d o u b l e M
t w e n t y - t h r e e
“พรุ่งนี้เช้ามีนขอไปวัดนะครับ”
“เอ๋?”
“มีนอยากไปหาคุณพ่อ พรุ่งนี้แม่จ๋ามีธุระ มีนไปคนเดียวได้ครับ” พูดพร้อมกับยิ้มยืนยัน คุณแม่หรี่ตามองเพื่อจับผิดลูกชาย แต่ก็พยักหน้าตกลง พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ไม่มีปัญหากับเรื่องเรียนอยู่แล้ว
“น้องมีนจะมาใส่บาตรกับแม่หรือเปล่าคะ?”
“...ครับ”
คนตัวเล็กเก็บโต๊ะอาหารและจัดการล้างจานชามให้เรียบร้อย ก่อนจะคว้าขนมหนึ่งห่อออกไปที่ห้องนั่งเล่น
“พักนี้ไม่เห็นรามินทร์มาบ้านเราเลยนะ ปกติศุกร์ เสาร์ อาทิตย์แบบนี้ต้องมานอนที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ?” เมื่อได้ฟังถึงกับชะงัก มีนเม้มปาก หันไปยิ้มให้กับผู้เป็นแม่
“ไม่รู้สิครับ...”
“ทะเลาะกันหรือเปล่าลูก?” มือเรียวลูบหัวลูกชายแผ่วเบา “น้องมีน!” เธอร้องเสียงดังเมื่อจู่ ๆ ลูกชายคนเก่งก็เบะปากราวกับเด็ก และไม่กี่วินาทีหยาดน้ำตาก็ไหลล้นจากขอบตา
“ฮึก”
“ไม่ร้องนะคะ เป็นอะไร บอกแม่จ๋าหน่อยเร็ว”
“ไม่รู้ ฮึก มีนไม่รู้ ฮือออ”
“ใจเย็น ๆ นะน้องมีน ทะเลาะอะไรกัน”
“ไม่ได้ทะเลาะ อึก.. ไม่ได้คุยกันเลยด้วย ฮือออ” กรกานต์ขยับเข้าไปใกล้ลูกชาย วาดแขนโอบไหล่คนที่ซบหน้ากับฝ่ามือตนเองเข้าไปกอดไว้แนบอก เห็นลูกร้องไห้ เธอเองก็พลอยเจ็บเสียดในอกไปด้วย
“ใจเย็นนะคนเก่ง”
เธอปล่อยให้ลูกชายร้องไห้จนสงบลง ค่อยให้เล่าถึงสาเหตุของเรื่องที่ทำให้เกิดอาการร้องไห้เช่นนี้ กรกานต์ฟังสิ่งที่ลูกชายเล่าเงียบ ๆ เป็นอันสรุปได้ว่าเพราะโดนขโมยจูบเมื่อตอนไปทะเล จนกระทั่งกลับมารามินทร์และมีนณนนท์ก็ไม่ได้คุยกันอีก ปล่อยให้เรื่องมันผ่านมาโดยไม่คุยกันแบบนี้ได้ยังไงตั้งหนึ่งสัปดาห์
“แม่จ๋า... ฮึก มีนคิดถึงรามินทร์ ฮือออ”
“คิดถึงทำไมไม่คุยกันให้เข้าใจล่ะคะ”
“มีนไม่กล้า เหมือนรามินทร์จะตีตัวออกห่างมีนเลย ฮึก”
“โธ่ คนดี คิดไปเองหรือเปล่าคะ?”
“....”
“ฟังแม่นะลูก แม่ไม่ได้จะว่าหนู แต่เป็นเพราะหนูเองหรือเปล่ารามินทร์ถึงได้เว้นช่องว่างแบบนั้น”
“....”
“มีนบอกแม่เองไม่ใช่เหรอว่าหลังจากนั้นมีนก็ตัวติดกับจันทร์เจ้าตลอด เหมือนน้องมีนจะหลบรามินทร์ก่อนนะคะ”
“มีนเปล่า...”
“ป่านนี้รามินทร์ต้องคิดว่าโดนน้องมีนเกลียดแล้วแน่ ๆ เลย”
“เปล่านะ!! มีนไม่ได้เกลียด ไม่เคยเกลียดรามินทร์เลยนะครับ...”
“แม่รู้ค่ะ สิ่งที่ลูกต้องทำคือคุยกันให้รู้เรื่อง”
“มีนกลัว”
“กลัวอะไรหืม?”
“แม่... มีนชอบรามินท์...” ร่างเล็กเงยหน้าสบตากับคนเป็นแม่อยากกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อเห็นมารดาส่งยิ้มอ่อนโยนให้หัวใจดวงน้อยก็เต้นระรัว แม่จ๋าไม่ว่าเขาจริง ๆ เหรอ...
“รู้สักทีเนาะ”
“เอ๋... หมายความว่าไงครับ?”
กรกานต์ปาดนิ้วเช็ดน้ำตาให้ลูกชาย “ดูทำหน้าเข้า ลูกแม่นี่น่ารักจริง ๆ เลยน้า”
“ง่ะ..” มีนย่นจมูกลืมความเศร้าหมองในใจไปเมื่อต้องไปโฟกัสกับสิ่งใหม่ “ถ้ามีนชอบรามินทร์แม่จ๋าจะว่าหรือเปล่าครับ ชอบแบบไม่ใช่เพื่อน”
คุณแม่คนสวยมอบยิ้มใจดีแทนคำตอบ “แม่จะว่าทำไมล่ะ ดีเสียอีก จะได้มีคนช่วยดูแลลูกชายแม่”
“แม่รับได้จริง ๆ เหรอ?”
“ทำไมแม่ต้องรับไม่ได้ล่ะ?” มีนเงียบ ตอบไม่ได้ ยกมือเกาหัวแกรก ๆ “ถ้ารู้ความรู้สึกตัวเองแล้วก็อย่าลืมบอกรามินท์ด้วยนะ”
“ทำไมต้องบอกล่ะครับ แล้วถ้ารามินทร์ไม่ได้คิดเหมือนกันมีนก็เสียเพื่อนน่ะสิ...”
“ถ้าไม่คิดก็คงไม่ขโมยจูบหนู” แม่จ๋ายิ้มกรุ้มกริ่ม
“หะ หา?”
“ไม่มีอะไรจ้า”
“แม่คร้าบบบบ”
“น้องมีนต้องไปคุยกับรามินทร์เองนะจ๊ะ แม่ไปเคลียร์งานดีกว่า อย่าลืมปิดบ้านนะ กูดไนท์จ้า”
ร่างเล็กมองตามคนเป็นแม่ด้วยความงุนงง อะไรของแม่จ๋าน่ะ.. ถ้าไม่คิดก็คงไม่จูบงั้นเหรอ... ถ้าไม่คิด ถ้าไม่... เฮ้ย!!! ถ้าไม่คิดงั้นก็แสดงว่าคิด! รามินทร์คิดแบบเดียวกันอย่างนั้นเหรอ! บ้าน่า อย่างไอ้หมีนั่งจะมาชอบคนอย่างพี่ได้ยังไง นอกจากหน้าตาดพี่ก็ไม่มีอะไรดีเลยนะ! เพ้อ เพ้อแน่ ๆ โดนแม่จ๋าอำแน่ ๆ เลย.... ทว่า... หัวใจของเขาตอนนี้มันเต้นแรงมาก ๆ เลย แถวยังปวดแก้มไปหมดเนื่องจากยิ้มเสียกว้าง คงมีเพียงแต่ดวงตาบอบช้ำและแพขนตายาวที่เปียกชื้นบ่งบอกว่าเจ้าของรอยยิ้มนี้เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“สวัสดีครับคุณพ่อ วันนี้มีนมาเยี่ยม” พูดด้วยรอยยิ้มพลางยื่นมือลูบรูปภาพของผู้ชายท่าทางภูมิฐานมีรอยยิ้มอบอุ่นประจำตัว ซึ่งอยู่ในกรอบบนเจดีย์เก็บอัฐิ
“มีนคิดถึงคุณพ่อนะครับ พ่อคิดถึงมีนกับแม่ไหม? วันนี้มีนเอาดอกทิวลิปสีขาวที่คุณพ่อชอบมาให้ด้วยนะครับ แต่ว่ามีนแซมสีแดงมาด้วย คุณพ่อต้องชอบนะ เพราะมีนจะให้ชอบ”
ร่างเล็กวางช่อดอกไม้ลงบนแท่นวาง ก่อนจะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ผู้เป็นพ่อฟังเจื้อยแจ้ว ผสมเสียงหัวเราะ เคล้าเสียงสะอื้น มือขาวยกปาดน้ำตาออกจากแก้ม เมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับจากไปเที่ยวที่ไกล ๆ สักที... คุณพ่อของพี่จากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะขับรถกลับบ้าน
“อ่า.. ลืมไปได้ยังไงนะ คุณพ่อครับ” มีนปาดน้ำตาบนแก้มออก ยิ้มเก้อ ประหม่าราวกับผู้เป็นบิดานั่งอยู่ตรงหน้า
“มีนกำลังมีความรักแหละ... คนที่มีนชอบชื่อรามินทร์ เพื่อนสนิทของมีนไง คุณพ่อจำมินทร์ได้ใช่ไหมครับ แล้วมีนชอบผู้ชายแบบนี้คุณพ่อไม่โกรธใช่ไหมครับ?”
“มีนบอกคุณแม่แล้วเมื่อคืน แม่จ๋าไม่ดุเลย แถมยังดูดีใจมากด้วย บู่ววว”
Rrrrrrrr
Paan
“เฮลโลป่าน?”
“อยู่ไหนคะ!?”
“อยู่วัดอ่ะ มีไร?”
“ไปทำไรวะ มึงไม่รู้หรอวันนี้นัดแต่งบูธ!!”
“ฮะ?”
“ฮะหาพระแสงอะไร รีบมาโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย มึงรีบมาาาาาา!!”
“เดี๋ยวนะ..”
“ให้เวลาสามสิบนาทีมีนานุช ให้ไว!”
มีนกะพริบตาปริบ ๆ มองโทรศัพท์ในมือด้วยความงงงวยเล็กน้อย นัดอะไรกัน ทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง
“คุณพ่อครับ มีนไปก่อนะฮะ ไว้มีนจะมาใหม่นะ รักพ่อนะครับ”
สี่สิบห้านาทีต่อมา ร่างบางก็มาถึงหน้าโรงเรียน เมื่อจ่ายเงินค่าแท็กซี่เรียบร้อยก็รีบวิ่งเข้าไปด้านใน ป่านโทรตามไม่ต่ำกว่าสิบรอบ ทั้งที่บอกไปแล้วว่ากำลังไปก็หาว่าเขาโกหกอยู่ได้
“พี่มีนนนนนนนนน!” เงยหน้ามองต้นเสียง เห็นจันทร์เจ้ากระโดดโบกมือหยองแหยงอยู่ไกลออกไปหลายเมตร เข่าแทบทรุด...
“เลทยี่สิบเจ็ดนาที!” ป่านพูดพร้อมกับใช้นิ้วดันหน้าผากมน มีนตวัดตามอง ปัดมือทิ้ง คนยิ่งร้อน ๆ เดินมาก็เหนื่อย มาทำให้หงุดหงิดอีก เดี๋ยวปั๊ด!
“พี่มีนเหงื่ออย่างเยอะ นั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวเราหาน้ำมาให้ดื่ม” กำลังจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่อีกฝ่ายคงไม่ฟัง จันทร์เจ้ากึ่งจูงกึ่งลากมีนไปที่ด้านหลังบูธ ถูกผลักให้นั่งที่เก้าอี้ว่างซึ่งอยู่ข้างรามินทร์พอดี...
“รออยู่นี่นะ”
“อะ อือ” จันทร์เจ้ายิ้มพอใจแล้วจึงเดินหลบฉากไป
มีนเหล่มองคนข้าง ๆ ด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ ยกมือขึ้นพัดหน้าตัวเองแก้เก้อ เรียวลิ้นสีชมพูแลบเลียริมฝีปาก อยากจะคุยด้วยเหลือเกินแต่กลับไม่รู้ว่าต้องเริ่มบทสนทนาอย่างไร ทำไมถึงดูเหมือนคนไม่รู้จักกันขนาดนนี้นะ...
“ทำไมมาช้ายะ! เขานัดกันสิบโมง”
“ไม่รู้เรื่องเหอะ” ตอบคำถามป่านก่อนหันไปบอกขอบคุณจันทร์เจ้าที่เอาน้ำมาให้
“ไม่อ่านไลน์กลุ่มใช่มะ”
“อือ”
“เยี่ยมค่าาาาาา”
เฮ้อ....
“แกมาทำงานช่วยเพื่อนสิ ไม่ใช่ไปนั่งอู้อยู่นั่น มาช้าแล้วยังจะกินแรงเพื่อนอีกนะ”
“อุ้ย... ขอโทษจ้านุ่น เหนื่อยมากไปหน่อย ขอพักดื่มน้ำเย็น ๆ แป๊บนึงน้า คิกคิก”
“เหนื่อยมากส้นตีนกูหนิ ไม่เห็นว่าแม่งจะทำอะไร เห็นแต่เจิดไปอ่อยผู้ เดี๋ยวกูฟรีคิกให้” ป่านบ่นด้วยความหมั่นไส้ มีนส่ายหน้าเบา ๆ ไม่ได้สนใจ ก็รู้ว่าแก๊งดอกทานตะวันตั้งใจจะพูดเหน็บแนมเขา
“แล้วนี่เรียกมาจะให้ทำอะไร?”
“ไม่มี”
“อ้าว”
“ก็มึงเป็นเด็กเสิร์ฟไงอย่าเด๋อ วันนี้มานั่งสวย ๆ เป็นกำลังใจก็พอแล้ว อิอิ”
“ช่ายยยยยยย มีคนต้องการกำลังใจ คึคึ” เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว.. มีนหน้าเหวอ ก่อนกระแอมไอ เกลียดการคิดไปเองของตัวเองจริง ๆ เล้ยยยยย
“เวฟกับไต้ฝุ่นไม่มาเหรอ?”
“อ้าว เปลี่ยนเรื่องอีก”
“ไปก่อนนะสาว ๆ” ป่านพูดแทรก
สาวพ่อง...
“เวฟไปม่อสาวแถมนี้แหละ ส่วนไต้ฝุ่นไปซ้อมดนตรี” พยักหน้าหงึกหงักรับรู้ ชมรมดนตรีจะขึ้นโชว์ในงานโรงเรียนวันจันทร์นี้ โดยไต้ฝุ่นรับตำแหน่งกีต้าร์โซโล่ประจำวง แถมยังพ่วงตำแหน่งรองประธานชมรมดนตรีอีกด้วย และเวฟก็ทำตัวไร้ประโยชน์เสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ
“รามินทร์จะไปไหน!?” จันทร์เจ้าร้องถาม
“ห้องน้ำ” มีนได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างตาละห้อย
“ตามไปสิ” จันทร์เจ้าใช้ศอกกระแทกไหล่มีนเบา ๆ แล้วขยิบตาให้
“ไม่”
“เอ่อ...”
ใครที่มันบอกว่าไม่เมื่อกี้ ทำไมถึงได้เดินมาถึงหน้าห้องน้ำได้...
รามินทร์เลิกคิ้วสงสัย หลุบตามองมือเล็กที่คว้าข้อมือเขาไว้เมื่อเขากำลังเดินผ่าน
“...คิดถึง” แผ่วเบา... ทว่าชัดเจนในโสตประสาท ความมึนงงชนเข้าอย่างจัง กว่าจะรู้สึกตัวแมวน้อยก็เดินหนีไปเสียแล้ว เด็กตัวสูงยิ้มกว้างจนดวงตาปิดหยี หัวเราะออกมากับท่าทางแสนน่ารักของใครอีกคน
กิ๊ง!
RAMIN V. : คิดถึงเหมือนกันครับ
“โง้ยยยยยยย! ไอ้หมีบ้า!”
ไม่โอเค พี่ไม่โอเคคคคคคคคคคคค้!! พูดเบาขนาดนั้นยังจะหูดีได้ยินอีกนะ แล้วนี่อะไร มือใหญ่ ๆ ที่ตะปบเข้าที่มือพี่แล้วออกแรงลากนี่มันอารายยยยยยยยย กลิ่นน้ำหอมเแสนคุ้นเคยนี่อีก ฮือออออออออออออ ตามมาทำไมมมมมมม! แอบเหลือบมองเจ้าของมืออุ่น มุมปากหยักยกขึ้นเป็นเส้นโค้งจาง ๆ ทำเอาคนตัวเองก้มหน้างุด แก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย
แบบนี้มันไม่ดีกับใจเลยจริง ๆ
“ไปไหน?” ตัดสินใจเอ่ยถามออกไปเบา ๆ ด้วยความสงสัย ก็ทางนี้ไม่ใช่ทางกลับบูธนี่นา..
“สวนพฤกษศาสตร์ 3”
“ไกล”
“หึหึ”
รามินทร์มองคนตัวเล็กข้าง ๆ เมื่อแมวน้อยเห็นว่าเขามองก็รีบก้มหน้างุด เด็กตัวสูงระบายยิ้มกว้าง กระชับมือเล็กที่กุมไว้ให้แน่นขึ้น จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแล้ว... นิ้วเล็กขยับดุ๊กดิ๊กไม่หยุดจนเข้าต้องหันมองอีกครั้ง
“อึดอัดเหรอ?”
“เปล่า...”
“ขยับมือไม่หยุดเลย”
มีนไม่ได้ตอบอะไรออกไป ปล่อยให้เพื่อนตัวสูงจูงมือไปจนถึงสวนพฤกษศาสตร์ ที่เขาขยับนิ้วบ่อย ๆ ไม่ใช่เพราะอึดอัดเลยสักนิด แต่เพราะเขินจนทำตัวไม่ถูกต่างหากล่ะ... รามินทร์พาคนตัวเล็กเดินไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ให้เงาร่มรื่น โดยนั่งบนพื้นหญ้า
เรานั่งเงียบ ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ทอดสายตามองบึงน้ำเบื้องหน้า ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอากาศ แค่นี้ก็รู้สึกดีจนบรรยายออกมาไม่ถูกแล้ว... แล้วตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ปล่อยมือจากกันเลยด้วย...
“ไปทำอะไรที่วัดเหรอ?” รามินทร์เอ่ยถามขึ้นหลังจากปล่อยให้เงียบอยู่นาน
“ไปหาคุณพ่อน่ะ”
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“จะเป็นอะไรล่ะ ระดับนี้” เงยหน้ามองท้องฟ้าและระบายยิ้มบาง ความรู้สึกเศร้าหรือเสียใจแน่นอนว่ามันยังเหลืออยู่ แต่ตอนนี้ความคิดถึงมันมากกว่า
“เก่งเนอะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว! อ๊ะ” มุ่ยหน้าทันทีเมื่อโดนบีบจมูก เจ็บนะเว้ย!
“หายโกรธนี่แล้วใช่ไหมครับ?”
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย คิดไปเอง”
“จริง?” รามินทร์จับมือเล็กอีกข้างที่ยื่นมาจิ้มปลายจมูกเขาเอาไว้
“อือ..”
“แล้วทำไมถึงทำเหมือนกับ...”
“หูยยยยย ให้สับสนบ้างเถอะ อยู่ ๆ ตื่นมาก็เห็นว่าตัวเองโดนจูบแบบนั้นใครจะไปตั้งตัวทัน แถมคนทำยังเป็นเพื่อนสนิทอีก!!!”
“งั้น... ขอจูบอีกได้ป่ะ?”
“ไอ้เชี่ยมินทร์!!!” รามินทร์หัวเราะเสียงดัง รวบตัวแมวน้อยเข้ากอด แม้อีกฝ่ายจะทุบไหล่เขาตุบตับ “ปล่อยเลยนะ!!”
“ม่ายยยยย ขอกอดก่อน คิดถึงจะตายอยู่แล้ว ฟอดดดด”
อะ ไอ้เหี้ย!!! ร่างเล็กนิ่งค้าง กะพริบตาถี่ หากพูดเฉย ๆ ก็คงไม่เป็นอะไรมากนัก ทว่ารามินทร์ทั้งพูดและทำ แถมยังหอมแก้มเขาไปอีกฟอดใหญ่ด้วย
ช็อกซีนีม่า...
“ปล่อยเด้!!”
“ก็บอกว่าขอกอดหน่อยไงครับ”
“งื่ออออ เดี๋ยวคนมาเห็น”
“ใครจะมา ไกลขนาดนี้” มันก็จริง ในสวนนี่มีแค่เราสองคนเองมั้ง วันนี้วันเสาร์ด้วย ไม่มีใครมาโรงเรียนหรอกนอกจากพวกที่มาเตรียมบูธเนี่ย
“มินทร์น่ะ! ยังคุยไม่จบเลยนะเว้ย!”
“โอเคครับ ยอมก็ได้”
รามินทร์หันหน้าเข้าหาคนตัวเล็ก นั่งขัดสมาธิหัวเข่าชนกัน และจับมือเล็กไว้ทั้งสองข้างแม้อีกคนจะพยายามดึงกลับ
“ชอบนี่เหรอ?”
“ตรงจัง”
“เร็วดิ!”
“อือ ชอบ มากด้วย”
ทั้งที่ทำใจจะตั้งรับแล้วแท้ ๆ พอมาได้ยินเองแบบนี้กลับรู้สึกว่ามันหนักกว่าที่คิด ถ้ายืนอยู่ไม่แน่อาจจะทรุดไปแล้วก็เป็นได้...
“หนะ นานยัง...?”
“ไม่รู้สิ รู้ตัวตอนม.2 นานไหมล่ะ?”
พระเจ้าช่วยกล้วยตากแห้ง!!
“อย่ามาทำหน้าน่ารักได้ป่ะ”
“ไอ้มินทร์!”
“ไอ้อีกล่ะ เดี๋ยวจะโดนจับจูบ”
“ตีนไหมล่ะ เป็นงานเป็นการหน่อยโว้ย!”
“หึหึ แล้วมีนล่ะ? รู้สึกเหมือนกันใช่ไหมครับ?” รามินทร์สบตากับร่างบาง นัยน์ตารูปอัลมอนด์กลอกลอกแลกไม่กล้ามอง
“มะ ไม่รู้สิ...”
“มีนครับ”
“อื้อ”
“อื้ออะไร?”
“จิ๊!” แสร้งหงุดหงิดกลบเกลื่อนความอาย “ก็เออไง ชอบ ชอบนั่นแหละ แม่ง!”
รามินทร์ยิ้มกว้าง ตากลมโตเป็นหยีเป็นเส้นโค้ง ทำเอาคนตรงข้ามต้องรีบก้มหน้าหลบ ทำไมถึงชอบใช้ตายิ้มแอทแทคหัวใจพี่ขนาดนี้ ฮือออออออ
“น่ารัก จุ๊บ!”
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นฟหกดาเนยอบนสบแใสยนเาำยมอจๆำนกมอนหากยนหบิยไขย คืออะรายยยยยยยยยยยยยยย! แค่บอกว่าชอบก็เหิมเกริมขโมยจุ๊บเขาเลยงั้นเหรอ!!! ไอ้หมีนิสัยเสีย!!!
“หน้าแดงมาก น่ารัก ทำไมมีนต้องน่ารักขนาดนี้ หืมมมม!”
“ฮื่อ!!!” ยกมือปีดหน้า หันหลังให้เพื่อนตัวสูง ไม่เอาแล้ว ไม่ชอบแบบนี้ หัวใจเต้นแรงเกินไป ไม่โอเคเลยสักนิด หน้าก็ร้อนไปหมดเลย ฮือ จะฟ้องแม่แล้วนะ!!
แต่รู้สึกเหมือนว่านั่งท่านี้แล้วจะพลาดอย่างแรง... รามินทร์ยกยิ้มขำ ล็อคเอวบางแล้วดึงมานั่งตักตัวเองก่อนจะวางคางบนไหล่แคบ เขาแกล้งเป่าลมใส่ใบหูคนตัวเล็ก มีนกลืนน้ำลายอึก ตัวแข็งทื่อราวกับโดนฟรีซ
“ตอนนี้เราก็เป็นมากกว่าเพื่อนแล้วเนอะ”
“มากกว่าเพื่อนนี่คือไร?”
“ไม่รู้สิ แฟนเหรอ?”
“เหอะ! ขอแล้วหรือไง?”
“อ่า... ยังนี่เนอะ งั้น...”
รามินทร์เงียบก่อนกระซิบเสียงหวานที่ข้างหูลูกแมวน้อยบนตัก
“เป็นแฟนกันนะ” .
.
.
.
.
โอเค รู้เรื่อง...
------------------------------
สวัสดีค่าาาาาาา
วันนี้ที่รอคอย... TwT
ตอนนี้อาจจะงง ๆ กาก ๆ ขออภัยด้วยงับ ฮือ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ และขอบคุณที่ติดตามนิยายของเราด้วยน้าา TwT
เราไม่ได้ตั้งใจจะแต่งให้มันยืดเยื้อ แต่มันเป็นไปเองง่ะ พยายามแก้แล้วแต่มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม
ขอโทษตรงจุดนี้จริง ๆ ค่ะ เราจะพยายามปรับปรุง
♥