5.0 ตัวตนและคำสารภาพ : เซเว่น เสาร์สุดท้ายของปิดเทอม วันนี้เป็นวันที่นัดเจอกับพวกมัน ทั้งปิดเทอมผมรอวันนี้นี่แหละ แต่ เอะ ว่าไป ไม่เช้าสิเกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว ปกติปิดเทอมแล้วไม่มีเรียนก็สายยังงี้แหละครับ พวกเราลากสังขาร ที่เหนื่อยชนิดว่า ทำกิจกรรมเปิดเทอมทั้งเทอมยังน้อยกว่านี้ (เว่อไป)
แหงสิ เล่นเกมกันยันดึกแถมก่อนหน้านั้นก็เดินตะลอนๆที่สยามด้วย
ถึงจะแค่วัน 2 วันก็เหอะ แต่ผมไม่ได้อึดถึกเหมือนคนทั่วไปสักหน่อย กว่าจะลุกขึ้นมาได้ แถมถ้านอนไม่พอมากๆ ผมก็จะไม่สบายอีก แล้วเดี๋ยวคงต้องไปเตรียมของไปบ้านป๋า กำลังคิดอยู่ว่าจะไปซื้อที่ไหนดี ผมกำลังรวบรวมแรงลืมตาแล้วลุกจากเตียง
“ส่วนนั้นของกูคิดถึงมึงวะเก้า" อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ผมลืมไปเลยว่าไอ้นี่นอนอยู่ข้างๆ
"กูก็นอนอยู่ข้างมึงเนี่ย ส่วนไหนของมึง”
เวลาเล่นเกมมันก็ชอบมาก่ายผมอยู่แล้ว แต่ว่ามันไม่ได้กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น สมาธิ สายตา เลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง และสองนิ้วเพื่อหาทางผ่าน ดังนั้นไม่ว่ามันจะทำยังไงท่าไหนผมก็ไม่สนใจ มันเองก็ไม่ใส่ใจเหมือนกัน
นานๆครั้งแค่นั้นที่มันจะนอนตักผมไปเล่นไป หรือ บ่อยกว่าหน่อยก็จะเอาขาพาดขาผมเหมือนที่ทำตอนอยู่ในห้องเรียน แต่ไม่ได้เขย่าหรืออะไรทั้งนั้น เกมคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่สำคัญกว่า ที่ทำไปเหมือนจะเกิดจากความเคยชิน
แต่คราวนี้ เต็มๆ
"สัมผัสได้มั้ยละมึง มันทิ่มมึงอยู่” ไอ้เชี่ยนี่พูดออกมาไม่มียางอายเลย
มันพลิกตัวมากอดผม กดส่วนที่แข็งเกร็งเข้ามาแน่น
"เหี้ย เช้ามาก็เริ่มเลยนะ" ผมพยายามเค้นเสียงแหบพร่าแบบคนเพิ่งตื่นออกมา
"ก็มันหลายวันละนี่หว่า"
"หลายวันคืออะไรวะ" ผมชักหงุดหงิด
"เอาน่า ทำกับกูหน่อยนะ" มันเริ่มเข้ามากอดแน่นขึ้น ซุกไซร้ ซอกคอผม ใครสอนให้มันทำอย่างนี้วะ
"ไม่เอา มึง”
“ เดี๋ยวต้องออกไป ซื้อของอีกไง" ผมพยายามแข็งขืน
"ส่วนนั้นมึงไม่ปฎิเสธนะ" มันเริ่มควานมือลงต่ำไปเรื่อยๆ วนๆอยู่แถวหัวนมแล้วกำลังจะคืบคลานลงไป
“มึงรู้ได้ยังไง”
มันไม่ตอบ แต่เอามือคลำลงไปอีก
"พอ มึงใช้มุกนี้หลายทีละ เปลี่ยนมั่ง"
พูดจบผมรีบสะบัดตัวขึ้นไปอาบน้ำ ถ้าทำตอนนี้คงพอดีหมดแรงก่อน แล้วจะเอาแรงไหนไปเจอคนอื่นด้วย พอผมตั้งท่าลุกเสร็จ ตูดพ้นเตียงได้ไม่นานกำลังเข้าห้องน้ำไป
“งั้นคืนนี้นะ" มันตะโกนไล่หลังมา
"คว...." ถึงจะตอบไปยังงั้นแต่ผมก็ยิ้มให้กับความพยายามของไอ้หื่นนั่น แล้วก็... อือ คงจะเป็นความบ้าของผมละมั้ง
ถ้ามันจะจริงจังกับผมกว่านี้สักหน่อย ก็คงจะดี
เออ พ่อกับแม่ ไม่เห็นหน้ามาหลายวันแล้ว หายไปไหนกันนะ
ผมไม่ได้คิดต่อ แค่เปิดน้ำแล้วอาบให้เสร็จเลย
เย็นวันนี้ผมกะว่าไปสักเกือบๆเลยเวลานัดเลย เพราะไม่รู้จะไปก่อนทำไม ผมเองก็ไม่ได้บอกไอ้ป๋ามันด้วยว่า เจ มันจะไปรึเปล่า หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีก
พอเจมานอนที่บ้าน ผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะโทรหามัน แค่อยู่กับไอ้เจก็วุ่นวายพอแล้ว อีกอย่างถ้าไปก่อนเวลานานคงต้องไปนั่งรอพวกมันด้วย ไอ้พวกนี้บทจะมาสายก็สายแบบไม่สนใจใครอยู่แล้ว
“ตามึงแล้วเจ”
มันลุกอย่างว่าง่าย ไอ้ตรงนั้นยังลุกตามตัวมัน จ้องมาทางผมอยู่
“มึงไม่หดเลยใช่มั้ย”
“ยังงะ รอมึง”
มันเอามือกำๆรูดๆให้ดู
ส่วนหัวผงกหงึกทุกครั้งที่รูดขึ้นดูบวมเป่ง และหดลงเล็กน้อยเมื่อรูดลง
“รีบไปเลย ทนไม่ไหวก็ในห้องน้ำนั่นแหละ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” มันถอดกางเกงลงหมด โชว์ตูดขาวๆแล้วโยนบอกเซอให้หน้าผม
ห่า นี่
ผมแต่งตัวรอมัน
วันนี้ต้องจะมามั้ยนะ..........
ไม่นาน เสียงประตูห้องน้ำเปิด
ตามมาด้วยมันที่ออกมาจากห้องน้ำ ผมไม่คิดว่ามันจะแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำเลย (มันเอาเสื้อผ้าไปตอนไหนวะ) ส่วนผมน่ะเสร็จตั้งแต่มันเข้าไปอาบแล้ว ไอ้การที่ไปเล่นบ้านป๋าเนี่ย คิดว่าคงไม่ต้องหล่ออะไรมั้งครับ ยังไงก็คงไม่ได้เจอใครอยู่แล้วนอกจากคนกันเอง 4 ตัวเดิมๆขาประจำ
คิดได้ยังงี้แล้วผมเลยใส่แค่ขาสั้นกับเสื้อยืด ง่ายดีครับ ไม่รู้จะใส่ยีนส์ เสื้อเชิ๊ตอะไรไปทำไม พอเห็นไอ้เจที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาแค่นั้นแหละ ผมนี่อดขำไม่ได้เลย มันยิ่งกว่าผมอีก
“เฮ้ย มึงจะไปชุดนี้จริงเหรอ” ผมถามมัน
“อ้าวก็แค่ไปนั่งเล่นบ้านมัน จะหล่อทำห่าอะไรวะ”
“ก็ให้ดูดีหน่อยดิวะ”
“นี่ไม่ดีตรงไหน แค่หน้ากูก็กินขาดแล้ว” มันชี้ไปที่ชุดแล้วก็หน้า
“เสื้อกล้ามเนี่ยนะ”
คือ ตอนนี้เจมันล่อเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น แล้วเป็นกางเกงขาสั้นแบบที่ใส่อยู่บ้านเลยด้วย ถ้าจะให้ชัดหน่อยกางเกงประเภทกางเกงเล่นบอล เล่นบาสน่ะครับ นั่งอ้าทีไข่ออกแน่ๆ เสื้อกล้ามก็เก่าซะ แม่งชุดอาแป๊ะขายของร้านโชว์ห่วยนี่
“มึงก็ไม่บอกกูนี่หว่าว่าวันนี้จะไปบ้านพวกมัน กูเลยไม่เอาชุดมา” เจบอกผม
“เออวะ กูลืมจริงๆ โทษๆ” ผมลืมบอกมันไปสนิทเลย
“แล้วนี่ไปไงมาไงนัดกันได้วะ แถมไม่มีใครบอกกูด้วยนะ สัด” มันเริ่มทำหน้าไม่พอใจ
“ก็มันบอกมันติดต่อมึงไม่ได้ แล้วไหนๆกูก็จะเจอมึงอยู่แล้วเลยจะบอกให้เอง”
“สัด บอกก่อนกูเจอมึงสิ ไม่งั้นกูจะได้เอาเสื้อผ้ามา”
เออ แล้วทำไมผมไม่โทรไปบอกมันวะ ผมก็งงตัวเอง
“มึงใส่กางเกงวันที่มาก็ได้นี่” ผมชี้ไปที่กางเกงมันที่ตากอยู่
“ไม่เอา กูจะใส่วันกลับ”
ไอ้นี่ เรื่องเยอะอีก
“ตามใจมึง อย่านั่งให้ไข่ลอดละ”
“ไข่กู มึงจะสนทำไม”
“สัด” ผมนี่ไม่รุ้จะพูดยังไงกับมันเลย
“ตามใจ ไข่มึงก็ของมึง”
“หรือมึงอยากเป็นเจ้าของ” มันพูดจบยิ้มแหยๆ แล้วชี้ลงข้างล่าง
ไม่มีคำตอบจากปากผมครับ นอกจาก เอานิ้วกลางไปดูซะ
“แล้วนี่มึงพร้อมจะไปยัง”
“เออๆๆ แล้วนี่จะไปแวะซื้อของที่ไหนวะ”
“เซเว่นดิมึง ง่ายๆ เอาไรนักหนา” ผมคิดว่าเซเว่นนี่แหละ สะดวกสุดละ ขึ้เกียจเข้าห้าง
“แล้วมึงจะใส่ชุดนี้ไปจริงอะ” ผมถามมันอีกครั้ง
“เออดิ ไข่กูออกมึงก็เอามือกุมไว้แล้วกัน” มันพูดจบแล้วก็เดินไป
เรื่องของไข่มัน!!!!
พวกเราเดินออกจากบ้านไป วันนี้ไม่เย็นแต่ก็ไม่ร้อน อากาศปลายปีประเทศไทยก็คงยังงี้แหละครับ ไม่ร้อนมากก็ร้อนน้อย สำหรับผมมันก็โอเคอยุ่เพราะยังไงผมก็ขี้หนาวกว่าคนอื่นอยู่แล้ว อากาศร้อนแบบนี้เลยยังพอไหว
พูดถึงขี้หนาว เมื่อคืนนอนติดกับเจมันก็อุ่นดี
เวลาไปนอนไหนผมจะเป็นคนที่เปิดแอร์เบาที่สุดเสมอ ขี้หนาวน่ะครับ ยิ่งหนาวแอร์นี่ยิ่งไม่ชอบเลยมันแปลกๆยังไงไม่รู้ เหมือนเย็นๆวาบๆ คล้ายๆเวลาอาบน้ำมาแล้วเช็ดตัวไม่แห้งยังไงยังงั้น
จากบ้านออกไปถึงเซเว่นก็เดินสัก 15 นาทีแดดยังงี้ไม่มีผลกับผม แต่พอผมหันไปมองไอ้เจเห็น หน้าตาท่าทางมันกำลังเซ็งสุดๆ ตอนนี้ตัวมันเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาหน่อยๆ คนอ้วนมักจะขี้ร้อนสินะ
ตอนเจอกันต้นปียังไม่ขนาดนี้แท้ๆ
ท่าทางจะแบกร่างลำบาก ปิดเทอมดันกินซะอ้วนเลยนี่หว่า เดินเป็นหมูตากแดดแล้ว
วันนี้ถนนก็ยังโล่งเหมือนเคย เวลาบ่ายๆวันทำงานมันไม่ยังไม่ค่อยมีรถละมั้ง เซเว่นเองก็เช่นเดียวกัน ทั้งร้านมีอยุ่ 2-3 คนกับพนักงานหน้าเคาเตอร์คนเดียว
พอถึงปุ๊บ เจมันปรี่เข้าไปในร้าน เดินไปทางตู้ไอศครีมก่อนเลย มันเอามือเปิดตู้เย็นออกแต่ไม่เลือกไอศครีม กลับเอาหน้าซุกเข้าไปในตู้ไว้อย่างนั้น
“เฮ้ยๆๆ อายเค้า มึง ที่บ้านกูแอร์ก็มี” เชื่อมันเลย ผมละอายจริงๆ
“กูร้อนนี่” พูดจบมันก้มหน้าเลือกของในนั้น
“เออ ตามใจมึง” ผมหันหน้าไปทางตู้น้ำ
“เดี๋ยวกูไปหาน้ำไว้หน่อย”
“อย่าลืมเบียร์นะมึง”
“เด็กม.4 เค้าจะขายมึงเหรอ ควาย” ผมหันไปว่ามัน
“อ้าว มึงไม่รู้จักคนร้านนี้เลยเหรอวะ ใกล้บ้านมึงแท้ๆ”
“หึ ไม่เคยแม้แต่จะจำหน้าคนขายวะ”
“เออ มึงนี่น้า”
ผมก้าวเดินออกไปทางตู้เครื่องดื่ม พวกเรามี 4 คนเอาไปไม่เยอะก็ได้มั้ง ขี้เกียจแบกหนัก เซเว่นที่นี่ไม่ใหญ่ ตู้แช่น้ำเลยมีแค่ 3 ตู้ เป็นน้ำปล่าซะตู้นึง พวกน้ำอัดลมกับชาอีกตู้ ที่เหลือเป็นเหล้า ผมกำลังคิดว่าจะเอาชาหรือน้ำอัดลมดี
“เลือกไรวะ เอานี่กูชอบขวดนี้” มันเอื้อมแขนเข้าไปหยิบขวด โชว์ขนจักแร้ผ่านหน้าผม
มันคว้าขวดเบียร์ที่คอ หยิบขึ้นมา 2 ขวด
“มึงจ่ายนะ กูไม่กล้า” ผมพูดไม่มองหน้า แล้วเลือกต่อ
“แล้วมึงจะเอาอะไร”
“เดี๋ยวกูว่าเอาชาสักสองสามขวดกับน้ำอัดลมนิดหน่อย พวกมันชอบกินไรกันวะ”
“เปลือง ไม่ต้องเอาพวกนั้นไปหรอก มันแดกแต่เบียร์ เชื่อกูดิ” มันปิดตู้ทันที
ก่อนปิดคว้ามาอีก 2 ขวด
“งั้นกูเอาน้ำเปล่าก็ได้” พูดจบผมหันไปทางตู้น้ำเปล่าหยิบขวดใหญ่ออกมาแล้วกอดเอาไว้
“เฮ้ยๆ กูไม่เอาไปเก็บหรอกน่า ทำเป็นเด็กหวงขนมไปได้”
“เออ!!!”
กูรู้นิสัยมึง ถ้ากูปล่อยมือ มึงได้เอาไปเก็บแน่
มันกำลังหันหลังเดินไปทางเค้าเตอร์ ผมทักมันไว้ก่อน
“เฮ้ย กูว่าป๋ามันชอบของนอกนะ”
“มึงรู้?”
“กูเดาจากนิสัยอะ”
“งั้นเปลี่ยนขวดนึง” มันเปิดตู้ใหม่แล้วคว้าขวดที่มีฉลากภาษาต่างชาติออกมา
“มึงก็อุ้ม 4 ขวดนี้ได้ยังกะลูกมึงเลยนะ”
“เออดิ อันนี้ของสำคัญนี่ ฮ่าๆๆๆ”
ผมเองก็อยากรู้ว่า เค้าจะขายมันมั้ย อายุมันไม่ถึง จะโกงหน้าก็ไม่มีทางแน่ๆ มันไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้น
มันเดินส่ายอาดๆเข้าไปด้วยความมั่นใจ ไม่รู้มันเอาความเชื่อมั่นผิดๆนี้มาจากไหน ผมเดินเข้าไปแล้วเอาน้ำเปล่าหนึ่งขวดวางลงบนโต๊ะ แล้วจากไปอย่างเงียบๆ อย่างไรบ้านผมก็อยู่แถวนี้ ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี ยิ่งเรื่องรู้ไปถึงคนที่บ้านจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ผมบอกให้มันรอสักเดี๋ยว แล้ววิ่งไปทางชั้นขนมคว้าอะไรก็ได้สัก 7-8 อย่าง พวกนี้มันกินกันเก่ง กินขนมพวกนี้ได้ยังกับกินข้าวเลย ส่วนผมไม่ชอบกินครับ
“พี่ครับ หมดนี่ครับ” ผมพูดจบ เอาขนมเทลงบนเค้าเตอร์แล้วออกนอกร้านไปรอ
ยืนรออยุ่สักพัก ผมไม่แม้แต่จะหันไปมอง อยากรู้เหมือนกันว่า มันจะซื้อได้เหรอ เดี๋ยวก็คงเดินคอตกออกมาแล้วก็มาโวยวายใส่ผมอีกแน่ๆ คิดได้อย่างนี้แล้วผมล้วงกระเป๋ากางเกงหาเงินรอคืนมันค่าน้ำเปล่ากับขนม
เห็นว่านานว่าจะโทรหาป๋ามันว่ามีใครมารึยัง แล้วก็ว่าจะเล่าให้มันฟังซะหน่อย
พอหันเข้าไปในร้าน อ้าว เค้าคิดเงินให้ด้วย
“เฮ้ย ช่วยกูถือดิหนักนะมึง” มันตะโกนออกมา
“เฮ้ย ซื้อได้ไงวะ” ผมสงสัย
“อ้อ กูอ้างว่า พ่อให้มาซื้อน่ะ บ้านอยู่ในซอยนี้” มันยกทั้งถุงชี้ไปทางซอยบ้านผม
“สัดนี่ มึงอ้างบ้านกูเหรอ”
“เออน่า เค้าไม่รู้หรอก กูไม่ได้บอกเลขที่บ้าน” มันพูดจบแล้วออกเดิน
“เฮ้ยๆ เอาเงินไปด้วยค่าน้ำ”
“ไม่เอามึง กูมานอนบ้านมึงหลายวัน เจ๊ากันไป”
“เดี๋ยวเล่าก่อนดิแล้วเค้าว่าไงวะ”
“เดินไปด้วยได้มั้ยมึงกูร้อน จักแร้เปียกแล้ว” มันหันมาชูแขนขึ้นฟ้า เอาจักแร้เปียกๆให้ดู
ช่างเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ (เหี้ยๆ) จริงๆ
“เออๆๆๆๆ” ผมรีบก้าวตามมันไป
“เล่ามาดิ” ผมถามต่อ
“ไม่มีไรมาก ก็บอกว่า อยู่ในซอยนั้น แล้วเค้าบอกบ้านหลังนี้ๆ เปล่า กูเลยแกล้งตอบเออออไปเลย สงสัยคงมีใครใช้ลูกออกมาซื้อบ่อยๆ” มันพูดหน้าตาสุขสบาย
“มึงทำบ่อยเหรอ” ผมอยากรู้
“หือ ทำไมอะ”
“บ้านกู พี่ๆมันชอบใช้กูไปซื้อ ทั้งเหล้า ทั้งบุหรี่ แม่งรู้จักกูหมดแล้วไม่ต้องอ้างหรอก”
อีกเรื่องของเจ ที่ผมไม่เคยรู้
เสียงขวดเขย่าก๊องแก๊งกันไปตลอดทาง ไม่นานก็ถึงบ้านป๋า ผมเองก็พอมีเหงื่อออกนิดหน่อย แต่ดูตัวมันสิ ยังกะไปวิ่งที่ไหนมา เข้าบ้านป๋าไปนี่คงเหม็นเหงื่อมันแน่ๆ
ไม่มันก็พวกนั้นได้บ่นกันแน่ๆ
“เฮ้ย ทำไรวะเก้า ยกเสื้อมาดมทำไม”
“กูดมว่าตัวกูเหม็นรึเปล่า” ผมก้มลงไปดมในเสื้อ
“มากูดมให้เดี๋ยวบอก”
“ไปไกลๆ”
ผมพยายามยกขาเขี่ยๆมันออกไป เพราะว่าสองขวดที่หิ้วมานี่ก็ชักรู้สึกหนักแล้วสิ ผมไม่ได้แข็งแรงนี่ครับตอนนี้เรา 2 คนมาถึงหน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปกดออดบ้านมัน รอสักพักก็มีเสียงคนวิ่งลงบันได้ลงมาเปิดประตูหน้าบ้าน
หน้าต่างชั้น 2 เปิดอยู่
ตึกแถวแบบบ้านป๋ามันเป็นประตูเหล็กแบบรูดลงมาจากข้างบน ดังนั้นมันจึงต้องใช้เวลากว่ามันจะไขลอคกุญแจข้างล่าง แล้วก็ดันประตูขึ้น ตอนนี้เสียงไขลอคดังขึ้น เดี๋ยวเสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูคงจะดังตามมา
“ไงมึง เข้ามาๆ บ้านกูไม่มีคนอยู่” ป๋าพูดหน้าตาร่างเริงที่สุด
“เอาไปเลยมึง ไปแช่เลย” เจแทบจะโยนขวดเข้าไปใส่หน้าป๋า
“ว้าว เอาของถูกใจมาซะด้วย” มันตาโตแล้วเดินมาคว้าของผมด้วย
“พวกกูไปรอบนชั้นลอยนะมึง” เจพูดแล้ว วิ่งขึ้นไปข้างบน มันคงจะร้อน
“เออ ตามสบายเลย” ป๋าตะโกนมาจากห้องครัว
ผมเลยเดินตามเจขึ้นไปชั้นลอย มันเปิดเกมเล่นอยู่จริงๆด้วย ลึกๆผมก็ชักสงสัยเหมือนกันว่า ชีวิตมันไร้สาระไปมั้ยเนี่ย วนเวียนกันไปไหนก็เจอแต่เกม
ไอ้เจมันเห็นเกมเข้าก็ปรี่เข้าใส่เลยครับ เกมนี้มันยังไม่เคยเล่นด้วย ภาพก็สวย เวลามันอยู่กับเพื่อนมันก็ทำตัวปกติดี มันใช่คนเดียวกันกับที่มาบ้านผมรึเปล่าเนี่ยเวลามันอยู่กับผม 2 คนไม่เหมือนเวลามันอยู่กับพวกนี้ หรือว่าคิดไปเอง
ผมเหลือบไปเห็นกีต้าร์อยู่มุมห้องเลยเดินไปหยิบเล่นระหว่างนี้ (เล่นไม่เป็นหรอก) รอเวลาพวกมันมารวมตัวกัน ผมมักจะเป็นคนที่นั่งฟังเสมอ มันก็ลำบากเหมือนกันนะครับ ถึงแม้จะดูเหมือนสนิทกันยังไง ผมก็เป็นเหมือนเพื่อนใหม่สำหรับพวกนั้นอยู่ดี บางทีมันอาจจะยังไม่เรียกว่าสนิทก็ได้
“ทำไมป๋ามันหายไปนานจังวะ” ทั้งห้องมีกัน 2 คน มันก็คงถามผมละครับ
“เดี๋ยวก็ลงไปดู” ผมจึงวางกีต้าร์ลงข้างๆแ ล้วลุกออกจากห้องไป
ก่อนออกไปผมหันไปดูมัน เจไม่สนใจว่าผมจะลุกออกไปหรือยังไง มันจ้องอยู่แต่จอทีวี และผมรู้สึกได้ ไม่ใช่จ้องเพราะมันสนใจเกม แต่มันกำลังทำตัวเหมือนเพื่อนปกติทั่วไปต่างหาก
“ป๋า ทำไมช้าจังวะ” ผมตะโกนถามนำลงไปก่อน
“เออๆ เดี๋ยวขึ้นไปแล้ว กูหาน้ำแข็งกับเอาขนมใส่จาน”
“เดี๋ยวกูช่วย” ผมเดินลงบันไดไป
บ้านแมคมันเป็นห้องแถว ชั้นล่างนอกจากจะเป็นออฟฟิศแล้ว ส่วนของห้องน้ำและห้องครัวอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งทางด้านหลังเป็นประตูออกได้อีกด้านนึง ห้องครัวจึงอยู่ติดกับส่วนที่จะเป็นเหมือนโรงรถในบ้าน แต่บ้านแมค ไม่มีรถ พื้นที่ส่วนนี้จึงเป็นห้องเก็บของไปในตัว
ลงมาชั้นล่างส่วนของออฟฟิศปิดไฟสนิท บริเวณส่วนกลางบ้าน ซึ่งมีบันไดอยู่นั้น เป็นเหมือนมุมนั่งเล่นชั้นล่างถ้าไม่อยากขึ้นไปชั้นลอย บนกำแพงมีรูปครอบครัวติดอยู่
รูปส่วนใหญ่เป็นรูปสามพี่น้องบ้านนี้ พี่สาวคนโตสองคน พี่รี่ กับ ใครหว่าผมนึกชื่อไม่ออก แล้วก็รูปมันตอนเด็ก ซ้ายบนสุด เป็นรูปเก่าสีซีด ถัดไปข้าง ใส่กรอบวิทย์ เป็นรูปรับปริญญาของพ่อ บ้านนี้เรียนจุฬากันหมดเลยแฮะ แต่สงสัยจะมาพลาดที่ป๋านี่แหละ รู้สึกว่ามันจะอยากเข้าที่อื่น
จากบันไดชั้นล่าง หันไปทางขวาทางไปครัวมืดสนิท ผมค่อยๆเดินออกไป มันเป็นบ้านคนอื่นดังนั้นผมต้องระวังตัว ไม่งั้นคงได้ไปเตะของอะไรที่วางระเกะระกะขวางทาง ผมยังไม่อยากเจ็บตัวในวันก่อนวันสุดท้าย
“มองไม่เห็นทางวะ ไหนวะ” ผมพยายามถามมัน
“ซ้ายมือๆ” เสียงป๋าลอดมาบอกทาง
“โอ้ย” ผมร้องเสียงหลง
ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกครับ ตกใจมากกว่า เหมือนผมเดินไปชนกับใครเข้า หน้าผมไปจูบเข้ากับแผ่นหลัง ไอ้ส่วนนั้นผมเกือบจะไปแตะกับก้นใครบางคนเข้า
“ใครวะ มายืนไรตรงนี้” ผมถาม
“ตกใจไรมึง”
เสียงคุ้นๆ
“ต้อง..เหรอ”
“มึงมาตอนไหนเนี่ย” ผมตกใจยิ่งกว่าตอนเดินชนอีก ไม่คิดว่าจะได้เดินชนมันแบบ เอ่อ ชนมันจากข้างหลัง
“มึงเห็นกูตอนไหนละ”
“เออ” แม่งเดาไม่ถูกเลย อารมณ์ไหนวะ
“เก้า มึงซื้อมาเหรอ ตั้งสี่ขวดเนี่ย” มันหันมาถามผม แต่ผมมองไม่เห็นมันหรอก ทั้งมืดทั้งสูง
“ป่าว เจน่ะ กูไม่กล้าหรอก”
“เอ้าๆ ขอบใจมันเหอะ ถ้าไม่ใช่มันถือมาไม่ได้แดกนะมึง” ป๋าเดินมาพร้อมกับขนมใส่จาน
“หือ นี่ที่ช้าเพราะมัวแกะขนมแล้วเทใส่จานเนี่ยนะ” ผมมองจานด้วยความแปลกใจ
“แน่นอน กูจะเข้าถาปัตนะเว้ย”
เออ เกี่ยวกันมั้ยวะ ขนมบนจานถูกเรียงอย่างสวยงาม ไม่สิ มันพยายามจัดเป็นสี เป็นกลุ่มเป็นก้อน พยายามเรียงยังไงให้ลายรูปแบบและก็สีมันออกมาแล้วดูดี แถมหยิบมากินก็ง่าย แล้วที่จะประทับใจที่สุดคือ ทั้งหมดถูกนำใส่จานเดียว
พอสังเกตุดีๆ ไฟในห้องครัวดวงเล็กๆเปิดอยู่ อ้อ มันนั่งเปิดไฟแล้วจัดวางเรียงกันนี่เอง มันหลบไปทางซอกด้านซ้าย ผมถึงมองไม่เห็นมัน แต่พวกมันสองตัวคงเห็นผมเดินมา
เอะ มันใช่เวลามั้ยเนี่ย
“ให้กูช่วยมั้ย”
“กูเอาไปเอง เดี๋ยวมึงทำหก” ต้องคว้าจานแล้วเดินไปทางบันได
“มึงตามต้องไปเหอะ เบียร์กูเอาไปเอง” ป๋ามันไล่ผมแล้ว
“อือๆ” ผมออกเดินตามต้องไป
ตอนนี้เสียงเกมที่ชั้น 2 ดังลอดออกมาเป็นระยะๆ ไอ้เจคงกำลังมันอยู่แน่ๆ เนื่องจากชั้นล่างมืดสนิท แสงไฟที่ลอดออกมาจากประตูชั้นสอง จึงเหมือนแสงสว่างนำทางเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ พวกมันเองคงชินกับบ้านไอ้แมคละนะ เล่นมากันบ่อยนี่นา แต่ผมเองไม่ชินเท่าไร ดังนั้นเวลาเดินผมจึงมองแสงไฟนั้นเป็นหลัก
พอขึ้นบันได้ไปได้สักสองสามขั้น ผมก็ชนเข้ากับหลังของมันอีกแล้ว แต่คราวนี้ต่างกัน หัวผมเกือบจะมุดเข้าตูดไอ้ต้องแล้ว มันเล่นยืนสูงกว่าผมสองขั้นแถมความสูงมันอีก
“มึงจะหยุดทำไมวะ”
“ใครมาอีกคนวะเก้า” มันหันมาถามผม (มั้ง มันมืด)
“เจไง ป๋าไม่ได้บอกเหรอ”
“อ้อเหรอ” มันเดินขึ้นไปต่อ
มันผลักประตูเข้าไป ภาพที่เห็นผิดกับที่ผมนึกไว้ถนัด ไอ้เจไม่ได้หันมาตกใจมอง หรือวิ่งเข้าใส่ของกิน มันยังนั่งอยู่แถวนั้น แต่ไม่ได้เล่นเกมแล้ว เอะ แล้วเสียงเกมเมื่อกี้ละ
“อ้าว มึงไม่ได้เล่นอยู่เหรอ” ผมถามมัน
“ต้องมึงมาด้วยเหรอ” มันถามต้อง
“เออดิ ทำไมวะ”
“ป๊าว กูแค่สงสัยคิดว่ามึงจะไม่ว่าง” มันพูดใส่หน้าต้อง
“มึงอะดิ กูเห็นว่าปิดเทอมมึงยุ่งน่าดูนี่” ไอ้ต้องตอบกลับ
ผมว่าผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของต้องนะ
“อะไรของพวกมึง วันหยุดนะเว้ย จะมามาคุกันทำไม สัดเอ้ย” เสียงป๋าพ่นขึ้นมาจากชั้นล่าง
ไอ้พวกนี้มันอะไรกันวะ คนนึงอยู่หน้าผม อีกคนอยู่หลังผม แต่ผมไม่ยักกะรู้ตัวเลย
นี่ถ้าโดนรุมปล้ำคงไม่รู้ตัวแน่ๆ
“เดินเข้าไปดิต้อง คนอื่นเค้ารอ” ผมเลยต้องบอกมัน
มันเดินเข้าห้องไปโดยดี แล้วเอาจานขนม ที่เต็มไปด้วยขนมจริงๆ เอาไปวางบนโต๊ะเล็กๆกลางห้อง
“ที่ช้าเพราะมึงมัวแต่เรียงเนี่ยนะ” เจ หันมาถามผม
“ป่าว ไม่ใช่กู” มันคิดว่าผมว่างเหรอไงนะ
“กูเอง กูนั่งทำเอง สนุกดี มีปัญหามั้ย” ป๋าโวยเลย
“อ้าวเหรอ” เจเลยเสียงอ่อยๆลง
ตอนนี้พวกผมมานั่งกันในห้องครบหมดแล้ว เจนั่งตรงข้ามกับผม ส่วนต้องเลือกที่จะมานั่งข้างๆ ป๋าน่ะเหรอ เดินไปเปิดเพลง แล้วก็กลับมานั่งข้างเจ
“เพลงไรอีกวะ” เจ ถาม
“นับวันยิ่งฟังเพลงยิ่งแปลกนะมึง” มันยังบ่นต่อ
“เออน่ากูชอบ” แมคตอบ
“แล้วนี่บ้านมึงไปไหนกันวะ” ผมถามป๋ามั่ง
“ไปต่างจังหวัดน่ะ กลับพรุ่งนี้” มันตอบแต่ไม่มองมายังคนถาม
“ดีจังนะมึง นอนอยู่บ้านคนเดียวเล่นเกม เกาไข่” ไอ้เจพูดอีก
“ไข่มึงอะสิ พูดออกมาได้” แมคหันไปตบกะโหลกไอ้เจ
ต้องเอาแก้วมาวางแล้วกำลังเทเบียร์ให้พวกเรา
“มีใครไม่แดกมั้ย” มันถามขึ้น สายตาจ้องมองไปที่ฟองเบียร์สีขาวฟอดลอยเหนือน้ำสีเหลืองอ่อน
“ของแมคมันขวดนี้ ต้อง” ผมยกขวดไปให้มัน
“อ้อ มีพิเศษด้วย” มันเลยเปลี่ยนขวดแล้วเทอีกแก้วให้แมค
“เก้ามันบอกว่า ถ้าเป็นมึงน่าจะชอบของนอก” เจสะกิดแขนแมคมัน
“รู้ใจจริงๆ” แมคหันมาขอบใจผม
“เออ เก้ามึงแดกได้นะ ไม่ใช่กลับไปไม่สบายนะมึง” ต้องกำลังยกแก้วให้ผม
“เอ่อ... ได้มั้ง” ผมตอบอ้อมแอ้ม
“ไหนตอนอยู่เซเว่นมึงบอกไม่ได้ไง” เจ พูดเสียงแข็ง
“ก็แดกไม่เยอะไง สัดนี่อย่าบ่นน่า” แต่เสียงผมดูจะไร้พลังยิ่งนัก เพราะผมเองก็พูดไปยังงั้นจริงๆ
สุดท้ายก็ต้องนั่งกินสินะ
เสียงพูดคุยหยุดลงไปนิดนึง แทนที่ด้วยเสียงดื่มเบียร์แทน พวกผมถึงจะเป็นแค่เด็กม.4 แต่ก็เป็นผู้ชายนะ เรื่องที่มันนั่งคุยกันในวงเหล้านี่จะไปพ้นอะไรอื่นได้ นอกจากผู้หญิง เรื่องอย่างว่า
แต่เอ่อ มันก็เป็นครั้งแรกของผมอะนะ ปกติปิดเทอมถ้าไม่ไปต่างประเทศ ก็จะอยู่บ้านเงียบๆ มีปีนึงป่วยจนเข้าโรงพยาบาลตั้งหลายวัน
“นี่พวกมึงปิดเทอมทำไรกันวะ” เริงถามขึ้นมา
“เฮ้ยๆ มึงเปิดหนังโป๊ดูมั้ย” เจ มันพูดขึ้นมา
พลัก คราวนี้เสียงดังหนักแน่นเลยทีเดียว
เจ้าของบ้านประเดิมหัวมันก่อน
“อะไรของมึงวะ กูแค่เสนอนะ” เจ ทำเสียงงอแงแล้ว
“นี่บ้านคนอื่นมึง มีมารยาทหน่อย” ผมหันไปพูดกับมัน
“อ้าว เดี๋ยวคืนนี้กูค่อยดูก็ได้” มันยังไม่ยอม
พลัก คราวนี้ของผม
“ยังไม่หยุด ห่า” ผมพูด
ถึงจุดนี้ ทุกคนนั่งหัวเราะกัน ผมเองก็หัวเราะ พลางยกแก้วเบียร์ขึ้นอื่มแต่สายตาที่มองลอดฟองเบียร์ผ่านขอบแก้วอีกด้านไป จ้องไปที่หน้าไอ้เจ ไอ้บ้านี่ พูดอะไรออกไป เกิดใครมันคิดหรือสงสัยขึ้นมาจะเป็นยังไง ไม่ใช่ผมนะที่ลำบาก มันก็ด้วย อย่างมากผมก็ไม่มีใครคบต่อ แต่มันละ เพื่อนๆมันจะทำยังไง
พอหันไปทางซ้ายก็เห็นต้องกำลังดื่มเบียร์อย่างเมามัน แก้วมันหายไปแล้วครึ่งนึง สายตามันเหลือบมาสบผมพอดี แล้ว.. มันหรี่ตาลงหน่อยนึง พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก .... อะไรของมันวะ
