...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 742694 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
  จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๑๘



   นายวินิตและอุไรที่นั่งอยู่บนโต๊ะนั่งเล่นใต้ถุนเรือนลอบมองกันด้วยต่างฝ่ายต่างใจคอไม่สู้ดี อีก ๒ คนที่ร่วมโต๊ะด้วยคือเจ้าของบ้านอย่างจันทร์จ้าวผู้เชิญนายวินิตมา และดารารัษมีที่ชวนอุไรมา ทว่าเจ้าบ้านทั้ง ๒ กลับเอาแต่จ้องมองกันตาเป๋งราวกับจะไม่ลดราวาศอกให้กันอย่างนั้น



   ไม่ใช่เพียงแขกเท่านั้นที่รู้สึกถึงสงครามของ ๒ พี่น้อง แต่นภาสรวงที่สั่งให้คนรับใช้ยกของว่างมาที่โต๊ะก็รับรู้ถึงความอึดอัดไม่สมกับที่จันทร์จ้าวและดารารัษมีพาเพื่อนมาที่บ้านเลยสักนิด



   “เอ่อ...เชิญคุณวินิตกับคุณอุไรรับของว่างก่อนนะคะ ไม่ทราบว่าจะอร่อยสู้ติ่มซำของคุณวินิตได้ไหม” นภาสรวงพยายามสร้างบรรยากาศที่ดี ซึ่งนายวินิตก็รีบพูดทันที



   “โอ้! หน้าตาน่ารับประทานอย่างนี้ คงต้องเยี่ยมกว่าอยู่แล้วล่ะครับ!”



   “หน้าตาก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ของบ้านนี้ไม่ได้วิเศษวิโสกว่าที่อื่นหรอกค่ะ! พูดชมเกินไปอย่างนี้ ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลยนะคะคุณวินิต!” ดารารัษมียอกย้อน ฟังดูก็รู้ว่าตั้งใจกล่าวหาว่านายวินิตพูดชมเกินหน้าเกินตา ทำเอานายวินิตเงียบกริบ จันทร์จ้าวจึงออกโรงแทน



   “ดาราเคยไปเที่ยวบ้านคนอื่นไหม ใครบ้างไปเที่ยวบ้านคนอื่นแล้วพอเห็นอาหารบ้านนั้นกลับบอกว่าหน้าตาธรรมดาเหลือเกิน ดาษดื่นเห็นได้ตามตลาด พูดแบบนั้นน่ะไร้มารยาท เป็นครูแท้ๆ ไม่รู้มารยาทหรือ อย่างนี้จะไปสอนใครเขาได้ หรือสอนแค่ความรู้ ไม่สอนมารยาทและการวางตัว?” ๒ พี่น้องจ้องตากันอย่างไม่ยอมความ เป็นนายวินิต อุไรและนภาสรวงที่พากันกลืนน้ำลายลงคอด้วยหวาดหวั่นว่าจันทร์จ้าวและดารารัษมีจะทะเลาะกัน ทว่าไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไร รถโฟล์คสีดำของอาทิตย์ก็เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าประตูบ้าน



   “พี่อาทิตย์มาแล้ว!” นภาสรวงร้องออกมาอย่างยินดี แล้วรีบสั่งให้คนรับใช้ชายวิ่งไปเปิดประตูรั้วอย่างว่องไว รถโฟล์คขับเข้ามาจอด ตามมาด้วยรถยนต์อีกคัน



   “นั่นมันรถ...” ดารารัษมีเห็นรถคันหลังของผู้เป็นพี่ชายก็ยิ่งรู้สึกโมโห กำลังจะหันไปเอาเรื่องจันทร์จ้าวด้วยคิดว่าเขาช่างหน้าไม่อายชักชวนหมอภวัตมาที่บ้านนี้อีก แต่หล่อนไม่ทันจะได้พูดอะไร จันทร์จ้าวก็ลุกพรวดแล้วหันไปถามอาทิตย์ที่เพิ่งลงจากรถอย่างเอาเรื่อง



   “พี่อาทิตย์พาหมอมาทำไม?!!!” คราวนี้นายวินิต อุไร นภาสรวงและแม้กระทั่งดารารัษมีหันมามองจันทร์จ้าวเป็นตาเดียว โดยเฉพาะน้องสาวคนเล็กนั้นไม่คิดว่าพี่ชายคนรองของหล่อนจะพูดจามีน้ำโหเมื่อเห็นหมอภวัตมาที่นี่



   ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!...จันทร์จ้าวกับหมอภวัตคบหากันไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึง...



   อาทิตย์ไม่รู้จะอธิบายเช่นไร พอดีกับหมอภวัตก้าวลงมาจากรถที่จอดอยู่ข้างหลังรถของอาทิตย์ จันทร์จ้าวจึงตวัดสายตาไปจ้อง



   “หมอมาทำไม?!!” นายแพทย์หนุ่มเหลือบตามองไปเบื้องหลังคนที่ยืนตะเบ็งจ้องเขาเขม็ง ก็เห็นนายวินิตนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ถุนเรือนพร้อมหน้ากับดารารัษมี ดวงตาคมดุที่เคยทอดแววอ่อนโยนมาโดยตลอดกลายเป็นขมึงกล้า แล้วเดินเข้ามาคว้าแขนจันทร์จ้าวอย่างรุนแรง ก่อนจะหันไปพูดกับบรรดาพี่น้องรักษพิพัฒน์อย่างขออนุญาต



   “ผมขอตัวคุณจันทร์ไปคุยธุระสักครู่ แล้วจะพามาส่ง” เขาว่าอย่างนั้น และก่อนที่จะมีใครคัดค้าน หมอภวัตก็ดึงแขนขาวลากไปที่รถของตนโดยทันที ทว่าจันทร์จ้าวไม่ใช่คนยอมอะไรโดยง่าย เขาร้องเสียงลั่น



   “ผมไม่มีธุระคุยกับหมอ!! ปล่อยผม!! ผมไม่ไป!!!” แต่ให้อย่างไร ภวัตก็ไม่ปล่อย จันทร์จ้าวจึงหันกลับมาที่ ๓ พี่น้องของตนและแขกอีก ๒ คน



   “ช่วยผมด้วยซี!! ยืนนิ่งนั่งนิ่งกันอยู่ทำไม!!!” อาทิตย์โผจะเข้าไปช่วยแต่หมอภวัตตวัดสายตามามองเสียก่อน นายทหารหนุ่มก็หยุดแต่เพียงเท่านั้น นภาสรวงกับดารารัษมียังมัวแต่ตกใจจึงไม่อาจทำอะไร ส่วนนายวินิตกับอุไรยิ่งแล้วใหญ่ ดูราวกับตกตะลึงพรึงเพริศไปเสียแล้ว



   ร่างสูงโปร่งของจันทร์จ้าวถูกเหวี่ยงเข้าไปในรถ และก่อนที่จะตั้งหลักได้ หมอภวัตก็ก้มหน้าลงมาสั่งเสียงเฉียบขาดด้วยน้ำเสียงอันเบา



   “ถ้าคุณดื้อออกจากรถผม เราจะได้ไปคุยกันต่อหน้าท่านนายพลและคุณหญิง!” เป็นอันว่าหากไม่อยากให้นายพลเดชและคุณหญิงผกาทราบเรื่องใดๆก็ตามที ก็จงอยู่เงียบๆในรถต่อไป แต่จันทร์จ้าวผู้ดื้อดึงไม่มีวันยอมทำตามเพียงเพราะคำขู่



   “หมอคิดว่าสั่งผมได้หรือ?!!!”



   “ใช่!”



   “หมอ!...” ร่างสูงโปร่งตั้งท่าจะโวยวายด้วยความโมโห แต่อีกฝ่ายชี้นิ้วมองหน้าเขาด้วยสายตาดุดัน



   “นั่งเฉยๆ!!!” ทั้งน้ำเสียง ทั้งท่าทาง ทั้งสายตา ทุกอย่างของหมอภวัตทำให้จันทร์จ้าวผู้ดื้อดึงถึงกับชะงักอยู่กับที่ และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สุดท้ายแล้วคนดื้อดึงก็ทำได้เพียงมองคนสั่งด้วยความเจ็บใจ แล้วทำได้เพียงกระแทกแผ่นหลังลงกับเบาะแล้วปล่อยให้เจ้าของรถปิดประตูวิ่งอ้อมฝั่งไปขึ้นฝั่งคนขับ แล้วจึงขับออกไปจากบ้านรักษพิพัฒน์



   พายุลูกใหญ่จากไปแล้ว ใต้ถุนเรือนเงียบกริบด้วยเพราะไม่มีใครคิดคำพูดใดๆออกเสียสักคน จนกระทั่งเสียงดังมาจากบันไดเรือน



   “เกิดอะไรขึ้นน่ะ เอะอะขึ้นไปถึงข้างบน” คุณหญิงผกานั่นเองที่ได้ยินเสียงแว่วๆจากข้างล่างจนอดรนทนไม่ไหวต้องลงมาดูด้วยตัวเอง แต่เมื่อกวาดตามองบุตรธิดาและแขกของเรือนแล้วก็พบว่ามี ๑ คนหายไป



   “แล้วพ่อจันทร์ไปไหนเสียล่ะ” ๒ แฝดเงียบกริบพูดไม่ออก อาทิตย์จึงเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้เอง



   “พอดี...จันทร์มีธุระด่วนกับคุณหมอภวัตน่ะครับ ก็เลย...ออกไปข้างนอกสักครู่”



   “อ้าว...คุณหมอมาหรือ? ทำไมไม่เชิญเธอขึ้นเรือน”



   “...คุณ...คุณหมอเธอรีบ ก็เลยแวะมารับพี่จันทร์ไปคุยธุระ เดี๋ยวเดียวก็กลับค่ะคุณแม่” นภาสรวงช่วยตอบ



   “เสียงเอะอะเมื่อครู่ก็เสียงพ่อจันทร์ล่ะซี นี่คงจะแผลงฤทธิ์ใส่คุณหมออีกแล้ว พ่ออาทิตย์กลับมาจากวังฉัตรเมื่อไรล่ะนี่ แม่กำลังคุยกับคุณพ่อเรื่องพ่ออาทิตย์อยู่พอดีเชียว” เมื่อถามไถ่เรื่องบุตรชายคนโปรดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงผกาจึงได้หันมาสนใจบุตรคนใหญ่ อาทิตย์ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ เขารู้ดีว่าแม้มารดาจะไม่ได้ห่วงหวงตนเองเท่ากับน้องชาย แต่กระนั้นคุณหญิงผกาก็มอบความรักและเอาใจใส่ในฐานะมารดาเป็นอย่างดี



   อาทิตย์เดินเข้าไปหามารดา แล้วยิ้มจาง



   “เพิ่งกลับมาถึงสักครู่เองครับคุณแม่”



   “ดีล่ะ จะได้มาคุยกับคุณพ่อด้วยเลย เรื่องพ่ออาทิตย์กับคุณพิม หากชอบพอกันดีแล้ว แม่ก็อยากจะให้ตบแต่งเสียที นี่นะ เมื่อวันก่อน คุณพ่อเข้าไปพบท่านชายมา ท่านก็พูดเป็นนัยๆว่าอยากจะปรับปรุงตึกเก่าให้เป็นเรือนหอของคุณพิมกับพ่ออาทิตย์ในเขตวังฉัตรนั่นล่ะ ถึงจะแปลกไปสักหน่อยที่แต่งงานแล้วพ่ออาทิตย์ย้ายเข้าไปอยู่ทางนั้น แต่แม่ว่า ถ้าทางนั้นเป็นเรือนหอที่ท่านชายยกให้เป็นของขวัญก็คงจะไม่เป็นไร พ่ออาทิตย์ว่าอย่างไรจ๊ะ...” เสียงคุณหญิงผกาแจ้วๆหายขึ้นเรือนไปพร้อมกับอาทิตย์ ดูเหมือนสตรีผู้เป็นใหญ่ในบ้านรักษพิพัฒน์จะไม่ติดใจเรื่องเสียงเอะอะมะเทิ่งเมื่อครู่มากนัก เพราะเวลานี้กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับเรื่องของอาทิตย์นั่นเอง เมื่อพ้นหลังคุณหญิงผกาแล้ว นภาสรวงก็ถอนหายใจเบาอย่างโล่งอก แล้วจึงหันมาที่แขกทั้ง ๒ ซึ่งพากันเงียบกริบนับตั้งแต่จันทร์จ้าวโวยวายใส่หมอภวัต ส่วนดารารัษมีก็ดูจะเงียบไปเช่นกัน



   “เอ่อ...เชิญรับของว่างกันดีกว่าค่ะ คุณวินิตเคยรับประทานไหมคะ นี่เรียกว่าช่อม่วงค่ะ” นภาสรวงพยายามสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นอีกครั้ง และนายวินิตก็ร่วมมืออีกหน



   “ผมไม่เคยรับประทานมาก่อน ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ แต่สมชื่อทีเดียวครับ เป็นสีม่วงสวยเชียว”



   “ช่อม่วงเป็นของว่างชาววังค่ะ นภาเรียนวิธีทำมาจากแม่ครัวที่วังฉัตร”



   “อุไรเองก็เคยได้ยินแต่ชื่อ ทำยากไหมคะคุณนภา” อุไรเองก็รีบออกตัวเพื่อให้บรรยากาศเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น



   “ไม่ยากหรอกค่ะ หากคุณอุไรอยากเรียนวิธีทำ นภาจะสอนให้ คุณพิมเธอสั่งเอาไว้ ว่าถ้ารู้สูตรจากวังฉัตรแล้ว หากมีใครมาขอก็ให้บอกไป เธอไม่หวงสูตรค่ะ เธอว่าอยากให้คนอื่นๆได้ลิ้มลองบ้าง จะได้พูดกันปากต่อปากว่าช่อม่วงสูตรวังฉัตรอร่อยเพียงใด”



   “ถ้าอย่างนั้นผมขอลองชิมสักหน่อยนะครับ” นายวินิตไม่รอช้า เขาลองชิมช่อม่วงสูตรวังฉัตรที่ทำโดยนภาสรวงแล้วก็ต้องตาโตกับรสชาติกลมกล่อม



   “เป็นอย่างไรคะ” คนทำถามพร้อมรอยยิ้ม



   “อร่อยมากเลยครับ ผมจะต้องเอาไปบอกปากต่อปากเสียแล้วว่าช่อม่วงสูตรวังฉัตรอร่อยอย่างกับขึ้นสวรรค์!” อุไรและนภาสรวงพากันหัวเราะเบาๆ ก่อนที่อุไรจะลองชิมบ้าง แล้วหลังจากนั้นแฝดผู้พี่ก็เป็นคนดูแลแขกทั้ง ๒ ในขณะที่ดารารัษมีเอาแต่นั่งเงียบและดูราวกับจะเลื่อนลอยตกอยู่ในภวังค์ ทว่าก็ไม่มีใครกล้าทักท้วง เพราะเกรงว่าสุดท้ายแล้วบรรยากาศที่กำลังดีจะกลับมาอึมครึมอีกครั้ง



.........................................



   รถยนต์ของหมอภวัตขับออกมาจนพ้นละแวกบ้านรักษพิพัฒน์ ก่อนจะจอดเลียบถนนที่ไม่พลุ่กพล่านนัก และเมื่อนั้นสารถีจึงหันมาที่คนข้างกายที่นั่งเงียบหน้านิ่วคิ้วขมวดมาตั้งแต่ขึ้นรถมา



   “คุณถึงกับชวนคุณวินิตมาที่บ้านเชียวหรือ?” นายแพทย์หนุ่มตั้งคำถามเสียงเข้ม จันทร์จ้าวตวัดสายตามามอง



   “แล้วหมอไม่เห็นดาราพาเพื่อนมาบ้านหรือ?!! หมอเห็นไหมว่ามีผู้หญิงอีกคนอยู่ในบ้านผม?!! นั่นน่ะคุณอุไร เป็นเพื่อนครูที่โรงเรียนของดารา และดาราตั้งใจพาเพื่อนมารู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ผม! หมอคิดว่าจะรู้จักกันไปทำไมล่ะ?! พี่อาทิตย์กำลังคบหากับคุณพิม ผู้ชายคนเดียวในบ้านที่คู่กับคุณอุไรได้ก็มีแค่ผม! ดาราจงใจจะจับผมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น!!”



   “แล้วทำไมจู่ๆคุณดาราถึงได้จะจับคู่ให้คุณ”



   “ก็เพราะดารารู้เรื่องของผมกับหมอแล้วน่ะซี!!” จันทร์จ้าวหลุดปากพูดออกไปแล้วก็ถึงกับชะงัก คนฟังเองก็นิ่งงันไปเช่นกัน แต่กระนั้นเขาก็พอจะเข้าใจหัวอกของดารารัษมีดี



   “คุณดาราคงเป็นห่วงคุณ...”



   “ห่วงผม?! ห่วงทำไมไม่ทราบ?! ผมคบกับหมอมีเรื่องน่าห่วงตรงไหน?!!”



   “ก็ตรงที่ผมแต่งงานกับคุณอย่างออกหน้าออกตาในสังคมไม่ได้...” ดวงตาคมของนายพทย์หนุ่มจับจ้องดวงหน้าขาวของคนข้างกายด้วยความเศร้าหมอง จันทร์จ้าวเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วหัวใจที่กำลังเต็มไปด้วยความโกรธและโมโหก็อ่อนยวบลง



   “ผมยอมรับว่าคนเราต้องอยู่ในสังคม แต่เวลาที่ผมป่วย คนที่ดูแลผมไม่ใช่สังคม เวลาที่ผมโมโหหงุดหงิด คนที่อยู่กับผมไม่ใช่สังคม แต่เป็นหมอ หมอต่างหากที่อยู่กับผม หมอต่างหากที่ดูแลผม หมอต่างหากที่เอาใจใส่ผม...” คำพูดนั้นจริงใจและจริงจัง และมันเพิ่มพูนกำลังใจในหัวใจคนฟังอย่างหาใดเปรียบ ใบหน้าหมองเศร้าเมื่อครู่ของหมอภวัตราวกับได้รับน้ำทิพย์ที่ชุ่มชื้น ดวงตา ๒ คู่มองสบกันราวกับสื่อความรู้สึกถึงความในใจมากมาย



   “...วันนี้ ดาราจะมาบอกให้ผมเลิกกับหมอ เพราะดาราเป็นห่วงผม ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ผมรักน้องก็จริง และผมก็ทราบว่าน้องรักผม แต่ผมเองที่ดื้อดึงจะคบกับหมอให้ได้ตั้งแต่แรก แล้ววันนี้พอน้องมาขอโดยอ้างว่ารักและห่วง จะให้ผมทิ้งหมอได้อย่างไร ผมทำไม่ได้”



   ดวงตากลมใหญ่ที่แสนดื้อดึง มาบัดนี้กลับมองคนถามด้วยความอ่อนโยนด้วยหัวใจรักจริง



   “...หมอบอกให้ผมตระหนักเอาไว้เสมอว่าผมมีเจ้าของแล้ว หมอเองก็ควรจะตระหนักเช่นกันว่าเจ้าของของผมคือใคร” ไม่ต้องอธิบายอะไรมากกว่านั้น ภวัตก็เข้าใจเป็นอันดี รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้าของเขาด้วยความอิ่มเอิบ



   “ผมจะจำเอาไว้ครับ ผมขอโทษ...ที่...” เพราะภวัตเติบโตมากับกรอบจารีตและประเพณี มาวันนี้จะให้เขาก้าวเท้าเดินออกจากสิ่งเหล่านั้นโดยไม่หันกลับไปมองเลยก็เป็นไปไม่ได้ และดูเหมือนจันทร์จ้าวเองก็จะเข้าใจในข้อนี้ดี



   “หมอไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมเข้าใจ เรื่องของเรามันเป็นไปแทบไม่ได้ หากว่าหมอไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ผม หมอก็คงไม่เลือกที่จะสมหวังในความรักแน่ แต่ขอโทษเถอะ...ในเมื่อความรักครั้งนี้ของหมอเกิดกับผม และผมเลือกแล้วที่จะทำให้มันเป็นไปได้ มันก็ต้องเป็นไปได้” สมกับเป็นคนดื้อดึง นายแพทย์หนุ่มจับจ้องใบหน้าคนดื้อด้วยความรู้สึกหลากหลายในหัวใจ ทั้งขอบคุณ ทั้งรักทั้งหวง ทั้งซาบซึ้ง เขาอยากเอื้อมมือไปลูบผิวแก้มขาวๆของดวงหน้าที่มุ่งมั่นจริงจัง แต่เพราะเวลานี้เป็นเวลากลางวัน และอยู่ในรถกลางที่สาธารณะ หากมีใครมาเห็นเข้าคงไม่ใช่เรื่องดี สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้คือการเอื้อมมือไปกุมมือขาวแผ่วเบา



   “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่เข้าใจผมมากขนาดนี้”



   “เห็นข้อดีของผมแล้วซี บอกแล้วว่าถึงผมจะดื้อ ผมก็ดื้ออย่างมีประโยชน์ หมอนั่นล่ะ! ผมดื้อทีไรก็ดุสถานเดียว ไม่เคยดูเหตุผลเลยสักนิดว่าผมดื้อเพราะอะไร ดุมากๆ ผมก็เสียใจเป็น” ภวัตฟังคำพูดคนอวดตัวเองแล้วก็ถึงกับหัวเราะเบาๆ บรรยากาศขมุกขมัวและคุกรุ่นไปด้วยความไม่เข้าใจของพวกเขาเมื่อครู่จางหายไปอย่างง่ายดายด้วยการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาไม่กี่ประโยค



   “ผมเคยทำให้เสียใจด้วยหรือ” หมอภวัตตั้งคำถามด้วยรอยยิ้ม ดวงตากลมเหลือบมามองอย่างเอาเรื่อง



   “เคยซี! นอกจากจะทำให้เสียใจ ยังทำให้โกรธด้วย อ้ายเรารึอุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ดาราเข้ามาจุ้นจ้าน กลับมาหาว่าเราบังคับขู่เข็นน้อง ก็ไม่ได้คิดจะบังคับเสียหน่อย แค่พามารู้จักเอาไว้ หากชอบพอกันก็ดี หากไม่ชอบพอกันก็จะได้หาคนใหม่มาให้รู้จักอีก” คนฟังส่ายหน้าน้อยๆอย่างระอาใจกับความเจ้าแผนการของคนข้างกาย



   “ผมขอได้ไหม หากสุดท้ายแล้วคุณดาราไม่พึงใจใครสักคนที่คุณหามาให้ ก็อย่าไปบังคับเธอได้ไหมครับ”



   “ผมบังคับใครได้เสียที่ไหน ยิ่งดารายิ่งแล้วใหญ่ ดูอย่างวันนี้ซี! ชวนเพื่อนมาบ้านชนกับผมอีกแหน่ะ!” จันทร์จ้าวบ่น คนฟังก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ



   “คุณกับคุณดารานี่นิสัยเหมือนกันเลย”



   “ผมถึงอยากให้ดารารู้จักความรักอย่างไรล่ะ เมื่อไรที่รู้จักรัก เมื่อนั้นใจของดาราจะเปิดกว้างกว่านี้” หมอภวัตเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายเบาๆเป็นการปลอบประโลม



“จนกว่าจะถึงวันนั้น ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน ผมสัญญา” จันทร์จ้าวหันมองคนพูดแล้วยิ้มจางเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย พลางยักคิ้วล้อเลียน



   “ถึงจะผ่านวันที่ดารายอมรับเรื่องของเราได้แล้ว ผมก็ไม่ยอมให้หมอทิ้งผมหรอก หมอตกหลุมผมแล้ว ผมไม่ให้หมอปีนจากหลุมผมง่ายๆ” ภวัตมองคนพูดที่ดูจะมั่นอกมั่นใจในตัวเองเสียเหลือเกินแล้วก็ได้แต่หัวเราะ ฝ่ายคนพูดเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย เมื่อต่างฝ่ายต่างอารมณ์ดีแล้ว นายแพทย์หนุ่มจึงชักชวนไปขับรถเล่นเพื่อรับลม และแน่นอนว่าจันทร์จ้าวย่อมไม่ปฏิเสธเหมือนในคราแรกที่พาออกมาจากบ้านรักษพิพัฒน์



   รถยนต์ของนายแพทย์หนุ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนอีกครั้ง และครั้งนี้ ภายในรถก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของคน ๒ คนดังไปตลอดทาง


……………………………………..



   แขกที่ดารารัษมีและจันทร์จ้าวเชิญมาที่บ้านกลับกันไปแล้ว นภาสรวงกำลังดูแลให้คนรับใช้เก็บกวาดให้เรียบร้อยอยู่ที่ใต้ถุนเรือน ส่วนน้องสาวแฝดของหล่อนนั้นยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นอย่างเลื่อนลอยนับตั้งแต่จันทร์จ้าวออกไปกับหมอภวัตเมื่อตอนสาย จวบจนบ่ายแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะกลับมาเสียที



   แฝดพี่เดินออกมาจากครัว มองไกลไปยังหน้าประตูรั้วก็ยังไม่ห็นเงารถยนต์ของนายแพทย์หนุ่ม จึงเหลือบกลับมามองแผ่นหลังของน้องสาวที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม หล่อนถอนหายใจน้อยๆ แล้วจึงเดินออกจากครัวเข้าไปหาดารารัษมี



   “เป็นอะไรไปหรือ ดารา” ดารารัษมีเหลือบดวงตากลมโตมามองพี่สาวด้วยสายตาตั้งคำถาม



   “ถ้านภาเป็นคุณอุไร นภาเห็นพี่จันทร์โวยวายถึงเพียงนั้น นภาคิดอย่างไร” นภาสรวงออกจะคาดไม่ถึงกับคำถามของน้องแฝด แต่กระนั้นหล่อนก็ยังนั่งลงเคียงข้างและตอบอย่างใจเย็น



   “นภาคงตกใจน่าดู และคง...อาจจะกลัวด้วย พี่จันทร์มีน้ำโหแล้วโวยวาย ถึงจะไม่ทำอะไรใคร แต่แค่เสียงดังอย่างนั้นก็น่ากลัวใช่ย่อย” คราวนี้ดารารัษมีหันมามองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม



   “แล้วทำไมคุณหมอถึงไม่กลัว” เป็นคำถามที่นภาสรวงไม่รู้จะตอบเช่นไร เมื่อครู่นี้ตอนที่จันทร์จ้าวโวยวายให้ลั่น คนจะเข้าไปช่วยยังไม่กล้า คนที่กล้ากลับเป็นหมอภวัตที่ทำให้จันทร์จ้าวคลั่งเสียเพียงนั้น



   “คุณหมอเธอคงชินกระมัง หรือไม่อย่างนั้นก็เพราะเธอรู้จักพี่จันทร์ดี เธอรู้ว่าจะทำเช่นกับพี่จันทร์ที่อารมณ์ร้อน จะว่าไป ตั้งแต่ครั้งแรกๆ พี่จันทร์ก็ทำนิสัยแย่ๆใส่คุณหมอตั้งหลายหน เธอก็รับมือได้มาตลอด อย่างเมื่อครู่นี้ ดาราก็เห็น ตอนที่พี่จันทร์ถูกพาขึ้นรถ พี่จันทร์ตั้งท่าจะลง แต่พอถูกคุณหมอพูดอะไรด้วยหน่อย ก็ยอมนั่งในรถให้คุณหมอขับพาออกจากบ้านไป อย่างนี้จะไม่เรียกว่าคุณหมอรู้จักพี่จันทร์ดีได้หรือ” ดารารัษมีเงียบ ด้วยเพราะไม่รู้จะหาข้อขัดแย้งใดๆมาพูดกับพี่สาว หล่อนเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทุกอย่าง และเพราะเห็นจึงเอาแต่คิดไม่ตกว่าจะมีใครที่สามารถจัดการกับจันทร์จ้าวได้เท่าหมอภวัตหรือไม่



   “ดารา นภาขอสักเรื่องได้ไหม” นภาสรวงเอ่ยขึ้นมาเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่ ๒ คน ดารารัษมีหันมอง พี่สาวแฝดจึงพูดต่อ



   “เรื่องพี่จันทร์ หากไม่ยอมรับ ก็ถือเสียว่าไม่รู้ไม่เห็นได้ไหม ให้โอกาสพวกเขา ๒ คนตัดสินใจเรื่องของพวกเขาเองได้ไหม” ดวงตากลมโตของน้องสาวยังคงจับจ้องผู้พี่ ทว่าไม่มีคำตอบใดเอื้อนเอ่ยออกมา



............................................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8



หลังจากปรึกษาหารือกับท่านนายพลเดชและอาทิตย์ครู่ใหญ่จนได้ความว่าท่านนายพลจะให้บิดาของท่านหรือก็คือปู่ของอาทิตย์เป็นผู้ไปสู่ขอกับผู้ใหญ่ของหม่อมหลวงพิมพัชรา คุณหญิงผกาก็พาเอาความปลาบปลื้มออกมาจากห้องทำงานของสามีแล้วปล่อยให้ท่านนายพลและอาทิตย์พูดคุยกันเพียงลำพัง ตอนที่ออกมานั้น พอดีพบดารารัษมีเดินขึ้นเรือนมาเพียงลำพัง จึงเรียกเอาไว้



   “แม่ดารา” ธิดาคนเล็กเดินเข้ามาหา คุณหญิงผกาเพียงเดินไปนั่งที่มุมนั่งเล่น ดารารัษมีก็เดินตามอย่างนอบน้อม



   “วันนี้ที่พูดจาไม่งามกับเพื่อนของพ่อจันทร์น่ะ คิดว่าสมควรทำแล้วหรือ” กิริยามารยาทของดารารัษมีเป็นเรื่องที่หล่อนต้องพูด จึงต้องพักเรื่องปิติของบุตรชายคนใหญ่ไว้เสียก่อนแล้วทำตัวเข้มงวดกับธิดาคนเล็ก



   “ลูกขอโทษค่ะคุณแม่” หญิงสาวยกมือพนมไหว้ หล่อนเองก็รู้สึกผิดจริงที่ทำตัวไม่ใคร่จะดีกับนายวินิต แต่ตอนนั้นโมหะและทิฐิบังตา เห็นพี่ชายพาเพื่อนมาที่บ้านชนกับที่หล่อนพาอุไรมาก็ยิ่งแค้นเคือง ดูอย่างไรก็รู้ว่าจันทร์จ้าวตั้งใจพานายวินิตมาเพื่อให้ท่านนายพลและคุณหญิงผกาดูหน้า บ้านรักษพิพัฒน์มีธิดา ๒ คนก็จริง แต่นภาสรวงมีคนรักอยู่แล้ว เรื่องนี้จันทร์จ้าวทราบดี ดังนั้นเขาจึงหวังให้นายวินิตคู่กับหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัย



   “ไปขอโทษพ่อจันทร์เขาด้วย คุณวินิตน่ะเพื่อนของเขา เขาพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านก็เพราะอยากให้เพื่อนเห็นว่าครอบครัวเราเป็นผู้ดี แม่ดาราทำกิริยาเช่นนั้น แม่ไม่ชอบ”



   “ค่ะ คุณแม่ ลูกจะไปขอโทษพี่จันทร์” คุณหญิงผกามองท่าทางสำนึกผิดจริงของธิดาก็ถอนหายใจ



   “พ่อจันทร์เขาไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเรา เขากลับมา เราต้องยินดีที่เขากลับมานอนบ้าน ดูแลเขาเหมือนเป็นคนในครอบครัวและแขกในคราวเดียวกัน เรื่องไหนยอมได้ก็ยอมเสียบ้าง แม่รู้ว่าแม่ดาราออกจะไม่ชอบใจพี่เขา แต่อย่าทะเลาะกันต่อหน้าคุณพ่อเลย คุณพ่อไม่ชอบให้พี่น้องทะเลาะกัน”



   “ค่ะ ลูกจะไม่ทะเลาะกับพี่จันทร์” มารดายิ้มจางอย่างเบาใจที่ธิดาคนเล็กเอ่ยปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ กำลังจะไล่ให้ดารารัษมีไปทำกิจธุระอย่างอื่นตามอัธยาศัย แต่กลายเป็นหญิงสาวที่ตั้งคำถามขึ้นมา



   “คุณแม่คิดจะให้พี่จันทร์กลับมาอยู่ที่นี่บ้างไหมคะ” เป็นคำถามที่ทำให้คุณหญิงนิ่งงัน มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบดอกไม้มาร้อยมาลัยพลันต้องชะงัก ดวงตากลมซึ่งถอดแบบให้แก่บุตรธิดาทั้ง ๔ เหลือบกลับมามองคนตั้งคำถาม แล้วจึงถอนหายใจเบา



   “คิดสิ...แม่อยากให้พ่อจันทร์กลับมาอยู่ที่นี่...” จันทร์จ้าวคือบุตรชายคนโปรด การที่คนโปรดต้องไกลตา ได้พบหน้าแค่ปลายสัปดาห์เป็นเรื่องที่ทำให้คุณหญิงผกากินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่พักใหญ่



   “...แต่...พี่เขาอยู่ที่นั่นก็สุขสบายดีไม่ใช่หรือ” คุณหญิงผกาย้อนถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรักใคร่และเอ็นดูจันทร์จ้าว “...หากพ่อจันทร์อยู่ที่ไหนแล้วไม่สบาย เขาไม่อยู่นานหรอก นี่เพราะเขาอยู่สบาย เขาจึงอยู่ได้ เห็นเขาอยู่ได้ แม่ก็ไม่อยากบังคับเขา”



คำตอบของมารดาราวกับฉุดความรู้สึกนึกคิดของดารารัษมีให้ตระหนักถึงตัวตนของพี่ชายคนรอง จันทร์จ้าวผู้เอาแต่ใจ จันทร์จ้าวผู้ที่ไม่อาจมีใครหน้าไหนบังคับได้ จันทร์จ้าวผู้รักสบาย หากเขาอยู่ที่ใดแล้วสบายกายสบายใจ ต่อให้คนอื่นจะมองว่ายากลำบากเสียเพียงไร เขาก็จะอยู่ที่นั่นต่อไป เหมือนเมื่อครั้งไปเรียนต่างประเทศ จะไปก็ยาก ให้ไปถึงแล้วอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนก็ยาก เคยส่งจดหมายกลับมาว่าที่นั่นอากาศหนาวเข้ากระดูกแต่ก็ยังอยู่มาได้ตั้ง ๖ ปี อาหารการกินก็ไม่เหมือนบ้านเราแต่ก็ยังไม่ยักตาย คนอย่างนี้ไม่เหมือนใคร และคาดหวังให้เขาเหมือนคนอื่นก็เป็นไปได้ยาก



“นี่คุณพ่อสอนแม่อย่างนี้หรอก แม่คิดเองได้เสียที่ไหน” คุณหญิงผกาพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พลางเหลือบมองธิดาคนเล็ก “ที่แม่ดาราอยากจะให้พี่เขาแต่งงาน แม่ก็ขอบใจในความปรารถนาดีของลูก แม่ปรึกษาคุณพ่อเรื่องนี้ แต่คุณพ่อท่านว่าพ่อจันทร์เป็นคนเอาแต่ใจ ใครก็บังคับไม่ได้ เกิดบังคับให้พ่อจันทร์แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก เขาอาจจะยอมแต่ง แต่พอวันรุ่งขึ้นก็เก็บเสื้อผ้าหนีไปเรียนต่อต่างประเทศอีกหน คราวนี้แม่คงตรอมใจแย่” ดารารัษมีมองมารดาด้วยทั้งรักและสงสาร หากจันทร์จ้าวไม่ถูกบังคับให้แต่งงาน เขาก็อาจจะไม่ได้แต่งงานไปจนชั่วชีวิต เพราะคนที่เขาคบหาไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่จะพาออกหน้าออกตาได้



“เฮ่อ...ชาตินี้แม่ไม่รู้จะได้เจอคนที่บังคับพ่อจันทร์ได้ไหม คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังบังคับไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนอื่น ไม่รู้จะมีไหมนะ แม่ดารา คนที่จะบังคับพ่อจันทร์ได้คงจะมีอิทธิฤทธิ์เยอะเชียว” คุณหญิงผกาพูดพลางยิ้ม ดารารัษมีมองรอยยิ้มของมารดาแล้วก็พาเอายิ้มตาม



“แต่ดาราว่ามีนะคะ...คนที่จะบังคับพี่จันทร์ได้” หล่อนพูดพลางนึกถึงใครบางคนที่หาญกล้าบังคับพาจันทร์จ้าวผู้กำลังมีน้ำโหขึ้นรถออกไปด้วยกันได้ ใครบางคนที่ไม่ใช่แค่บังคับจันทร์จ้าวในยามอารมณ์ปกติ แต่กลับสามารถบังคับได้แม้กระทั่งตอนที่พี่ชายของหล่อนหงุดหงิดโวยวาย



“แม่ดาราพูดอย่างกับเคยเจอมาแล้ว เคยเห็นผู้หญิงคนไหนบังคับพ่อจันทร์ได้หรือ?!” คุณหญิงผกาถามอย่างตรงไปตรงมาด้วยความอยากรู้ ดารารัษมีชะงักเมื่อถูกถามในสิ่งที่หล่อนรู้คำตอบดี ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังสำแดงฤทธิ์ในหัวใจของหญิงสาว หากบอกเรื่องของจันทร์จ้าวและหมอภวัตให้คุณหญิงทราบ มารดาจะต้องเสียใจแต่ก็คงสั่งเฉียบขาดให้ทั้ง ๒ คนเลิกคบหากันหนำซ้ำจะหาคู่ให้พี่ชายของหล่อนอย่างเร่งด่วน และเมื่อนั้นคนที่เสียใจก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายคน ทั้งจันทร์จ้าว ทั้งหมอภวัต และผู้หญิงที่ต้องมาแต่งงานด้วย



“ว่าอย่างไรแม่ดารา เคยเจอไหม?!” คุณหญิงผกาถามย้ำด้วยความตื่นเต้น หล่อนคิดว่าหากจันทร์จ้าวสนใจสตรีคนใด เขาเป็นคนเปิดเผย พี่น้องอีก ๓ คนน่าจะรับรู้



“บอกแม่มาเถอะ ถ้าแม่ดารารู้เห็นอะไร พ่อจันทร์มีผู้หญิงที่สนใจหรือยัง เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร...ไฮ้! นี่แม่ก็ว่าจะไม่ถามคำนี้ คุณพ่อดุเอาไว้ว่าแม่คาดหวังกับสะใภ้มากเกินไป” คุณหญิงผกาพูดแล้วก็นึกหงุดหงิดตนเอง แต่ก็ยังจับจ้องธิดาด้วยคาดหวังคำตอบ



ดารารัษมีมองสบกับดวงตาของมารดา ทว่าก่อนที่จะได้เอื้อนเอ่ยชื่อใครบางคนออกมา เสียงของแฝดพี่ก็ดังขึ้นมาในหัว



‘เรื่องพี่จันทร์ หากไม่ยอมรับ ก็ถือเสียว่าไม่รู้ไม่เห็นได้ไหม ให้โอกาสพวกเขา ๒ คนตัดสินใจเรื่องของพวกเขาเองได้ไหม’



...ให้ถือเสียว่าไม่รู้ไม่เห็น...ให้โอกาส...ให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง...



“ดารา...” หล่อนเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก



“...ไม่เคยเจอหรอกค่ะ แค่คิดว่าน่าจะมีเท่านั้นเอง”



แม้จะยังไม่อาจทำใจยอมรับ แต่หล่อนจะปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หากจันทร์จ้าวอยู่กับหมอภวัตแล้วสบายใจสบายกายทั้งๆที่หล่อนมองอย่างไรก็ลำบากเพราะไม่อาจแต่งงานกันตามธรรมนองคลองธรรม เหมือนเมื่อครั้งที่หล่อนมองว่าจันทร์จ้าวไปตกระกำลำบากที่อเมริกา แต่กลับอยู่จนกระทั่งเรียนจบ หากพวกเขาอยู่กันยืด หล่อนก็จะถือว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อคู่กันจริง แต่หากสุดท้ายต้องจากลากันไป หล่อนก็ถือเสียว่าไม่ต้องทำอะไรแต่พวกเขาก็เลิกรากันเองแล้วกัน



“พุทโธ่! แม่ก็นึกว่าแม่ดาราเคยเจอมาแล้ว ถ้าเจอเมื่อไรให้รีบมาบอก แม่จะไปสู่ขอผู้หญิงคนนั้นให้พ่อจันทร์วันนี้วันพรุ่งเสียเลย แต่ถ้าไม่มีก็ช่างเถอะ ถือเสียว่าพ่อจันทร์ทำบุญมามากเมื่อชาติที่แล้ว ชาตินี้จึงได้เอาแต่ใจตัวเองอย่างเต็มที่ไม่มีคนมาคอยบังคับยังไรล่ะ”



ดารารัษมีไม่พูดกระไรเมื่อคุณหญิงผกาดูจะไม่ใส่ใจเรื่องคู่ครองของบุตรชายคนโปรดอีก ด้วยเพราะอาจจะตระหนักได้ว่าจันทร์จ้าวผู้แสนเอาแต่ใจนั้น หาคนอยู่ด้วยยาก



หล่อนจะรอดู...จะรอดูว่าใครบางคนจะอยู่กับคนเอาแต่ใจที่หาคนอยู่ด้วยยากอย่างจันทร์จ้าวได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ทั้งที่ใจไม่สนับสนุน แต่กระนั้นดารารัษมีก็รู้ดีว่าเสี้ยวหนึ่งของหัวใจ หล่อนอยากเห็นพี่ชายคนรองมีความสุขกับคู่ชีวิตจวบจนลมหายใจสุดท้ายมาถึง



........................................



จันทร์จ้าวพบกับความประหลาด เรื่องที่ ๑ คือพอกลับมาที่บ้านในเย็นวันนั้น ดารารัษมีที่มีทีท่ามึนตึงกับเขามาโดยตลอด กลับดูเหมือนจะขจัดความไม่พอใจเรื่องเขาและหมอภวัตได้แล้ว แม้จะไม่ได้พูดคุยกันเหมือนเก่า แต่หล่อนก็ไม่มองเขาตาขวางเหมือนที่แล้วมา ส่วนเรื่องที่ ๒ เกิดขึ้นในเช้าวันจันทร์ที่อาทิตย์ขับรถมาส่งเขาที่หน้าสำนักงาน



“ขอบใจมากพี่อาทิตย์ ผมไปก่อนล่ะ แล้วเจอกันเย็นวันศุกร์ เป็นว่านัดที่วังฉัตรเหมือนเดิม พี่อาทิตย์มาได้ทุกเวลาตามแต่สะดวก ไม่ใช่ซี...เดี่ยวนี้พี่ชายของเราเป็นคู่รักกับทายาทวังเสียแล้ว ต้องให้พี่ชายของเราเชิญเราไปวังฉัตรต่างหาก” อาทิตย์หัวเราะเบาๆกับคำพูดของน้องชายที่สรรหาคำมาหยอกเย้าเขาเหลือเกิน



“พูดอะไรอย่างนั้น เออ...เห็นว่าที่ร้านมีรถใหม่เข้ามาแล้ว จันทร์จะไปดูสักทีไหม นี่คุณแม่ก็ให้พี่มาถาม ว่าเมื่อไรจะซื้อรถ”



“คงยังไม่ซื้อ ไม่มีรถผมก็สะดวกดี หรือติดรถพี่อาทิตย์มาอย่างนี้ พี่ไม่สะดวก?”



“พี่น่ะสะดวก แต่จันทร์ต่างหาก วันอื่นๆไปกลับจากสำนักงานยังไรล่ะ ติดรถคุณพงศ์หรือ คุณพงศ์ก็ไม่ค่อยจะอยู่ไม่ใช่หรือ ไหนว่าต้องไปดูที่ดินกับคุณชายฉัตรด้วย?”



จันทร์จ้าวเงียบ ด้วยเพราะไม่กล้าบอกความจริงว่าหากไม่ใช่ช่วงที่ทะเลาะกันแล้ว เขามักจะติดรถหมอภวัตไปและกลับแทบทุกวัน



“ก็...มาเองบ้าง ติดรถคนนั้นคนนี้มาบ้าง ไม่ลำบากหรอก” คนเป็นน้องรีบตอบ อาทิตย์ก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อดูท่าแล้วจันทร์จ้าวคงยังไม่อยากจะซื้อรถจริง



“เอาเถอะ จะซื้อเมื่อไรก็มาบอก คุณแม่วานให้พี่ช่วยดูแลเรื่องรถของจันทร์ด้วย”



“อื้อ...” จันทร์จ้าวกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แต่เสียงของพี่ชายคนใหญ่ดังขึ้นอีกหน



“มีอีกเรื่อง...จันทร์คืนดีกับคุณหมอหรือยัง” เป็นคำถามที่ชวนให้ชะงักยิ่งกว่าคำถามแรก จันทร์จ้าวไม่กล้าหันไปสบตาอาทิตย์ และตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ดูเป็นปกติที่สุด



“ก็...ดีแล้ว...พี่อาทิตย์มีอะไรหรือ”



“ไม่มีอะไรหรอก เห็นไม่กี่วันก่อนยังเดินที่เยาวราชด้วยกันอยู่เลย จู่ๆเมื่อวันเสาร์ก็ทะเลาะกันอย่างนั้น แต่ถ้าดีกันแล้ว ก็ดี”



“พี่อาทิตย์เห็นหมอกับผมที่เยาวราชหรือ”



“ใช่ จะว่าไปก็แปลก จันทร์กับคุณหมอทะเลาะกันหลายหนจริง แต่ก็ดีกันได้ทุกหน ใช่นิสัยของเราเสียที่ไหน เห็นแต่ก่อนเวลาทะเลาะกับใครที ถ้าไม่ใช่คุณพงศ์ ก็โกรธยาวนานข้ามเดือนข้ามปี ไม่สนใจอีกเลย นี่กับคุณหมอ เดี๋ยวดีกันเดี๋ยวทะเลาะกัน” อาทิตย์พูดตามที่เขาคิดด้วยน้ำเสียงราบเรื่อยฟังดูออกจะเอ็นดูน้องชายของตนอยู่มาก แต่กระนั้น จันทร์จ้าวกลับรู้สึกเหมือนเป็นวัวสันหลังหวะ เหงื่อซึมตามไรผมเพราะเกรงว่าพี่ชายคนใหญ่จะทราบเรื่องของตนอีกคน



“...เอ่อ...ก็ไม่เห็นแปลก หมอกับผมก็สนิทกันเหมือนที่ผมสนิทกับคุณพงศ์อย่างไรล่ะ ผมต้องไปทำงานแล้วพี่อาทิตย์ แล้วไว้เจอกัน” เขาพูดเพียงเท่านั้นก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินลิ่วเข้าสำนักงานไปอย่างรวดเร็ว อาทิตย์มองตามอดแปลกใจกับท่าทีของน้องชายไม่ได้ แต่เมื่อไม่อาจจับตัวกลับมาถามไถ่ เขาก็ทำได้เพียงออกรถกลับเข้าสู่ถนนอีกครั้ง



ชายหนุ่มขับรถออกจากหน้าสำนักงานด้วยความคิดหนึ่งที่ยังติดอยู่ในหัวนับตั้งแต่เมื่อครู่ที่เขาหันมองน้องชาย



...จันทร์จ้าวกับภวัตหน้าตาคล้ายกันจริงด้วย...



....................................................   



   แม้จะติดใจเรื่องจันทร์จ้าวและหมอภวัตอย่างไรชอบกล แต่อาทิตย์ก็ไม่ได้ตั้งคำถามนี้กับตนเองอย่างจริงจังนัก แม้จะมีเสียงจากเพื่อนในกรมเล่าสู่กันฟังว่าพบน้องชายของเขาไปตีเทนนิสกับหมอภวัตแทบทุกวัน แต่อาทิตย์ก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของน้องชายผู้คลั่งไคล้เทนนิส ถึงจะอดแปลกใจไม่ได้ที่บัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไปตีเทนนิส ไปรับประทานอาหาร หรือไปที่ไหนๆ กลายเป็นหมอภวัตที่ตัวติดกับน้องชายของเขาเสียแล้ว



   เย็นวันศุกร์ เขาไปรับหม่อมหลวงพิมพัชราที่โรงเรียนสตรีกัลยาณีตามเคย แล้วจึงมาส่งหล่อนที่วังฉัตร ตั้งใจว่าจะอยู่รอรับจันทร์จ้าวที่นี่เพื่อพากลับบ้านรักษพิพัฒน์ตามเคย ทว่าพอรถโฟล์คเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าตึก รถยนต์ที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก็ทำให้ทั้งอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราพากันฉงน



   หญิงสาวเป็นผู้ลงจากรถคนแรก นายคำเดินเร็วๆเข้ามารับกระเป๋าถือและหนังสือ ราชนิกูลสาวจึงตั้งคำถามกับคนรับใช้เช



   “คุณหมอมาหรือจ๊ะ นายคำ”



   “ขอรับ”



   “เอ?...วันนี้คุณพ่อไม่อยู่ไม่ใช่หรือ หรือคุณพ่อนัดคุณหมอไว้แล้วท่านลืม?”



   “คุณหมอไม่ได้มาพบคุณชายขอรับ คุณหมอเธอมาพร้อมคุณจันทร์” อาทิตย์ลงจากรถมาทันได้ยินพอดีก็ถึงกับขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น



   “คุณจันทร์มาพร้อมคุณหมอหรือ” ราชนิกูลสาวถามอีก ด้วยความฉงนไม่แพ้กัน เพราะเดิมทีหากเป็นวันศุกร์ที่จันทร์จ้าวนัดพบอาทิตย์ที่นี่ เขามักจะติดรถมาพร้อมกับพี่ชายของหล่อน ไม่ใช่มาพร้อมกับหมอภวัต



   “ขอรับ เห็นว่าคุณพงศ์ออกจากสำนักงานแล้วจะเลยไปทำธุระต่อ คุณจันทร์จึงมากับคุณหมอขอรับ”



   เป็นว่าหมอภวัตมาที่วังฉัตรด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวคือพาจันทร์จ้าวมาส่ง อาทิตย์รู้สึกประหลาดในอก แปลกใช่น้อยเสียเมื่อไรที่หมอภวัตขันอาสารับส่งน้องชายของเขาถึงเพียงนี้ จากโรงพยาบาลที่หมอภวัตทำงานอยู่ มาสำนักงานของจันทร์จ้าว แล้วมาที่วังแห่งนี้ ไม่ใช่อยู่ในละแวกเดียวกันเสียหน่อย



   “แล้วตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหนกัน” อาทิตย์ถาม คิ้วยังขมวดมุ่นด้วยหาคำตอบให้กับตนเองไม่ได้



   “อยู่ที่โต๊ะริมน้ำขอรับ” นายคำตอบ อาทิตย์จึงหันมาทางราชนิกูลสาว



   “ผมขอตัวไปหาจันทร์สักครู่นะครับ”



   “พิมพาไปเองค่ะ” ท่าทางไม่สู้ดีของคู่รักทำให้หม่อมหลวงพิมพัชราห่วงใย หล่อนเอ่ยปากแล้วจึงส่งกระเป๋าถือและหนังสือให้คนรับใช้นำไปเก็บ แล้วจึงเป็นฝ่ายก้าวเท้าเดินนำอาทิตย์ไปยังโต๊ะริมน้ำซึ่งเป็นสถานที่ที่จันทร์จ้าวและภวัตอยู่ด้วยกัน



................................................   



   โต๊ะม้าหินริมน้ำร่มรื่นยังคงมีลมเย็นจากแม่น้ำพัดเอื่อยมาให้คลายร้อน จันทร์จ้าวและภวัตนั่งอยู่ด้วยกัน คุยกันเพียงเบาๆ ตรงหน้ามีเครื่องดื่มเย็นและขนมที่คนในวังยกมาให้ ก่อนจะปล่อยให้พวกเขาอยู่กันเพียงลำพัง ดูเหมือนหม่อมหลวงพงศ์ภราธรจะเคยสั่งคนรับใช้เอาไว้ว่าหากจันทร์จ้าวและหมอภวัตอยู่ด้วยกัน ให้ปล่อยพวกเขาทั้งคู่อยู่กัน ๒ คนได้ตามอัธยาศัย ไม่ต้องตามดูแล ทั้ง ๒ จึงเหมือนอยู่ในรโหฐานส่วนตัว พอที่หมอภวัตจะจับจ้องดวงหน้าขาวของคู่รักของตนได้โดยไม่ต้องเกรงใคร



   “คราวหลังผมไม่ให้หมอมาส่งผมแล้ว หมอพามาส่งแล้วเกเรไม่ยอมกลับ คุณพงศ์ก็ห่วงไม่เข้าเรื่อง คิดว่าผมกลับมาที่นี่เองไม่เป็นหรือไร ถึงต้องโทรศัพท์ตามให้หมอมารับผมมาส่ง” จันทร์จ้าวบ่น แต่กระนั้นสีหน้าก็ยังดูอารมณ์ดีกว่าเรื่องที่บ่นมากนัก นายแพทย์หนุ่มหัวเราะเบาๆ



   “คุณพงศ์เธอเป็นห่วงคุณนี่ครับ”



   “ห่วงกันมากๆ จะซื้อรถเสียเลย”



   “ถ้าคุณซื้อรถ คุณก็ต้องขับรถเอง ถนนกรุงเทพฯวุ่นวาย ทั้งรถราง ทั้งสามล้อ ทั้งคนเดิน จะไม่สะดวกเอานะครับ” จันทร์จ้าวหรี่ตามองคนพูดที่ดูเหมือนจะยังคงรักษาสีหน้ายิ้มน้อยๆนั้นเอาไว้ได้ แม้คำพูดจะฟังดูแล้วกำลังชักจูงให้เขาคล้อยตามก็ตามที



   “หมอหมายความว่าผมนั่งรอให้คนมารับมาส่งนี่สะดวกกว่าหรือ”



   “ก็...เห็นจะเป็นเช่นนั้นครับ” ภวัตยอมรับพร้อมด้วยรอยยิ้ม จันทร์จ้าวหัวเราะกำลังจะหยอกเอินคนที่นั่งร่วมโต๊ะกัน แต่เพราะลมหอบใหญ่พัดมาจากแม่น้ำและตีเอาเศษฝุ่นเศษดินจากพื้นขึ้นมาเข้าตา ดวงตากลมใหญ่จึงหลับลงในทันที



   “อื้อ!” เขาครางเบา แล้วยกมือขึ้นจะขยี้เพราะความเคือง แต่ภวัตรีบยื้อมือขาวเอาไว้เสียก่อน



   “เป็นอะไรไปครับ”



   “ฝุ่นเข้าตาน่ะซี เคืองตาจริงหมอ...” จันทร์จ้าวยกมืออีกข้างจะขยี้ตาให้จงได้ แต่ภวัตจับรวบมือ ๒ ข้างเอาไว้ด้วยกัน



   “ใจเย็นครับ ผมจะดูให้” เขาพูดเสียงทุ้มอ่อนโยน แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดของตนออกมา ก่อนจะปล่อยมือข้างที่รวบมือของจันทร์จ้าวเอาไว้ เพื่อประคองดวงหน้าขาวให้เงยขึ้น เขาแตะที่ใต้ตาเบาๆเพื่อให้เปิดออก แต่คนเคืองตายังดื้อดึงจะยกมือขึ้นขยี้ให้จงได้



   “จุ๊ๆ อยู่เฉยๆ ผมทำให้นะครับ” ภวัตพูดเบาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือที่ตั้งท่าจะยกขึ้นขยี้จึงต้องวางลงกับตักเช่นเดิมแล้วยอมอยู่เฉยให้นายแพทย์หนุ่มช่วยเขี่ยเศษผงออกจากตาให้



   “ดีขึ้นไหมครับ” เขาตั้งคำถาม จันทร์จ้าวจึงลองกะพริบตาถี่ๆดู แล้วก็พบว่าอาการเคืองเมื่อครู่หายไปแล้ว แต่รู้สึกเหมือนจะมีน้ำตาคลอมากเป็นพิเศษ ภวัตจึงช่วยซับที่หัวตาให้



   “ขอบคุณ” คนได้รับการดูแลพึมพำเสียงเบา ดวงตากลมใหญ่จับจ้องใบหน้าของคนที่ขยับเข้ามาใกล้แล้วยิ่งรู้สึกอุ่นซ่านในอก หากจะมีใครดูแลเขาได้ดีเทียบเท่าหมอภวัต ชั่วชีวิตนี้คงหาไม่เจออีกแล้ว



   “เอาผ้าเช็ดหน้ามาซี ผมจะเอาไปซักให้” เพราะอยู่ใกล้กันมาก หากยังปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมต่อไป จันทร์จ้าวคงพูดไม่ออกมากกว่านี้ เขาจึงต้องหาทางเลี่ยงด้วยการเบี่ยงสายตาลงมองผ้าเช็ดหน้าที่ยังอยู่ในมือของภวัต



   “ถ้าคุณเอาผืนนี้ไปอีก จะกลายเป็นว่าคุณมีผ้าเช็ดหน้าของผม ๒ ผืนแล้วนะครับ” ภวัตพูดแล้วยิ้มจางอย่างเอ็นดู ดูเหมือนจันทร์จ้าวจะลืมไปเสียแล้วว่าตนเองยังไม่ได้คืนผู้เช็ดหน้าที่อีกฝ่ายให้ยืมมาเช็ดฝนเมื่อคราวก่อน เสื้อผ้าของภวัตที่เคยใส่ก็ยังอยู่กับเขา ไม่ได้นำมาคืนเสียที



   “งกไปได้ จะไปเอาผืนเก่ามาคืนเดี๋ยวนี้” จันทร์จ้าวพูดแล้วลุกขึ้นจะเดินกลับไปบ้านเช่าของตน แต่ภวัตคว้าแขนแล้วดึงลงมานั่งร่วมม้านั่งเดียวกันเสียก่อน ดวงตาอ่อนโยนที่จับจ้องใบหน้าของจันทร์จ้าวเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู เสียจนคนถูกจับจ้องต้องเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น แต่กระนั้นก็ปล่อยให้นายแพทย์หนุ่มจับแขนของตนไม่ปล่อย



   “ผมไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย จะยึดไปอีกกี่สิบผืนผมก็ยินดี ขอแค่ยึดไปแล้วเก็บไว้ดูต่างหน้าบ้าง ผมจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง” จันทร์จ้าวไม่คิดว่าตนเองจะเป็นคนช่างขวยขนาดนี้ และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนช่างอ้อล้อเช่นกัน ไม่คิดว่าพอความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางนี้แล้ว เขาได้รู้จักตนเองในมุมที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และได้พบเห็นภวัตในมุมที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเช่นกัน



   “ใครจะเก็บไว้ดูต่างหน้าเล่า ก็เจอหน้ากันแทบทุกวัน” จันทร์จ้าวยังสู้เถียง แต่ไม่ยอมมองหน้า ปล่อยให้นายแพทย์หนุ่มจับจ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างได้ตามสะดวกจนอดใจไม่ไหวต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเกลี่ยแก้มขาวแผ่วเบาด้วยความรักใคร่



   “ทำอะไรกัน!!!” เสียงหนึ่งดังกระชาก ทำเอาทั้งภวัตและจันทร์จ้าวสะดุ้งแล้วพากันหันมองด้วยความตกใจ แล้วก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนจับจ้องมาทางพวกเขา



   “พี่อาทิตย์!” และไม่ใช่แค่อาทิตย์ แต่หม่อมหลวงพิมพัชราก็ยืนอยู่ด้วย



   “พี่ถามว่าทำอะไรกัน?!!” อาทิตย์ก้าวเท้าเดินเข้ามาหาและจ้องเขม็งไปที่น้องชายของตนด้วยสายตาดุดัน จันทร์จ้าวเผยอปากคิดหาคำพูดอย่างว่องไว



   “...คุย...คุยกัน...”



   “ที่พี่เห็นไม่ใช่คุยกัน!!” อาทิตย์เถียงเสียงเข้ม ภวัตเห็นท่าไม่ดีเกรงว่าพี่น้องจะทะเลาะกัน จึงดึงจันทร์จ้าวไว้ข้างหลังตน แล้วเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทน



   “คุณอาทิตย์...”



“ผมถามน้องผม!” นายทหารหนุ่มหันมาขึ้นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว นี่เป็นครั้งแรกที่ภวัตเห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์โมโหเช่นนี้ ทว่านายแพทย์หนุ่มก็ยังทำใจเย็นพูดด้วยเสียงต่ำอย่างจริงจังเน้นย้ำกลับไป



“ผมต้องการคุยกับคุณ” อาทิตย์จับจ้องคนพูด สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและดุดันแตกต่างจากอาทิตย์ผู้เงียบเชียบและเคร่งขรึมอย่างทุกที



   “หมอ...” น้องชายของอาทิตย์เรียกเขาเอาไว้ แต่ภวัตกลับหันมาส่งยิ้มจางให้ราวกับจะปลอบโยน



   “ขอผมคุยกับคุณอาทิตย์สักครู่ เชิญทางนี้ครับคุณอาทิตย์” ภวัตพูดแล้วเดินนำอาทิตย์ออกมาจากโต๊ะริมน้ำ นายทหารหนุ่มมองตามแผ่นหลังคนเดินนำแล้วจึงหันมามองจันทร์จ้าวที่ยืนเงียบ



   “แล้วพี่จะกลับมาคุยกับจันทร์! เตรียมคำตอบเอาไว้ให้ดี!!” เขาพูดเพียงเท่านั้นแล้วจึงก้าวเท้าฉับๆตามหลังหมอภวัตออกไป ปล่อยให้จันทร์จ้าวทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมอย่างหมดแรง



ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
   ดารานี่น้ำจิ้ม พี่อาทิตย์นี่ของจริง ฮาฮา แต่อย่าเพิ่งโกรธเกลียดพี่อาทิตย์นะคะ พี่อาทิตย์แกเป็นผู้ชายยุคก่อนปี 2500 ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากที่แกจะต้องมีปฏิกริยากับเรื่องนี้แบบนี้ ให้เวลาแกหน่อย เพราะยังไงซะเรื่องนี้ชื่อเรื่องจันทร์จ้าว คนชื่อจันทร์จ้าวก็ต้องชนะค่ะ

   เดี๋ยวไปทำงานต่อก่อน มีงานกลับมาทำที่บ้าน ส่วนเรื่องนี้ จริงๆบัวพิมพ์จบแล้วค่ะ คิดว่าไม่เกินสิ้นเดือนหน้าก็คงลงเรื่องนี้จนจบแล้วล่ะ ส่วนจะมีตอนพิเศษมั้ย เดี๋ยวขอดูอีกทีนะคะ แต่ที่สำคัญ ยังไงหมอต้องได้คืนความสุขค่ะ แกทุกข์มาเยอะ ฮาฮา

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดค่ะ

   เจอกันพฤหัสหน้า


ออฟไลน์ ï_Kiss_U♥

  • รักไม่ได้
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

 ปลื้มปริ่ม

 ไม่ต้อง  :call: ก้อ....คุณหมอ ก็มาตามสัญญา  :กอด1:

 แต่ว่าสั้นไปนิดนึง

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :katai3:สบายจริง ดร่ามายิ่งเยอะ ยิ่งจะได้กันเร็ว อิอิ จัดไปค่า พี่อาทิตย์

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

สงสาร คุณหมอ กะ คุณจันทร์

เกิดในยุคที่เป็นรักต้องห้าม

ถ้าทั้งสองคนเกิดในยุคนี้ คงจะมีแฟนคลับติ่งมากมายไปแล้ว

เพราะโปรไฟล์ทั้งคู่แซ่บอ่ะ

เพราะเราจะสมัครเป็นติ่งเลยยยย :mew4:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ใกล้จบแล้วหรอ  :serius2: พี่อาทิตย์ใจเย็นๆนะอย่าต่อยหมอล่ะ เดี์ยวโดนจันทร์งอน

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
พี่อาทิตย์ตวาดที น้องนี่สะดุ้งเกือบล้มเลยค่ะ ดีนะคุณพงศ์ประคองไว้   อุ๊ปส์!..  :laugh3:

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ที่แท้พี่อาทิตย์นี่ของจริงใช่ไหมมมมม :katai1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ลงจบ.. อีก 3 วีค อีก 3 ตอน อ๊าคคคคคค ยังไม่อยากให้จบเลยยยแงงงง
คุณจันทร์ช่างขวย คุณหมอช่างอ้อล้อ ถ้าปัจจุบันอย่างหมอภวัตนี่ต้องบอกว่า"อ้อยมาก" 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยยยย ตายแน่คราวนี้
เรารักพี่อาทิตย์นะ รู้ว่าพี่อาทิตย์ก็รักจันทร์มาก
ขอให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เพี้ยงงงง

เรารู้สึกว่าตอนนี้ภาษาสวยมากกก ทุกอย่างลงตัว ละมุนไปหมด
แต่ฉากจบนี่ อิมเมจพี่อาทิตย์ให้ความรู้สึกเหมือน
เจ้าคุณถือไม้ตะพรตจะมาตีลูกทาสที่แอบมาพรอดรักกับลูกสาวตัวยังไงยังงั้น 5555

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
คุณหมอนี่แมนมากเลย ยืดอกรับได้ทุกอย่าง  ส่วนจันทร์ไม่ต้องพูดถึง สุดยอด :katai2-1:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
สงสารหมอ
รู้ว่ามันผิด
แต่รักไปแล้ว
แค่มีความสุข
ไม่พออีกหรอ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โอ้โห ถ้าผ่านด่านพี่อาทิตย์ไปได้
คุณหญิงกับท่านนายพลคงจะผ่อนแรงลงแล้วใช่ไหมคะ 55555

ขอบคุณพี่บัวมากนะคะ

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
โถ อีเว้นท์แม่ดาราเพิ่งจบไป พี่อาทิตย์อย่าดื้อมากนะ ไม่งั้นยึดคุณพิมคืนเลย

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นี่ขนาดพี่พระอาทิตย์นะ แล้วคุณพ่อจะขนาดไหน? (ส่วนคุณแม่มิแคล้วต้องเป็นลมล้มพับไปแหง)  :m15:

ออฟไลน์ lunarinthesky

  • ~ My Cutie Candy... ~ Meow
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-0
คนเงียบๆนี่น่ากลัวจริงๆเวลาเอาเรื่องขึ้นมา >.<

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คุณพี่อาทิตย์จะโผล่มาขัดหนุ่ม ๆ กำลังหยอกล้อกันทำไมหนอ ไม่รู้เวล่ำเวลาเสียจริง
อยากรู้ว่าคุณหญิงแม่จะทำยังไง จะยึดขนบธรรมเนียมหรือความสุขของพ่อจันทร์มาก่อน

ออฟไลน์ Naeon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
รอๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Baekllym

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบนิสัยคุณหมอจังเลย สุขุม มีเหตุผล แถมหยอดเก่งด้วย  :-[
พี่อาทิตย์อย่าริสู้กับจันทร์เลย ไม่ชนะหรอก เปิดใจให้กว้างๆนะคะ  :serius2:

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สะดุ้งตามจริงงงง พี่อาทิตย์น่ากลัว 55555+

นี่ชอบเห็นภาพซ้อนทับพี่อาทิตย์กะคุณหมอ

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
พี่อาทิตย์ขี้อายคนนั้นบทจะระเบิดนี่ ดาราสิบคนยังดูจะสู้ไม่ได้ แหล่วๆๆๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
แมนๆคุยกันครัช

ออฟไลน์ Chompooiriza

  • ~ Good Morning Sunshine ~
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
โอ้ยๆ

พี่อาทิตย์!!!!!!!!!

เรื่องดาราเพิ่งจะเคลียร์เสร็จไปเองนะ

ไม่ให้เวลาคู่รักสวีทกันหน่อยเลยหรอค้าาาาา!!!

แล้วไหนจะคุณพ่อคุณแม่อีก หลายด่านนัก!

บอกเลยว่าจันทร์ต้องดื้อได้โล่ ส่วนคุณหมอนั้นจะต้องสตรองสุดๆ!!

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
พี่อาทิตย์ยังหัวโบราณอยู่สินะ หึหึ แต่ไม่คณามือจันทร์เจ้าหรอกก

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
พี่อาทิตย์โหดดีจัง
ชอบมาก 5555

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ด่านพี่อาทิตย์คงจะโหดกว่าด่านดาราแน่นอน

ออฟไลน์ mr_longza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มาตรงเวลาตลอด

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โถวววว เห็นว่าดาราพอจะยอมๆแล้วก็นึกว่าจะหมดดราม่าที่ไหนได้มาแจ๊กพอตกับพี่อาทิตย์ซะงั้น การที่หมอขอคุยกับพี่อาทิตย์โดยตรงคิดว่าพี่อาทิตย์น่าจะรับรู้ความจริงใจของหมอได้นะเพราะงั้นให้โอากสเค้าหน่อยเถอะ อย่าดราม่าบังคับอะไรจันทร์เลยนะ ส่วนที่คุณบัวบอกว่าเรื่องนี้ใกล้จบแล้วแอบใจหายเลยค่ะ เพราะอีกไม่กี่ตอนเองจริงๆ หวังว่าตอนจบหมอจะได้คืนความสุขแบบเต็มที่นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด