d o u b l e M
f o u r t e e n
พักนี้รามินทร์กับเจนิซสนิทกันมาก มาก ๆ ...และมีนไม่ได้คิดไปเองแน่ อย่างเช่นตอนนี้ ข้างรามินทร์มีรุ่นน้องหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งอยู่ เวลาพักหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จระหว่างรอเรียนภาคบ่าย จึงมานั่งเล่นที่ศาลาข้างอาคาร ไม่รู้ยังไงน้องเจนซ์ถึงได้มานั่งด้วย เขายังมึนอยู่เพราะกลับจากไปเข้าห้องน้ำกับไต้ฝุ่นก็มาเจอเจนิซแล้ว แปลกใจเหมือนกันที่เห็น อาคารเรียนของม.4 ก็ไม่ได้อยู่ไกล และคิดว่าน้องอาจจะเข้ามาทัก จึงไม่คิดอะไร แต่...
ไม่ชอบ
เสียงในหัวมันบอกอย่างนี้
นั่งหันข้างให้โต๊ะ เอนหลังพิงด้านข้างของไต้ฝุ่น พาดขากับฐานเสาที่ก่อขึ้นมา หลับตาลง ไม่อยากมอง ใส่หูฟังและเปิดเพลง ไม่อยากได้ยิน..
ไปยิ้ม ไปหัวเราะกันไกล ๆ ได้ไหม หงุดหงิด!
mnnnn : หยิบน้ำให้หน่อย
ไต้ฝุ่นมองสมาร์ทโฟนในมือที่มีป๊อปอัพขึ้นมา หันมองคนที่พิงตัวเองอยู่แต่เห็นอีกคนหลับตาจึงไม่ได้ถามอะไร เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำแล้วส่งให้
mnnnn : ปาร์ตี้ครองแครง
Typhoon : หมด
มีนจิ๊ปาก โขกหัวกับไหล่ของเพื่อน ไต้ฝุ่นหัวเราะ แกล้งขยับให้ศีรษะทุยตกจากไหล่
แกล้งห้อยศรีสนุกดี เพราะมันโกรธยาก หึหึ
แต่จะไม่สนุกเพราะสายตาพ่อมันนี่แหละ เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง กระแอมไอ คว้าน้ำมาดื่ม จันทร์เจ้ากับเวฟหัวเราะ เพราะมองอยู่ สายตารามินทร์น่ากลัวมาก เราคอนเฟิร์ม!
“พี่มีนขนมไหมครับ?” เจนิซเอ่ยถาม
มีนส่ายหน้า ปิดปากหาว “ไม่ครับ ขอบคุณ”
“งั้นพี่รามินทร์ซื้อมา จัดการเลย คึคึ”
“เหอ ๆ ไว้นั่นแหละ เดี๋ยวจันทร์เจ้าก็กิน”
“พี่รามินทร์ว่าพี่จันทร์เจ้ากินไม่เลือกเหรอ!”
“แหม เจนิซ เดี๋ยวยันไปนู่น”
“หูยยย พี่จันทร์เจ้าอย่างโหด พี่รามินทร์ต้องช่วยเจนซ์นะ!”
“ขึ้นห้องก่อนนะ” ในที่สุดก็ทนไม่ไหว คว้ากระเป๋าขึ้นพาดไหล่และเดินออกจากศาลาโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากใคร งงตัวเองเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ แค่ไม่อยากอยู่ดูรามินทร์กับเจนิซเล่นกัน
ท่าทางต้องกดความรู้สึกในใจลงไปให้จมแล้วจริง ๆ
เซ็งest
เข้ามาในห้องเจอเพื่อนกันถึงอยู่ไม่ถึงสิบคน ผู้หญิงทั้งนั้น แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคุยกันอยู่หน้าห้อง กลุ่มสองล้อมวงเล่นไพ่
เออ เจริญล่ะ
“จดชื่อส่งครูไอ” มีนพูดหยอก เด็กสาวที่กำลังลุ้นไพ่ตวัดตามอง
“พูดมากว่ะมีน ถ้าครูรู้กูจับมึงทำเมีย”
บอกทีว่านี่ผู้หญิง...
“อู้วววววว! เจ้ามือป๊อกเก้าสองเด้ง” ป่านร้อง ตบไพ่ลงหน้าตักและกวาดเงินด้วยความคล่องตัว นี่คือกิจกรรมยามว่างของเหล่านกกระจิบ(ชื่อนั้นได้มาเพราะความพูดมากของแม่นางทั้งหลาย)
“ทำไมมาอยู่คนเดียววะ?” ไอ้ป่านถาม มีนเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง เกยคางบนพนักพิง
“ง่วงอ่ะ พวกนั้นกินอะไรกันอยู่ข้างล่าง เลยขึ้นมาก่อน”
“อ๋อออ ก็นึกว่าทะเลาะกับผัว”
“ผัวตีนหนิ”
“ว้ายยย พูดไม่เพราะ ฟ้องรามินทร์” เหอ ๆ “เอาเหรียญมาแลกหน่อยดิมึง”
“แลกเหรียญ?”
“เดี๋ยวแป๊บ.. เอาเหรียญแลกแบงค์”
“ขี้เกียจว่ะ เล่นเสร็จค่อยแลก”
“ดอก!” เบ้ปากกับคำด่า มีนฟุบหน้ากับโต๊ะเรียนแล้วหลับตาลง ชักจะง่วงขึ้นมาแล้วจริง ๆ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึก เฮ้อ...
“มีน!” เสียงติดแหลมตะโกนเรียก จำต้องเงยหน้ามอง “รามินทร์คบกับเจนิซเหรอ?”
“หะ?”
“เห็นช่วงนี้ดูสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย”
“เอ่อ..”
“งี้มีนก็โดนทิ้งแล้วสิ” สาว ๆ กลุ่มนั้นหัวเราะคิกคัก มีนขมวดคิ้ว ยังงุนงงกับสิ่งที่รับรู้
“เจนิซก็น่ารักเนอะ ไม่ง้องแง้ง ไม่น่ารำคาญดี รามินทร์คงชอบ”
“เสือกนะพวกมึงเนี่ย!” ป่านตะโกนขึ้น
“อ้าวอีนี่”
“อย่าทะเลาะกันดิ” พูดเบา ๆ บอกป่าน แล้วฟุบหน้ากับโต๊ะเหมือนเดิม
เจนิซเป็นเด็กน่ารัก ถ้ารามินทร์จะชอบก็ไม่แปลกหรอก ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ.. คิดแล้วมันก็จี๊ด ๆ ในอก มีพยาธิไชอยู่หรือเปล่าเนี่ย โว้ยยยยย!
ถ้าสองคนนั้นคบกันเขาต้องรู้สิ มีนเป็นเพื่อนสนิทรามินทร์นะ!
ไม่ได้คบกันแน่ ๆ
ไม่คบโว้ยยยย
ไม่ให้คบ!
หวง!!
หือ.. เดี๋ยวนะ..
“อะไร?” ถามป่านที่ทำตาละห้อย จิ้มน่องพี่จึก ๆ
“ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย”
“หะ?” ทำหน้าโง่ครั้งที่สองภายในเวลาห้านาที จู่ ๆ แม่นางนึกครึ้มอะไรขึ้นมา
“น่าาา มีเรื่องปรึกษาด้วยว่ะ”
“เรื่องอะไรวะ?”
“เออ ก็เดินไปคุยไปไง เร็วดิ จะหมดเวลาพักแล้วเนี่ย!” ยอมเออออ ลุกตามแรงลาก บอกสมาชิกนกกระจิบว่าฝากกระเป๋าด้วยนะ แก๊งนี้ถึงจะห้าวหน่อยแต่นิสัยดีสุด ๆ
“ไปซื้อขนมกันมึง”
“ไหนบอกเข้าห้องน้ำ?” จริง ๆ ก็ควรเอะใจตั้งแต่แม่นางพาลงจากตึกแล้ว ห้องน้ำด้านบนก็มีเนาะ..
“หลอก” ป่านว่า “กลัวมึงร้องไห้เลยหาเรื่องพามา อิพวกดอกทานตะวันน่าตบปากฉีก”
“ร้องไห้อะไร ร้องทำไม บ้าเหรอ”
“จิ๊! มึงนี่โง่จริง ๆ”
“เอ๊า”
“ที่พวกดอกนั่นพูดไง”
“รามินทร์กับเจนิซน่ะนะ?” ป่านพยักหน้า ยัดซาลาเปาเข้าปากในคำเดียว “เฉย ๆ”
“เฉยมากกกกก แค่ก ๆ” นั่น.. กลืนก่อนค่อยพูดก็ได้ไหม มีนส่งขวดน้ำให้ ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่หน้ามินิมาร์ท
“อือ ... เออ ทำไมมึงเรียกกลุ่มนั่นว่าดอกทานตะวันวะ?” ปกติก็ไม่กู-มึงกับผู้หญิงหรอก แต่กับนกกระจิบนี่ยกเว้นไว้แล้วกัน อย่าจัดพวกมันเป็นผู้หญิงเลย
“เปลี่ยนเรื่อง ๆ” ชี้หน้าคาดโทษ รวบกระโปงยกขาข้างหนึ่งขึ้น (ยอมใจความห่ามจริง ๆ) “ก็เหมาะแล้วมะ ไม่เคยเห็นดอกทานตะวันเหรอ หันหน้าใส่พระอาทิตย์ ร่าร่ารับแสง หน้าบานหาผู้”
เอ่อ... พูดไม่ออก กระพริบตาปริบ ๆ ดูดน้ำข้าวโพดลงคอ(ป่านซื้อให้เพราะไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์ลงมา โทรศัพท์มือถือก็ด้วย)
“แต่นึก ๆ แล้วสงสารทานตะวัน” แม่นางถอนหายใจก่อนตบโต๊ะเสียงดัง “มาต่อเรื่องของมึง”
“อะไร กลับเถอะ เดินไกลนะ แดดร้อนด้วย” เดี๋ยวมีเรื่องให้ซวยหรอก...
เป็นอันว่าป่านยอมเดินไป คุยไป และกินไป ซึ่งอันหลังพี่ไม่ได้ทำ
“มึงชอบรามินทร์หรือเปล่า?”
ดอกแรกก็ตรงเข้าอกกูเลย...
“ชอบดิ ก็เพื่อน”
“เซเลบมากค่ะสังคม” เด็กสาวกลอกตา “หมายถึงมากกว่าเพื่อน” กระตุกยิ้มพอใจเมื่อเห็นอีกคนนิ่งไป ตาสวย ๆ ของมันกลอกหลุกหลิก ขมวดคิ้วเข้าหากัน เสร็จกูมีนณนนท์!!
“บ บ้าดิ”
“พี่ไม่ได้มาเล่น ๆ พี่มาเพื่อเสือก”
“ไม่แน่ใจ” พูดเสียงเบา ก้มหน้ามองพื้น เตะก้อนหินให้พ้นทาง
“อึดอัดไหม?”
พยักหน้า “แต่ไม่รู้เพราะอะไร?”
“ให้ช่วยไหม?”
“ช่วยอะไร?”
“แค่อยากให้เธอได้ยินเสียงในหัวจายยยยย~~” หัวเราะกับหน้ามุ่ย ๆ ของเพื่อนตัวเล็ก ไม่ร้องก็ด้ายยยยย “ไม่ชอบใช่ป่ะเวลามีคนมาเจ๊าะแจะกับรามินทร์”
“ไม่รู้สิ มันขัดใจนิด ๆ” นิด ๆ จริง ๆ นะ ;_;
“ถ้ามันยิ้มให้คนอื่นล่ะ”
“รามินทร์ไม่ยิ้มให้คนอื่น”
“เออ! แล้วรู้ใช่ป่ะว่ามันฮอต มีคนชอบเยอะ เก้ง กวาง บ่าง ชะนี”
“อือ แฟนคลับเยอะ เฉย ๆ เพราะกูก็มี” มีนยิ้มเผล่ ป่านแทบจะกลอกตาเป็นลายกนก
“ตัดคนที่เป็นแฟนคลับดิ เอาคนที่อยากได้มันเป็นผัว”
“ไม่ให้! ..เอ่อ...”
“โหวววว ขี้หวงเอาเรื่อง คึคึ”
“บ้าดิ”
“หึหึ ถ้ารามินทร์มีแฟนมึงจะทำไงวะ?”
“ก็... ยินดีด้วย”
“เหอ ๆ แล้วตอนเห็นรามินทร์กับน้องเจนิซอยู่ด้วยกันรู้สึกยังไง?”
“มึงถามมากจัง จะไปทำงานเป็นแบบสอบถามเหรอ”
“มีหน้าที่ตอบก็ตอบมา เดี๋ยวปั๊ด”
“ก็... ไม่รู้สิ แต่มันอึดอัดข้างใน” ป่านหัวเราะ มีนไม่เข้าใจว่ามันน่าขำตรงไหน “แล้วถ้าชอบจริง ๆ จะรู้สึกยังไงวะ ป่านเคยชอบใครไหม?”
“เคยดิ!” ไอ้มีนนี่มันน่ารังจริง ๆ ยิ่งตอนทำตาโต ทำหน้าสนอก สนใจยิ่งน่าเอ็นดู “ใจเต้นแรง เขิน หน้าแดง คิดถึงบ่อย ๆ อยากเจอหน้า ...ทำนองนั้น”
“เหรอ..”
“ทำไม เป็นกับรามินทร์เหรอ?” มองหน้าอย่างชั่งใจก่อนพยักหน้าเบา ๆ แดงขาวแดงปลั่งด้วยความเขินอาย ยิ่งตอนป่านกรี๊ดยิ่งอายไปใหญ่ ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ยอมบอกกับป่านอย่างนี้
“นานยัง!?”
“ไม่รู้สิ แต่ช่วงหลังมานี้เป็นบ่อย”
“กรี๊ดดดดดดดด!” ป่านกรีดร้องและกระโดด “มึงชอบรามินทร์!” ขอบคุณที่ไม่ได้พูดเสียงดังและที่เราเดิอยู่ไม่มีคน
“บ้าเหรอ!!”
“จริง ๆ กิกิ มีเรื่องเม้าท์แล้วววว”
“ป่าน.. อย่าพูดกับใครได้ไหม?”
“ได้อยู่แล้ว เมื่อกี้พูดเล่น วู้วววว คนสวยล่ะแฮปปี้”
“มีความสุขไรวะ?”
“มึงรู้ใจตัวเองแล้ว กูจะไม่ต้องจิ้นให้เหนื่อย อิอิ มันดีกับใจจจจจจ”
บ้าบอเอ๊ย!! มีนบึนปาก สรุปเขาชอบรามินทร์จริง ๆ ใช่ไหม คิดเกินเพื่อนเหรอ... ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เฮ้อ แล้วต่อไปเขาจะทำยังไงดีล่ะ
“กูว่ามึงน่าจะรู้สึกนานละ แต่ไม่รู้ตัว”
“เหรอ...”
“ก็แบบ... พวกมึงเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานไม่ใช่เหรอ” อือ.. ตั้งแต่อนุบาล 1 “ถ้าเปลี่ยนความรู้สึกจากเพื่อนไปมากกว่านั้นก็เลยทำให้สับสน และบางทีมึงอาจจะเอาคำว่าเพื่อนมากดความรู้สึกนั้นลงไปก็ได้”
“...”
“ไม่มีใครรู้ความรู้สึกของมึงมากกว่าตัวมึงเองหรอกมีนานุช ถ้ายังไม่แน่ใจก็ลองคุยกับตัวเองดู”
“ไม่น่าเชื่อว่าป่านจะพูดอย่างนี้เป็นด้วย” มีนหัวเราะเมื่อป่านทำหน้างอ “ยังไงก็.. ขอบใจนะ”
“สบายยยยย เลี้ยงติมหน้าโรงเรียนกูด้วย”
“ม่ายยยยยย”
ป่านหัวเราะราวกับแม่มดร้าย ก่อนเสียงหัวเราะจะหายไปพร้อมกับใบหน้าสวยที่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“มีน..”
“หะ?”
“แย่แล้วว่ะ... ไอ้ตูนไลน์มาบอกว่าครูศศิธรเข้าแล้ว เราเลทมาห้านาทีแล้วโว้ยยยย ทำไมออดไม่ดังวะ!!!”
อ้าวฉิบหาย วิ่งสิครับรอเหี้ยอะไรอยู่!!!!!
“รามินทร์ พี่มีนไปไหนอ่ะ?” จันทร์เจ้าถามเสียงเบา รามินทร์ส่ายหน้า มองโต๊ะข้าง ๆ ที่ว่างเปล่า หายไปไหนนะ อาจารย์เข้าแล้วทำไมยังไม่มาอีก โทรศัพท์ก็ไม่รู้จักเอาไปด้วย!
“มีนณนนท์”
โอ๊ยยยย พี่มีนนนน อาจารย์เช็กชื่อแล้วนะ!!!!
“มีนณนนท์” อาจารย์ประจำวิชาเงยหน้าขึ้นมา “มีนณนนท์ไปไหน?”
“ไปกับปัทมาวตีค่ะ”
“แล้วปัทมาวตีไปไหน?”
“เอ่อ..”
ครืด! ปัง!
“ขออนุญาตค่ะ!” เจ้าของชื่อปัทมาวตีเอ่ยเสียงดัง มีนณนนท์ค้ำเข่าหอบแฮ่กเพราะความเหนื่อย เขารู้สึกหายใจไม่ค่อยออก และรู้สึกพื้นมันเอียง ๆ มือบางขยุ้มเสื้อที่ตำแหน่งหัวใจและทุบเบา ๆ
มองไปหลังห้องเห็นรามินทร์ส่งสายตาดุ ๆ มาให้ ทำเอาเขาต้องหลบสายตานั่นไปมองพื้น
“พวกเธอ! กล้าเข้าสายวิชาของอาจารย์เหรอ!?”
“ขอโทษค่ะอาจารย์ พวกหนูไม่ได้ตั้งใจ”
“พวกเธอไปไหนกันมา!?”
“เอ่อ.. ไปซื้อปากกาที่มินิมาร์ทค่ะ อาจารย์ก็รู้ว่าอาคารม.5 กับมินิมาร์ทมันไกลกัน..”
“รู้ว่าไกลแต่ก็ยังจะช้านะ! เอาล่ะ เสียเวลามากแล้ว อาจาร์ยจะหักคะแนนพวกเธอคนละสามคะแนน ไปยืนนอกห้อง อีกสามสิบหน้าที่ค่อยเข้ามา!”
ง่ะ... อยากโวยวายแต่โวยวายไม่ได้ ฮือ ป่านดึงมือมีนให้เดินตามมายืนอยู่นอกห้อง
“ขอโทษว่ะ ถ้ากูไม่ชวนมึงไปก็คงไม่สาย โดนทำโทษแถมยังโดนหักคะแนนอีก ทำขาสวย ๆ มึงช้ำอีก รามินทร์ต้องฉีกอกกูแน่ ๆ โอ๊ยยยย”
มีนยิ้มบาง ก้มมองขาตัวเอง หัวเข่าเขาขึ้นสีแดง สาเหตุมาจากที่พวกเรารีบวิ่งขึ้นบันไดมา ด้วยความไม่ระวังมีนจึงสะดุดกับขั้นบันได หัวเข่ากระแทกเข้าอย่างจัง โชคดีที่ไม่กลิ้งตกลงไปเพราะป่านยื่นมือมาคว้าไว้ทัน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาไปลงพอร์ต”
“มึงแม่ง!” ทั้งสองหัวเราะ
วูบ~
มีนหลับตา วางมือเกาะไหล่ป่านไว้เมื่อจะล้ม
“เฮ้ย เป็นอะไร?”
“หน้ามืด เดี๋ยวก็หาย”
“แน่นะ”
“อือ เป็นบ่อยถ้าตากแดดนาน ๆ อีกอย่างวิ่่งขึ้นบันไดมาเหนื่อยด้วย”
แหมะ!
“ม มีน มีน!!”
“หืม?”
“มึงเลือดออก!!”
หือ... เลือดเหรอ เลือดอะไร.. เขาอยากลืมตา ทำไมลืมตาไม่ขึ้น.. รู้สึกว่าตัวค่อย ๆ ทิ้งดิ่งลงพื้น... มันยืนไม่อยู่จริง ๆ
“กรี๊ดดดดด!! อาจารย์ขา! มีนณนนท์เป็นลม!!!”---------------------------------
สวัสดีจ้า... พายัยหนูมาสังเวย...
บทจะรู้ตัวก็รู้แบบง่าย ๆ เลย 555555555555 ต้องทำพิธีขอบคุณป่านแล้วงานนี้

พี่มีนเป็นลมง่ะ ฮือ รามินทร์ต้องบ้าแน่ๆ TwT
แต่รามินทร์จะบ้าจริงไหมต้องรออ่านตอนต่อไปด้วยนะครับผม
ไว้เจอกันตอนหน้าจ้า ♥
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ
