[เรื่องสั้น] นกขมิ้น ตอนพิเศษ (ยังไม่จบ) (6 มิถุนายน 2564)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] นกขมิ้น ตอนพิเศษ (ยังไม่จบ) (6 มิถุนายน 2564)  (อ่าน 122919 ครั้ง)

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3

ออฟไลน์ NongJesZa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
น่ารัก อบอุ่นมาก ครอบครัววีร์ก็น่ารัก รักนก นกได้มีแสงสว่างของตัวเองแล้วนะเพราะวีร์อยู่ข้างๆ ขอบคุณคนเขียนมากมีตอนพิเศษด้วย

ออฟไลน์ CRP_N

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พึ่งมีโอกาสได้อ่านนิยายเรื่องนี้ คือแบบมันดีมากๆๆๆๆๆๆ  แต่ละตอนคืออ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ  ยิ่งตอนแรกสุดพออ่านจบแล้วร้องไห้เลย;_;  มันดีจริงๆ รู้สึกดีใจไปกับนกที่ต่อไปนี้ไม่ต้องอยู่คนเดียว ไม่ต้องนอนร้องไห้คนเดียวทุกคืนอีกต่อไปแล้ว ฮือออ รักเรื่องนี้มากๆ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆสนุกๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ ♡

ออฟไลน์ Nobodylove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
 :hao5: :hao5: :hao5: มันดีมากค่ะคุณ มันซึ้งมากกกกกก ชั้นอยากได้พระเอกแบบนี้ในชีวิตจริง  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ z9_0

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กับมาอ่านตอนไหนก็ยังรูปสึกดีมากก
รอบที่สามแล้วจ้า

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โกรธตัวเองมากที่เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้อ่ะ ดีมาก สนุกมาก อ่านเพลิน วีร์กับนกน่ารักมาก o13
งื้ออออ อยากอ่านอีก เราสามารถอ่านได้เรื่อยๆเลย ภาษาดี เนื้อเรื่องสมูท ฟีลกู๊ด ชอบบบบบ :กอด1:

ออฟไลน์ pklinmonta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พ่อหมีตัวโตอบอุ่นมากเลย นกน้อยก็น่าเอ็นดู
เป็นชีวิตประจำวันที่เรียบเรื่อยแต่อบอวลไปด้วยความสุข

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
นกกกกน่ารักกกกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Fufufeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านเรื่องนี้ทีไร ใจเราฟูๆทุกทีเลยค่ะ อยากมอบหัวใจให้คุณนักเขียน :impress2:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :hao5:  กลับมาอ่านอีกรอบ และคิดว่าคงจะไม่ใช่รอบสุดท้าย คิดถึง นกและวีร์มากกกก

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ดีงาม รักเรื่องนี้มากกกก ดีใจที่ได้อ่านความรู้สึกที่ได้มันดีจนล้นหัวใจไปหมด ฮืออออออ  :hao5:
สงสารน้องนกจนร้องไห้ตาม น้องรู๊กกกกกกกก
น้องน่ารักน่าเอ็นดู เป็นลูกนกตัวน้อยๆที่แอบดื้อในอ้อมกอดพ่อหมี(จอมบงการ) ดุแต่ก็ใส่ใจดูแลน้องทุกอย่าง ชอบตอนนกเมาน่าฟัดมากกกที่ชอบอีกอย่างคือ
การปรับตัว การเผยตัวตนที่แท้จริง เรียนรู้ปรับตัวและยอมรับซึ่งกันและกัน มันดีมากๆ นกคือวีร์ และวีร์คือนกเท่านั้น ฮือออ อบอุ่นละมุน มันอิ่มเอิบหัวใจ วีร์ให้ที่พักพิงใจและครอบครัวที่อบอุ่นกับนก เป็นครอบครัวเล็กๆที่น่ารัก

มีเซอร์ไพร้ที่เจ็กเหลียงกับเอิร์ท ให้กร๊าวววใจไปอี๊ก ชอบเรื่องนี้มากถึงมากกกกกที่สุด
ขอบคุณนะคะ เอาใจล้านดวงไปเลยค่าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2019 13:45:05 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ pearlluv

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กลับบมาอ่านอีกรอบ ก็ยังรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิม คิดถึงนะคะ

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รู้สึกดีทุกครั้งที่อ่าน...

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ดีจังเลย ชอบจังเลย (*˘︶˘*).。*♡

แอบไปส่งทวิตคุณนข. เหมือนจะมีตอนพิเศษของวีร์กับนกเร็วๆนี้ด้วย   :katai2-1: รอนะคะ

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
เหมือนเปิดอ่านไดอารี่ของเพื่อน ชอบมากเลยฮะ  :m1:

ออฟไลน์ mpalism31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรารักนิยายเรื่องนี้มากกกมากจนซื้อเล่มไว้มาเก็บไว้ ใครที่เข้ามาอ่านแล้วคิดว่าควรเก็บเล่มดีไหม ตอบได้เลยว่าถ้าชอบนกขมิ้นในเว็บแล้วถ้าได้อ่านในหนังสือจะรักนิยายเรื่องนกขมิ้นโดยไม่มีอะไรมากั้นเลยค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น่ารักมากเลยครับ ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ เข้ามาอ่านแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ที่ได้รับกลับเกินคาดมากๆ
 :hao5:

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
มีสายเรียกเข้า

หน้าจอขึ้นชื่อคนโทรมาว่า “ครูทู่”

ทวิชชั่งใจอยู่สองสามวินาที ก่อนจะกดรับสาย

คุยกับคนพลังบวกเยอะ ๆ บางทีก็ทำให้ทวิชเหนื่อยเกินไป

“ครับ”

“นักเรียนนนนน” เสียงสดใสผิดปกติแบบนี้ ไม่ชอบมาพากลเลยสักนิด

“ครับ”

“วันศุกร์นี้คิดจะเข้ากรุงเทพไหมครับ”

“คิดว่า ไม่เข้า น่าจะดีกว่านะครับ”

“ว้า”

เสียงผิดหวังแบบเสแสร้งขนาดนั้น ไม่น่าเห็นใจเลยสักนิด

“ว้าาาาาา” ครูศิลปะ ที่กำลังพยายามล่อลวงลูกศิษย์ ทำเสียงให้น่าสงสารมากขึ้น

“…” ทวิชไม่หลงกลง่าย ๆ เพราะเคยถูกหลอกด้วยความน่าสงสารแบบนั้นมาหลายหนแล้ว

“ครั้งนี้ ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ นะครับ”

แล้วครั้งที่แล้ว ไม่จริง หรืออย่างไรนะ ทวิชสงสัย

“คราวนี้ เป็นนักเรียนแบบเรียนเดี่ยวครับ แต่ว่าต้องไปสอนที่บ้านของเขา ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะครับคุณลูกศิษย์”

ทวิชขมวดคิ้ว ยิ่งต้องไปในสถานที่ ที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งไม่อยากไป

ทวิชเลือกที่จะเงียบ

อีกฝ่ายก็ยังพยายามตื๊อด้วยการถือสายรอเงียบ ๆ เช่นกัน

ทวิชไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าครูทู่จะจ่ายค่าโทรศัพท์เป็นชั่วโมง เพื่อรับฟังความเงียบแบบนี้

สุดท้ายแล้ว คนที่มีไดนามิกในชีวิตสูง ๆ อย่างครูทู่ก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว

“ใจแข็งขึ้นทุกทีเลยนะครับ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็โทรมาก็แล้วกันนะครับ” ปลายสายทำเสียงน้อยใจแล้วยอมวางไป

ทวิชอมยิ้ม

แกล้งครูทู่นี่สนุกดีเหมือนกัน



วางสายได้ไม่ถึงนาที ก็มีเสียงแจ้งเตือน

ครูทู่ส่งรูปมาให้รูปหนึ่ง

ทวิชกดดู แล้วนิ่งไปครู่ใหญ่

ก่อนหันไปหาชนะวีร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ศุกร์นี้ไปกรุงเทพกันนะ”

ชนะวีร์ยิ้มล้อเลียน “นึกว่าคราวนี้นกจะทำใจแข็งกับครูทู่ได้นานกว่านี้เสียอีก”

ทวิชไม่ตอบ เพียงยื่นรูปนั้นให้ชนะวีร์

รูปนั้นเศร้าเกินไป

เป็นรูปที่คล้ายกับรูปอีกรูปหนึ่งที่ชนะวีร์เคยเห็น

แต่ไม่ใช่รูปเดียวกัน หลายอย่างไม่เหมือน แต่ความรู้สึกในรูปสองรูปช่างคล้ายคลึง



ธูปทองยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าแขกที่เดินเข้ามาในสตูดิโอ คือลูกศิษย์คนโปรด

“ไปกันเลยนะครับ ใกล้ถึงเวลาแล้ว” เขาหันไปพูดกับชนะวีร์ สารถีประจำวันนี้

“ทำไมคราวนี้ไปสอนถึงบ้านล่ะครับ ปกติครูไม่รับสอนตามบ้านนี่ครับ” ชนะวีร์ถามระหว่างสตาร์ทรถ

”เพราะว่าที่ลูกศิษย์คนนี้ ไม่ยอมออกจากบ้านมาเป็นปี ๆ แล้วครับ”

ทวิชขมวดคิ้ว

เขารู้ และชนะวีร์ก็พอจะเดาได้

“คงไม่ใช่เพราะโควิดสินะครับ” ชนะวีร์ถาม

“3 ปีแล้วล่ะครับ”

ทวิชเปิดดูรูปวาดนั้นอีกครั้ง

โลกภายนอกมันโหดร้ายแค่ไหนกันนะ



ภาพนั้นตอบทวิชไม่ได้



ตลอดทาง ชนะวีร์และครูทู่ คุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ ทวิชยังคงรับหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี

ทำที ว่าเป็นแบบนั้น

แต่ทั้งชนะวีร์และครูทู่รู้ว่า มีความเงียบที่ซ่อนอยู่ใต้ความเงียบอีกชั้นหนึ่ง

ข้อมูลเพียงเท่านี้ ก็รบกวนใจทวิชมากเสียจน ละความรู้สึกหนึ่งทิ้งไปไม่ได้



เมื่อรถจอดสนิท

“นก” ชนะวีร์สบตาทวิชผ่านกระจกมองหลัง

“จะไม่ทำก็ได้”

ชนะวีร์เริ่มหวั่นว่า บางสิ่งที่หายไปนานแล้วจะกลับมา

“ใช่ฮะ จะไม่ทำก็ได้” ครูทู่สำทับ

เขาเองก็ไม่อยากให้เกิดอะไรแบบนั้น แบบที่ทำให้ทวิชหลบเข้าไปอยู่ในความเจ็บปวดของอดีต

“แต่ผม เป็นคนเดียวที่ครูนึกถึง ตอนที่เห็นรูปวาดนี้ใช่ไหม” ทวิชหันมาถามครูทู่

ครูทู่ยอมรับ

งานนี้ยาก

เขาเข้าไม่ถึง

เจ้าของรูปวาดตั้งกำแพงสูง และในรูปวาดนั้นก็มีมวลอารมณ์ที่ครูศิลปะอย่างเขายังไม่เข้าใจอยู่มากมาย

ทวิช เป็นคนเดียวที่เขานึกถึงจริง ๆ

เขาแค่หวังว่า การที่มีทวิชมานั่งวาดรูปด้วย อาจช่วยทำให้บางอย่างผ่อนคลายลง

กำแพงอาจไม่สูงมากนัก หรือความไม่เข้าใจของเขาอาจลดลง

ไม่ทันคิด ว่าตัวทวิชเองก็อาจถูกกระทุ้งให้กลับไปอยู่ในความรู้สึกหนึ่ง

“งั้นวันนี้ ถือเสียว่า แค่มาส่งผมก็แล้วกันนะฮะ นกไม่ต้องลงไปหรอก”

ไม่ทันจบประโยค ทวิชกลับเปิดประตูรถแล้วลงไปยืนดูประตูรั้วบ้าน

ครูทู่หันไปสบตาชนะวีร์

“ดื้อเหมือนกันนะฮะเนี่ย”

ชนะวีร์ยักไหล่ “ครูยังไม่เห็นของจริง”

ชนะวีร์ก้าวไปยืนข้าง ๆ ทวิช

ใจหนึ่งก็ห่วงว่าจะกลับไปรู้สึกจมจ่อมกับความรู้สึกแบบเดิมอีก แต่อีกใจก็เชื่อมั่นว่า ทวิชรู้จักตัวเองดีพอ และรักตัวเองมากพอที่จะรู้ว่า ขอบเขตใดที่ตัวและหัวใจของตนจะทนไหว

อยากจะปกป้องทวิชไว้แบบไข่ในหินอยู่เหมือนกัน ให้อยู่ในโลกสีขาวเท่านั้น

แต่ชนะวีร์ก็รู้ดีว่า คำว่า แน่นอน และ ตลอดไป เป็นเพียงสิ่งสมมติ

คำว่า นานที่สุด อาจจะมีจริง

แต่ คำว่า นานที่สุด สำหรับชนะวีร์อาจจะกินระยะเวลาถึงแค่พรุ่งนี้ก็ได้

ใครจะรู้

เพราะอย่างนี้ ทวิชควรจะต้องเข้มแข็งและมีสร้างเกราะในใจได้ด้วยตัวเอง

ถ้าไม่เริ่มวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะช้าไปแล้ว

“ไหวนะ” ชนะวีน์ถามลอย ๆ ขณะยืนเคียงข้างทวิช

คนถูกถามพยักหน้าเล็กน้อย

ตาจับจ้องเงาของคนตรงหน้าต่างชั้นบน

คนตรงนั้นไม่ใช่ทวิชเสียหน่อย

เขาไม่ได้กำลังจะกลับไปเจอตัวเขาเองในอดีต

หรือ ถึงแม้ว่า นั่นคือตัวแทนของทวิชเองในช่วงเวลาที่เห็นแม่วาดรูปนั้น เขาก็ไม่ควรกลัวอีกต่อไปแล้ว

ไม่ควรลบหรือลืม แต่ควรต้องยอมรับ





“ไปกันเถอะ”

ทวิชพูดกับตัวเองเสียมากกว่า

ก่อนจะผลักประตูรั้ว เดินนำเข้าไปในบ้าน

หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว ตัวเล็กผอม แต่ไม่ได้ดูเหมือนคนที่ละเลยสุขภาพและบุคลิกภาพของตน ใบหน้ายังแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ ซ่อนครึ่งหนึ่งของฝบหน้าไว้ใต้หน้ากากอนามัย

ไม่ได้มีท่าทีต้อนรับ ออกแนวตั้งรับ เสียมากกว่า

“ฉันเคยบอกครูไปแล้ว” เสียงแหบแต่แฝงความไม่พอใจ

“ผมยังใช้โอกาสห้าครั้งของผมไม่ครบเลยนี่ครับ” ครูทู่ดูไม่เดือดร้อนกับความขุ่นใจของหญิงคนนั้น

“แต่ไม่ใช่จะพาใคร ๆ เข้ามายุ่มย่ามในบ้านฉันได้แบบนี้” เสียงนั้นดังขึ้น หน้าก็แดงขึ้นด้วย

ใคร ๆ ที่ถูกพูดถึง ได้แต่ยืนมองความไม่พอใจนั้น

ชนะวีร์ กำลังรอดูว่า ครูทู่จะรับมืออย่างไร

ส่วนทวิชก็ออกจะตกใจนิดหน่อย เพราะไม่เคยเผชิญหน้า กับ 'การไม่เป็นที่ต้อนรับ' แบบตรง ๆ แบบนี้มาก่อน

อย่างน้อย ก็ไม่เคยถูกบอกกล่าวด้วยถ้อยคำแบบนี้

“นี่คือทวิชนะครับ เป็นศิษย์เอกของผมเลย ส่วนคนโน้นชื่อคุณชนะวีร์ เป็นพขร (พนักงานขับรถ) ในวันนี้ฮะ”

ชนะวีร์เลือกส่งรอยยิ้มกว้าง สาวเท้าเข้าหาหนึ่งก้าว พร้อมไหว้อย่างน้อมน้อม “สวัสดีครับผม”

หญิงเจ้าของบ้าน ไม่ได้ก้าวถอยหลังในทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้าหา เพียงชะงักเล็กน้อย แล้วรับไหว้ด้วยใบหน้านิ่งเฉย

"คุณกลับกันไปเถอะ ขอบคุณในเจตนาดี ที่จะมาช่วยสอนลูกของฉัน แต่ฉันไม่คิดจะสนับสนุนให้เขาทำมาหากินด้วยการวาดรูปขายหรอกนะ เขากำลังอ่านหนังสือเพื่อจะเตรียมสอบครั้งสำคัญอยู่ คุณอย่ามาทำให้ลูกของฉันเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย"



ปัญหาอยู่ตรงไหนนะ ชนะวีร์สบตาครูทู่ แล้วปัญหาไหนใหญ่กว่ากัน
ก่อนที่หญิงเจ้าของบ้านจะเอ่ยปากไล่อีกครั้ง

"แม่"  ผู้ชายตัวผอม ผมปรกหน้าผาก ยืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย  "พุดอยากเรียน ให้ครูเขามาสอนเถอะ"

--โปรดติดตามตอนต่อไป--

treenature

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หายไปนานเลย...เอาใจช่วยน้องนก... :กอด1:

ออฟไลน์ kurdsuk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณมากนะคะ :o8:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ียอมเรื่องนี้เลย ไม่ว่าจะอ่านเมื่อไหร่  ก็ได้รับแต่ความอบอุ่นในทุกๆครั้งที่อ่าน ได้ยิ้ม ได้แอบน้ำตาไหล ขอบคุณ คุณคนเขียนเรื่องนี้มากๆเลยนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
(ต่อ)

ผู้เป็นแม่ นิ่งมองลูกชายอยู่ชั่วครู่ มีความไม่ชอบใจอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่มากพอจะนับเป็นความกราดเกรี้ยวได้

"แม่มองไม่เห็นประโยชน์อะไร"

ลูกชายเม้มปากนิดหนึ่ง คล้ายลังเล แต่ในที่สุดก็พูดว่า "ตอนสัมภาษณ์ เขามักจะถามถึงความสามารถพิเศษ หรืองานอดิเรกที่ชอบ ถ้าพุดวาดรูปได้ มันก็น่าจะดี... ใช่ไหมแม่"

แน่นอนว่า การสอบเข้าอะไรสักอย่างนี่คงสำคัญมาก เพราะมันเป็นเหตุผลที่โน้มน้าวเธอได้สำเร็จ

"แล้วพุดจะจัดเวลายังไง จะอ่านหนังสือทันหรือเปล่า" น้ำเสียงผิดจากเมื่อครู่ มีความอ่อนโยน ห่วงใย คล้ายกับนึกขึ้นได้ว่า แม่ที่ดีควรมีภาพลักษณ์อย่างไร

"พุดก็อ่านเพิ่มเท่าชั่วโมงที่มาเรียนวาดรูปไง" คนตรงบันได ทำน้ำเสียงร่าเริงเพิ่มขึ้นมานิดหนึ่ง

นอนน้อยลงไม่กี่ชั่วโมง ก็ไม่เป็นอะไรหรอก

ทวิชก็อยากจะเชื่อในรอยยิ้มประจบ และน้ำเสียงนั่น แต่ร่องรอยอ่อนล้าที่ดวงตานั้นชัดเจนเกินไป

เหนื่อยมากใช่ไหม

ทวิชยืนมองคนที่กำลังสร้างเกราะของความสดใส เพื่อปิดบังอะไรบางอย่างข้างใน



"ดีเลยครับ งั้นตกลงว่า คุณแม่อนุญาตให้ผมมาสอนพุดได้นะครับ" ครูธูปทอง ยิ้มกว้าง เพิ่มความร่าเริงให้กับบรรยากาศเสแสร้งตรงหน้า

"อาทิตย์ละ 2 วัน ดีไหมฮะ"

"รบกวนคุณครูมากเกินไปค่ะ ขอแค่อาทิตย์ละ 1 วัน จะดีกว่า พุดจะได้มีเวลาอ่านหนังสือด้วย" เธอพูดนุ่มนวลแต่ปฏิเสธชัดเจน

"ได้ครับ อาทิตย์ละ 1 วันนะครับ" ธูปทองยิ้มตอบ นุ่มนวลพอกัน

ชนะวีร์แปลกใจเล็กน้อย เขาคาดว่าธูปทองจะพยายามมากกว่า 1 ครั้ง

เขากำลังอยากรู้อยู่เชียว ว่าครูทู่ นั้นจะมีฝีมือประมาณไหน

"เริ่มวันนี้เลยนะครับ" ธูปทองกระชับกระเป๋าอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมก้าวขึ้นบันได

"เดี๋ยวค่ะ" คนเป็นแม่ยังรั้งไว้

"ฉันคิดว่า ใช้พื้นที่ตรงห้องนั่งเล่นจะสะดวกกว่านะคะ ห้องนั้นติดสนามด้วย ดูปลอดโปร่งดี"

และจับตามองได้ง่ายด้วย

"ได้ครับ" ธูปทองเป็นคนว่าง่ายกว่าที่ชนะวีร์คิดไว้

ค่อยเป็นค่อยไป ความวางใจเป็นสิ่งเปราะบาง  สร้างยาก ทำลายง่าย

"คิดว่า ครูคนเดียวก็น่าจะพอแล้วมั้งคะ" แม่ยังมีข้อแม้อยู่ "บ้านเราก็ไม่ได้กว้างมากมายนัก ไม่สะดวกจะรับแขกหลาย ๆ คน"

หมายความว่า ธูปทองเพียงคนเดียวก็ยุ่มย่ามในเขตบ้านของเธอมากพอแล้ว อีกสองคนควรจะกลับไปเสีย

"นี่ทวิชนะครับ" ธูปทองแนะนำอีกครั้ง "เขาเป็นลูกศิษย์ของผมเอง เรียนวาดภาพกันมาสักสองสามปีแล้ว"

"คนนี้วาดรูปเก่งนะครับ"

ทวิชขมวดคิ้วเล็กน้อย ไหนครูทู่เคยบอกว่า

ศิลปะน่ะ มันไม่มีคำว่า "เก่ง" หรือ "ไม่เก่ง" หรอก มันเป็นความสุข แล้วถ้ามันจะสามารถทำหน้าที่อื่นได้ ก็ต้องแล้วแต่คนวาดกับผู้ชม

"เคยมีคนเสนอขอซื้อรูปที่ทวิชวาดด้วยนะครับ ราคาสูงพอควร แต่ว่าเจ้าของเขาไม่ขาย" ชนะวีร์พูดเสริมขึ้น

เธอมีท่าทีสนใจ

ชอบคนเก่งใช่ไหม ชนะวีร์มาถูกทางแล้ว

ทวิชขมวดคิ้วแน่นเข้า

รูปกับดักฝันร้าย ที่ทวิชวาดและครูทู่นำไปแขวนไว้ที่สูดิโอน่ะหรือ ไม่มีคนสนใจมากขนาดนั้นเสียหน่อย คนที่ขอซื้อก็มีแค่ชนะวีร์คนเดียวเท่านั้น แต่ทวิชไม่ขาย เพราะอยากฝากกับดักฝันร้ายอันเดิมอันนั้นไว้กับครูทู่มากกว่า

นี่ก็ใกล้เคียงกับการโกหกอยู่เหมือนกันนะ ทวิชสบตาชนะวีร์

คนขี้โม้ ขยิบตาให้

ไม่ได้โกหกนา แค่เล่าไม่ครบเท่านั้นเอง

เขาหันไปคุยกับเจ้าของบ้านต่อ

"ถ้าน้องเขาได้เพื่อนนั่งวาดรูปไปด้วย ก็จะช่วยทำให้เรียนได้เร็วขึ้นด้วยนะครับ" ชนะวีร์พยายามโน้มน้าว

แต่ทว่า เขาพลาดเสียแล้ว

คนเป็นแม่ มีท่าทีบึ้งขึงขึ้น

"พุดไม่ต้องการเพื่อนหรอกค่ะ"

เล่นเอาชนะวีร์อึ้งไปเลย

ครูทู่เองก็คิดไม่ออก ว่าจะพูดอะไรอีกดี

ไม่ต้องการเพื่อน ก็เลยไม่ให้ออกจากบ้าน

เป็นอย่างนั้นใช่หรือเปล่า

"แม่หมายความว่า ผมชอบอยู่คนเดียวน่ะครับ" พุดยังคงยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย

"ใช่ค่ะ" เธอ พูดพลางหัวเราะเบา ๆ

การหัวเราะนี่ คงเพื่อทำให้เรื่องที่กำลังจะพูด ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย

"เด็กสมัยนี้ เอาแต่เล่นเกม ติดโซเชียล น้องพุดเขาไม่ชอบอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ เขาบอกว่าเสียเวลา" เธอยิ้มบาง ๆ อีกครั้ง

ท่าทางไม่พอใจสลับกับความอ่อนโยน นี่มันยังไงกันนะ ทวิชสับสน

ทวิชจึงหันไปมองเด็กมัธยมปลายที่เป็นเจ้าของเรื่อง

พุดยิ้มบาง ๆ แทบจะเป็นแบบเดียวกับแม่ของเขา "ครับ ผมไม่ชอบอะไรแบบนั้น ก็เลยคุยเพื่อนไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะครับ ชอบอ่านหนังสือเงียบ ๆ มากกว่า"



"คุณแม่ครับ" คราวนี้ธูปทองใช้น้ำเสียงจริงจัง แถมยังตีขลุม เรียกอีกฝ่ายราวกับ ได้ข้ามกำแพงหน้าสูงนั่นเข้าไปแล้ว

ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตด้วยซ้ำ

แน่นอนว่า อีกฝ่ายไม่พอใจสักเท่าไหร่

แต่ธูปทองแกล้งมองไม่เห็นสีหน้านั้น "ผมคงต้องพูดตรง ๆ ว่า พุดมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมอย่างเห็นได้ชัด"

หน้าของ คุณแม่เรียบตึงเพิ่มขึ้นไปอีก

ลูกของเธอไม่เคยมีข้อด่างพร้อย "พุดไม่ได้มีปัญหาค่ะ เขาเลือกที่จะใช้เวลาพัฒนาตัวเองมากกว่าใช้เวลาให้หมดไปวัน ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ "

"แต่ถ้าพุดไปสัมภาษณ์ ด้วยบุคลิกแบบนี้ เขาจะไม่ผ่านการคัดเลือกนะครับ" ธูปทองฟาดปังเข้าที่จุดอ่อน

ใบหน้าที่เรียบตึงอยู่แล้ว กราดเกรี้ยวเพิ่มขึ้น

มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

"กรรมการเขามองออกแน่ ๆ ครับว่า พุด introvert ในระดับที่ ถ้าได้เข้าไปเรียนแล้ว อาจเครียดมากจนเกิดปัญหาทีหลัง"

คนเป็นแม่หันมองลูกชาย ซึ่งหลบสายตา

มันเป็นความผิดของพุด

"การได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ บ้างจะช่วยปรับส่วนนี้ได้นะครับ พวกเราแค่มานั่งวาดรูปด้วย"

พวกเรา ที่หมายรวมเขากับทวิชด้วยน่ะหรือ ชนะวีร์แอบบถอนหายใจ คราวนี้ถูกครูทู่ล่อลวงให้มาทำงานใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก

ต้องกลับไปจัดตารางงานใหม่ คงต้องกันเวลา เสาร์ อาทิตย์ให้ครูทู่สัก 2-3 เดือน







ในห้องนั่งเล่นที่แยกออกมาจากตัวบ้าน

ห้องส่วนนี้โปร่ง หน้าต่างที่เป็นกระจกบานสูงแทบจรดเพดาน ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับสวนดอกไม้ภายนอก

พุดดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก

ขณะที่ครูทู่และทวิชกำลังจัดอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมสำหรับการวาดรูป

พุดได้แต่นั่งนิ่ง และจ้องมองมาที่ทวิช

โดยมีชนะวีร์ที่นั่งห่างออกไปจับตามองพุดเอาไว้อีกที

ชนะวีร์ไม่ชอบใจนัก

แต่คงไม่มีอะไรหรอก คงต้องทำความรู้จักเด็กคนนี้ให้มากขึ้นอีกสักหน่อย

"อายุเท่าไหร่"

พุดหลบสายตา ตอบเสียงค่อย "อาทิตย์หน้าจะอายุสิบเก้าแล้วครับ"

น่าแปลก

ไม่ออกไปไหนตั้งแต่อายุสิบหก อย่างนั้นหรือ

"ผมสอบเทียบ" คนเป็นเด็กพอจะเดาความสงสัยของชนะวีร์ได้

"แต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด ก็เลยอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน"

"ไม่ติดทั้ง 3 ปีเลยเหรอ"

ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เด็กที่จบมัธยมปลายได้เร็วขนาดนั้น น่าจะหัวดีพอควร

พุดเสมองไปทางอื่น "ไม่ติดในคณะที่อยากเรียนน่ะครับ"

"เคยลองไปติวไหม" สถาบันกวดวิชาที่ดัง ๆ มีอยู่หลายที่

"ผมไม่ชอบคนเยอะ ๆ "

"ทำไมล่ะ" ชนะวีร์สวมบทเจ้าหนูช่างสงสัย

ทวิชเองก็หันมาตั้งใจฟังเรื่องของพุด

"เสียงดัง วุ่นวาย" พุดเริ่มไม่อยากตอบ

ชนะวีร์ทำเป็นมองไม่ออกว่า เจ้าตัวไม่อยากจะพูดเรื่องนี้

"สนุกดีนะ มีเพื่อนน่ะ"

"ผมไม่ชอบ" ท้ายเสียงสะบัดเล็กน้อย

ครูทู่รีบเข้าผ่อนคลายบรรยากาศ

"ช่วงล็อคดาวน์แบบนี้ เลยสบายเลยสิ ปลอดภัยจากเชื้อร้อยเปอร์เซ็นต์"

"ฮะ ข้างนอกนั่นน่ะ เชื้อโรคทั้งนั้น"

ข้อความแบบนี้ฟังดูเหมือนเหยียดโลก แต่คนพูดมีสีหน้าเรียบนิ่ง จนไม่แน่ชัดว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่

"ครูทู่รู้จักกับพุดได้ยังไง" ชนะวีร์เปลี่ยนเรื่อง

"ผมเห็นรูปที่เขาโพสไว้ได้คอมเม้นท์ ตอนที่ผมไลฟ์สอนศิลปะ"

ช่วงโควิด ครูทู่ใช้วิธีนี้ สอนวาดรูปให้กับคนที่สนใจ



"ผมเห็นรูปของพี่" พุดหันมาสบตาทวิช "ตอนครูเดินโชว์ให้เห็นรูปที่แขวนในสตู"

ทวิชสบตาตอบ

คล้ายมีบางอย่างเชื่อมต่อกัน แต่ทวิชไม่ชอบความรู้สึกนี้

"สวยดีนะครับ สีเทาแบบนั้น"

"ขอบคุณ" ทวิชนึกคำพูดได้แค่นั้น

"ผมเลยวาดรูปนั้น" หมายถึงรูปที่ครูทู่เห็นน่ะหรือ รูปเดียวกับที่ทวิชเห็นใช่หรือเปล่า

พุดก้มหน้าแทนคำตอบ ทั้ง ๆ ที่ทวิชยังไม่ทันได้พูด

"แบบเดียวกันเลยใช่ไหมครับ" เด็กคนนั้นยิ้ม

แต่ทวิชไม่ยิ้ม

องค์ประกอบภาพไม่เหมือน แทบไม่มีอะไรเหมือน แต่ให้ความรู้สึกคล้ายกัน

อาจเป็นเพราะสีที่ใช้

หรืออะไรบางอย่าง

"วาดตามที่รู้สึกใช่ไหม" ทวิชถาม

พุดส่ายหน้า ยังคงยิ้มน้อย ๆ ในตอนนี้ เขาดูไม่เหมือนพุดคนที่เดินลงบันไดมา คนนั้นสักเท่าไหร่



"ผมวาดตามที่พี่รู้สึก"




"ผมวาดตามที่พี่รู้สึก"

ประโยคนี้ยังอยู่ในหัวของทวิช ขณะที่นั่งรถกลับออกจากบ้านของพุด
นอกจากครูทู่ที่สะท้อนความหดหู่ของทวิชไว้ในภาพกับดักฝันร้ายสีเทา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว ยังมีพุดอีกคนอย่างนั้นหรือ
ความเจ็บปวดของทวิชดูออกได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ


ชนะวีร์ขับรถด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือเอื้อมมากุมทวิชเอาไว้

"กลัวหรือเปล่า น้องเขาดูแปลก ๆ นะ"

ทวิชไม่กล้าแม้จะตอบ

ถ้าจะบอกว่า กลัว ก็อาจดูถูกความรู้สึกบางอย่างของพุดมากเกินไป
เด็กคนนั้น อาจสนใจงานศิลปะ หรือ สภาวะอารมณ์ของทวิชด้วยความบริสุทธิ์ใจ
คนที่ไม่ไว้ใจสังคมขนาดนั้น แต่กลับมาสนใจเขา
ถ้าทวิชปฏิเสธ
เด็กคนนี้จะเป็นอย่างไร

ทวิชไม่ใช่คนที่ชอบเป็นจุดสนใจ จึงไม่ค่อยสบายใจนัก
กับการที่มีใครก็ไม่รู้ แต่กลับทำราวกับว่ารู้จักสิ่งที่ทวิชซ่อนเอาไว้

"เสาร์หน้า ไม่ต้องมาแล้วก็ได้นะฮะ" ครูทู่ที่นั่งด้านหลังพูดขึ้น

"ครูทู่วาดกับดักฝันร้าย 2 รูปใช่ไหมครับ" ทวิชรู้ดีเพียงแต่ต้องการทบทวนบางอย่างให้แน่ใจ

"อืม พุดยังไม่เห็นรูปนั้นหรอก เขาเห็นแต่รูปที่นกวาดไว้" 

"อืม สีเทากับอีกอันที่ใส่สีอื่น ๆ ลงไป พุดยังไม่เห็นรูปนั้นหรอก เขาเห็นแต่รูปที่นกวาดไว้"

รูปแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง กับเด็กน้อยอีกคนในเงามืด

"ที่น้องพุดพูด หมายความว่ายังไงครับ" ชนะวีร์ถามธูปทอง

"ยังไม่รู้เหมือนกันครับ คงต้องใช้เวลาสักพัก" 

ธูปทองหวังไว้แบบนั้น


พุดรู้ดี การอดทนรอนั้นเป็นคุณสมบัติที่ดี
ยิ่งผลลัพธ์ที่ปรารถนานั้นยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องอดทนให้มาก
พุดสามารถทำมันได้ดีมาตลอดชีวิต
แต่การรอคอยให้ถึงเจ็ดวันในคราวนี้ ยาวนาน
ความร้อนรน เป็นแบบนี้นี่เอง

รถคันหนึ่งมาจอดหน้าบ้านแล้ว ก่อนเวลาเรียนแปดนาที
พุดขมวดคิ้ว
ไม่ใช่รถคันเดิม
พุดเริ่มรู้ตัวแล้ว
การอดทนรอคอยของเขาอาจไร้ประโยชน์
เขาพลาดอะไรไป
ถ้อยคำ ท่าที หรืออะไร
หรือเป็นเพราะผู้ชายอีกคน
ชนะวีร์
ดูอารมณ์ดี
แต่ไม่ใช่
ในสามคนที่เขาได้เจอ
ทวิชเป็นคนเดียวที่ซับซ้อนน้อยที่สุด
แต่น่าสนใจมากที่สุด
อยากรู้จัก
ทวิชโชคดีนะ
ทั้ง ๆ ที่พุดไม่เคยคิดว่า มีใครที่ควรค่ากับการทำความรู้จักมาก่อน
คนพวกนั้นวิ่งวุ่นตามความต้องการของตัวเอง เห็นแก่ตัว น่ากลัว
แบบที่แม่ของเขาบอก
แต่ทวิชดูไม่เป็นแบบนั้น เป็นสีขาว ที่เคยถูกเก็บไว้ในสีเทา
แต่ไม่ควรเป็นสีสันอื่น
อย่าเข้าไป
อันตราย

เมื่อธูปทอง เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
พุดจัดสิ่งต่าง ๆ ไว้รอแล้ว
สี พู่กัน จาน เฟรม
ครูทู่ยิ้มนำไปก่อน

"วันนี้พร้อมเรียนเลยนะ"

พุดสวัสดี พร้อมยิ้มรับบาง ๆ   "ครับ"

"อยากวาดรูปอะไร" ธูปทองถามขณะจัดอุปกรณ์ของตนเอง

"พี่อีกสองคนล่ะครับ" พุดสนใจเรื่องอื่น

มือที่กำลังสาละวันหยิบจับสิ่งต่าง ๆ ชะงักเล็กน้อย
แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
แล้วธูปทองก็จัดสิ่งต่าง ๆ ต่อ พร้อมตอบคำถาม "ติดธุระนิดหน่อย แต่เดี๋ยวเขาจะตามมา" 

"เอาล่ะ เราวาดอะไรดี" ยิ้มของธูปทองสว่างไสว

เคยทุกข์ร้อนบ้างหรือเปล่า
จัดการกับมันอย่างไร
โลกนี้ไม่เคยเลวร้ายสำหรับครูเลยหรือ

"ให้ผมเป็นคนตั้งโจทย์หรือครับ"

"อื้อ"  ครูพยักหน้ารับ จนผมยาวที่มัดรวบไว้ขยับไหว มันเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ

ดวงตานั่นก็ด้วย

"ทำไม ตาครูเป็นสีนั้น"  พุดไม่ค่อยชอบจ้องตาของใคร แต่ตาของครูมีสีสวย

"มีเชื้อฝรั่งนิดหน่อย" ครูยิ้มเผล่ แล้วเริ่มเล่าเรื่องของตนเองด้วยน้ำเสียงร่าเริง

"แต่โตมากับยายที่เป็นไทยแท้ ๆ เลย"

พุดปล่อยให้ครูเล่าไปเรื่อย ๆ
จนถึงจังหวะที่เหมาะสม "แล้วทำไมครูถึงมาสอนวาดรูป"
ธูปทองหยุดยิ้ม แล้วจึงยิ้มอีกครั้ง "เวลาวาดรูป คนเราจะลืมบางอย่าง หรือไม่ก็เปิดเผยบางอย่าง"
พุดเผลอสบตาของครู
และรีบหลบสายตา

"ครูก็วาดรูปเฉย ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องสอนคนอื่น"
และไม่ต้องพยายามที่จะสอนเขา

ยิ้มอีกแล้ว

บางรอยยิ้มของครูมันก็ทำให้เขาไม่สบายใจ

"ช่วงโควิดแบบนี้ เงินทองมันหาลำบาก ไม่เลือกงานไม่ยากจนนะ" ครูทู่ยักคิ้วให้เขา

พุดหัวเราะตาม
เพราะครูอยากให้เขาหัวเราะ และเลิกสนใจเรื่องนั้นเสีย

"แล้วทำไมพี่ทวิชถึงได้มาเรียนวาดภาพกับครูได้ล่ะครับ" ความอยากรู้อยากเห็นเมื่อมันอยู่กับเด็ก ก็จะดูไม่น่าเกลียดเท่าไหร่

"อ๋อ ชนะวีร์เขาพามาน่ะ ตอนแรกนกก็ต่อต้านมาก ไม่ยอมเรียน ทั้ง ๆ ที่วาดได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก ๆ "

"รูปที่ผมเห็นในไลฟ์ของครูน่ะหรือครับ"

"ใช่ นั่นรูปแรก นกยังวาดไว้อีกหลายรูปเลยนะ บางรูปก็ฝากไว้ที่สตู ว่าง ๆ ไปดูได้นะ" ครูทู่ชวนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นไปได้ยาก

ลองดูก็ไม่เสียหาย

"ไว้ครูถ่ายรูปมาให้ผมดูดีกว่าครับ ช่วงนี้ยิ่งไม่ควรออกไปไหน"

นึกแล้วเชียว  ครูทู่ยักไหล่

"เอาล่ะ เริ่มวาดกันเถอะ ตกลงว่า เราจะวาดอะไรกันดี"

"ไม่ต้องรอพี่ทวิชหรือครับ"

"ไม่ต้องหรอก เริ่มเลยดีกว่า"  ครูทู่หันมองนักเรียน
เผลอมองดวงตานั้นอีกจนได้
พุดรีบเบือนหน้าหนี

"sight"

"หือ?"

"โจทย์ของผมไงครับ"

"โห เล่นของยากเลยอ่ะ" ครูทู่โอด  "มา ๆ ลองดูสักตั้ง" 



ทวิชกับชนะวีร์มาถึงสักพักแล้ว
ครูทู่กับพุดก็รู้ แต่ก็ยังไม่ยอมวางมือจากภาพที่กำลังวาด
ทวิชยืนมองพุดเงียบ ๆ
มันเป็นรูปดวงตา ในดวงตาสะท้อนแสงและเงาหลากหลาย
มองแวบแรก จะเห็นความสดใส แต่เพ่งลีกลงไปกลับมีความปั่นป่วน
ทวิชไม่รู้ความหมาย แต่รู้ว่า เทคนิคที่พุดกำลังใช้ น่าสนใจ
แต่ครูทู่รู้
นั่นคือตัวเขา
เด็กคนนั้นกำลังต้องการให้เขาหยุดยิ้มเสียที

การยิ้มของเขาคงทำให้เด็กคนนี้หงุดหงิด
ก็พอ ๆ กับที่ภาพนี้ทำให้เขาหงุดหงิดนั่นแหละ
ถือว่า หายกัน ได้หรือเปล่านะ
ธูปทองพยายามจะไม่ถือสา
พยายามจะทิ้ง ความไม่สบอารมณ์ ที่กำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ไม่ได้ผล
คนเราจัดการกับความอ่อนแอของตัวเอง สองแบบ
ใช้มันเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือไม่ก็ เก็บมันไว้มิดชิด
ดูเหมือนว่าครูทู่จะเป็นแบบหลัง
เขารู้ตัวดีว่ามีมันอยู่ และบอกตัวเองให้ลืมมันไป
เรื่องพวกนี้ไม่รบกวนใจเขามานานมากแล้ว
เพราะภาพวาดได้บำบัดเขา
 
ยกเว้นภาพวาดของเด็กคนนี้

จู่ ๆ ก็มาชี้ที่ซ่อนของคนอื่นเขาง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง
อุตส่าห์คิดว่า ซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี
และเชื่อมั่นมาตลอดว่า เมื่อถึงวันที่มันถูกใครค้นเจอเข้า เขาก็จะไม่เป็นอะไร

"ครูไม่ชอบรูปของผมหรือครับ" เป็นคำถามที่บังคับให้เขาสบตามากกว่าต้องการคำตอบ

พุดอยากมองเห็นความไม่ชอบใจนั่นชัด ๆ

เพราะธูปทองจะตอบอย่างอื่นไม่ได้หรอก จะยอมเสียภาพลักษณ์ครูศิลปะอารมณ์ดีเชียวหรือ
แต่พุดคาดผิด

"ไม่ชอบ" ธูปทองตอบเสียงขรึม

แม้แต่ชนะวีร์และทวิชยังแปลกใจ

"เรามีเวลาเจอกันน้อย ไม่ควรอ้อมกันไปมาน่ะนะพุด" ครูศิลปะผมยาวสบตาพุด ตามที่เขาต้องการ

พุดบอกตัวเองอีกครั้ง
เขาไม่ชอบดวงตานั่น
มันไม่ได้มีสิ่งที่เขาอยากจะเห็น
อย่างน้อยก็ไม่มีความจำนน

"มองคนออกขนาดนี้ ไม่ทำธรรมดาเลยนะ" ธูปทองชม "วาดรูปด้วยเทคนิคขนาดนี้ ถือว่าฝีมือดีเลยล่ะ"

"แต่เจตนาไม่ดี" พร้อมตำหนิ

ชนะวีร์อมยิ้ม
ไม่คิดว่าการมาวันนี้จะเจอเรื่องสนุก
ส่วนทวิชนั้น ไม่ตกใจเท่าที่ควร
เพราะรู้มาสักพักแล้ว ว่า ธูปทองที่ยิ้มร่าเริงได้ทั้งวัน คนนั้น เป็นคนที่ธูปทองอยากให้เห็นเท่านั้น ส่วนธูปทองอีกคน ทวิชกำลังจะได้เห็นในวันนี้

พุดยังคงมีสีหน้านิ่ง
แต่ในใจคิดประมวลเรื่องต่าง ๆ ยุ่งเหยิง
คงกลับไปมีภาพลักษณ์ของเด็ก nerd ที่ไม่มีภัยต่อหน้าครูคนนี้ยากสักหน่อย
แต่การเลือกใช้มุกง่าย ๆ โง่ ๆ นี่ก็อาจปลอดภัยที่สุด

"ผมไม่เข้าใจที่ครูพูด"

ไอ้เด็กนี่

พุดไม่ยอมให้เกมเดินไปข้างหน้า
พยายามรั้งให้ทุกอย่างวนมาที่จุดเริ่มต้น

ธูปทองกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ทวิชกลับเดินไปหยิบอุปกรณ์วาดภาพ

"โจทย์คืออะไรนะครับ ผมอยากวาดบ้าง"

ทวิช ยอมย่ำอยู่ที่จุดเดิม

ธูปทองมองหน้าชนะวีร์
คำตอบจากอีกฝั่งก็คือ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตามใจทวิชเถอะ

ดูเหมือนทวิชจะไม่อยากให้ธูปทองเผยอีกตัวตนในตอนนี้

ไม่สบอารมณ์แต่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ธูปทองจึงปล่อยให้ทวิชวาดรูปในโจทย์เดียวกัน

ทวิชตั้งใจวาดรูปเหมือนทุกครั้ง แทบลืมสิ่งรอบข้างไปจนหมด
แต่ยังรู้สึกได้ว่า พุดนั่งมองรูปของเขาอยู่ตลอด
มีชนะวีร์ที่จับตามองพุดเอาไว้อีกทอดหนึ่ง
ส่วนธูปทอง วาดอีกรูปหนึ่ง มันเป็นรูปที่ไม่สวยเลย เหมือนการป้าย ๆ สีลงไปเพื่อระบายอารมณ์เสียมากกว่า
ชนะวีร์เหลือบมองรูปของครูแล้วขำ
เหมือนจะได้รับหน้าบูด ๆ ของครูตอบกลับมา

มันผิดหรือไง
ศิลปะไม่มีสวยหรือไม่สวยหรอก

ชนะวีร์ยักไหล่
ถ้าครูศิลปะคิดแบบนั้น คนทำเกสต์เฮ้าส์อย่างเขาจะไปเถียงอะไรได้
มาสนใจรูปของทวิชดีกว่า
รูปของทวิช แทบไม่มีสีขาว แต่กลับให้ความรู้สึกสะอาด
คำว่า sight ของทวิชไม่ใช่ดวงตา
มันคือการมองเห็นสิ่งอื่น
รูปนี้ไม่มีตรงไหนสื่อถึงตัวของพุด
แต่กลับทำให้หงุดหงิด

มีความสุขเกินไป
เป็นคนดีเกินไป

วันนี้มีคนหงุดหงิดเยอะจังเลย

ก่อนลากลับ ทวิชยื่นรูปที่เขาวาดให้กับพุด
พุดมองมัน แต่ไม่ยอมยื่นมือมารับ

"ปกติ ฉันจะสอนไม่ให้พุดรับของ ของคนอื่นน่ะค่ะ"  แม่ของพุดกล่าวแทน

"ถ้าอย่างนั้น ก็วาดแบบนี้สักรูปสิ" ทวิชสบตาพุด

ไม่ได้หมายความให้วาดแบบนี้
แต่อยากให้วาดด้วยความรู้สึกแบบนี้

ทวิชกลับไปคิดมาแล้วอย่างดี
กลัวเด็กคนนี้ไหม
กลัว
แต่ปล่อยไปหรือหนีไปได้ไหม
ก็คงไม่ได้

พุดยังคงไม่พูดอะไร

พี่อย่าพยายามเลย

ทวิชยิ้มเล็กน้อย
ชนะวีร์บ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าทวิชเป็นคนดื้อ
และทวิชก็ชอบใจที่ตัวเองเป็นแบบนั้น
ผิวใต้กรอบแว่นนั่นซีดจังเลย

"กินผักอะไรได้บ้าง"

จู่ ๆ ทวิชก็เปลี่ยนเรื่อง

ทวิชไม่สนใจความแปลกใจของคนรอบข้าง

"กินมะเขือเทศได้ไหม" เขาถามเด็กตรงหน้า

พุดไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้ารับ

"พรุ่งนี้จะทำไข่เจียวมะเขือเทศมาให้กินนะ" น้ำเสียงกระตือรือร้น

"ขอบคุณ พวกคุณมาก แต่ฉันดูแลลูกของฉันเองได้ อาหารการกิน อาหารเสริมไม่เคยขาด" คนเป็นแม่อย่างเธอ ไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก นั่นหมายถึง เธอดูแลลูกไม่ดีพอ แล้วยังจะเป็นเรื่องที่ต้องให้คนมาเพ่นพ่านในบ้านอีก

"พรุ่งนี้ ไม่ใช่วันมาสอนวาดรูปนะ" ครูทู่หันมาเตือนทวิช

เขาไม่ค่อยอยากให้ทวิชมาที่นี่แล้ว
ทวิชพยักหน้า
เขารู้

"ให้ผมมานะครับ ถ้าคุณแม่กลัวว่าจะไม่ร้อน ไม่สะอาด เดี๋ยวผมมาทำที่นี่ก็ได้"  ทวิชหันไปพูดกับแม่ของพุด

เด็กคนนี้

แม่ของพุดมองทวิชนิ่งอยู่
ไม่ชอบใจสักนิด
ได้คืบจะเอาศอก
ชักจะมากเกินไป

นี่มันพื้นที่ปลอดภัยของเธอกับลูก

"ไม่ได้หรอกค่ะ"

"แม่" พุดท้วง "ให้พี่เขามาได้ไหมครับ พุดอยากกิน"

เธอสบตาลูกชายคนเดียว
แล้วเบือนหน้าไป
ไม่ชอบใจนัก แต่ดูเหมือนขัดไม่ได้

ใครควบคุมใครกันแน่นะ

"ขอบคุณนะครับ" ทวิชยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น

"ผักใบเขียว ก็กินได้ใช่ไหม"  แววตาทวิชกระตือรือร้นเป็นสองเท่า

--ขอบคุณที่อ่านค่ะ--

treenature
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2021 21:45:50 โดย treenature »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แลดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนชอบกล ต้องเป็นห่วงนกไหมเนี่ย..ยยยยย    :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด