d o u b l e M
s i x
“ฮ่า ๆ ไปเก็บมาฮันเตอร์! บัสเตอร์!”
เสียงใสร้องสั่งพร้อมกับขว้างลูกบอลในมือออกไปให้เจ้าฮันเตอร์และบัสเตอร์ไปคาบมา ฮันเตอร์คือสุนัขพันธุ์ซามอยด์ขนสีขาว และบัสเตอร์คือสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีน้ำตาลทองตัวใหญ่แสนอารมณ์ดี
วันนี้มีนมาเล่นที่บ้านของรามินทร์ตามที่พูดไว้ และก็เริ่มปฏิบัติการณ์แกล้งเจ้าเพื่อนรักสี่ขาให้วิ่งไปวิ่งมา
“โอยยย พอแล้วววว เหนื่อยแล้ว แฮ่ก”
เล่นกันไม่นานสุดท้ายก็นอนหมอบทั้งคนทั้งหมา..
“พอแล้ว เข้าบ้านเถอะ”
“ยังเล่นกับทูเตอร์ไม่จุใจเลย”
“ตัวมอมแมมหมดแล้ว เล่นกับพวกมันมาจะสามชั่วโมงแล้วนะ”
ร่างเล็กยู่ปากก่อนพยักหน้าหงึก ๆ รับคำแล้วเดินไปโบกมือลาฮันเตอร์กับบัสเตอร์ ทำอย่างกับจะไม่ได้เจอกันอีก
“อั่ก!” รามินทร์ร้องเบา ๆ เมื่อเพื่อนตัวเล็กทิ้งตัวนอนทับทั้งตัว ตอนนี้มีนอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็เลยขอก่อกวนรามินทร์ที่นอนคว่ำเล่นเกมอยู่บนเตียงสักหน่อย อาบน้ำเสร็จก่อนเขาตั้งนานแล้วไม่ยอมลงไปข้างล่าง
“หนักนะหมู”
“หมูที่หนายยยยยย ไม่ใช่จันทร์เจ้าสักหน่อย” ว่าพร้อมกับขยับคางไปวางบนไหล่เพื่อนสนิท ใบหน้าด้านข้างของทั้งคู่อยู่ใกล้เพียงไม่กี่เซนติเมตร
“เดี๋ยวสักพักมีนก็จะเป็นหมูเหมือนจันทร์เจ้าแล้ว”
“โหยยยย ยันนี่ตกเตียงยังดีกว่าพูดแบบนี้อีก” รามินทร์หัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของคำที่นอนทับเขาอยู่ กลิ่นกายหอมกรุ่นและผิวนุ่มนิ่มของมีนามันทำให้เขาต้องควบคุมตัวเองอย่างหนัก เพื่อไม่ให้พลิกตัวเพื่อนตัวเล็กมากอดฟัด ทั้งที่ใช้แชมพูและครีมอาบน้ำขวดเดียวกัน แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อมันอยู่บนตัวของมีนาแล้วมันถึงได้หอมผิดปกติ..
จะทำให้หลงไปถึงไหนกัน “ทำไมไม่เช็ดผม” รามินทร์ถาม พลิกตัวนอนหงายให้ร่างบางตกลงไป แต่คนตัวเล็กก็ยังไม่วายขยับขึ้นมาเกยเขาอีก
“เย็นฉบายยยยย”
“เดี๋ยวก็จะไม่สบายยยยย” มีนหลับตาพริ้มพร้อมอมยิ้มบาง โด่ววว ถึงพี่จะป่วยง่าย แต่แค่ไม่ผมเปียกชื้นกาก ๆ นี่ไม่ทำให้พี่ป่วยหรอก เชื่อสิ!
“เช็ดให้หน่อยสิ” แต่ไม่เสี่ยงดีกว่าเนอะ แหะแหะ
“ลุกขึ้น” ลุกขึ้นตามที่รามินทร์บอก มีนพับขานั่งขัดสมาธิหันหลังให้เพื่อนตัวสูง รามินทร์เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาแล้วมานั่งซ้อนด้านหลังของมีน ก่อนจะใช้ผ้าซับหยดน้ำจากศีรษะทุยอย่างทะนุถนอม ร่างบางหลับตาลง เอนหลังพิงอกกว้างของเพื่อนสนิทเมื่อความสบายและผ่อนคลายก่อตัวขึ้น งืม... ง่วงแล้วอ่ะ
ปัง!
“น้องมีนนนนนน!” เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก หันมองต้นเสียงแล้วยิ้มกว้าง ผิดกับเจ้าของห้องที่ตวัดตามองผู้มาใหม่อย่างไม่พอใจ
“พี่วานิน สวัสดีครับ” วานินยิ้มกว้าง อ้าแขนโอบกอดเพื่อนสนิทของน้องชายแน่น ก่อนหันไปยักคิ้วให้รามินทร์ที่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่บนเตียง ให้ตาย.. พี่สาวเขามันน่าหงุดหงิดจริง ๆ
“เพิ่งรู้จากแม่เมื่อกี้ว่าน้องมีนมา ดีจังที่เจอกัน”
“แหะแหะ ปล่อยก่อนได้ไหมครับ? มีนหายใจไม่ออกแล้วน้าา”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ พอดีคิดถึงมากไปหน่อย” หญิงสาวยิ้มอาย ส่งมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มสีช็อกโกแลตของเพื่อนน้องชาย เธอไม่แปลกใจเล้ยยย ว่าทำไมน้องชายเธอถึงได้ติดเด็กคนนี้หนัก ตัวก็นุ่มนิ่มน่ากอด กลิ่นก็หอมไปทั้งตัว ถ้าเธอเป็นผู้ชายน้องมีนเสร็จเธอแน่ ๆ
“ลงไปข้างล่างดีกว่าเนอะน้องมีน” ว่าแล้วเธอก็คว้ามือนุ่มของมีนไปจับแล้วพากันเดินออกจากห้อง รามินทร์กลอกตา มองตามหลังพี่สาวกับเพื่อนสนิทอย่างเซ็ง ๆ
วานินจะกลับบ้านอะไรวันนี้วะ! วันที่เขาไม่พามีนมาทำไมถึงไม่กลับ
มาที่ชั้นล่างของบ้านเขาก็กลายเป็นคนถูกลืมทันที.. มันจะมากไปแล้วไหม?
“มานั่งสิ” มีนตบที่นั่งข้างตัวเองปุ ๆ แต่เมื่อรามินทร์จะเดินไปนั่งที่ตรงนั้น พี่สาวอย่างวานินก็พุ่งไปตัดหน้าเขาเสียก่อน
“อะไรของพี่วะ!”
“พี่จะนั่งตรงนี้ รามินทร์ไปนั่งตรงนู่นไป” ทำหน้าไม่สะท้านกับสายตาน้องชาย ถึงแม้รามินทร์จะตาหวานเหมือนใจดีแต่อย่าให้จ้องเขม็งอย่างนี้เลย เสียวสันหลังวูบ แต่ความอยากแกล้งน้องมันก็มากกว่าความกลัวอยู่ดี เพราะฉะนั้นจงเมินสายตานั้นซะ!!
เด็กโดนขัดใจหน้าบึ้งตึง ทว่าไม่มีใครสนใจเขาซะงั้น เอาเถอะ มันเป็นเรื่องดีที่ครอบครัวเขารักและเอ็นดูลูกแมวของเขามากอย่างนี้ ถ้าหากอนาคตเกิดอะไรขึ้นมันอาจจะง่ายก็ได้...
“ตัวเล็ก!”
“พี่นาวินนนนนน~” เจ้าของฉายา ตัวเล็ก โยนจอยเกมในมือทิ้งอย่างไม่ใยดีแล้ววิ่งเข้าไปกอดคนมาใหม่ที่อ้าแขนรอก่อนแล้ว ภายนั้นส่งผลให้เด็กหนุ่มตัวสูงบีบจอยเกมในมือนั่นและมองพี่ชายคนโตอย่างไม่สบอารมณ์
ให้กอดกับพี่วานินยังดีกว่ากอดพี่นาวินอีก!
“ลมอะไรหอบมาเนี่ย”
“มีนคิดถึงทูเตอร์”
“อะไรกัน มาเพราะหมาเหรอ?”
“แหะแหะ” ผละออกจากอ้อมกอดพี่ชายคนโต “สวัสดีครับคุณลุง” แล้วยกมือไหว้สวัสดีนายใหญ่ของบ้าน
“สวัสดี ๆ น่ารักขึ้นหรือเปล่าน้องมีน”
“มีนหล่อครับ” หลังจากพูดประโยคนั้นไปพี่ก็ไม่เก็ทว่าทำไมทุกคนต้องถอนหายใจ..
พี่มาบ้านรามินทร์บ่อยมากกกกก! พอ ๆ กับรามินทร์ไปบ้านพี่เลย ตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เลยค่อนข้างสนิทกับครอบครัวนี้ และได้รับความเอ็นดูอย่างท่วมท้นตั้งแต่เจ้าของบ้านไปจนถึงกระถางดอกไม้หน้าบ้าน อ้าว เว่อร์ไปเหรอครับ /เกาท้ายทอย
“น้องมีนคิดหรือยังคะว่าจะเรียนอะไร?” คนถูกถามทำหน้าครุ่นคิดก่อนส่ายศีรษะเบา ๆ
“ยังเลยครับ” ตอบก่อนตักกับข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวแก้มตุ่ย
“น้องเพิ่งมอห้า จะรีบถามทำไมวานิน”
“เอ๊า! นินคิดตั้งแต่มอสามเลยนะพี่นาวิน”
“มีนาจำเป็นต้องคิดแบบพี่หรือไง”
“เอ๊ะ! ไอ้เด็กนี่” ยกกำปั้นใส่น้องชายคนเล็ก(แต่ตัวไม่เล็ก)
“พอ ๆ อย่าทะเลาะกันสิเด็ก ๆ” เป็นคุณแม่ที่ห้ามศึกย่อม ๆ ระหว่างพี่น้อง
“หรือจะไปอังกฤษกับรามินทร์!?”
“หุบปากวานิน” รามินทร์พูดเสียงนิ่ง มองพี่สาวเขม็ง อยู่เงียบ ๆ ก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นใบ้สักหน่อย ให้ตาย.. มีนนองหน้าเพื่อนสนิทด้วยความงุนงง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คำอธิบายอะไร..
รามินทร์จะไปอังกฤษ.. ทำไมไปไกลจังเลยล่ะ แล้วเราจะได้เจอกันไหม? จะไปเมื่อไหร่เหรอ? ทันทีที่จบมัธยมปลายเลยหรือเปล่า? แล้ว.. ทำไมหัวใจของมีนถึงได้บีบรัดจนเจ็บแปล๊บอย่างนี้กัน..
21 : 30
“ทำอะไรตรงนี้ครับ?”
“พ พี่นาวิน.. เปล่าครับ มีนไม่ได้ทำอะไร” ตอบพี่ชายเพื่อนสนิทก่อนแกว่งขาในน้ำไปมา นาวินพับขากางเกงขึ้นก่อนหย่อนลงในสระน้ำและนั่งท่าเดียวกันกับเพื่อนน้องชาย
“รามินทร์ไปไหนล่ะ?”
“บนห้องมั้งครับ”
“อืม..”
“พี่นาวินมีอะไรหรือเปล่าครับ?” ถามคนที่นั่งข้าง ๆ พี่นาวินเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“เปล่าครับ”
“อ่า..”
“อยากรู้เรื่องอะไรทำไมไม่ถามถามล่ะ หือ?”
“ครับ?”
นาวินยิ้มบาง ขยี้กลุ่มผมนิ่มเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูก่อนจะผุดตัวลุกขึ้น
“พี่ไปพักผ่อนก่อนล่ะ พรุ่งนี้ประชุมเช้าด้วยสิ”
“ห หะ?” อะไรของพี่นาวิน มาทำให้งงแล้วก็จะไปเนี่ยนะ “ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“มีนก็เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวยุงกัด”
“กัดแล้วฮะ..” รู้สึกว่าคิดผิดที่บอกไปอย่างนั้น นาวินคว้าแขนเล็กไปดู จุดแดง ๆ ที่ปรากฏบนผิวขาวเนียนทำให้เขาจิ๊ปาก แพ้ยุงแล้วยังจะมานั่งตากยุง มันน่าตีจริง ๆ
“เข้าบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
“พี่นาวินใจเย็น ๆ ครับบบ” ทำให้เป็นห่วงแล้วยังจะมายิ้มแฉ่ง เด็กดื้อเอ๊ย!
แกรก..
ค่อย ๆ แง้มบานประตูให้เปิดก่อนโผล่ศีรษะเข้าไป ไฟในห้องยังเปิดสว่างโร่ พี่ขนลุกซู่เลย ถ้ารามินทร์รู้ว่าไปนั่งบริจาคเลือดให้ยุงมานะ โดนสวดแน่ ๆ เมื่อกี้แค่พี่นาวินเขาก็แทบหูชาแล้ว บ้านนี้ห่วงเขาโอเวอร์มาก ๆ แต่ก็ชอบนะ อบอุ่นดี คึคึ
“ยังไม่นอนหรอ?” เอ่ยปากถามคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเกากีต้าร์อยู่บนเตียง ถามโง่ ๆ นะไอ้มีน! ถ้านอนแล้วจะนั่งอยู่อย่างนี้เหรอ!?
“หึ” รามินทร์ส่ายหัว “ไปไหนมาครับ?”
“นั่งเล่นข้างล่างง่ะ เดี๋ยวนี่ไปแปรงฟันก่อนนะ” บอกไปก็ไม่ต้องการคำอนุญาตอยู่แล้ว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องบอกรามินทร์แทบทุกอย่าง
อ่า.. แล้วจะเอายังไงกับตุ่มแดง ๆ ที่แขนดีเนี่ย..
“กลิ่นยา?”
“หะ?” อยู่กับฮันเตอร์ บัสเตอร์มากไปใช่ไหม! ทำไมจมูกดีอย่างนี้ อุตส่าห์ชิ่งปิดไฟเพื่อไม่ให้เห็นรอยแดงที่แขนแล้วยังจะได้กลิ่นอีก! มีนครางอื้อเมื่อเพื่อนตัวสูงคว้ารีโมทมาเปิดไฟให้ห้องสว่าง พี่นี่รีบสอดแขนใต้ผ้าห่มเลย
“เปิดไฟทำไม จะนอนนนนน”
“เพิ่งสี่ทุ่ม อย่ากระแดะ”
ว่ากันงี้เลย?
“พรุ่งนี้ไปเรียนไง นอนเถอะนอน ปิดไฟนอนเร็วคนเก่ง”
แหนะ ไม่คล้อยตามแล้วยังทำหน้าขรึมใส่อีก
“ตอบ”
“ก็.. เปล่า”
มีนกลั้นหายใจเมื่อเพื่อนสนิทพลิกตัวขึ้นมาคร่อมตัวเขา แขนแกร่งทั้งสองยันพื้นเตียงเอาไว้เพื่อไม่ให้ทับคนตัวเล็กกว่า ดวงตารูปอัลมอนด์เบิกโตก่อนกระพริบถี่
“โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่”
“โง้ยยยยยย นี่ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ นะ แค่ยุงกะ---” ยกมือปิดปากไว้เมื่อเผลอพูดออกไป รามินทร์ขมวดคิ้วก่อนดึงผ้าห่มออกไป มีนรีบซ่อนแขนข้างที่โดนยุงกัดไว้ด้านหลัง โอ๊ยยยยย ทำอย่างนี้มินทร์รู้สิ! แต่จะคิดได้ก็สายไปแล้ว..
“ดื้อ” ลูบรอยแดงบนแขนเล็กเบา ๆ ก่อนถอนหายใจ
“แค่นี้จิ๊บ ๆ ไม่เอา ไม่เครียดเนอะ” ว่าพร้อมเกลี่ยนคิ้วเข้มให้คลายปมออก รามินทร์มองเพื่อนตัวเล็กอย่างเหนื่อยใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้.. แพ้อย่างไม่คิดจะสู้...
“แมวดื้อ ชอบทำให้ห่วง”
“โอ๋ ๆ นี่ไม่ได้เป็นอะไรเลยนะเว้ย” มือเล็กยื่นไปยีผมเพื่อนสนิทก่อนกอดสอดไปรั้งท้ายทอยคนด้านบนให้ล้มตัวลงมา “ทายาแล้วด้วย ห้ามบ่นเลย นี่โดนพี่นาวินบ่นจนเหนื่อยแล้ว”
“นี่กับพี่นาวินคนละคนกัน”
“โธ่...”
สอดแขนเข้าใต้แผ่นหลังเล็กแล้วตระกองกอดอย่างทะนุถนอม จมูกโด่งฝังลงที่ลำคอระหงพร้อมสูดกลิ่มหอมจากกายขาวอย่างแนบเนียน จะว่าเขาฉวยโอกาสก็คงได้ แต่มีนาเปิดโอกาสให้เขาเอง นั่นมันก็ช่วยไม่ได้.. ถ้าโกรธแล้วทำไมไม่ผลักออก? กับคนอื่นน่ะใช่ แต่ลูกแมวตัวนี้ไม่ใช่คนอื่นสำหรับเขา ยิ่งโกรธคนตัวเล็กก็ยิ่งรั้งให้เขาเข้าหา.. กำไรเห็น ๆ หึ
“หนักแล้วนะไอ้หมี!”
“เหรออออ” รามินทร์ทิ้งน้ำหนักใส่คนตัวเล็กจนอีกฝ่ายร้องโวยวาย เอาเถอะ ไม่มีใครได้ยินหรอก ห้องเขาเก็บเสียง
แกล้งเพื่อนสนิทจนพอใจแล้วจึงพลิกตัวนอนตะแคง แต่ยังรั้งให้ลูกแมวจอมดื้อมาซบอก เลื่อนแขนขึ้นรองศีรษะอีกฝ่ายในตำแหน่งที่พอดี มีนขยับตัวนิดหน่อยก่อนวาดแขนพาดเอวสอบของรามินทร์...
ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนอื่นกับเพื่อนทำกันอย่างนี้หรือไม่ แต่สำหรับเรามันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แม้ใครจะมองว่ามันแปลก แต่พวกเราก็สนใจเพียงแค่กันและกันเท่านั้น...
“มินทร์จะไปอังกฤษหรอ?”
“ไม่รู้สิ.. แค่คิด”
“อ่า..”
“ไปด้วยกันไหม?”
เงยหน้าสบตากับเพื่อนตัวสูง “พูดแบบนี้จะไปจริงสินะ..”
“กว่าจะจบมอหกก็อีกตั้งนาน”
“อืม โชคดี” รามินทร์เลิกคิ้วเมื่อคนในอ้อมกอดพูดอวยพรเสียงขุ่น ซ้ำยังพลิกตัวหันหลังให้เขาอีก..
เด็กตัวสูงขยับเข้าไปใกล้จนแผ่นหลังเล็กชิดอกกว้าง ลูกแมวขี้น้อยใจยังคงนอนนิ่งแถมยังส่งเสียงฮึดฮัดคล้ายถูกรบกวนการนอน รามินทร์ยิ้มขำ กดปิดไฟอีกครั้งก่อนดึงผ้าห่มคลุมทั้งคู่ไว้ กดริมฝีปากกับศีรษะทุยแล้วซบไว้อย่างนั้น
“กว่าจะถึงตอนนั้นนี่คงเปลี่ยนใจแล้ว”
“....”
“อย่างอนเลยน่า”
“ไม่ได้งอน!”
“แล้วอย่างนี้เรียกว่าอะไรหืม?”
“ถ้าพี่วานินไม่พูดจะบอกนี่หรือเปล่า? ถ้านี่ไม่ถามจะบอกหรือเปล่า?”
“บอกสิ”
“เมื่อไหร่หรอ? วันที่เดินเข้าเก็ตเลยไหม”
“อย่าพูดอย่างนั้น” กระชับวงแขนโอบกอดร่างบางแน่นจริงกว่าเดิม ราวกับว่าหากคลายอ้อมกอดเพียงแค่นิดเดียว คนคนนี้จะหายไป..
“...”
“เพราะยังไม่แน่ใจเลยไม่บอก เรื่องนั้นแค่คิดไว้เฉย ๆ”
คิดไว้ว่าหากทุกอย่างประสบความสำเร็จเขาอาจใช้เหตุผลข้อนี้เพื่อต่อรองกับครอบครัวได้ ให้ทุกคนว่าเขาสามารถดูแลตัวเองได้ ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขา.. หากดูแลตัวเองไม่ได้แล้วจะไปดูแลคนอื่นได้ยังไง.. มันก็เพื่อนตัวเขาและคนคนนี้ ...
ในอนาคต... “อืม”
“ไปด้วยกันไหมครับ?”
“ไม่”
“...”
“นี่จะอยู่กับแม่ อยากไปก็ไปคนเดียวเถอะ”
“ใจร้ายจัง คงเหงาแย่”
“สมน้ำหน้า”
“ไม่สงสารนี่เหรอ?”
“...ก็ไม่ต้องไปสิ” ยกยิ้มกับคำพูดแผ่วเบาของเพื่อนสนิท อยู่ใกล้กันแต่นี้ไม่ได้ยินก็แน่ละ
“ว่าไงนะครับ?”
“เปล่า เงียบได้แล้วจะนอน แล้วก็ขยับไปไกล ๆ ด้วย อึดอัด!”
“ไม่ล่ะ จะกอดไว้ทั้งคืนเลย”------------------------------
กระดึ้บ ๆ กระดึ้บมาอัพแล้วก็กระดึ้บหนีด้วย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ให้นะคะ ขอโทษด้วยที่มาลงช้า TwT
เดี๋ยวถ้าวฟล.จบก็คงได้ลงเร็ว ๆ แล้วงับ
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะค้าาาา
จุ้บ ๆ ♥