...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 744175 ครั้ง)

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
สวัสดีค่ะ คุณบัว ดีใจมากมากมาก ที่ได้อ่านผลงานของคุณบัวอีก
คิดถึงคุณเสียเหลือเกิน คุณบัวกลับมาครั้งนี้ ก็ทำเรามีความสุขอีกแล้ว
ได้อ่านสนุกๆ น่ารักๆ และเป็นที่ชอบมากด้วย 'พีเรียดสีลูกวาด'

ชอบจันทร์จ้าว ดูมีหลากหลายอารมณ์ดี อ่านให้ความรู้สึกว่าเป็นนักเรียนนอกในสมัยนั้นดีนะ

ความจริงชอบมันทุกละครนั้นละคะ  ^^

ขอบคุณคนเขียน รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๑๔   



นายแพทย์ภวัตยังคงเป็นผู้ดูแลคนสำคัญสำหรับคนป่วยที่ใกล้จะหายดี ทั้งเช็ดเนื้อเช็ดตัว จัดยาและอาหาร ตกกลางคืนก็กางมุ้งนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียง นอกจากนั้น ยังเป็นสารถีคอยรับส่งเมื่อจันทร์จ้าวต้องไปสำนักงาน ตอนเช้าขับรถไปส่ง ตอนกลางวัน ขับรถมารับไปรับประทานอาหารนอกสำนักงาน ตอนเย็นก็ย่อมต้องเป็นหมอภวัตคนเดิมที่แวะมารับกลับบ้าน
 

เย็นวันพุธที่ฝนตกหนัก จันทร์จ้าวรออยู่ที่ชั้นล่างของสำนักงาน พอเห็นรถยนต์คุ้นตาวิ่งเข้ามาจอดเลียบที่ฟุตบาธหน้าร้านก็เปิดประตูวิ่งฝ่าฝนออกไปขึ้นรถในทันที


   “ขอบคุณที่แวะมารับ” คนกระโดดขึ้นนั่งที่เบาะข้างคนขับหันไปพูดพร้อมรอยยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย ภวัตมองรอยยิ้มนั้นแล้วยิ้มจาง ความรู้สึกอิ่มเอิบพอกพูนในอก แค่ได้เห็นรอยยิ้มบนดวงหน้านี้ เขาก็มีความสุขมากแล้ว


   “หมอ ขับรถได้แล้ว เอาแต่มองหน้าผมแล้วจะถึงบ้านไหม”


ปกติไม่ใช่คนเขินอาย แต่ไม่ทราบเพราะอะไร เวลาถูกหมอภวัตมองด้วยสายตาอ่อนโยนเช่นนี้ จันทร์จ้าวถึงไม่กล้าสบตานานๆเสียที ไม่ใช่เพิ่งมาเป็นเมื่อพวกเขาเผยความในใจต่อกัน เพราะเมื่อลองทบทวนดูแล้ว จันทร์จ้าวแพ้สายตาเช่นนี้มาตั้งแต่ช่วงที่สนิทสนมกันใหม่ๆ


   “หวงจริง มองก็ไม่ได้” ภวัตหยอกอย่างอารมณ์ดี แม้วันนี้จะมีคนไข้จำนวนมาก แต่เขากลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับงานเลยสักนิด แค่คิดว่าตอนกลางวันจะได้มารับจันทร์จ้าวไปรับประทานอาหาร ตอนเย็นจะได้มารับจันทร์จ้าวกลับบ้าน ได้พูดได้คุยกัน ได้เห็นรอยยิ้มสดใส ได้สบกับดวงตากลมใหญ่ แม้จะต้องให้ทำงานมากกว่านี้อีกสัก ๑๐ เท่า เขาก็ทนไหว


   “ไม่ได้หวง ผมจะมาหวงกับหมอทำไมล่ะ...เราเป็นอะไรกันก็รู้อยู่...”



ประโยคหลังนั้นจันทร์จ้าวพูดอุบอิบ เท้าแขนกับขอบหน้าต่างรถแล้วผินมองออกไปข้างนอกเหมือนไม่อยากจะหันไปสบตากับคนขับเสียท่าไร  ข้างนอกฝนตกหนัก มองแทบไม่เห็นอะไร แต่ก็ดูเหมือนร่างโปร่งจะจับจ้องภายนอกอย่างเอาเป็นเอาตาย ภวัตเหลือบตามองคนข้างกายแล้วหัวเราะเบาๆก่อนจะย้อนถาม


   “เราเป็นอะไรกันหรือครับ” เพียงเท่านั้น คนที่ทำเป็นเมินไปมองทางอื่นก็ตวัดสายตากลับมาจ้องในทันที



   “เป็นเพื่อนตีเทนนิสกระมัง?!” คราวนี้เสียงหัวเราะของภวัตดังขึ้น แม้จะต้องจดจ่ออยู่กับการขับรถ แต่ก็ยังมีกะใจหันไปหยอกกับคนข้างกายที่เริ่มตีสีหน้ามู่ทู่เสียแล้ว



   “แต่วันนี้ฝนตก คงเป็นเพื่อนตีเทนนิสไม่ได้”



   “ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นสารถีกับผู้โดยสาร!”



   “มีสารถีกับผู้โดยสารที่ไหนร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน หนำซ้ำตอนป่วยก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวอยู่เฝ้าทั้งวันทั้งคืน”



   “หมออยากจะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ!” จันทร์จ้าวโวย เขาเคยพูดแล้วครั้งหนึ่งถึงความรู้สึกของตนเอง แต่เป็นฝ่ายหมอภวัตต่างหากที่ไม่เคยหลุดปากความรู้สึกของตนเองให้เขาได้ยินบ้างเลย ที่พอจะมีก็แค่...จูบ...



   คิดมาถึงตรงนี้ ในอกก็อุ่นซ่าน รสจูบวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำ จูบอ่อนหวานแต่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความรู้สึก ภวัตไม่พูดอะไรก็จริง ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายบอกรักก็จริง แต่สิ่งที่อีกฝ่ายมอบให้เขา คือการแนบประทับริมฝีปากลงมา ทั้งที่หน้าผาก ปลายจมูก ข้างแก้มและที่ริมฝีปาก มันเป็นจูบที่อุ่นละมุนแต่บดเคล้าคลึงเค้นเสียจนใจสั่น จันทร์จ้าวไม่ใช่ผู้ชายอ่อนประสบการณ์ เขาเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาแล้ว ทว่ารสจูบที่ภวัตมอบให้ไม่เหมือนจูบครั้งไหนในชีวิตของเขามาก่อน



   “ให้ผมเป็นได้ทุกอย่างจริงหรือครับ”



   “อือ...” หลังจากคำตอบแสนสั้นนั้น มือของจันทร์จ้าวข้างหนึ่งก็ถูกมือใหญ่ร้อนของภวัตจับเอาไว้ เขาก้มลงมองมือตนเอง ปลายนิ้วยาวของนายแพทย์หนุ่มลูบมือเขาแผ่วเบาชวนให้หัวใจสั่นไหวจนไม่กล้าหันไปมองเจ้าของมือนั้นเลย



   “ถ้าอย่างนั้น...ก็โปรดตระหนักเอาไว้เสมอ...ว่าคุณมีเจ้าของแล้ว” คนถูกครอบครองได้แต่อมยิ้มกับตัวเองทั้งดีใจ ทั้งเขินอาย ในอกมันพองฟูจนหายใจลำบาก แต่ไม่วายกำชับกลับไป



   “ไม่ใช่เจ้าของเต็มตัวหรอกนะหมอ ให้เป็นเจ้าของร่วมก็พอ ผมมีสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง หมอมีสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่ง” คนฟังหัวเราะเบาๆ ไม่ว่าอย่างไร จันทร์จ้าวก็ยังต้องมีข้อมาโต้แย้งเขาอยู่เสมอ เรื่องจะหืออือรับสมอ้างไปกับเขาอย่างว่าง่ายนั้น เห็นจะไม่มีทาง


   “ก็ได้ครับ เจ้าของร่วมก็เจ้าของร่วม”



   “ดีมาก หมอก็ด้วย ผมก็เป็นเจ้าของร่วมในชีวิตหมอเหมือนกัน! ห้ามนอกใจ ห้ามนอกกาย ห้ามมองใครคนไหน ถ้าผมรู้ว่าแอบเหล่พยาบาลสวยๆล่ะก็...”



   “ทำไมครับ ถ้าผมเหล่พยาบาลสวยๆ คุณจะมากันท่าด้วยการสอบเป็นพยาบาลแทนหรือ แต่ก่อนอยากเป็นหมอเพราะคุณพยาบาลอนงค์ ตอนนี้ไม่คิดจะมาสอบเป็นบุรุษพยาบาลเพราะหมอภวัตบ้างหรือครับ ผมจะได้อยู่ในสายตาคุณตลอดเวลาอย่างไรล่ะ” คนถูกชวนให้ไปเป็นพยาบาลถึงกับหัวเราะลั่น ความรู้สึกอุ่นซ่านในอกจนแทบหายใจไม่ออกกลับกลายเป็นอารมณ์ขัน  ดวงตากลมใหญ่หันไปมองคนขับรถอย่างอารมณ์ดี



   “หมอภวัตสวยไม่เท่าคุณพยาบาลอนงค์ก็อย่าหวังเสียให้ยากเลย”



   “สวยไม่เท่าแต่ตีเทนนิสเก่งนะครับ”



   “เรื่องนั้นผมยอมรับ เอ...นี่ผมาหายสนิทดีหรือยัง เมื่อไรจะได้ไปตีเทนนิสสักที”



   “จันทร์หน้าดีไหมครับ ผมจะบุ้คคอร์ดเอาไว้” ภวัตเสนอ



“ดีซี! หมอจัดการเลยนะ จันทร์หน้าเราไปตีเทนนิสกัน!” นายแพทย์หนุ่มหันมายิ้มรับแล้วกลับไปสนใจถนนต่อ เมื่อนั้นจันทร์จ้าวถึงเพิ่งรู้ว่ามือของตนไม่ถูกกอบกุมอีกแล้ว เขาเหลือบตามองคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจขับรถพากลับบ้านราวกับจะประเมิน



   ...ไม่ใช่ว่าเขาแพ้ภวัตเพราะภวัตฉลาดกว่า แต่เพราะภวัตไม่เคยต้อนเขาเสียจนมุมสักที เมื่อไรก็ตามที่อีกฝ่ายเห็นว่าเขากำลังถูกต้อนจนหาทางออกไม่ได้ จะเป็นฝ่ายภวัตเสียเองที่ทำให้บรรยากาศคลี่คลาย ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไร...เขาจึงอยู่กับภวัตได้อย่างสบายอกสบายใจ...



   นั่นล่ะ...สรุปแล้วคือภวัตฉลาดกว่าที่รู้จักปล่อยให้เขาหายใจหายคอได้สะดวก แต่กระนั้นก็ไม่แสดงความฉลาดมากเกินไปให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองโง่เง่า



จันทร์จ้าวพิงกายกับเบาะแล้วปลดปล่อยอารมณ์ให้สบาย หัวใจสุขสงบอย่างน่าประหลาด ไม่ต้องหาคำตอบให้มากความก็ทราบดีว่าต้นเหตุของความสุขสงบนี้...จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนข้างกายที่ชื่อ...ภวัต...


............................................



เพราะเมื่อวันอาทิตย์ไม่ได้ไปเยี่ยมพี่ชาย นภาสรวงจึงตั้งใจว่าหล่อนจะต้องหาโอกาสไปเยี่ยมให้จงได้ แต่วันจันทร์และวันอังคารหล่อนก็มัวแต่ยุ่งกับงานในสำนักงาน ประจวบเหมาะในวันพุธที่ทั้งหล่อน ดารารัษมีและอาทิตย์ว่างพอดี จึงวานให้อาทิตย์มารับไปเยี่ยมพี่ชายคนรอง ถึงแม้จะทราบจากดารารัษมีมาแล้วก็ตามทีว่าจันทร์จ้าวได้หมอภวัตมาคอยดูแลจนน่าจะหายดีแล้ว แต่หล่อนก็อยากไถ่โทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


 
รถโฟล์คสีดำของอาทิตย์เลี้ยวเข้ามาจอดที่ริมฟุตบาธหน้าห้างค้ายาที่นภาสรวงทำงานอยู่ หญิงสาวยืนรออยู่ก่อนแล้วที่ใต้กันสาดเพื่อหลบฝนที่ตกกระหน่ำในตอนเย็น เมื่อรถของพี่ชายมาจอด จึงรีบวิ่งไปเปิดประตูตอนหลัง ขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วยกมือไหว้พี่ชายผู้อยู่ที่ตำแหน่งคนขับและหันมาทักทายดารารัษมีและหม่อมหลวงพิมพัชราที่ติดรถมาด้วยกัน



“สวัสดีค่ะพี่อาทิตย์ สวัสดีค่ะคุณพิม ดารา”



   “คอยนานไหม นภา” อาทิตย์ถามพลางเหลือบมองน้องสาวจากกระจกส่องหลังเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงรถโฟล์คของตนเองกลับสู่ถนนอีกครั้ง



   “ไม่นานหรอกค่ะ นภาเพิ่งออกมารอสักครู่นี่เอง”



   “อะไร้?! สำนักงานคุณเภาเลิกงานเย็นขนาดนี้เชียวหรือ” ดารารัษมีผู้ขวางหูขวางตากับคนพฤติกรรมเยี่ยงจันทร์จ้าวอย่างนายเภา วิชาญโยธินนั้นก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอด



   “ไม่ใช่หรอกจ้ะ แต่พอดีคุณเภาเธอชวนคุยน่ะซี นภายังบอกเธอเลยนะว่าพี่จันทร์ไม่สบาย แต่ดูเธอจะไม่ค่อยถูกโฉลกกับพี่จันทร์อยู่สักหน่อย เห็นทำหน้าตาปะหลับปะเหลือก” นภาสรวงพูดพลางหัวเราะยามนึกถึงชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของเธอที่ทำหน้าตาเหมือนจะไม่ค่อยอยากจะเสวนาเท่าไร ยามเธอพูดเรื่องจันทร์จ้าว



   “แหม! คนจำพวกเดียวกัน ก็คงจะถูกโฉลกกันยากอยู่หรอก พี่จันทร์ก็น้อยๆเสียเมื่อไร ตอนกลับจากอเมริกามาใหม่ๆ ก็เที่ยวโฉบควงแม่ผู้หญิงคนนั้นคนนี้ไม่ซ้ำหน้า ก็คงจะไปทับทางนายเภานี่ล่ะซี!” ดารารัษมีพูดทั้งเยาะเภาทีหนึ่ง ทั้งบ่นพี่ชายทีหนึ่ง



   “แต่เดี๋ยวนี้เธอก็ไม่ค่อยจะไปเที่ยวกับผู้หญิงที่ไหนแล้วไม่ใช่หรือคะ เห็นพี่พงศ์ว่าเธอติดสำนักงานจะตายไป อยู่เฝ้าโยงทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เช่นนั้นก็กลับบ้าน ไม่ไปตีเทนนิสด้วย” หม่อมหลวงพิมพัชราผู้นั่งหน้าคู่คนขับหันมาออกความเห็น



   “ก็คงจะเดี๋ยวเดียวล่ะค่ะคุณพิม คนอย่างพี่จันทร์น่ะทำนายทายทักอะไรได้เสียที่ไหน เธอนอกลู่นอกทางนอกความคาดหมายออกจะตายไป ที่ไม่ไปตีเทนนิสก็อาจจะเป็นเพราะหมู่นี้ฝนตกบ่อยก็เป็นได้ หนำซ้ำก็ไม่มีรถส่วนตัวเสียด้วยจะไปไหนก็ไม่สะดวก สมเขาล่ะ คุณแม่บอกให้ซื้อก็เรื่องมากเรื่องแยะ จะเอารถสีนู้น ยี่ห้อนี้ ต้องนำเข้ามาใหม่เท่านั้น อะไรก็ไม่ทราบ! เอาใจยากเหลือทน อย่างนี้คงไม่ได้แต่งงานทั้งชีวิตล่ะค่ะ ผู้หญิงสมัยนี้ อ้ายจะให้คอยพะเน้าพะนอเอาใจน่ะ เห็นจะไม่ไหว ดาราคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ยอมแต่งงานเพื่อไปตามเอาใจผู้ชายที่ไหนทั้งนั้น!” เพราะเป็นเรื่องของพี่ชายคนรองผู้ไม่ค่อยจะถูกใจเสียเท่าไร ดารารัษมีก็เลยบ่นได้มากเป็นพิเศษ แต่กระนั้น แม้จะบ่นเรื่องของจันทร์จ้าว แต่หล่อนก็ยังไม่วายเสนอขึ้นมา


   “เอ?...แต่วันนี้เราพร้อมหน้า เราชวนพี่จันทร์ไปหาอะไรรับประทานที่เยาวราชเหมือนเคยดีไหมคะ” นภาสรวงมองน้องสาวแฝดแล้วได้แต่อมยิ้ม ต่อให้ดารารัษมีจะไม่ชอบใจพฤติกรรมของจันทร์จ้าวมากเพียงใด แต่ให้ตัดกันขาดก็ทำกันไม่ลง ดังนั้นถึงแม้จะบ่นมากอยู่เสียหน่อย แต่ใครๆก็ทราบดีว่าน้องสาวคนเล็กผู้เข่นเขี้ยวความรวยเสน่ห์ของพี่ชายคนรองก็ยังรักเขามากอยู่ดี



“คุณจันทร์จะอยู่บ้านหรือคะ” ราชนิกูลสาวจากวังฉัตรหันมาถามอีกหน



“ไม่อยู่แล้วจะไปไหนได้ล่ะคะคุณพิม ฝนตกหนักออกอย่างนี้ ก็คงจะนั่งจับเจ่านับเม็ดฝนที่หยดจากหลังคาได้อย่างเดียวล่ะค่ะ” ดารารัษมีพูดแล้วหัวเราะ ไม่ได้คิดจะเยาะเย้ยพี่ชายอย่างจริงจัง แต่ก็อดไม่ได้เพราะเขาช่างเลือกมากเสียเหลือเกิน



รถยนต์ของอาทิตย์วิ่งไปตามถนนฝ่าเม็ดฝนขนาดใหญ่ที่ตกลงมาไม่ลืมหูลืมตา จนกระทั่งเลี้ยวเข้าซอย อาทิตย์ขับรถเลยไปจอดเยื้องจากหน้าบ้านเช่าสีเขียวอ่อนเล็กน้อยเพราะที่หน้าบ้านมีรถยนต์จอดอยู่



“เอ?...รถคันนี้อีกแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ ดาราก็เห็นรถคันนี้มาจอดที่หน้าบ้านพี่จันทร์ รถคุณหมอรึเปล่าคะ” ดารารัษมีหันไปมองรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านเช่าด้วยความแปลกใจแล้วจึงตั้งคำถามกับทุกคนในรถ



“พิมก็จำรถคุณหมอไม่ได้ด้วยซีคะ” หม่อมหลวงพิมพัชราออกความเห็น นภาสรวงก็ได้แต่ส่ายหน้าเช่นกัน



“อาจจะเป็นคุณหมอ คุณหมอเธอคงแวะมาดูจันทร์กระมัง” อาทิตย์พูดขึ้นมาบ้าง ฝนตกพร่างพรายทำให้เขามองรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างหลังรถเขาไม่ถนัดนัก แต่หากหมอภวัตจะมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อวันอาทิตย์ นายแพทย์หนุ่มก็มีน้ำจิตน้ำใจมาดูแลจันทร์จ้าวให้ ตามที่ดารารัษมีนำความไปเล่าให้ฟัง



“เอาอย่างนี้ ถ้าคุณหมออยู่ด้วย ดาราจะชวนคุณหมอไปรับประทานข้าวกับพวกเราด้วยดีไหมคะ คุณพิมกับพี่อาทิตย์ไม่ต้องลงจากรถ เดี๋ยวดารากับนภาลงกันแค่ ๒ คนพอ” ดารารัษมีออกความเห็น เพราะฝนเม็ดหนาที่ตกไม่หยุด ขืนลงกันหมดคงเปียกมะล่อกมะแล่กกันพอดี
 


๒ แฝดพากันลงจากรถแล้ววิ่งไปเปิดประตูรั้วเตี้ยเข้าไปในอาณาเขตบ้านเช่าสีเขียวอ่อน โชคดีที่ตัวบ้านกับประตูรั้วไม่ห่างกันเสียเท่าไร ตากฝนเพียงครู่เดียวนภาสรวงและดารารัษมีก็มาหลบฝนที่ชานบันไดขึ้นเรือน รองเท้า ๒ คู่ถอดวางเคียงกันอยู่ที่บันไดชั้นล่างสุด



“สงสัยจะเป็นคุณหมอจริงด้วย นภา” ดารารัษมีออกปาก หล่อนไม่ได้จำรองเท้าของคุณหมอภวัตได้หรอก แต่รองเท้า ๒ คู่ที่ถอดวางอยู่ล้วนเปียกขี้ดิน บอกให้รู้ว่าเจ้าของรองเท้า ๒ คู่เดินตากฝนมาพร้อมกัน



“คงจะหายโกรธกันแล้วกระมัง ก่อนหน้านี้เห็นไม่พูดไม่คุยกันเลย” นภาสรวงพูดพลางยิ้ม ด้วยดีใจที่พี่ชายของหล่อนไม่หาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร



๒ สาวไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก แต่ถอดรองเท้าแล้วก้าวเดินขึ้นบ้าน เสียงฝนเม็ดใหญ่ที่ซัดสาดทำให้พวกหล่อนไม่ได้ยินเสียงอื่น จนกระทั่งมาหยุดยืนที่หน้าประตูบ้านซึ่งปิดเอาไว้ ดารารัษมีออกจะประหลาดใจ เพราะนี่ยังไม่ได้ค่ำมากจนถึงกับต้องปิดประตู แต่บางทีอาจจะกลัวฝนสาดจึงงับเอาไว้ หล่อนลองดึงบานประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ลงกลอน



ภายในบ้านเปิดไฟสว่างโร่ แต่ไม่เห็นทั้งจันทร์จ้าวและหมอภวัต ๒ แฝดมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะเป็นดารารัษมีที่นึกเอะใจเดินทะลุไปยังส่วนครัวเล็กและประตูห้องนอน บานประตูห้องนอนนั้นปิดไม่สนิท มันแง้มเพียงเล็กน้อย แต่หญิงสาวมองเห็นร่างสูงสง่ายืนหันหลังให้กับประตู หล่อนจำได้ว่านั่นคือหมอภวัตแม้ว่าเขาจะยืนหันหลังให้หล่อนอยู่ก็ตาม ส่วนจันทร์จ้าวกำลังนั่งอยู่บนเตียงและถูกนายแพทย์หนุ่มบังเสียแทบมิด



“ผมหายไข้ดีแล้วหน่าหมอ” เสียงของจันทร์จ้าวทำให้ดารารัษมีสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ให้มากขึ้นอย่างเงียบเชียบ อะไรบางอย่างดลใจให้หล่อนรู้สึกแปลกประหลาดที่พี่ชายคนรองยอมให้นายแพทย์หนุ่มเข้าไปยืนในห้องนอนด้วย



“ยังไม่หายดีครับ เมื่อกลางวันคุณยังไอให้ผมได้ยินอยู่เลย แล้วเมื่อครู่นี้ก็วิ่งตากฝนเข้ามา บอกให้เอาเสื้อผมคลุมหัวเสียหน่อยก็ไม่ยอม” 



...เมื่อกลางวัน? หมอภวัตพูดเหมือนกับว่าทั้ง ๒ คนเจอกันเมื่อตอนกลางวันอย่างนั้นล่ะ? หรือหมอภวัตจะไปหาจันทร์จ้าวที่สำนักงาน แต่โรงพยาบาลกับสำนักงานไม่ได้ใกล้กันเสียหน่อย...



ดารารัษมีสับสนและฉงน หล่อนหันมองนภาสรวงเหมือนจะตั้งคำถามแต่แฝดพี่ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจจะให้คำตอบ



“ผมก็แค่ไอนิดหน่อย แล้วที่วิ่งตากฝนก็เพราะเห็นว่าใกล้”



“จะไอนิดหน่อยหรือไอมาก หรือจะเห็นว่าใกล้ก็เลยวิ่งตากฝน ผมก็คิดว่าคุณยังไม่หายดีอยู่ดี ถ้าคุณหายไม่สนิท ผมไม่อนุญาตให้คุณไปตีเทนนิสวันจันทร์หน้านะครับ”



“ไม่เอานะหมอ! ผมจะตีเทนนิส!!”



“อยากตีเทนนิสก็ต้องดูแลสุขภาพครับ เวลานี้ชีวิตของคุณไม่ใช่ของคุณแต่เพียงผู้เดียว เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่าต่อจากนี้ชีวิตของคุณ...มีเจ้าของร่วม”



...มีเจ้าของร่วม?...หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าชีวิตของจันทร์จ้าว มีใครอีกคนเป็นเจ้าของร่วมกันอย่างนั้นหรือ? แล้วใครคนนั้นเป็นใคร?!!...ดารารัษมีรู้สึกว่ามือไม้ของตนเย็นเฉียบ อะไรบางอย่างกำลังให้คำตอบแก่ตัวหล่อนเองว่าเจ้าของของจันทร์จ้าวเป็นใคร ทว่าหัวใจของหล่อนไม่ยอมรับมัน



“ถ้าอย่างนั้นเจ้าของร่วมของผมก็มาดูแลผมซี” ภวัตหัวเราะเบาๆแล้วหยอกอย่างอารมณ์ดี



“ผมก็ดูแลคุณอยู่นี่อย่างไรล่ะครับ ไหน...ปากยังซีดอยู่เลย อย่างนี้ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ...”

 

“ปากซีดไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องหายดีหรือไม่หายดีเลย...” ภวัตไม่ตอบกระไรมีเพียงเสียงหัวเราะ ดารารัษมีเบิกตาโพลง หัวใจเต้นถี่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มร่างสูงที่ที่ยืนหันหลังให้กับหล่อนก้มหน้าลงไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียง

 

“หมอ...นี่เป็นวิธีรักษาปากซีดหรือ?...อ๊ะ...” เสียงของจันทร์จ้าวดังขึ้น และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงของคนทั้งคู่อีก หญิงสาวไม่ได้เห็นเต็มตาว่าทั้ง ๒ คนกระทำสิ่งใด เพราะร่างสูงของภวัตบังเสียแทบมิด สิ่งที่หล่อนมองเห็นคือแผ่นหลังของนายแพทย์หนุ่มที่โน้มตัวลงหาจันทร์จ้าวอย่างใกล้ชิด แต่ทว่าแค่นั้นก็เกินพอแล้ว เพียงแค่นั้น...หล่อนก็ไม่อาจทนมองภาพนั้นต่อไปได้อีก ดารารัษมีรีบเบือนหน้าหนีไปหาพี่สาวแฝดด้วยดวงตาที่สั่นระริก หยาดน้ำเอ่อคลอจนแทบจะหยาดหยดลงบนผิวแก้ม ลมหายใจหอบกระชั้น ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านราวกับจะล้มทั้งยืนในบัดดล!



“ดารา...” นภาสรวงกระซิบแผ่วด้วยความตกใจที่เห็นปฏิกริยานั้น และก่อนที่จะได้พูดอะไร ดารารัษมีก็รีบคว้าแขนพี่แล้วดึงออกจากบ้านในทันที



...นี่ไม่ใช่เรื่องจริง...ภวัตกับจันทร์จ้าว...เรื่องของ ๒ คนนั้นไม่ใช่เรื่องจริง!!!...



................................



ดารารัษมีหยุดยืนที่เฉลียงหน้าบ้านแล้วไอโขลก รู้สึกเหมือนท้องไส้อยากจะขย้อนทุกอย่างออกมา ภาพเมื่อครู่ยังติดตา เสียงของจันทร์จ้าวและภวัตยังติดอยู่ในหู



๒ คนนั้นพูดจาเหมือนเป็นคู่รักกัน!! ๒ คนนั้นกระทำต่อกันราวกับเป็นคู่รักกัน!! ทั้งๆที่...ทั้งๆที่ต่างเป็นผู้ชายทั้งคู่!!...



“ดารา ไหวไหม” นภาสรวงถามน้องสาวด้วยความห่วงใย บีบมือเย็นชืดของดารารัษมีเพื่อให้รู้สึกตัว ทว่าคนเป็นน้องกลับทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลพรากด้วยความตื่นตระหนก



“ดารา ไม่เป็นไรนะ...ดารา...ไม่เป็นไร...” ไม่ใช่นภาสรวงคาดเดาไม่ได้ หล่อนอาจจะไม่เห็นในสิ่งที่ดารารัษมีเห็น แต่หล่อนได้ยินทุกอย่างที่ดารารัษมีได้ยิน หล่อนเองก็มีความรัก และหล่อนก็รู้จักจันทร์จ้าวมาตั้งแต่เกิด มีหรือจะไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ชายพูดกับภวัตล้วนอบอวลไปด้วยความรู้สึกเช่นไร



“นภา....พี่จันทร์...พี่จันทร์กับคุณหมอ...” ดารารัษมีพูดไม่ออก หล่อนทั้งหวาดหวั่นและตื่นตระหนก หล่อนไม่คิดมาก่อนว่าจะได้รับรู้ว่าจันทร์จ้าวและภวัตมีความสัมพันธ์กันเช่นนี้ พวกเขาคบหากันตั้งแต่เมื่อไร พวกเขามีความรู้สึกเช่นนี้ต่อกันมานานเพียงไร หล่อนไม่รู้ แต่ที่รู้คือสิ่งที่หล่อนเห็นคือความผิดบาป! เป็นเรื่องผิดประเพณี! เป็นเรื่องที่หล่อนรับไม่ได้!!



นภาสรวงได้แต่ลูบหลังน้องสาว เหลือบตากลับเข้าไปมองในบ้านอย่างหวั่นใจว่าภวัตหรือจันทร์จ้าวอาจจะออกมาพบพวกหล่อน ๒ คนพี่น้อง



“ดาราใจเย็นๆ แล้วเรากลับไปที่รถ อย่าบอกใครเรื่องนี้ เข้าใจไหมดารา” นภาสรวงผู้แสนเรียบร้อย ในเวลานี้จำเป็นต้องเป็นหลักยึดให้น้องสาวที่ยังคงหวาดหวั่นพรั่นพรึง



“แต่...”



“ไม่มีแต่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่จันทร์ เรากลับไปที่รถก่อน แล้วบอกทุกคนว่าพี่จันทร์ยังไม่กลับ พาทุกคนไปจากที่นี่ก่อนที่พี่จันทร์หรือคุณหมอจะออกมา” แฝดผู้พี่บีบมือเย็นราวกับเป็นการออกคำสั่ง ดารารัษมีไม่มีสติพอจะตัดสินใจอะไรได้แล้ว หล่อนถูกจูงลงจากบ้านแล้วพากลับไปที่รถ นภาสรวงเป็นคนบอกอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราว่าจันทร์จ้าวยังไม่กลับ ราชนิกูลสาวแห่งวังฉัตรจึงเสนอให้ทุกคนไปรับประทานมื้อค่ำที่วังแทน



แล้วหลังจากนั้น ดารารัษมีก็ไม่พูดกับใครอีกเลย


............................................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


จันทร์จ้าวกลับมาที่บ้านรักษพิพัฒน์ในเย็นวันศุกร์ โดยได้พี่ชายแวะไปรับจากวังฉัตรเช่นเคย เขาหายไข้เป็นปลิดทิ้งแล้ว เพราะมีคุณหมอมาคอยดูแลทั้งเช้า กลางวัน และเย็น ไม่พลาดยาสักมื้อ ถ้าไม่หายก็คงจะเกินไป




“พ่อจันทร์ไม่มาตั้ง ๒ สัปดาห์ แม่ล่ะคิดถึง ทานข้าวตรงเวลาไหม ถ้างานแยะนักก็ให้คนอื่นทำเสียบ้าง ไม่ต้องเก็บมาทำคนเดียวหรอก เงินทองเป็นของนอกกาย ถ้าอยากได้เพิ่มหรือใช้ไม่พอก็มาบอกแม่ก็ได้” คุณหญิงผกากอดหอมจนชื่นใจก็สั่งยาวเหยียดพลางดึงบุตรชายไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร จันทร์จ้าวยิ้มประจบ

 

“ผมเองก็คิดถึงคุณแม่ อยากกลับมาทานข้าวฝีมือคุณแม่สักมื้อ”



“อยากกลับมาก็ให้พี่เขาไปรับ พ่ออาทิตย์ก็แวะไปที่วังฉัตรออกบ่อยไป หรือจะซื้อรถสักที แม่เห็นที่ร้านเขาก็มีรถใหม่มาแล้ว” คุณหญิงผกาว่าอย่างนั้นพอดีดารารัษมีที่เข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายในห้องเดินออกมา จึงได้รู้ว่าพี่ชายคนใหญ่และคนรองกลับมาถึงบ้านแล้ว หล่อนเพียงยกมือไหว้แต่ไม่พูดกระไรแล้วเดินลงเรือนไป จันทร์จ้าวมองตามหลังน้องสาวด้วยความแปลกใจ แต่เพราะไม่ได้กลับบ้านมา ๒ สัปดาห์ เวลานี้เขาจึงต้องให้ความสำคัญกับคุณหญิงผกามากที่สุด



มารดาและบุตรชายคนรองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง นภาสรวงจึงเดินนำขึ้นเรือนมาพร้อมกับอาหารเย็น เมื่อถึงตอนนั้นอาทิตย์ที่เข้าไปเปลี่ยนเครื่องแบบก็ออกมาแล้ว และท่านนายพลเดชก็กลับมาถึงบ้านแล้วเช่นกัน อาหารเย็นจึงได้เริ่มต้นขึ้น




ทว่า...แม้อาหารเย็นจะเริ่มแล้ว แต่ดารารัษมีก็ยังผิดแปลกไปจากที่เคย




จันทร์จ้าวเหลือบมองน้องสาวคนเล็ก วันนี้ดารารัษมีไม่พูดกับเขาเสียสักคำ หรือเขาจะทำอะไรให้หล่อนโกรธเคืองอีกหนอ




“ดารา นั่งเงียบเชียว วันนี้นักเรียนดื้อกันหรือ” เป็นฝ่ายพี่ชายคนรองที่ชวนคุย ดารารัษมีเหลือบมองวูบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากตอบสั้น




“ไม่ใช่หรอกค่ะ”



“อ้าว แล้วเป็นอะไรไป” ดารารัษมีอยากบอกความในใจของหล่อนให้พี่ชายรับรู้ว่าหล่อนรู้เห็นเรื่องของเขาและหมอภวัตแล้ว แต่เพราะในโต๊ะยังมีบิดามารดาและอาทิตย์นั่งอยู่ด้วย นภาสรวงเองก็จับจ้องหล่อนราวกับจะไม่ยอมให้หลุดปากเรื่องนั้นออกมา

 

“ดารา...ดาราคิดว่าพี่จันทร์น่าจะกลับมานอนที่บ้านเรา ไปนอนบ้านเช่าคนเดียวไม่เห็นจะดี”




จันทร์จ้าวแปลกใจกับคำพูดของน้องสาว ทว่าก็ยังหัวเราะเบาๆเหมือนเป็นเรื่องขัน



“พูดอะไรน่ะดารา ที่พี่ไปอยู่ที่นั่นก็เพราะสะดวกตามที่เคยบอกอย่างไรล่ะ แล้วพี่ก็กลับมาที่นี่ทุกเสาร์อาทิตย์”



“แต่สัปดาห์ที่แล้วกับสัปดาห์ก่อนนั้นก็ไม่กลับนี่คะ!!” ดารารัษมีพูดอย่างอัดอั้น



จันทร์จ้าวป่วยอยู่ร่วม ๒ สัปดาห์ หล่อนทราบและก็ไปเยี่ยม ตอนนั้นหล่อนพบหมอภวัต และหล่อนก็คิดว่าเขามาเยี่ยมไข้พี่ชายของหล่อนในฐานะหมอและคนไข้เท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่!! จันทร์จ้าวและภวัตมีความสัมพันธ์เกินเลยกว่านั้น! และการปล่อยให้จันทร์จ้าวอยู่ที่นั่นเพียงลำพังต่อไปจะยิ่งเป็นการทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่แน่นแฟ้นกว่านี้! ไม่มีวัน!! หล่อนไม่มีทางปล่อยให้จันทร์จ้าวทำเรื่องบัดสีเป็นอันขาด!!!!



บุตรชายคนรองของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกาขมวดคิ้วฉับด้วยไม่เข้าใจในท่าทีของน้องสาว ดารารัษมีทราบดีว่าเขาป่วยเลยไม่กลับมานอนที่นี่เพราะไม่อยากให้คุณหญิงผกาเป็นห่วง แต่แล้วทำไมหล่อนจึงยังพูดเช่นนี้




“พี่ติดงาน ก็ทราบแล้วไม่ใช่หรือ” เขาตอบเสียงแปร่งด้วยไม่ค่อยจะพอใจเสียเท่าไร ที่น้องสาวเจ้ากี้เจ้าการเอากับเขา




“ดารา...เรื่องนี้พี่จันทร์เขาตัดสินใจแล้ว” นภาสรวงปรามน้องสาวแฝด แม้ฟังเหมือนหล่อนจะปรามเรื่องที่ดารารัษมีบังคับให้เขากลับมานอนที่บ้านรักษพิพัฒน์ แต่ในความนัยของประโยคนั้น ดารารัษมีทราบดีว่าพี่สาวของหล่อนต้องการจะบอกให้หล่อนปล่อยเรื่องของจันทร์จ้าวและหมอภวัตไปเสีย




ดารารัษมีกะพริบตาเพื่อระงับอารมณ์ของความอัดอั้นที่ล้นปรี่อยู่ในหัวอก ภาพวันนั้นยังฝังจำ เสียงวันนั้นยังดังกังวาลอยู่ในหู ภวัตและจันทร์จ้าวคบหากันเกินเลยกว่าความเป็นเพื่อน...พวกเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?!! พวกเขาเป็นชายทั้งคู่ แล้วพวกเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?!!!...



“ดาราอยากให้พี่จันทร์กลับมาสนิทกับพวกเราเหมือนก่อน...” ...และไม่อยากให้สนิทกับหมอภวัตอีกแล้ว...ดารารัษมีพูดได้เพียงเท่านั้น เพราะไม่กล้าพูดต่อในสิ่งที่หล่อนคิด



จันทร์จ้าวหัวเราะเบาๆ แต่เป็นเสียงหัวเราะแปร่งที่เหมือนเขาจะบังคับให้ตนเองหัวเราะเสียมากกว่า



“พี่ก็สนิทกับทุกคนเหมือนเดิม ดาราเห็นว่าพี่ไม่สนิทหรือ เอาอย่างนี้ไหม...ไว้วันไหนว่างๆ เราไปทานข้าวที่เยาวราช ไปดูหนัง ไปทานไอศกรีมกันอีก”



“ถ้าอย่างนั้นเป็นวันจันทร์นี้เลย” ดารารัษมีเสนอแล้วจับจ้องใบหน้าของพี่ชาย จันทร์จ้าวนิ่งไปเล็กน้อย



“วันจันทร์พี่มีนัดตีเทนนิสแล้ว”



“นัดกับใครคะ”



“กับหมอแล้วก็คุณพงศ์” คำว่า ‘หมอ’ ในคำพูดของพี่ชายทำให้ดารารัษมีตัวสั่นสะท้าน



“ดาราอยากดูหนังวันจันทร์!”



“แม่ดารา! พูดอะไรอย่างนั้น! พี่เขาก็บอกแล้วว่าวันจันทร์มีนัดกับคุณหมอและคุณพงศ์ จะให้ยกเลิกนัดได้อย่างไร” คุณหญิงผกาปรามเมื่อธิดาพูดอย่างเอาแต่ใจ ดารารัษมีหันมองมารดา หล่อนอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก



จันทร์จ้าวจับจ้องใบหน้าน้องสาวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้น อะไรบางอย่างบอกเขาว่าดารารัษมีมีเรื่องคาใจ และเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา



“ก็ได้...ถ้าดาราอยากดูหนังวันจันทร์ เราก็ไปดูกันวันจันทร์” เขายอมตกปากรับคำ ดวงตากลมใหญ่ยังจับจ้องใบหน้าของน้องสาวคนเล็ก ดารารัษมีเหลือบตากลับมาสบดวงตาของพี่ชาย แต่แค่วูบเดียวหล่อนก็เบือนสายตาลงจดจ่อกับจานข้าว แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างจันทร์จ้าวและดารารัษมีอีกเลย


........................................



ดารารัษมียังคงพฤติกรรมที่แปลกประหลาด หล่อนไม่ใช่ดารารัษมีผู้สดใสและร่าเริงเหมือนเคย จันทร์จ้าวเองก็สงสัยในท่าทีของน้องสาวที่ปฏิบัติต่อเขาบนโต๊ะอาหาร เรื่องที่หล่อนเรียกร้องอยากจะไปชมภาพยนตร์ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่หล่อนเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจนั่นต่างหากที่แปลกประหลาดเป็นที่สุด




...ต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้น...แต่เรื่องอะไรนั้นเขาไม่ทราบ...




เช้าตรู่วันเสาร์ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้าวเท้าลงจากบันไดเรือนแล้วมองลอดเข้าไปที่ใต้ถุน เลยไปยังส่วนครัวทางด้านหลัง ไม้ระแนงที่ตีเว้นห่างเป็นช่องทำให้เขามองเห็นว่านภาสรวงกำลังวุ่นอยู่ในครัวเพื่อทำอาหารให้ทันมื้อเช้า จันทร์จ้าวก้าวเท้าเดินตรงไป เขาหยุดอยู่ที่กรอบประตูแล้วมองน้องสาวหยิบวัตถุดิบใส่หม้อพลางร้องสั่งคนรับใช้เป็นระยะ จนกระทั่งหล่อนหันมาเห็นเขา




“อุ๊ย! พี่จันทร์ มาทำอะไรตรงนี้คะ แล้วทำไมถึงตื่นเช้าอย่างนี้”




“พี่...อยากใส่บาตรน่ะ” นภาสรวงยิ้มบาง หล่อนเองก็มีลักยิ้มเช่นเดียวกับเขาแต่เห็นจะไม่ชัดเท่า




“ถ้าอย่างนั้นใส่บาตรพร้อมนภานะคะ พี่จันทร์ไปนั่งรอที่โต๊ะก็ได้ค่ะ อยากจะรับกาแฟไหมคะ นภาจะชงให้”



“ก็ดี นภาชงแล้วมานั่งคุยกับพี่ด้วยซี” น้องสาวทำหน้าฉงน



“เอ๊ะ?...”



“พี่อยากคุยกับนภาสักหน่อย ในครัวให้คนอื่นทำไปก่อนก็ได้ไม่ใช่หรือ หรือต้องเร่งมือ”



“ก็ไม่เชิงว่าเร่งหรอกค่ะ”



“ดี ถ้าอย่างนั้นพี่จะรอที่โต๊ะตรงนั้น” จันทร์จ้าวว่าอย่างนั้นแล้วเดินไปนั่งรอที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ไม่ไกลจากครัวเท่าไรนัก นภาสรวงมองตามด้วยเพราะนึกกังวลว่าสิ่งที่เขาอยากจะพูดคุยกับหล่อนอาจเป็นเรื่องที่ดารารัษมีแสดงปฏิกริยากับเขาเช่นนั้น หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักอก


.....................................


กาแฟร้อนหอมฉุยถูกวางลงตรงหน้า ก่อนที่น้องสาวจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ร่วมโต๊ะด้วย จันทร์จ้าวผู้ขอกาแฟกลับหันมองนภาสรวงแทนที่จะหยิบกาแฟขึ้นมาจิบอย่างที่ขอ



“มีอะไรหรือคะ พี่จันทร์” เป็นฝ่ายน้องสาวที่ต้องเอ่ยปากถามก่อน เพราะจันทร์จ้าวยังจับจ้องหล่อนด้วยสายตานิ่งเฉย



“พี่ต่างหากที่ต้องถาม ว่าใครในบ้านนี้มีปัญหาอะไรกับพี่นัก” เขาทำเป็นถามโยกโย้แต่ก็พอจะจับความไม่สบอารมณ์ในน้ำเสียงได้ว่าชายหนุ่มออกจะหงุดหงิดที่ดารารัษมีทำเป็นเมินเฉยต่อเขา



“ดาราเขาก็แค่...”



“อ้อ แสดงว่าดาราคือคนที่มีปัญหากับพี่ใช่ไหม ดารามีปัญหาอะไร” หญิงสาวมองพี่ชายที่กำลังคาดเค้นขอคำตอบจากหล่อน นภาสรวงถอนหายใจแล้วตัดสินใจพูด



“ดาราทราบแล้วค่ะ...นภาก็ด้วย”



“ทราบ? ทราบอะไร”



“เรื่องพี่จันทร์กับคุณหมอ...”




จันทร์จ้าวนิ่งงันไปโดยพลัน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องนี้จากปากของน้องสาว ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเรื่องของพวกเขาจะถูกเปิดเผยไวถึงเพียงนี้ นภาสรวงเห็นใบหน้าพี่ชายซีดเผือดก็รีบพูดต่อเพราะสงสารเขา




“พี่จันทร์อย่าโกรธดาราเลยนะคะ เรื่องมัน...ฉุกละหุก...ดาราไม่ทันเตรียมใจ”




“แล้วนภา?” นภาสรวงนิ่งไปเล็กน้อย หล่อนก้มหน้าลงมองมือที่วางซ้อนกันอยู่บนตัก ความรักของหล่อนก็ไม่ต่างจากเขาเสียเท่าไร จันทร์จ้าวควรจะรักผู้หญิงก็กลับไปรักผู้ชาย หล่อนควรจะรักคนไทยก็กลับไปรักฝรั่ง




“นภา...ตกใจค่ะ แต่...พอคิดว่าไม่ว่าจะเพศอะไร เชื้อชาติใด อายุเท่าไร ความรักก็ย่อมเกิดขึ้นได้ นภาก็พอจะเข้าใจ” ดวงตากลมใหญ่ของคนเป็นพี่มองน้องด้วยความขอบคุณอย่างซาบซึ้ง




“นภาพูดเหมือนคุณพงศ์ อ้อ...เหมือนเรย์ด้วย” หญิงสาวหัวเราะเบาๆด้วยความเขินอาย



“นภาก็ได้ยินมาอีกทีนั่นล่ะค่ะ” หล่อนไม่กล้าเอ่ยว่าได้ยินมาจากเรย์มอนด์ อดัมส์ จันทร์จ้าวมองน้องสาวที่ยังคงกิริยามารยาทเรียบร้อย แต่ก็ดูออกว่าหล่อนอิ่มเอิบและเข้าอกเข้าใจความรักเป็นอันดี



“นภามีคนรักแล้วหรือ...” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นภาสรวงเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แม้จะเป็นแฝดกับดารารัษมีและถูกเลี้ยงมาเหมือนกัน แต่ดารารัษมีกลับเข้าสังคมเก่งกว่า ตรงกันข้ามกับแฝดพี่อย่างนภาสรวงที่มักขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน เพื่อนต่างเพศก็มีแค่ที่สำนักงานเท่านั้น และไม่เคยพามาเที่ยวเล่นที่บ้านเลยสักหน



“ความรักของนภาก็ไม่ต่างจากพี่จันทร์หรอกค่ะ...” หญิงสาวพูดด้วยดวงหน้าเศร้าสร้อย คำว่า ‘ไม่ต่างจากพี่จันทร์’ ทำเอาจันทร์จ้าวชะงักและคิดไกล



“หมายความว่า...คู่รักของนภาเป็น...เอ่อ...ผู้หญิง?...”



“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่!” หญิงสาวรีบร้องบอกพัลวันหน้าตาตื่น ก่อนจะยอมเผยความจริง “...เขา...เป็น...คนต่างชาติค่ะ...”



คนฟังได้แต่นิ่งด้วยคาดไม่ถึงว่าคู่รักของน้องจะไม่ใช่คนไทย ความรักของเขาว่าเปิดเผยไม่ได้แล้ว ความรักของนภาสรวงก็ยิ่งให้บิดามารดาทราบไม่ได้เป็นอันขาด ตอนที่เขาโกหกมารดาว่าพาเมียแหม่มกลับมาจากอเมริกา คุณหญิงผกายังลมจับ หากนภาสรวงพาคู่รักฝรั่งไปแนะนำตัว คราวนี้คุณหญิงคนต้องพึ่งยาหอม ๓ วัน ๗ วัน




“แล้วไปรู้จักกันได้อย่างไร” นภาสรวงคิดถึงตอนที่หล่อนไปหาพี่ชายที่สำนักงาน วันนั้นทำให้หล่อนได้พบเขา ความเป็นกันเองและความเป็นสุภาพบุรุษทำให้นภาสรวงห้ามใจไม่อยู่ หลังจากนั้นหล่อนและเขาก็พบกันอีกหลายครั้ง บางครั้งเขาเคยแอบมาหาหล่อนที่นี่ด้วยซ้ำ




“ความบังเอิญค่ะ...แต่ถ้าย้อนเวลากลับไป นภาก็ยังอยากบังเอิญได้พบเขาอยู่ดี ถึงจะรู้ว่าการพบกันครั้งนั้นจะทำให้นภากับเขาเป็นเช่นนี้ นภาก็ยังอยากจะพบ...”




“นภาทราบใช่ไหม ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่นภากับคู่รักของนภาจะได้แต่งงาน”




“ทราบค่ะพี่จันทร์ นภาถึงยินดีที่จะอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ แค่ได้พบหน้ากันบ้าง พูดคุยกันบ้าง แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ”



“แล้วไม่คิดจะรักใครที่แต่งงานด้วยได้หรือ”



“หัวใจคน บังคับไม่ให้โกรธเกลียดใครก็ว่ายากแล้ว บังคับให้รักใครหรือไม่รักใครเห็นจะยากกว่านะคะ”




จันทร์จ้าวมองน้องสาวผู้เรียบร้อย เขาเคยมองว่าหล่อนเป็นคนหัวอ่อนและว่านอนสอนง่าย แต่คำพูดของหล่อนในเวลานี้กลับยืนหยัดและเข้มแข็งราวกับไม่ใช่นภาสรวงคนที่เขาเคยรู้จัก



“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย ก็ขอให้บอก” เขาอาสา ถึงแม้จะไม่อาจทำให้ความรักของน้องเป็นที่ยอมรับในสายตาของบิดามารดา แต่เขาก็อยากช่วยเหลือนภาสรวงเท่าที่พอจะทำได้ อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนที่หล่อนเปิดใจยอมรับเรื่องของเขาและหมอ



นภาสรวงมองพี่ชายด้วยสายตาอ่อนหวานและซาบซึ้ง



“ขอแค่พี่จันทร์ไม่รังเกียจ นภาก็ดีใจแล้วค่ะ เอ่อ...ป่านนี้อาหารคงใกล้เสร็จแล้ว นภาขอตัวไปดูในครัวก่อนนะคะ จะได้ใส่บาตรกัน” หญิงสาวลุกจากเก้าอี้กำลังจะเดินกลับไปที่ครัว แต่อะไรบางอย่างดลใจจันทร์จ้าวให้เรียกน้องสาวเอาไว้



“นภา...” เจ้าของชื่อหันกลับมามอง



“เขา…มาจากประเทศอะไร” นภาสรวงนิ่งไปอึดใจ ดวงตาไหววูบยามสบตากับพี่ชายก่อนจะเป็นฝ่ายหล่อนที่เบือนสายตาหนีไปทางอื่นแล้วจึงยอมตอบเสียงแผ่ว



“...อเมริกาค่ะ” แล้วร่างแบบบางก็หมุนตัวเดินกลับไปที่ครัวในทันที ทิ้งจันทร์จ้าวให้มองตามด้วยความแคลงใจ



...คู่รักของนภาสรวงเป็นอเมริกันอย่างนั้นหรือ...


......................................... 



จากที่ว่าควรจะกังวลเพราะดารารัษมีทราบเรื่องของเขาและหมอภวัตแล้ว กลายเป็นว่าจันทร์จ้าวกลับคิดไม่ตกเรื่องของนภาสรวงและคนรักของหล่อนแทน



...คู่รักของนภาสรวงเป็นอเมริกัน...



ไปรู้จักกันได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นฝรั่งที่ร่วมหุ้นกับนายเภาเจ้าของบริษัทค้ายาที่นภาสรวงทำงานอยู่? เขาคงต้องลองถามเอาจากหมอภวัตดู หรือบางทีอาจจะตามสืบเองเสียเลยให้สิ้นเรื่องไป


 
หลังจากใส่บาตรอย่างไม่ค่อยจะมีสติเสียเท่าไรจนถูกน้องสาวเอ็ดให้ตั้งใจกรวดน้ำ จากนั้นจันทร์จ้าวก็ตามน้องสาวคนกลางเข้าครัวด้วย แน่นอนว่าเขาไม่มีทางหยิบจับสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน นอกเสียจากระรานให้นภาสรวงทำอาหารได้อย่างยากลำบากยิ่งขึ้น ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หล่อนก็ใจเย็นและยิ้มแย้มมองความซุกซนของเขาเป็นเรื่องเปิ่น




“มื้อกลางวันนี้จะทำอะไรหรือนภา” เรื่องเปิ่นของเขามีหลายอย่าง อย่างเช่นกันถามถึงมื้อกลางวันทั้งๆที่มื้อเช้ายังไม่รับประทานด้วยซ้ำ นภาสรวงหัวเราะเบาๆแล้วละมือจากหม้อข้าวต้ม หันมามองพี่ชายที่ยืนพิงกรอบประตู




“ข้าวเช้ายังไม่รับ จะถามถึงข้าวกลางวันแล้วหรือคะ”




“ข้าวเช้าอย่างไรก็ข้าวต้ม พี่ทานแต่ข้าวต้มมาหลายวันแล้วนี่ ถามถึงมื้อกลางวันดีกว่า น่าเร้าใจกว่ากันแยะ”



แม้จะเป็นประโยคที่เหมือนไม่มีอะไรนอกจากคำบ่นแต่นภาสรวงก็จับสังเกตได้ หล่อนหยิบกระจาดผักเดินมาที่โต๊ะใกล้ประตูซึ่งจันทร์จ้าวยืนอยู่แล้วเอ่ยปากถามเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียง ๒ คน



“ช่วงที่ป่วย คุณหมอหาข้าวต้มให้ทานหรือคะ” คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะรับคำในคอ



“อือ”



“เขาดูแลพี่จันทร์ดีไหมคะ” คราวนี้จันทร์จ้าวส่ายหัว



“บังคับพี่ทุกอย่าง เวลาจะกินยาทีก็จ้องที ไม่ไหว” นภาสรวงหัวเราะเบาๆแล้วมองพี่ชายอย่างรู้เท่าทัน



“คุณหมอเธอทำบุญมาดี คนอย่างพี่จันทร์ ใครบังคับได้เสียที่ไหน แต่เธอก็ยังเก่งกล้าสามารถบังคับเอาจนได้ แล้วทานข้าวต้มกี่วันคะ”



“ทุกวันน่ะซี!” คนฟังหัวเราะสดใส ไม่ต้องให้หล่อนเดา ก็พอจะนึกออกว่าคนไม่ค่อยจะชอบข้าวต้มอย่างจันทร์จ้าวจะมีสีหน้าเช่นไรยามถูกบังคับให้รับประทานทุกวัน



“หัวเราะอะไรกันคะ?!” เสียงแหวดังมาจากเบื้องหลัง ๒ พี่น้อง ทั้งจันทร์จ้าวและนภาสรวงหันมองแล้วก็พบดารารัษมียืนตีหน้าบึ้งอยู่ใกล้ๆ



   น้องสาวคนเล็กเหลือบมองพี่ชายคนรองด้วยสายตาไม่ชอบใจและอึดอัด ก่อนจะเหลือบไปมองพี่สาวแฝด



   “คุณแม่ให้ดาราลงมาดูว่าอาหารเช้าใกล้เสร็จหรือยัง”



   “ใกล้แล้วล่ะจ้ะ ทุกคนตื่นกันแล้วหรือ” ดารารัษมีพยักหน้ารับไม่พูดกระไร หล่อนเหลือบมองพี่ชายอีกหน มีเรื่องมากมายอยากพูดกับเขาอย่างเช่นเหตุใดเขาถึงเลือกหมอภวัต แต่หากพูดออกไป หล่อนและเขาคงเข้าหน้าไม่ติดอีก สุดท้ายดารารัษมีก็จนใจจะหาคำใดมาพูด หล่อนหมุนตัวกำลังจะเดินกลับไปขึ้นเรือนแต่แขนถูกคว้าไป



   “วันจันทร์ อยากดูหนังเรื่องอะไร” จันทร์จ้าวนั่นเองที่เป็นคนคว้าแขนหล่อนมาถาม




   “เรื่องอะไรก็ได้ที่เข้าใหม่ค่ะ” ดารารัษมีตอบเสียงสั้นห้วน นภาสรวงมองพี่ชายและน้องสาวพูดคุยกันอย่างหมางเมินก็ใจเสีย



   “ถ้าเช่นนั้นพี่จะพาเพื่อนไปดูด้วย” คำว่าเพื่อนของผู้เป็นพี่ ทำให้หญิงสาวหันมองในทันที



   “อ้อ...ดาราให้พี่อาทิตย์ไปรับก็แล้วกัน เพราะวันนั้นพี่จะไปรถของเพื่อนพี่ อาจจะไปถึงช้าหน่อยเพราะเพื่อนพี่ต้องออกจากโรงพยาบาลมารับที่สำนักงาน ถ้าไปถึงก่อนก็รอหน่อยแล้วกัน อยากดูมากนัก พี่ก็ไม่ขัดศรัทธาแล้ว เพราะฉะนั้นก็อย่ามากความให้พี่หงุดหงิด บอกให้รอก็ต้องรอ เข้าใจใช่ไหม”




   “พี่จันทร์จะไปกับใคร?!!!” ดารารัษมีร้องถามตัวสั่นเทิ้ม เรื่องรอไม่ใช่เรื่องที่ทำให้หล่อนสะท้านวาบไปทั้งร่าง แต่เรื่องที่เขาจะไปกับ ‘เพื่อนของเขา’ ต่างหากที่ทำให้หล่อนคาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าพูดอย่างไม่อายฟ้าอายดินเช่นนี้ ท่าทีของน้องสาวที่ทั้งโกรธทั้งเสียใจทั้งตกตะลึงช่างตรงกันข้ามกับท่าทีของจันทร์จ้าวที่ดูจะสบายอกสบายใจ ซ้ำยังยกยิ้มมุมปากกวนโทโสแล้วยักไหล่ทีหนึ่ง



   “มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องให้พี่อธิบายเพิ่มเติมด้วยหรือ ว่าเพื่อนของพี่คนนี้เป็นใคร?” เขาว่าอย่างนั้นแล้วจึงหมุนตัวเดินผิวปากกลับขึ้นเรือนไป ดารารัษมีจะก้าวตามไปรั้งเขาเอาไว้แต่นภาสรวงคว้าแขนของหล่อนไว้เสียก่อน



   “ดารา...” คนเป็นพี่สาวปราม ดารารัษมีจึงทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความอัดอั้น



หล่อนสาบานในอกด้วยความขุ่นแค้น ให้อย่างไรหล่อนก็จะทำให้จันทร์จ้าวเลิกกับหมอภวัตให้จงได้!!!!



ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)


   ขอตอบคำถามจากเม้นท์คราวที่แล้วก่อน มีคนถามเรื่องคำว่า “ยังไร” อันนี้บัวเห็นในปริศนา หรือเจ้าสาวของอานนท์ สักเรื่อง ที่ใช้คำว่า “ยังไร” แทนคำว่า “อย่างไร” ค่ะ น่าจะเป็นการย่นเสียงให้สั้นลง ในปัจจุบันก็คงจะผันเสียงมาเป็น “ยังไง” ที่เราใช้กัน บัวเห็นมันแปลกดีก็เลยใช้ตามจ้ะ เหมือนคำว่า “อ้าย” ที่บัวใช้แทน “ไอ้” ก็ด้วยค่ะ อันนี้ตั้งใจใช้เลย

   จะบอกว่าดราม่าเรื่องนี้กรุบกริบมากจริงๆ นิสัยคุณจันทร์เปรี้ยวซะขนาดนี้ ไม่มีอะไรทำคุณจันทร์ได้หรอก ส่วนงานคืนความสุขให้หมอ รอหน่อยนะ บัวพิมพ์ถึงตอนนั้นแล้ว ได้อ่านแน่ แต่คงเป็นปีหน้า ฮ่าฮ่า

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนรอ กำลังใจและพื้นที่บอร์ดค่ะ

   เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

ป.ล. ให้ทาย...ดารารัษมีคู่ใคร?????


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดาราคู่คุณพงศ์มั้ยยยยย หรือคุณเภา งืมมม
จันทร์เปรี้ยวมากจริงๆ ใครจะขวางนางได้
ว่าแต่คุณหมอไปศึกษาวิธีมารึยัง เรารอดูอยู่ 5555

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ดารานี่ต้องคุณพงศ์ 55555
เป็นพ่อสื่อให้จันทร์มาแล้ว ก็มาทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมน้องสาวด้วยอีกคนไปเลย

ขอบคุณพี่บัวนะคะ

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ทีมจันทร์เจ้า สู้ๆ สู้ๆ

ออฟไลน์ ่KEI_jry

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ความรักย่อมมีอุปสรรค แต่คนอย่างจันทร์คงเห็นเป็นเรื่องสนุก 5555 รอพฤหัสหน้านะคะ

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
นิสัยแบบนี้
ดารารัษมีคู่กับเภาน้องคุณหมอแน่ๆ
โบราณว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น
ฟันธง!!!

ออฟไลน์ little_pig

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณเภาป่าวคะ
จันทร์เจ้าสู้ๆ อย่ายอมแพ้นะ :a2: :a2: :a2:

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
#ทีมจันทร์  :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ชอบคุณสกาย เอ้ย  คุณนภาค่ะ  เธอดูเป็นคนเข็มแข็ง

/// ขอบคุณคุณนักเขียนด้วยนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นึกว่าจะดราม่าน้ำตาแตกซะแล้ว แหม ระดับจันทร์จ้าวซะอย่าง เอาอยู่อยู่แล้ว

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ทำไมดารา คิดแบบนี้ล่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ดารานี่คงเป็นตัวแปรให้พิสูจน์รักรอบก่อนเจอทัพใหญ่ไฟนอล
ขัดขวางไปขัดขวางมา ระวังสุดท้ายจะเชียร์ออกนอกหน้าที่สุดนะ 555

ออฟไลน์ หลิว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อย่างน้อยก็ไม่ได้แม่หญิงเลวมาเป็นพี่สะไภ้นะคะคุณดารารัษมี   
ดารารัษมีคู่คุณพงศ์รึเปล่า  :z2:

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
น้องนภาน่ารักจังค่ะ

ชอบโมเม้นตอนพี่จันทร์กับน้องนภาคุยกัน ดูอบอุ่นดีค่ะ

คุณจันทร์นี่ก็แก่นเซี้ยวจริงๆ

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อย่ามาม่านานนะคะ ^^
รองานคืนความสุขให้กับคุณหมอนะคะ  :hao7:

ดารารัษมีคู่กับคุณพงษ์รึเปล่า //เดาสุดๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
#ทีมจันทร์จ้าว ของเขาแรงจริงๆ

แต่เริ่มผวาแทนเรย์แล้วนะ ถ้าจันทร์จ้าวรู้เรื่องเรย์แล้วก็ออมๆมือให้เรย์หน่อยละกัน เดี๋ยวนภาลำบากใจเลือกข้างไม่ได้ ฮาาาา

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ตอนแรกนึกว่าจะมีดราม่าหนักๆระหว่างพี่น้อง 5555 แต่ด้วยนิสัยจันทร์ชนะเลิศทุกสิ่งจ้า
ขอทายว่าดาราต้องคู่กับเภา ฟันธง 55555

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :katai2-1: เป็นไงคะคุณแม่ กลัวได้สะใภ้แบบไม่ดีมา คุณจันทร์เลยจัดลูกเขยเข้าบ้านแทนเลย  :m4:
 คุณดาราคะเจ้ของเตือนอย่าแตะคุณหมอของคุณจันทร์เชียวนะ หึหึ  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1


   ตอนแรกคิดว่า เรื่องลับๆ ของคุณหมอ กะ จันทร์จ้าว นี้  จะดราม่า มากมาย 

  แต่ นภาสรวง คนดี ทำให้ เรื่องนี้คลี่คลายไปได้อย่างดี  #ปลื้มปริ่ม

  ชอบ  Scene นี้ มากกกก :กอด1:   " แผ่นหลังของนายแพทย์หนุ่มที่โน้มตัวลงหาจันทร์จ้าวอย่างใกล้ชิด "


     :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

  ลุ้นๆๆๆ  ตอนหน้า  หมอภวัต ปะทะ ดารารัษมี วันจันทร์ที่ไปดูหนังกัน


  ให้อย่างไรหล่อนก็จะทำให้จันทร์จ้าวเลิกกับหมอภวัตให้จงได้!!!  :serius2:

 

 ขอเดา...   น้องดารารัษมี คนเก่ง ต้องได้คู่คนดีๆ อย่างคุณพงษ์ สิครับ :mew1:

ออฟไลน์ PookPick

  • มองฉัน รักฉันสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
 :L2: มอบรางวัลให้นภาค่ะ ความคิดลูกดีงามมาก

ดาราเข้าใจพี่จันทร์หน่อยสิ เรื่องความรัก มันห้ามกันได้ที่ไหน

อย่างดาราต้องคู่กับใครเนี่ย นายเภารึป่าว คงเป็นคู่ที่เปิ๊ดสะก๊าดน่าดูชม

รอพฤหัสหน้าค่ะ /รอฉากคืนความสุขให้หมอภวัตด้วย


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นภาเข้าใจพี่จันทร์ดีเพราะหัวอกเดียวกันสินะ แต่ยังไงๆตามความรู้สึกแล้วสถานการณ์ของนภาน่าจะดีกว่าอยู่หน่อยๆ
ส่วนดารา...อืม คู่ใครดีล่ะ คุณพงษ์(ผู้แสนดี) หรือ คุณเภา(จอมเพลย์บอย) เอาไว้ต้องรอดูต่อไป

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ขอให้ดาราได้คุณเภาไปเลยยย
5555
พี่จันทร์นี่ตัวท็อปเลย เค้าชอบมากกกกก
อะไรก็ไม่เท่าการท้าทายพี่จันทร์ละนะ

งานคืนความสุขให้คุณหมอมาปีหน้า
งั้นขอคืนความสุขให้พี่จันทร์ก่อนน้าาาา

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อืมม แปลกนะทั้งๆที่ดาราเป็นสาวสังคมแท้ๆถึงแม้ว่าเรื่องทำนองนี้มันจะไม่ค่อยมีให้เห็นแต่ก็ไม่น่าจะใจแคบขนาดนี้นะ น่าจะฟังความจากพี่มากกว่ามาทำโมโหตะพึดตะพือโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่พี่ชายแบบนี้ ไหนจะเรื่องที่จะทำให้เขาเลิกกันอีกมันดีแล้วเหรอดาราถ้าคิดจะทำงั้นอะ กับจันทร์เราไม่ห่วงเท่าไหร่เพราะคิดว่าคงรับมือน้องตัวเองได้กลัวแต่หมอจะคิดมากนี่แหละ ถ้าให้ทายว่าดาราคู่ใครทีแรกก็คิดว่าน่าจะกับเภาแต่หลังจากที่อ่านตอนนี้แล้วเห็นอคติที่ดารามีต่อเรื่องพี่ชายตัวเองแล้ว เราว่าน่าจะคู่คุณพงษ์นะงานนี้คงต้องให้คุณพงษ์ช่วยชี้ทางสว่างเปิดตาเปิดใจให้ดาราซะแล้ว

ออฟไลน์ mhhong95

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :impress3: เเซ่บอย่างคุณจันทร์นี่ท่าจะไม่มีอะไรสะทกสะท้านนะ ห่วงก็เเต่หมอผู้รักษาภาพลักษณ์ รีบๆศึกษาหลังจากขั้นตอนการจูบสิคะ คุณจันทร์เเกรอ(เสียตัว)อยู่
 :ling1:
 :ling1:
 :ling1:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เภา....แต่ถ้าเป็นท่านชาย ก็ว่าดี เผื่อจะได้โตขึ้นกว่านี้

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ไหนๆ ทุกอุปสรรคของคู่นี้ก็ได้คุณพงษ์ช่วย
อุปสรรคอย่างดารา ก็ให้คุณพงษ์มาจัดการ แล้วก็คู่กันไปเลยละกัน5555555

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ดารารัษมี น่าจะคู่กับนายเภา ไม่ก็ คุณพงษ์ นะ เพราะ ดูท่า เรื่องนี้ คิวปิดนามว่า คุณพงษ์ต้องลงมือเองอีกแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด