[Fix Side]
วันนี้เป็นวันที่ไอ้ตินจะไปเยี่ยมไอ้พี่ว่าน หลายวันมานี้ผมทำตัวไม่สมกับเป็นไอ้ฟิกเอาซะเลย ใช้ไม่ได้จริงๆ
“ทำตัวให้สมกับเป็นไอ้ฟิกหน่อยสิวะ”ผมมองเงาสะท้อนอันหล่อเหลาของตัวเอง ตบหน้าเรียกสติสองสามทีก็ลงไปด้านหลัง ไอ้ภูกับไอ้ตินตื่นก่อนผมเสียอีก เห็นมันสองคนกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง
“ข่าวเช้ามีอะไรบ้าง”ผมถามระหว่างที่เดินเข้ามาในครัว
“ต้มเลือดหมูร้อนๆกับไข่เจียว”ไอ้ตินตอบก่อนจะเดินเข้ามากอดผม
“อะไร”ถามระหว่างตักข้าวใส่จาน
“หายโกรธกูแล้วเหรอ”มันพึมพำเบาๆ
“กูไม่ได้โกรธมึงนี่”ตอบเสียงมึนก่อนจะเบี่ยงตัวมาที่โต๊ะอาหาร ไอ้ภูยกยิ้มขึ้นมา
“ไม่ได้โกรธแค่ประชดประชันมาสองวัน”
“แล้วพวกมึงกินกันเเล้วเหรอ”ผมเปลี่ยนเรื่องมาถามพวกมันแทน
“เรียบร้อย”
“ไม่รอกู”
“มึงตื่นสายนี่ กูหิวก็เลยกินก่อน กระเพาะไม่ได้ติดกันสักหน่อย”ไอ้ภูตอบเสียงกวน ผมนั่งลงจัดการมื้อเช้าไปคนเดียว จากรสชาติแสนอร่อย เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของไอ้ตินแน่ แต่ไข่เจียวฝีมือไอ้ตินแน่นอน
“แล้วอาการไอ้ม่อนเป็นไงบ้างวะ”อยากรู้ว่ามันช้ำแค่ไหน บังอาจมาเล่นตุกติกกับไอ้ภู ตอนนั้นผมกำลังงง ๆแต่มานึกดูอีกทีไอ้ภูมันน่ากลัวมากจริงๆ เหมือนเมื่อตอนที่เกิดเรื่องพี่พิสเลย ซึ่งผมไม่เห็นมันเป็นแบบนี้มานานแล้ว
“ไม่รู้ ก็กะว่าจะไปดูอยู่”ไอ้ภูดูไม่สนใจเท่าไหร่นัก ผมเหลือบมองไอ้ติน มันเอาแต่จ้องผมมานานแล้ว ไม่รู้ว่าหน้าผมมันมีอะไรผิดปกติ
“มองไร”
“เปล่า”มันตอบพร้อมรอยยิ้มที่ทำผมหงุดหงิดขึ้นมา ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้ของมันเลยจริงๆ
“เออ แล้วเพื่อนมึงเป็นไงบ้าง ไอ้แก๊งน่ะ”ไอ้ภูหันไปคุยกับไอ้ติน ผมเลยได้โอกาสเงียหูฟังไปด้วย
“ตอนนี้หลบไปอยู่ที่ชลบุรี แต่ผมก็บอกมันแล้วนะว่าจะจัดการให้”เสียงของไอ้ตินดูเป็นกังวล
“แล้วไอ้ว่านมันจะเอาเรื่องรึเปล่าวะ”
“ไม่รู้ดิ แต่คงไม่หรอกมั้ง...ผมก็ไม่แน่ใจ พ่อพี่เขาค่อนข้างดุ”ไอ้ภูหัวเราะลั่นทันที
“ดุแน่เหรอวะ นี่ขนาดดุไอ้ว่านมันยังเป็นขนาดนี้”
“ก็เหมือนพ่อพี่นั่นแหละ”เกิดความเงียบขึ้นมาระลอกใหญ่ มีเพียงเสียงผมซดน้ำต้มเลือดหมูเสียงดังแทรกมา ไอ้ภูพึมพำอะไรสักอย่าง จับใจความได้ว่าคนละชั้นกัน
“แล้วไอ้แก๊งมันมีเรื่องแค้นอะไรกับพี่ว่านของมึงล่ะ”ผมถามบ้างเพื่อลดบรรยากาศแปลกๆ แต่ก็แอบแขวะมันเล็กน้อย
“ยังไม่ได้ถามมันเลย แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันคงโดนพวกพี่ว่านข่มขู่มาเยอะล่ะมั้ง แถมยังต้องมากลายเป็นเบ๊พี่ว่านอีก...ก็คงจะแค้นอยู่”ไอ้ตินถอนหายใจดังเฮ้อ
“แล้วนี่มึงอิ่มหรือยัง จะได้รีบๆไปเคลียร์ให้จบ”ไอ้ภูเร่ง ผมเลยรีบยัดๆให้หมด ก่อนเตรียมตัวไปโรงพยาบาล ตั้งแต่รู้จักพวกมันมา ผมเข้าโรง'บาลบ่อยอยู่เหมือนกัน จากปกติแทบไม่เคยไปเหยียบ แต่ส่วนมากพวกมันจะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมคนอื่นมากกว่า ไม่เคยเห็นมันจะเจ็บป่วยเลยสักครั้ง
“ถามจริง พวกมึงเคยป่วยบ้างไหมวะ”ผมถามเมื่อพวกมันเสด็จออกมาแล้ว
“ถามแปลก ก็ต้องเคยสิ”ไอ้ตินมองผมด้วยสายตาขบขัน
“แต่เท่าที่กูอยู่กับพวกมึงมา กูยังไม่เคยเห็นพวกมึงป่วยเลยนะ”ยกเว้นเวลาที่พวกมันมีเรื่องกับคนอื่นมา
“อยากรู้เหรอ เอียงหูมา”ไอ้ภูกระดิกนิ้วให้ผมเอนเข้าไปใกล้
“กูไม่อยากรู้แล้ว”เห็นสีหน้าชั่วๆของไอ้ภูแล้วผมก็เดาได้เลยว่าคำตอบของมันต้องไม่สร้างสรรค์แน่ เพื่อให้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมกับพวกมันก็ออกเดินทางไปโรง'บาลทันที ไอ้พี่ว่านพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษ แถมผมเพิ่งรู้ด้วยว่าลุงของไอ้ตินเป็นผอ.ของที่นี่ รวยกันจริงๆ แบบนี้ผมสบายไปทั้งชาติคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกมันสองคน หึๆ
“คิดไรอยู่”ไอ้ตินเหลียวมามองระหว่างที่เดินนำไปห้องพักผู้ป่วยของไอ้พี่ว่าน
“เปล่า”ผมไหวไหล่ทำหน้ามึน
“กูรู้ว่ามึงคิดอะไร”ไอ้ภูเข้ามากระซิบพลางรั้งต้นคอผมไปใกล้ๆ
“ไอ้โม้”
“มึงคิดไม่ผิดหรอกที่คบกับพวกกูอ่ะ”มันกระซิบเบาๆ ทำเอาผมแปลกใจอยู่เหมือนกัน
“ห้องนี่แหละ”ไอ้ตินหยุดอยู่ที่ห้องริมสุด กว่าจะถึงเล่นเอาเมื่อยเลย ผมรอจนไอ้ตินเข้าไปก่อน ผมถึงก้าวตามเข้าไป กลิ่นฉุนแบบฉบับของโรงพยาบาลทำให้ผมต้องย่นจมูก ไม่ค่อยชอบกลิ่นแบบนี้เลยจริงๆ เจ้าของเตียงปรือตามองผู้มาเยี่ยม สีหน้าไม่ยินดีนักเมื่อเห็นพวกผม
“…มาทำไม”มันทักด้วยเสียงอันเบาหวิว
“ผมมาเคลียร์ให้จบ เรื่องของผมกับพี่จะได้ไม่ต้องค้างคาอีก”ไอ้ตินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ มันลากเก้าอี้มานั่ง ส่วนผมกับไอ้ภูนั่งลงที่โซฟา ไม่มีของมาเยี่ยมอะไรทั้งนั้น อย่างไอ้ว่านไม่สมควรจะได้รับหรอก
“กูไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว”ไอ้ว่านพึมพำ จนผมต้องตะแคงหูฟัง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ยินแน่
“จริงเหรอ”ไอ้ตินดูไม่ค่อยเชื่อนัก ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ
“ผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรพี่เลยนะ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน ผมไม่ติดใจอะไร ยกเว้นเรื่องที่พี่ทำกับแฟนผม”ไอ้ตินเว้นจังหวะไว้ ผมได้ยินเสียงหึมาจากไอ้ว่าน ดูท่าไอ้นี่คงจะยังไม่เข็ด
“พี่ต้องขอโทษมัน แล้วผมจะไม่เอาเรื่อง”
“อะไรนะ”ไอ้ภูโพล่งออกมาเสียงดัง มันขยับเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียงคนป่วย
“แต่กูไม่ยอม คนใจนักเลงแบบมึงคงเข้าใจใช่ไหม ไอ้ว่าน”ไอ้ภูไปยืนจ้องหน้าไอ้ว่านอยู่นาน จนผมต้องลุกจากที่นั่งไปแตะไหล่มัน
“ไว้ค่อยเคลียร์หลังจากที่กูหายดีแล้ว”
“มันก็แน่อยู่แล้ว”ไอ้ภูแค่นเสียงเหอะออกมา
“สรุปพี่จะขอโทษมันไหม”ไอ้ตินพูดขึ้นมาอีกครั้ง จนไอ้ว่านเหลียวมองผม
“ถ้าไม่ ก็เคลียร์กันอีกที”ไอ้ตินยังยิ้มได้อยู่ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่น่ามองนัก ความเงียบคงเป็นคำตอบ ผมคิดว่าคนอย่างไอ้ว่านไม่มีทางพูดคำว่าขอโทษกับผมแน่
“กู…”ไอ้ว่านพึมพำบางอย่างขึ้นมา
“กูขอโทษที่ทำร้ายมึง”มันมองหน้าไอ้ตินด้วยสายตาที่สื่อความรู้สึกบางอย่าง มีผมเบ้หน้าเป็นแบล็คกราวน์
“ช่างเถอะ”มันตอบปัดๆ วางมือลงบนหน้าท้องของไอ้ว่าน ผมใจแกว่งเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของไอ้ติน ผมก็ไม่อยากงี่เง่าหรือคิดมากทำตัวน่ารำคาญอะไร แต่ผมแค่คิดว่า…กับไอ้ว่าน บางทีไอ้ตินอาจจะรู้สึกพิเศษๆบางอย่างก็ได้ แบบที่ไม่ใช่คนรักหรืออะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น หรืออาจเพราะว่ามันเคยชื่นชมไอ้ว่านมาก่อน และช่วงเวลานั้นมันสองคนก็เคยสนิทกันชนิดที่ว่าไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เพราะตามปกติ ไอ้ตินมันต้องโหดกว่านี้ไม่ใช่เหรอ หรือเป็นผมที่คิดมากไปเอง
“พี่ทำอะไรไอ้แก๊ง”ไอ้ตินถามเสียงเรียบ ผมสังเกตว่ามันออกแรงกดที่หน้าท้องของไอ้ว่าน แต่ใบหน้าของไอ้ตินก็ยังมีรอยยิ้ม
“เปล่านี่”มันพึมพำตอบกลับมา ใบหน้าเผือดซีด อาจจะเพราะว่าเจ็บแผลหรือไม่ก็หวั่นๆกับสีหน้าของไอ้ติน
“แล้วมันแค้นอะไรนักหนา”
“ไม่รู้”ไอ้ว่านตอบแทบจะทันที
“กูเหนื่อย อยากพัก”มันพึมพำเบาๆ สีหน้าเจ็บปวดฉายชัด
“ผมไม่อยากมาเสียเที่ยว”ไอ้ตินถอนหายใจ มือยังคงวางอยู่ที่ตำแหน่งเดิม
“…สำหรับกู มึงเป็นคนสำคัญเสมอ”ผมกลอกตามองไอ้ภูทันที แต่ก็รอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ
“บางที…มันอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างของคนขี้แพ้อย่างกูก็ได้ ความจริงแล้วกูเสียใจที่มึงไม่คิดจะติดต่อมา ไม่คิดจะมาดูคนที่มึงทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วพอได้เห็นมึง กูก็เลยรู้ว่ามึงตั้งใจจะลืมกูจริงๆ กูอาจจะเป็นคนบ้าๆก็ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ะ ช่วงที่ผ่านมากูพยายามหาคนมาแทนมึง แต่มันก็ไม่ใช่”ไอ้ว่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะทอดสายตามองไปที่นอกหน้าต่างเหมือนมองไม่เห็นผมกับไอ้ภูที่ยืนหัวโด่อยู่
“แม่งพูดเหมือนโดนแฟนทิ้ง”ผมกระซิบกระซาบกับไอ้ภูเบาๆ ไอ้ตินแค่มองไอ้ว่านนิ่งๆ
“ผมพยายามเข้าใจพี่นะ”นี่พวกมันนั่งทางในคุยกันหรือไง ทำไมผมถึงไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
“กูจะเรียกคุณมัดมาตามจองเวรมึง”ผมพูดขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้พอดี ไอ้ว่านขมวดคิ้วน้อยๆ แลดูงุนงงและกวนตีนไปพร้อมๆกัน จู่ๆผมก็รู้สึกว่ามันช่างคล้ายไอ้ภูอะไรอย่างนี้ คล้ายตรงที่ทำหน้างงก็ยังดูกวนตีน บ้าไปแล้ว
“ใครคือคุณมัด”ไอ้ตินถามสีหน้างุนงง
“มึงนี่ตกข่าวว่ะ ใครๆเขาก็รู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง”มันทำหน้างงเข้าไปใหญ่ ผมจึงเลิกพูด กลับมานั่งที่โซฟาพร้อมกับไอ้ภู ปล่อยให้มันสองคนเคลียร์กันไป
“เมื่อกี้มึงจ้องหน้ามันทำไม”ไอ้ภูถามเสียงขุ่น
“กูแค่คิดว่ามันเหมือนมึง”ไอ้ภูแทบจะแยกเขี้ยวแล้วกัดคอผม
“กูเนี่ยนะ มึงหยุดคิดเลย คนละชั้นกันเว้ย”มันทำหน้าไม่พอใจ
“เวลามึงงงมึงทำหน้าแบบมันเลย”ผมยังยืนยันคำเดิมว่าเหมือน กลับยิ่งทำให้ไอ้ภูหงุดหงิดเข้าไปอีก
“มึงอย่าเอากูไปเทียบกับมัน”มันขึงตาใส่ ก่อนจะบีบข้อมือที่ยังช้ำอยู่ของผมเต็มแรง เล่นเอาผมหลุดร้องเสียงดัง
“สม”แล้วมันก็ขยับไปนั่งชิดมุมโซฟา คว้านิตยสารมาอ่าน บดบังหน้าตัวเอง ผมเลยเบนความสนใจมาที่ไอ้ตินและไอ้ว่าน มันคุยอะไรกันสักอย่าง ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้ฟัง
“ผมขอโทษอีกครั้งที่ตอนนั้นทิ้งทุกคนไปแบบนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง”ไอ้ตินรำพึงเบาๆ
“ก็สบายดี กูติดต่อพวกมันตลอด”
ผมแอบถอนหายใจ พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ยังไงไอ้ว่านอาจจะเป็นคนที่เคยสำคัญกับไอ้ตินก็ได้ เพราะไม่อย่างนั้น ตอนนี้ไอ้ตินคงไม่มาคุยด้วยหรอก เอาเถอะ ในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ผมจะปล่อยไปก็แล้วกัน มาคิดดูอีกที ไอ้ว่านกับไอ้ตินคงไม่มีวันได้เจอกันอีกแน่ ยกเว้นหลังจากนี้ที่มันหายดี
“แต่เรื่องไอ้ฟิก ผมยังไม่จบนะ พี่อย่าลืมซะล่ะ แล้วก็เลิกสอดแนมผมด้วย จากนี้ไปพี่ก็เริ่มใช้ชีวิตใหม่เถอะนะ”
“อือ จะพยายาม”ไอ้ว่านฝืนยิ้มเล็กน้อย พระเอกนักนะมึง
“เสร็จยังวะ”ผมแทรกขึ้นมาอย่างรู้จังหวะ ไอ้ว่านมองหน้าผมก่อนจะพยายามฝืนยิ้มให้
“ผมกลับก่อนล่ะ อ้อ แล้วเรื่องไอ้แก๊ง ผมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเกิดเพราะว่าพี่เป็นคนผิด พี่คงรู้นะว่าควรจะแก้ยังไง”ไอ้ตินทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ
“มึงไม่ต้องบอกมันทุกเรื่องหรอก โตจนมีเมียได้แล้ว ก็ปล่อยให้มันคิดเองบ้าง”ไอ้ภูยืดตัวบิดขี้เกียจ มันก้มมองคนป่วยด้วยรอยยิ้มเยาะๆ นึกไม่ออกจริงๆว่าไอ้ว่านกับไอ้ภู ถ้าต่อยกันจริงๆใครจะชนะ ผมว่ามันก็เอาเรื่องพอกันทั้งคู่
“ไอ้ติน”เสียงเรียกของไอ้ว่านดังขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องไอ้แก๊ง…พ่อพี่เอาเรื่องรึเปล่า”มันดูเป็นกังวลขึ้นมานิดหน่อย
“ก็ได้ยินมาว่ากำลังตามตัวอยู่ แต่ระดับไอ้แก๊งมันมีที่หนีเยอะจะตาย ผมเองก็กะจะช่วยมันอีกทาง”ไอ้ว่านพยักหน้าก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
“กูจะได้ต่อยมันเมื่อไหร่”ไอ้ภูถามทันทีเมื่อออกมาจากห้องพิเศษ
“ราวๆหนึ่งเดือนล่ะมั้ง”ไอ้ตินตอบด้วยเสียงไม่แน่ใจ
“กูเหนื่อยแทนพวกมึงเลยว่ะ”ผมมองหน้ามันสองคนอย่างระอา บางทีก็เหนื่อยหน่ายแทนพวกมันกับไอ้เรื่องเอาคืน ต่อยตี ถึงเรื่องนี้จะเกี่ยวกับผมก็เถอะ ถึงผมจะยังแค้น และเหม็นหน้าไอ้ว่านมันอยู่มาก แต่ก็…ไม่รู้สิ ผมไม่ได้โกรธเกลียดไอ้ว่านมากทั้งๆที่ควรจะเกลียด ก็เหมือนๆเมื่อตอนกรณีของไอ้เนม แต่ถ้าให้ผมญาติดีกับไอ้ว่าน ก็ไม่ไหว และมันคงไม่อยากญาติดีกับผมด้วย
“แล้วไอ้แก๊งมันจะไม่เป็นไรแน่เหรอ”ผมเป็นห่วงมันนิดหน่อย
“อืม มันเก่ง”ไอ้ตินระบายยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเพื่อน
“เฮ้ย เกือบลืม กูจะแวะไปดูไอ้ม่อนซะหน่อย”ไอ้ภูพูดเสียงดังเมื่อนึกได้
“เสียใจ มันย้ายออกจากโรง’บาลไปแล้ว สงสัยจะระแวงมั้ง”ไอ้ตินยิ้ม ผมหรี่ตามอง
“ทำไมวะ”
“เผอิญกูหมั่นไส้ เลยไปขู่มันว่าจะให้ลุงกูจ่ายยาผิด”มันหัวเราะขำกับฝีมือของตัวเอง ร้ายกาจจริงๆ
……………………………………………………………………….
“ไปเที่ยวน้ำตกกัน”ไอ้ตินชวนเมื่อใกล้กำหนดกลับเข้าไปทุกที ก็ตกลงกันไว้ว่าจะกลับวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ไปเยี่ยมไอ้ว่านก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ผมไม่ได้กังวลอะไรอีกแล้วที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกมันก็แล้วกัน
“ร้อน”ผมมองแดดด้านนอกแล้วอ่อนใจ
“ไม่ร้อนมากหรอก แถวนั้นร่มไม้เยอะ ไหนๆก็เอากล้อง เอากระดานวาดรูปมาแล้วไม่ใช่เหรอ”ไอ้ตินยังคงเชิญชวนต่อไป ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด ทำไมมันดูกระตือรือร้นซะเหลือเกิน ไอ้ภูก็เช่นกันมันถึงกับลงทุนทำแซนด์วิชเอง คิดดูเถอะ ถ้าพวกมันไม่ได้กินยาผิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พวกมึงวางแผนอะไรกัน บอกมาตามตรง”ผมยืดตัวกอดอกมองหน้ามันสองคนด้วยสายตาจริงจัง
“เปล่านี่ แค่อยากไปเที่ยวพักผ่อนเฉยๆ หรือมึงไม่อยากไป”ไอ้ภูย้อน
“เออสิ แดดเปรี้ยงขนาดนี้”ให้ตาย ผมก็ไม่สู้หรอก
“ก็บอกว่าที่น้ำตกไม่มีแดด”ไอ้ตินแย้ง พวกมันสองคนมองหน้ากัน ผมไหวตัวช้าไป รู้ตัวอีกทีพวกมันก็จับผมหิ้วแขน ขา ออกมาด้านนอกแล้ว
“เฮ้ย พวกมึงทำบ้าอะไรวะ”ผมโวยวายเสียงดัง เอาให้ได้ยินกันทั้งซอยไปเลย
“พาไปน้ำตก”ไอ้ตินตอบหน้าระรื่น อะไรของพวกมันวะ สุดท้ายพวกมันก็บังคับผมไปจนได้ ผมจึงนั่งหน้าบูดอยู่ที่เบาะหลัง ระหว่างที่รถแล่นผ่านหมู่ไม้ไปเรื่อยๆ
“แค่นี้โกรธเหรอ กะจะพาไปดูน้ำตกสวยๆ”ไอ้ตินเหลือบมองผมผ่านกระจก ส่วนไอ้ภูหมกมุ่นกับไอโฟนของมัน
“เฮ้อ ช่างเถอะ แล้วอีกไกลไหม”ผมละสายตามาจากนอกหน้าต่าง ก่อนจะยื่นหน้าไปหาไอ้ติน
“อีกนิดเดียว”มันตอบพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางดูผ่อนคลายลงเมื่อเห็นผมเลิกทำหน้าบูดแล้ว ผมกวาดตามองของที่พวกมันเอามาด้วย ก็เกิดคำถามขึ้นมาทันที
“เอาของมาทำไมตั้งเยอะ”
“อยู่ถึงตอนดึกเลยไง อากาศดีมากนะ เดินขึ้นไปอีกหน่อยจะมีชั้นหินกว้างๆ เห็นว่าคืนนี้มีดาวตกด้วย ก็เลยกะว่าจะอยู่ดู แต่ถ้าไม่อยากดูจะกลับก็ได้ เพราะมันคงดึก”มันรีบเสริมเมื่อเห็นผมเริ่มย่นคิ้ว
“เหรอวะ”นี่พวกมันวางแผนกันไว้แล้วเหรอ ผมเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมา ทิ้งตัวนั่งที่เบาะตามเดิม ก่อนจะหยิบเอากล้องมาเก็บบรรยากาศข้างทาง กว่าจะถึงแดดก็อ่อนแล้ว มีผู้คนอยู่บ้างประปราย ส่วนใหญ่มาปิกนิกกับครอบครัว
“แซนด์วิชที่มึงทำกินได้แน่นะ”ผมถามย้ำเมื่อเห็นแซนด์วิชของไอ้ภูในถุง หน้าตาก็พอดูน่ากินหน่อย
“แล้วแต่ กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน”ไอ้ภูตอบกลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
“พูดแค่นี้ก็งอน”
“กูไม่ได้งอน แค่บอกเฉยๆ อุตส่าห์ทำมาให้ยังมากวนตีนอีก”
“เออๆ ไม่พูดมากก็ได้”ผมยกมือยอมแพ้ก่อนจะเดินตามไอ้ตินขึ้นไปตามเนินหินก้อนใหญ่ มันเลือกมาเกือบบนสุดเลย คนไม่ค่อยจะมีแล้วด้วย เพราะส่วนใหญ่จะมากันตอนเช้าๆ แต่นี่พวกมันมากันตอนบ่าย ผมถึงได้บ่นไง
“ตรงนี้แดดร่ม ลมเย็นด้วย”ไอ้ตินทำหน้าพอใจ มันแกะเสื่อผืนเล็กก่อนจะวางกระเป๋าทับกันปลิว จู่ๆผมก็นึกไปถึงเมื่อตอนปีหนึ่ง ที่ผมพามันไปเที่ยวน้ำตก แล้วก็จบลงที่…..
“เฮ้ย พวกมึงนี่แผนสูงว่ะ”ผมมองหน้ามันสองคนสลับกัน ไอ้ภูกับไอ้ตินทำหน้างงๆก่อนจะหัวเราะออกมา
“ไม่ได้เหรอ”ไอ้ตินเอนมากระซิบใกล้ๆ ผมล่ะอยากทุ่มกระเป๋าใส่พวกมันจริงๆ
“พวกมึงนี่มัน….”ผมพยายามจะคุมสติตัวเอง เดี๋ยวจะเก้อเขินนัก ไม่น่ารู้ตัวก่อนจริงๆ
“ไม่ต้องห่วงน่า คนเยอะๆกูไม่กล้าหรอก”ไอ้ภูยิ้มแบบมีเลศนัย
“กูไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เว้ย พวกมึงนี่ชอบทำกูแย่ตลอด”นี่ผมหลงกลพวกมันอีกแล้ว ตามพวกมันไม่ทันจริงๆ แล้วอีกอย่างน้ำตกแบบนี้ คงไม่เปิดให้ดึกขนาดนั้นหรอก
“จะได้อยู่ดูหรือเปล่า”ผมพึมพำเบาๆ เดาว่าตอนนั้นผมอาจจะสลบเหมือดไปแล้ว
“กูเห็นด้านล่างมีส้มตำกับไก่ย่างขาย เดี๋ยวมา”ไอ้ภูผละลงไปด้านล่าง ผมเลยเอาพวกน้ำกับขนมคบเคี้ยวอื่นๆออกมา แต่พอเปิดขวดน้ำมาดมๆดู เบียร์นี่หว่า
“เอามามอมกูรึเปล่าเนี่ย”ผมหรี่ตามองไอ้ติน มันยักคิ้วหลิ่วตามาให้
“เอามาบิ้วเฉยๆ”
“ระดับกูไม่จำเป็นว่ะ”
“จริงอ่ะ”แต่ก่อนที่ไอ้ตินมันจะทำรุ่มร่ามกับผม ก็มีสาวๆมานั่งปิกนิกไม่ใกล้ไม่ไกล ผมก็ส่งยิ้มไปตามมารยาท จนไอ้ภูกลับมาพร้อมกับส้มตำและไก่ย่าง ผมก็เหงือกแห้งพอดี
“แจกยิ้มให้สาวหน้าบานเชียวนะ”ไอ้ภูหยิกเอวผมเบาๆ จากหางตาจะเห็นว่าสาวๆพวกนั้นมองไอ้ภูตาเป็นมัน กับไอ้ตินยังไม่ออกอาการเท่านี้เลย หรือสาวๆพวกนี้จะชอบผู้ชายลุคเลวๆ แต่ถ้ามองดีๆสาวๆบางคนก็ดูแสบใช่เล่น ใส่สายเดี่ยวโชว์รอยสักเสียด้วย แต่ไอ้คนถูกจ้องกลับนั่งแทะไก่ย่างไม่ได้สนใจเลยสักนิด
“สาวมองมึงอ่ะ”ผมสะกิดไอ้ภูก่อนจะพยักเพยิดไปยังกลุ่มสาวๆพวกนั้นที่เริ่มทำเสียงดัง เดาว่าคงแอบเอาเหล้ามาเหมือนกัน
“แล้วไง”มันตอบเสียงเมินเฉย ทำเอาผมยิ้มกว้าง กลับมาแย่งส้มตำกับไอ้ตินต่อ จะว่าไปสาวๆพวกนี้ก็เป็นอุปสรรคในการหื่นของมันสองคนเหมือนกัน พวกมันจึงทำได้แค่วางมือบนหน้าขาของผม และยังเนียนๆส่งเบียร์ให้ผมอยู่ตลอด
“กูอยากกินตำคอหมูย่าง ซื้อให้หน่อยดิ”ผมใช้ไอ้ภูอีกรอบ มันทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แต่ก็ยอมลงไปอยู่ดี แต่เมื่อไอ้ภูลุกไปปุ๊บ แม่สาวสายเดี่ยวก็รีบลุกตามไปทันที
“ไม่ห่วงเหรอ”ไอ้ตินถามเสียงล้อเลียน
“ไม่เท่าไหร่”ไม่รู้สิ ผมก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้ภูมันไม่ค่อยคั่วผู้หญิง ผมก็ไม่เคยถามมันด้วยว่าเคยคบรึเปล่า แต่ผู้หญิงแนวๆนี้คงไม่ใช่แนวมันหรอก ไอ้ตินเหลียวซ้ายมองขวาก่อนจะดึงผมเข้าไปประกบจูบ กลิ่นส้มตำชัดๆ…แต่มันก็รีบผละออกทันที ผมก้มหน้าก้มตาแทะไก่ย่างเพราะไม่รู้ว่ามีคนเห็นช็อตเมื่อกี้รึเปล่า
“เชี่ยเอ้ย”ไอ้ภูกลับมาตัวเปล่า สีหน้าบูดบึ้ง และผมก็พอจะรู้สาเหตุเพราะแม่สายเดี่ยวเดินตามมาติดๆ ผมยกขวดน้ำบ้วนปากก่อนจะหาลูกอมมาดับกลิ่นส้มตำ (นี่ไม่ได้เตรียมพร้อมเลยนะ)
“ทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่น่ารักเลยนะ”ผมยื่นมือไปเขี่ยแก้มมัน ไอ้ภูเอนตัวออกห่างก่อนจะมองไปทางสาวๆกลุ่มนั้น แต่จู่ๆมันก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก แต่ผมกลับร้อนๆหนาวๆชอบกล
“ไอ้ภู…”และแน่นอนว่าผมมักจะเดาสีหน้าแบบนี้ของมันถูก ไอ้ภูรั้งใบหน้าของผมเข้าไปใกล้ ผมขึงตาใส่มัน แต่มันกลับยกยิ้ม ก่อนจะโฉบเข้ามาขบกัดริมฝีปากของผมเบาๆ เสียงหัวเราะจากสาวๆกลุ่มนั้นเงียบลงทันที ไอ้ภูผละออกไปแทะไก่ย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแค่เสียงกลั้นขำมาจากไอ้ติน ผมแทบไม่กล้าเงยหน้ามองใครทั้งนั้น แต่ก็ดีเหมือนกันผู้หญิงพวกนั้นจะได้รู้เสียทีว่าส่งสายตามาก็ไม่มีประโยชน์
“ฟิก ไปเพื่อนเข้าห้องน้ำหน่อยดิ”ไอ้ตินสะกิด ผมย่นคิ้ว กะอีแค่ไปห้องน้ำ ทำไมมันไปคนเดียวไม่ได้ แต่พอเห็นหน้าแดงเรื่อๆเพราะฤทธิ์แอลกลอฮอร์ของมันก็พอจะเข้าใจ
“เอาจริงเหรอวะ”ผมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ แต่ไอ้ภูรีบคว้าอะไรบางอย่างใส่กระเป๋าก่อนจะเดินนำหน้าไป ทีเรื่องแบบนี้นี่ไวกันจริงๆ
“เอาจริงดิ”ไอ้ตินทำตาวิบวับใส่ ผมเลยคว้าลูกอมมายัดใส่ปากมัน ก่อนจะเดินตามไอ้ภูไป หวังว่าสาวๆพวกนั้นคงไม่แอบตามมาหรอกนะ เฮ้ย แต่คงไม่มีใครโรคจิตขนาดนั้นหรอก ต้องโทษส้มตำ ผมเมาส้มตำเลยกล้าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ ห้องน้ำมีแบบแยกเป็นห้องอาบน้ำล้างตัว และแน่นอนว่าไอ้ตินมันรีบดันตัวผมเข้าไปในห้องอาบน้ำทันทีพอปิดประตูลงกลอนได้พวกมันก็รีบเข้ามาดึงเสื้อผมออกทันที
“เบาๆนะเว้ย”ผมแอบกลัวคนจะเข้ามาได้ยินจริงๆ ในระหว่างที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากของทั้งคู่ก็เริ่มจู่โจม ขบกัดไปตามร่างกาย ปลายลิ้นของไอ้ภูวนเวียนอยู่แถวๆสะดือจนผมต้องแขม่วพุงไม่รู้กี่รอบ
“อย่าหลับตา”ไอ้ตินกระซิบเบาๆ ก่อนย้ำจูบไปตามซอกคอ
“กูอาย”พูดแล้วก็หน้าร้อนขึ้นมา
“ยังจะอายอีกเหรอ”ไอ้ภูหัวเราะเบาๆ ฝามือหนาเล้าโลมที่จุดอ่อนไหวที่กำลังก่อตัวตามแรงอารมณ์ ผมผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ระหว่างที่รู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนฟองอากาศ เสียงหอบเครือของอีกสองคนดังแว่วเข้ามา สัมผัสลื่นๆและแข็งขื่นแทรกเข้ามาในตัวจนต้องปล่อยเสียงครางออกมา หลังจากนั้นก็ดำเนินไปอย่างทุลักทุเล ทุลักทุเลจริงๆเพราะกลัวว่าจะมีคนเข้ามาก็เลยไม่ถึงฝั่งกันสักคน
“แผนวันนี้ล่มหมด”ไอ้ตินบ่นขำๆ ระหว่างที่พากันลงมาจากชั้นน้ำตก ไอ้ภูอยากดูดาวตกขึ้นมาก็เลยต้องย้ายที่ไปยังที่ตั้งแคมป์ จะมีลานหญ้ากว้างๆไว้สำหรับตั้งเต้นท์ตรงนั้นจะเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
แต่ถึงจะล่ม อย่างน้อยพวกมันก็แคร์ผมมากกว่าอารมณ์หื่นของพวกมัน ผมกลัวจะมีคนเข้ามาใช้ห้องน้ำแล้วมาได้ยินเข้า ก็เลยไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่ พวกมันสองคนก็คงจะรู้ ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่ามันสองคนจึงล่มพอๆกับผม
“กูว่าพวกมึงต้องงดไอ้เรื่องหื่นลงบ้างแล้วว่ะ เห็นไหม ใกล้จะเสื่อมสมรรถภาพกันแล้ว”
“งั้นมึงคงเสื่อมก่อนพวกกูอีกว่ะ ปิ๋วก่อนคนแรก”ไอ้ภูทำหน้าตึงๆ มันผลักจนผมเซแถดๆเพราะหอบหิ้วของมาด้วย
“พอๆเลิกพูดเรื่องนี้”ไอ้ตินเข้ามาห้ามทัพ มันเองคงไม่อยากจะเสวนาถึงเท่าไหร่ หลังจากที่เลือกมุมได้แล้ว ผมก็นอนกลิ้งบนผืนหญ้าทันที กลิ่นธรรมาตินี่มันชื่นใจจริงๆ
“นอนก็ระวังๆบ้าง เจอขี้หมากูจะหัวเราะให้ฟันหลุด”ไอ้ภูขัดจังหวะชื่นมื่นของผมอีก
“กูทำมาให้ก็กินดิ เหลืออีกสองอัน พวกมึงเอาไปแบ่งกัน”ผมกำลังงงว่าไอ้ภูพูดถึงอะไร มากระจ่างก็เมื่อมันเอาแซนด์วิชยัดปากผมนี่แหละ เหลือบมองไอ้ตินเห็นมันจำต้องเคี้ยวแซนด์วิชทูน่าของไอ้ภู
“กูขอถามพวกมึงสองคนเลยนะ ว่าเคยคบกับผู้หญิงนานสุดเท่าไหร่”ผมมองหน้าคนข้างๆสลับไปมา
“อืม…”ไอ้ตินทำหน้าครุ่นคิด
“สักห้าเดือนได้ แต่กูโชคร้ายด้วยแหละ ก็เลยโดนหักอก”อย่างไอ้ตินเนี่ยนะ
“แล้วมึงล่ะ”ผมหันไปถามไอ้ภูบ้าง
“กูไม่เคยคบแบบจริงจังนะ ตอนนั้นแค่….”ผมพยักหน้าเข้าใจทันที ไม่ต้องรอให้มันพูดจบหรอก
“กูถามอีก แล้วผู้ชายคนแรกที่มึงคบด้วยล่ะ”
“กูน่ะนะ ตอนนั้นสักม.ห้าได้ แต่ป่านนี้มันคงมีใหม่เป็นสิบแล้ว”ไอ้ภูตอบเสียงเรื่อยๆ
“แล้วมึงรักมากไหมวะ”คนอย่างไอ้ภูไม่เคยคบซ้อนไง ไม่รู้ว่าตอนนั้นมันจะรู้สึกแบบไหน
“มึงคงเข้าใจคำว่าความรักแบบเด็กๆใช่ไหม ในตอนนั้นใครๆก็คิดว่ามันจะยืนยาวตลอดไปนั่นแหละ แต่อดีตก็คืออดีต ถ้ากูเจอมันอีกครั้ง กูก็ไม่หวั่นไหวอะไรทั้งนั้น กูรู้ว่ามึงจะถามต่อ”ไอ้ภูเสริมพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน ผมหันไปมองไอ้ตินบ้าง มันเองก็ไม่ใช่ประเภทเจ้าชู้ด้วย
“ผู้ชายคนแรกของกูไม่มีอะไรให้จำหรอก ช่วงนั้นเป็นช่วงวัยคะนองก็อยากลองไปเรื่อย”ผมถึงบางอ้อ แบบนี้ค่อยเบาใจหน่อย จะได้ไม่มีกรณีเจอคนรักเก่าแล้วสับสนในตัวเอง แต่ถ้ามีล่ะก็ผมจะตบหัวให้หายสับสนเลยคอยดู
หลังจากที่ถ่างตารอมานานแสนนาน ผมก็ได้เห็นดาวตกพร้อมๆกับพวกมันสองคนเป็นครั้งแรก
“มึงเชื่อเรื่องคำอธิฐาษไหม”ไอ้ตินกระซิบใกล้ๆ มือสอดเข้ามาลูบพุงผมเล่น
“ไม่รู้ดิ”
“แต่กูไม่เชื่อ”ไอ้ภูพลิกตัวมามองหน้าผม ใต้ท้องฟ้ากระจ่างแบบนี้ผมเห็นแววตาที่ทอดมองมายังผมแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจขึ้นมา
“เหรอ แต่บางครั้งผมก็เชื่อนะ”นิ้วมือเย็นๆมันวนลูบใกล้สะดือและมีแววว่าจะต่ำกว่านั้น ผมจึงตะปปมือมันออก
“อย่าซน”
“ทำไมกลัวเหมือนเมื่อในห้องน้ำเหรอ”มันถามเสียงขบขัน ผมถึงกับถอนหายใจพรืด
“นั่นมันเหตุสุดวิสัย”
“จริงเร้อ อย่างนี้ต้องพิสูจน์”ไอ้ภูขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆ
“อะไรนะ”ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันงงๆ
“กูเช่าเต้นท์ไว้แล้ว”ไอ้ตินพึมพำขึ้นมา
“พร้อมไหม”ไอ้ภูหัวเราะหึๆ ไอ้พวกนี่แม่งงง รู้ใจผมจริงๆ เอ้ย ไม่ใช่ พวกมันนิสัยไม่ดีจริงๆ!
TBC.
มาอัพเสียที! คิดถึงสามหน่อล่ะซี้ ตอนนี้ไม่มีNCเนอะ ขอโต้ดจริงๆ เขียนไม่ออกค่ะ แค่รู้ว่าสามหนุ่มจัดเต็มหลังจากที่รอบแรกล่ม
ส่วนตอนของว่านจะแยกไว้เป็นตอนพิเศษเนอะ เรื่องเคลียร์กันของภูกะตินก็จะอยู่ในพาร์ทนี้ด้วย
เจอกันตอนหน้าค่ะ จะพยายามอัพให้เร็วกว่านี้เนอะ
