครักษ์คนสนิทรินส่งให้ด้วยตนเอง...ใบหน้าที่เฉยชาของคนๆนั้นเฉลยทุกสิ่งที่สงสัย

     เกิดอะไรขึ้นกับตนเอง และแขกที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลนั้นเข้ามาใกล้ตัวเขาได้อย่างไร...

     เหตุใดทุกการเคลื่อนไหวของกองทัพกลับถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ทุกย่างก้าว...เหตุใดกองทัพที่กล้าแกร่งของต้าซางถึงได้ติดกับครั้งแล้วครั้งเล่า..

     หากไม่ใช่เพราะเกลือเป็นหนอน แล้วจะเป็นอะไรได้อีก!

     ยามนี้อีกฝ่ายเข้ามาได้ถึงห้องนอนของเขา เดาได้ไม่ยากว่ากำแพงเมืองคงมิอาจต้านทานศัตรูไว้ได้แล้ว

     แผ่นดินของเขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์...

     ร่างบนเตียงนิ่งงันอยู่นาน จากภายนอกดูไม่ออกได้เลยว่าความคิดของเจ้าตัวสับสนวุ่นวายขนาดไหน จนเวลาล่วงเลยไปนานเกือบครึ่งเค่อ* (1) คนเป็นรัชทายาทก็ผ่อนลมหายใจลึกยาว แล้วแค่นยิ้ม

     "เหตุใดข้าจะไม่รู้จักชื่อเสียงของท่านแม่ทัพลู่คนดังกันเล่า ท่านมิใช่หรือที่เป็นคนนำทัพมารุกรานบ้านเมืองของข้า?" ถ้อยคำที่หลุดออกมาคล้ายไปด้วยแฝงความประชดประชัน หากสีหน้าของคนพูดนั้นกลับนิ่งสงบไร้ความโกรธแค้น นั่นทำให้คนที่มองอยู่ประหลาดใจไม่น้อย

     "เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องพูดจามากความ นับแต่นี้นอกจากวังนี้ท่านห้ามออกไปไหนทั้งนั้น อย่าได้หาทางหนีไปไหนเด็ดขาด ท่านคงไม่อยากให้ชาวเมืองเลี่ยงหรง*(2)ที่เหลืออยู่กลายเป็นผีเฝ้าเมืองหรอกใช่ไหม"

     "ตัวข้ายามนี้ต่อให้ดิ้นรนอย่างไรก็หนีไปไหนไม่รอดหรอก ยาพิษที่พวกท่านใช้กับข้า ใยมิใช่ทำให้ข้าตาบอดแล้วงั้นหรือ เช่นนี้ข้าจะหนีไปไหนได้กัน?" เจ้าของห้องยังคงตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉยดุจเดิม ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่ต้องการเป็นคนพิการเยี่ยงนี้

     ใช่แล้ว...หากไม่ใช่เพราะดวงตาคู่นี้ไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป ความมืดมัวที่ปกคลุมอยู่ก็ควรจะจางหายไปได้แล้ว

     ลู่ซือเหยียนมองร่างเบื่องหน้าแน่วนิ่ง ในใจอดนับถือขึ้นมาไม่ได้ ยากนักที่จะมีคนเผชิญหน้ากับการสูญเสียได้เยือกเย็นปานนี้...ไม่แปลกที่ต้าซางจะสามารถยืดหยัดต่อต้านกองทัพของตนได้นานขนาดนี้ทั้งๆที่ข่าวสารทุกอย่างถูกส่งมาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ร่างสูงพิจารณาร่างบนเตียงอยู่พักหนึ่งถึงได้ละสายตาไปสำรวจสิ่งอื่นในห้องได้ จงใจเมินสายตาอาฆาตของผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังรัชทายาทแห่งต้าซางผู้นั้น เมื่อเห็นว่าคนของตนเดินเข้ามาวางกำลังล้อมห้องนี้เรียบร้อยแล้วถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ

     "ในเมื่อท่านรู้สถานะตัวเองแล้ว ก็หวังว่าท่านจะทำได้อย่างที่พูด หลังจากจัดการเรื่องต่างๆเรียบร้อย ข้าจะนำเสด็จกลับไปเป็นแขกที่ต้าเสียง รับรองว่าข้าจะดูแลท่านอย่างดีแน่นอน"

     "แขก? มิสู้บอกว่าตัวประกันจะตรงตัวกว่าหรือ ท่านแม่ทัพลู่?"

     "จะพูดอย่างนั้นก็มิผิด...หากไม่อยากให้ต้าซางของท่านกลายเป็นเมืองผีอย่างที่ข้าว่า ท่านก็แค่ทำตัวให้ดีตามที่ข้าบอกก็พอ ขอตัว" สิ้นคำเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นนั้นก็ก้าวออกจากห้องไปโดยไม่พูดสิ่งใดอีก ทิ้งให้คู่สนทนานั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับความสิ้นหวังที่เริ่มกัดกินหัวใจช้าๆ...

     แผ่นหลังยืดตรงอย่างทะนงนั้นอ่อนตัวลงราวกับไม่มีแรงแม้แต่จะยันกายอีกต่อไป ดวงตาสีนิลหลุบลงเชื่องช้า หากถอดหน้ากากของรัชทายาทที่แสดงต่อหน้าศัตรูออก เขาก็เป็นเพียงคนๆหนึ่งเท่านั้น...

     คนๆหนึ่งที่สูญเสียทุกอย่างไประหว่างที่หลับไปเพียงตื่นเดียว...

     "ฝ่าบาท...." จางเหลียนเอ่ยเรียกเจ้าชีวิตของตนเองอย่างร้อนรน ขยับเข้าไปรับร่างที่ซวนเซเอาไว้ แล้วประคองให้เอนหลังลงบนหมอนที่ซ้อนกันเอาไว้เบื้องหลัง

     "เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ล่ะอาเหลียน...." คนเป็นรัชทายาทถามด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย ก่อนจะต้องกัดฟันแน่นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำตอบของคนสนิทที่กระชากเอาความหวังสุดท้ายออก

     "ทูลองค์รัชทายาท องค์จักรพรรติและฮองเฮา...สิ้นแล้ว...พ่ะย่ะค่ะ"

     ในวินาทีนั้นเอง ผู้ที่สูญเสียดวงตาไปแล้วได้สัมผัสถึงความมืดมิดที่แท้จริง...


*****


     โอ่อ่า หรูหรา และยิ่งใหญ่...

     นี่คือสิ่งที่ลู่ซือเหยียนสัมผัสได้ระหว่างก้าวเดินอยู่บนระเบียงไม้สีแดงสดที่ทอดยาวอยู่ภายในวังหลวงแห่งอาณาจักรที่ทำสงครามกับตนเองมานานแรมปี มาบัดนี้ทหารในสังกัดของเขากำลังเคลื่อนย้ายศพที่นอนเกลื่อนไปทั่วให้ไปอยู่ในที่เดียวกันเพื่อทำการตรวจนับจำนวนผู้เสียชีวิต เดินไปได้ครู่เดียว รองแม่ทัพคนสนิทก็ก้าวฉับๆเข้ามาหาอย่างรวดเร็วพร้อมประสานมือรายงาน

     "เรียนท่านแม่ทัพ ตอนนี้ตรวจนับจำนวนผู้เสียชีวิตคร่าวๆของฝ่ายเราเรียบร้อยแล้วขอรับ"

     "จำนวนเท่าไหร่"

     "ระหว่างบุกเข้ามาในวังเสียทหารไปทั้งหมดราวสามพันขอรับ ส่วนที่บาดเจ็บข้าให้คนย้ายไปรวมกันเพื่อทำการรักษาแล้ว"

     "ดี แล้วหลงซานอยู่ที่ไหน?" ดวงตาสีดำสนิทดุดันกวาดมองไปรอบกาย ถามถึงคนที่ส่งเข้ามาแทรกซึมตั้งแต่เมื่อแปดปีก่อน ผู้ลงดาบปลิดชีวิตแม่ทัพใหญ่แห่งต้าซางและเปิดประตูเมืองรับทหารของต้าเสียงให้บุกเข้ามาในเมืองได้สำเร็จ

     "บาดเจ็บเล็กน้อย ตอนนี้หมอโจวกำลังดูแลอยู่ขอรับ"

     คนฟังพยักหน้าอีกครั้งอย่างพอใจ เหลือบไปทางตำหนักหลังที่ตนเองเพิ่งออกมาเมื่อครู่ หวนนึกถึงเจ้าของตำแหน่งรัชทายาทของวังนี้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆแล้วออกคำสั่งเพิ่มเติม

     "หลังจากรักษาหลงซานแล้ว ให้หมอโจวไปดู 'เขา' ด้วย อย่าให้ตายได้เด็ดขาด...ข้ายังไม่อยากให้ชาวเมืองลุกฮือขึ้นมาต่อต้านเราตอนนี้"

     "ขอรับ!"




  ************************************************************************

  *(1) เค่อ ke : คือหน่วยนับเวลาของจีนโบราณ โดยใช้กาน้ำรั่วนับ ใน 1 วันจะมี 100 เค่อ ดังนั้น 1 เค่อจะกินเวลาประมาณเกือบ 15 นาที

  ************************************************************************


อิมเมจรัชทายาทแห่งต้าซาง : หลิวช่างหลิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 01:03:39 โดย NakiDGM14 »

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
น่าสนใจ ติดตามค่าาาาา

ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
บรรยายลื่นไหลมากเลยค่ะ ชอบบบ
ปักหมุด รอติดตามนะคะ  :impress2:

ออฟไลน์ Say Melody

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เนื้อเรื่องแลดูน่าสนใจมากค่ะ รอติดตามนะค๊าาา

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ฝ่ายต้าเสียงที่ส่งคนแฝงตัวมานี่เป็นการกระทำที่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย นี่มันหมาลอบกัดชัดๆ ถึงแม้ถ้ามองจากฝ่ายต้าเสียงแล้วจะเป็นการรักษาชีวิตคนส่วนมากของทั้งสองฝ่ายไว้ได้ก็เถอะ(จริงๆก็คงไม่มองขนาดนี้ ก็แค่หวังเอาชนะ)
น่าสงสารองค์รัชทายาทของต้าซางที่ต้องสูญเสียครอบครัวและบ้านเมืองในพริบตา ทั้งที่จริงแล้วความสามารถคงไม่ได้ด้อยกว่าอีกฝ่ายเลย (จากการต้านศึกยืดเยื้อได้ถึงห้าปี) แถมยังต้องตาบอดเพราะยาพิษจากหนอนบ่อนไส้อีก
ก็ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะเป็นยังไง
น่าติดตามมาก รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 2 : คนทรยศ


     จางเหลียนนั่งอยู่ข้างเตียงมองผู้เป็นเจ้าชีวิตของตนเองด้วยสายตาเจ็บปวด เกือบชั่วยาม*(1)แล้วที่ร่างบนเตียงไม่แม้แต่จะขยับเปลี่ยนท่าทาง กระทั่งยาที่หมอหลวงจัดถวายก็ไม่ใส่ใจจะยื่นมือมารับเสียด้วยซ้ำ ถ้วยยาเย็นชืดวางอยู่ตรงตำแหน่งเดิมโดยไร้ผู้ใดเหลือบแล

     "....ฝ่าบาท...โปรดทรงถนอมพระวรกายด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ...อย่างน้อยก็เอนหลังพักผ่อนเสียหน่อย" สุดท้าย ฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อนก็เป็นข้ารับใช้คนสนิทที่ก้าวเข้าไปแตะเบาๆที่แขนของอีกฝ่าย เรียกให้สติคนเหม่อลอยให้รู้สึกตัว

     "...อาเหลียน เจ้าตอบข้ามาตามตรง ระหว่างที่ข้าหลับไป เกิดอะไรขึ้นบ้าง"

   สิ้นคำถาม สีหน้าของจางเหลียนก็ฉายแววลำบากใจ เขาส่งเสียงอึกอักในลำคอ ไม่กล้าตอบคำถาม ทั้งยังไม่ต้องการปิดบัง ได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยง

   "เรื่องนี้...รอสุขภาพของฝ่าบาทดีขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยคุยกันดีไหมพ่ะย่ะค่ะ"

    คราวนี้สีหน้าของคนฟังหาได้นิ่งสงบดังตอนที่พบกับแม่ทัพใหญ่ผู้นั้น มือเรียวยกขึ้นแตะที่ใต้ตา น้ำเสียงมีแฝงความเจ็บปวดบางเบา  "อาเหลียน ตาของข้าก็มองไม่เห็นแล้ว หากแม้แต่เจ้ายังปิดบังข้า ต่อไปข้าก็เป็นได้เพียงคนตาบอดของจริงแล้ว เจ้าอยากให้ข้ากลายเป็นคนพิการไร้ประโยชน์อย่างนั้นรึ?" คำพูดนี้ไม่พูดออกมาจะนับเป็นอะไรได้ หากแต่เมื่อมันออกมาจากปากของผู้เป็นทั้งเจ้าชีวิต และผู้มีพระคุณแล้วจางเหลียนก็ไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้อีกต่อไป

   "ทูลฝ่าบาท หลังจากฝ่าบาทหมดสติไป หลงซานคนทรยศก็วางยาท่านแม่ทัพใหญ่ ใช้เล่ห์กลสังหารนายกองที่ดูแลประตูเมือง สั่งการให้เหล่าทหารเปิดประตูเมืองรับพวกต้าเสียงเข้ามา ตอนนี้เหล่าขุนนางและนายทหารที่เหลืออยู่ถูกกักตัวไว้ที่เรือนอาญาพ่ะย่ะค่ะ"

    จบการรายงานของจางเหลียนแล้ว หลิวช่างหลินก็พยักหน้ารับด้วยใบหน้าเรียบเฉย มิผิดจากที่คาด หลงซานเป็นคนทรยศจริงๆ นี่อธิบายความพ่ายแพ้ก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้เขาจับสายลับได้มากมาย ทว่ากลับไม่เคยสงสัยองครักษ์ประจำตัวคนนี้เลยจนกระทั่งข้าศึกลอบโจมตีเส้นทางเดินทัพที่ควรจะเป็นความลับอยู่หลายครั้งความสงสัยจึงถูกสะกิดขึ้นมาในที่สุด... ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือ กลับกลายเป็นว่า มิอาจแก้ไขได้ทันเสียแล้ว

   "หมากตานี้ช่างแยบยลนัก ข้าหลิวช่างหลินควานคนทรยศมาตลอด ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วจะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้" แปดปี...ต้าเสียงช่างมีน้ำอดน้ำทนเป็นเลิศจริงๆ

   "เป็นการกระทำที่ต่ำช้านัก...ตอนนั้นกระหม่อมไม่ได้อยู่เคียงข้างฝ่าบาท ขอฝ่าบาทลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" จางเหลียนคุกเข่าโครมที่ข้างเตียงของผู้เป็นนาย ประสานมือก้มหน้ารับผิดโดยไม่ขออภัยโทษแม้แต่น้อย

   หลิวช่างหลิน หรือ องค์ชายใหญ่ผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทแห่งต้าซางเพียงผ่อนลมหายใจเบา ขยับมือเป็นเชิงบอกให้ลุกขึ้น "ลงโทษเจ้าแล้วได้อะไร หลงซานทรยศไปแล้ว คนที่ข้าไว้ใจก็เหลือแค่เจ้า ลุกขึ้นเถอะ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์มาลงโทษอะไรทั้งนั้นแหละ"

   จางเหลียนเม้มปากเล็กน้อย ขานรับเจ้าชีวิตอย่างไม่เต็มใจนักแล้วค่อยหยัดกายลุกขึ้น พอดีกับที่หมอแปลกหน้าคนหนึ่งหิ้วล่วมยาเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบเชียบ หมอแปลกหน้าผู้นี้เป็นชายชราที่มีท่วงท่ากระฉับกระเฉงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตคนหนึ่ง เครายาวสีขาวที่ประดับอยู่บนใบหน้าบ่งบอกถึงวันเวลาอันยาวนานที่ผู้ชราผู้นี้ผ่านมาได้เป็นอย่างดี

   ฝ่ายจางเหลียนนั้นคุ้นเคยกับใบหน้าอีกฝ่ายอยู่บ้างเพราะระหว่างที่องค์ชายของตนหลับ ก็เป็นหมอผู้นี้เองที่เข้ามาตรวจอาการเสมอ  แม้จะเป็นศัตรู แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาชีวิตนายของตน ชายหนุ่มจึงก้าวเข้ามารับล่วมยา คารวะผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม ทักทายเบาๆว่า "ท่านหมอโจว" แล้วประคองชายชราเข้าไปที่ข้างเตียงอย่างรู้หน้าที่

    หมอชราก้าวเข้าไปยืนที่ข้างเตียงของคนป่วยแล้วถึงค่อยยกมือขึ้นคารวะแบบเต็มพิธีการ แนะนำตัวอย่างฉะฉาน

    "ผู้ชราโจวจั่วชิง เป็นหมอประจำกองทัพหย่งฉี*(2)แห่งต้าเสียง จากนี้จะเป็นผู้ถวายการรักษาให้กับองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ"

    ใบหน้าเรียบเฉยของหลิวช่างหลินปรากฏรอยยิ้มจางๆ เขาหันไปทางต้นเสียงแล้วพยักหน้าแผ่วเบา  "ฝากตัวด้วย"

    ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกหลังจากฟื้นคืนสตินั้นผิดจากที่หมอชราคาดไปมากโข เดิมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้รับท่าทีเย็นชาตอบกลับมา มาบัดนี้ร่างเบื้องหน้ากลับส่งยิ้มมาให้ทำให้อดพิจารณาชายหนุ่มเบื้องหน้าใหม่ไม่ได้

    รัชทายาทแห่งต้าซางเบื้องหน้าเรียกได้ว่าเป็นบุรุษรูปงามหมดจดผู้หนึ่ง รูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีดำสนิทเรียบลื่นราวกับม่านน้ำตกเครื่องหน้าทุกอย่างดูลงตัวให้ความรู้สึกนุ่มนวลหากแต่แฝงไว้ด้วยความล้ำลึกอย่างเชื้อพระวงศ์พึงมี โดยเฉพาะดวงตาสีดำเรียวยาวคู่นั้น ถึงยามนี้ร่างทั้งร่างจะถูกห่อหุ้มด้วยชุดเรียบง่ายไม่กี่ชั้นทั้งสีหน้ายังไม่แจ่มใสนักเพราะอาการป่วย กลับมิอาจข่มความสูงศักดิ์ของสายเลือดที่มีอยู่ได้เลย ช่างเหมาะสมกับตำแหน่งที่ดำรงอยู่นัก

    ช่างน่าเสียดาย ที่บุรุษหนุ่มผู้เพียบพร้อมผู้หนึ่งต้องมาลงเอยเช่นนี้ แต่ต่างฝ่ายต่างมีสิ่งที่ต้องปกป้อง นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน

    ในสงครามหากไม่ฆ่า ก็จะถูกฆ่าเสียเอง วิธีของท่านแม่ทัพใหญ่แม้จะไม่ใช่วิธีที่สะอาดผ่าเผย ทว่าเป็นวิธีที่เหมาะที่สุดแล้วสำหรับเป้าหมายในการทำศึกครั้งนี้

    ต้าเสียงต้องการยึดครอง มิใช่ทำลาย

    ระหว่างที่หมอชราครุ่นคิดมากมายในหัว มือเหี่ยวย่นก็จับข้อมือขาวของคนไข้ตนมาวางนิ้วจับชีพจรอย่างตั้งใจ ผ่านไปได้สักพักถึงได้พยักหน้าขึ้นลงอย่างพออกพอใจ พึมพำออกมาว่าดี

    "ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอ"จางเหลียนที่ยืนมองอยู่ถามขึ้นมาอย่างกังวล

    "ไม่เลว ชีพจรเริ่มกลับเข้าสู่สมดุลแล้ว พักอีกไม่กี่วันก็คงหายขาด"

    "เช่นนั้นแล้วตาของฝ่าบาทเล่า..?"

    "เรื่องนั้น......เกรงว่าจะไม่หายแล้ว" โจวจั่วชิงส่ายหน้าอย่างหนักใจ พิษได้เข้าทำลายการมองเห็นไปแล้ว ต่อให้เป็นหมอเทวดามาเองน่ากลัวว่ายังต้องส่ายหน้าเช่นกัน

    "งั้นหรือ..." หลิวช่างหลินส่งเสียงออกมาติดจะเหม่อลอย สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามปล่อยวางถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในอกก็มิได้เบาบางลง ใครเล่าจะเต็มใจเป็นคนพิการ ใครเล่าจะยินดีละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาตลอดชีวิตไป

    จากนี้ไม่อาจมองเห็นโลกกว้างได้อีกแล้ว...เรื่องจับดาบยิงธนูก็กลายเป็นเพียงความฝันเช่นกัน..

    โจวจั่วชิงผ่อนลมหายใจออกมายาวๆแล้วเก็บมือตนเข้าใต้แขนเสื้ออีกครั้ง พลางลุกขึ้นเมื่อเสร็จธุระของตัวเอง  "จากนี้ข้าจะเขียนในสั่งยาให้ เคี่ยวครั้งละหนึ่งชั่วยาม รอจนน้ำลดลงถึงหนึ่งในสามถึงจะได้ที่ ดื่มวันละสามเวลาเช้า กลางวัน เย็น หากทำตามนี้อย่างเคร่งครัด อีกสามสี่วันท่านคงลุกออกจากเตียงได้แล้วล่ะ"

    จางเหลียนพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น ประคองผู้อาวุโสขึ้นแล้วเดินไปส่งที่หน้าห้อง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบใครบางคนนอกประตูร่างทั้งร่างก็แข็งทื่อราวกับถูกสาป ผู้ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเป็นบุคคลที่จางเหลียนคุ้นจนไม่อาจคุ้นไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้สวมชุดของชาวต้าซางแล้วก็ตาม

     ดวงตาสีดำสนิทสองคู่สบกันนิ่งเพียงครู่ ฝ่ามือของจางเหลียนก็ยกขึ้นไปฟาดที่หน้าอีกฝ่ายจนสะบัดหันไปตามแรง ผู้ที่ทำให้จางเหลียนเดือดดาลได้ขนาดนี้ หากไม่ใช่หานหลงซานคนทรยศแล้วจะเป็นใครไปได้!

    ร่างสูงกว่ายกมือขึ้นจับคางตัวเองเล็กน้อย ที่มุมปากมีสายโลหิตสีแดงฉานไหลออกมาช้าๆ จางเหลียนถึงเป็นบัณฑิตวันๆอยู่กับตำรา แต่ฝ่ามือที่ฟาดลงมาด้วยโทสะนั้นไม่สามารถดูเบาได้จริงๆ จนหันกลับมาสบตากับร่างเล็กกว่าอีกครั้ง ก็ถูกผลักให้ถอยห่างจากประตู โดยมีคนผลักก้าวตามออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา

     "เจ้ายังกล้ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอยู่อีกงั้นรึ หานหลงซาน!!!"


***********


     หานหลงซานมองอดีตสหายที่สนิทที่สุดของตนด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากเดินตามอีกฝ่ายออกมาจนพ้นรัศมีการได้ยินของคนด้านในแล้ว จางเหลียนจึงหันกลับมามองร่างสูงด้วยดวงตาเอาเรื่อง

    "เจ้ากลับมาทำไมอีก"

    "ทำงาน"

    จางเหลียนแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา สายตาที่มองร่างสูงเบื้องหน้ายิ่งทวีความเย็นชามากกว่าเดิม  "งานของเจ้าไม่ใช่ว่าเสร็จไปแล้วหรือ"

    "จากนี้ข้ารับหน้าที่คุ้มกันองค์รัชทายาท จนกว่าจะถึงเมืองหลวงของต้าเสียง" หานหลงซานยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้อารมณ์ดุจเดิม ไม่นำพาต่อดวงตาที่ส่งความเกลียดชังออกมาอย่างเปิดเผยนั่นแม้แต่น้อย

    "คุ้มกัน? เฮอะ...นอกจากระวังคนทรยศเช่นเจ้า องค์ชายยังต้องระวังอะไรอีกงั้นรึ! หากจะมาจับตาดูก็พูดตามตรงเถอะ อย่างไรข้ากับองค์ชายคงไม่หลงลมปากของเจ้าอีกแล้ว"

    มือที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิทนั้นกำแน่นขึ้นโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น กับคำพูดนี้ของอดีตสหาย หานหลงซานเพียงแค่เบือนหน้าหนีไปอีกทางโดยไม่ตอบโต้อะไร

    จางเหลียนยังคงจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ก้าวเข้าไปจนประชิดตัวอีกฝ่าย เค้นเสียงทุ้มต่ำเย็นชาที่ข้างหูของร่างสูง หนักแน่นราวกับคำสาบาน

    "....ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้เรื่องนี้แน่นอน หานหลงซาน ตราบใดที่ข้าจางเหลียนยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะให้เจ้าตอบแทนทุกสิ่ง หากชีวิตนี้เจ้าไม่ตกนรกหมกไหม้ ชาติหน้าข้าไม่ขอเกิดเป็นคน!"

     ประกาศความต้องการของตนเองเรียบร้อยแล้ว จางเหลียนก็สะบัดชายแขนเสื้อ หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก และเพราะไม่หันกลับมาจึงไม่มีวันได้เห็นความรวดร้าวที่ผุดขึ้นบนแววตาของผู้ที่ได้ชื่อว่าคนทรยศขณะที่มองตามหลังตัวเองจนลับสายตา...

     จางเหลียนเอ๋ยจางเหลียน...เจ้าไม่ต้องเปลืองแรงลงมือเลยแม้แต่น้อย...เพียงความเกลียดชังในสายตาของเจ้า ก็เพียงพอให้ข้าตกลงไปในนรกในใจแล้ว...


*********************************************

*(1) ชั่วยาม shichen : สือเชิน คือหน่วยเรียกเวลาของจีน 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง


จบไปอีกตอนแล้ว อ่านแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรก็ติชมให้กำลังใจคนเขียนได้นะคะ ฮา

เป็นนิยายแนวจีนเรื่องแรกของคนแต่งเลย หวังว่าผู้อ่านที่หลงเข้ามาอ่านทั้งตั้งใจจะชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ

ขอฝากสุราใต้แสงจันทร์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของผู้อ่านทุกท่านด้วยน้อ <3

เนื้อหาในช่วงแรกนั้นจะดำเนินข้าเล็กน้อยเพื่อเท้าความเนื้อหาให้ผู้อ่านได้รู้จักเนื้อหาและตัวละครก่อน จากนั้นถึงจะเข้าสู่เนื้อหาของเรื่องอย่างเต็มตัว  ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันไปซะก่อนนะเจ้าคะ <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 01:05:40 โดย NakiDGM14 »

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านแล้วสนุกมากกกก ชอบมากก มาคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้นะคะ
คือชอบแนวจีนโบราณแต่หาที่ถูกใจยากมากเลย
ตัวละครก็ดูจะเป็นแนวที่เราชอบทั้งนั้น รอติดตามนะคะ
อยากให้แม่ทัพมาปะทะกับองค์รัชทายาทอีก มาต่อไวๆเลยน้า :)

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มารออ่านนะครับสนุกดีชอบแนวนี้มาก มาต่อให้จบนะนิยายแนวนี้ไม่เคยอ่านแล้วจบเลย
แต่จะรออ่านนะครับ ว่าแต่นายเอกเราตาบอดเหรอสงสารอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ignite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เนื้อหาน่าติดตามมากเลยคะ เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ชอบมาก เนื้อเรื่องไม่โหล น่าสนใจมาก
 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สนุกและน่าติดตามมากค่ะ สงสารองค์ระชทายาทมากเลย :mew4: :mew4:  รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
บางทีหัวใจกับหน้าที่ก็สวนทางกัน ปวดใจ

ออฟไลน์ repilca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 3 : แม่ทัพใหญ่


     ตำหนักหลิ่งหลง ต้าซาง

     ตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้แห่งต้าซางบัดนี้กลับกลายมาเป็นห้องประชุมใหญ่ของเหล่าแม่ทัพนายกองจากต้าเสียงที่เป็นหัวหอกในการบุกกลืนกินอาณาจักรใหญ่ในครานี้ การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียดโดยผู้ที่นั่งกินตำแหน่งผู้นำในการประชุมครั้งนี้คือลู่ซือเหยียนซึ่งดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ในการบุก

     เนื้อหาการประชุมนั้นมีตั้งแต่การแจกแจงจำนวนทหารทั้งที่ยังอยู่และตายไป การจัดเวรยามลาดตระเวนเพื่อป้องกันการบุกโจมตีของหัวเมืองที่ยังเหลืออยู่ และการควบคุมมิให้ชาวเมืองลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน จนถึงการถกเถียงเรื่องตัวประกันผู้สูงศักดิ์ที่ตอนนี้ยังถูกกักไว้ในวังตะวันออก

    "ไม่ได้! อย่างไรเราก็ควรถอนรากถอนโคนเสียตั้งแต่ตอนนี้ หากปล่อยไว้จะเกิดปัญหาภายหลังได้!" เฉินฟู่หลิง รองแม่ทัพคนสนิทของลู่ซือเหยียนแสดงอาการคัดค้านอย่างชัดเจน หลิวช่างหลินผู้นั้นมิได้เป็นเพียงรัชทายาทที่ดีแต่อยู่ในรั้วในวัง ยังเป็นแม่ทัพและนักปกครองที่มีความสามารถคนหนึ่ง ปล่อยให้คนแบบนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป อยากจะกลืนกินต้าซางแค่คิดก็ไม่ราบรื่นแล้ว

     "นั่นสิ ท่านแม่ทัพใหญ่ หลิวช่างหลินผู้นี้ ต่อให้ตามองไม่เห็นแล้วก็ยังสร้างปัญหาร้ายแรงได้ง่ายๆ ลำพังแค่มีชีวิตอยู่ก็มิอาจดับความหวังของพวกทหารและชาวเมืองได้แล้ว กำจัดเสียจะเป็นการดีกว่า" คราวนี้เป็นขุนพลอีกคนหนึ่งเอ่ยสมทบรับกับเฉินฟู่หลิงสอดรับกับความในใจของหลายๆคนที่อยู่ในที่ประชุมพอดี ต่างพากันสนับสนุนเสียงดังอื้ออึง มีเพียงแม่ทัพเฒ่าผู้หนึ่งเท่านั้นที่ไม่ได้ร่วมเออออตามคนอื่น

     ลู่ซือเหยียนปรายสายตาไปยังแม่ทัพชราผู้นั้น ถามเรียบๆ

     "เฒ่าสือ ท่านมีความเห็นอย่างไร?"

     เฒ่าสือขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วที่กลายเป็นสีดอกเลาขึ้นเล็กๆ ลูบเครายาวๆของตนเองพลางหัวเราะออกมา

     "ท่านแม่ทัพใหญ่ล้อคนแก่เล่นแล้ว ในเมื่อท่านเองก็มองสถานการณ์ได้อย่างปรุโปร่ง ยังจะต้องให้ข้าพูดอะไรอีก"

      "เฒ่าสือ ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอะไรกัน?" ฝ่ายคนหนุ่มเลือดร้อนที่เป็นหนึ่งในเสียงสนับสนุนเมื่อครู่กระทู้ถามขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ไว้ชีวิตสายเลือดของราชวงศ์ศัตรูไปจะมีประโยชน์อะไร นอกจากเป็นการเปิดโอกาสให้พวกมันมาแว้งกัดในภายหลัง

     ฝ่ายผู้เฒ่านั้นกลับหัวเราะรื่นเริงยิ่งกว่าเดิม หลิ่วตาไปยังท่านกุนซือที่ยังมีสีหน้าครุ่นคิด แล้วโยนภาระไปยังผู้อื่นอย่างไร้ความรับผิดชอบ "ท่านกุนซือคงตอบคำถามได้ดีกว่าข้ากระมัง?"

      ครานี้ทุกสายตาก็ย้ายไปรวมอยู่ที่ร่างผอมบางของท่านกุนซือประจำกองทัพทันที คนเป็นเป้าสายตาถึงกับถลึงตาใส่คนโยนเผือกร้อนมาให้อย่างอารมณ์เสีย สุดท้ายก็ทนความเร่าร้อนในดวงตาของพวกผู้ชายตัวโตๆไม่ได้ จำยอมต้องชี้แจงแถลงไขให้มันสิ้นๆเรื่องไป

     "เรื่องนี้จริงๆไม่ยาก ตอนนี้พวกเราควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้แล้ว ทหารกับประชาชนของต้าซางก็ยอมจำนนแล้วเช่นกัน ที่ท่านแม่ทัพใหญ่ให้ไว้ชีวิตรัชทายาทหลิวช่างหลินก็เป็นเพราะเหตุผลนี้"

     "เหตุผลอะไรกัน?"

     "เพื่อไม่ให้ประชาชนกับทหารที่เหลืออยู่เกิดฮึดขึ้นมาต่อต้านพวกเราอีกครั้ง" ประโยคนี้ราวกับฟ้าที่ผ่าลงมากลางที่ประชุม หยุดยั้งคำคัดค้านที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของเหล่าแม่ทัพนายกองได้ชะงัด

     "เมื่อครู่พวกท่านพูดเองว่าหลิวช่างหลินเป็นแม่ทัพและนักปกครองที่มีชื่อคนหนึ่ง ความจริงที่เราควบคุมสถานการณ์ได้เร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะเราได้ตัวเขามาอยู่ในมือทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกขุนนางและขุนศึกที่เหลือของต้าซางถึงได้ไม่กล้าทำอะไร ข้าพูดเท่านี้ทุกท่านคงพอเข้าใจแล้วสินะ"

     ถึงไม่อยากเข้าใจก็ต้องเข้าใจ ในเมื่อพวกเขาสามารถตรึงไม่ให้นักรบแห่งต้าซางเคลื่อนไหวได้ด้วยการไว้ชีวิตคนผู้นี้ หากลงมือสังหารนั่นเท่ากับการโยนเชื้อไฟเข้าไปในกองฟืนแห้งที่พร้อมลุกไหม้ได้ตลอดเวลา การยุยงให้คนจนตรอกลุกฮือขึ้นมานั้นไม่ต่างกับการสร้างหายนะให้กับตัวเอง ถึงไม่อาจเรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุด แต่ก็สามารถเรียกได้ว่าโง่เง่าแน่นอน

     นึกถึงจุดนี้แล้วเหล่าบุรุษเลือดร้อนที่กำลังฮึกเหิมกับชัยชนะที่เพิ่งได้รับก็ราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดใส่ จากที่ออกหน้าคัดค้านรุนแรงก็เงียบสนิท

     ลู่ซือเหยียนมองขุนศึกของตนเงียบๆอยู่พักหนึ่งถึงได้เปิดปากขึ้นอีกครั้ง

      "จากนี้สิ่งที่เราต้องทำคือการควบคุมสถานการณ์ให้นิ่งที่สุดจนเมืองหลวงส่งชุดขุนนางปกครองมาถึงที่นี่ ที่สำคัญที่สุดคือการรักษาชีวิตของหลิวช่างหลิน และคอยจับตาดูไม่ให้มีการติดต่อใดๆที่จะสร้างเรื่องวุ่นวายให้เรา มีใครจะคัดค้านอะไรอีกไหม?"

      คราวนี้เหล่าแม่ทัพนายกองไม่มีใครกล้าสอดปากคัดค้านผู้นำของตนอีก รอจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นค้านแน่แล้ว ลู่ซือเหยียนก็ลุกขึ้นจากที่ของตน

     "งั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองได้"

     ทุกชีวิตในที่ประชุมลุกขึ้นประสานมือไว้เบื้องหน้าแล้วโน้มตัวคารวะน้อมส่งผู้เป็นนายพร้อมขานรับคำสังอย่างพร้อมเพรียง

     "ขอรับ!"


*********


     "ท่านนี่ใจร้ายจริงๆ"

     คล้อยหลังจากการประชุมไม่นาน ในห้องพักส่วนตัวของแม่ทัพใหญ่ลู่ซือเหยียน ก็ปรากฎร่างสูงโปร่งของบุรุษผู้หนึ่งในชุดรัดกุมสีดำสนิทก้าวออกมาจากหลังฉากกั้นบานใหญ่ ท่านแม่ทัพใหญ่ใจร้ายที่ว่าก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำต่อว่าต่อขานนั้น ก้าวเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้อง และนำดาบของตนออกมาเช็ดทำความสะอาดโดยไม่หันไม่มอง 'แขก' แม้แต่น้อย

     "เรื่องที่ให้สืบว่าอย่างไร"

     "เมินข้าแล้วยังจะมาถามถึงงานอีกเรอะ ใจคอจะไม่ให้ข้าพักหายใจหายคอเลยกระมัง!" ผู้มาใหม่กระชากผ้าคลุมหน้าออกอย่างหงุดหงิด ถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวรินชาใส่แก้วแล้วยกดื่มในอึกเดียว การกระทำนั้นเรียกสายตาขบขันจางๆจากเจ้าของห้องได้ไม่น้อย แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาเห็น ท่านแม่ทัพใหญ่ก็ควบคุมสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง ถามย้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

     "แล้วตกลงว่าอย่างไร"

     ฝ่ายที่ถูกถามเหลือกตาใส่สหายของตนอย่างหงุดหงิด ใบหน้าหลังผ้าคลุมสีดำนั้นเป็นดวงหน้าหมดจดที่มองแวบแรกไม่อาจจะแยกได้ว่าเจ้าของใบหน้านี้เป็นเพศใด กระนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดกลับเป็นดวงตาสองข้างที่มีโทนสีต่างกันอย่างชัดเจน สุดท้ายเมื่อถูกดวงตาคู่คมจ้องมากๆเข้า เจ้าของดวงตาสีประหลาดก็ต้องยอมจำนน

     "ก็ได้ ก็ได้ เรื่องที่เจ้าไปสืบมาข้ายืนยันได้แล้วว่าจริง แคว้นเสอเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกมันกำลังเคลื่อนทัพขึ้นไปทางเหนือเพื่อเก็บเกี่ยวหัวเมืองที่เหลืออยู่ของต้าซาง ตอนนี้อยู่ระหว่างข้ามเขาเทียนหลง ข้าให้คนของข้าไปจัดการถ่วงเวลาไว้แล้ว เจ้าจะให้ทำอะไรเพิ่มหรือเปล่า?"

     "เผาขบวนเสบียงของพวกมันก็พอ นอกจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว" ลู่ซือเหยียนตอบเรียบง่าย คนฟังก็พยักหน้ารับ

     "แล้วเรื่ององค์ชายนั่นมีความเป็นมายังไง ตอนแรกจะอยู่หรือตายเจ้าก็ไม่สนไม่ใช่รึ หรือท่านหมอโจวต้มยาให้เจ้าผิดขนาน ถึงได้นึกมีจิตเมตตากับเพื่อนร่วมโลกขึ้นมา?"

     "หลี่รุ่ยเต๋อ ข้าคงให้งานเจ้าน้อยไปสินะ ถึงได้ว่างมายุ่มย่ามกับเรืองของชาวบ้านแบบนี้" คนเป็นแม่ทัพใหญ่มองเจ้าคนตาสองสีแซ่หลี่ด้วยสายตาเย็นชา เสียแต่ว่าคนแซ่หลี่ที่ว่ามิได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างไม่กลัวตาย

     "แหม กับเรื่องของชาวบ้านทั่วไป ข้าคนแซ่หลี่คงไม่ใส่ใจมายุ่มย่ามแบบนี้หรอก เพราะเป็นเรื่องของท่านแม่ทัพใหญ่ต่างหาก ข้าถึงได้สนใจอยากจะเข้าไปยุ่งด้วย"
     
     "หลี่ฮูหยินคงดีใจ ถ้าได้ยินว่าเจ้ามีเวลาว่างมากพอมายุ่งเรื่องของข้า งานของหอเหลียนฮวา *(1)จะได้มีคนช่วยแบ่งเบามากขึ้นอีกคน"

     พอสหายรักอ้างถึงท่านแม่ของตน หลี่รุ่ยเต๋อก็แยกเขี้ยวให้อีกฝ่ายเป็นการตอบรับ

     "เจ้ามันคนไร้หัวใจจริงๆ! คอยดูเถอะ สักวันนึงข้าจะเลิกทำงานให้เจ้า!"

     "ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดียิ่ง ข้าจะได้ส่งจดหมายไปขอคนที่ตั้งใจทำงานมากกว่านี้กับหลี่ฮูหยิน เจ้าจะเลิกเลยไหมล่ะ ข้าจะได้ให้คนเขียนจดหมายตอนนี้เลย" ท่านแม่ทัพใหญ่ตอบโต้โทสะของเพื่อนรักด้วยการวางถ้วยชาแล้วเอื้อมมือไปหยิบตราประทับของตนเองออกมา คนจะลาออกก็ยิ่งโมโหจนลมจะออกหูอยู่รอมร่อ

     "ลู่ซือเหยียน! ใครได้เจ้าเป็นคนรักต้องเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลกแน่! เจ้ามันคนไร้หัวใจ!!"

     "ถ้าเจ้าด่าข้าอีกคำ คราวนี้จดหมายถึงหลี่ฮูหยินคงได้เขียนจริงๆแล้ว" ลู่ซือเหยียนพูดเสียงเรียบ หยุดถ้อยคำสรรเสริญที่เหลือได้ทันที หลี่รุ่ยเต๋อถลึงตาใส่สหายอีกครั้ง ก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำอำลา ทิ้งให้ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้ไร้หัวใจมองตามด้วยสายตาขบขันของผู้ชนะ

     "ทะเลาะกับคุณชายหลี่อีกแล้วหรือ"

     เสียงแหบพร่าของชายชราผู้หนึ่งดึงความสนใจจากแม่ทัพใหญ่ได้ไม่ยากเย็น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือโจวจั่วชิง หมอประจำตัวของตนร่างสูงใหญ่ก็ผุดลุกจากที่นั่งเข้าไปประคองชายชราให้เข้ามานั่งด้านในอย่างรวดเร็ว

     "ท่านหมอโจว ไม่ใช่ว่าท่านต้องดูแล 'เขา' อยู่หรือ มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า"

     "เปล่าหรอก ข้าก็แค่เดินผ่านมาได้ยินเสียงพวกท่านเท่านั้น จะว่าไปก็แปลก ข้าไม่เคยเห็นพวกท่านคุยกันดีๆสักครั้ง ยังคบหาเป็นสหายกันมาได้เป็นสิบๆปี"

      มุมปากเรียบตึงของคนเป็นแม่ทัพขยับยกขึ้นเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่ใช่ท่านหมอเป็นคนพูดขึ้นมาคนแรก หลี่ฮูหยินที่เป็นแม่นมของเขาก็ถามแบบนี้มาหลายปีแล้วเช่นกัน แต่ทั้งเขาและหลี่รุ่ยเต๋อต่างก็ไม่มีใครสามารถไขข้อสงสัยนี้ของนางได้เลย

     อาจจะเป็นเพราะรู้จักกันดีเกินไปกระมัง...

     หลังจากประคองหมอชราลงนั่งในที่เดิมของตัวเองแล้ว ลู่ซือเหยียนก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว

     "เขาเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ"

     "ถ้าเขาที่ท่านหมายถึงคือรัชทายาทหลิวช่างหลิน อาการของเขาโดยรวมดีขึ้นมากแล้ว อีกสี่ห้าวันคงลุกจากที่นอนได้"

     คำตอบที่ได้รับทำให้ลู่ซือเหยียนพยักหน้าอย่างพอใจ ความกังวลที่ไร้ที่มาค่อยเบาบางลงในที่สุด

     "ตาของเขาบอดสนิทดีแล้วใช่ไหม?"

     "บอดสนิทแล้ว"

      "ดี เท่านี้ก็วางใจไปได้เปราะหนึ่ง" พวกนายทหารเลือดร้อนของเขาจะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างที่จะลงมือสังหารองค์ชายนั่นอีก

     หมอชรามองชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจน้อยๆ หยิบถ้วยชาเปล่ามารินชาลงไปแล้วค่อยละเลียดจิบช้าๆ...

     "ข้าเห็นหลงซานไปเฝ้าที่นั่น ท่านเป็นคนส่งไปงั้นรึ?"

     "ใช่"

     "คงไม่ใช่แค่ให้คุ้มกันอย่างที่หลงซานว่ากระมัง?"

     "ใช่"

     คำตอบที่มั่นคงนั้นไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของโจวจั่วชิง เมื่อได้ยินแล้วหมอชราก็เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น "ท่านจะให้หลงซานคอยสอดส่องความประพฤติขององค์ชายช่างหลินสินะ"

     กับคำถามนี้ลู่ซือเหยียนเพียงขยับยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ตอบรับอะไร แต่คนที่เป็นหมอประจำตัวมานานก็เดาได้ไม่ยากว่าการคาดเดาของตัวเองนั้นถูกต้อง

     หลงซานนั้นทำงานอยู่ข้างกายองค์ชายรัชทายาทนั่นมานาน ลู่ทางที่เจ้าตัวใช้ติดต่อกับภายนอกหลงซานย่อมต้องเป็นคนที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ให้เขาเป็นคนดูแลย่อมป้องกันการติดต่อที่จะนำเรื่องยุ่งยากมาได้ดีที่สุด...

     ความคิดที่ว่าความจริงแล้วไม่ควรส่งอดีตไส้ศึกไปเจอกับผู้เสียหายโดยตรงนั้นไม่มีอยู่ในหัวแม้แต่น้อย ลู่ซือเหยียนมั่นใจสายตาในการมองคนของตัวเองเสมอ

    สิ่งใดที่เขาลงมือแล้วย่อมไม่อาจเว้นที่ว่างให้กับความผิดพลาด

    การตัดสินใจของเขาถูกต้องเสมอ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลู่ซือเหยียนกุมตราทัพดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียง

    จอมทัพผู้ไร้พ่าย ออกศึกคราใดไม่มีคำว่าพ่ายแพ้!

*********

     หลังจากที่โจวจั่วชิงกลับไปแล้วหลิวช่างหลินไม่ได้เอนหลังลงนอนพักอย่างที่หมอชราบอกทันที แต่กลับนั่งเหม่ออยู่บนเตียงพักหนึ่งแล้วค่อยขยับตัวลงจากเตียงช้าๆ เมื่อครู่จางเหลียนลากใครบางคนที่เขาพอจะเดาออกได้ว่าเป็นใครออกไปจากห้องนี้ ทั้งห้องจึงเหลือเขาอยู่ในห้องเพียงลำพัง

     เงียบสงบจนเกินไป...

     แรกเริ่มหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาค้นพบว่าตัวเองไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างได้อีกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่เพียงลำพังโดยไม่มีจางเหลียนอยู่ใกล้ๆ สรรพสิ่งรอบกายมีเพียงอากาศธาตุไร้วาจา มีเพียงเสียงนกและแมลงจากภายนอกเท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพังในโลกใบนี้...

     สัมผัสเย็นๆเมื่อเท้าแตะลงบนพื้นห้องให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไม่น้อยจนต้องขยับยกขึ้นแล้วค่อยวางลงไปใหม่ช้าๆให้มั่นคงมากกว่าเดิมตามด้วยขาอีกข้างที่วางตามลงไปอย่างเชื่องช้า

     เขาไม่เคยต้องระมัดระวังยามก้าวเดินถึงเพียงนี้ แต่ในเมื่อดวงตาทั้งสองข้างมิอาจใช้ได้อีกต่อไป สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงยอมรับความจริงและปรับตัวให้ได้เท่านั้น ปรับได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เมื่อทรงตัวในท่านั่งห้อยขาได้มั่นคงดีแล้ว ร่างโปร่งจึงค่อยยันตัวลุกจากเตียง ยันน้ำหนักไว้ที่มือซึ่งยันขอบเตียงอยู่ จนทรงตัวได้ด้วยขาทั้งสองข้าง หลิวช่างหลินถึงได้เริ่มยกขาก้าวเดินช้าๆ โดยมีมือทั้งสองข้างคอยโบกสำรวจทางเบื้องหน้าเพื่อตรวจสอบสิ่งกีดขวาง

     เพราะมัวแต่ระมัดระวังการเดินของตนเอง องค์รัชทายาทแห่งต้าซางเลยไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนถูกเฝ้ามองโดยใครคนหนึ่งซึ่งเดินมาดูอีกครั้งหลังจากจบการประชุมประจำวันแล้ว

     จังหวะก้าวที่เชื่องช้าของคนในห้องนั้นดึงให้แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงต้องหยุดมองโดยมิกล้าส่งเสียงรบกวนเพราะกลัวจะทำให้เจ้าของห้องสะดุดล้มหัวร้างข้างแตกเข้า แต่เมื่อหยุดมองอยู่นานก็ยังไม่อาจละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้...

     เหตุใดถึงได้ทำหน้ามุ่งมั่นปานนั้นกันนะ? สิ่งที่ควรจะมีอยู่บนใบหน้าของเขาควรจะเป็นความสิ้นหวังไม่ใช่หรือ ยังไม่ทันทีแขกผู้มาเยือนจะได้ผละจากไป คนในห้องก็ก้าวพลาดในที่สุด ร่างทั้งร่างเซถลาอย่างมิอาจควบคุม เพียงเท่านั้นคงไม่อาจทำให้แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงตกใจได้ หากไม่ใช่ว่าทิศที่ร่างโปร่งล้มลงไปนั้นมีเตาที่วางกาต้มน้ำวางอยู่!

     หลิวช่างหลินหลับตาแน่นเตรียมรับความเจ็บปวดจากการกระแทกเต็มที่ หากสิ่งที่ได้รับกลับเป็นอ้อมแขนแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งซึ่งปราดเข้ามารับได้ทันเวลา ร่างทั้งร่างตกอยู่ในวงแขนของใครบางคนที่ไม่คุ้นเคย กะทันหันเช่นนี้ฝ่ายที่เสียหลักล้มยังตั้งตัวไม่ติดก็ถูกใครคนนั้นขยับรวบตัวขึ้นอุ้มแล้วพากลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

     ฝ่ายที่ถูกอุ้มเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อถูกปล่อยลงบนเตียงแล้ว รัชทายาทแห่งต้าซางก็ขยับถอยลึกเข้าไปด้านในทันที

     ไม่ใช่จางเหลียน...

     "ใครกัน"

     ครานี้น้ำเสียงของร่างบนเตียงแข็งขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาที่ไร้จุดรวมสายตาเขม่นจ้องไปทางที่ผู้ช่วยเหลือเมื่อครู่ยืนอยู่ กลิ่นอายที่ไม่คุ้นเคยนั้นบอกว่าคนผู้นั้นไม่ใช่คนที่สนิทสนมกันแน่นอน...

     ทั้งยังเข้ามาเงียบๆโดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

     ".........." ผู้ที่มาช่วยเหลือยังคงเงียบไม่ตอบคำ หลิวช่างหลินก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ความระแวงฝุดขึ้นมาทำให้ต้องถดร่างถอยมากกว่าเดิม

     "ท่านไม่ควรลุกออกมาแบบนั้น" ในที่สุดบุคคลปริศนาก็ยอมเปิดปากออกมา น้ำเสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ทำให้คนฟังถึงกับนิ่งงัน

     "ท่าน....."

     "ตอนนี้ตนเองเป็นเช่นไร ท่านสมควรชัดเจนที่สุด อย่าทำอะไรโง่ๆอีก" โทนเสียงของคู่สนทนายังเรียบเป็นเส้นตรงดุจเดิม ทว่าคนฟังกลับผ่อนลมหายใจยาวพลางยิ้มขมๆรับคำ

     "แน่นอนข้ารู้ดี ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่ที่ช่วยเหลือ"

     ลู่ซือเหยียนขมวดคิ้วเล็กๆ ทั้งๆที่คู่สนทนาไม่ได้มีท่าทีต่อต้านอะไร ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกขัดใจขึ้นมา

     ไม่ว่าจะเป็นคำเรียกขาน หรือรอยยิ้มนั่นก็ขัดหูขัดตายิ่ง

     "รู้ก็ได้โปรดดูแลตัวเองด้วย ท่านคงไม่คิดอยากให้ข้าเปลี่ยนต้าซางเป็นเมืองผีเพราะความตายของท่านหรอก" พูดจบท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงก็หมุนตัวเดินจากไปทันทีไม่หันกลับมาอีก ทิ้งให้คนฟังนั่งหลับตาข่มความขมขื่นที่ปะทุขึ้นมาด้วยวาจาของตนเพียงลำพัง...

     แน่นอน...ต่อให้สิ้นหวังขนาดไหนเขาก็ไม่มีวันลากประชาชนของตัวเองให้ตายตามตัวเองไปแน่

     ยามนี้รอบด้านกลับมาเงียบสงบไร้เสียงใดอีกครั้ง ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ดวงตาเรียวยาวก็เปิดขึ้นอีกครั้ง

     แต่เขาก็ไม่มีวันอยู่เฉยๆเพื่อเป็นภาระของใครแน่นอน!




************************************
*(1) เหลียนฮวา : ดอกบัว

จบไปอีกตอนกับคนเขียนบ้าพลังที่เห็นคอมเม้นแล้วฮึดปั่นมาแปะต่อ 555 หลังจากอยู่กับช่างหลิน จางเหลียนมาสองตอน ตอนนี้ก็มาทำความรู้จักกับท่านแม่ทัพใหญ่ซือเหยียนของเรากันบ้าง

สรุปแล้วพระเอกเราเป็นคนยังไง....คนเขียนก็ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ! (อ้าว) รออ่านและทำความรู้จักไปพร้อมๆกันเนอะ ><

ช่วงแรกๆอาจจะตอบคอมเม้นไม่ได้เพราะกลัวตัวเองเผลอสปอยเนื้อเรื่อง แต่อ่านทุกคอมเม้นแน่นอนค่ะ ได้แรงใจฮึดปั่นขึ้นมาทันทีเลย (อ่านแล้วนั่งยิ้มอยู่คนเดียว อาการหนัก) ยังไงก็ช่วยคอมเม้นติชมเป็นแรงใจคนแต่งมือใหม่คนนี้ด้วยนะคะ ชอบอะไรไม่ชอบอะไรจะได้นำไปปรับปรุงให้นิยายเรื่องนี้มันดีขึ้น เสน่ห์ของการลงนิยายแบบออนไลน์คือการได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอ่านนี่แหละค่ะ เวิ่นเว้อยาวไปแล้ว ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะค้า //แว้บหายไปย์//

***********************************


อิมเมจแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียง : ลู่ซือเหยียน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 01:12:24 โดย NakiDGM14 »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
สนุกดีอ่ะเราชอยบนะภาษาที่บรรยายก็ลื่นอ่านง่ายดี

ออฟไลน์ sunshine2513

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ทำไมแม่ทัพใหญ่ถึงเป็นห่วง?รัชทายาทเกินความจำเป็นนะ  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ชอบรัชทายาทมาก เข้มแข็งสุดๆ
เพียงตื่นเดียว สูญเสียทุกอย่าง ทั้งยังตาบอด แต่ดีที่เหลือข้ารับใช้ผู้ภักดีอยู่หนึ่งคน
รู้สึกชื่นชมสุดๆ สมกับเป็นเลือดแห่งขัตติยะ ชอบใจสุดๆ
ถึงสูญเสียทุกอย่าง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม ความทรนง
 o13 o13
คนเขียน เก่งมากๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ignite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นกำลังใจให้คะ เนื้อหาน่าติดตามมากเลย

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่าติดตามมากค่ะ อยากรู้ ว่าระหว่างสองคนนี้ มีที่มาอย่างไร

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
ไม่ชอบพระเอกเลย สกปรกอะ แล้วจะรักกันได้อย่างไรสงสัยแฮะ พระเอกใช้วิธีสกปรกมาก แต่กลับยืดอกภูมิใจในชัยชนะตัวเอง เหอะ

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

บทที่ 4 : หยาดน้ำตา


     ในสวนของวังตะวันออกนั้น ดอกไม้ที่หลิวช่างหลินชอบที่สุดคือดอกถาน*(1) โดยเฉพาะยามนี้ที่ไม่อาจชื่นชมความงามของดอกไม้ด้วยดวงตาของตนเอง กลิ่นหอมรื่นที่โชยมาของดอกถานช่วยปลอบประโลมจิตใจได้ไม่น้อย ก่อนหน้านี้ที่ทุกอย่างยังเป็นปกติเขายุ่งอยู่กับงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน พอตกกลางคืนที่ดอกถานบานเขาก็หลับสนิทไม่เคยชมความสวยงามของดอกถานที่ฮ่องเต้พระราชทานมาให้เลย มายามนี้ถึงมีเวลาล้นเหลือก็ไม่อาจมองเห็นมันได้เสียแล้ว

     แต่อย่างน้อยก็ได้มีโอกาสที่จะได้กลิ่นของมันอีกครั้ง...เป็นเรื่องดีเพียงไม่กี่เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากทุกสิ่งเปลี่ยนผัน...

     หลังจากเหตุการณ์ในห้องครานั้น เวลาก็ผ่านมาได้สิบวันแล้ว ทานยาตามที่ท่านหมอสั่งโดยไม่ดื้อดึงอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ท่านหมอก็ยอมให้ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง ประจวบเหมาะกับคืนนี้ดอกถานที่ไม่ค่อยออกดอกบานพอดี นี่เรียกได้ว่าเป็นโชคดีอีกอย่างหนึ่ง

     ดอกถานนั้นบานเพียงราตรีเดียวก่อนจะโรยรา...คิดดูแล้วชะตาของเขากับดอกถานก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่

     "อาเหลียน พาข้าไปใกล้ๆต้นถาน" เอ่ยสั่งคนสนิทที่คอยจูงมือข้างหนึ่งเพื่อนำทางในสวนเรียบๆ อีกฝ่ายขานรับและก้าวเดินนำไปอย่างว่าง่าย ไม่นานจางเหลียนก็พามาหยุดอยู่เบื้องหน้าของกลิ่นหอมที่โชยเรียกอดีตรัชทายาทผู้ซึ่งกลายเป็นตัวประกันสูงศักดิ์ให้ออกมาเดินเล่นในยามราตรีเช่นนี้

     มือเรียวยื่นไปแตะส่วนของเรียบมนของใบไม้ค่อยๆไล่ไปตามส่วนก้านที่เรียบลื่นจนมาถึงส่วนล่างของกลีบดอกอ่อนนุ่ม ค่อยๆไล้สำรวจดอกไม้ในความมืดมิด ระหว่างที่มือขยับ ก็นึกถึงภาพที่เคยเห็นในความทรงจำ สำรวจจนพอใจแล้วถึงได้ละมือออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

     "คราวนี้ออกดอกมาใหญ่ไม่เบาเลย มิน่ากลิ่นถึงได้โชยไปถึงห้องของข้า"

     จางเหลียนเองก็มองดอกไม้สีขาวดอกใหญ่เบื้องหน้าแล้วตอบกลับเบาๆ

     "พ่ะย่ะค่ะ งดงามมากทีเดียว"

     "คราวนี้ดอกออกมาสมบูรณ์สินะ..."

     "ใช่พ่ะย่ะค่ะ ทั้งรูปทรงและสีสัน เหมือนกับช่วงแรกที่ๆองค์ฮ่องเต้ประทานมามาก......" พูดถึงตรงนี้จางเหลียนก็งับริมฝีปากตัวเอง ด่าตนเองในใจซ้ำๆเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มแรกในรอบหลายวันของเจ้าชีวิตถูกความโง่เง่าของตัวเองทำให้หายไปเสียแล้ว ในขณะที่จะเอ่ยขออภัย หลิวช่างหลินกลับยิ้มออกมาบางๆอีกครั้ง

     เป็นรอยยิ้มที่มีทั้งความหวนรำลึก และขมขื่นในคราเดียว

     "เช่นนั้นต้องงามมากเป็นแน่...ตอนนั้นท่านพ่อยังเคยพาท่านแม่มาเรียกข้าให้ออกมาชมดอกไม้ตอนกลางดึก แล้วประทับอยู่กับข้าจนดอกมันร่วงโรย

     ต้องบอกว่าสำหรับครอบครัวที่เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ช่วงเวลาผ่อนคลายที่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าเรียกได้ว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดีที่ฮ่องเต้แห่งต้าซางรักและมั่นคงในองค์ฮองเฮาหยางยู่หรงเสมอมา แม้จะมีสนมน้อยใหญ่ที่รับมาด้วยพันธะทางการเมืองแต่ความเอาใจใส่ที่มีให้มารดาของเขาก็ไม่เคยลดน้อยลง

     หลิวช่างหลินเป็นโอรสองค์โตจากโอรสและธิดาทั้งห้าขององค์หลิวเฉิงจักรพรรดิแห่งต้าซาง ทั้งยังเป็นโอรสที่เกิดกับผู้นำสามวังหกตำหนักอย่างฮองเฮาหยาง ศักดิ์ฐานะที่มิมีผู้ใดเทียบนี้ ตำแหน่งรัชทายาทในใจของเหล่าขุนนางก็ถูกทำนายไว้อย่างแม่นยำ เจ็ดปีก่อนเมื่อองค์ชายช่างหลินอายุได้สิบแปดปีเต็มตำแหน่งรัชทายาทก็ถูกมอบให้องค์ชายใหญ่ผู้มากความสามารถอย่างสมบูรณ์

     ยามที่ชายแดนมีปัญหาองค์จักรพรรดิยกทัพไปปราบปราม รัชทายาทรับหน้าที่ปกครองบริหารได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งกลยุทธ์ที่เสนอเพื่อรับมือในสงครามครั้งนี้ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ต้าเสียงต้องเสียเวลาถึงห้าปีถึงจะยึดครองได้ทั้งๆจำนวนทหารของต้าเสียงก็มากกว่าถึงสามเท่า

     ในความเป็นจริงแล้ว หากต้าเสียงไม่เปลี่ยนตัวแม่ทัพใหญ่เป็นลู่ซือเหยียนเมื่อสองปีก่อน น่ากลัวว่าตอนนี้แม้กระทั่งหัวเมืองชั้นนอกก็ยังยึดไม่ได้

     ต้าซางและต้าเสียง สองอาณาจักรใหญ่ที่ครอบครองแผ่นดินอันไพศาล แคว้นเล็กแคว้นน้อยต่างสวามิภักดิ์ต่อสองแผ่นดินนี้ทั้งสิ้น ในอดีตเมื่อราวๆสิบปีก่อนหน้านั้น ขั้วอำนาจยังเป็นสามอาณาจักรใหญ่ก่อนที่ซานฉีจะล่มสลายไปเพราะปัญหาใหญ่ภายในที่รุนแรงจนสองแดนข้างเคียงนั้นสบช่องเข้าแทรกแซง ซานฉีถูกตัดแบ่งเป็นสองส่วน ทางตะวันออกนั้นถูกเข้ายึดครองโดยต้าเสียง ส่วนทางด้านตะวันตกนั้นถูกกลืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของต้าซาง

     สมดุลอำนาจที่เสียไปคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างสองอาณาจักร จนกระทั่งวันนี้ที่ต้าซางพ่ายแพ้ให้กับลู่ซือเหยียน

     ชายคนนั้นอันตรายเกินไป จากสถานการณ์ที่แทบจะไม่สามารถรุกคืบเข้ามาได้ กลับกลืนกินทั้งอาณาจักรได้ภายในเวลาแค่สองปี...

     คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ถึงจะเจ็บแค้นไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ตอนนี้ต้องทำตัวให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ชายคนนั้นมีข้ออ้างไปทำร้ายประชาชนของเขาได้!

     สองวันก่อนเขาได้รับข้อความลับประโยคหนึ่งซึ่งฝากมากับจางเหลียนยามออกไปรับอาหารด้านนอก หลงซานนั้นเพียงมาเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องเท่านั้น จากคำบอกเล่าของจางเหลียน ทุกคนที่ผ่านเข้าออกห้องของเขาล้วนถูกตรวจตราอย่างเคร่งครัด มีเพียงจางเหลียนเท่านั้นที่หลงซานแทบไม่แตะต้อง แล้วให้ยามเฝ้าคนอื่นมาค้นตัวแทน แน่นอนว่าไม่พบอะไรในตัวของบัณฑิตหนุ่มทั้งนั้น

     แต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคนสนิทคนนี้คือความจำซึ่งไม่เคยผิดพลาด ไม่จำเป็นต้องจดเพียงอ่านผ่านตาแค่ครั้งเดียวก็จะตรึงแน่นอยู่ในสมอง คนที่รู้มีเพียงตัวเขาและหลงซาน

     ซึ่งนั่นทำให้เขาแปลกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลืมตาแล้วค้นพบว่าจางเหลียนยังมีชีวิตอยู่ ตามความเป็นจริงบุคคลอย่างจางเหลียนควรจะเป็นคนแรกที่ถูกกำจัดเพื่อจำกัดความเคลื่อนไหวของเขาถึงจะถูก...ตอนแรกยังระแวงว่ามันเป็นกับดักช่วงสามสี่วันแรกถึงได้สั่งอีกฝ่ายไว้ว่าไม่ให้เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น  เพิ่งจะทดลองส่งข่าวเล็กๆออกไปบ้างเมื่อวันก่อนนี้เอง.. หนึ่งเพื่อดูว่าข่าวที่ถูกส่งไปนั้นถูกตัดหรือไม่ สองเพื่อปรามให้พระญาติทั้งหลายที่ยังเหลืออยู่ไม่ให้เคลื่อนไหวโดยพลการ

     หลังการทดสอบสามสี่ครั้ง แม้จะไม่มั่นใจนักว่าเป็นกับดักหรือเปล่า เขาก็เริ่มให้จางเหลียนติดต่อกับบุคคลสำคัญในที่สุด...

     ซึ่งได้รับการตอบกลับเป็นข้อความที่ได้รับเมื่อสองวันก่อนนั่นเอง

     'หลังต้นถาน คืนจันทร์เต็มดวง' คือข้อความที่ได้รับจาก หลิวอิ่นหลิง หรืออินอ๋อง น้องชายคนที่สาม ซึ่งถูกส่งไปปกครองหัวเมืองทางเหนือ ซึ่งหนีรอดการล้อมจับของทหารต้าเสียงไปได้พร้อมแม่ทัพกองทหาร และชาวเมืองบางส่วนของตนเอง

     นี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เขาออกมาเดินเล่นในสวนในคืนนี้

     หลังจากมาหยุดยืนที่ตำแหน่งนัดหมายได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเคลื่อนไหวจากพุ่มไม้ได้หลัง พร้อมๆกับเสียงสูดลมหายใจเฮือกของจางเหลียน เสียงนั้นทำให้ร่างโปร่งเม้มปากเครียดทันที...

     หรือความจะแตกแล้ว... พลันหูก็ได้ยินเสียงของคนสนิทเอ่ยคำว่าท่านอ๋องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความตระหนกอย่างเห็นได้ชัด คนตาบอดก็ทำความเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที...

     สีหน้าของรัชทายาทแห่งต้าซางในตอนนี้เรียกได้ว่าขึงตึงทั้งยังราบเรียบไร้อารมณ์จนผู้มาใหม่ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วเอ่ยเรียกเสียงอ่อนลุแก่โทษ...

     "ท่านพี่..."

     เป็นน้องชายที่เขาย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าได้เข้ามาใกล้วังหลวงเด็ดขาด... ทั้งๆที่หนีไปได้แล้ว ทำไมถึงดื้อแบบนี้!

     "อิ่นเอ๋อร์...พี่บอกไว้ว่าอย่างไร"

     "แต่ข้าเป็นห่วงท่าน! ท่านพี่ พวกมันรังแกท่านหรือเปล่า บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" น้องชายร่วมสายเลือดที่อายุห่างกันหลายปีรัวคำถามไม่หยุด แม้จะควบคุมเสียงไม่ให้ดังเพราะกลัวพวกทหารต้าเสียงจะได้ยิน แต่ความกังวลในน้ำเสียงกลับชัดเจนอย่างยิ่ง...

     ชัดเจนจนรู้สึกอุ่นขึ้นมาในหัวใจ...

     เมื่อเจอกับความร้อนรนของครอบครัวที่เหลืออยู่ ความโกรธในตอนแรกก็ถูกบั่นทอนจนลดฮวบ หลิวช่างหลินถอนหายใจหนักๆ แล้วยกมือขึ้นควานหาจนจับได้ข้างแก้มของน้องชาย

     "อิ่นเอ๋อร์ พี่ไม่เป็นไร เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เถอะ มันอันตรายมาก...จะให้เชื้อพระวงศ์ทั้งหมดถูกจับไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องหาทางช่วยพี่ เจ้าหนีออกไปให้ไกลที่สุด เผื่อสวรรค์จะเมตตาให้เจ้ากอบกู้ต้าซางขึ้นมาได้"

     อินอ๋องซึ่งตอนนี้อายุสิบเจ็ดทั้งยังเลือดร้อนขมวดคิ้วทันที คว้ามือเรียวๆของพี่ชายมากุมไว้

     "นั่นควรเป็นงานของท่าน ท่านพี่ ท่านหนีไปกับข้าเถอะ ข้าให้คนของข้าแฝงตัวเข้ามาสามวันแล้ว พวกเขาจะต้องพาท่านกับข้าหนีไปได้แน่นอน! แล้วเราค่อยวางแผนขับไล่พวกต้าเสียงออกไปจากบ้านเมืองของเรา!"

     ได้ยินแบบนี้ หลิวช่างหลินก็เม้มปากแน่น ก่อนจะกัดฟันส่ายหน้าอย่างหนักแน่น

     "ไม่ได้! หากข้าหนีไปพวกมันจะทำร้ายชาวเมือง พี่ยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้"

     อินอ๋องบีบมือพี่ชายแน่นขึ้นอีก แล้วออกแรงรั้งให้พี่ชายเดินตามตนไปโดยไม่ฟังเสียงห้ามของจางเหลียนที่อยู่ใกล้ๆเลย

     "แต่ข้าปล่อยให้ท่านอยู่ที่นี่ไม่ได้ ท่านพี่ ท่านคือรัชทายาทแห่งต้าชาง มีท่านอยู่อย่างไรเราต้องกู้สถานการณ์ได้แน่นอน ท่านหนีไปกับข้าก่อน พวกมันไม่กล้าลงมือกับชาวเมืองหรอก!"

     ฟังคำของเด็กหนุ่มเลือดร้อนแล้วคนเป็นพี่ก็ต้องยิ้มขืน หยุดนิ่งขืนแรงดึงของน้องชายเอาไว้ไม่เดินตาม จนคนลากต้องหันกลับมาอย่างร้อนรน

     "ท่านพี่! เราจะไม่มีเวลาแล้วนะขอรับ!"

     "เจ้าไปเถอะ ถึงอย่างไรพี่ก็ไปไม่ได้"

      "ท่านพี่!"

      "อิ่นเอ๋อร์ ฟังพี่!" คราวนี้คนเป็นรัชทายาทเสียงแข็งขึ้นมาแล้ว พี่ชายเป็นแบบนี้ต่อให้อินอ๋องที่ได้ชื่อว่าเลือดร้อนขนาดไหนก็ต้องเงียบฟัง

      "พาพี่ไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังจะเป็นตัวถ่วงของเจ้าด้วย เจ้ารีบออกไปแล้วหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าได้เข้าใกล้เมืองที่มีทหารของต้าเสียงอยู่เด็ดขาด"

     "ท่านพี่พูดอะไรของท่าน อย่างท่านพี่จะเป็นตัวถ่วงได้เช่นไร ท่านบาดเจ็บรึ!" คราวนี้เด็กหนุ่มก็เข้ามาจับสำรวจเนื้อตัวของพี่ชายทันที แต่มองดูจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบบาดแผลที่ตรงไหน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นสบตากับท่านพี่แบบไม่เข้าใจ

     และเป็นครั้งแรกที่หมู่เมฆแยกตัวออกจากกันจนแสงจันทร์สามารถสาดส่องลงมาได้อย่างเต็มที เผยให้เห็นดวงตาเรียวยาวสีดำสนิทอันคุ้นเคย
     
     ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับหม่นแสงลงราวกับมีม่านหมอกปกคลุม ทั้งยังไม่ได้เลื่อนมามองสบตากลับตนเองเหมือนทุกครั้ง...ดูล่องลอยราวกับไม่ได้มองสิ่งใดอยู่เลย!

     อินอ๋องตัวแข็งทื่อ มือที่จับแขนของพี่ชายไว้ถึงกลับสิั่นสะท้านน้อยๆ นานทีเดียวกว่าเขาจะหาเสียงตัวเองเจออีกครั้ง...

     "...ตาของท่าน....."

     "ตาของพี่มองไม่เห็นแล้ว...นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ไปกับเจ้าไม่ได้ อิ่นเอ๋อร์ เจ้ารีบหนีไปซะ ก่อนที่ใครจะมาเจอเข้า" น้ำเสียงของพี่ชายยังคงนุ่มนวลราวกับสายน้ำดังเช่นทุกครั้ง หากแต่สิ่งที่กล่าวออกมานั้นกลายเป็นดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง...

     ไอ้พวกต้าเสียง!

     อินอ๋องขบกรามแน่น โทสะอันรุนแรงก่อเนิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนจิตสังหารแผ่กระจายออกมาอย่างชัดแจ้ง จนคนเป็นพี่ต้องจับแขนแล้วบีบแรงๆเพื่อเรียกสติ

     "อิ่นเอ๋อร์!"

     เจ้าของนามเรียกสติกลับมาได้พยายามข่มจิตสังหารเอาไว้สุดชีวิต อินอ๋องไม่ได้ดึงดันจะพาพี่ชายไปอีก ต่อให้ใจร้อนแค่ไหน หากท่านพี่ตามองไม่เห็นเช่นนี้ พาออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้

    ตามองไม่เห็น ย่อมไม่อาจจับดาบป้องกันตัว แม้แต่ม้าก็ขี่เองไม่ได้...

    เป็นเช่นนี้ต่อให้ใจร้อนกว่านี้สักสิบเท่า เขาก็ไม่อาจพาพี่ชายออกไปเสี่ยงอันตรายเป็นอันขาด

    ฝ่ายคนเป็นพี่ชายนั้นรู้สึกได้ถึงแรงบีบแขนที่คลายลงก็ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก อิ่นเอ๋อร์นั้นถ้าไม่นับเรื่องใจร้อนก็ถือว่าสติปัญญาไม่ด้อยไปกว่าใครในบรรดาพี่น้อง ทั้งตอนที่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็เป็นคนรอบคอบคนหนึ่ง น้องชายไม่ดึงดันแล้วเช่นนี้ก็ต้องเข้าใจเหตุผลที่เขาไม่อาจตามไปแล้วแน่นอน

     อินอ๋องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กัดฟันปล่อยมือจากพี่ชายอย่างไม่เต็มใจ

     "ข้าจะกลับมาช่วยท่านแน่นอน... ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยให้ได้! ข้าจะออกไปรวบรวมทหารที่เหลืออยู่เพื่อหาจังหวะทวงคืนแผ่นดินต้าซาง ท่านพี่ ท่านต้องดูแลตัวเอง จนกว่าข้าจะมาช่วยท่าน ท่านห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด!"

     ได้ยินแบบนี้ก็แสดงว่าน้องชายเข้าใจจริงๆแล้ว หลิวช่างหลินพยักหน้ารับคำของน้องชายด้วยสีหน้ามั่นคง

     ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะมีชีวิตอยู่...เพื่อรอวันที่บ้านเกิดจะกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง

     ถึงพี่ชายจะไม่เอ่ยคำสัญญา แต่แค่การพยีกหน้ารับคำของอีกฝ่ายก็เพียงพอแล้ว อินอ๋องรู้ดี พี่ชายของเขาเป็นคนที่หากรับคำแล้วจะไม่ผิดคำพูดของตัวเองเด็ดขาด

     "ตอนนี้ก็เสียเวลามามากแล้ว เจ้ารีบไปเถอะ จิตสังหารเมื่อครู่ของเจ้ารุนแรงไม่น้อย อีกไม่นานพวกทหารจะมาที่นี่ ระวังตัวเองด้วย"

     เสียงฝีเท้าของพวกทหารยามใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ อินอ๋องส่งเสียงในคอรับคำอย่างจำยอม ได้แต่พูดว่าท่านพี่ดูแลตัวเองด้วยเป็นคำร่ำลาแล้วสาวเท้าวิ่งจากไป

     อิ่นเอ๋อร์ จงหนีไปให้พ้น..อย่าได้ถูกจับเด็ดขาด..พี่ไม่ปรารถนาจะรับรู้ข่าวการตายของพี่น้องร่วมสายเลือดอีกแล้ว

     เลือดหยดหนึ่งไหลออกจากมีอที่กำแน่น หยาดโลหิตสีแดงไหลรินตกต้องยอดใบหญ้าสีเขียวอ่อนอย่างเงียบงัน ดั่งเจ้าของที่ข่มกลั้นความเจ็บปวดลึกซึ้งได้แนบเนียนยิ่งกว่าผู้ใด...


*******


          ทันทีที่ได้รับข่าวว่ามีผู้บุกรุกบุกเข้ามาในตำหนักที่กักขังรัชทายาทผู้สูงศักดิ์เอาไว้ ทั้งยังหนีรอดการจับกุมไปได้อย่างไร้ร่องรอย ลู่ซือเหยียนก็เดินออกจากห้องพักของตนไปยังห้องที่กักขังเชลยกิตติมศักดิ์ไว้ด้วยตนเอง

     สายตาดุดันคมกริบที่จ้องตรงมา แม้จะมองไม่เห็น แต่หลิวช่างหลินนั้นกลับรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน สีหน้าของเขาก็ยังเรียบเฉยไร้อารมณ์ ไม่แสดงทีท่าหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว ลักษณะท่าทางยังคงความทะนงของสายเลือดกษัตริย์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

     ดี...ดียิ่ง! ลู่ซือเหยียนคำรามเสียงต่ำในคออย่างพยายามข่มอารมณ์มิให้ตัวเองเผลอลงไม้ลงมือกับเชลยสูงศักดิ์ตรงหน้า รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้ยินรายงานว่าผู้ที่ยืนดักหน้าเหล่าทหารเอาไว้จนไล่ตามผู้บุกรุกไม่ทันคือร่างโปร่งตรงหน้า โทสะก็ยิ่งมากล้นทวีคูณ โดยที่แม้แต่ตัวเองยังบอกไม่ได้ว่ากำลังโกรธเรื่องอะไร...

     โกรธที่มีผู้บุกรุกเล็ดลอดเข้ามาในเขตของตนเองทั้งยังเล็ดลอดออกไปได้ราวกับติดปีกบิน? ไม่..มิใช่เรื่องนี้ คุมทหารนับแสนนับหมื่นมาหลายปี เรื่องเท่านี้ไม่สามารถสะกิดอารมณ์ของเขาได้หรอก...

     เป็นเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าเกือบจะหนีไปได้งั้นรึ?..ใช่ ข้อนี้แหละ หากปล่อยให้เชลยที่มีค่าเช่นนี้หนีไปได้ ก็ถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงที่จักแปดเปื้อนชื่อเสียงของเขาเอง...

     น่าตายนัก กล้าดียังไงถึงคิดจะหนีไป!

     แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมอารมณ์ให้กลับมาสงบนิ่งอีกครั้งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

     "ดูเหมือนว่าท่านจะคิดว่าข้ามิได้กล้าลงมือจริงๆ"

     สีหน้าของช่างหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางต้นเสียงตอบด้วยสีหน้าเย็นชา "ข้าไม่คิดว่าท่านมีสิทธิ์ลงมือ"

     "อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่าข้าไม่มีสิทธิ์กันล่ะ"

     "การที่ข้ายังอยู่ตรงนี้อย่างไรล่ะ" หลิวช่างหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่ส่ออารมณ์ และพูดต่อว่า  "ข้ามั่นใจว่าเงื่อนไขที่ท่านยื่นให้ข้าคือการอยู่ที่นี่โดยไม่พยายามหนีไปไหน ซึ่งข้าก็รักษาเงื่อนไขของท่านอย่างเคร่งครัดแล้ว"

     ลู่ซือเหยียนหัวเราะหึเบาๆในลำคอ สาวเท้าเดินเข้าไปประชิดร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีดำสนิท ก้มตัวลงไปจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่อยู่ใกล้จนต้องเบือนหน้าถอยไปเล็กน้อยอย่างตกใจ

     "มิใช่ว่าคนที่พยายามมาช่วยท่านถอดใจไปเพราะดวงตาคู่นี้ของท่านหรอกรึ?"

     ประโยคนี้ทำให้ช่างหลินต้องขบฟันแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ของตนเอง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ดุจเดิม

     "ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด"

     "น่าขัน คนที่กล้าบุกรุกเข้ามาท่านเป็นคนขวางมิให้ทหารของข้าตามไปทัน ยังบอกว่าไม่เข้าใจอีกงั้นรึ?"

     หลิวช่างหลินยังคงสงบ ไม่แสดงท่าทีผิดแปลกออกมาแม้แต่นิดเดียว

     "ข้าแค่ออกไปชมดอกไม้เท่านั้น ใครจะรู้ว่าจะไปเกะกะขวางทางคนของท่านได้?"

     "ท่านช่างมีอารมณ์สุนทรีย์นัก ดึกดื่นค่อนคืนไม่หลับไม่นอน กลับออกไปเดินเล่นชมสวนได้" น้ำเสียงของท่านแม่ทัพใหญ่แฝงความกดดันหนักหน่วงนัก แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้หลิวช่างหลินเกรงกลัวขึ้นมาได้อยู่ดี ทั้งยังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม

     "ท่านแม่ทัพใหญ่คงลืมไปแล้วกระมัง ว่าตาข้ามองไม่เห็นแล้ว จะมืดหรือสว่างแตกต่างกันตรงไหน?"

     กับประโยคนี้ จากที่กำลังหงุดหงิดอยู่จนแทบจะตะคอกก็ทำให้ลู่ซือเหยียนสงบลงทันที ดวงตาสีนิลคู่คมกริบหรี่ลงน้อยๆ...ก่อนจะยันตัวถอยออกมากล่าวเนิบ

     "เป็นเช่นนี้เอง ข้าทำท่านลำบากสินะ งั้นเอาเช่นนี้เป็นไร ต่อไปท่านอยากชมดอกไม้หรือต้นไม้ชนิดไหนก็บอกกับคนของข้า ไม่ว่าอะไรพวกเขาก็จะตัดมาให้ท่านชม เช่นนี้ท่านก็มิต้องเปลืองแรงเดินออกไปอีก ทั้งคนของข้าจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้นด้วย"

    คราวนี้สีหน้านิ่งเฉยของคนฟังย่ำแย่ลงทันที ทำแบบนั้นมิสู้บอกว่าต่อไปบริเวณของเขาเหลืออยู่เพียงแค่ภายในห้องนี้จะตรงกว่ารึ

    "นั่นก็แล้วแต่ท่านเถอะ" องค์รัชทายาทแห่งต้าซางเพียงเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเย็นประหนึ่งน้ำแข็ง เบือนหน้าหนีจากจุดที่เสียงของคู่สนทนาอยู่ไม่หันไปสนใจอีก

    ลู่ซือเหยียนหรี่ตาลงมองการกระทำนั้น แค่นเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นมือไปจับปลายคางของผู้สูงศักดิ์ให้หันมา

     "ท่านรู้สถานะของตัวเองดี องค์ชาย อย่าบังคับให้ข้าต้องเสียมารยาทกับท่านเลย"

     "ข้ารู้ตัวเองดี"ดวงตาไร้แววนั้นจรดลงที่ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่ สีหน้ายังคงมีความถือดีอยู่สวนทางกับคำพูดนัก...

     ราวกับตะกอนในอกถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ลู่ซือเหยียนหรี่ตาลงฉายแววอันตราย ก่อนใบหน้าของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงจะโน้มลงไปจนชิดพร้อมๆกับแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากนุ่มของรัชทายาทแห่งต้าซางอย่างดุดัน ใช้จังหวะที่อีกฝ่ายตกตะลึงสอดปลายลิ้นเข้าไปขโมยลมหายใจอย่างจาบจ้วง ไล่ต้อนปลายลิ้นร้อนด้วยความชำนาญส่วนบุคคล มือที่จับปลายคางของร่างโปร่งเอาไว้เลื่อนไปจับท้ายทอยไม่ให้สะบัดหนีไปไหนได้ทั้งยังกดให้อีกฝ่ายแนบชิดยิ่งกว่าเดิม จวบจนรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายใกล้จะหมดลมหายใจ มือที่กดท้ายทอยเอาไว้ถึงได้คลายแรง

     เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายผ่อนแรงลง ผู้ถูกกระทำก็ออกแรงผลักร่างสูงให้ถอยห่างออกไปทันที ใบหน้าขาวขึ้นสีก่ำด้วยความโกรธผสมความอับอาย ผลักอีกฝ่ายออกไปได้ก็ยกหลังมือมาถูริมฝีปากอิ่มช้ำจนเห่อแดง

     "ท่าน!!" ในที่สุดลู่ซือเหยียนก็มีโอกาสได้สดับฟังน้ำเสียงกราดเกรี้ยวของรัชทายาทผู้เยือกเย็นผู้นี่ ท่านแม่ทัพขยับยิ้มที่มุมปาก แล้วยกนิ้วมาแตะที่ปากของตนเองอย่างเผลอตัว...

     หวานนัก..ทั้งยัง..หอมกลิ่นดอกไม้

     ความหงุดหงิดที่สั่งสมมาตั้งแต่รู้ข่าวมลายหายไปทันทีที่ได้ลิ้มรสของริมฝีปากบางๆคู่นั้น มิคิดว่าจูบขององค์ชายใหญ่ต้าซางจะหวานล้ำเช่นนี้ จากตอนแรกเพียงแค่จะแกล้งเล็กๆน้อยๆเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สถานะตนเองกลับกลายเป็นจุมพิตลึกล้ำที่แสนเร่าร้อนเช่นนี้

    รอจนอีกฝ่ายถูจนบริเวณริมฝีปากเห่อแดงไปหมด มือแกร่งก็ยื่นเข้าไปคว้าแขนข้างนั้นแล้วดึงออกไม่ให้ถูอีก มาถึงขั้นนี้องค์รัชทายาทผู้สุขุมเยือกเย็นก็เริ่มตระหนกขึ้นมาแล้ว ทันทีทีถูกจับก็สะบัดแขนทันทีแต่ก็มิอาจสลัดมือที่แข็งราวกับเหล็กข้างนั้นออกจากท่อนแขนของตนเองได้ หลิวช่างหลินทั้งโกรธทั้งอายจนขอบตาแดงเรื่อสุดจะกลั้น ระหว่างที่พยายามสะบัดก็คำรามเสียงสั่นในคอ

     "ปล่อย ข้า!"

     ลู่ซือเหยียนไม่ได้ปล่อยมือ ทั้งยังกระชับกำแน่นยิ่งกว่าเดิม กดเสียงต่ำลงน้อยๆแล้วพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

     "อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรท่าน องค์ชายช่างหลิน ต่อให้ก่อนหน้านี้ท่านสูงเทียมฟ้าแต่ในเวลานี้ท่านเป็นเพียงเชลยที่มีชีวิตอยู่เพื่อรับรองชีวิตของชาวเมืองเท่านั้น อย่าบังคับให้ข้าต้องทำร้ายท่าน...เชื่อข้าเถอะ ว่าท่านต้องไม่ชอบวิธีลงทัณฑ์ของข้าแน่"

     พูดจบมือที่จับไว้จนร่างโปร่งเจ็บแปล๊บก็ปล่อยออก พร้อมๆกับลมหายใจและเสียงฝีเท้าที่เดินออกจากห้องไป จนแน่ใจว่ารอบๆไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว ร่างทั้งร่างขององค์รัชทายาทก็สั่นสะท้านน้อยๆด้วยความรู้สึกที่กรีดร้าวไปทั้งใจ

     ริมฝีปากที่เห่อแดงถูกขบอย่างแรงจนได้รสเลือดไหลเข้ามาแตะปลายลิ้น หยาดน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบที่ข้างแก้มโดยที่ไม่มีผู้ใดคิดจะปาดมันออกไป...

     ทน...เขาต้องทนให้ได้...

     เทียบกับความเจ็บที่สูญเสียบ้านเมืองและครอบครัวไปนี่จะนับเป็นอะไรได้กัน...

     ไม่ ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว...

     บัดซบนัก!...ข้าเกลียดเจ้า..ข้าเกลียดเจ้านักลู่ซือเหยียน!



   
****************************


*(1) ดอกถาน : ถานฮวา ดอกไม้ชนิดหนึ่งมีกิ่นหอมและดอกสีขาวสะอาด จะบานเพียงแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น และจะโรยไปเมื่อแสงอาทิตย์มาเยือน ได้ฉายาว่าดอกไม้แห่งรัตติกาล



เข็นตอนใหม่มาส่งรับวันปีใหม่ ของให้ทุกคนเฮงๆร่ำรวย มีเงินซื้ออะไรวายๆ(?)อ่านตลอดปีนะคะ //โดนโบก

เวิ่นเว้อมาหลายตอน ในที่สุดก็มีฉากเข้าพระเข้านาง(?)บ้างแล้ว ...แอบเขินเบาๆ.

ชอบไม่ชอบตรงไหนเม้นติชมออกความเห็นได้นะคะ ทุกคอมเม้นจะเป็นแรงใจให้คนแต่งบ้าพลังฮึดปั่นตอนต่อไปออกมาได้ไวขึ้นแน่นอน!

ลงนิยายไว้สองทีผ่านมาไม่กี่ตอนก็ทีทั้งคนชอบและไม่ชอบท่านแม่ทัพลู่ของเรา อ่านแล้วเพลินเหมือนกันค่ะ ฮา ขอบคุณทุกคอมเม้นในตอนก่อนหน้านี้มากนะคะ ก่อนจากกันวันนี้ สวัสดีปีใหม่อีกครั้งค่ะ!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 01:15:13 โดย NakiDGM14 »

ออฟไลน์ Kokyo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ท่านแม่ทัพ อยากจะจูบก็บอกตรงๆ ไม่ต้องมาบอกว่าอยากจะแกล้งงงง :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
หืมๆๆท่านแม่ทัพนี่วิธีลงโทษหรอเคลิ้มเลยนะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
วิธีลงโทษของท่านแม่ทัพนีได้ใจจริงๆ

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ลังเล ไม่รู้ว่าจะสงสาร หรือฟินดี?
 :z1: :z1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ทั่นแม่ท้าพพพพพพพ
นี่มิใช่ท่านรอโอกาสนี้อยู่นานแล้วรึ?

แอบงงนิด ๆ ว่าองค์รัชทายาทไม่มีวิชาป้องกันตัวหรือเปล่า แบบว่า พอตกใจน่านะออกหมัดป้องกันตัวสักหน่อยอะไรเงี้ย
หรือเราอ่านข้ามอะไรไป??

ชอบสำนวน ชอบเนื้อเรื่อง ชอบคนเขียน

ขอบคุณนะ
สวัสดีปีใหม่จ้า

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุกดีๆ ตรงคำแปล ศัพท์เฉพาะ ใส่วงเล็บหลังคำหรือประโยคนั้นดีกว่านะ คือกว่าจะถึงคำแปลนี่.. นานนะ ลืมก่อน งงก่อน
ที่เอาไว้ล่างนี่ค่อยเป็นตอนทำหนังสือ แล้วแปลใส่ด้านล่างหน้ากระดาษ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด