ตอนที่ 14
- 6 วัน 1 ชั่วโมง –
“ ผมอยู่นี่ พี่ไม่ต้องกลัว ”
“ มันเป็นแค่เสียงพี่อัน เสียงกรีดกำแพงเขาคงจะให้คำใบ้เราเพิ่ม ”
ผมกอดเพลิงซุกหน้าลงกับอก
หอบหายใจเสียงหนัก
ผมรู้มันเป็นแค่เสียง ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ
ผมแค่ตกใจเท่านั้น
ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเริ่มกลายเป็นคนขวัญอ่อน
มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อาจจะตั้งแต่วันที่เจอเจ้าของสลาฟ หรือวันที่เจอแมน
ภาพพวกที่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่แจ่มชัดในหัวผมพอๆ กับภาพที่พวกเขาตาย
ทุกครั้งที่นึกถึงมันทำให้น้ำตาไหล
สุดท้ายผมก็ไม่เคยทำอย่างที่ตัวเองหวังไว้ได้
ผมอ่อนแอ
ผมเลิกร้องไห้ไม่ได้ ผมเข้มแข็งไม่ไหว
ผมทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้
“ ฮะๆ ”
ผมหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกขำสักนิด
ปล่อยให้น้ำตาหยดซึมไปกับเสื้อของเพลิง
คู้ตัวอย่างอ่อนแอ
ลึกๆ แล้ว ผมคิดว่าบางทีผมตายตั้งแต่แรกก็คงดี
“ หัวเราะอะไร ”
เพลิงถามผมเสียงนุ่มลูบหัวผม
“ เปล่า.. ”
ผมให้คำตอบที่ดีกว่านี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ
ทั้งๆ ที่ผมเคยคิดว่าผมเข้าใจตัวเองดีที่สุด
ตัวตนของผมค่อยๆ ถูกทำลายลงช้าๆ
ผมเริ่มไม่เชื่อในตัวเอง
บางอย่างในตัวผมที่มันไม่ได้เหมือนเดิม
ผมหวาดระแวง ผมเห็นภาพหลอน หูแว่ว
มันเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ผมไม่ต้องการสักนิด
ผมควบคุมตัวเองไม่ได้นอกจากแขนของผม
ที่เอาแต่กอดเพลิงไว้
อุณหภูมิร่างกายของเพลิงทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังไม่ตาย
มือของผมเย็นเฉียบ
รวมถึงหัวใจของผม
มันชาไปหมด
ผมเริ่มจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ผมยิ้มจากใจคือตอนไหน
อาจจะเมื่อวานหรือวันแรกที่เล่นเกม
แต่ที่ผมรู้แน่ชัดคือหลังจากนี้ผมอาจจะยิ้มแบบนั้นไม่ได้อีก
“ กินอะไรสักหน่อยนะพี่อัน เดี๋ยวจะหิว ”
ผมได้กลิ่นเนยอ่อนๆ ใกล้จมูก
สัมผัสนุ่มนิ่มที่บริเวณปาก
ผมอ้าปากงับค่อยๆ เคี้ยวมัน
ทั้งๆ ที่ผมกำลังกินน้ำตาลอยู่แต่กลับไม่รู้สึกถึงความหวานเลยสักนิด
ไร้รสชาติ
มันเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว
ที่ผมกินแล้วไม่รู้สึกอะไร
ผมกินมันจนหมดก้อนและจิบน้ำปิดท้าย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในขั้นตอนการป้อนของเพลิงทั้งหมด
โดยที่มือของผมยังกำแน่นอยู่บนตัก
พรึ่บ
ห้องทั้งห้องสว่างจ้า
ผมสะดุ้งเฮือกเอามือปิดตาได้สักพัก จนตาเริ่มคุ้นชินกับแสงถึงได้ลืมตาขึ้นมา
ห้องทั้งห้องยังคงเป็นเหมือนเดิม
“ ทำไมถึงมีไฟ.. ”
ตามกติกาแล้วมันต้องสิบวัน แต่ยังไงมีไฟก็ดีกว่าไม่มีไฟ
“ ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลยว่ะพี่อัน ”
จะมีอะไรมากกว่านี้อีก
ผมเริ่มไม่ไหวแล้วนะ..
ครืดดด
“ ประตู ? ”
ประตูห้องเจ๊คิวปิดกำลังเปิด !!
“ ปิดไปแล้ว ทำไมมันยังเปิดอีกวะ ” เพลิงบ่นด้วยเสียงหงุดหงิด
ผมค่อยๆ ปล่อยมือจากตัวเพลิง
หยั่งเท้าสั่นๆ ลงจากเตียง
ไม่ อันทิวมึงหยุด
ผมกู่ร้องในหัว แต่ตัวผมก็ยังเดินเซๆ เข้าห้องเจ๊คิวปิด
ร่างกายมนุษย์มันน่ากลัวนะผมว่า
มันเชื่อฟังสัญชาตญาณมากกว่าเจ้าของร่างด้วยซ้ำ
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ฉลาดขึ้น
แต่มันก็ฆ่ามนุษย์เหมือนกัน
“ พี่อัน ! ”
แขนของผมถูกกระชากกลับเข้าหาเพลิง
ผมไม่ได้สนใจเพลิงสายตาจับจ้องเข้าไปในห้องที่สว่างจ้า
เจ๊คิวปิดที่นั่งพิงหลังกับเก้าอี้มีรอยแผลบนหัวเหมือนโดนโขกกับพื้น ใบหน้าฟกช้ำเหมือนถูกทำร้าย ในมือถือมีดที่เปรอะเลือดแห้งกรัง ถึงจะมีสภาพแบบนั้นแต่ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้ม
ซึ่งมันก็ทำให้ผมสะอึกสะอื้น
เพราะทุกอย่างในตัวเจ๊ตอนนี้มันไม่มีที่น่ายิ้มสักนิด
ตามตัวมีรอยกรีดจากมีดเต็มไปหมด
อะไรสักอย่างที่ทำให้ผมรู้ว่าเจ๊ตายแล้ว
คงจะเป็นความรู้สึก
ถ้าผมสัมผัสตัวเจ๊ คงจะรับรู้ถึงความเย็นเยียบที่แผ่ซ่านออกมา
ความตาย
เจ๊คิดว่าความตายมันแก้ปัญหาของเจ๊ได้ดีที่สุดงั้นเหรอ
ถึงได้ยิ้มแบบนี้
ผมไม่เข้าใจ !!!
“ พี่อันอย่ากำมือ ”
เพลิงเรียกผมเบาๆ พร้อมแกะมือของผมที่กำแน่นจนเป็นรอยช้ำเลือด
ผมมองมือตัวเองอึ้งๆ
ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำมือตอนไหน
“
สำรวจห้อง--กัน ”
ผมพูดเสียงสั่น
ถึงผมจะกลัวเจ๊ตอนเจ๊คลุ้มคลั่ง
แต่ผมก็คิดว่าเจ๊ในตอนนั้นก็ดีกว่าร่างไร้วิญญาณแบบนี้
“ ฝันดีนะพี่คิว ”
ผมพูดเสียงเบาเมื่อเข้าใกล้ร่างเจ๊คิวปิด
ผมไม่เคยเจอความรักแบบเจ๊ ผมไม่รู้ว่าเจ๊ต้องสูญเสียอะไรมากขนาดไหนเพื่อที่จะแลกกับความรักนั้น แต่ที่ผมแน่ใจคือเขาไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากเจ๊เลยสักนิด
ผมลากเท้าสั่นๆ สำรวจในห้อง
รอยเลือดจากรองเท้าทั่วห้อง บนโต๊ะมีซองขนมปังกับอาหารที่แกะกินเก็บเรียบร้อยอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับห้องของมัน มันไม่น่าจะเพียงพอมาถึงวันนี้ด้วยซ้ำกินแค่สองวันก็คงจะหมดแล้ว
อาหารอาจจะไม่พอ ?
เพลิงเคยบอกกับผมว่าเคยโดนยาอะไรสักอย่าง มันอาจจะถูกผสมลงในอาหารและบังคับให้เจ๊คิวปิดกินหรือเปล่า ?
แต่แล้วยังไงล่ะ ผมรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เจ๊แกตายแล้ว
ผมจึงเลิกให้ความสนใจกับโต๊ะมาดูเตียงแทน เตียงเป็นเตียงไม้ธรรมดามีผ้าห่มที่เลอะเลือดอยู่มาก สิ่งที่เรียกความสนใจผมจริงๆ คือม้วนผ้าห่มที่เหมือนห่ออะไรปกปิดไว้
“..เพลิง ”
ผมเรียกเพลิงเพราะรู้ว่าผมไม่กล้าพอที่จะไปเปิดดู
เพลิงละความสนใจจากอักษรบนผนังที่เคยเห็นในทีวีหันมามองผม
ผมยังคงจดจ้องที่ผ้าห่มทำให้เพลิงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
เพลิงพยักหน้าให้กับผมเบาๆ เดินไปแกะผ้าห่มให้ผมโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวอะไรสักนิด
ผมคิดว่าเพลิงน่าจะผ่านอะไรมามากกว่าที่เล่าให้ผมฟัง
การชินชากับความตายของคนและแยแสราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเองไม่ใช่เรื่องปกติหรอกนะ
มันอาจจะไม่ปกติกับผมคนเดียวก็ได้
แต่คนทั่วไปอย่างน้อยก็ต้องแสดงท่าทีเห็นใจหรือสลดบ้าง ถ้าคนที่ตายคือคนที่เคยคุยด้วยเคยเจอกัน
เพลิงดูเหมือนไม่สนใจเรื่องพวกนี้และไม่คิดจะสนใจ
ผ้าห่มถูกเพลิงแกะออก และมันก็ทำผมหายใจสะดุด
แมวของขิง ขนของมันชุ่มเลือดจนดูไม่ออกว่าสีเดิมของมันคือสีอะไร กับ กระต่ายสีขาวของเจ๊คิวปิด
ทั้งสองตัวเหมือนถูกเอามีดแทงซ้ำระบายอารมณ์
แต่กระต่ายของเจ๊คิวปิดมีรอยฟัน
เพลิงขมวดคิ้วลองพลิกสำรวจร่างสัตว์เลี้ยงทั้งสองสักพักแต่ก็ไม่เจออะไรจึงพับเก็บใส่ผ้าห่มเหมือนเดิม
ทำไมแมวของขิงถึงมาอยู่ที่นี่
ทำไมถึงมีรอยรองเท้า
ผมมองเจ๊คิวปิดนิ่ง
ไม่จริงใช่ไหม.. เจ๊
เจ๊ไม่ได้ทำมันใช่ไหม
“ เพลิง ”
ตอนแรกผมแค่สงสัยเจ๊ แต่ของพวกนี้มันก็ยืนยันกลับยืนในสิ่งที่ผมคิด
เพลิงสบตาผมส่ายหน้าเบาๆ และเปลี่ยนเรื่องคุย
“ ผมว่าไอ้อักษรบนกำแพงเขาคงไม่เอาคำยากนักหรอก น่าจะคำว่า NUMBER ที่แปลว่าจำนวน ”
“ … “
ผมไม่ได้พูดอะไร
ในหัวผมยังเต็มไปด้วยเรื่องของเจ๊คิวปิด
ถ้าเจ๊ทำจริงๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ
ในเมื่อเจ๊ตายไปแล้ว ทุกคนตายไปแล้ว
จะเอาผิดใครได้อีก
ทุกอย่างมันสายเกินกว่าจะแก้แล้ว..
“ ... ผมว่าห้องนี้คงไม่มีอะไรแล้วแหละ กลับห้องกันเหอะพี่อัน ”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ ในช่วงจังหวะที่ผมเดินผ่านเจ๊คิวปิดผมเผลอสะอื้น
ไม่รู้สิ
อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง
หมับ !!
ผมสะดุ้งสุดตัว รู้สึกเหมือนถูกช่วงชิงลมหายใจ
เมื่อร่างที่ผมคิดว่าตายไปแล้วตอนนี้กลับกำลังจับข้อมือผมแน่น
“ เติ้ล เค้าเจ็บมากเลย.. ”
ตาของเจ๊แดงก่ำ หัวเราะเสียงต่ำ
“ เติ้ลเจ็บเป็นเพื่อนเค้านะ.. ”
ฉับพลันมีดก็ถูกแทงเข้ามาที่ข้อมือผมทันที !
“ เวรเอ้ย !! ”
เพลิงตะโกนด่าเสียงดังลั่นห้อง แย่งมีดจากมือเจ๊คิวปิดได้ทันแล้วโยนเข้าไปห้องในห้องคิง
“ ไอ้เลว อย่าห้ามกู อย่าห้ามกู !! ”
พรึ่บ
ไฟดับลงทันที
ผมกระชากข้อมือตัวเองออก ลนลานวิ่งกลับห้อง
ผลั่ก
ผมสะดุดขาตัวเอง
สะอื้นตัวสั่น
รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัว
ใจผมสั่นมาก รู้สึกกลัว ตกใจจนแทบบ้า
เหงื่อของผมแตกพลั่กทั้งๆ ที่ห้องเย็นเฉียบ
ผลั่ก
“ กรี๊ดดดดด ”
ผลั่ก
“ สลบสักทีสิวะ !! ”
ผมเอามืออุดหูตัวเอง
ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
เจ๊ยังไม่ตาย
ผมควรดีใจใช่ไหม
แต่ทันทีที่เจ๊ตื่นขึ้นมาก็อยากฆ่าผม
ตึง !!
เสียงเก้าอี้ล้มยิ่งทำให้ผมตัวสั่นหนักกว่าเดิม
“ กรี๊ดดด ไอ้บ้า ไอ้บ้า !! ”
แกรบ เสียงคล้ายคนหยิบของพวกซองพลาสติกดังแว่วในห้อง
ผมหันขวับตามเสียงทันทีถึงแม้ว่าตอนนี้จะนอนอยู่บนพื้น
เห็นเงาคนรางๆ
“ ขโมย !! เพลิง ขโมย !”
ผมตะโกน
“ แม่งจะอะไรนักหนาวะ ! ”
ขโมยที่ผมคิดว่าไม่มาแล้วกลับมาอีกครั้งในวันนี้
ใช้โอกาสช่วงที่ผมเผลอในการหยิบฉวย
ผมอยากจะลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าไปกระชากตัวเอาไว้
แต่ผมทำไม่ได้ ถ้าเป็นผมในตอนปกติคงจะตามในสิ่งที่คิดได้
ขโมยดูเหมือนจะตกใจเสียงผม ก็วิ่งเสียงดัง
กึก กึก
และหนีไปแล้วพร้อมเสียงกลไกประตู
ขโมยหนีไปแล้ว
โดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง !
ผมยิ้ม
ในขณะที่ทุกคนกระตือรือร้นที่จะเอาตัวรอด
ยอมเห็นแก่ตัวเพื่อตัวเอง
ผมไม่รู้ว่าขโมยเลวๆ เมื่อกี้คือคนจากคนสร้างเกมหรือเปล่าหรือจากผู้เล่นที่ยังคงมีชีวิต
คงจะมีแค่ผมที่ยังคงจมปลักอยู่ในวังวนความอ่อนแอนี่
ผมกอดตัวเองแน่น
อันทิว
ผมสะดุ้งกอดตัวเองแน่นกว่าเดิม
แต่ผมก็ยอมตาย
ผมไม่อยากฆ่าใคร
ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
-------------
มาช้าเนื่องจากคอมเสียค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ // กอดแรง