นาฬิกา
คุณพ. กำลังง่วนกับการจัดเก็บของที่เพิ่งซื้อมาอยู่หน้าบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นของฝาก เผลอตัวเหลือบมองนาฬิกาตรงผนังอยู่หลายรอบ ทั้งๆ ที่ระยะห่างของเวลานั่นไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วยซ้ำ
“ใบตอง สต็อป” พร้อมกันนั้นก็สั่งไอ้หมาที่กำลังเดินพันแข้งพันขาไปมาด้วยความหงุดหงิดใจ
นี่เพิ่งจะห้าโมง กว่าหมอจะกลับบ้านก็เกือบสองทุ่ม หรือไม่ก็อาจจะเช้าของอีกวันเลยก็ได้ พายก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องมานั่งคำนวณเวลารอหมอ แต่ก็เป็นแบบนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว
“โฮ่ง! โฮ่ง” เขากำลังยัดกางเกงมวยไทยลงในกระเป๋าเดินทางอันใหญ่ใบที่สอง เห็นไอ้ใบตองดูลุกลี้ลุกลน ทั้งๆ ที่ปกติแล้วใบตองจะเป็นแบบนี้ก็ต่อเมื่อมันอยากจะเห่ารถไอติมที่มีเสียงกระดิ่งดังหรือไม่ก็ตอนที่หมอกลับมาเท่านั้น
“ทำอะไรกัน”
พายหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงของอีกคน ใครคนนั้นเดินเข้าบ้านมาด้วยสภาพที่ดูก็รู้ว่าเพิ่งกลับมาจากการทำงาน
คุณหมอยืนมองหมาคนอื่นอยู่แค่ครู่เดียวก็กระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆ มาเล่นกับหมาอย่างคุ้นเคย
พายไม่รู้ว่าหมอคุ้นเคยกับหมาหรือคุ้นเคยกับการกระโดดข้ามกำแพงมากกว่ากันแน่
“ช่วยไหม” อีกคนเอ่ยทักเมื่อสาวเท้ามาถึงพื้นที่หน้าบ้านที่คุณพ.วางของไว้เกลื่อน ใกล้ๆ กันนั้นมีไอ้หมาตัวใหญ่นั่งนิ่งแต่หางแกว่งไปมาอย่างน่ารัก
ท่าทางเหนื่อยล้าทางสีหน้าของหมอทำให้พายปฏิเสธออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ”
“งั้นเดี๋ยวพาเบ็กไปเดินเล่นนะ”
พายมองคนที่ขออนุญาตแต่ไม่รอคำตอบเพราะจูงใบตองลิ่วๆ ไปทางหน้าบ้านเสียแล้ว
เขาลุกขึ้นบิดตัวนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจละมือจากของจำนวนมากที่ยังจัดไม่เสร็จ แล้วเดินตามอีกคนออกไป
“ผมไปด้วย” คุณพ.เดินมาขนาบข้างหมอที่พยายามใช้มือข้างหนึ่งถลกแขนเสื้อตัวเองขึ้นไปพร้อมๆ กับการจับเชือกจูงของหมาตัวใหญ่ ซึ่งนั่นไม่ได้ง่ายนัก
พายยิ้มให้กับการกระทำเล็กๆ น้อยนั่น ก่อนจะดึงแขนอีกคนให้หยุดแล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนขึ้นให้ทั้งสองข้าง เขามองข้อมือขาวของหมอที่บางกว่าเขาอยู่มาก พายละมืออกจากแขนเสื้อหมอแต่กลับกำที่ข้อมือนั่นอย่างไม่รู้เหตุผล
ใครอีกคนไม่ได้สะบัดมือออกอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับตั้งคำถามขึ้นมาแทน
“ทำไมมึงไม่เอาเชือกไอ้เบ็กไปถือวะ ง่ายกว่าพับแขนเสื้อให้กูเยอะ”
พายเงยหน้ามาประสานตากับอีกคนงงๆ ก่อนจะหัวเราะแก้เก้อ เพราะที่หมอบอกมันก็จริง
“ผมลืม”
โจ้มองหน้าของอีกคนที่เพิ่งจะก้มหน้าก้มตาตั้งใจพับแขนเสื้อให้ พอเข้าใจแล้วว่าทำไมป้าร้านผัดไทยถึงได้ชอบชมอีกคนว่าหล่อแล้วยังน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะว่าความจริงแล้ว สำหรับสาวๆ คุณพ. เป็นคนที่หน้าตาดีและอัธยาศัยดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว พายอาจจะดูกวนตีนไปบ้างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นเป็นการผูกมิตรอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปเข้าใจได้ ยกเว้นแต่โจ้ที่ไม่ค่อยชอบใจเสียเท่าไหร่เพราะอคติ
หมอเดินชมนกชมไม้มาเรื่อยๆ จนถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางหมู่บ้าน ที่เขาเลือกซื้อบ้านที่นี่เพราะอยู่ไกลจากผู้คน สงบ เหมาะกับการพักผ่อน และที่สำคัญคือไม่ไกลทั้งจากที่ทำงานด้วย
เหนือสิ่งอื่นใดการตัดสินใจซื้อบ้านในตอนนั้นก็เป็นเพราะหมออยากได้ที่นี่เป็นที่สร้างครอบครัว หมอสูดหายใจเข้าใหม่เพื่อให้หยุดฟุ้งซ่านก่อนที่จะเอ่ยทักไอ้เบ็กที่ออกตัววิ่งไปหาหญ้าขนอย่างไม่ได้สนใจคนจูง
“เคี้ยวเอื้องเป็นวัวเลย” โจ้ว่าพร้อมกับหันไปหาผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ
ใครคนนั้นมักจะชอบมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มอยู่เสมอตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งโจ้ก็ไม่เข้าใจว่าพายมันมองอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากรู้เหตผล
“ปกติเบ็กมันนอนยังไง” หมอถามพร้อมกับนั่งลงบนพื้นหญ้าที่ดูน่าจะชื้นอยู่นิดหน่อย
ตอนแรกพายแอบแปลกใจอยู่หน่อยที่หมอไม่ได้เจ้าระเบียบหรือเจ้าสำอางอย่างที่คิด
“มีเบาะครับ นอนในบ้าน” คนตัวโตตอบก่อนจะนั่งลงข้างๆ กัน โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีแดด พอตกเย็นอากาศเลยไม่อบอ้าว ติดจะเย็นสบายเสียด้วยซ้ำ
“มันอยู่กับหมาตัวอื่นได้ไหม” อีกคนถามพร้อมกับจ้องที่ใบตองนิ่ง
พายปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าบางทีเขาก็อยากเป็นที่สนใจแบบไอ้ใบตองบ้าง แต่ก็คงตลกดีถ้าจะให้หมอมานั่งเกาคางลูบหัวให้แบบนั้น
“ได้ครับ” พายบอกเพราะไอ้ใบตองเองแต่เด็กก็เคยอยู่กับป้าแม่บ้านทำความสะอาดอพาร์ทเมนต์ที่เลี้ยงหมาไว้หลายตัว
ใบตองออกจะเป็นหมาติงต๊อง แต่ดีที่เวลาเล่นมันรู้จักออมแรงบ้าง เหลือแค่การเลียไม่ออมน้ำลายที่ดูจะติดเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายเสียแล้ว
แค่นึกถึงไอ้หมาตัวโตที่กำลังนั่งเคี้ยวหญ้าก็ปรี่เข้ามาหาพร้อมกับนั่งลงแลบลิ้นอยู่ตรงหน้า
“เบ็ก เดี๋ยวหาเพื่อนมาให้จะได้ไม่เหงา แต่อย่าทำบ้านพังก็พอ” หมอบอก
พายมองรอยยิ้มแบบที่ไม่เคยเห็นของหมอแล้วหันออกไปมองต้นไม้ต้นใหญ่ในสวนสาธารณะ กิ่งก้านพวกมันไหวเอนเพราะแรงลม ในเวลานั้นเขาก็ตัดสินใจถามบางอย่างออกมา
“หมอครับ ที่หมอบอกว่าอยากได้อะไรต้องให้ก่อน...”
แต่เดิมพายไม่ใช่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง พอโดนเตือนคนตัวใหญ่ถึงได้เขวไปไกล
“มันเป็นเหตุเป็นผลของมันอยู่แล้วนี่” ใคนคนนั้นว่าพลางลูบหัวหมาตัวใหญ่อยู่ซ้ำๆ
หลังจากวันที่ทะเลาะกับหมอ พายแทบไม่ได้เจอน้องสาวหรือน้องชายจำนวนมากอย่างที่เคย เขาให้เหตุผลตัวเองว่าเพราะกำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมตัวกลับไปทำงาน แต่นั่นก็ทำให้นึกได้ว่า ตัวเขาเองไม่เคยเป็นคนคิดถึงเหตุผลอะไรแบบนั้นมาก่อนเสียด้วยซ้ำ
“ผมไม่เข้าใจ” พายถามแบบซื่อๆ ซึ่งอีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยหน่ายหรือรำคาญอย่างที่คิด
หมอโจ้ตอบคำถามอย่างตั้งใจ
“เหมือนที่มึงเลี้ยงไอ้เบ็กไง มันถึงรักมึง”
พายยิ้มน้อยๆ ให้กับทั้งหมอและตัวเอง บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวมันมีคนที่เลี้ยงมา มันคงรักคนๆ นั้นเหมือนกัน
“ถ้าผมเลี้ยงหมอ หมอก็จะรักผมเหรอ”
โจ้มองอีกคนที่พยายามเล่นเพื่อกลบความรู้สึกบางอย่าง เพราะอยู่ข้างบ้าน และเพราะเป็นเพื่อนของเพื่อน โจ้ถึงได้รู้อะไรมากกว่าสิ่งที่เพื่อนบ้านควรจะเป็น และบางทีภูมิหลังที่โชคร้ายของอีกคนทำให้หมอรู้สึกสงสารอีกคน มากกว่าจะโกรธเป็นจริงเป็นจัง
โจ้สูดกลิ่นของหญ้าเข้าปอดก่อนจะตอบ
“เวลาให้มันไม่ใช่จะได้คืนตามที่หวังทุกครั้งหรอก แต่อย่างน้อยจะต้องได้อะไรคืนมาแน่นอน”
พายเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจในทีเดียว เพราะอย่างนั้นคนเข้าใจยากอย่างเลยยกตัวอย่างขึ้นมาใหม่อีกรอบ
“ถ้าผมกอดหมอ ผมจะได้อะไร”
โจ้ที่เมื่อครู่ยังใจเย็นอยู่ถอนหายใจเฮือก
“ก็จะโดนกูกระทืบไง”
พายมองดูหมอที่ดูเหมือนจะเหนื่อยแต่ความโหดก็ยังเท่าเดิม เขาหัวเราะแบบสุดเสียงแบบที่ในชีวิตไม่ค่อยได้ทำ ทำให้รู้ว่าที่ยิ้มหรือหัวเราะอยู่บ่อยครั้งไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้จักการหัวเราะหรือยิ้มจริงๆ
พายมองหน้าหมอยิ้มๆ ...ดูเหมือนคุณพ.จะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
.
.
.
.
เป็นเพราะความดีของใบตอง วันนี้พายเลยมีโอกาสมานั่งกินข้าวที่บ้านของหมอ ก่อนที่จะกลับไปทำงานในอีกไม่กี่อาทิตย์ หมอขอใบตองมาเลี้ยงที่บ้านเพื่อสร้างความเคยชิน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งละเอียดอ่อนที่พายไม่เคยคิดถึง
เขากวาดตามองบ้านหลังนี้ที่ยังรกอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่รกเพราะหนังสืออย่างเดิม มันรกเพราะอุปกรณ์เลี้ยงหมาต่างหาก
“หมอตามใจมันมากเดี๋ยวก็เสียหมา” พายว่ากลั้วหัวเราะ
ใครอีกคนหันมามองด้วยใบหน้าดุๆ ทำให้เขานึกถึงวันที่หมอร้องไห้ วันนั้นยังชัดเจนอยู่ในความรู้สึกพายเสมอ ตัวเขาเองที่จำได้ทุกคำพูดและทุกสีในตอนนั้นหน้าของอีกคน ต่างกับหมอที่ดูเหมือนลืมไปแล้ว
“ใบตองเรามาดูหมอทำอาหารกัน” พายล้อเลียนอีกคนที่กำลังเทแกงถุง หมอแวะซื้อตอนเดินกลับมา
เท่าที่สังเกตพายเห็นหมอมักจะกินอาหารซ้ำๆ และห้องครัวบ้านหมอดูอุปกรณ์ครบครันทั้งๆ ที่หมอดูท่าจะเจียวไข่ไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ
“ใบตองดูหมอผัดผัก” พายว่าเมื่อหมอกำลังเทผัดผักลงในจานก้นแบน
โจ้ที่กำลังตั้งใจผัดผักแบบที่เขาว่า หันมาบอกให้อีกคนหุบปากด้วยสายตา แต่ใครคนนั้นกลับยิ้มร่าให้แล้วเดินเข้ามายืนข้างๆ กัน
“หมออยากกินอย่างอื่นบ้างไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมทำให้”
โจ้ผู้กินผัดผัก หมูทอด กับต้มยำร้านหน้าปากซอยบ้านมาสามอาทิตย์ติด เพิ่งรู้สึกว่าคุณพ. ข้างบ้านมีประโยชน์ก็ตอนนี้นี่เอง
“อยากกินทาโก้” โจ้พูดถึงอาหารแม็กซิกันที่มีแป้งกับซอสรสชาติแปลกๆ แต่อร่อยดี หมอเคยกินอยู่ไม่กี่ครั้งเพราะหากินยาก
คนที่อาสาจะทำให้ทำหน้าเหมือนนึกอยู่หน่อย แต่ก็พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มในที่สุด
.
.
.
.