ออกกำลังกาย
“โจ้ จิงโจ้”
เมื่อคืนหมอนอนเต็มอิ่มแต่อยากนอนต่อ เลยขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกในยามเช้า
“โจ้ ตื่นยัง”
ใครคนนั้นคือคนข้างห้องผู้ตั้งอกตั้งใจมาเรียกให้ไปวิ่งออกกำลังกายด้วยกันทุกเช้าที่มีโอกาส ซึ่งบอกเลยว่าหมอก็ปฏิเสธทุกครั้งที่มีโอกาสเช่นกัน
“จิงโจ้”
ทั้งๆ ที่ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงแต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียงที่น่ารำคาญเบาลงแม้แต่น้อย
“โจ้ครับบบบ”
หมอพลิกตัวและใช้หมอนใบใหญ่อุดหูไว้แต่ก็มิวาย
“ที่ร้ากกกกกกกก”
“อะไรของมึง! ” หมอเดินออกมากระชากประตูออกอย่างหงุดหงิดเกินทนพร้อมกับส่งสายตาพิฆาตไปให้ ทำเอาอีกคนที่กำลังแหกปากเสียงดังถึงกับสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีสลดแม้แต่น้อย
“ไปเล่นเซิร์ฟกัน” พายบอกพร้อมยิ้มกว้างให้คนที่ยืนพิงกรอบประตูทำหน้ายุ่ง
หมอมองผู้ชายตัวใหญ่เปลือยท่อนบน ร่างกายกำยำสวมเพียงกางเกงขาสั้นผ้าร่มและรองเท้าแตะ ข้างๆ ตัวมีกระดานเซิร์ฟอันใหญ่ตั้งอยู่
หมอมองผิวสีแทนและกล้ามนั่นอีกครั้ง...รู้สึกเพลียพิกลที่ต้องตื่นมาเจอกล้ามผู้ชายด้วยกันในยามเช้า
“ไม่เอา จะนอน”
โจ้มีวันนี้เป็นวันหยุดแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยในรอบหลายอาทิตย์ หันหลังกลับแล้วเมินผู้ชายข้างห้อง แต่เป็นอีกคนที่คว้าไหล่หมอไว้แทน
“หมอครับ” แถมยังส่งสายตาน่าสงสารให้อีก
“เกิดมาเคยเล่นเซิร์ฟของจริงยัง สนุกนะ คลื่นเกือบห้าเมตรเลยนะ” พายพยายามหลอกล่ออีกคน แต่หมอไม่ใช่เด็ก 3 ขวบ นี่คือจิงโจ้ที่อายุย่าง 30 ผู้ผ่านโลกมาเยอะ และก็รู้ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์กับทุกๆ อย่างในชีวิตก็ได้
“ไม่เป็นไร ไม่อยากเล่น” แม้หมอจะรู้ว่าการออกกำลังกายดีกับสุขภาพแต่ก็กิเลสหนาเกินกว่าจะสละผ้าห่มอุ่นๆ และอากาศเย็นสบายไปแน่นอน
“ถ้าไม่ไป ผมจะยืนเรียกอยู่ตรงนี้จนกว่าหมอจะไป”
“มึงนี่นะ! ”
ตั้งแต่วันที่คุณพ.ร้องไห้ขี้มูกโป่ง โจ้ก็สังเกตเห็นว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปในหลายๆ เรื่อง ซึ่งเรื่องนั้นรวมถึงความเกรงใจที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เอาแต่ใจเหมือนหมาที่บ้านสองตัวไม่มีผิด ถ้ามีหางนี่ใช่เลย…
หมอทำหน้าเซ็งโลกพร้อมกับมองใบหน้าคมดูจริงจังกับการชวนไปเล่นเซิร์ฟมากเกินควร จะว่าไปคิดอีกทีแล้วกีฬาที่เคยดูแต่ในทีวีก็น่าจะสนุกอยู่เหมือนกัน
“รอแป้ปละกัน”
พอได้ยินแบบนั้นพายผู้ใช้ลูกตื้อจนสำเร็จก็ยิ้มหวาน
อีกเรื่องที่หมอเพิ่งรู้เกี่ยวกับพายคือคุณพ.เป็นคนที่นิสัยเด็กกว่าที่คิดมาก อาจจะเป็นเพราะๆ ด้อยู่กับหมอ เลยสามารถพูดอะไรก็ตามที่อยากพูด ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เป็นตัวของตัวเองจนแปลกใจ
ตอนแรกพายคิดว่าตัวเองอาจจะชอบหมอแบบพี่ชาย แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ คงไม่อยากจะจูบหรือกอดพี่ชาย...อย่างตอนนี้
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้” พายผู้กำลังยืนลัลล้าถึงกับหุบยิ้มทันทีเมื่ออีกคนเดินออกมาด้วยเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางและกางเกงขาสั้นผ้าร่มที่ไม่ได้ต่างไปจากเขานัก ออกจะมิดชิดกว่าเสียด้วยซ้ำ
“แต่งตัวยังไง” หมอถามพลางก้มมองการแต่งตัวของตัวเองที่ก็ไม่ได้แปลกตรงไหน หาดก็อยู่ใกล้ๆ นี่เองไม่เห็นต้องทำอะไรให้วุ่นวาย
“ผมว่าเสื้อมันบางไป”
โจ้ขมวดคิ้วกับคำบอกเล่าของอีกคนพลางเพ่งที่แผ่นอกเปลือยของคนตรงหน้าแล้วมองหน้าคนพูดนิ่งๆ อยู่พักใหญ่ ถึงอากาศจะเย็นแต่แดดตรงหาดก็แรงใช่ย่อย
หมอยกมือขึ้นปิดปากเพราะหาวก่อนจะออกเดินอย่างไม่ได้สนใจอีกคนแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวโจ้” คุณพ.รีบสาวเท้าไล่ตามอีกคน เขาแบกเซิร์ฟบอร์ดอันใหญ่ก่อนจะเดินมาขนาบข้างหมอ
ไม่ไกลนักจากอพาร์ตเมนต์หรูที่พักอยู่ก็พบกับโค้งชายหาดทอดยาวเกือบสองกิโลเมตร เม็ดทรายที่นี่มีความประหลาดอยู่หน่อยตรงที่ถ้ายามหน้าหนาวมันจะเป็นสีน้ำตาลขุ่น ส่วนเมื่อหน้าร้อนใกล้จะมาถึงจะค่อยๆ ขาวใสขึ้นตามลำดับ หมอคิดว่าคงเป็นเพราะแพลงตอนหรือไม่ก็ปฏิกิริยาอะไรสักอย่างจากทะเล
“ลมกำลังพอดีเลย”
แม้อากาศจะยังไม่ร้อนเท่าไหร่แต่พอเห็นคนที่นี่ที่เริ่มออกมาออกกำลังกายและเล่นเซิร์ฟกันคึกคักกลางแดด ก็ให้ความรู้สึกว่าหน้าร้อนใกล้เข้ามาเยือนแล้ว
หมอผู้ไม่เคยอยู่ต่างประเทศมาก่อนรู้สึกว่าบางทีเขาควรจะหาอะไรทำบ้างนอกจากการเรียน ควรจะเข้าสังคมบ้าง ออกไปเจออะไรใหม่ๆ บ้าง อย่างเช่นในตอนนี้
“เร็วหมอ เดี๋ยวพาไปหาเพื่อน” พายเรียกพลางฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินนำไปหาคนรู้จักที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับกระดานโต้คลื่นสีฟ้าขาว คนนั้นเป็นฝรั่งเจ้าถิ่นหัวสีบรอนซ์ตาสีฟ้าใส
“สวัสดีครับ ผมชื่อเดฟ” หมอยิ้มให้กับคำทักทายนั่นและตอบกลับด้วยประโยคที่ไม่ต่างกันนัก
“ผมโจ้” หมอแนะนำตัวเองแบบง่ายๆ แล้วก็คงมิวายถูกเรียกว่าโจตามคำพ้องเสียงของฝรั่ง
“โอเคโจ เคยเล่นเซิร์ฟไหม”
โจ้หัวเราะหน่อยก่อนจะส่ายหน้า ฝรั่งคนเดียวในที่นี้มองผู้ชายเอเชียผมดำขลับคิ้วเข้มเรียงได้รูปแล้วยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนเดฟไม่ค่อยสนใจคนต่างชาติเสียเท่าไหร่ แต่วันนี้กลับอยากมีเพื่อนใหม่
เพราะนึกหมั่นไส้เพื่อนตัวเอง...ที่ดูจะหวงก้าง
“ไม่รู้จะเล่นได้ไหม” หมอบอกอีกคนด้วยรอยยิ้ม
“งั้นเดี๋ยวผมสอนนะโจ”
“ขอบคุณครับ”
พายผู้ตั้งแต่เดินมาถึงหาดยังไม่ได้พูดอะไรเกินสองประโยค ยืนมองเขาคุยกันตาปริบๆ ก่อนจะนึกได้ว่า...คงจะโดนไอ้เดฟแกล้งให้แล้ว
“ไม่ต้องเดฟ ขอบใจ กูสอนของกูเอง” พายว่าด้วยท่าทางไม่พอใจ ทำให้เดฟที่แกล้งทำหูทวนลมสนุกอยู่ไม่น้อย
เดฟกับไอ้พายพึ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เพราะไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน คล้ายจนเหมือนมองตาก็รู้ใจกัน ทำให้สนิทใจที่จะคุยด้วยอย่างเปิดเผย
“เอาน่า มึงไม่ค่อยได้เล่นไปวอร์มก่อนเถอะ”
เดฟบอกปัดเพราะนานๆ ทีพายได้กลับมาเล่น พายถอนหายใจเมื่อหมอเลยเดินตามเขาไปตรงโค้งหาดนู่นแล้ว คนตัวโตเลยได้แต่เดินตาม
“อะไร” หมอถามคนที่เกาะไหล่กันไว้ ดูไปแล้วเหมือนหมาตัวโตหางลู่หูตก
“แค่ให้เดฟเขาสอนเอง หงอยอะไร ก็มาเล่นด้วยนี่ไง” หมอบอกอีกคน
พายเลยทำเพียงยื่นเสื้อชูชีพที่พกมาด้วยให้อีกคนไป ส่วนตัวเองเดินหน้าหงิกกลับไปเอากระดานที่วางทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นหาด
มองเห็นอีกคนอยู่ไกลๆ ดูหมอสนุกดี แต่ทุกครั้งที่หมอถูกคลื่นม้วนลงไปก็ทำเอาใจหายใจคว่ำพอตัว แต่เดฟเป็นนักกีฬาเซิร์ฟบอร์ดมืออาชีพ เขาเลยวางใจปล่อยให้หมอเล่นสนุกไป ส่านตัวเองก็ว่ายน้ำลงทะเลไปเล่นคนเดียวเหงาๆ ไม่นานก็ลากกระดานขึ้นมาชายหาดเพราะเบื่อ มายืนดูคที่เหมือนจะสนุกเพราะได้เพื่อนใหม่
“ข้างหลังๆ ” พายตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้ไปหาคลื่นลูกใหญ่ด้านหลังที่ใกล้เข้ามา
เดฟกับอีกคนอาจจะไม่ได้ยินเสียงมันเพราะอยู่ไกลเกินไป แต่คงรู้ตัวแล้วจึงค่อยๆ ว่ายน้ำพร้อมกับกระดานเข้าไปหา ในตอนที่คลื่นสูงกำลังก่อตัว หมอค่อยๆ ขึ้นยืนบนกระดานอันใหญ่อย่างมั่นคงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ก่อนที่คลื่นสูงจะเริ่มซัดเข้าหาฝั่งแรงขึ้นเรื่อยๆ หมอก็สามารถทรงตัวและบังคับทิศทางของตัวเองได้
“สุดยอด! ” ไอ้พายตะโกนเสียงดังจนคนในบริเวณนั้นหันมามองเป็นตาเดียว ไม่นานคุณหมอก็ถูกคลื่นม้วนลงน้ำเป็นที่เรียบร้อย
พายหัวเราะจนปวดแก้ม สำหรับพายแล้วหมอไม่ได้น่ารัก หรือน่าถนุถนอมเหมือนอย่างที่พายเคยรู้สึกกับคนอื่น แต่เพราะเป็นหมอโจ้ เลยนึกรักได้อย่างไม่มีข้อแม้
ในระหว่างที่พายกำลังยืนหลงใหลได้ปลื้มกับการโต้คลื่นอันงดงาม โจ้ตะเกียกตะกายขึ้นมาทั้งๆ ที่กลืนน้ำทะเลรสเค็มลงไปในคอหลายอึกจนสำลักน้ำหูน้ำตาไหล เขากอดกระดานไว้ไม่นาน เดฟที่อยู่ไม่ไกลกันนักก็เข้ามาช่วยลากเข้าฝั่งพลางช่วยตบหลังคนที่ไอโขลก
พายเดินเข้ามาหา แล้วถึงกับหัวเสียเมื่อมองเห็นอีกคนถอดชูชีพทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ไหวไหม” เดฟถามเพื่อนใหม่ที่ไอโขลกอยู่ พลางช่วยดึงกระดานของหมอเข้ามาถือไว้เอง
“ชูชีพไปไหน! ” คุณพ.ถามเสียงดัง พลางดึงอีกคนเข้ามาหาตัว
“อยู่หาดตรงนู้น ตอนใส่มันอึดอัด” หมอตอบไปด้วยขยี้ตาที่เริ่มเแดงเพราะน้ำทะเลไปด้วย
“คิดว่าตัวเองเก่งหรือไง! เกิดเป็นอะไรไปจะทำยังไง! ”
หมอโจ้ยกมือห้ามให้หยุดตะคอก เข้าใจว่าเป็นห่วงแต่เห็นแบบนี้หมอก็เคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนสมัยมัธยม เพราะฉะนั้นมันถึงได้มั่นใจในการเอาตัวรอดของตัวเอง แต่มันคงประมาทกับลมทะเลที่นี่มากเกินไป
ไอ้พายถอนหายใจแล้วมองอีกคนทั้งโกรธและเป็นห่วง แล้วยิ่งกระวนกระวายเมื่ออีกคนไม่ได้รับรู้ความรู้สึกเป็นห่วงของเขาเลย
เดฟมองคนที่ควงสาวมาเยอะแต่ก็ไม่เคยบอกว่าคบกับใคร แต่กับคนนี้ดูหวงเหลือเกิน
“แรกๆ เล่นก็แบบนี้ เดี๋ยวก็ชิน ถ้าพายไม่อยู่โจก็ออกมาเล่นกับผมก็ได้” เขาว่าเย้า ทำเอาคุณพ.หน้าตึงกว่าเดิม
“ขอบใจเดฟ เจอกัน” โจ้โบกมือไปมาเพราะเหนื่อย
พายผู้หงุดหงิดงุ่นง่านเป็นที่สุดจ้องหน้าเพื่อนด้วยสายตาขุ่นๆ ทำเอาเดฟหลุดขำ
พายคว้ากระดานโต้คลื่นมาไว้ในมือแล้วแบกเดินออกไป โดยไม่ลืมดึงแขนอีกคนมาด้วย พอเมื่อรู้ว่าเขาเดินตามมาดีๆ แล้วถึงได้รีบปล่อยมือลง เพราะถ้าเกิดแอบเนียนจับนานกว่านี้อาจจะโดนหมอถีบจนหน้าทิ่มทรายได้
โจ้เดินตามหลังอีกคนในระยะประชิด พบว่ากล้ามเนื้อแผ่นหลังกว้างสีแทนนั่นขยับไปมาตามธรรมชาติของการเดิน หมอแอบเห็นว่าบางทีพายคงจะเป็นที่นิยมมากในตอนที่หมอขึ้นมาถอดเสื้อชูชีพและอีกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตากับการเล่นกีฬายามเช้าอยู่ สาวๆ ที่น่าจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัยแถวนี้ยืนมองกันเป็นแถวๆ ทั้งส่งเสียงเรียกกันสนุกสนานเพียงแต่อีกคนไม่ได้ยินเท่านั้นเอง
ก็คนมันเจ้าชู้…
“เฮ้ย! ”
พายหยุดเดินกะทันหันเพราะก้มหยิบเสื้อชูชีพทำเอาคนที่เดินตามหลังมาชนเข้าเต็มแรง กลายเป็นว่าพอหันหลังไปก็เจอหมอกำลังยืนกุมหัวส่งสายตาโหดมาให้
“เบรกไม่บอกวะ”
“นี่ผมผิดเหรอ” คนที่ดูจะหงุดหงิดมาตั้งแต่แรกก็ยังหน้าตึง พายว่าด้วยเสียงนิ่ง
“ผมอยากให้โจ้ใส่ไว้เพราะที่นี่คลื่นลมมันแรง เอาไว้ถ้าเล่นจนชำนาญแล้วจะถอดก็ยังไม่สาย” เขาชูเสื้อชูชีพให้ดู
หมอมองอีกคนด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางทีไอ้หมาตัวใหญ่คงจะงอนไปแล้ว
“ขอโทษ” เขาว่าพร้อมกับแตะไหล่อีกคน
ใบหน้าคมสันนั่นพยักหน้าอยู่หน่อยโดยปราศจากรอยยิ้มเช่นเดิมก่อนจะถืออุปกรณ์ทุกอย่างไว้ทั้งสองมือแล้วออกเดินเพื่อกลับที่พักเสียที
...พอนิ่งก็ดูน่ากลัวดี...
โจ้โคงหัวไปมา
“เดี๋ยวช่วยถือ” หมอพูดถึงอุปกรณ์ที่อีกคนแบกอยู่คนเดียว พายหันมามองอยู่หน่อยก่อนจะส่ายหน้า
“พาย เอามา เดี๋ยวช่วยถือ” คุณหมอดึงขวดน้ำสองขวดมาหนีบไว้ที่แขนซ้าย
ไม่ชินกับคนที่คอยแต่จะกวนประสาททั้งยิ้มแย้มตลอดเวลา ตอนนี้ดูเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวอึดอัดขึ้นมากทีเดียว
“โกรธอะไรวะ รู้ว่าเป็นห่วง ขอโทษไปแล้ว” โจ้บ่น
อีกคนค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“ผมพึ่งนึกได้ว่าหึงหมอ เลยหงุดหงิด โทษทีนะจิงโจ้”
หมอมองอีกคนที่ยังหน้านิ่งไม่เปลี่ยน โจ้หลุดขำจนคนบริเวณนั้นหันมามอง
“หึงบ้าอะไรวะ”
เขาสอดมือที่ว่างวางบนมือใหญ่ รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน แต่ก็…เอาเถอะ…อย่างน้อยก็ทำให้พายยิ้มออกแล้ว
“กูหิว รีบเดิน! ” หมอหันมาตวาดคนตัวโตพร้อมกับดึงมือให้รีบเดิน
พายเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า เขายิ้มกว้างแล้วบีบมืออีกคนไว้อยากจะแซวว่า...หมอแอบแต๊ะอั๋งผม แต่ก็ต้องรีบหุบปากเพราะถ้าเกิดเขาดึงมือออกคงจะน่าเสียดาย
“ยิ้มบ้าอะไร” โจ้หันมาถามเจ้าหมาที่หูตั้งตายิ้มเหมือนเคยแล้ว
“บ้า ใครจะยิ้มอะไร”
“มึงนั่นแหละบ้า! ”
.
.
.
“กินอะไรดีจิงโจ้” พายวางอุปกรณ์กีฬาของตนไว้ในห้องของหมอตรงข้างประตู ก่อนจะเดินย่ำเข้ามาในบ้านของคนอื่นทั้งๆ ที่ตัวยังเปียกอยู่ อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ดีขึ้นมา ผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับ
“ข้าวผัด ไข่ดาว”
ดูเหมือนจิงโจ้จะเคยชินกับการถูกเรียกชื่อเล่นแบบนั้นแล้ว
“ไปอาบน้ำก่อนสิวะ” หมอบอกอีกคนเมื่อเห็นว่าหยดน้ำเปียกไปทั่วบริเวณ ก่อนจะเดินไปที่หน้าห้องน้ำและถอดเสื้อที่เปียกลู่ไปกับลำตัวออก
พายหันไปมองหมอที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาเกือบลืมหายใจเมื่อเห็นลำตัวเปลือยของหมอปรากฏสู่สายตา ทั้งหน้าอกขาว หน้าท้องแบนราบ พายเสตาหลบเมื่อเห็นยอดอกตั้งชันเพราะอากาศเย็น
“โคตรเมื่อย บางทีกูคงอ้วนไป” หมอว่าพลางบีบต้นแขนของตน เมื่อเช้าโดนคลื่นซัดตกบอร์ดไปหลายรอบ ทำเอาปวดตึงไหล่
มันหยุ่นๆ คงกินน้ำตาลมากไป” โจ้บ่นไปมองหุ่นอีกคนไป เวลาเห็นหุ่นของพายแล้วก็นึกเปรียบเทียบไม่ได้
พายมองคนที่กำลังลูบหน้าท้องขาวๆ ของตัวเองพลางพยายามข่มใจ
“แค่นี้ดีแล้ว ผมว่าโจ้ออกกำลังกายให้แข็งแรงก็พอ”
จิตใจที่มืดดำของพายเห็นว่าหุ่นแบบนี้กำลังดีเลย ฟัดได้เต็มไม้เต็มมือ
“กูอยากหุ่นเหมือนมึงบ้างนะ” หมอพูดถึงลอนหน้าท้องกล้ามเนื้อชัดของอีกคน ที่คงต้องแลกกับความมีระเบียบในการออกกำลังกายและการกินอยู่มากถึงได้มา
“มันแข็งไหมวะ” หมอขยับเข้ามาจับลอนหน้าท้องแบบไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น แต่อีกคนที่พยายามเว้นระยะห่างอยู่ตั้งนานช็อกไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อลำตัวเย็นถูกนาบลงด้วยฝ่ามือร้อน
“อย่า..ผม…” คุณพ.ส่งเสียงตะกุกตะกัก
แต่ก่อนพายถูกสาวๆ ทั้งจับทั้งลูบออกบ่อย แต่ความรู้สึกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยิ่งหมอลูบวนตรงหน้าท้องแข็งและวีเชพข้างเอวนั่นแล้ว
ก่อนที่พายจะเตลิดหมอก็ถดมือจากท้องของคนอื่นมาที่ท้องตัวเองแทน คุณพ.เกือบหัวใจวายตายลอบถอนหายใจ...แต่ไม่นานก็เข้าใกล้ความตายอีกครั้ง
เมื่อหมอจับมือมันใปวางที่หน้าท้องแบนขาวๆ นั่นแทน
“ของกูมันนิ่มๆ มึงว่าไหม” หมอบอกว่านิ่มแต่คำที่ผุดออกมาจากหัวพายคือ
...เนียน...
คุณพ.เกือบจะจะช็อก แต่โจรก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำเมื่อลำตัวสูงใหญ่เริ่มขยับเข้าใกล้อีกคน มือที่วางอยู่บนกายขาวไล้ไปที่เอวเหมาะมือ ต่ำลงไปยังสะโพกที่กางเกงผ้าร่มเกาะอยู่หมิ่นเหม่
พายจับแนวสะโพกนั่นไว้แน่นก่อนจะเบียดตัวเข้าหาคนที่เล็กกว่า เมื่อร่างกายท่อนบนแนบชิดกันจนได้ยินเสียงหัวใจผ่านหน้าอก คนตัวสูงก็ค่อยๆ ก้มลงจูบปากสีสดแรงๆ แก้มันเขี้ยวไปที ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาเพื่อมองดวงตาหวานฉ่ำไม่ต่างกัน
พายตาพร่าจนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ แต่เมื่อมือร้อนของคนตรงหน้าวางบนสะโพกสอบของเขาบ้าง ก็ไม่ลังเลที่จะก้มลงไปจูบริมฝีปากนั่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ยาวนานกว่าเดิม
เขากดจูบซ้ำๆ งับริมฝีปากล่างเล่นไปหลายหนจนเมื่ออีกคนยอมเปิดปากให้ เขาก็กวาดลิ้นร้อนเข้าไป
“อือ” เสียงครางของหมอทำพายย่ามใจ เขาดูดลิ้นแฉะและปากนิ่มของอีกคนจนเห่อแดง ใช้มือหนึ่งข้างจับท้ายทอยของอีกคนให้เอียงได้องศา
พายเป็นคาสโนว่าที่ใครๆ ก็พอรู้ที่มาของฉายานี้ดี เขาเลาะลิ้นไปยังแนวไรฟันเรียงเป็นระเบียบของอีกคน ก่อนจะดูดดุนเอาความหวานเฉอะแฉะจากลิ้นร้อน พวกเขาเคยจูบกันสองครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขนาดนี้
มือข้างซ้ายที่วางไว้ตรงสะโพกอีกคนตอนแรกไล้ต่ำลงไปข้างหลังแล้วนวดเฟ้นบั้นท้ายแน่นตึงอย่างไม่เบามือ
หมอเอื้อมแขนขึ้นกอดแผ่นหลังหนาทำให้ลำตัวที่เคยชิดกันเบียดเสียดจนร้อนระอุ
“อื้มม…พาย”
เสียงเรียกเบาๆ นั่นถูกดูดกลืนหายไปอีกครั้งและอีกครั้ง จนเมื่อริมฝีปากที่เคยได้รูปเจ่อและมันวาว
พายจูบซับมุมปากสีสดก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งไปที่แก้ม ตามแนวสันกราม ติ่งหู ก่อนจะได้ฝังจูบลงบนซอกคอขาวที่เพียงแค่มองก็ทำให้ลำคอแห้งผาก
“หมอครับ…” พายครางต่ำเมื่อส่วนกลางให้กางเกงผ้าร่มเปียกของพวกเขาเบียดเสียดกันจนเสียววูบ
‘Trrrrrrrr’
เสียงโทรศัพท์ของเจ้าของห้องแผดเสียงจ้าในตอนที่คนสองคนแทบจะเป็นร่างเดียวกัน ถอยห่างออกไปแทบจะไม่ทัน
“ส่งมาในเมลผมเลยก็ได้ ขอบคุณครับ” ดูเหมือนหมอจะคุยเรื่องงาน
พายลูบหน้าตัวเองแรงๆ พร้อมกับมองปฏิกิริยาร่างกายของตัวเองที่ยังลุกชัน ทั้งหัวใจเต้นเร็วยิ่งกว่าออกกำลังกายเสียอีก พายเอาแต่ก้มหน้าข่มใจ
จนเมื่อหมอเดินกลับมาจากคุยโทรศัพท์ พายก็รีบยกมือห้าม
“ห้ามเข้าใกล้ผมนะ” บอกออกไปด้วยเสียงแหบพร่า
“อะไรวะ” โจ้ว่าพร้อมกับเดินเข้ามาหาพายผู้กำลังก้มหน้างุด
ในตอนที่หมอกำลังจะแตะไหล่หนา พายก็ปัดมือเขาทิ้งด้วยอารามตกใจ
“อย่าโดนตัวผมด้วย! ”
หมอมองมือที่โดนตีจนแดงของตัวเองแล้วฟาดไหล่หนาด้วยความหมั่นไส้
“งั้นก็กลับห้องไปอาบน้ำสิวะ มายืนตรงนี้ทำไม! ”
พายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่โดนดุ ส่วนอีกคนกลับขำร่วนแล้วเดินฉิวเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่ไยดี
.
.
.
____________________________
TBC.
นังพายไม่ได้ดั่งใจเลย!! ถ้าเป็นเราจะเดินตามเข้าไปในห้องน้ำแล้วหนุบหนับให้จบๆ 555555