ข้างๆ
จากวันแรกที่พายพลาดตอบตกลงหมอเพื่อมาเที่ยวด้วยกัน วันนี้ก็เป็นวันที่ 11 แล้ว ที่ต้องบอกว่าพลาดเพราะพายไม่เคยคิดว่าจะพาตัวเองมาลำบากแบบนี้ พายเคยคิดว่าเขาเป็นคนชอบเที่ยว... นั่นคงเป็นเพราะคงตีความการออกไปปาร์ตี้หรือการเที่ยวกลางคืนผิดไป
การเที่ยวของพายต่างจากคำนิยามของผู้ชายคนข้างหน้าอยู่เยอะทีเดียว
“หมออย่าให้มันเลีย” พายบอกคนข้างหน้า
หมอแบกเป้ใบใหญ่เกือบเท่าตัวและกำลังนั่งยองๆ เล่นกับหมาที่เขาผูกไว้ข้างทาง พวกเขากำลังเดินหาที่พักยามค่ำ เพราะวันนี้ไม่ได้จองโรงแรมไว้
“ไมเป็นไร คนไทยแอนติบอดี้เยอะ” ใครคนนั้นว่ากลั้วหัวเราะพลางลูบขนพองๆ ของหมาตัวใหญ่อย่างไม่คิดจะฟังกัน
ไอ้ที่บอกว่าคนไทยภูมิคุ้มกันสูงนี่พายไม่อยากจะเชื่อเลย เพราะตั้งแต่หมอโจ้ทะเล่อทะล่าไปกินหอยนางรมดิบตรงท่าเรือที่กรีซก็ท้องเสียจนต้องลุกเข้าห้องน้ำทั้งคืน ไหนจะตอนที่ถอดเสื้อเพราะอยากได้รับออกซิเจนเต็มๆ ปอดที่เทือกเขาในออสเตรียก็เป็นหวัดและไข้ขึ้นหายใจไม่ออกจนจมูกแดง หลังจากวันที่เป็นไข้ไม่นานยังมีหน้าไปวิ่งบนหิมะจนล้มแล้วขาแพลงนั่นอีก
พายไม่อยากคิดเลยว่าหากปล่อยให้พี่แกมาคนเดียวจะเป็นยังไง
“คิดถึงไอ้เบ็กกับไอ้พาย” โจ้บอกก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือลาไอ้หมาตัวใหญ่ที่มองมาอย่างอาลัยสัมผัสอุ่นๆ
พายไม่ใช่คนที่ปลอบคนอื่นเป็นหรือพูดอะไรให้ดีขึ้นได้ จึงทำได้แค่เพียงเดินตามหลังอีกคนเงียบๆ ไปในเมืองชนบทแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์
ฟุตบาทกว้างๆ และสถาปัตยกรรมดั้งเดิมรวมถึงบ้านเมืองสงบ ทั้งลักษณะภูมิประเทศที่ต่างกันไปในแต่ละที่ ลักษณะนิสัยและวัฒนธรรมของผู้คนที่ต่างกันไปทำให้การมาเที่ยวครั้งนี้พายเห็นอะไรมากมาย คิดอะไรได้อีกมากมายราวกลับว่าแต่ก่อนตัวมันเองอยู่หลังเขา
โลกกว้าง…เป็นคำที่หมอจำกัดความเพื่ออธิบายให้พายฟัง
การเที่ยวของหมอไม่ใช่การทำตัวเองให้มีความสุขหรือหาความสุขสบายให้ตัวเองอย่างที่หลายๆ คนทำ แต่คือการออกมาทำอะไรที่อยากจะทำ ดูอะไรที่อยากจะดู ฟังอะไรใหม่ๆ จากคนที่ไม่เคยได้พบ เพื่อที่สุดแล้วก็นำมันมาเป็นประสบการณ์และความทรงจำ
พายแอบเรียกการมาเที่ยวของหมอว่าการมาหาความลำบาก แต่อย่างไรพายก็กล้าบอกได้ว่ามันเป็น...การมาลำบากที่สนุกที่สุด
และเผลอแค่แป๊บเดียว...ก็เหลือแค่สองวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวด้วยกัน
“กินอะไรกันดีวันนี้” คนข้างหน้าถามพลางก้าวเท้าเดินนำไปเรื่อยๆ พายขำให้กับคำบอกเล่านั่นก่อนจะตอบไปบ้าง
“เราเพิ่งกินข้าวกันยังไม่ถึงชั่วโมงเองนะหมอ”
"ก็เงินมันเหลือ"
คุณพ.อยากจะกลอกตาสักสามรอบ จะไม่ให้เงินเหลือได้ยังไงในเมื่อตั้งแต่มายังไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยเลย เมื่อพายจะรูดบัตรเครดิตเพื่อชวนหมอดินเนอร์ดีๆ สักมื้อก็ถูกพี่แกเบรกด้วยคำว่าเปลือง
หมอให้ความเห็นว่าอยากจะปฏิบัติตัวให้คล้ายกับคนท้องถิ่นและเชื่อว่าชาวเมืองเขาต้องกินกันในร้านง่ายๆ ไม่ใช่เข้าร้านอาหารหรูๆ ซึ่งพายก็ไม่มีอะไรจะเถียง
โรงแรมที่นอนกันมาตลอดทริปก็ไม่เกินสามดาว สิ่งที่เปลืองสุดเห็นจะเป็นค่าเดินทางอันหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากการมาเที่ยวครั้งนี้จะประหยัดมากกว่าที่พายออกไปเที่ยวกลางคืนแค่คืนเดียวแล้ว ยังมีประสบการณ์ชีวิตมากมายอย่างเช่นถูกขโมยกล้องถ่ายรูปที่ปารีส ทำโทรศัพท์มือถือหายที่อิตาลี ถูกลวนลามบนรถไฟ โดนโกงค่าโรงแรมและอื่นๆ อีกมากมาย ที่พายสามารถเอาไปเล่าเป็นปีก็ยังไม่จบ
นี่ยังไม่รวมที่ถูกหมอเนียนจูบไปหลายทีอีกนะ...
“ตรงนี้ไหม” พายเงยหน้ามองโรงแรมที่ยังดูใหม่และบรรยากาศรอบข้างดีมากก่อนจะหันมามองหมออีกครั้ง
“อ่านรีวิวมา เขาว่าตรงนี้ดี” หมอเล่าให้ฟัง แต่ก็ทำหน้าลังเล
“แต่แพง” พายเติมให้พร้อมกับกลั้วหัวเราะทำให้หมอมองหน้ากันแบบดุๆ
ปกติโจ้จะคำนวณค่าเงินในใจอย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสินใจว่าจะพักที่ไหนดี หากแพงเกินไปหมอจะเดินไปหาที่พักที่อื่นอย่างไม่แยแส แต่คราวนี้กลับดูสนใจที่นี่มากกว่าปกติ
“แพงไม่เป็นไร เพราะจะเอาบัตรสีดำของมึงรูด” หมอว่าเสร็จก็เดินเข้าไปข้างในอย่างไม่รออีกคน
พายเลิกคิ้วมองอยู่หน่อยก่อนจะเดินตามเข้าไปพลางหัวเราะ ดูก็รู้ว่าหมอเหนื่อยมากแล้วเพราะเดินกะเผลกมาทั้งวัน
ที่มาเที่ยวด้วยกันครั้งนี้ทำให้พายรู้ว่าความจริงว่าหมอไม่ได้เข้าหายากอย่างที่คิดมาตลอด เพียงแต่เขาเข้าหาไม่ถูกทางเองต่างหาก
พายยื่นบัตรเครดิตสีดำด้านให้พนักงานโรงแรมหกดาว เพราะช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวและเพราะห้องที่เลือกจะพักไปเป็นห้องที่วิวดีที่สุด สนนราคาสองคืนเลยปาไปเกือบแสนบาท
คนที่ไม่คิดว่ามันจะแพงมากขนาดนี้ก็ยืนตัวซีดอยู่ข้างๆ กัน
“เดี๋ยวกูช่วยหาร คนละครึ่ง” หมอบอกก่อนจะถอดกระเป๋าเป้ให้พนักงานผู้กำลังเดินนำไปยังห้องพัก
พายส่ายหน้าก่อนจะบอก “ทริปฮันนีมูน ผมจ่ายก็ถูกแล้ว” คุณพ. หัวเราะ
หากเป็นแต่ก่อนหมอคงเบือนหน้าหนีกับมุกแบบนี้ แต่คราวนี้พวกเขาทั้งคู่ก็แค่หัวเราะให้กันก็เท่านั้น
“มึงนี่ตื้อนะรู้ตัวไหม” หมอบอกพร้อมกับถอดเสื้อโค้ตตัวหนาออก แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำมาเกือบสามวัน
พายที่กำลังถอดเสื้อนอกออกเหลือบมองอีกคน
“หมอจะด่าผมว่าหน้าด้านเลยก็ได้”
อีกคนหัวเราะจนตัวงอกับการประชดของคนตัวโต
“แต่ผมว่าคุ้มนะ” พายยักคิ้วสองที
“กูก็คุ้ม ค่าโรงแรมคืนเดียวก็คุ้ม” โจ้ว่าติดตลกก่อนจะหันมองออกไปด้านนอกระเบียงที่เขาว่ากันว่าวิวดีนักหนา แต่คงไม่ใช่ตอนสองทุ่มที่มืดสนิทเช่นนี้แน่นอน
เอาเป็นว่าคืนนี้คงต้องนอนเอาแรงก่อนพรุ่งนี้ถึงจะได้ไปลุยเที่ยวอีกรอบ
“อ่างอาบน้ำใหญ่มากเลยหมอ สนใจแช่ด้วยกันไหมครับ” พายชวนอีกคนที่ตอนนี้กำลังนอนเหมือนจะหลับอยู่บนเตียง
หมอยันตัวลุกเดินขึ้นมามองอ่างอาบน้ำที่สามารถลงไปได้ห้าถึงหกคนก่อนจะมองกระจกใสที่มองทะลุออกไปขุนเขาเบื้องหน้าได้ แล้วตอบตกลงแบบคนไม่ได้คิดอะไรมาก
“เอาสิ มึงเปิดน้ำรอเลย” คำตอบนั่นทำเอาพายเหวอไปพักใหญ่
เขาว่าบางทีคงเอาหมอคนเดิมที่พึ่งเคยรู้จักกันกลับมาไม่ได้เสียแล้ว
“ต้องถอดหมดเหมือนออนเซ็นญี่ปุ่นไหมวะ” หมอถามหน้านิ่ง
พายที่ปกติไม่ได้กระดากอาย ออกจะเชี่ยวเรื่องแบบนี้แถมชอบโชว์หุ่น รู้สึกแก้มและหูร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามของอีกคน
“ผมว่า เอ่อ...”
พายเคยไปแช่ออนเซ็นอยู่สองถึงสามครั้ง ไม่ได้ใส่ใจกับการที่จะต้องเปลือยทั้งตัว แต่เพราะนี่คือหมอโจ้...
พายเองกำลังคิดไม่ซื่อกับหมอ แต่หมอกลับทำอย่างกับว่าพวกมันเป็นเพื่อนที่วิ่งเล่นแก้ผ้ากระโดดน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะแช่น้ำด้วยกันได้อย่างไม่อาย
“ผมพูดเล่น เดี๋ยวผมอาบก่อน” พายรีบบอกปัดอีกคนที่กำลังจะถอดเสื้อยืดตัวข้างในออก
จะว่าไปแล้วตลอดทริปที่ผ่านมาแทนที่จะเป็นหมอที่หนีการเผชิญหน้ายามอาบน้ำหรือแต่งตัวกลับเป็นพายที่จะต้องระวังตัวแทน
...โถ พ่อคาสโนว่า…
หมอหันมามองอีกคนอยู่หน่อยก่อนจะย่างสามขุมทั้งๆ ที่เปลือยท่อนบนเข้ามาใกล้ พายรู้สึกเหมือนเป็นเดจาวู เขาก้าวถอยหลัง เหลือบมองด้านหลังของตัวเองเป็นผนัง เลยกำลังคิดหาวิธีอื่นๆ ที่พอจะแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้ไปได้
“อย่าเข้ามาใกล้นะหมอ! ”
หมอโจ้ขำร่วน ไม่รู้ไอ้คนตัวใหญ่จะกลัวอะไรนักหนา
“มึงเป็นอะไรวะ” คนถามเดินแล้วยิ้มเข้ามาหากันอย่างนึกแกล้ง
ถ้าเป็นแต่ก่อนพายคงจับอีกคนทุ่มลงบนเตียง แต่ตอนนี้กลับกลัวที่จะทำ...เพราะรู้ว่าถ้าได้ทำคงจะหยุดไม่ได้ แล้วก็กลัวว่าหากทำไปแล้วหมอหนีหาย
...เขาคงไม่รู้จะทำยังไง…
“หมอนั่นแหละเป็นอะไร” พายดันไหล่ของอีกคนที่เข้ามาใกล้จนเกินควร
เขาพยายามเสหลบดวงตาที่มองมาอย่างไม่ลดละ มือของหมอที่ว่างอยู่ทั้งสองข้างเอื้อมขึ้นมาจับไหล่อีกคนไว้
“ไม่เรียกจิงโจ้แล้วเหรอ” เขาพูดพลางยิ้มเยาะ ทำเอาคนตัวใหญ่ยืนไม่ติดที่...
ใครจะรู้ว่าเอาจริงๆ แล้วหมอนิสัยแบบนี้
“โอเค จิงโจ้ ไปอาบน้ำ” คนพูดพยายามทำเสียงให้นิ่งก่อนจะดันหลังอีกคนเข้าห้องน้ำไป และก่อนที่ประตูบานทึบจะปิดลงโจ้ก็แกล้งถามขึ้นมาอีกรอบ
“ไม่อาบด้วยกันเหรอวะ”
พายรีบดึงประตูห้องน้ำให้ปิดลงก่อนจะถอนหายใจ ได้ยินเสียงหัวเราะสะใจมาจากในห้องน้ำ
เขาเดินออกมายืนดูดบุหรี่เงียบๆ ที่ระเบียงคนเดียวด้วยเสื้อยืดผืนบางทั้งๆ ที่อุณหภูมิในตอนนี้ค่อนข้างเย็น พายคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พยายามสงบสติอารมณ์ แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงกิริยาของหมอยามรุกไล่ก็ขำตัวเองที่ขี้ขลาดไม่เหมือนอย่างเคย
“มายืนแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัด ไปอาบน้ำ”
ระหว่างที่บุหรี่มวนที่สองกำลังจะดับลงอีกคนก็เลื่อนประตูกระจกออกมาหา พายมองร่างกายท่อนบนของอีกคนที่พราวไปด้วยหยดน้ำพร้อมกับพยักหน้ารับก่อนจะดับบุหรี่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปบ้าง
พายใช้เวลาในนั้นไม่นานนักเพราะร่างกายล้าจนเกินทนและเมื่อเดินออกมาก็พบว่าอีกคนหลับไปเรียบร้อยแล้ว พายนั่งลงบนเตียงกว้างแล้วมองอีกคนที่นอนด้วยท่าทางสบาย พายชอบคิ้วสีเข้มที่เรียงเป็นระเบียบของหมอ ชอบขนตาหนา ชอบริมฝีปากหยักๆ แบบนั้น ว่าแล้วก็ก้มลงไปจูบที่แก้มของคนที่หลับอยู่อย่างมันเขี้ยว
“หนวดมึงทิ่มหน้ากู”
พายขำออกมาเมื่ออีกคนลืมตาขึ้นมาบ่นแทนที่จะเป็นการก่นด่าหรือเมินเฉยอย่างเคย แล้วก็ตลกตัวเองที่ดูเหมือนจะเคยชินกับความเป็นธรรมชาติแบบนี้
“ลืมโกน ว่าแต่ตั้งแต่มาผมยังไม่เห็นหมอโกนหนวดเลย” เขาว่าพร้อมกับลุกขึ้นสวมเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขายาวสำหรับใส่นอน แล้วรีบสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกันกับอีกคนที่นอนหันหน้ามาหากัน
ถึงข้างในจะเปิดฮีตเตอร์แต่ก็เย็นเข้ากระดูก พายขยับตัวเข้าหาคนตัวอุ่นข้างๆ กันโดยลืมไปว่าจะเป็นการเปิดช่องให้โดนโจมตี
“กูผมหนานะแต่ไม่มีหนวด ขนตามตัวก็ไม่มี” หมออธิบาย
“อย่างตรงนี้...”
“เฮ้ยยยย! ”
หมอยังพูดไม่จบแต่พายตะโกนลั่นเมื่ออีกขยับเข้ามาใกล้แล้ววางมืออุ่นๆ ลงบนหน้าหน้าท้องมัน พายป้องกันตัวโดยการขืนตัวออกจนแทบจะตกเตียง
“หยุดเลย! ” อารามตกใจไอ้คนตัวใหญ่จึงจับมือเขาให้ห่างจากตัวเอง ส่วนอีกมือที่ว่างโอบตัวเองไว้อย่างกับว่าหวงตัวนักหนา
หมอขมวดคิ้วมองใบหน้าตื่นตระหนกของอีกคนแล้วใช้มือที่ว่างอีกข้างนึงของตนลูบเบาๆ ที่อกหนาผ่านเสื้อของอีกคน
“มึงมีขนหน้าอกด้วยนี่หว่า” โจ้ขำคิก
“จิงโจ้! ”
เจ้าของชื่อที่ถูกตวาดมองไอ้เด็กตัวใหญ่ด้วยสายตาล้อเลียน หมอขำให้กับสรรพนามของตัวเองที่เปลี่ยนไปมาเพราะอารมณ์คนตรงหน้า
“หนวดขึ้นเยอะเลยนี่หว่า” หมอผู้ถูกคว้าแขนทั้งสองข้างตรึงไว้ อมยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าคมของอีกคน ที่ยิ่งพอหนวดเคราขึ้นมาแบบนี้ยิ่งทำให้ดูเข้มขึ้นเป็นเท่าตัว
โจ้จ้องตากับอีกคนที่มองมาอย่างไม่ลดละก่อนจะค่อยๆ จูบไปที่ปลายคางสาก ในตอนที่กำลังจะขยับขึ้นไปจูบที่ปากบ้างไอ้พายที่ดูจะช็อกก็ม้วนตัวลงไปข้างเตียงพร้อมกับผ้าห่มหนา
“ฮ่าๆ ” หมอหัวเราะจนปวดท้อง
แม้ห้องนี้จะแพงเกือบแสนบาทพายก็รู้สึกว่าเขายังจ่ายอีกไหว...อยากย้ายห้องซะเดี๋ยวนี้
“ทีนี้มึงเข้าใจยังว่าการรุกคืบเข้าหาคนอื่นมันเป็นยังไง” คนที่พึ่งจะหยุดขำได้ลุกขึ้นมานั่งที่ขอบเตียงแล้วดึงให้อีกคนลุกขึ้นมา
พายที่กำลังหัวเสียแต่ไม่รู้จะเอาไปลงกับอะไรนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อก่อนที่เคยทำให้หมอรำคาญ...บางทีนี่อาจจะเป็นการแก้แค้นของหมอก็ได้
“หมอเอาคืนผม? ”
“อือ สนุกดี” โจ้บอก
พายลุกขึ้นแล้วลากผ้าห่มขึ้นมาไว้บนเตียงเช่นเดิมก่อนจะนั่งมองอีกคนที่ขยับกลับไปนอนแต่โดยดี
พายห่มผ้าผืนหนานั้นให้หมอก่อนจะนอนลงที่ฝั่งเดิมของตน แต่หันหน้าไปมองอีกคนที่นอนหงายหลับตาอยู่ก่อน เท่าที่สังเกตไม่ว่าจะเมาหรือเหนื่อยมาก หมอก็นอนหลับเงียบๆ คล้ายกับนิสัยของหมอเอง
พายหัวเราะเมื่อนึกถึงไอ้เรื่องที่หมอบอก เขาทิ้งให้บรรยากาศเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเบียดตัวเข้าไปแล้วสอดแขนเข้าไปตรงคอแล้วกอดอีกคนไว้แน่น พลางนึกขอบคุณบรรยากาศของเมือง ขอบคุณอากาศหนาวและความมืดมิดที่ทำให้กล้าทำแบบนี้
“อะไรอีกวะ เมื่อกี้ยังเล่นตัวอยู่เลย” คนที่หลับตาอยู่ว่าออกมาพลางถอนหายใจ
พายไม่ได้สนใจที่หมอบ่นนัก
“พอรู้สึกว่าหมอจะไม่รุกผมแบบนั้นอีกแล้วมันใจหาย”
หมอลืมตามามองคนที่นอนยิ้มบ้าๆ อยู่ข้างกัน ใครคนนั้นมองลึกเข้ามาในดวงตาและพูออะไรบางอย่าง
“ผมชอบโจ้จริงๆ นะ” พายจำได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พูดเรื่องนี้ และทุกครั้งหมอจะปฎิเสธ ต่างออกไปจากครั้งนี้
“กูบอกแล้วว่ามึงแม่งโคตรตื้อ”
พายหัวเราะอยู่หน่อยกับคำชมปนด่า พลางมองเสี้ยวหน้าของคนข้างตัวที่พอมองเห็นได้เพียงเลือนลาง
“ทีอย่างนี้ดันความรู้สึกช้า” หมอหันหน้ามา ปลายจมูกโด่งค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้
พายยกตัวขึ้นเพียงนิดแล้วก้มลงงับริมฝีปากนิ่มของอีกคนเบาๆ แต่ไม่นานนักก็ผละออก
“ผมเป็นลูกครึ่งสเปนมั้ง ถ้าเดาจากชื่อพ่อนะ” พายเล่าเรื่องที่หมอเคยถาม พร้อมกับจับมือของอีกคนวางที่กลางหน้าอกของตัวเอง
โจ้นอนลืมตาในความมืดไม่ได้พูดอะไรนอกจากเอื้อมมือข้างขวาที่ว่างอยู่ขึ้นไปวางบนต้นคออีกคนแล้วบีบมันเบาๆ อย่างกับกำลังนวดให้ผ่อนคลาย
“แม่ทิ้งผมไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าตอนเกือบสามขวบได้ หลักฐานใบเกิดยังมีอยู่เลย” คนที่คร่อมอยู่ด้านบนเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นโถมตัวใหญ่ๆ ลงไปบนตัวของอีกคนแล้วซุกหน้าเข้ากับซอกคอขาวที่ได้กลิ่นสบู่หอมๆ
“แม่บอกอีกเดี๋ยวจะมารับผมกลับบ้าน... จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มา”
โจ้ฟังเสียงอู้อี้ที่ดังอยู่ข้างหูตัวเองพลางลูบแผ่นหลังกว้างนั่นไปมาราวกับกำลังปลอบโยนเด็กสามขวบคนนั้น
“พอเริ่มโตก็มีคนใจดีให้ไปเล่นดนตรีที่ผับได้วันละหลายพันเลยนะ แต่ผมก็ยังเกเรไปเรื่อย โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง”
หมอขมวดคิ้วก่อนจะทุบหลังหนาไปหลายทีเพราะมันเขี้ยว ซึ่งคนนอนทับเขาทั้งตัวก็ทำแค่เพียงหัวเราะแห้งๆ พายกดจูบที่ไหล่ลาดของอีกคนอยู่ครั้งก่อนจะพูดต่อ
“ตอนนั้นแหละที่ผมพึ่งรู้ว่านอกจากที่ผมเล่นกีตาร์ได้ดีแล้วหน้าตากับการพูดจาเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสบายขึ้นง่ายกว่าคนอื่น ผมหลงกับมันมากเลยนะ ผมใช้มันหาความสุขที่ผมไม่เคยมี ผู้หญิง ผู้ชาย เหล้า เงินและชื่อเสียงทำให้ผมเหลิงจนมาเจอหมอ”
“กูทำให้มึงเป็นคนดีขึ้น? ” หมอถามอย่างไม่จริงจังนักหลังจากเงียบไปนาน
“เปล่า ทำให้แย่ลงกว่าเดิมอีก” พายตอบพลางหัวเราะ
“ผมมองโลกแย่ลงมากตั้งแต่ที่อกหักจากหมอ แต่ก็พึ่งรู้เหมือนกันว่าไอ้โลกนี้มันไม่ได้ยั่งยืน มันมีหลายๆ ด้านเสมอ”
หลายวันที่ผ่านมาพายมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ของหมอ ทั้งงี่เง่าบ้าง เอาแต่ใจบ้าง เงียบนิ่ง บ้าบอ ซึ่งแล้วแต่ประกอบรวมกันเป็นผู้ชายคนนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นคนที่ประกอบด้วยข้อเสียมากมาย ทั้งโง่ทั้งนิสัยเด็ก มุทะลุ แต่บางทีคงเพราะรู้และยอมรับข้อเสียของกันและกันได้ถึงได้มาอยู่ข้างๆ กัน
แม้ความรักครั้งนี้จะต่างจากความรักฉาบฉวยที่เคยผ่านๆ มาหลายคราว แต่พายเชื่อเหลือเกินว่าเขาอยากจะเดินต่อไปแบบนี้กับหมอเรื่อยๆ
“บางทีคงเพราะผมขาดความอบอุ่น เลยชอบหมอที่เหมือนพวกลุงแก่ๆ ดุๆ ” โจ้หัวเราะกับการกวนตีนแก้เขินของอีกคน ก่อนจะบอกด้วยเสียงเรียบๆ
“มึงลุกไปเลย กูหนัก” หมอไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรกับเรื่องราวก่อนหน้าทั้งนั้น เขาแค่อยากให้พายสบายใจที่จะเล่า
พายหัวเราะก่อนจะพลิกกลับไปนอนข้างๆ กันเช่นเคยกับหลายๆ วันที่ผ่านมา เขาหลับตาลงพร้อมกับยิ้มให้ตัวเอง ที่รู้ว่าอีกคนจะอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไกลอย่างที่เคย...
“หมอเป็นของผมแล้วนะ” พายวางแขนลงบนเอวของอีกคนก่อนจะบอกเพื่อย้ำสถานะคลุมเครือไม่มีชื่อเรียกที่จะเกิดขึ้นต่อไป
“มึงต่างหากที่เป็นของกู”
พายหัวเราะให้กับคำตอบเอาแต่ใจของอีกคน
“รู้ไหมทำไมหลังๆ ผมถึงกลัวหมอ”
“เพราะมึงกลัว? ”
“อืม กลัวจะหยุดไม่ได้” พายขยับตัวก่อนจะกอดอีกคนไว้
หมอรู้ว่าสักวันระหว่างพวกเขาคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้…
“อืม…” พายครางต่ำเมื่ออีกคนขยับหน้าเข้ามาจูบ
มือร้อนของหมอไล้ไปตามกล้ามเนื้อแน่น มือใหญ่ของพายเองก็วาดไปทั่วแผ่นหลังเนียน ก่อนจะไล้ลงมาที่สะโพกเต็มมือ
“ไม่ถอด” โจ้ร้องห้ามเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะถอดเสื้อและกางเกงของเขาออก
“เดี๋ยวชุดเลอะ” คุณพ.บอก ก่อนจะก้มลงจูบปิดปาก
“ไม่ทำ…” หมอห้ามคนที่บดสะโพกเข้าหา ดันไหล่คนตัวโตออกจากตัวเอง
พายถอนหายใจยาวอย่างข่มใจพร้อมกับลูบลูกชายตัวเองที่แข็งจนดันกางเกงผ้านิ่มออกมา
“แค่มือนะครับ…”
“ไม่โว้ย! ” โจ้โวยวายเมื่อโดนล้วงเข้าไปในกางเกง หมอสะดุ้งจนพายตกใจลุกขึ้นนั่ง
“หมอชอบยั่ว...แล้วหมอทำกับผมแบบนี้” พายบ่น อยากจะจับอีกคนฟัดให้หนำใจ มาทำให้มีอารมณ์แล้วมันก็ลงยากแบบนี้ไง
“นู่น ห้องน้ำ” โจ้ชี้ไปที่ห้องน้ำ อีกคนเลยลุกเดินไปบ่นไป
“กลับถึงบ้านก่อนเถอะ จะเอาให้ลุกไม่ขึ้น”
หมอฟังไปขำไป ที่ไม่อยากให้ทำเพราะถุงยางไม่มี เจลหล่อลื่นก็ไม่มี ที่สำคัญคือ...ยังทำใจไม่ได้
“รอไปก่อนนะ ไอ้หมา” หมอพึมพำกับตัวเองพร้อมกับยิ้ม
TBC.
ยังอีกเหรอเนี่ยย เห้อมม y_y