❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 292303 ครั้ง)

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อ่านไปอ่านมา บางทีก็สงสัยนะ ว่าทำไมแฝด ถึงได้ปักจิตปักใจกับอิตาปิญขนาดนั้น ไม่เข้าใจจริงๆ จะบอกว่าสายสัมพันธ์พ่อลูกหลอ

มันเว่อร์ไป คนไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่เคยพบเจอกัน แค่เจอหน้ากันก็กระโจนเข้าใส่แบบนี้มันไม่ใช่ละ แสดงว่าการเลี้ยงดูของผิงนั้นมีปัญหาอย่างแรง

สอนลูกยังไงให้วิ่งเข้าใส่คนแปลกหน้า  ใครก็ไม่รู้แต่ลูกวิ่งเข้าใส่เค้าได้เนี่ย อันตรายนะ ไม่ใช่แค่ปิญเท่านั้น แต่รวมถึงคนอื่นๆ

แสดงว่าสองแฝดพร้อมจะไปกับใครทุกเมื่อเลยน่ะสิ เห็นมาหลายตอนแล้วถ้าผิงเป็นพ่อหรือแม่คนจริงๆบอกได้เลยว่าแย่มากๆถึงขั้นเลวร้ายเลย

จำได้เลยตอนไปเที่ยวห้าง มีอย่างที่ไหนปล่อยลูกขนาดนั้น ไม่ได้กลัวลูกหายเลยหลอ เซ๊นส์ของความเป็นพ่อแม่ไม่มีเลย

ถ้าจะเลี้ยงแล้วทำแบบนี้ยกให้อิตาปิญไปเลยดีกว่า เราว่าถ้าผิงฉลาดกว่านี้อีกสักนิดก็ไซโค ใส่ลูกไปเลยว่าอิตาปิญเนี่ยมันมาไม่ดี

มันจะมาแยกทำร้ายแม่ หรืออะไรก็ว่ากันไป นี่ไม่ทำ เอาแต่ป้องกันเด็กไว้อย่างเดียว ผิงควรจะเล่นไม้แข็งได้แล้ว ล้างสมองลูกไปเลย

สร้างความเกลียดชังให้ลูกเข้าไปเยอะ แบบให้อิตาปิญเจอหน้าลูกแล้วลูกกลัวร้องไห้ดังๆ หรือเหมือนเห็นผีไปเลย นั่นแหละดี

ไม่ใช่เอาพี่เลี้ยงมาเยอะๆๆๆๆ แบบนี้มันไม่ใช่ ควรจะสร้างภูมิคุ้มกันที่ตัวลูกตัวเองก่อน แล้วอีกอย่างจะปิดไว้ทำไมบอกพ่อแม่น่ะ

บอกไปเลย เค้าจะได้ช่วยกัน กันไม่ให้มันเข้าถึงลูกเรา นี่ก็อมวัดอมโบสถ์อยู่ได้ แถ+ใส่ความแม่งเลยสิ ให้เค้าเกลียดมันกันเข้าไป

**************************************

เราชอบพล็อตเรื่องนี้นะบอกเลย พล็อตสนุก แต่การแก้แค้นในแง่ธุรกิจแล้วโอเค อิตาปิญจิตแบบคนมีปัญหาทางครอบครัว

แต่บอกเลยเรื่องนี้มีส่วนนึงที่ทำให้เราอ่านแล้วบางทีก็เซ็งๆ คือ ตัวขนมผิงน่ะแหละ ความอ่อนหัดของขนมผิงในการเลี้ยงลูก ถือว่าแย่มาก

อย่างที่บอกไปข้างต้น เลี้ยงแบบนี้ เป็นคนจริงๆ ป่านนี้ได้ไปนั่งขอทานแล้ว   คนมันจะเกลียดกันมันควรเอาให้สุดๆ ไม่ใช่มาครึ่งๆกลางๆแบบผิง

แบบนี้มันยักเย่ยักยัน ออกแนวไปทางน่าลำคาญแบบละครหลังข่าว ตอนนี้เราหวังที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ปล.หากมีคำพูดไหนทำให้ไม่พอใจต้องขอโทษ ณ ที่นี้ด้วย เราติแรงเกินไป แต่เราหวังดีเพื่อต้องการให้ปรับปรุงในทางที่ดีขึ้น ไม่ได้ต้องการติเพื่อทำลายความมั่นใจหรือประการใด เราจะรออ่านผลงานในตอนต่อๆไปและขอเป็นกำลังใจในการพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งๆขึ้นไปกว่าเดิม  :3123:

เราเห็นด้วยค่ะ อ่านแล้วขัดมาก ไม่อยากให้ลูกดื้อบอกว่าจะโดนจับจะโดนอะไรได้ แต่ไม่อยากให้เข้าใกล้อีตานี่กลับไม่ขู่ไม่บอกอะไรลูกเลย แถมยังปล่อยเด็กไว้กับคนที่ไม่รู้เรื่องความบาดหมางอะไรเลยแบบนี้อีก

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
ในที่สุดก็รู้สักที
แต่แอบค้างนิดนึง
ขนมผิงนี่หวงลูกจนกลัวใจเลย
เครียดแทนขนมผิง

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
ขอบคุณคำแนะนำและคำติชมของทุกๆคน เป็นประโยชน์มากจริงๆค่ะ
หลายเรื่องเรามองข้ามมันไปจริงๆ ต้องขอขอบคุณมากเลยค่ะ หลายคอมเม้นเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กๆและการวางตัว
ของขนมผิง เราจะพยาพยามเก็บเอาทุกคอมเม้นไปใช้ประโยชน์เพื่อตอนต่อไปให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ดีใจมากเลยค่ะ เหมือนมีบอกอส่วนตัว(เราหลงตัวเอง?)คอยช่วยให้คำแนะนำ รู้สึกอบอุ่นจริงๆค่ะ ดีใจมาก จะว่าซึ้งใจก็ใช่เลย ปลาบปลื้มบอกไม่ถูก จะพยายามมาลงต่อบ่อยๆนะค่าาา ขอบพระคุณจริงๆค่า
 :pig4:   :pig4:   :pig4:

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ปิญญ์ถึงกับอึ้ง คงไม่คิดว่าแม่ของลูกจะทำได้สิน่ะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เดี๋ยวนะ ทิ้งลูกไว้ในงานเลี้ยงที่มีคนอื่นมาร่วมงานเต็มไปหมดกับพี่เลี้ยงที่เป็นผู้หญิง???? เป็นคนคลอดลูกมาเองจริงรึเปล่า ผิงมีปัญหาทางกระบวนการคิดอะไรหรือเปล่า รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ในงานเมื่อวันก่อนลูกก็เจอผู้ชายคนนั้นแล้วก็ไม่พอใจไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายสนิทสนม?กับผู้ชายคนนั้น รู้ว่าผู้ชายคนนั้นนิสัยยังไง ทำไมไม่มีการ์ดมาเฝ้าลูกแฝด เฮ้ยตลกอ่ะ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ชอบเนื้อเรื่องมากๆเลยค่ะ ติดตามนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z13: :z13: :z13:

หายไปนานแล้วน้าาาา อัพหน่อยๆ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เห็นเมนท์เรื่องให้ผิงสอนให้ลูกกลัว เกลียดคนแปลกหน้า
อ่านแล้วเห็นภาพเลยค่ะ
เราเป็นมนุษย์แม่นะ มีลูกหลายคน เลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่ยุโรป
ขอค้านเรื่องนี้หน่อย
การสอนให้ลูกเกลียดและกลัวคนแปลกหน้า   
ในกรณีนี้สอนลูกให้เกลียดพ่อ
อย่าผลักภาระให้ลูก อย่าเสี้ยม
คุณกำลังเลี้ยงลูกคุณให้โตมาเป็นอะไร?
คุณวาดมโนภาพโลกอะไรในสมองและความนึกคิดให้ลูกคุณ?
ทำแบบนั้นก็คือการทำลายเด็ก ยัดเยียดแนวคิดโลกร้ายๆ โลกเลวทราม
เราเวทนาเด็กที่โตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้มากๆ
เพราะว่ามันจะติดมาในระบบกระบวนการความคิดมาจนโต

ตัวละครในเรื่องนี้โดนรวมแล้วก็คือมีปัญหาที่วุฒิภาวะ
ทำให้การกระทำดูไม่สมเหตุสมผลในหลายๆตอน
คือหลายๆอย่างมันดู*เด็กๆ*ไปค่ะ

หากว่าคนเขียนไม่เคยเลี้ยงเด็กมันก็ยาก
ที่จะสามารถถ่ายทอดออกมาให้สมจริงสมจังได้
ยกตัวอย่าง ถ้าหากว่าไปซื้ออาหารที่ซุเปอร์มาร์เก็ตเอาลูกใส่ในรถเข็นเลยค่ะ
ในบางที่ๆเราอยู่จะมีรถเข็นแบบเป็นรถของเล่น Little Tikes
จับลูกให้ขับรถ 1 คน อีกคนใส่รถเข็นแล้วก็เปลี่ยนกันทีหลัง
เซ็นส์คนเป็นแม่แรงและเร็วค่ะ ลูกขยับปุ๊บหันตามทันที
ลูกสาวเราสองคนเล็ก เข้าซุเปอร์ปุ๊บคนหนึ่งวิ่งซ้าย อีกคนวิ่งขวา
เราตกลงกับสามีเลยว่าคุณดูคนนี้ ฉันจัดการคนนี้

เราถึงได้ติงเรื่องการที่เอาลูกไปงานเลี้ยงเพราะไม่สมควร
ผิงไปงานเลี้ยงได้  ส่วนลูกจ้างพี่เลี้ยงมาดูที่บ้านค่ะ 
เพราะอย่างน้อยที่สุดยังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เด็กคุ้นเคย (บ้านตัวเอง)
เอาลูกไปงานเลี้ยงบริษัทนี่แย่มากๆค่ะ  ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง
ตอนที่ไปทานไอศกรีมกับปิญญ์ - โอเคผ่านเพราะคุณยายไปด้วย

การที่เด็กไม่กลัวคนแปลกหน้านั้นเราไม่ว่ากัน
เพราะว่าเจ้าแฝดโตมาที่อังกฤษ สภาพสิ่งแวดล้อมแตกต่างจากเมืองไทย
ที่ยุโรปไม่เลี้ยงเด็กแบบเล่าเรื่องน่ากลัว  หลอกเด็กให้กลัว
เด็กโตมาในสภาพที่ Emotional Secured มีสภาพมั่นคงทางจิตใจมากๆ
อย่างลูกเราไม่กลัวผี เพราะไม่เคยสอนให้กลัวผี ผีฝรั่งเองก็น่ารัก (แคสเปอร์งี้) 
แต่อาจจะกลัวความมืดได้ เพราะฟังเพื่อนเล่าว่ามีสัตว์ประหลาดใต้เตียงงี้
ไม่กลัวคนแปลกหน้าไม่ได้หมายความว่ากระโดดใส่
อาจจะมีอาย หรือไม่อายแต่อยากรู้อยากเห็นได้

พล็อตเรื่องคุณสนุกนะ
คุณเลือกได้ว่าจะเขียนให้มีเหตุผล สมจริงสมจัง
หรือจะเขียนแค่เอาให้อ่านสนุกๆเฉยๆ
ถ้าคุณเลือกอย่างแรก
งานหนักค่ะ   แต่คุณมีทางก้าวหน้าพัฒนาในอนาคต
ในฐานะนักเขียน
เราชอบที่เล้านี่อย่างหนึ่งที่ต่างจากที่อื่น
ก็คือมีคนอ่านให้ฟีดแบ็คเต็มที่
ซึ่งอ่านๆมามีประโยชน์หลายจุดสำหรับการสะท้อนมุมมองคนอ่าน

ออฟไลน์ onekiss

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกคร้าาาาาาาา
แต่อย่าหายไปนานนะมาต่อไวๆนะคร้าาาา
 :hao3: :hao3: :hao3:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
14 ลักพาตัว

 

              “วันนี้ผมไม่เขาบริษัทนะคุณทัพ ผมวางรายชื่อพร้อมกับราคาเสนอซื้อเอาไว้บนโต๊ะไว้ให้คุณแล้ว คุณช่วยตรวจสอบความถูกต้องให้ผมด้วยก็แล้วกัน วันนี้ผมจะพาเด็กๆออกไปกินข้าวข้างนอก ยังไงก็ฝากด้วยล่ะ”ขนมผิงกรอกเสียงลงไปในมือถือเครื่องใหม่

              ขนมผิงใช้เวลาอีกครู่หนึ่งในการฝากฝังงานกับแทนทัพก่อนจะวางสายไป

              ในระหว่างที่กำลังก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย หูก็ได้ยินเสียงเด็กๆพากันวิ่งเล่นสนุกสนานแต่เช้าพาลให้อดยิ้มไม่ได้กับความร่าเริงที่ทำให้เขาลืมเรื่องชวนปวดหัวได้พักใหญ่

              นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ยิ้ม

              “ปะป๊า”

              “ปะป๊า”

              สองลูกหมูที่วิ่งซนแต่เช้าชะงักเมื่อเห็นเขา ตาคู่กลมของทั้งคู่จ้องมองมาที่เขาด้วยความสงสัยพลางเอียงคอจ้องมองเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะว่าเขากำลังอยู่ในชุดลำลองต่างออกไปจากทุกที

               “ว่าไงครับเด็กดื้อ วิ่งเล่นกันแต่เช้าเชียว”

              ขนมผิงเดินเข้าไปหาก่อนจะลูบหัวสองลูกหมูตัวแสบที่พากันทำหน้างง พอเห็นแบบนั้นก็นึกรู้สึกผิดขึ้นมาที่มัวแต่เอาเวลาไปทำงานจนลืมให้ความสำคัญกับลูกๆ จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกันจนได้

              “กิมไม่ดื้อฮับ”

              “หลิ่มก็ไม่ดื้อ”

              หัวกลมๆส่ายไปมา ริมฝีปากเล็กแข่งกันยิ้มอวดเหงือกสีสดน่าเอ็นดู

              “ทำไมปะป๊าไม่ใส่ชุดทำงานล่ะฮับ”

              “ปะป๊าใส่ชุดอยู่บ้าน”สลิ่มกระพริบตาปริบๆ

              “วันนี้ปะป๊าว่าจะพาเด็กดีไปเที่ยว ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีเด็กดีอยู่บ้างรึเปล่านะ”ขนมผิงแสร้งทำเป็นมองซ้ายมองขวา

              พอได้ยินดังนั้นเด็กๆก็ตาลุกวาวกระโดดดีใจกันยกใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ลำดวนเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นเพื่อมาตามดูเด็กๆอยู่พอดี

              “ไม่ดื้อเลยฮับ”

              “ไม่ดื้ออออฮ๊าบบบบ”

              “จริงรึเปล่า”

              “จริงฮับ ไม่เชื่อลองถามคุนยายดูก็ด้ายฮับว่ากิมกับน้องหลิ่มไม่ดื้อ”

              “ถ้าไม่ดื้อวันนี้ปะป๊าจะพาไปกินไอติมดีไหมนะ แล้วก็พาไปซื้อของเล่นใหม่ด้วย แต่ก่อนอื่นต้องกินข้าวเช้าก่อน โอเคไหมครับ”

              “โอเคฮับ/โอเคฮับ”ตอบกันพร้อมเพรียง

              ขนมผิงยิ้มอย่างมีความสุขพลางหันไปยิ้มให้กับผู้เป็นมารดาที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล

              ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่ควรเอาความแค้นมาเป็นตัวตั้งทำให้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวที่เขา

 

              --------------------------------------------------------------------

 

              ในห้องนั่งเล่นที่เดิมทีวุ่นวายอยู่แล้วยิ่งวุ่นวายมากกว่าเก่า ดูท่าสองลูกหมีจะเพิ่มดีกรีความแสบมากขึ้นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะได้กินไอติมแสนอร่อยกับได้ของเล่นใหม่ที่รอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ

               “แม่แน่ใจนะครับว่าไม่ไปด้วยกัน”

              “ไปกันเถอะ อีกเดี๋ยวแม่จะพาพ่อออกไปนวดแผนโบราณสักหน่อย เห็นพ่อเขาบอกปวดแข้งปวดขา”

              “งั้นผิงไปนะครับ”

              “จ๊ะ ขับรถดีดีนะ แล้วอย่าตามใจเด็กๆมากไปล่ะ”

              “ครับ”

              ขนมผิงตอบรับก่อนจะจัดการอุ้มเอาเด็กๆนั่งลงยังคาร์ซีทเบาะหลัง จัดการรัดเข็มขัดเรียบร้อยก่อนจะขับรถออกไป

              เขาพาเด็กๆแวะมากินไอศกรีมอย่างที่สัญญาเอาไว้ ต่อด้วยการซื้อของเล่นใหม่ที่เด็กๆดูจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ กว่าที่จะเลือกของเล่นใหม่ได้ลงตัวเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเย็น

              อีกแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น

              อีกแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นที่เขาจะต้องพาเด็กๆไปหาคนคนนั้น บอกไม่ได้เลยว่าตอนนี้ความระแวงที่มีอยู่ในใจมันมีเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน ทั้งที่ไม่ได้อยากไปเจอกับอีกฝ่ายเลยสักนิด แต่ขนมผิงก็ต้องไปอย่างจำใจเมื่อปิญญ์ชานนท์นั้นหยิบยกไพ่ที่มีแต้มเหนือกว่าขึ้นมาข่มขู่

             

              รถเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งและจอดลงหน้าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่เกือบด้านในสุด

              “ปะป๊ามาที่นี่ทำไมฮับ”เป็นคนพี่ที่มองซ้ายมองขวาด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น         

              “ปะป๊ามาหาคนรู้จักครับ แต่ใช้เวลาไม่นานหรอก”เขาหันไปตอบเจ้าตัวเล็กด้านหลัง

              ตอนนี้มือป้อมกำลังผลัดกันลูบคลำของเล่นใหม่ด้วยความตื่นเต้นเลยไม่ค่อยได้สนใจเท่าไรว่าสีหน้าของขนมผิงนั้นจะแย่แค่ไหน

              เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกให้ขนมผิงเงยหยิบมันขึ้นมารับเมื่อปลายสายคือคนที่เขาคาดเอาไว้

              “ผมมาถึงแล้ว”กรอกเสียงลงไปด้วยท่าทีนิ่งสงบ

              ‘ฉันอยู่ในรถ ข้างหลังนาย’

              “แล้วยังไงต่อ คุณจะให้ผมทำอะไร”

              ขนมผิงเปิดประเด็นโดยไม่รีรอ เพราะเขาไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก

              ‘พาเด็กๆลงมาจากรถสิ’

              “ไม่มีทาง!! คุณต้องการอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าคุณปิญญ์ ผมไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้”

              ‘นายไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อรองได้ พาเด็กๆลงมาจากรถของนาย แล้วก็ล็อกรถให้เรียบร้อย’

              “ทำไมผมต้อง..”

              แต่ยังไม่ทันจะได้แย้งปิญญ์ชานนท์ก็ตัดสายไปเสียก่อน

              ความกดดันที่มีเริ่มทวีความรุนแรง ขนมผิงเองก็ไม่มีทางเลือกเมื่อยังไม่รู้ถึงเจตนาของปิญญ์ชานนท์ และอีกอย่าง เขาไม่ต้องการที่จะแสดงท่าทีอันอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น ตอนนี้มีเพียงคำถามแค่ว่า ปิญญ์ชานนท์ต้องการอะไร?

              “ไปไหนฮับปะป๊า”ปลากริมเงยหน้าถามเมื่อเขาเปิดประตูรถด้านหลัง

              “ทำธุระนิดหน่อยครับเดี่ยวก็เสร็จครับ”เขาตอบลูกไป

              “ฮับ”คนพี่พยักหน้า

              “ฮับ”คนน้องตอบรับเบาๆ

              มือผอมปลดสายเข็มขัดของคาร์ซีทแล้วอุ้มเอาเด็กๆลงมายืนรอด้านข้างของตัวรถ

              ขนมผิงจ้องมองไปยังรถติดฟิล์มทึบที่จอดชิดอยู่ทางด้านหลัง ตาคู่สวยจ้องมองร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองดูไม่คุ้นตายืนพิงรถรอเขาด้วยท่าทีสบายใจ

              นัยน์ตาของปิญญ์ชานนท์ดูจะพึงพอใจมากเมื่อขนมผิงทำตามที่เขาสั่ง ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอย่างอารมณืดีต่างจากที่เคยเป็น

              “คุนยุงงงงง”

              “คุณยุงปิน”

              แทบจะทันทีที่สองแฝดหันไปเห็นชายหนุ่ม เล็กเล็กๆพากันร้องเรียกอีกฝ่ายอย่างดีใจที่ได้เจอ

              “ว่าธุระของคุณมาสิ”

              ไม่พูดเปล่า แต่ขนมผิงคว้าเอาเด็กๆที่กำลังพากันปรี่เข้าหาปิญญ์ชานนท์ให้หยุดและหลบเอาไว้ข้างหลัง

              ถ้าทำได้เขาก็อยากที่จะเอาเด็กๆไปซ่อนให้รอดพ้นจากสายตาคู่นี้ของปิญญ์ชานนท์ด้วยซ้ำ!!

               “ขึ้นรถสิ”ใบหน้าคมคายหยักหน้าไปที่รถ

              ซึ่งนั่นทำให้ขนมผิงชะงักกับคำสั่งของอีกฝ่าย

              “ผมกับเด็กๆจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”บอกออกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ

              เดาไม่ถูกเลยว่าปิญญ์ชานนท์กำลังเล่นตลกอะไรกันแน่

              “จะไปไหนกันเหรอฮับ”คนพี่เงยหน้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็นอีกเช่นเคย

              “ไม่ครับ เราจะไม่ไปไหน”

              “ฉันจะพาพวกเธอไปกินของอร่อย อยากไปไหมล่ะ”ปิญญ์ชานนท์ยิ้มให้เด็กๆ

              แต่รอยยิ้มนั้นมันเรียกให้ก้อนเนื้อในอกของขนมผิงไหววูบเมื่อมันช่างแตกต่างจากยิ้มที่เขาได้เคยเจอมา

              ทำไมจู่ๆรอยยิ้มของปิญญ์ชานนท์ถึงได้เปลี่ยนไปกันนะ

              “กิมอยากไปฮับ”

              “อยากไปๆ หลิ่มไปด้วย”

              เขาควรจะเสียใจดีไหมที่สอนให้เด็กๆเป็นคนที่เชื่อฟังและเข้ากับคนอื่นๆได้ง่ายๆ

              “งั้นก็ขึ้นรถสิ ฉันเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดอะไรซ้ำ หวังว่านายคงจะคิดได้นะ”

              “ก็ได้ แต่ผมให้เวลาคุณแค่สองชั่วโมง เด็กๆต้องพักผ่อน”ขนมผิงต่อรอง

              แต่ทันทีที่ปิญญ์ชานนท์เปิดประตูด้านหลังของตัวรถ คาร์ซีทอันใหม่เอี่ยมถูกติดตั้งเข้ากับเบาะรถด้านหลังเป็นอย่างดี นั่นทำให้ขนมผิงหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจและไม่ไว้ใจในคราวเดียว

              “นายรีบไม่ใช่รึไง”

              คำพูดคล้ายกับจะเร่งของปิญญ์ชานนท์ทำให้ขนมผิงตัดใจละความสนใจจากคาร์ซีทอันใหม่เอี่ยม แล้วหันมาอุ้มปลากริมขึ้นไปนั่งในคาร์ซีทตัวในก่อน กลิ่นของใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานนั้นยิ่งทำให้ขนมผิงระแวงมากกว่าเก่า

              แต่พอเขาหันกลับมาใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายก็ห่างจากใบหน้าของเขาเพียงแค่คืบ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าลงมารดใบหน้าชวนให้อึดอัด ปิญญ์ชานนท์อุ้มสลิ่มเอาไว้เตรียมจะส่งให้กับเขา แต่ด้วยอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจจะวัดระยะได้ว่าใบหน้านั้นเคลื่อนใกล้เข้ามามากกว่าเดิมแค่ไหน ปลายจมูกโด่งแตะลงที่จมูกของเขาเบาๆ

              “เย้ๆ ไปเที่ยวกัน”

              เสียงแหลมเล็กร้องขึ้นอย่างดีใจเรียกให้ขนมผิงผงะ ผละใบหน้าออกมาแล้วเบี่ยงตัวหลบ

              ปิญญ์ชานน์เองก็เช่นกัน ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกระแอมเสียงเบาแล้วเบือนหน้าหนี ส่งเจ้าตัวเล็กให้กับขนมผิงเพื่อที่จะจัดแจงนั่งลงยังคาร์ซีทอีกตัว

              “ส่วนนายมานั่งข้างหน้ากับฉัน”

              ปิญญ์ชานนท์สั่งดักทางเอาไว้เมื่อขนมผิงทำท่าจะไปนั่งที่เบาะด้านหลังกับเด็กๆ สั่งเสร็จก็เปิดประตูฝั่งคนขั้บขึ้นไปนั่ง

              ขนมผิงไม่รู้ว่าตัวเองนั้นตาฝาดไปรึเปล่ากับสิ่งที่เห็น หรือว่าเขาจะคิดไปเองที่เห็นใบหน้าดูเย่อหยิ่งนั้นแดงเรื่อง มันอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศแสงสลัวยามเย็นก็ได้ที่ทำให้เขามองภาพตรงหน้าเป็นราวกับสิ่งลวงตา           

              “เราจะไปกินไอติมกันใช่ไหมฮับ”คนพี่เงยหน้าจากหุ่นยนต์ในมือขึ้นมามองคุณลุง

              “ไม่ครับ เมื่อตอนบ่ายเรากินไอติมกันไปแล้ว ถ้ากินอีกจะกลายเป็นเด็กอ้วนไม่น่ารักครับ”เป็นขนมผิงที่ดักทางเสียก่อน

              “ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ ก็แค่กินไม่เยอะก็พอใช่ไหมล่ะ”ปิญญ์ชานนท์พอเห็นดังนั้นก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนจะหันไปถามความเห็นสองแสบที่พากันยิ้มฝันหวานกับของหวานรสอร่อย

              “อย่ามาสอนสิ่งที่ไม่ดีให้กับลูกผมนะ”

              “แค่กินไอศกรีมสองครั้งภายในวันเนี่ยน่ะที่นายบอกว่าไม่ดี หึ”ปิญญ์ชานนท์แค่นหัวเราะ

              และนั่นทำให้ขนมผิงรู้สึกรางกับถูกล้อเลียน จะเอ่ยปากต่อว่าก็กระไรอยู่เมื่อเด็กๆกำลังจ้องมองมายังเบาะหลัง เขาไม่อยากให้บทสนทนาที่ไม่ดีกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กๆ

 

              รถครอบครัวคันใหญ่เลี้ยวมาจอดหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นแถบชานเมืองเมื่อบรรยากาศเริ่มตกสู่ความมืด ซึ่งมันไกลจากหมู่บ้านที่ขนมผิงจอดรถทิ้งอาไว้พอสมควร

              “ทำไมต้องมากันไกลขนาดนี้”ถามพลางคิ้วเรียวขมวดมุ่น

              หันหน้าไปมองเด็กๆก็พบว่ายังคงมีท่าทีตื่นเต้นไม่หายกับการมาด้วยกันกับชายหนุ่มครั้งนี้

               “แล้วทำไมนายจะต้องถามฉันแทบทุกเรื่อง”ปิญญ์ชานนท์ตอบกลับ และไม่รอให้ถามไถ่อะไรไปมากกว่านี้ ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถโดยไม่รีรอ

              “ไม่ต้อง!! ลูกผมผมทำเองได้”ขนมผิงร้องห้ามแทบจะทันทีที่ปิญญ์ชานนท์เปิดประตูหลังเพื่อที่จะปลดเอาเข็มขัดของคาร์ซีทออกให้เด็กๆ

              “แล้วนายจะไม่ลงมารึไง”

              ปิญญ์ชานนท์ส่ายหน้าราวกับกำลังเหนื่อยใจ บนหน้าผากมีเหงื่อผุดซึมเล็กน้อยผิดสังเกตทั้งที่อากาศภายในรถก็เย็นกำลังดี แต่นั่นมันก็เรื่องของปิญญ์ชานนท์ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

              ขนมผิงลงจากรถเพื่อที่จะมาจัดการกับเด็กๆ ทว่าพอลงจากรถมาแล้ว หันไปอีกทีปิญญ์ชานนท์ก็อุ้มลูกคนเล็กของเขาเดินนำเข้าไปในร้านโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ

              อะไรของปิญญ์ชานนท์กันนะ!!

              จากอารมณ์หวงแหนกลายเป็นไม่เข้าใจเอาเสียดื้อๆ ขนมผิงไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายเลยสักนิด

              “ปะป๊า น้องหลิ่มไปแล้ว ปะป๊าช้า”

              เสียงต่อว่าของลูกคนโตเรียกให้ขนมผิงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะละสายตาจากแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย

             

              พอเดินเข้ามาในร้านพนักงานก็พาให้เขาเดินตามไปยังห้องส่วนตัวที่เป็นฉากกั้น ดูท่าปิญญ์ชานนท์ยังคงเป็นพวกไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่นไม่เปลี่ยน

              ขนมผิงทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะรองฝั่งตรงข้ามกับร่างสูงก่อนจะจับเอาแฝดคนพี่นั่งลงข้างๆ ตาคู่สวยจ้องมองตัวแสบคนน้องนั่งบนตักของปิญญ์ชานนท์พลางจิ้มนิ้วลงบนเมนูอย่างสนุกสนาน

              ดูท่าความคิดที่ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบสุงสิงกับใครจะถูกขัดแย้งเล็กน้อยเมื่อปิญญ์ชานนท์นั้นดูไม่มีทีท่าว่าจะรำคาญกับเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆเลย ซ้ำยังมีรอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากอีกด้วย

               “นายรออะไรอยู่ล่ะ ทำไมไม่สั่ง”ไม่พูดเปล่า แต่หันมาเหยียดยิ้มให้ขนมผิงได้ขมวดคิ้วใส่

              “สลิ่มมาหาป๊าครับ”

              ขนมผิงเรียกให้ลูกคนเล็กที่นั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มไปหาตน เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นจากเมนูพลางเอียงคอเล็กน้อยราวกับกำลังตัดสินใจว่าระหว่างนั่งอยู่บนตักนิ่มๆกับนั่งข้างขนมผิง อะไรจะดีกว่ากัน

              “เธออยู่กับฉันนี่แหละ”ปิญญ์ชานนท์ก้มกระซิบข้างหูเล็กเบาๆ

              แขนแข็งแรงโอบเอาร่างจ้ำม่ำบนตักเอาไว้ราวกับต้องการที่จะกักกันไม่ให้ลุกไปไหน แต่นั่นมันก็แค่ในสายตาขอองขนมผิงเมื่อหัวทุยๆพิงเข้าที่แผงอกของชายหนุ่มแล้วถูเบาๆราวกับชอบใจที่ถูกกอด

              ขนมผิงแทบอยากจะลุกไปดึงอาลูกคนเล็กออกมาจากอกของฝั่งตรงข้าม หากแต่ท่าทีที่ไม่พอใจของเขาอาจจะทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจจึงได้แสร้งทำเป็นนิ่งเฉย ทำได้แต่จ้องมองไม่วางตาแทน

              ดูท่าว่าปิญญ์ชานนท์จะเอาเด็กๆมาเป็นไม้กันหมาสินะ!!

              “รีบสั่งสิ จะรออะไรล่ะ”ปิญญ์ชานนท์บอกย้ำ

              ขนมผิงเหลือบตามองอีกฝ่าย จ้องมองใบหน้าของลูกชายคนเล็กกับปิญญ์ชานนท์สลับกัน ใบหน้าที่คล้ายกันราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน

              พ่อกับลูก…ยังไงขนมผิงก็ลบล้างความเป็นจริงข้อนี้ไม่ได้เลย

 

              จนอาหารมากมายยกมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะให้สองแสบตาลุกวาวกับของกินตรงหน้า ปากเล็กๆเคี้ยวหาการกินตุ้ยๆจนแก้มตุ่ย การได้มองใบหน้าที่ดูมีความสุขจากการกินนั้นทำให้ขนมผิงเผลอยิ้มและลืมเรื่องที่กำลังกังวลไปเสียสนิท

              และดูท่าว่าอาหารมากมายที่อยู่เบื้องหน้าจะตกลงไปอยู่ในท้องของเด็กๆมากกว่าท้องของผู้ใหญ่ เพราะขนมผิงมัวแต่ป้อนให้กับปลากริมสลับกับมองท่าทีของปิญญ์ชานนท์

              “กินดีดีสิ มันเลอะปาก”น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนเรียกให้ขนมผิงชะงักมือ

              ตาคู่โศกจ้องมองภาพของพ่อเช็ดคราบซอสมุมที่เลอะแก้มให้ลูก ขนมผิงจ้องมองภาพนั้นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง

              “นายไม่กินรึไง”

              “นั่นมันไม่เกี่ยวกับคุณ”

              คำตอบขอบขนมผิงทำให้ปิญญ์ชานนท์ไหวไหล่แล้วกินต่อ

              “ทีนี้คุณจะเอาไฟล์วีดีโอพวกนั้นมาให้ผมได้รึยัง”ในที่สุดก็ทนความอึดอัดไม่ได้และถามออกไป

              “อย่าพูดตอนกิน มันเป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับเด็กๆนายก็น่าจะรู้”

              สิ่งที่ปิญญ์ชานนท์ตอกกลับมาทำให้ขนมผิงแทบหน้าชา ใบหน้านิ่งเฉยจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง แต่ก็ได้รอยยิ้มยียวนเป็นการตอบกลับ คิ้วหนาเลิกขึ้นมาราวกับกำลังถามเขาว่ามีปัญหาอะไร ขนมผิงถึงได้กลืนคำต่อว่าที่จะพูดลงคอแล้วหันไปป้อนซูชิให้กับปลากริมแทน

               “ปะป๊าเอาอันนั้นฮับ”ปลากริมชี้

              “หลิ่มก็เอาอันนั้นฮับคุณยุงปิน”สลิ่มที่นั่งบนตักปิญญ์ชานนท์ชี้บ้าง

              มือใหญ่เอื้อมไปตักอาหารที่ถูกชี้ให้กับเด็กน้อยโดยไม่รีรอ มันน่าแปลกที่ปิญญ์ชานนท์จะทำตามคำสั่งคนอื่นอย่างว่าง่ายแบบนี้ มันน่าแปลกจนเริ่มไม่ไว้ใจ

 

              -------------------------------------------------

 

              กว่าที่จะจบมื้ออาหารอันน่าอึดอัดนาฬิกาก็บอกเวลาเกือบจะสองทุ่ม เด็กๆที่พากันกินจนพุงกางก็ผล็อยหลับอยู่ที่เบาะหลัง

              รถเลี้ยวเข้ามาในปั๊มน้ำมันแล้วจอดลงหน้าร้านกาแฟที่อยู่ในปั๊ม

              “คุณจะเอาไฟล์ภาพกับไฟล์วีดีโอให้ผมเมื่อไรกัน นี่มันเลยสองชั่วโมงมาแล้วนะ”

              “ก็ฉันไม่รีบนี่ นายรอไม่ได้รึไง”พูดจบก็เดินลงไปจากรถ

              ทิ้งให้ขนมผิงได้มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปในร้านกาแฟ พักใหญ่ถึงจะกลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟเย็นและนมเย็นอย่างละแก้วในมือ

              และแก้วนมเย็นก็ถูกส่งมาข้างหน้า ขนมผิงส่ายหน้าไม่ยอมรับและมองมันด้วยความไม่ไว้วางใจ

              “นายกลัวว่าฉันจะวางยารึไง”

              คำว่ากลัวทำให้ขนมผิงเชิดหน้าขึ้นแล้วรับแก้วนมเย็นเอาไว้

              “ผมไม่คิดจะกลัวคนอย่างคุณหรอกนะ”

              “หึหึ”

              เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับแสยะยิ้มคล้ายดูถูกยั่วให้ขนมผิงเกิดถือทิฐิแล้วยกแก้วนมเย็นสีหวานขึ้นมาดูดอึกใหญ่

              “พอใจรึยัง ทีนี้ก็บอกสิ่งที่คุณต้องการมา แล้วเอารูปพวกนั้นมาให้ผมให้หมด ผมไม่อยากพูดซ้ำแล้วนะ”

              นี่มันค่อนข้างจะเกินเวลาที่ขนมผิงคาดเอาไว้มาก มันดูยืดเยื้อและไม่มีเป้าหมายเอาเสียเลยจนขนมผิงเริ่มคิดแล้วว่าการะเสียเวลาครั้งนี้มันจะเสียเปล่า อีกอย่างเด็กๆก็พากันหลับไปแล้วเพราะความเพลียที่เดินเล่นมาทั้งวัน

              และดูเหมือนว่าคำพูดของขนมผิงนั้นจะไม่ได้เข้าหูของอีกฝ่ายเลยเมื่อริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะวางแก้วกาแฟไว้บนคอนโทรลรถ ใบหน้าคมคายเปื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มเข้ามาใกล้

              มันเร็วมากจนขนมผิงนึกอะไรไม่ออก จมูกโด่งเฉียดเขามาใกล้จนเกือบจะชิด ตาคู่คมกริบจ้องมองมายังในตาของเขาชวนให้อึดอัด ความใกล้ชิดทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงมาบนใบหน้า ในขณะที่ขนมผิงยังคงนิ่งไม่ไหวติงเมื่อปลายจมูกของอีกฝ่ายนั้นอยู่ใกล้เสียจนเขาไม่กล้าขยับ เพราะถ้าหากขยับเพียงนิดเดียวจมูกของอีกฝ่ายก็จะแตะลงมาบนแก้มของเขาอย่างพอดิบพอดี

              ก้อนเนื้อในอกของขนมผิงเต้นโครมครามอย่างไม่เคยเป็น ตาคู่สวยจ้องมองริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้ม แต่มันก็สุดอยู่แค่นั้น ที่จมูกนั้นอยู่ใกล้และเป่ารดลมหายใจลงมาบนใบหน้าของเขา

              ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เขาสบตาเข้ากับตาคู่ดุของอีกฝ่าย อาจจะชั่วอึดใจหรือไม่ก็นานพักใหญ่ แต่เท่าที่รู้ก็คือเปลือตาของเขาเริ่มรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทำให้ต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อที่จะฝืนมันเอาไว้

              ทำไมกันนะ?

              จู่ๆก็รู้สึกง่วงขึ้นมา รู้ตัวอีกทีจมูกโด่งก็ลากเฉียดแก้มไปทำเอาใจผมกระตุกวูบ ใบหน้าคมคายค่อยๆถอยห่างออกไป

              สิ่งที่ขนมผิงเห็นในตอนนี้มันเริ่มเลือนลาง มีเพียงรอยยิ้มดูพอใจเท่านั้นที่เขาเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสติจะเลือนหายไป

 

              ------------------------------------------------------
มีต่อ



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:23:16 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
จะว่ายังไงดี สมน้ำหน้า คุณปิญญ์ค่ะ น่าจะโดนมากกว่านี้ เอะอะก็ใช้กำลังไม่มีความเป็นผู้นำเลย ไม่มีความเยือกเย็นที่จะควบคุมสติและอารมณ์ของตัวเองเลยแย่มากๆ แล้วยังงี้จะควบคุมลูกน้องทั้งบริษัทได้ยังไง ในเมื่อยังคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แบบนี้

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
เห็นเมนท์เรื่องให้ผิงสอนให้ลูกกลัว เกลียดคนแปลกหน้า
อ่านแล้วเห็นภาพเลยค่ะ
เราเป็นมนุษย์แม่นะ มีลูกหลายคน เลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่ยุโรป
ขอค้านเรื่องนี้หน่อย
การสอนให้ลูกเกลียดและกลัวคนแปลกหน้า   
ในกรณีนี้สอนลูกให้เกลียดพ่อ
อย่าผลักภาระให้ลูก อย่าเสี้ยม
คุณกำลังเลี้ยงลูกคุณให้โตมาเป็นอะไร?
คุณวาดมโนภาพโลกอะไรในสมองและความนึกคิดให้ลูกคุณ?
ทำแบบนั้นก็คือการทำลายเด็ก ยัดเยียดแนวคิดโลกร้ายๆ โลกเลวทราม
เราเวทนาเด็กที่โตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้มากๆ
เพราะว่ามันจะติดมาในระบบกระบวนการความคิดมาจนโต

ขอค้าน คุณ Freja นิดนึงนะ

คือเราไม่ได้ต้องการที่จะสื่อให้ผิงสอนว่าต้องกลัวสังคมต้องเกลียดคนแปลกหน้าทุกคนนะ หากแต่ต้องการให้ผิงระบุเจาะจงไปเลยว่า ปิญคืออะไรทำไมไม่ให้เข้าใกล้ เราชื่อว่าเด็กๆทุกคนจะมีคำสอนในหัวติดตัวเสมอคือ ให้ระวังคนแปลกหน้า หากแต่ไม่ได้สอนให้กลัวคนแปลกหน้า  แต่สำหรับเราแล้ว ตอนเด็กๆเราจะมีคำสอนอีกคำเพิ่มเข้ามาคือ ให้ระวังคนนั้นไว้ ให้ระวังคนนี้ไว้

เราก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไม เค้าก็จะอธิบายมาว่าเพราะอะไรยังไง ตอนนั้นก็งงๆนะ บางทีก็ไปเล่นกับคนนั้นไม่รู้ตัวหรอก แต่พอโตมาเข้าใจว่าเค้าคือใครอะไรยังไง เราก็เข้าใจพ่อแม่มากขึ้น

เหมือนกันกับแฝด ไม่ได้ต้องการให้กลัวทุกคน หากแต่ระบุเจาะจงไปเลยว่าควรจะกลัวปิญ เพราะอะไรยังไงก็ว่าไป เราว่ามันเป็นการป้องกันแบบนึง ยิ่งคนที่มีความคิดไม่ปกติแบบปิญด้วยแล้ว ต่อให้เป็นพ่อก็ควรจะกันให้ออกห่าง ทุกคนเป็นพ่อได้ แต่การทำหน้าที่ของคำว่าพ่อนั้นต้องแยกออกจากกัน พ่อที่ให้กำเนิด อาจไม่ใช่พ่อที่ดีสำหรับลูกก็ได้

ปล.ในส่วนที่เรายกมือ คือส่วนที่เราขอแย้ง ส่วนที่เหลือที่ไม่ยกมา คือส่วนที่เราเห็นด้วย  :pig4:

มาตอนนี้เราเห็นว่า สมน้ำหน้าปิญ คนที่มีความคิดแบบนนี้ต้องโดนหนัก ถึงจะรูัสึกตัวสักที

ปล.คนเขียนสู้ๆจร้า ไม่ได้ว่าอะไรมากหากแต่หวังจะได้เห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นไป สู้ๆจร้า

ปล.2 ที่ผิงใช้จัดการปิญเนี่ยเครื่องช็อตไฟฟ้าใช่มั้ย อ่านตอนแรกคิดว่าปืนอ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 22:18:48 โดย yymomo »

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ตกลงปิญญ์โมโหอะไรเนี่ยยยย

เจ็บตัวอีกแล้วขนมผิง :mew2:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ตอนแรกอ่านเพราะชอบนิสัยนายเอก

ที่เด็ดเดี่ยวสู้คน

แต่...มาอ่านถึงตอนนี้กลับไม่ค่อยปลื้มเท่าไร

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
สมน้ำหน้าอิตาพระเอกมาก. เป็นตัวร้ายเหอะ ชิส์หมั่นไส้

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
 :katai1: หาอีโมตัวที่เบะปากไม่มี
ปิญญ์เอ๋ย   ยิ่งอ่านยิ่งไม่ปลื้ม 
จะอะไรกันนักหนา?
ชอบทำร้ายร่างกาย ดูถูกคนอื่นด้วยคำพูดต่ำๆตลอดเลย
มีปมด้อยมากๆเลยนะนี่ เพราะว่าดูเหมือนปิญญ์ไม่มีคุณสมบัติดีๆเลย
ถึงได้เป็นคนแบบนี้
คนเขียนควรระวังนิดนะคะ
คือตอนบิวท์บุคลิกตัวละครนี่มันมันส์ค่ะ
แต่ระวังมันจะหาที่ลงหรือตอนสะสางปมแล้วมันจะไม่ลงตัว(พระเอกชั่วเกิน)
แต่ถ้าปิญญ์ไม่ใช่พระเอกก็โอเคนะ

ระวังบทพูดนิดนะคะ  เห็นหลายครั้งแล้วว่าพูดออกมาซ้ำๆกันบ่อย
เหมือนเป็นคำพูดติดปากเช่น
อ้างถึง
จะมากไปแล้วนะ  เอามาให้ผมนะ
คือมันดูย้ำคิดย้ำทำไปนิด

คุณ  yymomo

ขอโทษค่ะ เราอาจจะอ่านเมนท์ผิดไป   คือเห็นมีการโควทกันอยู่
มันมีข้อแตกต่างในเรื่องของการสอนกับการเสี้ยม
เด็กๆที่เราอยู่นั้นจะมีการพูดคุย สอนถึงหลายๆเรื่อง
รวมทั้งเรื่องที่เป็นเรื่องที่น่ากลัว
เหมือนกับสอนถึงเรื่องผู้ก่อการร้ายแต่ออกแนวอ่อนๆ
ไม่ได้ให้เด็กกลัว  แต่ให้เด็กรับรู้และระวังตัว
เรื่องปิญญ์นี่เห็นด้วยว่าควรเตือน
เช่นว่าในกรณีในอนาคตว่าลุงคนนี้อาจจะอยากพาเข้าแฝดไปจากแม่
ซึ่งถ้าไปแล้วจะไม่ได้เจอแม่อีก (ก็น่าจะจริง)
แบบนี้สมควรสอน+เตือนมากๆ
ที่ไม่เห็นด้วยก็คือการบอกลูกว่าคนๆนี้เป็นคนเลว
อย่าไปใกล้นะ บลา บลา บลา
เพราะว่าไม่ใช่ปัญหาของเด็ก
แม่บางคนเสี้ยมลูกให้เกลียดพ่อที่ทิ้งไปแบบผิดๆ
เด็กจริงๆแล้วฉลาดมากค่ะ  โดยเฉพาะอยุ่กับแม่มาไม่มีทางเข้าข้างพ่อหรอก
ไม่ควรเสี้ยม ไม่ควรโกหก  แต่บอกง่ายๆว่าอะไรเป็นอะไร

หยา...ขอโทษค่ะ นี่กลายเป็นกระทู้ถกเรื่องลุกไปแล้ว

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
สมน้ำหน้าอิปิญญ์
โดนซะหลับไปเลย
หยาบคาย รุนแรง ปากก็เมียๆ

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ปิญญ์ ป่วยทางจิตหรือเปล่าคะ แต่ละซีนที่โผล่ออกมาเนี่ยะ อารมณ์เหวี่ยงไม่ปกติซักรอบ สงสัยว่าEQ ต่ำอย่างนี้บริหารธุรกิจใหญ่โตได้อย่างไร
เราเบื่อผู้ชายที่ปากจัดด่าคนอื่นว่าร่าน แต่ก็ตามตอแยไม่เลิก เคยนอนกันไม่กี่ครั้ง(ซึ่งก็ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจ)แต่ก็ชอบยัดเยียดสถานะผัวเมียให้..... มันดูเป็นคาแรคเตอร์ราคาถูกมากค่ะ -_-"
เรื่องลูกส่วนตัวไม่เคยเลี้ยงเด็ก  แต่ถ้าผิงคิดจะทำการใหญ่มีการแก้แค้นมีอันตรายรอบตัว สมควรกันเด็กออกไปห่างๆค่ะไปฝากบ้านใหญ่ก็ได้ ไม่ควรมาอยู่กันแค่นี้ เพราะผิงดูแลตัวเองก็ยากเต็มกลืนแล้ว มีเด็กอีกสองคนจะห่วงหน้าพะวงหลังซะเปล่าๆ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
พาร์ทของเด็ก อยากให้ทั้งปินส์และผิงแสดงออกถึงความเป็นพ่อกับแม่มากๆค่ะ เหมือนอ่าน Mpeg ก็เพราะความน่ารักของเด็ก ของครอบครัวด้วย ส่วนพาร์ทอื่นสนุกดีแล้วค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
โอ๊ย ติดลบครั้งที่ร้อยล้านๆๆๆๆ อิปิญญ์
อยากรู้จังพ่อมันสอนอะไรมา ถึงได้มองคนอื่น
เหมือนเป็นเชื้อโรค เป็นสัตว์ชั้นต่ำ ขนาดนี้

อีปิญญ์ อีพ่อปิญญ์ :katai1: :katai1: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ต่อ
 

              แสงแดดอ่อนๆส่งผ่านผ้าม่านโปร่งแสงที่กำลังปลิวไสวเข้ามาภายในห้อง เสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่งลอยเข้ามาในหูปลุกให้เจ้าของร่างสูงโปร่งที่กำลังหลับใหลค่อยๆลืมตาขึ้นมามองเพดานห้องสีขาวสะอาด

              ที่นี่ที่ไหน?       

              ขนมผิงขมวดคิ้วให้กับเพดานห้องสีขาวไม่คุ้นตา เปลือกตาของเขามันหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเด็กๆแล้วก็คุณปิญญ์

              แล้วลูกๆของเขาล่ะ!!

              เพียงคิดได้แค่นั้นก็ผลุดลุกขึ้นมาจากเตียงทันที เสียงเอะอะก้านนอกทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่น ลุกขึ้นมาเปิดประตูห้องนอนที่ถูกแง้มเอาไว้

              และทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ห้องนั่งเล่นขนาดพอดีก็ปรากฏสู่สายตา มองเห็นโซฟาตัวยาวตั้งอยู่กลางห้อง รอบด้านเป็นกระจกใสทำให้มองออกไปเห็นท้องทะเลสีฟ้าครามไกลสุดลูกหูลูกตา

              นี่มันอะไรกัน!! แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

              “ปะป๊าตื่นแล้ว”

              “เย้ ปะป๊า”

              พอสองลูกหมูตัวแสบเงยหน้าขึ้นมาจากกองของเล่นก็พากันเรียก เมื่อขนมผิงเดินเข้าไปใกล้ก็พบกับร่างสูงนอนทอดกายไปตามแนวยาวของโซฟาพลางจ้องมองรายการทีวีเบื้องหน้า

              “นึกว่านายจะไม่ตื่นแล้วเชียว”พูดราวกับหยอกล้อ

              แต่ขนมผิงกลับไม่สนุกด้วยเลย

              “นี่มันอะไรกัน!! ผมกับเด็กๆมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ปลากริม สลิ่ม  มาหาปะป๊า”

              ขนมผิงเรียกให้ลูกๆเข้าไปหาก่อนจะจับมือของทั้งคู่เอาไว้แน่น ความเป็นแม่ของเขาสั่งให้เขากันตัวเด็กๆเอาไว้จากอีกฝ่ายที่กำลังยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาด้วยท่าทีสบายใจ

              ลองสังเกตดูดีดีแล้วปลากริมกับสลิ่มไม่ได้ใส่เสื้อผ้าชุดเดิมเช่นเดียวกับเขา เวลานี้ร่างสูงโปร่งกับสวมใส่ชุดนอนตัวหลวมที่คาดว่าน่าจะเป็นของอีกฝ่าย

              อย่าบอกนะว่าปิญญ์ชานนท์เป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเขา!!

              “ปะป๊าเป็นอะไรเหรอฮับ”

              “คุณลุงบอกว่าปะป๊าไม่ฉะบาย”สลิ่มเงยหน้าขึ้นมาถามบ้าง

              “ใช่แล้ว ป๊าของพวกเธอไม่ค่อยสบายสักเท่าไร”ปิญญ์ชานนท์เสริม

              “งั้นพวกเราก็เข้าใกล้ปะป๊าไม่ได้สิฮับ เดี๋ยวจะติดแล้วไม่ฉะบายเหมือนปะป๊า”ปลากริมบอก ใบหน้ากลมมุ่ยหน้ามองมาที่ขนมผิงพลางเอียงคอมอง

              “คุณพาผมกับเด็กๆมาที่นี่ทำไมกัน!!”

              “นายอยากจะให้ฉันพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเด็กๆไหมล่ะ”ตอบพลางไหวไหล่

              “ก็ได้ ปลากริม สลิ่ม เล่นกันไปก่อนนะครับ เดี๋ยวปะป๊าไปคุยกับคุณลุง ห้ามออกไปไหนนะครับ ตกลงไหม”ขนมผิงก้มบอกเด็กๆ

 

              ขนมผิงเดินนำอีกฝ่ายเข้ามาในห้องนอนก่อนจะหันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยแววตาไม่พอใจ

              “คุณบ้าไปแล้วรึไง คุณต้องการอะไรกันแน่!! เอาไฟล์วีดีโอมา แล้วก็พาผมกับเด็กๆกลับไปเดี๋ยวนี้”

              “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากนายสักหน่อย”ปิญญ์ชานนท์เดินผ่านเขาไปนั่งลงบนเตียง

              “งั้นคุณก็ลบรูปพวกนั้นทิ้งซะสิ แล้วพาผมกับเด็กๆกลับบ้าน”

              ท่าทีสบายใจของปิญญ์ชานนท์ทำให้ขนมผิงโมโหจนแทบบ้า ทั้งโมโห ทั้งหงุดหงิดในคราวเดียวกัน

              “ยังกลับไม่ได้ ยังไม่ใช่ตอนนี้”

              “หมายความว่ายังไง!! ก็ได้…ถ้าคุณไม่พาผมกับเด็กๆกลับไป ผมกับเด็กๆจะไปเองก็ได้”ไม่รีรอขนมผิงก็หันหลังเตรยมเดินออกมาจากห้องนั้นทันที

              “เปล่าประโยชน์ ถ้านายคิดว่านายไปได้ก็ลองดูสิ”

              “หมายความว่าไง”ขนมผิงชะงักเท้า

              “ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว จะไม่มีเรือมาที่นี่จนกว่าจะครบอาทิตย์ ไง นายคิดว่าคนอย่างนายจะเก่งกาจจนสามารถออกไปจากเกาะนี้ได้ไหมล่ะนายคิดว่าตัวเองเก่งพอจะพาเด็กๆไปจากที่นี่ได้รึเปล่าล่ะ”ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้ม

              “คุณทำแบบนี้ทำไม”

              “ทำไมฉันต้องบอกเหตุผลให้คนอย่างนายฟังด้วยล่ะ”

              พูดจบก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ ขนมผิงไม่คิดที่จะถอยหนีเมื่อไม่ต้องการให้ดูเหมือนเป็นฝ่ายแพ้ ใบหน้าคมนิ่งเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ

              ปิญญ์ชานนท์ก็คือปิญญ์ชานนท์อยู่วันยังค่ำ ทั้งที่คิดว่าบางส่วนนั้นเปลี่ยนไปแต่มันกลับไม่ใช่เลย ในเมื่ออีกฝ่ายนั้นไม่เลือกแม้แต่วิธีการ

              นี่มันเป็นการลักพาตัวกันชัดๆ!!

              “คุณมันโรคจิต”

              “นั่นมันแล้วแต่นายจะคิด”

              ร่างสูงของปิญญ์ชานนท์ยังคงสาวเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆอย่างใจเย็น และนั่นก็ทำให้ขนมผิงผงะถอยหลังไปครึ่งก้าวเมื่ออีกฝ่ายเดินมาใกล้จนเกือบชิด

              ฝ่ามือร้อนผ่าวราวกับเปลวเพลิงวางลงมาบนผิวแก้มของขนมผิงอย่างเบามือ ราวกับเป็นหารหยอกเย้าเมื่อปลายนิ้วค่อยๆละเลียดลากผ่านไปมา

              “หึ ผมรู้แล้ว”ขนมผิงเหยียดยิ้ม

              “นายรู้อะไร?”

              หรือว่า….คุณจะหลงเสน่ห์ผมเหมือนคนอื่นขึ้นมาแล้วล่ะ”

              ขนมผิงจงใจที่จะพูดจายียวนเพื่อกวนอารมณืให้อีกฝ่ายโมโหแล้วผละออก เพราะว่าเขารู้ดีว่าปิญญ์ชานนท์เกลียดในตัวตนของเขาในแบบที่คิด

              “อย่าเอาฉันไปรวมกับคนพวกนั้น!!”

              แต่แทนที่จะผละออก ทันทีที่เสียงตวาดห้วนดังก้อง ร่างสูงโปร่งก็ลอยหวือลงไปบนเตียง ตามด้วยร่างสูงใหญ่คร่อมทับเอาไว้

              ขนมผิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อข้อมือข้างหนึ่งถูกบีบเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ

              “คุณจะทำอะไร!! อย่ามาแตะตัวผมนะ”

              การกระทำเช่นนี้ทำให้ภาพต่างๆเมื่อสี่ปีก่อนลอยเข้ามาในหัว เพียงแค่คิดร่างกายมันก็รู้สึกชาราวกับถูกน้ำเย็นซัดสาด มันเป็นความเลวร้ายที่ยากจะลืมเลือน แต่ไม่ว่าพยายามจะลืมมันมากเท่าไรความทรงจำมันยิ่งเด่นชัดมากเท่านั้น

              ขนมผิงปัดมืออีกข้างที่ยื่นเข้ามาใกล้ออกแรงจนเกิดเสียงดัง ปิญญ์ชานนท์ไม่ได้ตอบโต้แต่ก็คว้าข้อมืออีกข้างของเขาเอาไว้แล้วรวบตรึงเอาไว้ด้วยมือเดียว

              ขนมผิงพยายามที่จะดิ้นจากพันธนาการที่ไม่เต็มใจในครั้งนี้ แต่นิ่งดิ้นร่างข้างบนก็ยิ่งโถมทับ แน่นอนอยู่แล้วว่าเรี่ยวแรงของเขาไม่สามารถสู้ปิญญ์ชานนท์ได้เลย และยิ่งทำให้ขนมผิงดิ้นแรงกว่าเก่าเมื่อชายเสื้อนอนถูกเลิกขึ้นมาจนสูงถึงอกเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบ

              “คุณบ้าไปแล้วรึไง!! อย่าคิดว่าผมจะยอมเหมือนเมื่อสี่ปีที่แล้วนะ”

              “อยู่เฉยๆ”

              ไม่เพียงไม่ฟัง แต่ออกแรงกดร่างของขนมผิงมากกว่าเก่า ตาคู่คมกริบทอดมองบนเรือนร่างขาวสะอาดของอีกฝ่ายไม่ว่างตาเมื่อเสื้อที่ปกปิดร่างกายถูกเลิกออก

              การที่ถูกมองด้วยตาคู่นั้นอย่างสำรวจทำให้ขนมผิงรู้สึกร้อนราวกับถูกเปลวไฟสุมอยู่รอบตัวทั้งที่ความเป็นจริงนั้นอากาศภายในห้องนั้นเย็นจัด

              ที่มากไปกว่านั้นก็คือกางเกงนอนขอบยางยืดถูกดึงให้ร่นลงไปทำให้ขนมผิงยิ่งออกแรงดิ้นหนักจนมือข้างหนึ่งหลุดออกมาจากการจับกุมได้ แต่นั่นมันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยที่จะคว้ากางเกงแล้วยื้อแย่งสู้กับแรงของปิญญ์ชานนท์ กางเกงนอนเนื้อดีถูกดึงรั้งจนแทบฉีก

              “ปล่อยสิ ไอ้คนโรคจิต!”

              ในที่สุดกางเกงนอนก็ถูกดึงจนร่นกำลงไปกองหมิ่นเหม่อยู่ด้านล่างของสะโพก เผยให้เห็นไรขนอ่อนที่ขึ้นอยู่เหนือส่วนลับน่าหวาดเสียว

              จากตาที่จ้องมองอย่างสำรวจตอนนี้ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และด้วยอะไรก็แล้วแต่ ปิญญ์ชานนท์หยุดนิ่งชะงักราวกับเห็นผี ฝ่ามือร้อนราบกับเหล็กถูกนาบไฟร้อนๆทาบลงมาบนผิวท้อง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนขนมผิงตั้งตัวไม่ทันเมื่อฝ่ามือนั้นกำลังลูบอยู่บนรอยแผลเป็นที่ทำให้เขาลืมไม่ลง รอยแผลเป็นที่ไม่ต่างอะไรกับตราบาปที่ตีลงมา

              ขนมผิงไม่เคยลืมเลยว่าครั้งหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่น่ารักทั้งสองชีวิตเคยอยู่ข้างในร่างกายของเขา

              “เจ็ดวัน”จู่ๆปิญญ์ชานนท์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฉันต้องการให้นายกับลูกอยู่ที่นี่อีกแค่เจ็ดวันโดยที่ไม่ต่อต้านฉัน หลังจากนั้นฉันจะลบรูปและวีดีโอทิ้งตามที่นายต้องการ”

              ขนมผิงชะงักกับข้อต่อรองที่ยื่นมาโดยไม่ทันตั้งตัว

              “เจ็ดวันมันมากเกินไป”

              “หึ!! ยังไงนายก็ออกจากเกาะนี้ไม่ได้อยู่แล้ว กว่าเรือจะมารับก็อีกเจ็ดวัน นายต่อรองไม่ได้หรอก”พูดจบปิญญ์ชานนท์ก็ลุกอออกไป

              ทิ้งให้ขนมผิงมองตามด้วยความไม่เข้าใจกับอารมณ์แปรปรวนของอีกฝ่าย แผลจากการผ่าตัดยังคงสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

              ทั้งที่เขาพยายามที่อยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย แต่ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกราวกับว่าถูกฉุดดึงให้กลับมาอยู่ในจุดๆเดิม

              และเจ็ดวันที่รอเขาอยู่ข้างหน้าล่ะ ขนมผิงไม่อยากจะคิดเลย เพราะเขากลัวที่จะสูญเสียในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป

 

              ------------------------------------------------
มีต่อ


ต่อ
 

              ทั้งโทรศัพท์และของอื่นๆที่ติดตัวมาปิญญ์ชานนท์ริบเอาของเขาไปเก็บไว้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เครื่องช็อตไฟฟ้าอันเล็กที่เขาพกติดตัวมาด้วย

              มือผอมทุบลงบนไปบนเตียงด้วยความเจ็บใจ เจ็บใจที่ไม่สามารถเอาชนะความรู้สึกสับสนที่เกิดขึ้นได้เลย

 

              หลังจากที่นั่งเจ็บใจกับการกระทำของอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ ขนมผิงตัดสินใจเดินออกมาจากห้องนอนและมองไปยังร่างสูงบนโซฟา โดยที่มีเจ้าตัวอ้วนทั้งสองนั่งเบียดกันอยู่บนตัก และกำลังดูการ์ตูนที่ฉายอยู่บนจอทีวี

              “นายจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม”

              เสียงเรียกทำให้ขนมผิงจ้องมองหน้าของอีกฝ่าย ทำไมกันนะเด็กๆถึงได้ชอบที่จะเข้าใกล้นักนะ

              “เรื่องของผม”

              “แต่ฉันหิวข้าว ในตู้เย็นมีของสดอยู่นายจะทำอะไรก็ทำ”

              “แล้วทำไมผมต้องทำ”ถามออกไปเสียงห้วน

              “ถ้านายไม่ทำนายกับลูกจะกินอะไร”

              มันจะไม่อะไรถ้าปิญญ์ชานนท์ไม่เอาลูกมาอ้างอยู่เรื่อย

              “จะกินอะไร!!”

              “ไม่รู้สิ แล้วพวกเธออยากกินอะไรล่ะ”เจ้าของคำถามก้มลงไปถามปลากริมและสลิ่ม

              “ข้าวต้มกุ้งฮับ กิมอยากกินกุ้ง”

              “หลิ่มก็อยากกินกุ้งฮับ”

              ดูเหมือนเด็กๆจะไม่ทุกไม่ร้อนเลยกับการที่ต้องมาติดเกาะในที่แบบนี้ เอาแต่พากันยิ้มแก้มปริอย่างอารมณ์ดี

              “งั้นก็ตามนั้น นายได้ยินใช่ไหมขนมผิง ลูกอยากกินข้าวต้มกุ้ง”หันมายกยิ้มเจ้าเล่ห์

 

              ---------------------------------------------------

              ขนมผิงเดินเข้ามาในครัวด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก นอกจากท่าทางสนิทสนมแล้ว ดูเหมือนว่าเด็กๆยังพากันติดปิญญ์ชานนท์แจ ซ้ำปิญญ์ชานนท์ถือดีมาสั่งให้เขาทำอาหารเช้าให้กิน อีกฝ่ายคิดจะใช้เขาเป็นคนรับใช้ในช่วงเจ็ดวันนี้สินะ

              มือผอมเปิดตู้เย็นออกอย่างแรงราวกับต้องการจะระบายอารมณ์ ค่อนข้างจะแปลกใจเมื่อพบว่าในตู้เย็นมีของสดอัดอยู่จนแน่น อีกทั้งข้าวของอุปกรณ์เครื่องปรุงที่ยังไม่ได้ผ่านการใช้งานอีก

              ในระหว่างที่เตรียมเครื่องปรุง หม้อข้าวต้มบนเตาก็เริ่มเดือดส่งควันกรุ่น ระหว่างที่รอสมองก็หวนกลับไปคิดถึงเรื่องที่ยังคงค้างคาอีกครั้ง ทำไมคนที่คิดแต่จะดูถูกคนอย่างปิญญ์ชานนท์ถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไป แล้วอีกอย่างคนที่เห็นแต่เรื่องผลประโยชน์เป็นหลักอย่างปิญญ์ชานนท์ ด้วยไพ่ใบที่มีอยู่ตอนนี้ทำไมถึงไม่คิดจะแลกมันกับเงินกันนะ

              สำหรับขนมผิงแล้วสิ่งที่ปิญญ์ชานนท์ขอแลกเขาถือว่ามันมากเกินไป มันมากเกินไปที่เขาจะต้องมาทนอยู่กับคนที่แสนจะเกลียดชัง แล้วยิ่งอยู่โดยมีเด็กๆเป็นตัวคั่นกลางด้วยแบบนี้ มีแต่เขาคนเดียวที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

              “ข้าวต้มมันจะล้นหม้ออยู่แล้ว นายคิดจะเหม่ออะไรของนาย”เสียงทุ้มดังข้างหูขึ้นทำให้ขนมผิงสะดุ้งหลุดจากภวังค์

              “คุณเข้ามาทำไม”

              รู้ตัวอีกทีปิญญ์ชานนท์ก็ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังของเขาเสียแล้ว

              “โอ๊ะ!!”

              เมื่อเห็นว่าข้าวต้มกำลังจะล้นอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆจึงรีบหันไปปิดเตา อารมตกใจทำให้มือปัดไปโดนหม้อร้อนฉ่าจนต้องรีบชักมือออกมาด้วยความแสบร้อน

              “ทำบ้าอะไรของนาย!!”เสียงกึ่งตวาด

              มือผอมถูกดึงด้วยมือของอีกฝ่ายให้เดินตามไปที่อ่างล้างจานอย่างรวดเร็ว น้ำเย็นถูกเปิดให้ไหลรดลงมาล้างมือที่ถูกลวก

              “ปล่อยมือผมน่า!! มันไม่ตายหรอกแค่นี่”ขนมผิงชักมือกลับ ตั้งรับไม่ถูกเลยกับการกระทำของอีกฝ่าย

              “อ้อลืมไป ว่านายมันหนังหนา”อีกฝ่ายพูดประชด

              “ถ้าคุณจะเข้ามาต่อว่าผมล่ะก็ ออกไปนั่งทำตัวไร้ประโยชน์ข้างนอกดีกว่า มันเกะกะ”

              “หึ ฉันก็แค่มาดู ว่าถึงไหนแล้ว”ปิญญ์ชานนท์บอกพลางขยับเข้ามาใกล้

              “อีกเดี่ยวก็เสร็จแล้ว คุณรีบออกไปสักทีมันเกะกะ ไม่เข้าใจรึไง”

              “หวังว่านายคงไม่ได้ใส่ยาพิษให้ฉันกินหรอกนะ”

              “ผมไม่ได้คิดสกปรกเหมือนคุณนี่”

              “งั้นก็ดี ฉันไม่อยากจะตายยกครัวพ่อแม่ลูกหรอกนะ”ประโยคนี้ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเบาโหวงจนขนมผิงได้ยินไม่ชัด

              “คุณพูดว่าอะไรนะ”

              “เปล่านี่ ฉันแค่พูดกับตัวเอง รีบทำให้เสร็จๆได้แล้ว เด็กๆรอกินข้าวอยู่”

              พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้ขนมผิงได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้าง ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกสักทีกับจุดประสงค์ในการที่พาเขากับเด็กๆมาอยู่ที่นี่ถึงเจ็ดวัน

 

              -----------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:23:55 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ใช่ค่ะ กิจการใหญ่ๆไม่ใช่ว่าจะล้มภายในวันสองวัน
แต่การที่ปิญญ์จะทำจนกิจการล้มนั้นต่อให้โง่ขนาดไหนก็ต้องอาศัยหลายอย่างค่ะ
กิจการอาจจะไม่ล้มแต่น่าจะเสี่ยงกับการถูกเทคโอเวอร์มากกว่า
ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าผิงจะเก่งมากไปกว่าปิญญ์สักเท่าไหร่
ที่ผิงทำได้ตอนนี้ก็คือแค่อาศัยที่ปิญญ์ชล่าใจ, ใจมัวแต่พะวงกับเรื่องอื่น
มาตอนนี้ก็มีสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง
ที่เมนท์มานี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ปิญญ์เรียนรู้หรือพลาดอะไร
แต่แค่จะเมนท์ว่ากิจการใหญ่ๆที่ดำเนินมาได้กันนั้น
ไม่ใช่เพราะโชคช่วยแต่เพียงอย่างเดียว

ปิญญ์ก็ยังเลวเหมือนเดิม
แต่ละอย่างที่คิด  น่ารังเกียจแบบนี้
อยากรู้ตรรกะการคิดของคนแบบนี้จังเลยว่ามองชีวิต
มองโลกด้วยสายตาแบบไหน?

ไม่รู้ว่ามีลับลมคมในอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนรุ่นก่อนอีก
แฟลชไดรฟ์นั้นเป็นความลับบริษัทหรือเปล่านะ?

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ยังรอ ความพินาศความสูญเสีย ของปิญนะ รอวันเจ็บปวดบ้าง อยากให้ลูกเกลียดมันด้วย มันจะได้รู้ว่าการที่เราโดนไล่ ผลักไส มันเป็นยังไง อยากให้เหลือแค่ตัว เป็นหมาตัวนึง เลวมากคิดแต่เรื่องเลวๆ ไอ้ปิญ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คนที่คิดแบบนี้ไม่น่าจะเป็นผู้นำได้เลย คิดแต่ในทางแง่ลบตลอดเลย แย่จริง

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เปิดดูผลเซ้.. ทำไมไม่เปิด  :katai1:

เปิดแล้วปรับปรุงตัวด้วยนะ :seng2ped:

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
อีปิญญ์ทำไทมแกไม่เปิดผลตรวจดูล่ะว้าาาาา
บทจะหว่าวก็หว่าวเกิ๊นนนน
อีบร้านี่ แล้วเมื่อรัยจะรู้สักทีว่าเปนลูกตัวเอง

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
เฮ้อ..ต่างคนต่างเอาแต่โทษคนอื่น

ทำไมไม่ดูการกระทำของตัวเองบ้าง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด