คุณหมอหน้าดุประคองอลันด์เดินออกจากห้อง 2112 กลับห้องฝั่งตรงข้าม เพียงเปิดประตูออกก็เจอทั้งเพื่อนร่วมชั้นและพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนออกันให้เต็ม เขาเอ่ยขอโทษขอโพยลูกบ้านทุกคนที่ทำเสียงดังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของคอนโดและแจ้งความประสงค์ว่าไม่ต้องการให้เรื่องถึงตำรวจ เป็นแค่การเข้าใจผิดกันเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่นพูดคงไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ หากเป็นศัลยแพทย์หน้าตาดีท่าทางสุภาพแม้หน้าจะเยินเลือดอาบทุกคนก็ไม่ติดใจแยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน
เขาให้อลันด์นั่งที่โซฟาก่อนเดินไปเดินมาหยิบอุปกรณ์ทำแผลมากองไว้บนโต๊ะ ตอนนั้นถึงเพิ่งสังเกตว่าเสื้อสวมหัวของคนเด็กกว่าถูกฉีกขาดแทบกลายเป็นเสื้อผ่าหน้า ศีรษะทุยส่ายไปมากับความบ้าพลังของโธมัส ตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุ่มน้ำแล้วหยิบเสื้อตัวใหม่ลงมาให้อลันด์เปลี่ยนด้วย ก่อนเดินย้อนไปหยิบเสื้อมาอีกสองตัวเมื่อเห็นไอ้หมาขนทองกับพ่อเฮนรี่ที่สามเสนอหน้าเอาตัวมานั่งโชว์หุ่นเซ็กซี่ให้ใส่กันอุจาดตา ใช่ว่ามีหกห่อแล้วจะเดินถอดเสื้อผ้าโทงๆ ได้ซะที่ไหน
“ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำซะ แล้วมานั่งรอทำแผลตรงนี้” ทิวากานต์สั่งโดยไม่มองหน้าโธมัส แต่โยนเสื้อยืดตัวใหญ่วางแหมะบนตักแม่นยำเหมือนมีตาหลัง ก่อนบอกให้เจมส์หยิบกระจกบนโต๊ะมาสำรวจบาดแผลบนหน้าตัวเอง
คิ้วแตก ตาแตก ปากแตก แตกขนาดนี้แอนตาซินคงไม่จ่ายแต่เตรียมโทรไปลางานได้เลย ขืนเอาหน้าบวมๆ ไปโรงพยาบาลคงได้ตกใจกันทั้งพยาบาลและคนไข้ ดีไม่ดีโดนอาจารย์อาคมเรียกไปด่าอีก
ทิวากานต์เอาผ้าขนหนูชุบน้ำทำความสะอาดหน้าตัวเองลวกๆ แล้วค่อยหยิบสำลีแปะแผลแตกเหนือคิ้วกดห้ามเลือด ตอนนั้นไอ้ตัวต้นเหตุเดินกลับมาพอดีหน้าตาสะบักสะบอมไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ดูแล้วน่าจะเละกว่าสักสองเท่าด้วยซ้ำเขาเลยจับมาห้ามเลือดไปด้วยอีกคน
“นั่งกดสำลีรอไปก่อน แตกแบบนี้ต้องเย็บ” คุณหมอว่าอย่างนั้นก่อนมือใหญ่จะจับอลันด์ให้หันหน้ามาทางตนแล้วเริ่มลงมือทำแผลให้ “ดูซิ แก้มบวมหมดเลย เจ็บไหมฮึ เลือดกำเดาหยุดแล้วใช่ไหม”
“ซี้ด...” เด็กหนุ่มจิ๊ปากแทนคำตอบเมื่อถูกอีกฝ่ายเอาผ้าขนหนูชุบน้ำลูบทำความสะอาดไปตามใบหน้า คงหาภาพหมอหน้าเยินทำแผลให้คนไข้สภาพไม่ต่างกันแบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะ
“เจมส์ช่วยไปต้มน้ำแล้วเอาใส่ถุงน้ำร้อนในลิ้นชักข้างตู้เย็นมาให้ที”
“ครับ” หนุ่มอังกฤษลุกขึ้นไปทำตามคำสั่งเงียบๆ มีเพียงเสียงก๊อกแก๊กหาของช่วยไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไป
“ถอดเสื้อเร็วอัล จะทายาให้”
อลันด์ดึงซากอดีตเสื้อออกทางหัวแล้วปล่อยทิ้งไว้บนพื้น นั่งนิ่งบนโซฟาให้ทิวากานต์เอายานวดๆ ถูๆ ตามรอยช้ำ ทั้งเจ็บทั้งแสบแต่คนที่ทำให้ดูท่าจะเจ็บกว่าจึงไม่ร้องบ่นออกมาสักแอะ จนทายาเสร็จเรียบร้อยจึงชูแขนขึ้นรอคุณหมอสวมเสื้อตัวใหม่ให้
“นอนระบมทั้งคืนแน่” ทิวากานต์ยิ้มจาง ใช้มือใหญ่แสนอบอุ่นลูบผมสีช็อกโกแลตนมลงมาถึงแก้มนุ่ม ตอนนั้นเจมส์เดินออกมาจากครัวพร้อมถุงน้ำร้อนพอดี เขาเลยบอกให้พ่อหนุ่มโปโลส่งมันให้อลันด์ประคบตรงช่วงท้องที่ถูกต่อยเสีย
เมื่อจัดการคนรักเสร็จจึงถึงคิวตัวคุณหมอกับหมาบ้าเสียที เขาเอากรรไกรตัดหลอดยาเป็นสองส่วน โยนให้โธมัสไปจัดการตัวเองครึ่งหนึ่งอีกครึ่งเอามาทาตามเนื้อตามตัวตรงที่เริ่มขึ้นรอยช้ำ เพราะว่าผิวขาวกันทั้งห้องไม่ต้องรอข้ามวันรอยขึ้นให้เห็นแทบจะทันที ระหว่างทาทิวากานต์หยิบโทรศัพท์ต่อสายไปหาเพื่อนรุ่นน้องที่เปิดคลินิกอยู่แถวนี้ สั่งอีกฝ่ายแบบเผด็จการว่าอย่าเพิ่งปิดร้านและให้เตรียมอุปกรณ์เย็บแผลไว้อีกครึ่งชั่วโมงจะไปหา
อลันด์นั่งฟังคุณหมอคุยโทรศัพท์เป็นภาษาไทยตาปริบๆ เข้าใจว่าจะพาทั้งตัวเองและโธมัสไปเย็บแผลแตกบนหน้ากันที่นั่น ไม่รู้จะเป็นคนดีไปไหน ถ้าเป็นเขาปล่อยให้ไปหาหมอข้างนอกเองตั้งนานแล้วไม่ปล่อยให้ยังนั่งหน้าสลอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนคนไม่สำนึกอยู่แบบนี้หรอก
คนตัวเล็กสุดแทบไม่มองหน้าเพื่อนรักตั้งแต่ไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้าห้องมาด้วยซ้ำ เห็นแล้วมันหงุดหงิด ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ แต่ที่มากกว่าอะไรทั้งหมดคือโมโหตัวเองที่เกลียดโธมัสไม่ลง
“พี่รันพรุ่งนี้ผมลาป่วยนะช่วยหาคนทำเคสแทนให้ทีสิ ผมโทรไปบอกที่โรงบาลแล้วล่ะแต่พรุ่งนี้มีเคสทำบายพาสอยากได้คนที่ไว้ใจได้หน่อย เอาเดนท์กลุ่มพี่ก็ได้ อ๋อ ไม่มีไรพี่อุบัติเหตุน่ะ กำลังไปหาหมอครับ คลินิกไอ้วีที่เทรนศัลย์จบเมื่อปีที่แล้วอ่ะพี่ ใกล้บ้านดี ไม่ต้องมาๆ ดูแลตัวเองได้ ไอ้ตัวแสบก็อยู่ด้วย พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนี่ระดับไหนแล้วเย็บแผลเองยังไหว ครับ ขอบคุณมากครับพี่ ครับ สวัสดีครับ”
ทิวากานต์วางโทรศัพท์หลังโทรไปลางานที่โรงพยาบาลและโทรไปฝากงานกับการันต์แล้ว เขาถอนหายใจยาวเหยียด ตาคมเลื่อนไปหาหนุ่มผมทองตัวโตก่อนลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วหันกลับมาบอกพวกเด็กน้อยวัยว้าวุ่น
“เอ้าลุก หรือจะนั่งตรงนี้ให้แผลปริอีกรอบ อยู่เฉยๆ แผลมันไม่หายเองหรอกนะ”
“ขับรถไหวเหรอวา ไปแท็กซี่ดีกว่าไหม”
“จะอัดไงตั้งสี่คน พูดเหมือนทุกคนตัวเท่าเรางั้นแหละ ฮึ่ม...” หยอกคนรักแล้วก็ร้องครางในคอเมื่อเดินลงเท้าแรงไปหน่อย มันเจ็บร้าวอยู่ในทรวงจี๊ดขึ้นถึงสมอง ไอ้หมานั่นก็ต่อยมาได้ไม่ดูอายุเขาเลย วัยเขาไม่ใช่วัยที่กระดูกจะต่อได้ง่ายๆ เหมือนเด็กแล้วนะเว้ย
“ผมขับให้ไหม มีใบขับขี่สากลนะ” เจมส์ที่สภาพสมบูรณ์สุดอาสา หากคนรักรถยิ่งกว่าลูกส่ายหน้าพรืด ถึงจะมีใบขับขี่สากลใช่ว่าจะขับรถในกรุงเทพได้ง่ายเสียเมื่อไหร่ รู้กันอยู่ว่าคนที่นี่มารยาทบนท้องถนนดีเหลือเกิน สุดท้ายเป็นอลันด์ขอรับหน้าที่นี้เอง มีทิวากานต์นั่งหลังคอยบอกทางให้
บนบีเอ็มดับบริวซีรีส์ไฟว์คันโตเต็มไปด้วยความเงียบ อลันด์ที่ไม่ชินกับการขับรถเก๋งคันใหญ่ตั้งสมาธิมองถนนจนแทบลืมคนเจ็บตัวโตสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ตอนนี้ขอเพียงอย่าเพิ่งลุกขึ้นมาตีกันอีกรอบเป็นพอไม่งั้นมีหวังได้เป็นวิญญาณเฝ้าข้างทางกันทุกนาย
ใช้เวลาฝ่าการจราจรช่วงหัวค่ำทะลุเข้าตรอกซอกซอย เด็กฝรั่งก็พาผู้โดยสารทุกคนมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย อลันด์ช่วยพยุงทิวากานต์ลงจากรถเข้าไปในคลินิก ปล่อยให้โธมัสช่วยเหลือตัวเองกับเจมส์ไปตามยถากรรม พอพยาบาลกับคุณหมอเห็นคนเจ็บจึงปรี่กันมาช่วยคนละไม้คนละมือ เสียงถามไถ่ด้วยความสงสัยดังก้องห้องโถงเล็กๆ
“ไปทำอะไรกันมาครับเนี่ย หน้าเยินหมดหล่อแล้วเฮียกู”
“กัดกับหมามามั้ง เตรียมของไว้แล้วหรือยังจะได้เย็บๆ ให้เสร็จไปสักที”
“เรียบร้อยรอเฮียวามาใช้ตั้งนานแล้ว ห้องแรกเลยครับ เฮียเข้าไปรอเลยเดี๋ยวผมทำให้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันเย็บให้ไอ้เด็กนั่นก่อน ขอพยาบาลช่วยด้วยคน ส่วนแกสั่งยาให้เด็กคนนั้นที พูดไทยได้ คล่องยิ่งกว่าเจ้าของภาษา ไปถามอาการกันเอาเอง” ทิวากานต์ชี้ไปที่คนรักให้นายแพทย์รุ่นน้องดูแล้วหันกลับมาหาโธมัสก่อนสั่งอีกคนเป็นภาษาอังกฤษ “ส่วนทอมตามฉันมานี่ จะทำแผลให้”
หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันลุกเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องตรวจไปตามคำสั่ง มือข้างหนึ่งนวดตรงซี่โครงไปด้วย ใช่ว่าเขาลงมือกับทิวากานต์หนักคนเดียวเสียเมื่อไหร่ ไอ้หมอโฉดนั่นก็ลงตีนกับเขาไม่แพ้กันนั่นแหละ
“นั่นเตียงขึ้นไปนอนแล้วอยู่นิ่งๆ ฉันถามก็ตอบ ถ้าไม่ได้ถามก็เงียบ เข้าใจแล้วขึ้นไปนอนซะ”
เห็นคนไข้ว่าง่ายถอดรองเท้าขึ้นนอนรอบนเตียง ทิวากานต์จึงให้พยาบาลล้างแผลบนหน้าหนุ่มหล่อทันที หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องถึงกับหันมาเม้าท์ด้วยเป็นภาษาไทยหลังเห็นหน้าตาโธมัสชัดๆ ว่าหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้ น่าหมั่นไส้ชวนให้เย็บแผลหยาบๆ ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นที่ระลึกเสียจริง แต่ปากกลับบอกอีกฝ่ายว่าจะเย็บให้สุดฝีมือทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดจะได้ไม่กระทบกับอาชีพนายแบบที่ต้องใช้หน้าหล่อๆ
“เจ็บไหม”
“ไม่” เด็กหนุ่มกัดฟันตอบขณะหลับตาให้หมอโฉดเย็บแผลตรงหางคิ้วโดยไม่ฉีดยาชาสักเข็ม! พยาบาลทักแล้วก็ทำหูทวนลมไม่สนใจ แถมยังไล่หล่อนออกจากห้องไปหลังจากเธอทำความสะอาดแผลคนเจ็บเสร็จ
“ดี แล้วทำอัลร้องไห้เจ็บไหม”
“...”
“ฉันถามก็ตอบ พูดมาไม่ต้องตีมึน อย่าลืมว่าหน้าหล่อๆ ของแกอยู่ในกำมือฉันนะ”
“เจ็บ เจ็บแทบบ้าเลย! พอใจหรือยัง” หนุ่มผมทองกระชากเสียงตอบ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในสถานพยาบาลเขากับไอ้หมอคงได้ลุกขึ้นมาต่อยกันอีกรอบ
“นึกว่าโง่จนคิดไม่ได้ ก็ดี๊” ทิวากานต์ทำเสียงสูงขณะบรรจงเย็บแผลให้อีกฝ่าย “แล้วรักอัลมากไหม”
“ถ้าไม่รักจะเป็นบ้าแบบนี้เหรอ”
เออแน่ะ รู้ตัวเสียด้วย “งั้นทำไมถึงทำร้ายคนที่รักล่ะ อันนี้ไม่ต้องตอบนะแค่พูดให้ฟังแล้วเอาไปคิด”
“ด็อกจะไปเข้าใจอะไร ด็อกไม่ใช่ผมนี่ ด็อกเป็นคนที่อัลเลือกก็พูดได้สิ ส่วนผมมันแค่คนถูกทิ้ง ทั้งที่ผมมาก่อนใครทุกคน แล้วทำไมผมถึงต้องแพ้”
“เคยเอาคำพวกนี้ย้อนกลับไปถามตัวเองหรือยัง นายพูดถูกฉันไม่ใช่นายฉันไม่เข้าใจหรอก คนอื่นก็เหมือนกัน ทั้งอัล เจมส์ หรือใครต่อใครข้างนอกนั่นไม่มีใครที่เป็นนายสักคน พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ มีแต่นายเท่านั้นที่ต้องทำความเข้าใจตัวเองให้ได้ก่อนไปเรียกร้องให้คนอื่นเข้าใจ”
“...”
“แต่ฉันตอบได้อย่างหนึ่งนะว่าทำไมทั้งที่นายมาก่อนแล้วถึงไม่ใช่คนที่ถูกเลือก”
“ทำไม”
“เพราะนายเป็นคนที่ทิ้งอัลก่อนไง”
ทิวากานต์เฉลยพลางหยิบกรรไกรมาตัดไหม เขาเย็บแผลได้เร็วและสวยสมกับเป็นหมอศัลย์หัวใจที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา
“นายเป็นคนที่ได้ทุกอย่างจากอัลก่อนใครแล้วนายก็โยนมันทิ้งไม่ใส่ใจ ไม่เคยเห็นค่า มองเป็นแค่สิ่งที่นายควรได้ พอวันหนึ่งมีคนอื่นได้ไปนายถึงเพิ่งรู้สึก ฉันไม่ตัดสินว่าสิ่งที่นายรู้สึกต่ออัลเป็นความรักจริงๆ หรือแค่อาการหวงของของพวกเด็กนิสัยเสียหรอกนะ แต่อัลเคยรักนายจริงและเขาเจ็บปวดมากกับสิ่งที่นายปฏิบัติต่อเขา”
เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีหลับตาปล่อยให้หยดน้ำกลิ้งออกมาจากส่วนปลายช้าๆ สีหน้าเขาดูเจ็บปวดและทรมาน แผลภายนอกทั้งหมดเทียบไม่ได้เลยกับแผลในหัวใจที่เขาเป็นคนลงมือทำเอง
“ผมเข้าใจทั้งที่อัลบอกและที่ด็อกพูดนะ แต่ผมไม่อยากยอมรับมันเลย เพราะถ้ายอมรับมันก็เท่ากับผมเสียอัลไปแล้วจริงๆ ผมทำใจไม่ได้ถ้าจะตอบตัวเองว่าทำพลาดและปล่อยเวลามานานเกินไป”
“ถึงจะสายไปแล้วแต่ใช่ว่าจะคว้าโอกาสสุดท้ายไม่ได้ ฉันเชื่อว่าต่อให้เหตุการณ์วันนี้จะเลวร้ายกับอัลมากแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่จะไม่เปลี่ยนไปคือความรักอย่างที่เพื่อนคนหนึ่งจะมีให้กับเพื่อนอีกคนแบบไม่มีขีดจำกัดและกาลเวลา ทอม...นายยังเหลือสิ่งนี้ให้คว้าไว้นะ คิดให้ดีๆ ว่ายังอยากได้โอกาสนี้อีกไหม”
“คุณนี่แปลกนะด็อกเตอร์วา ทั้งที่ผมทำร้ายคนที่คุณรักแต่คุณยังบอกให้ผมกลับไปเป็นเพื่อนกับเขาอีกเนี่ยนะ”
“เพราะฉันรู้ไงว่าไม่มีใครเป็นหมาที่รักอัลได้ดีเท่านายอีกแล้ว” เขาว่าก่อนบนให้อีกคนพลิกตัว มือข้างหนึ่งดึงขอบกางเกงลงแล้วค่อยหยิบเข็มฉีดยากันบาดทะยักทิ่มลงไปบนก้นแน่นๆ
โธมัสหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อมยิ้มจนตาหยีทั้งที่หน้าตาปูดบวมหมดคราบนายแบบสุดหล่อ บางทีเขาควรยอมรับความจริงเสียทีแม้จะเจ็บปวดเจียนตาย แต่เพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างอลันด์ต่อไป และเขาต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อใคร หากเพื่อเขาและคนที่เขารักที่สุดในโลกอย่างอลันด์.
.
.
พวกเขาแยกย้ายกันตั้งแต่หน้าคลินิกเมื่อเจมส์ตัดสินใจพาเพื่อนตัวโตกลับโรงแรมแทนกลับไปกินมื้อเย็นฝีมือทิวากานต์ที่คอนโดตามแผนการเดิม คู่รักหน้าบวมตาปูดจึงขึ้นรถขับกลับทันทีปล่อยสองหน่อต่างด้าวเรียกแท็กซี่กันเอง
แม้โธมัสจะเคลียร์กับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว แต่พอออกจากห้องตรวจเขายังคงนิ่งเงียบไม่พูดและไม่มองอลันด์เหมือนเดิม ทำให้คนตัวเล็กน้อยใจถึงขั้นสูดน้ำมูกฟืดฟาด พอขึ้นประจำที่นั่งคนขับสตาร์ทเครื่องแล่นรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ระบายให้คนรักฟังสลับเสียงสะอื้น ทิวากานต์กลัวจะกลับกันไม่ถึงบ้านขอเปลี่ยนที่นั่งยอมทนเจ็บขับรถเองดีกว่า
“แค่พูดคำว่าขอโทษแค่นี้มันจะตายหรือไง นี่น่ะเหรอที่บอกว่ารักกัน ฮึก...”
“บางทีทอมอาจต้องการเวลาสักนิด”
“ช่างแม่งเหอะ จะไปบ้าที่ไหนก็ช่างแม่ง ผมจะไม่สนใจทอมแล้ว”
“งั้นก็เลิกร้องไห้ซะนะ เช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อยด้วยเดี๋ยวถึงแล้วเข้าเซเว่นไปซื้อข้าวกล่องมานะ ขี้เกียจทำข้าวกินล่ะ”
“ตังล่ะ”
ทิวากานต์ล้วงกระเป๋าตังส่งให้อีกคนทั้งใบ เมื่อกี้ก็จ่ายค่ายาค่ารักษาให้ทั้งตัวเองกับเด็กอีกสองคน ถึงนายแพทย์รุ่นน้องจะบอกว่าไม่เอาแต่เขาก็ยัดเงินไปให้สองพัน ไหนจะค่ากีตาร์ไอ้เด็กตัวแสบแล้วพรุ่งนี้ต้องจ้างแม่บ้านให้ไปทำความสะอาดห้องนู้นอีก ดีว่าอีกสี่วันเงินเดือนจะออกไม่งั้นต้องไปเอาเงินสำรองมาใช้แน่ เหมือนตั้งแต่รับเด็กมาเลี้ยงการเงินเขาชักจะตึงๆ แล้วสิ
เมื่อถึงคอนโด ทิวากานต์ตีไฟคู่จอดหน้าเซเว่นให้อลันด์ลงไปซื้อข้าวกล่องสำเร็จรูปรอขึ้นห้องไปด้วยกัน เพียงแค่ห้านาทีเด็กฝรั่งก็กระโดดขึ้นรถพร้อมถุงเซเว่นส่งกลิ่นหอมฉุย ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเพราะไม่สะอื้นแล้วแถมยังถามนู่นถามนี่จนขี้คร้านจะตอบ
“จะว่าผมยังไม่ได้ถามเจมส์เลยว่าขึ้นมาข้างบนได้ยังไงโดยที่ไม่มีคีย์การ์ด เอาจริงนะ ตอนนั้นผมนึกว่าหมอนั่นจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว ที่ไหนได้...ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง นี่ถ้าวาไม่ทันผมได้เสร็จไอ้หมาจริงๆ แน่”
“แต่ถ้าเจมส์ไม่เคาะประตูโวยวายจนเพื่อนบ้านโทรไปแจ้งยาม ฉันคงเอ้อระเหยแวะซื้อของที่เซเว่นไม่รีบขึ้นลิฟต์หน้าตื่นไปช่วยเธอหรอก”
“คิก ขอบคุณนะวา แล้วนี่เจ็บมากไหม แผลที่แตกไม่เย็บจริงๆ จะดีเหรอ” อลันด์ลงจากรถเดินอ้อมมาช่วยพยุงคนรักเดินออกจากลานจอดรถ ตอนอยู่ที่คลีนิคหลังจากทำแผลให้โธมัสแล้วตอนแรกทุกคนนึกว่าทิวากานต์จะให้หมอเจ้าของร้านทำแผลให้ต่อ แต่เจ้าตัวบอกไม่ต้องเห็นว่าแผลแค่นี้เอาพลาสเตอร์ยาปิดเอาก็ได้
“แผลไม่ถึงเซ็นเย็บไปให้หน้าเป็นแผลเป็นเปล่าๆ ปล่อยไว้งี้แหละเลือดหยุดก็พอ ไม่ตายง่ายๆ หรอกไกลหัวใจตั้งเยอะ ทำหน้าไม่เชื่ออีก นี่ใคร...นี่หมอนะ”
“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” คนตัวเล็กกว่าบ่นอุบ ไม่เข้าใจว่าจะเก็บความหล่อไว้ทำไมทั้งที่อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถ้ารู้ว่าจะเอาไปล่อสาวได้มีบ้านแตกแน่
“คิดอะไรไร้สาระอีกล่ะสิ”
“เปล่าสักหน่อย” เขาตัดบทพอดีกับที่เดินมาถึงหน้าห้อง เมื่อเข้าไปทิวากานต์มีอันต้องโวยวายที่เห็นกล่องใส่อุปกรณ์แมวเหมียวของรักถูกรื้อค้น อลันด์จำต้องรับสารภาพว่าเพื่อนฝรั่งทั้งสองเป็นคนเอามาเล่นแล้วบังคับให้เขาใส่ด้วย แต่พอเกิดเหตุขึ้นหูแมวทั้งสามได้กระจัดกระจายหายไป คาดว่าสองอันน่าจะอยู่ที่ห้อง 2112 แต่อันที่เจมส์ใส่ไม่ทราบชะตากรรมแน่ชัด คุณหมอหนุ่มถึงกับกรีดร้องโวยวายจะเอาเรื่อง หาสะสมมาตั้งนานดันถูกเด็กเวรทำหายง่ายๆ ซะงั้น
ทั้งคู่นั่งจัดการมื้อเย็นตอนเกือบสามทุ่มกันที่โซฟาหน้าทีวีเงียบๆ ทิวากานต์นั้นหน้าบูดเป็นตูดเอาแต่กดโทรศัพท์คาดว่าน่าจะกำลังทำการกดดันนายแพทย์วชิระเพื่อนรักเพื่อนชังให้ซื้อหูแมวจากญี่ปุ่นส่งมาแทนของเดิมที่หายไป อลันด์เห็นว่านอกจากเรื่องงาน เรื่องรถ ก็เห็นจะมีเรื่องนี้ที่คุณหมอหน้าโหดทุ่มสุดตัว ไร้สาระมากขอบอกเลย
ข้าวยังไม่ทันหมดเสียงดนตรีพื้นฐานจากโทรศัพท์รุ่นยอดนิยมก็ดังทำลายความเงียบ อลันด์หยิบขึ้นดูชื่อคนโทรเข้ามาเห็นเป็นหนุ่มอังกฤษที่เพิ่งแยกกันไปก็ขมวดคิ้ว กลัวมีเรื่องอะไรอีก “ไงเจมส์ มีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า”
‘ไม่มีหรอก แค่จะโทรมาลา’
“ลา? หมายความว่าไง”
‘ฉันกับทอมคุยกันแล้วว่าเราจะกลับลอนดอนกันคืนนี้เลย เพิ่งให้ทางโรงแรมจองตั๋วให้ได้เที่ยวบินตอนตีสองครึ่ง’
“เดี๋ยวสิ ทำไมรีบกลับกัน... อ่า โอเค ฉันเข้าใจล่ะ” หัวทุยส่ายกับโทรศัพท์ข้างหู พอจะเข้าใจเหตุผลที่สองหนุ่มจะกลับลอนดอนทั้งที่เพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อเช้า
‘ทอมต้องการเวลาทำใจสักหน่อย อืม...แต่ว่า...จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอร้องนายสักเรื่อง ช่วยมาหาทอมหน่อยได้ไหม อย่างน้อยมาส่งที่สนามบินก็ได้ มาให้ทอมได้เอ่ยปากขอโทษนายสักครั้งก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก’
“ฉัน... ฉันจะเก็บไปคิดดู”
‘ขอบคุณมากอัล’
“ขอโทษด้วยนะ เลยกลายเป็นเที่ยวไม่สนุกเลย”
‘ไม่หรอก อย่างน้อยฉันจะได้ตัดใจจากนายเหมือนกัน เจ้าของดุซะขนาดนี้’
“รู้แล้วก็ดี”
‘นี่ไม่ตกใจหน่อยหรือไงที่ฉันชอบนายน่ะ’
“ฉันรู้เป็นชาติแล้ว รู้เรื่องที่นายแอบมาขโมยจูบฉันด้วย ถือว่าทำบุญให้แล้วกัน”
‘เหอะนายนี่มัน...ฉันชอบเข้าไปได้ไงเนี่ย’
“ไม่ได้ขอให้มาชอบสักหน่อย” เขาย่นจมูกใส่โทรศัพท์แม้ว่าคนปลายสายจะไม่เห็น “ฉันวางสายแล้วนะจะกินข้าวต่อ”
‘โอเค แล้วฉันจะรอนะ บาย’
“บาย”
“มีอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามหลังเขาโยนโทรศัพท์ทิ้งบนโซฟา อลันด์ยักไหล่ให้คนรักพลางตักข้าวเข้าปาก
“เจมส์โทรมาสารภาพรัก”
“อ่าฮะ แล้ว?”
“แล้วก็บอกว่าจะกลับลอนดอนกันคืนนี้ ให้ผมไปส่งทอมด้วย ผมเลยบอกว่าขอคิดดูก่อน” พูดจบก็ซัดข้าวที่เหลือเข้าปากจนหมดเกลี้ยงเหมือนกลัวมีใครมาแย่ง ทิวากานต์ส่ายหน้าระอาแต่ก็ยื่นแก้วน้ำให้เมื่ออลันด์ทำท่าเหมือนข้าวติดคอ
“อยากไปไหมละ”
“แล้ววาอยากให้ไปไหมล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องตัดสินใจ ทอมกำลังขอโอกาสครั้งที่สามและเป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ทุกอย่างอยู่ที่ตัวอัล แต่พี่ว่าเรามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วนะ” ทิวากานต์ทิ้งท้ายไว้ก่อนลุกขึ้นเดินยักแย่ยักยันเอากล่องข้าวไปทิ้งถังขยะในห้องครัว ปล่อยให้อลันด์นั่งตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับความสัมพันธ์อีรุงตุงนังของตนเองและเพื่อนรัก
หลังจากนั่งคิดจนเกือบหลับไปด้วยฤทธิ์ยา อลันด์เอาเท้าตัวเองมาแตะที่สนามบินอีกครั้งอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาหันไปมองทิวากานต์ อีกฝ่ายพูดแค่ว่าจะขับรถวนอยู่แถวนี้ถ้าเสร็จแล้วให้โทรหาจะกลับมารับ เด็กฝรั่งจึงต้องเดินมึนๆ ผ่านประตูเก้าเข้าไปในอาคารสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนตัวโตทั้งสอง
“อัล!”
“หือ?” เด็กหนุ่มหันไปมองคุณหมอรูปหล่อบนพอร์เช่เปิดประทุน คิ้วหนายักคิ้วส่งมาให้กวนๆ ก่อนบอกสาเหตุที่เรียกไว้
“อย่าลืมทวงค่าเสียหายเรื่องหูแมวกับเจมส์ด้วยล่ะ”
“ประสาท!” เด็กฝรั่งร้องเสียงหลงเดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในอาคารไม่สนใจคนโรคจิตอีก
เจมส์บอกว่าตั๋วกลับลอนดอนชั้นเฟิร์ตสคลาสเร็วสุดที่หาได้เป็นของสายการบินอาหรับ ต้องไปทรานซิสที่ดูไบเกือบสี่ชั่วโมงและเครื่องจะเทคออฟตอนตีสองยี่สิบห้า ถ้าจะมาเช็คอินอย่างช้าสุดก็สักก่อนเครื่องออกหนึ่งชั่วโมง
ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่งแล้วไม่รู้เขามาทันหรือเปล่า กำลังจะหยิบโทรศัพท์ติดต่อหาอีกฝ่ายพอดีกับหางตาเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยผ่านมาไวๆ จึงรีบเรียกไว้ไม่ทันได้คิดว่าเป็นคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้าอย่างโธมัส
“ทอม!”
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์เข้มตัดอันเดอร์คัตทรงเดียวกับทิวากานต์สวมสูทสีดำสนิทค่อยๆ หันกลับมามองคนเรียกราวกับไม่แน่ใจ พอเห็นชัดว่าเป็นใครร่างสูงถึงกับถอนหายใจเสสายตามองเพดานอาคารผู้โดยสารแทน ผิดกับเจมส์ที่แสดงความยินดีออกมาทางสายตาและริมฝีปากที่ยักโค้งขึ้น พวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนเพื่อนรักตัวเล็กเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” หนุ่มเจมส์โล่งอกเบาๆ เขาฉีกยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนรับอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด
“ไม่ได้มารับอย่างน้อยมาส่งก็ยังดี เดินทางดีๆ นะเจมส์ ขอโทษที่ไม่ได้เทคแคร์เท่าไหร่”
“ไม่เป็นไร ฉันยังมีโอกาสอีกเยอะ” เขาผละออกมาขยี้หัวอีกฝ่ายเล่นก่อนหันไปบอกเพื่อนที่มาด้วยกัน “งั้นฉันเข้าไปก่อนนะทอม แล้วเจอกันอัล”
“บาย”
“บาย คุยกันดีๆ ล่ะ” ท้ายประโยคหันไปบอกโธมัสที่ยังยืนนิ่งมองเพดานเหมือนเดิม หนุ่มตาเขียวยักไหล่ก่อนเดินถือแก้วกาแฟสตาร์บั๊คส์เข้าไปด้านในที่ต้องตรวจร่างกาย
เมื่อเหลือกันสองคนความเงียบจึงกลับมาเยือนอีกครั้ง แม้สนามบินยามตีสองจะยังคงมีคนพลุกพล่านเหมือนไม่มีวันหลับใหล ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดตัวเองกระทั่งโธมัสเป็นฝ่ายเปิดปากพูดกับอลันด์เป็นครั้งแรกนับจากเกิดเรื่อง
“ความจริง...ฉันยังไม่พร้อมจะเจอนายเท่าไหร่ ฉันต้องการเวลาทำใจและยอมรับความจริง ความจริงที่ว่า...ฉันทำร้ายนายและเสียนายไปแล้ว”
“ถ้านายเสียฉันไปแล้ว งั้นที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ฉันหรือไง”
“นั่นสินะ อัล...อัลตัวเป็นๆ”
“It’s me”
“ใช่ เป็นนาย เป็นอลันด์...ของฉัน ฮึก...”
โธมัสพูดไม่ออก ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดแน่นอยู่ในใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตาไหลอาบหน้า เขาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าอลันด์ สองมือปิดหน้าซ่อนความอ่อนแอทั้งที่ตัวสั่นเทิ้ม ไม่นึกสนใจนักเดินทางที่ผ่านไปผ่านมา
“ขอโทษ... ฉันขอโทษ”
เด็กหนุ่มรวบเพื่อนรักเข้าไปกอดซุกอก เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ปล่อยให้โธมัสระบายความรู้สึกออกมาเป็นน้ำตา เพียงได้ยินคำว่าขอโทษ ความอึดอัดน้อยใจทั้งหลายพลันมลายหายไปหมด เหลือเพียงความคิดแค่ว่าโธมัสคือคนสำคัญในชีวิตที่เขาจะเสียอีกฝ่ายไปไม่ได้เหมือนกัน
“You are my fucking best friend forever and ever”
วินาทีนั้นอลันด์กอดโธมัสแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร ทำผิดพลาดทำร้ายเขาแค่ไหน เขาตัดสายสัมพันธ์อันยาวนานนี้ไม่ขาดหรอก ถ้าจะมีอะไรพลาดไปก็คงพลาดตั้งแต่วันนั้นที่พวกเขารู้จักกัน และเป็นเขาเองที่ตัดสินใจวางมือบนมืออีกคนให้พาเขาเดินไปข้างหน้าในฐานะเพื่อนคนแรกและจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่รักมากกว่าใคร
“Yeah, I know I am”
ไม่มีทั้งคำกล่าวอำลา ไม่มีคำอวยพรให้เดินทางปลอดภัย โธมัสผละตัวเองออกจากอ้อมกอดอันปรารถนาหันหลังเดินจากมาโดยที่ไม่รู้ว่าวันที่จะมองหน้ากันได้สนิทใจอีกครั้งจะมาถึงเมื่อไหร่ หากไม่รีบตัดใจเสียแต่ตอนนี้เขาก็กลัว...
กลัวจะทำร้ายคนที่เขารักอีกเพียงเพราะรู้ตัวช้าไปI've got high hopes it takes me back to when we started
High hopes, when you let it go, go out and start again
High hopes, when it all comes to an end
But the world keeps spinning
ฉันยังหวังไปว่าจะได้กลับไปยังจุดที่เราเริ่มต้นกัน
หวังว่าเธอจะให้อภัย ปล่อยวาง แล้วเริ่มใหม่อีกครั้ง
หวังสูงไปก็เมื่อตอนที่ทุกอย่างมาถึงจุดจบ
ในขณะที่โลกยังคงเดินหน้าต่อไป2กลีบเนื้ออ่อนมีรอยแตกตรงมุมปากขยับร้องเพลงออกมาเบาๆ ดวงตาสีฟ้าสดทอดมองออกไปนอกหน้าต่างคล้ายมองหาความหวังท่ามกลางความมืดมิดเหนือพื้นดินกว่าสามหมื่นฟุต เขาลืมตามองอยู่เช่นนั้นจนพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง เป็นอีกวันที่เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อยอมรับความจริงที่ว่าความหวังของเขามันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้วตลอดกาล
TBCตอนนี้หลายคนอาจด่าพี่วาที่ตัดสินใจแบบนี้
รวมไปถึงน้องอัลที่ยังคงให้อภัยหมาทอมเหมือนคนโง่
แต่ถ้าลองนึกๆ ดู ในชีวิตคนเราอย่างน้อยก็มีคนที่รักและแคร์มากๆ จนไม่เคยโกรธลงเลยอยู่สักคนสองคนใช่ไหมคะ
สำหรับอัลแล้วทอมเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เพราะมีความทรงจำร่วมกันมากเกินไปจึงไม่อาจปล่อยให้หายไปจากชีวิตได้
ความจริงมีตอนพิเศษของหมาทอมอยู่ แต่เก็บไว้จนลงเรื่องนี้ก่อนดีกว่า อุฮิ
หลังจากนี้ไปจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วค่ะ
เหลืออีกไม่ไม่เกินสิบตอน เขียนไว้หมดแล้วรอรีไท์ครั้งใหญ่อยู่ ฮา
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จากคนที่ตามอ่านอยู่แล้วและคนที่เพิ่งหลงเข้ามาอ่านนะคะ
ชอบทุกคอมเม้นต์เลย ขอบคุณจริงๆ เวลาอ่านคอมเม้นต์ละชอบกลับมาอ่านซ้ำๆ มันหยุดยิ้มไม่ได้
ใครที่เชียร์หมาทอมกะพ่อเฮนรี่ที่สามขอบอกว่าไม่มีหวังนะคะ ทอมนางรักเดียวใจเดียวค่ะ
ส่วนที่เชียร์นภกับทอมนั้น... ช่วยสงสารนภคนดีศรีสังคมด้วยเถอะค่ะ แค่ตกเป็นทาสพี่วาชีวิตก็แย่แล้ว ฮ่าๆๆ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
-----------------
2 Kodaline - High Hope