พี่โหดครับ มารักกับผมไหม
ตอนที่38 เราแค่ต้องการเวลา
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่สุดแสนจะน่าเบื่อของผม ผมเดินออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพเสื้อของพี่ซุสตัวเดียว เจ็บสะโพกมากเป็นพิเศษไม่รู้เพราะอะไรกันแน่มันก้ำกึ่งระหว่างเกิดจากพี่ซุสแม่งเล่นท่ายากหรือเกิดจากการกระแทกอย่างแรงระหว่างผมกับพื้นกันแน่ เมื่อวานพี่ซุสแม่งใช้กูคุ้มจริง(หลังจากที่พี่มันหัวเราะอย่างสะใจที่ผมตกโซฟา พี่มันก็ทำประตูต่อทันที) แต่ยังดีที่พี่แกดูแลผมได้ยอดเยี่ยมเลย เพราะเราไม่ได้ใส่ถุงยางการทำความสะอาดเลยจะต้องลึกซึ้งเป็นพิเศษ
และกูจะไม่ใส่ถุงยางแล้วด้วย(เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี)กูมีปมกับถุงยาง กูไม่ไว้ใจมันอีกต่อไปแล้ว!!!! พอเดินออกมาถึงจุดเกิดเหตุเมื่อวานก็ถึงกับหันหน้าไปมุดกำแพง กูมีปมกับโซฟาตัวนี้ด้วย! กูเกลียดด!!!
เดินไปที่ตู้เย็นเจอโพทอิทที่เขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบว่า 'ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างนะ อยู่ในห้องคนเดียวเดี๋ยวจะคิดถึงกู' แหม มั่นใจเหลือเกินนะยะ ผมหัวเราะแล้วแปะโพทอิทไว้ที่เดิม ก่อนจะหาโพทอิทอีกสีมาเขียนกลับ 'คนมันจะคิดถึง อยู่ไหนกับใครก็คิดถึง' แล้วก็แปะต่อจากโพทอิทอันนั้น
ผมเดินไปอาบน้ำแต่งตัว...........แล้วเสื้อผ้ากูอยู่ไหน? ไม่มีจ้า ไอ้เราก็ลืมว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่ ผมว่าผมเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้นี่เยอะเหมือนกันนะ หรือเป็นแผนพี่ซุส เอาเสื้อผ้าผมไปทิ้ง ผมจะได้ไม่มีอะไรใส่ หื้ออออ ร้ายกาจ(เขาจะทำทำไม?)
เอาวะ ถ้าไม่ออกไปซื้ออะไรมาแดก มีหวังกูอดตายแหงๆ ใส่กางเกงในตัวเมื่อวานไปก่อนละกัน เอาบ็อกเซอร์พี่ซุสมาใส่แก่ขัดด้วย แล้วเสื้อกูอะ? ใส่เสื้อกล้ามย้วยๆเน่าหนอนแดกที่มันยังพอหลงเหลืออยู่ไปก่อน ไปล่ะน๊าาาา
ผมเดินออกมาซื้อของกินแถวๆคอนโดพี่ซุสครับ ผมไม่เคยบอกอะดิว่าแถวคอนโดพี่ซุสเป็นอะไรที่รุ่งเรืองมากๆ ทั้งของแดก ของชำ ของชำร่วย ของชำเราเจ๊อะแจ๊ะไปหมด ถ้าผมจะอ้วนขึ้นนี่ก็ไม่ต้องแปลกใจกันเลยนะ วันนี้กินอาหารเบาๆครับ แดกโจ๊กละกัน คือผมเป็นคนไม่ชอบกินข้าวนะ แต่อย่างอื่นนี่ชอบมาก กินได้ทุกอย่างตั้งแต่ไข่มดแดงยันเนื้อปลาวาฬ(ขอโทษครับ ผมเว่อร์)
พลั่ก
"เฮ้ย!"
ผมร้องเสียงหลงเมื่อโดนอะไรหนักๆชนเข้าเต็มๆ ตกใจสิครับจะอะไรซะอีก ใครมันปองร้ายกูนักหนาวะ เวลาผมซื้อของกินมาทีไรจะโดนสุ้มโจมตีตลอด แล้วคุณคนนี้เขาเป็นอะไรวะ? ชนผมทีเดียวถึงกับเสียชีวิตเลยหรอ? ผมตัวเล็กกว่าเขาไม่ใช่หรอวะ?
"คุณครับ เป็นไรมากไหม เอ้า พี่ทัช โห นี่พี่แอบชอบพี่ซุสหรอวะเจอกันทีไรอยู่แถวคอนโดพี่ซุสตลอด"
ผมพยุงชายตรงหน้าขึ้นก็พบว่าเขาเป็นพี่ทัชนั่นเอง สภาพนี่มอมใช้ได้เลยนะครับ ไปฟัดกับกระทิงที่ไหนมาล่ะเนี่ย
"ไหวปะพี่"
เขามองหน้าผมแล้วพยักหน้าหงึก ทีงี้ล่ะเชื่องเชียว
"เดินไหวไหม ทนแป๊บนึงนะพี่ เดี๋ยวผมยัดพี่เข้าแท็กซี่แล้วพี่จะไปไหนก็ไปนะ"
เรื่องอะไรกูจะพาคนอื่นเข้าห้องพี่ซุสก่อนได้รับอนุญาตล่ะวะครับ โถ่ บ่มีวัน ขืนพี่ซุสรู้แม่งจับผมฉีกเหมือนปลาหมึกบดแน่
"แค่ก....."
แน่ะ มาไอใส่ให้ผมรู้สึกผิด ดูเขาทำสิครับ มารยาปะเนี้ย? หรือว่าผมจะพาเขาไปโรงพยาบาลดีวะ? ไม่เอาอะ ยังไม่ได้กินข้าวเลย งั้นพากลับห้องก่อนแล้วค่อยโทรบอกพี่ซุสเนอะ
"พี่ๆ ช่วยผมหน่อย เพื่อนพี่ซุสเขาโดนซ้อม"
"กู.......ไม่ใช่เพื่อนมัน"
ยังมีแรงมาเถียงกันอีกนะ
"ตายแล้ว..."
"ยังไม่ตายครับพี่ยาม ช่วยผมแบกก่อน"
"อะๆมาครับ"
แล้วพี่ยามก็มาช่วยพยุงพี่ทัชไป ผมก็เดินนำไปกดลิฟต์และเปิดประตูห้อง
"วางตรงนี้เลยครับ ขอบคุณพี่ยามมาก"
พี่ยามวางพี่ทัชให้นอนบนโซฟาแล้วปาดเหงื่อเล็กน้อย แหงล่ะ บักพี่ทัชมันตัวใหญ่อย่างกับหมี แล้วขนาดตัวใหญ่ขนาดนี้ยังโดนยำซะเละตุ้มเป๊ะไม่เหลือชิ้นดี ไอ้คนทำแม่งต้องเจ๋งสัดหรือไม่ก็หมาหมู่
"คนเราสมัยนี่มันใจร้ายใจดำเนอะน้อง แค่นี้ก็ต้องทำร้ายกันด้วย"
"ใช่ครับ แหม่ แล้วพี่ทานอะไรหรือยังครับ ผมซื้อของกินมาเพียบเลย"
"น้องนี่ใจดีมากเลยนะ พี่นี่คิดถึงลูกชายพี่ ไอ้นี่นะ แม้แต่คนแก่มันยังไม่พาข้ามถนนเลย"
ผมหัวเราะเบาๆ คุยกับพี่ยามอีกไม่กี่ประโยคเขาก็ขอตัวไปทำงาน ผมให้เค้กพี่เขาไปสองชิ้นด้วย ของรักของข้าเลยนะนั้น ผมชอบกินของไร้สาระครับ ยิ่งเค้กนี่ยิ่งชอบเลย เสร็จจากพี่ยาม ผมก็มาดูอาการของพี่ทัชต่อ ก็สภาพของคนโดนยำนั่นแหละครับ สะบักสะบอมมุมปากแตก คิ้วแตก แก้มบวม งั้นผมโทรหาพี่ซุสก่อนดีกว่า
[.........ว่า?]
พี่ซุสรับโทรศัพท์อย่างไวเลยครับ ตู้ดแรกยังไม่สุดเสียงเลย(ขอโทษครับ ผมเว่อร์)
"พี่ คือวันนี้เว้ย ผมตื่นมาใช่ปะ แล้วผมหิวไงเลยออกไป......."
[ขอสาระสำคัญ]
"ผมพาพี่ทัชกลับมาที่ห้อง"
[....................]
น่ะ ดูดิ เกริ่นก็ไม่เอา พอเอาแต่เนื้อๆ พี่แกก็จุดใส่ผมซะอย่างนั้น
"ผมไม่ได้ทำอะไรนะ ก็พี่เขาเดือดร้อนไง"
[เอามันออกไป]
"พี่เขาโดนทำร้ายมา"
[อย่าให้กูไม่สบายใจ]
"เขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก สัญญาว่าถ้าทำแผลเสร็จแล้วจะไล่เขาออกไปให้ไว"
[ถ้ามันทำอะไร ก็ฆ่าแม่งเลยนะ]
"คร้าบ พี่ซุสไปทำงานเถอะ เออ ว่าแต่สูทสวยไหม อดเห็นเลย"
[มึงมันเหี้ยจริงๆ]
"ฮ่าๆๆๆๆ ด่าเหี้ยแล้วยิ้มทำไม"
[มโนสัด แค่นี้แหละ เดี๋ยวเข้าประชุมก่อน จะรีบกลับไป]
"คร้าบ สู้ๆ"
เป็นอันเรียบร้อย ใครบอกพี่ซุสใจร้าย ไม่จริงครับบอกเลย อิอิ
"เฮ้อ เอาล่ะ มาคุยเรื่องของเรากันเถอะ"
ผมหันมาพูดกับคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟา หวังว่านั่นจะเป็นการนอนหลับ ไม่ใช่การตายนะ ผมเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำมาเช็ดตัวให้พี่ทัช ก่อนจะหยิบกล่องยาที่ซุกอยู่ในชั้นวางทีวีแล้วเดินมานั่งที่พื้นข้างโซฟา จ้องหน้าพี่ทัชเงียบๆหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาทำแผลบนใบหน้าเขาเบาๆ สมัยก่อนนะเฮียแม่งมีเรื่องบ่อยชิบหาย ต้องให้ผมทำแผลให้บ่อยๆจนผมเป็นหมอได้ละ
ทำแผลที่หน้าเสร็จ มาดูที่ลำตัวบ้าง รอยช้ำโผล่ตามลำตัวอย่างเยอะเลยครับ บางรอยก็ม่วงแล้วด้วย น่ากลัวชะมัด นี่โดนตีนหรือโดนอะไรวะเนี่ย
"ทำอะไร!"
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อคนที่คิดว่าหลับอยู่คว้ามือของผมที่ป้ายยาให้เขาอยู่อย่างแรง
"ผมแค่ทายาเฉยๆ นิ่งๆสิครับเดี๋ยวจะเจ็บมากกว่านี้"
ผมพูดแล้วดันเขาให้นอนลงเบาๆ ไม่เจียมเลยนะพ่อคุณ
"หลบไป"
"เหอะ อวดเก่งชะมัดเลย ผมทำแผลให้ขอบคุณสักคำก็ไม่มี จิตใจมนุษย์ผู้นี้ทำด้วยอะไรกันนี่"
"มึงพอเลย ไปสวดให้ผัวมึงฟังนู้น"
"แล้วเห็นว่าเขาอยู่ไหมล่ะ?"
สัด พูดมาได้เต็มปากเต็มคำว่าผัว ชะหนอยแน่ เดี๋ยวพ่อก็เอาสำลียัดปากแม่ม
"ถ้าพี่ไม่เป็นไรแล้วก็ออกไปเหอะ คนจะช่วยยังพูดจาแบบนี้ เกลียดมาก!"
ผมพูดกระแทกเสียงแล้วเก็บยาใส่กล่องแล้วเอาไปเก็บที่เดิม ไปไหนก็ไปเลยไป๊! ชิ้ว! ยัง ยังจะมานั่งมองหน้ากูอีก นี่กูไล่จริงนะเนี้ย
"มึงใส่เสื้อผ้าแบบนี้เนี้ยนะออกไปข้างนอก?"
เขาพูดพลางไล่สายตามองผมตั้งเท้าจรดหัว
"ไม่แก้ผ้าออกไปก็บุญแล้วเหอะ แล้วจะไปได้หรือยัง"
ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง โถ่ว
"เดินไม่ไหว"
"เออ แค่นั้นก็จบ นอนลงไปเดี๋ยวผมจะเอาอะไรมาให้กิน"
พี่ทัชมองหน้าผมอีกแป๊บนึงก่อนจะนอนลงไปบนโซฟา เอาเถอะ ให้พี่เขากินอะไรก่อนแล้วค่อยให้เขากลับก็ได้ ผมเดินไปเทโจ๊กใส่ชามมาพร้อมกับหยิบของกินสองสามอย่างติดมือมาด้วย วางชามโจ๊กลงบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วนั่งลงกับพื้น
"กินเองได้หรือเปล่า?"
ผมหันไปถามคนที่นอนอยู่บนโซฟา พี่ทัชมองหน้าผมแล้วพยักหน้า เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วเอื้อมมือมาหยิบชามโจ๊กแล้วกินเงียบๆ ผมไม่ชอบความเงียบครับ เพราะงั้นผมจะเป็นคนชวนพี่เขาคุยเอง
"พี่เคยอ่านนิทานเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดปะ"
พี่ทัชเหล่ตามามามองผมนิดนึงก็ทำเป็นไม่สนใจ
"ไม่เคยแปลกใจเลยหรอว่าทำไมชื่อเรื่องแม่งเป็นคนแคระวะ แสดงว่าคนแคระเป็นพระเอกอะดิ ใช่ปะ ใช่มะ เคยสงสัยบ้างปะเนี้ย"
"ใครจะสงสัยเหี้ยอะไรปัญญาอ่อนแบบมึง"
"เห่ยยยยยยยยยย ถึงมันจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยเราก็น่าจะใส่ใจกับมันให้มากกว่านี้นะ"
พี่ทัชกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา
"กลับกัน เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ไม่ต้องไปจำมันใส่สมองดีกว่าปะ"
ผมเบะปาก เคี้ยวหนมปังหงับๆอย่างเซ็งจัด ไม่ละเอียดอ่อนเลยให้ตาย
"พี่ว่าคนแบบนี้จะมีจริงปะ?"
"แบบไหน?"
ผมหันไปมองหน้าพี่ทัชแล้วกลอกตาบน ที่กูพูดๆมานี่เข้าหูบ้างมะ?
"ก็แบบแม่มดไงพี่ ที่อิจฉาสโนไวท์มากๆจนสามารถสั่งคนไปฆ่าอะ"
พี่ทัชชะงัก มองหน้าผมตรงๆ
"มึงด่ากูหรอ?"
"ห๊ะ?"
"มึงว่ากูอิจฉาไอ้ซุสใช่ไหม?"
"เปล่า อะไรของพี่เนี่ย ผมแค่ถามธรรมดา ทำไมพี่ต้องคิดมากด้วย"
"หึ จะด่ากูก็ด่ามาตรงๆ ไม่ว่ากูจะทำอะไรทุกคนก็จะเปรียบเทียบกูกับมันหมด แม่งก็จะหาว่ากูอิจฉาไอ้ซุส ทำไมวะ? กูต้องนั่งเฉยๆให้พวกแม่งพูดกันสนุกปากหรือไง!!"
ผมนั่งเอ๋อเมื่ออยู่ๆพี่ทัชก็ระเบิดอารมณ์ออกมา ถึงพี่ซุสจะบอกว่าให้ฆ่าแม่งเลยถ้าเกิดพี่ทัชมันทำอะไรผม แต่เอาเข้าจริงผมก็แรงพี่ทัชไม่ได้หรอก ตัวอย่างควายชุบแป้งทอด
"ผมไม่ได้พูดสักคำ แต่ผมก็บอกไม่ได้หรอกว่าระหว่างพี่ซุสกับพี่ทัชใครดีกว่ากัน เพราะงั้นมันเปรียบเทียบกันไม่ได้"
"............."
พี่ทัชขมวดคิ้วจ้องมาที่ผม แววตายังเจือความไม่พอใจอยู่บ้าง
"เอาน่า เรารู้ตัวเองดี จะไปแคร์คนอื่นทำเหี้ยอะไรวะพี่ เหมือนผมที่โดนเพื่อนล้อว่าตุ๊ดอะ ผมรู้ว่าผมไม่ได้เป็นนี่หว่าใช่ปะ"
"แต่หน้ามึงตุ๊ดมาก"
กูขอบคุณมากนะพี่ทัช
"ช่างแม่งเหอะ มันคงไม่แมนขึ้นมาแล้วล่ะ"
พวกล้อจนกูปลงได้ กูต้องขอบคุณพวกแม่งจริงๆ
"กูถามตรงๆ อย่าโกหกกูนะ"
ผมเลิกคิ้วแปลกใจ โอ้โห มือใหม่หัดเสือกสินะ
"ถามมาดิ"
"ที่มึงคบกับไอ้ซุส มึงหวังอะไรใช่ไหม?"
"เอ้าพี่ ถามแปลกนะก๋าก๊ะ ก็ต้องหวังดิ"
"กูว่าละ ถ้าแม่งไม่มีประโยชน์แล้วจะมีคนเข้าหามันก่อนที่ไหน"
"เอ้า คนเราคบกันมันก็ต้องหวังให้เขารักเราด้วยไม่ใช่หรอ? หรือพี่จะรักเขาอย่างเดียวเลย รักแบบเรื่องของมึงอะ จะรักกูหรือไม่รักก็เรื่องของมึง แบบนี้หรอ? เฮ่ย นั่นไม่ใช่ความรักแล้ว"
ผู้ใหญ่พวกนี้ช่างน่าแปลกนัก แค่ความรักก็ต้องให้คนสติไม่ดีมานั่งสอน เหอะ อ่อนด๋อยชิบหาย
"พี่ไม่ใช่คนเลวหรอก ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะดีกว่า แค่พี่ทำให้มันไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่เดือดร้อนตัวเองก็ทำเหอะ แต่อย่ากรีดแขนตัวเองนะ มันเจ็บ"
ผมพูดทีเล่นทีจริง พี่ทัชมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะ..........
ตุบ......
ร่วงลงไปนอนกับพื้น ไว้อาลัยให้พี่ทัชหนึ่งนาทีนะครับ
....
....
....
....
....
....
....
....
....
....
....
....
แว้กกกกกกก!! อีพี่ทัช! อย่าพึ่งตายนะโว้ยยยยยยยยย งั้นช็อตนี้ผมขอเรียกรถพยาบาลก่อนนะครับ!!!!
วันต่อมา(ระวังต่อต่อย)
"อีผ้า!!!!! อีผ้าาาาาาาาา"
เริ่มด้วยเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวของอีเจ๊เอม ยินดีต้อนรับกลับสู่ My story สวัสดีเช้าวันจันทร์
"จะมีสักครั้งไหมที่มึงเรียกกูด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้ม ไม่ใช่แหกปากโวยวายมหาลัยแตกแบบนี้"
"เอาไว้ก่อนอีผ้า กูมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่ามึงยังไม่รู้เรื่องนี้ หัดสนใจรอบข้างบ้างสิอีดอก!!!"
กูจะร้องไห้และแม่ง มาถึงก็ใส่กูเลยนะอีเจ๊!!! หัวใจผ้าบอบช้ำเหลือเกินนนน
"อะไรวะ"
เอมไม่ตอบแต่วางกระดาษแผ่นนึงลงต่อหน้าผม ผมหยิบมันขึ้นมาดูแล้วนั่งแข็งเป็นหลักกิโล มันเป็นรูปของผม3รูป รูปแรกคือรูปปกติตอนใส่ชุดนักศึกษา รูปที่สองคือวันงานมหาลัยที่ผมแต่งตัวเป็นแกนิมีด และรูปสุดท้ายคือรูปที่ผมไปดูหนังกับพี่ซุส ที่มีมือดีปล่อยคลิปนั่นแหละครับ คงจะเอามาเปรียบเทียบให้ดูว่าคนที่โดนพี่ซุสขอคบในงานมหาลัยและคนที่อยู่ในคลิปวันนั้น คือคนเดียวกับผู้ชายคนที่ชื่อผ้าใบคนนี้..........ยังไม่จบแค่รูปครับ มีข้อความเขียนด้วยว่า 'แย่งแฟนชาวบ้าน'
โอ้จ็อดกล้วยทอดก็อตซิล่า........
มิน่าล่ะ ทำไมวันนี้ทุกคนมึงผมแปลกๆ
"นี่มันซ่อนกล้องปะเนี่ย? อำปะ?"
ผมไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับผม ยังงงอยู่เลยว่านี่เรื่องจริงหรือเปล่า มองไปรอบกายทุกคนก็ส่งสายตาเหยียดหยามมาให้ผม
"ผ้า"
ไอ้เต้วิ่งเข้ามาหาผมหน้าตาตื่น พร้อมกับอีกทางที่มีไอ้หนุ่มวิ่งเข้ามา ผมมองหน้าเพื่อนรักสลับกันด้วยความไม่เข้าใจ ผมยังงงอยู่.......
"ใครทำแบบนี้วะ"
หนุ่มมันถามหน้าเครียด ผมได้แต่ส่ายหัวไปมา ศรัตรูกูเยอะว่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครทำ
"หน้าตาก็ดีเนอะ ที่แท้ชอบแย่งแฟนชาวบ้าน"
นักศึกษาหญิงกลุ่มนึงเดินผ่านแล้วซุบซิบ แต่เป็นการซุบซิบที่ค่อนข้างเบา(ประชด) ผมเลยได้ยินทุกคำ เอมหันไปมองแล้วปรี่เข้าไปกระชากหัวเธอคนนั้นก่อนจะตบสั่งสอนไปที ผมตาโตเลยครับ
"หนุ่ม ไปห้ามมันเร็ว"
ได้แต่บอกเพื่อนเพราะผมเองยังนั่งงงอยู่กับที่
"อีดอก เพื่อนกูไม่เคยแย่งใคร"
"ทำไม มึงร้อนตัวแทนเพื่อนมึงหรอ นี่มึงคงจะแดกกันทั้งกลุ่มแล้วใช่ไหมล่ะ!!"
เธอคนนั้นตอบมาอย่างใจกล้า ผมได้ฟังกูรู้สึกขำมากกว่าจะรู้สึกโกรธ ตลกที่คนเราชอบคิดไปเอง เผลอๆแม่งคงคิดว่ากูแหกตูดไปให้พ่อพี่ซุสเอาอีกคนละมั้ง
"แหม มึงนี่ก็คิดไปได้นะ ของขาดหรอมึง ถ้าผู้ชายไม่เอาก็นอนติ้ว-ีอยู่บ้านนู้น ไม่ต้องมาแขวะเพื่อนกู"
ท่าทางเอมมันจะขึ้นสุดและลงไม่ได้ด้วยนะนั้น ไอ้หนุ่มเข้าไปห้ามยังโดนหลังมือเข้าเต็มหน้า
"พอเหอะพวกมึง"
ผมร้องห้าม แต่เสียงผมก็ดังสู้ผู้หญิงทั้งสองคนที่แหกปากด่ากันอยู่ตรงนี้ไม่ได้เลย ผมถอนหายใจอย่างจนปัญญา เลยปล่อยให้มันด่ากันให้พอใจ ส่วนตัวผมก็เดินเลี่ยงออกมาซะ ผมไม่สนคำซุบซิบจากคนรอบข้างหรอก จะพูดยังไงก็ช่างสิ
"ผ้า.........โอเคปะ กูเห็นกระดาษพวกนั้นแล้ว"
ผมเจอพี่เก้อีกแล้ว ทำไมผมต้องเจอพี่เก้ที่บึงน้ำนี่ทุกทีเลยนะ หรือพี่เก้จะเป็นเทพารักษ์อยู่แถวนี้? ปัญญาอ่อน
"หึ แล้วพี่เชื่อตามนั้นหรือเปล่าล่ะ"
"ไม่เชื่อเด็ดขาด พี่รู้ว่ามึงเป็นคนยังไง ไอ้พวกที่มันทำนี่มันคงขี้อิจฉามากเลยเนอะ"
พี่เก้พูด เหมือนแกพยายามจะพูดไม่ให้ผมคิดมาก ผมกำลังคิดอยู่ว่าใครกันนะที่เป็นคนทำ แม้จะเชื่อไปครึ่งใจแล้วว่าเป็นฝีมือคุณณัชชา แต่มันจะดูไม่ยุติธรรมกับเธอ หากผมใส่ร้ายเธอโดยที่ผมยังไม่รู้ความจริง
"น่าสงสารมึงว่ะ"
พี่เก้พูดเบาๆ ในขณะที่ผมเหม่อมองไปที่ผืนน้ำข้างหน้า ผมก็แค่อยากจะมีความสุขกับคนที่ผมรัก ผมผิดตรงไหน? ในเมื่อพี่ซุสไม่ได้รักคุณณัชชา มันผิดมากหรอที่พี่ซุสจะรักผมอย่างที่ผมหวัง ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย.....
แม้ผมจะบอกว่าไม่แคร์คำของคนอื่นๆ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ผมก็ยังต้องการรู้ว่าผมทำความผิดอะไร ผมต้องการรู้ว่าทำไมผมถึงต้องโดนทำแบบนี้ ผมไม่ได้แย่งแฟนใคร............หรือผมแย่งนะ?
"พี่........ผมอยากไปที่ไกลๆว่ะ ผมอยากใช้ความคิดกับตัวเองสักพัก"
"เฮ้ย อย่าดีกว่า อยู่นี่สิ มีเพื่อนๆ มีพี่ๆ มีแต่คนที่มึงรักแล้วก็รักมึงทั้งนั้น จะไปคิดอะไรคนเดียววะ"
พี่เก้ตบหลังผมเบาๆ ผมส่ายหัว
"ผมแค่ต้องการทบทวนดู ว่าผมต้องทำยังไง"
"มึงจะเลิกกับซุส?"
"ไม่เลิกดิ กว่าจะได้คบกัน"
"อย่าบอกจะใช้มุก ห่างกันสักพัก?"
"ไม่ใช่ โห พี่คิดไปไหนเนี่ย ผมแค่อยากเดินทาง จะได้มีไอเดีย จะได้นึกออกว่าต้องทำยังไงต่อไป เข้าใจอารมณ์ติสท์ปะ? หรือไม่เคย?"
"อ๋อออออออ เคยดิ เข้าใจละๆ ก็มึงทำหน้าหงอยๆ ก็นึกว่ากำลังเครียด"
ผมหัวเราะอย่างขบขันกับท่าทางของพี่เก้ อะไรของแกเนี่ย ผมจะปลดปล่อยอารมณ์ติสท์แม่งดันมาห้ามซะได้ ว่าแต่ผมจะไปไหนดีครับ?
"โทรติดหรือยัง?"
เต้หันไปถามหนุ่มที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ข้างๆ เอมก็โทรหาคนรู้จักที่เป็นตำรวจให้ช่วยตามหาเพื่อนรัก อยู่ดีๆก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย ติดต่อก็ไม่ได้อีก
"ติด แต่แม่งไม่มีคนรับ"
หนุ่มทำสีหน้าเป็นกังวล อันที่จริงที่นั่งกันอยู่สามคนตรงนี้ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดกันทุกคนแหละ ก็พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้ายที่อยู่กับผ้าใบนี่ แล้วแบบนี้จะเอาหน้าที่ไหนไปเจอเฮียวาด แล้วก็พวกพี่ๆที่เหลือกันเล่า โดยเฉพาะเฮียวาดกับพี่ซุส ถ้ารู้ว่าผ้าใบหายตัวไปล่ะก็..................
"ตั้งสติกันก่อนนะพวกเรา ในเวลาแบบนี้มันอาจจะมีทางเป็นไปได้สองทาง หนึ่งไอ้ผ้าติสท์แตก เดินทางไปต่างจังหวัด ส่วนสองนี่น่ากลัว.........."
หนุ่มเว้นวรรคเพื่อดูปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสอง
"มันอาจจะโดนลักพาตัวไป"
"เชี้ยเอ้ย เอาไงดีวะ"
เต้ยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง การโดนตำหนิว่าดูแลผ้าใบไม่ดี ไม่ได้ทำให้เขาเครียดเท่ากับกลัวว่าเพื่อนรักจะตกอยู่ในอันตราย แล้วไอ้เพื่อนตัวดีก็น่าโมโหนัก ทำไมต้องหายไปในเวลาแบบนี้ด้วย โทรบอกกันหน่อยจะได้ไหมล่ะ ให้รู้ว่าที่หายไปเนี่ย หายไปเองไม่ได้โดนลักพาตัว!
"มึง.........."
เจ้าเดือนคณะนั่งเครียดอยู่คนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร หนุ่มก็สะกิดแขนของเพื่อนรักให้เงยหน้ามองบุคคลที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ พอได้สบตาคู่สีดำสนิทของรุ่นพี่ที่ควบตำแหน่งแฟนของเพื่อนรักด้วย เต้ก็อดที่จะสะดุ้งไม่ได้ กูตายห่านแน่ๆ!!!
ใบหน้าหล่อดูหม่นหมอง เขารู้ทันทีว่าผ้าใบได้หนีไปแล้ว แต่ที่เขาไม่รู้เลยคือ ผ้าใบจะกลับมาหาเขาหรือเปล่า ไม่โทษคนอื่นอยู่แล้วที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผิดที่เขาเองที่ไม่ยอมบอกไอ้เตี้ย ทั้งๆที่มันก็พร่ำถามตั้งหลายครั้งว่า 'พี่ซุสจะทำอะไรกันแน่' คนตัวสูงนั่งลงตรงข้ามหนุ่มแล้วถอนหายใจ เขาก้มลงมองมือของตัวเองพลางคิดทบทวนเรื่องที่มันกำลังเกิด
"เราต้องบอกเฮียวาด"
เต้เป็นคนพูดขึ้นมาในที่สุด เพราะเฮียวาดรู้ดีที่สุดว่าน้องชายของตนกำลังทำอะไร เฮียวาดดูออกทุกครั้งที่ผ้าใบหายตัวไปว่ามันหายไปเพราะอะไร และครั้งนี้เต้ขอเดาเอาว่า ที่มันหนีเงียบไปแบบนี้ มันไม่ได้กำลังเครียดแน่นอน ซุสถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขารู้ดีว่าต้นเหตุของเรื่องมาจากเขาทั้งนั้น
"ซุสไปไหน"
ติวร้องเรียกเพื่อนเมื่ออยู่ๆมันก็หุนหันพลันแล่นออกไปแบบไม่บอกล่าว พอกันทั้งผ้าใบ ทั้งซุส ชอบทำอะไรแบบไม่ปรึกษาคนอื่น เจ้าของชื่อหันมามองหน้าเพื่อน
"ไปจัดการธุระ"
ตอบสั้นๆแล้วเดินจากไป ปล่อยให้พวกที่เหลือยืนมองหน้ากันขวับ หวังว่าไอ้ซุสมันคงไม่ไปฆ่าตัวตายหรอกนะ.......................หรือมันจะฆ่าตัวตายจริงๆ?
My name's Zeus"มึงเป็นคนทำใช่ไหม?"
ผมเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่แล้วเอ่ยถามออกไปนิ่งๆ ผมไม่คิดว่าณัชชาเป็นคนทำ ไม่ใช่เพราะเชื่อใจ แต่ผู้หญิงคนนั้นปอดแหกเกินกว่าจะทำอะไรแบบนี้ได้ ไอ้อาเรสหันมามองแล้วยิ้มเยาะ
"ฉันหาวิธีทำให้ไอ้เด็กคนนั้นมันเลิกเกาะแกะแกไง แกควรจะขอบคุณฉันนะ เป็นไง? มันทิ้งแกไปแล้วใช่ไหมล่ะ"
ผมอยากจะเข้าไปซัดมันซะเดี๋ยวนี้จริงๆ
"ผ้าใบมันไม่ได้แย่งแฟนใครทั้งนั้น กูไม่ได้เป็นอะไรกับณัชชา คนที่กูรัก มีแค่ไอ้เหี้ยนั่นคนเดียว!!!"
ผมรู้สึกโกรธ โกรธมาก ผมพยายามจะห้ามให้ตัวไม่สั่น แต่ผมก็ทำไม่ได้
"เสียงดังอะไรกัน? ซุส แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
ลูซิเฟอร์ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่กลางบ้าน
"มึงรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าลูซิเฟอร์"
มันทำหน้าแปลกใจเมื่อเจอคำถามผม
"อะไร?"
"ก็ไอ้กระดาษเหี้ยๆที่เกลื่อนมหาลัยกูตอนนี้ไง"
"ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง"
ผมหัวเราะหึแล้วหันกลับมามองหน้าไอ้อาเรส งั้นก็มีแค่มึงสินะ ที่ทำ
"มึงจะรับผิดชอบยังไงอาเรส? ตอนนี้ไอ้ผ้าใบมันเสียหายมากทั้งๆที่มันไม่ได้ทำอะไรผิด มึงจะทำยังไง!"
"อะไร? อาเรส แกทำอะไร"
ลูซิเฟอร์ถามแล้วเดินลงมาหาผมที่ยืนอยู่ มันหันไปหาน้องมันด้วยแววตาแปลกใจ
"ผมก็แค่บอกให้คนอื่นรู้ว่าไอ้เด็กคนนั้นมันเป็นคนยังไง"
อาเรสมันตอบแบบไม่ยี่หระ ไอ้สัดเอ๊ย แฟนกูหายไปทั้งคนเพราะมึง แต่มึงยังทำเป็นไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยเนี่ยนะ?
"ผ้าใบน่ะหรอ? แกทำยังไง"
อย่ามาเรียกชื่อแฟนกูนะไอ้ลูซิเฟอร์ คิดว่าเจอกันแค่ครั้งเดียวแล้วมึงจะเรียกชื่อมันได้ตามใจชอบหรอห๊ะ!!
"ผมก็แค่ทำใบปลิวไปแปะทั่วมหาลัย ให้คนอื่นเขารู้ว่ามันเป็นคนประเภทชอบแย่งแฟนชาวบ้าน"
ไอ้สารเลว!! ถ้าพี่ชายมันรู้ล่ะก็ มึงตายคาตีนมันแน่
"ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะใช้วิธีแบบนี้นะอาเรส นี่มันยุติธรรมกับผ้าใบแล้วหรอ?"
ผมหันมองไอ้ลูซิเฟอร์อย่างแปลกใจ.........มึงคิดอะไรกับแฟนกูหรือเปล่า?
"พี่จะไปแคร์มันทำไม สมควรแล้วที่มันจะโดนแบบนั้น"
"กูให้โอกาสมึงพูดอีกทีอาเรส"
ผมจะเข้าไปใส่มันอยู่แล้ว แต่ไอ้ลูซิเฟอร์ก็ห้ามอยู่ได้
"งั้นฉันขอสาเหตุที่ผ้าใบต้องโดนทำแบบนั้นสิ"
"พี่! ทำไมพี่เข้าข้างไอ้เด็กคนนั้นจัง อย่าบอกว่าพี่ได้มันไปอีกคน ทำไมไม่เอามาให้ผมลองบ้างล่ะ ผมอยากรู้ว่ามันดีตรงไหน"
เท่านั้นแหละครับ ผมตรงไปซัดหน้ามันแบบใครก็คว้าไม่ทัน ไอ้สัด แฟนกูไม่ใช่ตุ๊กตายางที่จะให้ใครต่อใครลองก็ได้ เดี๋ยวกูก็เผาบ้านแม่ง!
"แกกล้าต่อยฉันหรอ!!!"
"เออ กูจะทำมากกว่านี้ด้วยถ้าขืนมึงยังพูดไม่ให้เกียรติแฟนกู ทำไม ผ้าใบมันเคยไปเหยียบหน้าพ่อมึงหรือไง มันให้เกียรติพวกมึงทั้งๆที่พวกมึงดูถูกมันแบบนี้ ถามจริงเหอะ คิดจะปรับปรุงตัวกันบ้างไหม"
อ่าว เงียบสัด เงียบหาเหี้ยอะไร เถียงสิหรือจะให้กูเอาตีนง้างปาก?
"แกใจเย็นๆซุส ฉันจะจัดการให้เอง"
ลูซิเฟอร์ตบไหล่ผมเบาๆ
"มึงก็อีกคนลูซิเฟอร์ ทำเป็นปกป้องไอ้ผ้า มึงคิดจะทำอะไร"
"เป็นเอามากนะซุส ฉันจะทำอะไร ฉันเป็นผู้ใหญ่พอที่จะคิดได้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ วันนั้นฉันได้ลองคุยกับเด็กคนนั้นแล้ว ก็เลยคิดว่ามันไม่ยุติธรรมถ้าจะใส่ร้ายเขา"
"พี่ไปเจอมันมาตอนไหน พี่แอบนัดกับมันใช่ไหม"
"อาเรส! ฉันกับผ้าใบไม่ได้ทำอะไรอย่างที่แกคิด เลิกพูดจาน่าเกลียดแบบนั้นได้แล้ว"
ผมยืนมองพี่น้องมันทะเลาะกันแล้วเกิดความคิดที่ว่า........กูมาทำเหี้ยอะไรตรงนี้วะ?
"ส่วนแก เรื่องหมั้น"
ผมถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา
"กูมาแน่ มึงไม่ต้องห่วงหรอก"
"แกจะทำอะไรกันแน่ แกคงไม่ทิ้งเด็กคนนั้นเพื่อมาหมั้นกับณัชชาแน่ๆ ใช่ไหม?......"
ผมจ้องหน้าลูซิเฟอร์แล้วยักไหล่
"ไม่จำเป็นที่กูจะต้องบอกมึง ที่กูมาวันนี้เพื่อจะเตือนพวกมึงว่าอย่ามายุ่งเรื่องของกูกับไอ้ผ้าอีก มันไม่สนุกหรอกนะถ้ากูโกรธขึ้นมาจริงๆ"
ผมพูดแล้วมองไปรอบๆบ้าน ไปสะดุดกับรูปภาพที่ติดอยู่ตรงผนัง ก็แค่รูปครอบครัวที่ไม่มีผมกับแม่ ครอบครัวที่อยู่ร่วมกันหวังอะไรสักอย่าง ครอบครัวจอมปลอม
"รูปนั้นสวยดีนะ..........แต่ไม่เหมาะกับบ้านหลังนี้เท่าไหร่ อีกไม่นานคงได้เอาลง"
ผมพูดแค่นั้นก็เดินออกมา
My name's Phabaiตอนนี้ผมกำลังนั่งมองตัวเองในกระจก เงาที่สะท้อนออกมาคือผู้ชายรูปร่างผอมบาง ผมยาว หน้าตาไม่เหมือนผู้ชายเท่าไหร่ ผมมองตัวเองไป ก็คิดในใจว่า..........ทำไมผมไม่เกิดเป็นผู้หญิงซะให้รู้แล้วรู้รอด หรือไม่ก็เอาหน้าหล่อๆอย่างไอ้เฮียก็ได้มาให้ผม ผมเคยเกลียดหน้าตาของตัวเองเพราะเป็นปมด้อยอันใหญ่หลวงของผม แต่หลังจากที่ผมมีใบหน้าแบบนี้มา10ปี ผมก็เริ่มรักมัน
ผมพอใจแล้วที่มีใบหน้าแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดมาก..........ผมกำลังคิด คิด และคิดหนัก คิดจนเริ่มปวดหัว ผมควรจะทำยังไง........ผมต้องทำอะไรสักอย่าง แล้วสายตาก็เหลือบลงมองมีดคัตเตอร์ที่วางอยู่หน้ากระจก ผมจ้องมันสลับกับจ้องโทรศัพท์ที่มีคนกระหน่ำโทรเข้าอย่างไม่หยุดหย่อน โทรทำไมกันนักหนา ก่อนมาก็ฝากให้พี่เก้บอกแล้วว่าจะมาเที่ยวสักหน่อย
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาพี่ซุสกับเฮีย สายตาผมเหลือบไปมองคัตเตอร์อีกครั้ง ก่อนจะกดส่งข้อความไป
ข้อความที่พิมพ์ว่า 'ขอโทษ'
******************************************************************************
มาแว้วววววว ใครที่บอกว่าฟิวหายไป ฟิวไม่ได้หายนะคะ ฟิวลงนิยายวันจันทร์ วันพุธและวันศุกร์ค่ะ ไม่ดอง ไม่หาย ไม่ค้าง(?)แน่นอน อิอิ เข้าตอนที่38 แบบว่า ทำไมไวจัง ตอนนี้ก็ชิวๆค่ะ เรื่อยๆ ไม่ดราม่า รักกันดี อะไรแบบนี้ (//โดนถีบ) 55555 ไปดีกว่า ฟิ้วววววววว