โคลงที่ ๒๑
สมมติว่าเวลาผ่านไปเร็วนิดหนึ่ง วันนี้วันอะไรดี
๒๗ ธันวาคม ๒๕๕x
๑๒.๓๔ น.
เอาเป็นว่ามันคือวันนี้กับเวลานี้ดีกว่า ความรู้สึกของไอ้หมีตั้งแต่โดนกะเทยต่อว่าด่าเช็ด “กูคิดว่าศพ” โหย มันแทงใจดำทะลุไปใจแดง หล่อๆแบบนี้ยังโดนว่านับประสาอะไรกับคนไม่หล่อ เอ่อ รู้สึกว่ากูเองนะที่ไม่หล่อ
ไอ้เราน่ะมันเข้าอกเข้าใจ ใครด่าใครว่าขอให้มันเป็นแรงผลักดัน แรงงานพลังเผาผลาญไขมัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไอ้หมีเอาแต่กิน กิน และก็กิน เอ๊ย ไม่ใช่ครับ ไอ้เรื่องกินน่ะมันกินปกติประจำวันอยู่แล้ว แต่เรากินแล้วเราก็ต้องขี้ เอ๊ย มันถูกแล้วนี่ แล้วจะพูดทำไมวะ คือที่จะพูดก็คือ เมื่อกินแล้ว เราก็ต้องออกกำลังกาย
มาดูโปรแกรมไอ้หมี วันๆมันทำอะไรบ้าง ตื่นเช้าก็กิน กินเสร็จไปเรียน ไปเรียนพักเที่ยงก็กิน กินเสร็จก็เรียน ตอนเย็นเหล่หนุ่ม ซุ้มดูสาว หึหึ ไอ้แบบนี้น่ะมันธรรมดาไปใช่ไหม เอาเป็นว่าผมเลอะเทอะมาพอสมควร คือกิจกรรมของผมก็คือการเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ควบคุมอาหารให้พอดี ก็ตามปกติ แต่สิ่งที่ผมเพิ่มคือ ผมวิ่ง เข้าฟิตเนส เดินเร็ว ออกกำลังกาย สลับไปสลับมา อยากจะว่ายน้ำแต่ว่ามันหนาว จึงต้องใช้กำลังทางบกแทนที่จะใช้กำลังทางน้ำ แต่ถ้าลากไก่นี่ไม่แน่ว่าเราจะทำได้ หึหึ ก็มาว่ากันต่อนะครับ การออกกำลังกายของผมคือเพิ่มชั่วโมง ช่วยแม่ขายของลดลง อันนี้เฉพาะช่วงเย็นนะครับ ช่วงเช้ายังช่วยขายปกติ ก็ออกๆๆๆๆ จากวันนั้น น้ำหนักชั่งไว้ก่อนตาย เอ๊ย ก่อนชก มัน ๑๓๐ กิโลกรัม มีเศษนิดหน่อยแต่มันจำไม่ได้ ตอนนี้มันเหลือ ๑๒๐ กิโลกรัมครับ โห นี่เราเร่งรัดตัวเองหนักไปป่ะวะ แต่ก็โอเคดี มันลดไปมาก ผมดีใจนะครับที่ลด มีบางคนทัก ไปทำอะไรมาดูเป็นคนขึ้นเยอะ ไอ้เวร แล้วเมื่อก่อนเราเป็นอะไร พะยูนน้อยน่ารักพิทักษ์อ่าวไทยเหรอวะ โด่ว
การลดครั้งนี้ได้รับกำลังใจพิเศษจากแม่ผมเองแหละครับ แม่ดีใจมากที่น้ำหนักลด แม่บอกว่าถ้าหล่อเมื่อไหร่จะไปขอน้องภูให้ โหย ไอ้เรานี่ระริกระรี้ เนื้อตัวเต้น ตาเป็นประกายเลยครับ เอ่อ นี่ผมมโนเอาเองนะ เรื่องแม่ไปขออ่ะ แม่ไม่ได้พูด ผมเก็บเอาไปฝัน หึหึ แต่ถ้าเป็นจริงก็หวานหมูเลยครับ ชอบก็ให้แม่มาขอ อย่ารอให้มันนานแรง เอิ้ก
อ้อ แล้วอีกอย่างช่วงนี้เฮียเขาปิดเทอมแล้ว พอปิดเทอมเฮียมวยจึงต้องกลับบ้าน กลับมาทีไร ผมไม่เป็นผู้เป็นคนกับเขาหรอก เพราะเฮียแกขาววิ๊ง ผมเผ้าเป็นทรงดูเป็นระเบียบ แม่เองดูจะหน้าชื่นตาบาน อิ่มใจเป็นพิเศษ ผมไม่น้อยใจนะเพราะแม่รักเราไม่น้อยไปกว่ากันหรอกครับ ผมรู้ แต่บางทีก็อิจฉาเฮียนะ เพราะเขาหุ่นดี เฮ้อ
เฮียกลับมาแบบนี้ก็ต้องช่วยขายของครับ แบ่งเบาผมไปเยอะเลย ร้านเราขายดีตามปกติ เสาร์อาทิตย์ แต๊งเฟียสมาช่วยขายร้านยิ่งคึกคัก เพราะหนุ่มสาวมหาลัยเขากลับบ้านกันครับ พอปิดเทอมยาวๆแบบนี้ที่ลืมไม่ได้คือ เฮียตี้ พี่ชายของไอ้แต๊งครับ หนุ่มหล่อเป็นนักศึกษาหมออนาคตไกล
“เพิ่งตื่นเหรอเฮีย”เฮียมวยทักเมื่อเฮียตี้มาปรากฏตัวที่หน้าบ้าน เดินโดดเด่นมาแต่ไกลเลยครับ
“เปล่า นี่ถอดจิตมา ตัวจริงนอนอยู่ที่บ้าน”
“อ้าว มิน่าล่ะ หมาถึงได้หอนแต่เช้าเชียว จะเอาอะไรไหมเฮียผมจะทำสังฆทานไปให้”
“เอามึงไปอยู่ด้วยกันอีกคนมั้ง ไอ้น้องเวร”เฮียตี้ทำท่าจะบีบคอเฮียมวย
“กินข้าวแล้วเหรอเฮีย”ผมเอ่ยถามพี่ชายเพื่อน
“กินแล้ว เออ เฮียว่าหมีดูดีขึ้นนะ เพิ่งสังเกตวันนี้”มาหลายวันแล้วเพิ่งเห็นเห็นน้องหุ่นดี โหย เฮียเรา
“เฮียอย่าไปชมมัน เดี๋ยวมันเหลิง ลดได้ไม่กี่โลคุยฟุ้งเชียว”เฮียมวยแขวะผม
“มึงนี่ก็ ให้กำลังใจน้องบ้างดิวะ ว่าแต่ลดไปกี่โลแล้วอ่ะหมี”
“ก็เกือบๆ ๓๐ โลอ่ะเฮีย ตั้ง ๔ เดือนแน่ะกว่าจะได้ขนาดนี้”
“อื้ม เก่งแล้วละ ไม่ต้องรีบนะ ทำไปเรื่อยๆ อย่าโหม”
“ครับเฮีย ว่าแต่เฮียก็ดูล่ำขึ้นนะ ไปเล่นฟิตเนสมาเหรอ”
“อืม แต่ไม่ได้เล่นบ่อยนะ เรียนหนัก สู้มวยไม่ได้หรอก ว่างเยอะเกิน ชีพจรลงหำเดินหาสาวทั่วมหาลัย”
“แน่ะๆ ไม่มีอ่ะเฮีย ผมเป็นเด็กดี”
“เฮียจะพยายามเชื่อนะ ไอ้ที่เดือนก่อนที่ไปคั่วๆเด็กคณะเฮียนี่ เฮียยังไม่ชำระบัญชีเลย”
“หึหึ แค่ไปส่งน้องเขาเฉยๆเหอะ เฮียนี่คิดไปไกล”
ก็เฮฮาปาจิงโกะกันไปนะครับ เฮียมวยกับเฮียตี้นี่แมนๆ เฮียตี้ยังไม่รู้ข่าวว่ามีแฟนหรือไม่มีกันแน่ แต่ระดับมหาลัยแล้ว ก็น่าจะมีบ้างมั้ง ส่วนเฮียมวยก็คบๆเลิกๆของเขาแหละครับ เป็นเจ้าพ่อมาลัยลอยชาย ลอยไปก็ลอยมา อย่างว่าเขาหล่อนี่ครับ เขาก็ต้องบริหารเสน่ห์ ส่วนผมนี่มันยังหาที่หล่อไม่ได้ เอาเถอะ แค่มีคนมาชอบ ๑ คนผมก็ภูมิใจแล้วล่ะ เอิ้ก
บ่ายแก่ๆ เฮียช่วยแม่ขายของ ส่วนผมออกไปข้างนอก ไปออกกำลังกาย ช่วงนี้เขาปิดต้อนรับปีใหม่แล้วนะครับ เราจึงว่าง หลายคนที่ไปทำงานก็กลับมาบ้านเกิดเมืองนอน ทั้งคนทำงานคนเรียนอ่ะครับ แต่ละบ้านจึงคึกคัก ตลาดก็ขายดี ร้านแม่ผมนี่ลูกค้าแน่นทั้งวันครับ ใครที่คุ้นเคยกับข้าวมันไก้ร้านแม่ผม เขาก็จะมาชมบ่อยๆว่า กินข้าวมันไก่ที่ไหนก็ไม่ร่อยเท่ากับกินข้าวร้านป้าพิมพ์ ทั้งเยอะทั้งอร่อย ไอ้ที่ให้เยอะน่ะแตงกวานะรู้ไหม อิอิ ล้อเล่น เยอะทั้งข้าวเยอะทั้งไก่อ่ะครับ จัดเต็มแม็กซ์กันเลยทีเดียวเชียว สนนราคาก็แค่จานละ ๒๕ บาท ยิ่งช่วงนี้คนกลับบ้านเยอะแม่ผมก็ทำเต็มที่เอาอกเอาใจลูกค้า
๓๑ ธันวาคม ๒๕๕x
๒๓.๓๗ น.
อันนี้ก็สมมติว่าเวลามันผ่านไปโคตรไวอีกนะครับ วันนี้เรามาฉลองต้อนรับปีใหม่กันที่วัดครับ มาสวดมนต์ข้ามปี ทีแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาฉลองที่บ้าน ตั้งวงกินสังสรรค์กันฮาเฮ แต่ว่าที่วัดบ้านยายจัดให้มีการสวดมนต์ข้ามปี ยายก็โทรมาชวนให้หลานๆไปฉลองกันที่บ้าน ครอบครัวผมจึงต้องกลับบ้านยายครับ ไปเจอญาติๆ ส่วนไอ้แต๊งก็คงจะตามประสาของมันไปครับ มันก็ดีนะครับที่เรามาทำความดีช่วงปีใหม่ อากาศเย็นๆ ผู้คนหลากหลาย คนที่กินเหล้ามีเป็นวงครับ คนที่มาทำบุญสวดมนต์ก็มีตามปกติ
“แม่หนาวไหม”เฮียถาม แม่ผมนี่จัดเต็ม เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ ถุงมืออีกต่างหาก
“ไม่หนาวๆ ดูพ่อแกสิ จะทนได้กี่น้ำเชียว บอกให้ใส่ถุงมือก็ไม่ยอมใส่”
“ก็อากาศไม่ได้เย็นขนาดนั้นนี่ ฉันไม่บ้าหอบฟางเหมือนเธอหรอก ใส่อะไรรุงรัง”พ่อว่าแม่ซะแล้ว สรุปปีใหม่ของเรานี่ยังไงกันแน่
“ย่ะ ฉันรักสุขภาพไม่ทนหนาวหรอก เออใช่สิ ฉันไม่ได้หนังหนาเหมือนคุณนี่”
“แม่ พ่อ วันนี้เราจะได้บุญไหมอ่ะ”ผมถามระหว่างที่แม่และพ่อกำลังจะก่อสงครามเล็กๆ
“หึหึ ก็ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย นี่คุยปกตินะ อ่ะๆ ตั้งใจอธิษฐานแล้วกัน พระจะพาสวดแล้วมั้ง”พ่อโยกหัวผมแล้วเราก็ตั้งใจสวดมนต์ คนเยอะดี สวดเสียงดังฟังชัด ปีนี้ผมก็ไม่ขออะไรมาก ขอให้ลดน้ำหนักได้ และขอให้มีความสุข
๑ มกราคม ๒๕๕x
๐๐.๔๔ น.
เราสวดมนต์นั่งสมาธิเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อแจกปฏิทินปีใหม่ให้ทุกคนครับ ผมยังจำได้วันที่เรามาลอยกระทง ที่มีการกวนข้าวทิพย์อ่ะ อร่อยมากเลยครับ ผมกินตั้งหลายวันแน่ะ แต่กินเยอะไม่ได้ กินทีละก้อนเล็กๆจนหมด อร่อยจนอยากกินอีก
พอรับปฏิทินแล้วเราก็กลับบ้าน พรุ่งนี้จะมีตักบาตรรับปีใหม่ แพ็กของไว้เมื่อตอนเย็นของปีที่แล้ว เออ พูดเหมือนมันผ่านไปนาน จริงๆปีที่แล้วมันก็ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี่เอง ก็กลับมานอนที่บ้านครับ
๐๖.๑๕ น.
อากาศเย็นมากแต่พวกเราต้องลุกขึ้น ผมไม่อาบน้ำตอนเช้าเลยครับ แปรงฟังล้างหน้าอย่างเดียว พอตื่นขึ้นมาเจอครอบครัวน้าหมอนกับครอบครัวไอ้เฟียสมาด้วยครับ ก็มีพ่อแม่ ไอ้เฟียส น้าหมอน น้าชาติ เฮียตี้ ไอ้แต๊ง เตรียมของมาใส่บาตร น้องภูก็ลากครอบครัวตัวเองมาด้วย พ่อแม่เขาตามใจลูกครับ ก็ต้องมา น้องภูนี่มีพี่ชาย ๑ คนกับมีน้องสาวอีก ๑ คน หน้าตาดีทั้งครอบครัว
“แฮปปี้นิวเมีย”ไอ้แต๊งเดินมาทักทายผมหน้าตายิ้มแย้ม
“ใครอ่ะพี่แต๊งนิวเมีย นี่พี่หมีแอบซ่อนไว้ที่บ้านยายอีกคนเหรอ”น้องภูถามด้วยความสงสัย แต่ไม่สงสัยแบบธรรมดา สงสัยอย่างแรง ตาขวางเชียว
“ใช่ มึงไม่รู้อะไร ไอ้หมีเมียมันเยอะจะตาย”ไอ้แต๊งยังคงใส่ไฟ
“เออเฟียส น้องอ้อนเขาบอกว่าเขาเปลี่ยนไลน์ใหม่ ฝากบอกมึงด้วย”มึงแทงกู กูแทงมึงบ้าง
“ไม่มีเหอะไอ้หมี อย่ามาทำให้กูกับไอ้ตัวยุ่งผิดใจกัน”ไอ้แต๊งรีบพูดดักทางเชียว แหม
“ใช่ เรารักกันจะตาย”ไอ้เฟียสกอดคอแฟนตัวเองแน่นเลยครับ
“ให้มันน้อยหน่อยเฟียส ทำแบบนี้ไม่เห็นหัวเฮียเลยนะ”เฮียตี้ดุ
“เฮียหวงเกิ้น”
แล้วเราก็มาที่วัดกัน มาใส่บาตรกันครับ คนเยอะมาก สาวๆมองหนุ่ม หนุ่มๆมองสาว หนุ่มบางคนก็ไม่ได้มองสาว มามองพวกเรากันเอง เอิ้ก ใสๆวัยรุ่นชายหันมากินกันเอง พอเสร็จงานแล้วก็พากันไปกินข้าวบ้านยาย บรรยากาศเป็นกันเองมากๆเลยครับ แม่ผมนี่ลงมือเต็มที่ น้ำพริก ผักลวก ต้มไก่ หมูทอด หมึกย่าง หลายอย่างมากเลยครับ อร่อยมาก
“กินเยอะๆนะลูก”ยายพูด
“อยากกินเยอะอยู่นะยาย แต่เดี๋ยวอ้วน”ผมบ่นเบาๆ กับข้าวอย่างดี แต่กินเยอะไม่ได้ ฮือๆ ไม่น่าลดความอ้วนเลยเรา
“เอ้า ก็กินวันนี้วันเดียวสิลูก วันหลังค่อยเอาใหม่ เอานะ ยายอุตส่าห์ทำ”เกรงใจยายจัง ไอ้หมีจึงล่อไป ๒ จานพูนๆ
กินอิ่มเราจึงไปเดินเล่นที่ทุ่งนาใกล้ๆ ลมพัดเย็นๆได้กลิ่นตอข้าว เมื่อตอนเช้านี่หมอกลงและมีพระอาทิตย์สีแดงๆขึ้นฝ่าหมอก โหย บรรยากาศไม่ต้องไปไหนไกลมันก็สุขใจแล้วล่ะครับ แต่ก็อยากจะไปที่อื่นอยู่ดีนั่นแหละ ฮ่าๆๆ
“ไอ้หมี มึงอยู่ที่นี่ก็ดีนะ จะได้กินหญ้ากินผัก ลดน้ำหนักง่าย”ไอ้แต๊งเสนอระหว่างที่เรากำลังชมธรรมชาติ
“มาอยู่เป็นเพื่อนกูดิ ผักหญ้านี่ของถนัดมึงไม่ใช่เหรอ”
“ใครบอกว่าแต๊งถนัดกินผักกินหญ้า แต๊งกินอาหารจากโรงงานมีหลายรสเลย เป็นรูปกระดูกอ่ะ แต๊งบอกว่ากินง่าย”ไอ้เฟียสกวนประสาทแฟนมันซะแล้วครับ
“มึงว่ากูเป็นแมวใช่ไหม”ไอ้แต๊งหันไปมอง
“พี่เฟียสบอกว่าพี่เป็นหมาต่างหาก ฮ่าๆๆ”น้องภูขำก๊ากออกมา
“ไอ้ภู ไอ้เด็กกวนตีน มาให้เตะเลยมึง”จะคว้าเขาแต่ก็คว้าไม่ทัน แล้วเราก็ต้องขำกันเมื่อคนที่วิ่งหนีไปนั้น
“อ้ากกกกกกกกกกก”ขี้ควายเต็มตีนเลยครับ
“ฮ่าๆๆๆ”
“เป็นไงล่ะมึง ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”ไอ้แต๊งขำ
“เพราะพี่เลยพี่แต๊ง ผมโดนพี่ก็ต้องโดน ย้ากกกกกกกก”ว่าแล้วก็วิ่งไล่กวดไอ้แต๊ง ไอ้แต๊งมันไวกว่าวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว พวกเราได้แต่ขำตามหลัง กลับไปถึงบ้าน ไอ้แต๊งล้อน้องอย่างเดียวเลยครับ
“ไอ้ภูเหยียบขี้ๆๆๆๆ”
๔ มกราคม ๒๕๕x
๐๘.๑๒ น.
เขาว่าวันนี้เป็นเปิดวันเรียนหลังจากหยุดปีใหม่หลายวัน หยุดหลายวันอารมณ์มันก็ไม่ต่อเนื่องใช่ไหมครับ เพราะหยุดนานความขี้เกียจมันก็พอกพูน ได้แต่กัดฟัน เอ้าคนละกรึ๊บสองกรึ๊บ ไม่ได้กรึ๊บเหล้านะครับ กรึ๊บความขยันเข้ามา แหม่ พูดแล้วน่าจะไปรับพลังจากดวงดาว ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ในวันที่ฟ้ากระจ่างไร้เมฆหมอก เดือนไม่ขึ้นค่ำย่ำท้องฟ้า ฝูงดาวเจิดจรัสเปล่งประกายแสงแห่งดารา ให้ผายลมออกมาไล่ความอัปรีย์ เอ๊ย ไม่ใช่ล่ะ นั่นมันเรียกความอัปรีย์แล้ว เขาว่าการรับพลังจากดวงดาวจะทำให้เราหน้าตาหนุ่มสาวเพิ่มคอลาเจนไปอีก ๕ พันปี อันนี้ไม่มีตำรานะ ไอ้หมีมโน ฮ่าๆๆ
คือก็ยืนดูดาวนั่นแหละครับ ดวงดาวน้อยใหญ่ที่เปล่งแสงออกมา หากมองดีมันก็เหมือนมันจะบอกเราว่า นี่ฉันเปล่งแสงเพื่อให้เธอก้าวเดินต่อไปนะ ฉันมองเธออยู่ ถึงเธอจะไม่สวยไม่หล่อ ให้ดูฉันเป็นตัวอย่าง ในวันที่เดือนดับ ฉันดูมีคุณค่า ให้วันที่เดือนมา ฉันยังอยู่ที่เดิม ถึงเธอจะมองไม่เห็นฉันในวันพระจันทร์เต็มดวง แต่เธอจงจำไว้ว่า ฉันอยู่เคียงข้างเดือน เหมือนกับเธอ ถึงจะไม่สวยไม่หล่อ แต่เธอก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งของสังคม โหย ดวงดาวนี่ก็ให้พลังแก่เรานะครับ
ถามว่าไอ้หมีเอานิทานนี้มาจากไหน แฮะๆ ไอ้หมีมโนเอา แต่ก็ช่างมันเถอะ ดวงดาวอาจจะพูดไม่ได้ หมายความเป็นอย่างอื่น หากแต่เรามองดาว เราก็ได้ชมกับธรรมชาติ ธรรมชาติของคนไม่เหมือนกัน เหมือนดวงดาวที่เปล่งแสงร้อนแรงไม่เท่ากัน
๑๑.๕๖ น.
เรามาพักกลางวันกันครับ เออ จำได้ วันที่จัดหนักอาหารบ้านยายอ่ะ น้ำหนักผมเพิ่มขึ้นมาอีก ๒ โลแน่ะ โห ไวมากเลยครับ ลดทีนี่ลำบ้ากลำบาก พอขึ้นนี่ขึ้นพรวดๆเหมือนจรวดนาซ่า ผมจึงต้องจัดการ รีดมันออกไป นี่ถ้าเกิดผมตายแล้วอยากได้น้ำมันพรายนะ ผมว่าได้เป็นร้อยลิตรละมั้ง ฮ่าๆๆ คนอะไรไขมันเยอะเกิ้นนนนนน
จะว่าไปไม่ใช่ผมคนเดียวที่อ้วนนะครับ มีหลายคน ทั้งหญิงชาย กะเทย ทอม อ้วนกันหลายคน เวลาเจอคนอ้วนผมจะรู้สึก เออ กูมีเพื่อน เวลาเจอคนผอม เฮ้อ กูเกิดมาทำไม อารมณ์ก็แบบนี้ละครับ ขึ้นๆลงๆ ไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของคนคิดมาก คิดมากบางทีก็ฟุ้งซ่าน ดีไม่ดีเราคิดทำร้ายตัวเอง เขาว่ากันว่า ไม่มีใครจะทำร้ายเรา เหมือนกับเราทำร้ายตัวของเราเอง โหย โดนใจจึ๊กๆ โชคชะตาฟ้าอาจจะลิขิตมา แต่เขาก็แค่ลิขิตขั้นต้น ขึ้นอยู่กับเราจะรับปากกาจากท้องฟ้าแล้วลิขิตต่อไปข้างหน้าอย่างไร คือจริงๆอ่ะ ฟ้าลิขิตเราแหละครับ แต่เราไม่ยอมรับพู่กันต่อจากฟ้า ปล่อยให้ฟ้าเขียนไปเรื่อยๆ ฟ้ามันเมื่อยมันก็เลยเขียนให้ชีวิตเราเละ แต่ถ้าเรารับพู่กันมาจากฟ้า แล้วเขียนชีวิตของเราต่อ ฟ้าอาจจะแกล้งบ้าง แต่ถ้าเราคุมมือเราได้คุมใจเราดี ชีวิตเราก็เป็นสิ่งสวยงาม ไวฮอล พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่ ส่วนคนข้างๆแต๊งก็เฟียสไง หึหึ
“เช็ดปากดิ ข้าวติดมุมปากอ่ะ กินมูมมามหมดหล่อเลยมึง”เสือแต๊งเตือนแฟนเมื่อเห็นเม็ดข้าวติดมุมปาก ไอ้เฟียสก็เลิกคิ้วทำหน้าเอ๋อๆ โพ๊ะ “กูบอกให้เช็ดมุมปาก มึงอย่าทะลึ่งคิดว่ากูจะเช็ดให้ ไม่ต่อยหน้าก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“แต๊งใจร้าย”มันบ่นแฟนมันครับ แหงล่ะ โดนเบิ้ดกะโหลกไปทีนี่ หึหึ
“เออ ใจร้ายไง ไม่ได้ใจดี”
“แต่ผมก็รักของผมเหมือนเดิม รักทุกวัน”
“ไอ้ทะลึ่ง”แล้วมันก็เขินครับ ก้มหน้ากินข้าวในจานของตัวเองอย่างเดียว พอกินอิ่มหยิบน้ำขึ้นมากินตบท้ายก่อนจะบอกกับแฟนมันว่า “กูก็รักมึง แบร่”แล้วมันก็เดินไป ไอ้คนที่ยิ้มแป้นหน้าบานเป็นจานสังคโลกคือพี่เฟียสสุดหล่อของเรานี่เอง
“เขาบอกตรงๆแบบนี้เราก็เขินเป็นนะ ไอ้น่ารักเอ๊ย”
“เดี๋ยวๆ ไอ้น่ารักที่กูสงวนไว้ใช้กับน้องภูคนเดียว”
“อ้าวเหรอ”
“พี่หมีอี๋ๆๆๆๆๆ”ไอ้อี๋ๆนี่จะลากทำไมวะน้องภู
“อี๋ๆได้ แต่ถ้าไปเติมพยัญชนะมี ๒ หัวนี่จะซวยนะบอกให้”
“อะไรเหรอ อ๋อ ฮิๆ กินข้าวแล้วเหรอ ทำไมไม่รอภูอ่ะพี่”
“อ้าว ก็ไม่ได้บอกให้รอนี่นา พี่ก็หิว”
“อืม งั้นภูไปหาอะไรกินก่อนนะ เอ้อพี่หมี เย็นนี้ไปเดินเล่นกันไหม”
“ที่ไหน”
“ห้างไง ไปซื้อเสื้อเป็นเพื่อนภูหน่อย”
“อ๋อ แล้วจะไปกี่โมงอ่ะ”
“๖ โมง ออกกำลังกายเสร็จก็ไป”
“โอเค แล้วเจอกันตอนเย็นนะ”
“จุ๊บๆดิ”
“ไอ้เด็กบ้า อายคนอื่นเขา”ผมค้อนแล้วก็เกิดอาการเขิน แหม่ เด็กนี่มันอ่อยได้ใจกูจริง เดี๋ยวเหอะ จะจับทำเมียสักวัน
เออนี่เราร่ายกันมายาวนาน ความสัมพันธ์ของฉันกับเธอ ก็น้องภูนั่นแหละครับ เรายังเรื่อยๆนะ มีตัวเบี่ยงเบนมาตรฐานคอยมาตอแย มาด่าว่าเราอ้วนบ้าง ด่าว่าเราหน้าด้านบ้าง ผมใช้พลังไขมันสะท้อนกลับ เขาว่าเมื่อไหร่ที่เขามาด่าเรา แสดงว่าเขากำลังเอาขยะมาวางอยู่ตรงหน้า ถ้าเราเอาจมูกไปดม มันก็เหม็น เราก็ไม่ชอบ แต่ถ้าเอาปิดจมูกแล้วเตะขยะนั้นออกไป มันก็จะไม่เหม็น ดังนั้นผมจึงมีกลไลป้องกันด้วย ไม่ต้องใช้สบู่ฆ่าเชื้อ แต่ใช้สายตาหวานๆ หึหึ ยิ้มให้นึ่งที แล้วพูดว่า พวกแกก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก
บางทีคิดกับพวกนี้มากไปมันเสียเวลา เอาเวลาของเรามาบริหารกาย บริหารใจ เอ้า ฮึบ ฮุ้ยเล่ฮุ้ย โยกซ้ายโยกขวา เด้งหน้าเด้งหลังกะดึ๊บๆ เราต้องสู้ สู้ต่อไป เออนี่พูดถึงแต่คนไม่ดี จริงๆคนดีๆก็มี อย่างน้องที่ชมรม เขาก็ถามผมว่า
“พี่หมีนี่คนหรือหมู” เอ๊ย ไม่ใช่คำถามนี้ครับ แหม่ ไอ้นี่มันถามประจำเกินไป ก็จะถามแนวว่า “ออกกำลังกายลดหุ่นเหรอ เล่นอะไรบ้าง กินอะไรบ้าง ลดบ้างไหม ลดเพื่อใคร มีแฟนแล้วเหรอ”แหม่ ไอ้คำถามหลังนี่อยากจะตอบเต็มปากเต็มคำ หนูไม่รู้ว่าแฟนมี เห็นหล่อดีหนูก็เลยชอบเขา เอิ้ก ทีแรกหนูก็ไม่ได้ชอบเขา แต่เขาหอบผ้าหนีตามหนูเอง หนูก็เลย ก็ใจมันหายละลายๆๆๆไปกับเธอ
เวลามีคนถามแบบนี้ ไอ้หมีก็จะมีแรงอกได้แรงใจ ผมจะยิ้มแย้ม มีความสุขดี มันช่วยได้นะ ช่วยตัดวงจรคนไม่ดีออกจากชีวิต บางคนก็อยากจะร่วมวงกับผมด้วย บางขอคำแนะนำ โหย ไอ้เราก็ไม่เท่าไหร่ มันแค่เริ่มต้น มันแค่ออเดิร์ฟเองนะ ก็แนะนำเท่าที่แนะนำได้ ส่งลิงค์กระทู้ให้พวกเขาอ่าน เห็นคนอยากลดหุ่นผมก็ดีใจ สู้ต่อไปนายหมีน่ารัก อิอิ
๑๘.๔๓ น.
เรามาที่แห่งในกลางจังหวัดของเราครับ เหงื่อชุ่มแล้วมาเดินห้าง ใครจะได้กลิ่นเหลื่อเราบ้างไหมหนอ เฮ้อ แต่ไม่ใช้เวลายาวนานเท่าไหร่มากนักเพราะน้องภูเขามีเสื้อยี่ห้อในดวงใจเขาแล้ว เออ ลืมบอกว่าน้องภูมาซื้อเสื้อบาสนะครับ เสื้อของโรงเรียนก็มีแต่ว่า น้องอยากได้ของยี่ห้องนี้ เสื้อของโรงเรียนเอาไว้ใส่ตอนออกไปแข่งในนามโรงเรียน ส่วนที่ซื้อส่วนตัวก็เอาไว้ใส่ซ้อม ใส่เล่น โชว์ของเขาไปครับ แขนน้องภูนี่ล่ำดีนะ หุ่นก็ล่ำๆ หน้าตาหล่อด้วย มองน้องมันก็มีอิจฉาบ้าง แต่ก็ไม่มากเพราะยังไงเดี๋ยวน้องก็ต้องเป็นของเรา
“อ่านกินภูเหรอพี่หมี”
“เปล่า” แม่ง เด็กนี้ตาไวเกิน นี่เราหื่นจนออกนอกหน้านอกตาขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“หึหึ ก็มองภูตั้งนาน แอบมองหัวนมภูป่ะเนี่ย”
“ทะลึ่ง ป่ะๆ จะกลับรึยัง”
“อื้ม คืนนี้ไปนอนด้วยนะ”
“อะไรๆ เป็นเด็กเป็นเล็กริอาจจะหนีตามผู้ชายแล้วเหรอ”
“บ้า ก็ไปนอนบ้านแฟนไม่ได้ไปนอนบ้านคนอื่นนี่”
“หืมอะไรนะ”
“อะไรเหรอ ไปดิ กลับบ้าน ภูจะได้เตรียมเสื้อผ้าด้วย”
“เมื่อกี้ภูบอกพี่ว่าอะไรรนะ ที่ว่าเป็นฟงเป็นแฟน นี่มันยังไงเหรอ”
“อืม ก็ใช่ไง ก็แฟนไง”
“เดี๋ยวๆ เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”
“อ้าว นี่ยังไม่เป็นอีกเหรอ อะไรอ่ะพี่หมี หลายเดือนแล้วนะ”
“ก็...”
“ไม่อยากเป็นแฟนภูเหรอ หรือว่ามีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว”
“เปล่า พี่ไม่มีใคร”
“อืม ถ้าไม่มีใครแล้วจะตกลงได้รึยังอ่ะ หรือว่าไม่อยากคบกับภู”
“เปล่า แต่ว่า เอ่อ เราไปคุยกันดีไหม”ตื่นเต้นจัง
ลากน้องภูมาที่มุมสงบแห่งหนึ่ง ผมรู้สึกตื่นเต้น หัวใจจะวายเอา นี่เราจะเป็นแฟนกันแล้วเหรอ เธอเป็นแฟนฉันแล้วรู้ตัวบ้างไหม แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ นี่ถ้าน้องเขาร้องได้คงจะร้องเพลงนี้ไปแล้ว
“ว่าไงอ่ะพี่หมี ตกลง่าเราจะเป็นแฟนกันป่ะ มันก็นานแล้วนะ ภูว่าภูก็รู้จักพี่หมีมาน่าจะเยอะแล้ว ภูเองก็ไม่มีอะไรปิดบังพี่หมีด้วย ยังไงเรามาเป็นแฟนกันนะ”
“อืม”ผมพยักหน้าหลายที ปลื้มปริ่มยิ้มหวาน โว้ย ปีใหม่เราได้สิ่งดีๆ นี่แหละผลของการที่เราทำดี จงทำดี จงทำดี จงทำดี “โอเค พี่ตกลง”
“จริงๆภูว่าเราเป็นแฟนกันตั้งนานแล้วละมั้ง แต่เราไม่ได้พูดเรื่องนี้เท่านั้นเอง”
“อืม ก็ตามนั้น แต่ภูแน่ใจนะว่าชอบพี่จริงๆ”
“แน่ใจสิ ไม่แน่ใจไม่ตามต้อยๆขนาดนี้หรอก”
“อือ พี่อาจจะไม่ใช่คนหล่อ ไม่ใช่คนดีมากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่พี่มีอยู่คือพี่ไม่นอกใจ ขอบคุณนะที่มาเป็นแฟนกับคนอ้วนๆอย่างพี่”มองตาหวาน ทำตาซึ้ง อะจึ๊ยๆ คนกำลังมีความรัก
“เรื่องอ้วนไม่สำคัญ ไขมันแค่ของนอกกาย แต่หัวใจต่างหากที่ภูเลือก”หวานมาก กูจะละลาย เดี๋ยวกลับบ้านต้องไปวัดความดันละมั้ง เราหวานจนน้ำตาลขึ้น เฮ้อ ความรักมันก็ทำให้เกิดโรคหลายโรคได้นะ เช่น ความดันรุนแรงเพราะเธอมาทิ่มแทงหัวใจ เบาหวานสะท้านโลกเพราะเธอชุ่มโชกด้วยความรักสีชมพู หัวใจจะวายยิ้มละลายจากคนแก้มป่อง ไรงี้ เหอๆ
หมู สมหวังฉ่ำยิ้ม สมปอง
พี เพิ่นเอ่ยกล่าวดอง คู่แท้
หมี หมายที่เมืองมอง หวานเกลี่ย ดวงใจ
ภู ร่วมเดินหมดแม้ เคียงข้าง กายา