Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 48
พิสูจน์ด้วยชีวิต
จากที่แม่ของหมอเงินมาเยี่ยมคราวนั้น อยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่งเธอก็กลับไป ผ่านมาเดือนกว่าๆ เงินก็มีสัมมนาที่กรุงเทพหนึ่งอาทิตย์ ขรรค์ก็เลยถือโอกาสลาพักร้อนด้วยเพื่อมาขับรถให้กับคนรัก
แต่จักรกลับต้องพบกับเรื่องหนักใจนั่นก็คือ เขาต้องมาค้างที่บ้านของเงินซึ่งไม่ใช่โรงแรมอย่างที่คิด เพราะฉะนั้นในช่วงที่เงินไปเข้าสัมมนา เขาก็ต้องอยู่ที่บ้านซึ่งมีแม่ของเงินอยู่เลี้ยงหลานตลอดเวลา
บรรยากาศระหว่างเขากับแม่ของเงินมันดีขึ้นก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเกร็งๆ อยู่
“ชื่น เอากระเป๋าของคุณๆ ขึ้นไปเก็บที่ห้องของเงินให้หน่อยไป” แม่ของหมอเงินสั่งเด็กรับใช้ในบ้าน
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
“แล้วนี่หิวกันไหม จะให้เด็กทำให้กิน” สร้อยหันมาถามลูกชาย แต่ในตัวประโยคก็หมายถึงขรรค์ด้วยเช่นกัน
“ผมกับขรรค์ทานมาแล้วระหว่างทางครับ รอตอนเย็นทีเดียวเลยดีกว่า ตอนนี้น้องรักษ์อยู่ไหนครับ”
“นอนกลางวันอยู่ห้องนั่งเล่นนู่น”
“เสียดาย ต้องรอตื่นก่อนใช่ไหมเนี่ย”
“ก็ทำไมลูกไม่มาแต่เช้าล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยังมีโอกาสได้นอนกับน้องรักษ์อีกหลายวัน” เงินว่าอย่างไม่สนใจที่มาไม่ทันก่อนลูกชายนอนกลางวัน
ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้พักด้วย
“งานเป็นไปได้ด้วยดีใช่ไหมลูก”
“ก็เรื่อยๆ แหละครับ แต่ช่วงนี้มีคนป่วยเยอะมากเลยครับ อาจจะเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูหนาว ยังไงแม่ก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ”
“จ้าๆ แม่ดูแลตัวเองตลอดนั่นแหละ”
“แล้วนี่พ่อไปไหนครับ ไม่เจอนานแล้ว คิดถึงมากๆ เลย”
“อยู่โรงพยาบาลสิ จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าคิดถึงก็โทรหาแล้วก็ไปรับพ่อกลับบ้านสิลูก”
“จริงด้วยสินะครับ งั้นตอนเย็นผมไปรับพ่อดีกว่า”
“จ้าๆ แต่ตอนนี้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนไป แล้วค่อยพักผ่อน นายก็ด้วย พักผ่อนตามสบายเลย” ประโยคสุดท้ายสร้อยกันมาพูดกับขรรค์ ซึ่งร่างแกร่งก็ยิ้มรับอ่อนๆ
“ครับ”
“โห ได้กลับมาบ้านทั้งที อยู่คุยกับแม่ดีกว่า ส่วนขรรค์จะไปข้างนอกก็ได้นะ เป็นห่วงจักรไม่ใช่หรือไง” หมอเงินถามคนรัก
“ครับ”
“ใครหรือลูก”
“จักรเขาเป็นพี่ที่ขรรค์เคารพน่ะครับ ตอนนี้มาทำงานกับอิน เพื่อนที่ผมบอกว่าเป็นนักธุรกิจน่ะครับ”
“งั้นหรือ...จะไปไหมล่ะ ฉันจะได้ให้คนขับรถพาไป” เธอถามเรียบๆ เหมือนไม่ใส่ใจ แต่นั่นเป็นเพราะทิฐิที่ยังคงมีมากกว่าที่ทำให้เธอยังเสียงแข็งกับขรรค์อยู่
“ไม่เป็นไรครับ ผมขับไปเองดีกว่า”
“ไปถูกหรือ”
“ถูกครับ ผมขับรถในกรุงเทพบ่อย ก็พอรู้เส้นทางอยู่บ้างครับ”
“แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ”
“บริษัท อัมรินทร์ กรุ๊ปน่ะครับ ผมจะไปเยี่ยมจักรกับอินหน่อย” ขรรค์ตอบ
“เอ๊ะ! บริษัทของคุณอิศวรนี่ ตอนนี้ลูกชายของคุณอิศวรเป็นคนดูแลบริหารอยู่นะ” เธอโพล่งออกมา
“แม่รู้จักด้วยหรือครับ” เงินถามอย่างสงสัย
“ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกลูก แค่เห็นตามข่าวสังคมบ้างน่ะ”
“นึกว่ารู้จักเป็นการส่วนตัวเสียอีก”
“แล้วเพื่อนของลูกทำแผนกอะไรในบริษัทน่ะลูก เอ๊ะ...แต่เงินบอกแม่ว่าเพื่อนคนนี้เป็นนักธุรกิจนี่ อย่าบอกนะว่า...”
“ใช่ครับ เพื่อนของผมชื่ออินทัช ชยอัมรินทร์ ตอนนี้เป็นผู้บริหารอัมรินทร์ กรุ๊ปน่ะครับ”
“จริงหรือลูก!! ทำไมถึงได้รู้จักคนระดับนี้ได้ล่ะ” เธอเอามือทาบอกอย่างตกใจ แล้วถามลูกชายอย่างคาดไม่ถึงที่ลูกชายตนจะรู้จักคนระดับนี้ได้
“ก็เรื่องมันยาวน่ะครับ แล้วอินก็ไม่อยากให้ผมเล่าให้ใครฟังด้วย ขอโทษนะครับแม่”
“ไม่เป็นลูก แม่ก็ไม่อยากรู้เท่าไหร่หรอก แค่สงสัยที่ลูกจะเป็นเพื่อนกับคนระดับนั้นน่ะ แต่เอ๊ะ! เขาอายุน้อยกว่าลูกไม่ใช่หรือตาเงิน” ถามทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้
“ครับ แต่เราตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเรียกผมสุภาพอยู่ดี แต่อินเขาจะสนิทกับจักรมากกว่าน่ะครับ เลยเอาจักรมาทำงานด้วย”
“ถือว่าลูกมีเพื่อนที่ดีไปนะ”
“ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวก่อนะครับ”
“มาให้ทันข้าวเย็นล่ะ ฉันจะทำรอ”
“เอ่อ...ได้ครับ”
“รีบไปเถอะขรรค์ เงินจะอยู่คุยกับแม่ที่นี่แหละ ขับรถดีๆ นะ” เงินพูดกับคนรัก ร่างสูงพยักหน้าแล้วยิ้มให้ก่อนจะลุกออกไปทันที
จริงๆ แล้วจุดประสงค์หลักที่ขรรค์ไปวันนี้เลย เพราะอยากจะให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกันมากกว่า เพราะตอนที่แม่ของเงินไปที่นั่น ก็แทบจะไม่ได้อยู่กับลูกชายเลย แล้วครั้งนี้เงินก็มีเวลาแค่ไม่กี่วัน ถ้าอะไรที่ขรรค์พอจะทำได้ก็ทำ ให้สองแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันเพื่อไม่ให้สร้อยรู้สึกว่าเงินเห็นคนรักดีกว่าตน
จุดประสงค์รองก็คือ รามินทร์วานให้เขารายงานความเป็นไปของอินทัช ขรรค์ก็เลยจำเป็นต้องไปหาอินทัชกับจักร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นห่วงจักรอย่างที่บอกก็เถอะ
“เดือดร้อนจริงๆ ตัวเองยังเอาไม่รอด”
ไม่บ่อยนักหรอกที่ขรรค์จะบ่นออกมาแบบนี้ ปกติเขาจะเก็บมันเอาไว้ในใจ
“ขอโทษนะครับ ผมมาพบคุณอินทัชน่ะครับ” ขรรค์เดินเข้าไปแจ้งกับประชาสัมพันธ์ทันทีที่รวบรวมความกล้าเข้าไปด้านในตัวบริษัท ที่พอได้เข้ามากลับรู้สึกใหญ่กว่าที่คิดและใหญ่กว่าที่เห็นจากภายนอกเสียอีก
เรารู้จักคนระดับนี้ได้เพราะคุณรามจริงๆ
“ได้นัดกับท่านไว้หรือเปล่าคะ”
“นัดครับ”
“ขอทราบชื่อด้วยค่ะ”
ต้องถามกันถึงขนาดนี้เลยหรือวะเนี่ย? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“ขรรค์ชัยครับ”
“คุณขรรค์ชัยนะคะ เชิญได้เลยค่ะ” เธอผายมือไปทางลิฟต์ ซึ่งร่างสูงก็ก้มหน้าให้น้อยๆ เป็นการขอบคุณเธอก่อนที่ตนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์แล้วกดชั้นที่ได้คุยกับอินทัชก่อนหน้านี้มาแล้ว
สรุปแล้วทุกคนก็ติดต่อกับอินทัชอย่างปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่คนที่ถูกตัดขาดออกไป ก็คือรามินทร์ แค่รามินทร์คนเดียวเท่านั้นที่อินทัชไม่ได้ติดต่อด้วย
“มาพบคุณอินทัชครับ”
“ที่นัดไว้ใช่ไหมคะ คุณ...เอ่อ”
“ขรรค์ครับ”
“คุณขรรค์นะคะ รอสักครู่ค่ะ พอดีคุณอินกำลังอ่านสรุปการประชุมอยู่น่ะค่ะ” พูดจบเธอก็ต่อสายตรงหาเจ้านายในห้องว่าขรรค์มาแล้ว ซึ่งอินทัชก็รีบบอกให้เข้าไปทันทีแล้วก็ให้โทรลงไปที่ฝ่ายออกแบบและตกแต่งให้จักรที่กำลังฝึกงานเกี่ยวกับการออกแบบและตกแต่งมาพบที่ห้องด้วย
ไม่นานในห้องทำงานก็พร้อมด้วยทั้งจักรและขรรค์
“มึงเป็นไง สบายดีนะ” จักรถามขรรค์ทันทีที่เห็นหน้าของอดีตเจ้านายและน้องชายที่สนิท
“ก็สบายดีตามที่เห็นแหละพี่ แต่พี่มาทำงานที่นี่ แต่งตัวดูดีนี่หว่า”
“มึงอย่าทักดิ กูอายนะเว้ย” จักรว่า หน้าเข้มๆ แดงขึ้นมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวอายจริงๆ ขรรค์ก็ได้แต่หัวเราะน้อยๆ เพราะไม่เคยเห็นว่าจักรจะเขินหรืออายแบบนี้
“แต่ชุดมันดูดี เข้ากับพี่มากๆ เลยนะ ใครเลือกให้”
“ไอ้อินนู่น จัดการทุกอย่าง”
“กูก็แค่อยากให้มึงแต่งตัวดีๆ ก็แค่นั้น แล้วงานเป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีนะ แต่มันลำบากที่กูต้องมาหัดใช้คอมฯ เนี่ยแหละ ไอ้คอมฯ ไม่เท่าไหร่นะมึง โปรแกรมเหี้ยอะไรใช้ยากใช้เย็นจังวะ แค่กระดาษกับดินสอทำงานไม่ได้หรือไง” จักรได้ที่บนให้เจ้านายที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทฟัง
“เออน่า ฝึกไปเรื่อยๆ มึงก็จะชำนาญเองแหละ คิดไว้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ว่าแต่นายล่ะขรรค์ ผ่านด่านแม่ยายหรือยัง” อินทัชหันมาถามขรรค์
“ไม่รู้สิ แต่บรรยากาศมันก็ดีขึ้นนะ”
“ฉันว่านะ แม่ของหมอเงินน่ะเลิกคิดจะกีดกันขรรค์แล้วล่ะ แค่ตอนนี้กำลังพยายามปรับตัวเข้าหานายอยู่”
“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น” ขรรค์พยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วนี่คุณรามเป็นยังไงบ้าง คุณจอมล่ะ” จักรถามต่อ
กึก!!
แค่ชื่อแรกก็ทำเอาร่างของอินทัชชะงักได้แล้ว ยอมรับเลยว่าชื่อนี้มีอิทธิพลกับหัวใจเขาสูงมากจริงๆ ตอนแรกคิดว่าเวลาจะช่วยทำให้อินทัชลืม แต่เปล่าเลย มันยังจำเต็มหัวใจ แต่แค่ไม่พยายามนึกถึงเท่านั้นเอง
“คุณจอมก็สบายดี แต่คนที่ไม่สบายคือคุณราม”
ประโยคนี้เรียกความสนใจจากอินทัชได้อย่างทันที
“คุณรามเป็นอะไร”
“ตรอมใจมั้งพี่ วันๆ เอาแต่ทำงานหนัก นี่เห็นจะขยายธุรกิจเยอะแยะเลย คุณรามเริ่มนัดคุยกับเพื่อนเพื่อจะร่วมลงทุนธุรกิจกันแล้วล่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรือวะ”
“อืม...คุณรามกลายเป็นอีกคนไปแล้วล่ะพี่ ไม่ยิ้ม แล้วก็ดุขึ้นด้วย พนักงาน คนงานไม่กล้าเข้าหาเลยพี่”
“น่าสงสารคุณรามเนอะ คนบางคนแถวนี้ก็ทิฐิมาก ทั้งๆ ที่คิดถึงเขาเหมือนกัน แต่ก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร” จักรได้ทีแขวะอินทัชที่ทำเป็นอ่านเอกสารนิ่งๆ
“เนอะพี่...คนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดกันได้บ้างแหละ จะมีใครที่ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายกันพี่ แค่ทำอยู่ในเลเวลไหนก็เท่านั้นเอง”
“กูเพิ่งเคยเห็นมึงพูดมากและพูดได้ดีก็ครั้งนี้แหละ” จักรแซวแต่ก็เห็นด้วยที่ขรรค์พูด
“ฉันก็พูดตามที่คิด”
“หิวไหม...จะพาไปกิน” อินทัชถามขึ้นมา เพื่อเปลี่ยนเรื่องและเปลี่ยนบรรยากาศ
“กูพักเที่ยงเสร็จแล้วไอ้อิน”
“ส่วนฉันก็กินมาแล้ว รอกินข้าวเย็นฝีมือแม่เงิน”
“เรื่องของพวกมึงละกัน”
“หมอเงินสบายดีนะ” จักรถามต่อ
“สบายดี ไม่มีอะไร”
“เบื่อพวกที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ดูอย่างกูนะ รักกันดีๆ ก็ต้องมาแยกจากกัน ส่วนบางคู่ ทั้งๆ ที่รู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ก็ยอมเจ็บกันทั้งคู่”
“ความรักเข้าใจยากเนอะพี่”
อินทัชหลับตาสงบสติอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงทุกครั้งที่โดนพาดพิง ใครไม่รู้ก็โง่มากแล้ว ในห้องก็มีกันอยู่สามคน แต่สองคนนั้นก็ชอบพูดพาดพิงบุคคลที่สาม แล้วบุคคลที่สามนั่นจะเป็นใครถ้าไม่ใช่เขา
จากนั้น ร่างโปร่งก็ได้แต่นั่งอดทนฟังสองคนนั้นพูดคุยกันไม่คิดจะแทรกอะไรขึ้นมา หากแต่เขาก็โดนพาดพิงอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งก็แทบอยากจะลุกขึ้นเดินไปถีบพวกมันคนละที...
...
...
...
วันต่อมา
“ส่งตาเงินถึงที่แล้วใช่ไหม” แม่ของหมอเงินถามร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในตัวบ้านหลังจากที่ขรรค์ส่งคนรักไปสัมมนาแล้ว
“ครับ”
“งั้นก็พาฉันไปซื้อของหน่อยก็แล้วกัน”
“ตอนนี้เลยหรือครับ” ขรรค์ถาม
“ใช่! ทำไม ไม่ว่างงั้นเหรอ” คนอายุมากกว่าแสดงสีหน้าเอาเรื่อง ซึ่งใบหน้าคมก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“เปล่าครับๆ ผมว่างครับ”
“รออะไรล่ะ ตามมาสิ”
ขรรค์ทำหน้าที่ขับรถพาสร้อยและคนติดตามไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ที่สำคัญก็กลายเป็นคนเข็นรถเข็นตามหญิงสาวทั้งสองเดินเลือกซื้อของเข้าบ้าน
“ห้าพันหกร้อยแปดสิบแปดบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์ค่ะ”
“เดี๋ยวผมจ่ายให้ครับ” ขรรค์อาสาแล้วยื่นบัตรเครดิตของตนที่ไม่ค่อยได้ใช้ไปให้พนักงานแคชเชียร์ทันที ซึ่งแม่ของหมอเงินก็ไม่คิดจะห้ามหรือแสดงท่าทางเกรงใจอะไร ก็แค่ยืนมองร่างสูงคนรักของลูกชายด้วยท่าทางที่เดายาก
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณสร้อยจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“อืม...ฉันอยากได้ดอกไม้ ต้นไม้ลงสวนหน่อย”
“อยากไปที่ไหนครับ”
“เดี๋ยวฉันบอกทางก็แล้วกัน”
“ครับ”
เป้าหมายต่อไปคือร้านขายต้นไม้...
ขรรค์ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้วมันก็ไม่ใช่การฝืนใจทำด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างเขาทำไปเพราะเขาจริงใจต่อทั้งแม่ของเงินแล้วก็จริงจังต่อความรักของเขากับหมอเงินด้วย
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือขรรค์ไม่มีพ่อกับแม่ การที่ขรรค์ได้ทำอะไรให้กับแม่ของคนรักเขาก็รู้สึกเหมือนได้ทำให้กับแม่ของตน...
ถ้าได้เรียกแม่ของเงินว่าแม่ได้ก็คงดี...
“สวัสดีครับคุณสร้อย ไม่เจอกันนานเลยนะครับ วันนี้อยากได้อะไร บอกมาได้เลยครับ” เจ้าของร้านขายต้นไม้เดินเข้ามาถามไถ่ด้วยความสนิทสนม
“เดี๋ยวให้คนนี้เป็นคนเลือกก็แล้วกัน” สร้อยพยักเพยิดมาทางขรรค์
“หน่วยก้านดีนะครับเนี่ย แต่ผมไม่เคยเห็นเลย”
“เพื่อนของตาเงินน่ะค่ะ พามาช่วยเลือกต้นไม้ เขาเก่งเรื่องพวกนี้” สร้อยตอบยิ้มๆ ให้กับเจ้าของร้านต้นไม้ ขรรค์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองคนอายุมากกว่าด้วยความอึ้ง
แค่บอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับเงินก็ไม่น่าเชื่อแล้ว...
“โอ้ งั้นเชิญเลือกได้ตามสบายเลยนะครับ เรียกพนักงานได้ตลอดเวลาเลย ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
“คุณสร้อยจะให้ผมเลือกจริงๆ หรือครับ”
“จริงสิ...หรือว่านายไม่อยาก”
“อยากครับ”
“งั้นก็ไปเลือกได้เลย ฉันจัดสวนใหม่”
“คุณสร้อยอยากได้แบบไหนล่ะครับ”
“เอาตามใจนายเถอะ อ้อ! ฉันอยากให้จัดตรงน้ำตกใหม่ด้วย พอดีจะเอาไว้นั่งอ่านหนังสือน่ะ อยากให้มันดูสวยและร่มรื่นกว่านี้ นายคงเคยเห็นอยู่ใช่ไหม”
“เคยเห็นครับ ผมพอจำได้อยู่ ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปเลือกของก่อนนะครับ คุณสร้อยจะไปรอตรงม้านั่งนั่นก่อนก็ได้ครับ” ขรรค์ว่าพลางชี้ไปยังจุดที่มีม้านั่งอยู่ ซึ่งแม่ของหมอเงินก็ได้แต่พยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเดินนำคนติดตามไปตรงนั้นแบบไม่พูดไม่จาอย่างเคย ส่วนขรรค์ก็เดินไปเลือกต้นไม้กับของที่ต้องใช้ตกแต่ง
“กลับเลยนะครับ”
“ถ้าเรียบร้อยแล้วก็กลับเลย แต่ก่อนถึงซอยเข้าหมู่บ้าน จอดร้านขนมให้หน่อยนะ ฉันอยากกิน แล้วจะซื้อของโปรดเอาไว้ให้ตาเงินด้วย” สร้อยสั่ง
“ได้ครับ”
ขรรค์ก็ได้แต่ทำตามอย่างเต็มใจ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเรียบนิ่ง แต่มันก็มีความสุขดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถูกกีดกัน ขัดขวางจากแม่ของเงินแล้ว
แต่การยอมรับ นี่มันก็เรื่องหนึ่ง...
60%
มาอัพต่อแล้วจ้า มะรืนเจอกันครึ่งหลังนะคะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะที่รัก มีอะไรสงสัย สามารถเข้าไปสอบถามยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/