龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!  (อ่าน 34916 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
คนเขียนหายค่าาาาาาาาาา

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
 :z3:   หลงเข้ามาอ่านคือน่าติดตามมากค่าาา  ต้องขอบคุณกระทู้เเนะนำเลยตามมา 

แต่ว่านะเพิ่งเห็นวันที่อัพ  คุณคนเขียนหายไปไหนค๊าาา  มาต่อด่วนเลยค่าา หายไปนานต้องกลับมาต่อแบบคุ้มจุใจนะคะ

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ยย แก อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
มันต้องมีอะไรในกอไม้(?)แน่ๆอ้ะ โอ๊ยยย อยากรู้

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0



ท้าวเวหา







   
   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่...


   ก่อนจะวางตะเกียบในมือลงเปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรงจ้องหน้าคนตรงข้าม...

   ตอนนี้เหรอ... ตอนนี้ผมกำลังนั่งกินบะหมี่อยู่กับไอ้พี่นาทหรือไอ้มังกรกิ้งกือตัวประหลาดนั่นเอง หลังจากออกจากป่าก็ตรงดิ่งมานั่งชิวๆกินก๋วยเตี๋ยวกัน แต่ยังไม่ทันได้แตะก็เจอเข้ากับประโยคคำถาม ไม่สิแค่ปนระโยคบอกเล่าที่ทำเอาเงียบแดกกินไม่ลงเลยทีเดียว มันถามว่าอะไรน่ะเหรอ ก็...


   ‘ ทำไมต้องเป็นชล ทำไมพี่ถึงอยากให้ชลรู้ว่าพี่เป็นมังกร ’


   คุณครับ... คุณจะให้ผมตอบยังไง


   ‘ เฮ้ยๆๆ นาย เราอยากรู้มากเลยนาย ว่าทำไมนายต้องบอกเราวะ’


   ก็ไม่ใช่


   หรือ


   ‘ พี่นาทค่ะ พี่นาทช่วยบอกเหตุผลกับน้องชลหน่อยนะคะ ’


   อันนี้ก็ตุ๊ดไป...



   พอๆๆ




   ไม่ว่าจะอะไรจะให้ตอบแบบไหน ผมก็ไม่พร้อมฟังคำตอบอยู่ดี ถามว่าอยากรู้มั้ย ตอบเลย... อยาก!! แต่บางเรื่องมันก็ไม่ควรจะรู้อ่ะ แค่นี้รู้สึกชีวิตก็เริ่มแปลกๆไปแล้ว ให้รู้เพิ่มเติมดีไม่ดีพรุ่งนี้ผมอาจจะเสกคาถาป้องกันตัวจากมังกรได้ก็ได้นะ! (สมองไม่เหลือแล้วชลธี)

   “ ถามไปพี่จะตอบเหรอ ” ผมถามไปตรงๆ เพราะรู้ดีว่าไอ้พี่นาทมันไม่ยอมบอกมาดีๆตรงๆแน่

   มันก้มหน้าลงเล็กน้อยเหมือนเก็บความรู้สึก “ ...ไม่ ”

   ผมไหวไหล่ประมาณว่า ‘ เห็นมั้ย แล้วจะให้ถามทำไม ’

   “ พี่กลัวบอกไป ชลจะไม่เชื่อมากกว่า ”

   ไอ้พี่นาทรีบแก้ต่างทันทีก่อนผมจะเข้าใจผิด โทษทีไม่ทันแล้วครับคุณ

   “ ไม่มีอะไรน่าเหลือเชื่อไปกว่าพี่ล่ะ ”ผมว่าขำๆเพื่อเรียกบรรยากาศตึงๆให้คลายออก หยิบตะเกียบแล้วจ้วงเล็กต้มยำของตัวเองทันที

   “ ฮ่าๆๆ นั้นสินะ ”

   มันคลายสีหน้ากังวลลงก่อนจะลงมือกินบ้าง...



   บางอย่าง แค่เราลืมๆมันไปก็อาจจะดี


   ลืมบางคำที่อึดอัด


   แล้วเริ่มต้นด้วยคำใหม่ที่รื่นรมย์จิตใจ



   “ ให้เดินไปส่งที่หอมั้ย ”

   เงียบได้สักพักมันก็เปิดปากถามอีก แต่คุณนาทครับ... หน้าผมอยู่นี่ คุณคุยกับชามบะหมี่ที่เจ็ดอยู่หรือครับ ตอนนี้ผมกินเสร็จไปแล้วสองจนต้องสั่งซาหริ่มร้านข้างๆมานั่งรอมันกิน

   “ ไม่ต้อง กลับเองได้ ”

   ไอ้พี่นาทเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าดุๆคิ้วหนาขมวดเข้าหาเหมือนไม่พอใจนัก “ แต่มันมืดแล้ว อันตราย ”

   “ ผม เป็น ผู้ ชาย ครับ ”

   เน้นย้ำทีละครับเอาให้ชัดถึงเส้นสมองประสาทรับรู้เลยครับ...

   “ ผู้ชาย ใช่ ” มันมองหน้าผมนิ่ง “ แต่พี่ก็ห่วงเราอยู่ดี ”



   ตึก!!



   แค่กๆ!



   เสียงเหมือนอะไรกระตุกแรงๆ คลับคล้ายคลับคาเสียงหัวใจของนายชลธียังไงไม่รู้สิมันดังอยู่ในอกที่รับรู้ได้เพียงเจ้าของ แต่ไอ้เสียงสำลักซาหริ่มติดคอนี่ดังไปยันหน้าปากซอยแหละ

   “ แค่กๆ พูดอะไร เพ้อเจ้อ ”

   คนตรงข้ามเติมน้ำให้อีกแก้วเมื่อผมฟาดไปจนหมดแก้วรอบนึงเมื่อกี้ “ พูดจริง เป็นห่วง ”

   “ พอๆ หยุดเลย จะอ้วก! ”

   “ ฮ่าๆๆ โอเคๆ ” หัวเราะร่วนเลยนะ แกล้งได้แกล้งดี เดี๋ยวเอาคืนบ้างแล้วจะหนาว!

   “ แต่ยืนยันคำเดิม... จะไปส่ง ”

   ผมชักสีหน้า “ บอกว่า... ”

   “ ไม่งั้นจ่ายค่าเล็กต้มยำกับซาหริ่มเองนะ ” ว่าหน้าตายสนิท

   หึ... คิดจะเล่นไม้นี้กับผมเหรอ คิดว่าจะยอมเหรอ กับอีแค่ค่าข้าวค่าขนมแค่นี้ มีปัญญาจ่ายครับ




   มีปัญญาจ่ายด้วยการเป็นเด็กล้างจานหลังร้านครับพี่



   จ่ายให้เค้าด้วยนะตะเอง





   “ เออๆ แค่ไปส่งก็จบใช่ปะ ”

   ผมทำทีเป็นตอบปัดๆแบบรำคาญเออออยอมให้มันไปส่ง พอได้รับคำอนุญาตก็ยิ้ม จะยิ้มอะไรนักหนาห่ะ เปลือง! ดูดิ๊ โต๊ะข้างๆจะละลายแหละ


หมั่นไส้!


   หลังจากออกมาจากร้านก๊วยเตี๋ยวผมกับมันถกเถียงกันอีกพักใหญ่ๆเรื่องจะเดินกลับหอหรือหารถสองแถวกลับ ไอ้ผมนั้นเมื่อย อยากนอนแล้วก็อยากนั่งรถกลับครับ แต่ไอ้คุณกระเป๋าสตางค์เดินได้ของผมชั่วคราวมันดันอยากเดินเที่ยวชมเมืองตอนกลางคืนก่อน ...แน่นอน... ผมยอมมัน เดินก็เดิน! เอาให้ขาลากเลยแม่ง!

   “ กินขนมอีกมั้ย ”


   วะ! ไม่ใช่เด็กนะที่จะเอาขนมมาล่อ!


   “ อยากกินสายไหมร้านนั้น ”

   ไม้ลูกชิ้นเนื้อในมือชี้ไปที่รถสายไหมสีสวย ส่วนอีกมือก็ถือถุงลูกชิ้นข้างในมีเหลืออีกห้าหกไม้... ชลธีเลี้ยงง่ายไม่กินเยอะครับ

   “ อ่าฮะ ”

   มันตอบรับเสร็จก็เดินเข้าไปคุยกับลุงคนขายท่ามกลางเด็กตัวเล็กๆที่มองมันอย่างประหลาดใจ ก็มันขนมสำหรับเด็กอ่าน่า ผู้ใหญ่เข้าไปซื้อก็แปลกๆ


   เอ๊ะ! งั้นกูก็เด็กอ่ะดิ!


   “ พ่อของลูกจริงจริ๊ง ”

   ผมหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นไอ้พี่นาทควักแบงค์ห้าร้อยให้ลุงแล้วแจกสายไหมให้เด็กๆ อะไรจะคนดีปานนี้ ใครได้เป็นพ่อของลูกนี่โชคดีไปสิบชาติ


   แล้วทำไมผมต้องมาชมมันด้วยห่ะ!


   ยืนกินลูกชิ้นได้อีกสามไม้สายไหมสีฟ้าอ่อนอันใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างๆที่ยิ้มไม่รู้จักเบื่อของคนที่ไปซื้อสายไหมมันทำให้ผมเผลอยิ้มนิดๆ แค่นิดๆน่า!

   “ สีฟ้า ” ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจไปกว่าสิ่งที่มันพูด

   
“ รู้นะ ว่าเราชอบสีฟ้า ”


ผมพยักหน้ารับส่ง “ เออ ”

“ ไม่ถามเหรอว่าพี่รู้ได้ไง ” มันชะโงกหน้ามาใกล้อย่างสงสัยเมื่อผมรับสายไหมไปถือแล้วเริ่มลงมือกินแทนลูกชิ้นที่เหลือ

“ ไม่อ่ะ ”

จบครับ จบการสนทนาแค่นี้บ่งบอกให้รู้ว่าผมต้องการกิน ไม่ต้องมาชวนคุย มันก็ไม่ว่าอะไรแค่ส่ายหน้าเนือยๆเท่านั้น เริ่มดึกคนก็เริ่มเยอะ เพราะผมมัวแต่กินเลยเดินชนใครต่อใครเยอะแยะจนไอ้พี่นาทก้มหัวขอโทษแทบไม่ทัน สุดท้ายมันเลยดึงถุงขนมทั้งหมดไปถือแล้วจับมือข้างนั้นไว้พาเดินแหวกผู้คนโดนใช้ลำตัวกันคนไม่ให้ชนผม ยิ่งคนเยอะมันยิ่งจับมือผมแน่นราวกับ...


กลัวผมจะหายไป



จะหายยังไงมือตุ๊กแกซะ



ตลอดทางผมเงียบไม่พูดอะไรปล่อยให้มันจับมือไปเรื่อยๆ ไม่รู้สิ สายตาของผมมันเผลอมองแผ่นหลังกว้างๆนั้นนานไปจนละสายตาไม่ได้... มันคุ้นเคยแปลกๆ

เลื่อนมามองมือที่จับแน่นที่ให้ความรู้สึก



   อบอุ่น



   หึ เมาขนมรึไงชลธี คิดบ้าอะไรวะ



   ผมส่ายหน้าไปมาเหมือนคนบ้าอยู่พักใหญ่จนมาถึงหน้าหอตัวเองนั่นแหละถึงเลิกบ้ากลับมาเป็นคนกวนปากดีแทบไม่ทัน

   ผมแหวใส่ทันที “ ปล่อยได้แหละ เหนียวมือชะมัด ”

   “ โทษที ลืมตัว ”

   มันว่าพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์... จนขนแขนคนโดนจ้องลุกพรึ่บ

   “ แยกย้าย ผมง่วงแล้ว เหนื่อย ”

   “ อ่าฮะ ” มันพยักหน้าร่าเริงมีความสุขเต็มล้นอก มึงไปมีความสุขอะไรมาวะ (เสือก) แต่มันเล่นๆได้แปป สีหน้ามันก็นิ่งแล้วจริงจัง

“ ชล ”

   “ อะไรอีกล่ะ ” คนมันง่วงแล้วนะเฟ้ยเดี๋ยวพ่อเตะคว่ำเลย!
   
   “ มีปานติดตัวมาใช่มั้ย ”

   วงคิ้วเริ่มชนกันพร้อมสีหน้างงเป็นเชิงถาม “ มี แล้วถามทำไม ”

   “ เปล่าๆ ” ไอ้พี่นาทเดาะลิ้นราวกับใช้ความคิด “ อีกนานสินะ ”

   “ ว่าไงนะ ” ผมฟังไม่ถนัดเลยถามใหม่ ไม่ค่อยจะเสือกเลยครับ

   “ เปล่า แค่จะบอกว่า... ”


   “ ฝันดีนะ เด็กดี ”


   ว่าจบปลายนิ้วก้านยาวสากยกขึ้นมาหยิกแก้มผมเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปจนหายลับไปกับความมืด...



   อึ้ง



   ผมยืนหน้าเหวออยู่พักใหญ่กว่าจะรู้สึกตัวก็ยืนหน้าแดงกุมแก้มตัวเองอย่างรู้สึกจะบ้าขึ้นมาซะเฉยๆ เมื่อกี้มันอะไรกันวะ!! อ๊ากกกก ไอ้พี่นาทกลับมาเคลียร์กันก่อนนะเว้ย!!



   มาทำน่ารักใส่แบบนี้ คนมันใจเต้นนะเฟ้ย!!











****************************************************







   
   หลังจากเลิกบ้าได้ก็ตรงดิ่งขึ้นห้องมาอาบน้ำอาบท่าเลิกฟุ้งซ่านได้สักแปปก็มานั่งคิดเล็กคิดน้อยอีก... นี่กูนิสัยแต๋วไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย อยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้สติกลับมาจริงๆ จะหน้าแดงอะไรหนักหนาวะ

   “ เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับกูวะ ”

   ยกมีขึ้นทึ้งหัวอย่างคิดไม่ตกกับไอ้คำพูดที่ติดตราตรึงใจทั้งหลายทั้งแล มันต้องการจะสื่ออะไรของมัน วุ้ย ช่างมัน ยังไงก็คงไม่มีอะไรแล้ว ผมกับมันคงไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆอยู่แล้วแหละ

   “ ทำงานๆ ชล ทำงานสิว่ะ จะได้เลิกบ้า ”

   เสียงพึมพำกับตัวเองว่าขึ้นพลางเช็ดผมเปียกๆอยู่หน้ากระจกแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นปานสีน้ำเงิน ย้ำว่า สีน้ำเงิน มันประหลาดใช่มั้ยครับ ใช่.. มันโคตรประหลาดเลยเถอะ ปานนี้มันก็มีมาตั้งแต่เกิดแล้ว ตอนแรกมันเป็นรูปกลมๆรีๆ แต่ตอนนี้มัน... เอ่อ แปลก


   ปานมันเปลี่ยนรูปได้ด้วยเหรอวะครับ


   ผมยกมีขึ้นแตะตรงต้นแขนติดกับหัวไหล่ขวาแล้วลูบมันเบาๆ “ ไอ้พี่นาทมันถามถึงปานด้วยนี่หว่า ”


   ไอ้ปานประหลาดนี่... มันเกี่ยวอะไร...


   ช่างเถอะ คิดมากแก่ไว


   ให้ชีวิตกูปกติสักวันสักอย่างเถอะครับ...


   โอ๊ยๆ พอๆ ไปๆ เลิกคิด หาเสื้อใส่แล้วไปทำงานเถอะ งานสุมเป็นบ้า...










*************************************************************************
   







   วันนี้จะยังคงเป็นเช้าที่สดใส ผมยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเพราะมันเป็นวันเสาร์ หยุดเรียน มีเวลานอนพักผ่อนมากขึ้น ยิ่งเมื่อคืนทำงานจนดึกยิ่งต้องการนอนมากขึ้น ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามนั้น หากว่า...


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก....


   อืม สงสัยจะเป็นแฟนสาวของเพื่อนข้างห้อง คงจะเอาน้ำเต้าหู้มาให้ชัวร์ๆ ผมเดาไปเรื่อยแม้ตาจะยังคงหลับสนิท พลิกตัวตวัดขาหนีบหมอนข้างอย่างง่วงงุนสะลึมสะลือหาท่าสบายและ...หลับต่อ คร่อก
   


   ก๊อก! ก๊อก!



   สงสัยแฟนคนข้างห้องจะเริ่มโมโหแล้วครับ....



   ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!



   แม่คุณครับ เคาะขนาดนั้นพังห้องแฟนคุณไปเลยก็ได้ครับ



   ปัง!!! ปัง!!!



   ผมว่านะ...

   ผมควรเลิกหลอกตัวเองและลุกไปเปิดประตูห้องผมได้แล้ว...


   ก่อนที่ห้องข้างๆจะบริจาครองเท้าให้ผม


   เออ... ให้มันได้แบบนี้สิครับ ผมหยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่มๆด้วยความหงุดหงิดใจก่อนจะตะโกนออกไป “ รอแปป กำลังลุก! ”

   เสียงเคาะประตูเงียบลงทันทีเสียงถอนหายใจพรืดหนักถูกพ่นออกมาพยายามเปิดเปลือกตาสู้แสงและสมองเริ่มทำการคิดคำด่า
คนที่กล้ามายุ่งย่ามเวลานอน ถ้าเป็นไอ้บรรดาเพื่อนรักนะ พ่อจะด่าให้ลืมทางกลับบ้านเลย...

   “ มาทำอะไรแต่เช้าว่ะ  คนจะนอน!! ”

กระชากประตูห้องเปิดกว้างพร้อมตีหน้ายุ่งใส่คนที่กล้ามากวนเวลานอนปรายหางตามองได้เพียงชั่วครู่ก็เบิกโพล่งอย่างตกตะลึงลืมง่วง้ลยทีเดียว


   “ อรุณสวัสดิ์ครับน้องชล  ”


   รอยยิ้มกว้างสว่างเจิดจ้าจนต้องหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นใหม่ จ้องหน้าคนมากวนเวลานอนอย่างเอาเรื่อง...ไอ้มังกือ ไอ้ไส้เดือน ไอ้พี่นาท! มาทำเวรสวรรค์วิมานหาที่นอนอะไรตอนตีห้าห่ะ!

   “ มาทำบ้าอะไรตีห้าวะ! มันรบกวนคนอื่นรู้ปะ ” ถามเสียงห้วนพร้อมหาววอดๆใส่มันทันใดมิวายบ่นไปชุดหนึ่ง

   “ ตีห้าอะไร หกโมงจะเจ็ดโมงแล้วต่างหาก ”

   มันทำหน้าซื่อแล้วชูนาฬิกาข้อมือให้ดู...

   ชี้ไปทางด้านหลังที่มีนาฬิกาเรือนโตแขวนอยู่ “ นาฬิกาพี่เสียเถอะ ของผมเพิ่งตีห้า! ”

   “ ของชลเสียสิไม่ว่า ไม่เชื่อดูโทรศัพท์ดิ ”

   มันเองก็ไม่ยอมแพ้ที่จะเสียหน้า แน่นอนว่าผมก็มั่นใจว่าตอนนี้มันคือตีห้า นาฬิกาเรือนนั้นผมเพิ่งเปลี่ยนถ่านเมื่อสามวันก่อนเอง จะเสียได้ไง

   “ ดูมั่นใจจริงนะ ” แขวะเข้าให้

   มันหัวเราะออกมาสั้นๆ “ หึ ”

   แต่สีหน้ามันนี่ ‘ คนหน้าแตกไม่ใช่พี่แน่นอน~ ’
   

   ได้! เดี๋ยวรู้เลย!


   ผมเดินเข้าห้องมาหยิบโทรศัพท์กดเปิดดูเวลาด้วยสีหน้าชั่วร้ายมากๆ... และเวลาคือ...



   เพล้ง!



   หึ เป็นไง หน้าแตกสิครับมึง มึงหน้าแตกเว้ย!


   มึงไงไอ้ชล... หน้ามึงพังยับไม่เหลือล่ะ


06.49 น...



   “ ไง~ กี่โมงครับ ”

   เสียงกวนประสาทดังคลอมาในหัวพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าจับฆ่าหมกป่า เออ! รอบนี้มึงชนะ! กูแพ้ครับ จบมั้ย

   “ จะเจ็ดโมงครับ! ”

   นี่ก็เสือกลืมตัวไปประจานความหน้าแตกยับอีก โอ๊ย อายกจับตัวเองทุ่มลงพื้นจริงๆ ผมทึ้งหัวตัวเองไปมาก่อนจะเดินปึงปังไปทางไอ้พี่นาทมังกรที่ยืนยิ้มเป็นอาแป๊ะร้านเฉาก๊วยซอยแปะเกี๊ยะถนนปอเปี๊ยะอำเภอแปะก๊วยจังหวัด... พอเถอะครับ ก่อนมันจะไปไกลกว่านี้....

   “ แล้วมาทำไม ขึ้นมาถูกได้ไง ”    น้ำเสียงบ่งบอกสุดๆว่าไม่พอใจมากๆ
   
“ ถามคุณป้าเจ้าของหอ เลยขึ้นมาถูก ” มันยิ้มโชว์เขี้ยวยักคิ้วให้นิดๆ

“ แล้วจะมาทำไม อย่าลีลา ตอบมา จะไปนอนต่อครับคุณ ” ผมว่าไปหาวไปด้วย ง่วงจริงๆนะ

   ถุงน้ำเต้าหู้สามถุงสามสีถูกยื่นมา “ ซื้อมาฝากน้องชลครับ ”
   


   ผมมองถุงน้ำเต้าหู้

   แล้วเงยหน้ามองมันอีกรอบ...

   เกิดคำถามบนใบหน้าขึ้นทันใด...



   มันล้มหัวฟาดมาเหรอ

   ปกติไม่เคยคิดจะมาวุ่นวายอะไรกับผม



   ไอ้พี่นาทเห็นผมนิ่งไปนานก็โบกมือหย็อยๆ “ รับสิ ”

   ผมยังเงียบมองมันต่อ... มันรู้ได้ไง ผมชอบกินน้ำเต้าหู้


   “ ไม่ชอบกินเหรอ ”

   ไอ้พี่นาทถามเสียงอ่อยรอยยิ้มหุบลงช้าๆเมื่อเห็นผมเงียบเอาแต่จ้องหน้ามันท่าเดียว

   “ ชอบ” ผมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ “ ...ขอบคุณ ”

   นายชลธีอยากจะชกหน้าตัวเองแรงๆสักสิบทีกะอีแค่เห็นหน้าหงอๆของมันถึงกับหายง่วงหายหงุดหงิดไปรับน้ำเต้าหู้มันมาอีก... เกิดอะไรขึ้นกับเขาเนี่ย

   “ พี่กินด้วยนะ ” ท่าทีกระตือรือร้นกลับมาทันควัน

   “ ไม่ พี่ซื้อมาให้ผม และผมรับแล้ว เพราะฉะนั้น...พี่กลับไปได้แล้ว ไปๆ ”

   เมื่อของฟรีมาอยู่ในมือแล้วคนให้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป แหม่...ที่ใจอ่อนให้รับน้ำเต้าหู้ไปนี่ไม่ใช่อะไรครับ.. ของฟรีล้วนๆลาภปากอีกครา


   หน้าด้านกว่านายชลธีก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วครับ


   ร่างสูงใหญ่ถูกคนตัวเตี้ยกว่าอย่างผมผลักอกอย่างแรง...แต่แม่ง มันไม่สะเทือนสักนิดจนผมเผลอจิ๊ปากอย่างไม่พอใจพร้อมทั้งสีหน้าหงุดหงิดทำเอาคนมองรู้สึกขบขันได้ไม่น้อยต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส...ที่ต้องรอคอยมาแสนนาน

   “ ไม่ไป ” พูดเสียงเรียบก่อนจะชะโงกคอมองผ่านเข้าไปในห้อง “ ขอเข้าไปในห้องได้มั้ย ”

   ทำหน้ามึนๆแล้วชี้เข้าไป...

   “ ไม่ได้เว้ย! ”

   ผมแหวใส่ไอ้พี่นาทที่ยืนตีมึนไม่ไปไหน จะมาขอเข้าห้องผม บ้ารึเปล่าห่ะ!! ห้องรกอย่างกับรังหนู ใครมันจะกล้าให้เข้ากันเล่า เห็นแบบนี้ผมยังมีความอายอยู่นะครับ

   “ ซ่อนใครไว้เหรอ ” มันหรี่ตามองผมราวกับจับผิด ท่าทางของมันตอนนี้เหมือนกำลังตามจับผิดแฟนอยู่ชัดๆ แต่เผอิญ... กระผมนายชลธีนั้น... ไม่ใช่แฟนมันครับ

   “ ยุ่ง! ” ผมว่าไปอย่างไม่สนใจผลักอกมันอีกรอบแม้จะรู้ว่ามัน...ไม่ขยับก็ตาม

   “ ไม่รีบกินน้ำเต้าหู้เหรอ เดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อยนะ ”

   มันพาเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้มาที่น้ำเต้าหู้ในมือผม สายตาผมเลื่อนมองตามก่อนจะเบิกโพล่งเมื่อนึกได้ รีบหมุนตัวเข้าห้องไปหาแก้วมาใส่ทันที อู๊ยย คนเขาอุตส่าห์ซื้อมา ไม่กินก็น่าเสียดายแย่สิ

   และด้วยความตะกละของตัวผมเองที่มัวแต่เทน้ำเต้าหู้อย่างระมัดระวังก็ลืมไปว่าตัวเองลืมปิดประตูห้องปล่อยให้ตัวอะไรๆเดินสำรวจห้องรกๆอย่างสนอกสนใจ

   “ อยู่คนเดียวเหรอ ” เสียงมันถามขึ้นโดยที่ผมยังคงให้ความสนใจกับน้ำเต้าหู้อยู่ โอ๊ะ มีปาท่องโก๋ด้วยๆ

   “ อืม ”

   “ ไม่เหงาเหรอ ”

   “ เออ ”

   “ ไม่หารูมเมทหน่อยเหรอ จะได้ลดค่าห้อง ”

   “ รวย ”

   ผมตอบกลับไปปัดรำคาญแล้วปากเริ่มซัดน้ำพลางเคี้ยวปาท่องโก๋ไปด้วย กินได้สักพักก็หันไปมองทางไอ้พี่นาทอันกำลังทำตัวเป็นเด็กตัวน้อยเดินสำรวจตรวจห้องอย่างสนุก ผมมองแล้วเหมือนจะนึกอะไรออก...


   “ เฮ้ย! เข้ามาได้ไง! ใครอนุญาตให้เข้าห้องว่ะ! ”



เสียงโวยวายมาทันทีฟาดงวงฟาดงาทันใดจนคนรองรับอารมณ์ถึงกับมึนไปเลย

   มันสบตากับผมพร้อมทำหน้าเอือมๆ “ เด็กตะกละ ” แล้วก็ไม่ได้สนใจว่าผมจะโวยวายต่อหรือไม่

   ไอ้พี่นาทมันว่าผมอย่างไม่ได้จริงจังนักแล้วหันไปให้ความสนใจกับโต๊ะทำงานรกๆที่เต็มไปด้วยกระดาษงานข้อมูลต่างๆที่จะต้อง
ทำรายงานส่งเร็วๆนี้...

   “ ฝุ่นเยอะชะมัด ” ผู้บุกรุกพูดพลางยกปลายนิ้วที่ปาดไปตามขอบโต๊ะขึ้นมาดู

   ผมถลึงตาใส่ส่อให้เห็นเลยว่าไม่ชอบใจที่มันมายุ่งวุ่นวายแบบนี้ แต่บังเอิญปากกำลังกินน้ำเต้าหู้ถุงที่สองอยู่เลยไม่ว่างด่าครับ

   “ คุณชายครับ รับไม่ได้ก็ออกไปครับ ” ออกปากไล่พร้อมยกมือโบกไล่ไปด้วย

   “ แล้วนี่รายงานอะไรเหรอ ” นั่นไง เริ่มกวนอวัยวะเบื้องล่างอีกแหละ

   
   ผมบอกแล้วใช่ม่ะ

   ว่ามันโคตรของโคตรกวนตีนเลย


   “ ยุ่ง ”

   ผมว่าอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะแกะน้ำเต้าหู้ถุงที่สองต่อ ร้านหน้ามอชัวร์ๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อมแบบนี้มีร้านเดียวแหละ
   เพราะผมมัวแต่สนใจของกิน

   “ เฮ้ย! ทำอะไร! ”

   ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆไอ้พี่นาทเดินไปทางหน้าห้องน้ำแล้วหยิบตะกร้าผ้าขึ้นเดินเก็บเสื้อผ้าของผมบางตัวที่ผมโยนไม่ลงตะกร้าอันระเกะระกะเต็มพื้น เขาเก็บขึ้นใส่ตะกร้าให้เงียบๆโดยไม่คิดรังเกียจ

   “ ทำอะไร วางเลย! วางๆ ”

   จู่ๆหน้าเริ่มร้อนขึ้นมานิดๆกับการกระทำบ้าๆของมัน

   “ ก็เก็บผ้าให้ไง ” ยัง ยังจะมายิ้มอีก มันว่าจบก็เก็บเนคไทใส่ตะกร้า

   “ ไม่ต้องยุ่งเลย วางลง มาทำอะไรแบบนี้ห่ะ ใครเขาทำกัน ไม่ใช่พ่อแม่ ” ผมบ่นใส่อย่างจริงจังแล้วท้ายประโยคเสียงแผ่ว

“ ไม่ใช่แฟนเขาไม่ทำกันหรอก ”
   
“ ว่าไงนะ ”

   มันชะโงกหน้ามาแทบจะชิดกันพร้อมตาแป๋วๆ...


   จมูกชนจมูก

   อีกสองเซนหน้าผากจะแตะกัน

   อีกคืบปากจะแตะกัน...



   ถ้าในละคร...เขาต้องหลับตาใช่มั้ย...


   งั้นผมคง...



   เป๊าะ!!



   ดีดหน้าผากไอ้พี่นาทเต็มเหนี่ยว หน็อย คิดจะฉวยโอกาสกันรึไงฟะ!

   “ ดีดหน้าผากพี่ทำไมเนี่ย ” มันถอยหน้าหดคอหนีทันทีมือหนายกกุมลูบหน้าผากด้วยความเจ็บจนน้ำตาเล็ด สงัสยจะดีดแรงไปหน่อย หรือผิวมันบางว่ะ ไม่ดิ มันเป็นมังกร ผิวมันแข็งไม่รู้สึกหรอก


   เอ่อ... แต่ๆ หน้าผากมันแดงๆเนอะ


   “ ดีดเพราะหมั่นไส้ ”

   ผมยื่นปากใส่อย่างเย้าแหย่ก่อนจะยกน้ำเต้าหู้ดื่มต่อ... เย็นหมดแล้วมัวแต่ทะเลาะกับมัน ขอไปอุ่นน้ำเต้าหู้ก่อนแล้วกัน คิดเสร็จสองเท้าแสนรู้ใจพาเดินไปยังไมโครเวฟแล้วอุ่นมันอย่างรวดเร็ว หอของผมมันค่อนข้างหรูนะ มีห้องน้ำห้องครัวห้องนอนแบ่งเป็นสัดส่วนไปคล้ายๆคอนโดแหละ แค่เล็กกว่าเท่านั้นเอง

   “ ชล เครื่องซักผ้าอยู่ไหน ”

   “ อะเอียงอ่า ”

   พูดไปพลางเคี้ยวขนมปังไส้กรอกเซเว่นที่ซื้อมาเมื่อวานซืนมะรืนมะเรื่องไปด้วย ก็ไม่รู้นะว่ามันถามหาเครื่องซักผ้าไปทำไม จะซักผ้าให้ผมงั้นเหรอพ่อคุณ...


   เฮ้ยเดี๋ยว... หรือมันจะซักผ้าให้ผมจริงๆว่ะ!


   “ แค่กๆๆๆ ” เฮ้ยยๆ หยุดเลยไอ้พี่นาท จะมาทำตัวเป็นเหมือนภรรเมียของผมด้วยการดูแลเสียงยิบๆย่อยๆงานบ้านเนี่ยนะ
   พอนึกได้แล้วก็สำลักขนมปังติดคอทันที แค่กๆ โอ๊ย น้ำ! กำลังจะเดินหาน้ำเสียงไมโคเวฟก็ดังขึ้นเลยหันไปเปิดแล้วคว้าน้ำเต้าหู้มากระดกพรวดจนลืมไปว่า...


   มันร้อน...


   “ ร้อน!! ร้อนอ่าๆๆๆ ”

   ไม่โง่ไม่บื้อแบบชลธีทำไมได้นะคุณ... ผมยืนดิ้นเร่าๆกระทืบเท้าไปมาน้ำตาเล็ดแลบลิ้นออกมาแล้วเอามือพัดๆระบายความร้อน


โอ๊ยยย ปากพองเหงือกพังกันพอดี


   เพราะเสียงโวยวายไม่หยุดของคนบื้ออย่างกระผมล่ะมั้งครับ นายกัมปนาทเลยเดินเข้ามาโซนห้องครัวด้วยใบหน้าตื่นๆแกมเป็นห่วง...

   “ ชลเป็นอะไร ”

   ผมรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ “ เปล่า! ”


   ใครมันจะยอมบอกวะ ว่ากินน้ำเต้าหู้ร้อนๆไม่เป่า


   เสียฟอร์มเชิงชายหมดดิ
   

   มันครางเบาๆรับ “ เหรอ ”

   ต่าสายตามันกลับสอดเสือ.. เอ๊ย สอดส่องหาต้นตอ และแน่นอนมันก็เจอ... แก้วสีแหลืองเป็ดน้อยข้างๆตัวผมนี่ไง เวรแล้วมึง...

   “ หึ เด็กชะมัด ”    มันไม่ได้ว่าอะไรได้ทำแค่หัวเราะเบาๆยิ้มน้อยๆแบบ...เอ็นดู ผมรู้สึกแบบนั้นนะ แถมเอื้อมมือมาโยกหัวผมเลยอย่างถือวิสาสะจนผมต้องปัดทิ้งอย่างไม่พอใจเล็กๆ
   
“ พอเลย ไปไกลๆเลยไป๊ ” ผมว่าหน้าผมกำลังแดงแน่ๆ ไม่ใช่เขิน แต่อายน่ะสิไม่ว่า

   “ ร้อนอยู่รึเปล่า ”

   ไอ้พี่นาทหยุดยิ้มแล้วถามเสียงจริงจังมือเลื่อนมาจับปลายคางผมเบาๆแล้วจ้องดูปากเจ่อๆแดงๆใกล้ๆ

   “ ไม่แล้ว ”


   ปากน่ะไม่ร้อนแล้ว


   แต่หน้าเนี่ยจะร้อนแทนแล้ว!


   มันพยักหน้าหงึกๆแล้วหมุนตัวไปเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำเย็นๆมารินใส่แก้วให้ผมเพื่อดับร้อนในปากที่ยังกรุ่นๆคุกๆอยู่ทั่ว...
   เออ แล้วทำไมเมื่อกี้ผมไม่หาน้ำเย็นกินว่ะ


   ไอ้ฟายยยยยยชลลลลล


   “ แล้วเมื่อกี้ถามหาเครื่องซักผ้าทำไม ”

   ดื่มน้ำเสร็จไปสามแก้วค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย เอิ๊กก อิ่ม แฮ่

   ไอ้พี่นาทยิ้มหวานจนแทบเห็นปีกงอกจากหลังวงแหวนงอกบนหัว  “ อ้อ ก็ซักผ้าให้ไง ”

   “ ทำทำไม ”

   “ อยากทำ ” คนตัวสูงกว่าว่าพร้อมเบือนหน้าหนีให้เห็นริ้วปื้นแดงๆข้างแก้ม “ อยากดูแลเหมือนเมื่อก่อน ”
   

ห่ะ...


   เมื่อก่อน?
   

   เมื่อก่อนผมเคยคบมันด้วยเหรอหว่าาาาาา



   เท่าที่จำได้...ตั้งแต่เกิดมา กูโสดครับ ทั้งโสดทั้งซิง ไม่มีใครเอา กระซิกๆ แล้วกูจะมาประจานตัวเองเพื่อ?  ๆอ้คุณพี่เหมือนจะรู้ตัวว่าทำคนโง่อย่างผมเอ๋อแดกโง่กว่าเดิมเลยพาเปลี่ยนเรื่อง

   “ วันนี้ว่างปะ ”


   ทำไมจะพากูไปทัวร์ชิมรึไง


   “ ว่าง ” ตอนแรกว่าจะทำงานนะ แต่เที่ยวหน่อยก็ดี ช่วงนี้งานเยอะ ขอพักผ่อนบ้างก็ดี

   มันลังเล “ ไปเที่ยวกันมั้ย ”

   “ ที่ไหน ”

   “ ไม่บอก ” ยิ้มเจ้าเล่ห์อีก จะหลอกกูไปขายเปล่าว่ะ ยิ่งหน้าตาดีอยู่ด้วย

   “ งั้นไม่ไป ” เอาสิๆๆๆ

   “ เที่ยวฟรี ไม่เสียสักบาท”


   อือหือ


   “ แถมกินฟรีตลอดทริป ”


   คุณกัมปนาท คุณมันร้ายนักที่เล่นข้อนี้ เล่นข้อนี้มีหรือกระผมจะ... “ ไปดิ อาบน้ำแปป! สิบนาที รอเลย! ”

   วางของกินแก้วน้ำทุกอย่างในมือทิ้งแล้ววิ่งโร่ไปคว้าผ้าขนหนูเตรียมวิ่งผ่านน้ำ เอ๊ย อาบน้ำ แต่เสียงหล่อๆของไอ้พี่นาทขัดขึ้นก่อน

   “ ชล ถามอะไรหน่อยดิ ”

   “ เร็วๆ จะอาบน้ำ! ”

   “ ปกติ มีใคร...เอ่อ มาช่วยชลเก็บห้องมั้ย ”มันถามพลางชี้ๆไปรอบห้องที่ค่อนข้างรก... กระดาษเอสี่ปลิวไปทั่วห้อง ปากกา สี ไฮไลท์กระจัดกระจาดทั่ว เพราะงานมันเยอะเลยไม่ได้มีเวลาสนใจจะเก็บนัก


   กูมองกูยังทุเรศตัวเอง มึงไม่รู้สึกขยะแขยงกูบ้างเหรอหา ไอ้พี่นาท!


   “ ไม่มี ”

   “ พี่...คนแรก ” มองหน้าผมแล้วไอ้แววตาดีใจปนลุ้นระทึกนั่นมันอะไร

   “ ก็...เออดิ ” ผมถอนหายใจ “ เก็บผ้าให้คนแรก ซักผ้าให้คนแรก พอใจยัง! ”

   “ พอใจแล้วครับ ” ยัง ยังจะมายิ้มอีก

   “ ไปอาบน้ำได้ยัง? ”

   “ ได้แล้วคร้าบบบ ”

   แต่ก่อนผมจะเดินเข้าห้องน้ำไป...



   ผมเงียบใส่

   มันยิ้ม

   ผมเหลือบมอง

   มันก็ยังยิ้มอยู่...

   สุดท้าย...



   ผมก็เผลอยิ้มออกมาจนได้....เฮ้อ


   ไปอาบน้ำดีกว่า ก่อนจะเผลอแสดงออกมากไป...


   หรือไม่ทันแล้วว่ะ


   






TBC.


ไม่ได้หายไปไหนน่าา ติดสอบ 55555 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์น่า ติชมได้นะคะ ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยน่าา จะพยายามให้เขียนดีที่สุดค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2015 22:41:14 โดย FusayaZaa »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ชอบอ่ะ นาทน่ารักกกก

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
น่ารักเฟ้อออออ

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนนึงซึนคนนึงซน

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
พี่มังกรคะ ขนาดพี่แค่ซักผ้าให้นี่พี่ฟินขนาดนี้เลยเหรอคะ
เหอะๆ รักมากขนาดนี้ทำไมไม่เอาไปอยู่ด้วยเลยล่ะพี่

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่นาทน่ารักเกินไปอ่าาาาา ดูแลดีเกิ๊นน อิจฉาชลอ่า มาไวๆน่าา รออออ :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น่าร้ากกกกกกกกกก น้องชลขี้เวิ่นแต่น่าร้ากกกกกก
พี่นาทดีอ่ะ ชอบบบบบบบ รอตอนต่อไปน้าาาาา

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
เป็าเรื่องที่น่ารักใสๆ
แต่ก็ยังมีปมที่ทำให้แอบคิดอยู่

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาอัพเเล้วววว ชลซึนๆดีอ่า ชอบบบ ส่วนพี่นาทน่ารักมากเลยอ่า ชอบมาก ห่วงมาก เอากลับบ้านเลยสิค่ะ 5555555555 รอตอนต่อไปน้าาา :mew1: :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
คือดีอะ รอๆ

ออฟไลน์ vivisama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่ารักเวอร์อ่ะ พี่มังกรอบอุ่นมากๆเลย ขอได้ไหม ฮ่า

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอๆๆๆ รอกันยาวๆไป
อยากรู้แล้วเนี่ย 555

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
พี่นาทนี่มารุกใส่ไม่ให้ชลตั้งตัวเลยนะ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พี่มังกรคะ ขนาดพี่แค่ซักผ้าให้นี่พี่ฟินขนาดนี้เลยเหรอคะ
เหอะๆ รักมากขนาดนี้ทำไมไม่เอาไปอยู่ด้วยเลยล่ะพี่

เอาน้องชลใส่พานถวายพี่มังกร  :mew3:


@ PEiPEishawol2977 : ไม่หายไปไหนครับบ ปิดเทอม เจอกันคุ่มจุใจเเน่ :mew1:

@ vivisama : ต้องขอน้องชลก่อนนะคะ ฮ่าๆๆ  :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 21:23:16 โดย FusayaZaa »

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เรื่องน่ารักดีค่ะ
พี่มังกรก็ค่อยๆจีบ เอ๊ย ป้อนข้อมูลน้องชลไปเนอะ
เดี๋ยวก้อคุ้นเคยขึ้นมาเองแหละ

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
ละมุนนนนนนนนน//มุดหมอนนน

ติดตามเลยน่าสนุกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อยากได้แบบพี่นาทอ่ะ
ตามมาดูแลถึงขนาดที่ว่าซักผ้าให้ด้วย  :-[
พี่นาทสู้ๆ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนหัวใจน้องชลก็เช่นกัน
รอเวลาเมื่อไหร่มังกรจะได้ลงเล่นน้ำ :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PRiiNCEKiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยอมแล้วทูลหัวอยากมีหลัวเป็นมังกร ~~

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
บุคลิกพี่นาท น่ารักดีอ่ะ ทำตัวน่ารักปากหวานแค่กับน้องชลใช่ไหม
รอชมต่อไปค่ะ น่าติดตาม

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่นาทน่ารักจังเลยค่ะ เป็นคนรักกันมาตั้งแต่ชาติปางไหนรึเปล่าคะเนี่ย

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0


อาถรรพ์พงไพร ๔









   มันบอกว่าจะพาผมไปเที่ยว...


   ใช่ มันโคตรสนุกเลย กินเล่นเที่ยวชิวๆตามที่มันบอก



   ซะที่ไหนกันเล่า!!



   “ แฮ่กๆ ยะ ยังไม่ถึงอีกเหรอ ”

   ผมปาดเหงื่อบนใบหน้าออกเป็นรอบที่สิบเจ็ดของวัน แม้จะยังเป็นเวลาสายๆแดดอ่อนๆก็เถอะ แต่คุณลองมั้ย เดินขึ้นเขาข้ามน้ำปีนห้วยมาสองชั่วโมง ...ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก


   ขึ้นเขา!!


   หึ อยากรู้ล่ะสิว่าอยู่ๆทำไมนายชลธีถึงได้นึกพิสดารมาปีนเขาขึ้นเขาลงห้วยให้ตัวเองเหนื่อยเล่น เปล่าเลย นู้น ไอ้คนข้างหน้านู้น มันหลอกผมมาครับ!!! น่าจับเหวี่ยงลงเขาจริงๆนะ นึกแล้วยังหงุดหงิดกับไอ้ประโยคเมื่อสองชั่วโมงก่อน...


   ‘ จะพาผมไปเที่ยวไหน ’ ผมถามหลังจากเราทั้งคู่ออกจากห้อง

   ‘ บ้านพี่ ’

   ‘ห่ะ บ้านพี่อะนะ ไม่ไป!! ’ เตรียมหมุนกลับหอ แต่มันคว้าไหล่ผมได้ทัน

   ‘ แต่บ้านพี่มีขนมเยอะนะ มีไร่องุ่นกับสตอเบอรี่ด้วย ’

   มันว่าหน้านิ่งแต่รอยยิ้มมุมปากนั่นมันอะไร หึ... เพราะเหตุผลง่ายๆที่ทำให้ผมมาลำบาก


   ไอ้นิสัยเห็นแก่กินนี่ไง!!



   อยากจะตบกะโหลกตัวเองหลายๆทีอย่างที่คุณหญิงแม่เคยบอกจริงๆ เคยมีตอนเด็กๆ ผมเกือบโดนลักพาตัวหลายรอบแล้วเพราะไอ้นิสัยตามชาวบ้านต้อยๆถ้ามีขนมมาล่อเนี่ย...โตมาก็คิดว่าจะหายนะ แต่เป็นหนักกว่าเดิม มีครั้งหนึ่ง... เกือบโดนจับไปขายเพราะมันซื้อไอศกรีมแล้วล่อผมให้เดินตาม ดีที่แม่มาทัน ไม่งั้นไม่มีนายชลธีอยู่ทุกวันนี้หรอก

   กลับมาปัจจุบันเถอะ อายประวัติตัวเองเหลือคณา ...ผมพาหน้ามุ่ยๆของตัวเองไปหามันที่ดูฟิตเปรี๊ยะไม่มีการหอบให้เห็น

   “ ไอ้พี่นาท! อีกไกลปะวะ ” กูเหนื่อยล่ะ ทิ้งกูไว้ตรงกลางทางเถอะ

   มันหยุดเดินแล้วหันมาถาม “ ไม่ไกลหรอก เหนื่อยแล้วเหรอ ”

   “ ไม่เหนื่อยมั้ง! ”

    มันพยักหน้า “ งั้นเดินต่อ ”


   กูประชด เข้าใจมั้ยยยยยยยยย


   ผมทำหน้าหงิกหน้างอไม่ยอมเดินต่อจนมันต้องหันกลับมาแล้ว “ เดินมาเร็วๆ ”
   
“ สั่งจริงเว้ย ”

   ผมพึมพำเบาๆแอบด่ามันไปเล็กน้อยแล้วรีบเดินตามมันไป รอบกายมีแต่ป่า มีแต่ต้นไม้ นี่บ้านมันจะลึกลับไปแล้วนะ เดินไปเนี่ย
จะทะลุไปอีกโลกมั้ย ไหนๆชีวิตก็แฟนตาซีสุดแล้วก็เอาให้สุดๆไปเลยแล้วกัน

   “ ต้องเดินแบบนี้ไปมหา’ลัยตลอดเลยเหรอ ” ผมชวนคุยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศมันดูเงียบพิกล

   “ เปล่า นี่เดินครั้งแรก ” มันส่ายหน้า

   “ แล้วปกติทำไง ” อย่าหาว่าเสือก แค่อยากชวนคุยเฉยๆ

   “ บิน ”

   จบครับไม่ถามต่อแล้ว เออ มันไม่ใช่คนนี่จะเดินให้เสียเวลาทำไม เป็นมังกรก็บินไปบินมาแปปเดียวเดี๋ยวก็ถึง จะเดินให้เมื่อยตุ้มทำไง เอ๊ะเดี๋ยวนะ... แล้วจะเดินทำไม?


   “ ไอ้พี่นาท!!!!”


   เสียงผมทำให้ป่าแตกได้เลยทีเดียว โมโหน่ะรู้จักมั้ย! แววตาผมส่อถึงความโมโหสุดๆน้ำเสียงเกรี้ยวบ่งบอกอารมณ์ว่าดีสุดๆจนไอ้มังกือต้องหันมามองแล้วยิ้มแห้งๆให้

   “ มีอะไรเหรอชล ”

   “ ไม่ต้องมาถามเลย!! ” ผมเหวี่ยงใส่ไม่ยั้ง “ บินได้แล้วทำไมไม่บิน!! ให้เดินทำไมวะ! เหนื่อย ”


   “ ก็บินมันใช้เวลาน้อย แต่เดินอ่ะ มีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะ ”


   ไอ้พี่นาทหันมายิ้มละไมให้เล็กน้อยมีมากมือเกาจมูกโด่งๆแก้เขินอีก คือ... คนที่สมควรเขินมันผมเปล่าวะ! ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติและคิดย้อนไปถึงคำพูดของไอ้นนท์เมื่อวานก่อนตอนเที่ยงคืนๆกว่าๆมันก็โทรมาชวนคุยเรื่อยเปื่อยจนมาถึงเรื่องผม

   
   ‘ มึงออกจากป่ามาได้ไง ’

   ‘ พี่นาทอ่ะ ’

   ‘ อย่างที่ฟ้าว่าก็จริงอ่ะดิ! ’

   ‘ ฟ้าว่าอะไร ’

   ‘ พี่นาทกำลังจีบมึง ไอ้ชล! ’

   ‘ บ้า กูผู้ชาย จะมาชอบได้ไง ’

   ‘ ไม่รู้แหละ กูว่าเขาต้องจีบมึงชัวร์ๆ! มึงก็น่ารักดี นิสัยดี ถ้าตัดเรื่องเห็นแก่กินนะ ’

   ‘ มึงว่ากูเห็นแก่กินเหรอ! ’

   ‘ เออ!! ’ มันเงียบไปเล็กน้อย ‘ ถ้าเขาชอบมึงจริง กูก็โอเคนะ ’

   ‘ กูไม่โอเค! ’

   ‘ โอเคไปเถอะ หน้าหล่อๆอย่างไอ้พี่นาทเนี่ย มันจะมีหลงผิดมาชอบคนแบบแกได้สักกี่คน อย่ามาเรื่องเยอะ มึงไม่เอา กูเอานะเว้ย  ’

   ‘ ไอ้เพื่อนเวรมึง @#$#%^$^%& ’


   มันพยายามอวยไอ้ตัวประหลาดสุดกำลังจนผมคิด... แม่งไอ้พี่นาทเนี่ยมันไปติดสินบนอะไรมันไว้

   “ เงียบเลย งอนเหรอที่ไม่พาบินมา ” มันเอ่ยถามไม่วายยักคิ้วให้อีก

   ผมทำหน้าบึ้ง “ ไม่ได้งอน แค่เหนื่อย! ”

   “ เราก็ขึ้นมาไวๆสิ เนี่ย ถึงแล้ว ”

   มันควักมาเรียกตอนนี้มันอยู่ตรงเนินโขดหินใหญ่ข้างบนส่วนผมก็อยู่ข้างล่างมองตามไปด้วยสายตาละห้อยบวกอนาถใจทำไมดูมันไม่เหนื่อยเลยฟะ ผู้ชายก็ผู้ชายเหมือนกัน

   “ มันเหนื่อยนะเว้ยยยยย ”

   ผมบ่นลั่นป่าก็ยังไม่หายเหนื่อยหรอกและสุดท้ายก็จำยอมเดินลากสังขารตัวเองขึ้นไป ทำหน้าตึงใส่มันไปนิดนึงให้สำนึกที่พาผม
มาลำบากแต่เปล่าเลยมันยิ้มหน้าระรื่นกวนส้นกลับมาแทน

   พอพ้นโขดหินใหญ่ก็พบกับพื้นหญ้ากว้างใหญ่ไม่ไกลมีบ้านไม้สามชั้นหลังใหญ่ตั้งตระหง่านจนผมอดประทับใจในความสวยงามไม่ได้ พอดูไปเรื่อยๆรอยยิ้มผมเริ่มหุบลงแปรเปลี่ยนเป็นคำถามและความแปลกใจ...

และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือ...


   บ้านหลังนั้น


   มันคือบ้านที่ผมฝันเห็นมาตลอด...



   ตอนผมอายุประมาณสิบห้าสิบหกผมมักจะฝันเห็นอะไรแปลกๆมาตลอด มันเป็นเรื่องราวด้วยซ้ำ ฝันติดๆกันทุกคืน แถมบางครั้งยังเป็นเรื่องซ้ำๆซากๆอีก ไม่แปลกที่ผมจะจำฝังใจเข้าเส้นเลือดแกนสมอง

   ไม่รี่รอให้ไอ้พี่นาทพูดอะไรร่างกายของผมเดินตรงไปที่บ้านนั้นอย่างไม่รู้สึกเนื้อรู้สึกตัว ไออุ่นและกลิ่นอายคุ้นเคยที่น่าประหลาดบีบคั้นในอกจนรุ่มร้อน กะพริบตาอีกทีผมก็มาหยุดตรงหน้าประตูของบ้านแล้ว ฝ่ามืออุ่นยกขึ้นแนบกับประตู เพียงแค่แตะแผ่วเบากระแสไฟฟ้าจากไหนไม่รู้แล่นเข้ามากระทบจนต้องรีบชักมือออก สติกลับมาเต็มร้อยฉับพลัน คราวนี้ก็ยืนเป็นงงสิครับ... มาทำอะไรตรงนี่หว่า แถมยังเดินนำเจ้าของบ้านมาอีก

   “ ชล... เป็นอะไรรึเปล่า ” มันถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แววตามันจ้องลึกลงมาในตาผม ผมเห็น...แววตาสีน้ำเงินกำลังวูบไหวและปกปิดบางอย่างไว้ก่อนที่มันจะกลับเป็นสีดำปกติ

   “ เปล่า ” ผมกลั้นหายใจเล็กน้อย “ บ้านสวยดีนะ ” พาแถไปอย่างอื่น

   ไอ้พี่นาทพยักหน้าอย่างไม่ถือสาอะไร ก่อนจะล้วงมือหากุญแจในกระเป๋ากางเกง...

   “ บ้านพี่เหรอ ใหญ่ไปปะ ” ผมถามเพื่อสร้างบรรยากาศชิวๆไม่ให้น่าอึดอัดเกินไป

   “ ไม่หรอก ไม่ใช่บ้านพี่ ” มันส่ายหน้ายิ้มๆ

   “ ของพ่อแม่พี่งั้นสิ ”

   “ ไม่ใช่ ” คราวนี้ไอ้พี่นาทเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมแบบจริงจัง แวบหนึ่งมีความน้อยใจอยู่ปะปน


   วะ!


   นี่กูไปทำอะไรให้มึงน้อยใจวะครับ!



   ผมทำหน้าไม่ถูกไม่รู้จะพูดยังไง บ้านมันก็ไม่ใช่ บ้านพ่อแม่มันก็ไม่ใช่ ทำไม... มึงสร้างเองจากเวทมนตร์เหรอครัช

    “ สร้างจากเวทมนตร์อ่ะดิ ” น่าตีกับความปากไว

   มันพยักหน้าพลางไขกุญแจเข้าบ้าน “ ใช่ ”

   “ พี่สร้างได้จริงดิ สร้างให้ผมสักหลังดิ เอาแบบนี้เลย อยากได้ ” ผมเขย่าแขนมันเหมือนเด็กๆ จนมันเผลอหัวเราะ ดึงผมให้เดินตามเข้ามาในบ้าน

   “ รู้อะไรมั้ย... บ้านหลังนี้น่ะ ”มันเว้นวรรคให้ผมงงแปปก่อนจะนิ่งค้างเมื่อมันเข้ามาประชิดตัว


   “ ชลธารเป็นคนสร้างขึ้นเลยนะ ”


   มันโน้มมากระซิบเสียงหนักข้างหูผมคล้ายจะตอกย้ำเข้าไปในสมองน้อยๆของผม ผม...กำลังไม่เข้าใจกับสิ่งที่มันพูด...

ชลธาร...ใคร กิ๊กเก่ามึงสินะ เผอิญกูชื่อชลธี ไม่ใช่ชลธารว่ะ ด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่ผมเลยผลักอกมันออกอย่างแรงจนมันงงไปเลย เออดี งงตายไปเลย

   นี่มันกำลังสับสนจนละเลือนจำผมผิดกับกิ๊กเก่ามันรึไงฟะ หน้ากูเหมือนแฟนเก่ามึงรึไง


   แล้วทำไมผมต้องหงุดหงิด! ไหนตอบ!


   ไอ้พี่นาทยืดตัวตรงแล้วเดินนำผมเข้าไป...

   ผมยังคงยืนเงียบอยู่ที่เดิม...

   มันเดินไกลออกไป... แต่ผมยังอยู่ที่เดิม
   


   เจ็บ... เจ็บมือชะมัด

   ผมเหลือบมองมือตัวเองที่เผลอกำแน่นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้...


   นี่ผมกำลังเป็นบ้าอะไรเนี่ย!

   วันมามากรึไง ห่ะ!



   “ บ้าชิบ ”

   ผมสบถออกมาเมื่อความรู้สึกบางอย่างกำลังครอบงำไปทั่วจนทำให้อารมณ์เสีย ยืนทะเลาะกับตัวเองได้สามสี่นาทีก็เสยผมไปทางด้านหลังอย่างไม่ค่อยชอบใจตัวเองนักแล้วค่อยก้าวเดินตามหลังไอ้พี่นาทไป


   ว่าแต่... มันไปทางไหนแล้ววะ


   เอาแล้วไงชลธี... หลงแล้วไงมึง

   ผมหันไปรอบตัวเองอย่างเครียดๆไม่รู้จะไปทางไหนดี บ้านเนี่ยจะใหญ่ไปไหน ทำความสะอาดเหนื่อยตายกันพอดีวุ้ย เอาวะ! เดินๆมั่วๆไปก่อนแล้วกัน

   คิดเสร็จผมก็เดินไปทางซ้ายเจอกับห้องนับสิบ...

   เอ่อ... จะเปิดเข้าไปดีมั้ย ก็เห็นไอ้พี่นาทมันเดินมาทางนี้นี่หว่า แล้วอยู่ห้องไหนล่ะเนี่ย ช่างแม่ง! ไล่เปิดมันทุกห้องเลยแล้วกัน จะหาว่าไร้มารยาทก็ว่าเถอะ นายชลธีไม่เคยอายใคร ด้านมากมายครับ

   แต่ยังไม่ทันได้แตะกลอนประตูเสียงทุ้มของใครก็ไม่รู้ตวาดขึ้นจากทางด้านหลัง


   “ นั่นเจ้าจะทำอะไร!! ”


วงคิ้วเรียวขมวดคิ้วกับสรรพนามแปลกๆที่ดังขึ้นก่อนจะหันหน้าไปทางต้นเสียงจากข้างหลัง ก่อนจะตกตะลึงอึ้งค้างจัดกับใบหน้าคมคายเข้าขั้นหล่อแบบไม่ใช่มนุษย์มนา

ทำไมหล่อ!!

 ผมยาวๆถูกเกล้ารัดรวบๆทำให้เจ้าตัวดูเซ็กซี่ ไหนจะผ้าคาดหนังปิดตาซ้ายที่ดูดิบๆเถื่อนๆนั่น... รวมๆ มันไม่น่าจะใช่คนแล้ว หล่อเกิ๊นนนน กูอิจฉา!!

   แต่พอมันเห็นหน้าผมชัดๆมันก็ตะลึงไม่ต่างกัน

   “ จ้าว... มา..ได้ยังไง ” มันหลุดมาเบาๆ
   

   หือ จ้าว ใครวะ


   “ จ้าว... ” มันว่าอะไรของมันแต่ไอ้ที่ปรี่ตรงมายังผมแล้วเขย่าๆเนี่ย มันใช่เหรอ! เขย่าเหมือนกูเป็นเซียมซี มึนเว้ย “ จ้าวจริงๆด้วย ”

   “ ปะ ปล่อย นายพูดเรื่องอะไร เราไม่เข้าใจ ” ผมพูดออกไปแบบนั้นมันก็ชะงักเบิกตาอย่างตกใจ ชักมือหนีเหมือนผมเป็นของร้อน

   มันพยายามย้ำ “ ใช่สิ ต้องใช่ ”

   “ ก็บอกว่าไม่ใช่ไง! ” ผมตะคอกใส่หน้าจนมันชะงักไปแล้วกวาดตามองหน้าผมดีๆ...

   “ นั่นสิ... ไม่ใช่ คงไม่ใช่หรอก คงจำผิด โทษที ” มันว่าก่อนท้ายประโยคจะแผ่วเบา “ ...อย่างที่ไอ้ท่านท้าวบอกสินะ ”

   คุณพี่ตาข้างเดียวว่าถอยห่างจากผมก้าวหนึ่งแล้วมองด้วยแววตาแบบเดียวกับไอ้พี่นาท... เจ็บปวด น้อยใจ


   โอ๊ยยยย กูไปทำเวรทำกรรมอะไรให้พวกมึง มึง และมึงน้อยใจกันห่ะ


   “ เจ้า เอ๊ย นายมากับท่านทะ...เอ่อ นาทใช่มั้ย ”

   คนแปลกหน้า(เปลี่ยนสรรพนามไปเรื่อยตามอารมณ์นายชลธี)พูดติดๆขัดๆเหมือนไม่เคยคุยกับคนแปลกหน้า เฮ้ย สรุป ผมหรือมันวะที่เป็นคนแปลกหน้า

   มันอ่ะแปลกหน้า ส่วนผมอ่ะหน้าแปลก #ทำร้ายตัวเองสุด

   “ ใช่ๆ นาย เอ่อ พี่เห็นเขามั้ยครับ ” ดูจากรูปร่างและหน้าตา กูควรเรียกพี่แหละ สูงพอๆกับไอ้พี่นาท หรือ...กูเตี้ยเองวะ

   “ อยู่ห้องอาหาร เดี๋ยวข้า เอ่อ ฉันพาไป ”

   พี่ท่านพยักหน้าให้ส่งๆแล้วนำไปอีกทาง เมื่อกี้ไอ้พี่นาทไม่ได้มาทางนี้เหรอฟะ มึงนี่มั่วได้ใจเลยจริงชลธีเอ๊ย

   “ พี่เป็นพี่ของพี่นาทเหรอครับ ” หน้าตาไม่เห็นจะคล้ายกันเลย

   มันตอบเสียงเย็น “ เปล่า ไม่ใช่ ”

   เออ กูไม่ถามแล้วก็ได้ แหม่ ท่าจะดุขนาดนี้

   ชื่อแซ่ว่าจะถามก็ช่างมันแล้ว ไม่กล้าถาม กลัวเฮียท่านกระโดดกัดคอครับ

   คนแปลกหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นใครพาผมเดินผ่านห้องต่างๆอย่างชำนาญทั้งที่มันเหมือนเขาวงกตน้อยๆชัดๆ จนมาถึงห้องอาหารที่มีไอ้พี่นาทนั่งหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรอยู่ พอเห็นหน้าผมก็ลุกมาหาทันที

   “ หายไปไหนมา! พี่ตกใจหมด คิดว่าเราหลงไปไหนแล้ว ”

   เอ่อ... หน้ากูดูโง่ขนาดหลงเลยเหรอ

   คนพามาหลุดขำมาเล็กน้อย “ หึ ”

   “ เออหลง ใครใช้ให้เดินไว ” ผมจิกตาใส่อย่างเอาเรื่อง

   “ ขาสั้นสิไม่ว่า ” พี่คนหล่อหน้าโหดว่าพลางปรายตามองช่วงขาของผมที่สั้นกว่ามันเยอะ เพราะหัวผมสูงเท่าจมูกมันเท่านั้นเอง ซึ่งผมสูงถึงร้อยเจ็ดเก้าเซนติเมตรเลยนะครับ มันสิสูงเกินมาตรฐาน สองเมตรนี่น่าจะได้นะ คนหรือเปรตฟะ

   “ อย่าทะเลาะกันน่า สกาย ” ไอ้พี่นาทเข้ามาขวางทัพด้วยใบหน้ายิ้มๆ ดูไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่

   สกาย... ชื่อเพราะดี ไม่เหมาะกับหน้าแบดๆของคุณพี่ท่านเลยจริงๆ

   “ เออ แล้วคิดยังไงพามาที่นี่ เขารู้เรื่องพวกเราแล้วเหรอ ”

   “ รู้แล้ว ”มันระบายยิ้มแต่แววตาอ่อนล้าจนผมใจหาย “ ที่พามาก็...เผื่อจะมีอะไรๆดีบ้าง ”

   “ แล้วผลเป็นไง ” สกายถามแม้จะรู้คำตอบอยู่เต็มอก
   

   พวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน


   ผมมองไอ้พี่นาทสลับกับพี่สกายด้วยความไม่เข้าใจ แต่ที่รู้ๆคือมันสองคนพูดถึงผมอยู่ชัวร์ๆ ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น  เอ๊ะ หรือเราไม่ควรมโนไปเอง เดี๋ยวไม่ใช่เราแล้วมันจะเจ็บ

   ไอ้พี่นาทมองหน้าผมแล้วฝืนยิ้ม “ อย่างที่นายเห็น ”


   “ ...มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ”


   มันว่าจบด้วยน้ำเสียงสั่นๆแล้วดึงผมเข้าไปกอดแนบอกความอุ่นร้อนแล้วความรู้สึกหวาดกลัวจากคนกอดทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ตกใจก็ตกใจ ไหนจะความรู้สึกแปลกๆจนแทบระเบิด ผมทำท่าจะดันมันออกแต่เสียงอู้อี้คล้ายคนหมดแรงได้เอ่ยยื้อรั้งไว้ “ ขออยู่แบบนี้สักพัก...นะ ”

   ใบ้แดกสิไม่รู้จะตอบอะไรพอเงยหน้าไปขอความเห็นจากพี่สกาย เฮียแกก็ทำท่าเหมือนให้ผมกอดตอบ พอผมไม่ทำมันก็ท่าทำขู่เหมือนจะปาดคอผม แทบยกมือไม้ขึ้นกอดตอบเกือบไม่ทัน

   มันคิดว่าผมเป็นชลธงชลธารแฟนเก่ากิ๊กเก่ารึไงกัน ถึงมากอดเนี่ย เว้ย! แล้วมึง ไอ้ชลธี มึงเลิกหงุดหงิดซะ!

   ท่ามกลางความเงียบงันมีเพียงเสียงหัวใจของคนตรงหน้าที่ผมกอดไว้ดังก้องในหัวใจ

“ มันทรมานนะ ” ไอ้พี่นาทเอ่ยขึ้นเสียงสติให้ผมหันไปสนใจ

“ ... ” ไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่เงียบ

“ ทรมานที่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ”

“ ... ”

“ ทำไมถึงจำไม่ได้สักที ทำไม... ”

มันพูดวนซ้ำๆเหมือนสติหลุดไปแล้ว ส่วนไอ้คนไม่รู้อะไรอย่างผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะ... แต่คงต้องพูดอะไรบ้าง เพราะดูเหมือน...คนที่มันพูดถึง คนที่มันกำลังต่อว่า...


มันคือ ผม


ถ้าผมคิดไม่ผิดนะ


“ ...ขอโทษนะ ”


!!


คำขอโทษที่ไม่รู้อะไรของผมไม่ได้ทำให้ไอ้คนที่กอดผมอึ้งไปแค่คนเดียวรวมถึงพี่สกายด้วย ใช่... ผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆนั้นแหละ ความรู้สึกผมก็ครึ่งๆกลางๆ รู้สึกคุ้นเคยแล้วก็จำอะไรไม่ได้ มันน่าหงุดหงิดนะ

บางทีคนที่มันพูดอาจจะไม่ใช่ผม หรือจะใช่ผม อันนี้ผมไม่รู้... ไม่อยากเข้าข้างตัวเองไง

แต่แบบผมสงสัย...ตั้งแต่ที่มัน เอ่อ หมายถึงไอ้พี่นาทเนี่ย ให้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นมังกรแล้ว มันคงเป็นเรื่องที่น่าจะเกี่ยวกับผมนั่นแหละ เห็นหน้าโง่ๆแบบนี้ ผมก็ฉลาดนะคุณ แอบผสมความมโนส่วนตัวลงไปใส่สีตีไข่เพิ่มนิดๆ

“ ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก... นายไม่ใช่เขา ”

ผมสะอึกไปเล็กน้อยกับสิ่งที่เฮียสกายแกกำลังพูด... ไม่ใช่ผมสินะ


ทำไมรู้สึกผิดหวังจังที่ไม่ใช่ผม


พี่สกายว่าเสียงแผ่วแทบกลืนหายไปกับเสียงลมหายใจ ใบหน้าหล่อเบือนไปอีกทางกัดเม้มริมฝีปากซีดเหมือนกักเก็บบางอย่างไว้ “ ขอโทษ...ที่ตอนนั้น ถ้าพวกเราไปทัน... เขาคง...”

“ พอแล้ว... ”

เสียงทุ้มเอ่ยหนักข้างหูผมก่อนจะผละออกจากกัน มันถอยไปก้าวหนึ่งแล้วส่งยิ้มสบายๆให้เหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมเริ่มตามไม่ทัน

“ เดี๋ยวถึงเวลา ก็คงจำได้เอง ” สีหน้าดูคาดหวังผิดกับดวงตาที่เศร้าสร้อยเหมือนพยายามหลอกตัวเอง

พี่สกายพยักหน้ารับ “ ตอนนี้ก็พยายามๆรื้อๆฟื้นๆไปก่อนก็พอ ”

“ อื้อ ”

“ แต่คงต้องรีบนะ... เหลือเวลาไม่มากแล้ว ”

พี่นาทหน้าตึงไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับแอบเห็นมันกำหมัดแน่นก่อนจะคลายออกเมื่อเห็นว่าผมกำลังมองมันแล้วค่อยๆส่ายหน้าให้ผมราวกับบอกเป็นนัยๆว่าไม่มีเรื่องอะไรหรอก

“ ชลอยากกินองุ่นมั้ย ” บรรยากาศตึงเครียดหายวับทันทีเมื่อชวนเข้าเรื่องของกิน

มีหรือจะปฏิเสธ “ กินดิ! ”

“ สกายไปหยิบมาให้หน่อย ” มันสั่งไปอีกทอดหนึ่งแล้วจูงมือผมมานั่งที่โต๊ะไม้สักยาวกลางห้องอาหารเยื้องๆไปก็เป็นห้องครัวใหญ่

“ เออครับ ท่านท้าว แต่ลืมไปแล้วเหรอ ผมรับใช้จ้าวคนเดียว คนอื่นไม่ ”

สกายว่าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งค่อนไปทางเย็นยะเยือกจนผมแอบเสียวสันหลังไปเลย แต่ดูเหมือนไอ้พี่มังกรมันจะชินไปแล้ว ทำเพียงยักไหล่แทน

“ แต่ที่นี่ฉันใหญ่สุด ทีนี้ไปหยิบมาให้ได้ยัง ” มันยักคิ้วส่งไปให้

“ ฮึ่ย ”

พี่สกายทำท่าจะค้านแต่ไอ้พี่นาทมันเจ้าเล่ห์กว่าทำเอาเฮียขาโหดต้องยอมเดินหายไปหาองุ่นมาให้ผม เห็นหน้าหงิมๆแบบไอ้พี่
นาทนี่ เจ้าเล่ห์หน้าตายมากนะ

พอเหลือกันอยู่สองคน...

ผมก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง ทั้งที่เมื่อก่อนคิดอะไรได้ก็พูดได้เลย แต่ตอนนี้... มันมีเรื่องอื่นๆให้คิดนี่น่า

“ มีอะไรอยากถามพี่รึเปล่า”

เยส! นั่นแหละที่ผมอยากให้มันพูด ผมพยักหน้าลงเล็กน้อยอารมณ์ไว้เชิงแกมก็อยากให้เล่า แต่กูนั้นไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่หรอกกกก

“ ก็...เยอะแยะ ”

“ นั่นสินะ เยอะมากๆเลยด้วย ” พี่นาทยกยิ้มนิดๆก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบนิดๆ วงคิ้วของพี่เขาขมวดเข้าหากันตลอดเวลาที่อยู่กับผม

ผมฉีกยิ้มกว้าง “ แล้วจะเล่าปะ ”

“ ให้ถามได้วันละ 2 ข้อ ” มันชูสองนิ้วแล้วโบกไปมา

สองข้อ!! น้อยไปมั้ยวะ

แต่เอาว่ะ! ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

“ ถามได้เลยปะ ” ผมถามกลับแล้วเอื้อมมือไปรับตะกร้าองุ่นจากพี่สกาย “ ขอบคุณครับ ” เฮียแกส่งให้ผมเสร็จก็เดินออกไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับพวกผม

“ นาท ฉันจะไปดูพนานะ ”

“ อื้อ... อย่าให้เขาออกมาได้นะ ” ไอ้พี่นาทพยักหน้ารับด้วยความกังวล


พนา... ใครวะ

โอ๊ย ต่อมเสือก เอ๊ย อยากรู้ทำงานจริง


“ เออน่า ตอนนี้คงเล่นกับยูนิคอยู่ ไม่มีอะไรหรอก ”


ยูนิค... ใครอีกวะ แม่ง! อยากรู้เว้ยยย


“ มีอะไรก็เล่าๆไปเถอะ หน้ามันดูอยากรู้มากแล้ว ”

เหมือนเฮียแกจะรู้ความอยากเสือกของผมเลยโพล่งขึ้นมาแบบนั้น พูดตรงๆแบบนี้ เค้าอายนะ โธ่วว เห็นหน้าหนาๆด้านๆก็ยังมีความอายหลงเหลืออยู่นะ

   เฮียแกทำท่าจะเดินออกแต่เอี้ยวคอมาถามผม “ คืนนี้นอนนี้ปะ ”

   “ บ้า! ใครจะไปค้างที่นี่! ”

   ผมเผลอตวาดใส่อย่างลืมตัว รู้สึกหน้าร้อนๆขึ้นมาตอนเฮียแกถาม แต่ทำไมต้องรู้สึกด้วยวะ แค่ผู้ชายด้วยกันชวนค้างด้วย ไม่เห็นต้องรู้สึกกกกกกกก

   “ ฮ่าๆ ตามใจเถอะ ” เฮียแกหัวเราะร่วนจากนั้นจึงเดินออกไป

   พอผมหันกลับมามองหน้าหล่อๆของไอ้พี่นาทก็เห็นมันทำตาละห้อยเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง ไม่ดิ อย่างมันต้องมังกรถูกทิ้งซะมากกว่า

   “ เป็นอะไร ”


   “ จะไม่นอนค้างจริงๆเหรอ ”


   ผมกลอกตามองเพดานข้างบนก่อนจะเหลือบไปทางมันแล้ว...


   ผัวะ!


   “ โอ๊ย เจ็บนะชล ” มันร้องโอดโอยพลางลูบหัวไหล่ตัวเองป้อยๆหลังจากโดนผมชกเต็มๆ

   “ ดี สม ”

   ผมแสยะยิ้มหมั่นไส้มันเล็กน้อยก่อนจะหยิบองุ่นขึ้นมากิน

   “ หวานดี ” ผมชม

   “ แน่นอนสิครับ ปลูกเองกับมือ ” ยอมันไม่ได้เลยจริงๆ หลงตัวเองจริงนะพ่อคุณ

   “ ไร่องุ่นอยู่ตรงไหนอ่ะ ”

   ผมถามไปงั้นแต่ยังคงสนใจกับองุ่นอยู่ เผลอแปปเดียวก็หมดไปครึ่งตะกร้าแล้ว แหม่ ก็มันอร่อยนี่ครับ

   “ เดินออกไปตรงนี้ก็เห็น ” มันชี้ไปด้านระเบียงข้างนอกที่มีโต๊ะให้นั่ง มองออกไปก็รู้แล้วว่าข้างนอกกำลังเย็นสบายได้ที่ ผมมองเลยไปตามดู...ก่อนในหัวจะเริ่มว่างเปล่า ผมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ลืมคว้าตะกร้าองุ่นแล้วค่อยเดินออกไป สกิลแดกนี่เยอะสุดๆ

   “ อยากกินพายองุ่นมั้ย ”

   เจ้าของบ้านถามเบาๆแต่ผมไม่ได้ฟังเท่าไหร่แถมไม่ได้ตอบด้วย แต่หางตาก็เห็นมันเดินเข้าไปหยิบอะไรในครัว ผมเลยชิ่งเดินออกมาก่อน ภาพตรงหน้าเหมือนกับในฝันอีกแล้ว


   ทำไมนะ เหมือน เหมือนมากๆด้วย


   ผมน่าจะลืมเล่าอะไรบางอย่างไปนะ... มันอาจจะไร้สาระไปนะ แต่มันก็เริ่มไม่ไร้สาระแล้ว ตั้งแต่ผมมาเหยียบบ้านของไอ้พี่นาท มันมีบางอย่างคุ้นตาและคุ้นเคย... ฝันที่ผมจำได้แม่นที่สุดเลยคงเป็นภาพผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ริมระเบียงมีต้นไฮเดรนเยียสีขาววางอยู่ข้างๆ... นัยน์ตาของเขาเป็นสีฟ้าสวยแต่มันดูเยอหยิ่งและน่าเกรงขาม แต่ผมมองไม่เห็นหน้าเขาหรอกนะ เห็นแค่ดวงตา แล้วจากนั้นผมก็ตื่น...

   ทันทีที่ที่เปิดประตูกระจกเลื่อนออกสายลมพลิ้วแผ่วโหมกระหน่ำปะทะร่างของผมจนเริ่มเจ็บขึ้นมา แต่เพียงเสี้ยววินาทีทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ... ผมวางตะกร้าองุ่นลงบนโต๊ะแถวนั้น ก่อนจะพาตัวเองเดินไปจนสุดทางระเบียงด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามด้วยความลุ้นระทึก...

   นัยน์ตาค่อยๆเบิกโพล่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นสิ่งที่ภาวนาไม่ให้มี... ใช่ เหมือนกับในฝัน...


   ไฮเดรนเยียสีขาว...


   มือเย็นเฉียบเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาแล้วถือไว้ ความเย็นของกระถางแผ่เข้ามาให้ผมรู้สึก แต่ไม่รู้ทำไมนะ พอผมจับมันแล้ว ผม...


   ผม...อยากร้องไห้


   ผมกำลังคิดถึงใคร... ใครก็ไม่รู้


   มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะ! ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น


   ผมกำลังเสียสติใช่มั้ย


   ผมว่านะ ผมไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก ถ้าไม่มาที่นี่ ผมคงไม่รับรู้อะไร หรืออาจจะได้รู้ช้าลงเล็กน้อย แต่เมื่อมาแล้วผมคงหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้...

   “ ชล...ชล มีอะไรรึเปล่า วันนี้เงียบบ่อยจัง ”

   เสียงข้างหลังเอ่ยขึ้นให้ผมหันไปสนใจ มันมีสีหน้ากังวลแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นต้นไม้ในมือผม

   “ พี่นาท... ” ผมกัดปากตัวเองเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด


   ...ควรถาม หรือปล่อยให้อึดอัดต่อไป


   บางทีผมอาจจะเป็นคนธรรมดาก็ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวอะไรกับพวกเขา


   แต่ในเมื่อผมกำลังรู้สึกแปลกๆ หลายๆอย่าง ผมก็ไม่อยากให้อะไรคาใจ


   เอาว่ะ ชลธี! เป็นไงเป็นกัน! ถามเลย!








**************************************************



มีต่อๆ โพสล่างนะคะ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0


   “ อยากถามอะไรพี่เหรอ ” มันต่อบทสนทนเมื่อเห็นผมเงียบไปพักใหญ่

   “ อื้อ ”


   “ ...ผมเป็นใคร ”


   อึ้ง แน่สิครับ ผมยังอึ้งเลย ก็มันไม่รู้จะถามอะไรนี่หว่า สิ่งที่ผมต้องรู้มันควรเริ่มจะตัวผมดีกว่ามั้ย แล้วค่อยรู้อย่างอื่นตามมาทีหลัง ผมมองไอ้พี่นาทที่ทำหน้ากระอักกระอ่วนไม่รู้จะตอบอะไรแล้วนึกขำ

   “ เอ่อ... คำถามนี้ไว้ตอบทีหลังได้มั้ย ” มันว่าสีหน้าเคร่งเครียด

   “ ทำไม ”

   “ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นใคร... ตัวเราเองจะแย่นะชล ” ยังคงไม่ยอมพูด...

   ผมเอ่ยหยอก “ ถ้ารู้แล้วจะมีคนมาตามฆ่ารึไง ”

   พี่นาทมีสีหน้าตึงทันควันเมื่อผมพูดเรื่องนี้


   มันพยักหน้า “ ใช่ จะมีคนตามฆ่า ”


   ลืมปากไว้บ้านทันที... นายชลธียังไม่อยากตายนะเว้ย นี่กูมาเผลอยุ่งเรื่องอะไรเข้าฟะเนี่ย จะแฟนตาซีหลุดโลกไปแล้วนะ นี่ฝันอยู่ปะ ตื่นดิว่ะ

   ไอ้พี่มังกรมันเดินมายืนเท้าแขนที่ระเบียงข้างๆผม สูดลมหายใจเล็กน้อยเพื่อคลายสีหน้าหวั่นๆ


   มันไม่ยอมมองหน้าผม...

   แล้วทำไมต้องรู้สึกแย่วะ


   “ อย่างที่ชลรู้... พวกเราไม่ใช่มนุษย์ ” เอ่ยขึ้นเสียงราบนิ่งจนจับความรู้สึกไม่ได้

   “ พวกเรา? พี่สกายก็มังกรเหรอ ” นายชลธีคิดช้าไปมั้ย

   “ เปล่า ” อ้อ มนุษย์ โล่งอก “ สกายเป็นเสือดำ ”

   “ เสือดำ!! ”

   ผมทำตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศเกือบทำกระถางต้นไม้หล่นทีเดียว เป็นเสือนี่เองถึงว่าทำไมหน้าดุจริง แต่มึงควรตกใจกว่านี่มั้ยชลธี! หรือกูมีภูมิต้านทานเรื่องพรรค์นี้ไปแล้วนะ

   “ อืม จริงๆก็มีเยอะแหละ แต่ที่นี่มีแค่บางตัว ”

   ผมถาม “ พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวเหรอ ”

   มันส่ายหน้า “ เปล่า ในบ้านตอนนี้มีแค่มังกรสาม เสือดำหนึ่ง ยูนิคอร์นสอง แค่นั้นแหละ ”


   ยูนิคอร์น!?!


   จงตื่นซะ ชลธี ตื่นนนนนน


   ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นนวดขมับอย่างปวดหัว... นี่มันประหลาดเกินลิมิตที่ผมต้องการแล้ว แค่ไอ้มังกรตรงหน้าก็แทบจะประสาทกินแล้ว ยังจะมีตัวอื่นอีกเหรอ

   “ ยูนิคอร์น ไอ้ม้ามีเขาน่ะเหรอ ” ยังจะถามต่ออีก ตบปากแตกเลยนี่

   “ ใช่ ”

   
   โอ๊ยยยย ชลธีอยากตื่นค่ะคุณณณณ


   ผมยืนขมวดคิ้วผูกปมแทบเป็นเงื่อนตายเพราะตอนนี้ในหัวตีกันวุ่นเลย พอเห็นผมเงียบมันก็เริ่มพูดต่อ...


   “ เมื่อมีพวกอมนุษย์ ก็ต้องมีพวกล่าพวกอมนุษย์ ”


   ผมชะงักความคิดล้านแปดพันแสนสองร้อยเจ็ดหมื่นของตัวเองทันทีแล้วหันไปมองมันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ พอมันเห็นหน้าตลกๆของผม เสียงหัวเราะก็บังเอิญ

   “ ไม่ต้องกลัวไปหรอก พวกนั้นทำอะไรเราไม่ได้หรอก ” มันพูดให้สบายใจจับหัวผมโยกไปมา แต่ไม่รู้ทำไม...


   ผมรู้... มันโกหก


   มันปิดบังผมอยู่... แต่ว่ามันคืออะไรกัน


   “ เหอะ มนุษย์จะไปทำอะไรพวกพี่ได้กัน พี่เป็นมังกร พ่นไฟใส่ก็ตายเกลื่อนแล้ว ” ผมว่าติดตลกให้มันขำๆ ยังดีที่มันขำตามนะ ไม่งั้นผมหน้าแตกแน่

   “ นั้นสิ  ฮ่าๆ ”  ขอบคุณที่ขำให้ “ แล้วอยากถามอะไรอีกมั้ย ”

   “ มี ”

   มันยักคิ้วให้ “ ว่าไงล่ะครับ ”
   

“ ชลธาร เป็นใคร ”


ไอ้พี่นาทเลิกคิ้วเล็กน้อยให้กับคำถามของผม มันนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบาๆ...

“ แฟนเหรอ ” ผมกลืนน้ำลายอย่างเหนียวคอ

“ ใช่ ” มันตอบ ผมยืนค้างยิ้มค้างกับแววตาดุดันนั้น


ไม่...


ทำไมผมอยากได้ยินคำนี้มากกว่านะ


ผม...กำลังเป็นบ้าอะไร “ แฟนเก่าเหรอ ”


พยักหน้าสิ ตอบว่าใช่สิ...


“ ไม่ใช่ ” ไอ้พี่นาทส่ายหน้าเบาๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วยิ้มสว่างไสวจนผมเผลอจิกเล็บเข้าที่กระถางต้นไฮเดรนเยียอย่างแรงจนเล็บฉีก...

“ เขาไม่เคยเป็นแฟนเก่า ”


ไม่เห็นอยากรู้

ผมเบือนหน้าไปอีกทาง...


“ เขาอยู่ในใจเสมอ... ถึงตัวเขาจะตายไปแล้ว แต่เขาไม่เคยตายจากหัวใจ ”


ไม่เห็นอยากฟังเรื่องน้ำเน่าเลย


“ ชล ทำไมเลือดออก ”

น้ำเสียงตกใจว่าขึ้นพร้อมมืออุ่นหยิบยกกระถางออกจากมือผมที่เล็บฉีกยาวจนได้เลือด ...ไม่เห็นรู้สึกเจ็บเลย หรือเพราะมีบางอย่างเจ็บหนักกว่า


ทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆว่ะ!


“ เล็กน้อยน่า ” ผมดึงมือออกเพราะหัวใจมันเผลอหลุดจังหวะปกติไปนิดนึง “ แล้วแฟนพี่เป็นมังกรด้วยใช่ปะ ”

“ เปล่า ไม่ใช่หรอก ” มันส่ายหน้าแล้วยิ้ม


...ชอบเวลาที่มันยิ้มนะ แต่ไม่ใช่ยิ้มเพราะคนอื่น


ผมไม่ชอบ



เฮ้ยยยยยยยยย ชลธี มึงเป็นอะไรเนี่ยมาอารมณ์สาวน้อยอะไรตอนนี้ฟะ  ชอบมันเหรอ ก็ไม่ไง แล้วทำไมต้องมารู้สึกเจ็บ รู้สึกน้อยใจ รู้สึกหงุดหงิด มึงหยุดบ้าได้แล้วเว้ย

“ รักมากเลยสิ ” ผมพยายามยิ้มเอ่ยแซว

“ ใช่ ” มองหน้าผมนิ่ง


“ รักมากด้วย ”


ตึกตัก ตึกตัก


ความร้อนจากไหนไม่รู้พุ่งขึ้นหน้าจนร้อนฉ่าไปหมด ผมอึกอักไปไม่ถูกถึงมันจะไม่ได้บอกกับผม แต่มาพูดว่ารักแล้วจ้องหน้าเนี่ย เป็นใคร ใครก็รู้สึกนิดนึงแหละ...

“ คงเป็นคนที่น่ารักมากสินะ พี่ถึงรักขนาดนี้ ” ไม่ได้อยากประชดนะ แต่แบบ.. กูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

“ ฮ่าๆ ไม่หรอก เขาน่ะ... ”

ยังไม่ทันทีมันจะได้เล่าความหวานชื่นระหว่างมันกับแฟนเสียงประตูกระจกก็ถูกเลื่อนออกขัดจังหวะ เออ ก็ดี บทสนทนาจะจบ ไม่ได้อยากถามมันเรื่องนี้เท่าไหร่...

“ ท่านท้าว อยู่ไหนครับ ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมใบหน้าเนียนอ่อนเยาว์ชะโงกออกมาอย่างกลัวๆเกร็งๆ

“ มีอะไรเหรอ ยูนิค ”

พี่นาทหยุดการคุยกับผมแล้วเดินเข้าไปคุยกับเด็กหนุ่มคนนั่น ส่วนผมก็ขอสงบสติเรียบเรียบทุกอย่างจัดระบบความคิดใหม่ก่อนนะ

“ ยูนิครบกวนท่านรึเปล่า เห็นพี่สกายบอกท่านมีแขกคนสำคัญ ”


เหอะ สำคัญ ตลกล่ะ


ผมค่อนหัวเราะออกมาเบาๆกับสิ่งที่พี่สกายบอก... หึ สำคัญไม่เท่าชลธารหรอก... เอ๊ะ แล้วนี่เราจะมานั่งประชดประชันทำแป๊ะไรเนี่ย วุ้ย เหมือนทำตัวเป็นนางขี้อิจฉาอยู่ไม่มีผิด

“ ไม่รบกวนหรอก แล้วมีอะไรครับ หรือว่าถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว ” เจ้าของบ้านถามพลางยกนาฬิกาขึ้นดู

“ อาหารเที่ยงอีกสิบห้านาทีตั้งโต๊ะครับ แต่ว่าที่ยูนิคมาตาม คือ... ” เด็กหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ

“ คือ? ”  มังกรหนุ่มทำหน้างงๆ “ พนา...เหรอ ”

“ ครับ คือ...น้อง เอ่อ งอแง ไม่ยอมกินข้าวครับ ตั้งแต่เช้าแล้ว ”

ผมเหลือบเห็นสีหน้าถอดสีของไอ้พี่นาทนิดหน่อย ว่าแต่...พนานี่ใครเนี่ย

“ ทำไมถึงงอแงล่ะ ปกติก็ไม่เคยนี่ ”

“ ผมก็ไม่รู้ครับ จะให้ทำยังไงดี ” เด็กหนุ่มคนนั้นมีสีหน้าลำบากใจหนัก

ไอ้พี่นาทหัวเราะสรวลอย่างสนุกผิดกับหน้าคนที่โดนสั่ง “ บังคับง้างปากไปเลย ฮ่าๆๆ ”

ยูนิคตะเบ็งเสียงใส่เล็กน้อย “ ท่านท้าว!! ”


“ ใครมันจะไปกล้าทำแบบนั้นกับลูกชายท่านกันเล่า!! ”



“ ลูก!?! ”

ผมอุทานออกมาเสียงดังพอให้ตัวเองได้ยินชัดกระแทกแก้วหู สะบัดหน้าไปทางวงสนทนาที่อยู่ไกลพอสมควรเห็นพวกเขาคุยต่อไปเรื่อยๆไม่ได้หันมาสนใจผม ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะตอนนี้ผมกำลัง...


สติแตกสุดๆ...


ไอ้พี่นาท ไอ้กิ้งกือ ไส้เดือนตะขาบตะเข็บนั่น...


มันมีลูกแล้ว!!!!


ผมควรทำสีหน้ายังไงดี... ทุกอย่างมันตีรวนกันไปหมดจนผมเริ่มรับไม่ไหว ผมกำลังสับสน ใช่ ผมกำลังสับสน นี่ผมกำลังหลับ และฝันอยู่ใช่มั้ย หรือผมตื่นอยู่แล้วนี่มันคือความจริง


ทำไมนะ... จู่ๆ ผมอยากย้อนเวลาไปเมื่อเช้า...


ผมจะปฏิเสธมันไป


ผมไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง! ผมไม่น่ามารับรู้เรื่องพวกนี้เลยจริงๆ!


มันกำลังทำให้ผมเสียสติจริงๆ!


แล้วผมจะหงุดหงิดงุ่นง่านคิดมากทำไมเนี่ย กูไม่ได้เป็นอะไรกับมันเว้ย!!







TBC.

น้องชลเริ่มบ้าเเล้ว 5555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2015 12:07:15 โดย FusayaZaa »

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :a5: :a5: อารมณ์ประมาณว่าทุกอย่างอยู่ตรงหน้าแต่แตะต้องไม่ได้

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่นาทหันกลับมาด่วน มีคนกำลังจะสติแตกแล้ว 5555

ออฟไลน์ PRiiNCEKiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วี๊ดวิ้วววววววว ชลธี ชลธาร ใครกันนะ
ชอบๆๆไ อยากให้ตัวนายเอกจำให้ได้เร็วๆจังง

ออฟไลน์ aommaboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกดีค่ะตามนะคะ ชอบน้องชล ชอบนิสัยแบบท่านเท้า
เนื้อเรื่องก็น่าสนุกดีค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด