"ที่หนึ่ง" : END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ที่หนึ่ง" : END  (อ่าน 196661 ครั้ง)

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1 [07.09.15]
«ตอบ #30 เมื่อ08-09-2015 00:47:53 »

อยากจะเป็นของใครละจ้ะ อุ้ยย เขิน

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1 [07.09.15]
«ตอบ #31 เมื่อ08-09-2015 02:11:33 »

ถึงกับอ่านสองรอบเพราะ งง  อืมมมม ตอนนี้ก้อยัังงง แบล๊คนี่คือชื่อเล่นที่หนึ่งหรอ? หรืออะไรยังไง?

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #32 เมื่อ12-09-2015 23:24:55 »

บทที่ 1.2

   ผมกำลังคิดทฤษฎีว่าด้วยอากาศเปลี่ยนทำให้อารมณ์คนเปลี่ยน

   โดยเฉพาะกับคนรอบข้าง

   เช้าวันเสาร์ที่ควรจะสงบสุขเต็มไปด้วยเสียงของหนักกระแทกลงกับพื้นย้ำๆ จากห้องชุดถัดจากห้องของผมดังมามากกว่าสองชั่วโมงแล้ว ตามมาด้วยเสียงตอกตะปู ก่อนจะตบท้ายด้วยเสียงโครมครามปนเปจนคาดเดาไม่ได้ว่ามาจากการกระทำไหน

   น่าแปลกใจที่เจ้าหน้าที่คอนโดยังไม่ขึ้นมาด่า หรือบางทีพอเขารู้เลขห้องก็ไม่กล้าขึ้นมาเตือนก็ไม่รู้ เพื่อนผมมันยิ่งทำตัวน่ารัก(?) อยู่ด้วยสิ

   “หนวกหูว้อยยย!”

   พยายามหลอกตัวเองว่าอีกแป๊บเดียวเสียงก็คงไม่มีแล้ว แต่ไม่ว่าจะปลอบใจตัวเองนานเท่าไหร่เสียงโครมครามก็ไม่ยอมหยุดไปเสียที จนในที่สุดผมเองก็เลือกที่จะไม่ทน เดินออกจากห้องตัวเองไปยังห้องที่อยู่ข้างๆ เปิดประตูโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต ปรากฎภาพคอนโดขนาดเล็กที่มีการจัดเป็นสัดส่วนมีข้าวของกระจัดกระจาย ทั้งอุปกรณ์การช่าง เศษไม้ ถุงพลาสติก และขยะอีกหลายอย่าง

   เสียงตอกตะปูยังคงดังต่อเนื่อง ดูท่าว่าเจ้าของห้องยังไม่รู้ว่าผมเข้ามาหา ตรงกลางห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่รกมากที่สุด เห็นเรือนผมสีดำที่คุ้นเคยอยู่ด้านหลังจากแผ่นไม้ขนาดใหญ่ นี่เจ้าคุณพระนางกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!? แม้จะแปลกใจที่เห็นแฝดคนน้องแทนที่จะเป็นแฝดคนพี่ ผมก็ไม่มีมารยาทกับใครทั้งนั้นแหละครับ จัดการดึงสายหูฟังที่กั้นเธอจากโลกภายนอกออกอย่างรวดเร็ว

   ใบหน้าเรียบเฉยมองขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก เค้าหน้าที่ไม่ค่อยเหมือนกันมากเท่าไหร่ของฝาแฝดคู่นี้ทำให้ไม่ค่อยมีคนรู้ถึงความสัมพันธ์ ใบหน้ารูปไข่แบบผู้หญิง นัยน์ตาสีดำที่ว่างเปล่าต่างจากของพี่ชายที่เต็มไปด้วยแววซุกซนสบตาของผม

   “มาทำอะไร”

   ผมนี่อยากจะทรุดตัวลงตรงนั้นเสียให้ได้เมื่อได้ยินคำทักทายแรก ไวท์ เพื่อนสนิทอันดับหนึ่งของผม (ซึ่งเป็นอันดับเดียวกับแบล็ค) ก็วางค้อนขนาดใหญ่ที่ไม่เข้ากับข้อแขนลง

   “ยัยตัวปัญหา” ผมไม่มีคำอื่นที่จะอธิบายจริงๆ ครับ

   “ไม่มีอะไรก็กลับห้องไป”

   “มี!”

   “ว่ามา” เธอยังคงไม่ยี่หระกับอาการโมโหของผม

   “ทำบ้าอะไรเสียงดังไปหมดฮะ!”

   “ชั้นวางหนังสือ” ชี้นิ้วไปทางกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่พิงไว้กับเสา ดีจ้ะแม่คุณ

   ผมไม่ชอบคุยกับไวท์ ไม่ใช่ว่าเกลียดอะไร เธอเป็นเพื่อนที่ยิ่งกว่าคำว่าสนิทในความเป็นจริง แค่มีโลกที่ ‘ส่วนตัว’ เกินไปหน่อย คำว่าไร้อารมณ์อาจไม่ถูกต้องนักถ้าใช้นิยามตัวเธอ เรียกว่าเฉยชาอาจเข้าท่ามากกว่า เพราะเธอไม่เคยสนใจว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนมากแค่ไหน มันเลยเป็นเรื่องปกติที่ผมกับแบล็คจะต้องตามเก็บกวาดผลงานที่เธอสร้างไว้

   “ทำไมไม่เรียกช่าง แล้วนี่เราไม่ได้อยู่บ้านนะไวท์ ห้องข้างๆ ได้ด่าเปิงพอดี”

   “อยากต่อเอง”

   ยกสองผมก็ยังแพ้ให้กับจอมเอาแต่ใจอย่างหมดท่า

   “ช่างเหอะ รีบๆ ต่อแล้วกัน”

   ไม่อยากจะเสวนาให้เส้นเลือดในสมองต้องทำงานหนักมากกว่านี้ ผมเลี่ยงตัวออกมาอยู่ในครัวที่เป็นสไตล์ดิบๆ ไม่ตกแต่งอะไรมากตามรสนิยมของเจ้าของห้อง เปิดตู้เย็นที่มักเต็มไปด้วยของกินละลานตา ผมเลือกน้ำส้มกล่องเล็กที่เรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบในชั้นออกมาสองกล่อง เผื่อให้กับคนที่ยังคงใช้สมาธิกับการต่อชั้นวางด้วย

   ฝาแฝดชายหญิงคู่นี้เป็นข้อยกเว้นของทฤษฎีความสัมพันธ์ทั้งปวงในความรู้สึกผม แม้เราสามคนจะเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ก็ใช่ว่าเราจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดหรอกครับ แบล็คเรียนนิติศาสตร์ ไวท์เรียนวิทยาศาสตร์เอกดาราศาสตร์ ส่วนผมเองกระโดดมาเรียนบัญชี และคนที่เลือกอยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยก็มีแค่ผมกับแบล็ค ส่วนสาวหนึ่งเดียวขออยู่บ้านเหมือนเดิม

   ผมก็เคยถามคุณพินิจพ่อของทั้งคู่นะว่าทำไมถึงตั้งชื่อลูกให้ดูแตกต่างกันสุดขั้วอย่างนี้ คุณพินิจ (เขาบังคับให้ผมเรียกอย่างนี้ครับ บอกว่าดูเท่ดี) ก็บอกแค่ว่าตอนเห็นทั้งคู่ครั้งแรกแล้วคิดถึงสัญลักษณ์หยินหยาง ที่ๆ สีขาวกับสีดำถูกแบ่งกันอย่างพอดีเหมือนการเป็นฝาแฝด ส่วนชื่อจริงก็เลือกอะไรที่ดูต่างกันอย่างแบล็คก็ชื่อ ทิวากาล ส่วนไวท์เป็น รัตติกาล คุณพินิจนี่ช่างสรรหาจริงๆ

   ส่วนผมน่ะเหรอ? ผมชื่อเล่นว่าโรม คิดว่าเพราะอะไรผมถึงได้ชื่อนี้มา ถ้าคุณตอบว่าเพราะว่าพ่อกับแม่ผมพบรักกันที่โรม อิตาลี เสียใจด้วยนะครับ คุณก็เป็นหนึ่งในคนส่วนมากในชีวิตผมที่ทายผิดนั่นแหละ คำตอบที่ผมรู้จากปากของบุพการีนั่นก็คือพ่อผมตั้งใจจะลงเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทย แต่ดันกรอกรหัสวิชาผิดกลายเป็นลงวิชาประวัติศาสตร์กรีก-โรมันซะงั้น ส่วนแม่ของผมก็เป็นสาวเอกประวัติศาสตร์ที่ลงเรียนในวิชานี้พอดี ดูโรแมนติกไหมล่ะ

   ผมยังขอบคุณพ่อแม่มาถึงทุกวันนี้ที่เลือกชื่อโรมมากกว่าชื่อกรีก

   “วันนี้ค้างที่นี่รึไง”

   “ไม่ เดี๋ยวกลับแล้ว”

   “ใครไปส่ง” ถึงยังไงยัยนี่ก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ดี

   “กลับเอง”

   พูดสั้นๆ เอาแค่ให้ได้ใจความคือรูปแบบการพูดที่ผมไม่ชอบ และนั่นคือไวท์ ผมจิ๊จ๊ะให้เธอรู้ว่าผมไม่พอใจในคำตอบนั้นมากเท่าไหร่ เธอเป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้ แต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นไม่เคยทำให้ผมเลิกห่วงเธอได้ลง

   “งั้นวันนี้ค้าง เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”

   “ไม่ต้อง”

   “ตามใจ”

   ไม่ต้องแปลกใจที่ผมยอมรามือง่ายๆ ถ้าลองให้แม่คุณพูดคำว่าไม่ ยังไงก็คือไม่ อย่าไปดื้อแพ่งให้เสียเวลาเปล่าเลย ผมพูดจริง ยืนมองคนที่กลับไปใส่หูฟัง ไม่ใช่แค่เธอที่กำลังกลับเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ผมเองก็เช่นกัน ทั้งๆ ที่บอกตัวเองไว้ว่าจะไม่กลับไปคิดถึงเรื่องนั้นอีก แต่ยามเห็นหน้าเรียบเฉยพร้อมนัยน์ตาว่างเปล่าเป็นเอกลักษณ์ผมก็อดคิดไม่ได้

   ไวท์เป็นคนที่เข้มแข็งมากจริงๆ

   เพราะอย่างนั้นผมก็ต้องเข้มแข็งเหมือนกันที่จะเก็บเรื่องที่แบล็คเพิ่งหลุดปากออกมาเมื่อวันก่อน ในเมื่อผมไม่ใช่ตัวละครในเรื่องนั้นผมก็ควรเป็นผู้ชมที่ดี

   เสียงรบกวนทั้งหลายจบลงแล้ว กลิ่นไม้ที่เคลือบไปด้วยสารเคมีทำให้ผมเวียนหัวจนต้องเดินไปเปิดหน้าต่างตรงระเบียงที่ยื่นต่อไปจากห้องนั่งเล่น สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับคอนโดนี้คือการจัดตัวตึกเป็นเส้นตรง เพราะงั้นวิวเดียวที่คุณจะเห็นจากระเบียงคือห้องสี่เหลี่ยมที่เหมือนกันทุกประการ

   “น้องเอ๋อ”

   ไม่มีทางที่ผมจะลืมเสียงนั้นไปได้ ผมรีบตามหาที่มาของเสียง มันดังมาจากตึกฝั่งตรงข้าม ห้องที่ตรงกันกับห้องของผม ระเบียงสีขาวมีผู้ชายสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งคือพ่อยอดชายนายแบล็คที่กำลังโบกมือข้างหนึ่งไปมา ส่วนอีกข้างที่ไม่ว่างเพราะกำลังใช้จับแท่งนิโคตินอยู่ แอบสูบบุหรี่อีกแล้วไอ้เพื่อนเวร!

   “ใครให้มึงสูบบบ! ทิ้งเลยนะ!!”

   ผมตะโกนกลับไปพร้อมกับชี้หน้าอาฆาต แบล็คเพียงไหวไหล่แล้วยกบุหรี่ขึ้น ควันที่ลอยออกมาเป็นสัญลักษณ์ว่ามันไม่แคร์ในสิ่งที่ผมสั่งเลยแม้แต่น้อย ผมไม่รู้ว่าเพื่อนผมไปอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามได้ยังไง เพราะผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังหันหลังให้ผม สีผมออกน้ำตาลเข้มถูกเซ็ตเป็นทรงสวย รู้สึกคุ้นแปลกๆ

   แบล็คคงเห็นว่าผมกำลังจ้องคนข้างๆ มันอยู่ จัดการสะกิดแล้วพูดอะไรสองสามคำที่ผมอ่านปากไม่ออก อีกฝ่ายก็ส่ายหัวไปมาแล้วก้าวกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

   “เพื่อนมึงเหรอ”

   รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าของแบล็ค

   “งั้นมั้ง”

   “ใครอะ?” ปกติผมจะรู้จักเพื่อนในรั้วมหาลัยของแบล็คเกือบหมดนะ แต่คนนี้เดาไม่ถูกจริงๆ

   “มึงไม่รู้จักหรอก” อัดยาเส้นเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วขยี้ลงกับขอบระเบียง “ก็แค่คนป๊อด งี่เง่า น่ารำคาญ”

   นั่นคือคำที่ควรใช้ในการนิยามเพื่อนของตัวเองเหรอนั่น

   "แล้วนี่ไวท์กลับไปยัง"

   อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น ผมทำหน้าเบื่อแล้วชี้นิ้วกลับเข้าไปภายในห้อง คนเป็นพี่เพียงแค่พยักหน้ารับรู้
ก่อน จะบ่นออกมาใหญ่

   "เจ็ดโมงเช้า ไม่บอกล่วงหน้า ระเบิดห้องกูเละเทะ สุดท้ายเลยต้องระเห็จมาอยู่นี่"

   "ก็ปกติของยัยนั่น"

   "แต่ไม่ปกติสำหรับกูครับเพื่อน!"

   "กูบอกแล้วว่าให้หาคนมาดูแลแทน มึงจะได้เลิกห่วงสักที"

   สายตาไม่พอใจที่ตวัดมาทำให้ผมเหยียดยิ้ม เพื่อนผมเองก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นที่มีน้องสาว หวงน้องเป็นที่
หนึ่ง  และนี่เป็นจุดอ่อนของเขา ไม่เคยมีใครที่เข้าหาไวท์ได้โดยไม่โดนแบล็คขัดขวาง ผมเคยพยายามเข้าใจว่าสภาพครอบครัวของแฝดคู่นี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีใครให้รักอีกแล้ว จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่ามันก็แค่เป็นเด็กขี้อิจฉา หวงของ อะไรที่เป็นของเขาก็ต้องเป็นของเขาไปตลอดกาล

   และเพราะเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ไวท์เลยไม่เคยมีแฟนอย่างจริงจัง แบล็คเองก็ไม่ใช่คนที่ใช้อำนาจพร่ำเพรื่อ เพราะผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีข่าวกับใครทั้งนั้น ทั้งๆ ที่หมอนี่เคยได้รับการทาบทามให้เป็นเดือนคณะ ส่วนผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่เคยคุยกับคนที่เข้ามาในชีวิต แต่มักจบลงด้วยการหายไปของอีกฝ่ายเสียเฉยๆ

   ผมยืนคุยกับเพื่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไปมาอีกสักพัก ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังทำตัวปัญญาอ่อนมากที่ตะโกนข้ามฝั่งไปมา แบล็คชอบเรียกผมว่าน้องเอ๋อ ไม่ว่าจะถามสักเท่าไหร่ก็ไม่เคยยอมบอกเหตุผล ผมว่าผมปกติดีนะ ไม่ได้ทำตาลอยหรือน้ำลายไหลย้อยสักหน่อย

   กลับมายังห้องที่แสนสงบสุขของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะมองกลับไปยังห้องฝั่งตรงข้าม ไม่มีใครยืนอยู่ตรงระเบียงแล้ว ผ้าม่านสีครีมคล้ายกับของผมปิดสนิททำให้ไม่รู้ว่าเพื่อนผมยังอยู่ข้างในรึเปล่า  ผมไม่ชอบเข้าสังคม เลยไม่มีเพื่อนมากเท่าไหร่ ต่างจากแบล็คที่มีเพื่อนอยู่เต็มไปหมด แต่คิดไม่ถึงว่าจะรวมไปถึง 'ห้องฝั่งตรงข้าม' ด้วย

   วันเสาร์ที่ไม่มีแพลนจะทำอะไร เปิดโน้ตบุ๊คขึ้นมาตรวจดูความเป็นไปบนโลกออนไลน์ เฟสบุ๊คของผมไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวหรอก การแจ้งเตือนที่แทบจะเป็นศูนย์ จะมีการแจ้งต่อเมื่อเพื่อนสักคนแท็กรูปประหลาดๆ มานั่นแหละ

   "หืม?"

   น่าแปลกใจไม่ใช่น้อยที่มีการแจ้งเตือนตรงปุ่มเพิ่มเพื่อน ผมไม่คุ้นชื่อเฟสบุ๊คแต่รูปตัวแทนบอกว่าเป็นเพื่อนสาวในคณะที่ผมเคยทำงานด้วยเมื่อเทอมที่แล้ว กดรับไปโดยไม่คิดอะไรมาก และไม่กี่นาทีต่อมาหน้าต่างสนทนาก็เด้งขึ้น พร้อมประโยคสั้นๆ

   'โรมจำเราได้ไหม : )'


***

     :: Spoil ::
     ”กูไม่ใช่คนลำเอียง ถ้าโรมมันเจอคนที่ดีพอ กูก็จะสนับสนุนให้เพื่อนกูมีความสุข”
     ผมเกลียดรอยยิ้มของเขา
     “...แม้ว่าคนๆ นั้นจะไม่ใช่มึงก็ตาม”

     ขอขอบคุณทุกคำติชมนะคะ เนื่องจากตอนที่เริ่มคิดเรื่องนี้มีแต่การสนองนี้ดส่วนตัวล้วนๆ แค่อยากแต่งให้มีพระเอกชื่อ ‘ที่หนึ่ง’ ค่ะ (ฮา) เพราะงั้นเนื้อหาอาจจะดูงงๆ วนๆ ไปบ้าง ยอมรับตามตรงว่าเนื้อเรื่องยังไม่ลงตัวดีพอรวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เจ้าจะพยายามปรับปรุงให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่านี้นะคะ /โค้งขออภัย
     ผ่านมาตอนกว่าๆ ที่หนึ่งก็ยังไม่ได้ออกโรงสักที ตอนหน้าเขาจะได้เปิดตัวแล้วค่ะ /จุดพลุ
     เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

   ปล. ตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไปสัญญาว่าจะเขียนให้ยาวกว่านี้ค่ะ ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายมากๆ จนไม่มีเวลานั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กนานๆ ได้เลยจริงๆ TT

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #33 เมื่อ12-09-2015 23:42:07 »

รอลุ้นต่อไป  :impress2:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #34 เมื่อ12-09-2015 23:45:36 »

เรื่องนี้น่ารักมาก :katai2-1:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #35 เมื่อ13-09-2015 00:36:41 »

ชอบๆ  ปูเสื่อรอต่อ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #36 เมื่อ13-09-2015 03:01:54 »

แฝดคู่นี้นี่ต้องทำให้โรมวุ่นวายมากอน่ๆ555555

รอที่หนึ่งค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #37 เมื่อ13-09-2015 06:36:20 »

รออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #38 เมื่อ13-09-2015 06:55:38 »

ที่หนึ่งเดินหน้าจีบโรมเข้าค่ะ ก่อนที่คนอื่นเขาจะได้โอกาสนั้นไปเสียก่อน..

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #39 เมื่อ13-09-2015 11:38:30 »

แอบรักแอบชอบ เลยตามโรมมาใช่ไหม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
« ตอบ #39 เมื่อ: 13-09-2015 11:38:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #40 เมื่อ13-09-2015 16:54:06 »

พระเอกคงจะปล่อยเวลาเอาไว้นานมากแน่ๆ กว่าจะกล้าจีบ

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #41 เมื่อ13-09-2015 18:30:47 »

รับฝากที่หนึ่ง แต่ต้องฝากประจำ(สม่ำเสมอ) นะคะคุณเจ้า  เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #42 เมื่อ13-09-2015 18:42:50 »

 :L2:   :L2:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #43 เมื่อ13-09-2015 19:41:10 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #44 เมื่อ13-09-2015 20:58:24 »

สนุกค่า น่าติดตามมากๆ มาต่อเรื่อยๆ นะคะ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #45 เมื่อ14-09-2015 06:37:07 »

ชีวิตโรมแลดูวุ่นวายเพราะแฝดคู่นี้นะ 555

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 1.2 [12.09.15]
«ตอบ #46 เมื่อ14-09-2015 06:56:46 »

เย้ย  ชอบๆ  ชอบตั้งแต่บทนำ  และ  อิๆ

กลับมาสนองนี๊ดคนอ่านด่วนเลยค่ะ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #47 เมื่อ18-09-2015 23:26:12 »

บทที่ 2

[Side : ที่หนึ่ง]

     ผมชื่อที่หนึ่ง

     ม๊าบอกว่าตอนแรกตั้งใจจะมีผมคนเดียว เลยตั้งชื่อว่าที่หนึ่ง แปลว่าคนแรกและคนเดียว ไม่ได้ตั้งใจจะให้แปลว่าผู้ชนะหรือผู้ยิ่งใหญ่หรอก ความเศร้ามันอยู่ที่ทุกคนต่างคิดว่ามันเป็นชื่อที่เต็มไปด้วยความทะเยอะทะยาน ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยต้องการชัยชนะหรือความสำเร็จ

     ...แต่ผมก็มักจะได้มันมาเสมอ

     ผมสะกดคำว่าแพ้เป็น น่าเสียดายที่ผมไม่เคยได้ใช้คำนั้น ตั้งแต่จำความได้ที่หนึ่งคือชื่อที่จะนำลำดับที่หนึ่งมาหาผม และผมก็เบื่อตำแหน่งนี้เต็มทน ผมไม่ได้เกลียดชื่อนี้ เพราะถ้ามองว่ามันเป็นแค่ 'ชื่อ' มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการดำเนินชีวิตมากนักหรอก

     ไม่มีใครไม่รู้จักที่หนึ่ง เพื่อนผมชอบบอกว่าผมมันตัวขี้โกง ไม่ต้องพยายามมากเท่าไหร่ความสำเร็จก็มักจะลอยมาเอง ซึ่งก็ไม่ใช่คำพูดที่ถูกต้องมากเท่าไหร่ ผมเองก็ต้องอ่านหนังสือ ต้องฝึกฝนไม่ต่างจากคนอื่น แต่ก็นั่นแหละ พูดไปก็กลายเป็นแก้ตัว เงียบแล้วยิ้มไว้ดีกว่าเยอะ

     ชีวิตช่างน่าเบื่อ ไร้ซึ่งความท้าทาย ผมลองเปลี่ยนกิจกรรมไปเรื่อยๆ เผื่อว่าจะได้เจออะไรที่ตัวเองไม่ถนัด แล้วคำว่าที่หนึ่งจะได้ไม่ตามหลอกหลอนผมสักที บางทีเทวดาอาจเกลียดผมมาก เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนเท่าไหร่ผมก็ยังไม่เคยหลุดพ้นบ่วงโซ่นี้สักที
จนกระทั่งผมเจอผู้ชายคนนั้น

     สุดแสนธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่นทั้งหน้าตาและการเรียน การเจอกันครั้งที่ทำให้ผมจำเขาได้คืองานเทศกาลดนตรีภายในโรงเรียนสมัยมัธยมห้า ในขณะที่คนอื่นกำลังสนุกสนานยิ้มแย้มไปกับงานเขากลับทำหน้านิ่ง เอาแต่หลบอยู่ข้างหลังฝาแฝดชื่อดัง ผมเองอดแปลกใจไม่ได้ที่ให้ความสนใจกับ 'เขา' อย่างที่ไม่เคยให้ใครมาก่อน

     "โรม โรมัน ห้องสาม"

     แค่ตามหาชื่อยังยาก เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเริ่มมองหาเขา วิธีการหาที่ง่ายที่สุดคือเห็นแฝดขาวดำที่ไหนก็มักจะเห็นเขาอยู่ด้วย กลุ่มของโรมเป็นกลุ่มที่ผมคิดว่าใหญ่อยู่พอควร เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาในโรงเรียนทั้งนั้น แต่ไม่ว่าคนในกลุ่มจะโดดเด่นกว่าเขาแค่ไหน ผมก็ไม่เคยละลายตาไปจากเขาได้สักที

     ผมสันนิษฐานเองว่าที่เขาทำหน้านิ่งๆ วันนั้นน่าจะเกิดขึ้นจากการที่เขาไม่ชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่ เพราะเวลาที่เขาอยู่ในกลุ่มเพื่อนมักจะเห็นรอยยิ้มสดใสประดับอยู่เสมอ ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มมีคนเข้าหา เขาก็เปิดโหมดหน้านิ่งทันที

     อยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้ อยากเข้าไปทักทาย อยากให้เขายิ้มให้ผมบ้าง

     จากที่ไม่เคยต้องการเป็นคนมีชื่อเสียง ผมกลับอยากให้คนชื่อที่หนึ่งเป็นที่รู้จัก เพราะผมอยากให้เขามองกลับมาที่ผม นั่นแหละครับ ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่กลับไม่เป็นผล ไม่ว่าผมจะแทรกซึมชีวิตเขาในทางไหน มันก็ไม่เคยได้ผลสักที

     มันเป็นครั้งแรกที่ผมยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เป็น 'ที่หนึ่ง' อย่างที่เป็นเสมอมา
 

     ผมโดนเพื่อนด่าว่าบ้า ตอนที่ผลแอดมิดชั่นปรากฎว่ามีชื่อผมอยู่ในคณะพาณิชยศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังชานเมือง แทนที่จะเป็นทุนเรียนดีในมหาวิทยาลัยอีกแห่ง จำได้ว่าเฟสบุ๊คของผมเด้งรัวจนต้องปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตไว้ตลอดคืน แล้วมาไล่ตามดูในตอนเช้าแทน

     เบื่อบ้าน อยากอยู่หอ คือคำตอบที่ผมใช้ ทั้งๆ ที่ก็รู้ตัวดีกว่ามันไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ผมเหมือนคนที่โดนยุง่าย แค่รู้มาว่าใครคนนั้นเลือกเรียนในคณะนี้ ...ก็ตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตของตัวเองในทันควัน 

     เพราะการตัดสินใจแบบกระทันหันทำให้เพื่อนส่วนใหญ่ของผมเรียนต่อในอีกมหาวิทยาลัย มีเพียงผมกับเพื่อนอีกสองสามคนเท่านั้นที่มาเรียนต่อด้วยกันที่นี่ การเป็นเด็กมหาลัยไม่ได้ยากอย่างที่คิด ผมปรับตัวได้ดี เพื่อนที่นี่ก็น่ารัก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยดีขึ้นเลยคือผมก็ยังคงทำได้แค่มองเขาอยู่ห่างๆ ไม่กล้าที่จะเข้าไปทักทาย

     โรมยังเหมือนเดิม ผมไม่ค่อยเห็นเขาอยู่กับเพื่อนในคณะมากนัก พอเลิกเรียนก็มักจะกลับไปหาเพื่อนสนิทที่ยกโขยงมาอยู่ที่นี่เสียเกือบหมด ที่เห็นบ่อยที่สุดคงไม่พ้นฝาแฝดคู่นั้น ผู้ชายที่ร่าเริงแต่ให้ความรู้สึกไม่น่าเข้าใกล้ กับผู้หญิงแสนเงียบที่ดูมีอะไรติดค้างในใจตลอดเวลา

     "สวัสดี แบล็คครับผม"

     ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้าง ในวิชาที่มีการแรนดอมนักศึกษาในกลุ่ม ผมก็ได้อยู่กับคนที่ตัวเองบอกว่าไม่น่าเข้าใกล้ เราเข้ากันได้ดีในการทำงาน อาจเป็นเพราะเราเคยอยู่โรงเรียนเดียวกันมาก่อนรวมถึงเคยทำกิจกรรมร่วมกันหลายครั้ง ผมไม่พลาดที่จะใช้เรื่องงานเป็นประตูไปสู่การแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่กำแพงของเขาก็ช่างแน่นหนาเสียเหลือเกิน

     "อ้าว มีเพื่อนมาเหรอ"

     เป็นเรื่องปกติของเด็กหอที่มักจะมาป่วนหอของเพื่อนคนอื่น ผมอ้างว่าอยากรีบทำรายงานส่วนรูปเล่มให้เสร็จไวๆ เพราะว่ายังมีการประกวดดาวเดือนคอยตามติดอยู่ เป็นสาเหตุให้ผมกำลังนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คอยู่บนโซฟาในห้องของแบล็ค ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นมากที่อยู่ดีๆ ก็ได้เจอเขาในระยะที่ใกล้ขนาดนี้

     ปกติผมได้แต่มองจากที่ไกลๆ นี่นา

     "อืม ทำรายงาน"

     "แล้วมึงก็นั่งดูทีวีสบายใจเนี่ยนะ"

     เดินมาตบหัวแบล็คแล้วนั่งลงข้างๆ ตอนนี้บนโซฟาตัวใหญ่เลยมีผมนั่งอยู่ริมซ้ายสุด แบล็คอยู่ตรงกลาง ส่วนขวาสุดเป็นผู้มาใหม่

     "กูทำเสร็จแล้วเหอะ"

     "กินแรงเพื่อน"

     เสียงผู้ชายสองคนโต้เถียงกันไปมา ผมเปลี่ยนจากโปรแกรมเวิร์ดเป็นบราวเซอร์อินเทอร์เน็ต ทำทีเป็นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ตามฟังเสียงแจ้วๆ นั่นถนัดหน่อย ผมควรจะทักยังไงดีนะ

     ไม่เคยประหม่าขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตาย!

     "แล้วมาทำไม ห้องตัวเองมีไม่อยู่"

     "ไอ้เน็ทมันเบี้ยวนัด"

     "เด็กขี้เหงานี่หว่า"

     ผมอยากจะสะกิดคนตรงกลางให้รับรู้ว่ามีผมอีกคนอยู่ตรงนี้นะ รีบๆ แนะนำตัวผมให้โรมรู้จักหน่อยสิ แกล้งทำเป็นไอก็แล้ว ถามเรื่องรายงานเพิ่มเติมก็แล้ว แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะทำตามอย่างที่ผมหวังเลย ปกติมันต้องแนะนำเพื่อนให้รู้จักไม่ใช่เหรอไง มารยาทขั้นพื้นฐานน่ะ

     ยังนั่งพิมพ์งานไปเรื่อยๆ โดยมีเสียงของเขาแทรกมาในความเงียบเป็นระยะ โรมโดนแบล็คแกล้งอย่างนี้ตลอดเลยรึไง น่ารักจังน้า อยากแกล้งบ้างจัง โรมดูเป็นคนที่แกล้งสนุกชะมัด

     "มึงงง กูอยากกินหนม"

     ผมนึกว่าเขาจะเป็นคนที่พูดน้อยนะ อารมณ์ดูเงียบๆ เก็บตัวอะไรอย่างนี้ พอมาเจออย่างนี้มันเปลี่ยนความคิดผมไป
หมดเลยล่ะ ตั้งแต่ได้ยินเสียงเขามาจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ขาดตอนเลย

     "ไม่มี แม่บ้านส่วนตัวกูกวาดเรียบไปหมดแล้วเมื่อวาน มึงก็ลงไปซื้อเซเว่นดิ"

     "กูขี้เกียจเดินนน"

     "งั้นก็อดแดก"

     ความคิดผมแบล็คเป็นคนที่ดูขัดแย้งในตัวเองนะ เพราะชื่อ 'แบล็ค' ให้ความรู้สึกเป็นผู้ร้ายในละคร ในขณะที่ตัวจริงของเขาเต็มไปด้วยเพื่อนรายล้อม เขาเป็นคนอัธยาศัยดี ช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ยิ้มง่ายหัวเราะง่าย เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายในอุดมคติเลย ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ สมัยผมอยู่มัธยมปลายก็มีคนบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาชอบบอกว่ามันก็แค่เป็นหน้ากากเท่านั้นแหละ ยังไงสีดำก็เปลี่ยนเป็นสีขาวไม่ได้อยู่ดี

     สมัยนั้นเคยมีคนเรียกเขาว่า 'ราชา' ด้วยซ้ำไป

     "กูหิวอะมึง"

   "..."

     "งือออ"

     โอ๊ย ผมใกล้จะบ้าแล้วครับ แค่ได้มาอยู่ใกล้ๆ ก็ดีจะแย่แล้ว นี่ยังได้มาเห็นโรมในมุมที่น่าฟัดขนาดนี้ ทำเสียงงอแงแล้วยังเขย่าแขนเพื่อนไปมาอย่างนี้อีก งานเงินไม่ต้องทำกันแล้ว!

     ในกระเป๋าไม่มีอะไรมากนอกจากลูกอมรสนมเปรี้ยวที่โชคร้ายซื้อผิดมาตอนเมื่อเช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรนะ ผมส่งของในมือไปให้คนกลางที่ทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มทน แบล็ครับไปแล้วโยนส่งๆ ไปให้คนที่นั่งถัดไปอย่างรู้งาน

     "เพื่อนกูกำลังบอกว่ามึงน่ารำคาญอะน้องโรม กินแล้วเงียบๆ ไป"

     "หยาบคายสุด!"

     เฮ้ย ทำไมกลายเป็นงั้นไปได้ล่ะ ผมหันหน้าไปเพื่อจะบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เป็นจังหวะเดียวกับที่เขากดหัวเจ้าของห้องลง ทำให้ผมได้เห็นหน้าเขาชัดๆ แบบที่ไม่มีคนตัวใหญ่บังให้รำคาญใจ

     เราสบตากันแล้ว

     ผมนี่ไปต่อไม่ถูกเลยครับ ไม่รู้ตอนนี้หน้าผมแดงไปเรียบร้อยแล้วรึเปล่า ฮื้อ... นี่มันอันตรายกับหัวใจผมเกินไปแล้วนะ หน้าเนียนๆ กับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังมองตรงมาทำให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลย

     "อย่าไปฟังมันมากรู้เปล่า แม่งชอบใส่ความเพื่อน"

     ไม่ต้องทำแก้มป่องหรือแอ๊บใส อาการที่แสดงออกว่าไม่พอใจก็เป็นแบบธรรมดาเหมือนผู้ชายทั่วไป

     "อะ...อืม"

     ผมผ่านการประกวดมาหลายครั้ง ซึ่งผมมักจะทำได้ดีเสมอในการควบคุมสติ แตกต่างจากครั้งนี้ ที่ผมคิดอะไรไม่ออกจนพูดได้แค่อืม

     "ขอบคุณสำหรับของกันตายนะ อร่อยดี"

     "ไม่เป็นไร"

     รอยยิ้มกว้างแสนจริงใจที่ส่งมาให้พร้อมกับยกมือขึ้นทำเป็นสัญลักษณ์เยี่ยม ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ที่บอกว่ามันเป็นโชคร้ายได้ไหมครับ ตอนนี้มันเป็นโชคดีสุดๆ เลยล่ะที่ผมเลือกหยิบลูกอมนี้มา ผมควรใช้ช่วงเวลานี้แนะนำตัวสินะ แอบเฟลที่เขาไม่รู้จักผมอะ

     "มันบอกว่าไม่เป็นไร เพราะในที่สุดมึงก็หยุดพูดไง"

     "เพื่อนเวร!"

     "ก่อนมึงมางานใกล้จะเสร็จล่ะ จนตอนนี้มันก็ยังใกล้จะเสร็จแบบเดิม"

     "เออ ไปก็ได้วะแม่งงง"

     เฮ้ย ไม่เอาอย่างนี้สิ ผมเพิ่งใช้อากาศร่วมกับเขาได้ไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ ยังอยากได้ยินเสียงเขาอีกนี่นา

     "ไม่ต้อง!" ผมคงใช้เสียงดังมากไปหน่อย ทั้งสองคนเลยหันมามองผมเป็นตาเดียวเลย เอาไงดีล่ะ "อะ...เอ่อ มันไม่รบกวนเราหรอก นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว เหลือแค่อ่านทวนนิดหน่อยเอง"

     "เพื่อนมึงโคตรประเสริฐ ต่างจากมึงลิบลับ"

     โรมดี๊ด๊าแบบผู้ชนะเต็มที่ เขาป้องปากแล้วทำเสียงหุหุใส่หน้าคนที่กำลังทำหน้าแปลกๆ เขาไม่ได้ทำหน้าบอกบุญไม่รับหรือว่ากำลังหงุดหงิด ใบหน้าเข้ารูปที่ผมเห็นกำลังหรี่ตามองผมเหมือนใช้ความคิดอะไรสักอย่าง

     "หึ แน่สิ" ยิ่งยามที่เอ่ยปากออกมาพร้อมกับยิ้มมุมปาก มันทำให้ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ

     "ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว"
 


     "ชอบโรมใช่รึเปล่า"

     เกือบจะสำลักแอลกอฮอล์ที่เพิ่งเข้าปาก ผมรีบกลืนมันเข้าไปแล้วไอติดต่อกันออกมา มองหน้าคนที่ทำหน้านิ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ แล้วทำได้แค่เงียบไว้

     "...จริงด้วยสินะ"

     ภาษากายที่แสดงออกมามันคงทำให้อีกฝ่ายรู้ได้โดยง่าย แบล็คดับแท่งสีขาวลงกับที่เขี่ยบุหรี่ที่ทางร้านจัดไว้ให้ ผมกับเขากำลังอยู่บริเวณโซนสูบบุหรี่ในร้านอาหารกึ่งผับ เนื่องในโอกาสที่ทำรายงานเสร็จรวมถึงฉลองให้ตำแหน่งเดือนคณะของผมด้วย ที่จริงพวกนี้ก็แค่อยากหาเรื่องฟาดเหล้าเข้าปากนั่นแหละ

     "รู้ได้ยังไง" ผมถามออกไป ผมมั่นใจมากเลยนะว่าเรื่องนี้เป็นความลับขั้นสุดยอด ไม่ว่าจะเพื่อนสนิทขนาดไหนก็ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน ไม่ได้อายหรือว่ากลัวคนอื่นไม่ยอมรับ แค่อยากให้ 'ความรัก' ของผมมันเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกของผมคนเดียว ไม่ต้องได้รับการสนับสนุนจากใคร

     แบล็คมองหน้าผมเงียบๆ สายตาที่เคยเต็มไปด้วยแววสดใสกลับเต็มไปด้วยความขุ่นมัว

     "ไม่รู้ก็ควาย มึงแสดงออกชัดฉิบ" ด่าไม่พอยังดีดมะกอกใส่หน้าผากผมอีก "ตั้งแต่เมื่อไหร่"

     โซนที่จัดไว้เพื่อสูบบุหรี่อยู่ในมุมมืดพอสมควร รวมถึงไม่มีคนอื่นนอกจากผมกับเขา มันทำให้ผมกล้าที่จะชูนิ้วชี้ขึ้นมาเป็นเลขหนึ่งเพื่อตอบคำถาม

     "ถ้านับแบบจริงจังก็ปีครึ่ง"

     "เชี่ย..."

     แบล็คไม่หยุดอุทานคำหยาบออกมาเลย เขาคว้าไลท์เตอร์สีเงินที่มีลวดลายประหลาดขึ้นมาจุดมวนใหม่ ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมนะที่บอกเขาง่ายๆ อย่างนี้

     "คือ..."

     "กูรู้ว่ามึงคิดอะไร หยุดซะ กูแค่ต้องการเวลาตั้งสติ"

     ชี้นิ้วมาทางผมพร้อมใบหน้าตึง ผมเลยต้องปิดปากสนิท ฆ่าเวลาโดยการกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ติดมือออกมาด้วย ผมรู้สึกเหมือนกำลังเข้าไปแนะนำตัวให้พ่อตารู้จักเลยอะ

     "กูจะไม่ถามว่ามึงจริงจังรึเปล่า เพราะถ้าบอกว่าปีครึ่งแม่งนานอยู่" ควันสีเทาลอยเต็มไปหมด ส่วนตัวแล้วผมโอเคกับแบล็คนะ เขาเป็นเพื่อนที่ดีเลยล่ะ มีเหตุผล ไม่เข้าข้าง สมกับเป็นเด็กนิติ รวมถึงไม่รู้สึกอึดอัดหรือว่าระแวงเวลาอยู่ด้วย "กูจะถามคำถามแรก แต่มึงต้องเก็บไว้ตอบกูตอนท้าย ...มึงมั่นใจแล้วใช่ไหมที่เลือกอย่างนี้?"

     คำถามที่ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องตอบสักวัน ผมไม่แปลกใจในคำถาม สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจที่ความรู้สึกที่แสดงออกบนใบหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มันเต็มไปด้วยความกังวลปนเปไปกับความลังเลใจ ไม่ใช่อาการไม่ยอมรับอย่างที่กลัวมาตลอด มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ อะไรบางอย่างที่ผมคาดเดาไม่ถูก

     "ตอบมาแค่เยสหรือโน มึงเลือกเรียนที่นี่เพราะมัน"

     "เยส"

     "ที่ย้ายมาอยู่หอเดียวกับกูก็เพราะมัน"

     "เยส"

     "เหี้ยเอ๊ย กูว่าแล้ว อะต่อไป ขนมที่เอามาฝากกูก็ให้มัน"

     "เยส"

     ผมว่าผมไม่ได้ตอบอะไรผิดนะ ก็ให้ตอบแค่เยสกับโน ผมก็ตอบตามนั้น แล้วทำไมเขาต้องทำหน้าแบบช็อคโลกขนาดนั้นด้วย

     "มึงแม่งบ้า ที่หนึ่ง"

     "เยส" ถ้าเป็นเรื่องของโรมล่ะผมเป็นคนบ้าตลอดล่ะ ความจริงในตอนแรกผมไม่ได้อยู่หอนี้หรอก เพิ่งย้ายมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเอง หลังจากตามอ้อนวอนเจ้าของหอให้ส่งข่าวบอกทันทีที่ห้องตรงข้ามว่าง อ้อ! ไม่ใช่ห้องตรงข้ามในตึกเดียวกันหรอกนะ เป็นห้องที่ตรงกันจากตึกตรงข้ามน่ะ

     ห้องตรงข้ามมันใกล้ไป อันตรายกับอัตราการเต้นของหัวใจมากๆ

     ส่วนเรื่องขนมผมก็มักจะอ้างว่ามีคนเอามาฝาก แล้วก็กินไม่หมดเลยให้แบล็คเอาไปช่วยกิน ไม่รู้ว่าเขาสังเกตรึเปล่ามันจะมีลูกอมนมเปรี้ยวติดไปด้วยทุกครั้ง ผมก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไปถึง

     "กูยอมแล้ว นี่คือตัวจริงของที่หนึ่งคนนั้นเหรอวะ"

     "เยสเซอร์"

     ตะเบ๊ะท่าให้ด้วยเป็นของแถม เลยได้หมัดลุ้นๆ กระแทกท้องกลับมา อูย

     "สโตรกเกอร์ชัดๆ กูกลัวมึง!"

     "กูก็แค่ซื่อสัตย์กับตัวเอง" โดนหลอกด่ามานาน ขอแก้ข่าวหน่อยเถอะ

     "บ้านกูเรียกป๊อด"

     "โอ้โห แทงผมเลยไหมครับทิวา" ผมชอบเรียกว่าทิวามากกว่าแบล็ค มันดูเข้ากับเขามากกว่าในความคิดผม พอผมเปิดประโยคฆ่าตัวตายผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มเหี้ยมแล้วทำท่าเข้ามาประชิด เล่นเอาผมต้องกระโดดหนีไปหลายก้าว ทำไมพ่อตาผมน่ากลัวอย่างนี้

     "พอๆ เลิกเล่น เข้าโหมดจริงจัง"

     เขากดไหล่ผมให้นั่งลงกับเก้าอี้เหล็ก ส่วนตัวเองก็ถอยไปยืนพิงกับกำแพงอิฐฝั่งตรงข้าม กลิ่นบุหรี่แบบมิ้นท์ลอยมากับสายลม ไม่ใช่แบบเดียวกับที่ผมเห็นเขาใช้มาตลอด ควันยังคงลอยเอื่อย กลิ่นจากแท่งนิโคตินที่ผมไม่คุ้นเคยนำมาซึ่งความอึดอัด

     "คุณรู้อะไรเกี่ยวกับคนชื่อ 'โรม' บ้าง"

     เปลี่ยนไปทั้งสรรพนามแล้วก็สายตาที่มองมา นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องเข้าไปลึกราวกับกำลังอ่านใจผมอยู่

     "ก็ทั่วไป พวกชื่อ วันเกิด ชอบที่ชอบ..."

     "อย่างอื่นล่ะ"

     น้ำเสียงแสนเย็นเยียบ ไม่มีโทนสูงต่ำ บรรยากาศรอบตัวผมดูเงียบลงทันตา ความอึดอัดยิ่งทวีคูณยามที่เขาถามจี้ลงมา ผมชักไม่อยากให้หมอนี่เรียนกฎหมายเลย ลูกความจะต้องกลัวหัวหดแหง

     "ช่วยตอบด้วยครับ"

     "อย่างอื่นที่ว่าคืออะไรล่ะ ผมคงไม่รู้ชื่อโรงเรียนอนุบาลหรอกนะ"

     แบล็คกำลังเล่นสงครามประสาทกับผม

     "หึ...คุณไม่รู้อะไรเลยต่างหาก"

     "ต้องการอะไรกันแน่?"

     "ต้องการคำตอบที่ดีพอ"

     "ผมไม่ใช่ผู้หยั่งรู้" ครู่หนึ่งที่สายตาของคนที่มองมาวูบไหว ก่อนจะกลับไปเป็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรเหมือนเดิม

     "ที่หนึ่ง ที่หนึ่ง" คำนั้นรำพันกับตัวเอง "คุณมักจะเป็นที่หนึ่งเสมอนะ แต่คงไม่ใช่กับครั้งนี้"

     "ชื่อไม่ได้เป็นตัวกำหนดอนาคต อย่างคุณก็ไม่ใช่ 'กลางวัน' สักหน่อย ทิวากาล"

     ผมเข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าทำไมถึงมีคนบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ควรเข้าใกล้ เขาอันตรายเกินไป ความอันตรายที่ไม่ได้เห็นจากภายนอก แต่สัมผัสได้จากความรู้สึก เหมือนคนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนคนเดิมของผม เป็นใครอีกคนที่ผมไม่อาจจับต้องได้ เราอยู่กับคนละระดับเกินไป อา... เพราะอย่างนี้เองสินะ เลยมีคนเรียกเขาว่า 'ราชา'

     และไม่มีสีไหนที่เหมาะกับราชาคนนี้ได้เท่าสีดำ

     "ผมก็แค่อยากรู้"

     "รู้ว่า"

     "คุณเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี เลยอยากเตือนในฐานะที่อยู่ตรงกลาง" แท่งบุหรี่กลายเป็นเถ้าไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่กลิ่นมิ้นท์ที่ลอยอบอวล "โรมอยู่กับผมตั้งแต่จำความได้ เราเหมือนแฝดสามด้วยซ้ำในบางที แน่นอนว่าเราผ่านอะไรกันมาเยอะ ...แบบที่คุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ"

   "..."

     "เพราะงั้นผมเลยอยากรู้ ว่าคุณพร้อมแค่ไหนที่จะเผชิญกับ 'อนาคต' ในวันที่คุณไม่รู้ 'อดีต' อะไรทั้งนั้น"
คำถามที่ซ่อนคำเฉลยไว้ ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม รอให้อีกฝ่ายพูดให้จบทั้งหมด การตอบที่ดีเราควรรู้คำถามให้ครบก่อน

     "หมดเวลาคิดแล้วที่หนึ่ง มั่นใจแล้วใช่ไหมที่จะเลือกอย่างนี้?"

     ผมไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย ปากขยับไปโดยทันที

     "มั่นใจ"

     "ก็แค่นั้น" แบล็คยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เขาเดินมานั่งข้างๆ ผม "บอกก่อนกูไม่ได้เชียร์ ก็แค่ไม่ได้ห้าม"

     "คนกลางว่างั้น"

     กลับมาเล่นหัวกันได้เหมือนเดิม เหมือนสงครามประสาทเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย บอกตามตรงผมไม่อยากมาเล่นเกมทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจกับเขาอีก ปวดหัวชะมัด

     "ผู้ชมที่ดีต่างหาก"

     "...ขอบคุณนะ"

     "มึงยังต้องขอบคุณกูอีกนาน ห่า นี่กูยังไม่หายช็อค ที่หนึ่งสุดฮอตดันมาชอบน้องเอ๋อโรมของพวกกู แม่งชอบมาเป็นปีแล้วอีก"

     "โรมน่ารัก"

     "แต่ความรักน่ากลัว" เขาทำหน้ายุ่งแล้วลุกขึ้น "กูจะเข้าไปล่ะ ป่านนี้พวกมันเมาเรียบหมดแล้ว แม่งหารเท่ากันอีก"
ผมยกมือให้เพื่อบอกว่าเข้าไปเลย ส่วนผมยังนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ แบล็คตบบ่าของผมสองสามครั้งก่อนเดินผ่านผมไป นี่คือผมผ่านด่านพ่อตาได้แล้วใช่ไหมอะ

     "เออ กูขอถามอีกคำถามได้ป่ะ" เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จะถามอะไรอีกครับบบ "ที่มึงเป็นเดือนคณะ...ก็เพราะมัน"

     คราวนี้เป็นผมบ้างที่ยิ้มเย็นใส่ เพราะแบล็คเป็นเพื่อนใหม่ในมหาวิทยาลัยคนแรกๆ แล้วเราก็ต้องเผชิญกับการทาบทามให้เป็นเดือนคณะเหมือนกัน ตอนนั้นเรายังมาบ่นให้อีกฝ่ายฟังอยู่เลยว่าไม่อยากได้ตำแหน่ง สุดท้ายแบล็คก็ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ ในขณะที่ผมได้ตำแหน่งมาครอง

     "คิดว่าไงล่ะ"

     ก็พี่เดือนปีก่อนดันมาบอกว่าถ้าเป็นเดือนแล้วคนในคณะจะรู้จัก

     ผมก็แค่อยากให้เขารู้จักผมบ้าง ก็แค่นั้นเอง


***

     มีใครคิดว่าที่หนึ่งจะออกมาในรูปแบบนี้บ้างคะ (หัวเราะ)

     ช่วงนี้ฝนตกตลอดเลย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน <3

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #48 เมื่อ18-09-2015 23:41:00 »

ที่หนึ่งรั่วกว่าที่คิดไว้เยอะเลย แต่แบล็คนี่สมกับเป็นราชา

 o13

หาคู่ให้แบล็คบ้างสิค้าาาาา

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #49 เมื่อ18-09-2015 23:54:22 »

ไม่คิดเลยที่หนึ่งจะเป็นเด็กน้อยน่ารักขนาดนี้  :laugh:
ขอให้สมหวังนะจ๊ะ พ่อตาแบล็กก็โหดเกิ๊น :jul3:
น้องเอ๋อโรมน่าจับฟัดแก้มจริงๆ  :man1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
« ตอบ #49 เมื่อ: 18-09-2015 23:54:22 »





ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #50 เมื่อ18-09-2015 23:57:32 »

OMG ไม่คิดเลยว่าที่หนึ่งจะเป็นขนาดนี้ :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #51 เมื่อ19-09-2015 00:06:39 »

 o13 o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #52 เมื่อ19-09-2015 00:07:58 »

 o13  o13

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #53 เมื่อ19-09-2015 06:41:02 »

อยากอ่านต่อแบ้วววว

หนึ่งรุกๆๆๆ  555

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #54 เมื่อ19-09-2015 08:16:34 »

เรื่องน่ารักดีจัง ชอบ ๆ อิจฉาน้องโรมจริง ๆ มีหนุ่มหลงรักฝังใจขนาดนี้ :-[
โรมน่ารัก ยิ่งเวลาอยู่กับแบล็คยิ่งน่ารัก ให้อารมณ์พ่อลูกเลยอ่ะ 555
ชอบแบล็คด้วย ราชา เท่ห์ดีจัง ว่าแต่มีความหลังอะไร หงุดหงิดทีี่ใครกลับมา
แล้วเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของไวท์ยังไง ดราม่าแน่ ๆ เลย
ชอบมากค่ะ เอาใจช่วยที่หนึ่ง สู้ ๆ



ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #55 เมื่อ19-09-2015 12:25:13 »

ทุ่มเทมากอะที่หนึ่ง กรี๊ดรัวๆ

ออฟไลน์ Kokyo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #56 เมื่อ19-09-2015 13:54:17 »

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ขอเรียกเฮียหนึ่งนะคะ
เฮียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
แม่งสุดยอดเลยยยย น่ารักสัดๆ ถือคติทำเพื่อเมียชิมิ
โอ๊ยยย น่ารักกก

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #57 เมื่อ19-09-2015 22:09:29 »

เร่องนี้มันดูวับซ้อนปลกๆยังไงไม่รู้ :katai1:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 967
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #58 เมื่อ19-09-2015 22:53:33 »

โอยชอบที่หนึ่งจังเลยยย
น่ารักโพดดดด

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 2 [18.09.15]
«ตอบ #59 เมื่อ20-09-2015 01:08:06 »

น้องโรมจะบ้างมั้ยหนออออ~~~ :mew3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด