ไอ้เหมอรู้ว่าแฝดน้องทั้งชยและชโยรักชนะมาก ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่จะคอยตามคนพี่ต้อยๆ เล่นอะไรเล่นด้วยกัน ร้องไห้ก็ร้องด้วยกัน จนบางครั้งไอ้เหมอไปยื่นคำขอกับท่านบิดาให้ทำแฝดให้เหมอบ้าง แต่ก็โดนท่านบิดาเขกหัวกลับมาแล้วสอนเรื่องเด็กแฝดให้เหมอที่ยังเด็กไม่รู้ความ ตั้งแต่นั้นจึงได้รู้ว่าแฝดก็คือคนที่เกิดพร้อมกัน อยู่ในท้องของแม่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด เป็นสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและน่าอิจฉา
“เป็นทหารไม่ได้ แต่ไม่แน่อาจจะมีแฟนเป็นทหารนะ” ไอ้เหมอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ยกระดับความฟินให้ตัวเองอย่างถือสิทธิ์ ทำเอาชยหัวเราะลั่น
“เป็นได้ก็ดีเนอะ นะจะได้มีความสุข อยู่กับเหมอผมก็ไม่ห่วง เพราะเหมอเป็นคนดี นะต้องมีความสุขแน่ๆ ถ้าได้อยู่กับเหมอ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็เหมอทั้งสวยทั้งอ่อนหวาน ดูแลเก่ง เอาใจเป็น เลิศ”
“ดำแบบนี้เรียกสวยเหรอ ฮ่าๆๆๆ โอ้ยยย เหมอออ อย่าจี้เอวววว ก๊ากกกกกกก”
ชยระเบิดหัวเราะ หัวเราะค้าง น้ำหูน้ำตาไหล ไอ้เหมอมันก็ใจเหี้ยม จี้เอวคนแก้มยุ้ยไม่หยุด จนเสียงของแฝดคนโตมาช่วยชีวิตเอาไว้
“สนิทกันเร็วดีนี่” ชนะว่าเสียงเรียบ นั่งลงบนโซฟาอีกตัวแล้วมองไอ้เหมอกับแฝดน้องของตัวเองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก “รู้จักกันมาก่อนเหรอ”
“เปล่า เพิ่งรู้จักกันเอง” ไอ้เหมอรีบปฏิเสธ ส่งสายตาไปหาชยให้ร่วมมือ
“อือ ใช่แล้ว แต่เหมอคุยเก่ง เลยสนิทกันเร็ว เห็นนะโอเคก็ดีแล้ว ตอนโยวิ่งมาบอก เค้าก็ตกใจ นึกว่าตัวจะเป็นอะไรเสียอีก” ชยมองพี่ชายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เค้าไม่อยากให้ตัวโกรธป๋านะ ป๋าคงมีเหตุผล”
“คนมีเหตุผลไม่ขว้างของของคนอื่นลงพื้นหรอก” ชนะตอบดื้อดึง “ยะไม่ต้องพูดอะไรแทนป๋าอีกแล้ว นะรู้ว่าป๋าไม่ได้แคร์อะไรนะเลย มันไม่ใช่พ่อทุกคนหรอกที่รักลูก”
“นะ...ทำไมคิดแบบนั้น ป๋ารักตัวมากที่สุดเลยนะ” ชยมีสีหน้าตกใจจริงจัง ไอ้เหมอก็ไม่ต่าง ความคิดของคนเป็นพ่อนั้นยากจะหยั่งถึง แต่คงไม่ใช่อย่างที่คนเป็นลูกคิดเป็นแน่
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว อุตส่าห์พาเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ก็ให้มาเจออะไรแย่ๆ ขอโทษนะเหมอ ที่ครอบครัวผมเป็นแบบนี้” ชนะคงเสียใจและเจ็บปวดไม่แพ้ใคร แต่ใบหน้าที่ยังนิ่งเฉย กับแววตาว่างเปล่า กลับทำให้ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าตอนที่ร้องไห้ออกมาเสียอีก
“ไม่เห็นต้องขอโทษ แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาไม่เหมือนกัน ถ้าวันนั้นนะไปบ้านเหมอตอนที่ท่านบิดาอยู่ นะคงได้เห็นอะไรแย่ๆ เหมือนกันนั่นแหละ แต่อาจจะแย่กว่าตรงที่ท่านบิดาคงทุ่มเหมอลงกับพื้น แทนที่จะเป็นกระถางต้นไม้สักอัน ท่านบิดาของเหมอน่ะโหดมากบอกเลย เห็นลูกเป็นกระสอบทราย เตะซ้ายเตะขวา ซ้อมเอาซ้อมเอา”
ชนะยิ้มเล็กน้อย มองไอ้หัวเกรียนที่ทำหน้าตลกแล้วความสบายใจก็เข้ามาแทนที่ความเหน็บหนาวในใจ ...ไม่เคยรู้เหตุผล และไม่เคยหาคำตอบให้กับความรู้สึกนี้ แค่รู้ว่าดีแล้วที่มีอยู่ข้างๆ ดีแล้วที่ยังมองเห็นกัน
“นั่นเพราะเหมอกวนตีนท่านรึเปล่า จากที่รู้มาพ่อเหมอท่านใจดีจะตาย” ชยรีบออกตัวแทนท่านบิดาของไอ้เหมอ เพราะชยก็เคยเจอท่านนายพล จำได้ว่าเป็นชายร่างสูงใหญ่ มีรอยยิ้มใจดีประดับใบหน้าอยู่เป็นนิตย์ และเป็นคนเกรงอกเกรงใจภรรยามากถึงมากที่สุดด้วย คนแบบนั้นน่ะหรือจะเห็นลูกอย่างไอ้เหมอที่คุณหญิงแม่กับพี่ชายสปอยล์เป็นกระสอบทราย นอกจากไอ้เหมอมันจะไปกวนตีนจนท่านนายพลทนไม่ไหว ความดันขึ้นเสียมากกว่า
“ยะรู้ได้ไง เคยเจอเหรอ” ชนะถามอย่างสงสัย รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างแฝดน้องกับไอ้หัวเกรียนที่ยิ้มจางอยู่ใกล้ๆ “ท่าทางมีพิรุธ มีอะไรกันรึเปล่า”
“ไม่มี๊!” ไอ้เหมอเสือกเสียงสูง คราวนี้ยิ่งทำให้ชนะขมวดคิ้วหนัก
“นี่อย่าบอกนะว่า...เคยคบกัน...” คำถามของชนะทำเอาไอ้เหมอและชยเบะปากแรง หันมองหน้ากันแล้วสะบัดพรืด
“เป็นไปไม่ได้! จะบ้าเหรอนะ ตัวเอาอะไรคิด” ชยถามเสียงหลง แค่เห็นหน้ากวนตีนของไอ้เหมอก็ปวดหัวแล้วที่ต้องไปคบกับคนอย่างมัน
“ก็ท่าทางแปลกๆ ดูสนิทกันมากกว่าคนเพิ่งรู้จัก แล้วเหมอก็เป็นเกย์ด้วย เหมอเพื่อนนะนิสัยดี ไม่เห็นบ้าตรงไหนถ้าจะเคยคบ” ชนะออกตัวปกป้องเพื่อนพร้อมโฆษณาสรรพคุณให้เสร็จสรรพ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ใครพูดว่าบ้าที่ต้องคบกับไอ้หัวเกรียนหน้าซื่อคนนี้ เพราะเสมอเป็นคนดีอย่างที่ใครได้เป็นแฟนก็คงโชคดีที่สุดในโลก
“มันก็ไม่ได้หมายถึงว่าบ้าในความหมายไม่ดีนี่นา เอาเป็นว่าไม่ได้เคยคบละกัน แต่อาจจะเคยเจอเคยสนิทกันที่ไหนมาก่อนก็ได้ ก็แค่อาจจะแหละ ไม่ใช่ความจริงเสียหน่อย เนอะเหมอ” ชยพูดวกวน เลี่ยงสายตาพี่ชายมาโบ้ยให้ไอ้เหมอที่เคลิ้มไปตั้งแต่สุดที่รักบอกว่ามันนิสัยดีไปแล้ว
“อ้อ เออ ใช่”
“เห็นไหม ไม่มีอะไรหรอก งั้นเค้ากลับห้องละ ไปอ่านหนังสือก่อน ตอนกลางวันจะมากินข้าวเที่ยงด้วย”
“อืม” ชนะครางรับ พยักหน้าแล้วนอนเหยียดยาวไปบนโซฟา “ชวนเพี้ยนมาด้วยนะ หมายถึงว่าถ้าเพี้ยนมาได้”
“ได้สิ เหมอ ผมไปก่อนนะ ไว้โทรหา”
“โอเค”
คล้อยหลังชย แฝดคนโตที่สุดแสนจะรูปหล่อก็รี่ตามองไอ้เหมออย่างจับผิด
“อะไรคือไว้โทรหา?”
“ก็...เพิ่งแลกเบอร์กัน”
ชนะพยักหน้ารับรู้แล้วไม่พูดอะไรอีก ไอ้เหมอมันก็นั่งๆ นอนๆ ยกมือถือขึ้นมาเล่นบ้าง แอบมองคนรูปหล่อของมันบ้าง ไร้บทสนทนาและสรรพเสียงอื่นใด มีแต่เพียงชนะและไอ้เหมอที่อยู่ด้วยกันเงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศเบาสบายในห้องนั่งเล่นที่มองออกไปเห็นสวนดอกไม้ร่มรื่น
“คิดอะไรอยู่เหรอ” ไอ้เหมอเอ่ยถามขึ้นเสียงแผ่วเบา
“เรื่อยเปื่อย” ชนะตอบกลับ หันมายิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่ดึงดูดให้ไอ้เหมอคลานลงจากโซฟาที่มันยึดครองไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าชนะ
“ยื่นแขนมา เหมอนวดให้” เห็นสีหน้าคนรูปหล่อแล้วไอ้เหมอก็ไม่สบายใจ มันต้องกลับโรงเรียนในเย็นวันนี้ แต่สีหน้าของชนะยังคงเป็นกังวล จนมันไม่อยากปล่อยให้อยู่คนเดียว “มีวิธีไหนที่จะทำให้นะสบายใจได้บ้าง”
“มีเหมออยู่ด้วย ผมก็สบายใจแล้ว” ชนะมีสีหน้าผ่อนคลายเมื่อท่อนแขนถูกมือแกร่งบีบนวดให้เหมือนทุกครั้ง
“แต่รอยยิ้มของนะมันดูฝืนๆ เหมอดูออก” ไอ้เหมอวางนิ้วลงตรงหัวคิ้มเข้ม กดเบาๆ พลางมองสบตากับคนรูปหล่อจริงจัง “ไม่อยากให้อยู่คนเดียวเลย เหมอกลับโรงเรียนแล้วคงทำอะไรไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงผมขนาดนั้นหรอก ผมไม่เป็นไร”
“ไม่ให้เหมอห่วงได้ยังไง ก็นะเป็นคนสำคัญ” ไอ้เหมอจงใจทอดความในใจบางอย่างไปตามสายตาของมัน แต่ปากกลับสำทับเพียงว่า “เป็นเพื่อนคนสำคัญของเหมอ”
“คงมีแต่เหมอที่ให้ความสำคัญกับผมมากขนาดนี้”
ไอ้เหมอยิ้มจาง แววตาของมันจริงจัง มือก็ไล้ไปตามสันกรามของคนรูปหล่อที่จ้องเข้ามาในดวงตาของมัน “ไม่ได้มีแค่เหมอ มีขุ่นแม่เพี้ยน มีชย แล้วก็มีชโย มีพี่จิน มีลุงคนสวน มีคนงานในบ้าน และอีกคน...คุณพ่อด้วย อ้อ ไม่ควรลืมไอ้กวิ้นนะ”
ชนะหัวเราะเบาๆ นึกไปถึงไอ้กวิ้นเพื่อนอีกคนที่ชอบชวนออกไปนั่นมานี่อยู่บ่อยๆ มันชอบโทรมาถามว่าเหงารึเปล่า อยู่บ้านคนเดียวไหม มีเวลาว่างพอจะคิดฟุ้งซ่านหรืออะไรที่ไร้ประโยชน์ ถ้ามีให้ไปกับมัน หรือบางทีอยู่บ้านเฉยๆ มันก็โทรมาไล่ให้ไปหาแฟนบ้างอะไรบ้าง ตอนแรกชนะก็คิดว่าไอ้กวิ้นมันเป็นบ้า แต่มันทำมาตลอดสองปีแล้วก็ได้แต่ปลงและไม่คิดว่ามันบ้าอีกต่อไป แต่ว่าบ้ามากต่างหาก
“ก็จริงของเหมอ...แต่คนที่ดูแลและแคร์ผมดีที่สุดก็คือเหมอ..ไม่ใช่เหรอ”
ไอ้เหมอยิ้มหน้าบาน ความพยายามสองปีกว่าๆ ของมันเป็นผล ชนะไม่ใช่มองไม่เห็น แต่เห็นมันอย่างชัดเจน ซึ่งมันดีกับใจเหมอมาก ถ้าไม่ติดกับคำพูดที่ว่า ‘ผมไม่ได้คิดอะไร’ ความดูแลใส่ใจที่ชนะมองเห็นนี้คงทำให้ชนะรู้สึกดีขึ้นในสักวัน
“อื้ม คือเหมอคนเดียว ไม่มีใครทำได้ดีเท่าเหมออีกแล้ว”
“ผมเชื่อ”
“งั้นอยู่ให้เหมอดูแลไปนานๆ นะครับ”
“ผมก็อยากขอร้องเหมออยู่พอดี”
ไอ้เหมอติดปีกบินอีกแล้ว...ทั้งๆ ที่เพิ่งถูกยิงตกจากฟ้าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันบินสูงยิ่งกว่าเดิม
“มาอยู่ดูแลกันอย่างนี้ ตลอดไปเลยนะ”
“เหมือนขอแต่งงานเลย” ไอ้เหมอเผลอพูดอย่างใจคิด ซึ่งคราวนี้มันไม่มีทีท่าจะกลบเกลื่อนคำพูดของมัน แววตารักใคร่สบกับดวงตาหลังแว่นกรอบดำเพื่อค้นหาความหมายของอีกฝ่าย
“ผมนึกภาพเหมอใส่ชุดเจ้าสาวไม่ออก” ชนะพูดเองหัวเราะเอง ส่วนไอ้เหมอก็ยังคงยิ้ม ไม่ถือสาหาความอะไร มันมีความสุขในโลกแห่งความฟินของมันแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว
“เหมอไม่ใส่หรอก...เป็นเจ้าสาวของนะ ไม่ต้องใส่อะไรเลยก็ได้ ...ไม่ใช่เหรอ”
“เป็นเจ้าสาวที่หื่นมากจริงๆ อยากโดนกดเหรอ” ชนะยิ้มขำ มองไอ้หัวเกรียนที่ทำหน้าเว้าวอนได้ตลกสุดๆ
“อยาก” ไอ้เหมอตอบ หน้าตาทะเล้นก็จริง แต่ในใจมันนั้น คิดจริงจังเกินร้อย
“ฮ่าๆๆ ไม่ทำหรอก ทำไม่เป็น” สุดท้ายเป็นชนะเองที่ยอมแพ้ ไม่เคยต้อนไอ้เหมอมันจนมุมได้เลยสักที
“ไปถามขุ่นแม่เพี้ยนสิ ว่าป๋าทำยังไง”
“ไม่เอาหรอก กลัวเพี้ยนจะอัดคลิปมาให้ดู”
“งั้นเหมอไปถาม เหมออยากดู”
“ไม่ต้องเลยๆ ทำไมเป็นคนแบบนี้ หืมมม หัดทะลึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ที่มีความรัก”
ชนะเงียบลงในทันทีเพราะคำตอบของไอ้เหมอ “เหมอรักคนอื่นอยู่แล้วเหรอ”
“อื้ม”
“ไม่เห็นเคยบอกกัน”
“บอกไม่ได้นี่นา”
“ไม่ไว้ใจผมเหรอ ผมไม่ใช่เพื่อนหรือไง แล้วไอ้กวิ้นมันรู้ไหม”
“รู้” ไอ้เหมอตอบอย่างไม่ลังเล รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังน้อยอกน้อยใจมันมากแค่ไหน แต่ก็ยังตอบความจริงออกไป “เขารู้กันหมดแหละ ยกเว้นนะ”
“...”
“มีแค่นะคนเดียวที่ไม่รู้”
“...”
“เหมอไม่บอกด้วย แล้วไม่ต้องไปถามเอาจากใคร ไม่งั้นเหมอโกรธ”
ไอ้เสือเหมอ บทมันจะเหี้ยมก็ไม่ไว้หน้าใคร แม้จะเป็นคนรูปหล่อที่มันสุดแสนจะรักหัวปักหัวปำก็ตามที ไอ้เหมอก็ไม่อ่อนข้อให้ เรื่องสำคัญที่บอกไม่ได้ ก็คือบอกไม่ได้ จะไม่ใจอ่อนไปตามความน้อยอกน้อยใจของอีกฝ่ายเป็นอันขาด เพราะรู้ว่าบอกไป...คงมีแต่พัง กับพัง
“ถ้าถึงเวลาแล้วเหมอจะบอกเอง นะเข้าใจไหม”
“อืม” ชนะตอบเสียงเรียบ พยักหน้ารับด้วยความนิ่งเฉย ไอ้เหมอทำแค่ถอนหายใจแล้วไม่พูดอะไรอีก
ที่ไม่อยากให้ถามใคร เพราะไม่อยากให้รู้จากคนอื่น แต่จะให้รู้จากเหมอเอง มันก็คงเร็วเกินไป เพราะเหมอรู้ว่าหากได้เอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกไป...คงไม่มีคำว่าเหมือนเดิมระหว่างเหมอกับชนะอีก มันคงดีถ้าชนะขยับเข้ามา แต่มันจะเป็นยังไงถ้าชนะถอยห่างออกไป...ใครจะรู้ว่าถึงตอนนั้นแล้ว...เหมอจะเจ็บเจียนตายแค่ไหน
“แต่ถ้านะอยากรู้...แค่เปิดใจมองก็จะเห็นเอง ว่าคนที่เหมอรัก...เป็นใคร”
ไอ้เหมอกรีดร้องลั่นในใจกับถ้อยคำที่มันพูด ยิ่งมองใบหน้าของคนที่มันแอบรักก็ยิ่งลุ้นว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวไหม คำพูดประโยคนี้ เป็นคำพูดที่คุณหญิงแม่เล่าให้ฟังเมื่อครั้งเล่าตำนานความรักของท่านบิดากับแฟนเก่า
คุณหญิงแม่ก็เหมือนกับเหมอ เป็นเพื่อนกับท่านบิดามาตั้งแต่ยังเด็ก เป็นเพื่อนข้างบ้านเรียนที่เดียวกันตั้งแต่เตรียมอนุบาล มาแยกกันก็ตอนที่ท่านบิดาต้องไปเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร คุณหญิงแม่แอบหลงรักท่านบิดา แต่ไม่กล้าสารภาพรัก มองท่านบิดามีแฟนคนแล้วคนเล่า แต่นักเรียนนายร้อยสมานก็ไม่คบใครยืดยาวหรืือตกลงปลงใจกับใครเสียที จนหลังจากทนรอท่านบิดาอยู่สามสี่ปี คุณหญิงแม่ก็ถอดใจ ยอมถูกคุณยายจับคลุมถุงชน ต้องเข้าพิธีวิวาห์กับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงชาวฮ่องกง ก็ถูกร้อยเอกสมานชิงตัวกลางงานวิวาห์แล้วพาหนี ก่อนจะกลับเอาตัวไปส่งคืนในรุ่งเช้าแล้วให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอตบแต่งอย่างเป็นทางการ ไม่งั้นป่านนี้ไอ้เหมอได้เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยฮ่องกง และหน้าตาหล่อเหลามากกว่านี้ไปแล้ว เพราะเห็นรูปที่ท่านแม่เอาให้ดูก็ยังอดเอาไปพูดให้ท่านบิดาฟังไม่ได้ หลังจากนั้นไม่ต้องถาม ไอ้เหมอโดนไล่เตะรอบบ้าน โทษฐานเอาแผลเก่าของท่านนายพลมาล้อเล่น แต่ไอ้เหมอมันก็รักท่านบิดา ไม่ใช่ไม่รัก แค่มันสาบานตนไว้ว่าจะกวนตีนพ่อไปตลอดชีวิตโทษฐานบังคับมันเป็นทหาร
แต่เพราะไอ้เหมอมันก็คล้ายไอ้กวิ้น เป็นประเภทไม่ชอบคิดมาก ชอบเฮฮาร่าเริงไปวันๆ มันไม่มีความฝันที่อยากเป็นอะไรนอกจากมีความรักดีๆ กับใครสักคน พ่อให้เป็นทหารมันก็ฟาดงวงฟาดงาไปตามเด็กที่ไม่ชอบถูกขัดใจ แต่พอครั้นโวยวายไปก็ไม่เป็นผล จึงยื่นข้อเสนอไปว่าต้องมีการแลกเปลี่ยน ท่านบิดายอมตกลงแต่โดยดี มีคุณหญิงแม่และพี่สมัยสุดที่รักเป็นสักขีพยาน
“เหมอ...”
“หืม”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้” เสียงหัวใจของไอ้เหมอเต้นแรงดั่งกลองศึกครั้งเมื่อบางระจันยกทัพปกป้องบ้านเมือง สีหน้าของคนรูปหล่อไม่มีแววล้อเล่น ดวงตาสีดำสนิทหลังแว่นกรอบเหลี่ยมก็บอกไอ้เหมอให้รู้ว่าคนตรงหน้ารู้มาตลอด
“แต่ถ้าระหว่างเรามันจะเปลี่ยน...ก็อย่าพูดดีกว่า”
“...”
“เราอยู่กันแบบนี้...ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“...”
“ผมไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนไป... ผมชอบในที่ตรงนี้ และผมชอบที่เหมออยู่ตรงนี้”
“...”
“แต่มันไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไร... เหมอเข้าใจผมไหม”
“อะ...อืม” รู้สึกราว...อกหักก็ไม่ใช่ สมหวังก็ไม่เชิง กับคำว่า ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ยังไม่รู้ว่าที่รู้สึก...จะตรงกับที่เหมอรู้สึกไหม ชนะที่บทจะรู้ก็รู้มากขึ้นมาเสียดื้อๆ บทจะตีเนียนไม่รู้ ก็ทำได้ดีเสียจนคิดว่าไม่เคยมองอะไรออก
แต่ตอนนี้เหมอรู้แล้ว...รู้ว่าชนะรู้ แต่ไม่อยากพูดมันออกมา
“เหมอจะยิ้มให้ผม...เหมือนเดิมใช่ไหม”
“แน่นอน...ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก”
ชนะคลี่ยิ้ม ดึงรั้งศีรษะของอีกฝ่ายให้มาซบลงที่ไหล่ “อยู่กับผมนะ...อย่าทิ้งผมไป”
“อื้ม...”
“ขอโทษที่เราเป็นมากกว่านี้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก เหมอไม่ได้หวังอะไรมาตั้งแต่แรก” ไม่ได้หวังเลย...ไม่ได้หวังเลยจริงๆ ไม่ได้หวังว่าจะมาอกหักทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้พูดคำว่ารักอย่างนี้
เหมอไม่น่า....ไม่น่าพูด!!!“เหมอ”
“แต่นะต้องเสียดายแน่ๆ เหมอดูแลเก่ง เอาใจเก่ง สวยก็สวย อิอิ” ไอ้เหมอพูดเสียงกลั้วหัวเราะกลบอาการสั่นไหวของหัวใจ
“คนสวยหัวเกรียนเหรอ หึหึ” ชนะลูบหัวเกรียนๆ ของไอ้เหมอเบาๆ “แล้วพูดอย่างนี้ จะไม่ดูแลกันแล้วเหรอ”
“เปล่า ก็ยังเหมือนเดิมไง แค่บอกให้รู้เฉยๆ ว่าคนพิเศษในฐานะพิเศษก็จะได้มากกว่านี้” คนอย่างไอ้เสือเหมอมีหรือที่ถูกปฏิเสธรักแล้วมันจะยอมรับว่าหมดหวัง ไม่มี! นี่มันแห้วครั้งที่สองร้อยแล้ว ภูมิต้านทานมันแกร่งเกินพอ แต่ครั้งนี้แห้วลูกใหญ่หน่อยเพราะเจ้าตัวเขาดันรู้และปฏิเสธออกมากลายๆ ว่าเขาไม่เอา เขาพอใจกับแค่ฐานะเพื่อน แต่ไอ้เหมอมันก็ยังดึงดัน เพราะขุ่นแม่เพี้ยนยังใช้มือทุบหินเจ็บแทบตาย ไอ้เหมอมีค้อนอยู่ในมือแล้ว ยังไงก็จะเอาให้แหลก! “ไม่เป็นจริงเหรอ”
ตอบรับเหมอเถอะ เหมอปล่อยโปรโมชั่นจนจะหมดตัวแล้ว!“แต่ผมพอใจแค่นี้...ไม่เอามากกว่านี้ก็ได้ ให้เหมอเก็บไว้ให้คนพิเศษที่เขาตอบรับเหมอจริงๆ บ้าง”
พัง...พังย่อยยับ ขุ่นแม่เพี้ยนนนนน ช่วยลูกด้วยยยยยย!!“โอเค ตามใจ ไม่เอาก็ไม่เอา แต่เหมอสวยนะ”
“เออ สวยก็สวย คุณเสมอคนสวย” ชนะหัวเราะร่า กดหัวไอ้เหมอให้ฝังลงกับไหล่ยิ่งขึ้น “คนสวยตอนนี้เป็นไง”
“หายใจไม่ออกกกกกกก ชะน้าาา ปล่อยเหมอออ”
“ฮ่าๆๆๆ ปล่อยแล้วๆ”
อกหักไม่พอ คนรูปหล่อยังจะมาทำจมูกไอ้เหมอเกือบหักอีก นี่ถ้าไม่ติดว่ารักมาก พ่อจะโบกหัวให้สลบแล้วลากไปข่มขืนเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
“เสมอ”
“อะไร”
“เสียงเหวี่ยงเชียว ผมแค่จะบอกว่า ที่ผมไม่ตอบรับ ไม่ใช่เพราะรักคนอื่นอยู่หรอกนะ”
“...”
“ผมแค่อยากให้เหมอรู้ไว้”
“อื้ม” เหมอรู้...รู้ว่าต่อให้นะไม่ได้รักคนอื่น แต่นะก็ไม่ได้รักเหมอ ต่อให้นะไม่มีใคร ยังไง...คนที่นะเลือกก็ไม่ใช่เหมออยู่ดี
เหมอรู้...
แต่จะให้ยอมแพ้เหรอ
มาไกลขนาดนี้แล้ว...
เหมอขอ...คิดไปเองอีกสักหน่อยได้ไหม
คิดไปว่า...นะยังไม่รู้...และยังไม่ปฏิเสธกัน
คิดไปว่า...แค่ได้รักชนะ...ชีวิตก็มีความสุข
หรือคิดไม่ได้...เพราะชนะ...เลือกไปแล้ว เลือกที่จะไม่ตอบรับ...ความรู้สึกของเหมอ
หรือมันจะจริงอย่างที่ขุ่นแม่เพี้ยนว่า...น้ำหยดลงหินทุกวัน...แต่หินก็ยังเป็นหิน......................................................................TBC.......................................................................
เพี้ยนอายุขนาดนี้แล้ว ใครคาดหวังความบ้าจากมัน ไม่มีนะ มีแต่สาระล้วนๆ เอาจริงๆ
