"ดาว" สมุทรตะโกนเรียกจากด้านนอก เมฆถอดรองเท้า เดินเข้าบ้านไปก่อน
"กลับมาแล้วฮะ" เมฆพูดบอกคนในบ้าน น้ำเสียงเบา ๆ ไม่ตะโกนอย่างกับมันเอาไว้พูดกับตัวเองอะไรทำนองนั้น
"นี่" ผมเรียกสมุทรไว้ อีกฝ่ายหันกลับมามอง
"เอ่อ..อย่าบอกยายนายได้ไหมว่าที่จริงฉันเป็นใคร" ผมพูดออกไปตรง ๆ สมุทรอมยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ซื่อนัก ผมถึงกับต้องเปลี่ยนสายตาในการมองหน้าเขาในทันที ผมคิดว่ายายของสมุทรคงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี รู้ว่าทำไมลุงยอดถึงตาย รู้ว่าทำไมทุกคนถึงต้องจากบ้านหลังนี้ไปและจำเป็นต้องทิ้งยายไว้ที่นี่ อยู่กับค่ายมวยศรไกร รู้ว่าทำไมสมุทรและน้องถึงได้กลับมา เธอคงรู้ทุกอย่าง
"ทำไมครับ ละอายใจเหรอ" สมุทรว่ากลับ ผมเหสายตาหนีอย่างเหนื่อยหน่าย
"ที่จริงน่ะ นายเป็นคนปากจัด..รู้ตัวไว้ซะด้วย" ผมว่าเหน็บเสียงเข้ม สมุทรยักไหล่คล้ายยอมรับ เราสองคนหันไปเมื่อประตูบ้านเปิดออก ดาวออกมาต้อนรับ ดูเธอจะตกใจไม่น้อยที่เห็นหน้าผม
"ดาว นี่คุณไฟ..เป็นเจ้านายของพี่" สมุทรแนะนำรวบรัด ดาวยกมือไหว้ผมด้วยสีหน้าสงสัยไม่เลิก
"สวัสดีค่ะ" เธอยิ้มน้อย ๆ ผมยกมือรับไหว้
"สวัสดีครับ" ผมตอบ เราสามคนยืนประชันหน้ากันครู่หนึ่ง
"เดี๋ยวดาวเอาน้ำมาให้นะคะ" ดาวยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไป สมุทรและผมหันมามองหน้ากัน
"เข้าไปในบ้านก่อนไหม แต่จะร้อนหน่อยนะครับ" สมุทรพูดด้วยท่าทางเกรงใจผม ดูเขามีความกังวลเล็ก ๆ สมุทรเข้าไปถอดรองเท้าแล้วเปิดประตูนำเข้าไปก่อน เขายืนรอผมอยู่ที่ปากประตู ผมเดินตามเข้าไปอย่างรู้สึกประหม่าไม่ได้ ในบ้านค่อนข้างมืดเพราะเปิดไฟแค่ดวงเดียว คงเพราะแสงจากพระอาทิตย์ทางด้านนอกยังคงให้ความสว่างได้อยู่บ้าง
"ยาย" สมุทรเข้าไปช่วยประคองยายที่เพิ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังบ้าน เธอมองมาที่ผมและยิ้มให้ รอยยิ้มอ่อนโยน ให้อารมณ์คล้ายกับคนที่กำลังประคองเธออยู่ไม่มีผิด
"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้
"สวัสดีจ้ะ" เธอพยายามจะยกมือพนมไหว้ผมกลับ
"เอ..พ่อหนุ่มนี่ ยายเคยเจอรึเปล่านะ" ยายมองหน้าและเดินไปนั่งที่แหย่งไม้ตัวใหญ่
"นั่งก่อนสิ" สมุทรบอก ผมหันไปมองเห็นเก้าอี้อยู่ใกล้ ๆ จึงนั่งเลยทันทีอย่างกับกลัวโดนแย่ง ก็นี่มันใกล้มือใกล้เท้าที่สุดแล้ว สถานที่ ๆ ไม่ใช่บ้านของตัวเองก็รู้สึกแปลก ๆ ไปหมดนั่นแหละ
"พี่คนที่พายายไปโรงพยาบาลไง" ดาวยิ้มเสียงใส เธอเดินออกมาพร้อมกับนำขันน้ำขนาดกลาง ดาวนำมันมาวางตรงหน้าผม ผมมองสำรวจ ในนั้นมีดอกมะลิและดูท่าจะใส่อุทัยทิพย์เข้าไปด้วย
เวรละ..กูเกลียดอุทัยทิพย์ที่สุด "อ๋อ! ยายนึกออกแล้ว ขอบคุณมากนะลูกนะ" ยายยิ้มกว้างทำท่าดีใจจนผมตกใจ
"แล้วเป็นยังไงมายังไงละลูก" เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"เค้าเป็นเจ้านายสมุทรนะ" สมุทรก้มลงบอกเธอใกล้ ๆ
"เจ้านาย..คนใหม่ที่หนูว่าน่ะรึ" ยายถามอีก
"ครับ" สมุทรพยักหน้า เมฆเดินออกมา มันถอดถุงเท้าเรียบร้อยแล้วและเดินมานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับผมแต่ก็ทิ้งระยะห่างของเก้าอี้ที่ตนนั่งไว้ประมาณเกือบเมตรได้
"ขอบคุณมากนะจ๊ะ ถ้าไม่ได้หนูยายคงแย่ อากาศมันร้อนจริง ๆ" ยายบ่นอุบอิบ ผมยิ้มน้อย ๆ
"ยังไง..วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ" เธอยิ้มชวน ผมเหลือบมองสมุทรเพื่อขอความคิดเห็น อีกฝ่ายทำหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอีกตามเคย ผมว่าที่จริงเขากำลังกวนผมเล่นอยู่แน่
"อยู่ด้วยกันนะคะ หนูกำลังทำกับข้าวอยู่พอดี" ดาวยิ้มบอกอยู่ห่าง ๆ
"ครับ" ผมผงกหัวรับคำชวน
"เดี๋ยว ๆ งั้นยายไปทำกับข้าวก่อนนะ" ยายพูดเสียงแหบพร่า นำมือเท้าลงบนแหย่งเพื่อพยายามที่จะดันตัวเองขึ้นยืน สมุทรรีบเข้าไปช่วยพยุงให้ยายลุกขึ้นได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
"มีอะไรที่กินไม่ได้ไหมลูก" ยายหันมาถาม
"กินได้หมดครับ" ผมรีบตอบอย่างเกรงใจ
"ดี ๆ เดี๋ยวยายทอดปลาซิวให้กินนะ..กระดูกจะได้แข็งแรง" ยายยิ้มชอบใจ เดินช้า ๆ มีดาวประคองไปด้วย ทั้งสองเดินเข้าไปที่ด้านหลังบ้านที่ดาวเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นี้ ตอนนี้จึงเหลือแค่ผม สมุทรและเมฆ
"ผมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" สมุทรบอก ผมพยักหน้าตอบ อีกฝ่ายเดินขึ้นบ้านไป ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับไอ้เด็กมืดมนนี่สองคนเท่านั้น
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงนำวางไว้บนโต๊ะ เมฆหยิบสมุดการบ้านจากกระเป๋าเป้ออกมาวาง ก้มหน้าก้มตาจัดของ ๆ ตัวเองไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ ผมนั่งมองสำรวจไปรอบ ๆ ตัวบ้าน ความกว้างของบ้านลึกยาวไปตามลักษณะของตึกพาณิชย์ทั่ว ๆ ไป มุ้งลวดที่สะอาดแปลกตาจึงไม่ทำให้ตึกเก่า ๆ นี้ไม่ดูไม่น่าอยู่อย่างที่ควรจะเป็น แสงอาทิตย์ให้ความสว่างอ่อน ๆ ประตูด้านนอกปิดไว้ครึ่งหนึ่งคงเอาไว้กันแดดที่สามารถส่องเข้ามาได้เต็ม ๆ ถัดจากโต๊ะไม้ขนาดสองเมตรคูณสองเมตรนี้ เป็นแหย่งไม้สักซึ่งน่าจะเป็นขอโบราณนมนาน โทรทัศน์ขนาดสิบหกนิ้วโดยประมาณพร้อมกับเครื่องเสียงเล็ก ๆ รุ่นเก่า นอกนั้นเป็นชั้นวางหนังสือ ถัดไปทางด้านหลังมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเก่า ๆ วางอยู่ซึ่งคงจะเป็นโต๊ะทำงานไปในตัวด้วย แม้บ้านจะดูเก่าทรุดโทรมแต่ถือว่าค่อนข้างสะอาดมาก ไร้หยากไย่ ไร้ฝุ่น ทุกอย่างจัดวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย และโดยภาพรวมแล้วบ้านนี้ตกแต่งแบบปล่อยให้บ้านดูโล่ง เหมือนจงใจไม่ให้มีอะไรมาทำให้เกะกะหรือสกปรก
ผมเอื้อมมือไปที่โต๊ะเล็ก ๆ ที่วางอยู่ด้านข้างติดผนัง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงนำมือลูบไปที่โต๊ะนั่นเพื่อต้องการให้แน่ใจว่ามีฝุ่นหรือไม่ แต่เมื่อนำมือมาดูก็ไม่พบว่าฝุ่นจะติดมือตัวเองแต่อย่างใด ด้านล่างข้าง ๆ กันนั้นมีรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านวางอยู่ด้วย
"เฮย มืดมน..นี่ผ้าขี้ริ้วเหรอ" ผมเรียก ชี้มือไปที่ผ้าขาวสะอาดตาที่วางอยู่ข้าง ๆ กับโทรศัพท์ เมฆเงยหน้ามองตามมือผมและพยักหน้าตอบ จากที่ผมพบมา น้อยครอบครัวมากที่ในบ้านจะมีผ้าขี้ริ้วที่สะอาดเท่า ๆ กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ นอกจากบ้านของผมแล้วผมก็แทบไม่เจอบ้านใครที่มีผ้าขี้ริ้วที่สะอาดจนแขกที่มาเยี่ยมบ้านตกใจ และถามว่า "นี่ผ้าขี้ริ้วบ้านมึงแน่เหรอ!" เพราะขาวสะอาดหมดจดตามที่พายุต้องการ
"ซื้อขนมหน่อยจ้า!" เสียงแว่วดังมาจากด้านนอก ผมชะงัก ชะโงกหน้าออกไปดูพร้อมกับเมฆก็เห็นลูกค้ามายืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว เธอพยายามมองเข้ามาด้านในบ้าน ผมลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร อยู่ ๆ ก็เกิดอาการงง ๆ นี่ผมควรออกไปตักขายเองหรือว่าเรียกคนบนบ้านดี ผมไม่กล้าตะโกนเรียกเพราะในบ้านเงียบมาก อยู่กันแบบเงียบสงบจนผมไม่แน่ใจว่าควรเรียกในโทนเสียงแบบไหน
"..........." ผมเหลือบมองไปที่เมฆที่เงยหน้ามองหน้าผมอยู่เหมือนอีกฝ่ายก็รอการตัดสินใจจากผมด้วยเช่นกัน
"ให้ฉันตักงั้นเหรอ ยกหม้อกลับไปเลยง่ายกว่านะ" ผมชี้หน้าตัวเองว่าเมฆ เพราะสีหน้าของมันเหมือนคาดหวังผมอย่างนั้น
"เรียกพี่ชายนายสิ" ผมสั่ง ใช้เด็กนี่ละ..ทางออกที่ง่ายที่สุด เมฆนั่งเงียบไปครู่ ลูกค้าด้านนอกยังคงส่งเสียงเรียกอยู่ไม่หยุดเช่นกัน
"พี่สมุทร" เมฆหันไปตะโกนเรียก แต่เป็นการตะโกนที่เบาและฟังดูไร้เรี่ยวแรงมากสำหรับผม
"ดัง ๆ สิ ให้มันหนักแน่นหน่อย" ผมสั่งอีกครั้ง
"พี่สมุทร!!!" เมฆรวบรวมพลังตะโกนอีกครั้งตามที่สั่ง มันหลับตาปี๋เลย สงสัยนั่นสุดเสียงที่มีแล้ว
"ครับ ๆ มาแล้ว ๆ" สมุทรขานรับ เสียงฝีเท้าวิ่งลงมาจากบนบ้านมาอย่างรวดเร็ว
"ครับ" สมุทรมองหน้าผมอย่างสงสัย
"มีลูกค้า" ผมและเมฆพูดพร้อมกันและชี้นิ้วไปที่หน้าบ้านประกอบด้วย
"หึ" สมุทรหลุดหัวเราะคล้ายโล่งอก
"มีอะไรรึเปล่าคะ!" ดาวตะโกนถามออกมาจากครัวอย่างสงสัย เสียงดังกังวานมาก ๆ
"เปล่า ๆ" สมุทรตะโกนตอบ
"ก็พูดเสียงดังกันได้นี่หว่า" ผมพึมพำคนเดียว สมุทรรีบออกไปหน้าบ้าน ผมกลับมานั่งที่เดิม
".........." ความเงียบระหว่างผมกับเมฆก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผมเหลือบมองว่าเด็กนี่กำลังทำอะไร เขาวางสมุดโดยกางอยู่หน้าเดิมและจ้องไม่ขยับอยู่อย่างนั้นอยู่นานจนเกือบห้านาทีได้แล้ว ผมแอบดูว่านั่นเป็นการบ้านเป็นวิชาอะไร พบว่ามันคือคณิตศาสตร์ วิชาที่ผมคิดว่าเด็กเก้าสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะเกลียดเข้าไส้
"ช่วยไหม" ผมถามขึ้นลอย ๆ ห้วน ๆ ไม่มองหน้า หลังจากนั้นเราต่างเงียบเหมือนเดิม ผมมองเหล่สายตาไป เห็นเมฆเหลือบสายตามามองผมเหมือนต้องการอ่านสีหน้าของผมเช่นกัน อีกฝ่ายเลื่อนสมุดมาทางผมช้า ๆ คงเป็นการส่งสัญญาณของการอนุญาตให้ช่วย ผมจึงหยิบมาดู
"นี่การบ้านเด็กป.3 เหรอ!" ผมขมวดคิ้วบ่นทันที พลิกหนังสือเรียนดูอีกครั้งว่าใช่สำหรับการเรียนการสอนของเด็กประถมศึกษาปีที่ 3 แน่หรือไม่ ตัวเลขบวกลบหลักหมื่นที่อาจดูธรรมดาสำหรับคนโตแต่ผมกลับคิดว่า ถ้าให้ไอ้รุ่งหรือไอ้เด่นมาเห็นตัวเลขบวกลบหลักหมื่นละก็ มันได้มียกนิ้วเท้าขึ้นมาช่วยกันนับเป็นแน่ หรือไม่ก็คงหยิบโทรศัพท์มากดคิดเลขแทนเพื่อความรวดเร็ว
"อันนี้เป็นหลักอะไร" ผมเลื่อนหนังสือกลับไปตรงหน้าเมฆและเลือกเริ่มสอนข้อที่ง่ายที่สุดก่อน อีกฝ่ายชะเง้อมองไปตามดินสอที่ผมชี้อยู่
"หมื่น" เมฆตอบเสียงเบา
"ใช่..แล้วอันนี้ล่ะ" ผมถามต่อพร้อมกับเลื่อนดินต่อไล่เรียงไปทีละตัวให้ด้วย
"พัน"
"รวมกันเป็นอะไร" ผมถาม
"ห้า..หมื่น หนึ่งพัน" เมฆสองเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจ
"ใช่"
"แล้วนี่ล่ะ" ผมชี้ไปที่เลขหก
"หก..ร้อย!" เมฆรีบตอบอย่างมั่นใจ
"งั้น..ถ้าสองอยู่ที่ตรงนี้ เรียกว่าหลักอะไร" ผมถาม
"หลัก หน่วย" เมฆตอบเสียงเบาลงอีกครั้งเป็นการแสดงความไม่มั่นใจให้เห็น
"ถ้ารวมทั้งหมดนี่ล่ะ" ผมถาม คราวนี้เมฆเงียบไปครู่หนึ่งก่อนนำนิ้วมาจิ้มที่ตัวเลข
"ห้าหมื่น..หนึ่งพัน หกร้อย..สอง" เมฆตอบ
"เก่งนี่" ผมอมยิ้มมุมปากให้เล็กน้อย เมฆหลบสายตาและพยักหน้ารับคล้ายแทนคำขอบคุณ
"งั้น ข้อนี้ควรตอบอะไร" ผมถาม
"ขอไข่" เมฆชี้ไป ผมวางดินสอให้อีกฝ่ายเพื่อให้เขาได้ทำการกาข้อที่ถูกด้วยตัวเอง ครู่หนึ่งสมุทรเดินกลับเข้ามา เขามองมาที่ผมกับเมฆและอมยิ้มน้อย ๆ
"ยิ้มอะไรไม่ทราบ" ผมถามเสียงห้วนเพราะรอยยิ้มนี้กลับดูไม่บริสุทธิ์เหมือนทุกทีที่ผมได้เห็นและชอบมอง
"บัวลอยกับปลากริมไข่เต่า อยากได้อะไรหลังอาหารเย็นดีครับ" สมุทรเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ผมตอบ สมุทรนิ่งไป ตาจ้องมองมาที่ผม
"ปกติ ฉันไม่ค่อยกินอาหารหวานหลังอาหารเย็นน่ะ" ผมขยายความตามความจริง
"แล้วเมฆล่ะเอาไหม" สมุทรถามเมฆ
"หนูเอาบัวลอย" เมฆยิ้มตอบ สมุทรพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าไปที่หลังบ้าน ผมสอนการบ้านเมฆต่อโดยที่ทั้งสมุทร ดาวและยาย ดูจะวุ่น ๆ อยู่กับการจัดเตรียมอาหาร
สุดท้ายน้ำที่ดาวนำมาเสิร์ฟให้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบแต่ผมก็ดื่มเพราะรู้สึกกระหายมากอีกทั้งไม่กล้าปฏิเสธด้วย เมฆทำการบ้านเสร็จก่อนที่อาหารเย็นจะตั้งโต๊ะได้พักหนึ่ง เราต้องรีบเคลียร์สมุดและหนังสือเพราะโต๊ะที่จะต้องกินข้าวก็คือโต๊ะนี้ที่เรานั่งอยู่นั่นละ
วันนี้อาหารเย็นที่ยายดูจะภูมิใจทำให้ผมได้กิน คือ แกงเขียวหวานปลากราย มันทั้งหอมและน่ากินมาก แถมยังมาเสิร์ฟให้ซะโถใหญ่เบ้อเร่อ ส่วนกับข้าวอีกสามอย่าง คือ ไข่เจียวทรงเครื่อง ผัดผักและปลาซิวทอดที่ดูจะเป็นของโปรดของสมุทรและเมฆอย่างมาก ระหว่างที่กินก็เปิดโทรทัศน์คลอไปด้วย เรากินกันไปคุยกันบ้าง ดูโทรทัศน์ไปด้วยบ้างและแน่นอนว่าได้พูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาในโทรทัศน์นั้นอีกด้วย ดาวหลอกถามหลายเรื่องเกี่ยวกับตัวผมเหมือนต้องการสืบทราบให้แน่ใจว่าพี่ชายของเธอไม่ได้เอาคนไม่ดีเข้าบ้าน ผมก็ตอบไปตรง ๆ ในเมื่อเธออยากรู้ก็แค่ตอบไปให้หายข้องใจแค่นั้น ส่วนเมฆไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากขานรับเนือง ๆ ยายชวนคุยเรื่องอดีตเป็นระยะ ถามไถ่ถึงครอบครัวของผมซึ่งผมก็ตอบไปตามความจริงแต่มีการเบี่ยงหลบประเด็นโดยการไม่บอกชื่อของพ่อและแม่บ้าง บางเรื่องที่ยายเล่าถึงเป็นความหลังหวาน ๆ ของครอบครัวที่เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้บนโต๊ะอาหารได้ด้วยเหมือนกัน..
...........ไฟ...........