ตอนที่ 07“ให้? ให้ใคร ให้กู?” ผมกำลังอยู่ในโรงอาหารคณะใกล้ ๆ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา อยู่เพียงลำพังกับเดือนมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว ยกนิ้วชี้จิ้มเข้าหน้าตัวเองแล้วมองช่อดอกกุหลาบห้าดอกในมือขาวของพ่อกล้ามใหญ่
“อืม เห็นสวยดี เลยซื้อมาฝาก”
“มึง...โอเคนะปาล์ม”
“ทำไมล่ะ”
“ขนลุกไอ้เหี้ย” พูดพลางเอามือถูแขนตัวเองไปด้วย “คนมองกันใหญ่แล้ว”
“รีบ ๆ รับไปดิ เขินเหมือนกันนะ” พูดยิ้ม ๆ ส่วนผมได้แต่เดินถอยมาสองก้าว กูเห็นนะ สาว ๆ โต๊ะนั้น โน้น นี้ นู้นยกมือถือตั้งกล้องกันเป็นแถบ
“มึงเพี้ยนเหรอวะ ให้กูทำไม”
“ก็บอกแล้วไง เจอมา สวยดี เหมาะกับว่าน”
“ดอกไม้เนี่ยนะ” ให้เงินกูเถอะ ได้โปรด
“รับไว้หน่อยไม่ได้เหรอ”
“เฮ้ย อย่ามาทำเสียงอ้อน มึงไหวแน่นะ ไม่สบายหรือเปล่า หรือที่กูจับได้ว่ามึงเป็นเกย์เลยเอาไอ้นี่มาปิดปาก”
คู่สนทนาหัวเราะ เดินเข้าใกล้มากขึ้น ในที่สุดก็คว้ามือผมไปรับดอกไม้เอง ส่วนตัวมันยกมือขึ้นเกาหู “เปล่าหรอก เราไม่ได้ปิดอยู่แล้วเรื่องที่ชอบผู้ชาย”
“จะมาสร้างกระแสคู่จิ้นกับกูหรือไง” เฮ้ย ๆ ผมขายครีมไม่เป็นนะครับ “เอาคืนไปเหอะ”
“คนมองเยอะแยะ รับคืนก็เสียหน้าแย่ดิ ช่วยรับไปหน่อยเถอะน่า”
“มึงเล่นอะไรพิเรนทร์ ๆ กับเพื่อนหรือเปล่า”
“ไม่มี” มันเถียง ส่ายหัวดิก “แค่คิดว่าน่าจะทำอะไรบ้างแล้ว ไหน ๆ ว่านก็รู้แล้วนี่”
“รู้ว่า?”
“ที่เราเป็นเกย์ไง”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับดอกไม้วะ” ผมยังไม่เข้าใจ ไอ้โต๋ก็ไม่อยู่ให้ปรึกษาเสียด้วย เลิกคลาสก็แจ้นไปเล่นเกมแล้ว ทิ้งผมโดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเลตลอด “ทีหลังถ้าอยากทำอะไรให้นะ มึงควรให้เงินหรือเลี้ยงข้าวกูมากกว่า”
“ไม่ค่อยได้จีบใครก่อน ไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง”
“ให้กูเป็นคู่ซ้อม ว่างั้น?”
“โอย” ปาล์มหัวเราะ ส่ายหัวไปด้วย “เราเชื่อเลยว่ามีสาว ๆ บอกว่าชอบว่านเยอะ แต่คุยด้วยแล้วเหนื่อย”
“อะไรวะ มีคนชอบกูเหรอ”
“เยอะ” คู่สนทนาว่า ยิ้มนิด ๆ “ไปกินข้าวด้วยกันสิ แล้วจะเล่าให้ฟัง”
ความจริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าฟังเท่าไร
ผมนั่งอยู่ในร้านสเวนเซ่นหลังจากปาล์มเลี้ยงเคเอฟซีหนึ่งถัง ยอมรับดอกกุหลาบแดงแสลงใจของมันแลกกับความลับที่ผมไม่เคยรู้หนึ่งอย่าง ความจริงแล้วผมป๊อบมากในกลุ่มเพื่อนไอ้ปาล์ม มีคนหนึ่งชื่อแก้วที่ผมเคยคุยด้วยประมาณสัปดาห์หว่า ๆ เพิ่งรู้วันนี้ว่าสนิทกับไอ้ปาล์มขนาดไหน
“แก้วบอกว่าว่านน่ารัก” ปาล์มว่า ตักไอติมช็อกโกแลตซันเดย์ของตัวเองไปด้วย เบื่อคำว่าน่ารักแล้วว่ะ ผมอยากเดินสายเท่ เป็นหนุ่มคูล ๆ เหมือนพี่แคนบ้าง “แต่แก้วบอกว่าคุยแล้วหัวเสีย บางทีนึกว่าเล่นมุก ที่ไหนได้ ว่านซื่อเกินไป บางทีผู้หญิงก็เบื่อ”
“อ้าว กูผิดอะไรวะ”
“ไม่ผิดหรอก แต่บางทีสาว ๆ เขาก็อยากได้อะไรที่มันเร้าใจสักนิด พวกเล่ห์เหลี่ยม แต่เราว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องคิดมาก”
“คิดเยอะแล้วเหนื่อย วัน ๆ คิดว่าเย็นนี้จะกินอะไรก็หมดแรงแล้ว”
“นั่นสิเนอะ” มันยิ้ม แสดงชัดว่าเห็นด้วย แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมผู้หญิงไม่ชอบคนดี อยากได้แบ๊ดบอยนักโน่นเลย แถว ๆ พงษ์เพชรมีเรือนจำครองเปรม ไปเลือกเอาเลยตามสบาย
“ที่จริงเราก็คล้าย ๆ ว่านนะ”
“ไม่คิดมากน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ เรื่องอื่น อย่างจีบสาว”
“อ้าว ก็มึงเป็นเกย์”
“หมายถึงจีบผู้ชายไง”
“หน้าตาก็ออกจะดี” ดีกรีเดือนมหาวิทยาลัยไม่ให้ดียังไงไหว “แถมยังสุภาพเรียบร้อย”
“สงสัยขี้อายเกินไป”
“จริงอะ ให้ดอกไม้กูกลางโรงอาหารได้ไม่น่าเรียกว่าขี้อายนะ”
ไม่อยากเข้าเฟสบุ๊คตอนนี้เลย มือถือผมก็ปิดไปแล้ว หลังจากรับดอกไม้แล้วตามมันขึ้นมอเตอร์ไซค์มาเพจคิ้วท์บอยถล่มกูแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้โต๋ได้ผลักผมเข้าวังวนสีม่วงมากกว่าเก่าแหง ๆ
“โกรธเหรอ”
“ไม่อะ” ผมตอบตามจริง “ตกใจมากกว่า”
“ไว้คราวหน้าจะเปลี่ยนเป็นชวนกินข้าวแทนให้ดอกไม้”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย เอาเงินค่าดอกไม้มาแดกเถอะ “เลี้ยงนะ”
“สบาย”
“เฮ้ย ป๋าว่ะ แต่พูดเล่น ไว้มากินข้าวเป็นเพื่อนก็ได้ ดูท่ามึงไม่ค่อยมีเพื่อน” ว่าพลางจ้วงไอติมแมคคาเดเมียเข้าปากคำสุดท้าย ออกมาตั้งแต่เที่ยง นี่ก็เกือบบ่ายสามแล้ว
“กลับกันยัง”
“ไปสิ” มันว่า พลางลุกขึ้นยืน ชิงคว้าบิลที่วางบนโต๊ะไปจ่ายเงิน พอผมจะคืนเงินให้มันบ้างก็รีบบอกปัด “มื้อนี้เราเลี้ยง ไว้มื้อหน้าว่านค่อยเลี้ยงเราคืน”
“ห้ามแพง”
“กะจะฟาดให้หมดตัวเลย” พูดพลางทำตาเป็นประกายวาววับก่อนหัวเราะกลบเกลื่อน ผมก็หัวเราะไปบ้าง แต่เป็นหัวเราะแห้ง ๆ ประโยคนั้นมันฟังดูทะแม่ง ๆ ยังไงไม่รู้
“ล้อเล่น”
“ไอ้เวร ใจคอกูยิ่งไม่ดีอยู่”
มันยิ้ม ก่อนวางปลายนิ้วบนแผ่นหลังเหนือสะโพกผมแผ่วเบา ไรขนอ่อนผมนี่ลุกซู่เลยครับ อย่าบอกนะว่ามึงคิดกับกูจริง ๆ !
กว่าผมจะกลับมาถึงห้องก็เกือบสี่โมงเย็น แยกกับไอ้ปาล์มที่ชั้นหก แล้วขึ้นลิฟต์ต่อ ถือดอกไม้เยิน ๆ มาด้วย โบกสะบัดพัดปลิวตอนแว้นมอเตอร์ไซค์กับมันจนสภาพเน่า ถึงห้องก็วางบนโต๊ะคอม อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับมาหม่งหัวลงเตียง
โทรศัพท์ผมในกระเป๋าสั่นครืด ๆ เพราะเงียบเชียบจนได้ยินเสียงขนจมูกตีกันเลยทนฟังเสียงสั่นสะเทือนนั่นได้ไม่นาน Notification ผมถึงคราวอวสาน ถล่มทลายเหมือนสัญญาณเตือนสึนามิดังรัว ๆ มีคนแท็กภาพผมมาผ่านเฟสบุ๊ค มีจำนวนยอดไลค์ภาพที่มีผมเหยียบพันในแค่ครึ่งวัน
“คู่นี้ยังไงไม่รู้ แอดฯ จิกหมอนกระจุยแล้ว with wann warit and palm phattharapol”ครับผม พี่แอดมินเพจคิวท์บอย พี่จิกหมอน แต่ผมจิกหัว ภาพตอนไอ้ปาล์มกำลังยัดดอกไม้ใส่มือผมเรียงกันสิบช็อต หมดกัน ป่นปี้หมดแล้วกู
ผมถอนใจทิ้ง โคตรไร้สาระ ปิดโปรแกรมสีน้ำเงินมาดูเบอร์โทรเข้าบ้าง 7 สายที่ไม่ได้รับ 5 สายเป็นของโต๋เต๋ อีกสองสายเป็นเบอร์แปลก ผมเลยตัดสินใจโทรกลับเบอร์นั้นก่อน เพื่อนน่ะไว้ทีหลัง เผื่อฟลุ๊คเป็นสาว ๆ ที่พี่เม่นเคยให้เบอร์ผมไว้ที่ร้านปลิ้นผมจะได้สบายใจหน่อย เฮ้อ คนหล่อนี่มันดีแบบนี้นี่เอง
“ฮัลโหลครับ นั่นใครครับ ผมเห็นมีมิสคอลมา”
“ว่านเหรอ นี่พี่อาร์มเองนะ”
“อ้าว พี่อาร์มเหรอ โห่ ผมนึกว่าสาว ๆ”
“จะสาว ๆ ที่ไหนล่ะ ตอนนี้คนหาตัวว่านคงมีแต่หนุ่ม ๆ ล่ะมั้ง”
“หนุ่ม ๆ จะหาตัวผมทำไมวะ พี่ก็พูดแปลก ว่าแต่พี่เอาเบอร์ผมมาจากไหน”
“ขอไอ้โต๋มา แล้วนี่อยู่ไหนน่ะ”
“หอครับ” ตอบสั้น ๆ มองเพดานขาว ๆ ไปด้วย “มีอะไรหรือเปล่าพี่”
“อยู่หอแล้วเหรอ เมื่อบ่ายไอ้แคนไปหาไม่เจอน่ะ เดี๋ยวจะได้บอกมันให้ เออ พี่เห็นในเฟสแล้ว อะไรยังไงเหรอครับ”
“ไอ้ปาล์มอะเหรอ” ผมหัวเราะขื่น “ไม่มีอะไรหรอกพี่ มันนอนน้อย ว่าแต่พี่แคนมาหอผมเหรอ ไม่เห็นโทรบอกก่อน”
“อืม เดี๋ยวมันคงไปหาใหม่ พอดีต้องกลับมาเรียนน่ะ”
มีเรียนทั้งวันแล้วจะมาหาผมทำไมวะ นี่รีบตรวจสมุดขนาดนั้นเลยหรือไง ประสาท ๆ ว่ะไอ้พี่แคน คุยต่อกับพี่อาร์มนิดหน่อยก่อนวางสาย ไปเช็คไลน์อีกที เห็นไอ้โต๋แคปหน้าจอภาพผมกับปาล์มส่งมาแล้วขอคำอธิบาย ผมปิดเสียงตั้งแต่ในคาบแล้วเลยไม่ได้ตอบมัน ไอ้โต๋รัวสติ๊กเกอร์มาเป็นล้าน สุดท้ายก็ยอมเงียบไปเอง
Wann: อะไรของมึง
ToTae: กูควรถามมากกว่าไหม มีแต่คนมาจี้กู ไอ้เหี้ยว่าน
Wann: ไร้สาระผมตอบแค่นั้น เพื่อนสนิทก็ไม่ซักต่อ มันรู้ว่าถ้าผมพูดแบบนี้คือไม่มีอะไรจริง ๆ ส่วนพี่แคนน่ะเหรอ เงียบกริบ ไม่เห็นทักอะไรมาบ้าง อยู่กับพี่อาร์มไม่ใช่เหรอวะ น่าจะเห็นรูปแล้วนี่ แต่ไม่ถามก็ดี ขี้เกียจจะอธิบายเหมือนกันว่าไอ้ปาล์มมันเป็นบ้าอะไรไม่รู้ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน พอไม่มีอะไรทำ ไม่มีเรื่องคุย ผมก็นอนแอ้งแม้งไถโปรแกรมนกลาร์รี่สีฟ้าตามประสาผู้ชายขี้เหงาต่อ เฮ้ย วันนี้หน้าฟีดผมมีอะไรแปลก ๆ ว่ะ คุณแมวดำดูอารมณ์เสียอะไรมาไม่รู้
กวินทร์ @c8o9yl 3ชั่วโมง
เตือนห่ะอะไรไม่เคยจะฟัง
กวินทร์ @c8o9yl 1ชั่วโมง
แม่งเอ๊ย ^$#@$%@#&%$%^&*()(*)&^%$#$$@$%^&**((@$#%^&*^%*$^%^&$%^&
*&^%R&^^%^&$%&*&^%R&^^%%%&^&%$^%U^%*R%^^%&^*(*)&^^%&*&&*&*()(&*^!!!!!!
ว่านหวานหวาน @Wannwannwannn เมื่อสักครู่
@c8o9yl เป็นไรวะ
ทักไปถามสารทุกข์สุขดิบประสากัลยาณมิตร คีย์บอร์ดมึงลั่นเป็นภาษามอสหรือไง อ่านไม่ออก ทว่าเงียบครับ มันกริบ ไม่ตอบผม แต่เสือกรีทวิตโพสคนอื่น
ว่านหวานหวาน @Wannwannwannn เมื่อสักครู่
@c8o9yl เฮ้ย มีอะไรเล่าให้ฟังได้นะเว้ยผมทิ้งไว้แค่นั้น ระหว่างรอก็พลิกตัวไปมาสักพักก่อนเสียงเคาะประตูจะดัง ส่องตาแมวเห็นพี่หงวยมายไอดอลยืนหน้าขรึมอยู่ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงเท่ ๆ แบบที่ชอบทำ
“พี่แคน”
“อืม” วันนี้มาแปลกแฮะ ไม่พูดมาก มันจามหนึ่งครั้งแล้วมองเข้ามาในห้อง จ้องดอกกุหลาบแดงบนโต๊ะทำงาน
“เมื่อตอนเที่ยงมาหาผมเหรอ พอดีออกไปกินข้าวกับไอ้ปาล์ม นั่นดอกไม้มัน มันเอามาให้”
เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่ตื่นเต้น ชิงพูดก่อนโดนถาม สรุปเป็นใจความสำคัญได้แค่นี้จริง ๆ พี่แคนปัดจมูกตัวเองแล้วเดินเข้าห้องมาโดยไม่รอให้เชิญ
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้แปลก ๆ ไม่สบายเหรอ”
“เปล่า” โกหกเห็น ๆ หลอกเด็กอนุบาลยังไม่ได้เลย เขาถอนหายใจ วางกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือไว้หน้ากระจก จัดการถอดถุงเท้า รองเท้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงผม หลับตาทั้งสองข้างนิ่ง เหลือเพียงความเงียบกับบรรยากาศมาคุแปลก ๆ รายล้อมรอบตัว ผมหุบปากสนิท ทรุดตัวลงข้าง ๆ แบบไม่รู้จะทำอะไรดี
“สอบเมื่อไร”
“ครับ?”
“สอบเก็บคะแนน”
“อาทิตย์หน้า” ค่อย ๆ ทยอยเก็บไปเรื่อย ๆ ทีละวิชา แต่เทอมนี้ผมลงตัวหินทั้งนั้น คิดแล้วก็แอบเครียดขึ้นมานิด ๆ เมื่อก่อนไม่อ่านล่วงหน้ายังไม่รู้สึกหวั่นเท่าตอนนี้ คล้ายกับว่าก่อนหน้านี้โง่บริสุทธิ์ ไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองไม่รู้อะไรบ้าง แต่ตอนนี้ผมประจักษ์แจ้งหนึ่งอย่าง ผมแม่งเรียนไม่รู้เรื่องมาแต่โบราณกาลจริง ๆ
“เอาสมุดเลคเชอร์วันนี้มาซิ”
“อ้อ” ที่มาหาเพราะเรื่องนั้นนี่เอง ผมลุกไปรื้อหนังสือในกระเป๋า ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกฟุดฟิดก่อนพี่แคนจะจามติดกันจนจมูกแดง
“พี่ไม่สบายแหง” เขาจามต่อ คราวนี้เปลือกตาเริ่มแดงบ้างแต่ยังตอบเสียงอู้
“เปล่า”
เปล่ายังไงวะ จามจนน้ำตาไหล หยิบกระดาษทิชชูให้พลางช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากบนหน้าหล่อไปด้วย “ไปหาหมอไหมพี่ เชี่ย ผื่นขึ้นคอพี่อะ”
“เออ” พูดได้ประโยคสั้น ๆ ก็จามใหม่ ผดเม็ดเล็ก ๆ ค่อย ๆ ลามจนเป็นตุ่มใหญ่ บวมแดงคล้ายยุงกัด แผ่ยาวจนเป็นผืนเดียวกันลามบนผิวอ่อน
“พี่แคน ไปหาหมอไหมพี่ ไปกินอะไรมาวะ เฮ้ย ผมว่าน่ากลัวแล้วนะ”
“ดอก...” ไอ้เหี้ย คนเป็นห่วงเสือกด่ากูอีก เขาหยุดจามติดกันสามครั้งก่อนพูดต่อ “...ไม้”
“โห ผมก็ใจแป้ว นึกว่าจะต่อด้วยคำว่าทอง” หยอดมุกไปนิดหน่อยพลางหัวเราะลงคอ แต่พี่แคนไม่ตลกด้วย คราวนี้เลยทรุดตัวนั่งยอง ๆ ที่พื้น “หรือว่าพี่แพ้เกสรดอกไม้”
เสียงจามติด ๆ กันอีกระลอกเป็นคำตอบ ผมลุกไปหยิบดอกกุหลาบบนโต๊ะออกไปทิ้งที่ระเบียง
“มียาหรือเปล่า”
“มึงมีแก้แพ้ไหม”
“มี ๆ” ยาสามัญประจำบ้านแม่ผมบังคับซื้อไว้เหมือนกัน พลิกดูวันหมดอายุ ยังอยู่ได้อีกสามเดือน ปลอดภัยหายห่วง “อะ พี่ นี่น้ำ ไหวไหม ต้องไปหาหมอหรือเปล่า ยานี้ง่วงนะ”
“ปล่อยกูนอน”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก พี่แคนยังจามอยู่ ไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยเปิดพัดลมเป่าออกไปนอกห้อง คิดว่าหลักการดูดอากาศน่าจะพัดพาเกสรดอกไม้ออกไปด้วย เอ๊ะ จำได้ว่าข้างล่างมีร้านขายยา มองผื่นบนคอพี่แคนแล้วใจคอไม่ค่อยดีเท่าไร
“เดี๋ยวผมมานะพี่”
“ไปไหน”
“เออน่า เดี๋ยวมา นอนไปก่อน”
สวมรองเท้าแตะ ใส่เกียร์หมา หยิบเงินไปด้วย ถึงร้านขายยาก็ซื้อคาลามายด์มาหนึ่งขวด กว่าจะกลับมาถึงที่ห้องอีกครั้งคนป่วยฉุกเฉินก็หลับไปแล้ว ลมหายใจผ่อนเข้าออกเนิบช้า แต่ยังติดขัดบ้าง เขายกมือขึ้นปัดจมูก แต่ยังไม่ได้สติ เปลือกตาทั้งสองข้างบวมจัด ผดขึ้นบนผิวหนังเป็นสีแดงตัดกับผิวขาวเหลือง
“พี่แคน ผมทายาให้นะ”
เขย่าตัวเล็กน้อย ได้ยินเสียงครางรับก็ยกมือขึ้นไหว้ ปลายนิ้วจับที่สาบเสื้อนักศึกษา ปลดกระดุมไล่ลงมาทีละเม็ด เมื่อคลี่เนื้อผ้าออกก็เห็นร่างกายกำยำที่แข็งตึงไปทุกสัดส่วน ผิวพี่แคนไม่ได้ขาวจัด ดูกร้านแดดนิด ๆ แต่ตอนนี้อมแดงเพราะเกสรเล็ก ๆ ทำพิษ
ตัวอย่างกับตึก ดันมาแพ้เกสรดอกไม้ น่าเอ็นดูจริง ๆ
“พี่ห้ามนอนดิ้นนะ เดี๋ยวเลอะเตียง”
แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่สามารถตอบรับได้ผมก็ยังยืนยันที่จะพูดคนเดียว อย่างน้อยถือว่าขออนุญาตแล้ว พี่หงวยของผมลืมตาขึ้นมาจะได้อ้างว่าไม่ได้เอาทำโดยพลการ ผมเทของเหลวข้นเหนียวสีชมพูอ่อนลงบนผิว เรียกอีกทีว่าราดหลังจากดึงเสื้อสีขาวโยนพาดพนักพิงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ละเลงยาไปบนบิวตะปุ่มตะป่ำจนเนื้อของพี่แคนกลายเป็นขาวอมชมพูคล้ายใบชะพลูเปื้อนปูนแห้งที่ย่าใช้กินกับหมาก
ผื่นลามแค่บริเวณช่วงคอกับอกก็หมดยาไปค่อนขวด ทิ้งไว้สักพักคิดว่าอาการน่าจะดีขึ้น ระหว่างนี้ก็ลุกไปล้างมือแล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ มองเส้นผมสีดำ ดวงตาปิดสนิท จมูกสันคม ทุกอย่างวางกันอย่างลงตัว ถ้าบ้านผมคงเรียกว่าโหงวเฮ้งดี มีไฝเม็ดเล็ก ๆ ข้างโหนกแก้มซ้ายที่แทบจะไม่เห็นเลยถ้าไม่นั่งพินิจพิจารณาให้ดี ตรงนี้เรียกไฝเสน่ห์ น่าเสียดายที่เป็นเกย์ สาว ๆ คงอกหักกันระนาว แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกเทิดทูนของผมที่มีต่อพี่แคนก็ไม่ได้ลดลงเลย เรียกได้ว่าเฉย ๆ ด้วยซ้ำไป อาจเป็นเพราะผมกับไอ้โต๋หยอกล้อเรื่องแบบนี้กันบ่อย พูดเล่นจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิตไปแล้ว อีกอย่าง พี่แคนเองก็ดีกับผม เสียเวลามานั่งสอนให้ แถมยังทำสัญญาว่าจะเป็นพี่น้องกันอีกต่างหาก ดีกว่าพี่ไผ่เป็นไหน ๆ
พูดถึงพี่ไผ่ เดิมทีพี่ชายแท้ ๆ ของผมก็ไม่ได้แย่ พี่ไผ่รักผมมาก จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยเล่นกันจนล้มหัวฟาดพื้น ปูดโปนเป็นลูกมะนาว พอแม่ถามว่าทำอะไรมา พี่ไผ่กลับตอบว่าเดินแล้วสะดุดล้มเอง ไม่พาดพิงถึงผมให้ถูกดุร่วมด้วย แต่ถึงพี่ไผ่จะรักผมแค่ไหนก็เป็นได้แค่พี่ชายกาก ๆ ครับ ถ้าเทียบกับพี่แคนแล้วเหมือนอยู่คนละโลก โลกใบนั้นมีผม มีพี่ไผ่ มีไอ้โต๋ ขีดกั้นด้วยคำว่าเพอร์เฟค ข้ามไปอีกฝั่งแดนพี่แคนอาจจะยืนอยู่กับพี่อาร์ม หรือเพื่อน ๆ อีกไม่กี่คน พี่แคนทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ทั้งรวย พูดแล้วเพลิงริษยาลุกพรึ่บ ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรไม่รู้ทำไมถึงได้สมบูรณ์แบบนัก
ผมผล็อยหลับตามรุ่นพี่คนสนิทไปหลังจากนอนเพ้อเจ้อคนเดียวอยู่พักใหญ่ กว่าจะรู้สึกตัวพระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำลงหายไปจากยอดตึกครึ่งหนึ่ง แดดยามเย็นเป็นสีส้มทอง ทอแสงสาดเข้ามาในห้องนอนที่เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ผ้าม่านปลิวพัด มีลมเย็นวูบเข้ามาสะกิดให้ผมลืมตาเต็มตื่น
อาการขยุกขยิกบริเวณท้ายทอยทำให้เผลอย่นคอเข้าหากัน เส้นผมท้ายทอยกดจิ้มมาให้รู้สึกจั๊กจี้ สิ่งที่ดันแหวกปลายผมมาคือจมูก ที่รับรู้ได้เพราะลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดต้นคอ
จมูก?“พะ...พี่แคน เหวออ”
ผมร้องเรียกเมื่อถูกกอดรัดแน่นขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้าง แผ่นหลังชิดแผ่นอก มีเสื้อนักศึกษาสีขาวบาง ๆ ของผมแค่ผืนเดียวกั้น ท่อนล่างแม้อยู่ครบดีแต่สะโพกรับรู้ได้ถึงธรรมชาติที่สดใสเกินจำเป็นของชายหนุ่มยามตื่น ความแข็งขืนนั่นทำให้ผมยื่นมือเกาะขอบเตียง ดึงตัวเองออกมาจากมือปลาหมึก
“อะ...ไอ้พี่แคน ตื่นสิโว้ยยย”
“หืม”
“มึงตื่นยังวะ”
“มึง?”
“ผมหมายถึง พี่ตื่นหรือยัง ปล่อยผมเด้”
ตะเกียกตะกายใช้เล็บฝนขอบเตียงอยู่พักใหญ่คนที่นอนกอดกระชับเมื่อครู่ถึงยอมปล่อย มันบิดขี้เกียจ เสียงกระดูกลั่นกรอบ แต่ก็เบากว่าเมื่อเทียบกับเสียงตุ้บ! ที่ผมกุลีกุจอหนีจากเตียงดูดจนร่วงลงบนพื้น
“ทำเหี้ยอะไรของมึง”
ผมควรถามพี่มากกว่าหรือเปล่าวะ! โอยย เจ็บสะโพก
“เดี๋ยวก็ได้แผลอีก ที่คางยังไม่ทันตัดไหม”
“ก็พี่มากอดผมทำไมวะ”
“เหรอ โทษที”
“พี่พูดแค่นี้อะนะ”
“มึงจะให้กูทำไง กูไม่ได้เป็นคนถีบมึงลงจากเตียงสักหน่อย ก็แค่กอด”
“พี่เอาหนอนน้อยมาจิ้มผมด้วยเหอะ” ลุกขึ้นยืนได้ก็ชี้กลางเป้า พี่แคนเอื้อมมือไปนวดมันหน้าตาเฉย
“ก็เพิ่งตื่น ใคร ๆ ก็เป็นกัน”
“ไอ้เหี้ยพี่แคน อย่ามาจับปิ๊กาจูตัวเองต่อหน้าคนอื่นแบบนี้สิวะ”
“มึงก็อย่าเรียกข้าวหลามคนอื่นว่าหนอนน้อยสุ่มสี่สุ่มห้าสิวะ”
ว่านอยากจะร้องไห้เป็นภาษาเยอรมัน ทำไมเถียงอะไรมันไม่เคยชนะเลยครับ สุดท้ายก็เป็นผมที่ยืนหน้าร้อนอยู่คนเดียว ส่วนไอ้พี่แคนก็ก้มหน้ามองแผ่นอกตัวเองที่ถูกทายาแล้วเอานิ้วเขี่ยเล่น
“มึงทำอะไรเนี่ย”
“ทายาไง คาลามายด์ ห้าสิบบาท”
“ทาทำเหี้ยอะไร กินแก้แพ้ก็หายแล้ว เลอะเทอะ” ว่าพลางถูผิวตัวเองไปด้วย ฝุ่นสีชมพูอ่อนจนเกือบขาวฟุ้ง ผมรีบห้ามแทบไม่ทัน
“พี่ไปอาบน้ำเด้”
“เสื้อกูเลอะด้วยหรือเปล่า”
“ผมถอดพาดให้บนเก้าอี้โน่น” ไม่ได้โง่นะครับ ฉลาด ไอ้พี่แคนมองผมเหมือนไม่อยากเชื่อว่าจะคิดได้ ที่จริงผมก็มีสมองนะเฮ้ย แค่ไม่ค่อยหยิบมาใช้เท่านั้นแหละ
“ผ้าเช็ดตัวพี่อยู่ที่ระเบียง”
“ไปเอามาให้หน่อย”
“ออกไปเอาเองสิวะ”
“ดอกไม้มึงอยู่ข้างนอก”
ดอกกุหลาบแดงนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นชายขอบระเบียง ถึงจะใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุงแน่นหนาแล้วก็ไม่แน่ใจว่าถ้าพี่แคนเข้าใกล้จะแสดงอาการแพ้ขั้นรุนแรงอีกหรือไม่ สุดท้ายเลยเป็นฝ่ายยอมลุกออกไปหยิบส่งให้ตามบัญชา พี่แคนคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ส่วนผมก็นอนไถทวิตเตอร์ต่อ คุณแมวดำไม่ตอบผมจริง ๆ ด้วย อย่างเซ็ง สงสัยยังอารมณ์เสียไม่เลิก พลิกตัวไปมาข้าง ๆ กันกับที่ผมนอนเป็นโทรศัพท์ของพี่แคน หน้าจอสว่างวาบแต่ไม่มีเสียง ไม่แม้กระทั่งสั่นเตือน เพิ่งรู้ว่าพี่แคนอยู่กับผมแล้วปิดNotificationทุกอย่าง ชั่งใจอยู่พักหนึ่งว่าจะแอบอ่าน สุดท้ายฝ่ายมารก็ชนะเมื่อมันเรืองแสงขึ้นมาอีกรอบ
Guzz: โทรไปไม่รับ
Guzz: พี่แคน ทำอะไร รับสายกัสหน่อย
Guzz: กัสมีเรื่อง ทะเลาะกับเฮียกิม ตอนนี้เครียดมาก
Guzz: พี่แคน ทำอะไรวะ ทำไมไม่อ่านไลน์กัส กัสร้องไห้แล้วนะ
Guzz: พี่แคน กัสไม่โอเค มาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย
Guzz: กัสขอร้อง กัสไม่ไหวจริง ๆผมเลื่อนไปดูสัญญาณเตือนอื่น มีมิสคอลเกือบสิบสายตั้งแต่ก่อนพี่แคนจะหลับกระทั่งนาทีที่แล้ว ไม่ได้กดเข้าไปอ่านย้อนหลังเพราะรอบนี้เจ้าของเครื่องลงรหัสผ่าน ทีมอยู่ตรงกลางค่อนข้างไปทางเสือกอย่างผมถึงกับหงอย ไม่อยากรู้ก็ได้วะ ไม่มันเลย ผมตัดใจโยนมันไว้ที่เดิม ไม่นานคนในห้องน้ำก็ออกมา โยนผ้าเช็ดตัวผืนเดิมคืนให้ผมไปตากข้างนอก
“ไปอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน”
“เมื่อกี๊โทรศัพท์พี่เข้า” ผมบอกเรียบ ๆ เจ้าของเครื่องเพียงพยักหน้ารับรู้ “ใส่รหัสด้วยเหรอ”
“เออ มึงมันขี้เสือกไง ต้องระวัง” ว่าพลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นดู มันอ่านพลางทำหน้าเครียด ส่วนผมก็นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิม
“ถ้ามีธุระที่พี่จะตรวจสมุดเลคเชอร์ผมวันนี้ยังไม่ต้องก็ได้นะ”
เขาเหลือบตาขึ้นมอง เปิดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า คว้าเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดของตัวเองขึ้นใส่ พูดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หันหน้ามาทางผมด้วยซ้ำ
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพาไปกินข้าว”
“แต่ว่า...”
“อย่าให้พูดซ้ำ ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วออกมาเก็บกระเป๋า วันนี้จะพาไปเปลี่ยนสถานที่ติว” สบตากับผมในกระจกขณะกลัดกระดุม จากเม็ดบนลงล่าง เซ็กซี่ดีชะมัด ผมหมายถึงถ้าทำตาให้มันหวานกว่านี้สักหน่อย ไม่ใช่ขึงตามองกันแบบที่ชอบทำประกอบด้วย
“คร้าบ”
ถึงจะรับคำแบบหน่าย ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ดื้อไม่ซน เป็นน้องชายคนดีของคุณพี่สุดเฮี้ยบเหมือนเดิม นี่ว่านไง จะใครล่ะ เคยหือกับพี่แคนได้ที่ไหนกันล่ะครับ เจ้านาย...
TBC
คู่แข่งประกาศตัวแล้วค่ะพี่แคนน พี่แคนจะมาคอยตีเนียนแบบนี้เรื่อย ๆ จริงเหรอคะะะ
ตอนหน้ากัสเปิดตัวเบา ๆ โนดราม่า เราจะปั้นพี่แคนเป็นพระเอกยอดนิยมให้ได้ /หลังจากชวดรางวัลแม่มทุกปี
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ
