ไอ้เหมอฮัมเพลงอารมณ์ดีไปตลอดทาง รถคันหรูมุ่งสู่สถานที่จัดงานก่อนจะจอดสนิทอยู่ลานดินเคียงข้างรถญี่ปุ่นคันอื่นในเวลาถัดมา
"นัดเจอกับพี่หมัยที่ไหนอ้ะ"
"หน้าชิงช้าสวรรค์"
"งั้นคงต้องเดินหาชิงช้าสวรรค์ก่อนใช่ไหม" ไอ้เหมอหน้ายุ่ง แต่ชนะกลับหัวเราะ
"ไม่ต้องเดินหา ชิงช้าสวรรค์มันคงไม่แอบเหมอไปอยู่หลังวัดหรอกมั้ง ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังเห็นเลย"
"เออ จริงด้วย"
ไอ้เหมอพูดราวกับเพิ่งคิดได้จนชนะขำมันเข้าไปใหญ่ "หยุดหัวเราะเลย"
"ก็เหมอตลก ปะๆ ไปเดินหาชิงช้าสวรรค์กันดีกว่า"
"ชะน้า!!"
ชนะขี้แกล้ง ยิ่งเห็นไอ้เหมอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มก็ยิ่งล้อ ไอ้เหมอบางทีก็มึนๆ งงๆ ไปบ้างตามประสาคนที่กำลังอยู่ในฟินแลนด์ เมาแดดไปบ้างเพราะคนรูปหล่อขยันชวนไปทำไร่อ้อยเสียเหลือเกิน แม้ตอนนี้จะมืดสนิทแล้วก็ตามเถอะ
ในงานคนเยอะอย่างที่พ่อบอกไว้ ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาเดินเที่ยวงาน การแต่งกายก็ตามแต่สมัยนิยม ผู้หญิงก็นุ่งน้อยห่มน้อยกันตามอัธยาศัย ส่วนผู้ชายก็ใส่กางเกงรัดติ้วเหมือนพี่สมัยกับคนรูปหล่อของมัน แต่ชนะใส่แล้วดูดี ไม่ได้รัดหน้าเกลียดเหมือนไอ้หัวเกรียนที่ไอ้เหมอมันเดินผ่านไปเมื่อครู่ ใส่กางเกงรัดไม่พอพ่อยังล่อใส่สีแดงมาให้เตะตาอีก ไอ้เหมอล่ะต้องยอมรับในความมั่นหน้าของไอ้เกรียนระดับมัธยมเสียจริงๆ
ชิงช้าสวรรค์จุดนัดพบนั้นอยู่ไม่ไกลจากทางเข้างาน ไอ้เหมอจึงเห็นพี่สมัยของมันกับว่าที่พี่สะใภ้ยืนเคียงคู่กัน ห่างไปไม่ไกลมีไอ้กวิ้นที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ด้วย ไม่รู้ไอ้กวิ้นเพื่อนโง่มันกินของสำแดงอะไรเข้าไปถึงได้หน้าตาไม่รับแขกเอาเสียเลย
"พี่สมายด์ หวัดดีครับ" ไอ้เหมอรีบตรงรี่เข้าไปทักทายพี่สาวคนสวยน้องสาวไอ้หมวดยิ้มหน้าดุ
"หวัดดีจ้าน้องเหมอ" สาวสวยรับไว้ ลูบหัวไอ้เกรียนที่ไม่ได้เจอนานด้วยความเอ็นดู "พี่หมัยเล่าให้ฟังว่าเราถูกพี่ยิ้มแกล้งเหรอ"
"ช่ายยย พี่ชายพี่สมายด์อ่ะแกล้งเหมอ พี่สมายด์ต้องจัดการให้เหมอด้วย" ไอ้เหมอได้ทีฟ้อง อย่างไรเสียคนสวยก็จะดองกับมันแล้ว ถือโอกาสใช้เส้นก็ไม่เสียหาย
"โอเคเลย ไว้พี่จัดการให้"
ไอ้เหมอยิ้มกว้าง จากนั้นมันจึงปล่อยให้คนรูปหล่อของมันพูดคุยกับว่าที่พี่สะใภ้ ชนะคงเคยเจอพี่สมายด์มาแล้วเพราะแค่ยกมือไหว้และไม่ได้แนะนำตัวอะไร เดี๋ยวนี้ชนะกับพี่สมัยของไอ้เหมอสนิทกัน ไม่แน่ว่าเรื่องพี่สมายด์ ชนะก็คงรู้ก่อนไอ้เหมอเสียด้วยซ้ำ
"ไอ้กวิ้น มึงเป็นไร ขี้ไม่ออกเหรอ" ไอ้เหมอกระซิบถาม เห็นเพื่อนทำหน้ายุ่งแล้วก็อดห่วงไม่ได้ "อย่ามาขี้แตกกลางงานนะมึง"
"ไอ้บ้า กูไม่ได้เป็นไรเว้ย" ไอ้กวิ้นสะบัดหน้า "มึงทิ้งกูอ่ะ บอกจะไปรับแต่ให้พี่มึงไปรับ นิสัยไม่ดี"
"แค่นี้ก็งอนไอ้ห่า ไปๆ ไปเล่นปาโป่งกัน"
ไอ้เหมอกอดคอไอ้กวิ้นพาออกเดิน แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อคนรูปหล่อร้องเรียก "เฮ้ย จะไปไหน"
"ไปปาโป่ง จะเอาตุ๊กตาให้ไอ้กวิ้น มันงอนเนี่ย" ไอ้เหมอฟ้อง ชนะจึงหัวเราะแล้วเดินเข้ามาผลักหน้าผากไอ้นกเอ๋อเพื่อนซี้
"ไปด้วยละกัน ปล่อยพี่หมัยเขาสวีทกับแฟนเขาไป" ชนะบอก ไอ้เหมอพยักหน้า แต่ไอ้กวิ้นกลับเบะปาก
"กูคิดว่าชาตินี้พี่มึงจะไม่มีเมียซะแล้ว ผู้หญิงคนไหนได้พี่ชายมึงไปคงโชคร้ายโคตรๆ แต่งกับพวกบราค่อนนี่นรกชัดๆ" ไอ้กวิ้นว่าน้ำเสียงจริงจังจนไอ้เหมออดแปลกใจไม่ได้
"มึงโกรธอะไรพี่หมัยวะ"
"เปล่า ไม่ได้โกรธ กูจะมีสิทธิ์อะไรไปโกรธพี่ชายมึงล่ะ"
ชนะกับไอ้เหมอหันมองหน้ากันอย่างงงๆ กับอารมณ์ไอ้กวิ้น ก่อนจะตัดสินใจพามันเดินไปร้านปาโป่ง
"นะ ขอตังค์" ไอ้เหมอแบมือขอซึ่งๆ หน้า จากที่คิดว่าเดินเที่ยวกับพี่หมัยไม่ต้องพกเงิน กลับกลายเป็นว่าพี่ชายต้องไปเดินกับแฟน ภาระหน้าที่ ATM ส่วนตัวจึงตกอยู่กับคนรูปหล่อของมันแต่เพียงผู้เดียว
"เอาแบงค์พันให้เขาจะปาลูกดอกใส่หน้าไหม" ชนะถามอย่างไม่แน่ใจ ในกระเป๋าตังค์ไม่เคยพกธนบัตรสีอื่นใดนอกจากสีเทา
"ไม่เป็นไรหรอก ถ้าใครกล้าปามาใส่หน้าหล่อๆ ของนะ เหมอจะจัดการมันเอง"
สมกับที่พ่อมันบอกว่ามันเลือดร้อน ชนะส่ายหัวแล้วยื่นแบงค์พันไปให้ไอ้กวิ้น "มึงไปซื้อดิ๊"
"เออๆ" ไอ้กวิ้นรับคำเนือยๆ ไม่มีบ่นไม่มีเถียงเหมือนปกติ
"ไอ้กวิ้น ซื้อดอกละร้อยนะมึง เอามาดอกเดียวพอ กูมั่นใจในฝีมือ"
1 ดอก 1 ร้อยบาท ปาลูกโป่งแตกก็รับของรางวัลใหญ่ไปได้เลย ส่วน 7 ดอก ห้าสิบบาทนั้นต้องปาลูกโป่งให้แตกครบห้าลูก ไอ้เหมอจึงไม่อยากเสี่ยงเสียเท่าไหร่ เพราะมันมักจะปาพลาดดอกสุดท้ายทุกที
"ได้ๆ" ไอ้กวิ้นยังพยักหน้ารับความเรื่องมากของไอ้เหมอโดยไม่บ่น มันเดินไปซื้อลูกดอกก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับตังค์ทอน
"ไอ้กวิ้น มึงอยากได้ตุ๊กตาตัวไหน"
"ตัวไหนก็ได้อ่ะ"
"ทำหน้าให้มันอยากได้หน่อย กูจะได้มีกำลังใจปา ไอ้ห่า"
ไอ้กวิ้นก็เลยชี้ส่งๆ ไป ไอ้เหมอจึงจัดการสอยตุ๊กตามาง้อไอ้กวิ้นได้สมใจ และหลังจากนั้นก็เป็นมหกรรมเดินเตร่ล่ารางวัล โดยมีสปอนเซอร์ใหญ่อย่างชนะเป็นคนจ่าย
"น้องนะมานี่ เดี๋ยวพี่เหมอจะสอนยิงปืน"
ไอ้เหมอมันเก่งหลายอย่าง ผ่านซุ้มสาวน้อยตกน้ำมันก็ปาตกสามครั้งไม่มีพลาด มาถึงร้านปืนยาวสอยตุ๊กตา ไอ้เหมอก็สอยร่วงแทบทุกตัวจนเจ้าของร้านแทบจะกินหัวมัน มันได้แต่ปฏิเสธว่ามันไม่ใช่นักกีฬาทีมชาติที่แฝงตัวมาเล่น แต่ก็ไม่ได้บอกความจริงว่ามันเป็นนักเรียนนายร้อยที่ซ้อมยิงปืนสิบนัดก็เข้าเป้าทั้งสิบนัด คะแนนของมันเต็มแม็กตลอด และอนาคตของมันอยากเป็นพลซุ่มยิงของกองทัพด้วย หลังจากทำเจ้าของร้านปืนยาวสอยตุ๊กตาเกือบร้องไห้แล้วไอ้เหมอจึงเดินนำคนรูปหล่อของมันกับไอ้กวิ้นเพื่อนยากมายังร้านปืนยาวจุกน้ำปลาที่เป้าจะเป็นตู้มีตุ๊กตาใส่อยู่ข้างใน
"หึ ไม่ยิงเองแล้วเหรอ" ชนะแอบหัวเราะไอ้เหมอเกือบตลอดเวลา อยู่กับไอ้เหมอไม่มีเบื่อเลยจริงๆ ไม่หัวเราะกับความเปิ่นของมันก็หัวเราะกับสีหน้าของมันที่มักจะเหวอ บางทีก็ดูเอ๋อๆ มึนๆ
"ไม่เอา เดี๋ยวเจ้าของร้านงับหัวอีก" ไอ้เหมอยืนซ้อนคนรูปหล่อจากข้างหลัง มันบรรจุกระสุนที่เป็นจุกยางให้ "สอนนะยิงดีกว่า ได้แต๊ะอั๋งด้วย"
"ทำอย่างกับผมเป็นสาวน้อย"
"ไม่ใช่ซะหน่อย เหมอเป็นสาวน้อยต่างหาก"
ชนะหลุดหัวเราะหลังจากที่เก๊กหน้านิ่งตั้งใจให้ไอ้เหมอสอนอยู่เสียนาน "ไม่มีสาวน้อยที่ไหนสอนผู้ชายยิงปืนหรอก"
"ก็เหมอเป็นคนแรกไง โธ่"
คนรูปหล่อหัวเราะ เสียงทุ้มกังวานน่าฟังจนผู้หญิงที่มายืนรอแฟนยิงปืนชิงตุ๊กตาให้ก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับไอ้เหมอด้วย ไอ้เสือมันจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่แล้วกลับมายิ้มหวานให้คนรูปหล่อของมันตามเดิม
"อย่าหล่อไปกว่านี้ แค่นี้ชะนีก็อยากได้ใจจะขาดแล้ว" ไอ้เหมอหน้ายุ่ง ลูบหน้าลูบตาพ่อรูปหล่อของมันอย่างหลงใหล แฟนใครก็ไม่รู้ยิ่งดูยิ่งหล่อ
"ชะนีคือ?"
"ผู้หญิงอ้ะ"
"ชะนีก็มีตัวผู้ แล้วทำไมต้องแทนผู้หญิง"
"เพราะชะนีร้อง ผัวๆๆๆๆ"
"ฮ่าๆๆ เสมอเอ้ย ปากร้ายจัง"
"เหมอปากร้ายกับบางคนที่จ้องจะแย่งนะไปจากเหมอหรอก"
"บางทีเขาก็แค่มองหรือเปล่า"
"เหมอไม่ชอบให้ใครมอง"
"ผมก็ไม่ชอบ แต่เราห้ามพวกเขาไม่ได้นี่"
"จิ้มตาบอดเลย"
"ติดคุกกันพอดี" ชนะว่าเสียงนุ่ม ก่อนจะหันมองซ้ายขวา "ไอ้กวิ้นหาย"
ไอ้เหมอก็มองหาด้วยอีกคน "เออจริง มันหายไปไหน เดี๋ยวยิงปืนเสร็จไปตามหามันละกัน เอ้า จับให้มันนิ่งๆ หน่อย พี่เหมอสอนโหดนะบอกเลย"
"ครับๆ อย่าโหดให้มากนะครับพี่เหมอ แค่หน้าก็น่ากลัวอยู่แล้ว โอยยย หมายถึงน่ารัก"
"ไม่ต้องพูดมาก ยิงไปเองเลย ไม่สอนแล้ว"
พี่เหมอหน้าโหดของคนรูปหล่อแสร้งงอน แต่พอชนะยิงลูกแรกมันก็ตบมือเปาะแปะชื่นชม เพราะคนรูปหล่อกับปืนที่ถืออยู่ช่างเท่เหลือแสน ท่าเล็งยิงก็น่ามองไม่แพ้ใคร ไอ้เหมอถึงกับทำหน้าเคลิ้มมอง แต่ไม่ได้มีแค่มันที่เคลิ้ม เพราะยังมีคนอื่นๆ ที่เคลิ้มไปด้วย แม้แต่ป้าเจ้าของร้านที่แอบเก็บจุกยางมาวางไว้ให้ทั้งๆ ที่ให้โควต้าแค่คนละ 7 นัดเท่านั้น แต่คงอยากให้คนรูปหล่ออยู่เล่นด้วยนานๆ เป็นอาหารตาไม่พอ ยังเรียกลูกค้าได้อีกด้วย
“แก ถ่ายรูปไว้ๆ ทำไมพี่เขาหล่อขนาดนี้ เขาเป็นดาราไหมแก คุ้นหน้าบ้างป่าว” น้องผู้หญิงผมสั้นกลุ่มใหญ่กระซิบกระซาบกันอยู่ใกล้ๆ ไอ้เหมอ
“หน้าคล้ายๆ CY Gods เลยอ่ะแก”
“แฝดรึเปล่า ตอนนี้ CY อยู่งานมีตติ้งที่ปักกิ่ง คนนี้น่าจะแฝดพี่ เคยได้ยินว่า CY มีแฝดพี่อีกสองคน”
สงสัยมาเจอติ่งของ CY เข้าให้ เพราะน้องๆ รู้รายละเอียดเป็นอย่างดี
“เออ ใช่ๆ คนนี้ป่ะที่ถ่ายแบบลงนิตยสาร...”
หา!!! ไอ้เหมอร้องลั่นในใจ รีบเดินเข้าไปหาน้องๆ วัยทรงผมเสมอติ่งหูทันที
“ถ่ายแบบลงนิตยสารอะไรเหรอ” ไอ้เหมอถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนน้องๆ ทำหน้าเหวอ
“พี่เป็นใครอ่ะ” น้องผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้น “คนบ้าป่ะ”
ไอ้เหมอแยกเขี้ยว ก่อนจะกล่อมตัวเองว่าคนตรงหน้าคือเด็กผู้หญิง อย่าได้ถือสาเอาความ “บอกไปแล้วน้องจะตะลึงว่าพี่เป็นใคร แต่เมื่อกี้น้องบอกว่าพี่คนหล่อๆ นั่นถ่ายแบบลงนิตยสารเหรอ”
“อือ ใช่ เพิ่งออกเมื่อวีคก่อน หล๊อหล่อเนอะแก ไอ้กี้มันซื้อเก็บไว้ด้วย” น้องคนเดิมตอบแล้วหันไปขอความเห็นจากเพื่อน ไอ้เหมอยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ ทำไมเรื่องถ่ายแบบอะไรนี่มันถึงไม่รู้มาก่อนเลย
“แล้วว่าแต่พี่เป็นใครอ่ะ”
“พี่เป็นแฟนเขา”
“แฟนคลับงี้เหรอ พวกหนูก็เป็น”
“เปล่า แฟนครับ”
“ห้ะ!” น้องๆ ตะโกนขึ้นพร้อมกัน ทำเอาคนรูปหล่อที่กำลังตั้งอกตั้งใจยิงปืนหันมามอง ก่อนจะขมวดคิ้วจ้องเขม็งมาทางไอ้เหมอกับเด็กผู้หญิงวัยติ่ง “พี่เพ้อเจ้อป้ะ”
“ไม่เพ้อๆ แฟนจริงๆ”
“พี่เนี่ยนะ”
“เออ” ไอ้เหมอส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจที่ไม่มีใครเชื่อ “แฟนจริงๆ คนสวยมีแฟนหล่อแปลกตรงไหน”
“ถ้าพี่สวยคนทั้งโลกก็ไม่มีใครขี้เหร่อ้ะ”
“เด็กผู้หญิงปากเสียไม่มีใครชอบหรอกจะบอกให้ แล้วนิตยสารนั่นมีขายอีกป้ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน หนูซื้อมาเล่มสุดท้ายของแผง ไม่รู้มีที่อื่นอีกรึเปล่า”
ไอ้เหมอกำลังครุ่นคิดว่าจะให้ไอ้กวิ้นไปตามล่าหานิตยสารมาให้มัน แต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อคนรูปหล่อมายืนข้างๆ ทำเอาน้องๆ ผมบ๊อบสามสี่คนตรงหน้าทำหน้าฝันไปตามๆ กัน
“เสมอ มาทำอะไรตรงนี้” เสียงคนหล่อเย็นเยียบจนไอ้เหมอได้สติ มันยิ้มแล้วกอดแขนชนะอย่างเอาใจ
“เหมอได้ยินพวกน้องๆ บอกว่านะถ่ายแบบ เลยเดินมาถาม” ไอ้เหมอตอบ หันไปยักคิ้วทำหน้าเหนือใส่คนที่ปรามาสมัน “นะถ่ายแบบจริงอ้ะ”
“อืม คนรู้จักของคุณหญิงแม่เหมอเขาขอมา”
“แล้วไม่บอกเหมอเลย” ไอ้เหมอแสร้งทำหน้างอน ชนะจึงยิ้มแล้วลูบหัวมันเบาๆ
“มันกะทันหัน แล้วผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ด้วย ก็เลยลืมเรื่องนี้ไป”
“เหมออยากได้นิตยสารนั่นอ่ะ”
“ที่บ้านเหมอก็มี กลับไปดูสิครับ”
ไอ้เหมอจึงยิ้มกว้างเต็มหน้า ชนะยกยิ้มตามแล้วโอบเอวมัน พาเดินกลับร้านยิงปืนที่เล่นค้างไว้ ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ จากเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นดังแว่วมาให้ได้ยิน
“เผลอไม่ได้เลย ต้องไปทำความรู้จักกับคนนั้นคนนี้ตลอด มีคนรักแค่คนเดียวไม่พอใช่ไหม”
โธ่...ฟังคนหล่อพูดเข้า แจกอ้อยให้ไอ้เหมอไม่เกรงใจป้าเจ้าของร้านเลย ส่วนไอ้เหมอมันก็ได้แต่เขินไปตามเรื่องตามราว
“ไปตามหาไอ้กวิ้นกันเถอะ ไม่รู้หลงทางไปไหนแล้ว” ไอ้เหมอเกลื่อนความเขินด้วยการชักชวนให้คนรูปหล่อออกตามหาไอ้กวิ้นที่ตั้งแต่มาถึงงานมันก็ดูไม่สนุกอย่างที่คิด ทั้งๆ ที่มันชอบงานแบบนี้อย่างกะอะไรดี เคยเที่ยวด้วยกันสมัยมอต้นก็มีแต่มันที่ลากไอ้เหมอไปเล่นเกมร้านนั้นร้านนี้เพื่อชิงของรางวัล แต่คราวนี้นอกจากมันจะไม่สนุกแล้ว ยังทำหน้าหงอยจนนึกห่วง
ในระหว่างการเดินทางตามหาเพนกวิ้น ไอ้เหมอกับแฟนของมันก็แวะร้านนั้นร้านนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปด้วย ชนะชอบใจกับร้านขายของเล่นโบราณมาก คนรูปหล่อซื้อกบแลบลิ้นให้ไอ้เหมอ ส่วนตัวเองถือพัดสีรุ้ง ร้านของกินก็มีหลากหลาย ทั้งขนมครกไข่นกกระทา สายไหมโบราณ ขนมถังแตก ขนมเบื้องทั้งเบื้องไทยและเบื้องญวณ ก๋วยเตี๋ยวผัดก็เข้าที ไอ้เหมอซัดไปสองจาน ในขณะทีคนรูปหล่อทานไปแค่จานเดียว เสร็จจากหาอะไรกินแล้วมันก็ไปโยนห่วง โยนกระป๋องล่ารางวัลต่อ จนเกือบลืมภารกิจตามหาไอ้กวิ้นไปเสียสิ้น แต่โชคยังดีที่เจอไอ้เพื่อนโง่มันต่อคิวเล่นม้าหมุนอยู่เพียงลำพัง
“เจอตัวจนได้ไอ้ห่ากวิ้น” ไอ้เหมอตบหัวไอ้เพื่อนรักของมันไปหนึ่งที ไอ้กวิ้นทำหน้ายุ่งใส่ “จะไปไหนทำไมไม่บอก ปล่อยให้ตามหา”
“กูบอกมึงแล้ว แต่มึงคุยกับไอ้นะ ก็เลยไม่ได้ยินเสียงกู” ไอ้กวิ้นบอก สีหน้ามันก็หงอยจนไอ้เหมอรู้สึกผิด
“เป็นอะไรของมึงวะ อ่อนไหวง่ายจริงวันนี้” ไอ้เหมอมองอย่างคาดคั้น
“มีอะไรก็พูดได้ไอ้กวิ้น” ชนะพูดขึ้นอีกคน เห็นเพื่อนซี้เป็นแบบนี้ก็ชักใจคอไม่ดี
“เปล่าเว้ย กูไม่ได้เป็นอะไร กูแค่ไม่อยากไปเป็นก้างพวกมึง”
“มึงก็อยู่เป็นก้างพวกกูมาตั้งนานแล้ว คิดมากทำไมวะ” ไอ้เหมอล็อคคอไอ้กวิ้นไว้ “เอางี้ มึงอยากกินไร เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”
ไอ้กวิ้นถอนหายใจ มันก็ไม่ได้อยากให้ไอ้เหมอคิดมาก จึงตอบไปว่า “สายไหมโบราณ บอกเขาว่าเอาสีชมพูนะ”
“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูมา เอาน้ำแดงด้วยไหม กูรู้มึงชอบ”
“อือ”
“นะ ขอตังค์หน่อย” ประโยคนี้ไอ้เหมอพูดเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ จนคนรูปหล่อยกกระเป๋าตังค์ให้มันทั้งหมด
“เหมออย่าลืมซื้อขนมเบื้องไปให้คุณหญิงแม่ด้วย”
“เดี๋ยวขากลับค่อยซื้อ นะเอาไรป้ะ”
“ผมอยากกินเกี๊ยวทอด”
“โอเค รออยู่ตรงนี้นะ อย่าไปไหนกันล่ะ”
ไอ้เหมอเดินหายลับไปกับฝูงชนแล้ว ชนะจึงมองไอ้กวิ้นด้วยสายตาจริงจัง
“เจอพวกพี่หมัยป่ะ”
“ไม่” ไอ้กวิ้นตอบเสียงแข็ง
“มึงชอบเหมอเหรอ”
“ห้ะ? กูนี่นะ?” สีหน้าไอ้กวิ้นบ่งบอกว่ามันรับไม่ได้กับคำพูดของเพื่อนรูปหล่อ แต่เมื่ออีกคำถามที่ถูกถามขึ้นมา...ไอ้กวิ้นกลับหน้าถอดสี น้ำท่วมปาก
“งั้นชอบพี่หมัยสินะ”
“มึง...”
“กูเดาถูกเหรอ”
ไอ้กวิ้นไม่ตอบ หน้ามันซีดลงเรื่อยๆ ริมฝีปากก็เม้มแน่น
“ชอบเขาไม่บอกเขาล่ะ”
ชนะเพิ่งเคยเห็นไอ้กวิ้นทำสีหน้าเจ็บปวด ดวงตาของมันแดงก่ำรื้นไปด้วยน้ำราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา
“บอกแล้ว...กูบอกตั้งนานแล้ว แล้วเขาก็ปฏิเสธกูมาแล้วด้วย”
“เหมอรู้ไหม”
ไอ้กวิ้นส่ายหน้า “กูไม่เคยบอกใครเรื่องนี้”
“เหมอคงเสียใจที่มึงไม่ไว้ใจ”
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจหรอก แต่กูก็ไม่รู้จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา” ไอ้กวิ้นบอกเสียงแผ่ว “เขาปฏิเสธกู เขาบอกว่าเขายังไม่อยากมีใคร แต่มึงรู้ไหม...เขาคุยกับพี่สมายด์ตลอดสองสามปีมานี้ หัวใจของเขากันที่ไว้ให้คนอื่นแล้ว เขาถึงปฏิเสธกู ไม่ใช่ว่าไม่อยากคบใครหรอก แต่เขาไม่อยากคบกูต่างหาก แล้วไม่บอกกันตามตรง ถ้ารู้ว่าเขาจะพาพี่สมายด์มาวันนี้ กูไม่มากับพวกมึงด้วยหรอก”
ไอ้กวิ้นสารภาพความรู้สึกทั้งหมดของมัน รักที่ไม่สมหวังของมันถูกแถลงไขให้เพื่อนรูปหล่อฟังเป็นคนแรก และคงจะเป็นคนสุดท้าย
“มึงอย่าบอกไอ้เหมอนะ กูไม่อยากให้มันไม่สบายใจ”
“ถ้าเหมอรู้ กูว่าเหมอคงโกรธมึง” ชนะบอกอย่างที่รู้นิสัยของคนรักดี และคิดว่าไอ้กวิ้นก็คงรู้ดีไม่ต่างกัน “ไม่ใช่โกรธที่มึงชอบพี่ชายเหมอ แต่คงโกรธที่มึงไม่ยอมบอกแล้วทุกข์ใจอยู่คนเดียว”
“...”
“สำหรับกูนะเว้ยกวิ้น เพื่อนน่ะ...ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ถึงกูจะเพิ่งเข้าใจว่าคนรักก็ทำได้ แต่ยังไงเพื่อนก็ยังสำคัญมากอยู่ดี มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันตัดกันขาด”
“กูรู้ แต่คงมีสักวันแหละที่กูจะมีโอกาสได้บอกมัน” ไอ้กวิ้นถอนหายใจ “สงสัยอาจจะเป็นวันแต่งงานของพี่มันก็ได้มั้ง”
ชนะตบไหล่ไอ้กวิ้นสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ เพราะเขาไม่มีคำพูดดีๆ ปลอบใจมันได้เลย เรื่องของความรัก เรื่องของหัวใจไม่ว่าใครก็บังคับไม่ได้
“ขอทางหน่อยครับขอทางหน่อยยย” ไอ้เหมอที่ข้าวของเต็มมือรีบเดินแล้วตะโกนขอทาง ชนะกับไอ้กวิ้นเห็นมันหอบของกินมาให้ก็รีบเดินเข้าไปช่วย
“ได้เล่นม้าหมุนสมใจแล้วสิท่า ดูอารมณ์ดีขึ้นนะมึง เอ้า สายไหม รีบๆ กินก่อนจะละลาย ส่วนนี่ของคนรูปหล่อ ให้เหมอป้อนม้า”
ชนะอมยิ้มแล้วพยักหน้าให้ ไอ้เหมอจึงกุลีกุจอจิ้มเกี้ยวทอดราดน้ำจิ้มรสเด็ดเข้าปากคนรูปหล่อ
“อร่อยไหม”
“อืม”
“ไอ้กวิ้นกินป่ะ”
“ไม่อ่ะ กูกินของหวานอยู่”
“มีใครบอกมึงไว้เหรอว่าถ้ากินของหวานแล้วห้ามกินของคาว” ไอ้เหมอถามอย่างยียวน พยายามจ่อเกี๊ยวกับปากไอ้กวิ้นอย่างหลอกล่อ “อร่อยนะมึง กินๆๆ”
“ไอ้สัดเหมอ มึงนี่มัน” ไอ้กวิ้นจำต้องละความสนใจจากสายไหมมางับเกี๊ยวที่ไอ้เหมอยัดเยียดให้ มันเคี้ยวไปบ่นไปจนไอ้เหมอหัวเราะ
จัดการของกินกันเสร็จเรียบร้อยแล้วไอ้กวิ้นก็บอกว่ามางานวัดถ้าไม่ได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์ก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะฉะนั้นสามหนุ่มสามมุมจึงชักชวนกันไปต่อคิวซื้อตั๋วขึ้นกรงเหล็กลอยฟ้า ชนะกับไอ้เหมอแน่นอนว่าซื้อตั๋วขึ้นด้วยกัน ส่วนไอ้กวิ้นนั้นขอแยกตัวสันโดษเพื่ออารมณ์ติสท์ของมัน
“เหมอเคยดูหนัง พระเอกนางเอกชอบจูบกันบนนี้” ไอ้เหมอบอกพลางยิ้มเขินเมื่อชิงช้าเหล็กเคลื่อนตัวพามันกับคนรักลอยขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดแล้วชะงักค้างไว้
“อยากให้ผมจูบเหรอ” ชนะมองไอ้หัวเกรียนด้วยรอยยิ้มขำ เห็นมันทำท่าสะดิ้งอายแล้วไม่เคยเชื่อสนิทใจเลยว่ามันรู้สึกเขินอายจริงๆ
“อื้อ”
“ขยับเข้ามาสิครับ” ไอ้เหมอยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายทำตามที่มันร้องขอ
ไอ้เหมอขยับเข้าใกล้ทำให้ชิงช้าแกว่งเล็กน้อย “นะจ๋า”
“ว่า?”
“เหมอรักนะที่สุดในโลกเลย”
“อื้ม...ผมก็เหมือนกัน” ชนะยิ้มรับ โน้มใบหน้าลงทาบทับริมฝีปากไอ้เหมอที่เผยอรอรับ มันแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยให้ชนะได้ดูดดึงลิ้นของมัน ทั้งยังร้อนวาบไปทั้งตัวเมื่อริมฝีปากถูกดูดงับรุนแรงตามแรงอารมณ์ของคนรูปหล่อ ไอ้เหมอระทวยอยู่ในอ้อมแขน ปรือตามองก็เห็นเพียงแค่แววตาลุ่มลึกน่าหลงใหลของอีกฝ่าย
“เหมออยากอยู่กับนะทั้งวันทั้งคืน อยากโดนนะกอด อยากโดนนะรัก...แรงๆ”
“ไม่ยั่วผมนะครับ” ชนะเอ่ยขอร้อง “คืนนี้ผมต้องส่งเหมอกลับบ้าน ถ้ายั่วอย่างนี้...ผมคงทรมานที่เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งคืน”
“เหมอไม่ได้ยั่ว...เหมอ...อยาก จริงๆ”
“เสมอ” ชนะครางเสียงแผ่ว เกี่ยวลิ้นของไอ้เหมอด้วยลิ้นของตัวเองแล้วดูดแรงจนไอ้เหมอสะท้าน “คนดี”
“หืม”
“เตรียมตัวขอ Visa ได้แล้วนะครับ”
“ทำไมอ่า”
“ลืมแล้วเหรอว่าผมจะพาไปอเมริกา”
ไอ้เหมอยิ้มจาง มันเกือบลืมไปเลยว่าเคยคุยเรื่องไปอเมริกากับชนะไว้นานมากแล้ว “เหมอนึกว่านะพูดเล่น”
“ผมพูดจริง เพี้ยนจะจัดการตั๋วเครื่องบินให้ เหมอเตรียม Visa กับ passport ก็พอ”
“อืม แต่นะต้องรอเหมอปิดเทอมก่อนนะ”
“ครับ ผมรอได้”
“เหมอต้องเตรียมพ็อคเก็ตมันนี่ไปด้วยป้ะ ไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที”
“ไม่ต้องหรอก...เมียคนเดียว ผมเลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
“ข่นบ้าาาาา”
ไอ้เหมอทุบอกคนรูปหล่อเบาๆ ก่อนมันจะให้รางวัลเป็นจูบดูดดื่มจนถึงเวลาที่ชิงช้าเคลื่อนลงสู่พื้น ลงจากชิงช้าได้ก็โดนไอ้กวิ้นล้อว่าปากบวมเจ่อเสียยกใหญ่ แต่ไอ้เหมอก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะหลักฐานมันทนโท่ จะไม่ให้บวมได้อย่างไร ในเมื่อทั้งถูกดูดถูกงับไม่เว้นจังหวะให้หายใจหายคอ
“สนุกกันไหมคะเด็กๆ” กลับมาเจอพี่สมายด์กับพี่สมัยที่จุดนัดพบตามเดิม ไอ้เหมอลืมขนมเบื้องของคุณหญิงแม่มันแล้ว แต่โชคดีที่เห็นพี่สมัยถือไว้ในมือ ไอ้เหมอจึงโล่งอก ไม่ต้องวิ่งหน้าตั้งกลับไปหาซื้ออีก
“สนุกครับ พี่สมายด์ล่ะเป็นไงบ้าง เที่ยวกับพี่หมัยสนุกรึเปล่า”
“สนุกค่ะ ได้ของรางวัลมาเต็ม ตุ๊กตาก็ได้มาหลายตัว พวกพี่เอากลับไปใส่รถหมดแล้วล่ะ”
ไอ้เหมอพยักหน้า แต่ก็ยังเห็นพี่สมัยของมันถือตุ๊กตานกเพนกวิ้นไว้ในมือ คงเพิ่งได้มาล่ะมั้ง
“งั้นกลับกันเลยดีกว่าเนอะ ดึกมากแล้ว พี่หมัยไปส่งไอ้กวิ้นให้ด้วยนะ”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร กูกลับแท็กซี่ดีกว่า บ้านกูคนละทาง”
“ไม่ต้อง ทางผ่านอยู่แล้ว”
ไอ้เหมอเห็นพี่สมัยกับไอ้กวิ้นจ้องหน้ากันราวกับจะฆ่าแกงแล้วมันก็ได้แต่งง “เออ ไอ้กวิ้น กลับกับพี่หมัยแหละ จะได้ไม่เปลืองค่าแท็กซี่”
“ใช่แล้วค่ะน้องกวิ้น มาด้วยกันก็กลับด้วยกันเนอะ ไปค่ะๆ”
ไอ้เหมอกับชนะจึงแยกตัวออกมา ชนะมาส่งไอ้เหมอที่บ้านก่อนเที่ยงคืนอย่างที่ได้บอกท่านบิดาไว้ ร่ำลากันด้วยจูบแสนหวานครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างฝ่ายต่างอาลัยอาวรณ์แต่ก็จำต้องแยกย้ายกันนอนคนละเตียง ห่างไกลกันคนละบ้าน
ส่วนสมัย ครั้นพอส่งสมายด์ถึงบ้านแล้วก็ต้องวนรถกลับมาส่งเพื่อนของน้องชายต่อ ไอ้เด็กพูดมากนั่งเงียบผิดปกติจนต้องยัดตุ๊กตานกเพนกวิ้นใส่มือมันไม่ได้
“เอาไป”
“ไม่เอา” ไอ้กวิ้นส่งคืนแต่สมัยก็ยัดเยียดมันกลับมาให้อยู่ดี มันจึงหน้าตูมอย่างไม่พอใจ “ให้ทำไมล่ะ”
“เพื่อนมึง”
“กวิ้นเป็นคน”
“มึงเป็นนก”
“ไอ้พี่หมัย”
“เรียกกูดีๆ กวิ้นกวิ้น”
“ให้พี่สมายด์เรียกสิ อยากฟังคำดีๆ หวานๆ เพราะๆ ก็ให้แฟนเรียก”
ไอ้กวิ้นบอกเสียงแข็ง เบือนหน้าหนีจากสายตานายทหารหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิท
“ยังไม่ใช่แฟน”
“อีกไม่นานก็เป็น”
“อืม...คงงั้น”
ไอ้กวิ้นนั่งเงียบไปตลอดทาง จนถึงหน้าบ้านมันก็แค่บอกขอบคุณแล้วลงจากรถไป ไม่ลืมที่จะวางตุ๊กตานกเพนกวิ้นไว้บนเบาะข้างคนขับ จนสมัยต้องลงจากรถ ตามเอาตุ๊กตาไปยัดใส่อ้อมแขนมัน
“ผู้ใหญ่ให้ของก็รับไว้”
“กวิ้นไม่อยากได้”
สมัยมองเพื่อนน้องชายด้วยสายตาดุจัด เห็นความดื้อดึงของมันแล้วจากนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ “รับไว้หน่อย กูอุตส่าห์ไปยิงมาให้”
“ไม่ได้ขอ”
“กวิ้น”
“ไม่ได้ขอ ไม่อยากได้ ไม่เอา กวิ้นไม่อยากได้ของอะไรจากพี่หมัยแล้ว! พอแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรมาให้อีก!”
“มึงเป็นบ้าอะไร”
“ไม่ได้เป็นบ้า พี่หมัยนั่นแหละเป็นบ้า คนไม่อยากได้ก็ยังจะบังคับ”
“เออ ไม่อยากได้ก็เอามา” สมัยหมดความอดทน แต่พอจะดึงตุ๊กตาคืนไอ้กวิ้นมันก็กอดไว้แน่น “ตกลงมึงกวนตีนกูใช่ไหม”
“เปล่า พี่หมัยเอาไปดิ”
ปากก็บอกให้เอาไป แต่มันกอดตุ๊กตาไม่ยอมปล่อย สมัยจึงถอนหายใจแล้วหันหลังจะเดินกลับไปขึ้นรถ แต่ชายเสื้อเชิ้ตก็ถูกดึงรั้งไว้
“พี่หมัย”
“อะไร”
“กวิ้นยังชอบพี่อยู่นะ”
สมัยนิ่งเงียบ หันกลับมาเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทน้องชาย ยกมือลูบหัวไอ้เด็กตัวสูงเก้งก้าง “ตัดใจจากกูเถอะ กูคิดกับมึงแค่น้องชาย ต่อให้มึงจะบอกกูอีกกี่ครั้ง คำตอบของกูก็ยังเหมือนเดิม”
“อืม” ไอ้กวิ้นพยักหน้ารับ ดวงตามันแดงก่ำก่อนน้ำตาจะเริ่มไหลอาบแก้ม แขนมันกอดรัดตุ๊กตาไว้แน่น “กวิ้นเข้าใจแล้ว”
“มึงขี้แยกว่าน้องเหมอซะอีก” สมัยเช็ดน้ำตาให้เพื่อนน้องชายอย่างที่ชอบทำให้กับน้องน้อยของเขา ในสายตาของสมัย เพนกวิ้นยังคงเหมือนเด็กมัธยมต้นที่น้องเหมอของเขาพามาให้รู้จัก ร่างกายมันโตขึ้นมาก แต่ความคิดความรู้สึกไม่ได้โตตาม เพนกวิ้นเหมือนน้องชายของเขาอีกคน เคยพยายามคิดเป็นอื่นตั้งแต่ที่ถูกเด็กนี่สารภาพรักเมื่อสองปีก่อน แต่ก็คิดไม่ได้เกินกว่าน้องชายเลยจริงๆ
“ไม่ใช่ซะหน่อย” ไอ้กวิ้นเถียง มันยอมให้สมัยเช็ดน้ำตาให้อย่างไม่ขัดขืน เพราะในใจลึกๆ โหยหาสัมผัสของคนตรงหน้ามาตลอด “พี่หมัย...พี่จะแต่งงานกับพี่สมายด์รึเปล่า”
“ไม่รู้”
“อื้ม”
“มึงเข้าบ้านได้แล้วไป”
“อือ”
“จิ๊กซอว์จะให้เอามาให้หรือไปเอาเอง”
“กวิ้นไปเอาเองก็ได้ แต่นี่กล่องสุดท้ายแล้ว พี่หมัยไม่ต้องซื้อให้อีกหรอก ไอ้เหมอไม่ต้องจ่ายค่าจ้างอะไรแล้วล่ะ แฟนมันดูแลตัวเองได้”
“อืม แต่ถ้าอยากได้ก็ไลน์มาบอกกูแล้วกัน”
ไอ้กวิ้นพยักหน้า หันหลังเปิดประตูรั้วเข้าบ้าน ส่วนสมัยก็แยกตัวไปขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านตัวเอง
รันอาจจะสมหวังกับคุโด้ ชินอิจิที่เป็นรักแรก แต่ไอ้กวิ้นคงไม่เหมือนอย่างโมริ รัน เพราะคุโด้ ชินอิจิของมัน...เขามีโมริ รันตัวจริงของเขาอยู่แล้ว อย่างไอ้กวิ้นคงเป็นได้แค่อายูมิที่แอบรักโคนันก็เท่านั้น.................................................TBC......................................................
ชัดเจนเรื่องหมัยกวิ้นรึยัง โมเม้นมุ้งมิ้งแปลกๆ ที่รับรู้ สุดท้ายก็แค่รักข้างเดียว ไม่มีการรีเควสเพิ่มนะ เดี๋ยวนิยายเราจะไม่ใส
