พิมพ์หน้านี้ - **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: NakiDGM14 ที่ 27-12-2015 20:43:12

หัวข้อ: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 27-12-2015 20:43:12
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ

บทนำ - เลื่อนลง
บทที่ 1 สูญเสีย - เลื่อนลง
บทที่ 2 คนทรยศ - เลื่อนลง
บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ - เลื่อนลง
บทที่ 4 หยาดน้ำตา - เลื่อนลง
บทที่ 5 ในเปลวเพลิง - คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.30#msg3177142)
บทที่ 6 ในเปลวเพลิง (2)  - คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.30#msg3177142)
บทที่ 7 หลับฝัน คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3287801#msg3287801)
บทที่ 8 คำถาม คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3298872#msg3298872)
บทที่ 9 เคลื่อนไหว คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3302501#msg3302501)
บทที่ 10 ปะทะ คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3338067#msg3338067)
บทที่ 11 กลอุบาย (1) คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3353052#msg3353052)
บทที่ 12 : กลอุบาย (2) คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3356467#msg3356467)
บทที่ 13 : คู่รัก? คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3388223#msg3388223)
บทที่ 14 : ซ้อนแผน  คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3400113#msg3400113)
บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น)คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3404790#msg3404790)

ภาคสอง เชลยผู้สูงศักดิ์
บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3520208#msg3520208)
บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) คลิกตรงนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50999.msg3537857#msg3537857)
**********************
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทนำ + ตอนที่ 1 UP 27/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 27-12-2015 20:45:10
จุดเริ่มต้น
*****************

     สงครามสิ้นสุดลงแล้ว...อนาคตของต้าซางก็เช่นกัน...วันเวลานับจากเสียงกลองรบดังครั้งแรกจนถึงตอนนี้มานับได้ห้าปีแล้ว สองอาณาจักรใหญ่เปิดศึกรบกันอย่างดุเดือด ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แผนการมากมายหลั่งไหลออกมาเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง หากแต่สงครามที่สุดแล้วก็ยังเป็นสงคราม ย่อมต้องมีฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะ หากมิมีผู้ใดคิดว่ามันจะจบได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

     เพียงหนึ่งดาบของผู้ทรยศที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพมานานนับสิบปี ชีวิตของแม่ทัพใหญ่และนายทหารผู้ภักดีก็ถูกปลิดออกจากร่างอย่างง่ายดาย กองทัพที่ไร้ผู้บัญชาการกลายสภาพเป็นมังกรไร้หัวมิอาจฝืนต้านทานกองทัพศัตรูที่โจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่องได้อีกต่อไป ประตูของเมืองหลวงถูกทำลายลงพร้อมๆกับความหวังของประชาชนที่ถูกเหยียบย่ำด้วยเสียงฝีเท้าม้าและรถศึกที่ไหลทะลักเข้ามาในเมือง

     ถึงตอนนี้ไม่มีผู้ใดจับดาบขึ้นต่อต้านอีกแล้ว ต่างพากันยืนมองกองทัพอันยิ่งใหญ่ของผู้รุกรานควบผ่านเข้าไปยังพระราชวังอันเป็นจุดศูนย์รวมของอำนาจและปิดฉากประวัติศาสตร์อันยาวนานของต้าซางลงอย่างแท้จริง

*****************
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทนำ + ตอนที่ 1 UP 27/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 27-12-2015 20:52:23
บทที่ 1 : สูญเสีย

          "ฝ่าบาท!"

     เสียงเรียกคุ้นเคยลอยมากระทบโสตประสาทของผู้ที่นอนอยู่บนเตียงหลังม่านหนาเรียกให้ปลายนิ้วเรียวขยับเล็กน้อย เปลือกตาบางที่ปิดสนิทสั่นระริกก่อนเปิดขึ้นช้าๆ แรกเริ่มสิ่งที่สัมผัสได้คือความหนักอึ้งที่กดทับลงบนร่างราวกับถูกตะกั่วหนาหนักถ่วงเอาไว้ ความรู้สึกต่อมาคือลำคอที่แห้งผากประหนึ่งกำลังเดินย่ำอยู่ในทะเลทราย ทว่าสิ่งที่ผิดแปลกที่สุดในยามนี้คือความมืดที่มองเห็นในตอนนี้คล้ายจะมืดสนิทกว่าทุกครั้ง

     มันไม่ควรมืดสนิทแบบนี้

     "ฝ่าบาท! ฝ่าบาทฟื้นแล้ว! หมอหลวง! ตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!"

     เสียงของคนสนิทดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกได้ถึงมือของใครบางคนที่เข้ามาพยุงหลังให้ลุกขึ้นพร้อมๆกับสัมผัสเรียบลื่นของอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นป้านชาเล็กๆแตะลงบนริมฝีปากป้อนชาอุ่นๆให้ไหลลงไปไล่ความแห้งผากในคอ ก่อนคนผู้นั้นจะพยุงให้เขาเอนตัวลงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน แม้จะมองไม่เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย แต่เสียงและการกระทำนั้น...

     ".....อาเหลียน?"

     หลังจากพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงของตนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยเรียกเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้แบบไม่มั่นใจนัก ดวงตาทั้งสองข้างยังพยายามยามเพ่งฝ่าความมืดรอบกายเพื่อยืนยันความสงสัยของตนว่าอีกฝ่ายใช่คนที่ตนคิดหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นผล...

     วังตะวันออกไม่สมควรมืดแบบนี้...อย่างไรก็ควรมีแสงจากคบไฟของทหารองครักษ์บ้างไม่ใช่รึ...

     "พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคือจางเหลียน ฝ่าบาทรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?" น้ำเสียงของคนสนิทนั้นร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่แปลกที่เขาจะจำไม่ได้ในตอนแรก

     ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้คิ้วของคนเพิ่งฟื้นขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น คล้ายกับมีม่านหมอกแผ่ลงมาปกคลุมความคิดจนไม่อาจวิเคราะห์สิ่งต่างๆให้กระจ่างแจ้งดังเดิม แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรเสียงฝีเท้านับสิบก็ใกล้เข้ามาตามด้วยเสียงประตูที่ถูกกระแทกเปิดออกอย่างไร้มารยาท บ่งบอกว่าผู้มาเยือนไม่ใช่หมอหลวงที่อาเหลียนเรียกหาเมื่อครู่แน่

     ผู้เป็นนายแห่งวังตะวันออกขยับตัวจากที่พิงบ่าผู้ติดตามเป็นยืดตัวตรงอย่างสงวนท่าที ทอดสายตาไปยังทิศทางที่เสียงดังขึ้นมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้ในใจยังมีตะกอนบางอย่างถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมา เหตุใดจนถึงตอนนี้แม้แต่เงาเลือนลางก็ไม่มีให้เห็นทั้งๆที่คนรอบกายเคลื่อนไหวกันอย่างไม่ติดขัดแม้แต่น้อย...

     เกิดอะไรขึ้นกับตาของข้ากันแน่...

     ความกังวลในอกท่วมท้นขึ้นทุกขณะ แต่สิ่งที่แสดงต่อผู้มาเยือนนั้นมีเพียงความนิ่งสงบราวกับผิวน้ำไร้คลื่นรบกวน สะกดให้ผู้อุกอาจบุกเข้ามายังห้องบรรทมของรัชทายาทแห่งต้าซางต้องหยุดฝีเท้าลงไม่ห่างจากเตียงที่เจ้าของห้องนั่งอยู่มากนัก กลิ่นอายของโลหิตบางเบาจากร่างนั้นทำให้มือที่วางอยู่บนตักกำเข้าหากันอย่างเงียบเชียบ

     "เจ้าเป็นใคร" จังหวะการก้าวเดินที่ไม่คุ้นเคยและกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้น เขามั่นใจว่าต้องไม่ใช่คนที่คุ้นเคยแน่

     "ข้าน้อยลู่ซือเหยียน รัชทายาทแห่งต้าซางคงรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของข้ากระมัง?" แขกผู้มาเยือนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชา แม้การเลือกใช้คำจะดูให้เกียรติ์แต่ชื่อที่อ้างถึงนั้นถึงกับทำให้อกของคนฟังกระตุกวูบ...

     เหตุใดจะไม่รู้จัก...เจ้าของนามลู่ซือเหยียนมิใช่แม่ทัพใหญ่ของแผ่นดินต้าเสียงที่กรีฑาทัพมาล้อมเมืองหลวงของต้าซางหรอกหรือ! เกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาหลับไปกันแน่...จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขากับแม่ทัพใหญ่กำลังปรึกษาเรื่องการรักษาเมืองกันอยู่ที่นอกวัง...

     ราวกับชิ้นส่วนที่ขาดหายไปเริ่มผุดขึ้นมาทีละชิ้น ทีละชิ้น ม่านหมอกขุ่นมัวถูกกระชากให้เปิดออกอย่างโหดร้าย ความเจ็บปวดที่พุ่งขึ้นมาก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นความมืดมิดนั้นมาจากจอกชาที่องครักษ์คนสนิทรินส่งให้ด้วยตนเอง...ใบหน้าที่เฉยชาของคนๆนั้นเฉลยทุกสิ่งที่สงสัย

     เกิดอะไรขึ้นกับตนเอง และแขกที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลนั้นเข้ามาใกล้ตัวเขาได้อย่างไร...

     เหตุใดทุกการเคลื่อนไหวของกองทัพกลับถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ทุกย่างก้าว...เหตุใดกองทัพที่กล้าแกร่งของต้าซางถึงได้ติดกับครั้งแล้วครั้งเล่า..

     หากไม่ใช่เพราะเกลือเป็นหนอน แล้วจะเป็นอะไรได้อีก!

     ยามนี้อีกฝ่ายเข้ามาได้ถึงห้องนอนของเขา เดาได้ไม่ยากว่ากำแพงเมืองคงมิอาจต้านทานศัตรูไว้ได้แล้ว

     แผ่นดินของเขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์...

     ร่างบนเตียงนิ่งงันอยู่นาน จากภายนอกดูไม่ออกได้เลยว่าความคิดของเจ้าตัวสับสนวุ่นวายขนาดไหน จนเวลาล่วงเลยไปนานเกือบครึ่งเค่อ* (1) คนเป็นรัชทายาทก็ผ่อนลมหายใจลึกยาว แล้วแค่นยิ้ม

     "เหตุใดข้าจะไม่รู้จักชื่อเสียงของท่านแม่ทัพลู่คนดังกันเล่า ท่านมิใช่หรือที่เป็นคนนำทัพมารุกรานบ้านเมืองของข้า?" ถ้อยคำที่หลุดออกมาคล้ายไปด้วยแฝงความประชดประชัน หากสีหน้าของคนพูดนั้นกลับนิ่งสงบไร้ความโกรธแค้น นั่นทำให้คนที่มองอยู่ประหลาดใจไม่น้อย

     "เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องพูดจามากความ นับแต่นี้นอกจากวังนี้ท่านห้ามออกไปไหนทั้งนั้น อย่าได้หาทางหนีไปไหนเด็ดขาด ท่านคงไม่อยากให้ชาวเมืองเลี่ยงหรง*(2)ที่เหลืออยู่กลายเป็นผีเฝ้าเมืองหรอกใช่ไหม"

     "ตัวข้ายามนี้ต่อให้ดิ้นรนอย่างไรก็หนีไปไหนไม่รอดหรอก ยาพิษที่พวกท่านใช้กับข้า ใยมิใช่ทำให้ข้าตาบอดแล้วงั้นหรือ เช่นนี้ข้าจะหนีไปไหนได้กัน?" เจ้าของห้องยังคงตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉยดุจเดิม ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่ต้องการเป็นคนพิการเยี่ยงนี้

     ใช่แล้ว...หากไม่ใช่เพราะดวงตาคู่นี้ไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป ความมืดมัวที่ปกคลุมอยู่ก็ควรจะจางหายไปได้แล้ว

     ลู่ซือเหยียนมองร่างเบื่องหน้าแน่วนิ่ง ในใจอดนับถือขึ้นมาไม่ได้ ยากนักที่จะมีคนเผชิญหน้ากับการสูญเสียได้เยือกเย็นปานนี้...ไม่แปลกที่ต้าซางจะสามารถยืดหยัดต่อต้านกองทัพของตนได้นานขนาดนี้ทั้งๆที่ข่าวสารทุกอย่างถูกส่งมาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ร่างสูงพิจารณาร่างบนเตียงอยู่พักหนึ่งถึงได้ละสายตาไปสำรวจสิ่งอื่นในห้องได้ จงใจเมินสายตาอาฆาตของผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังรัชทายาทแห่งต้าซางผู้นั้น เมื่อเห็นว่าคนของตนเดินเข้ามาวางกำลังล้อมห้องนี้เรียบร้อยแล้วถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ

     "ในเมื่อท่านรู้สถานะตัวเองแล้ว ก็หวังว่าท่านจะทำได้อย่างที่พูด หลังจากจัดการเรื่องต่างๆเรียบร้อย ข้าจะนำเสด็จกลับไปเป็นแขกที่ต้าเสียง รับรองว่าข้าจะดูแลท่านอย่างดีแน่นอน"

     "แขก? มิสู้บอกว่าตัวประกันจะตรงตัวกว่าหรือ ท่านแม่ทัพลู่?"

     "จะพูดอย่างนั้นก็มิผิด...หากไม่อยากให้ต้าซางของท่านกลายเป็นเมืองผีอย่างที่ข้าว่า ท่านก็แค่ทำตัวให้ดีตามที่ข้าบอกก็พอ ขอตัว" สิ้นคำเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นนั้นก็ก้าวออกจากห้องไปโดยไม่พูดสิ่งใดอีก ทิ้งให้คู่สนทนานั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับความสิ้นหวังที่เริ่มกัดกินหัวใจช้าๆ...

     แผ่นหลังยืดตรงอย่างทะนงนั้นอ่อนตัวลงราวกับไม่มีแรงแม้แต่จะยันกายอีกต่อไป ดวงตาสีนิลหลุบลงเชื่องช้า หากถอดหน้ากากของรัชทายาทที่แสดงต่อหน้าศัตรูออก เขาก็เป็นเพียงคนๆหนึ่งเท่านั้น...

     คนๆหนึ่งที่สูญเสียทุกอย่างไประหว่างที่หลับไปเพียงตื่นเดียว...

     "ฝ่าบาท...." จางเหลียนเอ่ยเรียกเจ้าชีวิตของตนเองอย่างร้อนรน ขยับเข้าไปรับร่างที่ซวนเซเอาไว้ แล้วประคองให้เอนหลังลงบนหมอนที่ซ้อนกันเอาไว้เบื้องหลัง

     "เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ล่ะอาเหลียน...." คนเป็นรัชทายาทถามด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย ก่อนจะต้องกัดฟันแน่นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำตอบของคนสนิทที่กระชากเอาความหวังสุดท้ายออก

     "ทูลองค์รัชทายาท องค์จักรพรรติและฮองเฮา...สิ้นแล้ว...พ่ะย่ะค่ะ"

     ในวินาทีนั้นเอง ผู้ที่สูญเสียดวงตาไปแล้วได้สัมผัสถึงความมืดมิดที่แท้จริง...


*****


     โอ่อ่า หรูหรา และยิ่งใหญ่...

     นี่คือสิ่งที่ลู่ซือเหยียนสัมผัสได้ระหว่างก้าวเดินอยู่บนระเบียงไม้สีแดงสดที่ทอดยาวอยู่ภายในวังหลวงแห่งอาณาจักรที่ทำสงครามกับตนเองมานานแรมปี มาบัดนี้ทหารในสังกัดของเขากำลังเคลื่อนย้ายศพที่นอนเกลื่อนไปทั่วให้ไปอยู่ในที่เดียวกันเพื่อทำการตรวจนับจำนวนผู้เสียชีวิต เดินไปได้ครู่เดียว รองแม่ทัพคนสนิทก็ก้าวฉับๆเข้ามาหาอย่างรวดเร็วพร้อมประสานมือรายงาน

     "เรียนท่านแม่ทัพ ตอนนี้ตรวจนับจำนวนผู้เสียชีวิตคร่าวๆของฝ่ายเราเรียบร้อยแล้วขอรับ"

     "จำนวนเท่าไหร่"

     "ระหว่างบุกเข้ามาในวังเสียทหารไปทั้งหมดราวสามพันขอรับ ส่วนที่บาดเจ็บข้าให้คนย้ายไปรวมกันเพื่อทำการรักษาแล้ว"

     "ดี แล้วหลงซานอยู่ที่ไหน?" ดวงตาสีดำสนิทดุดันกวาดมองไปรอบกาย ถามถึงคนที่ส่งเข้ามาแทรกซึมตั้งแต่เมื่อแปดปีก่อน ผู้ลงดาบปลิดชีวิตแม่ทัพใหญ่แห่งต้าซางและเปิดประตูเมืองรับทหารของต้าเสียงให้บุกเข้ามาในเมืองได้สำเร็จ

     "บาดเจ็บเล็กน้อย ตอนนี้หมอโจวกำลังดูแลอยู่ขอรับ"

     คนฟังพยักหน้าอีกครั้งอย่างพอใจ เหลือบไปทางตำหนักหลังที่ตนเองเพิ่งออกมาเมื่อครู่ หวนนึกถึงเจ้าของตำแหน่งรัชทายาทของวังนี้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆแล้วออกคำสั่งเพิ่มเติม

     "หลังจากรักษาหลงซานแล้ว ให้หมอโจวไปดู 'เขา' ด้วย อย่าให้ตายได้เด็ดขาด...ข้ายังไม่อยากให้ชาวเมืองลุกฮือขึ้นมาต่อต้านเราตอนนี้"

     "ขอรับ!"




  ************************************************************************

  *(1) เค่อ ke : คือหน่วยนับเวลาของจีนโบราณ โดยใช้กาน้ำรั่วนับ ใน 1 วันจะมี 100 เค่อ ดังนั้น 1 เค่อจะกินเวลาประมาณเกือบ 15 นาที

  ************************************************************************

(http://upic.me/i/kf/11951874_813948888719016_3375798338640249900_n.jpg)
อิมเมจรัชทายาทแห่งต้าซาง : หลิวช่างหลิน
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทนำ + ตอนที่ 1 UP 27/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 27-12-2015 21:33:19
น่าสนใจ ติดตามค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทนำ + ตอนที่ 1 UP 27/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 27-12-2015 23:26:35
บรรยายลื่นไหลมากเลยค่ะ ชอบบบ
ปักหมุด รอติดตามนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทนำ + ตอนที่ 1 UP 27/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Say Melody ที่ 27-12-2015 23:45:30
เนื้อเรื่องแลดูน่าสนใจมากค่ะ รอติดตามนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทนำ + ตอนที่ 1 UP 27/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-12-2015 00:08:04
ฝ่ายต้าเสียงที่ส่งคนแฝงตัวมานี่เป็นการกระทำที่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย นี่มันหมาลอบกัดชัดๆ ถึงแม้ถ้ามองจากฝ่ายต้าเสียงแล้วจะเป็นการรักษาชีวิตคนส่วนมากของทั้งสองฝ่ายไว้ได้ก็เถอะ(จริงๆก็คงไม่มองขนาดนี้ ก็แค่หวังเอาชนะ)
น่าสงสารองค์รัชทายาทของต้าซางที่ต้องสูญเสียครอบครัวและบ้านเมืองในพริบตา ทั้งที่จริงแล้วความสามารถคงไม่ได้ด้อยกว่าอีกฝ่ายเลย (จากการต้านศึกยืดเยื้อได้ถึงห้าปี) แถมยังต้องตาบอดเพราะยาพิษจากหนอนบ่อนไส้อีก
ก็ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะเป็นยังไง
น่าติดตามมาก รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทนำ + ตอนที่ 1 UP 27/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 28-12-2015 15:37:11
บทที่ 2 : คนทรยศ


     จางเหลียนนั่งอยู่ข้างเตียงมองผู้เป็นเจ้าชีวิตของตนเองด้วยสายตาเจ็บปวด เกือบชั่วยาม*(1)แล้วที่ร่างบนเตียงไม่แม้แต่จะขยับเปลี่ยนท่าทาง กระทั่งยาที่หมอหลวงจัดถวายก็ไม่ใส่ใจจะยื่นมือมารับเสียด้วยซ้ำ ถ้วยยาเย็นชืดวางอยู่ตรงตำแหน่งเดิมโดยไร้ผู้ใดเหลือบแล

     "....ฝ่าบาท...โปรดทรงถนอมพระวรกายด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ...อย่างน้อยก็เอนหลังพักผ่อนเสียหน่อย" สุดท้าย ฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อนก็เป็นข้ารับใช้คนสนิทที่ก้าวเข้าไปแตะเบาๆที่แขนของอีกฝ่าย เรียกให้สติคนเหม่อลอยให้รู้สึกตัว

     "...อาเหลียน เจ้าตอบข้ามาตามตรง ระหว่างที่ข้าหลับไป เกิดอะไรขึ้นบ้าง"

   สิ้นคำถาม สีหน้าของจางเหลียนก็ฉายแววลำบากใจ เขาส่งเสียงอึกอักในลำคอ ไม่กล้าตอบคำถาม ทั้งยังไม่ต้องการปิดบัง ได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยง

   "เรื่องนี้...รอสุขภาพของฝ่าบาทดีขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยคุยกันดีไหมพ่ะย่ะค่ะ"

    คราวนี้สีหน้าของคนฟังหาได้นิ่งสงบดังตอนที่พบกับแม่ทัพใหญ่ผู้นั้น มือเรียวยกขึ้นแตะที่ใต้ตา น้ำเสียงมีแฝงความเจ็บปวดบางเบา  "อาเหลียน ตาของข้าก็มองไม่เห็นแล้ว หากแม้แต่เจ้ายังปิดบังข้า ต่อไปข้าก็เป็นได้เพียงคนตาบอดของจริงแล้ว เจ้าอยากให้ข้ากลายเป็นคนพิการไร้ประโยชน์อย่างนั้นรึ?" คำพูดนี้ไม่พูดออกมาจะนับเป็นอะไรได้ หากแต่เมื่อมันออกมาจากปากของผู้เป็นทั้งเจ้าชีวิต และผู้มีพระคุณแล้วจางเหลียนก็ไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้อีกต่อไป

   "ทูลฝ่าบาท หลังจากฝ่าบาทหมดสติไป หลงซานคนทรยศก็วางยาท่านแม่ทัพใหญ่ ใช้เล่ห์กลสังหารนายกองที่ดูแลประตูเมือง สั่งการให้เหล่าทหารเปิดประตูเมืองรับพวกต้าเสียงเข้ามา ตอนนี้เหล่าขุนนางและนายทหารที่เหลืออยู่ถูกกักตัวไว้ที่เรือนอาญาพ่ะย่ะค่ะ"

    จบการรายงานของจางเหลียนแล้ว หลิวช่างหลินก็พยักหน้ารับด้วยใบหน้าเรียบเฉย มิผิดจากที่คาด หลงซานเป็นคนทรยศจริงๆ นี่อธิบายความพ่ายแพ้ก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้เขาจับสายลับได้มากมาย ทว่ากลับไม่เคยสงสัยองครักษ์ประจำตัวคนนี้เลยจนกระทั่งข้าศึกลอบโจมตีเส้นทางเดินทัพที่ควรจะเป็นความลับอยู่หลายครั้งความสงสัยจึงถูกสะกิดขึ้นมาในที่สุด... ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือ กลับกลายเป็นว่า มิอาจแก้ไขได้ทันเสียแล้ว

   "หมากตานี้ช่างแยบยลนัก ข้าหลิวช่างหลินควานคนทรยศมาตลอด ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วจะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้" แปดปี...ต้าเสียงช่างมีน้ำอดน้ำทนเป็นเลิศจริงๆ

   "เป็นการกระทำที่ต่ำช้านัก...ตอนนั้นกระหม่อมไม่ได้อยู่เคียงข้างฝ่าบาท ขอฝ่าบาทลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" จางเหลียนคุกเข่าโครมที่ข้างเตียงของผู้เป็นนาย ประสานมือก้มหน้ารับผิดโดยไม่ขออภัยโทษแม้แต่น้อย

   หลิวช่างหลิน หรือ องค์ชายใหญ่ผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทแห่งต้าซางเพียงผ่อนลมหายใจเบา ขยับมือเป็นเชิงบอกให้ลุกขึ้น "ลงโทษเจ้าแล้วได้อะไร หลงซานทรยศไปแล้ว คนที่ข้าไว้ใจก็เหลือแค่เจ้า ลุกขึ้นเถอะ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์มาลงโทษอะไรทั้งนั้นแหละ"

   จางเหลียนเม้มปากเล็กน้อย ขานรับเจ้าชีวิตอย่างไม่เต็มใจนักแล้วค่อยหยัดกายลุกขึ้น พอดีกับที่หมอแปลกหน้าคนหนึ่งหิ้วล่วมยาเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบเชียบ หมอแปลกหน้าผู้นี้เป็นชายชราที่มีท่วงท่ากระฉับกระเฉงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตคนหนึ่ง เครายาวสีขาวที่ประดับอยู่บนใบหน้าบ่งบอกถึงวันเวลาอันยาวนานที่ผู้ชราผู้นี้ผ่านมาได้เป็นอย่างดี

   ฝ่ายจางเหลียนนั้นคุ้นเคยกับใบหน้าอีกฝ่ายอยู่บ้างเพราะระหว่างที่องค์ชายของตนหลับ ก็เป็นหมอผู้นี้เองที่เข้ามาตรวจอาการเสมอ  แม้จะเป็นศัตรู แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาชีวิตนายของตน ชายหนุ่มจึงก้าวเข้ามารับล่วมยา คารวะผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม ทักทายเบาๆว่า "ท่านหมอโจว" แล้วประคองชายชราเข้าไปที่ข้างเตียงอย่างรู้หน้าที่

    หมอชราก้าวเข้าไปยืนที่ข้างเตียงของคนป่วยแล้วถึงค่อยยกมือขึ้นคารวะแบบเต็มพิธีการ แนะนำตัวอย่างฉะฉาน

    "ผู้ชราโจวจั่วชิง เป็นหมอประจำกองทัพหย่งฉี*(2)แห่งต้าเสียง จากนี้จะเป็นผู้ถวายการรักษาให้กับองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ"

    ใบหน้าเรียบเฉยของหลิวช่างหลินปรากฏรอยยิ้มจางๆ เขาหันไปทางต้นเสียงแล้วพยักหน้าแผ่วเบา  "ฝากตัวด้วย"

    ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกหลังจากฟื้นคืนสตินั้นผิดจากที่หมอชราคาดไปมากโข เดิมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้รับท่าทีเย็นชาตอบกลับมา มาบัดนี้ร่างเบื้องหน้ากลับส่งยิ้มมาให้ทำให้อดพิจารณาชายหนุ่มเบื้องหน้าใหม่ไม่ได้

    รัชทายาทแห่งต้าซางเบื้องหน้าเรียกได้ว่าเป็นบุรุษรูปงามหมดจดผู้หนึ่ง รูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีดำสนิทเรียบลื่นราวกับม่านน้ำตกเครื่องหน้าทุกอย่างดูลงตัวให้ความรู้สึกนุ่มนวลหากแต่แฝงไว้ด้วยความล้ำลึกอย่างเชื้อพระวงศ์พึงมี โดยเฉพาะดวงตาสีดำเรียวยาวคู่นั้น ถึงยามนี้ร่างทั้งร่างจะถูกห่อหุ้มด้วยชุดเรียบง่ายไม่กี่ชั้นทั้งสีหน้ายังไม่แจ่มใสนักเพราะอาการป่วย กลับมิอาจข่มความสูงศักดิ์ของสายเลือดที่มีอยู่ได้เลย ช่างเหมาะสมกับตำแหน่งที่ดำรงอยู่นัก

    ช่างน่าเสียดาย ที่บุรุษหนุ่มผู้เพียบพร้อมผู้หนึ่งต้องมาลงเอยเช่นนี้ แต่ต่างฝ่ายต่างมีสิ่งที่ต้องปกป้อง นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน

    ในสงครามหากไม่ฆ่า ก็จะถูกฆ่าเสียเอง วิธีของท่านแม่ทัพใหญ่แม้จะไม่ใช่วิธีที่สะอาดผ่าเผย ทว่าเป็นวิธีที่เหมาะที่สุดแล้วสำหรับเป้าหมายในการทำศึกครั้งนี้

    ต้าเสียงต้องการยึดครอง มิใช่ทำลาย

    ระหว่างที่หมอชราครุ่นคิดมากมายในหัว มือเหี่ยวย่นก็จับข้อมือขาวของคนไข้ตนมาวางนิ้วจับชีพจรอย่างตั้งใจ ผ่านไปได้สักพักถึงได้พยักหน้าขึ้นลงอย่างพออกพอใจ พึมพำออกมาว่าดี

    "ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอ"จางเหลียนที่ยืนมองอยู่ถามขึ้นมาอย่างกังวล

    "ไม่เลว ชีพจรเริ่มกลับเข้าสู่สมดุลแล้ว พักอีกไม่กี่วันก็คงหายขาด"

    "เช่นนั้นแล้วตาของฝ่าบาทเล่า..?"

    "เรื่องนั้น......เกรงว่าจะไม่หายแล้ว" โจวจั่วชิงส่ายหน้าอย่างหนักใจ พิษได้เข้าทำลายการมองเห็นไปแล้ว ต่อให้เป็นหมอเทวดามาเองน่ากลัวว่ายังต้องส่ายหน้าเช่นกัน

    "งั้นหรือ..." หลิวช่างหลินส่งเสียงออกมาติดจะเหม่อลอย สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามปล่อยวางถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในอกก็มิได้เบาบางลง ใครเล่าจะเต็มใจเป็นคนพิการ ใครเล่าจะยินดีละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาตลอดชีวิตไป

    จากนี้ไม่อาจมองเห็นโลกกว้างได้อีกแล้ว...เรื่องจับดาบยิงธนูก็กลายเป็นเพียงความฝันเช่นกัน..

    โจวจั่วชิงผ่อนลมหายใจออกมายาวๆแล้วเก็บมือตนเข้าใต้แขนเสื้ออีกครั้ง พลางลุกขึ้นเมื่อเสร็จธุระของตัวเอง  "จากนี้ข้าจะเขียนในสั่งยาให้ เคี่ยวครั้งละหนึ่งชั่วยาม รอจนน้ำลดลงถึงหนึ่งในสามถึงจะได้ที่ ดื่มวันละสามเวลาเช้า กลางวัน เย็น หากทำตามนี้อย่างเคร่งครัด อีกสามสี่วันท่านคงลุกออกจากเตียงได้แล้วล่ะ"

    จางเหลียนพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น ประคองผู้อาวุโสขึ้นแล้วเดินไปส่งที่หน้าห้อง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบใครบางคนนอกประตูร่างทั้งร่างก็แข็งทื่อราวกับถูกสาป ผู้ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเป็นบุคคลที่จางเหลียนคุ้นจนไม่อาจคุ้นไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้สวมชุดของชาวต้าซางแล้วก็ตาม

     ดวงตาสีดำสนิทสองคู่สบกันนิ่งเพียงครู่ ฝ่ามือของจางเหลียนก็ยกขึ้นไปฟาดที่หน้าอีกฝ่ายจนสะบัดหันไปตามแรง ผู้ที่ทำให้จางเหลียนเดือดดาลได้ขนาดนี้ หากไม่ใช่หานหลงซานคนทรยศแล้วจะเป็นใครไปได้!

    ร่างสูงกว่ายกมือขึ้นจับคางตัวเองเล็กน้อย ที่มุมปากมีสายโลหิตสีแดงฉานไหลออกมาช้าๆ จางเหลียนถึงเป็นบัณฑิตวันๆอยู่กับตำรา แต่ฝ่ามือที่ฟาดลงมาด้วยโทสะนั้นไม่สามารถดูเบาได้จริงๆ จนหันกลับมาสบตากับร่างเล็กกว่าอีกครั้ง ก็ถูกผลักให้ถอยห่างจากประตู โดยมีคนผลักก้าวตามออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา

     "เจ้ายังกล้ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอยู่อีกงั้นรึ หานหลงซาน!!!"


***********


     หานหลงซานมองอดีตสหายที่สนิทที่สุดของตนด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากเดินตามอีกฝ่ายออกมาจนพ้นรัศมีการได้ยินของคนด้านในแล้ว จางเหลียนจึงหันกลับมามองร่างสูงด้วยดวงตาเอาเรื่อง

    "เจ้ากลับมาทำไมอีก"

    "ทำงาน"

    จางเหลียนแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา สายตาที่มองร่างสูงเบื้องหน้ายิ่งทวีความเย็นชามากกว่าเดิม  "งานของเจ้าไม่ใช่ว่าเสร็จไปแล้วหรือ"

    "จากนี้ข้ารับหน้าที่คุ้มกันองค์รัชทายาท จนกว่าจะถึงเมืองหลวงของต้าเสียง" หานหลงซานยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้อารมณ์ดุจเดิม ไม่นำพาต่อดวงตาที่ส่งความเกลียดชังออกมาอย่างเปิดเผยนั่นแม้แต่น้อย

    "คุ้มกัน? เฮอะ...นอกจากระวังคนทรยศเช่นเจ้า องค์ชายยังต้องระวังอะไรอีกงั้นรึ! หากจะมาจับตาดูก็พูดตามตรงเถอะ อย่างไรข้ากับองค์ชายคงไม่หลงลมปากของเจ้าอีกแล้ว"

    มือที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิทนั้นกำแน่นขึ้นโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น กับคำพูดนี้ของอดีตสหาย หานหลงซานเพียงแค่เบือนหน้าหนีไปอีกทางโดยไม่ตอบโต้อะไร

    จางเหลียนยังคงจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ก้าวเข้าไปจนประชิดตัวอีกฝ่าย เค้นเสียงทุ้มต่ำเย็นชาที่ข้างหูของร่างสูง หนักแน่นราวกับคำสาบาน

    "....ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้เรื่องนี้แน่นอน หานหลงซาน ตราบใดที่ข้าจางเหลียนยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะให้เจ้าตอบแทนทุกสิ่ง หากชีวิตนี้เจ้าไม่ตกนรกหมกไหม้ ชาติหน้าข้าไม่ขอเกิดเป็นคน!"

     ประกาศความต้องการของตนเองเรียบร้อยแล้ว จางเหลียนก็สะบัดชายแขนเสื้อ หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก และเพราะไม่หันกลับมาจึงไม่มีวันได้เห็นความรวดร้าวที่ผุดขึ้นบนแววตาของผู้ที่ได้ชื่อว่าคนทรยศขณะที่มองตามหลังตัวเองจนลับสายตา...

     จางเหลียนเอ๋ยจางเหลียน...เจ้าไม่ต้องเปลืองแรงลงมือเลยแม้แต่น้อย...เพียงความเกลียดชังในสายตาของเจ้า ก็เพียงพอให้ข้าตกลงไปในนรกในใจแล้ว...


*********************************************

*(1) ชั่วยาม shichen : สือเชิน คือหน่วยเรียกเวลาของจีน 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง


จบไปอีกตอนแล้ว อ่านแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรก็ติชมให้กำลังใจคนเขียนได้นะคะ ฮา

เป็นนิยายแนวจีนเรื่องแรกของคนแต่งเลย หวังว่าผู้อ่านที่หลงเข้ามาอ่านทั้งตั้งใจจะชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ

ขอฝากสุราใต้แสงจันทร์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของผู้อ่านทุกท่านด้วยน้อ <3

เนื้อหาในช่วงแรกนั้นจะดำเนินข้าเล็กน้อยเพื่อเท้าความเนื้อหาให้ผู้อ่านได้รู้จักเนื้อหาและตัวละครก่อน จากนั้นถึงจะเข้าสู่เนื้อหาของเรื่องอย่างเต็มตัว  ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันไปซะก่อนนะเจ้าคะ <3
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 28-12-2015 15:52:12
อ่านแล้วสนุกมากกกก ชอบมากก มาคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้นะคะ
คือชอบแนวจีนโบราณแต่หาที่ถูกใจยากมากเลย
ตัวละครก็ดูจะเป็นแนวที่เราชอบทั้งนั้น รอติดตามนะคะ
อยากให้แม่ทัพมาปะทะกับองค์รัชทายาทอีก มาต่อไวๆเลยน้า :)
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-12-2015 16:09:31
มารออ่านนะครับสนุกดีชอบแนวนี้มาก มาต่อให้จบนะนิยายแนวนี้ไม่เคยอ่านแล้วจบเลย
แต่จะรออ่านนะครับ ว่าแต่นายเอกเราตาบอดเหรอสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Ignite ที่ 28-12-2015 17:31:00
เนื้อหาน่าติดตามมากเลยคะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 คนทรยศ UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 28-12-2015 18:31:15
ชอบมาก เนื้อเรื่องไม่โหล น่าสนใจมาก
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 คนทรยศ UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 28-12-2015 20:05:36
สนุกและน่าติดตามมากค่ะ สงสารองค์ระชทายาทมากเลย :mew4: :mew4:  รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 คนทรยศ UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 29-12-2015 01:13:19
บางทีหัวใจกับหน้าที่ก็สวนทางกัน ปวดใจ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 คนทรยศ UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: repilca ที่ 29-12-2015 03:18:26
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] ตอนที่ 2 คนทรยศ UP 28/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 29-12-2015 11:13:19
บทที่ 3 : แม่ทัพใหญ่


     ตำหนักหลิ่งหลง ต้าซาง

     ตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้แห่งต้าซางบัดนี้กลับกลายมาเป็นห้องประชุมใหญ่ของเหล่าแม่ทัพนายกองจากต้าเสียงที่เป็นหัวหอกในการบุกกลืนกินอาณาจักรใหญ่ในครานี้ การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียดโดยผู้ที่นั่งกินตำแหน่งผู้นำในการประชุมครั้งนี้คือลู่ซือเหยียนซึ่งดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ในการบุก

     เนื้อหาการประชุมนั้นมีตั้งแต่การแจกแจงจำนวนทหารทั้งที่ยังอยู่และตายไป การจัดเวรยามลาดตระเวนเพื่อป้องกันการบุกโจมตีของหัวเมืองที่ยังเหลืออยู่ และการควบคุมมิให้ชาวเมืองลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน จนถึงการถกเถียงเรื่องตัวประกันผู้สูงศักดิ์ที่ตอนนี้ยังถูกกักไว้ในวังตะวันออก

    "ไม่ได้! อย่างไรเราก็ควรถอนรากถอนโคนเสียตั้งแต่ตอนนี้ หากปล่อยไว้จะเกิดปัญหาภายหลังได้!" เฉินฟู่หลิง รองแม่ทัพคนสนิทของลู่ซือเหยียนแสดงอาการคัดค้านอย่างชัดเจน หลิวช่างหลินผู้นั้นมิได้เป็นเพียงรัชทายาทที่ดีแต่อยู่ในรั้วในวัง ยังเป็นแม่ทัพและนักปกครองที่มีความสามารถคนหนึ่ง ปล่อยให้คนแบบนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป อยากจะกลืนกินต้าซางแค่คิดก็ไม่ราบรื่นแล้ว

     "นั่นสิ ท่านแม่ทัพใหญ่ หลิวช่างหลินผู้นี้ ต่อให้ตามองไม่เห็นแล้วก็ยังสร้างปัญหาร้ายแรงได้ง่ายๆ ลำพังแค่มีชีวิตอยู่ก็มิอาจดับความหวังของพวกทหารและชาวเมืองได้แล้ว กำจัดเสียจะเป็นการดีกว่า" คราวนี้เป็นขุนพลอีกคนหนึ่งเอ่ยสมทบรับกับเฉินฟู่หลิงสอดรับกับความในใจของหลายๆคนที่อยู่ในที่ประชุมพอดี ต่างพากันสนับสนุนเสียงดังอื้ออึง มีเพียงแม่ทัพเฒ่าผู้หนึ่งเท่านั้นที่ไม่ได้ร่วมเออออตามคนอื่น

     ลู่ซือเหยียนปรายสายตาไปยังแม่ทัพชราผู้นั้น ถามเรียบๆ

     "เฒ่าสือ ท่านมีความเห็นอย่างไร?"

     เฒ่าสือขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วที่กลายเป็นสีดอกเลาขึ้นเล็กๆ ลูบเครายาวๆของตนเองพลางหัวเราะออกมา

     "ท่านแม่ทัพใหญ่ล้อคนแก่เล่นแล้ว ในเมื่อท่านเองก็มองสถานการณ์ได้อย่างปรุโปร่ง ยังจะต้องให้ข้าพูดอะไรอีก"

      "เฒ่าสือ ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอะไรกัน?" ฝ่ายคนหนุ่มเลือดร้อนที่เป็นหนึ่งในเสียงสนับสนุนเมื่อครู่กระทู้ถามขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ไว้ชีวิตสายเลือดของราชวงศ์ศัตรูไปจะมีประโยชน์อะไร นอกจากเป็นการเปิดโอกาสให้พวกมันมาแว้งกัดในภายหลัง

     ฝ่ายผู้เฒ่านั้นกลับหัวเราะรื่นเริงยิ่งกว่าเดิม หลิ่วตาไปยังท่านกุนซือที่ยังมีสีหน้าครุ่นคิด แล้วโยนภาระไปยังผู้อื่นอย่างไร้ความรับผิดชอบ "ท่านกุนซือคงตอบคำถามได้ดีกว่าข้ากระมัง?"

      ครานี้ทุกสายตาก็ย้ายไปรวมอยู่ที่ร่างผอมบางของท่านกุนซือประจำกองทัพทันที คนเป็นเป้าสายตาถึงกับถลึงตาใส่คนโยนเผือกร้อนมาให้อย่างอารมณ์เสีย สุดท้ายก็ทนความเร่าร้อนในดวงตาของพวกผู้ชายตัวโตๆไม่ได้ จำยอมต้องชี้แจงแถลงไขให้มันสิ้นๆเรื่องไป

     "เรื่องนี้จริงๆไม่ยาก ตอนนี้พวกเราควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้แล้ว ทหารกับประชาชนของต้าซางก็ยอมจำนนแล้วเช่นกัน ที่ท่านแม่ทัพใหญ่ให้ไว้ชีวิตรัชทายาทหลิวช่างหลินก็เป็นเพราะเหตุผลนี้"

     "เหตุผลอะไรกัน?"

     "เพื่อไม่ให้ประชาชนกับทหารที่เหลืออยู่เกิดฮึดขึ้นมาต่อต้านพวกเราอีกครั้ง" ประโยคนี้ราวกับฟ้าที่ผ่าลงมากลางที่ประชุม หยุดยั้งคำคัดค้านที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของเหล่าแม่ทัพนายกองได้ชะงัด

     "เมื่อครู่พวกท่านพูดเองว่าหลิวช่างหลินเป็นแม่ทัพและนักปกครองที่มีชื่อคนหนึ่ง ความจริงที่เราควบคุมสถานการณ์ได้เร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะเราได้ตัวเขามาอยู่ในมือทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกขุนนางและขุนศึกที่เหลือของต้าซางถึงได้ไม่กล้าทำอะไร ข้าพูดเท่านี้ทุกท่านคงพอเข้าใจแล้วสินะ"

     ถึงไม่อยากเข้าใจก็ต้องเข้าใจ ในเมื่อพวกเขาสามารถตรึงไม่ให้นักรบแห่งต้าซางเคลื่อนไหวได้ด้วยการไว้ชีวิตคนผู้นี้ หากลงมือสังหารนั่นเท่ากับการโยนเชื้อไฟเข้าไปในกองฟืนแห้งที่พร้อมลุกไหม้ได้ตลอดเวลา การยุยงให้คนจนตรอกลุกฮือขึ้นมานั้นไม่ต่างกับการสร้างหายนะให้กับตัวเอง ถึงไม่อาจเรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุด แต่ก็สามารถเรียกได้ว่าโง่เง่าแน่นอน

     นึกถึงจุดนี้แล้วเหล่าบุรุษเลือดร้อนที่กำลังฮึกเหิมกับชัยชนะที่เพิ่งได้รับก็ราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดใส่ จากที่ออกหน้าคัดค้านรุนแรงก็เงียบสนิท

     ลู่ซือเหยียนมองขุนศึกของตนเงียบๆอยู่พักหนึ่งถึงได้เปิดปากขึ้นอีกครั้ง

      "จากนี้สิ่งที่เราต้องทำคือการควบคุมสถานการณ์ให้นิ่งที่สุดจนเมืองหลวงส่งชุดขุนนางปกครองมาถึงที่นี่ ที่สำคัญที่สุดคือการรักษาชีวิตของหลิวช่างหลิน และคอยจับตาดูไม่ให้มีการติดต่อใดๆที่จะสร้างเรื่องวุ่นวายให้เรา มีใครจะคัดค้านอะไรอีกไหม?"

      คราวนี้เหล่าแม่ทัพนายกองไม่มีใครกล้าสอดปากคัดค้านผู้นำของตนอีก รอจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นค้านแน่แล้ว ลู่ซือเหยียนก็ลุกขึ้นจากที่ของตน

     "งั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองได้"

     ทุกชีวิตในที่ประชุมลุกขึ้นประสานมือไว้เบื้องหน้าแล้วโน้มตัวคารวะน้อมส่งผู้เป็นนายพร้อมขานรับคำสังอย่างพร้อมเพรียง

     "ขอรับ!"


*********


     "ท่านนี่ใจร้ายจริงๆ"

     คล้อยหลังจากการประชุมไม่นาน ในห้องพักส่วนตัวของแม่ทัพใหญ่ลู่ซือเหยียน ก็ปรากฎร่างสูงโปร่งของบุรุษผู้หนึ่งในชุดรัดกุมสีดำสนิทก้าวออกมาจากหลังฉากกั้นบานใหญ่ ท่านแม่ทัพใหญ่ใจร้ายที่ว่าก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำต่อว่าต่อขานนั้น ก้าวเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้อง และนำดาบของตนออกมาเช็ดทำความสะอาดโดยไม่หันไม่มอง 'แขก' แม้แต่น้อย

     "เรื่องที่ให้สืบว่าอย่างไร"

     "เมินข้าแล้วยังจะมาถามถึงงานอีกเรอะ ใจคอจะไม่ให้ข้าพักหายใจหายคอเลยกระมัง!" ผู้มาใหม่กระชากผ้าคลุมหน้าออกอย่างหงุดหงิด ถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวรินชาใส่แก้วแล้วยกดื่มในอึกเดียว การกระทำนั้นเรียกสายตาขบขันจางๆจากเจ้าของห้องได้ไม่น้อย แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาเห็น ท่านแม่ทัพใหญ่ก็ควบคุมสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง ถามย้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

     "แล้วตกลงว่าอย่างไร"

     ฝ่ายที่ถูกถามเหลือกตาใส่สหายของตนอย่างหงุดหงิด ใบหน้าหลังผ้าคลุมสีดำนั้นเป็นดวงหน้าหมดจดที่มองแวบแรกไม่อาจจะแยกได้ว่าเจ้าของใบหน้านี้เป็นเพศใด กระนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดกลับเป็นดวงตาสองข้างที่มีโทนสีต่างกันอย่างชัดเจน สุดท้ายเมื่อถูกดวงตาคู่คมจ้องมากๆเข้า เจ้าของดวงตาสีประหลาดก็ต้องยอมจำนน

     "ก็ได้ ก็ได้ เรื่องที่เจ้าไปสืบมาข้ายืนยันได้แล้วว่าจริง แคว้นเสอเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกมันกำลังเคลื่อนทัพขึ้นไปทางเหนือเพื่อเก็บเกี่ยวหัวเมืองที่เหลืออยู่ของต้าซาง ตอนนี้อยู่ระหว่างข้ามเขาเทียนหลง ข้าให้คนของข้าไปจัดการถ่วงเวลาไว้แล้ว เจ้าจะให้ทำอะไรเพิ่มหรือเปล่า?"

     "เผาขบวนเสบียงของพวกมันก็พอ นอกจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว" ลู่ซือเหยียนตอบเรียบง่าย คนฟังก็พยักหน้ารับ

     "แล้วเรื่ององค์ชายนั่นมีความเป็นมายังไง ตอนแรกจะอยู่หรือตายเจ้าก็ไม่สนไม่ใช่รึ หรือท่านหมอโจวต้มยาให้เจ้าผิดขนาน ถึงได้นึกมีจิตเมตตากับเพื่อนร่วมโลกขึ้นมา?"

     "หลี่รุ่ยเต๋อ ข้าคงให้งานเจ้าน้อยไปสินะ ถึงได้ว่างมายุ่มย่ามกับเรืองของชาวบ้านแบบนี้" คนเป็นแม่ทัพใหญ่มองเจ้าคนตาสองสีแซ่หลี่ด้วยสายตาเย็นชา เสียแต่ว่าคนแซ่หลี่ที่ว่ามิได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างไม่กลัวตาย

     "แหม กับเรื่องของชาวบ้านทั่วไป ข้าคนแซ่หลี่คงไม่ใส่ใจมายุ่มย่ามแบบนี้หรอก เพราะเป็นเรื่องของท่านแม่ทัพใหญ่ต่างหาก ข้าถึงได้สนใจอยากจะเข้าไปยุ่งด้วย"
     
     "หลี่ฮูหยินคงดีใจ ถ้าได้ยินว่าเจ้ามีเวลาว่างมากพอมายุ่งเรื่องของข้า งานของหอเหลียนฮวา *(1)จะได้มีคนช่วยแบ่งเบามากขึ้นอีกคน"

     พอสหายรักอ้างถึงท่านแม่ของตน หลี่รุ่ยเต๋อก็แยกเขี้ยวให้อีกฝ่ายเป็นการตอบรับ

     "เจ้ามันคนไร้หัวใจจริงๆ! คอยดูเถอะ สักวันนึงข้าจะเลิกทำงานให้เจ้า!"

     "ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดียิ่ง ข้าจะได้ส่งจดหมายไปขอคนที่ตั้งใจทำงานมากกว่านี้กับหลี่ฮูหยิน เจ้าจะเลิกเลยไหมล่ะ ข้าจะได้ให้คนเขียนจดหมายตอนนี้เลย" ท่านแม่ทัพใหญ่ตอบโต้โทสะของเพื่อนรักด้วยการวางถ้วยชาแล้วเอื้อมมือไปหยิบตราประทับของตนเองออกมา คนจะลาออกก็ยิ่งโมโหจนลมจะออกหูอยู่รอมร่อ

     "ลู่ซือเหยียน! ใครได้เจ้าเป็นคนรักต้องเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลกแน่! เจ้ามันคนไร้หัวใจ!!"

     "ถ้าเจ้าด่าข้าอีกคำ คราวนี้จดหมายถึงหลี่ฮูหยินคงได้เขียนจริงๆแล้ว" ลู่ซือเหยียนพูดเสียงเรียบ หยุดถ้อยคำสรรเสริญที่เหลือได้ทันที หลี่รุ่ยเต๋อถลึงตาใส่สหายอีกครั้ง ก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำอำลา ทิ้งให้ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้ไร้หัวใจมองตามด้วยสายตาขบขันของผู้ชนะ

     "ทะเลาะกับคุณชายหลี่อีกแล้วหรือ"

     เสียงแหบพร่าของชายชราผู้หนึ่งดึงความสนใจจากแม่ทัพใหญ่ได้ไม่ยากเย็น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือโจวจั่วชิง หมอประจำตัวของตนร่างสูงใหญ่ก็ผุดลุกจากที่นั่งเข้าไปประคองชายชราให้เข้ามานั่งด้านในอย่างรวดเร็ว

     "ท่านหมอโจว ไม่ใช่ว่าท่านต้องดูแล 'เขา' อยู่หรือ มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า"

     "เปล่าหรอก ข้าก็แค่เดินผ่านมาได้ยินเสียงพวกท่านเท่านั้น จะว่าไปก็แปลก ข้าไม่เคยเห็นพวกท่านคุยกันดีๆสักครั้ง ยังคบหาเป็นสหายกันมาได้เป็นสิบๆปี"

      มุมปากเรียบตึงของคนเป็นแม่ทัพขยับยกขึ้นเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่ใช่ท่านหมอเป็นคนพูดขึ้นมาคนแรก หลี่ฮูหยินที่เป็นแม่นมของเขาก็ถามแบบนี้มาหลายปีแล้วเช่นกัน แต่ทั้งเขาและหลี่รุ่ยเต๋อต่างก็ไม่มีใครสามารถไขข้อสงสัยนี้ของนางได้เลย

     อาจจะเป็นเพราะรู้จักกันดีเกินไปกระมัง...

     หลังจากประคองหมอชราลงนั่งในที่เดิมของตัวเองแล้ว ลู่ซือเหยียนก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว

     "เขาเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ"

     "ถ้าเขาที่ท่านหมายถึงคือรัชทายาทหลิวช่างหลิน อาการของเขาโดยรวมดีขึ้นมากแล้ว อีกสี่ห้าวันคงลุกจากที่นอนได้"

     คำตอบที่ได้รับทำให้ลู่ซือเหยียนพยักหน้าอย่างพอใจ ความกังวลที่ไร้ที่มาค่อยเบาบางลงในที่สุด

     "ตาของเขาบอดสนิทดีแล้วใช่ไหม?"

     "บอดสนิทแล้ว"

      "ดี เท่านี้ก็วางใจไปได้เปราะหนึ่ง" พวกนายทหารเลือดร้อนของเขาจะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างที่จะลงมือสังหารองค์ชายนั่นอีก

     หมอชรามองชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจน้อยๆ หยิบถ้วยชาเปล่ามารินชาลงไปแล้วค่อยละเลียดจิบช้าๆ...

     "ข้าเห็นหลงซานไปเฝ้าที่นั่น ท่านเป็นคนส่งไปงั้นรึ?"

     "ใช่"

     "คงไม่ใช่แค่ให้คุ้มกันอย่างที่หลงซานว่ากระมัง?"

     "ใช่"

     คำตอบที่มั่นคงนั้นไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของโจวจั่วชิง เมื่อได้ยินแล้วหมอชราก็เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น "ท่านจะให้หลงซานคอยสอดส่องความประพฤติขององค์ชายช่างหลินสินะ"

     กับคำถามนี้ลู่ซือเหยียนเพียงขยับยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ตอบรับอะไร แต่คนที่เป็นหมอประจำตัวมานานก็เดาได้ไม่ยากว่าการคาดเดาของตัวเองนั้นถูกต้อง

     หลงซานนั้นทำงานอยู่ข้างกายองค์ชายรัชทายาทนั่นมานาน ลู่ทางที่เจ้าตัวใช้ติดต่อกับภายนอกหลงซานย่อมต้องเป็นคนที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ให้เขาเป็นคนดูแลย่อมป้องกันการติดต่อที่จะนำเรื่องยุ่งยากมาได้ดีที่สุด...

     ความคิดที่ว่าความจริงแล้วไม่ควรส่งอดีตไส้ศึกไปเจอกับผู้เสียหายโดยตรงนั้นไม่มีอยู่ในหัวแม้แต่น้อย ลู่ซือเหยียนมั่นใจสายตาในการมองคนของตัวเองเสมอ

    สิ่งใดที่เขาลงมือแล้วย่อมไม่อาจเว้นที่ว่างให้กับความผิดพลาด

    การตัดสินใจของเขาถูกต้องเสมอ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลู่ซือเหยียนกุมตราทัพดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียง

    จอมทัพผู้ไร้พ่าย ออกศึกคราใดไม่มีคำว่าพ่ายแพ้!

*********

     หลังจากที่โจวจั่วชิงกลับไปแล้วหลิวช่างหลินไม่ได้เอนหลังลงนอนพักอย่างที่หมอชราบอกทันที แต่กลับนั่งเหม่ออยู่บนเตียงพักหนึ่งแล้วค่อยขยับตัวลงจากเตียงช้าๆ เมื่อครู่จางเหลียนลากใครบางคนที่เขาพอจะเดาออกได้ว่าเป็นใครออกไปจากห้องนี้ ทั้งห้องจึงเหลือเขาอยู่ในห้องเพียงลำพัง

     เงียบสงบจนเกินไป...

     แรกเริ่มหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาค้นพบว่าตัวเองไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างได้อีกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่เพียงลำพังโดยไม่มีจางเหลียนอยู่ใกล้ๆ สรรพสิ่งรอบกายมีเพียงอากาศธาตุไร้วาจา มีเพียงเสียงนกและแมลงจากภายนอกเท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพังในโลกใบนี้...

     สัมผัสเย็นๆเมื่อเท้าแตะลงบนพื้นห้องให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไม่น้อยจนต้องขยับยกขึ้นแล้วค่อยวางลงไปใหม่ช้าๆให้มั่นคงมากกว่าเดิมตามด้วยขาอีกข้างที่วางตามลงไปอย่างเชื่องช้า

     เขาไม่เคยต้องระมัดระวังยามก้าวเดินถึงเพียงนี้ แต่ในเมื่อดวงตาทั้งสองข้างมิอาจใช้ได้อีกต่อไป สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงยอมรับความจริงและปรับตัวให้ได้เท่านั้น ปรับได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เมื่อทรงตัวในท่านั่งห้อยขาได้มั่นคงดีแล้ว ร่างโปร่งจึงค่อยยันตัวลุกจากเตียง ยันน้ำหนักไว้ที่มือซึ่งยันขอบเตียงอยู่ จนทรงตัวได้ด้วยขาทั้งสองข้าง หลิวช่างหลินถึงได้เริ่มยกขาก้าวเดินช้าๆ โดยมีมือทั้งสองข้างคอยโบกสำรวจทางเบื้องหน้าเพื่อตรวจสอบสิ่งกีดขวาง

     เพราะมัวแต่ระมัดระวังการเดินของตนเอง องค์รัชทายาทแห่งต้าซางเลยไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนถูกเฝ้ามองโดยใครคนหนึ่งซึ่งเดินมาดูอีกครั้งหลังจากจบการประชุมประจำวันแล้ว

     จังหวะก้าวที่เชื่องช้าของคนในห้องนั้นดึงให้แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงต้องหยุดมองโดยมิกล้าส่งเสียงรบกวนเพราะกลัวจะทำให้เจ้าของห้องสะดุดล้มหัวร้างข้างแตกเข้า แต่เมื่อหยุดมองอยู่นานก็ยังไม่อาจละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้...

     เหตุใดถึงได้ทำหน้ามุ่งมั่นปานนั้นกันนะ? สิ่งที่ควรจะมีอยู่บนใบหน้าของเขาควรจะเป็นความสิ้นหวังไม่ใช่หรือ ยังไม่ทันทีแขกผู้มาเยือนจะได้ผละจากไป คนในห้องก็ก้าวพลาดในที่สุด ร่างทั้งร่างเซถลาอย่างมิอาจควบคุม เพียงเท่านั้นคงไม่อาจทำให้แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงตกใจได้ หากไม่ใช่ว่าทิศที่ร่างโปร่งล้มลงไปนั้นมีเตาที่วางกาต้มน้ำวางอยู่!

     หลิวช่างหลินหลับตาแน่นเตรียมรับความเจ็บปวดจากการกระแทกเต็มที่ หากสิ่งที่ได้รับกลับเป็นอ้อมแขนแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งซึ่งปราดเข้ามารับได้ทันเวลา ร่างทั้งร่างตกอยู่ในวงแขนของใครบางคนที่ไม่คุ้นเคย กะทันหันเช่นนี้ฝ่ายที่เสียหลักล้มยังตั้งตัวไม่ติดก็ถูกใครคนนั้นขยับรวบตัวขึ้นอุ้มแล้วพากลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

     ฝ่ายที่ถูกอุ้มเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อถูกปล่อยลงบนเตียงแล้ว รัชทายาทแห่งต้าซางก็ขยับถอยลึกเข้าไปด้านในทันที

     ไม่ใช่จางเหลียน...

     "ใครกัน"

     ครานี้น้ำเสียงของร่างบนเตียงแข็งขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาที่ไร้จุดรวมสายตาเขม่นจ้องไปทางที่ผู้ช่วยเหลือเมื่อครู่ยืนอยู่ กลิ่นอายที่ไม่คุ้นเคยนั้นบอกว่าคนผู้นั้นไม่ใช่คนที่สนิทสนมกันแน่นอน...

     ทั้งยังเข้ามาเงียบๆโดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

     ".........." ผู้ที่มาช่วยเหลือยังคงเงียบไม่ตอบคำ หลิวช่างหลินก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ความระแวงฝุดขึ้นมาทำให้ต้องถดร่างถอยมากกว่าเดิม

     "ท่านไม่ควรลุกออกมาแบบนั้น" ในที่สุดบุคคลปริศนาก็ยอมเปิดปากออกมา น้ำเสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ทำให้คนฟังถึงกับนิ่งงัน

     "ท่าน....."

     "ตอนนี้ตนเองเป็นเช่นไร ท่านสมควรชัดเจนที่สุด อย่าทำอะไรโง่ๆอีก" โทนเสียงของคู่สนทนายังเรียบเป็นเส้นตรงดุจเดิม ทว่าคนฟังกลับผ่อนลมหายใจยาวพลางยิ้มขมๆรับคำ

     "แน่นอนข้ารู้ดี ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่ที่ช่วยเหลือ"

     ลู่ซือเหยียนขมวดคิ้วเล็กๆ ทั้งๆที่คู่สนทนาไม่ได้มีท่าทีต่อต้านอะไร ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกขัดใจขึ้นมา

     ไม่ว่าจะเป็นคำเรียกขาน หรือรอยยิ้มนั่นก็ขัดหูขัดตายิ่ง

     "รู้ก็ได้โปรดดูแลตัวเองด้วย ท่านคงไม่คิดอยากให้ข้าเปลี่ยนต้าซางเป็นเมืองผีเพราะความตายของท่านหรอก" พูดจบท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงก็หมุนตัวเดินจากไปทันทีไม่หันกลับมาอีก ทิ้งให้คนฟังนั่งหลับตาข่มความขมขื่นที่ปะทุขึ้นมาด้วยวาจาของตนเพียงลำพัง...

     แน่นอน...ต่อให้สิ้นหวังขนาดไหนเขาก็ไม่มีวันลากประชาชนของตัวเองให้ตายตามตัวเองไปแน่

     ยามนี้รอบด้านกลับมาเงียบสงบไร้เสียงใดอีกครั้ง ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ดวงตาเรียวยาวก็เปิดขึ้นอีกครั้ง

     แต่เขาก็ไม่มีวันอยู่เฉยๆเพื่อเป็นภาระของใครแน่นอน!




************************************
*(1) เหลียนฮวา : ดอกบัว

จบไปอีกตอนกับคนเขียนบ้าพลังที่เห็นคอมเม้นแล้วฮึดปั่นมาแปะต่อ 555 หลังจากอยู่กับช่างหลิน จางเหลียนมาสองตอน ตอนนี้ก็มาทำความรู้จักกับท่านแม่ทัพใหญ่ซือเหยียนของเรากันบ้าง

สรุปแล้วพระเอกเราเป็นคนยังไง....คนเขียนก็ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ! (อ้าว) รออ่านและทำความรู้จักไปพร้อมๆกันเนอะ ><

ช่วงแรกๆอาจจะตอบคอมเม้นไม่ได้เพราะกลัวตัวเองเผลอสปอยเนื้อเรื่อง แต่อ่านทุกคอมเม้นแน่นอนค่ะ ได้แรงใจฮึดปั่นขึ้นมาทันทีเลย (อ่านแล้วนั่งยิ้มอยู่คนเดียว อาการหนัก) ยังไงก็ช่วยคอมเม้นติชมเป็นแรงใจคนแต่งมือใหม่คนนี้ด้วยนะคะ ชอบอะไรไม่ชอบอะไรจะได้นำไปปรับปรุงให้นิยายเรื่องนี้มันดีขึ้น เสน่ห์ของการลงนิยายแบบออนไลน์คือการได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอ่านนี่แหละค่ะ เวิ่นเว้อยาวไปแล้ว ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะค้า //แว้บหายไปย์//

***********************************

(http://upic.me/i/30/845791de97bee0f62b4532b64a62b047.jpg)
อิมเมจแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียง : ลู่ซือเหยียน
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-12-2015 12:07:12
สนุกดีอ่ะเราชอยบนะภาษาที่บรรยายก็ลื่นอ่านง่ายดี
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine2513 ที่ 29-12-2015 12:14:42
 :o12:เศร้าจุง
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 29-12-2015 13:03:27
ทำไมแม่ทัพใหญ่ถึงเป็นห่วง?รัชทายาทเกินความจำเป็นนะ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 29-12-2015 15:18:04
ชอบรัชทายาทมาก เข้มแข็งสุดๆ
เพียงตื่นเดียว สูญเสียทุกอย่าง ทั้งยังตาบอด แต่ดีที่เหลือข้ารับใช้ผู้ภักดีอยู่หนึ่งคน
รู้สึกชื่นชมสุดๆ สมกับเป็นเลือดแห่งขัตติยะ ชอบใจสุดๆ
ถึงสูญเสียทุกอย่าง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม ความทรนง
 o13 o13
คนเขียน เก่งมากๆ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: Ignite ที่ 29-12-2015 20:15:48
เป็นกำลังใจให้คะ เนื้อหาน่าติดตามมากเลย
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-12-2015 22:31:21
น่าติดตามมากค่ะ อยากรู้ ว่าระหว่างสองคนนี้ มีที่มาอย่างไร
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 29-12-2015 23:57:09
ไม่ชอบพระเอกเลย สกปรกอะ แล้วจะรักกันได้อย่างไรสงสัยแฮะ พระเอกใช้วิธีสกปรกมาก แต่กลับยืดอกภูมิใจในชัยชนะตัวเอง เหอะ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 3 แม่ทัพใหญ่ UP 29/12/2558
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 01-01-2016 01:53:22

บทที่ 4 : หยาดน้ำตา


     ในสวนของวังตะวันออกนั้น ดอกไม้ที่หลิวช่างหลินชอบที่สุดคือดอกถาน*(1) โดยเฉพาะยามนี้ที่ไม่อาจชื่นชมความงามของดอกไม้ด้วยดวงตาของตนเอง กลิ่นหอมรื่นที่โชยมาของดอกถานช่วยปลอบประโลมจิตใจได้ไม่น้อย ก่อนหน้านี้ที่ทุกอย่างยังเป็นปกติเขายุ่งอยู่กับงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน พอตกกลางคืนที่ดอกถานบานเขาก็หลับสนิทไม่เคยชมความสวยงามของดอกถานที่ฮ่องเต้พระราชทานมาให้เลย มายามนี้ถึงมีเวลาล้นเหลือก็ไม่อาจมองเห็นมันได้เสียแล้ว

     แต่อย่างน้อยก็ได้มีโอกาสที่จะได้กลิ่นของมันอีกครั้ง...เป็นเรื่องดีเพียงไม่กี่เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากทุกสิ่งเปลี่ยนผัน...

     หลังจากเหตุการณ์ในห้องครานั้น เวลาก็ผ่านมาได้สิบวันแล้ว ทานยาตามที่ท่านหมอสั่งโดยไม่ดื้อดึงอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ท่านหมอก็ยอมให้ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง ประจวบเหมาะกับคืนนี้ดอกถานที่ไม่ค่อยออกดอกบานพอดี นี่เรียกได้ว่าเป็นโชคดีอีกอย่างหนึ่ง

     ดอกถานนั้นบานเพียงราตรีเดียวก่อนจะโรยรา...คิดดูแล้วชะตาของเขากับดอกถานก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่

     "อาเหลียน พาข้าไปใกล้ๆต้นถาน" เอ่ยสั่งคนสนิทที่คอยจูงมือข้างหนึ่งเพื่อนำทางในสวนเรียบๆ อีกฝ่ายขานรับและก้าวเดินนำไปอย่างว่าง่าย ไม่นานจางเหลียนก็พามาหยุดอยู่เบื้องหน้าของกลิ่นหอมที่โชยเรียกอดีตรัชทายาทผู้ซึ่งกลายเป็นตัวประกันสูงศักดิ์ให้ออกมาเดินเล่นในยามราตรีเช่นนี้

     มือเรียวยื่นไปแตะส่วนของเรียบมนของใบไม้ค่อยๆไล่ไปตามส่วนก้านที่เรียบลื่นจนมาถึงส่วนล่างของกลีบดอกอ่อนนุ่ม ค่อยๆไล้สำรวจดอกไม้ในความมืดมิด ระหว่างที่มือขยับ ก็นึกถึงภาพที่เคยเห็นในความทรงจำ สำรวจจนพอใจแล้วถึงได้ละมือออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

     "คราวนี้ออกดอกมาใหญ่ไม่เบาเลย มิน่ากลิ่นถึงได้โชยไปถึงห้องของข้า"

     จางเหลียนเองก็มองดอกไม้สีขาวดอกใหญ่เบื้องหน้าแล้วตอบกลับเบาๆ

     "พ่ะย่ะค่ะ งดงามมากทีเดียว"

     "คราวนี้ดอกออกมาสมบูรณ์สินะ..."

     "ใช่พ่ะย่ะค่ะ ทั้งรูปทรงและสีสัน เหมือนกับช่วงแรกที่ๆองค์ฮ่องเต้ประทานมามาก......" พูดถึงตรงนี้จางเหลียนก็งับริมฝีปากตัวเอง ด่าตนเองในใจซ้ำๆเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มแรกในรอบหลายวันของเจ้าชีวิตถูกความโง่เง่าของตัวเองทำให้หายไปเสียแล้ว ในขณะที่จะเอ่ยขออภัย หลิวช่างหลินกลับยิ้มออกมาบางๆอีกครั้ง

     เป็นรอยยิ้มที่มีทั้งความหวนรำลึก และขมขื่นในคราเดียว

     "เช่นนั้นต้องงามมากเป็นแน่...ตอนนั้นท่านพ่อยังเคยพาท่านแม่มาเรียกข้าให้ออกมาชมดอกไม้ตอนกลางดึก แล้วประทับอยู่กับข้าจนดอกมันร่วงโรย

     ต้องบอกว่าสำหรับครอบครัวที่เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ช่วงเวลาผ่อนคลายที่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าเรียกได้ว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดีที่ฮ่องเต้แห่งต้าซางรักและมั่นคงในองค์ฮองเฮาหยางยู่หรงเสมอมา แม้จะมีสนมน้อยใหญ่ที่รับมาด้วยพันธะทางการเมืองแต่ความเอาใจใส่ที่มีให้มารดาของเขาก็ไม่เคยลดน้อยลง

     หลิวช่างหลินเป็นโอรสองค์โตจากโอรสและธิดาทั้งห้าขององค์หลิวเฉิงจักรพรรดิแห่งต้าซาง ทั้งยังเป็นโอรสที่เกิดกับผู้นำสามวังหกตำหนักอย่างฮองเฮาหยาง ศักดิ์ฐานะที่มิมีผู้ใดเทียบนี้ ตำแหน่งรัชทายาทในใจของเหล่าขุนนางก็ถูกทำนายไว้อย่างแม่นยำ เจ็ดปีก่อนเมื่อองค์ชายช่างหลินอายุได้สิบแปดปีเต็มตำแหน่งรัชทายาทก็ถูกมอบให้องค์ชายใหญ่ผู้มากความสามารถอย่างสมบูรณ์

     ยามที่ชายแดนมีปัญหาองค์จักรพรรดิยกทัพไปปราบปราม รัชทายาทรับหน้าที่ปกครองบริหารได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งกลยุทธ์ที่เสนอเพื่อรับมือในสงครามครั้งนี้ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ต้าเสียงต้องเสียเวลาถึงห้าปีถึงจะยึดครองได้ทั้งๆจำนวนทหารของต้าเสียงก็มากกว่าถึงสามเท่า

     ในความเป็นจริงแล้ว หากต้าเสียงไม่เปลี่ยนตัวแม่ทัพใหญ่เป็นลู่ซือเหยียนเมื่อสองปีก่อน น่ากลัวว่าตอนนี้แม้กระทั่งหัวเมืองชั้นนอกก็ยังยึดไม่ได้

     ต้าซางและต้าเสียง สองอาณาจักรใหญ่ที่ครอบครองแผ่นดินอันไพศาล แคว้นเล็กแคว้นน้อยต่างสวามิภักดิ์ต่อสองแผ่นดินนี้ทั้งสิ้น ในอดีตเมื่อราวๆสิบปีก่อนหน้านั้น ขั้วอำนาจยังเป็นสามอาณาจักรใหญ่ก่อนที่ซานฉีจะล่มสลายไปเพราะปัญหาใหญ่ภายในที่รุนแรงจนสองแดนข้างเคียงนั้นสบช่องเข้าแทรกแซง ซานฉีถูกตัดแบ่งเป็นสองส่วน ทางตะวันออกนั้นถูกเข้ายึดครองโดยต้าเสียง ส่วนทางด้านตะวันตกนั้นถูกกลืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของต้าซาง

     สมดุลอำนาจที่เสียไปคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างสองอาณาจักร จนกระทั่งวันนี้ที่ต้าซางพ่ายแพ้ให้กับลู่ซือเหยียน

     ชายคนนั้นอันตรายเกินไป จากสถานการณ์ที่แทบจะไม่สามารถรุกคืบเข้ามาได้ กลับกลืนกินทั้งอาณาจักรได้ภายในเวลาแค่สองปี...

     คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ถึงจะเจ็บแค้นไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ตอนนี้ต้องทำตัวให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ชายคนนั้นมีข้ออ้างไปทำร้ายประชาชนของเขาได้!

     สองวันก่อนเขาได้รับข้อความลับประโยคหนึ่งซึ่งฝากมากับจางเหลียนยามออกไปรับอาหารด้านนอก หลงซานนั้นเพียงมาเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องเท่านั้น จากคำบอกเล่าของจางเหลียน ทุกคนที่ผ่านเข้าออกห้องของเขาล้วนถูกตรวจตราอย่างเคร่งครัด มีเพียงจางเหลียนเท่านั้นที่หลงซานแทบไม่แตะต้อง แล้วให้ยามเฝ้าคนอื่นมาค้นตัวแทน แน่นอนว่าไม่พบอะไรในตัวของบัณฑิตหนุ่มทั้งนั้น

     แต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคนสนิทคนนี้คือความจำซึ่งไม่เคยผิดพลาด ไม่จำเป็นต้องจดเพียงอ่านผ่านตาแค่ครั้งเดียวก็จะตรึงแน่นอยู่ในสมอง คนที่รู้มีเพียงตัวเขาและหลงซาน

     ซึ่งนั่นทำให้เขาแปลกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลืมตาแล้วค้นพบว่าจางเหลียนยังมีชีวิตอยู่ ตามความเป็นจริงบุคคลอย่างจางเหลียนควรจะเป็นคนแรกที่ถูกกำจัดเพื่อจำกัดความเคลื่อนไหวของเขาถึงจะถูก...ตอนแรกยังระแวงว่ามันเป็นกับดักช่วงสามสี่วันแรกถึงได้สั่งอีกฝ่ายไว้ว่าไม่ให้เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น  เพิ่งจะทดลองส่งข่าวเล็กๆออกไปบ้างเมื่อวันก่อนนี้เอง.. หนึ่งเพื่อดูว่าข่าวที่ถูกส่งไปนั้นถูกตัดหรือไม่ สองเพื่อปรามให้พระญาติทั้งหลายที่ยังเหลืออยู่ไม่ให้เคลื่อนไหวโดยพลการ

     หลังการทดสอบสามสี่ครั้ง แม้จะไม่มั่นใจนักว่าเป็นกับดักหรือเปล่า เขาก็เริ่มให้จางเหลียนติดต่อกับบุคคลสำคัญในที่สุด...

     ซึ่งได้รับการตอบกลับเป็นข้อความที่ได้รับเมื่อสองวันก่อนนั่นเอง

     'หลังต้นถาน คืนจันทร์เต็มดวง' คือข้อความที่ได้รับจาก หลิวอิ่นหลิง หรืออินอ๋อง น้องชายคนที่สาม ซึ่งถูกส่งไปปกครองหัวเมืองทางเหนือ ซึ่งหนีรอดการล้อมจับของทหารต้าเสียงไปได้พร้อมแม่ทัพกองทหาร และชาวเมืองบางส่วนของตนเอง

     นี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เขาออกมาเดินเล่นในสวนในคืนนี้

     หลังจากมาหยุดยืนที่ตำแหน่งนัดหมายได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเคลื่อนไหวจากพุ่มไม้ได้หลัง พร้อมๆกับเสียงสูดลมหายใจเฮือกของจางเหลียน เสียงนั้นทำให้ร่างโปร่งเม้มปากเครียดทันที...

     หรือความจะแตกแล้ว... พลันหูก็ได้ยินเสียงของคนสนิทเอ่ยคำว่าท่านอ๋องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความตระหนกอย่างเห็นได้ชัด คนตาบอดก็ทำความเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที...

     สีหน้าของรัชทายาทแห่งต้าซางในตอนนี้เรียกได้ว่าขึงตึงทั้งยังราบเรียบไร้อารมณ์จนผู้มาใหม่ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วเอ่ยเรียกเสียงอ่อนลุแก่โทษ...

     "ท่านพี่..."

     เป็นน้องชายที่เขาย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าได้เข้ามาใกล้วังหลวงเด็ดขาด... ทั้งๆที่หนีไปได้แล้ว ทำไมถึงดื้อแบบนี้!

     "อิ่นเอ๋อร์...พี่บอกไว้ว่าอย่างไร"

     "แต่ข้าเป็นห่วงท่าน! ท่านพี่ พวกมันรังแกท่านหรือเปล่า บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" น้องชายร่วมสายเลือดที่อายุห่างกันหลายปีรัวคำถามไม่หยุด แม้จะควบคุมเสียงไม่ให้ดังเพราะกลัวพวกทหารต้าเสียงจะได้ยิน แต่ความกังวลในน้ำเสียงกลับชัดเจนอย่างยิ่ง...

     ชัดเจนจนรู้สึกอุ่นขึ้นมาในหัวใจ...

     เมื่อเจอกับความร้อนรนของครอบครัวที่เหลืออยู่ ความโกรธในตอนแรกก็ถูกบั่นทอนจนลดฮวบ หลิวช่างหลินถอนหายใจหนักๆ แล้วยกมือขึ้นควานหาจนจับได้ข้างแก้มของน้องชาย

     "อิ่นเอ๋อร์ พี่ไม่เป็นไร เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เถอะ มันอันตรายมาก...จะให้เชื้อพระวงศ์ทั้งหมดถูกจับไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องหาทางช่วยพี่ เจ้าหนีออกไปให้ไกลที่สุด เผื่อสวรรค์จะเมตตาให้เจ้ากอบกู้ต้าซางขึ้นมาได้"

     อินอ๋องซึ่งตอนนี้อายุสิบเจ็ดทั้งยังเลือดร้อนขมวดคิ้วทันที คว้ามือเรียวๆของพี่ชายมากุมไว้

     "นั่นควรเป็นงานของท่าน ท่านพี่ ท่านหนีไปกับข้าเถอะ ข้าให้คนของข้าแฝงตัวเข้ามาสามวันแล้ว พวกเขาจะต้องพาท่านกับข้าหนีไปได้แน่นอน! แล้วเราค่อยวางแผนขับไล่พวกต้าเสียงออกไปจากบ้านเมืองของเรา!"

     ได้ยินแบบนี้ หลิวช่างหลินก็เม้มปากแน่น ก่อนจะกัดฟันส่ายหน้าอย่างหนักแน่น

     "ไม่ได้! หากข้าหนีไปพวกมันจะทำร้ายชาวเมือง พี่ยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้"

     อินอ๋องบีบมือพี่ชายแน่นขึ้นอีก แล้วออกแรงรั้งให้พี่ชายเดินตามตนไปโดยไม่ฟังเสียงห้ามของจางเหลียนที่อยู่ใกล้ๆเลย

     "แต่ข้าปล่อยให้ท่านอยู่ที่นี่ไม่ได้ ท่านพี่ ท่านคือรัชทายาทแห่งต้าชาง มีท่านอยู่อย่างไรเราต้องกู้สถานการณ์ได้แน่นอน ท่านหนีไปกับข้าก่อน พวกมันไม่กล้าลงมือกับชาวเมืองหรอก!"

     ฟังคำของเด็กหนุ่มเลือดร้อนแล้วคนเป็นพี่ก็ต้องยิ้มขืน หยุดนิ่งขืนแรงดึงของน้องชายเอาไว้ไม่เดินตาม จนคนลากต้องหันกลับมาอย่างร้อนรน

     "ท่านพี่! เราจะไม่มีเวลาแล้วนะขอรับ!"

     "เจ้าไปเถอะ ถึงอย่างไรพี่ก็ไปไม่ได้"

      "ท่านพี่!"

      "อิ่นเอ๋อร์ ฟังพี่!" คราวนี้คนเป็นรัชทายาทเสียงแข็งขึ้นมาแล้ว พี่ชายเป็นแบบนี้ต่อให้อินอ๋องที่ได้ชื่อว่าเลือดร้อนขนาดไหนก็ต้องเงียบฟัง

      "พาพี่ไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังจะเป็นตัวถ่วงของเจ้าด้วย เจ้ารีบออกไปแล้วหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าได้เข้าใกล้เมืองที่มีทหารของต้าเสียงอยู่เด็ดขาด"

     "ท่านพี่พูดอะไรของท่าน อย่างท่านพี่จะเป็นตัวถ่วงได้เช่นไร ท่านบาดเจ็บรึ!" คราวนี้เด็กหนุ่มก็เข้ามาจับสำรวจเนื้อตัวของพี่ชายทันที แต่มองดูจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบบาดแผลที่ตรงไหน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นสบตากับท่านพี่แบบไม่เข้าใจ

     และเป็นครั้งแรกที่หมู่เมฆแยกตัวออกจากกันจนแสงจันทร์สามารถสาดส่องลงมาได้อย่างเต็มที เผยให้เห็นดวงตาเรียวยาวสีดำสนิทอันคุ้นเคย
     
     ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับหม่นแสงลงราวกับมีม่านหมอกปกคลุม ทั้งยังไม่ได้เลื่อนมามองสบตากลับตนเองเหมือนทุกครั้ง...ดูล่องลอยราวกับไม่ได้มองสิ่งใดอยู่เลย!

     อินอ๋องตัวแข็งทื่อ มือที่จับแขนของพี่ชายไว้ถึงกลับสิั่นสะท้านน้อยๆ นานทีเดียวกว่าเขาจะหาเสียงตัวเองเจออีกครั้ง...

     "...ตาของท่าน....."

     "ตาของพี่มองไม่เห็นแล้ว...นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ไปกับเจ้าไม่ได้ อิ่นเอ๋อร์ เจ้ารีบหนีไปซะ ก่อนที่ใครจะมาเจอเข้า" น้ำเสียงของพี่ชายยังคงนุ่มนวลราวกับสายน้ำดังเช่นทุกครั้ง หากแต่สิ่งที่กล่าวออกมานั้นกลายเป็นดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง...

     ไอ้พวกต้าเสียง!

     อินอ๋องขบกรามแน่น โทสะอันรุนแรงก่อเนิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนจิตสังหารแผ่กระจายออกมาอย่างชัดแจ้ง จนคนเป็นพี่ต้องจับแขนแล้วบีบแรงๆเพื่อเรียกสติ

     "อิ่นเอ๋อร์!"

     เจ้าของนามเรียกสติกลับมาได้พยายามข่มจิตสังหารเอาไว้สุดชีวิต อินอ๋องไม่ได้ดึงดันจะพาพี่ชายไปอีก ต่อให้ใจร้อนแค่ไหน หากท่านพี่ตามองไม่เห็นเช่นนี้ พาออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้

    ตามองไม่เห็น ย่อมไม่อาจจับดาบป้องกันตัว แม้แต่ม้าก็ขี่เองไม่ได้...

    เป็นเช่นนี้ต่อให้ใจร้อนกว่านี้สักสิบเท่า เขาก็ไม่อาจพาพี่ชายออกไปเสี่ยงอันตรายเป็นอันขาด

    ฝ่ายคนเป็นพี่ชายนั้นรู้สึกได้ถึงแรงบีบแขนที่คลายลงก็ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก อิ่นเอ๋อร์นั้นถ้าไม่นับเรื่องใจร้อนก็ถือว่าสติปัญญาไม่ด้อยไปกว่าใครในบรรดาพี่น้อง ทั้งตอนที่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็เป็นคนรอบคอบคนหนึ่ง น้องชายไม่ดึงดันแล้วเช่นนี้ก็ต้องเข้าใจเหตุผลที่เขาไม่อาจตามไปแล้วแน่นอน

     อินอ๋องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กัดฟันปล่อยมือจากพี่ชายอย่างไม่เต็มใจ

     "ข้าจะกลับมาช่วยท่านแน่นอน... ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยให้ได้! ข้าจะออกไปรวบรวมทหารที่เหลืออยู่เพื่อหาจังหวะทวงคืนแผ่นดินต้าซาง ท่านพี่ ท่านต้องดูแลตัวเอง จนกว่าข้าจะมาช่วยท่าน ท่านห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด!"

     ได้ยินแบบนี้ก็แสดงว่าน้องชายเข้าใจจริงๆแล้ว หลิวช่างหลินพยักหน้ารับคำของน้องชายด้วยสีหน้ามั่นคง

     ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะมีชีวิตอยู่...เพื่อรอวันที่บ้านเกิดจะกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง

     ถึงพี่ชายจะไม่เอ่ยคำสัญญา แต่แค่การพยีกหน้ารับคำของอีกฝ่ายก็เพียงพอแล้ว อินอ๋องรู้ดี พี่ชายของเขาเป็นคนที่หากรับคำแล้วจะไม่ผิดคำพูดของตัวเองเด็ดขาด

     "ตอนนี้ก็เสียเวลามามากแล้ว เจ้ารีบไปเถอะ จิตสังหารเมื่อครู่ของเจ้ารุนแรงไม่น้อย อีกไม่นานพวกทหารจะมาที่นี่ ระวังตัวเองด้วย"

     เสียงฝีเท้าของพวกทหารยามใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ อินอ๋องส่งเสียงในคอรับคำอย่างจำยอม ได้แต่พูดว่าท่านพี่ดูแลตัวเองด้วยเป็นคำร่ำลาแล้วสาวเท้าวิ่งจากไป

     อิ่นเอ๋อร์ จงหนีไปให้พ้น..อย่าได้ถูกจับเด็ดขาด..พี่ไม่ปรารถนาจะรับรู้ข่าวการตายของพี่น้องร่วมสายเลือดอีกแล้ว

     เลือดหยดหนึ่งไหลออกจากมีอที่กำแน่น หยาดโลหิตสีแดงไหลรินตกต้องยอดใบหญ้าสีเขียวอ่อนอย่างเงียบงัน ดั่งเจ้าของที่ข่มกลั้นความเจ็บปวดลึกซึ้งได้แนบเนียนยิ่งกว่าผู้ใด...


*******


          ทันทีที่ได้รับข่าวว่ามีผู้บุกรุกบุกเข้ามาในตำหนักที่กักขังรัชทายาทผู้สูงศักดิ์เอาไว้ ทั้งยังหนีรอดการจับกุมไปได้อย่างไร้ร่องรอย ลู่ซือเหยียนก็เดินออกจากห้องพักของตนไปยังห้องที่กักขังเชลยกิตติมศักดิ์ไว้ด้วยตนเอง

     สายตาดุดันคมกริบที่จ้องตรงมา แม้จะมองไม่เห็น แต่หลิวช่างหลินนั้นกลับรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน สีหน้าของเขาก็ยังเรียบเฉยไร้อารมณ์ ไม่แสดงทีท่าหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว ลักษณะท่าทางยังคงความทะนงของสายเลือดกษัตริย์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

     ดี...ดียิ่ง! ลู่ซือเหยียนคำรามเสียงต่ำในคออย่างพยายามข่มอารมณ์มิให้ตัวเองเผลอลงไม้ลงมือกับเชลยสูงศักดิ์ตรงหน้า รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้ยินรายงานว่าผู้ที่ยืนดักหน้าเหล่าทหารเอาไว้จนไล่ตามผู้บุกรุกไม่ทันคือร่างโปร่งตรงหน้า โทสะก็ยิ่งมากล้นทวีคูณ โดยที่แม้แต่ตัวเองยังบอกไม่ได้ว่ากำลังโกรธเรื่องอะไร...

     โกรธที่มีผู้บุกรุกเล็ดลอดเข้ามาในเขตของตนเองทั้งยังเล็ดลอดออกไปได้ราวกับติดปีกบิน? ไม่..มิใช่เรื่องนี้ คุมทหารนับแสนนับหมื่นมาหลายปี เรื่องเท่านี้ไม่สามารถสะกิดอารมณ์ของเขาได้หรอก...

     เป็นเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าเกือบจะหนีไปได้งั้นรึ?..ใช่ ข้อนี้แหละ หากปล่อยให้เชลยที่มีค่าเช่นนี้หนีไปได้ ก็ถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงที่จักแปดเปื้อนชื่อเสียงของเขาเอง...

     น่าตายนัก กล้าดียังไงถึงคิดจะหนีไป!

     แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมอารมณ์ให้กลับมาสงบนิ่งอีกครั้งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

     "ดูเหมือนว่าท่านจะคิดว่าข้ามิได้กล้าลงมือจริงๆ"

     สีหน้าของช่างหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางต้นเสียงตอบด้วยสีหน้าเย็นชา "ข้าไม่คิดว่าท่านมีสิทธิ์ลงมือ"

     "อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่าข้าไม่มีสิทธิ์กันล่ะ"

     "การที่ข้ายังอยู่ตรงนี้อย่างไรล่ะ" หลิวช่างหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่ส่ออารมณ์ และพูดต่อว่า  "ข้ามั่นใจว่าเงื่อนไขที่ท่านยื่นให้ข้าคือการอยู่ที่นี่โดยไม่พยายามหนีไปไหน ซึ่งข้าก็รักษาเงื่อนไขของท่านอย่างเคร่งครัดแล้ว"

     ลู่ซือเหยียนหัวเราะหึเบาๆในลำคอ สาวเท้าเดินเข้าไปประชิดร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีดำสนิท ก้มตัวลงไปจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่อยู่ใกล้จนต้องเบือนหน้าถอยไปเล็กน้อยอย่างตกใจ

     "มิใช่ว่าคนที่พยายามมาช่วยท่านถอดใจไปเพราะดวงตาคู่นี้ของท่านหรอกรึ?"

     ประโยคนี้ทำให้ช่างหลินต้องขบฟันแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ของตนเอง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ดุจเดิม

     "ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด"

     "น่าขัน คนที่กล้าบุกรุกเข้ามาท่านเป็นคนขวางมิให้ทหารของข้าตามไปทัน ยังบอกว่าไม่เข้าใจอีกงั้นรึ?"

     หลิวช่างหลินยังคงสงบ ไม่แสดงท่าทีผิดแปลกออกมาแม้แต่นิดเดียว

     "ข้าแค่ออกไปชมดอกไม้เท่านั้น ใครจะรู้ว่าจะไปเกะกะขวางทางคนของท่านได้?"

     "ท่านช่างมีอารมณ์สุนทรีย์นัก ดึกดื่นค่อนคืนไม่หลับไม่นอน กลับออกไปเดินเล่นชมสวนได้" น้ำเสียงของท่านแม่ทัพใหญ่แฝงความกดดันหนักหน่วงนัก แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้หลิวช่างหลินเกรงกลัวขึ้นมาได้อยู่ดี ทั้งยังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม

     "ท่านแม่ทัพใหญ่คงลืมไปแล้วกระมัง ว่าตาข้ามองไม่เห็นแล้ว จะมืดหรือสว่างแตกต่างกันตรงไหน?"

     กับประโยคนี้ จากที่กำลังหงุดหงิดอยู่จนแทบจะตะคอกก็ทำให้ลู่ซือเหยียนสงบลงทันที ดวงตาสีนิลคู่คมกริบหรี่ลงน้อยๆ...ก่อนจะยันตัวถอยออกมากล่าวเนิบ

     "เป็นเช่นนี้เอง ข้าทำท่านลำบากสินะ งั้นเอาเช่นนี้เป็นไร ต่อไปท่านอยากชมดอกไม้หรือต้นไม้ชนิดไหนก็บอกกับคนของข้า ไม่ว่าอะไรพวกเขาก็จะตัดมาให้ท่านชม เช่นนี้ท่านก็มิต้องเปลืองแรงเดินออกไปอีก ทั้งคนของข้าจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้นด้วย"

    คราวนี้สีหน้านิ่งเฉยของคนฟังย่ำแย่ลงทันที ทำแบบนั้นมิสู้บอกว่าต่อไปบริเวณของเขาเหลืออยู่เพียงแค่ภายในห้องนี้จะตรงกว่ารึ

    "นั่นก็แล้วแต่ท่านเถอะ" องค์รัชทายาทแห่งต้าซางเพียงเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเย็นประหนึ่งน้ำแข็ง เบือนหน้าหนีจากจุดที่เสียงของคู่สนทนาอยู่ไม่หันไปสนใจอีก

    ลู่ซือเหยียนหรี่ตาลงมองการกระทำนั้น แค่นเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นมือไปจับปลายคางของผู้สูงศักดิ์ให้หันมา

     "ท่านรู้สถานะของตัวเองดี องค์ชาย อย่าบังคับให้ข้าต้องเสียมารยาทกับท่านเลย"

     "ข้ารู้ตัวเองดี"ดวงตาไร้แววนั้นจรดลงที่ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่ สีหน้ายังคงมีความถือดีอยู่สวนทางกับคำพูดนัก...

     ราวกับตะกอนในอกถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ลู่ซือเหยียนหรี่ตาลงฉายแววอันตราย ก่อนใบหน้าของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงจะโน้มลงไปจนชิดพร้อมๆกับแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากนุ่มของรัชทายาทแห่งต้าซางอย่างดุดัน ใช้จังหวะที่อีกฝ่ายตกตะลึงสอดปลายลิ้นเข้าไปขโมยลมหายใจอย่างจาบจ้วง ไล่ต้อนปลายลิ้นร้อนด้วยความชำนาญส่วนบุคคล มือที่จับปลายคางของร่างโปร่งเอาไว้เลื่อนไปจับท้ายทอยไม่ให้สะบัดหนีไปไหนได้ทั้งยังกดให้อีกฝ่ายแนบชิดยิ่งกว่าเดิม จวบจนรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายใกล้จะหมดลมหายใจ มือที่กดท้ายทอยเอาไว้ถึงได้คลายแรง

     เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายผ่อนแรงลง ผู้ถูกกระทำก็ออกแรงผลักร่างสูงให้ถอยห่างออกไปทันที ใบหน้าขาวขึ้นสีก่ำด้วยความโกรธผสมความอับอาย ผลักอีกฝ่ายออกไปได้ก็ยกหลังมือมาถูริมฝีปากอิ่มช้ำจนเห่อแดง

     "ท่าน!!" ในที่สุดลู่ซือเหยียนก็มีโอกาสได้สดับฟังน้ำเสียงกราดเกรี้ยวของรัชทายาทผู้เยือกเย็นผู้นี่ ท่านแม่ทัพขยับยิ้มที่มุมปาก แล้วยกนิ้วมาแตะที่ปากของตนเองอย่างเผลอตัว...

     หวานนัก..ทั้งยัง..หอมกลิ่นดอกไม้

     ความหงุดหงิดที่สั่งสมมาตั้งแต่รู้ข่าวมลายหายไปทันทีที่ได้ลิ้มรสของริมฝีปากบางๆคู่นั้น มิคิดว่าจูบขององค์ชายใหญ่ต้าซางจะหวานล้ำเช่นนี้ จากตอนแรกเพียงแค่จะแกล้งเล็กๆน้อยๆเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สถานะตนเองกลับกลายเป็นจุมพิตลึกล้ำที่แสนเร่าร้อนเช่นนี้

    รอจนอีกฝ่ายถูจนบริเวณริมฝีปากเห่อแดงไปหมด มือแกร่งก็ยื่นเข้าไปคว้าแขนข้างนั้นแล้วดึงออกไม่ให้ถูอีก มาถึงขั้นนี้องค์รัชทายาทผู้สุขุมเยือกเย็นก็เริ่มตระหนกขึ้นมาแล้ว ทันทีทีถูกจับก็สะบัดแขนทันทีแต่ก็มิอาจสลัดมือที่แข็งราวกับเหล็กข้างนั้นออกจากท่อนแขนของตนเองได้ หลิวช่างหลินทั้งโกรธทั้งอายจนขอบตาแดงเรื่อสุดจะกลั้น ระหว่างที่พยายามสะบัดก็คำรามเสียงสั่นในคอ

     "ปล่อย ข้า!"

     ลู่ซือเหยียนไม่ได้ปล่อยมือ ทั้งยังกระชับกำแน่นยิ่งกว่าเดิม กดเสียงต่ำลงน้อยๆแล้วพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

     "อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรท่าน องค์ชายช่างหลิน ต่อให้ก่อนหน้านี้ท่านสูงเทียมฟ้าแต่ในเวลานี้ท่านเป็นเพียงเชลยที่มีชีวิตอยู่เพื่อรับรองชีวิตของชาวเมืองเท่านั้น อย่าบังคับให้ข้าต้องทำร้ายท่าน...เชื่อข้าเถอะ ว่าท่านต้องไม่ชอบวิธีลงทัณฑ์ของข้าแน่"

     พูดจบมือที่จับไว้จนร่างโปร่งเจ็บแปล๊บก็ปล่อยออก พร้อมๆกับลมหายใจและเสียงฝีเท้าที่เดินออกจากห้องไป จนแน่ใจว่ารอบๆไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว ร่างทั้งร่างขององค์รัชทายาทก็สั่นสะท้านน้อยๆด้วยความรู้สึกที่กรีดร้าวไปทั้งใจ

     ริมฝีปากที่เห่อแดงถูกขบอย่างแรงจนได้รสเลือดไหลเข้ามาแตะปลายลิ้น หยาดน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบที่ข้างแก้มโดยที่ไม่มีผู้ใดคิดจะปาดมันออกไป...

     ทน...เขาต้องทนให้ได้...

     เทียบกับความเจ็บที่สูญเสียบ้านเมืองและครอบครัวไปนี่จะนับเป็นอะไรได้กัน...

     ไม่ ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว...

     บัดซบนัก!...ข้าเกลียดเจ้า..ข้าเกลียดเจ้านักลู่ซือเหยียน!



   
****************************


*(1) ดอกถาน : ถานฮวา ดอกไม้ชนิดหนึ่งมีกิ่นหอมและดอกสีขาวสะอาด จะบานเพียงแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น และจะโรยไปเมื่อแสงอาทิตย์มาเยือน ได้ฉายาว่าดอกไม้แห่งรัตติกาล



เข็นตอนใหม่มาส่งรับวันปีใหม่ ของให้ทุกคนเฮงๆร่ำรวย มีเงินซื้ออะไรวายๆ(?)อ่านตลอดปีนะคะ //โดนโบก

เวิ่นเว้อมาหลายตอน ในที่สุดก็มีฉากเข้าพระเข้านาง(?)บ้างแล้ว ...แอบเขินเบาๆ.

ชอบไม่ชอบตรงไหนเม้นติชมออกความเห็นได้นะคะ ทุกคอมเม้นจะเป็นแรงใจให้คนแต่งบ้าพลังฮึดปั่นตอนต่อไปออกมาได้ไวขึ้นแน่นอน!

ลงนิยายไว้สองทีผ่านมาไม่กี่ตอนก็ทีทั้งคนชอบและไม่ชอบท่านแม่ทัพลู่ของเรา อ่านแล้วเพลินเหมือนกันค่ะ ฮา ขอบคุณทุกคอมเม้นในตอนก่อนหน้านี้มากนะคะ ก่อนจากกันวันนี้ สวัสดีปีใหม่อีกครั้งค่ะ!!!
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Kokyo ที่ 01-01-2016 02:35:10
ท่านแม่ทัพ อยากจะจูบก็บอกตรงๆ ไม่ต้องมาบอกว่าอยากจะแกล้งงงง :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 01-01-2016 02:46:17
หืมๆๆท่านแม่ทัพนี่วิธีลงโทษหรอเคลิ้มเลยนะ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-01-2016 12:56:07
วิธีลงโทษของท่านแม่ทัพนีได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 01-01-2016 14:59:45
ลังเล ไม่รู้ว่าจะสงสาร หรือฟินดี?
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-01-2016 15:52:18
ทั่นแม่ท้าพพพพพพพ
นี่มิใช่ท่านรอโอกาสนี้อยู่นานแล้วรึ?

แอบงงนิด ๆ ว่าองค์รัชทายาทไม่มีวิชาป้องกันตัวหรือเปล่า แบบว่า พอตกใจน่านะออกหมัดป้องกันตัวสักหน่อยอะไรเงี้ย
หรือเราอ่านข้ามอะไรไป??

ชอบสำนวน ชอบเนื้อเรื่อง ชอบคนเขียน

ขอบคุณนะ
สวัสดีปีใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 02-01-2016 01:03:37
สนุกดีๆ ตรงคำแปล ศัพท์เฉพาะ ใส่วงเล็บหลังคำหรือประโยคนั้นดีกว่านะ คือกว่าจะถึงคำแปลนี่.. นานนะ ลืมก่อน งงก่อน
ที่เอาไว้ล่างนี่ค่อยเป็นตอนทำหนังสือ แล้วแปลใส่ด้านล่างหน้ากระดาษ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ia091 ที่ 02-01-2016 09:53:33
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ//สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 02-01-2016 11:23:11
ตอนนี้กำลังติดแนวจีนโบราณมากกกกก

มาได้จังหวะพอดีเลยค้า น่าติดตามมากแต่ดูดราม่าจัง

สำนวนการเขียนดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วลื่นมากก

ไม่ชอบแม่ทัพลู่เท่าไร สงสัยว่าจะรักกันได้ไง

รอตอนต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-01-2016 11:51:15
ชอบอ่านนิยายแนวนี้ค่ะ เขียนสนุกน่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: SoulFighter ที่ 02-01-2016 15:05:52
ชอบนิยายแนวนี้มากค่ะ หาอ่านยากมากกกกก

คนแต่งเปิดเรื่องมาได้น่าติดตามมาก สนุกดีค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: karupin ที่ 02-01-2016 16:53:28
ลื่นไหลมาก อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นจีนโบราณจริงๆ ชอบมากเลยค่ะ
แอบเสียดายที่รัชทายาทต้องตาบอด แต่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไปอีกแบบ
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 08-01-2016 20:19:26
บทที่ 5 : ในเปลวเพลิง (1)



     ไออุ่นจากถ้วยยาที่วางอยู่เบื้องหน้าของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางจางหายไปนานแล้ว หากแต่ร่างโปร่งกลับยังนั่งนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย ดวงตาสีดำขลับไร้จุดรวมสายตาดูเหม่อลอยยิ่งกว่าทุกครา ทำให้คนสนิทที่เป็นคนยกมายิ่งทวีความกังวลมากขึ้นทุกที จางเหลียนอยากจะอ้าปากเรียกเจ้าชีวิตของตนเองหลายครั้งแล้วแต่ก็มิกล้าเอ่ยคำ เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเศร้าหมองที่ดูหนักอึ้งนั่น....

     หลังจากที่เขาโดนจับแยกไป เกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายของเขากัน

     "...ฝ่าบาท" สุดท้ายจางเหลียนก็ต้องส่งเสียงเรียกในที่สุด ยาถ้วยนี้เป็นถ้วยที่สามแล้ว ถ้าออกไปเอาอีกพวกทหารต้าเสียงต้องใช้เป็นข้ออ้างในการจับเขาแยกกับองค์ชายอีกเป็นแน่ หลิวช่างหลินสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าหันกลับไปยังต้นเสียง

     "มีอะไรรึ อาเหลียน?"

     "ยาพ่ะย่ะค่ะ" จางเหลียนพยายามควบคุมตัวเองมิให้เสียงมีแววความสงสัยปะปน เตือนเจ้าชีวิตตนเองเสียงนุ่ม บัณฑิตหนุ่มเลื่อนถ้วยยาที่ตอนนี้ยังอุ่นน้อยๆไปแตะที่มือเรียวเพื่อไม่ให้ผู้เป็นนายต้องความหาจนเผลอปัดถ้วยยาพลิกคว่ำ

     "...อ่า ข้าเหม่ออีกแล้วรึ...." หลิวช่างหลินถอนหายใจแผ่ว หยิบถ้วยยากลิ่นฉุนขึ้นมากระดกลงไปจนหมดถ้วย ยาของหมอโจวเดิมทีขมอย่างร้ายกาจอยู่แล้ว ยิ่งมาดื่มตอนเกือบจะเย็นแบบนี้รสชาติยิ่งย่ำแย่สุดจะบรรยาย คนป่วยวางถ้วยยากลับลงไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

     "ฝ่าบาทมีเรื่องไม่สบายพระทัยหรือพะยะค่ะ" จางเหลียนตัดสินใจถามตรงๆ พลาง ยืดตัวขึ้นนำถ้วยยาหันไปส่งให้นางกำนัลที่ยืนรออยู่ รอจนนางกำนัลนางนั้นเดินออกไปแล้วก็ถือวิสาสะนำโส่วหลู*(1)เล็กๆที่พันด้วยผ้านุ่มๆมาใส่ในมือขององค์ชายของตนเพราะเห็นว่าปลายนิ้วของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อด้วยความหนาว

     เมื่อได้ของอุ่นๆมาถือ หลิวช่างหลินก็กระชับมือถือมันให้มั่นคงขึ้น ลมหายใจสีขาวจางพรูออกมาตามจังหวะการถอดถอนใจ

     "เปล่าหรอก ข้าแค่มีอะไรต้องคิดเท่านั้น"

     "....แน่หรือขอรับ" คราวนี้จางเหลียนไม่ได้ปล่อยให้องค์ชายของตนบอกปัดง่ายๆอีก

     "อืม ไม่มีอะไรจริงๆ อิ่นเอ๋อร์ได้ติดต่อกลับมาอีกหรือเปล่า ถ้ามีก็บอกให้ว่าเลิกกังวลเรื่องข้าซะ แล้วรีบหนีออกจากเมืองให้เร็วที่สุด" หลิวช่างหลินตอบปัดอีกครั้ง ตัดบทด้วยการเปลี่ยนเรื่องที่จางเหลียนไม่อาจไม่สนใจได้

    "มีครั้งหนึ่งขอรับ อินอ๋องแจ้งมาว่าตอนนี้ออกจากเมืองไปแล้ว ฝ่าบาทมิต้องเป็นห่วง"
     
     "เช่นนั้นก็ดี..."

     "....ฝ่าบาทอุ่นพอไหมพะย่ะค่ะ หากไม่พอกระหม่อมจะเติมฟืนให้" จางเหลียนมิอาจซักไซ้ต่อไปจึงสอบถามเรื่องอื่นแทน ซึ่งองค์ชายของเขาก็พยักหน้ารับเบาๆ แล้วกลับไปเหม่อต่ออีกครั้ง...

     ....มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     จางเหลียนเก็บกักความสงสัยไว้ในใจ ขยับลุกขึ้นไปนำฟืนมาใส่เพิ่มแล้วหยิบที่เขี่ยไฟมาเกลี่ยให้ความร้อนกระจายตัวอีกครั้ง ขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิด หางตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ทำให้โทสะปะทุขึ้นในอกอีกครั้ง บัณฑิตหนุ่มยันตัวลุกขึ้น เดินไปที่หน้าประตูซึ่งเปิดค้าง ดวงตาเย็นชาฉายแววเกลียดชังจับจ้องไปยังอดีตสหายรักแล้วปิดประตูกระแทกใส่หน้าอย่างแรง

     อย่างไรก็ไม่พ้นการกระทำโฉดชั่วของพวกต้าเสียงแน่!

*********

     'พวกต้าเสียง' ในความคิดของบัณฑิตหนุ่มนั้น บัดนี้ก้าวอย่างมั่นคงผ่านธรณีประตูไม้หอมสีแดงสดของตำหนักซูเซียว หนึ่งในหกตำหนักของจักรพรรดิหลิวเฉิงเพื่อพบใครบางคนที่รอตนอยู่

     ร่างแบบบางในชุดหรูหราสีแดงสดปักลายดอกมู่ตาน*(2)ด้วยด้ายทองคำอย่างวิจิตรงดงามนั่งอยู่ในห้องรับแขก ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับดวงตาหงส์คู่งามทำให้ใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันเพียงเล็กน้อยดูโดดเด่นจับตา การแต่งกายของนางช่างขัดกับสภาพเก่าโทรมของตำหนักแห่งนี้ราวฟ้ากับดิน ตำหนักซูเซียวเดิมทีเป็นตำหนักที่หรูหราไม่แพ้ตำหนักใดจนกระทั่งผู้เป็นเจ้าของได้ก่อความผิดร้ายแรงเข้า ร้ายแรงจนตำหนักที่งดงามดังสรวงสรรค์ถูกเปลี่ยนเป็น 'ตำหนักเย็น' เพื่อเป็นสถานที่จองจำเจ้าตัว

     ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังร่างเบื้องหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แม้นางจะขยับยิ้มส่งให้ก็มิได้แสดงท่าทีใดเป็นพิเศษ ร่างสูงของแม่ทัพทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม

     "ท่านเรียกข้ามา ต้องการจะสนทนาอันใด"

     เห็นชายหนุ่มเปิดบทสนทนาโดยไม่แม้แต่จะจิบชาที่นางเตรียมเอาไว้ให้ สตรีผู้เป็นเจ้าของตำหนักก็ขยับยิ้มละมุน พลางเลื่อนจานใส่ขนมไปให้อย่างมีไมตรี

     "ท่านแม่ทัพลู่ใยต้องรีบร้อน ดื่มชาเป็นเพื่อนข้าสักเดี๋ยวเถอะ ขนมนี่ข้าให้คนเตรียมเป็นพิเศษเชียวนะ"

     ท่านแม่ทัพที่ว่าหรี่ตาลงน้อยๆ ไม่เพียงแต่มิตอบรับน้ำใจ ยังเอ่ยตัดรอน

     "พระสนมเหยียนไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมสิ่งใดเพื่อข้า ต้าเสียงมีคนทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ท่านมีสิ่งใดก็พูดมาตามตรง"

     สตรีผู้ถูกเรียกว่าสนมเหยียนสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย สีหน้านุ่มนวลถูกแทนที่ด้วยความกระด้างเย็นชา คำเรียกนี้เป็นคำที่นางทั้งรัก ทั้งเกลียดอย่างแท้จริง รักเพราะมันเคยเป็นคำเรียกที่ผู้อื่นเอ่ยถึงตนด้วยความเคารพยำเกรง เกลียดเพราะคำนี้เองที่พวกชั้นต่ำใช้ซ้ำเติมเยาะเย้ยนางเมื่อถูกดีดให้ร่วงลงมาจากสวรรค์ ครานี้น้ำเสียงที่ตอบกลับจึงเย็นชาเป็นพิเศษ

     "ท่านเองมิใช่รู้ดีหรอกรึ ว่าข้าต้องการอะไร"

     "ใช่ ข้ารู้ และข้าบอกไปแล้วว่าข้าให้มิได้"
   
     "เหตุใดมิได้!" สนมเหยียนขึ้นเสียงสูง ในกระแสเสียงมีความไม่พอใจแฝงอยู่อย่างชัดเจน หากแต่ลู่ซือเหยียนก็มิได้นำพากับอารมณ์ของสตรีคู่สนทนาเท่าไหร่นัก

     "ข้าบอกเหตุผลท่านไปแล้ว ยังไงก็มิได้"

     "ข้าเพียงต้องการชีวิตของมัน! เหลือแค่มันเท่านั้น! ข้าช่วยท่านมาตั้งเท่าไหร่ ข้าขอเพียงเท่านี้ท่านให้ข้ามิได้เชียวหรือ!!" ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวไปด้วยแรงโทสะเพียงแค่นึกถึงมันผู้นั้น ความเกลียดชังก็แล่นพล่านขึ้นในอกราวกับมีแมลงนับร้อยนับพันบินเบียดเสียดอยู่ในนั้น...

     เพียงแค่รู้ว่ามันยังมีชีวิต นางก็แทบไม่อยากหายใจเอาอากาศบนโลกเดียวกันเข้าไป ลูกของนางปีศาจตนนั้น...ลูกของผู้หญิงที่แย่งเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากนาง!

     ต้องเผชิญกับความกราดเกรี้ยวของสตรีที่อายุอานามห่างกันเกือบสองรอบ ลู่ซือเหยียนมิเพียงไม่ตอบโต้ ความรู้สึกเวทนาปนสมเพชยังผุดขึ้นมาจนไม่ได้เอ่ยแทรกการระบายของนาง ในสายตาของเขา สตรีที่ถูกความริษยากลืนกินจนมิอาจแยกแยะผิดชอบชั่วดีเช่นนี้น่าสงสาร และอันตรายเป็นอย่างยิ่ง พวกนางไม่เพียงทำลายศัตรูเท่านั้น ยังทำลายแม้กระทั่งตนเอง ครานี้บุตรสาวของมหาเสนาบดีเช่นนางถึงกับขายแผ่นดินเกิดเพื่อล้างแค้นผู้ที่นางมิอาจต่อกร

     กับคนเช่นนี้ ใส่อารมณ์ข่มขู่ไปก็ไม่มีประโยชน์

     ลู่ซือเหยียนรอจนนางระบายอารมณ์จนพอใจถึงค่อยยันตัวลุกขึ้นจากที่นั่ง มองนางด้วยสายตาเย็นชา

     "อย่างไรข้าก็ทำทุกสิ่งตามที่ตกลงกันไว้แล้ว จากนี้ข้าจะให้คนมาพาท่านย้ายไปที่ตำหนักที่ดีที่สุด ท่านเหนื่อยมามาก ต้าเสียงจะตอบแทนบุญคุณของท่านแน่นอน"

     พระสนมเหยียนที่ได้อะละวาดทำลายข้าวของไปแล้วหอบหายใจหนักหน่วง อย่างไรอายุนางก็ไม่น้อยแล้ว เสียการควบคุมตัวเองได้ไม่นานก็สามารถควบคุมตนเองให้กลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง

     "หากข้าบอกว่าข้าไม่ยินยอมกับข้อตกลงนี้ล่ะ" นางย้อนถาม ประโยคนี้เรียกความสนใจของแม่ทัพใหญ่ให้หันกลับมาอีกครั้ง

     "ท่านไม่อยากรู้ผลของการต่อต้านข้าหรอก" ทิ้งท้ายเพียงเท่านี้ ลู่ซือเหยียนก็สาวเท้าจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองอีก

     เพราะไม่หันกลับมา จึงไม่อาจเห็นความอำมหิตที่ฉายชัดบนสีหน้าของสตรีผู้ถูกทิ้งไว้ได้เลย...

     พระสนมเหยียนนั่งทอดสายตาไปยังบานประตูที่เปิดค้างอยู่นาน ครั้งนี้นางมิได้ลุกขึ้นมาอะละวาดทำลายข้าวของอีก แต่กลับเดินออกไปยังระเบียง เอ่ยเสียงแผ่วเบา

     "ลี่เฉียน มาหาข้า"

     ระเบียงว่างเปล่าที่ไม่น่ามีผู้ใดอยู่กลับมีนางกำนัลคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นมาตามเสียงเรียก นางกำนัลผู้นี้เดินเข้ามาหาผู้เป็นนายด้วยฝีเท้าเงียบกริบไร้เสียง ถึงข้างตัวของผู้เป็นนายก็ย่อตัวลงด้วยท่วงท่าที่งดงามยิ่ง

     "พระสนม"

     เหยียนมู่เสีย หรือพระสนมเหยียนเหลือบสายตาไปมองนางกำนัลคนสนิทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเล็กน้อย

     "เตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?"

      ลี่เฉียนย่อตัวลงอีกครั้ง ตอบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เพียงพระสนมสั่งการมาทุกอย่างก็พร้อมจะดำเนินต่อทันที คนฟังพยักหน้ารับพอใจ รอจนลี่เฉียนถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วหมุนตัวกลับไป ดวงตาของสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ก็ฉายประกายเยียบเย็น...

     หากต้าเสียงไม่ต้องการชีวิตของมันผู้นั้น...ข้าเหยียนมู่เสียจะเป็นฝ่ายเอามาเอง!


****************
หัวข้อ: Re: ***สุราใต้แสงจันทร์*** [Yaoi/BL [แนวจีนโบราณ]] บทที่ 4 หยาดน้ำตา UP 01/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 08-01-2016 20:20:16

     วันเวลาไหลผ่านมิต่างกับสายน้ำที่ไม่อาจไหลย้อนกลับ จากวันที่ประตูเมืองถูกทำลาย นับเวลามาตอนนี้ก็ย่างเข้าเดือนเดือนที่สามแล้ว วันเวลาไหลผ่านฤดูกาลย่อมต้องเปลี่ยนผันเช่นกัน ในยามนี้หิมะได้โปรยปรายไม่เว้นช่วงมาราวสาฝมวันแล้ว เกล็ดหิมะทับถมเป็นชั้นหนา ทัศนียภาพ
ทั้งหมดถูกปกคลุมจนกลายเป็นสีขาวโพลน ให้ความรู้สึกอ้างว้าง เย็นชายิ่ง

     ในวันที่อากาศไม่เป็นใจเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนต้องการเก็บตัวอยู่ในห้องที่มีเตาไฟให้ความอบอุ่นซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวนหนา แต่ความต้องการกับความเป็นจริงมักสวนทางกันเสมอ... นางกำนัลและทหารอารักขายังต้องทำหน้าที่ของตน คอยปรนนิบัติผู้เป็นนายมิให้ขาดตกบกพร่อง

     วังตะวันออกมาบัดนี้กลายเป็นที่คุมขังของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซาง ก็ไม่ได้อยู่เหนือกฎเกณฑ์นี้ จะต่างก็เพียงแต่ ทหารและนางกำนัลรับใช้นอกจากจางเหลียน ก็ล้วนเป็นคนของต้าเสียงที่แม่ทัพลู่ซือเหยียนส่งมาควบคุมความประพฤติผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ทั้งสิ้น

     จางเหลียนแม้ไม่พอใจกับความรู้สึกที่ถูกจับตาแบบนี้นัก แต่ก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งเช่นกันว่าตนเองในตอนนี้มิได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรอีกแล้ว ทำได้เพียงกัดฟันข่มอารมณ์แล้วรับใช้องค์ชายของตนให้ดีที่สุดเท่านั้น

     "ฝ่าบาท ดื่มน้ำแกงหน่อยไหมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งให้คนครัวเอาไก่ดำมาตุ๋นกับโสมร้อยปี ช่วงนี้อากาศเย็นนัก บำรุงไว้หน่อยก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ" จางเหลียนประคองถาดที่ใส่ถ้วยน้ำแกงมาอย่างระมัดระวังเอ่ยขึ้น เดินไปวางมันลงที่โต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอน คำพูดของคนสนิทนั้นเรียกรอยยิ้มจากร่างโปร่งบนเตียงได้เล็กน้อย

     "บำรุงไว้หน่อยอะไรกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าขยันบำรุงข้าทุกสามเวลาหลังอาหารหรอกหรือ?" หลิวช่างหลินเอ่ยเย้าคนสนิทพลางยืดตัววางโส่วหลูที่ถือไว้อุ่นมือลง อากาศในยามนี้หนาวจนหายใจแต่ละครั้งก็มักมีไอสีขาวพรูออกมาด้วย ถึงตาจะมองไม่เห็น แต่ระยะเวลาที่ผ่านมานี้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นก็เฉียบคมขึ้นไม่น้อยเป็นการทดแทน เมื่อรับถ้วยน้ำแกงมาดื่มแล้ว หลิวช่างหลินก็ถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง

     "ข้างนอกหิมะยังตกอีกรึ...."

     "พ่ะย่ะค่ะ จากที่เริ่มตกวันนี้ก็วันที่สามแล้ว ฤดูหนาวปีนี้ยาวนานยิ่ง ทั้งยังหนาวกว่าทุกปี ก่อนนอนข้าจะให้คนเอาน้ำขิงมาดีหรือไม่พะยะค่ะ" รอจนองค์ชายของตนดื่มน้ำแกงหมดถ้วยแล้ว จางเหลียนก็เสนอขึ้นมา นี่ก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากผู้เป็นเจ้าชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

     "ถึงบอกว่าไม่เอา เจ้าก็เอามาอยู่ดี จริงๆเลย ข้าเพียงแค่มองไม่เห็น ร่างกายส่วนอื่นก็ไม่ได้บุบสลายที่ตรงไหน ความหนาวแค่นี้ ปกติข้ายังออกไปเดินเล่นกลางสวนได้ทั้งวันด้วยซ้ำ"

     "กระหม่อมเพียงแค่...." จางเหลียนยังไม่ทันพูดจบ ความรู้สึกประหลาดก็พุ่งขึ้นมาจนต้องหันไปทางฉากกั้นหยกขนาดใหญ่ ตวาดออกมาเสียงดังก้อง

     "นั่นใคร! เผยตัวของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!" ไม่พูดเปล่า มีดสั้นที่พกติดตัวตลอดก็ถูกซัดออกไปยังจุดที่ความรู้สึกนั้นแม่นยำ มุ่งมาดจะดับชีวิตผู้บุกรุกไม่กลัวตาย ดังคาด เงาร่างสีดำสายหนึ่งพุ่งหลบมีสั้นออกมาจากหลังฉากกั้น ยังมิทันที่จางเหลียนจะลงมืออีกครั้ง ร่างโปร่งเบื้องหลังก็ส่งเสียงออกมา

     "จางเหลียน หยุดมือ"

     มีดสั้นที่กำลังจะปาหยุดชะงักไป ถึงไม่เต็มใจก็ต้องหยุดมืออย่างเสียไม่ได้ กระนั้นบัณฑิตหนุ่มที่น่าจะบอบบางอ่อนแอผู้นี้กลับยังถืออาวุธของตัวเองเอาไว้มั่นไม่ยอมปล่อย

     ผู้บุกรุกห่มคลุมร่างกายของตนไว้ด้วยชุดรัดกุมสีดำสนิททั้งยังปิดหน้าปิดตาอีกด้วย มองอย่างไรไม่น่าน่าไว้วางใจแม้แต่น้อย

     เห็นท่าทางหวาดระแวงของจางเหลียน ชายชุดดำที่บุกรุกเข้ามาในห้องของคนอื่นก็ยกมือยอมแพ้ มือดึงผ้าคลุมหน้าของตัวเองลงเผยให้เห็นใบหน้าที่แยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรีดวงหนึ่งจับคู่กับดวงตาสองข้างที่มีโทนสีต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้ฝ่ายที่ถืออาวุธระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม จางเหลียนหรี่ตาลงด้วยท่าทางอันตราย

     "เจ้าเป็นใคร"

     "ข้าหลี่รุ่ยเต๋อ แซ่หลี่ รุ่ยจากภูเขารุ่ย และเต๋อจากคุณธรรม เป็นเพียงคนที่แวะผ่านมา ไม่ใช้คนร้ายหมายเอาชีวิตแน่นอน" ชายชุดดำตอบด้วยน้ำเสียงระรื่นปราศจากความหวาดกลัว ทั้งยังยิ้มแป้นอย่างไม่เข้ากับสถานการณ์แม้แต่น้อย

     "ท่านเข้ามาในนี้ทำไม ต้าเสียงคิดจะเก็บพวกข้าแล้วงั้นรึ ถึงได้ส่งมือสังหารเช่นท่านมา" ครานี้เป็นหลิวช่างหลินที่ยันตัวลุกขึ้นจากที่นอน ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างคนสนิทของตนถามขึ้นมา

     "มิใช่ มิใช่" หลี่รุ่ยเต๋อรีบส่ายหน้าปฎิเสธทันทีเมื่อคู่สนทนาเข้าใจจุดประสงค์การมาของตนผิดพลาด ท่าทางนั้นยิ่งทำให้จางเหลียนระแวงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

     "เช่นนั้นเหตุใดข้าเสียงดังปานนี้ คนข้างนอกนั่นถึงไม่รีบเข้ามาเล่า หากไม่ใช่พวกเจ้าวางแผนสังหารองค์ชายกับข้า จะเป็นอะไรได้อีก!"

     หลี่รุ่ยเต๋อเลิกคิ้วน้อยๆ สั่นหน้าจุ๊ปากเบาๆราวกับกำลังมองเด็กน้อยอ่อนต่อโลก

     "จะฆ่าพวกเจ้าข้าไม่จำเป็นต้องอาศัยแรงใครหรอก" คนพูดยักไหล่น้อยด้วยท่าทางถือดี มือหยิบพัดจากที่ไหนไม่รู้มาคลี่ออกแล้วสะบัดอย่างสบายอารมณ์ หากมองเพียงท่าทางของคนทำ ตัดชุดสีดำและพฤติกรรมน่าสงสัยออกไป จะบอกใครว่าอีกฝ่ายเป็นคุณชายเจ้าสำราญที่กำลังเดินเล่นจีบสาวงามบนท้องถนนทุกคนต้องพยักหน้าคล้อยตามแน่นอน

     "เช่นนั้น ข้าถามท่านได้หรือไม่ ว่าท่านเข้ามาทำอะไรที่นี่" หลิวช่างหลินเปิดปากถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทำเอาคนฟังประหลาดใจไม่น้อย ความสนใจถูกกระตุ้นขึ้นมาจนต้องหุบพัดแล้วเลิกเล่น

     "ต่อจากนี้ข้ามีหน้าที่คุ้มครองท่าน"

     "...มิใช่ว่ามีคนทำหน้าที่อยู่แล้วหรือ"

     "แน่นอนว่าย่อมมีคนทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ข้าต้องมาคุ้มครองท่านมันไม่ใช่มือสังหารธรรมดาหรอก"

     "ท่านพูดเช่นนี้..." จางเหลียนขมวดคิ้วเพียงครู่เดียวสีหน้าก็เผือดลงจนซีดขาว นึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมา

     "ข้าตอบคำถามแล้ว ทีนี้เจ้าก็ลดอาวุธลงได้กระมัง?" หลี่รุ่ยเต๋อจ้องอาวุธในมือบัณฑิตหนุ่มนิ่ง ริมฝีปากคลี่ยิ้มเรียบๆ "เพราะถ้าเจ้าไม่ลด ข้าเองก็ชักจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว" ดวงตาสองสีเปล่งประกายจริงจังเอาเรื่องขึ้นมาวูบหนึ่งจนคนถูกมองถึงกับต้องขบฟันกลั้นอาการสั่นสะท้าน  ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางจึงแตะบ่าให้คนสนิทของตนลดอาวุธลง

     ตอนนี้ที่ทุกอย่างยังไม่พร้อม จักหาเรื่องคนของต้าเสียงไม่ได้

     "ข้าหลิวช่างหลิน จากนี้คงต้องรบกวนท่านหลี่แล้ว" อดีตองค์รัชทายาทพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  ประสานมือคารวะอย่างคนระดับเท่าเทียมกัน

     การเรียกขานสุภาพ ท่าทีมีมารยาทนุ่มนวล แต่ถึงกระนั้นกลับมิยอมอ่อนข้อในที น่าสนใจ น่าสนใจยิ่ง หลี่รุ่ยเต๋อขยับยิ้มกริ่ม ตอนนี้เขาไม่สงสัยแล้ว ว่าเหตุใดแม่ทัพเลือดเย็นของพวกเขาถึงได้สั่งการลงมาแบบนี้

     ตัวประกันแบบนี้ปล่อยให้ตายน่าเสียดายแย่

     คิดได้ดังนั้น ใบหน้าที่แข็งขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดก็สลายหายไป ดวงตาสองสีกลับมาทอประกายระยับดุจคนเจ้าสำราญดังเดิม ชายชุดดำน่าสงสัยในความคิดของจางเหลียนก็ประสานมือตอบกลับทีเล่นทีจริง

     "เช่นกัน ฝากตัวด้วย"


**********


     นับจากวันนั้นห้องของหลิวช่างหลินก็มีแขกพิเศษโผล่มาในจังหวะที่น่าเหลือเชื่อเสมอ สิบกว่าวันที่ผ่านมาจัดการนักฆ่าที่บุกเข้ามาได้นับสิบ ยังไม่รวมนักฆ่าที่หลงซานจับได้ต่างหาก จำนวนที่มากมายถึงเพียงนี้ออกจะน่าตกตะลึงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้สีหน้าของผู้เป็นเป้าหมายเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่

     ความชิงชังที่หยั่งรากลึกของคนผู้นั้น แท้จริงแล้วลึกล้ำถึงเพียงนี้...

     หิมะหยุดตกไปหลายวันแล้ว ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาอากาศก็แห้งขึ้นจนชวนให้ระคายคอ จางเหลียนจึงมักต้มน้ำสมุนไพรให้เขาดื่มบ่อยๆ จนตัวเขาแทบจะมีกลิ่นสมุนไพรนานาชนิดเป็นกลิ่นประจำตัวอยู่แล้ว

     เสียงฝีเท้าเสียงหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ จังหวะการก้าวเดินที่หนักแน่นมั่นคงนั้นทำให้ในใจของคนฟังหนักอึ้งอย่างน่าประหลาด เสียงฝีเท้านั้นหยุดนิ่งอยู่ที่ประตูเหมือนทุกครั้ง หยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหมุนตัวจากไป

     เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ไม่แม้แต่จะก้าวเข้ามาหรือส่งเสียงพูดจาแม้แต่น้อย แม่ทัพผู้นั้นเพียงเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูในตอนที่จางเหลียนไม่อยู่เสมอ แรกๆเขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายเพียงมาตรวจตราความเรียบร้อย แต่พอนานวันเข้าความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มทบทวี

     คนเป็นแม่ทัพใหญ่จำเป็นต้องเจียดเวลาอันมีค่าของตนเองเพื่อมาเฝ้ามองตัวประกันทุกวันเลยหรือ? ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ สุดท้ายอดีตรัชทายาทก็ผ่อนลมหายใจแรงๆแล้วเลิกคิดมันเสียเลย

     เดาใจคนแบบนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด จะทำให้ตัวเองเวียนหัวเอาเสียเปล่าๆ

     ร่างโปร่งขยับลุกขึ้นจากโต๊ะน้ำชากลางห้องพัก เดินกลับไปเข้าไปในห้องด้านใน ฝีเท้าแต่ละก้าวมั่นคง ไม่จำเป็นต้องคลำทาง ห้องนี้จากที่สะดุดล้มครานั้นหลิวช่างหลินก็ไม่เคยให้คนสนิทของตนย้ายของโดยที่ไม่บอกตนเองก่อน การเคลื่อนไหวในห้องเลยลื่นไหลไม่ติดขัดแม้แต่น้อย

     วันนีัเขาใช้ให้จางเหลียนไปหาของบางอย่างตั้งแต่เช้า จนป่านนี้บ่ายคล้อยแล้วเจ้าตัวยังไม่กลับ ออกจะผิดวิสัยของจางเหลียนไปบ้าง ครั้นจะถามพวกทหารยามหน้าห้อง หลงซานซึ่งเป็นคนเดียวที่ยอมโต้ตอบก็หายไปไหนไม่รู้ ส่วนทางหลี่รุ่ยเต๋อวันนี้ยังไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้าด้วยซ้ำ...

     ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นมาให้รู้สึกใจคอไม่ดี

     เงียบเกินไป... ตอนนี้มันเงียบเกินไป! เสียงลมหายใจของพวกทหารยามหน้าประตูเงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

     หลิวช่างหลินผุดลุกขึ้นจากเตียงที่เพิ่งหย่อนตัวลงนั่ง ก้าวเท้าเร็วๆไปยังประตูห้องนอนก็พบว่าถูกปิดล๊อคเสียแล้ว พยายามออกแรงผลักอยู่นานก็หาขยับไม่ ตอนนี้เองที่กลิ่นฉุนอันไม่พึงประสงค์ได้ลอยเข้ามาแตะจมูก

     กลิ่นที่ทำให้เลือดในกายเย็นยะเยือกในชั่วพริบตา...

     น้ำมัน...

     มีใครบางคนกำลังจุดไฟเผาที่นี่! ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก กลิ่นน้ำมันฉุนขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงของหยาดน้ำไหลลงตกกระทบกับพื้นไม้ยิ่งบีบรัดความรู้สึกให้สิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม

     ในที่สุดก็ถึงคราวของข้าแล้วงั้นรึ...เสด็จพ่อ เสด็จแม่..ลูกกำลังจะไปพบพวกท่านเดี๋ยวนี้...

     เสียงน้ำไหลหยุดไปแล้ว อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางยืนนิ่งไม่ขยับ รู้ดีว่ามิอาจหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยตนเอง หากเป็นตอนที่ตายังมองเห็น เพียงหนึ่งดาบที่สามารถพาตนเองออกไปได้ไม่อยากเย็น ทว่ายามนี้อย่าว่าแต่จะฟาดฟันอะไรเลย กระทั่งดาบคู่กายก็ถูกยึดไปแล้วด้วยซ้ำ

     จากทิศทางของเสียงน้ำเมื่อครู่ เกรงว่าเมื่อคนร้ายจุดไฟ นอกจากจะหลับหูหลับตาวิ่งไปให้ไฟเผาเอาดาบหน้า ก็มีแต่เตรียมใจรับความตายอยู่ที่นี่แล้ว...

    ไม่ต้องให้เสียเวลารอนาน ควันก็เริ่มลอยลอดตามช่องแคบๆของกรอบประตูเข้ามาด้านใน หลิวช่างหลินก้าวถอยจากบานประตูช้าๆ...หันไปนำกาน้ำชาเทราดบนผ้าเอามาปิดปากและจมูกตนเอง...

     หากใครสักคนเข้ามาไม่ทัน เห็นทีครานี้เขาจะได้ก้าวข้ามประตูผีแล้วจริงๆ

**********

     ในขณะที่เปลวเพลิงเริ่มลุกไหม้ บานประตูหนาหนักของห้องเก็บของห้องหนึ่งในวังตะวันออกก็ถูกกระแทกเปิดออกด้วยฝีมือของบุรุษที่สวมชุดขุนศึกแห่งต้าเสียง ดวงตาสีนิลคมกริบกวาดตามองไปรอบห้องอย่างร้อนรน จนสายตาไปปะทะกับร่างผอมบางร่างหนึ่งที่นอนสลบอยู่บนพื้น ก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที

     "จางเหลียน!" เอ่ยเรียกชื่อคนสลบพลางเขย่าตัวเบาๆให้ตื่น แต่บัณฑิตหนุ่มก็ยังไม่ได้สติ ทั้งลมหายใจยังแผ่วเบาจนน่ากลัว

    หานหลงซานเอามือตบข้างแก้มอดีตสหายอีกครั้ง เห็นว่าไม่ได้ผลแน่แล้วจึงตัดสินใจกดนิ้วลงบนจุดใต้จมูกเพื่อเรียกสติกลับมา หลังจากเอานิ้วออกคนสลบก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลืมตาขึ้น...

    แรกเริ่มดวงตาของคนเพิ่งฟื้นยังฉายประกายงุนงง เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยก็หลุดเรียกอาซานออกมาด้วยความเผลอตัว คำเรียกขานนั้นราวกับเข็มทิ่มแทงเข้าไปในอกของคนฟัง เพราะหลังจากอีกฝ่ายเรียกสติกลับมาได้เต็มร้อย ความงุนงงในดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง

     "...เจ้า! ทำอะไร ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!" ทันทีที่สังเกตเห็นว่าตนเองถูกประคองไว้ในอ้อมแขนของคนทรยศ จางเหลียนก็ตวาดลั่น ผลักร่างสูงกว่าออกห่างทันที   ทางหานหลงซานมิเพียงยินยอมให้อีกฝ่ายปัดป้อง เมื่อโดนผลักออกมาแล้วยังขยับถอยเว้นระยะห่างจากคนเจ็บให้อีกฝ่ายลดความตื่นตระหนกลง

     ผลักคนทรยศออกไปแล้ว จางเหลียนถึงได้หันมองรอบด้านเห็นสถานที่ไม่คุ้นตาคิ้วเรียวจึงขมวดเข้าหากันเป็นปม รอจนร่างกายขยับได้คล่องขึ้น บัณฑิตหนุ่มถึงค่อยยันตัวลุกขึ้นจากพื้นปัดผุ่นขาวๆที่เกาะตนเองออก สีหน้าแสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน

     เขาไม่ได้เอ่ยคำถามโง่ๆว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร กลิ่นยาสลบที่ถูกคนร้ายเอามาโปะปิดจมูกยังคงฉุนกึกอยู่ในห้วงความคิด สภาพเช่นนี้ดูอย่างไรก็หนีไม่พ้นคงถูกคนร้ายสักคนจับตัวมาเป็นแน่

     เหลือบมองไปยังร่างสูงในชุดขุนพลแดนศัตรู ความรู้สึกก็ยิ่งย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ความไว้วางใจก่อนหน้าถูกทำลายไปสิ้นแล้ว จะให้เอ่ยปากขอบคุณคนทรยศตีให้ตายเขาก็ไม่มีวันทำ  กับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ แค่พูดด้วยก็รู้สึกอึดอัดแล้ว

     "เจ้าวางแผนจะทำอะไรอีกล่ะ สร้างบุณคุณเพื่อเรียกคืนความเชื่อใจงั้นรึ? ข้าขอบอกไว้เลยนะ ว่าวิธีเก่าๆแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก"

     หานหลงซานมิได้เปลี่ยนสีหน้าเมื่อได้ยินคำพูดอันแห้งแล้งนั้น ตอบอย่างเรียบง่ายว่าเปล่าแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก

    จางเหลียนจ้องมองใบหน้าอดีตสหายที่กลายมาเป็นศัตรูอยู่นานเมื่อไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความเรียบเฉยจึงแค่นเสียงแล้วเดินกระแทกบ่าร่างสูงออกไปจากห้องเก็บของอับทึบนี้ แต่ออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง

    ควันสีดำทะมึนสายหนึ่งลอยขึ้นมาจากจุดกึ่งกลางของวังตะวันออก ที่ๆเขาจำได้ดีว่ามันเป็นสถานที่ที่เจ้าชีวิตของตนอยู่ในตอนนี้...

    "ฝ่าบาท!"



****************************************
     *(1)โส่วหลู : เตาเล็กๆมีฝาปิด ใช้ถือไว้ให้ความอบอุ่นในมือ มักมีรูปทรงเป็นโถเล็กๆที่มีการแกะวาดลวดลายไว้อย่างสวยงามตามแต่ละท้องที่
      *(2) ดอกมู่ตาน : ดอกโบตั๋น

     กลับมาแล้วค่ะ!! หายไปหลายวันเพราะกำลังหนักใจว่าจะเอาเนื้อหายัดลงไปในตอนเดียวยังไง.. สุดท้ายก็ต้องหั่นออกเป็นสองตอนซะงั้น 555 แง ต้องรื้อออกนั่งเขียนเรียบเรียงใหม่... เลยช้าแบบมโหฬาร ขออภัยนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ ///v\\\  ไม่ได้ตั้งใจตัดให้ค้างนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ! มัน..มันเคาะมาเรื่อยๆแล้วมาหยุดตรงนี้เองค่ะ 555

     เป็นครั้งแรกที่ยัดลงความเห็นเดียวไม่ได้ เอื้อ... //

     การเขียนในมุมของคนตาบอดแอบเขียนยาก แต่ก็ท้าทายไม่เบา เจอสหายที่หลงไหลนิยายแนวเดียวกันหลายคนเลย ประทับใจมากค่ะ! โฮก ยาวอีกแล้ว ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคอมเม้นทุกคอมเม้นที่เป็นพลังใจให้คนเขียนในตอนก่อนหน้า และที่กำลังจะเม้นตอนอ่านจบตอนนี้นะคะ(มัดมือชก.) แล้วพบกันครึ่งหลังค่า ^^   
****************************************


(http://upic.me/i/9g/829f5b5273fef652f7a4dee79f556d58.jpg)
นายน้อยแห่งหอเหลียนฮวา มีหน้าที่สืบข่าวควบตำแหน่งมือสังหาร (สังกัดกับแม่ทัพลู่คนเดียว เป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก) : หลี่รุ่ยเต๋อ

(http://upic.me/i/7y/12049149_1666131753634009_1227617313545881629_n.jpg)
หน้าตาของโส่วหลู
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 08-01-2016 20:38:08
ลืมไปว่าลืมแปะที่นี่ อ่านเรื่องนี้ไปพลางฟังเพลงอิมเมจเนื้อหาไปพลางนะคะ  :o8:

แปะให้ขึ้นเป็นวีดีโอไม่เป็น แปะเป็นลิ้งค์แทนแล้วกัน.. :katai4: //

https://www.youtube.com/watch?v=WcW46p71QuE
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 08-01-2016 21:37:38
 :katai1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-01-2016 22:33:51
ในที่สุดก็มาต่อดีใจนึกว่าจะโดนทิ้งไว้กลางทาง 555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 08-01-2016 22:57:35
โอ๊โหหหหหหหหห ตัดฉับ  :a5:

แล้วจะมาเมื่อไร งื่อออออ ค้างอย่างรุนแรงง

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Ignite ที่ 09-01-2016 06:37:19
 :z3:ค้างงงอาาาา ลุ้นมากเลยสุุดท้ายใครจะไปช่วยนะ
หัวข้อ: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 09-01-2016 13:02:52
อยากอ่านต่ออออ :ling1:
แม่ทัพเอาองค์รัชทายาทไปอยู่ด้วยเลยสิ  :serius2:
สงสาร :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-01-2016 15:07:18
องค์รัชทายาทจะปลอดภัยไหม
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Lyralyn ที่ 09-01-2016 15:56:32
 :mew3: มาติดตามอีกคนค่าาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 09-01-2016 23:03:06
เฮ้ยยยค้างงงงงงง องค์ชายจะเป็นอะไรไหมอ่าา
ขอให้แม่ทัพมาช่วยทันทีเถอะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 11-01-2016 01:05:10
ฝ่าบาทแย่แล้ววว
ท่าทางเรื่องนี้การเมืองจะเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ รู้สึกว่าเข้มข้นดีค่ะ อิอิ
แต่ก็รอเสพความหวานอยู่น้า รออ่านค่
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-01-2016 03:09:04
ฝ่ายบาทของดิฉันน โอย ตาบอดด้วย น่าสงสารจัง

ถ้าตาไม่บอดท่านต้องเป็นตัวละครที่สร้างสีสันทางการเมืองได้มากกว่านี้แน่ๆ รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 12-01-2016 13:26:05
บทที่ 6 : ในเปลวเพลิง (2)


*************************


     เปลวเพลิง คืออะไร... ถามคำถามนี้กับต่างคน ย่องได้คำตอบที่ต่างกัน บางคนตอบว่าเป็นสิ่งที่ให้แสงสว่าง บางคนตอบว่าเป็นสิ่งที่คอยช่วยหุงหาอาหาร แต่หากถามชายหนุ่มที่ตกอยู่ในวงล้อมของเปลวเพลิงในตอนนี้ล่ะก็...เจ้าตัวคงจะตอบว่าเปลวไฟคือหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย

     ผิวกายร้อนผ่าวเพราะไอของเพลิง ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำ ยิ่งอยู่นานดวงตาก็ยิ่งแสบเพราะควันไฟ ถึงจะไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้อีกแต่เปลือกตาก็ยังหลับแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ไอร้อนจากด้านนอกมาทำร้ายดวงตาได้ จะหายใจแต่ละครั้งก็ลำบากมากขึ้นทุกที...

     ไอร้อนที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าด้านนอกไฟโหมแรงขึ้นทุกขณะ ลุกลามเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ในสภาพที่ไม่อาจใช้ดวงตามองหาทางหนี การเดินมั่วๆไม่ได้ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย ถ้าพลาดเดินไปในจุดที่ไฟกำลังลุกโหมคงหนีไม่พ้นกลายเป็นซากร่างสีดำ

     เห็นทีวันนี้ อย่างไรก็ไม่รอดพ้นแน่แล้ว...อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางได้แต่ถอดถอนใจ เขามิได้หวาดหวั่นต่อความตายที่กำลังจะมาถึง ตัวเขาในตอนนี้จะอยู่ก็ดี จะตายก็ดี สิ่งที่ทำให้หนักใจมีเพียงเรื่องที่มิอาจรักษาสัญญากับน้องชายเอาไว้ได้ อิ่นเอ๋อร์ต้องโกรธเขามาเป็นแน่...

     แต่หากเขาตายไปในตอนนี้ความจริงแล้วจักเป็นผลดีกับต้าซางมากกว่า กองกำลังที่อยู่ด้านนอกจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง บุกมาไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะทำให้ตัวประกันอย่างเขาตกที่นั่งลำบาก

     เพราะเหตุนี้ หลังจากออกแรงและสำรวจรอบๆว่าตนเองออกไปไม่ได้แน่แล้ว หลิวช่างหลินจึงมิได้ดิ้นรนอีก เพียงนำผ้าชุ่มน้ำมาปิดปากและจมูกเพื่อไม่ให้ตนเองสำลักควันเท่านั้น

     เสียงไม้ลั่น เสียงเปลวไฟที่กำลังโหมรุนแรงจากด้านนอกเริ่มกระชั้นเข้ามาทุกขณะ บ่งบอกว่าประตูผีได้คืบคลานเข้ามาอยู่เบื้องหน้าแล้ว สติของชายหนุ่มเริ่มเลือนลางลงทีละน้อย ความร้อนไล่เอาเหงื่อให้ไหลซึมออกมาราวกับน้ำหลาก รู้สึกได้ว่าคอแห้งผากจนกระทั่งน้ำลายก็กลืนไม่ลง

    ชักจะเข้าใจความรู้สึกของพวกปลาที่ถูกย่างแล้วสิ หลิวช่างหลินคิดติดตลกในใจ แม้สติจะเลือนลาง แต่ห้วงความคิดของอดีตรัชทายาทกลับกระจ่างใสยิ่ง นิ่งสงบดุจผิวน้ำไร้ระลอกคลื่น ยิ่งไร้ความหวาดกลัว จนถูกความเวียนหัวโจมตี ร่างโปร่งจึงทรุดตัวลงนั่งยันแขนข้างหนึ่งไว้กับเตียง พยายามไม่ล้มไปในตอนนี้ 

     ในจังหวะที่ร่างทั้งร่างกำลังจะทรุดลงไปกองที่พื้น เสียงโครมครามก็ดังแว่วมาจากด้านนอก ลักษณะเสียงที่ดังอย่างต่อเนื่องบ่งบอกว่ามันไม่ใช่การพังถล่มเพราะไฟที่กำลังลุกไหม้แน่นอน แต่เป็นเพราะมีใครบางคนกำลังบุกเข้ามาด้านในต่างหาก

     ใครกัน...จางเหลียน? ไม่ จางเหลียนใช้แต่มีดสั้น ถึงบุกเข้ามาเสียงก็ไม่มีทางดังโครมครามเช่นนี้แน่ หรือจะเป็นคนร้าย...คนผู้นั้นคงไม่เมตตาขนาดใช้ดาบมาฟันเขาตายในดาบเดียวทั้งๆที่วางแผนจุดไฟเผาให้ตายอย่างทรมานหรอก.

    แล้วใครกัน...

    ในช่วงเวลาที่เสียงหลากหลายผสมปนเปแบบนี้ การจักแยกตัวตนด้วยเสียงฝีเท้าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ระหว่างที่กำลังสับสนประตูห้องก็ถูกพังเข้ามาพร้อมๆกับเสียงดังสนั่น ใครคนนั้นรุดเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ก้มตัวลงแตะสำรวจร่างของเขาอย่างคล้ายจะร้อนรน สัมผัสนี้ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่เขาก็ไม่มีแม้แต่เรียวแรงที่จะเอ่ยปากแล้ว...

     ก่อนที่สติจะขาดหายไปโดยสมบูรณ์ หลิวช่างหลินรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนที่สอดเข้ามาประคองร่างของตน แล้วอุ้มขึ้นอย่างนุ่มนวล...

     แต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาก็ไม่อาจรับรู้ได้แล้ว....

*********

     หากจะนิยามช่วงชีวิตที่ผ่านมาของลู่ซือเหยียน นอกจากช่วงเวลาในวัยเด็กแล้ว สถานที่ที่เขาคุ้นเคยที่สุดไม่ใช่บ้าน แต่เป็นสนามรบ ชายหนุ่มออกรบครั้งแรกตอนอายุย่างเข้าสิบห้าปี ติดตามที่พ่อผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ในขณะนั้นขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อปกปักษ์แผ่นดินต้าเสียง อายุสิบเจ็ดก็ได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วเพราะผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา อายุยี่สิบเจ็ดปีก็ได้กินตำแหน่งหย่งฉีต้าเจียงจวิน*(1) เติบโตมากับกลิ่นคาวเลือดและความตายของศัตรูมากกว่าจะเป็นบทกวีหรือเสียงดนตรีแบบคุณชายท่านอื่นในแผ่นดิน...

     เพราะคุ้นเคยกับร้อยแปดสารพันแผนการในการชิงชัยในสนามรบ ลู่ซือเหยียนจึงมิได้ใยดีเท่าไหร่นัก ที่จักใช้วิธีการสกปรกในการชิงชนะเหนือสมรภูมิ ในเมื่อมันสามารถลดความสูญเสียของฝ่ายตนเอง เหตุใดต้องดันทุรังทำตามครรลองเพื่อปรานีศัตรูด้วยเล่า ที่กล่าวมาก็คือเรื่องใดที่ตัดสินใจไปแล้ว เขาไม่เคยเสียใจภายหลัง กับคนที่ตายเพราะแผนการของตน เขาจะจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ พื้นฐานของการเป็นแม่ทัพ ต้องตัดความใจอ่อนออกไปให้ได้

     ในสงครามการผ่อนความโหดเหี้ยมของท่านลงเพียงอึดใจ เสี้ยวพริบตานั้นอาจดับชีวิตของท่าน สงครามจักทำให้ท่านเคยชินกับความตายและสามารถเปลี่ยนตัวเองให้การเป็นมารร้ายไร้หัวใจได้อย่างไม่ยากเย็น

     ในเมื่อสามารถทำใจให้เคยชินกับความตายของสหาย เหตุใดถึงจะไม่สามารถชินกับความตายของศัตรูได้เล่า

     ทั้งๆที่คิดว่าตนเองเคยชินกับความตายแล้ว เหตุใดเขาจึงทำเรื่องบ้าๆอย่างการลุยเข้ามาในกองไฟเพื่อตัวหมากตัวหนึ่งกัน ถึงหมากตัวนี้จะสำคัญเพียงไรก็ไม่ควรสำคัญกว่าชีวิตของตัวเขาเองมิใช่หรือ!

    แม่ทัพใหญ่ลู่ซือเหยียนสบถออกมา ไม่เข้าใจการกระทำนี้ของตนเองแม้แต่นิด ดาบในมือยังคงวาดฟันทำลายอุปสรรคที่กีดขวางทางเดินของตน  ทำลายบานประตูและของที่ล้มระเกะระกะ เบิกทางเพื่อเข้าถึงตัวใครบางคนที่ทำให้เขาต้องทำเรื่องโง่ๆอย่างการกระโจนเข้ามาในกองเพลิง

    เข้ามาแล้วไอร้อนที่แผ่ออกมาจากเปลวไฟร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไม่น้อย ขนาดเลือกเดินในทางที่ไฟยังไม่ลุกลาม เปลวไฟยังคงแลบเลียจนผิวกายแสบไปหมด คิ้วคมขมวดแน่นจนแทบเป็นปม ถึงเปลวไฟจะร้อนแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจหยุดให้เขาบุกเข้าไปช่วยคนที่ยังติดอยู่ด้านในได้

    ไม่นานร่างสูงก็ฝ่าเข้ามาถึงห้องด้านในสุดซึ่งยังปิดสนิท ด้านนอกมีโซ่เหล็กคล้องอยู่อย่างแน่นหนา บานไม้สีแดงสดเริ่มติดไฟแล้ว มิอาจรู้ได้เลยว่าคนด้านในจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

    ดาบคู่กายตวัดเพียงครั้งเดียว ตรวนเหล็กก็ส่งเสียงลั่นดังกังวาน ข้อเหล็กข้อหนึ่งปรากฎรอยคมกริบพาดผ่าน ก่อนตรวนทั้งเส้นจะขาดออกจากกันด้วยรอยตัดข้อนั้นเอง

    เมื่อกำจัดสิ่งกีดขวางด่านสุดท้ายสำเร็จ ลู่ซือเหยียนจึงเดินดุ่มเข้ายันกรอบประตูออกสุดแรงจนบานประตูทั้งบานล้มคว่ำไปด้านใน ร่างสูงพุ่งเข้าไปกวาดสายตามองจนรอบก็พบร่างที่ตามหานอนกองอยู่บนพื้นไม่ไหวติง

     เสี้ยววินาทีนั้น ความรู้สึกทรมานไร้ที่มาก็แล่นเสียดแทงเข้ามาในหัวใจ ลู่ซือเหยียนกัดฟันกรอด เดินเข้าไปประคองร่างโปร่งขึ้นมา ยื่นมือไปอังที่จมูก พอพบว่ายังมีลมหายใจอยู่ ร่างสูงก็ระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะขยับอุ้มเอาร่างอีกฝ่ายมาอยู่ในอ้อมแขน ยันตัวลุกขึ้นโดยไม่ต้องลำบากออกแรง

     ถึงตัวจะไม่เบาแบบอิสตรี แต่ร่างที่กำลังอุ้มอยู่นี้ก็เบากว่าเขาอยู่โข คนที่สวมชุดเกราะหนักอึ้งเดินไปเดินมาทุกวันเยี่ยงเขา น้ำหนักเท่านี้ จะถือว่าเป็นอะไรได้

     กระชับอ้อมแขนอุ้มจนมั่นคงดีแล้ว ก็ถึงเวลาต้องหาทางฝ่าออกไปให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นร่างในอ้อมแขนของเขาคงจะหมดลมไปเสียก่อน มองเปลวไฟที่ยิ่งนานยิ่งโหมแรง เห็นทีการจะออกไปโดยไม่มีบาดแผลคงเป็นไปไม่ได้ ลูซือเหยียนหรี่ตาลงน้อยๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจเอาอ่างน้ำที่วางอยู่ในห้องมาราดผ้าห่มบนเตียงกระชากมันออกมาคลุมตนเองและร่างในอ้อมแขนที่เปลี่ยนมาอุ้มด้วยแขนข้างเดียว ยึดปมผ้าให้มั่น คว้าเอาดาบคู่ใจทะยานออกไปจากห้อง อาศัยแรงลมจากการเหวี่ยงดาบพุ่งผ่านม่านไฟไปทีละชั้น ละชั้น

     จะต้องออกไปให้ได้!
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 5 ในเปลวเพลิง(1) P.2 UP8/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 12-01-2016 13:28:15
*************


     ค่ายพักผู้ลี้ภัยสงคราม ชายขอบเมืองเหลียง ต้าซาง

     "ไฟไหม้! หมายความว่ายังไงที่ว่าไฟไหม้ตำหนักของท่านพี่!" เสียงตวาดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังก้อง ตามมาด้วยเสียงถ้วยชาที่ถูกปาลงพื้นจนแตกกระจาย เสียงที่แผดลั่นนั้นเรียกให้ทหารซึ่งกำลังเดินตรวจตราถึงกับหันมามองหน้ากันเลิกลั่ก เมื่อพบว่าต้นเสียงมาจากกระโจมหลักที่ใหญ่ที่สุดก็พากันยืดตัวตรง แล้วเดินทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

     ภายในกระโจมนั้น อินอ๋องหลิวช่างอิ่นกำลังโกรธจนหน้าแดงก่ำ ในมือมีสาส์นลับที่พวกในเมืองหลวงแอบส่งมาให้ ฝ่ายนายทหารผู้โชคร้ายคุกเข่าตัวสั่นงันงกแบบหวาดกลัว

    ข่าวที่ได้รับมาล่าสุด แจ้งเกี่ยวกับเพลิงไหม้ที่วังตะวันออก ตอนนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายที่เป็นผู้สั่งการได้ ร้ายที่สุดคือตอนไฟเริ่มไหม้ องค์รัชทายาททรงติดอยู่ข้างในแม้จะมีคนไปช่วยออกมา แต่อาการนั้น เป็นตายไม่แจ้ง

     หลิวอิ่นหลิง หรือก็คือ อินอ๋องนั้นเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกับองค์รัชทายาทอย่างแท้จริง องค์ชายทั้งสองถือกำเนิดจากมารดาคนเดียวกัน รัก สนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนที่เมืองหลวงถูกยึด องค์ชายรัชทายาทถูกจับเป็นตัวประกัน อินอ๋องถึงกับไม่สนความปลอดภัยของตนเอง บุกเข้าไปเพื่อช่วยพี่ชายของตนเองกลับมา

     "ทำไมข่าวนี้เพิ่งมาถึงข้า ข้าสั่งไว้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านพี่ให้แจ้งมาด่วนที่สุดไม่ใช่รึ!"

     "ระ เรียนท่านอ๋อง หลังจากเกิดเรื่อง พวกต้าเสียงก็เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรายิ่งขึ้น สายของเราจึงส่งข่าวมาไม่ได้ขอรับ"

     "ส่งข่าวมาช้า แถมท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างก็ยังสืบไม่ได้! พวกเจ้ายังตั้งใจทำงานกันแน่หรือเปล่า!" คราวนี้เสียงตวาดดุดันกว่าครั้งแรกมาก นายทหารสะดุ้งเฮือกทันที รีบก้มลงโขกศีรษะครั้งแล้ว ครั้งเล่า

     "ข้าน้อยสมควรตาย! ขอท่านอ๋องลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"

     "ใช่! พวกเจ้ามันน่าตายนัก!" อินอ๋องตะคอกกลับเสียงเย็นชา ขณะที่อยากจะเงื้อดาบมาฟันอะไรสักอย่างเพื่อระบายอารมณ์ ม่านหนาหนักของกระโจมก็ถูกเลิกเปิดออกพร้อมร่างของใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามา

     "ตี้ชุน!" อินอ๋องสลัดความคิดที่จะเงื้อดาบฟันคนทิ้งทันที รีบก้าวเข้าไปหาอย่างว่องไว ตามด้วยการรัวคำถามชนิดไม่หยุดพักหายใจ "ท่านมาที่นี่ทำไมกัน ไม่ใช่ว่าท่านต้องคอยดูแลท่านพี่อยู่ที่นั่นรึ แล้วสรุปท่านพี่เป็นเช่นไรบ้าง!"

    เหอตี้ชุนยังคงสีหน้าเรียบเฉยไว้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

    "องค์ชายใหญ่ส่งข้ามาขอรับ"

    "ท่านพี่ปลอดภัยงั้นหรอ!"

    "ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้วขอรับ เลยส่งข้ามาหาท่านก่อนจะทำอะไรบุ่มบ่ามอีก"

    "...ท่านพูดแบบนี้ แสดงว่าท่านพี่คงปลอดภัยแล้วจริงๆ ข้าจะไม่วู่วามก็ได้" อินอ๋องอ่อนข้อให้อย่างง่ายดาย สร้างความประหลาดใจให้นายทหารโชคร้ายที่ยังนั่งมองอยู่ไม่น้อย จนถูกหลิวอิ่นหลิงถลึงตาใส่นั่นแหละ ถึงจะถอนสายตาแล้วรีบออกไป

   ไล่ตัวเกะกะออกไปได้ หลิวอิ่นหลิงก็ถึงกับต้องถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ๆ เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้เรียบง่ายตัวหนึ่ง หยิบกาน้ำชาออกมารินชาแล้วส่งให้ร่างสูงซึ่งยังยืนนิ่งเป็นตะปูที่ถูกตอกติดกับพื้นอยู่ที่เดิม

   "ท่านมาเหนื่อยๆ จิบชาสักหน่อยแล้วค่อยคุยงานกันเถอะ พี่สาวเป็นอย่างไรบ้าง"

    เหอตี้ชุนยังไม่ได้ตอบคำถามทันที สอดมือเข้าไปในอกเสื้อ แล้วก้มลงประคองจดหมายส่งให้เด็กหนุ่มอย่างนอบน้อม อินอ๋องเลิกคิ้วสูง รับจดหมายมาคลี่เปิดอ่านทันที ลายมืองดงามบนกระดาษราคาแพงแผ่นนี้คือลายมือของหลิวฟางหลิน พี่สาวคนโตที่แต่งให้กับบุตรชายคนโตของสกุลเหอ หรือเหอตี้ชุนที่เป็นคนคุกเข่าให้เขาในขณะนี้

    ซึ่งคนเป็นอ๋องเห็นแล้วขัดตายิ่งนัก อ่านจดหมายจบก็ถอนหายใจแล้วบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาทำตัวตามสบายเถอะ จนร่างสูงยันตัวขึ้นมาแล้วก็อดบ่นพึมพำไม่ได้

    "ข้าบอกแล้วบอกอีกแท้ๆ ว่าท่านเป็นพี่เขยข้า จะมากพิธีไปเพื่ออะไร ดูอย่างพี่เขยรองสิ รายนั้นยังทำตัวตามสบายได้เลย"

    ได้ยินอินอ๋องพาดพิงถึงบุคคลที่สาม สีหน้าของเหอตี้ชุนก็ตึงขึ้นเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแข็งว่า

    "ข้ามิอาจกลายเป็นคนไร้มารยาทเยี่ยงเขาได้"

     อินอ๋องมองสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วได้แต่ยักไหล่ หยิบจดหมายอีกฉบับที่วางไว้บนโต๊ะมายื่นส่งให้

     "ท่านลองอ่านดู แล้วบอกข้า ว่าท่านคิดอย่างไร"

     จดหมายฉบับที่อินอ๋องยื่นให้เป็นจดหมายที่ถูกส่งมาจากทางเหนือ แจ้งข่าวเรื่องการปะทะกันระหว่างต้าเสียงและแคว้นเสอ ในรายงานบอกเล่าอย่างละเอียดว่าบัดนี้ต้าเสียงยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดศึกเต็มรูปแบบ มีเพียงการปะทะเพื่อทำลายหน่วยที่ขนถ่ายเสบียงเท่านั้น

     "ต้าเสียงยังไม่ต้องการเปิดศึกสองทางตอนนี้" อ่านจดหมายจบ ร่างสูงก็เสนอความคิดออกมาสั้นๆ เห็นสีหน้าสงสัยของท่านอ๋องแล้วจึงค่อยขยายความ "ต้าเสียงยึดเมืองหลวงของเราไปได้แล้วก็จริง แต่รอบด้านโดยเฉพาะทางเหนือยังกำราบไม่ได้ทั้งหมด อีกทั้งทหารพวกนั้นยังกร่ำศึกหนักต่อเนื่องมานาน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เหนื่อยล้า พูดง่ายๆก็.."

    "พวกต้าเสียงกำลังถ่วงเวลาให้ทัพใหญ่พักผ่อน ก่อนจะบุกขึ้นไปทางเหนือสินะ" เมื่ออีกฝ่ายเว้นระยะ อินอ๋องก็สรุปอย่างรวบรัด สีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "พวกนั้นคงให้ทหารของมันแต่งชุดของเราเพื่อหลอกให้ข้าศึกตายใจ คิดว่าทัพใหญ่ของต้าเสียงยังไม่รู้ว่าพวกมันกำลังเคลื่อนไหว รอจังหวะเหมาะสมจนทหารพักฟื้นแล้วถึงค่อยจัดทัพออกไปปราบในคราเดียว..."

    "ถูกแล้วท่านอ๋อง แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด" คราวนี้ม่านหนาถูกเลิกขึ้นอีกครั้ง ชายร่างสูงใหญ่ที่ไว้หนวดรกครึ้มดูดุดันก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดินมาถึงตรงหน้าก็ยกมือประสานทำความเคารพอย่างหนักแน่น

    "ไม่ใช่ทั้งหมด? หมายความว่าอย่างไรรึแม่ทัพกัง"

    "ไม่ใช่ว่ายังไม่เคลื่อนทัพ แต่ทัพย่อยที่ควบคุมหัวเมืองทางใต้ก่อนหน้านี้เคลื่อนทัพออกมาตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว" แม่ทัพกังตอบเสียงเคร่ง หมุนตัวไปหยุดหน้าแผนที่ผืนใหญ่ ชี้มือไปยังเครื่องหมายเมืองสิบเมืองที่ถูกยึดไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน คำพูดนี้ทำให้อีกสองชีวิตในกระโจมตัวแข็งทื่อ

   "เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!" อินอ๋องขมวดคิ้วแย้งเสียงเข้ม ส่วนเหอตี้ชุน แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าแสดงความกังขาออกมาอย่างชัดเจน แม่ทัพกังมองทั้งสองด้วยสีหน้าที่ไม่มีวี่แววว่าล้อเล่นแม้แต่นิด

    "เป็นไปแล้ว ที่ข่าวเพิ่งมาเพราะพวกมันควบคุมการเข้าออกของข่าวอย่างแน่นหนา คนของเราเพิ่งส่งออกมาได้เมื่อไม่กี่วันมานี้นี่เอง"

    "พวกมันกล้าละทิ้งเมืองไปได้อย่างไร ยึดเมืองหลวงได้มิใช่สามารถหยุดทั้งต้าซาง" ครานี้เป็นเหอตี้ชุนถามขึ้นมาด้วยคิ้วขมวดมุ่นจนกลายเป็นปมแน่น

    "พวกมันเรียกทัพเสริมมาพร้อมๆกับขุนนางปกครอง เริ่มจัดระเบียบตั้งแต่สี่เดือนก่อน นี่มิใช่เรื่องแปลก ต้าเสียงมีวิธีกลืนกินของต้าเสียง สิบเมืองนั้นเดิมทีมิใช่ของเราแต่เป็นของซานฉี ชาวเมืองไม่สนอยู่แล้วว่าผู้ปกครองจักเป็นใคร อย่างไรก็ไม่ใช่เจ้าชีวิตเดิมของตนเอง"

    คำอธิบายนี้ราวกับคมหอกฟาดลงกลางใจ คนหนุ่มทั้งสองมิอาจแย้งผู้อวุโสได้อีก เหม่อมองไปยังแผนที่ทางทิศเหนือ หลิวอิ่นหลิงก็หลี่ตาลง..

    "เห็นทีหัวเมืองทางเหนือคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว"

    "เป็นเช่นนั้นท่านอ๋อง" แม่ทัพกังย้ำชัด รอยยิ้มเย็นจึงปรากฎบนใบหน้าอย่างชัดเจน

    "รักษาไม่ได้ก็ไม่ต้องรักษา ส่งม้าเร็วกับนกพิราบสื่อสารไป ให้เจ้าเมืองสุ่ย เฉา เว่ย เยี่ย โจว เฉียว ถาน เป้า เหล่ยให้เตรียมพร้อม" น้ำเสียงของหลิวอิ่นหลิงเย็นชาถึงขีดสุด สายตาเลื่อนไปจรดที่เครื่องหมายสีดำทางตะวันออกเฉียงเหนือของแผนที่

    "มันอยากได้เมืองก็ให้เมืองมันไป ชาวเมืองส่วนใหญ่ลี้ภัยไปที่ค่ายเฮยเซ่อ(สีดำ) นานแล้ว เหลือเพียงทหารกับพวกขุนนางบุ๋นบู๊บางส่วนเท่านั้น ก่อนที่พวกสารเลวนั่นจะไปถึง สั่งให้พวกเขาทิ้งเมืองแล้วตามไปสมทบกับพวกชาวเมืองซะ ห้ามปะทะเด็ดขาด" เว้นสูดลมหายใจเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อเสียงหนักแน่น

    "ท่านพี่มิต้องการให้ทหารกล้าของเราหลั่งเลือดโดยเปล่าประโยชน์ ออกจากเมืองแล้วกระตุ้นให้กับดักเริ่มทำงาน เฮยเซ่อเป็นค่ายลี้ภัยที่ท่านพี่เริ่มสร้างตั้งแต่เริ่มสงครามกับต้าเสียง ชาวเมืองที่หลบหนีไปที่นั่นไม่ต่ำกว่าสิบหมื่น ทหารถอนกำลังละทิ้งเมืองเยี่ยงนี้คนฉลาดอย่างลู่ซือเหยียนต้องไม่ไล่ตามทันทีแน่ ถ่วงเวลาจนทหารจากทุกเมืองไปรวมกันที่นั่นแล้ว ต่อให้ทัพใหญ่ขึ้นมาเองก็ไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่น คนนำทัพย่อยบุกเมืองอย่างไรก็ไม่ใช่แม่ทัพลู่คนนั้น ข้ามิคิดว่าแค่หาแผนถ่วงเวลาสละคนส่วนน้อย ปกป้องหมากตาสุดท้ายของต้าเสียงจะเกินความสามารถของเหล่าขุนนางทหารที่เหลืออยู่ เหอตี้ชุน แม่ทัพกังรับคำสั่ง!"

    เหอตี้ชุนและแม่ทัพกังคุกเข่าลงเสียงดังตึง

     "ขอรับ!"

     "ข้าให้พวกเจ้าคุมกองทัพสองหมื่นแยกเป็นสองสาย ขัดขวางการเดินทัพของต้าเสียงไว้ให้นานที่สุด หากเก้าเมืองด้านหลังยังอพยพไม่เรียบร้อย ข้าไม่อนุญาตให้ถอนทัพเด็ดขาด!"

     คำพูดเด็ดขาดที่หลุดออกจากปากของเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดเบื้องหน้า เลือดของผู้มากอาวุโสกว่าทั้งสองก็เดือดขึ้นจนแทบพล่าน ความรู้สึกท้อถอยในตอนแรกกลับลบเลือนหาย แทนที่ดวยความหวังที่ผุดขึ้นมาอย่างท่วมท้น

    ต้าซางยังมิไร้ความหวัง หากยังมีองค์ชายน้อยตรงหน้าอยู่ล่ะก็...

    โชคดี ต้าซางช่างโชคดี แม้จะถูกโจมตีหนักหน่วงขนาดไหนก็ยังมีองค์ชายทั้งสองที่ทุ่มเทให้กับแผ่นดิน!

    แม่ทัพทั้งสองบัดนี้ประสานมือคารวะเต็มพิธีการ ขานรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก้องกังวานด้วยความภักดี

    "ขอรับ!!"

    ท่านพี่ ข้าจะไม่ยอมแพ้โดยง่าย แผนการเพื่อต้าซางที่ท่านพี่วางไว้ ไม่ถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต ข้าไม่มีวันยอมแพ้พ่ายให้โจรที่มาปล้นแผ่นดินของเราไปเด็ดขาด!

*************

    เมืองหลวงเลี่ยงหรง ต้าซาง

    ภายในห้องที่กลายมาเป็นห้องพักส่วนตัวของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงนั้น มีกลิ่นยาและกำยานหอมลอยกรุ่นอยู่ในอากาศอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โจวจั่วชิงกำลังฝังเข็มลงบนข้อแขนเรียวขาวของอดีตรัชทายาทผู้สูงศักดิ์แห่งต้าซาง ซึ่งบัดนี้ยังไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาสักครั้งตั้งแต่ถูกช่วยออกมาจากกองเพลิง ใบหน้าขาวซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือด ขับให้ร่างบนเตียงยามนี้ดูเปราะบางกว่าทุกครา เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมออกมาบนใบหน้าของท่านหมอชรา นิ่งอยู่ถึงสองเค่อ มือเหี่ยวย่นจึงค่อยขยับดึงเข็มออกอย่างบรรจง

    "เรียบร้อย..."

    "เขาเป็นอย่างไร ท่านหมอ" ลู่ซือเหยียนก้าวขึ้นมาด้านข้างเตียง มองสำรวจร่างที่ยังนอนสงบนิ่งอยู่บนนั้นด้วยสายตานิ่งสงบ มิรู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

     "ไม่ดี ไม่ร้าย พิษที่เขาได้รับก่อนหน้านี้จริงๆสงบลงแล้ว แต่ถูกความร้อนกระตุ้นขึ้นมาอีก ร่างกายจึงอ่อนแรง ข้าจึงฝังเข็มควบคุมเอาไว้ ที่เหลือก็ต้องดื่มยาต้มของข้าใหม่อีกครั้ง" หมอชราเสียบเข็มกลับไปที่ห่อ ยกผ้าขึ้นซับเหงื่อบนใบหน้าตนเอง ก่อนลูกศิษย์ข้างกายจะเข้ามาประคองให้ลุกขึ้น ลู่ซือเหยียนเพียงมองส่งไปด้านหลัง

     รอจนท่านหมอลับสายตาไป เฉินฟู่หลิงรองแม่ทัพคนสนิทจึงเดินขึ้นมาเคียงข้างผู้เป็นนาย

    "ท่านแม่ทัพ ท่านหมอฝังเข็มเสร็จแล้ว ข้าจะย้ายเขาไปที่ห้องอื่นนะขอรับ"

    ดวงตาคมกริบตวัดมาจ้องคนพูดอย่างดุดัน จนมือที่กำลังจะแตะร่างบนเตียงชะงักไปเล็กน้อย มิกล้ายื่นมือเข้าไปอีก ทั้งยังมิทราบว่าตนเองทำอะไรผิด ผู้เป็นนายถึงได้หันมามองด้วยสายตาเช่นนี้

    "ผู้ใดสั่งให้เจ้าย้าย?"

     เฉินฟู่หลิงถึงกับอึ้งไป สายตาของรองแม่ทัพท่านนี้ฉายแววงุนงงอย่างชัดเจน

     "อะ เอ่อ...มะ ไม่มีขอรับ"

     "ในเมื่อไม่มีผู้ใดสั่ง เจ้าก็ออกไปได้แล้ว" ลู่ซือเหยียนมิได้นำพากับความสงสัยของรองแม่ทัพของตนเลยแม้แต่น้อย กล่าววาจาขับไล่จบก็นั่งลงข้างเตียงปัดมือที่ยื่นมาของเฉินฟู่หลิงออก การกระทำแปลกประหลาดนั้นทำให้คนโดนปัดเบิกตาเล็กๆ แล้วรีบเก็บไม้เก็บมือของตนให้เรียบร้อย

    "จะ จะให้เขาอยู่ที่นี่หรือขอรับ?"

    "แล้วมีอันใดไม่ได้ ทหารที่เจ้าจัดการให้ดูแลที่คุมขังเดิมทำงานผิดพลาด ข้ายังไม่ได้เอาความ มาตอนนี้ข้าจะเป็นคนจับตามองตัวประกันเอง มันไม่ถูกต้องตรงไหน"

    ประโยคนี้ไม่มีทางเป็นประโยคคำถามเด็ดขาด เฉินฟู่หลิงรู้ดีแก่ใจ รองแม่ทัพยืดตัวตรงตอบเสียงขึงขังว่าไม่มีอันใดไม่ถูกต้องขอรับ แล้วรีบหมุนตัวจากไปจัดการงานอื่นๆของตัวเองก่อนจะถูกโบยจนทำงานไม่ได้

    จะถูกโบยจนต้องนอนรักษาตัวทั้งที ขอเฉินฟู่หลิงทำงานให้เสร็จก่อนเถอะ จักให้นอนพักตอนงานยังคั่งค้าง คนบ้างานอย่างเขาจะอัดอั้นจนช้ำในตายเอาได้

    เมื่อไล่คนอื่นออกไปแล้ว ลู่ซือเหยียนก็หันเหความสนใจกลับมายังร่างบนเตียงอีกครั้ง มือหยาบจากการจับดาบยื่นเข้าไปเกลี่ยไรผมให้พ้นจากใบหน้า นิ้วแตะลงบนผิวแก้มคนหลับเบาๆ ก่อนจะไล้สัมผัสผิวเนียนอย่างเผลอตัว ผิวขาวของคนต้าซางนั้นแตกต่างกับผิวของคนต้าเสียงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสัมผัสยังเรียบลื่นจนน่าประหลาดใจ 

    ไม่ทันรู้ตัว มือที่ยื่นไปแตะก็ลากไล้มาตามแนวกรอบหน้า ลงมายังลำคอขาว เคลื่อนไปหยุดตรงสาบเสื้อของคนหลับตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ กำลังจะขยับมือแหวกออก ท่านแม่ทัพใหญ่ก็คล้ายจะได้สติขึ้นมา รีบชักมือกลับราวกับแตะถูกของร้อน

    เมื่อครู่เขาจะทำอันใดกัน... ลู่ซือเหยียนสีหน้าดำทะมึน มิใช่ไม่เข้าใจตนเอง ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนทำสงครามมาตลอดสองปีกว่ามิเคยแหกระเบียบทัพแม้แต่ครั้งเดียว ความต้องการของบุรุษเพศแน่นอนว่าย่อมสะสม แต่การสัมผัสแตะต้องคนหลับที่เป็นบุรุษเช่นกันทั้งยังเป็นตัวประกันอันสูงค่าแบบนี้ มองอย่างไรก็ผิดปกติ...ผิดปกติมากทีเดียว!

    ลู่ซือเหยียนยันตัวลุกออกห่างจากที่นอนอย่างรวดเร็ว รู้ตัวว่ามิอาจอยู่ตรงนี้ได้อีก ตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายครั้งแรก ความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งมาก็ยิ่งสะสมมากขึ้นทุกที

    ดวงตามืดบอด กลับไม่ยอมสิ้นหวัง แผ่นหลังที่ยังยืดตรงอย่างถือตัวและความแข็งแกร่งของจิตใจอีกฝ่ายสะกดให้เขามิอาจละสายตาได้ เมื่อริมฝีปากได้กดลงบนเรียกปากบาง ทุกวันยังต้องเดินออกจากที่พักเพื่อไปยืนมองเงียบๆโดยไม่เอ่ยวาจาใด

    ตอนแรกเขายังหาข้ออ้างให้ตนเองได้ว่าเพราะอีกฝ่ายเคยเป็นถึงศัตรูคนสำคัญที่ขับเคี่ยวกันในสนามรบมานาน กว่าจะจับตัวคนๆนี้ได้ก็ยากเย็นเขาย่อมไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตายก่อนจะได้ใช้ประโยชน์  ทว่าหลังจากเสี่ยงชีวิตไปช่วยอีกฝ่ายออกมาจากกองเพลิง ลู่ซือเหยียนก็มิอาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไป

    เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตาย ทั้งมิต้องการให้ใครมาแตะต้อง...

    เขาพลาด พลาดเสียแล้ว ควรจะฆ่าอีกฝ่ายทิ้งไปตั้งแต่แรก มิควรเข้าไปใกล้ถึงเพียงนี้ มาตอนนี้ความรู้สึกที่มิควรจะเกิดก่อตัวขึ้นแล้ว เงียบเชียบอย่างยิ่ง รวดเร็วอย่างยิ่ง ทั้งยังผิดบาปอย่างยิ่ง

    อีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทของดินแดนต้าซาง แม้จะไม่มีต้าซางอีกต่อไป อย่างไรก็เก็บอีกฝ่ายไว้ข้างตัวไม่ได้...

    เพียงแค่นึกว่าต้องส่งตัวอีกฝ่ายให้คนอื่น ความเดือดดาลก็พุ่งสูง จนต้องชักดาบข้างเอวฟาดฟันไปยังฉากกั้นไม้สลักลายมังกรด้านข้างจนขาดในดาบเดียว ก่อนจะต้องปล่อยดาบคู่ใจให้หล่นลงสู่พื้น

   "บัดซบ!"


*************************



     มาต่อเรียบร้อยแล้วค่า! ขอบคุณคอมเม้นก่อนหน้าทุกตอนนะคะ อ่านแล้วชุ่มชื่นหนักมาก พลังปั่นแทบล้นเลย 555

    ตอนในเปลวเพลิงนี้แท้จริงไม่ได้หมายถึงไฟที่ไหม้ตำหนักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังหมายถึงไฟสงคราม และไฟที่อยู่ในใจของท่านแม่ทัพลู่ของเราด้วย  ฮา

   ลงมาหลายตอนไม่รู้ว่าตอนนี้ช่วยกู้หน้าของท่านแม่ทัพได้บ้างไหม ผู้อ่านหลายคนคง รู้สึกว่าเนื้อหาของเรื่องอาจจะค่อนข้างหนัก นี่เป็นความตั้งใจของผู้เขียนเองค่ะ ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นองค์ชายกับแม่ทัพ ที่สุดแล้วยังไงก็ต้องมีหน้าที่ของตัวเอง มีสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกาย ไม่อาจเน้นไปที่แค่เรื่องของคนสองคนแน่นอน

   ตอนล่าสุดนี้ต่อช้าเพราะตอนค่อนข้างยาว เขียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งเขียนเพราะกลัวจะเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ ต่อไปความถี่ในการอัพจะเป็นสามสี่วันอัพที ไม่ใช่อัพวันเว้นวันแบบตอนแรกๆ ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยนะคะ ยังไงเรื่องนี้ก็จะแต่งให้จบแน่นอนค่า

ติดขัดตรงไหนก็ติดชมกันได้ นักเขียนเป็นคนหัดเขียนมือใหม่ ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรก็มาพูดคุยกันได้ค่ะ ^^

ปล.ยัดไม่พอเรปเดียวอีกแล้ว :z3:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-01-2016 14:10:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-01-2016 16:41:40
สนุกจัง โอ๊ยชอบ รอตอนต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 12-01-2016 17:21:40
ท่านแม่ทัพพพพพพพหวังว่าจะรู้ใจ?ตัวเองโดยเน็ว แต่อีกปัญหาคือแล้วองค์รัชทายาทเล่าจะรู้สึกหนรือไม่
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 12-01-2016 19:08:49
กลายมาเป็นเชลยรักซะแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 12-01-2016 19:56:48
หน่วงอ่ะไรต์ แบบน้ำตาไหลตั้งแต่ตอนแรกคือกว่าจะอ่านต่อได้ต้องทำใจมาก ขอถามไรต์ได้ไหมว่าจบเศร้ารึเปล่า แบบเราอินอ่ะ
อ่านแล้วชอบเก็บไปคิดแล้วทำให้เราเศร้าอยู่หลายวัน แต่ไรต์แต่งได้ดีมาก ภาษาสวยแถมให้ครามรู้เราอ่ะ ทำให้เราติดตามมาอ่าน
 ขอบคุณนะที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่าน :hao5:  o13
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-01-2016 20:58:25
คงปล่อยไปไม่ได้ง่ายๆแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Littlemochaff ที่ 12-01-2016 21:02:28
ชอบมากเลยค่าาาา ภาษาลื่นมากอะ ชอบๆ รอต่อน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 12-01-2016 21:07:07
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: SimplyDelicious ที่ 12-01-2016 22:42:55
สนุกมากเลยค่ะะ ภาษาดี๊ดี วางโครงเรื่องไว้ดีมาก ชอบๆๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 12-01-2016 22:51:39
ทสับสนในตัวเองอะดิ


เผลอสนใจอดีองค์รัชทายาทแล้ว


รอดมาได้หวุดหวิดจริงๆๆ


หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 13-01-2016 00:59:50
ชอบคะ รอตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 14-01-2016 02:04:35
คืบหน้ามากกก กรี๊ดดดดดดด
จะรอดูว่าแม่ทัพจะทำยังไงต่อไป
ในส่วนของเรื่องการเมืองมองว่าใส่มากำลังดีนะคะ ทำให้เรื่องดูสมจริง อ่านเพลิน
รอต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 14-01-2016 21:37:49
เราเป็นแฟนนิยายจีนโบราณเหมือนกัน
เรื่องนี้แต่งสนุกมาเลยชอบๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-01-2016 00:23:00
ท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรต่อไป
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 17-01-2016 21:55:14
รอวัน องคชายฟื้น จะรอดูอาการท่านแม่ทัพ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 18-01-2016 11:55:06
อาการน่าเป็นห่วงนะคะท่านแม่ทัพ ตอนแรกเกลียดมากๆ ตอนนี้เริ่มเป็นห่วงท่านล่ะ หุหุ :o8:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-01-2016 19:13:51
 :z1: แอบหลงรักเธออยู่แต่เธอคงดูไม่ออกใช่ไหมท่านแม่ทัพ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 18-01-2016 21:09:59
อ่านง่ายดี  โดยรวมถือว่าชอบนะ  ติดตามจ้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 18-01-2016 21:35:12
แม่ทัพใหญ่ ชอบเขาแล้วอ่ะดิ  :-[
ปล.ติดตามค่ะ
แต่ไม่ได้รีพลายให้เลยเพราะอ่านในโทรศัพท์
ขอโทษนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 6 ในเปลวเพลิง(2)P.2 UP12/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 20-01-2016 13:54:14
บทที่ 7 : หลับฝัน

***********


     '...เอ๋อร์...น...ช่างเอ๋อร์...'

     ใคร....?

     'ช่างเอ๋อร์...แม่อยู่นี่..มาหาแม่สิ ช่างเอ๋อร์ของแม่....'

     เสด็จแม่...เสด็จแม่หรือ...

     'ช่างเอ๋อร์ มาหาแม่เถอะลูก...อย่า...'

     เสียงนั้น..ไม่ผิดแน่ เป็นเสียงของเสด็จแม่ไม่ผิดแน่... คล้ายสติที่เลื่อนลอยไปไกลถูกเรียกกลับเข้ามาในร่างอีกครั้ง ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นแล้วพยายามมองหาร่างของผู้ให้กำเนิดที่เป็นเจ้าของเสียงที่เรียกเขากลับมา...หากแต่ม่านหมอกที่ทิ้งตัวลงรอบกายนั้นแทบจะบดบังทุกสิ่ง กระทั่งมือของตนเองยังมิอาจมองเห็นได้...

      แต่จริงๆแล้วเขาไม่ควรเห็นกระทั่งหมอกที่อยู่รอบตัวไม่ใช่หรือ

      'ช่างเอ๋อร์....' เสียงหวานสั่นครือดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับคนพูดจะขาดใจเสียให้ได้ น้ำเสียงนุ่มนวลอันคุ้นเคยบัดนี้กลับดังเคว้งอยู่ในม่านหมอกแบบไร้ทิศทาง ชวนให้หดหู่ ทั้งโศกเศร้า หลิวช่างหลินเม้มปาก มิสนใจเรื่องดวงตาของตนเองอีก ขยับขาเดินไปเบื้องหน้าทีละก้าว มุ่งมั่นจะตามหาเจ้าของเสียงที่สร้างความรู้สึกโหยหานี้

     "เสด็จแม่! ทรงประทับอยู่ตรงไหนพ่ะย่ะค่ะ!" สุดท้าย ร่างโปร่งก็ต้องส่งเสียงเรียกขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า พยายามเพ่งมองผ่านหมอกหนา กระนั้นก็ยังไม่พบอะไร พาให้ความกระวนกระวายเพิ่มมากขึ้นทุกที

     'ไม่...ช่างเอ๋อร์ของแม่..อย่า....อย่าไปทางนั้น....' เมื่อก้าวไปด้านหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เสียงของสตรีที่เขารักที่สุดก็ดังคว้างในม่านหมอกอีกครั้ง หยุดเท้าที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าได้ชะงัดนัก หลิวช่างหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตะโกนขึ้นมาอีกครา

     "เสด็จแม่! ท่านอยู่ที่ใด ช่างเอ๋อร์จะไปหาท่านเดี๋ยวนี้!" ตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวช่างหลินผู้เป็นรัชทายาทแห่งต้าซางสูญเสียการควบคุมตัวเองถึงเพียงนี้ ทั้งร้อนรน ทั้งห่วงหา ทั้งโศกเศร้า ได้ยินเสียงที่ร้าวรานของมารดาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหาใจแทบขาด

     'อย่าไปทางนั้น...กลับมา...กลับมาลูก....' เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งราวกับไม่ได้ยินคำถามของคนที่อยู่กลางหมอกหนา หลิวช่างหลินเม้มปาก มองไปเบื้องหน้าอย่างลังเล ท่านแม่บอกว่ากลับมา...? แสดงว่าต้องไม่ใช่ข้างหน้า คิดได้เยี่ยงนั้นร่างโปร่งก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับหลังหัน ขณะจะเดินไปยังทางเดิม ท่อนขาทั้งสองก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา คิ้วเรียวขมวดฉับ สังหรณ์ใจไม่ดีอย่างไรชอบกล

     ตอนนี้เองจมูกก็ได้กลิ่นฉุนของอะไรบางอย่าง ทั้งคาว ทั้งเหม็นราวกับสนิมเหล็ก...ยิ่งหยุดอยู่นานกลิ่นก็ยิ่งฉุน ถึงตอนนี้องค์รัชทายาทแห่งต้าซางก็รับรู้ได้แล้ว ว่ากลิ่นที่โชยคลุ้งตอนนี้อย่างไรก็หนีไม่พ้นกลิ่นโลหิตแน่นอน! ดวงตาเรียวก้มมองขาทั้งสองข้างที่หนักจนก้าวขาไม่ออก แล้วก็เผลอผงะถอยไปด้านหลังสะบัดขาไล่สิ่งที่เกาะอยู่ออกไปอย่างแรง

     ใช่... สะบัดซากศพสีแดงฉานที่เกาะอยู่ออกไป! หมอกสีขาวหนาทึบเริ่มเบาบางลงทีละน้อย สิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในม่านหมอกทำเอาร่างโปร่งถึงกลับไม่กล้าหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง

     ซากศพนับพันนับหมื่น นอนทับถมกันอยู่ในทะเลเลือดสีแดงฉาน ใบหน้าของผู้ตายในขอบเขตสายตาของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ ทั้งเจ็บแค้น ทั้งหวาดกลัว หากแต่สิ่งที่ทำให้หยดน้ำตาไหลลงอาบแก้มจริงๆนั้นกลับเป็นชุดที่เหล่าซากศพพวกนั้นสวมใส่...

     ชุดเกราะของต้าซาง!

     ขาทั้งสองข้างสั่นระริก ก้าวถอยไปเบื้องหลังทีละก้าว ความรู้สึกปวดร้าวฟาดลงมากลางใจอย่างหนักหน่วง เหยียบขยี้ความรู้สึกของคนมองอย่างทารุณ ต้องมาเห็นภาพเยี่ยงนี้ หลิวช่างหลินอยากจะควักดวงตาออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด...

     ยังไม่ทันจะตั้งสติได้ เสียงหวานนุ่มนวลของมารดาผู้ให้กำเนิดก็ดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่ความรู้สึกของหลิวช่างหลินกลับย่ำแย่ถึงขีดสุด หมอกจางลง ทิศทางของเสียงมิได้เคว้งคว้างดังแรกเริ่ม สามารถจับทิศทางได้อย่างรวดเร็ว

     เสียงนั้นมาจากหนึ่งในซากศพสีแดงฉานที่มากอดอยู่ที่ขาของเขาเมื่อครู่...มองดูดีๆแล้วศพๆนั้นถึงกับใส่ชุดของฮองเฮาแห่งต้าซางเสียด้วยซ้ำ

     นี่มันเรื่องอะไรกัน...

     มือสีแดงฉานยกขึ้นมาทางเขาราวกับจะเรียกหา ใบหน้าของศพเป็นสีแดงฉานราวกับถูกถลกหนังออกไปจนสิ้นเหลือเพียงเนื้อสีแดงสดที่มีเลือดไหลทะลักออกมาราวกับน้ำป่า สร้างความน่าสะพรึงกว่ายิ่งกว่าเดิม

     'ชะ ช่างเอ๋อร์...มาหาแม่..........' เสียงที่ออกจากปากนั้นฟังอย่างไรก็ไม่ผิดแน่นอน เข่าขององค์รัชทายาทแห่งต้าซางทรุดลงนั่งลงในทะเลเลือดเบื้องล่างอย่างคนหมดแรง หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มมิอาจควบคุม ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดร่างนั้นคลานเข้ามาหาช้าๆ คราวนี้ชายหนุ่มมิได้ขยับกายหนีอีก...

      สัมผัสเย็นเฉียบที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวแตะลงที่ข้างแก้มขาว มือที่ไร้ผิวหนังปกคลุมแตะลงบนใบหน้าของหลิวช่างหลิน ดวงตายังคงมองไปที่ร่างเบื้องหน้า ไม่มีความหวาดกลัว มีเพียงความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่ในใจ

     เสด็จแม่...เป็นลูกไร้ความสามารถ ลูกไม่อาจช่วยเสด็จแม่ไว้ได้....ช่างหลินช่างเป็นลูกอกตัญญูยิ่ง...

     ใบหน้าสีแดงฉานยื่นเข้ามาใกล้ทีละน้อย ดวงตาไร้เปลือกครอบจ้องเขม็งลงมา ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือดขยับเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา

     "....ไปอยู่กับแม่....ไปอยู่กับแม่เถอะช่างเอ๋อร์.....แม่เหงา..เหลือเกิน...."

     เหงา....คำนี้เองไม่ใช่หรือ ที่เขาเจอมาตลอดตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในความมืดมิด ราวกับยืนอยู่ผู้เดียวในโลกใบนี้...

     มือเรียวขาวยกขึ้นมาแกะที่มือซึ่งวางอยู่บนหน้าตนเองมากุมไว้ มิได้แยแสถึงสภาพน่าเวทนานี้แม้แต่น้อย

     สภาพอย่างไรนี่ก็คือแม่ของเขา...

     "...ช่างหลิน...จะไป..ข้าจะไปเป็นเพื่อนเสด็จแม่เอง..."

     "ใครอนุญาตให้เจ้าไปกัน!" เสียงคำรามกราดเกรี้ยวแทรกผ่านบรรยากาศหดหู่รอบกาย สลายทะเลเลือดและกองซากศพออกจากครรลองสายตา ให้เหลือเพียงความมืดอีกครั้ง...

     ความมืดมิดที่ไม่ว่าแสงใดๆก็มิอาจแทรกผ่านมาได้อีก

***********

     "พลาด...? หมายความว่าอย่างไรที่ว่าพลาด!"

    เสียงตวาดของสตรีนางหนึ่งดังลั่น ตามด้วยเสียงกวาดข้าวของเครื่องใช้ด้วยแรงโทสะ เครื่องเคลือบเนื้อดีที่เคยโปรดนักหนายามนี้ถูกเจ้าของปาเข้าใส่หญิงสาวในชุดดำที่หมอบอยู่เบื้องหน้าโดยแรง ถ้วยชาสีขาวลอยไปกระทบเข้าที่ศีรษะของสตรีผู้นั้นอย่างจังจนแตกเป็นสองส่วน ผู้ที่ถูกทำร้ายไม่ได้แสดงท่าทีอันใด ยังรายงานต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     "กราบทูลพระสนม เดิมทีลี่เฉียนสามารถขังองค์รัชทายาทไว้ตามแผนเรียบร้อยแล้ว... แต่แม่ทัพลู่กลับบุกเข้าไปด้วยตัวเอง บ่าวเลยไม่กล้าเข้าไปขวางเจ้าค่ะ"

     "แค่แม่ทัพคนเดียว มันอยากทิ้งชีวิตให้กับเชลยคนหนึ่งก็สงเคราะห์มันสิ! เจ้าจะไปกลัวมันทำไมกัน!" ผู้เป็นนายยังคงไม่ฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ดวงตาหงส์คู่งามฉายความเกลียดชังจนล้นออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน อาบย้อมความงดงามของใบหน้าให้กลายเป็นน่าสะพรึงกลัวในทันควัน รังสีฆ่าฟันที่ร่างระหงแผ่ออกมาในพริบตานั้นรุนแรงจนสตรีในชุดดำถึงกับสะดุ้งเฮือก

     "ข้าสู้อุตส่าห์รอเวลามาถึงตอนนี้ หาจังหวะลงมือได้ยากเย็น แต่พวกเจ้า...พวกเจ้า. น่าตาย น่าตายนัก! ไม่ว่ารายไหนก็เลี้ยงเสียข้าวสุกทั้งสิ้น!"

     ลี่เฉียนก้มต่ำกว่าเดิมจนหน้าผากจรดลงกับพื้นไม้ จากที่นิ่งสงบในตอนแรกมาตอนนี้กลับมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาแล้ว นางรีบโขกศีรษะลงแรงๆ

     "พระสนมอย่าทรงกริ้ว ลี่เฉียนแม้มิอาจทำให้หลิวช่างหลินสิ้นชีพมอดไหม้ในกองไฟ แต่ก็มิได้เลอะเลือนปล่อยเป้าหมายไปโดยง่าย" คำพูดนี้เรียกความสนใจจากพระสนมที่กำลังเดือดดาลได้ในที่สุด มือที่กำลังจะกวาดทุกสิ่งที่ขวางหน้าลงพื้นชะงักไปก่อนดวงตาสีดำขลับจะมองไปที่สาวใช้คนสนิทด้วยความคาดหวัง

      "เจ้าหมายความว่า.."

     ลี่เฉียนเงยหน้าขึ้นแล้วคลี่ยิ้มงดงามส่งให้ผู้เป็นนาย หยิบขวดยาเล็กๆขวดหนึ่งออกมาน้อมส่งให้พระสนมของตน ทันทีที่เหยียนมู่เสียเห็นลวดลายบนขวดยา ดวงตาหงส์ที่ทอประกายโกรธเคืองก่อนหน้าก็เปลี่ยนเป็นวาววับ

      "ม่านทัวหลัว?" *(1)

      "เพคะ"

      เมื่อได้รับคำยืนยันจากคนสนิทรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนดวงหน้าของอดีตกุ้ยเฟย*(2)แห่งต้าซาง มุมของแสงเทียนที่ตกกระทบบนใบหน้าขับให้รอยยิ้มงดงามนั้นดูน่าสะพรึงราวกับปีศาจร้ายที่ผุดขึ้นมาจากนรกอเวจี ขวดยาเล็กๆในมือถูกกำแน่น

     หากไม่อาจนำเอาชีวิตของมันมาได้ในตอนนี้ เช่นนั้นก็ให้มันลิ้มรสความทุกข์ทรมานประหนึ่งตกอยู่ในขุมนรกเป็นเพื่อนนางเถอะ

***********

     บรรยากาศภายในห้องพักของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าซางบัดนี้เย็นยะเยือกราวกับมีพายุหิมะโหมกระหน่ำ เหล่าทหารนายกองที่ถูกเรียกตัว ไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่คนเดียว บัดนี้ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพต้าเสียงยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง มองท่านหมอชรารักษาคนผู้หนึ่งที่บัดนี้ยังไม่ได้สติขึ้นมาสักครั้ง

     แม้จะผ่านมาถึงสามวันแล้วก็ตาม

     นับจากวันที่หลิวช่างหลินถูกช่วยออกมาจากกองเพลิงมาจนถึงตอนนี้ นับได้ครบสามวันสามคืนพอดี อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางไม่มีทีท่าที่จักฟื้นตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม สีหน้าของเขากลับเผือดสีลงเรื่อยๆ กลางคืนมักจะละเมอออกมาบ่อยครั้ง ดั่งหลงอยู่ในฝันร้ายที่มิอาจหนี

     "ใช่จริงๆ...." หมอชรารำพึงขึ้นมาในที่สุด หลังนั่งจับชีพจรคนหลับอยู่นาน มือเหี่ยวย่นจับข้อมือขาวซีดซุกกลับเข้าไปในผืนผ้านวมหนาอีกครั้ง เสียงของโจวจั่วชิงเรียกให้ร่างที่ยืนอยู่เบื้องหลังหลุดจากการทำตัวเป็นรูปสลักจนได้ ลู่ซือเหยียนไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด รอจนหมอชราหยิบกระดาษและพู่กันมาเขียนยาเทียบหนึ่งส่งให้ลูกศิษย์ตนเรียบร้อยแล้วค่อยก้าวเข้าไปยืนอยู่เบื้องหน้า จับจ้องผู้มากวัยด้วยสายตานิ่งเฉย...แฝงไปด้วยการคาดคั้น

     "เป็นพิษของม่านทัวหลัว พิษนี้จะทำให้คนที่ได้รับหลับไม่ได้สติทั้งยังเห็นภาพหลอน หากปริมาณที่ได้รับมากกว่านี้เพียงนิดอาจจะตายได้ทันที เดาจากอาการคาดว่าพิษน่าจะเจือจางมาอย่างดีส่งผลให้เห็นภาพหลอนโดยเฉพาะ ข้าสั่งให้คนไปต้มยาถอนมาแล้ว ท่านมิต้องร้อนใจ" เผชิญหน้ากับดวงตาที่คมกริบราวกับดาบของคนรุ่นลูก โจวจั่วชิงก็ยังคงความเยือกเย็นไว้ได้โดยไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ทั้งยังมองกลับไปที่แม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาตักเตือน

     ท่าทีที่แม่ทัพใหญ่แสดงต่อเชลยตอนนี้ มันมากเกินความเหมาะสมแล้ว

     เมื่อถูกเตือนสติ ลู่ซือเหยียนเพียงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สำรวมอาการให้สงบนิ่งขึ้นแล้วจึงหันกลับไปหาคนของตนเอง

     "พวกเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?" ถ้อยคำที่ลู่ซือเหยียนเลือกใช้บอกชัด หากคำแก้ตัวของเหล่าทหารฟังไม่เข้าหู คงมิพ้นโดนอาญาทัพเล่นงานจนมิอาจกลับมาตุภูมิได้เป็นแน่แท้ หนึ่งในทหารที่ถูกเรียกมาพบกลืนน้ำลายลงคอ ปลุกปลอบขวัญของตนเอง แล้วจึงก้าวออกมาเบื้องหน้า

     "เรียนท่านแม่ทัพ จากการตรวจสอบเรื่องเพลิงไหม้เมื่อสามวันก่อน พบว่าน้ำมันถูกสาดไว้ล้อมรอบห้องดังที่ท่านแม่ทัพว่าเอาไว้จริงๆขอรับ"

     การแก้ตัวต่อหน้าท่านแม่ทัพใหญ่แต่ไหนแต่ไรมามิใช่การแก้ตัวให้พ้นผิด หากแต่เป็นการชำแหละความผิดพลาดและอยู่ที่ว่าจะสามารถปิดช่องโหว่ของตัวเองได้เร็วแค่ไหนต่างหาก เมื่อเห็นว่าผู้บังคับบัญชายังไม่มีท่าทีอื่นใด ผู้น้อยที่เข้ามารายงานจึงปลอบขวัญตัวเองอีกครั้ง แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงขึ้น

     "เราจับผู้ต้องสงสัยได้สามราย สองในสามเป็นนางกำนัลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกตำหนักตะวันออกเพื่อรับใช้อดีตรัชทายาทแห่งต้าซาง อีกหนึ่งเป็นขันที ชิงฆ่าตัวตายไปแล้วขอรับ"

     ลู่ซือเหยียนมองคนของตน เดินไปนั่งลงบนเตียงพลางพยักหน้าให้พูดต่อได้ "ว่าต่อไป"

     "ขอรับ!" ราวกับได้รับป้ายทองละเว้นโทษตาย ทหารนายนั้นยิ้มออกมาอย่างยินดี รีบล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ ส่งก้อนเงินก้อนหนึ่งไปให้ผู้บังคับบัญชา

     "หลังจากพวกข้านำตัวไปสอบสวน นางกำนัลพวกนั้นก็สารภาพว่ามีคนบังคับให้วางยาด้วยเงินยี่สิบตำลึงทอง ส่วนคนที่วางเพลิงเป็นขันทีที่ฆ่าตัวตายไปขอรับ"

     ก้อนเงินที่ลูกน้องส่งมาให้นั้นทำให้ดวงตาเรียบเฉยของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงฉายแววกรุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย ตราประทับบนก้อนเงินชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนไปกว่านี้ได้อย่างไร...ความจริงต่อให้ไม่ต้องสืบ เขาก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าคนที่กล้าลงมือกับหลิวช่างหลินในยามนี้คงหนีไม่พ้นสตรีที่ตกอยู่ในห้วงความแค้นผู้นั้น

     ขวัญกล้านัก เห็นอยู่เงียบๆมาหลายเดือน ไม่คาดว่าสตรีนางนั้นจะขวัญกล้าขนาดกล้าท้าทายอำนาจของเขา

      "เฉินฟู่หลิง"

      "ขอรับ ท่านแม่ทัพ"

      "ส่งเงินนี่กับจดหมายไปให้มหาเสนาบดีเหยียน บอกเขาว่าความชอบที่เขาทำมาทั้งหมดข้าขอใช้คืนด้วยเงินก้อนนี้" พูดพลางโยนก้อนเงินในมือให้รองแม่ทัพคนสนิทของตน ริมฝีปากเรียบตึงยกขึ้นน้อยๆ เป็นรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาว่าเจ้าของอยู่ในอารมณ์แบบใด ...ไร้อารมณ์ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความน่าอึดอัดที่แผ่ซ่านออกมา ไม่ต้องให้คนสนิทรอนาน ประโยคสุดท้ายที่เฉลยความหมายของรอยยิ้มนั้นก็หลุดออกมาจากปากของเจ้าตัว

     "หากต่อไปบุตรีของเขายังกล้าทำอะไรท้าทายข้า ข้าลู่ซือเหยียนก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกัน" คนมีประโยชน์เลี้ยงไว้มากเท่าไหร่ก็เลี้ยงได้ แต่ถ้าคนผู้นั้นทำตัวมีปัญหา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงไว้เช่นกัน

     โดยเฉพาะยามที่คนทำตัวมีปัญหานั้นหมดประโยชน์แล้ว ถึงไม่นิยมวิธีการเสร็จศึกฆ่าม้า ก็คงต้องเอาออกมาใช้บ้างแล้วล่ะนะ

     คล้ายกับมีลมหนาวพัดผ่านไปวูบหนึ่งจนทุกชีวิตในห้องต้องสั่นสะท้าน เฉินฟู่หลิงประสานมือคารวะต่ำ ขานรับคำว่า "ขอรับ" ก่อนถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วหมุนตัวเดินจากไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย

***********

      กลางดึกคืนนั้น หลังจากจัดการเรื่องยุ่งยากทั้งหลายเสร็จเรียบร้อย ลู่ซือเหยียนก็ไล่คนออกไปจากห้องจนหมด เหลือเพียงตนเองและคนป่วยที่ยังนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น เมื่อไม่มีใครคอยจับจ้องอีก ใบหน้าแข็งทื่อไร้อารมณ์ก็ผ่อนคลายลง ลากเท้าเดินมานั่งบนเตียงที่ถูกคนป่วยยึดครองไป มือที่อุ่นเพราะเพิ่งขึ้นจากน้ำยื่นไปแตะใบหน้าของคนหลับเบาๆ

     ยิ่งมองก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นทุกที

     จากที่ยื่นไปแตะตอนแรก เปลี่ยนไปเป็นการลากสัมผัสบนแก้มขาวซีด บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงหงุดหงิดทุกครั้งที่มาหยุดมองร่างตรงหน้า สามวันที่ผ่านเขาควบคุมตัวเองได้ไม่ดีเอาเสียเลย ถึงจะรู้ตัว แต่ก็ไม่มีปัญญาจะควบคุมตัวเองอยู่ดี ทำได้เพียงแค่ระบายอารมณ์กับเหล่าผู้โชคร้ายเป็นครั้งคราวดังเช่นการพาลเอาโทสะไปโยนใส่หัวของมหาเสนาดีเหยียนในวันนี้ ทว่าเรื่องนี้ความจริงแล้วก็หาใช่ความผิดของเขาไม่

     คนพวกนั้นรนหาที่เอง จะโทษว่าเขาใจร้ายก็กระไรอยู่

      ในระหว่างที่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงกำลังปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ ร่างบนเตียงก็ขยับเล็กน้อย เรียกความสนใจให้กลับมาอยู่ที่คนป่วยอีกครั้ง แต่การเคลื่อนไหวนี้ของคนป่วยกลับทำให้คิ้วเข้มขมวดฉับ

     อาการของพิษนั่น....

     ร่างบนเตียงกระสับกระส่ายอย่างคนไม่สบายตัว พึมพำเรียกใครบางคนแผ่วเบาจนฟังไม่ได้ศัพท์ ทั้งสีหน้ายังย่ำแย่ลงจนน่ากลัว

     ไหนว่าจะไม่กำเริบแล้วไงล่ะ... ลู่ซือเหยียนกัดฟันกรอด ขยับลุกขึ้นจากเตียง ก้าวฉับๆไปหน้าห้องอีกครั้ง คำรามสั่งให้ทหารด้านนอกวิ่งไปตามหมอมา รอจนพวกทหารวิ่งออกไปแล้วลู่ซือเหยียนค่อยกลับไปดูอาการของคนบนเตียงอีกครั้ง

     อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางผู้องอาจ ณ ตอนนี้กลับดูเปราะบางยิ่งกว่าเครื่องเครือบที่ได้ชื่อว่าบอบบางนักหนา ความหงุดหงิดซึ่งแต่เดิมก็ยังไม่ลงลดยิ่งทวีเพิ่มขึ้นจนหน้าดำไปครึ่งแถบ

     น่าหงุดหงิดนัก น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว...

     "....เสด็จแม่........" ในที่สุดหลังจากพยายามจับใจความของเสียงพึมพำอยู่นาน ลู่ซือเหยียนถึงได้ยินคำที่ชัดเจน ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นเป็นดังน้ำเย็นที่สาดใส่หน้า ร่างสูงนิ่งไปเล็กน้อยความร้อนรุ่มในอกคล้ายถูกดับลงอย่างง่ายดายด้วยคำพูดเพียงคำเดียว...

     ร้อนรุ่มมาหลายวัน เพิ่งจะมานึกถึงจุดยืนของตนเองและอีกฝ่ายได้ก็ตอนนี้เอง รัชทายาทแห่งต้าซาง อดีตกุนซือของทัพต้าซาง ความรู้สึกอันไม่สมควรนี้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่สมควรให้เกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ

     นี่ยังไม่นับรวมว่าเขาเป็นคน...

     "เสด็จแม่......อยู่.....ท...ไหน...."

     ลู่ซือเหยียนสีหน้าเรียบเฉย ขยับเข้าไปประคองร่างโปร่งให้เอนพิงกับอกตัวเองเอาไว้เพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น กระชับอ้อมแขนเอาไว้ไม่ให้ร่างโปร่งขยับดิ้นจนตกลงไปจากเตียง แล้วผ่อนลมหายใจแรงๆคำรบหนึ่ง
     
     จะอย่างไรก็ปล่อยให้ตายไม่ได้อยู่ดี

     พลันเพลิงโทสะที่เพิ่งดับมอดลงไปก็ลุกโชนขึ้นอีกครา ประโยคละเมอต่อมาทำเอามือที่โอบประคองร่างโปร่งไว้หลวมๆ เปลี่ยนเป็นกำแน่นอย่างขุ่นเคือง เพราะคำพูดนั้นถึงกับกล้าพูดว่าจะหนีเขาตามใครบางคนไปยังโลกที่แสนไกล

     "...ช่างหลิน...จะไป..ข้า...จ....ไป...น...เพื่อน....."

     "ใครอนุญาตให้เจ้าไปกัน!!"

     ชีวิตเจ้าตอนนี้เป็นของข้า อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ง่ายๆเลย!

     อ้อมแขนเพิ่มแรงกอดรัดร่างโปร่งเอาไว้ราวกับไม่คิดจะปล่อยมืออีก น้ำเสียงดุดันตวาดไปด้านนอก เร่งให้ไปตามหมอมาอีกครั้ง

     หลิวช่างหลิน ท่านจะหนีข้า มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก



**********************


     *(1) ม่านทัวหลัว : ต้นดอกลำโพง จัดเป็นไม้ล้มลุก ที่มีอายุประมาณ 1-2 ปี ลำต้นมีขนาดเล็กเท่าต้นมะเขือพวง มีความสูงของลำต้นประมาณ 2 เมตร ลำต้นกลมตั้งตรง แตกกิ่งก้านออกไปรอบ ๆ ต้น ลำโพงขาวต้นจะเป็นสีเขียว ลำต้นเปราะแต่เปลือกต้นเหนียว ทั้งต้นไม่มีขนปกคลุม ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบหรือส่วนยอดของต้น ลักษณะของดอกเป็นรูปแตรหรือลำโพงขนาดใหญ่   ผู้ป่วยที่ได้รับมักมีอาการทางประสาทเป็นหลัก คือ มีอาการกระสับกระส่าย เพ้อ ประสาทหลอน แต่หากรับมากเกินไปจะสามารถส่งผลให้เสียชีวิตได้

     **หน่วยเงินในเรื่อง นับเป็น จี๊ หุน อีแปะ ตำลึงเงิน ตำลึงทอง  ส่วนการเทียบค่านั้น
10 จี๊ = 1 หุน / 100 หุน = 1 อีแปะ / 10 อีแปะ = 1 ตำลึงเงิน / 10 ตำลึงเงิน  = 1 ตำลึงทอง

     มาต่อแล้วค่า!!!! ตอนที่ปั่นตอนนี้ตบตีกับตัวเองนานมากแบบบอกไม่ถูก เขียนยังไงปรับยังไงก็ไม่ชอบใจ อัพช้าอีกแล้ว OTZ ขออภัยผู้อ่านทุกท่านจริงๆเจ้าค่ะ ใครอ่านแล้วรู้สึกว่าท่านแม่ทัพอาการหนักบ้าง 5555 วันนี้เลยจัดน้ำสาดใส่สักถังนึง ... บางทีการรังแกแม่ทัพก็สนุกไปนะ ฮา

ตอนหน้าช่างหลินจะฟื้นแล้ว ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจในตอนที่ผ่านมานะค้า แล้วจะพยายามเข็นตอนต่อไปออกมาให้เร็วที่สุดค่ะ!!

ชอบไม่ชอบอะไรก็สามารถเม้นติชมได้เหมือนเดิมค่า คนเขียนพร้อมเอาไปแก้ไขเพื่อให้นิยายเรื่องนี้สนุกขึ้นค่ะ =v=
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-01-2016 17:05:42
เรามารอทุกวันเลยชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: เอน ที่ 20-01-2016 17:36:07
ชอบบบบบบ สนุกดีค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 20-01-2016 18:47:28
ท่านแม่ทัพ
ใจเย็นๆ เป็นห่วงเขาอ่ะดิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 20-01-2016 19:16:15
จะไม่สมหวังก็ตรงที่ไปฆ่าพ่อ-แม่ของเค้านี่ล่ะ  :hao4:

ถ้าแค่มายึดเมือง จับเป็นเชลยเฉยๆ ก็ยังพอมีหวังว่าเขาจะรัก  :hao3:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 20-01-2016 19:35:55
เย้มาต่อแล้ว อยากให้พิษล้างพิษอ่างืออออยากให้ช่างหลินหายตาบอด
พระสนมโครตร้ายกาจฮึ่ยยย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 20-01-2016 19:39:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 20-01-2016 19:43:56
 :katai1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-01-2016 19:46:09
ท่านแม่ทัพไปจัดการพระสนมเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-01-2016 20:03:12
บร๊ะ!
ท่านแม่ทัพนี่เจ๋งจริง
ตีเมืองได้เมือง
ตวาดไล่ภาพหลอน ภาพหลอนก็หาย
ฮ่าฮ่าฮ่า

หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 20-01-2016 22:32:20
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-01-2016 23:32:51
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 21-01-2016 00:01:49
พึ่งมีโอกาสได้มาอ่าน ขอชื่นชมคนเขียนมากเลยนะคะ ภาษาสวย สื่ออารมณ์ได้เป็นอย่างดี
อ่านไปก็อึดอัด มองไม่เห็นหนทางของคนทั้งสองจริงๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 21-01-2016 01:05:43
รอวัน รัชทายาทฟื้น อย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-01-2016 01:59:26
ดีงามมากก ติดตาม
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 21-01-2016 02:19:47
ทำไมมันสั้น อยากอ่านต่อแล้ววววววววว

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 21-01-2016 03:34:30
ร้ายจริงๆค่ะ อยากรู้จะรักกันยังไง  :mew2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 21-01-2016 17:34:17
แม่ทัพลู่เป็นคนฆ่าแม่ของรัชทายาท เดาไม่ออกว่าจะรักกันได้ยังไง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ผายลม888 ที่ 23-01-2016 22:47:39
รอเรื่องนี้อยู่นะ  ค่อนข้างหายาก นิยายย้อนยุคที่เคะแมนแบบนี้
 สวยไม่ว่าแต่ขอให้แมนแบบปกติก็พอ
นี่ก็มาตามพอสมควรละ ถือโอกาสแสดงความคิดเห็นซะหน่อย เห็นว่าเว้นช่วงค่อนข้างนาน นี่เลยแพ้การคอย แต่ก็รออยู่เสมอนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 23-01-2016 23:56:22
  :mew1: :hao7:   ชอบมากๆค่ะ ลังเลอยู่นานจะอ่านดีไหม พออ่านติดหนึบเลย ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ พระเอกมีแผนวางเป็นขั้นๆดีรอตอนต่อไปนะคะ   นายเอกก็สู้ดี ไม่ย่อท้อ ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: runtothemoon ที่ 24-01-2016 13:41:43
แม่ทัพลู่คนปากแข็ง เป็นห่วงเขาก็พูดตรงๆไม่ใช่บอกว่าเป็นตัวประกันคนสำคัญต้องรักษาไว้ โด่ววววววววว
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 24-01-2016 21:49:25
ถ้าฟื้นนะะะ สนุกแน่นอนนนน
รอติดตามนะคะ อยากให้อัพยาวกว่านี้จังน้าา ฮือออ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 24-01-2016 23:35:09
เพิ่งเข้ามาอ่านทีเดียวเลย
คืออยากจะบอกว่าชอบมากกก :hao5: สนุกมากก น่าติดตามมากค่ะ
แต่งได้ลื่นไหลดีทั้งที่เป็นแนวนิยายจีนโบราณ
แต่งหวังตอนจบจะไม่เศร้าโน๊ะ :katai1:
จะรอตอนต่อไปนะค้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 28-01-2016 20:25:33
 :z3: คิดถึงจังงงง
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-01-2016 21:10:46
เมื่อไหร่จะฟื้นน้าาา ข้ามารอที่ท่านที่ท่าน้ำทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 7 หลับฝัน P.3 UP 20/01/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 03-02-2016 02:20:45
บทที่ 8 : คำถาม



     ร้อน...

     ความรู้สึกแรกเมื่อลืมตาขึ้นในความมืดอีกครั้งคือความร้อนจากอ้อมแขนของใครบางคนที่กอดประคองตัวเองเอาไว้ ความรู้สึกต่อมาคือความรู้สึกหนักอึ้งของร่างกายที่หนักราวกับถูกถ่วงไว้ด้วยโซ่เส้นหนาจนแม้แต่ปลายนิ้วก็ยังขยับไม่ได้

     ความมืดที่โอบล้อมกายส่งให้คนเพิ่งฟื้นไม่แน่ใจนักว่าตนเองตื่นขึ้นมาแน่แล้วหรือ? แต่เมื่อสติเริ่มกลับมาพร้อมกับเรี่ยวแรงที่ฟื้นคืนเขาจึงได้แน่ใจว่าตัวเองตื่นแล้วแน่ๆ

     ความมืดเช่นนี้เขาอยู่กับมันมานานหลายเดือนจนคุ้นเคยกันดีแล้ว หากกลิ่นอายของบุคคลที่โอบกอดตัวเองตอนนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่เขายินดีจะคุ้นชินเด็ดขาด

     ลู่ซือเหยียน

      ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวดิ้นผลักอกของศัตรูออก ร่างทั้งร่างก็ถูกอ้อมแขนแข็งแรงรัดเอาไว้จนแทบขยับไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพของเขาที่เรี่ยวแรงยังไม่กลับมาเช่นนี้ หลิวช่างหลินเกร็งขึ้นอย่างไม่พอใจ พยายามออกแรงต่อต้าน เค้นเสียงแหบพร่าออกมาด้วยความขุ่นเคือง

      "ปล่อยข้า"

      "อย่าดื้อ" เจ้าของอ้อมแขนตอบเสียงแข็งโอบกอดเขาไว้ให้แน่นกว่าเดิม พลันความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ปลายนิ้วก็ส่งให้สติคนเพิ่งฟื้นแจ่มชัดขึ้น ร่างกายคล้ายมีเรี่ยวแรงขึ้นมาตามลำดับ

     ฝังเข็มสินะ เมื่อเริ่มรู้เจตนาท่าทางขัดขืนก็ค่อยลดลง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าให้ความร่วมมือ จะอย่างไรฝังเข็มที่นิ้วก็ไม่จำเป็นต้องกอดเขาไว้แนบอกเช่นนี้กระมัง เขาหลิวช่างหลินเป็นชาย ซ้ำยังเป็นถึงอดีตรัชทายาทแห่งต้าซาง เรื่องทำตัวอ่อนแอให้ศัตรูช่วยเยี่ยงนี้เขาไม่ยินดี ไม่ยินดีอย่างยิ่ง!

     "ท่านปล่อยช้าได้แล้วกระมัง?" หลิวช่างหลินเค้นเสียงแหบพร่าพูดขึ้นมาอีกครั้ง ออกแรงยกมือข้างที่ไม่ได้ถูกฝังเข็มอยู่มาดันอกของอีกฝ่ายออก

     การกระทำนี้เรียกให้คิ้วของท่านแม่ทัพใหญ่ขมวดแน่น ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นมาร่างสูงออกแรงกอดคนดิ้นแน่นขึ้นอีก ส่งสายตาให้ท่านหมอโจวหยุดการฝังเข็มชั่วครู่ ใช้จังหวะที่หมอชราหยุดมือหันมาปราบพยศคนดื้อต่อ

      "เมื่อครู่ท่านหายใจไม่สะดวก ท่านหมอโจวกำลังฝังเข็มปรับให้ อยู่นิ่งๆเถอะ" เพราะไม่อยากใช้ไม้แข็งกดดันคนป่วยใจนอาการกำเริบขึ้นมาอีก น้ำเสียงที่ลู่ซือเหยียนเลือกใช้จึงอ่อนกว่าปกติอยู่ถึงสามสี่ส่วน แต่คนป่วยกลับไม่มีทีท่าจะรับน้ำใจ

     "จะฝังเข็มก็ให้ข้าพิงหมอนไว้ก็ได้ ข้าหลิวช่างหลิน แม้ไม่มีแผ่นดินให้ปกป้องแล้วก็ยังเป็นชายชาติทหาร มิต้องการการดูแลที่มากเกินความจำเป็นเช่นนี้หรอก ท่านแม่ทัพลู่ปล่อยข้าลงเถอะ" อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางตอบแทนน้ำใจด้วยถ้อยคำเย็นชา เมื่อเขาขยับตัวอีกครั้งลู่ซือเหยียนก็มิได้รั้งไว้อีก ปล่อยแขนออก หยิบหมอนมาประคองร่างโปร่งลงนอนแบบที่เจ้าตัวต้องการโดยไม่พูดอะไร

       เมื่อร่างกายเป็นอิสระแล้ว สีหน้าของหลิวช่างหลินถึงได้ดีขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าการทำสงครามย่อมต้องมีผู้แพ้แลผู้ชนะ การที่ตนเองพลาดพลั้งจนต้องเสียแผ่นดินไปย่อมมิอาจโทษใครได้นอกจากตนเอง คนตายในสงครามเป็นเรื่องปกติ ท่านฆ่าคนของศัตรูได้ ศัตรูย่อมฆ่าคนของท่านได้เช่นกัน

     เข้าใจ ทว่าหลังจากได้เห็นภาพกองซากศพสุดลูกหูลูกตานั่นแล้ว จักให้ทำใจยอมรับมันกลับมิใช่เรื่องง่ายดาย ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ การจะมองเรื่องราวของตนเองอย่างเป็นกลางไปเสียทุกเรื่องย่อมเป็นไปไม่ได้

     ท่านหมอชรามองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าเงียบๆ เขาพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มือเหี่ยวย่นที่หยุดไปก่อนหน้าเริ่มขยับไปฝังเข็มบนข้อแขนเรียวขาวอีกครั้ง พลางเอ่ยออกมาเสียงเบา ทำลายบรรยากาศหนักอึ้งด้วยถ้อยคำเรียบง่าย

     "ร่างกายของท่านแข็งแรงจริงๆ คนทั่วไปโดนขนาดนี้ น่ากลัวว่าต่อให้เจ็ดวันเจ็ดคืนก็คงยังขยับตัวไม่ได้"

     เสียงแหบพร่าอันคุ้นเคยนั้นคลายความตึงเครียดบนสีหน้าคนป่วยได้เล็กน้อย หลิวช่างหลินขยับตัวพอให้พิงหมอนได้ถนัดขึ้น ค่อยตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

     "...ขอบคุณท่านหมอโจว ช่างหลินทำท่านเดือดร้อนอีกแล้วกระมัง.." ถ้อยคำที่อดีตรัชทายาทหนุ่มเลือกใช้นั้นเหมือนเด็กน้อยพูดคุยกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทำให้รอยยิ้มบนหน้าท่านหมอกว้างขึ้นเล็กน้อย ใจนึกเอ็นดูชายหนุ่มเบื้องหน้าขึ้นมา

     "นี่เป็นงานของข้า จะลำบากอะไรกันเล่า" ถึงตอนนี้เข็มเงินก็ถูกดึงออกทั้งหมด เก็บของเข้าที่แล้วจึงหันไปพยักหน้าให้ท่านแม่ทัพใหญ่ที่เอาแต่ยืนเงียบมาตั้งแต่ถูกผลักไสไปยกหม้อยาที่ต้มเอาไว้ลงจากไฟแล้วตักยาใส่ถ้วยมายื่นให้ตน

     ท่านหมอท่านนี้ถึงกับกล้าใช้งานแม่ทัพใหญ่ผู้กุมอำนาจสูงสุดของกองทัพได้อย่างหน้าตาเฉย เสียดายที่ตาของอดีตรัชทายาทหนุ่มใช้ไม่ได้แล้ว จึงไม่อาจเห็นภาพเหตุการณ์แปลกประหลาดเบื้องหน้า ไม่อาจ...เห็นว่าอีกฝ่ายมองตนด้วยสีหน้าแบบไหน

     หมอชรารับยากลิ่นเหม็นฉุนมาดมด้วยสีหน้ายินดีราวยาในถ้วยเป็นชาชั้นเลิศ ผิดกับองค์ชายหนุ่มบนเตียงที่สีหน้าผิดสีไปเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นเหม็นเขียวร้ายกาจนั่น ความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอย่างหาได้ยากทำให้คนมองเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยาของท่านหมอโจว แม้จะให้ผลเป็นเลิศ แต่ความน่ากลัวของรส กลิ่น สี ก็เป็นเลิศเช่นเดียวกัน

      หลิวช่างหลินรับยามาด้วยท่าทางลังเลเล็กน้อย ถือไว้ชั่งใจแค่ชั่วครู่ก็กลั้นใจยกของเหลวที่ส่งกลิ่นเหม็นเขียวส่งเข้าปากตนเอง ทันทีที่ลิ้นรับรสได้ คนกินก็แทบจะสำลักออกมา คนมองส่ายหน้าเดินไปรินชาแล้วกลับมาจับมือเรียวเอาไว้ ส่งจอกชาให้ถึงมือ

     "ดื่มซะ นี่ชา" แม้น้ำเสียงจะเย็นชาไร้ความเป็นมิตร แต่เวลานี้อดีตองค์รัชทายาทแห่งต้าซางนั้นกลับไม่มีเวลาพิจารณาว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร ได้ชามาก็ยกกระดกเข้าปากทันที

     รสชาติของยาเทียบที่ดื่มเข้าไปแย่เกินคำบรรยาย หากคนส่งไม่ใช่โจวจั่งชิง เกรงว่าเขาต้องเข้าใจว่าหมอที่ยื่นยานี้มาให้กำลังปองร้ายตัวเองเป็นแน่...

     ทั้งขมทั้งเหม็นจนน้ำตาแทบไหล

     ฝ่ายท่านหมอชรายามนี้สีหน้ายิ้มแย้มยินดีจนหัวเราะถูกใจ เก็บของเข้าล่วมยาเสร็จมือเหี่ยวย่นจงค่อยจับข้อมือของคนป่วยมาสำรวจชีพจรอีกครั้ง

     "ไม่เลว..ไม่เลว หากอาการยังเป็นเช่นนี้อีกสองสามวันท่านก็หายขาดแล้วล่ะ"

     คนฟังขยับยิ้มชืด พยักหน้ากล่าวขอบคุณท่านหมอคนเก่งเบาๆ เมื่อเสร็จธุระ ลู่ซือเหยียนจึงเข้ามาประคองชายชราออกไปส่งหน้าห้อง ทิ้งให้คนป่วยอยู่เพียงลำพัง

     ....

     "แหม แหม ดูท่าที่ข้าไม่อยู่หลายวัน ที่นี่คงมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นสินะ"  ร่างของหมอชราลับตาไป เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังออกมาจากในเงามืด ลู่ซือเหยียนเหลือบสายตาคมกริบไปยังทิศทางนั้น ริมฝีปากยกยิ้มเย็นชา

     "สนุกมากทีเดียว"

     รอยยิ้มนั้นของสหายทำให้หลี่รุ่ยเต๋อประหลาดใจเล็กน้อย ดูท่าเรื่องสนุกที่ว่าจะสนุกมากจริงๆ ถึงได้ทำให้สหายของเขาโกรธเกรี้ยวขนาดนี้ ชายหนุ่มยักไหล่ หยิบม้วนกระดาษให้อีกฝ่ายด้วยท่าทางจริงจังขึ้น

     "จดหมายจากองค์ชายสาม ด่วนมาก เจ้าอ่านเอาเองแล้วกัน"

      พอได้ยินว่าผู้ส่งคือญาติผู้น้องของตน ลู่ซือเหยียนก็รับมาคลี่อ่าน กวาดสายตาผ่านตัวอักษรอย่างรวดเร็ว ใจความกระชับสั้นส่งให้คิ้วเข้มขมวดมุ่น อ่านจบมือหนาจึงค่อยพับจดหมายไปจ่อกับเปลวไฟ

     "องค์ชายรองเคลื่อนไหวแล้ว เว่ยหงต้องการกำลังเสริม"

     หลี่รุ่ยเต๋อพยักหน้ารับ เหลือบมองไปยังด้านในห้องที่ตัวประกันสูงศักดิ์พักอยู่ ลดเสียงลงแล้วกระซิบถามแผ่วเบา

     "เจ้าจะเอาอย่างไร ปล่อยต้าซางไว้แล้วกลับไปตอนนี้ไม่ดีแน่ เจ้าก็รู้ว่าพวกต้าซางยังไม่ได้ยอมศิโรราบ ตราบใดที่รัชทายาทของพวกเขายังมีชีวิตอยู่"

     ลู่ซือเหยียนมิได้ตอบคำถามทันที เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง คนเป็นสหายเห็นเช่นนั้นก็มิได้เร่งรัดอะไร ผ่านไปเกือบหนึ่งเค่อ ร่างสูงจึงเริ่มขยับในที่สุด

    "รุ่ยเต๋อ คนของเจ้าต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะไปถึงห้าวโจว*(1)"

     "ประมาณหกวัน"

     "ดี" ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่ปรากฏรอยยิ้มเยียบเย็น ดวงตาเรียวสีดำสนิทคมกล้าฉายแววเหี้ยมโหดให้ผู้ที่มองถึงกับสั่นสะท้าน

      "ข้ามีของขวัญจะส่งให้องค์ชายสามของเราชิ้นหนึ่ง คงจะซื้อเวลาให้เว่ยหงได้พักใหญ่เลยทีเดียว"

*********

     เจ็ดวันต่อมา ห้าวโจว เขตปกครองหนึ่งของต้าเสียง

     "เจ้าว่าอย่างไร ลู่ซือเหยียนบาดเจ็บหนักงั้นรึ!" ใครคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าอวบอูมจะฉายแววปิติยินดี รายงานลับจากสายที่แทรกซึมอยู่ข้างกายของแม่ทัพใหญ่นั้นไม่มีคราใดจะสร้างความตื่นเต้นให้กับเขาได้ถึงเพียงนี้

     รอคอยจังหวะมานาน ในที่สุดสวรรค์ก็ประทานโอกาสมาให้เสียที!

      "เด็กๆ!" เสียงแหบพร่าทว่าเต็มไปด้วยพลังชีวิตร้องเรียกเด็กรับใช้ที่อยู่หน้าห้องให้เข้ามา ร่างอวบขยับไปนั่งที่โต๊ะหนังสือหยิบพู่กันมาจุ่มหมึกตวัดเป็นอักษรอย่างรวดเร็ว เขียนเสร็จหยิบมาพัดๆสองสามครั้งให้หมึกแห้ง พับเป็นม้วนจดหมายและประทับตราประจำตัวให้เรียบร้อย

     "ส่งจดหมายนี้ให้องค์ชายสาม ด่วนที่สุด เข้าใจหรือไม่!"

     "ขอรับ ใต้เท้า"

*********

     "ท่านจะนั่งเหม่อแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน" เสียงทุ้มๆดังขึ้นเรียกความสนใจจากร่างโปร่งบางได้ในที่สุด หลังจากปล่อยในความคิดไหลไปกับความเงียบสงัดอยู่นานสองนาน

     "ตัวประกันเช่นข้า นอกจากนั่งเหม่อแล้วยังมีอย่างอื่นให้ทำงั้นรึ?" น้ำเสียงของคนเป็นตัวประกันยังคงกระด้างเช่นเดียวกับช่วงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาไม่มีผิด ความเปลี่ยนแปลงอันเห็นได้ชัดนี้ สร้างความหงุดหงิดใจให้แม่ทัพใหญ่ไม่น้อย

     "คนตาบอดมากมายในใต้หล้าที่ข้าเคยเจอ ไม่มีผู้ใดเหม่อเก่งเท่าท่านสักคน"

     "แม่ทัพผู้เก่งกล้าข้าก็เจอมามากมาย ข้าเองยังไม่เคยพบผู้ใดปากร้ายเก่าเท่าท่านเช่นกัน"

     "......" ถูกย้อนมาเช่นนั้น ลู่ซือเหยียนมิได้โกรธ ยังขยับยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ ลองว่าคนป่วยมีอารมณ์มาถกเถียงกับเขาเช่นนี้ คงไม่เป็นอะไรมากแล้ว

     เมื่อคู่สนทนาไม่ได้เอ่ยต่อประโยค หลิวช่างหลินก็ผ่อนลมหายใจเบา เลื่อนไปยังตำแหน่งที่จอกชาวางอยู่อย่างแม่นยำ ระยะหลายเดือนที่ผ่านมาประสาทสัมผัสของเขาฉับไวขึ้นมากจริงๆ

     "แล้วท่านไม่มีอะไรทำรึ ถึงได้มานั่งเฝ้าข้าแบบนี้" สุดท้ายคนที่หมดความอดทนก่อนคือฝ่ายคนป่วยที่พอจะรู้ตัวว่าถูกจับจ้องอยู่ทุกการเคลื่อนไหว การถูกจับจ้องเช่นนี้ทำให้เขาอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

    "มี ข้าก็กำลังทำอยู่นี่ไง" ลู่ซือเหยียนตอบรับเรียบง่าย สื่อเป็นนัยว่างานของตนก็คือการนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้นี่แหละ

    คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อย รัชทายาทหนุ่มสงบอารมณ์ตัวเองด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆผ่อนลมหายใจออกยาวๆ โมโหไปก็ไม่ได้อะไร การสะกิดชายผู้กุมชะตาชีวิตตนเองอยู่ยังไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากทำนัก เขาไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้ตัวเอง

     เมื่อข่มอารมณ์ของตัวเองได้ ร่างโปร่งจึงค่อยกลับมาสงบนิ่ง จิบชาหอมหวนในจอกอย่างเยือกเย็น

     "หากท่านหมายถึงข้า ข้าไม่คิดจะหนีออกไปไหนหรอก แล้วก็ไม่มีปัญญาทำเช่นนั้นด้วย ท่านสบายใจได้"

     ปากดี... ลู่ซือเหยียนคิดในใจ

     "งานของข้ามิใช่แค่นั่งเฝ้าท่านเฉยๆแน่นอน ขุนนางปกครองของต้าเสียงใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว ข้าต้องเตรียมข้อมูลสำคัญบางอย่างเอาไว้รอพวกเขา" เบื้องหน้าของแม่ทัพหนุ่มตอนนี้มีชุดเครื่องเขียนอยู่ครบพร้อม

     "...มิคิดว่าแม่ทัพอย่างท่านจะสนใจเรื่องการปกครองด้วย"

     "รู้เพียงการเข่นฆ่า ย่อมมิอาจปกครองผู้ใด ข้าต้องการต้าซางที่สมบูรณ์ มิใช่บอบช้ำจนหาประโยชน์อันใดมิได้" คนเป็นแม่ทัพตอบเรียบๆ หยิบแท่งหมึกสีดำมาฝนอย่างใจเย็น "หรือท่านอยากให้ต้าเสียงรื้อระบบใหม่ทั้งหมด? ถ้าเป็นแบบนั้นข้าไม่ถามก็ได้"

     ประโยคนี้ทำให้คนฟังเม้มปากแน่น อย่างไรก็ไม่เต็มใจเล่าทุกอย่างให้คนผู้นี้ฟัง อดีตองค์ชายรัชทายาทถอนหายใจแผ่ว

      "ได้ ท่านมีอะไรจะถามก็ว่ามาสิ" อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้คนต่างแผ่นดินมาปรับนั่นแต่งนี้จนต้าซางย่อยยับ บอกไปตามตรงจะดีกว่า

     "งั้นเริ่มจากระบบทหารก็แล้วกัน ข้ายังมีเรื่องที่ไม่ชัดแจ้งเยอะทีเดียว"

     "...ท่านเลือกเรื่องที่จะถามได้ดีจริงๆ" หลิวช่างหลินคลี่ยิ้มเย็นชา "น่าเสียดายที่ตาข้ามองไม่เห็นแล้ว ละจากเรื่องการทหารมาตั้งแต่หลายเดือนก่อน ท่านแม่ทัพลู่มาถามข้าตอนนี้ก็หาได้มีประโยชน์อันใดไม่"

     "องค์ชายช่างถ่อมตนจริงๆ ข้าคงเชื่อท่านไปแล้ว ถ้าหากไม่พบว่าส่วนที่เหลือของต้าซางกำลังเคลื่อนไปที่จุดๆหนึ่ง" คนเป็นแม่ทัพมิได้ยอมแพ้โดยง่าย หลายวันก่อนสายตามที่ต่างๆของเขาแจ้งมาว่าเมืองทางเหนือทั้งหมดกำลังอพยพไปรวมกันที่ค่ายแห่งหนึ่ง...

     คนที่เตรียมการไว้พร้อมเช่นนี้ต้องมิใช่ชนชั้นไร้สมองแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่ร่างตรงหน้าของเขาจะไม่รู้เรื่องนี้

     "ท่านรู้ว่าพวกเขากำลังเคลื่อนไหว ก็แปลว่าท่านทราบแล้วว่าพวกเขากำลังจะย้ายไปที่ใด เหตุใดยังต้องมาถามข้าอีกเล่า?" หลิวช่างหลินขยับยิ้มสุภาพนุ่มนวล ไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนก ขนาดผิวชาในจอกก็ยังสงบนิ่ง

     "แน่นอนว่าข้าทราบ แต่ข้าต้องการจะทราบให้มากกว่านี้"

     "ท่านเข้าใจว่าข้าจะขายประชาชนที่เหลือของข้าให้ท่าน?" ร่างโปร่งหัวเราะในคออย่างดูแคลน

      "ข้าเข้าใจว่าท่านยังห่วงประชาชนในที่เหลือในเมืองต่างหาก" ถ้อยคำของท่านแม่ทัพใหญ่ท่านนี้ดูเผินๆคล้ายประโยคทั่วไป ทว่าความนัยกลับเสียดแทงลึกเข้าไปในใจของคนฟังให้เจ็บแปล๊บขึ้นมา

     ลู่ซือเหยียนมองร่างโปร่งตรงหน้านิ่ง แล้วกล่าวต่อ "องค์ชายเป็นผู้มีปัญญา คงเข้าใจความหมายของข้าดี"

     กับคำขู่นี้ คนฟังเพียงยิ้มรับด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมเพียงแค่ความแข็งกร้าวที่ผุดขึ้นมาบนรอยยิ้มเท่านั้น ที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวหาได้ยอมจำนน  "ความหมายของท่านข้าย่อมเข้าใจ ความคิดของข้าท่านย่อมเข้าใจเช่นกัน ท่านจะไม่ทำร้ายพวกเขาแน่นอน"

     คราวนี้เป็นทีของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงตกลงลู่ความเงียบบ้าง เรียวปากเรียบตึงโค้งขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบางยากจะคาดเดาว่าเจ้าของอยู่ในอารมณ์ใด โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ร่างสูงก็หยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวเข้าไปหาร่างโปร่งช้าๆ จงใจลงน้ำหนักในแต่ละก้าวให้หนักแน่น จนมาถึงตรงหน้าของเชลยผู้สูงศักดิ์ มือหนาหยาบยกขึ้นแตะที่คางของร่างบนเตียง เชยให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาหาตน

     "ท่านคิดว่าข้ามิกล้าลงมือ?"

     "อำนาจที่ไร้เหตุผลคืออำนาจของคนพาล อำนาจที่ไร้ความเมตตา ย่อมนำมาซึ่งความปราชัย" ดวงตาคู่กระจ่างเลื่อนขึ้นมาสบกับดวงตาคมกริบอย่างแม่นยำ ถึงมิอาจมองเห็นดวงตาทั้งสองของผู้ตกเป็นรองก็ยังคงฉายความมั่นคงและความดื้อดึงหนึ่งประการ "ท่านมิอาจทำร้ายพวกเขา ตอนนี้ท่านครอบครองที่นี่ พวกเขาก็ถือเป็นหน้าที่ของท่านที่ต้องดูแล ท่านพูดเองว่าต้องการต้าซางที่สมบูรณ์ดังนั้นท่านก็ยิ่งมิอาจล้างบางพวกเขา"

     มิอาจทำร้ายคนที่จะกลายมาเป็นประชาชนของตัวเองในภายหน้า บ่มเพาะความแค้นใหม่ขึ้นในใจพวกเขา

     ลู่ซือเหยียนมิได้ต่อคำในทันที กลับจ้องมองใบหน้าของคู่สนทนาอยู่นาน

     "ข้าลู่ซือเหยียนเป็นชนชั้นทหารหยาบกระด้าง คงไม่ได้คิดไกลไปถึงขั้นนั้นหรอก"

     "หากท่านเป็นชนชั้นทหารที่ไม่ใส่เรื่องนี้จริง ชีวิตข้าคงไม่ยาวนานมาถึงตอนนี้หรอก"

     ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา คนเป็นทหารก็แค่นเสียงหึออกมาคำหนึ่ง ปล่อยมือออก หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ยังไม่ทันที่ร่างโปร่งจะได้ผ่อนคลาย เสียงทุ้มต่ำก็พาความหนักอึ้งเข้ามาสู่จิตใจอีกครั้ง

     "เช่นนั้นข้าคงต้องให้คนไปเชิญอินอ๋องมาตอบคำถามแทนท่านแล้ว องค์ชายพักให้สบายเถอะ อีกไม่นานข้าจะพาน้องชายของท่านมาอยู่เป็นเพื่อนเอง"

      สิ้นคำ เสียงฝีเท้าก็ห่างไปออกไป ทิ้งให้ร่างโปร่งหลับตาลงเม้มปากอย่างเจ็บปวด...

      อิ่นเอ๋อร์... พี่หวังว่าเราจะได้ไม่ได้พบกันอีก....

      หากยังกอบกู้แผ่นดินต้าซางไม่ได้ พี่หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกตลอดกาล หากสวรรค์ยังเมตตาคนแซ่หลิวอยู่บ้าง ได้โปรดคุ้มครองเขา

      ขอให้อิ่นเอ๋อร์ปลอดภัยจากเงื้อมมือของศัตรูด้วยเถอะ

*********

      หลังจากออกมาแล้ว ลู่ซือเหยียนมิได้รีบเดินไปเข้าประชุมเช่นทุกครั้ง ยังคงเดินทอดน่องช้าๆมองทิวทัศน์จากระเบียงไม้สีแดงเงียบๆ สีขาวของหิมะปกคลุมหนาอยู่ในสวนขับให้บรรยากาศดูสงบเย็นตา ร่างสูงหยุดยืนมองอยู่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่เดินเข้ามาใกล้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับสายตาเย็นชาไม่เป็นมิตรของชาวต้าซางผู้หนึ่งที่กำลังเดินนำนางกำนัลเข้ามาใกล้

     จางเหลียนจ้องสบกับดวงตาคมกริบทรงอำนาจโดยไม่หลบสายตา ความเกลียดชังในดวงตานั้นเข้มข้นจนแทบจะกลั่นออกมาเป็นคมดาบได้

     เผชิญกับความเกลียดชังเช่นนี้คนมองกลับรู้สึกคุ้นเคยกว่าใบหน้านิ่งเฉยของอีกคนในห้องเป็นไหนๆ สายตาเกลียดชังเช่นนี้กวาดตาไปที่คนต้าซางสักรอบ ในสิบคน คนที่มีสายตาเช่นนี้ไม่ต่ำกว่าห้าคนแน่นอน ที่เหลือนั้น หากไม่เป็นแววตาหวาดกลัว ก็เป็นแววตาประจบสอพลอที่ต้องการจะหาประโยชน์จากเขา...

     รอจนกลุ่มของจางเหลียนเดินผ่านไปแล้ว ลู่ซือเหยียนจึงผิวปากสั้นๆออกมาคำหนึ่ง ในเงามืดของระเบียงก็มีคนเดินออกมา เป็นชายหนุ่มชาวต้าซางที่สวมเครื่องแบบขุนพลชั้นสูงของต้าเสียง เมื่อเดินออกมาหยุดตรงหน้าคนเรียกก็ประสานมือคารวะเรียกแม่ทัพออกมาเบาๆ

     "หลงซาน เจ้ารู้จักที่ที่พวกเขากำลังจะไปหรือเปล่า"

     หานหลงซานยังคงก้มหน้าไม่เงยขึ้นมา เพียงตอบรับว่ารู้จักออกมาสั้นๆ

     "รู้หรือเปล่าว่าที่นั่นเป็นที่แบบไหน มีการคุ้มกันยังไง"

     "ไม่ทราบขอรับ"

      คำตอบที่ได้ทำให้คิ้มเข้มขมวดฉับ หันมาจ้องมองด้วยท่าทางบีบคั้นบางเบา

      "เจ้าทำมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังลังเลอะไรอยู่อีก? หรือเจ้าคิดจะบิดพลิ้ว ยกเลิกข้อตกลงของเรา?"

      ภายใต้แรงกดดันของแม่ทัพใหญ่ที่กร่ำศึกมาไม่รู้กี่สมรภูมิ หานหลงซานยังคงความเยือกเย็นไว้ได้ดีอย่างน่าชมเชย เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาตรงๆ

     "ตอนที่วางแผนเรื่องค่ายพักนี้ องค์ชายหารือแค่กับแม่ทัพนายกองที่เกี่ยวข้องโดยตรงและอินอ๋องเท่านั้น ข้ารู้เพียงว่ามันตั้งอยู่ที่ไหน แต่ทางที่จะบุกเข้าไปหรือรายละเอียดของมันแม้แต่จางเหลียนเองก็ยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ข้ามิได้เจตนาปิดบังท่านแต่อย่างใด"

    ลู่ซือเหยียนหรี่ตาจ้องอยู่ชั่วครู่ก็ละสายตาออกไปมองยังนอกระเบียงอีกครั้ง

    "เจ้าไม่รู้ก็ช่างเถอะ ไปตามรุ่ยเต๋อมาพบข้าพรุ่งนี้เช้า ให้เขาเข้าประชุมด้วย บอกว่าถ้ากล้าโดดประชุมครั้งนี้ ข้าคงต้องเขียนจดหมายถึงหอเหลียนฮวาหาสายลับคนใหม่แล้ว"

     "ขอรับ"




**************************
กลับมาต่อแล้วค่าาาาาา ;v;

หายไปนานมากจริง คนแต่งหวัดรับประทานจนลุกมาจิ้มนิยายไม่ได้หลายวันเลย แถมยังยุ่งๆกับเรื่องเรียนเล็กน้อย ฮา

ในที่สุดสองคนนี้ก็ได้มีบทคุยกันยาวๆเสียที! .....แต่บรรยากาศหนักๆนี่มันอัลลัยกัน เขียนเองบ่นเองสักหน่อย หลายๆคนอ่านไปอ่านมาก็คงสงสัยว่ามันจะลงเอยกันได้จริงๆหรอสองคนนี้.... คำตอบก็คือกรุณาติดตามต่อไปนะคะ ฟฟฟฟฟ  //โดนตี

คนแต่งอยากให้นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เน้นแค่เรื่องความรักอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องราวของแผ่นดิน ความรู้สึก และหน้าที่มาเกี่ยวข้องด้วย เพราะงั้นคงไม่ได้ลงเอยกันง่ายๆแน่นอน 555 แต่คนแต่งไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เป็นจำเลยรักนะคะ คนอ่านทุกท่านใจเย็นๆก่อน ฟฟฟ

อยากคุยมากกว่านี้ แต่พิมพ์แล้วเกือบเผลอสปอยเนื้อเรื่อง เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะทุกคน ผู้แต่งของลาไปทำงานหลวงก่อนล่ะ ก่อนจะโดนอาจารย์เอา F มาโยนใส่หัว ฮา แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นเช่นเคยนะคะ อ่านแล้วแก้มจะปริจริงๆ 55
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-02-2016 03:49:04
คำผิดค่า เราเจอ หาประโยคค่ะ หาประโยชน์ ใช่ไหมคะ




รอตอนต่อน้า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 03-02-2016 08:31:15
มาแล้วๆ อิๆ   :katai2-1:

ฝ่ายพระเอกก็ออกอาการว่าชอบซะขนาดนั้น   แต่อีกฝ่ายยังคงไม่รับรู้ คงต้องใช้วิธีปล้ำเท่านั้นล่ะมั้ง  :hao7:

ปล้ำเสร็จค่อยมาเคลียร์  :hao6:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 03-02-2016 17:47:27
คำผิดค่า เราเจอ หาประโยคค่ะ หาประโยชน์ ใช่ไหมคะ




รอตอนต่อน้า

พลาดจริงด้วย แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะค้า  //^\\
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 05-02-2016 18:44:11
เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วว
เป็นกำลังใจให้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 05-02-2016 21:14:25
จะลงเอยกันยังไงได้นึกไม่ออกเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-02-2016 21:20:53
สนุกมากเลยค่ะ  :-[
อยากให้องค์ชายชนะจะได้แก้แค้นบ้าง   :3125:
# ทีมองค์ชาย
ติดตามค่าาา

ปล.อยากรู้ที่มาของชื่อเรื่องแล้ววว ><
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 06-02-2016 23:54:06
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น  ยิางอ่านยิ่งสนุกกกกก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 07-02-2016 10:56:21
แปะ!!
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 07-02-2016 11:13:08
สนุกมากๆเลยค่ะ
ภาษาอ่านแล้วลื่นไหล
ชอบมากกก
มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 08-02-2016 00:49:30
เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก ภาษาอ่านเข้าใจได้ง่าย ส่วนตัวชอบนิยายแนวจีนโบราณอยู่แล้ว รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์**[Yaoi/BL[แนวจีนโบราณ]]บทที่ 8 คำถาม P.4 UP 2/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 08-02-2016 05:37:54
บทที่ 9 : เคลื่อนไหว

**************

     สิ่งที่โหดร้ายที่สุดคืออะไร? คำตอบในใจของจางเหลียน คือการที่ถูกคนซึ่งไว้ใจมากที่สุดทรยศหักหลัง ความเชื่อใจถูกเหยียบย่ำเสียไม่มีชิ้นดี เขายังจำวันนั้นได้...วันที่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปตลอดกาล

     เริ่มด้วยชาถูกยกเข้ามา แปรเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นสีโลหิต ยาพิษถูกวางเอาไว้ในชาทุกจอก เหล่าแม่ทัพนายกองที่กำลังปรึกษาหารือเรื่องการต่อต้านข้าศึกล้มไปทีละคน จากนั้นศีรษะนับสิบก็หลุดร่วงลงจากบ่า ด้วยน้ำมือของผู้ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายเป็นผู้ทรยศ

     หานหลงซาน ชายหนุ่มที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้และกลายมาเป็นองครักษ์คนสนิทขององค์รัชทายาทตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน  สหายสนิทที่สุดของเขา...

     แววตายามคนผู้นั้นบั่นคอสหายร่วมรบทั้งว่างเปล่าและเย็นชา ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ไร้ความรู้สึกผิดแม้แต่เศษเสี้ยว ในตอนนั้นเขาได้ยืนเบิกตากว้างตัวแข็งทื่อมองสหายรักอย่างตื่นตะลึง เมื่อละเลงโลหิตเสร็จสิ้นแล้ว มือสังหารก็หันหน้ามามองเขาแล้วค่อยย่างก้าวประชิดพร้อมกับดาบในมือ ในหัวของเขามีเพียงความคิดที่ว่าความตายได้มาเยือนเสียแล้ว จางเหลียนมิได้ขัดขืน ไม่แม้แต่จะหยิบมีดสั้นจากแขนเสื้อขึ้นสู้ เพียงหลับตารอรับความตายอย่างง่ายดาย

     ความเจ็บในอกที่ความไว้ใจถูกทุบทำลายมากจนรู้สึกราวกับดวงใจกำลังแตกสลาย ทว่ายืนอยู่นาน ชายเบื้องหน้าก็ไม่ลงมือเสียที จางเหลียนจึงลืมตาช้าๆ สิ่งที่เห็นในตอนนั้นคือสิ่งที่เขาไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

     น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินออกมาจากดวงตาที่ว่างเปล่า ผสมกับหยาดเลือดจนกลายเป็นสีแดงฉาน มองดูคล้ายกับคนตรงหน้ากำลังหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือด แม้สีหน้าจะปราศจากอารมณ์หากแต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่กดทับลงมาอย่างรุนแรง นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เขาเห็น ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งที่พื้นข้างแท่นบรรทมขององค์รัชทายาท

     และพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่ความฝัน

     ประตูเมืองถูกเปิดออก ทหารต้าเสียงไหลทะลักเข้ามารวดเร็วยิ่งกว่าน้ำป่า ในไม่ช้ากำแพงวังก็ถูกบุกประชิด ความพ่ายแพ้ถูกหยิบยื่นให้กับต้าซางอย่างโหดร้ายที่สุด

     แสงสว่างและความหวังของชนชาวต้าซางถูกพรากเอาไปพร้อมๆชีวิตและแสงสว่างขององค์รัชทายาท เปลี่ยนความไว้เนื้อเชื่อใจและไมตรีที่เขาเคยหยิบยื่นให้คนผู้หนึ่งกลายเป็นความผิดหวังลึกล้ำ ชั่วชีวิตคงไม่อาจกลับมาเป็นเช่นเดิม

     จางเหลียนถอดถอนใจ ดวงตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง ยามนี้เวลาล่วงเข้าสู่ยามไฮ่( 21:00 - 22:59 )แล้ว แสงคบเพลิงที่เคลื่อนไหวภายนอกจึงถึงเวลาเคลื่อนไหวตามการผลัดเปลี่ยนเวรยาม มองอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยถอนสายตามาที่เตาเล็กใกล้ตัวอีกครั้ง

      บัณฑิตหนุ่มยกกาเล็กลงจากเตา รินยาสีขุ่นใส่ถ้วยหยกใบน้อย นำส่งให้เจ้าชีวิตของตนที่กำลังหลับตาพักผ่อน

     "ยาพ่ะย่ะค่ะ" ถ้วยหยกถูกประคองส่งถึงมือเรียวอย่างระมัดระวัง ฝ่ายคนรับที่กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่จึงต้องยืดตัวพร้อมกับลืมตาขึ้นตามความเคยชิน แม้จะไม่อาจมองเห็นสิ่งใดแล้วก็ตาม

     "นี่เวลาอะไรแล้ว" น้ำเสียงของผู้สูงศักดิ์แฝงไปด้วยความอ่อนล้า หลายวันมานี้เขานอนหลับได้ไม่ดีเอาเสียเลย จนต้องพึ่งยาจากหมอชราผู้นั้นอีกแล้ว

     "ยามไฮ่พ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่พวกนั้นเพิ่งเปลี่ยนเวรยามกะแรกไป"

      "อืม...ช่วงนี้มีข่าวอะไรหรือไม่?" คราวนี้น้ำเสียงอ่อนล้าแฝงไปด้วยความกังวลบางเบา มือยกถ้วยยาในมือขึ้นดื่มจนหมดค่อยส่งคืน จางเหลียนรับถ้วยหยกไปวางไว้บนถาดพลางสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย เมื่อเห็นว่าใบหน้าซีดขาวดีขึ้นเล็กน้อยแล้วถึงยอมขยับปากเล่า

      "อินอ๋องส่งข่าวมาว่ายามนี้ได้เข้าไปในค่ายพร้อมกับชาวเมืองบางส่วนแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนรายละเอียดอื่นท่านอ๋องมิได้ส่งมาด้วย"

      บัดนี้ศึกทางเหนือเริ่มต้นมาได้เกือบสองเดือนแล้ว ทหารที่เหลืออยู่ของต้าซางต่างทุ่มเทกำลังเพื่อคุ้มครองชาวเมืองผู้ลี้ภัยมาสองเดือนแล้วเช่นกัน จากข่าวที่มาถึงก่อนหน้า เหลือเพียงประชาชนบางส่วนเท่านั้นที่ยังไปไม่ถึงที่หมาย ถึงจะถูกทหารต้าเสียงจู่โจมจนถอยร่นไปเรื่อยๆก็ไม่ได้น่ากังวลอีกต่อไป

     "ปลอดภัยดีสินะ งั้นก็ดีแล้ว" หลิวช่างหลินพยักหน้าอย่างพอใจ ความกังวลที่บ่มเพาะมาหลายวันในที่สุดก็สามารถผลักออกไปได้ส่วนหนึ่ง น้องชายคนนั้นของเขาเป็นพวกใจร้อนอย่างยิ่ง เขาห่วงมาตลอดว่าเจ้าตัวจะหุนหันจนได้รับอันตราย

     "เหอตี้ชุนอยู่ด้วย ท่านอ๋องต้องไม่ใจร้อนจนได้เรื่องแน่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทพักสักหน่อยเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว"
 
     เห็นสีหน้าผู้เป็นนายมีสีสันขึ้นแล้ว จางเหลียนก็ขยับตัวประคองให้ร่างโปร่งเอนหลังลงอย่างระมัดระวัง หลังจากรอจนผู้เป็นายหลับ จึงค่อยล่าถอยออกมาจากห้อง ก่อนสายตาจะไปปะทะกับคนผู้หนึ่งที่ไม่นึกอยากเห็นหน้าที่สุด เขาแค่นเสียงหึแล้วยกถาดยาเดินผ่านหน้าไปโดยไม่ใส่ใจเช่นทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับไม่เหมือนครั้งก่อน หานหลงซานถึงกับกล้าเอื้อมมือมาคว้าแขนของเขาเอาไว้

     "ปล่อย" จางเหลียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก หานหลงซานมองดวงหน้าเย็นชาของอดีตสหายรักแล้วผ่อนลมหายใจเบา

      "อย่าพยายามรับส่งข่าวใดๆมากนัก มันไม่ดีต่อตัวเจ้าเอง" หานหลงซานเอ่ยเรียบๆ มือหนายังกำแน่นอยู่บนต้นแขนของคู่สนทนา

      "แล้วมันเกี่ยวอันใดกับเจ้า? หากคิดว่าข้าอันตรายก็วิ่งโร่ไปฟ้องนายเจ้าสิ" จางเหลียนแค่นยิ้ม สะบัดแขนออกเองอย่างแรง

     หานหลงซานไม่ได้รั้งแขนของอีกฝ่ายไว้อีก เพียงมองใบหน้าเย็นชานิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆอีกครั้ง  "เจ้าทำเช่นนี้องค์ชายจะได้รับอันตรายไปด้วย ข่าวใดที่ควรรู้ก็รู้แล้ว หากยังอยากรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ก็อย่าทำอะไรไม่เข้าท่า"

    "เจ้าขู่ข้ารึ!"

    "ข้าพูดความจริง จางเหลียน" ครานี้เสียงของคนทรยศแข็งขึ้นมาแล้ว ดวงตายังทอประกายคมกล้าจนทำเอาคนถูกมองชะงักกึก "แม่ทัพหลายคนของต้าเสียงเองก็กำลังจ้องเอาชีวิตพวกเจ้า และหากพวกเขาหาข้ออ้างได้จริง เช่นนั้นชีวิตของเจ้ากับเขาก็จะรักษาเอาไว้มิได้แล้ว!"

     พูดจบหานหลงซานก็หมุนตัวจากไปทิ้งความสับสนไว้ให้กับคนเบื้องหลังที่มองตามตนเองจนลับสายตาด้วยความไม่เข้าใจ...

     คนทรยศจะมาเตือนพวกเขาไปเพื่ออะไรกัน...?

**************



      ไอสีขาวของกำยานลอยอ้อยอิ่งในอากาศราวกับดวงวิญญาณกำลังทอดถอนใจ กลิ่นหอมอ่อนจางอันเป็นเอกลักษณ์ของเหมยกุ้ย*(1)กรุ่นกำจายไปทั่วห้อง เพื่อให้ตัวประกันผู้สูงศักดิ์ที่อาศัยอยู่ด้านในหลับสบายยิ่งขึ้น

      เปลือกตาบางปิดสนิทลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าของร่างกำลังอยู่ให้ห้วงลึกของนิทรารมณ์ จนกระทั่งเสียงเคาะเป็นจังหวะดังขึ้นแผ่วเบาจากหลังฉากกั้น ดวงตาไร้ประกายก็เปิดขึ้นช้าๆหาได้มีแววง่วงงุนไม่ ร่างโปร่งขยับตัวเลิกผ้านวมหนาออกจากกาย ลมหนาวที่พัดเข้ามานั้นทำให้ต้องห่อไหล่เล็กน้อยแล้วค่อยลุกขึ้นจากเตียงคั่ง*(2)อันอบอุ่นก้าวไปยังต้นเสียงอย่างแม่นยำ สีหน้าที่เรียบสนิทแฝงแววรอยคอยเอาไว้ เอ่ยเรียกนามของแขกผู้มาเยือน

      "จิ้งเหวิน?"

      "จิ้งเหวินเองเพคะ" เสียงหวานนุ่มนวลตอบกลับ ตอนนี้เองที่รองเท้าปักลายคู่สวยปรากฏเบื้องหลังฉากกั้น นำพาร่างอรชรในชุดรัดกุมให้มาคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ประสานมือคารวะเต็มพิธีการโดยมิใยว่าว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นการกระทำของตนหรือไม่

       "ไม่ต้องมากพิธี" หลิวช่างหลินเอ่ยเรียบ รอจนเสียงเสียดสีที่บ่งบอกว่าหญิงสาวกำลังลุกขึ้นมาเงียบลง อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางจึงค่อยหมุนตัวเดินกลับไปยังโต๊ะน้ำชา หย่อนตัวนั่งลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ที่ข้าสั่งไปได้ความว่าอย่างไร"

       "ทูลองค์รัชทายาท จิ้งเหวินออกสำรวจเรียบร้อย หนึ่งเดือนมานี้ได้พบรูปแบบที่แน่นอนของการจัดเวรยามแล้วเพคะ" หญิงสาวนามจิ้งเหวินมิได้เอ่ยมากความรายงานสิ่งที่ตนเองได้รับมอบหมายด้วยถ้อยคำสั้นกระชับ รูปแบบการเปลี่ยนผลัดและรายนามผู้ควบคุมถูกร่ายออกมาโดยไร้ความติดขัด รูปแบบที่นางและกลุ่มอีกสามสี่คนทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันมาตลอดหลายเดือนจนพบในที่สุด การจัดการที่แทบจะรัดกุมไร้ช่องโหว่ของแม่ทัพใหญ่ลู่ซือเหยียนทำให้คนฟังต้องขมวดคิ้วแน่นครุ่นคิด ทว่าไม่ได้นิ่งอยู่นานก็พยักหน้ารับเบาๆ

      "ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปก่อน ยังไม่ต้องส่งข่าวให้ใครนอกจากข้า"

      คำพูดนี้ทำให้ริมฝีปากเรียบตึงของหญิงสาวโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับดีใจ ส่งเสียงรับคำสั้นๆ ทำความเคารพอีกครั้ง ก้าวถอยหลังไปในความมืดพร้อมกับกลิ่นอายที่จางหายลงอีกครา ราวกับพื้นเบื้องหน้าขององค์รัชทายาทไม่เคยมีผู้ใดอยู่มาก่อน ทิ้งให้ผู้ฟังนิ่งจมอยู่ในความเงียบแต่เพียงผู้เดียว

      การทำงานสะท้อนถึงจิตใจของผู้กระทำ การเลือกใช้งานและวิธีการของบุรุษที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของต้าเสียงยิ่งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หนึ่งเดือนมานี้เจ้าตัวออกไปนำการบุกขึ้นเหนือด้วยตัวเอง ทิ้งไว้เพียงรองแม่ทัพคนสนิทสองคน การวางตำแหน่งของเวรยามกลับไม่ย่อหย่อนลงไปแม้แต่น้อย

      ทว่าก็ยังมีช่องโหว่

      รองแม่ทัพทั้งสองแม้มิใช่คนหยาบกระด้าง ทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ หากความคิดอ่านกลับยังด้อยกว่าผู้เป็นนายอยู่เกือบหนึ่งช่วง ด้วยความหยิ่งทะนงว่าตนเองเป็นผู้คว้าชัยในสงคราม ในส่วนเล็กๆที่เกี่ยวกับคนรับใช้ที่ถูกกักกันกลับไม่ถูกใส่ใจเท่าที่ควร การส่งคนออกไปนอกวังจึงไม่ถูกตรวจตราแน่นหนา เทความสนใจไปยังคนที่เข้ามามากกว่ากึ่งหนึ่ง

      ดวงตาเรียวยาวสีดำขลับหรี่ลงเล็กน้อยอย่างคนใช้ความคิด ข่าวและรายงานที่ได้รับถูกนำมาประติดประต่ออย่างบรรจง คิดหาวิธีการช่วยยืดถ่วงเวลาให้กับทหารซึ่งต้องต้านทัพใหญ่ของศัตรูอยู่ที่แดนเหนือ โดยไม่รู้ตัวเวลาก็ล่วงผ่านจนได้ยินเสียงเคาะไม้บอกการเปลี่ยนโมงยามอีกครั้ง บางอย่างพลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิดอันยุ่งเหยิง

      ลมหายใจของผู้ที่เป็นถึงอดีตองค์รัชทายาทแห่งต้าซางลึกขึ้น ยาวขึ้น พรูออกมาในครั้งเดียวกระทบกับอากาศหนาวเหน็บจนกลายเป็นไอสีขาววูบ ดวงตามืดบอดฉายประกายเฉียบขาดและเย็นชา บรรยากาศรอบกายที่สงบนิ่งมานานหลายเดือนคล้ายถูกร่างโปร่งเปลี่ยนให้เป็นไอระอุขึ้นอย่างรุนแรง เจ้าของใบหน้าซีดขาวที่เคยดูเปราะบางราวกับจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อมาตอนนี้หากใครได้เห็นเชื่อว่าหากไม่ถอยหลังไม่หนึ่งก้าวก็คงไม่กล้าประมาทเจ้าของแววตาน่าสะพรึงนี้อีกต่อไป

      มันเป็นรัศมีอย่างหนึ่งที่ผู้สืบเชื้อสายแห่งมังกรเท่านั้นที่จะเปล่งออกมาได้ สิ่งที่ไม่เคยปรากฏบนร่างนับตั้งแต่พบว่าตนเองเป็นฝ่ายพลาดพลั้ง หลิวช่างหลินมิได้นั่งอยู่ที่เดิมอีก ลุกขึ้นเดินไปยังเตาเล็กที่เลี้ยงไฟไว้หยิบป้านชาไปอุ่นบนเตา พอได้ยินเสียงน้ำพล่านเดือด จึงค่อยนำไปรินใส่จอกชาที่วางไว้รอท่า ยกชาอ่อนขึ้นจิบด้วยท่วงท่านิ่งสงบดังเดิม บรรยากาศรอบตัวก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน

      สิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่คือดวงตาคมกล้าที่ทอประกายสังหารออกมาจางๆ รอจนอารมณ์สงบลงแล้ว เจ้าตัวจึงได้ปีนขึ้นเตียงเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มหนาอีกครั้ง

     ดูเหมือนว่า...จำเป็นต้องเคลื่อนไหวทำตัวให้เป็นประโยชน์กับอิ่นเอ๋อร์บ้างเสียแล้ว...

************


'วันที่ 18 เดือนอ้าย ชาวเมืองยอมอยู่เงียบๆมานานก็เริ่มต่อต้านการทำงานของทหารต้าเสียงอย่างรุนแรง เพราะชายคนหนึ่งถูกรถม้าของขุนนางบุ๋นคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงไม่นานนักชนและเหยียบเข้าอย่างจังจนตายคาที่ แต่ศพกลับไม่ได้รับการดูแลที่ดี การต่อต้านนั้นรุนแรงจนเกือบควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้ มีผู้ทหารบาดเจ็บไปหลายร้อยนาย'

'สี่วันต่อมากลุ่มทหารเล็กๆกองหนึ่งบุกปล้นชิงเสบียงที่ออกมาจากเมืองไปได้อย่างอุกอาจ ชิงของไปได้ทั้งหมด นายกองเสบียงผู้ควบคุมการขนย้ายถูกสังหาร'

'สองวันต่อมากองทหารที่เคลื่อนย้ายออกจากเมืองถูกจู่โจมอีกครั้ง ปกป้องเสบียงเอาไว้ได้สามส่วน ที่เหลือถูกช่วงชิงไปทั้งหมด'

'กลางดึกคืนถัดมาเกิดไฟไหม้ในพระราชวังถึงสามจุด เชลยทางทหารหลายคนใช้จังหวะนี้หลบหนีไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง'



     "นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!" หนึ่งในแม่ทัพหลักที่ติดตามลู่ซือเหยียนมายังแนวหน้าตวาดลั่นอย่างกราดเกรี้ยว สีหน้าของชายวัยกลางในยามนี้บิดเบี้ยวไม่น่ามองเอาเสียเลยจนน่ากลัวว่าเจ้าตัวจะถูกความโมโหจุกในอกจนตายเอา สีหน้าของคนอื่นๆในกระโจมก็ไม่ได้ดีกว่ากันมากนั้น ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาตัดหน้าท่านแม่ทัพใหญ่ที่ยังนั่งเงียบอยู่ดี

     ข่าวร้ายถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างล้วนเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งสิ้น

     คนที่อยู่ข้างๆแม่ทัพเจ้าของเสียงตวาด รีบปลอบสหายร่วมทัพให้เย็นลง เพราะเกรงว่าเสียงดังเอะอะจะไปสะกิดจุดต้องห้ามของท่านแม่ทัพใหญ่เข้า และเมื่อเจ้าตัวได้สติก็รีบหุบปากลงทันที เฉินฟู่หลิงสังเกตสีหน้าผู้บังคับบัญชาอยู่ชั่วครู่ สลับกับอ่านรายงานที่ถูกส่งมาจากในเมืองหลวงที่ยึดได้ รวบรวมความกล้าอยู่อึดใจ ร่างในชุดเกราะเต็มยศก็ก้าวออกมาเบื้องหน้า

     "ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าว่าเราควรรีบส่งคนกลับไปดูแลสถานการณ์เดี๋ยวนี้ หม่าหยาง กับ ซือถูฟาง น่ากลัวจะรับมือไม่ไหวแน่ขอรับ"

     ลู่ซือเหยียนเหลือบตาขึ้นมามองคนสนิทของตนนิ่ง ยังคงเงียบไม่กล่าวคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงแบมือออกมารับม้วนรายงานมาอ่านรายละเอียดเท่านั้น ลำดับเหตุการณ์และช่วงเวลาที่เหมาะเจาะนี้สะกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างรุนแรง จะอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อแน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญ ต้องมีใครสักคนที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้

     ใครสักคนที่มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ประชาชนเคลื่อนไหว

     ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง ภาพของใครคนหนึ่งก็ลอยเข้ามาทันควัน เจ้าของดวงตามืดบอดคู่นั้น กลิ่นอายเด็ดขาดที่แฝงมาในเหตุการณ์นีัมิใช่กลิ่นอายที่เขาคุ้นเคยที่สุดหรอกหรือ? ลู่ซือเหยียนแค่นเสียงหึออกมาคำหนึ่ง เสียงนี้ทำให้พวกที่อยู่ในห้องพร้อมใจกันก้มหน้าหนาววูบโดยพร้อมเพรียง รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ขึ้นมากะทันหัน

     มีเพียงเฉินฟู่หลิงและจั๋วเจียหานผู้ดำรงตำแหน่งกุนซือเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง คนเป็นแม่ทัพใหญ่แค่นเสียงออกมาอีกคำยืดตัวยืนขึ้นโยนรายงานลงพื้นอย่างแรง เดินเข้าไปหาแผนที่หนังผืนใหญ่

     "ทัพหน้าบุกขึ้นไปถึงไหนแล้ว?"

     "เรียนท่านแม่ทัพ จากข่าวที่ส่งมาเมื่อสี่ยามที่แล้ว ตอนนี้ต้อนพวกมันให้ถอยร่นจากเมืองเยี่ยฝางได้แล้วขอรับ" ครานี้เป็นแม่ทัพอีกท่านหนึ่งก้าวขึ้นมาชี้ยังจุดที่บุกไปถึง หวังให้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นดับความคุกรุ่นในใจของท่านแม่ทัพลงบ้าง

     "บุกได้เพราะพวกมันทิ้งเมืองไปเรียบร้อยแล้ว?" ลู่ซือเหยียนถามกลับเสียงเย็น เรียกเหงื่อให้ไหลซึมมาอาบหน้าผากของผู้ที่รายงานทันที

     "ถึงไม่อาจกล่าวว่ามันถอยร่นเพราะการบุกของเราทั้งหมด แต่ก็สามารถบีบให้แนวป้องกันของพวกมันถอยไปได้ไกลอีกเกือบร้อยลี้ หาถือว่าล้มเหลวได้ไม่" จั๋วเจียหานขัดท่านแม่ทัพใหญ่ขึ้นมาบ้าง ก่อนที่เจ้าตัวจะทำลายขวัญของพวกแม่ทัพที่เหลือให้บินหนีไปจนหมด กุนซือก้าวขึ้นมาด้านข้างร่างสูงใหญ่ ชี้ไปในจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ในตอนแรก และแนวรับของศัตรูที่ถอยร่นลงไป "ทำเลที่พวกมันถอยไม่ดีกับเราเท่าไหร่ สำหรับคนต่างถิ่นเช่นเราถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง รอบด้านเป็นเชิงผาสูงขึ้นไป ถึงจะพวกมันจะบุกสวนลงมาสะดวก ....."

     "แต่เราก็ไล่ตามไปในทันทีไม่ได้เช่นกันสินะ?" ลู่ซือเหยียนต่อประโยคของท่านกุนซือเสียเอง น้ำเสียงและสีหน้าไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าควบคุมตนเองได้แล้ว

     "ท่านแม่ทัพใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง ที่เรามิได้บุกต่อเป็นเพราะเหตุนี้เอง"

      คราวนี้คนเป็นแม่ทัพใหญ่พยักหน้ารับอย่างเยือกเย็น กวาดสายตามองสำรวจแผนที่อีกครั้ง หัวเราะเย็นๆออกมาในคอ ก่อนจะทำให้ทุกชีวิตในกระโจมสะดุ้งโหยงด้วยประโยคต่อมา

     "เห็นที่เราจะต้องถอยแล้ว"

      ถอย? ถอยงั้นรึ! สีหน้าของหลายคนในห้องแปลกประหลาดทั้งยังหลากหลายอย่างยิ่ง หันไปมองหน้ากันไปมาคล้ายจะถามกันและกันว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่? ในขณะที่อีกหลายคนที่เหลือสีหน้าเคร่งขรึมลงไม่เบา จั๋วเจียหานเป็นกลุ่มหลัง เขาพิจารณาสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็ว และอธิบายออกมาเอง

     "จากที่เราบุกมา ข้าคำนวนดูแล้ว ว่าอย่างไรก็คงไม่สามารถจบศึกนี้ภายในเร็ววันแน่ โดยเฉพาะเมื่อข้าศึกของเราต้องการจะดึงศึกนี้ให้ยืดเยื้อ"

     "มิผิด ถ้ายังดึงอยู่เช่นนี้กว่าจะบุกถึงค่ายของพวกมัน ให้เร็วอย่างไรก็ไม่เร็วกว่าสามเดือนแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ทหารเรากำลังถูกความหนาวบั่นทอนกำลังออกไปทุกขณะ" แม่ทัพชราผู้เจนศึกที่สุดในที่นี้ออกความเห็นบ้าง และทำให้กลุ่มที่ทำหน้าแปลกประหลาดเมื่อครู่กลับมานิ่งขรึมอีกครั้ง

     การรบในฤดูหนาวที่โหดร้ายเช่นนี้ หากมิใช่จำเป็นจริงๆคงไม่มีผู้ใดยินดีกระทำแน่

     "เมืองหลวงนั่นเกิดเรื่องแบบนี้ หากยังไม่รีบถอนทัพกลับไปรักษา อาจจะเกิดเรื่องขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้" ลู่ซือเหยียนเป็นผู้ตอกตะปูปิดผาโลงจบการโต้แย้งในใจของใครหลายคนได้อย่างหมดจดด้วยตนเอง เมื่อกวาดตามองรอจนแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดเห็นค้านแล้ว แม่ทัพไร้พ่ายก็ออกคำสั่งถอนทัพออกมาเป็นครั้งแรก

     ถือว่าหมากตานี้ ท่านเป็นฝ่ายได้ชัย

     "ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป นอกจากทัพหน้าและทัพขวาที่มีหน้าที่ตรึงแนวรบ ให้เตรียมตัวถอนกำลังทั้งหมดภายในวันนี้ ย่ำรุ่งเราจะออกเดินทางกลับไปยังหลิวเฉิง ผู้ใดขัดคำสั่ง ให้ลงทัณฑ์ตามวินัยกองทัพได้ทันที!"

      "ขอรับ!"

     ....

     ข่าวการถอนทัพของลู่ซือเหยียนนั้น เมื่อมาถึงหูของเหล่าทหารกล้าแห่งต้าซางในภายหลัง คราแรกต่างหันไปมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะอยากจะเชื่อหู ต่างพากันสงสัยว่าตัวเองหูเพี้ยนไปหรือไม่ ยิ่งทวีความหวาดระแวงมากกว่าเดิมจนแทบไม่มีผู้ใดกล้าหลับตาลงนอน ด้วยเกรงว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีในยมโลก แต่เมื่อได้ข่าวต่อไปว่าทัพใหญ่อันน่าเกรงขามนั้นกำลังกลับไปแล้วจริงๆ เสียงโห่ร้องตีเกราะก็ดังขึ้นมาทันที

     ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ลู่ซือเหยียนกุมบังเหียนของกองทัพต้าเสียงในการบุกเข้ามา นอกจากตรึงกำลังและถอยร่น ก็มิเคยมีผู้ใดทำให้คนๆนั้นถอยกลับไปได้มาก่อน ถึงพ่ายในการปะทะครั้งแรกๆ คนผู้นั้นก็ยังดึงดันที่จะบุกต่อไปโดยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

      นี่เป็นครั้งแรกที่ทัพใหญ่ของต้าเสียงถอยร่นกลับไปไกลถึงจุดเริ่มต้น

      ในใจของเหล่าแม่ทัพนายกองและองค์ชายคนเดียวที่ยังเป็นอิสระนั้นรู้ดี ว่าผลงานครั้งนี้ มิได้เป็นผลงานของพวกเขาแต่เพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน

     แต่เป็นของขวัญที่ใครบางคนซึ่งถูกขังเอาไว้ในวังหลวงมอบให้ต่างหากเล่า!



***************************



*(1)เหมยกุ้ย : ดอกกุหลาบ
*(2)เตียงคั่ง : เตียงคั่งหรือเตียงไฟ คือเตียงที่มีช่องว่างด้านล่างสำหรับจุดไฟเพื่อให้เตียงอุ่นในฤดูหนาว

เกล็ดความรู้วันละนิด ให้อ่านนิยายจีนได้อรรถรสมากขึ้น
ยามเวลาของจีนใน 1 วัน แบ่งออกเป็น 12 ยาม ยามละ 2 ชั่วโมง วันหนึ่ง 12 ยาม เท่ากับ 24 ชั่วโมง ดังนี้
        1. ยาม จื้อ (จื่อ) เท่ากับ เวลา 23.00 น. จนถึง 24.59 น.
        2. ยาม ทิ่ว (โฉ่ว) เท่ากับ เวลา 01.00 น. จนถึง 02.59 น.
        3. ยาม อิ๊ง (อิ๋น) เท่ากับ เวลา 03.00 น. จนถึง 04.59 น.
        4. ยาม เบ้า (เหม่า) เท่ากับ เวลา 05.00 น. จนถึง 06.59 น.
        5. ยาม ซิ้ง (เฉิน) เท่ากับ เวลา 07.00 น. จนถึง 08.59 น.
        6. ยาม จี๋ (ซื่อ) เท่ากับ เวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น.
        7. ยาม โหง้ว (อู่) เท่ากับ เวลา 11.00 น. จนถึง 12.59 น.
        8. ยาม บี่ (อุ้ย) เท่ากับ เวลา 13.00 น. จนถึง 14.59 น.
        9. ยาม ซิง (เซิน) เท่ากับ เวลา 15.00 น. จนถึง 16.59 น.
        10. ยาม อิ้ว (อิ่ว) เท่ากับ เวลา 17.00 น. จนถึง 18.59 น.
        11. ยาม สุก (ซวี) เท่ากับ เวลา 19.00 น. จนถึง 20.59 น.
        12. ยาม ไห (ไฮ่) เท่ากับ เวลา 21.00 น. จนถึง 22.59 น.


     มาต่อแล้วค่า!! ในที่สุดก็เข็นมาต่อให้เรียบร้อยแล้ว หลังจากอดนอนอยู่หนึ่งคืนเต็มๆ //ปาดเหงื่อแล้วมองเวลานอนอย่างอาดูรตัวเอง...น้ำตาไหลอาบแก้มเบาๆ
     ฮา ตอนนี้จะเป็นตอนที่ช่างหลินของเราเริ่มจะออกฤทธิ์ออกเดชกับเขาบ้างแล้วหลังจากเสียเปรียบมาหลายตอน 555 ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆเท่าไหร่หรอก แต่ไม่ยอมขยับตัวเพราะอยากรอเวลามากกว่า จริงๆแล้วช่างหลินนี่ก็พอๆกับพระเอกของเรานั่นแหละค่ะ(?) (...ในหลายๆความหมายล่ะนะ..) ต้องติดตามตอนต่อไป..//โดนตี
     ตอนแรกว่าจะไปอัพพรุ่งนี้แล้ว แต่พอดีเห็นมีคนอ่านเม้นดันขึ้นมาหน้าแรกพอดี เลยอัพมันตอนนี้นี่แหละ ขอบคุณทุกคอมเม้นในตอนที่ผ่านมากนะคะ ยังติชมเข้ามาได้ค่า ผู้เขียนพร้อมนำไปปรับปรุงตอนต่อไปให้ดีขึ้นค่ะ!

ปล. คำผิดตรวจรอบนึงแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะหลุดเพราะเบลอหรือเปล่า ใครเห็นแล้วช่วยสะกิดๆทีจะขอบคุณมากเลยค่า //หมอบ

*****************************
วันนี้เอารูปอิมเมจจางเหลียนมาฝากค่ะ!

(http://upic.me/i/5n/eb946e34195ed47338e57b1a69574ac5.jpg)

   
     
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-02-2016 06:31:21
มันจะลงเอยยังไงอ่ะดูๆแล้วทั้งคู่ไม่น่าจะลงเอยกันไปได้ด้วยดีเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 08-02-2016 08:53:50
ไมตรีที่เขาเคยหยิบยื่นให้คนผู้หนึ่งกลายเป็นความผัดหวัง " ผิด " หวัง
พิมพ์ผิดนิดเดียวค่ะ
ถ้าท่านแม่ทัพกลับมาหวังว่าช่างหลินจะไม่โดนทำอะไรนะ งือออ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 08-02-2016 12:57:25
สงสารรัชทายาทกับจางเหลียนมาก
ฮืออออออ ออ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 08-02-2016 15:57:56
ชอบมากกกกกก รอตอนต่อไปนะคะ องค์ชายจะทำไงต่อไป

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอๆๆๆๆ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 08-02-2016 16:16:36
 :pig4: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 08-02-2016 17:35:00
คืออยากจะขออะไรล่วงหน้าได้ป่าว :hao4:

ขอให้ช่วยทำให้ดวงตาของช่างหลิน กลับมาใช้งานได้ดังเดิมอ่ะ อาจจะเป็นตอนท้ายๆก็ได้  :monkeysad:

 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 08-02-2016 18:51:42
สนุกมาก น่าลุ้น น่าติดตามยิ่งขึ้นทุกตอน รอต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 08-02-2016 22:49:06
สนุกมากเลยคะ แต่ดูท่าแล้ว
ตอนจบน่าจะไม่ได่คู่กันแน่เลย
ในเมื่ออยู่ฝ่ายตรงจ้ามกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: repilca ที่ 08-02-2016 22:54:42
รอติดตามตอนต่อไป  :hao4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-02-2016 23:19:54
เข้มข้นจริง ๆ

คำผิดจากตอนที่ 8 จ้า

ไม่จำเป็นต้องกอกเขาไว้แนบอกเช่นนี้ > กอด

แล้วจึงพรูลทหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง > ลมหายใจ
ถึงตอนนี้เข็บเงินก็ถูกดึงออก > เข็ม
เหตุการณ์แปลกประหลฝาดเบื้องหน้า > ประหลาด
ถือไว้ช่างใจแค่ชั่วครู่ > ชั่งใจ
ผู้ใดปากร้ายเก่าเท่าท่านเช่นกัน"  > คำว่า 'เก่า' เกินมาหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 08-02-2016 23:36:42
คำผิดที่มีเม้นช่วยแจ้งมา แก้ไขเรียบร้อยแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนมากค่า ><

//กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่เลยค่ะ!
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-02-2016 02:15:44
สนุกจังค่ะ เค้าชอบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 09-02-2016 02:42:48
โต้ตอบแล้วๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 09-02-2016 05:29:58
 :ling1: นายเอกเราเริ่มโต้ตอบแล้วรอดูพระเอกตอกกลับบ้างง
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 09-02-2016 09:48:36
เอาตอนต่อไปมาเซ่นบัดเดียวนี้
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 09-02-2016 17:19:39
นี่เป็นมือใหม่จริงๆหรอคะเนี่ย คือแต่งได้มืออาชีพมาก  o13
ชอบเนื้อเรื่องหนักๆแบบนี้ ชอบนายเอกที่ไม่สาว แต่ทั้งเก่ง ทั้งเข้มแข็ง
แต่ไม่รู้จะลงเอยกันได้ยังไง สองคนนี้ คือมันดูเป็นไปไม่ได้อ่ะ ฝ่ายศัตรู แถมยังมีตำแหน่ง ต่างคนมีภาระหน้าที่ของตัวเอง
ดีสุดเราว่ามันจะจบแค่สองคนนี้จากกันด้วยดีหรือเปล่า 5555

ช่วงนี้ได้เจอนิยายดีๆเยอะเลย (คือ จะสอบแว้วววว ติดนิยาย!)

หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 09-02-2016 22:29:28
รอๆๆๆๆๆองค์ชายยยย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 10-02-2016 13:58:22
ชอบแนวนี้มาก ฮือออ คือดีทุกอย่าง :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 10-02-2016 14:22:17
สนุกมากค่ะตามหานิยายแนวนี้มานาน
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Map ที่ 10-02-2016 17:04:24
โอยยย ชอบมาก ภาษาสวยเนื้อเรื่องน่าสนใจ
ไม่น่าอ่านเลย ติดอ่ะบอกตรง รอน้าาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 10-02-2016 21:50:30
ชอบการบรรยาย ภาษาไหลลื่นดีมากกก อยากให้ดวงตาช่างหลินน้อยๆกลับมามองเห็นอีกครั้งจัง
จะสั่งทำเล่มรึเปล่าคะจะรีบจองเลยนะเนี่ย ฮาาา ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 11-02-2016 06:08:36
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 12-02-2016 05:01:52
ภาษาสวยมากกกก ชอบเลยอ่ะ อ่านแล้วลื่นมากเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 17-02-2016 14:50:35
รอๆๆๆค่ะ มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 21-02-2016 09:05:37
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 21-02-2016 11:26:29
สนุกมากเลยค่ะลุ้นๆ มาต่อไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 02-03-2016 23:09:56
พึ่งตามอ่านตั้งแต่ต้นยันจบ คือสนุกมากกอไก่ล้านตัว เนื้อเรื่องดีน่าสนใจอ่านเพลิน
รักช่างเอ๋อร์สุดๆ นางฉลาดและเก่งมากจริงๆ เกลียดอีพระเอกแรงมาก แช่งให้นก -.-
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Pangfhun ที่ 05-03-2016 02:15:29
พึ่งเคยอ่านเเนวนี้ครั้งเเรก ชอบมากเลย มาต่อเร็วๆนะคะ รอๆๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 06-03-2016 19:20:20
ชอบเรื่องแบบนี้ นายเอกเข้มแข็งมาก ฉลาดด้วย ชอบแบบเป็นศัตรูกัน รู้สึกว่ามันก๊าววววใจ :hao7:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: repilca ที่ 06-03-2016 21:02:46
เกาะขอบจอ รอนะจ๊ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 06-03-2016 22:03:03
 :hao5: น้ำตาไหลพราก พอตามอ่านจนทัน บอกตัวเองได้คำเดียวว่า พลาดแล้วชั้น ไม่น่าหลงเข้ามาตอนนี้เลย อย่างนี้ต้องติดตามห้ามพลาด
 :heaven สนุกมากค่ะ สำนวนลื่นไหล คำผิดน้อยมาก เนื้อเรื่องชวนติดตาม 
:katai1:
อ๊ากกกกก คนเขียนมาต่ออีกเร็ว ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: powl-the-2nd ที่ 07-03-2016 00:41:22
เพิ่งได้มีโอกาสเปิดคอมพ์มาคอมเม้นท์ค่ะ เพราะปกติอ่านบนรถไฟฟ้าพิมพ์ในมือถือมันไม่สะใจเอาซะเลย จริงๆ แล้วเข้ามารอทุกอาทิตย์ค่ะ เรียกได้ว่าเปิดหน้านิยายนี้ค้างไว้ในซาฟารี555

เรื่องที่จะขอชื่นชมอย่างแรกคือภาษาสละสลวยมากๆ การบรรยายทำให้เราเห็นบรรยากาศของเมืองที่ไม่ใช่แค่กายภาพรูปร่างแต่เหมือนจะสัมผัสได้จริงอีกด้วย ภาษาในบทสนทนาก็สื่อความรู้สึกได้ชัดเจนเช่นเดียวกัน ชอบมากๆ มันแนบเนียนกันไปทุกคำ
ต่อมาคือตัวละคร เราชอบนิสัยของตัวละครมากๆ สมเหตุสมผล มีตรรกะที่ดี สวยงามในความเป็นตวของตัวเอง โห เราตามหานายเอกที่มีนิสัยแบบนี้มานานมากแล้วค่ะ ส่วนการดำเนินเรื่อง บทการเมืองสนุกเข้มข้นดีและดูมีสาเหตุและผลที่เกิดตามมามันไปในทางเดียวกัน และคนอ่านresearchดีด้วย อ่านแล้วมันสมจริง ฟินสุด 5555

โดยรวมคือปลื้มมม ติดตามและแนะนำให้เพื่อนหลายคนแล้วค่ะ อยากให้ทุกคนได้อ่านจริงๆ เขียนเก่งมากเลยค่ะ 
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ รักกก  :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 07-03-2016 09:00:51
รอค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-03-2016 09:53:46
มาต่อเร็วๆนะเราจะรอ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 07-03-2016 11:09:54
ไม่มาต่อแล้วหรอคะ :z3:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 07-03-2016 13:02:20
สนุกค่ะ ชอบที่เขียนส่วนของสงครามออกมาได้อ่านเข้าใจง่าย กับตรงสอดแทรกความรู้ให้อ่านด้วย
อ่านตอนล่าสุดแล้ว บางทีก็สงสัย หรือองค์รัชทายาทจะทรงรักษาตาที่มืดบอดได้แล้วกัน?
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 07-03-2016 13:44:36
พึ่งเข้ามาอ่าน เอาใจช่วยองค์รัชทายาทนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 07-03-2016 16:12:44
เพิ่งเข้ามาอ่านตอนแรก <3
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 07-03-2016 19:38:42
เรื่องนี้สนุก อยากอ่านต่อมากๆเลย มาต่ออีกไวๆเลยนะคะ รอน้า ><
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ผายลม888 ที่ 08-03-2016 12:17:28
กลับมาเถอะคนเขียน
ปกตินี่ไม่ค่อยอ่านนิยายจีนหรอกนะเพราะจำชื่อยาก แต่ช่วงนี้ได้อิทธิพลจากบันทึกจอมโจรแห่งสุสานกะพยัคฆราชซ่อนเล็บจนต้องสรรหามาอ่านให้ได้ แล้วอ่ะนะสายพันธุ์วายมันหาอ่านเรื่องเยี่ยมๆสำนวนดีๆดำเนินเรื่องแบบที่ตัวละครมีความเป็นผู้ใหญ่แถมนายเอกไม่เคะแตกนี่ก็ยากเหลือเกิน นี่มารำพันกับคนเขียนก็เพราะเรื่องนี้มันตรงสเปคสุดๆ มันนานแล้วด้วยที่หายไปถึงขั้นตามไปถึงเด็กดีเลยนะ อย่าเพิ่งทิ้งเรื่องนี้ไปเลย รออยู่
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 08-03-2016 19:36:15
สนุกมากกกกกก
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 09-03-2016 15:10:02
เมื่อไหร่จะมาาาาาาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 12-03-2016 21:08:01
กลับมาอัพต่อหน่อยนะๆๆ เราชอบเรื่องนี้มากเลย
มาต่อหน่อยน้าื :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 17-03-2016 23:11:15
มาต่อเถอะค่ะ พลีสสสสส
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 19-03-2016 22:04:17
มาต่อนะคะๆๆ ค้างมาก อยากอ่านต่อสุดๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 9 : เคลื่อนไหว P.4 UP 8/02/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 20-03-2016 20:38:17
บทที่ 10 : ปะทะ


จินหลง เมืองหลวงของต้าเสียง

      "ถอย? เจ้าบอกว่าถอยงั้นรึ?" น้ำเสียงแสดงความแปลกใจของใครบางคนดังขึ้น ดวงตาสีดำคู่คมจ้องไปยังผู้นำสารที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าแฝงแววคาดคั้นอย่างชัดเจน

      "ข่าวนี้จริงแน่หรือ มิใช่ว่าพวกเจ้าหูเบาโดนลู่ซือเหยียนเป่าเข้าอีกกระมัง?" ประโยคนี้คนพูดปล่อยออกมาจากริมฝีปากด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเสียดกระดูก คนฟังสั่นสะท้านเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้เป็นนาย ทำได้เพียงก้มหน้าให้ต่ำกว่าเดิม แล้วรายงานว่าจริงแท้แน่นอน ข่าวนี้สายที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพเป็นผู้ส่งมาด้วยตนเอง

      "ถอย... ลู่ซือเหยียนผู้นั้นถึงกับสั่งให้ถอยทัพ..." เมื่อแน่ใจว่าข่าวมิใช่ข่าวลวงแน่แล้ว รอยยิ้มบางๆก็ฝุดขึ้นบนเรียวปากได้รูป มือไล้ไปบนตัวอักษรไม่กี่ตัวราวกับว่ากลัวมันจะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา

      ไม่ใช่ถอยไม่กี่ลี้เพื่อตั้งหลัก แต่เป็นการถอยกลับไปอยู่ในจุดเริ่มต้น มิต่างกับการพ่ายแพ้สงคราม หึ ดูเหมือนว่าเทพแห่งโชคลาภในที่สุดก็เบื่อหน้าของเจ้าแม่ทัพน่าชังนั่นเสียที

      "แม่ทัพของอีกฝ่ายเป็นใคร?"

      "เหอจิ้งจงแห่งเมืองโจวพ่ะย่ะค่ะ"

      "เหอจิ้งจง แม่ทัพบรูพาผู้นั้นสินะ" คนฟังทวนชื่อที่ได้ฟัง นิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน ปลายนิ้วเคาะลงบนที่วางแขนรูปมังกรสี่เล็บเบาๆ เสียงกระทบเป็นจังหวะช่วยให้ความคิดปลอดโปร่งขึ้นไม่เบา

      "ข้าจำได้ว่าเหอจิ้งจงผู้นั้นเคยมาเยือนจินหลงของเราครั้งหนึ่ง ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะต้อนลู่ซือเหยียนได้เลย" ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นพวกแม่ทัพเถรตรงผู้หนึ่ง ถึงจะแก่ประสบการณ์แต่กลับยังไม่เข้าขั้น ไม่เช่นนั้นหลายปีที่ผ่านมาเหตุใดต้าซางถึงไม่ส่งคนผู้นั้นกุมทัพหน้ามาท้าชนกับลู่ซือเหยียนซึ่งๆหน้าเล่า?

      เรื่องนี้เห็นทีจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง

      "เจียงหลัน" ปลายนิ้วเรียวยาวหยุดการเคลื่อนไหวในที่สุด เขาหันไปเรียกสาวใช้ข้างกายเข้ามากระซิบบางอย่างข้างหู ก่อนจะพยักหน้าให้นางล่าถอยออกไปจากห้อง

       ต้นเหตุของเรื่องครานี้คงต้องสืบให้กระจ่าง หากเคลื่อนไหวอันใดไร้ความรอบคอบเกรงว่าจะเหยียบเจอตะปูเอาได้

       ต้องไม่ใช่เหอจิ้งจงแน่ แต่จะเป็นใครนั้น... สหายที่แนวหน้าคงจะช่วยหาคำตอบให้เอง ชื่อของคนที่อยู่เบื้องหลัง อย่างไรเขาก็ต้องได้มาไว้ในมือ


************


      หลายเดือนก่อนหน้านี้ ถนนทุกสายในเมืองหลวงของต้าซางเต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ พ่อค้า คหบดีจากต่างแดนล้วนมุ่งหน้ามาแสวงหาความร่ำรวยก้าวหน้าจากเมืองนี้ มาถึงยามนี้ทั่วทุกหัวถนนกลับเงียบเหงาร้างผู้คน ประตูจวน คฤหาสน์ต่างถูกหับปิดแน่นหนา เพิงขายของถูกทิ้งไว้ไร้ร่างผู้เป็นเจ้าของ คนเดินถนนไม่กี่คนที่ออกมาจับจ่ายหาของเข้าบ้านต่างก็มีสีหน้ามืดหม่นไร้ชีวิตชีวา เจอหน้าไม่สบตา พบปะไม่ส่งเสียงทักทาย บรรยากาศหม่นหมองแทรกซึมไปทั่วทุกสถานที่

       นี่เองเป็นบรรยากาศของผู้ที่พ่ายสงคราม ไม่มีผู้ใดออกมาต่อต้าน ไม่มีผู้ใดออกมาเรียกร้อง เพียงพวกทหารต้าเสียงไม่ลงมือปล้นฆ่าผลาญชีวิตผู้คนในเมือง พวกเขาก็ต้องคุกเข่าขอบคุณสวรรค์แล้ว

       สิบห้าวันหลังจากสั่งถอนกำลัง ทัพใหญ่ของต้าเสียงก็เคลื่อนพลกลับมายังอดีตเมืองหลวงแห่งต้าซางอีกครั้ง ทันทีที่กลับมาถึงลู่ซือเหยียนสั่งให้รองแม่ทัพนายกองของตนไปทำงานต่อไปทันที ส่วนหนึ่งโยกพลไปยังกำแพงเมืองและรับช่วงคุ้มกัน บางส่วนก็กระจายกำลังไปยังทุกตรอกซอกซอย ยิ่งกดความตรึงเครียดไว้บนบ่าของชาวเมืองมากกว่าเดิม

      พวกที่ลุกขึ้นมาต่อต้านก่อนหน้าจำนวนไม่น้อยถูกจับตัวเอาไว้ได้และถูกประหารทันที หัวและร่างถูกนำมาแขวนประจานที่หน้าลานประหาร สภาพศพอันน่าสยอดสยองยิ่งทำให้ความกลัวแทรกลึกเข้าไปในใจของชาวต้าซางมากกว่าเดิม ตอนที่ได้ข่าวว่าลู่ซือเหยียนกำลังนำทัพกลับมา ต่างพากันสวดภาวนาว่าอย่าให้มีการล้างบางเกิดขึ้นเลย

      เคราะห์ดีที่หลังจากทัพใหญ่เดินทางมาถึงแล้วนอกจากการจัดเวรยามแน่นหนามากขึ้นกว่าเดิมก็ไม่มีการนองเลือดเกิดขึ้น  เลี่ยงหรงจึงคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
     
      ....

      เสียงฝีเท้าหนักแน่นที่ไม่ได้ยินมานานแว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง หลิวช่างหลินยังคงเงียบสงบ เปิดฝาถ้วยชาเป่าไปบนผิวชาไล่ไอร้อนสีขาวก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างเยือกเย็น ผิดกับคนสนิทข้างกายที่สูดหายใจลึกด้วยความกังวล

     "ฝ่าบาท...คนผู้นั้น..." จางเหลียนเอ่ยเตือนผู้เป็นนายอย่างร้อนรน ยิ่งเห็นทีท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งราวกับมีไฟมาเผาเบาะรองจนนั่งไม่ติด น้ำเสียงนี้ของจางเหลียนทำให้ร่างบนตั่งไม้ขยับเปลี่ยนอิริยาบทในที่สุด วางถ้วยชาลงข้างตัวพร้อมกับยืดหลังตรงขับให้บรรยากาศสูงศักดิ์แผ่ออกมาล้อมรอบกาย

      หลิวช่างหลินเบือนหน้าไปยังบานประตูที่เสียงเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีด้วยใบหน้าเฉยชา ปากสั่งคนสนิทข้างกาย "เจ้าออกไปก่อน"

      "ฝ่าบาท" จางเหลียนทำท่าจะแย้งทันที ทว่าถูกสีหน้าไร้อารมณ์ของเจ้าชีวิตกดดันให้หุบปากลงเสียก่อน บัณฑิตหนุ่มหยิบถ้วยชามาใส่ถาดแล้วขยับตัวลุกขึ้นย่อตัวทำความเคารพก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง

      ในจังหวะที่จางเหลียนกำลังก้าวออกจากห้อง ชายในชุดเกราะที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอสังหารก็ก้าวสวนเข้ามาในห้อง ใบหน้าคมสันฉายประกายถมึงทึงดูเอาเรื่อง จางเหลียนเม้มปาก ลอบมองกลับไปเข้าห้องอีกครั้งแต่ก็ทำได้เพียงออกห่างจากห้องอย่างยอมจำนน

      ภายในห้องลู่ซือเหยียนเดินเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าตั่งที่ร่างโปร่งนั่นอยู่ หรี่ตาลงพิจารณาร่างตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเรียบตึงก็เคร่งขึ้นมากกว่าเดิม แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงก็แค่นเสียงหึออกมาคำหนึ่ง

      "ดูเหมือนข้าจะปฎิบัติต่อท่านดีเกินไปกระมัง ท่านถึงได้หาญกล้ากระทำการเยี่ยงนี้"

      "ข้าไม่เข้าใจว่าท่านเอ่ยถึงเรื่องอะไร" หลิวช่างหลินตอบเสียงเรียบเฉย

      "ท่านคงไม่บอกว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง?" น้ำเสียงของลู่ซือเหยียนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่อให้เขากล่าวออกมาว่าไม่เกี่ยวข้องก็จะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด และน้ำเสียงเช่นนี้เองที่ทำให้สีหน้าของคนเป็นองค์ชายเคร่งขึ้นหนึ่งระดับ แค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง

       "หากใจท่านฟันธงไปแล้วว่าข้าเกี่ยวข้อง ข้าจะทำอันใดได้เล่า" หลิวช่างหลินเหยียดยิ้มท้าทายขึ้นมาเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นเพียงมุมปากที่โค้งขึ้นเล็กน้อย ทว่ากลับแสดงความแข็งกร้าวออกมาได้อย่างชัดเจนยิ่ง ท่าทีที่ผิดแปลกนั้นทำให้คนมองชะงักไปเล็กน้อย ความประหลาดใจแล่นเข้ามาแทนที่ความโกรธขึงก่อนหน้า จิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาก่อนหน้านี้ถูกสลายไปโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

       ความเงียบของคู่สนทนาหาได้ทำให้หลิวช่างหลินหวาดหวั่น ตรงกันข้าม ความทระนงที่มีอยู่เต็มสายเลือดนั้นกลับทำให้ร่างโปร่งยืดหลังขึ้นตรงมากกว่าเดิม "ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็อยู่ ท่านบอกให้ข้าทำตัวดีๆ ข้าเคยพยายามหนีไหมเล่า?"

     ช่างยอกย้อนนัก ลู่ซือเหยียนสบถในใจ พยายามข่มโทสะที่ถูกร่างเบื้องหน้ากวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างยากเย็น สองมือตบเข้าที่พื้นตั่งไม้สีแดงข้างตัวของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซาง ใบหน้ายื่นเข้าไปเสียชิดกระซิบเสียงเคร่งลอดไรฝัน "ท่านอย่าพยายามท้าทายความอดทนของข้านัก ข้าเป็นชนชั้นทหาร ความอดทนไม่สูงมากเท่าไหร่หรอกนะ" พูดถึงตรงนี้มือแกร่งก็พุ่งเข้าไปคว้าข้อมือขาวขึ้นมากำแน่น

     "ข้าอาจจะไม่ลงมือกับชาวเมืองไม่ได้ แต่ขุนนางและเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เหลืออยู่ หากฆ่าไปคนข้าก็สบายปลดภาระที่ต้องดูแลไปได้หนึ่งคน" ดวงตามืดดำเรืองวาบ สุ้มเสียงทั้งเย็นชาทั้งเยียบเย็น ผลักให้คนฟังจมลงสู่ความหนาวเหน็บเสียดกระดูก "ครั้งนี้ถือว่าข้าพลาดที่ไม่ได้จับตาดูท่านให้ดี แต่ครั้งต่อไป ข้าจะทำอะไรบ้างก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน" พูดถึงตรงนี้ลู่ซือเหยียนก็ปล่อยมือออก แล้วกลับมายืดตัวตรงอีกครั้ง

      "จริงๆ หากท่านจะฆ่าข้า ก็สามารถลงมือได้ตั้งแต่แรก เหตุใดจึงต้องทำอะไรยุ่งยากเยี่ยงนี้ด้วย?" หลิวช่างหลินขยับข้อมือของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไร้ความหวาดกลัว "ไม่ต้องพูดถึงการควบคุมข้า หากฆ่าข้าตั้งแต่แรก ต้าเสียงก็จะสามารถควบคุมทุกอย่างได้ทั้งหมด เช่นนี้แล้ว ท่านทำไมถึงได้ไว้ชีวิตข้า?"

      นี่คือสิ่งที่ไม่ว่าจะพยายามครุ่นคิดเท่าไหร่ ก็ขบไม่แตก

      คำถามนี้ ลู่ซือเหยียนเพียงใช้ความเงียบ แทนคำตอบ เสียงลากเก้าอี้บ่งบอกว่าเจ้าตัวมานั่งอยู่ข้างกายของเขาแล้ว

      "เหตุใดจึงไม่ตอบเล่า?" ครานี้หลิวช่างหลิวมิได้ปล่อยให้อีกฝ่ายเลี่ยงประเด็นโดยง่าย กระทู้ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง "ท่านมีความจำเป็นอะไรถึงได้ไว้ชีวิตข้า?"

      "นั่นเป็นเรื่องของข้า ข้าจับเชลยได้ ย่อมอยากนำร่างที่มีชีวิตกลับไปเพื่อรับรางวัลที่ต้าเสียง" เสียงของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงเรียบเป็นเส้นตรง ขัดกับคำพูดที่พ่นออกมาเสียจริง หลิวช่างหลินมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย ประโยคต่อไปที่เอ่ยออกจากปากจึงแข็งกระด้างเป็นทีสุด

      "ท่านมิได้พูดความจริง" หลิวช่างหลินเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าลู่ซือเหยียนกลับยิ่งยียวนมากกว่าเก่า

      "ข้าพูดความจริงไปแล้ว เหตุใดไม่ยอมเชื่อข้าเล่า"

      "ท่านพูดความจริงหรือไม่ ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจกระมัง"

       "หากใจท่านฟันธงไปแล้วว่าข้ามิได้พูดความจริง ข้าจะทำอันใดได้เล่า" ประโยคที่เขาเป็นเจ้าของก่อนหน้า ถูกตีโต้กลับมาได้อย่างเจ็บแสบ อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

       "ท่าน!"

       "ท่านถาม ข้าก็ตอบแล้ว แต่จะตอบตามความจริงหรือไม่ มันก็เป็นสิทธิ์ของข้ามิใช่หรือ?" ลู่ซือเหยียนส่งเสียงหัวเราะต่ำๆในลำคอ ดวงตาสีดำดุจน้ำหมึกจับจ้องไปบนสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคู่สนทนา รู้สึกสนุกสนานเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ความหงุดหงิดในใจถูกบั่นทอนลงไปอีกครั้ง

       "ลู่ซือเหยียน!" คราวนี้อดีตรัชทายาทผู้สุขุมเยือกเย็นเรื่อยมาก็ถูกโทสะครอบงำในที่สุด สีหน้าตึงเขม็ง "จะอย่างไรข้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์ของต้าซาง ถึงไม่มีแผ่นดินให้ปกปักรักษา ทว่าชีวิตก็ยังเป็นชีวิตของข้าอยู่ ถึงจะหนีออกไปไม่ได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถจบชีวิตตัวเองด้วยวิธีที่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านอย่างที่สุดได้!"
       
       ลู่ซือเหยียนตาลุกวาบผุดลุกขึ้นทันที คำรามต่ำในลำคอว่าท่านกล้ารึ หลิวช่างหลินขยับตัวลุกขึ้นเช่นกัน เดินมาประจันหน้าโดยอาศัยเพียงเสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย หยุดในตำแหน่งที่ห่างจากคู่สนทนาเพียงหนึ่งฉื่อ*(1) ใบหน้าไร้ตำหนิประดุจหยกก็เหยียดรอยยิ้มหยันออกมา

       "คนที่สูญเสียทุกอย่างไปแล้วเช่นข้า ยังมีอันใดไม่กล้าอีกเล่า?

       ลู่ซือเหยียนสีหน้าเครียดขึง จับจ้องคู่สนทนาอยู่ครู่หนึ่ง เห็นเพียงความแข็งกระด้างอยู่บนนั้น ผ่านไปครึ่งก้านธูป แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงจึงแค่นเสียงออกมา สะบัดผ้าคลุมเดินจากไป

       เมื่อเสียงฝีเท้าห่างออกไป ท่าทางขึงขังของหลิวช่างหลินก็ถูกแทนที่ด้วยความโล่งอก ร่างทั้งร่างเซไปด้านหลังแล้วทรุดลงนั่งบนตั่งไม้อีกครั้ง ใบหน้าฉายแววอ่อนล้า หลังจากผ่อนลมหายใจลึกยาว เขาก็เคาะพื้นไม้ข้างเตียงเป็นจังหวะเรียบเรื่อยสามสี่ครั้ง คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจึงเดินออกมาคุกเข่า จนสั่งบางอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยโบกมือไล่คนออกไป

       เคราะห์ดีที่คราวนี้ยั่วโมโหจนไล่อีกฝ่ายกลับไปได้

       แต่อย่างไรรอจนอีกฝ่ายใจเย็นลง ต่อไปคงลงมือได้อย่างยากเย็น

       สิ่งที่ต้องทำ ต้องเร่งมือเสียแล้ว...

....

........

      นกตัวหนึ่งกระพือปีกโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเงียบเชียบ ทะยานลับหายไปในความมืดยามราตรี กระบอกไม้อันจ้อยถูกผูกติดกับท่อนขา ปีกสีขาวหาได้เตะสายตาของทหารยามคนใด สามารถนำพาข่าวสารใหม่จากไปอย่างรวดเร็ว


************


      "ตกลงสืบได้ความอย่างไร?" ชายหนุ่มในชุดปักลายมังกรสี่เล็บ สีน้ำเงินเข้มถามผู้ติดตามที่เพิ่งรับจดหมายม้วนเล็กๆจากขันทีหน้าห้อง ใบหน้าทรงเสน่ห์ปรากฎรอยยิ้มสบายๆดูเป็นมิตร เข้าถึงได้ง่าย การแสดงออกล้วนนุ่มนวลอย่างปัญญาชน แต่คนที่ติดตามมานานกลับไม่กล้าชักช้า เปิดกระบอกออกแล้วเทจดหมายไปยื่นส่งให้ผู้เป็นนายอย่างนอบน้อม

     มือเรียวยาวที่ถูกถนอมดูแลอย่างดียื่นมารับม้วนกระดาษนั้นไปคลี่ช้าๆ ดวงตากวาดผ่านตัวอักษรอย่างรวดเร็ว

     "หึ ข้าว่าแล้วไหมล่ะ" รอยยิ้มบนหน้าของชายหนุ่มกว้างขึ้นทันที พับกระดาษม้วนโยนเข้าเตาไฟที่อยู่ใกล้ตัว เปลวไฟไหวระริกอยู่ในดวงตา รอจนแผ่นกระดาษไหม้หมด ร่างในชุดหรูหราก็ยันตัวลุกขึ้น

     ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ ที่แท้ก็เป็นท่าน

     "ฝ่าบาท เรื่องนี้..." คนสนิทข้างกายเอ่ยเบาๆ

     "ยังก่อน ข้ายังไม่สนใจจะมีเรื่องกับแม่ทัพลู่ตอนนี้ รอให้พวกนั้นกลับมาที่นี่ก่อนเถอะ" ชายหนุ่มตอบเรียบง่าย ถึงแม้ว่าความคิดในสมองจะกำลังหมุนวนอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่พริบตา รอยยิ้มน่ามองก็ปรากฎขึ้นมาพร้อมๆกับแววตาพราวระยับ เขาหันไปกวักมือเรียกคนสนิทของตนเขามาหา ลดเสียงลงสั่งการ "หาคนไปกระจายข่าวนี้ให้ฉีอ๋อง เขาต้องอยากยินข่าวนี้เป็นแน่"

     หากคนผู้นั้นได้ข่าวแล้วยังไม่เคลื่อนไหว ก็นับว่าเขาเสียทีที่เกิดมาเป็นพี่น้องกันชาติหนึ่งแล้ว

     ที่เหลือก็เพียงแค่นั่งอยู่บนภู รอดูเสือกัดกันก็พอ

************

      "เจ้าตั้งใจจะทรยศอีกครั้งงั้นรึ?"

      เสียงที่ดังขึ้นเบื้องหลัง เรียกความสนใจของคนที่กำลังเหม่อมองท้องฟ้าหันกลับมามอง ดวงตาอันมืดหม่นที่เบือนมาสบนั้นทำให้ผู้ที่ส่งเสียงทักนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเดินมายืนเคียงข้างร่างสูงใหญ่ของหานหลงซาน

      "หากเจ้าภักดีต่อต้าเสียงจริงๆ ก็ควรเหนี่ยวธนูยิงนกตัวนั้นทิ้งเสีย หรือเพราะเจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานเกินไป จนหลงลืมไปเสียแล้ว ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่" ผู้มาเยือนยังคงเอ่ยด้วยท่าทางราวกับเนื้อหาเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ

      "ภักดี?" หานหลงซานเพียงเอ่ยทวนประโยคหนึ่งคำด้วยน้ำเสียงหยามหยัน สีหน้าและดวงตาทอประกายมืดหม่นยิ่งกว่าเดิม "คงมีแต่ท่านที่คิดเช่นนั้น เหตุใดข้าจะไม่รู้ ว่าแววตาของแม่ทัพนายกองที่อยู่ในห้องประชุมมีความหมายเช่นไร"

       ไม่ใช่ความเป็นมิตร มิใช่สิ่งที่สื่อว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน

       "ข้ารู้ดีว่าทั้งฐานะและตัวตนของข้าไม่มีวันได้รับการยอมรับจากพวกเขา เฒ่าสือ ท่านอย่าใช้คำว่าภักดีมารังแกข้าเลย"

       ผู้ที่ถูกเรียกว่าเฒ่าสือมองคนหนุ่มข้างกาย ใบหน้าฉายแววเวทนาออกมาชั่วพริบตาก่อนจะหายวับไป "เจ้าคิดมากไปแล้ว จบงานนี้ ฝ่าบาทต้องทรงพระราชทานอภัยโทษให้กับสกุลของเจ้าแน่ ไม่นานเจ้าก็จะได้กลับมาเป็นชาวต้าเสียงเต็มตัวอีกครั้ง"

       ชาวต้าเสียง... จุดมุ่งหมายแรกที่ทำให้เขายอมรอนแรมมาถึงที่นี่ บัดนี้ไม่ต่างกับหนามทิ่มแทงใจ ตอนที่มาถึงต้าซาง ถูกรับตัวมายังวังหลวงแห่งนี้ นอกจากความไว้เนื้อเชื่อใจของรัชทายาทองค์นั้นที่มอบให้อย่างไร้ข้อกังขา ความอบอุ่นที่ได้รับจากคนรอบข้าง รวมทั้ง...สิ่งได้รับจากคนผู้นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มานั้นทำให้เคยนึกจะล้มเลิกอยู่หลายครั้ง...

      แต่เขากลับรู้ดี แม้จะอยากล้มเลิกแผนการสักเพียงไหน เขาก็ไม่อาจทำได้ ทันทีที่เขาล้มเลิก ผู้ที่ส่งเขามาย่อมไม่มีทางปรานีให้เขามีชีวิตอย่างสุขสงบโดยไม่เปิดเผยตัวตนของเขา ทันทีที่ทุกคนรู้ความจริง ความไว้วางใจที่ได้รับย่อมไม่มีทางเหมือนเดิม

      สายลับที่ทรยศผู้เป็นนายย่อมไม่มีพื้นที่ที่จะยืนอีกต่อไป

      "ข้ารู้ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ อย่างไรข้าก็ไม่มีทางทรยศต้าเสียง ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล" หานหลงซานตอบกลับเพียงประโยคเดียว ก่อนจะหันมาประสานมือบอกลาผู้อาวุโส แล้วหันหลังเดินจากไป มีเพียงสายตาเวทนาของผู้มากวัยที่มองส่งไปจนลับตา

      บางครั้งโชคชะตาก็โหดร้ายกับมนุษย์เสียเหลือเกิน เห็นๆอยู่ว่าคนไม่ต้องการจะเดินไปในเส้นทางนั้น ก็ยังต้องฝืนเดินเข้าไป

      สิ่งที่ไกลเกินไขว่คว้า กลับกลายมาเป็นสิ่งที่คนผู้นั้นต้องการที่สุด

      น่าเสียดาย น่าเสียดาย...

      ผู้ชรารำพึงกับตัวเอง มือลูบไปบนดาบคู่กาย ทอดสายตามองไปยังความมืดมิด ถอดถอนใจแผ่วเบา ดวงตาก็เปลี่ยนไปเป็นคมกล้าดังคมดาบ

      "ข้าก็หวังว่าเจ้าจะไม่เลือกเดินทางผิด หานหลงซาน..."


*************************************


*(1) ฉื่อ chi : คือมาตรวัดของจีน โดยที่ 1 ฉื่อ = 10 นิ้วจีน = 22.7 - 23.1 เซนติเมตร


มาต่อแล้วค่ะ อ่า หายไปนาน(มากกกกกกกกกกกกกกก) ในที่สุดก็ได้มาต่อเสียที(...กราบขออภัยผู้ที่ติดตามอยู่ทุกท่านจริงๆค่า)

ยิ่งแต่ง ก็ยิ่งยาก ข้อมูลที่ต้องหาก็ชักเยอะ ฮา  แต่ก็เพลินจริงๆ ยิ่งตอนพระนาง(??) เขาตีฝีปากกันก็ยิ่งเพลิน อืม พิมพ์เองก็คิดเองว่า สองคนนี้จะมารักกันได้จริงๆรึ?... เอาเป็นว่ามาร่วมลุ้นไปกันผู้แต่งแล้วกันค่ะ  ตอนนี้จะแง้มส่วนของประวัติหลงซานและตัวละครใหม่เล็กน้อย อีกไม่กี่ตอนก็จะได้พบตัวจริงเสียงจริงแล้วค่ะ

ต้องขอบคุณทุกคอมเม้น และคนอ่านทุกท่านที่ยังเข้ามาติดตามอยู่นะคะ จากที่เฟลๆเพราะมรสุมชีวิตเหมือนได้แรงใจกลับมาเลย ขอบคุณมากๆค่ะ //v\\
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-03-2016 21:37:30
เสน่ห์ของเรื่องนี้คืออ่านแล้วเพลิน พระ-สายเล่นกันได้เป็นธรรมชาติไม่ฉาบฉวยชวนคิดตาม
ทั้งๆที่เรื่องดูเครียดแต่คนเขียนเก่งมากที่ทำให้เรื่องทีเครียดน่าติดตาม รอนะครับที่จะได้อ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: thanapontigy ที่ 20-03-2016 21:50:44
แปะๆ  o13
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 20-03-2016 23:06:34
โฮๆๆๆๆๆ ดีใจมากค่ะที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-03-2016 23:51:47
เข้มข้นทุกตอน อ่านไปลุ้นไปทุกบรรทัด
ขอคารวะผู้เขียนหลาย ๆ จอกที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าติดตามถึงเพียงนี้

คำผิดเล็กน้อยค่ะ
 
แม้ไม่มีแผ่นดินให้ปกปักษ์รักษา > ปกปักรักษา  (ปักษ์ แปลว่า ระยะเวลาครึ่งเดือน)
ท่าทางขังขังของหลิวช่างหลิน > ท่าทางขึงขัง

ปล. ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการใช้คำสักนิด ในบทนี้เราได้อ่านคำว่า "ร่าง" หลายครั้ง ทั้งร่างโปร่ง ร่างที่ซ่อนในเงามืด ร่างในชุดหรูหรา ร่างเบื้องหน้า. ร่างสูงผุดลุกขึ้น  เราคิดว่าบางครั้งถ้าแทนด้วยชื่อคนไปเลยอาจจะทำให้เห็นภาพได้มากกว่า หรือใช้คำว่า "เขา" นี่แหละ เช่น หยุดอยู่เบื้องหน้าตั่งที่หลิวช่างหลินนั่งอยู่ / ความทระนงที่มีอยู่เต็มสายเลือดกลับทำให้เขายืดหลังขึ้นตรงมากกว่าเดิม  ลองเล่นคำให้หลากหลายดูนะคะ ครั้งนี้ที่เราสะกิดใจเป็นเพราะในหนึ่งย่อหน้ามีใช้ซ้ำ ๆ กัน

ขอให้คิดว่าเราติเพื่อก่อนะคะ ถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจก็ขออภัยด้วย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 21-03-2016 00:00:19
เข้มข้นทุกตอน อ่านไปลุ้นไปทุกบรรทัด
ขอคารวะผู้เขียนหลาย ๆ จอกที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าติดตามถึงเพียงนี้

คำผิดเล็กน้อยค่ะ
 
แม้ไม่มีแผ่นดินให้ปกปักษ์รักษา > ปกปักรักษา  (ปักษ์ แปลว่า ระยะเวลาครึ่งเดือน)
ท่าทางขังขังของหลิวช่างหลิน > ท่าทางขึงขัง

ปล. ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการใช้คำสักนิด ในบทนี้เราได้อ่านคำว่า "ร่าง" หลายครั้ง ทั้งร่างโปร่ง ร่างที่ซ่อนในเงามืด ร่างในชุดหรูหรา ร่างเบื้องหน้า. ร่างสูงผุดลุกขึ้น  เราคิดว่าบางครั้งถ้าแทนด้วยชื่อคนไปเลยอาจจะทำให้เห็นภาพได้มากกว่า หรือใช้คำว่า "เขา" นี่แหละ เช่น หยุดอยู่เบื้องหน้าตั่งที่หลิวช่างหลินนั่งอยู่ / ความทระนงที่มีอยู่เต็มสายเลือดกลับทำให้เขายืดหลังขึ้นตรงมากกว่าเดิม  ลองเล่นคำให้หลากหลายดูนะคะ ครั้งนี้ที่เราสะกิดใจเป็นเพราะในหนึ่งย่อหน้ามีใช้ซ้ำ ๆ กัน

ขอให้คิดว่าเราติเพื่อก่อนะคะ ถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจก็ขออภัยด้วย

ไม่ขุ่นแน่นอนค่า ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวจะเอาไปปรับให้ดีขึ้นนะคะ บางทีตอนอ่านทวนก็สะดุดเหมือนกัน น้อมรับทุกคำติชมค่ะ ><
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 21-03-2016 00:39:51
เนื้อเรื่องก็สนุก แถมยังได้ความรู้เพิ่มเติมด้วย คุ้มจริงๆเรื่องนี้ รอค่าาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-03-2016 03:14:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 21-03-2016 09:04:29
ตอนใหม่~~~~ ชอบตอนพระนางเหมือนกันค่ะ หยอกเอิน(?)กันน่าร๊ากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 21-03-2016 09:29:18
เดาทางไม่ถูกว่า ช่างหลิน จะรักพระเอกได้ยังไง :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 21-03-2016 11:13:28
สงสารหลงซาน ยังหาจุดจบที่ดีระหว่างพระนางไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 21-03-2016 16:31:35
 :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 21-03-2016 19:01:57
การปะทะฝีปากของพระนางนี่เด็ดได้ใจจริงๆ อยากรู้มากว่าจะรักกันยังไง
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 21-03-2016 23:12:44
สนุกและน่าติดตามมาก โดยส่วนตัวแล้ว เราค่อนข้างชอบตัวละครที่มีเหตุมีผลเป็นทุนเดิม ทั้งยังฉลาด มีความสามารถ ความอดทน แล้วเข้มแข็ง อย่างช่างหลินนั้น เป็นคนที่เราชอบมากๆ ถึงขนาดอ่านมาสิบตอนแล้ว ยังไม่เห็นท่านแม่ทัพใหญ่อยู่ในสายตาเลยค่ะ ทำไมเรารู้สึกว่า ถ้าอยู่ในเงื่อนไขระดับเดียวกัน ยังไงช่างหลินก็ไม่มีทางแพ้แม่ทัพลู่แน่นอน (อวยสุดๆ) ชอบจนไม่รู้จะบรรยายยังไงดี สำนวนการเขียนคล้ายๆนิยายแปลเลยนะคะ ต่างแค่ไม่มีสุภาษิตจีนแทรกแบบนิยายกำลังภายใน :laugh: แบบว่ายิงมุกนิ่งๆแบบจีนๆน่ะค่ะ (เริ่มพร่ำเพ้อ... )

ขอตามลุ้นด้วยคนว่าสองคนนั้นจะลงเอยกันได้อย่างไร จริงๆแล้วนี่เหมือนเป็นอุปสรรคใหญ่สุดเลยล่ะค่ะ ถึงแม่ทัพลู่จะพอรู้ตัวเองแล้ว แต่รัชทายาทนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่น่าจะชอบผู้ชาย ทั้งยังเป็นศัตรูที่เข่นฆ่าพ่อแม่และประชาชน แถมยังพอมีหวังเรื่องกอบกู้บ้านเมือง หากสำเร็จ ก็ต้องแต่งมเหสี แม่ทัพลู่คงไม่ทิ้งศักดิ์ศรีไปเป็นกิ๊กแบบซ่อนๆหรอกมั้ง... จะให้รัชทายาททิ้งทุกอย่างแล้วหนีตามผู้ชาย.....  ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปอีก ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว อย่าว่าแต่สองคนนี้จะอยู่ด้วยกันยังไงเลย จะเริ่มรักกันได้ยังไงนี่ยังเป็นปริศนาสุดๆ  :ling3:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 23-03-2016 20:21:34
สนุกมากๆค่ะ เข้ามาติดตามกีนไปยาวๆเลยยย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 23-03-2016 22:58:41
รอตอนต่อไปปปปป
แอบสงสารหลงซาน
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 24-03-2016 23:10:06
ปะทะ นี่มาจากปะทะฝีปากใช่ไหมคะ โอยยย เค้าปลื้มองค์รัชทายาทมากมาย  :impress2: /me โดนท่านแม่ทัพดีดกระเด็น
ขอบคุณที่มาต่อน้า สู้ๆๆๆๆคนเขียน  :3123:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 04-04-2016 09:24:55
เค้ารออยู่น้าาาา :call:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 04-04-2016 10:01:27
เพิ่งเห็นว่ามาต่อ555
คิดไม่ออกว่าช่างหลินจะรักซือเหยียนได้ยังไง
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 04-04-2016 15:03:25
มาอัพต่ออีกเร็วๆน้า รอนะคะ งือออออ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 10 : ปะทะ P.6 UP 20/03/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 07-04-2016 20:34:09
บทที่ 11 : กลอุบาย (1)


     อันว่าแผ่นดินแห่งนี้แรกเริ่มเดิมทีเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยกว่าสิบแคว้น เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนอยู่เป็นประจำ หลายร้อยปีผ่านไป แคว้นเล็กแคว้นน้อยเหล่านั้นก็เริ่มแปรเปลี่ยน หลอมรวมเป็นขั้วอำนาจขนาดใหญ่สามขั้ว ต้าเสียงครองดินแดนแถบตะวันตก ซานฉีปกครองภาคกลางอันอุดมสมบูรณ์ และต้าซางที่ปักหลักมั่นคงอยู่ที่ฝั่งตะวังออก ระหว่างสามขั้วอำนาจในคราแรกมองเผินๆคล้ายเป็นมิตรช่วยเหลือจุนเจือกัน การแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ถูกจัดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะซานฉีที่ถูกอีกสองอาณาจักรหนีบไว้ตรงกลาง แต่ความเป็นมิตรนั้นกลับดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก การแทรกแซงจากภายในกัดกร่อนรากฐานอันมั่นคงของซานฉีรวดเร็วเกินกว่าที่ผู้ใดจะตั้งตัวได้ หนึ่งในขั้วอำนาจล่มสลาย แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลกลายเป็นชิ้นเนื้ออันโอชะที่ถูกสองอาณาจักรตัดแบ่งกันปกครอง...

      แต่ทั้งหมดที่ว่ามานี้หาได้มีความสำคัญอันใดอีกต่อไป เมื่อยามนี้แผ่นดินต้าเสียงมีชัยเหนือต้าซาง กินอาณาเขตทั้งหมดในแผ่นดิน เป็นเจ้าของเพียงหนึ่งไร้ผู้ใดทัดเทียม เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือแม่ทัพผู้หนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมาครึ่งค่อนชีวิต

      "พวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว" จั๋วเจียหานผู้ดำรงตำแหน่งกุนซือประจำกองทัพหย่งฉีใต้สังกัดของลู่ซือเหยียนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ เรียกให้ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้กำลังตรวจรายชื่อทหารเงยหน้าขึ้นมามอง

      "พวกนั้น?"

      "คนขององค์ชายรอง พวกนั้นกำลังปล่อยข่าวว่าท่านกำลังซ่องสุมกำลังเพื่อก่อกบฏ" คนเป็นกุนซือยังคงใช้น้ำเสียงเรียบเรื่อยเล่าเรื่องในเมืองหลวงคล้ายเรื่องที่พูดมานั้นไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

      ลู่ซือเหยียนกระตุกยิ้มดูแคลนขึ้นมาที่มุมปาก มือที่กำลังคัดรายชื่อทหารผู้เสียชีวิตจึงค่อยขยับต่อช้าๆ ลายเส้นเรียบคมมีน้ำหนักบ่งบอกถึงนิสัยหนักแน่นไม่ยอมใครของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ตอบรับคำพูดของที่ปรึกษาด้วยน้ำเสียงแฝงความประชดประชัน "ไม่แปลกใหม่เอาเสียเลย เล่นงานแม่ทัพหลังจากสร้างผลงานใหญ่แบบนี้ ฝ่าบาทคงจะรีบร้อนหันมาลงโทษข้าหรอกนะ"

     "ดูท่านไม่แปลกใจ" จั๋วเจียหานจับจ้องผู้เป็นนายแน่วนิ่ง "เฉินฟู่หลิงกลับร้อนใจจนแทบจะจับม้าวิ่งกลับไปแก้ข่าวให้ท่านอยู่ร่อมร่อ" พูดถึงตรงนี้ คนพูดก็ได้แต่ทอดถอนใจ "เขาเป็นคนซื่อตรง ฝีมือการนำทัพก็ยอดเยี่ยม น่าเสียดายที่ต้องมารับใช้เจ้านายอย่างท่าน"

     "พูดอย่างกับว่าเจ้าไม่ได้ทำงานให้ข้าอยู่" ลู่ซือเหยียนมองกุนซือของตนแล้วเบ้ปากใส่ คุณชายจั๋วท่านนี้ดีทุกอย่าง เสียแต่ว่าปากคอเราะร้าย เอ่ยวาจาคราใดเป็นต้องเฉือนคนฟังสักสองสามแผลเป็นอย่างต่ำ แม้กระทั่งเขาและหลี่รุ่ยเต๋อที่โตมาด้วยกันยังไม่ละเว้น

     "นั่นข้าก็กำลังสงสารตัวเองอยู่เช่นกัน" จั๋วเจียหานมิได้เกรงกลัวแม่ทัพใหญ่ผู้กุมอำนาจเหนือกองทัพเลยจริงๆ ถึงขนาดปล่อยประโยคนี้ออกมาโดยสนใจสีหน้าของคู่สนทนาเลย

     "หึ จะมาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว มาแก่ตายด้วยกันในกองทัพเสียเถอะ!" ลู่ซือเหยียนเอ่ยเสียงกร้าวอย่างหงุดหงิด

      "น่าเสียดายที่ข้าไม่คิดจะใช้เวลาทั้งชีวิตมาแก่ตายกับท่านในสถานที่เยี่ยงนี้ อย่าลืมว่าข้ามีคู่หมั้นรออยู่ที่บ้าน" คนเป็นกุนซือยังคงต่อปากต่อคำกับแม่ทัพใหญ่ได้อย่างไหลลื่น สีหน้าเรียบเฉยก็ยังคงเรียบเฉยอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ผู้บังคับบัญชาฮึดฮัดไป

     "งั้นจะลาออกเสียตอนนี้เลยไหมเล่า"

     "ถ้าข้าทำแบบนั้น ท่านพ่อไม่ขับข้าออกจากตระกูลก็แปลกแล้ว หากข้าเลือกได้ มีหรือจะทนทำงานอยู่ในกองทัพแบบนี้"

     ลู่ซือเหยียนแค่นเสียงใส่สหายที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเด็กเสียคราหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้นิ่งขึ้น เมื่อเหลือบไปมองรายชื่อบนโต๊ะอีกครั้ง "แล้วสรุปเจ้าคิดอย่างไร?" คราวนี้เขาไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายเช่นเมื่อครู่อีก ดวงตาหรี่ลงอย่างดุร้าย

     "ข้าควรจะกลับไปแก้ต่างให้ตัวเองหรือไม่?"

     "ทั้งท่านทั้งข้าต่างรู้ดีว่ายังกลับไม่ได้" จั๋วเจียหานยกถ้วยชาขึ้นจิบ ดื่มด่ำกับความหอมอยู่ชั่วครู่ "หากเราละมือออกจากต้าซางในตอนนี้ ศึกที่ทำมานานแรมปีนับว่าเสียเปล่าอย่างโง่เง่าแล้ว"

       ต้าซางยังไม่ยอมสยบโดยสมบูรณ์ หากลู่ซือเหยียนกลับต้าเสียงตอนนี้ก็ไม่ต่างกับการทิ้งปลาย่างไว้กับแมว จะถูกชิงคืนไปก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแม้แต่น้อย

      ความนัยที่สหายส่งมามิได้ทำให้สีหน้าของลู่ซือเหยียนแปรเปลี่ยน ใบหน้าคมสันฉายแววประหลาดขึ้นมาบางเบา ลมหนาวคล้ายพัดมาแรงกว่าที่เคย

      "จริงๆข้าก็ไม่อยากจะเดินหมากตานี้นัก..." น้ำเสียงทุ้มกดต่ำกว่าปกติเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทคล้ายมืดลงจนไม่อาจสะท้อนแสงใด ข่าวลวงที่ปล่อยออกไปว่าตนเองบาดเจ็บหนักก่อนหน้านี้ คือโอกาสสุดท้ายที่มอบให้องค์ชายผู้นั้น "ข้าวางเดิมพันไปกับหมากตานี้ เหลือทางถอยให้พวกเขาก้าวหนึ่งแล้ว ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมถอย รั้นจะเป็นศัตรูกับข้าให้ได้ ข้าก็ไม่มีทางเลือก"

     ลู่ซือเหยียนขยับลุกขึ้นจากที่นั่ง ล้วงป้ายไม้ป้ายหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ตัวอักษรงดงามชดช้อยที่ถูกสลัก 'หวงเว่ยฉี' องค์ชายรองแห่งราชสกุลหวงแห่งต้าเสียง มองอยู่เกือบหนึ่งเค่อ ป้ายไม้นั้นจึงถูกโยนเข้าไปในกระถางไฟที่กำลังคุโชน

     เปลวไฟสีส้มสะท้อนไหววูบยามกำลังกลืนกินป้ายไม้เล็กๆนั้น จวบจนมันกลายเป็นเถ้าถ่าน ผู้ที่โยนป้ายลงไปจึงหันหน้ากลับมามองยังสหายของตน

     "ดูเหมือนว่า ข้าจะทำตัวอยู่วงนอกไม่ได้แล้วจริงๆ"

      จั๋วเจียหานพินิจสหายผู้ควบตำแหน่งผู้บังคับบัญชาของตน ริมฝีปากเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย พัดกระดาษถูกคลี่ขึ้นมาพัดสายลมเย็นบาดผิวเข้าหาตัว ตอบกลับไปว่า "ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะทำตัวอยู่วงนอกตรงไหน"

      "ก่อนหน้านี้เพียงออกแรงช่วยเล็กน้อยไม่ให้ญาติผู้น้องของข้าถูกต้อนจนต้องจบชีวิตก็เท่านั้น" ลู่ซือเหยียนยักไหล่เรียบๆ "แต่ต่อไปคงจะเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้ว"

     "ท่านคิดจะกระโดดลงปลักโคลนนี้จริงๆงั้นรึ?"

     "พวกเขาบีบให้ข้าต้องเลือก ฝ่าบาททรงมีพระราชประสงค์ให้ข้าขจัดภัยร้ายที่จะเป็นอันตรายต่อต้าเสียง การลงมือครั้งนี้ ถือว่าพวกเขาล้ำเส้นแล้ว"

      การใส่ร้ายป้ายสีแม่ทัพใหญ่ผู้กุมตราทัพในระหว่างสงครามเป็นเรื่องที่พวกเลวทรามไม่รู้ผิดชอบเท่านั้นถึงจะกระทำออกมาได้ หากข่าวลือแพร่มาถึงแนวหน้า เหตุใดไม่เรียกว่าขวัญกำลังใจของทหารถูกทำลายสิ้นแล้ว ทหารที่ระส่ำระส่ายจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปต่อต้านศัตรู

     จะกระหายแค่ไหนก็ไม่ควรทำเรื่องที่เหมือนการขว้างหินโดนเท้าตัวเองแบบนี้ ตัวตนของเขาหลอมรวมกับกองทัพไปแล้ว การลงไม้ลงมือกับเขาไม่ต่างจากการพยายามทำลายกำแพงเมืองของตัวเอง เจ้านายเช่นนี้ ต่อให้ได้ขึ้นครองบังลังก์จริง ลู่ซือเหยียนให้ตายก็ไม่มีวันยินยอมคุกเข่าให้

     "ข้าไม่คิดจะคุกเข่าให้กับคนเช่นนี้ อาหาน เจ้าจะเอาอย่างไร" ลู่ซือเหยียนเพียงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่คิดจะบีบคั้นสหายรักให้เข้าร่วมวงจรแห่งอำนาจนี่แม้แต่น้อย ยกการตัดสินใจทั้งหมดให้เจ้าตัว

     "หากข้าไม่เอาด้วย ท่านจะทำอย่างไร" จั๋วเจียหานถามเบาๆ

     "แน่นอนว่าข้าย่อมไม่บีบบังคับเจ้า แต่ต่อไปคงไม่อาจสนิทกันได้มากเท่าเดิม" ลู่ซือเหยียนตอบออกมาแบบปลอดโปร่ง ไม่มีท่าทีหนักใจแม้แต่น้อย คนถามเลยได้ถลึงตาใส่ พูดแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการตัดความสัมพันธ์เลยมิใช่หรือ

     นี่เรียกว่าไม่บีบบังคับตรงไหนกัน

     "ท่านพูดขนาดนี้ข้าไม่เข้าร่วมก็คงต้องเสียสหายนิสัยต่ำช้าแบบท่านไปแน่ เอาก็เอา อย่างไรข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะเลือกรับใช้ผิดคน" จั๋วเจียหานถอดถอนใจ โบกมือรับว่าจะร่วมหัวจมท้ายกันไปจนสุดทาง การตกลงนี้เรียกรอยยิ้มที่หาได้ยากให้ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของคนฟัง

     "ดี! ไม่เสียทีที่เป็นสหายกันมานาน!"

     จั๋วเจียหานค้อนตาคว่ำ "แล้วเจ้าคนแซ่หลี่นั่นล่ะ หายหัวไปไหน ไม่อยู่แบบนี้จะถามความสมัครใจได้อย่างไร?"

     "ไม่จำเป็น คนแซ่หลี่นั่นข้าตัดสินใจให้แทนเรียบร้อยแล้ว หลี่ฮูหยินก็ทราบแล้วเช่นกัน" ลู่ซือเหยียนแจกแจงหน้าตาเฉย ก่อนจะหยิบจดหมายออกมาจากอกเสื้อส่งให้คนที่นั่งอยู่ข้างกายเปิดอ่านดู คนเป็นกุนซือเมื่อเห็นเนื้อในของจดหมายแล้ว สีหน้าก็ประหลาดขึ้นมาทันที เขาบรรจงพับจดหมายลงตามเดิมช้าๆ แล้วยื่นส่งคืนให้อีกฝ่าย...

     "เหตุใดทำหน้าเช่นนั้นเล่า" ลู่ซือเหยียนคลี่ยิ้มชั่วร้ายเต็มหน้า แทบจะมองเห็นรังสีลวงโลกได้ด้วยตาเปล่า น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นแบบนี้ เห็นทีจะมีคนโชคร้ายติดกับเข้าเป็นแน่

      "แล้วข้าควรทำสีหน้าเช่นไรล่ะ" จั๋วเจียหานเริ่มสำนึกเสียใจเล็กน้อย บางทีเขาควรจะยอมๆเสียสหายต่ำช้าเช่นนี้ไปซะ ไม่ควรจะเสียดายเลยจริงๆ!

      "เอาเป็นว่าเจ้าทำตามที่ในจดหมายบอกก็แล้วกัน" ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ตอบ แถมยังเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ คนฟังได้แต่ถอนหายใจ

      "แผนการนี้อันตรายมาก"

      "ข้ารู้ หากไม่เสี่ยง จะได้ชัยชนะมาได้อย่างไร"

      "ได้..." สุดท้ายจั๋วเจียหานก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผ่อนลมหายใจยาว ดวงตาเปลี่ยนเป็นฉายประกายคมกริบ "ข้าจะจัดการให้ก็แล้วกัน"

***********


สามวันต่อมา วังตะวันออก ที่ประทับแห่งองค์รัชทายาท ต้าซาง ยามโฉ่ว(01:00 - 02:59)

     เงาสีดำวูบไหวอยู่ในความมืดยามราตรีราวกับผีสาง คืนนี้ดวงจันทร์หายลับไปจากท้องฟ้า ขับให้บรรยากาศดูมืดครึ้มน่าพิศวงมากกว่าเดิม แม้จะมีแสงจากคบไฟที่กระจายเป็นจุดๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก การลาดตระเวนเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ร่างในชุดดำก็ค่อยๆคืบคลานเข้าใกล้ตัวตำหนักบรรทมมากขึ้นทุกที เวรยามที่เฝ้าอยู่คล้ายไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกตินั้นแม้แต่น้อย

      ชายชุดดำผู้รับหน้าที่เป็นผู้นำในการลอบเข้ามาในครั้งนี้พยักหน้าให้คนของตัวเอง อาศัยข้อได้เปรียบในการมองเห็นในที่มืดค่อยๆแทรกซึมเข้าไป จนถึงมุมอับแห่งหนึ่ง กลุ่มคนในชุดดำทดลองดันบานหน้าต่าง เมื่อพบว่าไม่ได้ลั่นดาลเอาไว้ก็เปิดออกแล้วปีนเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

      พบผ่านข้ารับใช้คนใดมีดสั้นในมือก็เสียบเข้าที่คอหอย ลากเข้าไปในมุมมืด ปลดชุดมาสวมทับและสวมรอยยกข้าวของเดินลึกเข้าไปส่วนในโดยไม่มีผู้ใดขวางกั้น ความเงียบสงัดยิ่งกดดันลงมาอย่างน่ากลัว...

      ใกล้จะถึงแล้ว...

      อาวุธในแขนเสื้อถูกกระชับมั่นกว่าเดิม ตอนนี้พวกเขามาหยุดที่หน้าห้องที่เป็นเป้าหมายแล้ว มือสังหารในชุดข้ารับใช้สูดลมหายใจลึก หยิบธูปยาสลบขึ้นมาจุดแล้วเจาะช่องเป่าควันเข้าไปด้านใน

     รอจนแน่ใจว่าเสียงลมหายใจของคนในห้องสม่ำเสมอ กลิ่นอายสังหารก็แผ่ออกมาอย่างชัดแจ้ง มือสังหารผลักประตูวิ่งตรงเข้าไปที่ข้างเตียง เงื้อมีดขึ้นเหนือร่างภายใต้ผ้านวมหนาแล้วแทงลงไป!

      ฉึก!


***********


      เสียงล้อบดลงบนหินปูถนนยามค่ำคืนแทรกผ่านความเงียบสงัดของถนนสายเล็กๆนอกวังหลวงของต้าซาง รถม้าหน้าตาธรรมดาสามคันที่ไม่มีอันใดโดดเด่นกำลังเคลื่อนออกห่างกำแพงวังมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในรถม้าคันกลางนั้นมีบุรุษสองคนนั่งประจันหน้ากันอยู่

      ฝ่ายแรกอยู่ในชุดผ้าไหมที่ตัดอย่างเรียบหรูสีน้ำเงินเข้มเดินลายด้วยด้ายสีทองเป็นรูปวิหคโบยบิน มีผ้าคลุมขนจิ้งจอกสีขาวคลุมอยู่แทบตลอดทั้งตัว ความหนาวเย็นบาดผิวที่ไม่มีเตาเล็กมาช่วยบรรเทานั้นทำให้ผิวหน้าและปลายนิ้วขึ้นสีระเรือ ลมหายใจแต่ละครั้งขับเอาไอสีขาวให้กรุ่นออกมาตามจังหวะการหายใจ

      ฝ่ายที่สองอยู่ในชุดสีดำพอดีตัวไร้ลวดลายใดๆทั้งสิ้น ในมือมีกระบี่ในปลอกสีดำสนิทเล่มหนึ่งนั่งเอนหลังพิงผนังของรถม้าจับจ้องฝ่ายแรกไม่วางตา

      จนกระทั่งคนที่ถูกจ้องมองคล้ายจนทนไม่ไหวในที่สุด ขยับมือถูกันเล็กน้อย ค่อยนำมาอังลมหายใจอุ่นๆแล้วจึงยอมเปิดปากขึ้น "ท่านจะพาข้าไปที่ไหน"

      "ที่ที่ปลอดภัย" ชายในชุดสีดำตอบเรียบง่ายโดยไม่ยอมลงรายละเอียด

      "ตอนนี้ยังมีที่ที่ปลอดภัยสำหรับข้าด้วยรึ?" น้ำเสียงนุ่มคล้ายมีความประหลาดใจแฝงอยู่เล็กน้อย ทั้งๆที่น้ำเสียงไม่ได้มีอะไรผิดปกติแต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้นคล้ายกำลังประชดประชัน ซึ่งคนฟังหาได้โกรธเคืองทั้งยังส่งเสียงหัวเราะต่ำๆในลำคอ..

      "ย่อมมีแน่ ข้าจะพาท่านไปเปิดหูเปิดตาเอง"

      "ข้าไม่คิดว่าจำเป็นต้องให้คนต่างเมืองมาพาตัวเองไปเปิดหูเปิดตาหรอก"

      "นั่นสินะ ข้าก็ลืมไป" คราวนี้คู่สนทนาขยับยิ้มมุมปาก ขยับกายเปลี่ยนท่านั่งให้ผ่อนคลายยิ่งกว่าเดิม "เสนอตัวพารัชทายาทแห่งต้าซางไปเดินเที่ยวในเมืองของต้าซาง นับเป็นเรื่องตลกราวกับสอนปลาว่ายน้ำจริงๆ"

       ที่แท้บุรุษในชุดผ้าไหมก็คือบุคคลที่ควรจะอยู่ในวังตะวันออก ทว่าถูกลู่ซือเหยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันพาตัวออกมาจากวังหลวงตั้งแต่หนึ่งชั่วยามก่อน ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นี้บุกเข้าไปพาตัวประกันผู้สูงศักดิ์ออกมาจากห้องอย่างอุกอาจ ไม่พูดไม่จานำเขาและจางเหลียนมาขึ้นรถม้าพาออกจากวังหลวง

       "ท่านพาข้าออกมาทำไมกันแน่" หลิวช่างหลินเอ่ยถามสิ่งที่ข้องใจตั้งแต่เริ่มออกมาเสียงเบา กระชับผ้าคลุมให้แน่นกว่าเดิมกันลมหนาวที่พัดโชยมาอีกระลอก ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อสัมผัสได้ถึงผ้าอุ่นๆที่คลุมทับลงมาอีกชั้น สีหน้ากระด้างขึ้นมาทันที มือเรียวขยับหยิบผ้าให้พ้นจากตัวไม่ยอมรับน้ำใจ

      ลู่ซือเหยียนเพียงเลิกคิ้ว แล้วดึงผ้าคลุมของตัวเองกลับมา ในเมื่อไม่อยากรับน้ำใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้

      "ข้าเพียงต้องย้ายท่านด้วยความจำเป็นบางอย่าง คงลงรายละเอียดลึกมากกว่านี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วข้าจะบอกก็แล้วกัน"

      "...จางเหลียนล่ะ?"

      "คนสนิทของท่านอยู่ที่รถม้าอีกคันหนึ่ง ไปถึงแล้วก็จะได้พบกันเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป" ถ้อยคำของลู่ซือเหยียนตรงไปตรงมาและเรียบง่ายอย่างนิ่ง ไม่พูดก็คือไม่พูดจริงๆ หลิวช่างหลินเองก็จนปัญญาจะซักไซ้ไล่เลียง จึงได้หุบปากเงียบไม่ได้ถามอะไรอีก กลับเป็นอีกคนที่เปิดประโยคขึ้นมาเอง

      "อยากรู้หรือไม่ ว่าเหตุใดหลงซานถึงได้ทรยศท่าน" คำถามนี้หลุดออกมา บรรยากาศภายในรถมาก็เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม สีหน้าของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางขึงตึงจนแทบจะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งเรียบบาง

      "หากท่านแม่ทัพลู่ตั้งใจจะเล่าเพื่อตอกย้ำความพ่ายแพ้ของข้า ก็ว่ามาเถอะ" น้ำเสียงของผู้พูดประโยคนี้เย็นชานัก แต่กลับทำอะไรผู้เปิดประเด็นไม่ได้ มือของลู่ซือเหยียนลูบดาบคู่ใจแผ่วเบา แล้วเริ่มเล่าโดยไม่สนใจสีหน้าของคนฟัง

      "ตระกูลของหลงซานติดหนี้ข้า แม่และน้องสาวของเขาอาศัยอยู่ที่จวนของข้าที่ต้าเสียง เป็นตัวประกันชั้นดีที่จะบีบไม่ให้เขาเอาใจออกห่างไปอยู่กับพวกท่านจริงๆ" เนื้อเสียงของลู่ซือเหยียนเรียบเรื่อยราวกับกำลังเล่านิทาน "ข้าเพียงสั่งให้เขาหนีออกจากต้าเสียง หาวิธีเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองหลวงให้ได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดกลายเป็นคนสนิทของท่าน"

      หลิวช่างหลินได้ฟังแล้วไม่ทราบว่าจะทำหน้าอย่างไร ก็ไม่คลายความกระด้างลง ต่อให้มีเหตุผลอะไรทรยศก็คือทรยศอยู่วันยังค่ำ ลู่ซือเหยียนเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็ไม่ได้หยุด เล่าของตัวเองไปเรื่อยๆ

      "ข้าไม่เคยให้คำสั่งใดๆกับเขา จะใช้ชีวิตอย่างไรก็ใช้ไป จนเริ่มสงครามข้าก็ส่งจดหมายของมารดาและน้องสาวไปให้หลงซาน"

      พูดถึงตรงนี้หลิวช่างหลินก็กัดฟันกรอด แค่นเสียงปรามาส "ต่ำช้าสิ้นดี"

      ลู่ซือเหยียนเพียงหัวเราะแผ่วๆในคอ ชักกระบี่ออกมาส่องดูคมกับแสงเทียน "สงครามก็คือกลอุบายไม่ใช่หรือ พวกเราทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ รักษาทหารฝั่งตัวเองให้ตายน้อยที่สุด หากจะบอกให้ข้าเอาเพียงกำลังเข้าชนเพียงอย่างเดียว แล้วสูญเสียทหารทั้งหมด ไป ข้ายอมเป็นคนต่ำช้าเสียยังจะดีซะกว่า หรือท่านเองไม่คิดเหมือนกันกับข้า?"

       "..." หลิวช่างหลินมิได้ต่อปากต่อคำ เพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลงเป็นการแสดงออกว่าไม่สนใจจะพูดจาอีก คนถูกตัดบทซึ่งๆหน้ามิได้ว่าอะไรเพียงขัดดาบลับคมต่อไปเรื่อยๆ

      รถม้ายังคงวิ่งต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงโลหะบาดหูดังอยู่จนคนหลับตามิอาจข่มตาหลับได้ลง ทว่าก็ไม่อยากต่อบทสนทนากับอีกฝ่ายอยู่ดี  ในช่วงเวลาเช่นนี้ส่งให้เขาอดครุ่นคิดไม่ได้...

       ลู่ซือเหยียนเอาเรื่องหลงซานมาพูดเพื่ออะไรกัน? ไม่ใช่การทับถมเพื่อแสดงว่าตนเองเหนือกว่า แต่เป็นคำบอกเล่าธรรมดาๆที่ไร้ที่มาที่ไปคล้ายกับเล่าเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน

       ตัวตนของแม่ทัพผู้นี้...เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย


***************



เข็นตอนต่อไปมาได้อีกตอนล่ะค่ะ! ตอนแรกว่าจะไม่แบ่งตอน แต่ไปๆมาๆมันยาวเกินเลยต้องหั่น ในที่สุดก็ใกล้จะได้ช่วงเวลาใกล้ชิด(?)เสียที!

โดยส่วนตัวคนเขียนชอบแม่ทัพลู่มากเลยค่ะ 55 จริงๆเจ้าตัวก็ไม่ใช่ทั้งคนดี ทั้งคนเลว สงครามมีแพ้ชนะ ช่างหลินกับซือเหยียนเพียงแค่ยืนอยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง ฮีมีด้านใหม่ๆมาทำความรู้จักอีกเยอะ! สองคนนี้พอฟัดพอเหวี่ยงกันอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงค่า~ =v=a

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นให้กำลังใจทุกคอมเม้นนะคะ แล้วพบกับใหม่ครึ่งหลังค่า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 07-04-2016 21:33:14
ดีใจที่มาต่อนะคะ ตามต่อไปค่ะ

นี่คือใกล้ชิด(?) แหมะๆๆๆๆๆ รอใกล้กว่านี้ล่ะกัน

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 07-04-2016 23:16:40
เย้ๆๆ รอทุกวันนนนน
ชอบแม่ทัพลู่เหมือนกันค่ะ อยากให้รุกไวไว 55555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 08-04-2016 00:11:38
เย้ๆตอนใหม่มาแล้ววววววว
ชอบที่รัชทายาทปัดเสื้อคลุมทิ้งไป เหมาะสมถือตัวดีงาม
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 08-04-2016 02:36:36
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่หลงมาอ่าน แนวจีนไม่เคยอ่านเลยคะ แต่นักเขียนแต่งได้ดีมากคะ
เสียน้ำตาให้ตั้งแต่ต้นเรื่อง

กลัวตอนจบอย่างเดียวเลย เขาสองคนจะรักกันได้ยังไง ต่างมีภาระหน้าที่ เป็นศัตรูกันอีก มองไม่เห็นอนาคตสุดๆ

คาดว่าคงต้องเสียน้ำตาให้เรื่องนี้เป็นปี้บชัวร์
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 08-04-2016 04:50:24
 :ling1: ชอบมากๆค่า ดีใจมาต่อ พระเอกดูเหมือนอ่อนให้ช่างกลินจลอดเลย หลงเสน่ห์แล้วใช่ไหมละ อิอิ รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 08-04-2016 09:44:49
โหยย เรื่องนี้คือดีงามค่ะะะ <3 <3 พีเรียดจีนเนี่ย ถ้าไม่เล่นเรื่องแนวยุทธภพ เซียนปีศาจ ก็เห็นจะมีแต่เรื่องการเมืองการศึกนี่แหละที่ฮอตฮิต แต่นิยายที่เขียนถึงเรื่องซับซ้อนจำพวกนั้นได้ดีมีน้อยเฟ่ออ ยิ่งเป็นนิยายวายนี่นับเรื่องได้เลยทีเดียว 555555 แต่เราชอบมากเลยค่ะ เพราะรู้สึกถึงความเก็บเรฟ ความใส่ใจค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ นี่อ่านๆมายังนึกไม่ออกเลยว่าคู่อีตาแม่ทัพจะรักกันได้ยังไง 555555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 08-04-2016 12:36:10
ชอบฉากห่มผ้าให้ คือแบบแม่ทัพลู่ดูเป็นห่วงเป็นใยอ่ะ น่าร้ากกกกกกก ส่วนหลิวช่างหลินก็ปัดทิ้ง ดูวางตัวดี ไม่หวั่นไหว  :laugh:
ส่วนเหล่าพลเพื่อนของท่านแม่ทัพก็ดูเป็นเพื่อนกันได้นะ ต่อปากต่อคำกันเก่งไม่มีเกรงเลยยยย 5555
อ่านตอนนี้แล้วรุ้สึกว่า มีคนจ้องจะฆ่าหลิวช่างหลิน แต่องค์ชายตาบอด ปกป้องตัวเองไม่ได้แล้ว อิตาแม่ทัพลู่ รับผิดชอบเดี๋ยวเน้  :hao5:

รอตอนนหน้าน้าค้า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-04-2016 03:04:55
เราชอบสองคนนี้จัง เขาดูเป็นเสือดูเชิงกันมาก5555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 09-04-2016 12:46:12
เราชอบองค์รัชทายาทจจังเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-04-2016 14:54:09
หยั่งความคิด
ลองเชิงกันอยู่เงียบ ๆ

กว่าจะรักกันได้คงเหมือนหาทางออกจากค่ายกล
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 09-04-2016 22:46:18
น่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 10-04-2016 00:17:03
รอตอนใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 11 : กลอุบาย P.6 UP 7/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 12-04-2016 01:40:39
บทที่ 12 : กลอุบาย (2)


      เช้านี้ช่างไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย...

      นี่คือความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวของหลิวช่างหลินที่เพิ่งตื่นขึ้นมาได้ไม่นานนักหลังจากหลับๆตื่นๆบนรถม้ามาครึ่งคืน ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลู่ซือเหยียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมน่ารับประทานที่โชยมาต้องจมูกนั้นไม่ได้กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากอาหารแม้แต่น้อย

     "เป็นอะไรไป ท่านไม่ทานรึ" ลู่ซือเหยียนเลิกคิ้วถามขึ้นหลังจากเห็นว่าคนที่ร่วมโต๊ะเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมแม้แต่จะจับตะเกียบขึ้นมา ทั้งๆที่เขาให้คนจับมือของอีกฝ่ายไปแตะที่ตำแหน่งของแต่ละอย่างบนโต๊ะอาหารแล้ว "หรือท่านต้องการให้ข้าป้อน?" ประโยคนี้เอ่ยเย้าออกมาไม่จริงจังนัก ทว่ากลับทำให้ร่างโปร่งยอมจับตะเกียบขึ้นมาในที่สุด

      "ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านแม่ทัพลู่ ข้าทานเองได้" หลิวช่างหลินตอบเสียงเย็นชาประหนึ่งน้ำแข็ง พื้นอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่หนักกว่าเก่า อาหารเลิศรสเช้านี้ถูกบุรุษหน้าชังผู้หนึ่งทำให้เสียรสชาติไป น่าเสียดายยิ่งนัก

       ลู่ซือเหยียนมองมือเรียวขยับตะเกียบอย่างคล่องแคล่วจนดูไม่เหมือนคนตาบอดอย่างสนใจ ความจริงแล้วท่วงท่าของอีกฝ่ายนั้นช่างงามสง่าสมกับที่เป็นชนชั้นสูงโดยกำเนิด เสียแต่ว่าพอยื่นมาคีบกับข้าวกลับคีบไม่ค่อยเจอตัวเนื้อเอาเสียเลย สิ่งที่ได้ทานเลยมีแต่ผักเสียเป็นส่วนใหญ่

      ดูท่าทุกวันจางเหลียนคงเป็นคนคีบกับข้าวให้เป็นแน่

      "ท่านทานแต่ผัก อร่อยนักหรือ?" คนมองเปิดปากถามในที่สุดทำให้มือเรียวที่กำลังคีบอาหารเข้าปากชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะขยับส่งอาหารเข้าปากโดยราบรื่น รอจนเคี้ยวกลืนลงคอ ยกผ้าซับที่ริมฝีปากเสร็จจึงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าแฝงไปด้วยความไม่พอใจ

      "ท่านมิใช่มิรู้ว่าข้าพิการ ดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิทไปแล้ว คำถามนี้ท่านตั้งใจจะเสียดสีข้างั้นรึ"

      ลู่ซือเหยียนมิคาดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ จึงได้นิ่งไปชั่วขณะ ความรู้สึกผิดคลายตีขึ้นมาระลอกหนึ่ง ทว่าก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาเอ่ยตอบว่าตนเองไม่ได้เจตนาไปคำหนึ่ง ลังเลอยู่เพียงเสี้ยววิ ก็ยื่นตะเกียบไปคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่ง  จัดการเลาะก้างแล้วนำไปวางไว้ที่ชามข้าวของหลิวช่างหลิน

     "ท่านอย่าได้โกรธ ข้ามิได้ตั้งใจจะเสียดสีท่าน ท่านทานต่อเถอะ ข้าจะคีบเนื้อให้ท่านเอง ถือว่าเป็นคำขอโทษจากข้าที่ไม่ละเอียดอ่อนเองก็แล้วกัน"

     หากบอกว่าการที่ได้นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับลู่ซือเหยียนทำให้ความอยากอาหารลดลงแล้วล่ะก็ การกระทำนี้ของแม่ทัพใหญ่ท่านนี้ก็ทำให้คิ้วเรียวต้องขมวดเป็นปมแน่นกว่าเดิม

     แม่ทัพใหญ่ผู้นี้คิดจะทำอันใดกับเขากันแน่ คิดจะทำให้เขายอมอ่อนข้อให้งั้นหรือ

     "ไม่จำเป็น ข้าทานเองได้" คำพูดเดิมถูกกล่าวซ้ำอีกครั้ง น่าเสียดายที่บุรุษเนื้อหนังหนาด้านทนทานเช่นลู่ซือเหยียนกลับไม่ยอมรับฟัง คีบเนื้อส่งเข้าชามของอดีตรัชทายาทเรื่อยๆราวกับเป็นคนหูหนวก

     "ท่านรู้ตัวว่าไม่สะดวกก็อย่าถือทิฐินักเลย" น้ำเสียงของลู่ซือเหยียนจริงจังยิ่งนัก "ต่อจากนี้จางเหลียนจะไม่ได้เข้ามารับใช้ท่านตลอดเวลาแล้ว หากยังไม่อยากอดตายไปก่อนจะได้เล่นงานข้าอีกครั้ง ท่านก็ทานเข้าไปดีๆเถอะ"

      หลิวช่างหลินขรึมลงเล็กน้อย เขาไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสา ความนัยที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อทำไมเขาจะไม่ทราบ ความจริงที่ทางต้าเสียงยอมให้จางเหลียนอยู่รับใช้ข้างกายเขามาได้นานขนาดนี้ก็นับว่าน่าประหลาดใจแล้ว

      "ท่านจะไม่ฆ่าเขาใช่หรือไม่"

      "ตราบใดที่ท่านทำตัวดี ว่าง่าย ข้าจะไม่ฆ่าเขาก็แล้วกัน"

      อดีตองค์รัชทายาทสูดลมหายใจเข้าลึก สงบอารมณ์ของตนเองให้กลับมาสงบนิ่งดังเดิม เขามิได้เอ่ยตอบรับลู่ซือเหยียนด้วยคำพูด ทว่าแสดงออกด้วยการคีบเนื้อที่ฝ่ายนั่นส่งมาให้ก่อนหน้าเข้าปากเป็นการตกลง

      เห็นร่างโปร่งยอมทานของที่ตนคีบให้แล้ว ริมฝีปากของคนมองก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วค่อยลงมือทานอาหารต่อบ้าง

      หนึ่งคีบส่ง หนึ่งคีบทาน ต่างคนต่างไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทว่าบรรยากาศก็หาได้เยือกแข็งดังเช่นตอนแรกเริ่ม ทำให้เหล่าข้ารับใช้ที่คอยรินชาให้อยู่ข้างๆพอหายใจหายคอสะดวกขึ้นมาหน่อย
     
       แต่ว่านะ รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่คล้ายจะไม่จางลงเลยใช่หรือไม่ ขนาดพวกเขารับใช้ท่านแม่ทัพมานาน ยากนักที่จะได้เห็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเยี่ยงนี้

     ดูพึงพอใจ ทว่าแฝงไปด้วยความเย็นชา

     ข้ารับใช้ลอบมองรอยยิ้มของผู้เป็นนายได้ไม่นานนักก็ต้องหลุบตาต่ำลง เอาเถิด ท่านแม่ทัพจะรู้สึกอย่างไร หรือต้องการอะไรล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถอาจเอื้อมไปคาดเดาได้นานแล้ว

      อ่านใจท่านแม่ทัพใหญ่ได้ ก็ไม่สำคัญเท่ารักษาหัวของตัวเองไว้ได้หรอก!


************


เผลอกดอัพนิยายที่เด็กดีไปก่อน เลยเอามาลงที่นี่ไปด้วยซะเลย จะได้เท่าๆกัน ;v;

เหมือนจะหนิดหนม แต่ไรท์รู้สึกหนาวหนักมากค่ะ คู่นี้มันจะรักกันได้จริงๆไหมเนี้ย //ปาดเหงื่อ

ที่เอามาอัพนี่ก็ราวๆ 1/3 รอแต่งจบตอนแล้วจะมาลงให้ครบค่า

#ช่วงนี้งานรุมเร้าหนักมาก อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็อย่าลืมเม้นส่งแรงใจ(และพลังชีวิต)ให้ไรท์ตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะค้าาา

//ว่าแล้วก็กลับไปจมงานต่อ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-04-2016 07:50:55
ไม่รู้สึกถึงความหนิทหนมเลยค่ะ... แต่ความหนาวนี่เต็มๆเลยเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-04-2016 10:12:51
ตอนนี้ก็หวานอมขมดีนะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 12-04-2016 19:34:55
เขาจะรักกันไงเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 13-04-2016 12:47:56
ทำไมดูซึนกันขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 13-04-2016 14:04:54
โอ๊ยยยยยน่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 13-04-2016 15:20:21
หาความหวานไม่เจอค่ะ 55555
ในมุมมองของหลิวช่างหลินก็คงไม่ได้รู้สึกดีหรอกมั้งคะ
แล้วจะไปรักกันได้ยังไง .... :katai1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 16-04-2016 23:39:35
ให้กำลังใจนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 18-04-2016 15:07:30
 :katai4: คิดถึงจังค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 18-04-2016 16:52:55
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ รบกวนด้วยนะะะะ เพิ่งเคยอ่านพีเรียดจีนเรื่องแรกเลย ติดต่อ ชอบบรรยากาศของเรื่อง มันดูดราม่า แต่ถ้าทางหวานมาก พระเอกดูท่าอีกหน่อยจะหลงนายเอกมากกกก
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 19-04-2016 21:48:45
ท่านแม่ทัพนี่ถือหลักตื้อเท่านั้นที่ครองโลกสินะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 04-05-2016 15:44:22
ยังไม่ได้อ่านแต่บวกให้ก่อน เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 04-05-2016 17:32:46
มันจะรักกันได้จริงๆใช่ปะ? ไม่ใช่ท่านแม่ทัพทำเสน่ห์ใส่ช่างหลินนะ
รู้สึกถึงความหนาวยะเยือกทุกครั้งที่2คนนั้นอยู่ด้วยกัน มาอัพอีกน้า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 06-05-2016 10:52:34
รอติดตามคะ >< มาตามอ่านรวดเดียว สนุกจนหยุดไม่ได้จริงๆ +++เป็ดให้ทุกตอนไปเลยคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: empty102153 ที่ 06-05-2016 19:04:32
สนุกมากเลยค่ะ ติดใจมาก
มาต่อเถอะนะคะ อยากอ่านต่อมากๆเลยค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 17-05-2016 21:09:44
มาต่อเถอะสะดุดตา อย่าหายไปเลยนานแล้วค่ะ คิดถึงงงง :mew4: :hao5: :sad4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-05-2016 21:50:05
มีรสหวานในความเย็นชา
รสชาตินี้ล่อลวงใจยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 17-05-2016 22:45:16
 :call:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 17-05-2016 22:50:14
มาอัพหน่อยสิคะ อยากอ่านแล้วววว
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 18-05-2016 04:07:09
 :ling1: คิดถึงแล้วค่าาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2) 1/3 P.7 UP 11/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 25-05-2016 11:38:09



ต่อ กลอุบาย 2 (3/3)


ขณะเดียวกัน ในห้องที่ไม่ไกลจากจุดที่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองอยู่มานัก

      จางเหลียนกำลังอารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุดแล้ว ตะเกียบไม้เนื้อดีที่อยู่ในมือสั่นระริกคล้ายจะหักกลางได้ทุกขณะ แววตาเกรี้ยวกราดจ้องมองไปที่เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทเบื้องหน้าที่ยังคงรับประทานอาหารเงียบๆคล้ายไม่รู้สึกถึงอารมณ์คุกรุ่นของเขา

     "นายเจ้า ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่"

     หานหลงซานเหลือบตาขึ้นมามองใบหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วคีบอาหารเข้าปากต่อไปไม่ยอมตอบ

      "ทำไม เดี๋ยวนี้เจ้ากลายเป็นคนของต้าเสียงแล้ว เชลยศึกเช่นข้าคงหาได้มีสิทธิ์ที่จะถามเจ้าแล้วสินะ" จางเหลียนเอ่ยเสียงเย็น คราวนี้ไม่ได้เสียดสีอะไรต่อแม้แต่คำเดียว ก้มหน้าก้มตาทานอาหารไม่สนใจอีกฝ่ายอีก

      ผู้ที่ถูกเมินผ่อนลมหายใจเบา ทั้งยังรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก ท่านแม่ทัพใหญ่ให้เขาทำงานนี้ แทนที่จะเรียกว่าไว้ใจ ควรพูดว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า...

     หรือควรจะเรียกว่าบทลงโทษของคนที่กำลังโลเล?

     หานหลิงซานทานต่อได้อีกไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง ยกชาร้อนหอมกรุ่นขึ้นจิบเป็นการจบมืออาหาร

     "ต่อไปนี้เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ห้ามก้าวออกจากห้องเด็ดขาด นี่เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพลู่ หากขัดขืน จะโทษว่าเราดูแลองค์ชายไม่ดีไม่ได้"

      "เจ้าขู่ข้า..." จางเหลียนคำรามเสียงต่ำในลำคออย่างโกรธแค้น

      "จากวันเวลาที่เจ้ารู้จักท่านผู้นั้น เจ้าไม่ควรถือว่าคำพูดของเขาเป็นการข่มขู่" หานหลงซานเพียงเอ่ยเสริมประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ออกยืนที่หน้าห้อง ทิ้งให้บัณฑิตหนุ่มยืนหน้าดำหน้าแดงอยู่เพียงผู้เดียว

      เจ้าคนทรยศ น่าตายนัก จางเหลียนแค่นในใจ ขณะที่กำลังจะกวาดข้าวของบนโต๊ะระบายอารมณ์ ดวงตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษสีหม่นที่วางนิ่งอยู่ข้างชามข้าวของตนเอง หลังจากหันซ้ายหันขวาสำรวจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆแล้ว มือเรียวจึงยื่นไปคว้าแผ่นกระดาษนั้นขึ้นมาอ่าน

      .....นี่..มัน...

*********

      ท่ามกลางความจอแจของตลาดยามเช้าของฉานโจว หนึ่งในเมืองใต้ปกครองของต้าเสียง รถม้าหรูหราคันหนึ่งแล่นเข้ามาช้าๆ ชาวบ้านร้านตลาดที่คราแรกยังเดินกันอยู่แน่นเต็มถนนก็พากันหลีกเข้าริมทาง แหวกพื้นที่ให้รถม้าคันนั้นวิ่งผ่านไป

      ชาวเมืองพากันมองไล่หลังรถม้าคันนั้นเต็มอยากรู้อยากเห็น เพราะไม่ค่อยมีชนชั้นสูงคนไหนขี่รถม้าเข้ามาในเขตตลาดเช่นนี้มาก่อน แต่ถึงจะสงสัยมากแค่ไหน อย่างไรก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปขวางรถม้าคันนั้นอยู่ดี

       ภายในรถม้าเตาอุ่นเล็กๆถูกตั้งไว้ไม่ไกลจากร่างของผู้โดยสารเท่าใดนักกำลังคุกรุ่นส่งไอร้อนขับไล่ความหนาวเย็นจากหิมะสีขาวโพลนซึ่งโปรยปรายอยู่ด้านนอก พู่แพรไหมสีทองที่ประดับอยู่ริมหน้าต่างแกว่งเบาๆไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวรถซึ่งกำลังวิ่งลึกเข้าไปในตลาดมากขึ้น มากขึ้น...

      "ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" คนขับรถม้าเอ่ยขึ้นมาในจังหวะที่กระโดดลงจากรถ เลิกผ้าไหมหนาหนักตรงประตูรถม้าเปิดออกให้คนด้านในก้าวออกมา ชายเสื้อสีขาวปักลายเมฆเป็นสิ่งแรกที่โผล่พ้นกรอบประตู ก่อนชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าในชุดผ้าไหมสีขาวผู้หนึ่งจะออกมาจากรถม้าและก้าวลงโดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ใด ท่วงท่าการเคลื่อนไหวดูคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างคนฝึกยุทธ์ ดวงหน้ากระจ่างภายใต้แสงอาทิตย์แลดูปลอดโปร่งผ่อนคลาย

       สถานที่ที่รถม้ามาจอดอยู่นั้นเป็นเหลาอาหารขนาดเล็ก เหนือกรอบประตูมีป้ายไม้ที่มีอักษรตวัดอยู่เป็นคำว่า 'โหร่วเหลียน' ภายในเหลามีลูกค้านั่งอยู่ไม่มากนักล้วนเป็นคนที่แต่งตัวเช่นชนชั้นสามัญที่มีฐานะเล็กน้อยทั่วไป เถ้าแก่ร้านเห็นรถม้าหรูหราขนาดนี้มาจอดอยู่หน้าร้านก็ไม่กล้าชักช้า แล่นเข้ามาต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เชื้อเชิญให้ชายหนุ่มในชุดขาวขึ้นไปชั้นบนที่จัดไว้เป็นห้องส่วนตัว

       เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ริมฝีปากของผู้มาใหม่ก็ขยับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง เร่งฝีเท้าเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารด้านใน บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่เต็มส่งกลิ่นหอมยวนเย้ากระตุ้นให้คนได้กลิ่นอยากอาหาร รายการที่วางอยู่แต่ละอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมาปรากฎอยู่บนโต๊ะของเหลาอาหารเล็กๆแห่งนี้ได้พอๆกับร่างในชุดหรูหราสีดำสนิทซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว

      "พี่ใหญ่หลี่" ชายหนุ่มชุดขาวเรียกชายชุดดำที่นั่งอยู่ก่อนด้วยน้ำเสียงสนิทสนม ทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเชิญ ฝ่าย 'พี่ใหญ่หลี่' คิ้วกระตุกน้อยๆ

      "ข้าอายุน้อยกว่าเจ้าแม่ทัพหน้าตายนั่นแท้ๆ เหตุใดข้าถึงกลายเป็นพี่ใหญ่แล้วเจ้านั่นเป็นพี่รองไปได้? ฝ่าบาทคำนวนอะไรผิดไปหรือไม่" หลี่รุ่ยเต๋อเปิดปากมาก็แย้งวิธีการเรียกของอีกฝ่ายทันที ฝ่ายคนฟังได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนหน้าก็ยิ่งเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม

       "นั่นเพราะตอนเด็กๆท่านอยากเป็นพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือ ข้าจะขัดท่านได้อย่างไร" ชายหนุ่มชุดขาวตอบด้วยน้ำเสียงระรื่น ทำเอาคนร่ำร้องจะเป็นพี่ใหญ่ต่อคำไม่ได้ พ่นเสียงหึแล้วถอนหายใจออกมาหนัก พัดในมือพัดเอาลมเข้าหาตัวแรงๆทั้งที่อากาศตอนนี้เรียกได้ว่าหนาวเสียดกระดูก

      "นั่นเพราะตอนอายุยังน้อย ตัวข้ายังเป็นเด็กชายใสซื่อไร้เดียงสา หากรู้ว่าเป็นพี่ใหญ่แล้วต้องแบกภาระ วิ่งไปทางนั้นที ทางนี้ทีแบบนี้ ข้าไม่ขอนับพวกท่านเป็นพี่น้องเด็ดขาด" หลี่รุ่ยเต๋อบ่นพึมพำ ยิ่งเห็นคนฟังทำหน้าเป็นแล้วยิ่งอยากจะส่ายหน้าแรงๆ ตัดสินใจเข้าเรื่องทำงานดีกว่า หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ บนซองจ่าหน้าถึง 'องค์ชายสาม' อย่างชัดเจน

      เมื่อหลี่รุ่ยเต๋อหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมา สีหน้าของอมยิ้มของชายหนุ่มชุดขาวก็นิ่งขรึมลงทันตา หยิบจดหมายออกจากซองแล้วคลี่ออกไล่สายตาอ่านทีละตัวอักษรอย่างตั้งใจ เมื่ออ่านจบ แววตาของคนอ่านก็เปลี่ยนไปทันที เขาพักกระดาษในมือ แล้วสอดลงอกเสื้ออย่างบรรจง ถึงตอนนี้เพิ่งกลับมาสนใจคู่สนทนาอีกครั้งก็ตอนนี้ สีหน้ามีความกังวลใจฉายอยู่อย่างชัดเจน

      "นี่ออกจะเสี่ยงอยู่มาก...แผนการนี้ ใช่เสี่ยงเกินไปหรือไม่?"

       หลี่รุ่ยเต๋อเลิกคิ้ว พริบตาต่อมาก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น จวบจนโดนถลึงตาใส่นั่นแหละถึงจะเก็บอาการให้สงบลงมาได้ "องค์ชายสาม ท่านใช่เพิ่งรู้จักเจ้าบ้านนั่นวันนี้ ยังถามอีกหรือว่าเสี่ยงเกินไปหรือไม่?"

      ชายหนุ่มในชุดขาว ซึ่งก็คือ องค์ชายสามหวงเว่ยหงแห่งต้าเสียงพลันกระจ่าง เพิ่งนึกออกตอนนี้เองว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายทันที

      "เว่ยหงเข้าใจแล้ว พี่ใหญ่อย่าหัวเราะอีกเลย เดี๋ยวชาจะติดคอท่านตายเสียเปล่าๆ"

      หลี่รุ่ยเต๋อสะดุ้ง นึงถึงตอน 'ชาติดคอ' ครั้งก่อนแล้วก็ต้องรีบกระแอมไอกลืนเสียงหัวเราะที่หลงเหลืออยู่ในคอลงท้องไปทันควัน หวงเว่ยหงเห็นเป็นเช่นนั้น รอยยิ้มสบายอารมณ์ก็กลับมาบนหน้าอีกครั้ง องค์ชายหนุ่งถึงกลับหยิบพัดขึ้นมาโบกเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย

      "พี่รองคิดแผนน่าสนุกเช่นนี้ออกมาได้ เว่ยหง จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน"

      "ข้าจะรอฝั่งเรื่องน่าสนุกก็แล้วกัน"

*********


หนึ่งเดือนต่อมา ค่ายทหารต้าเสียง เมืองโจว แคว้นต้าซาง

        "ท่านมาอีกแล้ว" เจ้าของกระโจมตัวจริงเอ่ยกับแขกที่วนไปเวียนมาราวกับที่นี่เป็นที่ของตัวเองด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แฝงไปด้วยความไม่ต้อนรับ ซึ่งหาได้ทำอันใดคนฟังได้ไม่ ลู่ซือเหยียนถือวิสาสะนั่งลงข้างๆไม่ใส่ใจ

      "ใช่ ข้าอีกแล้ว ท่านสบายดีหรือเปล่า'

      "ถ้าไม่นับรวมที่ท่านมารบกวนข้าทุกวัน ก็นับว่าสงบสุขดี" หลิวช่างหลินตอบคำถามด้วยถ้อยคำที่ยังไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ถึงจะรู้ว่าคำพูดพวกนี้ทำอะไรหนังหนาๆของท่านแม่ทัพใหญ่ข้างๆไม่ได้ก็ตาม

      "กลัวแต่ว่าท่านจะรู้สึกไม่สบาย ย้ายเป็นระยะแบบนี้ ถ้ามีอะไรไม่สะดวกก็บอกข้าก็แล้วกัน" ลู่ซือเหยียนไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจริงๆ...

      ทั้งสองต่างคนต่างนั่งจิบชาของตัวเองดังเช่นทุกคราที่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงผู้นี้มาเยือน ใช้ความเงียบเป็นหัวข้อสนทนาร่วม ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากก่อน และจะเป็นเช่นนี้จนกระทั่งมีคนมารายงานอะไรบางอย่างกับลู่ซือเหยียนจนต้องลุกออกไป

      หลิวช่างหลินไม่เคยเข้าใจการกระทำนี้ของอีกฝ่าย หากกังวลว่าเขาจะหนีออกไป ส่งทหารฝีมือดีสักสี่ห้าคนมาเฝ้ายังได้ผลดีกว่าการแวะมาผลาญเวลาไปเปล่าๆเช่นนี้

       ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรกับความเงียบเช่นนี้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะคิดไม่เหมือนกัน จังหวะลมหายใจของลู่ซือเหยียนแปลกไปเล็กน้อย ลึกขึ้น ช้าลงคล้ายกำลังครุ่นคิด

       คิดเรื่องอะไรก็คิดไปเถอะ เขาไม่อยากจะเสียเวลาเดา

       "ท่านแต่งงานหรือยัง?" อยู่ๆลู่ซือเหยียนก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้คนถูกถามต้องขมวดคิ้วแน่นๆ..

       "ข้าแต่งงานแล้วหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับท่าน?" คิดจะจับตัวประกัน มาถามอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ หรือว่าคิดจะข่มขู่อะไรเขาอีก สีหน้าของหลิวช่างหลินเย็นชาถึงขีดสุดแล้ว  "ท่านไม่จำเป็นต้องใช้ใครมาข่มขู่ข้าอีก รอบกายข้าทุกวันนี้มีแต่คนของท่าน ต่อให้อยากทำอะไรก็ทำไม่ได้"

       ใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงไม่น่าดูเท่าไหร่นัก คล้ายไม่ยินดีจะถามเช่นนี้ เสียแต่คนตาบอดไม่อาจมองเห็นความลำบากใจของเขาได้ จึงได้แต่พยายามข่มน้ำเสียงให้ราบเรียบ

       "ข้ามีข้อเสนอมาให้ท่าน"

       ประโยคนี้กระตุ้นความสนใจของหลิวช่างหลินได้ในที่สุด เขาวางจอกชาลงเป็นเชิงรับฟัง ท่าทางประหนึ่งนายเหนือหัวบัญชาผู้ใต้บังคับบัญชา "ว่ามา"

        "ข้าอยากให้ท่านมาเป็นคนรักของข้า" ลู่ซือเหยียนกล่าวออกมารวดเดียว "แค่แสร้งเป็นเท่านั้น หากท่านรับข้อเสนอ ข้าสัญญาว่าภายในสามปี ข้าจะละเว้นค่ายสุดท้ายของต้าซางที่หุบเขาดำ"

        เทียบกับประโยคแรกแล้ว สิ่งที่ทำให้ดวงตาไร้แววเบิกกว้างขึ้นอย่างแท้จริงกลับเป็นประโยคหลัง สามปี นั่นเพียงพอกับการตั้งตัวและสร้างกำแพงที่แข็งแกร่ง ค่ายเฮยเซ่อเป็นด่านสุดท้ายที่เหลือของต้าซางแล้ว ไม่คิดว่าลู่ซือเหยียนถึงกลับกล้ายื่นข้อเสนอนี้

      หากช้าไปก้าวเดียว ต้าซางอาจจะหลุดมือไปจริงๆ กับข้อเสนอที่ไร้แก่นสารเช่นนี้ลู่ซือเหยียนกล้าได้อย่างไร!


*************************



   
กลับมาแล้วค่า กลับมาช้าอย่างสมควรตาย ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ ชีวิตช่วงนี้ของคนเขียนติดหล่มอย่างจริงจัง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนเรื่องนี้จะกลายเป็นนิยายรายปักษ์แล้ว 5555 //โดนฆ่า

ตัวละครหลักๆออกมาครบแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มดำเนินเรื่องของคู่หลักได้สักที เรามาลุ้นไปพร้อมๆกันนะคะ ว่าสองหน่อด้านบนนั่นเขาจะรักกันได้ยังไง 555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2)100% P.7 UP 25/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-05-2016 12:58:58
โอวววว ท่านแม่ทัพ มีแผนไรเนี่ย

คนเขียนรักษาสุขภาพนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2)100% P.7 UP 25/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-05-2016 14:01:00
ยังสนุกไม่เปลี่ยนแปลงเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2)100% P.7 UP 25/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 26-05-2016 14:27:30
ดีใจจจจจจจ มาต่อแล้ว ทำไมท่านแม่ทัพขออะไรแบบนี้ขึ้นมาง่ายๆล่ะ :impress2: ขอบคุณที่มาต่อนะคะ มาอีกนะค้างเลย :mew1: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2)100% P.7 UP 25/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 26-05-2016 18:20:06
 :katai4: อยากจะรู้แผนทันแม่ทัพนัก ว่าจะมีอะไรต่อ หรือนี่ค่อแผนลวงเพื่อเอาช่างหลินมาไว้กับตัวเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 12 : กลอุบาย (2)100% P.7 UP 25/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 27-05-2016 13:19:33
บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3)

**********


           เช้าวันต่อมา วันนี้เหล่าทหารกล้าที่เดินอยู่ในค่ายต่างพากันเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง คล้ายประสาทการรับรู้ถูกทำร้ายอย่างหนักหน่วง แต่ละคนพากันยกมือขยี้ตาแรงๆในระหว่างที่เหลือบมองไปยังร่างสองร่างที่เดินเคียงคู่กันอย่างแนบชิดสนิทสนมราวกับเป็นคู่รักหนุ่มสาวในงานเทศกาลหยวนเซียว*(1) เสียแต่เจ้าของร่างทั้งสองนั้นกลับเป็นบุรุษทั้งคู่ทั้งยังเดินอยู่ในค่ายทหารที่มีแต่พวกทหารหน้าตาเถื่อนๆเต็มไปหมด ยังไม่พอ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือคนสองคนนั้นหนึ่งคืออดีตองค์รัชทายาทแห่งต้าซางที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันตั้งแต่ตีเมืองหลวงได้เมื่อหลายเดือนก่อน อีกหนึ่งคือแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียง ลู่ซือเหยียน ผู้กุมอำนาจสูงสุดเหนือกองทัพต้าเสียงในแผ่นดินต้าซางตอนนี้!

       สองท่านนี้ ได้ข่าวว่าไม่ถูกกันไม่ใช่หรือ ไฉนถึงได้มาเดินเคียงคู่กระหนุงกระหนิงกันได้?

       "ตรงนี้เป็นค่ายพักของพวกนายกอง ท่านยังเดินไหวหรือไม่ อยากนั่งพักก่อนหรือเปล่า ถ้ายังไหวก็เดินต่ออีกหน่อย ไม่เกินสองเค่อก็ถึงริมแม่น้ำแล้ว แถวนี้อากาศมีแต่กลิ่นเหงื่อเหม็นๆของพวกทหาร ไม่ค่อยดีต่ออาการของท่านนัก"

       ดูสิดู! จะไม่ให้พวกเขาตื่นตนกได้อย่างไร เมื่อไหร่กันที่ท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกเขาเริ่มพูดจาอ่อนโยนด้วยรอยยิ้มหวานเลี่ยนเช่นนี้! บรรดาทหารที่น่าสงสารหน้าเขียวหน้าเหลืองกันเป็นทิวแถว แต่ครั้นจะทิ้งงานเลี่ยงเรื่องน่าอับอายของท่านแม่ทัพก็ไม่อาจทำได้ จึงได้แต่พยายามทำเป็นหูหนวกตาบอด ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไปโดยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น

      ดีนะดี ดีที่กองทหารส่วนนี้เป็นกองที่ขึ้นตรงต่อท่านแม่ทัพมาตั้งแต่เจ้าตัวเริ่มเข้ากองทัพใหม่ๆเลยยังพอปิดปากกันได้ มิเช่นนั้นข่าวลือแปลกๆหลุดออกไปเมื่อไหร่ ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพใหญ่ได้ป่นปี้เป็นแน่!

       "ข้าก็อยู่ในกองทหารมาหลายเดือนท่านเพิ่งมารู้สึกตอนนี้หรือ ว่ามันไม่ดีต่อจมูกข้า" น้ำเสียงของอดีตรัชทายาทองค์นั้นคล้ายกำลังไม่สบอารมณ์เล็กน้อย พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำเอาร่างสูงที่ยืนเคียงข้างต้องรีบเอ่ยประจบเอาใจ

       "ซือเหยียนผิดไปแล้ว ท่านอย่าได้โกรธ ที่พักที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว แม้ไม่ดีต่อจมูกไปบ้าง ต่อไปข้าจะให้สาวใช้เอาเครื่องหอมมาให้ท่านเพิ่มดีหรือไม่ จางเหลียนก็จะให้กลับมารับใช้ท่าน แบบนี้ดีหรือไม่....." ท่านแม่ทัพประจบยังไม่ทันจบประโยค คนทั้งคู่ก็เดินออกห่างออกไปแล้ว รอจนลับร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม กองทหารที่สงบนิ่งคล้ายถูกหยุดเวลาก็วุ่นวายขึ้นมาทันทีราวกับผึ้งแตกรัง

        "สวรรค์! ท่านแม่ทัพบ้าไปแล้ว รีบไปเชิญท่านหมอโจวมาเร็ว!"
 
        "เร็วเข้า รีบไปรายงานท่านกุนซือเร็ว ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้ว!!"


**********

บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3)
ส่วนที่เหลือ >> ต่อหน้า 8 ค่ะ

**********

          *(1)เทศกาลหยวนเซียว ในเดือนแรกของปฏิทินจันทรคติเรียกว่า เดือนหยวน, และในสมัยก่อนเรียกเวลากลางคืนว่า เซียว ในภาษาจีนกลาง ดังนั้น ในประเทศจีนวันนี้จึงถูกเรียกว่า เทศกาลหยวนเซียว (元宵). ในวันที่ 15 ของเดือนแรกในปีจันทรคตินี้เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง full moon. ตามประเพณีของลัทธิเต๋าวันที่ 15 ในเดือนแรกของปฏิทินจันทรคติ เรียกว่า ซ่างหยวน ตรงกับคำเรียก "เทพแห่งฟ้า" " ท่านเป็นผู้ที่ชอบแสงสว่าง และวัตถุแห่งความสุข ดังนั้น ผู้คนจึงได้แขวนโคมไฟสีสันสวยงามนับพันๆ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณท่าน ในปัจจุบันผู้คนจะมีการละเล่นแก้ปริศนาที่อยู่ในโคมไฟ และกินขนมบัวลอยในเทศกาลหยวนเซียว yuanxiao เรียกว่า ขนมทังหยวน tangyuan(จีนตัวย่อ: 汤圆; จีนตัวเต็ม: 湯圓; พินอิน: tāngyuán) และครอบครัวก็มีการมารวมตัวกันอย่างมีความสุข.[3]

กำลังตรวจภาษาตอนที่เหลือค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นให้กำลังใจก่อนหน้าน้า มีแรงฮึดปั่นต่อขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ช่วงนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆมาก ไม่กล้ามาจิ้มตรวจแก้ภาษาตัวเองเลย กลัวเรื่องเพี้ยน 55555

ตรวจส่วนแรกเสร็จอ่านแล้วชอบ เลยกดเปิดให้อ่านก่อน ส่วนที่เหลือ จะพยายามเรียบเรียงอารมณ์ตรวจอัพตามมาเร็วๆนี้นะคะ ตอนนี้เป็นตอนพักอารมณ์ ไม่มีช่วงเครียดๆค่ะ(?) ยังไงก็อย่าลืมคอมเม้นกันน้า ชอบตรงไหน ไม่ชอบตรงไหน เดี๋ยวจะปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ ^^

ปล.เดี๋ยวจะลองทำแผนผังสรุปเหตุการณ์ตามที่มีคุณผู้อ่านแนะนำมาให้ดูนะคะ เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน คิดว่าหลายๆคนอาจจะงงจริงๆ ><
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 27-05-2016 15:01:37
 :hao6:ตะลึง ตึงตึง ตามทหารแถวนั้นไปด้วย ดูคำที่แม่ทัพใช้เรียกตัวเองสิ  :-[
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-05-2016 17:39:22
แอบเขินแทนเลยอะไรจะหวานอย่างงั้น
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 27-05-2016 17:57:11
กำลังคิดอยู่ว่าผู้คนจะรับท่านแม่ทัพได้ไหม คิดว่ารักผช.ด้วยกัน แถมเป็นศัตรูอีก ส่วนองค์ชายดูน่าสงสารถ้าข้างแพร่ออกไปจะกลายเป็นคนทรยชไหม
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 27-05-2016 18:39:07
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: คลิกเข้ามาอ่านด้วยความหวัง ทำไมเนื้อหามันมาแค่นี้ T_T
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 27-05-2016 22:00:36
ตายแล้วววว ทำไมท่านแม่ทัพน่ารักเยี่ยงนี้ :hao7:
แต่องค์ชายดูอารมณ์บูดมากกว่าอารมณ์พ่อแง่แม่งอนนะ 5555555
วางแผนอะไรกัน บอกมาเดี๋ยวเน้  :hao3:

มาต่อนิดนึงก็ดีใจแล้วค่า ดูแลสุขภาพด้วยนะค้า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 28-05-2016 02:30:01
แท้จริงแล้ว มันคือวิธีการจีบของแม่ทัพสินะ
 o13 o13
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-05-2016 08:42:42
เราไม่ค่อยอยากให้องค์ชายตกลงเรื่องนี้เลย...
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 28-05-2016 08:45:19
 o13
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 28-05-2016 23:57:12
ดีงามพระรามแปด มาต่อแล้วววววว
ท่านแม่ทัพนี่เล่นเอาเรื่องนี้มาต่อรอง ร้ายกาจเกินไปแล้วววววว
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3) P.8 UP 27/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 29-05-2016 17:44:19

**********

ต่อตรงนี้ อัพเดท 29/05/16


**********


คืนก่อนหน้านี้ กระโจมพักของหลิวช่างหลิน

      "ข้าอยากให้ท่านมาเป็นคนรักของข้า" ลู่ซือเหยียนกล่าวออกมารวดเดียว "แค่แสร้งเป็นเท่านั้น หากท่านรับข้อเสนอ ข้าสัญญาว่าภายในสามปี ข้าจะละเว้นค่ายสุดท้ายของต้าซางที่หุบเขาดำ" น้ำเสียงช่างจริงจังจนคนฟังมิอาจคิดไปว่าคนพูดกำลังกล่าววาจาล้อเล่นไม่จริงจัง หลังจากชะงักค้างไปพักหนึ่งอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางก็คล้ายจะหาเสียงของตนเจอในที่สุด

     "ท่านพูดบ้าอะไรของท่าน ไข้ขึ้นอยู่รึ? หรือไปกินเห็ดเมามา?" กับข้อเสนอที่ดูไร้สาระแต่ผลตอบแทนกับหอมยั่วยวนข้อนี้ หลิวช่างหลินมิได้รีบกระโดดตะครุบตั้งแต่แรก  เขาเลือกใช้น้ำเสียงเย็นชาตอกกลับไปเป็นการบอกอ้อมๆว่าตนไม่เล่นด้วย

     สีหน้าของลู่ซือเหยียนเคร่งเครียดกว่าเดิม รู้ดีว่าการเจรจาครั้งนี้กับหลิวช่างหลินไม่ใช่ของง่าย แต่อย่างไรเล่า ในเมื่อไม่ว่าอย่างไร อีกฝ่ายก็ต้องยอมรับอยู่ดี เพียงเขาไม่อยากใช้การข่มขู่ก็เท่านั้น "ข้ามีสติสมบูรณ์ดี และข้าจริงจังตามที่พูด"

     "ท่านมาขอให้ข้าแสร้งเป็นคนรักของท่าน? มีความจำเป็นอันใดต้องทำเช่นนั้น ท่านแม่ทัพข้าหลิวช่างหลินมิใช่คนเอารัดเอาเปรียบคน ข้อเสนอที่ท่านเสียข้าได้เช่นนี้ ข้ามิอาจรับได้" หากไม่บอกรายละเอียดมาให้หมด อย่าคิดว่าเขาจะกระโดดลงหลุมที่ตัวเองวางไว้ง่ายๆเลย

       ความนัยของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางนั้น ลู่ซือเหยียนเข้าใจและชัดแจ้งอย่างยิ่ง จากท่าทีของอีกฝ่ายไม่คล้ายจะบอกปัดอย่างเด็ดขาด ทว่าหากจะให้ตกลง เขาคงอมพะนำไม่พูดไม่จาคงไม่ได้ นิ่งอยู่ครู่ใหญ่ลู่ซือเหยียนก็ยิ้มเย็นๆออกมา เริ่มบอกเล่าแผนการของตัวเอง

      "ท่านก็รู้ว่าข้ามีผลงานใหญ่ยิ่ง ในการคว้าเอาชัยชนะเหนือต้าซางของท่าน"

      ใบหน้าของหลิวช่างหลินเรียบตึง แต่ก็ไม่ได้คัดค้านความจริงข้อนี้ คล้ายจะเข้าใจอะไรได้เลาๆ

      ลู่ซือเหยียนสังเกตสีหน้าของร่างโปร่งแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ท่านน่าจะรู้จักตระกูลของข้า ตั้งแต่รุ่นของบิดาข้าเป็นต้นมา ตระกูลลู่ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คว้าชัยชนะเหนือศึกมากมาย มาตอนนี้ ข้าเอาชัยเหนือต้าซางของท่านได้ ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ คงรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร"

     ตระกูลลู่ทรงอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนเหยียบเข้าเส้นอันตรายแล้ว!

     สีหน้าคนฟังอ่อนลงเล็กน้อย เข้าใจความหมายของลู่ซือเหยียนดี ตระกูลที่มีอำนาจมากเกินไป ทั้งยังไม่ได้แต่งงานเข้าราชสกุล ไม่ต่างจากหอกข้างแคร่ อันตรายและไม่น่าไว้ใจอย่างที่สุด แล้วมันอย่างไรเล่า ตระกูลของศัตรูตกที่นั่งลำบาก มันเกี่ยวอะไรกับเขากัน? คำถามในใจฉายบนใบหน้าอย่างชัดจนมิอาจชัดเจนไปกว่านี้ ลู่ซือเหยียนมิใช่คนโง่ เขาย่อมเข้าใจสีหน้าของอีกฝ่ายดี

      "ตอนนี้ชาวบ้านกำลังยอมรับนับถือข้า หากมีข่าวเรื่องเสียหายร้ายแรงของข้าหลุดออกไปสักข่าว มิใช่ตระกูลของข้าปลอดภัยแล้วงั้นหรือ" ลู่ซือเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

      นี่หมายความว่าเช่นไร หมายความว่าลู่ซือเหยียนต้องการให้เขากลายเป็นเป้ารับคมหอกคมดาบของศัตรูแทนอย่างไรเล่า! บรรยากาศรอบตัวของหลิวช่างหลินนั้นเยือกเย็นประหนึ่งน้ำแข็ง "ข้าไม่คิดจะเอาศักดิ์ศรีของตัวเองไปแลกกับความปลอดภัยของตระกูลท่าน อีกอย่าง ข้าได้ยินว่า องค์จักรพรรดิของท่านไม่ใช่คนเยี่ยงนั้น จริงๆ เพียงท่านแต่งงานกับองค์หญิงของต้าเสียงเรื่องก็จบแล้ว"

     "ข้าไม่คิดจะแต่งงานกับนาง" เนื้อเสียงของลู่ซือเหยียนแข็งขึ้นทันที "ฝ่าบาทของข้าอาจจะไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่คนข้างกายของฝ่าบาทหลายคนไม่ใช่ ที่นั่นมีคนมากมายถือมีดคอยแทงข้างหลังข้าไม่รู้เท่าไหร่ องค์หญิงที่ฝ่าบาทของข้าจะพระราชทานงานแต่งให้ ก็ไม่ใช่คนที่จะไว้ใจได้แม้แต่นิดเดียว"

      กล่าวตามตรง คราแรก ข่าวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยออกมา ทว่าเป็นฝั่งขององค์ชายรองที่ได้ข่าวว่าเขาเข้าออกกระโจมของหลิวช่างหลินไม่เว้นแต่ละวันจงใจปล่อยออกมาเพื่อบ่อนทำลายเขา หวังใช้ข่าวนี้ทำลายชื่อเสียงดีงามที่ตระกูลของเขาสั่งสมมานานไม่รู้กี่ชั่วอายุคน คราแรกเขาโมโหจะแทบจะคว้าดาบควบม้ากลับไปบั่นคอเจ้าคนสมควรตายแล้วดีที่ได้จั๋วเจียหานจับเขาไว้ได้เสียก่อน และกล่อมให้เขามาเจรจากับหลิวช่างหลิน

      พลิกข่าวร้ายให้มาสร้างประโยชน์แก่ตนเอง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยินดีกับแผนการนี้มากเท่าไหร่ เขาไม่นิยมการใช้ตัวตายตัวแทนมายืนรับอันตรายแทนตัวเองทั้งๆที่ตัวตายตัวแทนคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ถึงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าแรกเริ่มเขาพอใจในตัวอีกฝ่ายมาก นี่ยิ่งทำให้เขามิอยากใช้แผนการนี้

     แต่อำนาจมิเคยปล่อยให้ผู้ใดได้อยู่สบายอย่างแท้จริง ถึงเขาไม่อยาก ศัตรูของเขาย่อมไม่หยุดอยู่ด้วย ท้ายที่สุดเขาจึงยอมมานั่งอยู่ในจุดๆนี้ ลู่ซือเหยียนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ข้ามิได้มาบังคับท่าน แต่ข้าลู่ซือเหยียนไม่เคยกลับคำพูด สิ่งใดที่ข้าให้สัญญา ย่อมหมายความว่าจะเป็นไปตามนั้น เป็นสิ่งที่ข้าจะรักษาด้วยชีวิต"

      สามปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่หาไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งเป็นต้าซางที่บอกช้ำจนเหลือเพียงปราการด่านสุดท้าย สามปีเป็นช่วงเวลาพลิกฟื้นที่ดีที่สุด หากต้าเสียงไม่ลงมือรุกไล่ต่อ

      "ท่านกำลังเอาแผ่นดินเกิดมาบังคับข้า อีกอย่างท่านกำลังให้ข้อเสนอที่จะทำให้ท่านกลายเป็นคนทรยศแผ่นดินของตัวเอง ข้ามั่นใจว่าฝ่าบาทของท่านต้องไม่ยอมเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน" หลิวช่างหลินหรี่ตาลง เขาไม่เชื่อในคำสัญญาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย อีกอย่าง...

      "สามปีเป็นสิ่งตอบแทนที่ข้ามอบให้ท่าน หากหลังจากสามปีมีคำสั่งบุกต่อข้าก็จะทำตาม ถ้าไม่..ก็ถือให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับท่าน อย่างไรต้าซางก็หาใช้แคว้นใหญ่อีกต่อไปแล้ว หาได้มีอำนาจที่จะคานอำนาจกับต้าเสียงได้อีก หากยอมแพ้แล้วเจรจากันดีๆ สิ่งที่ต้าเสียงจะมอบให้ต้องมิใช่ท่าทีแย่ๆอย่างแน่นอน" ลู่ซือเหยียนเพียงอธิบายความคิดของตัวเอง ความคิดที่รู้ดีว่าอีกฝ่าย...ย่อมไม่ปฏิเสธตนอย่างแน่นอน...

      นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาไม่ยินดีในชัยชนะในการเจรจาอย่างแท้จริง แท้จริงแล้วแผนการนี้ไม่ได้มีผลประโยชน์เพียงแค่กับเขา แต่เกี่ยวข้องถึงบัลลังก์มังกรของต้าเสียงซึ่งเขาพูดออกมาให้อีกฝ่ายฟังไม่ได้ แผ่นดินต้าเสียงไม่อาจตกเป็นของคนที่เห็นเพียงผลประโยชน์ส่วนตน มิเช่นนั้นประชาชนไม่รู้กี่ชีวิตจะต้องเดือดร้อน แผ่นดินที่เขารักก็จะลุกเป็นไฟ

      "..." หลิวช่างหลินนิ่งเงียบ ความสับสนปะปนไปด้วยความหวัง ความไม่ยินยอมพร้อมใจ อารมณ์หลากหลายพากันพร้อมใจแล่นผ่านขึ้นมาให้ร่างสูงที่นั่งข้างได้เห็นเต็มตา... ท้ายที่สุด อารมณ์สุดท้ายที่ปรากฏขึ้นมาก็คือความจนใจ... "สัญญากับข้าอีกข้อ หากต้าซางส่งคนมาช่วยข้าแล้วถูกท่านค้นพบ ท่านฆ่าได้ทุกคน...ยกเว้นน้องชายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของข้า หลิวอิ่นหลิง ให้คำมั่นกับข้าว่าท่านจะไม่ฆ่าเขา" ในเมื่อตกลงปลงใจว่าจะแลกซึ่งศักดิ์ศรี เขาขอใช้โอกาสนี้แลกกับผลประโยชน์ทั้งหมดที่ต้าซางควรจะได้รับ

      "...ข้าให้สัญญา ท่าน...ยินดีมาเป็นคนรักของข้าหรือไม่" ลู่ซือเหยียนไม่ยินดี เขาไม่ชมชอบสีหน้าแบบนี้ของหลิวช่างหลินเลยจริงๆ เมื่อเป็นเช่นนี้กับคำขออันตรายเยี่ยงนี้เขาเพียงแต่ให้คำสัญญาอย่างหนักแน่นมั่นคงด้วยความรู้สึกผิดที่ตีขึ้นมาในใจ

      ได้ยินคำสัญญาที่หนักแน่นมั่นคงเช่นนี้ ความลังเลในใจของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางก็มลายหายไป ดวงตาที่มืดบอดลืมขึ้นอีกครั้ง เลื่อนตรงไปยังลู่ซือเหยียนอย่างมั่นคง กระจ่างกว่าครั้งใดที่คนมองเคยพบเจอ

      "ข้า...ยินดี"

      และการสบตาเพียงฝ่ายเดียวครั้งนี้นี่เอง ดวงใจทั้งดวงของลู่ซือเหยียนก็คล้ายกับถูกฉุดกระชาก มันกระตุกอย่างแรงหนึ่งครั้ง ก่อนที่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงจะให้คำมั่นสัญญาหนึ่งกับตัวเอง

      แม้จะเป็นเพียงข้อตกลงที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายสัญญาที่จะเป็นคนรักปลอมๆของเขา ยินยอมยืนอยู่เบื้องหน้าเป็นเป้าล่อคมธนูมากมาย...

      ลู่ซือเหยียนผู้นี้ก็ยินดีทุ่มเทกายใจ ปกป้องคนรักตรงหน้าด้วยชีวิตของเขาเอง

***************

      "ท่านกุนซือ! เกิดเรื่องแล้ว! ท่านรีบไปพบท่านแม่ทัพเร็วเข้า" นายกองผู้หนึ่งวิ่งมาร้องโหวกเหวกอยู่หน้ากระโจมของจั๋วเจียหาน กุนซือประจำกองทัพด้วยน้ำเสียงร้อนรน ดังก้องจนราวกับกลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินว่ามีข่าวร้ายเกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่ของตัวเอง มือที่กำลังยกชาขึ้นจิบนั้นขยับส่งน้ำชาเข้าปากอย่างลื่นไหล ไม่ติดขัดแม้แต่นิดเดียว

     ท่าทางที่เบาสบายนี้ ราวกับคนที่ส่งเสียงอยู่หน้าประตูนั้นไม่ได้มาแจ้งข่าวร้ายแต่เป็นเรื่องม้าถ่ายออกไม่ออกที่หยุมหยิมเล็กน้อยเกินกว่าที่เขาจะสนใจ เฉินฟู่หลิง รองแม่ทัพใหญ่ขมวดคิ้วทันที มองท่าทางสบายๆสลับกับเงาร่างร้อนรนด้านนอก ตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเสียเองเลย

     "ท่านกุนซือ ทหารนอกกระโจมนั่นคล้ายจะมีเรื่องสำคัญ ปล่อยให้โวยวายอยู่ข้างนอกแบบนี้จะดีรึ?" ขืนให้ข่าวร้ายของท่านแม่ทัพกระจายออกไป ขวัญกำลังใจของทหารจะลดลงเอาได้

     ดวงตาราวกับจิ้งจอกของจั๋วเจียหานเปล่งประกายสังหารออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้พลทหารที่เฝ้าอยู่ข้างประตูกระโจมเปิดทางให้นายกองผู้นั้นเข้ามา ทันทีอนุญาตร่างของทหารที่มีสีหน้าแตกตื่นราวกับเห็นผีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

      "ทะ ท่านกุนซือ เกิดเรื่อง...เกิดเรื่องกับท่านแม่ทัพแล้ว!" เสียงร้องของทหารครั้งนี้ดังเกินไปจริงๆ จนจั๋วเจียหานต้องหันหน้าหลบเสียงแล้วหันกลับมาจ้องอย่างไม่ชอบใจ

       "เสียงดังทำไมกัน หายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยรายงานข้า เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ทัพใหญ่?"

       นายทหารคนนั้นสะอึกไปเล็กน้อย รีบกลืนเสียงของตัวเอง ลดให้เหลือเบาลงเท่าน้ำเสียงปกติ "ท่านแม่ทัพ... ท่านแม่ทัพไปสนิทสนมกับ...กับอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางขอรับ! เดินเคียงคู่ราวกับคนรัก น่ากลัวว่าจะถูกวางแผนร้ายล่อลวง ท่านกุนซือโปรดพิจารณาด้วย!" ท้ายประโยคเสียงก็เพิ่มความดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาทหารที่กำลังเดินยามอยู่ด้านนอกชะงักขากันเป็นทิวแถว อดพากันเงี่ยหูฟังไม่ได้...

      "ว่าไงนะ!" จั๋วเจียหานผุดลุกขึ้นแล้วตะคอกนายทหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ เฉินฟู่หลิงก็เบิกตาโพล่งเช่นกัน...

      ระ เรื่องอะไรกันนี่!

       "เจ้าบอกใครระหว่างทางบ้างหรือเปล่า มาจากค่ายไหนกัน?" จั๋วเจียหานหรี่ตาลงด้วยดวงตาเหี้ยมโหด เมื่อนายทหารส่ายหน้า ดาบในมือของกุนซือประจำกองทัพก็โบกสะบัด ตัดคอของนายทหารคนนั้นให้ขาดกระเด็น... "ถึงอย่างนั้นเสียงเมื่อครู่ของเจ้าก็ดังเกินไปอยู่ดี ทำลายขวัญกำลังใจทหาร โทษคือประหารชีวิต"

     เฉินฟู่หลิงเห็นท่านกุนซือผู้รักษาท่าทีสงบนิ่งมาตลอดลงมืออย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้ก็สะดุ้งเบาๆ "ทำแบบนี้จะดีหรือ แค่เสียงดังเกินไปเท่านั้นเอง..."

     จั๋วเจียหานเหลือบมองไปยังพลทหารที่หน้าประตูเสี้ยววินาที เห็นสีหน้าที่เผือดสีลงไปวูบหนึ่งก็พอใจอยู่คนเดียวเงียบๆ สีหน้ายังคงเย็นชา เขาเช็ดดาบแล้วตอบคำถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง

     "เมื่อกี้เสียงของเจ้านี่ดังอย่างกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน ดููแล้วคงไม่ใช่ตัวดีแน่นอน คงเป็นสายจากใครสักคนที่ต้าเสียง กำจัดไปซะก็ไม่เสียหายอะไร"

      "แล้วเรื่องท่านแม่ทัพ..." เฉินฟู่หลิงผู้เป็นคนสนิทของลู่ซือเหยียนแต่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยถามอีกคำด้วยท่าทางร้อนรน อยากจะวิ่งไปดูท่านแม่ทัพเสียเดี๋ยวนี้

       มีตัวอย่างการร้อนรนของจริงให้ดูเช่นนี้ จั๋วเจียหานก็ลอกเลียนท่าทางร้อนรนที่เสมือนจริงได้อย่างไม่ยากเย็น เขาชักสีหน้ากังวลออกมา แล้วบอกว่าให้ไปดูกัน

      ระหว่างที่ผ่านตัวพลทหารที่หน้าประตู ร่างสูงสง่าก็หยุดชะงักลง ส่งผลให้ใบหน้าของพลทหารเผือดสีลงน้อยๆ กลัวว่าอีกฝ่ายจะลงมือกับตัวเองด้วย ทว่าเมื่อจั๋วเจียหานพูดต่อสีหน้าหวาดกลัวก็ผ่อนคลายลง เจ้าตัวเพียงกำชับว่าให้เก็บทุกอย่างที่ยินเป็นความลับ และให้จัดการศพให้เรียบร้อยก่อนจะผลุนผลันจากไป

      ลับหลังร่างทั้งสองของกุนซือและรองแม่ทัพประจำกองทัพ นายทหารผู้น้อยนายนั้นก็ขยับยิ้มเย็นๆออกมา ก้าวฉับๆไปที่โต๊ะหนังสือ แล้วดึงกระดาษออกมาจากอกเสื้อของตนเอง เขียนจดหมายฉบับหนึ่งรายงานเรื่องที่ได้ยินทุกประโยคอย่างแม่นยำโดยใช้น้ำหมึกที่จั๋วเจียหานฝนไว้เมื่อครู่ หลังจากเขียนเสร็จนายทหารก็เป่ากระดาษให้แห้งแล้วเก็บเข้าอกเสื้อตัวเองอีกครั้ง หยิบแท่งหมึกสีเดียวกันออกมาฝนเติมและจัดเก็บพู่กันให้เข้าที่ตามเดิม

     รอเวลาที่จะส่งข่าวกลับไปให้นายของตนคืนนี้
     
 
**********

++++++++++อัพเดท 29 / 05 / 16+++++++++++

มาต่อจนครบตอนแล้วค่า ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพเพียงสนใจหลินเอ๋อร์ของเรา ตอนนี้ก็เป็นตอนที่สะดุดตกหลุม(?)จริงๆแล้วล่ะค่ะ 555

เห็นมีผู้อ่านหลายๆท่านงงกับเนื้อหาพอสมควร ขอไล่ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆดังนี้นะคะ

>>ต้าซางถูกตีแตก องครักษ์คนสนิทขององค์รัชทายาทนามว่าหานหลงซานทรยศ รัททายาทถูกวางยาจนตาบอด
>>เวลาผ่านไป ต้าเสียงออกรุกไล่ต้าซางอีกครั้ง จนกองกำลังที่เหลือทั้งหมดของต้าซางไปรวมอยู่ที่ค่ายเฮยเซ่อ หรือหุบเขาดำที่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ทัพลู่ใช้มาต่อรองกับช่างหลินในครั้งนี้

>>ทางต้าเสียง การวางแผนชิงอำนาจรุนแรงขึ้น เริ่มส่งผลต่อแนวหน้า ลู่ซือเหยียนจึงเลือกข้างและเริ่่มเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้องค์ชายรอง
>>กลายมาเป็นเรื่องราวและข้อตกลงระหว่างช่างหลินกับซือเหยียนเรื่องคนรักในปัจจุบัน

ตอนหน้าจะทำแนะนำตัวละครหลักทั้งหมดมาให้นะคะ ขอแรงใจอ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นบอกกันได้นะคะ>< ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นล่วงหน้าด้วยค่ะ~ <3
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-05-2016 18:32:06
รอชม บทบาท ของท่านแม่ทัพ จะดูซิว่าจะสมจริงมากน้อยเพียง ใด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 29-05-2016 19:06:00
ชอบค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค๊ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 29-05-2016 19:44:41
ต้าเสียงเสียดุลต้าซางซะแล้ว ปันใจไปให้เค้าก่อน กุนซือทัพนี่ก็แสดงละครเก่งเบอร์สิบ วางแผนเองแกล้งทำหน้ากังวลเอง 555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 29-05-2016 21:23:01
กรี๊ดดดดดด อาลู่ ลื้อต้องปกป้องอาหลิวน้า อาหลิวตาบอดด้วย องค์หญิงนั่นต้องร้ายแน่ๆ แล้วต้องมาลงไม้ลงมือกะอาหลิวแน่ๆเลยอ่ะ เริ่มเห็นวี่แววความยุ่งเหยิง :hao5:

ทำไมอาลู่ถึงไม่คิดว่าถ้าเอาอาหลิวเป็นคนรัก ก็อาจจะจะโดนใส่ความได้ว่าจะทรยศบ้านเมืองน่ะ กลัวจะโดนข้อหานี้แทนน่ะสิ  :ruready หรืออาหลิวจะเล่นละครสมบทบาทพอกัน นอกจากจะอันตรายแล้วยังต้องกล้ำกลืนฝืนทนอีก ฮืออออออออ

ปอลิง ทำไมรู้สึกสงสารเฉินฟู่หลิง สงสารฮีแบบแปลกๆมาหลายตอนแล้วอ่ะ    :laugh:
ปอลิงสอง ท่านกุนซือเอสมาก 555555555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-05-2016 21:58:13
เลิศมากเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 29-05-2016 23:21:19
อ่าาาชอบค่ะ รอตอนหวานๆอยู่นะ :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 30-05-2016 16:26:41
 :hao6: รอดูตอนต่อไปอยากเห็นท่านแม่ทัพแสดงบทคนรัก 55555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 30-05-2016 23:08:13
ท่านแม่ทัพนี่สกิลความหน้าหนาอัพเพิ่มขึ้นพรวดๆเลยนะ อยากรู้จริงๆนะว่า2คนนั้นจะรักกันได้ยังไง
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 31-05-2016 22:54:37
อุแหม่! ฉันยกมือทาบอก ตาโต อ้าปากค้างเลยล่ะ

"ซือเหยียนผิดไปแล้ว..."

มันช่างมุ้งมิ้งแท้เชียว!

หลินเอ๋อร์น่ารัก
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 01-06-2016 17:14:53
รอดูโมเม้นท์ของคู่รักคู่ใหม่  :hao6:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-06-2016 21:45:47
แม่เจ้าาาาา ท่านลูมีสกิลปากหวานด้วยรึ !!!!!! o22 o22
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 13 : คู่รัก? (100%) P.7-8 UP 29/5/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 13-06-2016 00:51:20
บทที่ 14 : ซ้อนแผน(1/2)


      ตอนที่จั๋วเจียหานและเฉินฟู่หลิงวิ่งมาถึงจุดที่พวกลู่ซือเหยียนอยู่นั่น ร่างโปร่งในข่าวลือก็เอนตัวพิงต้นไม้งีบหลับไปได้พักใหญ่แล้ว เป็นเหตุให้ท่านแม่ทัพใหญ่หันมามองสองคนสนิทที่เพิ่งวิ่งตึงๆมาถึงด้วยดวงตาดุดันเอาเรื่อง สองคนที่ส่งเสียงดังจึงต้องหยุดอยู่ในระยะที่ห่างออกไปเกือบครึ่งลี้ ใช้ฝีเท้าแผ่วเบาวิ่งเหยาะๆเข้ามาแทน

      "มาทำไม" ลู่ซือเหยียนตวัดสายตามองไปที่กุนซือตัวดีของตัวเอง เป็นเหตุให้คนถูกหมายหัวเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางยักไหล่ไม่สะทกสะท้านพลางตอบกลับไปว่า "มาหาเจ้า" แล้วทิ้งตัวลงนั่งที่ขอนไม้ข้างๆตัวคนถามไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย

      น่าเสียดายที่เฉินฟู่หลิงไม่ได้ขวัญกล้าถึงเพียงนั้น ร่างสูงใหญ่ยืนกระมิดกระเมี้ยนอยู่นานจนผู้มีอำนาจสูงสุดทนรำคาญตาไม่ไหว ชี้ส่งๆไปยังพื้นหญ้า ท่านรองแม่ทัพที่น่าสงสารจึงได้ก้าวไปนั่งลงเพื่อเริ่มบทสนทนา ในนาทีนี้เขามิได้ตกอกตกใจเช่นคราแรกอีกแล้ว เพราะระหว่างทางที่มา จั๋วเจียหานอธิบายสาเหตุคร่าวๆให้เขาได้ฟัง

       ที่แท้ก็เป็นแผนการของท่านแม่ทัพ ได้ยินครั้งแรก เขาแทบจะหัวใจวายตาย ว่าแล้วก็แอบเหลือบมองคนหลับเล็กน้อย ตอนแรกท่าทีที่ท่านแม่ทัพแสดงออกมาต่อคนผู้นี้ก็ไม่ใช่ท่าทีตามปกติอยู่แล้ว ดีนะ...ดีนะที่เป็นเพียงข่าวลือ...

      รองแม่ทัพคนเก่งยกมือขึ้นลูบอกปลอบใจตนเอง หากข่าวลือเป็นจริงเขาคงไม่รู้จะเข้าหน้ากับผู้ที่เป็นแบบอย่างของตนผู้นี้อย่างไรดี

      "แล้วเป็นไปตามแผนหรือเปล่า" ลู่ซือเหยียนปรายตามองไปยังจั๋วเจียหาน ก่อนจะพยักหน้าพอใจเมื่อกุนซือหนุ่มแสยะยิ้มกลับมาให้ตนเอง ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกอย่างแรง นัยตาคมกริบเหม่อมองไปบนท้องฟ้า

      "งั้นก็ดี" เขาไม่ชอบใจการแสดงเมื่อครู่นี้เท่าไหร่นัก หลิวช่างหลินดูคล้ายจะไม่ชอบใจ เขากับอีกฝ่ายยังต้องอยู่ร่วมกันอีกนาน เป็นไปได้ เขาไม่อยากจะฝืนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่

      "เมื่อครู่ได้ยินว่าค่ายนั้นครึกครื้นดีทีเดียว เจ้าทำอะไรกันแน่ ข้ารู้จักเจ้ามานานหลายปี เพิ่งรู้ว่าเจ้าทำตัวหวานเลี่ยนเยี่ยงนั้นเป็น" จั๋วเจียหานผู้ที่ถูกเหล่าทหารในค่ายตะโกนขอให้ช่วยท่านแม่ทัพมาตลอดทางค้อนสหายตาคว่ำ จะทำให้เอิกเกริกน้อยกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ "ถ้าพวกนั้นเดาได้ว่าเจ้าจงใจ จะทำยังไงหา"

      "ด้วยมันสมองของหวงเว่ยฉี ต่อให้ฉลาดกว่านี้สักสิบเท่า ก็ไม่ทางคิดแผนพิเรนทร์ๆเช่นนี้ออกมาได้หรอก ไม่ต้องห่วง" ถือโอกาสแดกดันสหายกลับสักประโยค ในอกก็ค่อยโล่งขึ้นมาเล็กน้อย ลู่ซือเหยียนละสายตาไม่มองจั๋วเจียหานอีก เพียงหันไปยังทิศที่มีร่างสองร่างเร่งรุดเข้ามาใกล้ หนึ่งในนั้นอยู่ในชุดเกราะของต้าเสียง อีกหนึ่งเพียงสวมชุดเรียบง่าย เจ้าของใบหน้าเฉยเมยเย็นชาในชุดสีฟ้าเรียบง่ายคือ จางเหลียน คนสนิทของอดีตรัชทายาทที่ถูกจับแยกออกไปนานพอดู

      สายตาของจางเหลียนยามสบตากับลู่ซือเหยียน หาได้มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย ซึ่งคนโดนหมายหัวก็ไม่ได้แยแส เพียงหันหน้าไปยังร่างที่นอนพิงต้นไม้หลับอยู่อีกด้าน เมื่อจางเหลียนมองตา ดวงตาก็เบิกกว้าง รุดกายเข้าไปหานายเหนือหัวของตนทันที

      "ฝ่าบาท!"

      เสียงเรียกอันคุ้นเคยปลุกหลิวช่างหลินให้ลืมตาขึ้นแล้วขยับตัวลุกโดยความช่วยเหลือของคนสนิทที่เข้ามาประคองหลังให้ลุกนั่งช้าๆ หลิวช่างหลินเลื่อนมือของตนเข้าหาเจ้าของเสียงอย่างประหลาดใจ

     "อาเหลียน?"

     เสียงทุ้มนุ่มที่ไม่ได้ยินมานานทำเอาจางเหลียนขอบตาร้อนผ่าวจนต้องรีบกระพริบเพื่อไล่หยาดน้ำตาออกไป ขานรับเจ้าเหนือหัวของตนด้วยน้ำเสียงนอบน้อม "พ่ะย่ะค่ะ"

     ชาวต้าเสียงทั้งสามมิได้ส่งเสียงแทรกการสนทนาของสองนายบ่าว เพียงเบือนสายตาไปต่างทิศทาง มีเพียงลู่ซือเหยียนที่ยังไม่ละไปจากร่างโปร่งซึ่งดูยิ้มแย้มมีชีวิตชีวากว่าเคย...

     อืม ดูเหมือนการตัดสินใจครั้งนี้จะไม่ผิดพลาด พยักหน้าให้กับคิดเห็นของตนพลางสบกับสายตาจับผิดของจั๋วเจียหานด้วยแววตาเฉยเมยไร้อารมณ์ หาได้แยแสใบหน้าบูดบึ้งไม่น่ามองของสหายแม้แต่น้อย

       "...ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับที่พักก่อนได้หรือไม่" หลังจากตอบคำถามจางเหลียนโดยไม่หยุดพักมาเกือบหนึ่งเค่อ หลิวช่างหลินดูจะรู้ตัวได้ในที่สุดว่าที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงตนกับคนสนิท จึงยกมือขึ้นให้อีกฝ่ายหยุดพูดก่อนชั่วครู่เบือนหน้าไปยังตำแหน่งที่ร่างสูงนั่งอยู่อย่างแม่นยำ

     ลู่ซือเหยียนหันเหความสนใจกลับมาทันที จังหวะที่กำลังจะเอ่ยอาสาพาไปส่ง ดวงตาดุจัดของใครบางคนก็จ้องมองทำให้ต้องหยุดความคิดแล้วมองไปที่จางเหลียน "ให้ท่านกลับไปกับคนสนิทท่านก็แล้วกัน ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับสหายเล็กน้อย"

     จางเหลียนแค่นเสียง พยุงร่างสูงโปร่งให้ลุกจากพื้นอย่างระมัดระวัง เมื่อยืนได้มั่นคงดีแล้วหลิวช่างหลินจึงยกมือประสานตามแบบต้าซาง เอ่ยขอตัวแล้วเดินออกมาทันที


******


      คล้อยหลังสองนายบ่าวเดินจากไป เฉินฟู่หลิงที่นั่งเกรงอยู่นานก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียดอย่างโล่งอก ไม่ค่อยถูกกับพวกชนชั้นสูงเช่นนั้นเท่าไหร่ เห็นทีไรแล้วพาลอึดอัดจนหายใจไม่ออกทุกที ยามนี้ไม่มีคนนอกท่าทางจึงสดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น ยืดตัวนั่งหลังตรงไปยังแม่ทัพและท่านกุนซือ เพื่อรอฟังว่าจะมีคำสั่งใหม่มาหรือไม่ ตอนนี้พวกเขาก็ทิ้งระยะการโจมตีมาได้พักใหญ่ ทหารที่บาดเจ็บไม่มากก็ฟื้นตัวดีขึ้นหมดแล้ว

     สมควรที่จะได้เปิดฉากบุกอีกครั้งแล้วกระมัง เพียงคิดว่าจะได้ออกสู่สนามแห่งการฟาดฟันอีกครั้ง เลือดในกายก็เดือดพล่านไปด้วยความตื่นเต้น คราวก่อนเขาแพ้เจ้าเหอตี้ชุนสมควรตายนั่นจนต้องถอยร่น หากมีโอกาสอีกครั้งย่อมต้องแก้มือมิใช่หรือ! ทว่าความเลือดร้อนยังไม่ทันได้แสดงออกมา น้ำเสียงเรียบเรื่อยของลู่ซือเหยียนก็สาดเข้ามาดับไฟอันคุโชนได้อย่างโหดร้ายเป็นที่สุด

      "อีกไม่นาน เราก็คงได้กลับบ้านกันแล้ว"

      "กลับบ้าน?.." เฉินฟู่หลิงงุนงง คำๆนี้โผล่ออกมาจากไหนกัน การศึกยังติดพัน แพ้ชนะไม่รู้ขาดจะกลับได้อย่างไร? คาใจได้ไม่นานสีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นเจ็บแค้นผสมไปด้วยความไม่อยากเชื่อหูตัวเอง "พวกเขาจะเรียกพวกเรากลับเพราะข่าวพวกนั้น? นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว! พวกเราลงแรงมาเท่าไหร่ คิดจะให้ใครก็ไม่รู้มาแย่งผลงานของพวกเราไปงั้นหรือ"

      หากเพราะข่าวที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จข่าวเดียว ทำให้ต้าเสียงต้องเปลี่ยนแม่ทัพใหญ่ เช่นนั้น ต้าเสียงยังจะคู่ควรให้รับใช้อีกหรือ!

       มองดูความเจ็บแค้นของขุนพลคนสนิท ลู่ซือเหยียนทำได้เพียงยกมือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ "เมื่อก่อนฝ่าบาทอาจจะมิทำเช่นตอนนี้ ทว่าพระวรกายของฝ่าบาทไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว รอบกายของฝ่าบาทก็มีแต่คนขององค์ชายรองแฝงอยู่เต็มไปหมด ต่อให้อยากเปิดพระทัยให้กว้างก็ใช่ว่าจะทำได้" กล่าวถึงตรงนี้ ลู่ซือเหยียนไม่ได้ขยายความอีก เพราะรู้ว่ารองแม่ทัพของตนไม่มีทางที่จะไม่เข้าใจ

     ฝ่าบาทของพวกเขามิได้กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไปแล้ว บัลลังก์จำเป็นต้องมีผู้ที่เหมาะสมรับการถ่ายโอนอำนาจมา เสียดายเพียงองค์รัชทายาทของพวกเขานั้นเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ตำหนักบูรพาของต้าเสียงจึงได้ว่างลง เปิดช่องให้กลุ่มผู้แสวงหาอำนาจได้มีช่องทางที่จะส่งเสริมคนของตนเองขึ้นมา

      เฉินฟู่งหลิงสีหน้าเปลี่ยนสีสลับไปมาอยู่นาน ไม่รู้จะทำใจยอมรับสภาพการณ์เช่นนี้ได้เยี่ยงไร ทำคุณงามความดี ไม่ได้รับรางวัลก็ช่าง ไฉนถึงได้มีอันตรายมาจ่อเยือนถึงคอหอยเยี่ยงนี้

     จั๋วเจียหานซึ่งเงียบอยู่นานขยับลุกขึ้นมาตบบ่าคนเถรตรงเบาๆคล้ายจะปลอบใจ นัยตาจิ้งจอกเปล่งประกายชั่วร้ายออกมาจนคนโดนปลอบหนาวสันหลังเล็กๆ ต้องหยุดคิดวุ่นวายหันมาสงบสติฟังสิ่งที่ทั้งสองจะกล่าวดีๆ

       "เอาล่ะ ในเมื่ออย่างไรก็ต้องกลับบ้านสักวันอยู่ดี จะกลับเร็วหรือช้าขึ้นอีกหน่อยจะเสียหายตรงไหน" กุนซือหนุ่มโบกพัดเบาๆ "ตราบใดที่คนยังไม่ตาย โอกาสสร้างผลงานก็ใช่จะมีเพียงหนเดียว หรือถ้าเจ้าไม่อยากกลับ จะอยู่ที่นี่คอยรับใช้คนที่มาแทนก็ได้นะ เดาว่าไม่เกินสามวัน กองทหารของเจ้าคงไม่พ้นโดนส่งไปตายเป็นแน่"

     ถ้อยคำประเภทไหนกันนี่ นอกจากจะไม่เหลือทางให้เลือกแล้ว ยังบีบบังคับกันอีก นี่เรียกว่าให้เลือกได้หรือ เฉินฟู่หลิงได้แต่บ่นในใจอย่างเจ็บช้ำระหว่างที่ส่ายหน้าตอบกลับเป็นการบอกว่าตนไม่อยู่ต่อแน่นอน

     "ดี ในเมื่อเจ้าจะติดตามข้ากลับไป ข้าก็มีงานสำคัญมากงานหนึ่งให้เจ้าทำ" ลู่ซือเหยียนเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เฉินฟู่หลิงพยักหน้ารับคำสหาย ความจริงจังในเนื้อเสียงมากจนมิอาจมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

      เฉินฟู่หลิงสะบัดเสื้อคลุมด้านหลังลุกขึ้นยืน ก่อนประสานมือนั่งคุกเข่ารอฟังคำสั่ง

      "ปกป้องหลิวช่างหลินด้วยชีวิตของเจ้า ตลอดการเดินทางตราบใดที่เจ้ามีชีวิต คนผู้นั้นก็ต้องอยู่รอดปลอดภัย ห้ามมิให้มีรอยแผลใดๆเกิดขึ้นแม้แต่รอยเดียว หากทำไม่ได้ตามคำสั่ง ประหาร!"

      "ขอรับ!"

******


บทที่ 14 : ซ้อนแผน (2/2)
Coming Soon

(ตรวจภาษาได้ครึ่งนึงแล้วเอามาลงก่อน ครึ่งตอนหลังจะมาภายในสองสามวันค่า)
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 13-06-2016 01:27:43
ครึ่งตอนแรกไม่ค่อยมีโมเมนต์หวานๆของหลิวชางหลินกับลู่ซือเหยียนเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 13-06-2016 04:41:57
มาต่อบ่อยๆ นะคะ รอติดตามคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-06-2016 08:37:02
แหม่
แค่หลินเอ๋อร์มีท่าทีสบายใจ ซือเหยียนก็ปลื้มปริ่มขนาดนี้เชียว

นี่ถ้าเขายิ้มให้แบบอ่อนหวาน พ่อคุณมิเคลิ้มจนเข่าอ่อนเลยรึ!
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 13-06-2016 09:03:40
ใจยัง กร๊าว ไม่หยุดหย่อน :ling1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 13-06-2016 14:55:09
 :katai4: รอนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 14-06-2016 23:59:10
ไม่ต้องกระไรมาก แค่นอนพิงต้นไม้งีบหลับ ติ่งก็พอใจแล้ว~~~
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-06-2016 22:57:59
เริ่มหลงแล้วชิมิท่าน หุๆๆๆ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (1/2) P.8 UP 13/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 16-06-2016 18:56:38
บทที่ 14 : ซ้อนแผน (2/2)

************************


     ทางด้านของหลิวช่างหลินกับจางเหลียน หลังจากเดินออกมาจากที่แห่งนั้นฝ่ายจางเหลียนก็ประคองนายของตนกลับมายังกระโจมที่พักเงียบๆมิได้เอ่ยถามมากมายเช่นทุกครา เพียงใช้แววตาห่วงใยมองสำรวจเจ้าชีวิตของตนอยู่นานจนคนที่โดนจับจ้องรู้สึกได้ถึงสายตานั้น หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ร่างโปร่งถึงค่อยผ่อนลมหายใจเอาแผ่วจาง เลื่อนมือไปตบที่หลังมือจางเหลียนเบาๆก่อนจะเปิดปากขึ้นเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

     "ระหว่างที่โดยแยกออกไป พวกเขาทำอันตรายเจ้าหรือไม่?" ความเป็นห่วงฉายชัดในน้ำเสียง อย่างไร ผู้ที่เขาสามารถเชื่อใจได้ก็มีเพียงคนผู้นี้... กระแสเสียงนี้เองที่ทำให้จางเหลียนรู้สึกร้อนผ่าวตรงขอบตา ความรู้สึกรุนแรงที่ถูกสะกดเอาไว้ตั้งแต่ได้ยินข่าวบ้าๆข่าวหนึ่งก็เอ่อล้นขึ้นมา วางกาชาลงหยุดยืนนิ่ง สุดท้ายจึงทิ้งตัวลงคุกเข่าโครม

     "ข้าน้อยสมควรตาย ช่วงเวลาเช่นนี้กลับมิได้อยู่รับใช้ข้างกาย เปิดโอกาสให้พวกมันทำเรื่องน่าอดสู่เช่นนี้กับฝ่าบาท จางเหลียนไม่กล้ามีชีวิตอีกต่อไปแล้ว!" พูดจบก็โขกหัวลงกับพื้นดังตึง หลิวช่างหลินไม่คิดว่าคนสนิทของตนจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้เบิกตากว้าง รีบย่อตัวลงไปดึงมิให้โขกหัวอีก ทว่าก็ไม่สมารถต้านทานแรงในตอนนี้ของจางเหลียนได้ เสียงโขกดังเข้าหูอีกครั้งกลิ่นสนิมเหล็กลอยมาแตะจมูกยิ่งทำให้หลิวช่างหลินลนลาน

      "อาเหลียน! เจ้าทำอะไรของเจ้า หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าไม่ฟังคำสั่งข้าแล้วหรือ!" อดีตองค์รัชทายาทร้องสั่งเสียงเด็ดขาด บัณฑิตหนุ่มกลับไม่ชะงักการกระทำของตนเลยแม้แต่น้อย โขกหน้าผากลงกับพื้นอีกครั้งจนเกิดเสียงทึบๆฟังดูน่าสะพรึงกลัว หยาดโลหิตสีแดงฉานไหลลงมาจากรอยแตกช้าๆหยดลงพื้นดินทีละหยด ก่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆจนคนใจแข็งยิ่งกว่าอะไรกังวลขึ้นมาเป็นครั้งแรก ครานี้ทิ้งตัวลงนั่งเบื้องหน้าข้ารับใช้ของตนมือทั้งสองจับไหล่รั้งเอาไว้เท่าที่แรงในตอนนี้จะทำได้

     "คนข้างนอก ใครก็ได้เข้ามาในนี้เร็วเข้า!"

      "ฝ่าบาท! ผู้น้อยบกพร่องต่อหน้าที่ทำให้ฝ่าบาทถูกเดรัจฉานนั้นทำร้าย ได้โปรดอย่าห้ามจางเหลียนเลยพ่ะย่ะค่ะ!"

      "เจ้ากำลังทำบ้าอะไร!" เสียงทุ้มเหี้ยมกดตวาดเสียงลั่นจากด้านหลัง ลู่ซือเหยียนที่เดินตามมากับเฉินฟู่หลิงพลิกผ้าเดินเข้ามาในกระโจมด้วยสีหน้าถมึงทึงตรงเข้ามากระชากจางเหลียนออกจากอดีตองค์ชายที่ตอนนี้หน้าซีดเผือดไปแล้ว เสียงเหล็กร้องบาดหูแว่วเข้ามาในโสตประสาท ดาบเหล็กเยียบเย็นก็พาดอยู่บนของบัณฑิตหนุ่มแล้ว

       ดวงตาคมเข้มเบิกกว้างมองอย่างดุดัน กดปลายดาบลงบนลำคอขาวจนคมบาดเรียกเลือดออกมา "เจ้า...ทำบ้าอะไรอยู่!"

       ถูกดาบทาบอยู่บนคอเยี่ยงนี้จางเหลียนหาได้มีทีท่าหวาดกลัวแม้เพียงเสี้ยว ถลึงตาจ้องกลับแข็งกร้าวไม่ยอมจำนน ถ่มน้ำลายใส่หน้าอย่างรังเกียจเดียจฉันท์

        "เจ้าสิทำอะไรฝ่าบาทของข้า! เจ้ากล้าทำได้ลงคอ ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็เป็นเชื้อพระวงศ์ของต้าซาง หาใช่คนที่เจ้าจะเอามาทำให้แปดเปื้อนเยี่ยงนี้ได้! เจ้ากล้ากุข่าวขึ้นมาทำร้ายฝ่าบาท เจ้ามันสมควรตาย!"

       ลู่ซือเหยียนหรี่ตาลงด้วยทั่วร่างกายเต็มไปด้วยประกายสังหาร กดเสียงเค้นถามลอดไรฟัน "เจ้าอยากตายใช่หรือไม่..." ใบดาบกดลึกมากกว่าเดิม จางเหลียนก็ยังเชิดหน้าท้าอย่างไม่กลัวความตาย

      "อยากฆ่าก็ฆ่า ถึงตายเป็นผี ข้าแซ่จางก็จะไม่มีหยุดสาปแช่งเจ้า!"

     "จางเหลียน! อย่าได้เสียมารยาทกับท่านแม่ทัพลู่!" คราวนี้หลิวช่างหลินตวาดมาจากด้านหลังด้วยตนเอง น้ำเสียงจริงจังจนมิอาจจริงจังได้มากกว่านี้ หยุดคำผรุสวาทที่กำลังจะหลุดออกมาได้ทันควัน จางเหลียนชะงักคำงับริมฝีปากลงอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดฝ่าบาทจึงได้ไม่มีท่าทางโกรธขึงบ้างเล่า

       "ฝ่าบาท..." จางเหลียนครางเสียงแหบแห้งในคออย่างไม่เข้าใจ ทว่าหลิวช่างหลินมิเปิดโอกาสให้คนสนิทตนพูดอะไรออกมาอีก เข้ามารั้งบ่าให้คุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรงต่อหน้าร่างสูงใหญ่ของลู่ซือเหยียนที่ผละดาบไปตั้งแต่ร่างโปร่งก้าวเข้ามา คนถูกบังคับให้คุกเข่ามีสีหน้าไม่ยินยอมแต่จะสะบัดมือของนายเหนือหัวลุกขึ้น เขาก็ทำไม่ได้

      "ขอขมาท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้..." หลิวช่างหลินเอ่ยเสียงเยียบเย็น

      ประโยคเดียวดังสายฟ้าฟาดลงที่กลางใจของคนฟังอย่างแรง จางเหยียนกระตุกสีหน้ากราดเกรี้ยวปะปนไปด้วยความไม่อยากเชื่อขึ้นมา มิคิดว่านายเหนือหัวของตนจะยอมลงให้กับสุนัขรับใช้ของต้าเสียงมากถึงเพียงนี้ "ฝ่าบาท!"

     "ถ้ายังเห็นข้าเป็นนายของเจ้า ขอขมาท่านแม่ทัพลู่เดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือไม่" อดีตรัชทายาทสั่งซ้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา นี่อาจจะเรียกว่าเคราะห์ดีกระมังที่ดวงตาทั้งสองข้างของตนสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว จึงไม่ต้องทนเห็นสีหน้าผิดหวังของข้ารับใช้ที่จงรักภักดีที่สุดของตน สามารถแข็งใจพูดต่อไปได้ด้วยน้ำเสียงมั่นคงดุจเดิม "เรื่องของข้ากับท่านแม่ทัพลู่ทุกอย่างหาได้มีการป้ายสีใส่ร้ายอันใดไม่ ทุกอย่างเป็นความจริง ข้ามิได้โดนบังคับ เป็นข้าเองที่เต็มใจให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้"

      น้ำเสียงเรียบเฉย สีหน้าราบเรียบ ไร้วี่แววของความฝืนใจบนใบหน้า ไร้ความรู้สึกผิดแม้เพียงเศษเสี้ยว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏแก่สายตาทำให้จางเหลียนรู้สึกราวกับโดนหักหลังอย่างแรง ร่างผอมของบุคคลคงแก่เรียนสั่นสะท้าน "ไม่มีทาง...ไม่มีทางที่ฝ่าบาทจะทำเยี่ยงนี้แน่ ฝ่าบาทไม่มีทางทรยศต้าซางแน่นอน ต้าซางเป็นชีวิตของฝ่าบาทไม่มีทางยอมให้เรื่องอัปยศเช่นนี้มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของต้าซางแน่นอนมิใช่หรือ... ฝ่าบาท...ไม่ใช่เยี่ยงนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ..."

       ถ้อยคำของบุคคลที่เป็นทั้งสหายแหละข้ารับใช้ที่คบหาสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กราวกับเป็นลูกธนูที่เล็งยิงได้ตรงเป้าแม่นยำ ใบหน้าของหลิวช่างหลินแม้ไม่เปลี่ยนสีแต่ก็มิอาจเอ่ยอะไรออกมาได้อีก ความเปลี่ยนแปลงนี้เอง ลู่ซือเหยียนไม่ยินยอมยืนนิ่งอีกต่อไป เดินผ่านร่างที่สั่นสะท้านบนพื้นไปคว้าร่างของคนที่นิ่งงันมาไว้ในอ้อมกอด สั่งเฉินฟู่หลิงให้พาจางเหลียนออกไป

     เฉินฟู่หลิงได้รับคำสั่งก็ได้สติในที่สุด รีบรุดเข้ามาคว้าตัวข้ารับใช้ชาวต้าซางขึ้นจากพื้น จางเหลียนไม่ได้ดิ้นรนอีกแล้ว ยอมถูกกระชากออกไปแต่โดยดี รอจนเหลือเพียงสองคนแล้ว ลู่ซือเหยียนจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ร่างสูงโปร่งไม่ขัดขืนแม้เพียงนิด ยิ่งทำให้ลู่ซือเหยียนรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงสอดแขนกอดแน่น ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของร่างในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงทุ้มเบา ปลอบประโลม..

     "มันไม่ใช่ความผิดของท่าน..."

     ใช่แล้ว มิใช่ความผิดของหลิวช่างหลินเลยแม้แต่น้อย ว่ากันตามความจริงแล้ว เขาต่างหากที่ลากอีกฝ่ายมาจมโคลนปลักนี้

     "เป็นความผิดของข้าเอง ท่านอย่าได้โทษตัวเอง" เพียงเริ่มต้นเขาก็มิอาจทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองได้ ทั้งยังเป็นคนส่งความเจ็บปวดชนิดนี้มาให้อีกฝ่ายด้วยตนเอง ยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งมีความรู้สึกผิดปะปนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายจึงตัดใจ...

      "ท่านสามารถยกเลิกคำสัญญาของเร..."

      ไม่รอให้ลู่ซือเหยียนพูดจนจบ หลิวช่างหลินก็ยกนิ้วขึ้นมาแตะปิดที่ริมฝีปากหนามิให้พูดต่อ ขยับออกจากอ้อมแขนอบอุ่นที่สวมกอดตนเองช้าๆ มายืนเผชิญหน้าด้วยสีหน้ามั่นคงดุจเดิม เขาส่ายหน้าแผ่วเบาในระหว่างที่ดึงนิ้วของตนเองกลับไป "ไม่...ข้าไม่ได้เป็นอะไร ท่านอย่าได้กังวล"

     "แต่ว่า..."ลู่ซือเหยียนอยากจะค้าน ติดที่ว่าคนตรงหน้ายกมือขึ้นห้ามอีกครั้ง ดวงตาสีนิลไร้ภาพสะท้อนคู่นั้นคล้ายกำลังจับจ้องมองมา เขาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยขัดอะไร

     "ท่านบอกว่าท่านเป็นคนรักษาสัญญา ข้าสามารถเชื่อท่านได้หรือไม่" หลิวช่างหลินถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง

     "แน่นอนว่าได้"

     "เช่นนั้น ท่านต้องไม่พูดว่าจะยกเลิกสัญญาระหว่างเรา เพียงจดจำคำพูดของท่านเอาไว้ให้ดีก็เพียงพอแล้ว"

     "แต่ท่าน..." ลู่ซือเหยียนทำท่าจะคัดค้านอีกครั้ง คราวนี้มือเรียวของอีกฝ่ายเลื่อนมาปิดปากของเขาอย่างแม่นยำจนไม่อาจฝืนกล่าวได้อีก ยินยอมนิ่งฟังแต่โดยดี

     "สามปี...แค่สามปีเท่านั้น" อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวลนัก "สามปีที่ท่านและข้าจะเป็นคนรักกัน แม้จะเป็นเพียงการเสแสร้ง แต่ข้าจะทำหน้าที่คนรักให้เต็มความสามารถ ขอแค่ท่านรักษาคำสัญญาที่มีให้กับต้าซาง...เมื่อครบกำหนดสามปี พวกเราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"

      คำกล่าวที่มีหลักการ ทั้งยังมั่นคงไม่หวั่นไหวเช่นนี้ช่างสมกับฐานะในอดีตของอีกฝ่ายเหลือเกิน ทว่าไม่รู้ทำไมในอกของเขาถึงได้เจ็บลึกเช่นนี้ รู้สึกราวกับถูกสาดน้ำใส่จนตื่นจากภวังค์ความฝันอันแสนนุ่มนวลอย่างโหดร้าย

      ใช่แล้ว...เพียงสามปีเท่านั้น ที่คนตรงหน้าจะเป็นของเขา...

      เพียงแค่สามปี...เวลาไม่สั้นไม่ยาวสำหรับการรอคอยให้มันจบลง แต่ทำไมกันหนอ...

      ทำไมเขาถึงได้หวังว่าให้สามปีข้างหน้านั้นไม่มีวันมาถึง



**********


       หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นราวกับลู่ซือเหยียนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาพบความจริงอีกครั้ง เขามิได้แวะเวียนไปคอยกวนหลิวช่างหลินทุกวันอีกแล้ว ตลอดสองเดือนเขาคร่ำเคร่งกับการสับเปลี่ยนกองกำลังทั้งหมดให้เข้าที่เข้าทาง ดึงคนของตนมาอยู่ในตำแหน่งที่จะถูกเรียกกลับไปพร้อมกับตนในตอนที่พระราชโองการมาถึง ข่าวจากพิราบสื่อสารส่งมาได้สามวันแล้ว ฝ่าบาทมีบัญชาตามตัวเขาและคนสนิททั้งหมดให้กลับต้าเสียงจริงๆดังที่คาดการณ์เอาไว้ อีกครึ่งเดือน แม่ทัพชุดใหม่จะมาถึงค่ายแห่งนี้ และเป็นผู้ควบคุมการบุกเองทั้งหมด

      ในช่วงแรกที่คนของลู่ซือเหยียนรู้ข่าวนี้ แต่ละคนล้วนกัดฟันอย่างโกรธแค้นทั้งสิ้น ความดีความชอบที่สั่งสมมาราชสำนักหาได้เห็นคุณค่า อย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาแค้นใจจนอยากจะกระอักโลหิตได้อย่างไร กว่าลู่ซือเหยียนจะกล่อมคนของตนให้สงบลงแล้วกลับไปทำงานต่อได้ก็เสียเวลาไปไม่น้อย วันนี้เขาเพิ่งละจากงานได้ไม่ถึงชั่วยาม ก็เดินมายังกระโจมของใครบางคนซึ่งไม่ได้เห็นมาหลายวันหยุดยืนอยู่ด้านนอกอย่างช่างใจ

      ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะหลับอยู่หรือไม่ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้วก็จริง แต่ได้ข่าวจากท่านหมอโจวว่าหลิวช่างหลินร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ เขาให้คนส่งยามาให้หลายครั้ง อาการถึงได้ทรงตัวขึ้นมา ถ้าเข้าไปตอนนี้ไม่รู้จะเป็นการรบกวนหรือไม่

     ถึงอีกฝ่ายจะเน้นย้ำระยะเวลาอันแสนสั้น เขาก็หาได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ที่สองเดือนนี้ทิ้งระยะห่างก็เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีจังหวะเตรียมใจก่อนจะลงสู่สนามรบของจริงเท่านั้น

     อีกไม่นานก็ต้องเดินทางกลับต้าเสียงแล้ว

     ท่านแม่ทัพใหญ่ยืนลังเลอยู่ได้พักใหญ่ ในกระโจมก็มีคนพลิกผ้าผืนหนาเดินออกมาด้วยสีหน้าเฉยชา จางเหลียนนั่นเอง อีกฝ่ายไม่ได้ชักสีหน้าที่ราวกับจะฆ่าแกงใส่เขาอีกหลังจากเขาส่งจั๋วเจียหานไปอธิบายทุกอย่างให้ฟัง แต่ความไม่เป็นมิตรก็ยังคงฉายชัดบนสีหน้าของบัณฑิตหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลง

     ดีที่อีกฝ่ายรับใช้หลิวช่างหลินอย่างใส่ใจยิ่งกว่าเดิม เขาจึงไม่ได้ลากอีกฝ่ายไปบั่นคอเสีย ปล่อยกลับมาให้เป็นคนดูแลความเป็นอยู่ของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางอีกครั้ง

     "ฝ่าบาทให้มาเชิญท่านเข้าไปด้านใน" จางเหลียนเดินมาหยุดตรงหน้าด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง เพียงประสานมือค้อมกายลงเล็กน้อยแล้วผายมือไปยังกระโจมโดยไม่รอคำตอบ ท่าทางหยิ่งทระนงเช่นนี้ลู่ซือเหยียนเคยชินเสียแล้ว เห็นแก่หลิวช่างหลิน เขามิได้เก็บเอาท่าทางยโสนั้นมาใส่ใจ เพียงพยักหน้าให้ เดินเข้าไปด้านในตามคำเชื้อเชิญ

      ทันทีที่เข้ามาในกระโจม กลิ่นกำยานสมุนไพรที่ช่วยให้หายใจสะดวกก็โชยเข้าจมูกเป็นสิ่งแรก ด้านในอากาศอุ่นกว่าด้านนอกไม่น้อย ลู่ซือเหยียนจึงปลดผ้าคลุมลงส่งให้จางเหลียนที่รอรับอยู่ถึงค่อยเดินเข้าไปหาคนบนเตียงเพื่อไม่ให้ตนเองเอาไอเย็นเข้าไปกระทบคนเพิ่งหายป่วย

      "ท่านไม่ได้มาเสียนาน" หลิวช่างหลินในชุดคลุมบุขนสัตว์สีขาวสะอาดตาทักขึ้น ขยับมือชี้ไปยังเก้าอี้ข้างเตียงให้แขกนั่งลง หันไปสั่งให้จางเหลียนรินชามารับรองก่อนหันมาขยับยิ้มส่งให้เล็กน้อย "งานยุ่งมากหรือ ดื่มชาก่อนสักจอกเถิด"

    ลู่ซือเหยียนไม่ปฏิเสธรับชามาดื่มอย่างว่าง่าย ชาร้อนช่วยให้ร่างกายอุ่นซ่านขึ้นมาได้เป็นอย่างดี เจ้าของใบหน้าคมคายขยับยิ้ม ชมว่าชาดีคำหนึ่ง ถึงยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ

     "ไม่มีไข้แล้วใช่หรือไม่ หลายวันมานี้ไม่ได้มาเยี่ยมท่านเลย ต้องขออภัยด้วย"

     ท่าทางเอาใจใส่เช่นนี้หลิวช่างหลินไม่ได้ปัดป้อง ทั้งยังส่ายหน้าเล็กน้อย "ข้าไม่ถือสา งานในกองทัพมีมากมาย ท่านไม่มีเวลามาหาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"

     ถ้อยคำนุ่มหูพวกนี้ทำให้แม่ทัพใหญ่ขยับยิ้มจาง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้จางเหลียนและข้ารับใช้เดินออกไปจากกระโจม เมื่อลับสายตาคนนอกแล้ว ลู่ซือเหยียนก็ขยับมืออีกฝ่ายมากุมไว้เบาๆพลางนำโส่วลู่มายัดใส่มืออีกฝ่าย ตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก

     "ท่านปล่อยให้มือตัวเองเย็นอีกแล้ว อย่างนี้ถึงได้ไม่หายป่วยเสียที" ถึงตรงนี้ก็ลดเสียงตัวเองลงแค่พอให้ได้ยินกันสองคน "ท่านไม่ส่งจดหมายถึงน้องชายจริงหรือ"

     "ว่าข้ามือเย็น ท่านเองเย็นกว่าข้าเสียอีกยังไม่เห็นป่วยเป็นอะไร เช่นนี้เย็นหรือไม่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่" คนโดนตำหนิตอบกลับอย่างผ่อนคลายเช่นกัน มีเพียงมือที่กุมโส่วลู่เท่านั้นที่ขยับกุมแน่นขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ส่ายหน้า

      ไม่ยินดีส่งจดหมายไปเล่า ยินดีให้ทุกคนเข้าใจผิดไปเช่นนั้นจะดีกว่า อิ่นเอ๋อร์จะได้ไม่ทำอะไรบ้าๆเพื่อช่วยเขาอีก

     ลู่ซือเหยียนถอนหายใจเบา ขยับเข้าไปจับผ้าห่มให้ห่มแนบสนิทดีขึ้นกว่าเดิมหน่อย ค่อยกล่าวต่อไป "ท่านช่างดื้อดึงนัก" ทั้งเรื่องสุขภาพ และเรื่องหัวแข็งไม่ยอมงอนั่นก็ใช่

     "ข้าไม่อยากเป็นจุดอ่อนของท่าน" ประโยคนี้ถูกเอ่ยขึ้นมีนัยถึงเรื่องจดหมาย หากตกไปอยู่ในมือขอผู้ไม่หวังดี ทุกอย่างที่ทำมานี้ก็จบกัน ลู่ซือเหยียนไม่ใช่ไม่รู้ แต่ก็อดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีไม่ได้

     "ท่านจะเป็นตัวถ่วงได้อย่างไร อย่าได้คิดมากไป กลับไปต้าเสียงเมื่อไหร่ ข้าจะให้หมอที่ดีที่สุดมารักษาท่านด้วยตัวเอง เท่านี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลแล้ว"

      หลิวช่างหลินชะงักไปเล็กน้อย พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายอยากจะบอก...

      การแสดงของจริง ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

      "ท่านพร้อมหรือไม่" ลู่ซือเหยียนยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายไว้ไปทัดหูให้อย่างอ่อนโยนนัก เป็นการถามย้ำอีกครั้ง...โอกาสสุดท้ายที่จะกลับลำมีเพียงตอนนี้เท่านั้น

      เมื่อเดินทางถึงต้าเสียง จากข่าวลือจะเป็นความจริง ทุกคนจะรับรู้ว่าองค์ชายตรงหน้ามีฐานะเป็นคนรักของเขา แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมนำความเสื่อมเสียมาให้อีกฝ่าย อย่างมิอาจกอบกู้คืนมาได้อีก...

      หากอยากหยุด ก็ให้หยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้

      อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางขยับยิ้มบางๆบนใบหน้า ลืมดวงตามืดบอดที่เขาชอบจ้องมองมาทางเขาอีกครั้ง ท่าทางเป็นธรรมชาติจนยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายมิอาจมองเห็นความสวยงามและความโหดร้ายของโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว มือเรียวยาวสะอาดตาเลื่อนขึ้นมาคว้ามือหนาหยาบจากการจับดาบมาจับเอาไว้

      "ท่านจะรักษาสัญญาใช่หรือไม่" ทุกคำสัญญาที่ท่านมอบให้ข้าและต้าซาง...

      ลู่ซือเหยียนมองบุคคลตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนลง เขาชอบความมั่นคงนี้นัก...หรือควรจะเรียกว่าหลงใหลดีเล่า

      "ข้าลู่ซือเหยียนจะไม่มีวันผิดคำสัญญา ขอสาบานต่อฟ้าดิน ชาตินี้มิมีวันผิดคำสัญญาต่อท่าน ช่างหลินท่านพร้อมจะก้าวเดินไปกับข้าหรือไม่"

     ก้าวเดินไปในทางที่เต็มไปด้วยโคลนสายนี้

     "ข้าพร้อม" มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่เคยคิดจะหันหลังกลับแม้แต่น้อย

     "เช่นนั้น ข้าก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว" ลู่ซือเหยียนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่อีกฝ่ายคงไม่มีวันได้รับรู้ ถือโอกาสที่หลิวช่างหลินไม่ทันตั้งตัว ยื่นใบหน้าเข้าไปหา ประทับจุมพิตลงที่แก้มเบาๆ

      "ข้าจะไม่มีวันให้ท่านเป็นอะไรไปแน่นอน"

      นี่เป็นคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับตนเองอีกครั้ง และจะไม่มีวันผิดคำสัญญา





*******************

มาต่อจนจบแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาา ใกล้จะจบภาคแรกแล้ว น่าจะอีกตอนไม่ก็สองตอน จะรีบเข็นมาให้อ่านกันนะคะ!

พอจบภาคแรกก็จะไปต่อกันที่ต้าเสียงแล้วค่ะ ความสงบแบบนี้คงหาได้ยากแล้ว ขอเชิญนักอ่านทุกท่านไว้อาลัยให้ช่างหลินและซือเหยียนกันสักสิบวินะคะ--- //โดนตี

ชอบไม่ชอบยังไงก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้นะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทั้งที่เม้นและท่านที่หลงเข้ามาอ่านจนถึงตอนนี้ทุกคนเลยค่ะ เห็นยอดวิวก็ชื่นใจแล้ว

แล้วพบกันค่า

 :bye2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 16-06-2016 20:16:15
หวานครึ่งหลังนี่รู้สึกทั้งหวานทั้งอบอุ่นมากก บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ดูเปลี่ยนไป สามปีจะว่าสั้นก็สต้นจะว่านานพอจะทำให้อีฝ่ายเปลี่ยนใจได้นะท่านแม่ทัพ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-06-2016 21:00:43
ซือเหยียนอ่อนโยนปานนั้น น่าร้ากกกก

คำผิดเล็กน้อย
เสียงทุ้มเหี้ยมกดตวาดเสียงลั่นจากด้านหลัง > ตรงนี้แปร่ง ๆ ค่ะ น่าจะเป็น  "เสียงเหี้ยมตวาดมาจากด้านหลัง"
ท่าทางเป็นธรรมชาติจนอยากจะรู้ว่า ดวงตานี้มิอาจเหนความสวยงาม  > จนยากจะรู้ว่า.. มิอาจเห็น...
ที่เขาหลงไหล >> หลงใหล

ปล. เห็นต่างนิดหนึ่งว่า ถึงแม้หลิวช่างหลินจะยินยอมพร้อมใจแสดงเป็นคนรักของลู่ซือเหยียนแล้ว แต่ก็ยังไม่น่าจะมีท่าทีอ่อนโยนต่ออีกฝ่ายขนาดนี้ตอนอยู่สองคน (เอานิ้วแตะปากเพื่อห้ามพูด) ฝั่งซือเหยียนไม่แปลก เพราะมีใจให้ แต่ทางฝั่งหลิวช่างหลินคือการแสดง ความเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้สงคราม ถูกเล่นเล่ห์จนตาบอด แล้วยังเอาแผ่นดินมาต่อรอง ถึงให้ยอมรับสภาพได้บ้างแล้ว ก็น่าจะรู้สึกเฉย ๆ ไม่ถึงกับถึงเนื้อถึงตัวอีกฝ่าย 

ส่วนการปฏิบติต่อกันเมื่อมีคนอื่น ๆ อยู่ด้วย หรือเมื่อตอนที่มาเยี่ยมในกระโจม อันนี้เข้าใจได้ว่า ช่างหลินตั้งใจทำ ยินดีทำ

อย่างไรก็เคารพการเขียนและความคิดของคุณ NakiDGM14 ค่ะ แค่รู้สึกว่า ช่างหลินใจอ่อนเร็วจัง ซือเหยียนได้กำไรมากไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-06-2016 21:40:47
หวานๆๆๆๆๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 16-06-2016 21:48:58
ซือเหยียนอ่อนโยนปานนั้น น่าร้ากกกก

คำผิดเล็กน้อย
เสียงทุ้มเหี้ยมกดตวาดเสียงลั่นจากด้านหลัง > ตรงนี้แปร่ง ๆ ค่ะ น่าจะเป็น  "เสียงเหี้ยมตวาดมาจากด้านหลัง"
ท่าทางเป็นธรรมชาติจนอยากจะรู้ว่า ดวงตานี้มิอาจเหนความสวยงาม  > จนยากจะรู้ว่า.. มิอาจเห็น...
ที่เขาหลงไหล >> หลงใหล

ปล. เห็นต่างนิดหนึ่งว่า ถึงแม้หลิวช่างหลินจะยินยอมพร้อมใจแสดงเป็นคนรักของลู่ซือเหยียนแล้ว แต่ก็ยังไม่น่าจะมีท่าทีอ่อนโยนต่ออีกฝ่ายขนาดนี้ตอนอยู่สองคน (เอานิ้วแตะปากเพื่อห้ามพูด) ฝั่งซือเหยียนไม่แปลก เพราะมีใจให้ แต่ทางฝั่งหลิวช่างหลินคือการแสดง ความเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้สงคราม ถูกเล่นเล่ห์จนตาบอด แล้วยังเอาแผ่นดินมาต่อรอง ถึงให้ยอมรับสภาพได้บ้างแล้ว ก็น่าจะรู้สึกเฉย ๆ ไม่ถึงกับถึงเนื้อถึงตัวอีกฝ่าย 

ส่วนการปฏิบติต่อกันเมื่อมีคนอื่น ๆ อยู่ด้วย หรือเมื่อตอนที่มาเยี่ยมในกระโจม อันนี้เข้าใจได้ว่า ช่างหลินตั้งใจทำ ยินดีทำ

อย่างไรก็เคารพการเขียนและความคิดของคุณ NakiDGM14 ค่ะ แค่รู้สึกว่า ช่างหลินใจอ่อนเร็วจัง ซือเหยียนได้กำไรมากไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า

ขอบคุณที่ดูคำผิดให้ค่า แก้ไขไปบางส่วนแล้วนะคะ =v=b

จริงๆส่วนที่ช่างหลินแสดงท่าทางแบบนี้มันมีสาเหตุค่ะ แต่เดี๋ยวเอาไว้อ่านตอนหน้านุ ขออุบไว้ก่อนนะคะ  :o8:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 16-06-2016 22:09:23
 :laugh: อาลู่เอ๊ยยยย หลงเขาหัวปักหัวปำ แม้องค์ชายกระทั่งองค์ชาย (และคนอื่น) ก็คงคิดไม่ถึงสินะ
คือมันละมุนอ่อนโยน อาจจะเป็นเพราะฟีลลิ่งของแม่ทัพลู่ แต่ขอลองค์ชายนี่สิ คือยังคิดว่าเป็นส่วนนึงของแผนการอยู่ มันคงหาความหวานแหววไม่ได้เพราะคิดวาทุกอย่างคือละครอ่ะสิ :hao5:

แต่มันก็ดูจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นนะ เริ่มต้นจากแม่ทัพลู่นี่แหละ 55555 แต่กว่าจะรักกันได้จริงๆคงกระอักเลือดกันไปข้าง คงต้องพิสูจน์เต็มที่เลยล่ะว่าที่แสดงออกนี่ คือรักจริงๆ ไม่ใช่ละร

 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 17-06-2016 00:18:40
อนาคตต้องเหนื่อยมากแน่ๆเลย เฮ้อ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-06-2016 00:18:56
นี่คือเขาหวานกันแล้วใช่ไหม  :laugh:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-06-2016 01:05:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 17-06-2016 20:59:25
 :hao6:  รอตอนต่อไป ท่านแม่ทัพเริ่มเปลี่ยนไปเริ่มชอบช่างหลินแล้วใช่ไหมมม
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: little2413 ที่ 18-06-2016 00:34:45
เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านค่ะ บอกเลยว่าชอบมากกก มากกกก มากกกกกกกก ไม่รู้ต้องพิมพ์คำว่ามากกี่ครั้งในการบอกความชอบนี้ ฮือออ

คุณคนเขียนผูกเรื่องดีมากค่ะ คือมันหลายอย่างไม่แค่ว่าลูลู่รักช่างหลินปกป้องให้ถึงที่สุดแล้วก็จบ ทั้งคู่ก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง มีหน้าที่ มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน คนนึงนักรบอีกคนราชา สิ่งที่พวกเขาทั้งคู่แบกรับมันไม่ใช่เบาๆ จะมาใช้ความรู้สึกเดียวตัดสินไม่ได้ เรื่องนี้ดีจนคิดว่าต่อให้จบดราม่าก็โอเคอ่ะค่ะ T[]T (แต่จบแฮปปี้ดีกว่าค่ะ แง้) นานๆจะได้เจอนิยายที่ทำให้รู้สึกแบบนี้ที ขอบคุณมากๆนะคะ  :mew1:

กับหลงซานนี่สงสาร อ่านเจอตอนนางทีไรน้ำตาไหลทุกที ยิ่งตอนที่ต้องฆ่าแม่ทัพคนอื่นจนเหลือแค่จางเหลียนแล้วนางน้ำตาไหล คุณคะ ทำไมใจร้ายกับหลงซานแบบเน้~~~~ (เราแพ้ผู้ชายมีปมค่ะ ถถถถถถถถถ)

ช่างหลินนี่เราไม่ทันความคิดเลยค่ะ ฉลาด ทรนง งดงาม คุณคนเขียนบรรยายภาพของช่างหลินได้สวยงามมากๆ ค่ะ ชอบบบบบ

เรารักนิยายเรื่องนี้มากกก ภาษาดีมากกกกกก อ่านลื่นไม่มีสะดุดเลยค่ะ จะติดตามเกาะติดหน้าเล้ารอตอนต่อไป รอการแสดงสามปีหลังจากนี้ เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนค่ะ

รักกกกกกก
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 18-06-2016 04:01:05
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 14 : ซ้อนแผน (100%) P.8 UP 16/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 19-06-2016 15:17:46
บทที่ 15 : หนทาง

 

       เช้าวันเดินทางขบวนทัพของลู่ซือเหยียนก็เข้าแถวเรียงกันตามลำดับอย่างเป็นระเบียบ แม่ทัพคนใหม่เดินทางมาถึงเมื่อเจ็ดวันก่อน ผู้ที่มาคือขุนพลคนหนึ่งตระกูลกัวซึ่งถือหางองค์ชายสามอยู่จริงๆ นี่ไม่ผิดจากที่จั๋วเจียหานคาดไว้เท่าไหร่นัก เมื่อส่งมอบตราทัพแล้วลู่ซือเหยียนจึงให้ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางทันที



      การเปลี่ยนหัวหอกในการนำทัพเช่นนี้ยิ่งทำให้ข่าวลือแพร่กระจายไปมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อรถม้าของเชลยสงครามคนสำคัญผู้นั้นถูกจัดอยู่ในส่วนที่มีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุด ทั้งยังเป็นรถม้าขนาดใหญ่เสียด้วย



      เมื่อไหร่กันที่ต้องให้ความสำคัญกับเชลยเยี่ยงนี้ นักโทษอย่างไรก็เป็นนักโทษ ต่อให้ศักดิ์ฐานะก่อนหน้าสูงส่งแค่ไหนก็ไม่สมควรได้รับการดูแลดีถึงขั้นนี้จริงๆ



      ในตอนที่ทั้งค่ายถูกเรียกมารวมกันเพื่อส่งลู่ซือเหยียนเดินทางกลับนี้ การแสดงออกของอดีตแม่ทัพใหญ่คล้ายจะเป็นจริงดังข่าวลือ ความเชื่อมั่นว่าข่าวลือเป็นของปลอมสั่นคลอน ในใจของเหล่าทหารหาญฉาบไปด้วยความผิดหวัง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้ผู้มาใหม่ขยับรอยยิ้มหยันขึ้นในใจ



      ลู่ซือเหยียนเอ่ยลู่ซือเหยียน เจ้าทำเช่นนี้เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ มิคิดว่านักรบผู้เกรียงไกรจะขุดหลุมฝังตัวเองแบบนี้ น่าผิดหวัง น่าผิดหวังจริงๆ



      บรรยากาศก่อนออกเดินทางพิลึกมากขึ้นทุกที ตอนที่ลู่ซือเหยียนกระตุ้นม้าให้มาหยุดอยู่ตรงหน้าและประสานมือคารวะ กัวเฉินยิ้มเหยียดขึ้นมาบนใบหน้าแล้วประสานมือคารวะตอบ



      "ขอให้เดินทางปลอดภัย แม่ทัพลู่...!" ในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมาประสานสายตา ความรู้สึกราวกับกำลังจะโดนคมดาบแทงทะลุก็พุ่งเข้ามาพร้อมรังสีอำมหิตเข้มข้น แผ่กระจายออกมาจากร่างสูงใหญ่อย่างรุนแรงจนทั้งคนทั้งม้าผงะถอยออกไปสุดตัว



      ม้าของกัวเฉินกรีดร้องดังลั่นลนลานถอยห่างจากลู่ซือเหยียนอย่างหวาดกลัว เจ้าของม้ารีบรั้งบังเหียนเอาไว้แทบไม่ทัน เพียงพริบตาเดียวสภาพดูไม่จืดของแม่ทัพใหญ่คนใหม่ก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของคนทั้งกองทัพ เมื่อเทียบกับร่างสูงใหญ่ของลู่ซือเหยียนบนอาชาสีดำทมิฬแล้ว ความต่างชั้นยิ่งถูกขับให้เห็นเด่นชัดขึ้นทุกที



      เสียงกระซิบของคนหมู่มากดังหึ่งขึ้นทันทีจนกัวเฉินหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอายผสมไปด้วยความกราดเกรี้ยว มองกราดไปยังตัวต้นเหตุอย่างเคียดแค้น ทว่าก็หาทำอันใดคนถูกจ้องมองได้ไม่



      "หึ" ริมฝีปากบางเฉียบคลี่ยิ้มหยามหยันขึ้นมาบนหน้าของลู่ซือเหยียนอย่างชัดเจน กระตุกบังเหียนหมุนม้าควบนำออกไปโดยไม่แยแสกัวเฉินอีก เฉินฟู่หลิงที่รออยู่นานแล้วชักม้าให้ควบตามไปพร้อมตะโกนสั่งเสียงดังก้อง



      "ออกเดินทางได้!"



      วินาทีเดียวที่เสียงคำสั่งสิ้นสุดลง เสียงโห่ร้องรับกระหึ่มขึ้นมาทันที ทัพม้าพากันฟาดแส้ลงที่บั้นท้ายม้าอย่างแรงออกตัวควบทะยานตามผู้บังคับบัญชาไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ทั้งทัพม้า ทั้งทหารราบก็ออกเดินทางหายลับไปราวกับสายฟ้าฟาด



      ออกเดินทางได้รวดเร็วสมกับนามทัพเหนือกิเลนอันโด่งดัง



      ความเป็นระเบียบและความเร็วนั้นทำให้กัวเฉินต้องกัดฟันกรอด ไม่สามารถแสดงท่าทางริษยาออกมาได้มากกว่านั้น ทำได้เพียงชักม้าควบกลับไปในค่ายด้วยความอาฆาตแค้น



      ความอับอายในวันนี้ข้าจะให้เจ้าตอบแทนอย่างสาสม ลู่ซือเหยียน ใต้ฟ้าแห่งนี้ มีข้าต้องไม่มีเจ้า



...



      "ทำอะไรของท่านกัน อยู่ๆไปสร้างความแค้นขึ้นมาทำไม" จั๋วเจียหานควบม้ามาขนาบข้างลู่ซือเหยียนถามอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้าบ้านี่ทำอะไรไม่ปรึกษาอีกแล้ว



      "ข้าจำเป็นต้องกลัวพวกที่ดีแต่ใช้เส้นสายของตระกูลให้ได้ตำแหน่งมารึ?" ลู่ซือเหยียนตอบกลับแบบไม่มีความรู้สึกผิดอยู่แม้แต่นิดเดียว ทำให้จั๋วเจียหานหน้าเบี้ยว อยากยันสหายผู้ดื้อรั้นที่ทำตัวเป็นเด็กๆผู้นี้ให้ตกม้าเสียจริง



      ถูกเรียกกลับบ้านก็เป็นแผนของพวกเขาเองแท้ๆ ยังหาคนพาลใส่จนได้สิน่า



      "เจ้าจะทำหน้าแบบนั้นทำไม ไม่เห็นสีหน้าของพวกทหารที่เหลือเมื่อครู่หรือ?" ลู่ซือเหยียนชะลอม้าลงช้าๆเมื่อกองทัพออกมาพ้นสายตาของพวกกัวเฉินแล้ว การเดินทัพก็กลับมาสู่ความเร็วปกติ ช้าสลับเร็ว ยากจะกะเดาตำแหน่งซุ่มโจมตีได้ นี่เป็นการเดินทัพที่ลู่ซือเหยียนชอบใช้มากที่สุด



      "ก็เห็น แล้วมันทำไมเล่า"จั๋วเจียหานยังคงนิ่วหน้าไม่ชอบใจอยู่ดี การกระทำของลู่ซือเหยียนในครั้งนี้ระห่ำเกินไปแล้ว

"ความเชื่อมั่นของทหารถูกทำลายตั้งแต่ยังไม่ทันได้สร้าง ต่อให้มันสั่งทหารได้ ก็ไม่มีทางซื้อใจได้ง่ายๆอีกแล้ว"



      ในกองทัพ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะถูกยอมรับ คุณชายที่ดีแต่ใช้อำนาจของตระกูลให้ได้ตำแหน่งมาอย่างมิชอบ อย่าหวังเลยว่าจะซื้อใจทหารของเขาได้โดยง่าย



      จั๋วเจียหานถอนหายใจแรง สุดท้ายก็เป็นฝ่ายยอมจำนนไม่คาดคั้นอะไรอีก หันไปยังคนของตนที่อยู่ใกล้ๆแทน



      "ถ่ายทอดคำสั่งออกไป จับตาดูกัวเฉินให้ดี หากเจ้านั่นทำอะไรให้ทหารต้าเสียงตกอยู่ในอันตราย ก็บั่นคอแล้วอำพรางให้แนบเนียนซะ"



      ดูเหมือนว่าลู่ซือเหยียนไม่คิดจะดึงตระกูลกัวมาเป็นพวก เขาก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือไว้ไมตรีอีกต่อไป



*********

 

      มือที่แหวกม่านหนาปล่อยผ้าออกให้ทิ้งตัวปิดลงดังเดิมอย่างแนบเนียน หันกลับไปคีบถ่านใส่เตาเล็กโดยไม่สะทกสะท้านต่อการโยกไหวของรถม้าเลยแม้แต่น้อย ยังคงจัดการทุกอย่างได้อย่างสงบนิ่งเช่นเคย จางเหลียนเขี่ยไฟในเตาเล็กอย่างบรรจง พอเห็นว่าเข้าที่ก็ยกกาดินเผาขนาดเล็กขึ้นไปตั้งไฟ รอจนไอน้ำพวยพุ่งออกมาค่อยยกลงมารินใส่กาอีกกาที่มีใบชาบรรจุอยู่เต็ม



      "ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?" เสียงทุ้มนุ่มของบุรุษอีกคนดังขึ้นจากด้านในของตัวรถที่มีม่านกั้นอยู่อีกชั้น เรียกให้จางเหลียนต้องขยับกายไปเปิดม่านออก ส่งชาเข้าไปด้านใน



      "เราออกเดินทางกันมาเกือบถึงชายแดนของเมืองโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทัพของลู่ซือเหยียนเดินทางรวดเร็วยิ่งนัก เพียงสามวันก็มาถึงตรงนี้แล้ว"



      หลิวช่างหลินส่งเสียงรับในคอ ยาชาหอมกรุ่นที่บุคคลในบทสนทนาสรรหามาให้ขึ้นจิบช้าๆ รู้ตัวว่าจางเหลียนยังคงจับจ้องตนอยู่ตลอดเวลาจึงวางจอกหยกในมือลง



      "เจ้ามีอะไรหรือเปล่าอาเหลียน"



      จางเหลียนขมวดคิ้วแน่น เมื่อโดนถามบัณฑิตหนุ่มก็เผยสีหน้ายากจะอธิบายออกมา ถอยหายใจสักเฮือก ก็ต้องพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ฝ่าบาท ท่าทีที่ลู่ซือเหยียนมองฝ่าบาทดูไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย ข้ากลัวว่าเจ้าสารเลวนั้นจะบังอาจคิดล่วงเกิน..."



      ยังไม่ทันพูดจบฝ่าบาทของจางเหลียนก็หัวเราะเบาๆออกมาเสียแล้ว ใบหน้าสุขุมมีรอยยิ้มประดับอยู่เล็กน้อย ราวกับเรื่องที่ได้ฟังน่าขำนักหนา



      "ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะพ่ะย่ะค่ะ" จางเหลียนครางในคอ ใบหน้ายิ่งยุ่งเหยิงหนักกว่าเดิมเสียอีก "พวกต้าเสียงป่าเถื่อนไร้ธรรมเนียม จางเหลียนกลัวว่าฝ่าบาทจะตกอยู่ในอันตราย"



      รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวช่างหลินหาได้ลดลงแม้แต่น้อย ท่าทางอันเรียบสงบราวผิวน้ำนิ่งนี้สะกิดความคิดบางอย่างในตัวคนมองขึ้นมาทันที หรือว่า... จางเหลียนเบิกตากว้าง รีบเข้าไปนั่งอยู่ตรงหน้าร่างโปร่งทันที จับจ้องเจ้าชีวิตคล้ายไม่เชื่อสายตาตัวเอง



      "...หรือว่าฝ่าบาท...รู้อยู่แล้ว" ฝ่ายที่ถูกถามไม่ได้ปฏิเสธ นี่หมายความว่า...  "หากฝ่าบาทรู้อยู่แล้ว เหตุใดยังตกลงอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ!"



      น้ำเสียงที่ดังเกินไปหน่อยของจางเหลียนทำให้หลิวช่างหลินต้องเบือนหน้าหลบเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือมาด้านหน้าจับหาตำแหน่งไหล่จางเหลียนตบลงเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปแล้ว กลายเป็นใบหน้าเรียบสงบประหนึ่งสวมหน้ากากอีกครั้ง



      "เจ้าเสียงดังเกินไปแล้ว อาเหลียน" ความชืดชาที่แฝงมากับกระแสเสียงเรียบสงบนั้นทำให้จางเหลียนสะดุ้งเฮือกทันที รีบถอยออกห่างจากผู้เป็นนายทันที ด้วยรู้ดีว่าตัวเองได้ล้ำเส้นเข้าไปแล้ว จางเหลียนพึมพำขออภัยแผ่วเบา ไม่บ่อยนักที่หลิวช่างหลินจะเป็นเช่นนี้



      จอกชาถูกยกขึ้นจิบอีกครั้ง ทิ้งจังหวะให้ความเงียบโรยตัวลงปกคลุมทั้งสองอย่างน่าอึดอัด ฝ่ายอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางมีกลิ่นอายเย็นชาโอบล้อมร่างเอาไว้จนจางเหลียนต้องถอยห่างออกมาคุกเข่ารอรับโทษ



      "..." ปล่อยให้คนสนิทใจหายอยู่พักใหญ่ หลิวช่างหลินก็ผ่อนลมหายใจออกมา ไล้มือไปบนปากจอกชาอันว่างเปล่า "เจ้าคิดว่าหากข้าไม่ตกลง คนผู้นั้นจะยอมหยุดหรือ?" คำอธิบายแรกมาเป็นประโยคคำถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย "เจ้าคิดว่าลู่ซือเหยียนเป็นคนดีขนาดนั้นเลย? เห็นได้ชัดว่าเขาดำเนินแผนการไปนานแล้วก่อนจะมาตกลงกับข้า ปฏิเสธไป ข้าจะได้อะไร?"



      จางเหลียนเม้มริมฝีปาก จากช่วงเวลาที่ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย ไม่ผิดไปจากที่รัชทายาทบอกเลยแม้แต่น้อย เป็นเขาใจร้อนไปเอง มือที่วางอยู่บนตักกำแน่นขึ้นช้าๆ



      หลิวช่างหลินพอจะเข้าใจคนสนิทอยู่บ้าง สีหน้าและน้ำเสียงจึงอ่อนลงสองส่วน ทว่ายังคงความชืดชาไร้อารมณ์เอาไว้ ปกปิดความรู้สึกของตัวเองให้อยู่ในก้นบึ้งที่จะไม่มีผู้ใดลงหาค้นหาจนพบ "เจ้าต้องคิดเสียว่าข้าตายไปแล้ว เช่นนี้ดีหรือไม่"



      คนตายไม่เจ็บปวด คนตายไม่รับรู้ คนตาย...ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว



      "ฝ่าบาท!" จางเหลียนหน้าเปลี่ยน ร้องออกมาแบบไม่เชื่อหูตนเอง เช่นนี้จะดีได้อย่างไร เห็นๆอยู่ว่านายของเขายังเป็นคนมีลมหายใจ มีชีวิต มีความรู้สึก จะให้เห็นดังอีกฝ่ายเป็นคนตายได้อย่างไร



      "ข้าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วจางเหลียน" หลิวช่างหลินคลี่รอยยิ้มว่างเปล่าบนใบหน้า "หากมีอะไรที่ข้ายังใช้ได้เพื่อต้าซาง ต่อให้เป็นการเดินไปสู่โคลนตมที่เหม็นเน่าที่สุดข้าก็จะทำ"



      จางเหลียนมิอาจปริปากพูดอะไรได้อีก รู้สึกเจ็บลึกในอกอย่างบอกไม่ถูก



      "หากชื่อเสียงของข้าทำประโยชน์ได้ก็ปล่อยให้มันเสียไป แลกได้เพื่ออิ่นเอ๋อร์และประชาชนที่เหลือของข้ายังมีอะไรต้องกลัวอีกเล่า"



      ใช่แล้ว หากความรู้สึกของลู่ซือเหยียนที่มีต่อเขาพิเศษจริงดังว่า



      "นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมแล้ว เขาใช้งานข้า หากข้าจะใช้งานเขาบ้าง จะเป็นไรไป?"



*********

 

สองเดือนต่อม้า จินหลง ต้าเสียง

      ขบวนทัพอันยิ่งใหญ่เดินทางมาถึงประตูเมืองที่เปิดกว้าง ธงดำปลิวสะบัดเป็นทิวเรียงตัวกันเป็นแนวยาวหลายลี้จนมองไม่เห็นหาง ด้านหน้าสุดคือบุรุษร่างสูงใหญ่สวมชุดเกราะสีเงินวาววามบนอาชาสีดำผู้ยกมือขึ้นเพียงหนึ่งครั้งก็สั่งให้ทหารทั้งกองทัพขานรับอย่างฮึกเหิมยืดตัวขึ้นตรงหลีกทางให้กองทหารใต้สังกัดของลู่ซือเหยียนตามเข้าประตูเมือง



      หลังจากข้ามคูน้ำด้วยสะพานไม้ทอดยาว สิ่งที่ทอดเข้าสู่สายตาของทหารทุกนายคือชาวเมืองที่ออกมามุงรอรับกันเต็มสองฟากฝั่งถนนพร้อมกับเสียงขานร้องต้อนรับดังสนั่น ดังจนม้าของนายทหารบางคนแตกตื่นจนต้องปลอบให้นิ่ง ดังจนอาวุธในมือสั่นสะท้าน ดังจนแทรกผ่านเข้าไปในจิตใจจุดไฟแห่งความภาคภูมิให้อุ่นวาบขึ้นในอก เหล่าทหารหาญพากันยืดอกตั้งตรงสง่า



      นี่เอง...ความรู้สึกของการพาชัยชนะกลับมาบ้าน...ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ชวนให้หัวใจพองโตยิ่งนัก



      ใบหน้าของลู่ซือเหยียนนิ่งเฉยเย็นชา วางตัวสงบนิ่งคล้ายไม่รู้สึกถึงเสียงโห่ร้องสรรเสริญยังคงคุมม้าให้ก้าวเดินช้าๆไปตามถนนสายหลักที่ถูกทำความสะอาดเสียโล่งตา ชาวเมืองที่รายล้อมเป็นหลักฐานยืนยันถึงความสำเร็จในครั้งนี้...ทว่าขบวนของขุนนางและขันทีซึ่งรอรับอยู่เบื้องหน้าไม่ต่างจากประตูสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยดินโคลนที่เขากำลังจะเยื้องย่างลงไป รถม้าคันใหญ่ที่ตามมาด้วยความเร็วไม่ช้าไม่เร็วเป็นสิ่งยืนยันว่าเขามิอาจถอยกลับได้อีก



      รอจนลู่ซือเหยียนมาหยุดตรงหน้า ลงจากหลังม้ามาคุกเข่าแล้ว ขันทีผู้เชิญราชโองการก็กางม้วนผ้าไหมลายมังกรสีทองออก ร่ายยาวถึงคุณงามความดีของขุนพลและกองทัพด้วยน้ำเสียงแหลมสูงฟังบาดหูจนคิ้วของคนฟังต้องขมวดแน่น รอจนขันทีชราอ่านราชโองการสรรเสริญคุณงามความดีเสร็จ กงกงเบื้องหน้าก็มอบม้วนผ้าใหม่ให้เขา รับสั่งให้เข้าเฝ้าของเจ้าแผ่นดินผู้เป็นนายเหนือหัวที่เขารับใช้มานานเรียกรอยยิ้มบางเบาปริศนาให้ปรากฏขึ้นมา



      พายุ...กำลังเริ่มพัดแล้ว...





- จบภาคต้น -




ในที่สุดก็จบภาคต้นแล้วค่ะ บรรยากาศสงบๆในภาคนี้ต่อไปคงหายากแล้ว----

เฉลยการกระทำของช่างหลินเมื่อตอนที่แล้วสักหน่อย พ่อคุณของเรายังไม่ได้ใจอ่อนกับเหยียนๆแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ-- เป็นซือเหยียนที่ตกหลุมของช่างหลินไปครึ่งตัวแล้ว แต่อย่างที่บอกไปต้นเรื่องค่ะ สองคนนี้..ลงเอยกันยาก มีก้าวแรกแล้ว ก้าวต่อไปจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ //ซับน้ำตา//

นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่กันทั้งคู่ ต้องรอสามปีที่เหลือแล้วล่ะค่ะ ว่าสองคนนี้จะออกมาเป็นแบบไหน

ขอขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่าน กดติดตาม ส่งแรงใจกันมาถึงตอนนี้นะคะ ไม่มีทุกคนไม่มีแรงปั่นมาลงแน่นอนเลย ขอบคุณจริงๆค่า เจอกันในภาคต่อ เร็วๆนี้ค่ะ =v=// จะรีบเข็นมาให้เร็วที่สุดนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 19-06-2016 19:21:22
ต่างฝ่ายต่างใช้งานกัน สมกับเป็นเจ้าคนนายคน
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 19-06-2016 20:22:19
คู่นี้รักกันยากมากจริงๆค่ะ ต่างคนต่างมีหน้าที่ไม่เท่าไหร่นะคะแต่หน้าที่คือเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทุกเรื่องเลยยากจริงๆ ภาคต่อไปคงดราม่าเข้มข้นทั้งควาสรู้สึกพระนางทั้งตัวละครที่เข้ามากดดันเพิ่มขึ้น ทั้งน่าสนุกน่าลุ้นตามแถมอยากถอนหายใจแรงๆ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 19-06-2016 21:11:59
ชอบค่ะ ฝ่าบาททำเช่นนี้ถูกต้องดีงามแล้ว ถือข้างฝ่าบาทเต็มที่ ใช้ประโยชน์ให้หนักเลยค่ะ ดีงาม แม่ทัพลู่จงตกหลุมให้ลึกสุดใจ อย่าไปหาทางปีนขึ้นมาได้อีกเลย!
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: little2413 ที่ 20-06-2016 00:08:01
คุณพระคุณเจ้า เส้นทางความรักของทั้งสองคนขมุกขมัวเหลือเกินค่ะ
เป็นสเน่ห์ของเรื่องนี้เลย ตอนนี้ก็ยังมองไม่ออกว่าสองคนนี้จะรักกกันยังไง ถึงลูลู่จะตกหลุมไปแล้วก็ตาม

เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนค่ะ!!!! ขอบคุณมากนะคะที่แต่งนิยายดีๆ ให้อ่าน หงุงงงง ;//////;
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-06-2016 09:42:19
อย่าให้เจออะไรก็ตามที่แย่กว่านี้เลยขอให้ทั้งคู่รักกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 20-06-2016 15:40:27
คมเฉือนคม ของแท้
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-06-2016 20:30:33
หลินเอ๋อหว่านเสน่ห์หรือนี่?

ช่างล้ำลึกสมเป็นเจ้าฟ้าที่เดินหมากเพื่อประชาราษฎร์แท้ ๆ

แต่...ท่านอย่าลืมว่า ในปลักโคลนที่ท่านเต็มใจก้าวย่างไปนั้น สิ่งที่ต้องจ่ายไปมิใช่เพียงชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้น
สิ่งสูงค่าอีกอย่างที่หลินเอ๋อต้องจ่ายไปคือหัวใจแน่แท้เชียว (ก็คนเขียนบอกมา ฮ่าๆๆ)

ไหน ๆ เหยียนเหยียนก็จ่ายล่วงหน้ามาแล้ว ฉันจะรอดูตอนหลินเอ๋อจ่ายออกไปบ้าง

#แค่จิ้นก็ฟินแล้ววววว
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: หมีมง ที่ 23-06-2016 14:39:11
สนุกมากค่ะ

ดูท่าแล้วคงต้องลุ้นนานกว่าจะรักกันได้
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 24-06-2016 07:48:18
สนุกอ่ะๆ.   :hao6:
มาต่อภาคต่อไปไวๆน้าา    :hao7:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: skyberry ที่ 04-07-2016 02:36:33
ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย ~
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 27-07-2016 08:34:21
พึ่งเห็นว่ามาอัพค่า :heaven นานเลย 55555
เราชอบหลิวช่างหลินมากๆเลยค่ะ คือเป็นคนที่ห่วงใยผู้อื่นมากกว่าตัวเอง ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนที่อยู่ในตระกูลสูง เสียสละมากๆที่ยอมเสียศักดิ์ศรีชื่อเสียงขนาดนี้ แถมยังเสี่ยงเป็นเป้าโดนเล่นงานอีก
ฮึ่ยยยย แม่ทัพลู่ คนอ่านไม่ยอมยกอาหลินให้ง่ายๆหรอกนะ หลงเขาแล้ว ก็ต้องพิสูจน์ เพราะตอนนี้อาหลินไม่มีเคลิ้มสักนิด คนอ่านก็พาลหาความหวานไม่เจอไปด้วย
 คือเอาจริงๆไม่คิดว่าอาหลินจะเคลิ้ม เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมตัวเองยังเป็นเชลย ตกอยู่ในสถานะโดนกดดันจากฝ่ายศัตรู อีกฝ่ายยังเป็นถึงแม่ทัพเสียอีก จะไปเคลิ้มตามได้ไงละ!)

เรื่องนี้เชียร์นายเอกสุดใจค่ะ ยังไม่ปันใจให้พระเอก ได้แต่แช่งให้พระเอกหลงนายเอกหัวปักหัวปำ โงหัวไม่ขึ้น ยอมตายแทนได้ 55555555555  :laugh:

รอภาคถัดไปค่า
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 08-08-2016 09:43:02
สนุกมากค่ะ เข้มข้นมาก ๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 08-08-2016 09:46:05
คิดถึงนาคา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 08-08-2016 10:20:28
 :call:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 08-08-2016 12:45:28
คิดถึงงงงง.กลับมาาาา หายไปนานล่ะนะะะ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 11-08-2016 20:26:18
ภาคแรกยังขนาดนี้ แล้วภาคต่อนี่จะขนาดไหน..กดดันอะไรเบอร์นี้...อยากอ่านภาตต่อแล้ว...จงมา จงมา..คึคึ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ผายลม888 ที่ 06-09-2016 14:17:27
รออยู่เน่อ คนแต่งหายไปไหนหนอ กำลังปั่นภาคสองอยู่รึเปล่า ถ้าว่างก็สงเคราะห์คนอ่านหน่อยนึง เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: BariaBeera ที่ 01-11-2016 20:34:13
นิยายเรื่องนี้ทำให้เราต้องสมัครสมาชิกเล้าเป็ดเพื่อมาทวง เอ้ย! มาบอกคุณนักเขียนว่าคนอ่านคิดถึ๊งงงงงคิดถึงนิยายเรื่องนี้ค่ะ 5555555
เรื่องราวกำลังเข้มข้นน่าติดตามมากๆ อย่าปล่อยให้ค้างนานสิคะ คนอ่านใจจิขาด 555555555555
แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนเสมอนะคะ สู้ๆค่ะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 01-11-2016 21:56:23
 :katai4: คิดถึงจังค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 22-11-2016 07:46:09
กำลังเขียนตอนใหม่ค่า ถ้าไม่มีิะไรพลาด ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้จะมาอัพให้นะคะ

ก่อนหน้านี้หายไปนานคือป่วยกับยุ่งๆอยู่ ขอบคุณทุกคนที่ยังคิดถึงกันค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 22-11-2016 16:11:49
รอ ร๊อ รอค่าาาาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 22-11-2016 21:32:25
อยากแนะนำให้เพื่อนมาอ่านมาก แต่ก็จนใจเพราะเพื่อนไม่อ่านนิยายวาย อยากจะบอกว่า แกพลาดมากกกก ชั้นเก็บไว้ฟินคนเดียวก็ได้ 5555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 15 : หนทาง (จบภาคต้น) P.9 UP 19/06/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 23-11-2016 22:50:56


ภาคที่สอง : เชลยผู้สูงศักดิ์

บทที่ 16 : ข่าวลือ (1)


***********


     สายลมบางเบากรีดผ่านยอดไม้ส่งให้ใบไม้สีเขียวสดที่เพิ่งแตกยอดออกมาได้ไม่นานเสียดสีกันเป็นเสียงซ่าฟังรื่นหู ภายในเก๋งกลางสระบัวภายในจวนแม่ทัพหย่งฉีบัดนี้หาได้ว่างเปล่าเช่นเคย กลับมีร่างสูงโปร่งของบุรุษสองคนนั่งอยู่คนละฝั่งฝากวางเม็ดหมากขาวดำสลับไปมาอย่างไม่รีบร้อน ใบหน้าของทั้งสองสงบนิ่ง บางคราแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม บางครั้งแปรเปลี่ยนไปตามจังหวะหมากบนกระดาน บรรยากาศกลมเกลียวราวกับสหายที่คบหากันมาชั่วชีวิต แต่ภาพอันสุขสงบนี้หาได้ทำให้คนมองชื่นชม

     แต่เป็นความรู้สึกจนใจชนิดหนึ่ง

     บุรุษทั้งสองมิใช่ใครอื่นนอกจากท่านแม่ทัพใหญ่ลู่ซือเหยียนผู้เป็นเจ้าของจวนแห่งนี้และเชลยผู้สูงศักดิ์ที่ถูกท่านแม่ทัพ 'ขอพระราชทาน' มาจากผู้ปกครองแผ่นดินในฐานะของรางวัลจากการชนะศึก อดีตรัชทายาทแห่งต้าซาง หลิวชางหลิน อันว่าของรางวัลที่ท่านแม่ทัพใหญ่ของในครานี้ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงสั่นสะเทือนขึ้นมาครั้งหนึ่ง ข่าวลือที่ว่าลู่ซือเหยียนชมชอบบุรษไม่ชอบสตรีลือกันมาได้พักใหญ่แล้วทว่าไม่มีผู้ใดเชื่อถือ พากันหัวเราะเย้ยหยันใส่หน้าของผู้ที่นำข่าวลือมาแพร่อย่างดูแคลน ท่านแม่ทัพลู่คือผู้ใด? คือเทพสงครามไร้พ่ายแห่งต้าเสียง! ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ แลผลงานที่สั่งสมมาทอดมองทั่วต้าเสียงก็หาได้มีผู้ใดเทียบเคียงได้! เป็นยอดบุรุษอย่างแท้จริง! บุคคลประเภทนี้จะนิยมบุรษด้วยกันได้เยี่ยงไร เหลวไหลสิ้นดี ด้วยเหตุนี้ข่าวลือจึงซาหายไปไม่มีผู้ใดหยิบยกขึ้นมาพูดอีก

     บุรุษมากความสามารถย่อมเคียงคู่โฉมสะคราญ นี่เป็นความจริงที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนรับรู้ เดิมทีชาวเมืองถึงกับตั้งวงพนันขันต่อว่าคุณหนูสกุลใดจะโชคดีเป็นที่หมายปองของท่านแม่ทัพใหญ่ที่ครองตัวโสดมานานหลายปี มิคิดเลยว่าสายฟ้าที่เรียกว่าสมรสพระราชทานจะผ่าลงมากลางฟ้าแจ้ง ผู้ที่เอ่ยปากขอมิใช่ใครนอกจากลู่ซือเหยียน แม้ฮ่องเต้จะไม่ได้พระราชทานสมรสให้ทันที ทว่าก็ยินยอมยกเชลยผู้สูงศักดิ์หลิวชางหลินให้ไปอยู่ในความดูแลของแม่ทัพใหญ่ในที่สุดหลังจากเจ้าตัวเอ่ยปากว่านอกจากบุรุษผู้นี้แล้วตนเองไม่ต้องการรางวัลอื่นใดอีก จากเชลยศึกคนสำคัญแปรเปลี่ยนมาเป็นคู่หมายของท่านแม่ทัพใหญ่ในการเข้าเฝ้าเพียงครั้งเดียว

     ชาวเมืองทั้งหลายรู้สึกราวกับถูกตบฉาดใหญ่จนแก้มร้อนผ่าว รู้สึกราวกับถูกหลอกลวงอย่างโหดร้าย ไม่มีผู้ใดทำใจให้เชื่อในข่าวเหลวไหลเช่นนี้ได้จนกระทั่งได้เห็นท่านแม่ทัพใหญ่ประคองมือของชายหนุ่มผู้หนึ่งลงจากรถม้าแล้วพาเข้าไปในจวนด้วยตนเอง เรื่องนี้ถึงกับทำให้เหล่าบ่าวไพร่ของจวนที่เพิ่งยืดอกอยู่ภูมิใจต้องพากันรีบซื้อรีบหาของใช้ให้มากพอหลังจากที่เจ้าของจวนสั่งปิดประตูไม่ต้อนรับผู้ใด

     จากความตกตะลึงเป็นโกรธเกรี้ยว จากคาดหวังกลายเป็นผิดหวัง ราวกับหยดหมึกลงบนผ้าขาว ความน่านับถือและคุณงามความดีของจวนแม่ทัพคล้ายถูกสั่นคลอนในคราเดียว น้ำคำของชาวเมืองยิ่งมายิ่งเผ็ดร้อน คำวิจารย์ยิ่งนานคล้ายยิ่งจะทนฟังไม่ได้ขึ้นมาทุกที ทั้งๆที่ภายนอกร้อนระอุเช่นนี้ แต่ภายในจวนแม่ทัพนั้นคล้ายกับไม่รับรู้ถึงความวุ่นวายนี้เลยแม้แต่น้อย อย่างน้อยตัวต้นเรื่องก็ยังสามารถนั่งเดินหมากกับอีกคนในข่าวลืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

     "ท่านว่างนักรึ?" หลิวชางหลินเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน หลังจากบอกให้อีกฝ่ายวางหมากขาวลงบนตำแหน่งหนึ่งในกระดาน ตามที่ตนเองต้องการ พลิกจากไล่ตามมาถือแต้มนำในที่สุด น้ำเสียงของอดีตรัชทายาทหนุ่มราบเรียบไร้อารมณ์อย่างยิ่ง

     "แม่ทัพที่เพิ่งกลับจากศึก จะมีอะไรให้ทำเล่า?" ลู่ซือเหยียนมองกระดานหมากลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวางหมากลงไปพลิกกระแสหมากให้กลับมาทางตนอีกครั้ง มุมปากขยับยิ้มอย่างถูกใจ

     "แม่ทัพที่เพิ่งกลับจากศึกควรมีอะไรให้ทำมากมาย ท่านไม่จำเป็นต้องมาหาข้าทุกวันเยี่ยงนี้" คราวนี้ในกระแสเสียงราบเรียบคล้ายมีความจนใจแฝงอยู่ ปลายนิ้วเรียวขาวไล้เม็ดหมากที่ถือเอาไว้ในมือตั้งแต่ต้นแบบคนใช้ความคิด "ข้าคิดคนที่ท่านอยากให้เชื่อ ก็น่าจะเชื่อข่าวลือแล้วมิใช่หรือ?"

     ลู่ซือเหยียนหัวเราะเสียงต่ำในคอ "แน่นอนว่าเหยื่อกินเบ็ดแล้ว แต่ยังไม่มากพอที่จะสาวออกมาได้ทั้งหมด ข่าวลือตอนนี้ยังต้องการความต่อเนื่องอยู่"

     คำตอบของอีกฝ่ายทำให้คนฟังได้แต่ทอดถอนใจ ดวงตาหลุบลงหลับตา แล้วเอ่ยตำแหน่งที่ทำให้ร่างสูงกว่าถึงกับชะงักไป หลิวชางหลินขยับตัวยืดขึ้นเล็กน้อยนิ่งรอ

     "ข้าแพ้แล้ว" หลังจากมองกระดานอยู่นานไม่เห็นหนทางไปต่อ แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงก็เอ่ยขึ้นมาแบบไม่เต็มใจนัก

     "ท่านแม่ทัพออมมือแล้ว" หลิวช่างหลินตอบตามมารยาท แล้วหยิบชาอุ่นๆขึ้นจิบด้วยท่าทางลื่นไหลที่มองอย่างไรก็ไม่คล้ายคนตาบอดเลยแม้แต่น้อย ท่าทางนี้ทำให้มุมปากของลู่ซือเหยียนยกขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย

     "เช่นนั้นเมื่อไหร่ท่านจะออมมือให้ข้าบ้าง" แม่ทัพบ่นย้อนเบาๆแล้วทำหน้าที่ประจำของตน หรือก็คือการเก็บหมากบนกระดานเข้าที่ด้วยต้นเอง "ตาท่านมองไม่เห็นยังเดินหมากได้ ข้าไม่รู้จริงๆว่าในหัวทำงานเยี่ยงไร"

     มองจากภายนอกแล้วเหมือนลู่ซือเหยียนกำลังเดินหมากกับตนเองโดยมีร่างสูงโปร่งคอยนั่งจิบชาพูดคุยอย่างสนิทสนม หาได้มีผู้ใดรู้ไม่ ว่าความจริงแล้วกลับเป็นการเดินหมากของคนสองคน ทั้งแม่ทัพหนุ่มยังไม่เคยเอาชนะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ความคิดอันสลับซับซ้อน ความจำอันยอดเยี่ยม กระบวนการที่แยบคายที่ได้พบนั้นทำให้ลู่ซือเหยียนลอบนับถือบุรุษตรงหน้าบางเบา

     หากเขาไม่ได้วางหมากที่เหนือคาดเอาไว้ หรือถูกพบเข้าก่อนได้ใช้งาน น่ากลัวว่าชัยชนะระหว่างสองแคว้นคงยากจะตัดสินในเวลาอันสั้น แม้กำลังคนของต้าเสียงจะมากกว่าถึงสองสามเท่าก็ตาม

     หลิวชางหลินไม่ตอบรับการยอกย้อนของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักปลอมๆของตน เพียงเป่าผิวชาแล้วจิบดื่มด้วยท่วงท่าสง่างามไม่แยแส จวบจนหมดจอกแล้วถึงได้วางลง "พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง"

     "แม่ทัพที่ถูกจับมาทั้งหมดยกเว้นหลี่ต้วนถูกตัดหัวไปแล้ว ส่วนหญิงกับเด็ก ข้าจัดการให้ไปใช้แรงงานอยู่ทางใต้" การเปลี่ยนเรื่องของหลิวชางหลินมิได้ทำให้แม่ทัพหนุ่มเปลี่ยนสีหน้า เขาตอบคำถามที่อีกฝ่ายอยากรู้อย่างตรงไปตรงมา ถึงอย่างไรข่าวนี้ก็มิใช่ความลับที่ต้องปิดบัง

     "ยกเว้นหลี่ต้วน?" หลิวชางหลินทวนคำ สีหน้าแสดงความเข้าใจออกมาอย่างชัดเจน คลี่ริมฝีปากยิ้มเยาะออกมา "นั่นคงเป็นหนึ่งในหนอนที่ท่านวางเอาไว้ในต้าซาง ไม่เลวจริงๆ"

     ไว้ชีวิตแม่ทัพของเมืองศัตรู หากไม่ใช่คนที่ส่งไปแทรกซึมตั้งแต่แรก คงไม่มีใครยอมไว้ชีวิตบุคคลอันตรายเช่นนี้ไว้แน่นอน

     ลู่ซือเหยียนเพียงเลิกคิ้วแล้วรินชาดื่มอีกครั้ง เขาไม่ได้โต้แย้งการคาดเดาของอีกฝ่าย เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอะไร หลี่ต้วนเป็นคนของบิดาเขาที่วางไว้เนินนานแล้ว เขาเองก็เพิ่งจะรับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายตอนที่ยกทัพออกจากเมือง

     "อีกสามวันท่านต้องเข้าวังพร้อมกับข้า" ในที่สุดลู่ซือเหยียนก็เอ่ยจุดประสงค์หลักในการมาเยี่ยมเยือนในวันนี้ออกมาในที่สุด

     "ด้วยเหตุอันใด"

     "ข้าต้องไปงานฉลองชัยชนะในศึกนี้ ท่านเองก็ต้องไปตามหน้าที่ 'คู่หมาย' ของข้า"

     "ถ้าข้าไม่ไป?"

     "ข้อตกลงระหว่างเราก็จะถูกยกเลิก" ลู่ซือเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม น้ำเสียงนั้นกระตุ้นให้คนฟังถอนหายใจ แล้วพยักหน้า

     "อย่างไรข้าก็ไม่มีทางเลือก ท่านจะให้ข้าทำอะไรก็บอกแล้วกัน"

     คำตอบที่ถูกใจเรียกรอยยิ้มได้เล็กน้อย หยิบกาขึ้นมารินชาให้ร่างโปร่งอีกครั้ง ก็หยิบเม็ดหมากสีดำขึ้นมาถืออีกครา

     "งั้นมาเดินหมากกันอีกสักกระดานเถอะ"

*******

     "เจ้าว่าท่านพี่ไปพบองค์ชายนั่นอีกแล้วงั้นหรือ? ไหนว่าวันนี้จะมานั่งเล่นกับข้าไง" น้ำเสียงหวานดุจน้ำผึ้งของหญิงสาวดังขึ้น น่าเสียดายที่เจ้าของน้ำเสียงหวานๆนี้กลับกำลังอารมณ์ไม่ดีจนจังหวะการพูดกระแทกกระทั้นไปบ้าง มือเรียวขาวขยุ้มพัดในมืออย่างหงุดหงิด เจ้าของเสียงนี้มิใช่ใครนอกจากลู่หลินหลัน น้องสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของจวนแห่งนี้

     "ท่านแม่ทัพบอกว่าให้มาเชิญคุณหนูไปที่เก๋งกลางน้ำด้วยกันเจ้าค่ะ" สาวใช้ผู้เคราะห์ร้ายเอ่ยรายงานอย่างระมัดระวัง ตั้งแต่กลับมาท่านแม่ทัพผิดนัดกับคุณหนูของนางสามครั้งแล้ว แต่ละครั้งล้วนมีสาเหตุมาจากองค์ชายผู้นั้นทั้งสิ้น

     "ท่านพี่ให้มาเชิญข้า? ดี งั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย อาจู ยกขนมที่ข้าเตรียมไว้มา อ้อ  อย่าลืมเตรียมส่วนขององค์ชายนั่นด้วย ข้ามิอยากถูกหาว่าแล้งน้ำใจ!"

     อาจูยอบกายรับคำจากคุณหนูของตนแล้วรีบเดินไปสั่งให้สาวใช้ยกขนมตามคุณหนูที่สาวเท้าออกจากเรือนไปแล้ว รีบเร่งฝีเท้าเพื่อไม่ให้คลาดจากผู้เป็นนาย


*******

     จวนของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงนั้นตั้งอยู่บนถนนสายหลักอยู่ถัดมาจากพระราชวังไม่ไกลมากนัก ขนาดของจวนใหญ่โตสมกับเป็นจวนของแม่ทัพขั้นหนึ่งของแคว้น ประกอบด้วยสามสิบตึก ยี่สิบลาน ทะเลสาบจำลองสองแห่ง สวนอีกสิบสองสวน แถมด้วยลานฝึกซ้อมกว้างใหญ่อีกหนึ่งลานสมกับเป็นตระกูลที่รับราชการเป็นแม่ทัพฝ่ายบู้มาหลายชั่วคน กล่วได้ว่าจวนแม่ทัพแห่งนี้มีขนาดใหญ่ชวนตะลึงอย่างยิ่ง ดีว่าเก๋งกลางน้ำที่ลู่ซือเหยียนและหลิวชางหลินพำนักอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากเรือนหรวนเซียงของหญิงสาวมากนัก กินเวลาเพียงสองเค่อลู่หลินหลันก็ก้าวเข้ามาที่สวนที่เก๋งกลางน้ำตั้งอยู่แล้ว

     เสียงผีเท้าที่ย่ำเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆแว่วเข้าหูของชายหนุ่มทั้งสองที่ยังคงเดินหมาก หลิวชางหลินเป็นผู้เงยหน้าขึ้นมาก่อน

     "ดูเหมือนแขกของท่านจะมาถึงแล้ว" ร่างโปร่งเอ่ยเรียกคนที่ยังจมอยู่กับกระดานหมากให้เงยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นน้องสาวของตนก็ลุกขึ้นมาต้อนรับ

     "หลันเอ๋อร์ มาแล้วหรือ มา พี่จะแนะนำคนรักของพี่ให้รู้จัก"

     รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาวงอง้ำลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ความดีใจที่ได้มาพบพี่ชายสลาบไปเหลือเพียงความขุ่นเคือง ตวัดสายตาค้อนใส่ชายคนรักของท่านพี่วงใหญ่ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้รับรู้เลยก็ตาม ลู่ซือเหยียนเห็นภาพนั้นก็ได้แต่หัวเราะเบาๆในคอ

     "นี่หลันเอ๋อร์ น้องสาวของข้า หลันเอ๋อร์ ท่านนี้คือว่าที่พี่สะใภ้ของเจ้า หลิวชางหลิน ชื่อรองคือหงหยวน เจ้าเรียกเขาว่าพี่หยวนก็ได้"

     "หลันเอ๋อร์คารวะองค์ชาย" ลู่หลินหลันยอบกายคารวะเล็กน้อยตามมารยาทรอจนหลิวชางหลินตอบรับค่อยเดินไปนั่งข้างพี่ชายของตนที่บัดนี้กำลังหมุนหมากสีดำในมืออย่างครุ่นคิด แลเห็นหมากดำที่กำลังโดนหมากขาวไล่ต้อนเสียจนมุมก็อดออกปากไม่ได้

     "ท่านพี่ ท่านเดินหมากคนเดียวทำไมลำเอียงเข้าข้างหมากขาวเสียขนาดนี้ อยากจบกระดานก็อย่าเดินตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าหรือ?" เด็กสาววิจารย์ทางหมากออกมาโดยไม่สนใจสีหน้าที่แปรเปลี่ยนของท่านแม่ทัพใหญ่เลยแม้แต่น้อย คำพูดอันตรงไปตรงมานั้นถึงกับทำให้อดีดรัชทายาทถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

     เด็กสาวชะงักถ้อยคำ หันไปมองคนหัวเราะอย่างงุนงง

     "ท่านหัวเราะด้วยเหตุใด"

     "ข้าไม่ได้เดินหมากกับตัวเอง" เป็นลู่ซือเหยียนเปิดปากตอบน้องสาวของตน ส่งผลให้ใบหน้าของเด็กสาวฉายแววงุนงงหนักขึ้นไปอีก

     "พี่หานไม่อยู่ ท่านพี่จะเดินกับใครกัน วันนี้ไม่มีแขกไม่ใช่หรือ?"

     คราวนี้สายตาของท่านแม่ทัพใหญ่เลื่อนกลับไปมองเจ้าของหมากข่าวที่ยังนั่งจิบจาอย่างสบายอารมณ์เป็นคำตอบ ลู่หลินหลันอุทานเบาๆ รีบเขยิบกายเข้าไปชิดพี่ชายแล้วชะโงกหน้ามองหมากให้ละเอียดกว่าเดิม

     "มิใช่ว่าตาขององค์ชายมีปัญหาหรือ?" สุดท้ายเด็กสาวก็กลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่ได้

     "ตามองไม่เห็น หูก็ยังได้ยิน หัวก็ยังพอใช้การได้อยู่ ข้ามีดีที่ความจำเล็กน้อย ทำให้คุณหนูหัวเราะเยาะแล้ว"

     "ข้าอยากหัวเราะเยาะท่านพี่ของข้ามากกว่า ความสามารถของท่าน ข้าไหนเลยจะกล้าหัวเราะเยาะได้" ในฐานะคนที่รักในการเดินหมากและศึกษาตำราเดินหมากกับผู้เชี่ยวชาญมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทางหมากบนกระดานนั้นถึงกับทำให้ตาของเด็กสาวเปล่งประกายความนับถือออกมาเต็มเปี่ยม สามารถไล่ต้อนพี่ชายของนางได้ถึงเพียงนี้ ก็พอแล้วสำหรับการยอมรับนับถือ

     ความไม่พอใจที่โดนแน่ความสำคัญตลอดหลายวันที่ผ่านมาคล้ายถูกเม็ดหมากที่วางเรียงรายกันอย่างสวยงามสลายไปจนหมดสิ้น

     "ข้าชื่อว่าหลินหลัน หากองค์ชายไม่รังเกียจจะเรียกข้าเหมือนที่ท่านพี่เรียกก็ได้ วันหลังของหลันเอ๋อร์มาเดินหมากกับท่านได้หรือไม่"

     ได้ฟังคำน้องสาว ลู่ซือเหยียนก็คิ้วกระตุกเล็กน้อย กระแอมเบาๆแล้วขัดว่า

     "ชายหญิงแตกต่าง เดินหมากตามลำพังล้วนไม่เหมาะสม"

     "ข้ามาตอนท่านอยู่ด้วยก็ได้นี่"

     "...นี่เป็นเวลาส่วนตัวของข้ากับเชา เจ้าจะมารบกวนทุกวันได้อย่างไร" ลู่ซือเหยียนยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี

     "วันๆท่านได้มาหาองค์ชายตั้งหลายรอบ ข้ามาเดินหมากวันละกระดาน จะกินเวลาท่ายไปเท่าไหร่กันเชียว"

     "เจ้าเคยเดินหมากกระดานหนึ่งเจ็ดวัน ข้าให้เจ้ามาได้แค่สามวันครั้ง ข้าไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเวลาสงบสุขของข้า" ลู่ซือเหยียนยื่นคำขาด ขืนให้น้องสาวมาทุกวัน อย่าว่าแต่หลิวช่างหลินจะไม่ไหว เขาเองก็อยากจะใช้เวลาส่วนตัวกับคนตรงหน้าบ้างจริงๆ

     เด็กสาวทำหน้ามู่ทู่อย่างขัดใจ ติดที่เกรงใจหน้าดุๆของพี่ชายเลยได้แต่พยักหน้ายอมรับอย่างเสียมิได้ สุดท้ายก็ตัดใจกวักมือเรียกสาวใช้ให้ยกขนมมาวางแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยแทน

     "ท่านเรียกข้ามา คงมิใช่อยากให้ข้ามาดูท่านเสียท่าเฉยๆกระมัง?"

     "แน่นอนว่าไม่ใช่" ลู่ซือเหยียนตอบรับ เขาเคยชินกับลักษณะการพูดที่ไม่เข้ากับเสียงหวานๆของน้องสาวมานานแล้ว ใครใช้ให้นางเติบโตมาในจวนที่มีแต่พวกผู้ชายตัวโตพูดจากวนประสาทกันไปมาล่ะ

     "แล้วท่านเรียกข้ามาทำไม"

     "แน่นอนว่ามีเรื่องให้เจ้าช่วยทำ" ลู่ซือเหยียนตัดสินใจวางหมากลงก่อน แล้วหันมาคุยกับน้องสาวตัวเองอย่างจริงจัง "เจ้าเป็นหญิง เรื่องนี้เจ้าคงช่วยข้าได้"

     ลู่หลินหลันกระพริบตาปริบๆ ดวงตากลมโตฉายแววงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมองตามสายตาพี่ชายไปก็ร้องอ๋อ "พระราชโองการเรื่องงานเลี้ยงใช่ไหมเจ้าคะ?"

     ลู่ซือเหยียนพยักหน้า "ข้าอยากให้เจ้าเสาะหาช่างที่ฝีมือดีที่สุดมาทำชุดของต้าเสียงให้หงหยวน ข้าไม่ต้องการให้เขาน้อยหน้าผู้ใด"

     เหตุผลของผู้เป็นพี่ชายนั้นทำให้ผู้เป็นน้องสาวประหลาดใจไม่น้อย แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ท่านพี่ของตนต้องผิดหวัง เด็กสาวพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันไปยึดมือเรียวขาวที่เพิ่งวางจอกชาลงอีกครั้งมากุม

     "พี่สะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะทำให้ท่านโดดเด่นไม่แพ้คุณหนูคนไหนในงานแน่นอน ข้าเอาชื่อลู่หลินหลันเป็นประกัน!"

     เมื่อหญิงสาวรับคำเป็นแม่นมั่นเยี่ยงนี้...หลิวชางหลินก็เริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว

     ชุดเขา...จะไม่เป็นอะไรแน่หรือ



***********************



มาต่อแล้วค่ะ! มาดึกไปหน่อยเพราะต้องตรวจสำนวนกับพยายามหาคำผิด(..แต่ก็ยังน่าจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง ใครเห็บอกกันได้นะคะ!)

หายไปนาน มีอยู่สองประเด็นคืองานล้น และป่วยบ่อยมากค่ะ โรคที่ป่วยค่อนข้างส่งผลกับการเขียนพอสมควรเลยตัดสินใจพักไว้ก่อน ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามรอกันนะคะ ไรท์กลับมาแล้วค่ะจะพยายามอัพทุกวันเว้นวันนะคะ!

บทนี้ส่งตัวละครที่จะมีบท(เยอะ)พอสมควรในภาคที่สองมาก่อน ส่วนบทแบบไหนขอให้ติดตามกันในตอนต่อๆไปนะคะ

ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นติชมพูดคุยกันได้ค่ะ ไรท์กินยาแล้ว ไม่กัดแน่นอน!!


หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : หนทาง (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 23-11-2016 23:45:52
กรีดร้อง ด้วยความดีใจ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : หนทาง (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: little2413 ที่ 24-11-2016 02:29:46
กรี๊ดดดดดดดด คิดถึงจังเลยค่ะะะะะะ ฮือออ
ดีใจจจ ตอนแรกเข้ามานึกว่าตาฝาด แงงง้ *กอดไรท์แน่น*
สู้ ๆ ค่ะ!!! แต่ก็อย่าฝืนตัวเองมากนะคะ!!

ชอบที่หลันเอ๋อร์ถามพี่ตัวเองว่าเดินหมากกับตัวเองเหรอ
หงหยวนเป็นตัวละครแบบที่เราชอบมาก ๆ เลยค่ะ ฉลาดอะ TwT ทันคนด้วย แอบสะใจที่แม่ทัพลู่แพ้ล่ะ.... /โดนดาบแทง มีแววแพ้ทางมาแต่ไกลเลยค่ะคุณแม่ทัพ
หลันเอ๋อร์ก็น่ารักกกก แง้ ชุดของหงหยวนต้องดูดีแน่ ๆ รอตอนต่อไปค่ะ!!
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : หนทาง (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-11-2016 07:06:09
มาแว้วววว
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : หนทาง (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 24-11-2016 07:26:34
ดีใจมากที่กลับมาค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : หนทาง (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-11-2016 08:51:15
เหมือนทุกคนต่างก็ได้ของเล่นใหม่ 555555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 24-11-2016 16:32:17
 :hao7: มาต่อแล้ว ชอบมาก ๆ รอดูเลยตอนนี้น้องสาวนับถือพี่สะไภ้แล้ว 5555
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-11-2016 21:28:55
น้ำตาปริ่มพอได้เห็นว่า คุณมาเล่าเรื่องต่อแล้ว

ขอให้ร่างกายแข็งแรง ชีวิตและการงานราบลื่นนะ

คิดถึงมากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-11-2016 23:06:27
รอติดตามตอนต่อไปอีกแล้วกำลังสนุกเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 24-11-2016 23:34:55
สนุกดีอ่ะ
รอิดตามอยู่นะคะ
ความความฉลาดขององค์ชายจังเลย ^^
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-11-2016 01:57:22
สองพี่น้องตระกูลลู่นิยมชมชอบคล้าย ๆ กันเลย
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: poogan_zadd ที่ 26-11-2016 23:13:05
กลับมาแล้ววว โฮฮฮฮ น้ำตาจะไหล
รักษาสุขภาพ แข็งแรงไวๆ นะคะ
เค้าชอบความสง่างามขององค์ชายมากเลย ฮือออ
มาต่อไวๆ เน้อ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 27-11-2016 18:32:31
สนุกมากค่า
พึ่งได้เข้ามาอ่าน ปกติชอบอ่านนิยายแปลจีนอยู่แล้ว
แต่หาคนแต่งนิยายจีนแล้วอ่านแล้วอินเหมือนแปลมาได้ขนาดนี้ยากมาก
ชอบมากๆเลยค่ะ รออ่านตอนค่อไปอยู่นะค้า
หวังว่าคนเขียนจะหายป่วยแล้ว :)
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 16 : ข่าวลือ (1) P.10 UP 23/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 18-12-2016 19:53:25
บทที่ 17 : ข่าวลือ (2)

********************

     ค่ำคืนนี้วังหลวงถูกประดับประดาด้วยโคมกระจกหลากสีจนสว่างไสว โถงจัดเลี้ยงถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวนสวรรค์จำลองอันวิจิตรตระการตา เสียงดนตรีเคลียคลอกับร่างแน่งน้อยในชุดร่ายรำสวยสดสร้างความบันเทิงให้กับผู้ร่วมงานเลี้ยงที่ต่างเปล่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ทุกอย่างแลดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง เหล่าขุนนางทั้งบู้บุ๋นคล้ายพร้อมใจกันวางเรื่องบาดหมางเอาไว้ชั่วคราวเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่รวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ

     ใช่แล้ว งานในคืนนี้คืองานฉลองชัยชนะให้กับเหล่าขุนศึกผู้มีความชอบทั้งหลาย บรรดาแม่ทัพน้อยใหญ่ต่างเป็นตัวเอกภายในงานเลี้ยงในคืนนี้ ทว่า ณ ตำแหน่งสูงสุดของเหล่าขุนศึกนั้นกลับยังว่างเปล่า ไร้ร่างของลู่ซือเหยียนที่ควรจะมาถึงงานแล้ว สิ่งที่ดึงดูดยิ่งกว่าความว่างเปล่านั้นคือที่นั่งด้านข้างที่ถูกจัดไว้อีกตำแหน่ง เรียกเสียงซุบซิบจากบรรดาเหล่าฮูหยินทั้งหลายที่มาร่วมงานกับสามีของตนเอง ท่านแม่ทัพใหญ่ของต้าเสียงครองตัวเป็นโสดมาจนถึงบัดนี้นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าผู้ใดในต้าเสียงต่างรู้ดี คุณหนูตระกูลผู้ดีทั้งหลายเคยพยายามเข้าหาเทพสงครามหลายครั้งหลายครา แต่กลับไม่มีผู้ใดสามารถช่วงชิงหัวใจของเขามาได้เลย เมื่อมีข่าวเรื่องลู่ซือเหยียนชมชอบบุรุษออกมา ข่าวลือนั้นไม่ต่างจากสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจและทำลายความหวังของเหล่าคุณหนูทั้งหลายให้พังทลายไป แม้จะรู้ว่าเป็นความจริง ทว่าไม่อาจยอมรับ ไม่อาจปักใจเชื่อ เหล่าฮูหยินทั้งหลายในคืนนี้ล้วนถูกบุตรสาวอ้อนวอนให้มาจับตาดูบุรุษในข่าวลือด้วยความหวัง

     หวังว่าข่าวที่ออกมานั้นจะไม่เป็นจริง

     แม้จะรู้ว่าความหวังของบุตรสาวเป็นเรื่องไร้สาระอย่างถึงที่สุด ฮูหยินฝางผู้ถูกบุตรีอันเป็นที่รักรบเร้าทั้งน้ำตาก็ได้แต่ยอมรับปาก ดวงตาสุขุมกวาดมองไปยังที่ว่างทั้งสองอีกครั้ง ประกายตาทอประกายแปลกประหลาดออกมาแว่บหนึ่งก่อนจะจางหาย นางอยากจะเห็นนัก ว่าบุรุษที่ลู่ซือเหยียนหมายปองจะล้ำเลิศปานใด มีอะไรดีกว่าบุตรีผู้เพียบพร้อมของนาง ยังไม่ทันได้สิ้นสุดความคิด เสียงของภายในงานก็เงียบลง สายตาของทุกผู้คล้ายถูกตรึงสะกดให้หยุดมองสองร่างที่กำลังก้าวเข้ามาในงาน

     ลู่ซือเหยียนมาถึงแล้ว ข้างกายยังมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเข้ามาพร้อมกัน เส้นผมสีดำสนิทนุ่มสลวยราวแพรไหมทิ้งตัวลงบนชุดที่ตัดจากผ้าไหมเนื้อละเอียดสีขาวสะอาดตาปักลายกระเรียนขาวด้วยไหมโทนอ่อนดูเรียบง่ายทว่าสูงศักดิ์ แผ่นหลังเหยียดตรงรับกับท่วงท่าสง่างามที่ราวกับสะท้อนสายเลือดอันสูงส่งนั้นทำให้เหล่าฮูหยินที่ซุบซิบนินทาอยู่จนถึงเมื่อครู่ถึงกับสองแก้มร้อนผ่าว พากันหลุบตาลงไม่กล้ามองต่อกันเป็นแถว ยังมีบางคนเท่านั้นที่ยังใจกล้าพอจะมองต่อไปอยู่ครู่หนึ่งจนถูกสายตาคมกริบของลู่ซือเหยียนกราดมองอย่างเฉยเมย

     บุรุษทั้งสองเดินเคียงข้างกันอย่างเป็นธรรมชาติ มิได้ดูแสดงออกอย่างประเจิดประเจ้อแต่ประการใด มีเพียงมือข้างหนึ่งที่กอบกุมกันไว้เพื่อประคองให้ผู้มีปัญหาทางสายตาก้าวต่อไปได้โดยไม่สะดุดสิ่งใด หนึ่งดำหนึ่งขาว ราวกับหยินหยางที่สอดประสาน นอกจากจะไม่ดูแปลกแยก ยังดูลงตัวอย่างน่าประหลาด

     ผู้ใดกล่าวว่าองค์ชายผู้นั้นใช้ความงดงามลวงล่อปีศาจสงครามแห่งต้าเสียง มองอย่างไร ก็เป็นชายผู้สูงศักดิ์ผู้หนึ่ง ท่าทางสะอาดตาอย่างยิ่ง ฮูหยินทั้งหลายที่พากันนินทากันสนุกปากถึงกับรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มิรู้เลยว่าผู้ที่ถูกจับจ้องนั้นกดดันจนมือเรียวที่ถูกกุมเอาไว้เย็นเฉียบจนลู่ซือเหยียนสัมผัสได้

     เขารับมือกับทุกอย่างด้วยความสงบนิ่งมาตั้งแต่อายุได้ไม่กี่ขวบ ไม่เคยเกรงกลัวต่องานสังคมประเภทใดทั้งสิ้น ทว่างานนี้กลับเป็นดังหินก้อนใหญ่ที่กดทับลงบนหัวใจ ไม่มีผู้ใดยินดีกับการมาร่วมงานฉลองที่ตอกย้ำถึงความพ่ายแพ้ของตนเอง อีกทั้งยังมาด้วยฐานะเช่นนี้ ลู่ซือเหยียนรับรู้ถึงความตึงเครียดของคนข้างตัวเป็นอย่างดี มือหนาจึงบีบเบาๆเรียกสติพร้อมก้มไปกระซิบข้างหู

"ท่านใจเย็นไว้ก่อน"

     ภารกิจที่มีร่วมกันในวันนี้คือทำให้ทุกคนเชื่อว่าพวกเขาเป็นคนรักกัน มิเช่นนั้นทุกสิ่งที่ทำมาก่อนหน้าจะสูญเปล่าไปทันที หลิวชางหลินพยักหน้ารับเป็นเชิงรับรู้ เดินไปตามก้าวที่ลู่ซือเหยียนบอก แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างร่างสูงกว่า

     ละครฉากใหญ่...กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...



*****************************************40%*****************************************

     หายไปนานอีกแล้ว กลับมาแล้วค่ะ วันนี้กลับมาแก้ภาษาลงส่วนหนึ่งแสดงตัวว่ายังมีชีวิตอยู่ก่อน ตอนเต็มถ้าไม่มาดึกๆ ก็น่าจะมาดึกมากๆ(?) ใกล้ๆเช้า ตอนนี้จะเริ่มเปิดฉากละครฉากใหญ่ของทั้งสองอย่างเต็มตัวแล้วค่ะ---

ขอบคุณทุกคอมเม้นและการติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: repilca ที่ 19-12-2016 12:26:28
 รอออ~ :mew3:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-12-2016 00:11:26
รอ ~~
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-12-2016 00:30:09
มาอีกนะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 20-12-2016 18:59:12
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 21-12-2016 20:18:46
ดีใจมากๆ รอชมละครฉากใหญ่นะค้าาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 24-12-2016 13:07:45
เข้ามาติดตามจนทัน....ตกหลุมรักทั้งคู่เลยค่ะ..!!
ฉลาดพอกัน....ชอบมากๆเลย!!!

รอติดตามตอนต่อไปด้วยความจดจ่อเลยค่ะ..

มาไวๆมาไวๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 26-12-2016 08:36:36
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากกกก  :m3: :m3: นายเอกดูฉลาดเฉลียว ส่วนพระเอกยังไม่ค่อยประทับใจ(ฮา) แอบลวนลามซะโอกาสมีแค่สามปี :hao7: ติดตามค่ะ อ่านๆมาห่วงนักเขียนมากป่วยบ่อย หายไวๆนะคะ ลองพักจริงๆจังๆให้หายขาดเลยก็ดีนะคะ จะได้มาเขียนต่อได้ยาวๆ :laugh: ดูแลสุขภาพเยอะๆ ส่วนเราก็นั่งรอ :o11:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 26-12-2016 10:38:58
กดเข้ามาเพราะชอบชื่อเรื่อง
พอได้อ่านก็รู้สึกไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ
บรรยายเรื่องได้น่ารักมาก กำลังดีเลยค่ะ
ลุ้นว่านายเอกจะชอบพระเอกยังไงจัง เพราะผ่านมาสิบกว่าตอนแล้วยังหามีวี่แววไม่

(อึ้งนิดนึง คือเป็น Love at first sight ตอนที่พึ่งตาบอดใช่ไหมคะ)

เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง
มาอัพนิยายดีๆให้อ่านกะนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 26-12-2016 15:42:31
งื้อออ เพิ่งหลงเข้ามาอ่าน ชอบมากค่ะ
รอติดตามละครฉากใหญ่อยู่นะคะ สู้ๆ ค่าาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 28-12-2016 15:00:22
พึ่งได้มาอ่าน ชอบๆ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-01-2017 20:34:29
คิดถึงงง
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 15-01-2017 15:31:54
โอ๊ยตายละ ชอบคุณน้องสาว นางน่ารัก งานนี้มีคนออกโรงปกป้องนายเอกเราจากแรงริษยาของสาวๆท่านอื่นละ เรื่องรบกะขุนนางปล่อยแม่ทัพลู่จัดการไปซะ 55555555555

คิดถึงเรื่องนีมากมายค่ะ ขอให้แข็งแรงไวๆนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 15-01-2017 22:07:25
โอยยย ชอบมากค่ะ
ขอติดตามด้วยคน
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 16-01-2017 01:53:40
เพิ่งเข้ามาอ่าน ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 16-01-2017 09:18:22
เข้ามารอ   :katai5:  :katai5:  :katai5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: NakiDGM14 ที่ 06-02-2017 12:29:02
ขอมาขุดเอาไว้ก่อนหาไม่เจอ

วันนี้จะมาอัพต่อแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นมากนะคะ
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 07-02-2017 00:15:29
รอค่า  :sad4: ดีใจจังงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 07-02-2017 00:28:56
รอค่าาา เย้ๆๆๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-02-2017 06:59:24
คิดถึงงงง  :katai1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 29-03-2017 11:13:28
รอนะคะ :ling1:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 25-06-2017 08:46:10
อ่านแล้ว คิดถึงเลยยย
สนุกเหมือนเดิมมมม
รออออนะค่าาาา
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 16-07-2017 08:30:55
มารอเจ้าค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 18-11-2018 10:27:15
เพิ่งมาตามอ่าน คือชอบพล็อตเรื่องมากค่ะ

แต่คือมองแล้วไม่รู้จะลงเอยกันได้ยังไงเลย

แม่ทัพลู่ รัก ช่างหลินแล้ว

แต่ช่างหลินคือทำเพื่อหน้าที่ เพื่อบ้านเมืองเฉยๆ


แล้วอีกคู่ หลงซานกับจางเหลียน

เหมือนหลงซานจะยอมจางเหลียนจนบางทีเป็นภัยต่อแม่ทัพลู่อ่ะ กลัว


วอนนักเขียนอย่าเทเรื่องนี้นะคะ

หัวข้อ: Re: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-08-2021 08:24:17
คิดถึงเรื่องนี้ :call: :call: :call: