❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly  (อ่าน 92641 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คนเสียใจก็คือเพียวแน่นอน

แต่ความจริงก็คือ ไม่รักคือคือไม่รัก
รู้แล้ว ก็ต้องนอมรับความจริง การยื้อคนที่ไม่เหลือใจหรือคนที่ไม่ได้รักกันจริง มันคือการกระทำที่ไร้ค่า

เป็นกำลังใจให้เพียวนะ (แอบหวังว่านางจะไม่ร้าย)

เป็นกำลังใจให้แฟรงค์กับนัทด้วย ขอให้ซื่อตรงกับตัวเอง

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน อ่านไปได้สองตอน..รู้สึกว่าท้องเริ่มอืด..ปกติไม่ค่อยเสพดราม่าเท่าไหร่แต่เนื้อเรื่องและการเขียนน่าสนใจมากค่ะ...ไม่ว่าจะการบรรยายมันสัมผัสได้ถึงอารมณ์ตัวละครจริง... :pig4: :pig4: :pig4:
เป็นกำลังใจค่ะ...

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
เราไม่ชอบความคิดของแฟรงค์น่ะที่ว่าถ้าเราตัดเพียวออกจากชีวิตและเลือกนัท แต่นัทก้อเล่นบอกว่าจะไม่คบกับแฟรงค์แบบชู้สาวแน่ ๆ แล้วแฟรงค์มองว่าตัวเองก้อจะไม่เหลือใคร เรารู้สึกว่าความคิดนี้มันไม่ใช่อ่ะ  :katai1: เหมือนแทงกั๊กเลยน่ะ แต่เราก้อเข้าใจน่ะไม่มีใครที่อยากจะโดดเดี่ยวหรอก แต่ในเมื่อคุณคิดว่าคุณรักนัทแล้วคุณจะฝืนอยู่กับผู้หญิงที่คุณเห็นเป็นเพียงตัวแทนเขาได้เรอะ เราว่าเวลาของแฟรงค์น่ะหมดลงแล้วล่ะ ถึงจะบอกว่าสับสนแต่เราว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะในเมื่อแฟรงค์เดินหน้าจะพิสูจน์ให้นัทเห็นว่าคุณก้อมีใจให้ฉันเหมือนกันก้อแสดงว่าแฟรงค์รักนัทไปแล้วน่ะ เราสงสารเพียวน่ะถ้าสุดท้ายแล้วคุณก้อไม่ได้เลือกฉันไม่ว่าจะได้แต่งหรือไม่ได้แต่งก้อตาม  :mew2: สู้บอกเขาเสียตอนนี้เลยดีกว่าว่าคงแต่งงานด้วยไม่ได้แล้วจนกว่าจะเคลียร์ใจตัวเองได้น่ะ แล้วให้เพียวตัดสินใจเองว่าจะรอหรือไม่รอ  :เฮ้อ: ยิ่งไปทำแบบเดิม ๆ ผู้หญิงก้อยังมีความหวังว่าฉันต้องได้แต่งแน่นอน ผู้ชายรักฉันน่ะ  :m16: งานนี้ไม่เข้าข้างแฟรงค์น่ะ ส่วนนัทก้อคิดถูกน่ะถ้าจะหลีกหนีน่ะ เพราะคุณย่อมไม่อยากเป็นมือที่สาม และก้อไม่อยากที่จะเจ็บปวดกับความรักอีกแล้วน่ะ รอต่อไปว่าแฟรงค์จะทำยังไง ตอนนี้เพียวไม่อยู่แล้วนี่  :hao3:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
วันนี้จะมาไหมครับ รอๆ

เริ่มติดละนี่ 555+

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จากบทที่ 4 -- รู้สึกประทับใจในตัวนัทมาก และรู้สึกว่านัทเป็นคนน่ารักมาก คนที่ทำให้นัทเสียใจคงเป็นคนใจร้ายมากทีเดียวถึงทำได้ลง อ่านๆ ไปก็สงสาร เข้าใจที่นัทจะเจ็บฝังใจจนรู้สึกไม่อยากรักใครอีก +เป็ด (เมื่อวาน)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 6 ✢ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน



"คุณนัทคะ คุณเฮนนิ่งมาถึงแล้วนะคะ ตอนนี้พักอยู่ห้องเรือนแพห้าค่ะ"

แก้วตา พนักงานที่ฟรอนท์เดินเข้ามาบอกผมทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในอาคารต้อนรับ เธออายุมากกว่าผมหลายปีอยู่ ชื่อของเธอก็คล้ายๆ กับใครคนนั้นที่ผมเคยรักมาก ได้ยินทีไรก็แสลงใจอยู่หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับจะทำให้เป็นอะไร

"ครับ...แล้วมาถึงตอนไหนครับ"

"อืม...เกือบๆ เที่ยงคืนค่ะ"

ผมพยักหน้ารับรู้

"อ้าว คุณแฟรงค์มาทำงานละ แปลกจังเลย ตอนผู้จัดการคนก่อนอยู่ คุณแฟรงค์มาทำงานอาทิตย์ละสองสามวันเอง ตั้งแต่คุณนัทมาทำงาน คุณแฟรงค์มาทำงานทุกวันเลย"

ผมหันไปมองตามแก้วตาก็เห็นรถของแฟรงค์วิ่งผ่านไปยังที่จอดรถทางด้านหลังไวๆ ผมก็สงสัยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ

"นั่นไงคะคุณเฮนนิ่ง"

แก้วตาชี้ไปที่ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งที่กำลังเดินเล่นอยู่ตรงทางเดินรอบทะเลสาบ ฝั่งที่อยู่ใกล้อาคารต้อนรับ

"เดี๋ยวผมไปทักทายลูกค้าก่อนละกันนะครับ ถ้าแฟรงค์มา...อ้อ...ถ้าคุณแฟรงค์มาบอกว่าเดี๋ยวผมมานะครับพี่"

"ได้ค่ะๆ เดี๋ยวพี่จะบอกให้"

"ขอบคุณครับ"

ผมเดินจ้ำอ้าวออกไปแล้วก็มุ่งตรงไปหามิสเตอร์เฮนนิ่ง หนุ่มชาวเยอรมันที่จะมาพักอยู่ที่นี่นานถึงสิบวัน เป็นแขกคนสุดท้ายก่อนที่เราจะปิดปรับปรุงรีสอร์ทประมาณสองเดือน

"Good morning!  Are you Mr. Henning?"

ผมร้องทักเมื่อเดินมาถึงตัว เฮนนิ่งหันมามองแล้วก็ส่งยิ้มมาทักทายเช่นเดียวกัน ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบต้นๆ หน้าตาดูหล่อเหลามากทีเดียว แถมหุ่นยังดูดีอีกต่างหาก ว่าแต่...ผมเกิดสนใจรูปร่างหน้าตาของผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ชักแปลกๆ แล้วสิ

"Yes, I'm Henning.  And you?" เฮนนิ่งถามผมกลับบ้างว่าผมเป็นใคร

"I'm Tan--manager of the resort.  Nice to meet you."

ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปเชคแฮนด์ด้วย ปกติผมจะไม่แนะนำตัวเองว่านัทถ้าเป็นชาวต่างชาติ เพราะคำว่านัทในภาษาอังกฤษมีความหมายไม่ค่อยดี ก็เลยแนะนำตัวเองว่าชื่อแทน มาจากตัวอักษรสามตัวแรกของชื่อจริงภาษาอังกฤษของผม

"Nice to meet you, too, Tan.  Look.  Don't you think it's an amazing place?  I visit Bangkok nearly every year but I've never found a place like this before.  No one knows this is also Bangkok."

เฮนนิ่งบอกว่าที่นี่สวยมาก มากรุงเทพเกือบทุกปีแต่ก็ไม่เคยรู้ว่ากรุงเทพมีแบบนี้ด้วย ผมก็เลยขำเบาๆ

"Me too.  I've lived in Bangkok for several years but I've just known this area--not long ago.  Glad to hear you like our place."

ผมบอกเฮนนิ่งไปว่าผมเองก็อยู่กรุงเทพมาหลายปีแต่ก็เพิ่งรู้จักที่นี่ได้ไม่นาน ดีใจที่เฮนนิ่งชอบที่นี่ด้วย

"I really love it.  But it seems there aren't many customers."

"Right, we're planning to close our resort for renovation soon.  You're our last customer before we close.  But the fishing park is still open.  Usually our fishing park's customers come in the afternoon.  Many come in the evening time to enjoy fishing and dining here.  And if you like water sports, we have jet skies, kayaks and flyboards available after 10 in the morning till 6 in the evening."

เฮนนิ่งสงสัยว่าทำไมมีลูกค้าน้อย ผมจึงอธิบายไปว่าเรากำลังจะปิดปรับปรุงรีสอร์ท แต่บ่อตกปลายังเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนมากลูกค้าจะมาตอนบ่ายๆ หรือเย็นๆ มาตกปลาแล้วก็ทานอาหารเย็นที่นี่ แล้วก็แนะนำไปด้วยว่าเรามีเจ็ทสกี เรือคายัคและฟลายบอร์ดให้เล่นตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ถือโอกาสขายของไปด้วยซะเลย

"Wow!  So many activities to do here." เฮนนิ่งหัวเราะแล้วก็มองหน้าผมเหมือนสนใจอะไรบางอย่าง

"How long have you worked here, Tan?" เฮนนิ่งถามผมว่าทำงานที่นี่มานานหรือยัง

"This is my second week here." ผมบอกว่าเพิ่งเข้ามาทำงานเป็นสัปดาห์ที่สอง

"I see. So you're new.  What did you do before?"

เฮนนิ่งเริ่มชวนผมคุยเรื่องตัวผมเอง แล้วก็ถามผมหลายอย่าง แม้กระทั่งถามว่า

"Are you single or married?"

"I'm still single." ผมบอกเฮนนิ่งไปว่าผมยังโสดแล้วก็หัวเราะแหะๆ

"Do you like boys or girls?"

อยู่ๆ ก็ถามผมว่าชอบผู้ชายหรือผู้หญิง เล่นเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน

"I like girls." หลังจากอึ้งไปสักพักจึงตอบไปว่าชอบผู้หญิง

"Aren't you interested in boys at all?"

เฮนนิ่งถามผมว่าไม่สนใจผู้ชายบ้างเลยหรือ ผมก็เลยได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่รู้จะตอบว่ายังไง

"I like boys."

ผมทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเฮนนิ่งชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากให้เสียมารยาท อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องบอกผมด้วย ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร เสียงใครคนหนึ่งก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

"Good morning! Are you Henning?"

แฟรงค์นั่นเอง ไม่รู้ว่าเดินมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮนนิ่งจึงหันไปพูดคุยทักทายกับแฟรงค์ในฐานะเจ้าของรีสอร์ท ทำให้ผมคลายความกดดันลงไปได้พอสมควร อายุป่านนี้แล้วผมก็พอจะเดาได้ว่าเฮนนิ่งกำลังแสดงความสนใจในตัวผมอยู่

แฟรงค์กับเฮนนิ่งคุยกันไปสักพัก แล้วก็มีคำถามหนึ่งที่ทำให้ผมถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยโดยไม่รู้ตัว

"How do you find our resort?" แฟรงค์ถามเฮนนิ่งว่ารีสอร์ทนี้เป็นยังไงบ้าง

"I love it.  It's such a beautiful place.  I love everything here, especially an adorable guy like you."

เฮนนิ่งตอบว่าที่นี่สวยมาก ชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะคนน่ารักอย่างคุณ แล้วก็หันมามองหน้าผมพร้อมกับยิ้มหวาน แววตามีประกายคู่นั้นทำให้ผมประหม่าจนรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไม่ใช่เพราะชอบแต่ทำตัวไม่ถูกต่างหาก เกิดมาก็ไม่เคยถูกผู้ชายด้วยกันชมว่าน่ารักต่อหน้าต่อตามาก่อน

"Yes, he's such an adorable guy."

แฟรงค์ที่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงอยู่พูดขึ้นมาบ้าง จากนั้นก็เดินมากอดไหล่ผมไว้ เฮนนิ่งขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

"Oh! Are you two...?"

"Yes, he's my boyfriend."

แฟรงค์ดันไปบอกเฮนนิ่งว่าผมเป็นแฟนซะงั้น ผมนี่มองแฟรงค์ตาค้างเลย

"Oh! I see.  I thought he's your resort's manager."

"Yes, he's both my manager and my adorable boyfriend."

เฮนนิ่งนึกว่าผมเป็นแค่ผู้จัดการ แฟรงค์เลยบอกว่าผมเป็นทั้งสองอย่าง แถมยังเน้นคำว่า "adorable" ชัดถ้อยชัดคำ

"ทำไมแฟรงค์พูดอย่างงั้นล่ะ"

ผมรีบท้วงเมื่อแฟรงค์ยืนยันกับเฮนนิ่งว่าผมเป็นทั้งผู้จัดการและเป็นแฟนที่น่ารักด้วย

"อยู่เฉยๆ เหอะน่า"

แฟรงค์กัดฟันบอกเบาๆ ยิ้มอย่างมีชัยชนะ

"Oh!  I'm sorry. I didn't realise that."

เฮนนิ่งก็เลยต้องขอโทษเพราะคิดว่าตัวเองมายุ่มย่ามกับแฟนของคนอื่น หน้าเสียไปเลย เราพูดคุยกันอีกนิดหน่อยเฮนนิ่งก็ขอตัวกลับไปที่ห้องพัก ส่วนผมกับแฟรงค์ก็กลับเข้ามาในห้องทำงานเพื่อคุยงานกันต่อ

"นัท...เรื่องรีทรีทสำหรับสตาฟของเรา นัทพอจะมีไอเดียบ้างมั้ยว่าจะไปที่ไหนดี"

พอเข้ามาในห้องทำงาน แฟรงค์ก็ถามผมเรื่องที่จะพาเจ้าหน้าที่ของโรงแรมไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดช่วงปิดรีสอร์ท

"ไปเขาค้อไหมล่ะ เพิ่งมีรีสอร์ทมาเปิดใหม่ติดถนนสายสิบสองเลย บรรยากาศดีมาก"

ผมเสนอไปพร้อมๆ กับเปิดแม็คบุ๊คของตัวเองไปด้วย ตอนนี้ผมทำสรุปงบประมาณปรับปรุงรีสอร์ทค้างไว้อยู่ กะว่าจะทำต่ออีกสักหน่อย คงไม่เสร็จทั้งหมดหรอกเพราะยังต้องให้บริษัทเข้ามาประเมินราคาอีกหลายเจ้า

"ก็ดีเหมือนกันนะ แฟรงค์อยากกลับไปที่นั่น ไม่ได้กลับไปนาน คงจะเปลี่ยนไปเยอะเลย" แฟรงค์พูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง

"ก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน แต่ยังไงๆ แฟรงค์ก็คงจำได้ว่าเป็นเขาค้อ อ้อ...นัทว่าจะให้ไอ้ปอนด์มาช่วยทำกิจกรรมสันทนาการด้วย ไอ้ปอนด์มันชอบ ตอนสมัยเรียนมันเป็นเด็กกิจกรรม ถ้าเราไปศุกร์เสาร์อาทิตย์ ไอ้ปอนด์มันพอลางานได้อยู่ แต่ต้องบอกมันล่วงหน้าซักหนึ่งอาทิตย์ ให้มันวันละสามพันมันก็โอเคแล้ว พักห้องเดียวกับนัทก็ได้ ถ้าแฟรงค์เห็นด้วย นัทจะได้บอกให้ไอ้ปอนด์มันเตรียมลางานแล้วก็ทำโปรแกรมไว้เลย แฟรงค์ว่ายังไง"

แฟรงค์พยักหน้าตกลงแต่โดยดี แล้วก็ทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะตัดสินใจพูด

"นัท...แฟรงค์มีเรื่องสำคัญอยากคุยกับนัทหน่อย กินข้าวเที่ยงแล้ว...คุยกันหน่อยได้มั้ย พอดีตอนเย็นๆ แฟรงค์ต้องไปงานวันเกิดเพื่อนแถวๆ สีลม กลัวไม่มีเวลาคุยกัน อ้อ...ไม่ต้องกลัวว่าแฟรงค์จะหาว่านัทเอาเวลางานมาทำเรื่องส่วนตัวหรอก แฟรงค์ไม่ได้ต้องการให้นัททำงานวันละแปดชั่วโมงพอดีเป๊ะ ถ้ามีงานเยอะก็ทำเยอะได้ แต่ถ้ามีงานน้อย ก็ไม่ต้องทำถึงแปดชั่วโมงหรอก อีกอย่าง...นัทพักอยู่ที่นี่ตลอด บางทีถึงเวลาพักแล้วก็ยังมาช่วยดูความเรียบร้อยให้ตั้งหลายอย่าง แฟรงค์ก็เกรงใจว่านัทจะทำงานมากไปด้วยซ้ำ"

แฟรงค์พูดเสียยาวเพื่อโน้มน้าวให้ผมเห็นว่าการพูดคุยกับแฟรงค์จะไม่ทำให้เสียเวลางาน

"หรือว่า...นัทยังมีงานค้างอยู่เยอะหรือเปล่า"

แฟรงค์ถามย้ำอีกครั้ง ผมจึงส่ายหน้า

"ไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถ้ามันสำคัญมากก็คุยได้ ไม่นานใช่มั้ย"

"ไม่นาน"

แฟรงค์บอกแล้วก็ยิ้ม แต่ผมกลับชักหวั่นใจ กลัวแฟรงค์จะชวนคุยเรื่องนั้นอีก เห็นทีผมจะต้องพูดอะไรบางอย่างที่จะทำแฟรงค์หยุดคิดเรื่องนี้เสียที

พอเรากินข้าวกลางวันด้วยกันแล้ว แฟรงค์ก็พาผมมานั่งคุยกันตรงศาลาทรงไทยที่ทำไว้สำหรับให้ลูกค้ามานั่งเล่นและคุยกันสบายๆ แต่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว เราจึงยึดพื้นที่คุยกันได้อย่างไม่ต้องกังวล คุยสัพเพเหระไปได้หน่อยแฟรงค์ก็เริ่มเข้าเรื่อง

"นัทรู้มั้ย...เรื่องที่นัทชอบกินไอติมเป็นเรื่องที่แฟรงค์จำได้ไม่เคยลืมเลย ฝังอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว พอแฟรงค์เจอใครสักคนที่ชอบเหมือนนัท มันก็ทำให้แฟรงค์รู้สึกถึงความชอบบางอย่างในอดีต แฟรงค์ก็เลย...คิดว่าแฟรงค์รักเพียว ทุกวันนี้ก็ยังรักนะ แต่...พอแฟรงค์ได้เจอนัท แฟรงค์ก็เริ่มสงสัยตัวเองว่า...ที่แฟรงค์คิดว่าแฟรงค์รักเพียว เป็นเพราะว่าแฟรงค์รักเพียวจริงๆ หรือว่ารักใครบางคนที่ซ้อนทับอยู่ข้างหลัง นัท...แล้วต้องตาล่ะ เค้าทำให้นัทนึกถึงแฟรงค์ เหมือนที่เพียวทำให้แฟรงค์นึกถึงนัทหรือเปล่า แฟรงค์ขอโทษนะที่ต้องพูดเรื่องแฟนเก่าของนัทขึ้นมา แฟรงค์อยากรู้จริงๆ แต่ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แฟรงค์เข้าใจ"

สีหน้าของผมค่อยๆ เปลี่ยนจากยิ้มสบายเป็นกังวล ผมรู้ว่าแฟรงค์สงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว

"นัทไม่รู้" ผมตอบโดยไม่หันไปมองหน้า

"นัท...บอกแฟรงค์ตรงๆ ได้มั้ย ไม่รู้สิ แฟรงค์ว่า...เราสองคนน่าจะเป็นเหมือนกัน นัทรู้มั้ยว่าแฟรงค์เองก็รู้สึกเจ็บปวดมากตอนที่แฟรงค์มาเรียนที่กรุงเทพ แฟรงค์แทบจะไม่คบใครเป็นเพื่อนเลยเพราะแฟรงค์...คิดถึงแต่นัท อยากได้เพื่อนแบบนัท อยากได้ใครสักคนแบบนัทเข้ามาในชีวิต แฟรงค์ว่า...แฟรงค์คงฝังใจอยู่ลึกๆ พอเจอใครซักคนที่ทำให้แฟรงค์นึกถึงนัทผ่านเข้ามา แฟรงค์ก็เลยคว้าไว้ ชดเชยความสูญเสียในอดีตไง"

แม้บรรยากาศรอบข้างจะมีเสียงกิจกรรมต่างๆ แต่ผมก็แทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมเข้าใจที่แฟรงค์พูดทุกอย่าง แต่ผมไม่อยากเติมเชื้อไฟระหว่างแฟรงค์กับผมอีกแล้ว เราควรจะยุติทุกอย่างไว้ที่ความเป็นพี่น้องกันเท่านั้น ผมถอนหายใจยาวอย่างหนักใจแล้วก็หันไปมองหน้าแฟรงค์ที่นั่งอยู่ข้างๆ

"แฟรงค์..." ผมหยุดเว้นจังหวะไปสักพัก แฟรงค์จ้องมองตาผมอย่างใจจดใจจ่อ

"นัท...ขอยืนยันเหมือนเดิมที่นัทเคยพูดกับแฟรงค์ไว้เมื่อวานก่อน"

แล้วแฟรงค์ก็รีบสวนขึ้นมา

"เป็นเพราะแฟรงค์กำลังจะแต่งงานกับเพียวหรือเปล่า นัท...แฟรงค์จะบอกนัทว่าแฟรงค์ตัดสินใจแล้ว ถ้าเพียวกลับมา แฟรงค์จะบอกเพียวไปตรงๆ ว่าแฟรงค์..."

"อย่านะแฟรงค์!"

ผมรีบสวนกลับโดยเร็วเช่นกัน ทุกอย่างเงียบงันในบัดดล

"ต่อให้แฟรงค์ไม่มีเพียว หรือไม่ได้แต่งงานกับเพียว นัทก็ยังขอยืนยันเหมือนเดิม"

"ทำไมล่ะนัท!" แฟรงค์ถามเสียงแหบพร่าราวกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดไป

"นัทบอกแฟรงค์ไม่ได้ แฟรงค์อย่าบังคับให้นัทต้องบอกแฟรงค์เรื่องนี้เลย นัทขอร้องนะแฟรงค์"

"นัท!"

เห็นแฟรงค์ทำหน้าเศร้าแล้วผมก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้ แต่ผมก็เลือกแล้วที่จะให้มันเป็นอย่างนี้

"แฟรงค์...อย่าเลิกกับเพียวนะ สัญญากับนัทได้มั้ยว่าแฟรงค์จะแต่งงานกับเพียว หยุดความสัมพันธ์ของเราไว้แค่พี่น้องเท่านั้น ไม่อย่างงั้นแล้ว...ครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน"

แฟรงค์ถึงกับตาโตและอ้าปากค้างเมื่อผมได้ยื่นคำขาดนี้ไป แฟรงค์จับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้างแล้วหันหน้าผมมาตรงๆ

"นัท! ทำไมนัทถึงได้บังคับให้แฟรงค์สัญญาเรื่องนี้ล่ะ แฟรงค์ไม่สัญญา แฟรงค์ไม่อยากทำอะไรที่ขัดกับหัวใจของตัวเองอีกแล้ว"

"ถ้าอย่างงั้น...นัทก็คงจะต้องไปจากที่นี่ แล้วเราสองคน...ก็จะไม่ได้เจอกันอีก...ตลอดชีวิต"

"นัท!"

มือของแฟรงค์ที่จับไหล่ผมอยู่แทบจะหมดเรี่ยวแรงไปทันที แล้วผมก็เห็นหยดน้ำตาของแฟรงค์ ผมทำให้แฟรงค์มีน้ำตาอีกแล้ว  แต่ผมก็ทำได้แค่ขอโทษแฟรงค์ในใจ เพราะผมไม่มีหัวใจจะรักใครอีกแล้ว รู้สึกหวาดกลัวจนเกินกว่าจะรับความรักจากใครได้ ไม่ว่าจะจริงใจแค่ไหนก็ตาม

... ... ...

ตกเย็น แฟรงค์ก็ขับรถออกไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน เราไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนผมก็พาเฮนนิ่งไปเล่นเจ็ตสกีกับลูกค้าคนอื่นๆ ผมพอเล่นเป็นบ้างเพราะเคยเล่นกับเพื่อนๆ สมัยเรียนบ่อยๆ จึงพอเล่นเป็นเพื่อนได้

จากนั้นเฮนนิ่งก็ขอลองเล่นฟลายบอร์ด มีอุปกรณ์เป็นแผ่นกระดานต่อกับท่อสูบน้ำที่ยืดหยุ่นและโค้งงอได้ มีช่องให้น้ำไหลลงใต้แผ่นกระดานสองช่อง คนที่เล่นจะขึ้นไปยืนบนแผ่นกระดานแล้วล็อกเท้าไว้กับที่ล็อกเท้า จากนั้นก็จะสูบน้ำเข้าไปในท่อ แรงดันน้ำจะทำให้แผ่นกระดานยกตัวสูงจนลอยขึ้นไปในอากาศ น้ำที่ถูกสูบขึ้นไปจะถูกปล่อยลงมาข้างล่าง คนที่อยู่บนกระดานสามารถตีลังกาหรือเล่นโลดโผนได้ เฮนนิ่งดูจะสนุกกับกีฬานี้มากทีเดียว ขอเล่นตั้งหลายรอบ แถมยังให้ผมลองด้วย ผมก็ไม่ปฏิเสธเพราะอยากลองเหมือนกัน

ผมกินข้าวเย็นกับเฮนนิ่งที่ร้านอาหารกลางน้ำ คุยกันไปสารพัดเรื่อง แต่ก็ดูเฮนนิ่งระวังตัวเหมือนกันตั้งแต่ที่แฟรงค์บอกว่าผมเป็นแฟน เราไปเดินเล่นด้วยกันอีกนิดหน่อยหลังจากอาหารเย็น ก่อนที่ต่างคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน

ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็โทรหาแม่ คุยกันเป็นชั่วโมงๆ เลย คุยกับแม่บ้าง พี่นิวบ้าง พอแม่รู้ว่าผมจะพาพนักงานที่รีสอร์ทไปเที่ยวเขาค้อ แกก็ตื่นเต้นใหญ่ บอกให้ผมพาเพื่อนพนักงานไปกินขนมจีนฟรีที่ร้านด้วย แล้วก็กำชับให้ผมพาแฟรงค์ไปหาแม่ให้ได้เพราะแม่อยากเจอแฟรงค์มาก

คุยกับแม่เสร็จแล้วผมก็เห็นมิสคอลจากเบอร์เดิมโทรเข้ามาหลายครั้ง ความจริงผมได้ยินเสียงเตือนตอนคุยกับแม่แล้วล่ะ พอเห็นว่าเป็นเบอร์พี่ที่ทำงานเก่า ผมก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ด้วยความอยากรู้จึงโทรกลับไปหา

"หวัดดีครับพี่ไปรยา สบายดีนะครับพี่ มีเรื่องอะไรตื่นเต้นหรือเปล่าครับ เห็นมิสคอลมาตั้งหลายครั้ง"

ผมกรอกเสียงลงไปเมื่ออีกคนรับสาย

"มีสิ พี่มีเรื่องจะเล่าให้นัทฟัง เรื่องสำคัญมาก"

"เรื่องอะไรเหรอครับพี่"

ผมถามอย่างตื่นเต้น พี่ไปรยาเป็นเพื่อนต่างแผนกในที่ทำงานเก่า ผมพอจะคุยด้วยได้บ้าง แต่คนในแผนกเดียวกันนั้นขัดแย้งกันจนแทบจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว

"ต้องตากับวิโรจน์น่ะสิ ทะเลาะกันใหญ่เลยเมื่อตอนกลางวัน พี่เดาว่าน่าจะเป็นเรื่องธุรกิจร้านกาแฟนั่นแหละ สงสัยจะตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้หรือเปล่า เห็นเขาว่านะ..."

พี่ไปรยาเล่าใหญ่เลยโดยไม่สนใจว่าผมอยากฟังหรือเปล่า ผมก็ปล่อยให้แกเล่าไป แต่ผมก็แทบจะไม่ได้ฟังเลยด้วยซ้ำ พอฟังแกเล่าจบ ผมก็พูดคุยกับพี่ไปรยาอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสายไป แล้วก็นั่งถอนหายใจเฮือก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงที่ได้ยินคนรักเก่ากำลังมีปัญหากับคนรักใหม่ รู้แค่ว่าต่อไปผมจะไม่รับสายคนที่ทำงานเก่าอีกแล้ว ผมไม่อยากรับรู้อะไรจากที่นั่นให้เปลืองสมองอีก

ผมเปิดทีวีดู กดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยโดยไม่มีจุดหมายชัดเจน ในหัวก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ใช่เรื่องแฟนเก่าหรอก เรื่องแฟรงค์ต่างหาก คิดไปคิดมาผมก็ชักไม่แน่ใจว่าผมพูดกับแฟรงค์แรงไปหรือเปล่า อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าแฟรงค์จะคิดมาก

เกือบๆ สี่ทุ่ม ผมกำลังจะปิดทีวีนอนอยู่แล้ว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ใครกันมาหาผมดึกดื่นป่านนี้ หวังว่าคงไม่ใช่เฮนนิ่งละกัน พอรู้ว่าเฮนนิ่งชอบผู้ชายผมก็ชักกลัวๆ

ผมเดินไปเปิดประตูแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นแฟรงค์ยืนรออยู่พร้อมกับถุงอะไรบางอย่างในมือ

"พี่ซื้อไอติมมาฝาก"

"ฮาเก้นดาสเหรอ!"

ผมตาโตใส่อย่างลืมตัว ลืมไปเลยว่าเพิ่งมีเรื่องที่ยังคุยกันไม่เข้าใจกับแฟรงค์อยู่ ผมชอบกินไอศครีมยี่ห้อนี้มาก แต่ไม่ได้กินบ่อยๆ หรอกเพราะว่ามันแพง

"พี่เข้าไปได้มั้ย"

แฟรงค์ถามด้วยสีหน้าเกรงใจ ผมจึงพยักหน้า

"พี่ซื้อมาหลายรสเลย นัทจะกินเลยมั้ย"

"ไม่ดีกว่า นัทเพิ่งกินข้าว ไม่อยากกินอะไรตอนเย็นๆ เดี๋ยวอ้วน"

แฟรงค์พยักหน้าเข้าใจ ต่างคนต่างไม่รู้จะทำสีหน้ายังไง จะขำก็ไม่กล้าขำ

"เดี๋ยวพี่เอาใส่ตู้เย็นไว้ให้ละกัน"

พอแฟรงค์เปลี่ยนมาเรียกแทนตัวเองว่า "พี่" แล้ว บรรยากาศระหว่างเราสองคนก็เปลี่ยนไปจากเมื่อกลางวันมากทีเดียว

"ทำไมกลับมาเร็วล่ะ นัทนึกว่าพี่แฟรงค์จะกลับดึกแล้วก็นอนที่บ้านซะอีก"

ผมถามในขณะที่แฟรงค์กำลังจัดกล่องไอศครีมใส่ช่องฟรีซอยู่ พอจัดเสร็จและปิดตู้เย็นแล้วก็หันมายิ้มให้

"กลัวใครบางคนเหงา ก็เลยแวะมาดูหน่อย อีกอย่าง...พี่ไม่ได้ซื้อไอติมให้นัทกินนานแล้ว พอดีผ่านไปเจอร้านก็เลยแวะซื้อมาให้ ชอบใช่มั้ยยี่ห้อนี้"

ผมพยักหน้า รู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อยเลยแม้ว่าจะมีเรื่องค้างคาใจกันอยู่ก็ตาม

"ขอบคุณนะพี่แฟรงค์"

แฟรงค์ยิ้มกว้างขึ้นจากที่ดูเหมือนไม่ค่อยกล้ายิ้มเต็มที่ แล้วก็เอามือจับที่คอของตัวเองสองสามครั้งเหมือนคนกระหายน้ำ พอนึกได้ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำให้แฟรงค์บ้าง แฟรงค์รับไปดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นก็ยื่นแก้วมาให้อีกที

"อีกแก้วสิ"

ผมรินน้ำใส่แก้วให้อีกรอบ แฟรงค์ก็ดื่มอีกจนหมดแก้วเช่นกัน

"พี่แฟรงค์จะกลับไปนอนบ้านหรือว่าจะ..."

"แล้วถ้าพี่จะขอนอนด้วย นัทจะว่าอะไรพี่มั้ย"

ผมรีบส่ายหน้า แฟรงค์หัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วก็ยื่นมือมาลูบผมของผมเบาๆ

"My adorable brother"

แน่ะ มีพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วย เป็นอะไรของเค้าเนี่ย

"พี่อยากอาบน้ำ มีเสื้อผ้าให้พี่ใส่ซักตัวสองตัวมั้ย"

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ยังไม่ทันได้พูดอะไรแฟรงค์ก็ถอดแจ็คเก็ตยีนส์ตัวโปรดออก เหลือแต่เสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียว จากนั้นก็ค่อยๆ ปลดเข็มขัดแล้วก็ถอดกางเกงยีนส์สีน้ำเงินออกไปด้วยอีกตัว แฟรงค์จึงเหลือแต่เสื้อกล้ามและชุดชั้นในสีเดียวกัน อวดหุ่นเซ็กซี่ให้ผมใจสั่นเล่น แล้วก็ส่งผ้าสองชิ้นนั้นให้ผม

"แขวนผึ่งให้พี่หน่อยนะ ยังไม่ต้องซักหรอก พรุ่งนี้ยังพอใส่ได้"

แฟรงค์พูดหน้าตาเฉย ผมรับเสื้อผ้าสองชิ้นมาอย่างงงๆ

"ทำไมไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวก่อนล่ะ"

"ทำไม อายเหรอ เมื่อก่อนนัทเห็นของพี่ออกบ่อย พี่ไม่เห็นอายเลย"

ดูพูดเข้า ผมไม่อยากต่อความก็เลยไปค้นตู้เสื้อผ้า ได้ไม้แขวนเสื้อว่างๆ สองอันแล้วผมก็เอาชุดที่แฟรงค์ส่งให้ไปแขวนผึ่งข้างนอก ส่วนแฟรงค์ก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมกลับเข้ามาในห้องแล้วก็เตรียมชุดที่จะใส่นอนให้ จะว่าไปผมก็ทำเหมือนเป็นเมียแฟรงค์เลย แต่ก็แปลกดีที่ผมกลับรู้สึกดีที่ได้ดูแลแฟรงค์อย่างนี้

แฟรงค์นุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ ผมจึงเดินเอาเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นของผมไปส่งให้ แฟรงค์รับไปใส่แล้วก็เดินไปจัดองค์ทรงเครื่องที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เรียบร้อยแล้วก็เอาผ้าขนหนูไปตากข้างนอก ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง

"ไปเดินเล่นกันมั้ย"

ผมเลิกคิ้วมอง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของผม ถึงวันนี้นอนดึก พรุ่งนี้ก็ตื่นสายชดเชยได้

อากาศข้างนอกกำลังเย็นสบาย มีลมพัดเบาๆ กระทบผิวกายเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหนาว แฟรงค์พาผมมานั่งตรงซุ้มม้านั่งที่โยกได้ใกล้ๆ กับที่พัก มองไปไกลๆ จะเห็นเรือนพักเป็นเงาๆ มีเพียงเรือนพักของเฮนนิ่งเท่านั้นที่เปิดไฟส่องสว่าง

แฟรงค์ชวนผมคุยอย่างอารมณ์ดีหลายเรื่อง ส่วนมากก็เป็นเรื่องเก่าๆ ของเราสมัยเด็กๆ มีเรื่องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง พอให้รู้จักชีวิตช่วงที่เราไม่เจอกันมากขึ้น แฟรงค์เปลี่ยนมาเรียกแทนตัวเองว่าแฟรงค์แทนพี่ด้วย ดูๆ ไปแฟรงค์ก็มีความสุขมากทีเดียว ส่วนผม ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้ใช้เวลาดีๆ กับแฟรงค์แล้วจะไม่มีความสุขหรอก แม้จะไม่พูดแต่สายตาของผมก็ฟ้องทุกอย่าง

พอคุยกันไปสักพัก จู่ๆ แฟรงค์ก็ถอนหายใจ สีหน้าก็พลันจริงจังขึ้น

"ถ้าโลกนี้มีคนที่ชื่อแฟรงค์สองคนที่เหมือนกันทุกอย่างก็น่าจะดีนะนัท เหมือนกันทั้งนิสัยใจคอ แล้วก็รูปลักษณ์ภายนอก ชีวิตแฟรงค์คงจะง่ายกว่านี้เยอะเลย"

แฟรงค์ก้มหน้านิ่ง เหมือนคิดอะไรบางอย่าง

"ทำไมล่ะแฟรงค์"

แฟรงค์หันมามองผมอย่างเศร้าๆ

"นัทก็น่าจะรู้นะว่าแฟรงค์หมายถึงอะไร"

ผมอึ้งไปเล็กน้อย ความอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามาเมื่อผมรู้ว่าเรากำลังจะคุยเรื่องอะไรกัน

"อย่าโกรธแฟรงค์เลยนะนัทที่พูดเรื่องนี้อีก อย่าโกรธแฟรงค์ได้มั้ยที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ถ้าคนเราห้ามใจได้ง่ายขนาดนั้น โลกนี้ก็คงไม่มีความรักหรอก"

ผมคิดตามแล้วก็ได้แต่นั่งเงียบๆ บอกไม่ถูกเลยว่าในหัวใจรู้สึกยังไงกับคำพูดนี้ แต่ก็คงมีส่วนจริง ถ้าห้ามใจได้ตัวเองได้ง่ายๆ ความรักก็คงหมดอิทธิพลกับชีวิตมนุษย์ โลกของเราคงจะต่างไปจากนี้มากทีเดียว

"แต่แฟรงค์ก็รู้ว่าแฟรงค์คงไม่มีทางเลือก ถ้าจะให้เลือกระหว่าง...แฟรงค์ยังได้เจอนัทอยู่ กับชีวิตของแฟรงค์ที่ไม่มีนัท แฟรงค์ก็ต้องเลือกอย่างแรก เพราะแฟรงค์...ไม่อยากให้นัทจากแฟรงค์ไปไหนอีก เอาเป็นว่า...แฟรงค์จะพยายามนะนัท แต่แฟรงค์ก็อยากให้นัทรู้ว่า...นัทเป็นคนที่แฟรงค์ตามหามาทั้งชีวิต ถึงจะเป็นผู้ชายที่แฟรงค์เองก็ยังไม่รู้ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ยังไง แต่แฟรงค์ก็รู้ว่า...ความรักจะช่วยให้เราจัดการมันได้เอง"

แฟรงค์หยุดเว้นจังหวะ มองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง

"แฟรงค์ก็ไม่รู้หรอกว่ามันถูกต้องไหม แฟรงค์รู้แค่ว่า...นัทเป็นคนที่ใช่สำหรับแฟรงค์ทุกอย่าง แฟรงค์ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยตั้งแต่มีแฟนมา"

ผมนั่งนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด น้ำลายเหนียวเสียจนกลืนแทบไม่ลง

"ความรู้สึกของแฟรงค์มาไกลแล้วนะนัท แฟรงค์ไม่รู้ว่าจะถอยกลับไปที่เดิมได้หรือเปล่า ความรู้สึกของแฟรงค์ที่มีให้เพียวก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว แฟรงค์อาจจะผิดที่...ไม่รู้สึกกับเค้าเหมือนเดิม แฟรงค์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า...ถ้าแฟรงค์แต่งงานกับเค้า แล้วชีวิตที่เหลือของแฟรงค์จะเป็นยังไง มันไม่เหมือนเดิมจริงๆ นะนัท แต่ถ้านัทต้องการให้เป็นอย่างงั้น ถ้าแฟรงค์ดึงดันแล้วต้องเสียนัทไป แฟรงค์ก็จะยอม...ตัดเส้นเลือดหัวใจตัวเอง"

"แฟรงค์"

ผมดึงแฟรงค์เข้ามากอดไว้ด้วยความสงสารจับจิตจับใจ เราสองคนกอดกันแน่นแล้วก็ร้องไห้เบาๆ

"แฟรงค์ นัทอยากจะรักแฟรงค์นะ แต่นัท...รักแฟรงค์ไม่ได้"

ผมรู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ต้องพูดคำที่ทำร้ายหัวใจของแฟรงค์อีกแล้ว

"ทำไมล่ะนัท ทำไมนัทถึงรักแฟรงค์ไม่ได้ นัทกลัวอะไรเหรอ"

ผมทำใจลำบากเหลือเกินเพราะรู้ว่าพูดไปก็จะทำร้ายหัวใจแฟรงค์ให้เจ็บหนักขึ้น ผมไม่อยากให้แฟรงค์ต้องเจ็บจากคำพูดของผม ผมเคยเจ็บจากความรัก รู้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าวันนี้ผมจะต้องเป็นฝ่ายทำให้คนอื่นเจ็บบ้าง เจ็บอย่างร้ายกาจเสียด้วย

"ไม่เป็นไร ถ้านัทยังรักแฟรงค์ไม่ได้ก็ยังไม่ต้องรักหรอก แต่แฟรงค์...รักนัทไปแล้ว"

พอได้ยินแฟรงค์พูดอย่างนั้นผมก็ยิ่งใจเสีย นึกโกรธตัวเองที่ช่างบังคับจิตใจแฟรงค์เหลือเกิน เหมือนกับไม่แคร์ความรู้สึกของแฟรงค์เลย แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีไปกว่านี้ได้

"แฟรงค์...นัทขอโทษ..."


TBC

ชอบงานใคร อย่าลืมบวกเป็ด/คอมเมนต์ให้นักเขียนทุกคน ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 12:41:58 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เข้าใจนัทนะว่าทำไมถึงอยากที่จะหยุดให้ความสันพันธ์อยู่แค่นั้น   สำหรับนัทที่เพิ่งเจ็บมาแล้วก็ความรู้สึกที่มีกับแฟรงก์ก็อาจจะยังเป็นแค่เงาอยู่   เป็น element ที่ตัวนัทเองยังไม่อยากเข้าไปเหยียบ   ใจหนึ่งก็รู้สึกว่าแฟรงก์รุกนัทมากไป  รู้อยู่ว่านัทเพิ่งเจออะไรมา แฟรงก์ก็น่าจะถอยออกมาดูนัทห่างๆคงไว้เป็นพี่เป็นน้อง ในระหว่างที่ตัวเองเคลียร์ใจเคลียร์ความรู้สึกเคลียร์พันธะที่ตัวเองมีเสียก่อน    มองแบบนี้คือยังไม่อยากปล่อยเพียวไปในขณะที่ยังไม่สามารถได้นัทมา  กั๊กมากๆเลย

บทสนทนาภาษาอังกฤษการทักทายเฮนนิ่งนั้น  ด้วยว่ามาจากคน 2 คน ไม่น่าที่จะทักทายแบบเดียวกันนะคะ  Are you Mr. Henning? ให้ความรู้สึกที่เป็นโมโนโทนไปแทนที่จะเป็นความรู้สึกว่ามาจากคน 2 คน   เพราะว่ามาจากนิสัย การใช้เลยไม่น่าจะเหมือนกัน  - คหสต  เหมือนกับคน 2 คนบอกขอบคุณ  คนหนึ่งออก Thank you!    อีกคนออก Thanks.

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จากบทที่ 5 -- การกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวมันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวจริงๆ เราไม่ได้จะตัดสินว่า ความคิดของแฟรงค์เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวหรือไม่เห็นแก่ตัว แต่จะบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะกลัว ถึงอย่างนั้นก็ควรจะมีความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ใช่คิดจะทำอะไรตามใจตนก็ทำ ส่วนนัทที่ยังไม่พร้อมจะเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตก็อีกเรื่องนึง การรอคอยที่ยาวนาน และการหลอกลวงที่แสนเจ็บปวด ทำให้นัทเหมือนคนที่ขาเจ็บ ที่เมื่อเจอแฟรงค์เหมือนการได้รับการเยียวยา แต่ประสบการณ์ความเจ็บที่ฝังใจทำให้เมื่อกลับมาเดินอีกครั้งจึงไม่สามารถกลับมาเดินได้อย่างปรกติ เพราะความเจ็บที่อยู่ในความทรงจำเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้เดินลงน้ำหนักบนขาข้างที่เคยเจ็บ นัทเลยกลายเป็นคนเดินกระเพกทั้งที่ขาไม่เจ็บแล้ว +เป็ด

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
บทที่ 6 -- และคนที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นเพียวที่ไม่รู้อะไรกับเขา... แฟรงค์ที่เดินหน้าทำตามหัวใจตัวเองผิดหรือเปล่าที่แปรใจเสียเฉยๆ ทั้งที่กำลังจะแต่งงานแล้ว คำตอบที่เราเองก็ยังสงสัย เคยแต่ได้ยินว่าความรักนั้นไม่มีถูกไม่มีผิด แล้วระหว่างเพียวกับแฟรงค์มันผิดหรือเปล่า หรือเพราะมันไม่ใช่ความรักอีกต่อไป มันเลยเป็นสิ่งที่ผิด อย่างนั้นหรือเปล่า?
+ เป็ด

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
นัทกลัวเจ็บเหมือนที่เจอมากับต้องตา ขนาดต้องตามีอะไรที่คล้ายๆกับแฟร้ง ต้องตายังทำให้นัทเจ็บปวดเลยและแฟร้งเองก็มีพันธะอยู่กับเพียว แถมไม่เด็ดขาดอีกด้วยแบบว่ารักพี่เสียดายน้องเพราะเพียวก็มีอะไรที่คล้ายๆนัท ทำให้แฟร้งเองก็สลัดใครออกไปไม่ได้ แต่ความรักมันไม่ได้มีมากกว่าหนึ่งนะแฟร้ง!  มองไม่เห็นหนทางของทั้งนัทและแฟร้งเลยจริงๆ
ต้องต้าทะเลาะกับแฟนเขาจะกลับมาหานัทไหม..กลัวใจนัทจะตัดปัญหาเพราะไม่อยากเป็นมือที่สามของแฟร้งและเพียวจัง ..ยิงคิดก็ยิ่งหน่วงๆ  แอบไม่ปลื้มแฟร้งนะที่กันท่านัททั้งที่สถานพไม่เคลียร์... :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มันบีบหัวใจเหลือเกิน  :o12:

สงสารแฟรงค์ กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง
เห็นใจเพียว ที่ต้องเสียใจไม่ว่าแฟรงค์จะเลือกทางไหน
เข้าใจนัทนะ หวังให้นัทกลับมาเข้มแข็งได้ไว ๆ

เรื่องราวแย่ ๆ เกิดขึ้นในอดีต แต่มันจบไปแล้ว วันนั้นเจ็บจริง แต่วันพรุ่งนี้ก็วันใหม่แล้ว

อย่าใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังจนกลายเป็นหายใจไปวัน ๆ โดยไม่ได้ใช้ชีวิตเลย

ถ้าเป็นเรา เราเลือกที่จะรัก และทำให้เต็มที่กับทุกอย่างในชีวิต ถ้ามันจะล้มเหลว จะเจ็บ ก็เริ่มต้นใหม่
ดีกว่าไม่ได้รู้ ไม่ได้ทำ ไม่ได้รู้สึก   

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
บีบหัวใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
รู้สึกสงสารพี่แฟรงค์  ความรู้สึกมันบังคับยาก จะให้กลับไปรู้สึกแบบพี่น้องก็คงไม่ได้เพราะมันมาไกลแล้ว
ตอนนี้คงต้องอดทนไปก่อน แล้วกับเพียว..ก็ควรไปคุยกันดีๆ ความรักมันบังคับใจใครไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมรับกันอยู่ดี
ถึงจะเห็นใจเพียวนิดนึงก็เถอะกับที่ไม่รู้อะไรเลย...

ส่วนนัท ก็ต้องใช้เวลารักษาแผลใจ เข้าใจ เจอแบบนัันมา จะกลัวก็ไม่แปลก..
สู้ๆ นะ..

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
น่าสงสารแฟรงค์ น่ายุให้จับนัทปล้ำ ละลายทั้งใจและตัวเลยทีเดียว เหอๆ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
แฟรงค์ต้องให้เวลานัทมากกว่านี้หน่อยนะคะ เพราะถ้ายิ่งเร่งรัดนัทก็จะยิ่งออกห่างจนกลายเป็นห่างหายไปในสักวันแน่ๆ ค่ะ   

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
น่าสงสารแฟรงค์ น่ายุให้จับนัทปล้ำ ละลายทั้งใจและตัวเลยทีเดียว เหอๆ

งั้นก็อย่าพลาดตอนต่อไปนะครับ อิๆ กำลังเขียนอยู่ ใกล้เสร็จแล้ว พรุ่งนี้เกลาๆ อีกหน่อยก็น่าจะลงได้

Sarawatta

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :really2:

ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน

ทุกคนคงโคลนนิ่งตัวเองออกมาให้ไปทำงานแทนแล้วอ่ะค่ะ กร๊ากกกกกกกกกกก


 :ling1:

นั่งรอดูว่าคุณแขกกิตติมศักดิ์ของเราจะมีบทบาทอะไร??

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
อ่านตอนนี้แล้วมันหน่วงมากน่ะ รู้สึกว่าการกระทำของนัทมันไม่ถูกใจเราเลย  :mew5: แต่เราก้อเข้าใจนัทได้ว่าไม่อยากให้ตนเองเป็นมือที่สาม เพราะตัวเองก้อเคยผ่านความเจ็บปวดแบบนี้มาแล้ว แต่เรารู้สึกว่าการที่นัทยื่นคำขาดกับแฟรงค์เช่นนั้นก้อไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเช่นกันน่ะ มันเหมือนเป็นการไปสร้างความเจ็บปวดให้กับเพียวทางอ้อม เพราะการที่นัทยังอยู่ตรงนี้มันก้อเหมือนเป็นการย้ำเตือนความรักของแฟรงค์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่สามารถรับความรักของแฟรงค์ได้ก้อจากเขาไปเถอะ การอยู่ร่วมกันเหมือนกับตอกย้ำความรักที่ไม่ได้มาอยู่ตลอดเวลาน่ะ การห่างกันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับทั้งคู่น่ะ เพราะมนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวให้เคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่เราจะมีความสุขมากน้อยแค่ไหนก้อขึ้นอยู่กับคนที่เคียงข้างเราและใจเราเท่านั้น ตราบใดที่นัทยังอยู่แฟรงค์ไม่มีทางตัดใจได้หรอก เราไม่ชอบการกระทำของนัทในครั้งนี้เลย  :katai1: ส่วนแฟรงค์เราว่าถ้าคุณคิดว่าคุณรักนัทแล้วกลัวเขาจะจากไปก้อเลยยอมที่จะแต่งกับผู้หญิงที่คุณได้รู้ตัวแล้วว่าคุณไม่อาจรักเขาเช่นเดิมก้อเท่ากับว่าคุณทำร้ายเขาด้วยความเห็นแก่ตัวของตัวเองน่ะ เราว่าถ้าคุณอยากได้ใจนัทคุณต้องเลิกกับเพียวและยอมที่จะเดิมพันว่านัทจะจากคุณไปไหม หรือถ้าเขาจากไปจริงคุณรักเขาจริงคุณก้อต้องตามหาเขาสิ
เรางงกับแฟรงค์น่ะ ในเมื่อนัทก้ออยู่ที่เดิมตลอดทำไมไม่กลับไปหาเขาล่ะในเมื่อคุณก้อโตพอที่จะไปตามหาเขาแล้วน่ะ นัทก้อไม่ได้ย้ายไปไหนนี่น่า หรือว่าย้าย (เราพลาดไปรึเปล่า)  :hao4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เรื่องของใจ ต้องใช้ใจ ไม่ใช้คิด
ไม่ใช่เรื่อง ถูกหรือผิด คิดเหตุผล
เพราะความรัก มักจะมา ถูกที่คน
ใจบอกชอบ มอบให้ล้น สุดหัวใจ

ถึงเวลา มันก็คือ ถึงเวลา
เป็นคนบ้า ก็ต้องบ้า เข้าใจไหม
ถึงดื้อรั้น ไม่กลัวพัง ไม่ฟังใคร
ก็เพราะใจ มันสั่งอยู่ ไม่รู้ตัว


+1 ให้เรื่องนี้เลย

ป้อล่อ..ถ้าได้แต่ตัวมา แต่ใจไปอยู่กับคนอื่น
ซักวันเรื่องราวก็ต้องจบอยู่ดี(หรือไม่ดี) หุหุ
 :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
นัทเพิ่งเจ็บจากความรัก พี่แฟรงค์ก็อย่าเพิ่งเร่งรัดนัทสิคับ ถ้ากลัวนัทไม่ยอมใจอ่อนก็ตื้อเท่านั้นคับ น้ำหยดลงหินๆยังกร่อน ๕๕๕
แฟรงค์ต้องทำให้นัทเห็นว่ารักนัทจริงๆ
   รอ รออ่านตอนใหม่คับว่าแฟรงค์จะรุกคืบยังไง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 7 ✢ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม



พอมาคิดๆ ดูแล้ว บางทีผมอาจจะเร่งเร้านัทมากเกินไปหน่อย นัทเองก็เพิ่งอกหักมา คงยังไม่พร้อมที่เปิดรับใครเข้าไปในหัวใจตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะผมรู้ว่าเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว แถมความรู้สึกที่ผมมีต่อนัทก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง เลยทำให้ผมเผลอคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเองมากไป เพราะกลัวอะไรๆ จะไม่ทันการ ในขณะเดียวกัน ความคิดของผมก็ยังไม่ตกผลึกชัดเจนมากพอว่าจะเอายังไงกับชีวิต จึงทำให้นัทยิ่งสร้างกำแพงป้องกันตัวเองแน่นหนามากขึ้น ถึงขนาดบอกว่าถ้าผมไม่แต่งงานกับเพียว นัทจะไปจากชีวิตผม

ผมก็ไม่รู้หรอกว่านัทจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่เหตุการณ์เมื่อคืนวานก็ทำให้ผมได้สติมากพอสมควร ผมคงจะต้องใจเย็นกว่านี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะรุกเข้าไปในเมื่ออีกคนยังไม่พร้อมเปิดประตูรับ ในขณะที่ผมเองก็ยังเคลียร์ปัญหาของตัวเองไม่จบเลย

ตอนเช้าผมตื่นก่อนนัท ลุกขึ้นมาแล้วก็นั่งมองน้องนอนหลับอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่านัทได้นอนกี่ชั่วโมง เพราะกว่าจะข่มใจให้หยุดคิดได้ก็คงล่วงเลยเวลานอนไปเยอะแล้ว ผมเองยังได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง

ผมมองหน้าของนัทแล้วก็นึกถึงตอนที่นัทเป็นเด็ก เด็กชายนัทเป็นคนสดใสร่าเริง เวลาเจอผมทีไรนัทมักจะวิ่งเข้ามาถามหาไอศครีมบ่อยๆ จนผมต้องซื้อให้กินแทบทุกครั้ง พอได้ไอศครีมแล้วก็จะนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข

ตอนเช้าๆ ช่วงหน้าหนาว ผมกับนัทมักจะขี่จักรยานไปจอดดูไอหมอกหนาทึบที่ล่องลอยปกคลุมไปทั่วขุนเขาตรงสะพานด้วยกัน ดูเพลินจนบางทีเกือบไปโรงเรียนไม่ทัน พอใกล้ถึงเวลาก็ปั่นกันแทบตาย รีบไปให้ทันก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ

ผมเผลอยิ้มจางๆ โดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงความทรงจำในช่วงนั้น เรื่องราวต่างๆ ที่พอจะจำได้ค่อยๆ ไหลพรั่งพรูเข้ามา เรื่องแล้วเรื่องเล่า มันทำให้ผมค่อยๆ ได้สติขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย นัทเป็นน้องชายของผม นั่นคือจุดเริ่มต้นของความผูกพันของเรา ในเวลาที่น้องกำลังอกหักและต้องการใครสักคน แทนที่ผมจะมุ่งเอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง ผมควรจะดูแลน้องที่ผมรักให้หายดีเสียก่อน ส่วนนัทจะรักผมแบบไหนนั้นก็คงสุดแล้วแต่ฟ้าจะลิขิต ไม่รักก็คือไม่รัก ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยนัทจะเป็นน้องชายที่น่ารักของผมเหมือนเดิมตลอดไป

แล้วเพียวล่ะ ถ้าไม่เจอนัทเสียก่อนผมก็คงเดินหน้าแต่งงานกับเพียวต่อไป จากนั้นก็มีลูกด้วยกัน มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์เพราะผมวางรากฐานทุกอย่างไว้ค่อนข้างดีแล้ว จะว่าไป ถ้าผมจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน เพียวคงจะเป็นเพียงคนเดียวที่ผมเลือก แต่พอผมเจอนัท ผมกลับค้นพบว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อนัทนั้นรุนแรงมากกว่าที่ผมมีต่อเพียวหลายเท่า มากจนทำให้ผมเกือบบ้าไปแล้ว

ถ้าถามหัวใจตัวเองตรงๆ ผมก็เอนเอียงมาทางนัทค่อนข้างมาก ถ้าจะต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ผมก็ยอมรับว่านัทเป็นเพียงคนเดียวที่จะเติมเต็มชีวิตของผมได้ ผมก็คงตัดสินใจได้แล้วล่ะ ต่อให้ไม่เหลือใครเลยผมก็คงต้องยอมแลก แม้จะสงสารเพียวมากแค่ไหน เมื่อถึงจุดหนึ่ง เธอก็ควรให้โอกาสตัวเองได้เจอใครสักคนที่จะมาเติมเต็มชีวิตอีกสักครั้ง แต่เธอก็ต้องอดทนผ่านช่วงเวลาหลังจากนี้ไปให้ได้เสียก่อน

อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคงเป็นพ่อกับแม่ของผมเอง เพราะฉะนั้นผมต้องคุยและตกลงกับเพียวให้ได้ ถ้าเราตกลงกันว่าจะไม่แต่งงานกัน พ่อกับแม่ก็คงไม่สามารถบังคับได้ แต่ผมก็คงโดนเล่นงานหนักเอาเรื่อง

ผมหยุดความคิดไว้ชั่วคราวก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัว จากนั้นก็ออกมาแต่งตัวไปทำงาน กำลังจะเดินออกไปจากห้อง นัทก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดีพร้อมกับเรียกหาพี่

"พี่แฟรงค์"

ผมหลุดหัวเราะผมยุ่งๆ ของนัทอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วแล้วเอามาส่งให้นัทอย่างรู้ใจ นัทดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วก็ส่งคืนให้ผมเอาไปเก็บให้ เรียบร้อยดีแล้วจึงเดินกลับมานั่งลงบนเตียงข้างๆ นัท

"ทำไมรีบตื่นล่ะ"

"นัทนอนไม่ค่อยหลับ" ว่าแล้วนัทก็หาวใหญ่

ผมขำเบาๆ กับหน้าตาง่วงๆ ของน้องชายบุญธรรมอีกรอบ นัทเป็นน้องที่น่ารักในสายตาของผมเสมอ และนัทก็มักทำตัวน่ารักๆ อย่างนี้เมื่อรู้ว่ามีพี่ชายอยู่ใกล้ เพราะนัทรู้สึกปลอดภัย

"นัท...พี่ขอโทษนะ พี่มาคิดๆ ดูแล้ว...พี่คงจะกดดันนัทมากเกินไปหน่อย ต่อไป...พี่จะไม่ทำอย่างงี้อีก ยกโทษให้พี่ด้วยนะ"

"นัทก็ไม่ได้โกรธพี่แฟรงค์ซะหน่อย" บอกพลางทำหน้ามุ่ย

ผมอดไม่ได้ที่จะเอามือไปลูมผมนัทเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

"พี่ดีใจที่นัทไม่โกรธพี่ เอาเป็นว่า...ถ้านัทสบายใจที่จะให้พี่เป็นพี่ชายคนหนึ่ง พี่ก็จะเป็นพี่ชายที่แสนดีให้นัท เหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก ดีมั้ย"

นัทพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ

"เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนนะ อย่าลืมกินไอติมที่พี่ซื้อมาให้ล่ะ ต่อไปจะซื้อมาฝากบ่อยๆ แล้ววันนี้นัทจะไปไหนมั้ย"

"นัทว่าจะไปเอารถที่คอนโดซะหน่อย"

ผมพยักหน้ารับรู้ นัทกลับไปที่คอนโดหลายรอบแล้วแต่ยังไม่ได้เอารถของตัวเองมาเลย ไปทีไรก็เกิดเรื่องทุกที

"ถ้ามีอะไรจะให้พี่ช่วย โทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ"

นัทพยักหน้า

"ถ้าจะกินข้าวก็โทรไปสั่งที่ครัวได้เลย พี่ไปแล้วนะ แล้วเจอกัน"

ผมไม่ลืมสั่งทิ้งท้ายก่อนออกไป พอออกมาจากห้องนัทแล้วก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ ทำให้ความรู้สึกทุรนทุรายในใจหายไปมากทีเดียว

วันนี้ผมคงต้องดูแลรีสอร์ทเป็นหลักเพราะเป็นวันหยุดของนัท แต่ก็คงไม่มีอะไรมากเพราะใกล้จะปิดรีสอร์ทแล้ว ผมให้นัทหยุดสองวันที่ไม่ตรงกับเสาร์อาทิตย์เพราะสองวันนี้เรามีลูกค้าค่อนข้างเยอะ นัทก็เลยเลือกหยุดวันพุธกับพฤหัสบดี

ตอนเย็นๆ นัทกลับมาแล้วก็ไปเล่นเจ็ตสกีกับเฮนนิ่ง ผมไปนั่งดูและคอยบริการลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวช่วงเย็นๆ ไปด้วย แม้ว่าจะกลัวเฮนนิ่งจีบนัทแต่ผมก็ไม่ได้แสดงท่าทีกีดกันอีก ปล่อยให้สองคนเล่นและพูดคุยกันไปตามธรรมชาติ การนั่งดูจิตใจที่ร้อนรนยามเห็นคนอื่นมาจีบคนที่เรารักก็ดีเหมือนกัน สุดท้ายมันก็สงบได้เอง

นัทเล่นเสร็จแล้วผมก็เอาผ้าเช็ดตัวไปส่งให้ เตรียมให้เฮนนิ่งด้วยหนึ่งผืน ผมช่วยนัทเช็ดตัวแล้วก็หยอกกันเล่น เฮนนิ่งคอยมองดูอย่างสนใจ พอผมไม่กดดันแล้วก็ดูเหมือนนัทจะกล้าเล่นกับผมเหมือนพี่กับน้องมากขึ้น เล่นถึงเนื้อถึงตัวกับผม หัวเราะร่าเสียงดังอย่างมีความสุข

ตอนกินข้าวเย็น ผมก็อุตส่าห์เดินกลับไปที่ห้องพักของนัทแล้วเอาไอศครีมที่แช่ไว้มาให้นัทกินที่ร้านอาหารกลางน้ำ เจ้าตัวดีใจใหญ่ กินคนเดียวไม่แบ่งใครเลยแม้กระทั่งเฮนนิ่ง

ผมปล่อยให้ชีวิตของผมช่วงนี้กับนัทเป็นไปอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน ไม่กดดัน เวลาทำงานผมก็ให้อิสระกับนัทเต็มที่ แต่ก็คอยสอนแนวคิดการทำธุรกิจและชีวิตให้ นัทยังไม่เคยรับผิดชอบธุรกิจของตัวเอง บางทีก็ยังติดเล่นสนุกบ้างตามประสาคนยังไม่มีภาระ เวลาผมสอนนัทก็นั่งฟังตาแป๋วเหมือนฟังผู้ใหญ่ แต่ก็ดูตั้งใจฟังดี

พอว่างเรามักจะเล่นกีฬาด้วยกันบ่อยๆ ที่รีสอร์ทผมยังมีฟิตเนสให้ออกกำลังกายด้วย พอตกเย็นไม่มีอะไรทำผมก็จะชวนนัทมาเล่นฟิตเนสด้วยกัน ส่วนเฮนนิ่งคงจะเบื่ออยู่แต่ในรีสอร์ทจึงออกไปหาอะไรทำสนุกๆ ข้างนอกบ้าง บางวันผมก็พานัทไปข้างนอก กินข้าว ดูหนังและทำกิจกรรมสนุกๆ ด้วยกัน

บางวันผมก็มานอนด้วยที่รีสอร์ทเพราะกลัวนัทเหงา บางวันก็พานัทไปกินข้าวที่บ้านกับพ่อกับแม่ของผมแล้วก็นอนที่นั่น นัทเผลอพูดเรื่องรีทรีทที่เขาค้อให้พ่อกับแม่ผมฟังด้วย ตอนแรกผมนึกว่าพ่อผมจะโกรธเพราะท่านเคยห้ามลูกๆ ไม่ให้ไปเหยียบที่นั่นอีก แต่พ่อผมกลับไม่ว่าสักคำ สงสัยคงจะลืมเรื่องเจ็บแค้นเก่าๆ ไปบ้างแล้วล่ะ

ผมคอยดูแลนัทอย่างพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง สุดท้ายนัทก็เลยกลายเป็นเด็กชายนัทที่ติดพี่ชายเหมือนตอนเด็กๆ คอยตามผมแจ ยิ่งมีไอศครีมให้กินยิ่งอ้อนใหญ่ ขนาดตอนหลังเฮนนิ่งชวนไปเล่นกีฬายังต้องมาลากผมไปด้วย แทนที่จะเล่นกับเฮนนิ่งก็มักจะมาเล่นแต่กับผม ให้ผมช่วยสอนตกปลา พายเรือและเล่นฟลายบอร์ด ผมก็ยินดีสอนให้ทุกอย่างทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องเล่น เหลือก็แต่เรื่องความรักนี่แหละที่ยังไม่ได้สอน

ช่วงนี้ผมจึงปล่อยให้นัทสดใสกับชีวิตอย่างเต็มที่โดยที่ผมไม่ก้าวก่ายใดๆ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ภายใต้รอยยิ้มสดใสของนัทนั้น นัทกำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่

... ... ...

วันนี้เป็นวันสิ้นเดือน เงินเดือนงวดแรกของนัทออกแล้ว นัทบอกผมว่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่นัดไว้แล้วที่ร้านอาหารไม่ไกลจากแถวนี้ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ขอให้นัทนั่งแท็กซี่ไป เวลาเมาจะได้ไม่ต้องขับรถเองให้เกิดอันตราย นัทก็เชื่อฟังแต่โดยดี

ผมกลับบ้านมากินข้าวกับพ่อแม่ตามปกติ อีกเพียงสองวันเท่านั้นเพียวก็จะกลับแล้ว พอกลับมา เราก็จะไปถ่ายพรีเว็ดดิ้งที่พังงาด้วยกันเพราะเพียวชอบทะเล แต่ก็น่าเสียดายที่คงจะไม่ได้ไปเพราะผมจะต้องคุยกับเพียวให้จบ ช่วงที่เธอไม่อยู่ผมก็ส่งไลน์คุยกับเธอเกือบทุกวัน ส่วนมากก็ให้กำลังใจและอวยพรให้แข่งชนะ ไปๆ มาๆ ผมกลับรู้สึกกับเธอเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว

ผมนั่งคุยอัปเดตเรื่องงานกับพ่อแม่จนเกือบๆ ห้าทุ่มจึงแยกย้ายกันไปนอน แต่จู่ๆ ก็นึกเป็นห่วงนัทขึ้นมาเลยโทรลองโทรไปถาม

"เป็นไงมั่งนัท สนุกมั้ย"

"ซาหนุกค้าบพี่ น้าทซาหนุกมากเลย ได้ยินเสียงเพื่อนๆ ผมป่าว"

พอฟังเสียงนัทแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่คิดว่านัทจะเมาจนเสียงอ้อแอ้อย่างนี้

"กลับไหวมั้ย ให้พี่ไปรับมั้ย"

"หวายค้าบ น้าทกลับเองหวาย"

เสียงนัทตอบมาแข่งกับเสียงคนคุยกันและเสียงดนตรีที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์

"ท่าจะไม่ไหวล่ะมั้งเนี่ย เดี๋ยวพี่ไปรับละกัน นัทอยู่ร้านอะไร พอจะบอกพี่ได้มั้ย"

"น้าทม่ายรู้อะ คุยกะไอ้ปอนด์ละกัน น้าทบอกไม่ถูกอะ พี่แฟรงค์มาเลย มาซาหนุกกาน"

ว่าแล้วนัทก็ส่งโทรศัพท์ให้ผมคุยกับเพื่อน ปอนด์ยังเมาไม่มากจึงพอคุยกันรู้เรื่องอยู่ พอผมรู้พิกัดจุดแล้วจึงแต่งตัวออกไปจากบ้าน ตรงดิ่งไปยังร้านที่นัทสังสรรค์กับเพื่อนอยู่

พอมาถึงผมก็เห็นนัทกับเพื่อนๆ ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนนั่งล้อมโต๊ะที่จัดไว้ตรงลานเปิดโล่งมุมหนึ่ง มีลูกค้านั่งดื่มกินและคุยกันเสียงดังอยู่เต็มบริเวณ ข้างๆ กันมีเวทีให้ขึ้นไปร้องเพลง มีนักดนตรีเล่นดนตรีสดให้ด้วย เสียงเพลงและเสียงคุยกันจึงตีกันไปหมด

ผมลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ นัทแล้วก็แอบส่ายหัว ไม่คิดว่านัทจะเมาหนักขนาดนี้เลย เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นอาฟเตอร์ช็อกมาจากการอกหักหรือเปล่า

"นี่พี่แฟรงค์ พี่ชายกูเองแหละ เป็นเจ้าของรีสอร์ทด้วยนะเว้ย"

นัทพยายามแนะนำผมให้เพื่อนๆ รู้จัก จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มด้วยอาการโงนเงนจนทรงตัวแทบไม่อยู่ ผมทักทายกับเพื่อนของนัทแล้วก็หันกลับมามองน้องชายตัวดีอย่างเป็นห่วง

"นัท เมาแล้ว พอเหอะ"

"ม่ายมาว น้าทไม่มาว น้องฟ้า น้องฟ้า มาทางนี้เร้วน้องฟ้าคนสวยของพี่ มาบริการพี่ชายผมหน่อย ดูแลพี่เค้าดีๆ น้า พี่เค้าเงินเยอะ เป็นอาเสี่ย ชอบอาเสี่ยใช่มั้ยล่ะ"

นัทหันไปเรียกน้องเชียร์เบียร์คนหนึ่งให้เดินมาหาผม เธอก็เดินมาตามที่นัทบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

"ขอเมนูละกันครับ"

ผมบอกไปสั้นๆ น้องคนนั้นที่ใส่ชุดสั้นจุ๊ดจู๋ก็รีบเดินไปหยิบเมนูมาให้ผมดู ผมดูๆ แล้วก็สั่งแค่โค้กใส่น้ำแข็งมาแก้วหนึ่งเพราะผมไม่ชอบดื่มเหล้า ตอนสมัยเรียนผมเคยดื่มแล้วโดนพ่อไล่ออกไปนอนนอกบ้าน แล้วสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่าห้ามกินเหล้ามาให้เห็นอีก ไม่อย่างนั้นจะตัดออกจากกองมรดก พ่อผมเป็นคนเข้มงวดเรื่องนี้มาก ผมก็เลยเลิกกินตั้งแต่ตอนนั้น

"น้องชมพู่ น้องชมพู่อยู่หนาย เมื่อกี้น้องชมพู่ยังไม่รับคำท้าพี่เลย น้องชมพู่มาหาพี่น้าทหน่อยเร้ว"

นัทเรียกหาเด็กเชียร์เบียร์อีกคน น้องที่ชื่อฟ้าได้ยินพอดีก็เลยไปช่วยตามมาให้

"มันเมามากเลยพี่ ผมไม่เคยเห็นมันเมาขนาดนี้เลย ไม่รู้มันเป็นไรของมัน สนุกอยู่คนเดียว"

ปอนด์หันมาบ่นให้ผมฟัง ส่วนเพื่อนๆ ของนัทที่เหลืออีกสามสี่คนก็นั่งดื่มเบียร์ กินกับแกล้มและฟังเพลงไปอย่างสบายๆ ต่างจากนัทที่กินจนเหมือนอาบ

"มันอกหักป่าววะไอ้ปอนด์" เพื่อนคนหนึ่งของนัทถามขึ้น

"กูก็ว่างั้นแหละ แต่ถามอะไรมันก็ไม่ยอมบอก"

ผมฟังเพื่อนๆ นัทคุยกันแล้วก็แอบหนักใจอยู่ลึกๆ ภายใต้รอยยิ้มที่สดใสของนัทในหลายวันที่ผ่านมา ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่นัทเก็บซ่อนไว้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร

"นี่...พี่ให้พันนึงเลย น้องชมพู่กินขวดนี้ให้หมด โอเคมั้ย"

นัทบอกสาวเชียร์เบียร์ชื่อชมพู่ที่เพิ่งมาถึง แล้วก็ควักเงินออกมายื่นให้ดูด้วย น้องชมพู่ก็เลยรับคำท้าที่จะดื่มเหล้าขวดนั้นให้หมดเพื่อแลกกับเงินหนึ่งพันบาท ผมรู้มาว่าเด็กเชียร์เบียร์พวกนี้ได้เงินค่าจ้างวันละไม่กี่ร้อยหรอก รายได้ส่วนมากก็มาจากการนั่งดริงค์กับแขกเป็นหลักนี่แหละ

"เก่งจางเลย เอาปายเลยพันนึง"

นัทหัวเราะสนุกแล้วก็ส่งเงินให้น้องคนนั้นไป

"หมดไปหลายพันแล้วพี่ บอกมันก็ไม่ฟัง" ปอนด์หันมาบอกผมพลางส่ายหัว

สักพักน้องที่ชื่อชมพู่ก็ทำหน้าผะอืดผะอม ก่อนจะขอตัววิ่งออกไปทางหลังร้าน เธอคงเมาจนอยากอาเจียนนั่นเอง เห็นแล้วผมก็รู้สึกเห็นใจ แต่เมื่อเลือกอาชีพนี้แล้วก็ต้องรับสภาพชีวิตอย่างนี้ได้

"อ๊วกเลยอะ ฮ่าๆๆ" นัทนั่งหัวเราะชอบใจแล้วก็ยกแก้วเหล้ากระดก จากนั้นก็ชวนเพื่อนๆ ชนแก้ว รวมทั้งผมด้วย

ผมนั่งดื่มโค้กและคุยกับเพื่อนๆ ของนัทไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกค้าค่อยๆ บางตาไปจนเกือบหมด ปอนด์จึงตัดสินใจให้พนักงานมาเช็คบิล นัทเมามากจนคออ่อนและนั่งพิงไหล่ผม ไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวเองจะต้องจ่ายเงินเลี้ยงเพื่อนตามที่สัญญาไว้ ปอนด์ก็คงไม่มีเงินมากขนาดนั้น ผมก็เลยส่งบัตรเครดิตให้พนักงานไป กลายเป็นผมที่ต้องเลี้ยงเพื่อนๆ ของนัทแทนเสียเอง

ผมพยุงนัทออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนหน้าร้านอย่างทุลักทุเล พอขึ้นไปนั่งก็คอพับคออ่อนจนผมต้องให้พิงไหล่ ไม่งั้นก็คงไหลไปนอนกองตรงที่วางเท้า ผมขับรถออกไปแล้วก็แวะซื้อข้าวต้มร้อนๆ ที่ตลาดโต้รุ่งแห่งหนึ่งติดมาด้วย

มาถึงที่รีสอร์ทก็เกือบๆ ตีสอง พอผมพานัทเข้ามาถึงห้องเท่านั้น เจ้าตัวก็ทำท่าจะอาเจียน ผมก็เลยต้องรีบพาไปห้องน้ำ ช่วยลูบหลังให้ แต่นัทก็อาเจียนออกมาเป็นลมเฉยๆ เพราะไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากเบียร์อย่างเดียว

ผมพยุงนัทมานอนที่เตียง ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของนัทออกจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว จากนั้นก็หาผ้าชุบน้ำอุ่นๆ มาเช็ดตัวให้ นัทจะได้นอนสบายๆ ไม่เหนียวตัว ระหว่างที่ผมเช็ดตัวให้นัทก็รำพึงรำพันอะไรบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์

เช็ดตัวเสร็จแล้วก็ดูเหมือนสีหน้าของนัทจะดีขึ้นมาหน่อย ผมจึงปล่อยให้นัทนอนพัก จากนั้นก็เอาข้าวต้มไปแกะใส่ถ้วยให้ ได้กินอะไรร้อนๆ น่าจะทำให้ดีขึ้น

"นัท กินข้าวต้มร้อนๆ หน่อยนะ เดี๋ยวพี่พาไป"

นัทลืมตาขึ้นมอง จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ผมย่อตัวลงให้นัทเกาะคอแล้วก็พยุงไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวที่ผมจัดไว้ให้ในห้อง พอนั่งเข้าที่แล้วผมก็ปล่อยให้นัทจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยตัวเอง นัทนั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ ซึมๆ จนดูแปลก

"ดีขึ้นมั้ย" ผมถามอย่างเป็นห่วง

นัทพยักหน้า

"ไม่กินเหรอ"

นัทถาม เสียงหายอ้อแอ้ไปเยอะแล้ว

"นัทกินเถอะ พี่กินแล้ว กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ"

นัทไม่พูดอะไรอีก แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มจนหมดชาม

"อิ่มมั้ย ขอโทษที พี่ไม่รู้ว่านัทจะหิวขนาดนี้ก็เลยซื้อมาถุงเดียว เดี๋ยวพี่ไปหาซื้ออะไรที่เซเว่นมาให้นะ"

"ไม่เป็นไร นัทอิ่มแล้ว" นัทรีบบอกก่อนที่ผมจะลุกไป

"แน่นะ"

นัทพยักหน้า ผมจึงเอาชามไปเก็บให้ พอกลับมาก็เห็นนัทนั่งอยู่บนเตียงเตรียมตัวนอน ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ บีบยาสีฟันใส่แปรงสีฟัน แล้วก็เปิดน้ำใส่แก้ว จากนั้นก็เอามาให้นัทแปรงฟันบนเตียง นัททำสีหน้าคล้ายเกรงใจ แต่ก็รับแปรงสีฟันและแก้วน้ำไปแปรงฟันแต่โดยดี ผมเดินไปหยิบชามพลาสติกมาให้ จากนั้นก็ให้นัทบ้วนปากใส่ชาม เสร็จแล้วผมก็เอาน้ำไปเททิ้งในห้องน้ำให้ พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นนัทนอนลงไปบนเตียงแล้ว

ผมเดินมายืนข้างๆ เตียงแล้วก็ก้มดู

"ดีขึ้นหรือยังนัท จะให้พี่ช่วยอะไรอีกมั้ย"

นัทส่ายหน้าช้าๆ แต่ก็ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

"งั้นเดี๋ยวพี่ปิดไฟให้นะ นัทจะได้นอนพักผ่อน"

ผมเอื้อมมือไปลูบผมนัทเบาๆ ด้วยความเอ็นดู พอจะเดินออกไป นัทก็ดึงมือผมไว้แล้วกระชากผมลงไปนอนทับบนตัวของนัท ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่คืบจนผมตกใจนิดหน่อย

"พี่แฟรงค์"

นัทเรียกเสียงเศร้า ผมใช้ข้อศอกซ้ายค้ำตัวไว้ เอามืออีกข้างลูบผมนัทเบาๆ

"มีอะไรเหรอน้องพี่ วันนี้เป็นไรเมาหนักขนาดนี้" ผมถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"พี่แฟรงค์อย่าโกรธนัทนะ" เจ้าตัวทำท่าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ

"พี่จะโกรธนัทเรื่องอะไร"

"พี่แฟรงค์"

"หืม"

"พี่แฟรงค์รักนัทหรือเปล่า"

"รักสิ ก็นัทเป็นน้องชายของพี่ไง"

"ไม่ใช่แบบนั้น" นัททำเสียงเหมือนเด็กขี้แง

"อ้าว...แล้วแบบไหนล่ะ นัทจะให้พี่รักนัทแบบไหนล่ะ"

"ไม่รู้"

"อ้าว" ผมทำหน้างง

"พี่แฟรงค์ นัทเสียใจ พี่แฟรงค์ดีกับนัท ดูแลนัทตลอด แต่..."

"มีอะไรเหรอนัท"

"ไม่รู้จะบอกยังไง"

"ก็บอกอย่างที่นัทคิดสิ นัทคิดอะไรก็บอกพี่อย่างงั้น"

นัททำท่าครุ่นคิด สักพักก็ถามคำถามเดิมขึ้นมาอีก

"พี่แฟรงค์รักนัทหรือเปล่า"

"รักสิ รักมากด้วย"

"รักแบบไหนล่ะ"

ผมอึ้งกับคำถามนั้นเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆ ยิ้ม

"นัทรักพี่แบบไหน พี่ก็รักนัทแบบนั้นแหละ"

"แล้ว...ถ้าเกิดนัทไม่ได้รักพี่แฟรงค์แบบพี่ชายล่ะ"

"พี่...ก็จะรักนัทมากกว่าน้องชายไง"

"เหรอ"

"ใช่ แล้วนัทล่ะ รักพี่มากกว่าพี่ชายหรือเปล่า"

นัทพยักหน้า ไม่ทันที่ผมจะได้ยิ้มดีใจ นัทก็รีบพูดต่อ

"แล้วทำไม...พี่แฟรงค์ถึงไม่กลับมาหานัทล่ะ นัทเหงา เหงามาก นัทรอพี่แฟรงค์ทุกวันเลย นัทไปรอที่บ้านของพี่แฟรงค์ แต่พี่แฟรงค์ก็ไม่เคยกลับมาหานัทเลย"

ผมขนลุกซู่เมื่อนัทเริ่มคลายความจริงบางอย่างออกมาทีละน้อย ความรู้สึกในอดีตคงฝังใจนัทมากทีเดียวถึงได้พูดขึ้นมา ผมได้ยินมาว่าคนเมามักจะหลุดพูดความจริงที่อยู่ส่วนลึกของจิตใจออกมาบ่อยๆ นี่คงจะเป็นความจริงเรื่องหนึ่งที่นัทเก็บไว้ในใจ

"พี่ขอโทษ..." ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านี้

"นัทกลัว นัทกลัวจะเสียพี่แฟรงค์ไปอีก"

"นัทไม่ต้องกลัว พี่ไม่ไปไหนหรอก พี่จะอยู่กับนัทตลอดไปนะ"

"แล้วทำไม...พี่แฟรงค์ถึงมีคนอื่น"

ผมมองหน้านัทด้วยอาการอึ้ง พยายามคิดตามอย่างหนักว่านัทกำลังจะบอกอะไรผม

"พี่..." แล้วผมก็พูดไม่ออก

"นัท...อยากรักพี่แฟรงค์ แต่นัท...ก็รักพี่ไม่ได้ พี่แฟรงค์มีคนอื่นแล้ว นัทกลัวพี่แฟรงค์จะทิ้งนัทไปอีก"

ผมขนลุกซู่อีกครั้งเมื่อเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องได้

"ถ้านัทอยากจะรักพี่ นัทก็รักสิ นัทมีสิทธิ์รักพี่นะ นัทไม่ผิด นัทไม่ต้องกลัว นัทรักพี่ใช่มั้ย"

นัทพยักหน้า ผมอดจะยิ้มดีใจไม่ได้ที่ได้รู้ความลับจากใจนัทเสียที นัทรักผมแน่แล้ว แต่คงฝังใจกลัวที่เคยถูกผมทิ้งให้รอ พอกลับมาเจอกันและรู้ว่าผมมีเพียวอยู่ นัทก็ยิ่งกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ก็เลยสร้างกำแพงป้องกันตัวเองหลายชั้นเพื่อป้องกันความรู้สึกของตัวเอง และกันไม่ให้ผมเข้าไปหา อีกอย่าง...ก็คงจะกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นมือที่สามด้วย

"นัทรักพี่แฟรงค์ได้หรือเปล่า"

"ได้สิ พี่แฟรงค์ก็รักนัทนะ นัทไม่รู้เหรอว่าพี่แฟรงค์รักนัทมากแค่ไหน พี่แฟรงค์เสียใจนะที่เคยทิ้งให้นัทรอ นัทยกโทษให้พี่ได้หรือเปล่า ยกโทษให้พี่ได้มั้ย"

ผมรู้แล้วว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากอะไร ผมได้ทิ้งประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดให้เด็กน้อยคนหนึ่งจำฝังใจ เด็กน้อยคนนั้นรักพี่ชายมาก แต่พี่ชายก็ทิ้งไปและไม่มาหาอีกเลย แม้ว่าเวลาจะผ่านไปล่วงเลยมาถึงสิบสามปี แต่ช่องว่างที่ขาดหายไปนั้นกลับยิ่งกว้างและลึกจนถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม

นัททำท่าครุ่นคิด คิดอยู่นานทีเดียวก่อนจะพยักหน้าตกลง

"ขอบคุณนะนัทที่นัทยกโทษให้พี่ ต่อไป...พี่จะไม่ทิ้งกันไปไหนอีก พี่รักนัท นัทก็รักพี่ใช่มั้ย"

นัททำท่าครุ่นคิดอีกรอบ แล้วก็พยักหน้าช้าๆ

"นัทรักพี่แฟรงค์ รักมาตั้งนานแล้ว"

ผมเบิกตาโตด้วยความตกใจ

"ตั้งแต่ตอนไหน นัทรักพี่ตั้งแต่ตอนไหน"

"มอหนึ่ง" นัทหลุดคำนั้นออกมาเหมือนแทบจะไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย

น้ำตาผมพาลจะไหลให้ได้เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ ตอนนั้นผมไม่อยู่แล้ว ทำไมนัทถึงรักผมได้ล่ะ หรือว่าความผูกพันที่ยังเหลืออยู่จะพานัทไปถึงจุดนั้นได้เอง ก็น่าอัศจรรย์ใจไม่น้อยที่ความรักยังทำหน้าที่ต่อไปเองได้ แม้ตัวคนที่จะรักไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ไม่เคยรับรู้ถึงความรักนั้นเลย

มิน่าล่ะ! นัทถึงกลัวเหลือเกินที่จะรักผม คงกลัวเรื่องนี้มากกว่ากลัวว่าตัวเองจะเป็นมือที่สามด้วยซ้ำ

"พี่แฟรงค์ อย่าทิ้งนัทไปอีกนะ นัทรักพี่แฟรงค์ รักพี่แฟรงค์คนเดียว รอพี่แฟรงค์คนเดียว"

นัทพูดเหมือนเพ้อ ผมรีบพยักหน้ารับปากด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ

"น้องพี่ พี่ขอโทษ พี่สัญญานะว่าพี่จะไม่ทิ้งนัทไปไหนอีก ต่อให้พี่ต้องสูญเสียอะไร พี่ก็จะไม่ทิ้งนัทไป จำคำพี่ไว้นะนัท"

นัทพยักหน้า ยิ้มอย่างพอใจ พอได้เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็ทำให้อารมณ์ของเราสองคนคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ต่างคนต่างเงียบกันไปสักระยะ จนกระทั่งอารมณ์บางอย่างคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ

"พี่แฟรงค์ตัวหนักอะ"

อยู่ๆ นัทก็เปลี่ยนเรื่อง แถมยังพยายามจะเอี้ยวตัวหนี พอผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไม ร่างกายส่วนนั้นของนัทฟ้องอาการบางอย่างเสียแล้ว นัทคงจะอายก็เลยพยายามหาทางแก้เกี้ยว

"ก็นัทดึงพี่ลงมาเอง จะมาว่าพี่ตัวหนักได้ไง" ผมพูดหยอกเล่น ยิ้มน้อยๆ อย่างเอ็นดู

คราวนี้นัทหน้าแดงกว่าเดิม แม้ว่าจะหน้าแดงจากอาการเมาอยู่ก่อนแล้ว แถมเจ้าร่างกายส่วนนั้นก็ยังไม่ยอมสงบง่ายๆ อย่างที่เจ้าของต้องการ ยิ่งร่างกายเราเบียดชิดกันมันก็ยิ่งแข็งขืน ผมเขยิบตัวขึ้นไปทาบทับบนตัวนัทในท่าที่สบายขึ้น ปล่อยให้ส่วนนั้นของเราเบียดกันตามที่พอใจ

"นัทจะนอนแล้ว" นิ่วหน้าแล้วก็เบี่ยงหน้าหนี

"แต่พี่...คงนอนไม่ได้แล้วล่ะ"

"แล้วพี่แฟรงค์จะทำอะไร" ถามโดยไม่มองหน้า

"แล้วนัทอยากให้พี่แฟรงค์ทำอะไรหรือเปล่า"

"บ้า"

นัทเขินใหญ่เลยคราวนี้ พยายามดิ้นหนีเบาๆ แต่ก็ไม่จริงจังนัก

"นัทไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ"

ผมถามเสียงกระเส่า ยิ่งนึกถึงตอนที่วิ่งเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำแล้วก็ยิ่งกระสันซ่าน

"เปล่ารู้สึกซะหน่อย"

"ยังจะมาเถียงพี่อีก"

ผมเลื่อนมือลงไปกุมตรงนั้นของนัทไว้ เจ้าตัวสะดุ้งแล้วก็ทำหน้าแหยๆ ด้วยความเขินอายหนักกว่าเดิม

"แล้วนี่อะไร"

"ไม่รู้" นัทนิ่วหน้า

"โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ ดีเลย งั้นพี่จะได้สอนนัท นัทจะได้รู้จักไว้ ดีมั้ย"

ผมปล่อยมือออกจากตรงนั้นแล้วก็ค่อยๆ ใช้มือสองข้างประคองใบหน้านัทให้มองผมตรงๆ

"จะทำอะไร"

"ก็ทำอย่างที่นัทอยากให้พี่ทำไง"

"จะดีเหรอ"

ผมพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม "นัทรู้แล้วใช่มั้ยว่าเราจะทำอะไรกัน"

นัทดิ้นนิดหน่อยแล้วก็บ่นอย่างเดิม "พี่แฟรงค์ตัวหนักอะ"

"ก็นัทดึงพี่ลงมาเองไม่ใช่เหรอ"

"ก็นัทเมา"

"เกี่ยวอะไรกับเมาล่ะ ไหนตอนแรกนัทเถียงพี่ว่าไม่เมาไง"

นัทเงียบ คงไม่รู้จะเถียงอะไรอีกแล้ว ผมค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มเป็นจริงจังมากขึ้น

"นัท...พี่รักนัทนะ พี่จะทำให้นัทมีความสุขที่สุดในโลก นัทจะไปกับพี่มั้ย"

ท่าทางเขินอาย สัมผัสที่แนบชิดและท่อนบนเปลือยเปล่าของนัท ปลุกเร้าความต้องการที่รุนแรงของผมให้โหมกระพือ ยากที่ใครจะหยุดยั้งได้

"ว่าไง...นัทจะไปกับพี่หรือเปล่า"

ผมถามย้ำอีกรอบพร้อมกับก้มหน้าลงไปจนริมฝึปากของผมแตะสัมผัสเบาๆ กับริมฝีปากของนัท นัทคงคิดหนักก่อนที่จะตัดสินใจ แต่ผมตัดสินใจแล้ว

"แล้วแต่"

นัทไม่พูดตรงๆ แต่แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่านัทพร้อมจะไปกับผม


- TBC -[/center]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 12:42:27 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
OMG   อย่านะแฟรงก์   อย่าได้แซ่บกับนัทตอนนี้เลยนะ    ถึงอีกฝ่ายจะสารภาพความในใจแต่ก็เพราะว่าเมาหรอกนะ    สร่างเมาแล้วจะโกรธขนาดไหนก็ยังไม่รู้เลย  กับเพียวก็ยังไม่เคลียร์    กับพ่อที่แค่กินเหล้ายังโกรธขนาดนั้น  ถ้าแฟรงก์เป็นเกย์จะขนาดไหน  พ่อแม่อาจจะรักนัทแต่ก็ในฐานะลูกหรอกนะ ไม่น่าใช่ในฐานะลูกสะใภ้แน่   

Consensual sex is the best to show your love.!

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อืม~


ใจตรงกันแล้ว แล้วปัญหาเพียวกับบิดามารดาจะแก้ไขยังไงดี??

ยังไม่นับพ่อแม่เพียวที่อาจจะต้องมาเคลียร์เองอีกคะหาก


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อยากกรี้ดดังที่เขาสองคนรู้ใจตัวเองแล้ว...และแฟร้งก็รู้ถึงปมปัญหาของนัทที่มีท่าที่ไม่ยอมรักแฟร้งตั้งแต่แรกๆ
ถึงนัทพร้อมจะไปกับแฟร้งแล้วก็ตาม..แต่ปัญหาที่ค้างคายอยู่ละ เพียว พ่อแม่ สังคมรอบข้าง ทุกอย่างมันจะไม่กดดันนัทหรอกเหรอ...เคลียร์ตัวเองก่อนดีกว่าไหม..เพราะคนที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือนัท ... อ่านแล้วมันก็ยังฟินไม่ที่สุดอยู่ดีเพราะเหมือนกับว่าหลังจากวันนี้ปัญหาจะตามมาหนักขึ้น...   :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ไม่นะ ไม่ ๆๆๆๆๆๆ

ถ้ามีอะไรกันนัทต้องเสียใจมากแน่ ๆ

คิดดูสิว่า ความรักกับต้องตาจบแบบเลวร้ายเพราะ การทรยศหักหลัง

ถ้านัทตื่นขึ้นมาพบว่า ตัวเองเป็นชู้กับพี่ที่ตัวเองรักมาก (ไม่ว่าจะในฐานะพี่ชายหรือคนรักก็ตาม) ทั้ง ๆ ที่เขามีพันธะอยู่แล้ว
นัทจะเป็นอย่างไร? ถึงแฟรงค์กับเพียวจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่ความสัมพัธ์ก็เป็นคู่ผัวเมียไปแล้ว

แม้แต่แค่ภายนอกอย่างกอด จูบ ด้วยความรู้สึกกระสันทางเพศก็ผิดแล้ว

ตั้งสติให้ได้นะแฟรงค์ อย่าสร้างบาดแผลที่ลึกกว่าความรู้สึกถูกทอดทิ้งให้กับนัทเลย
ไม่คิดจะแต่งงานกับเพียวแล้วก็จริง แต่นายก็ยังไม่ได้ยุติความสัมพันธ์นะ

อ่านแล้วหวั่นใจ 

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้ามีดบาด ปาดเนื้อ เป็นเยื่อแผล
แค่ดูแล ทายา เดี๋ยวก็หาย
แต่ถ้ามีด ปักลึก มันใกล้ตาย
แทนที่หาย จะวางวาย ไม่ง่ายเลย

เพียงเท่านี้ นัทยังช้ำ ระกำเศร้า
แค่เห็นเขา มีก่อนเก่า ยังไม่เฉย
แล้วถ้าลึก นึกถลำ ย้ำกว่าเคย
ใจสลาย ตายไปเลย แฟรงค์แต่งงาน

รักสามเศร้า..เราสามคน
ซิกๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อั้ยยะ ตกใจนัทดื่มเหล้าหนักขนาดนี้ คืนนี้โดนแน่ๆ นัทเอ๋ยย ๕๕๕ ดีใจกับแฟรงค์ที่ได้รู้ความจริงเสียทีว่านัทรักมากเหมือนกัน
  เรื่องเพียวไม่เป็นไรเลิกก็เลิก แฟรงค์รู้ใจตัวเองแล้วนี่ รอ รออ่านตอนใหม่คับ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
รีบเคลียร์ปัญหาด่วน!!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด