Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 46
รามินทร์คนใหม่
“ให้กูส่งที่ไหน”
เป็นคำถามที่รามินทร์ไม่อยากจะถามออกไปเลย เพราะเวลาที่เขาจะได้อยู่กับอินทัชมันน้อยลงทุกทีแล้ว ยิ่งตอนนี้ อยู่ในกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นจังหวัดที่อินทัชเกิดและอาศัยอยู่ แม้ว่าจะยังไม่ใช่ในส่วนที่อินทัชอยู่ แต่ก้ใช่ว่ามันจะไกลไปมากกว่านี้
ยังไงก็ต้องจาก...
“คอนโด”
“อืม...”
“รู้เหรอว่าอยู่ตรงไหน”
“ก็...รู้นิดหนึ่ง”
“อ๋อ...” อินทัชส่งเสียงในลำคอเมื่อคิดได้ว่าก่อนที่รามินทร์จะจับตัวเขาไปนั้น ร่างสูงจะต้องศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับเขามาหมดแล้วแน่ๆ
“ทำไมมึงไม่กลับบ้าน”
ที่ถามเพราะเห็นว่าอินทัชมักจะบ่นว่าคิดถึงพ่อแม่และพี่สาวเสมอ แต่พอมาถึงแล้วแทนที่จะกลับไปบ้านก่อน ดันไปคอนโดก่อนเสียได้
“ให้กูกลับบ้านสภาพนี้น่ะหรือ กูค่อยกลับไปตอนเย็นๆ น่ะ มีอะไรต้องจัดการก่อน”
“งั้นเหรอ...”
“หวังว่ามึงจะไม่ลืมข้อตกลงของเรานะ” อินทัชพูดขึ้นมา
รามินทร์นิ่งไป แต่ก็มีสติที่จะขับรถอยู่ เพียงแต่กำลังทำเป็นไม่ได้ยินก็เท่านั้น...จะมีข้อตกลงอะไรเขาก็ปล่อยให้มันพูดไปคนเดียว เพราะถ้าหากว่าเขาไม่อาจจะทนอยู่ได้โดยไม่มีอินทัช
วันนั้นเขาจะกลับมา...แน่นอนว่าจะทำทุกอย่างให้อินทัชใจอ่อนให้ได้
“อย่าทำเป็นหูทวนลม กูจะถือว่ามึงเงียบๆ เนี่ยคือการตกลงนะ”
คิดเองเออเองไปเถอะ กูไม่มีวันเอออกับมึงแน่ๆ ไม่มีทาง!!!
เมื่อรามินทร์มาจอดรถที่ด้านหน้าคอนโดของอินทัช ร่างโปร่งก็ทำท่าจะเปิดประตูออกไปทันทีโดยไม่คิดจะล่ำลาอะไรกันเลยสักนิด
หมับ!
“เดี๋ยว...ไม่คิดจะลากันหน่อยหรือไง หรือไม่คิดจะชวนกันขึ้นไปพักผ่อน ดื่มน้ำบ้างเหรอ กูขับรถมาตั้งไกล พักก็ไม่ได้พัก ใจคอจะให้กับทั้งแบบนี้จริงๆ นะหรือ”
“ถ้ากูจำไม่ผิดข้างทางก็มีจุดพักรถอยู่นะ จอดเซเว่นซื้อน้ำดื่มเอา หรือว่าไม่มีเงิน กูจะได้ให้เงินมึงไว้เป็นค่าขับรถพากูมา”
“กูไม่ต้องการ ที่กูอยากได้คือน้ำใจของมึง”
“ถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่มีให้หรอก” อินทัชทำท่าเปิดประตูอีกครั้ง
“เดี๋ยว...แค่แป๊บเดียวก็ได้นะ”
“ไม่!!”
“ใจคอจะใจร้ายกับสามีแบบนี้เหรอ ได้กันแล้วก็ทิ้งแบบนี้อ่ะนะ”
ผลัวะ!!
หมัดลุ่นๆ กระแทกเข้าที่ใบหน้าหล่อคมเข้มของรามินทร์อย่างแรง ไม่นึกถึงคนโดนเลยว่าจะเจ็บขนาดไหน แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งที่อินทัชคิดว่าสมควรโดนแล้ว เพราะดันพูดเรื่องที่เขาไม่ชอบออกมา
“ปากหมา!!”
“กูแค่พูดความจริง”
เหมือนว่ารามินทร์จะไม่กลัวเลยว่าตัวเองจะโดนอีกหมัด มือแกร่งบีบปากตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ แต่สีหน้าก็ไม่ได้ดูหวาดกลัวหรือตกใจอะไร
ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องโดนซัด
“ปล่อยมือกูเลยไอ้สัตว์ กูไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมึงแล้ว” ร่างโปร่งบิดข้อมือข้างที่ถูกจับไว้แน่นอย่างต้องการที่จะหลุดพ้นไปจากคนตรงหน้า
“ทำไม? รับไม่ได้หรือไง ที่เป็นเมียกูน่ะ”
“เมีย? เมียที่เกิดจากการขืนใจอ่ะนะ กูไม่นับเว้ย!!”
“แต่เมื่อคืนกูไม่ได้ฝืนใจมึง” รามินทร์สวนขึ้นมาทันควัน ร่างโปร่งทำท่าจะเถียงแต่รามินทร์ก็ไม่ปล่อยให้พูดได้หรอก “หรือมึงจะเถียงว่ามึงไม่ได้เต็มใจ?”
อินทัชนิ่งเงียบเพราะเถียงไม่ออก หลบสายตาที่ทอดมองมาอย่างสื่อความหมายด้วยความรู้สึกหวั่นไหว หลากหลาย
ใช่...เขาเถียงไม่ได้ เพราะสิ่งที่รามินทร์พูดมันถูกต้องแล้ว เขายินยอมเอง และด้วยความเต็มใจด้วย...แต่ไม่คิดว่ามันจะเอามาอ้างแบบนี้
“แล้วไง”
“มันหมายความว่ามึงเองก็รู้สึกดีๆ กับกูไง”
อินทัชทำสมาธิสักพักก่อนจะพูดประโยคที่มันตรงข้ามกับหัวใจออกไป
“แน่ใจได้ยังไง? เมื่อคืน...กูถือว่าให้ทาน เพราะยังไงกูก็เสียมันไปแล้ว จะเสียอีกก็คงไม่เป็นไร ได้บุญด้วย มึงคิดว่างั้นไหม”
รามินทร์ก็คิดไว้แล้วว่าต้องได้ยินประโยคทำนองนี้ เลยทำใจไว้บ้างแต่พอมาได้ยินจริงๆ กลับรู้สึกเจ็บปวดจนไม่มีแรงจะยื้ออินทัชเอาไว้ได้อีก
เขาค่อยๆ ปล่อยแขนขาวของร่างโปร่งออกให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันหน้าไปมองพวงมาลัยรถเพราะไม่อยากให้อินทัชเห็นแววตาเจ็บปวดของตนเอง
ความหวัง...ริบหรี่ลงแล้วสินะ ทำใจยอมรับมันได้แล้ว ต่อให้อินจะรู้สึกอะไรกับมึงจริงๆ แต่ถ้ามันไม่อยากสานต่อ...ก็คงจะไปฝืนใจมันไม่ได้...
“ขอให้มึงมีความสุขนะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมาด้วย”
รามินทร์จะไม่พูดคำว่าลาก่อน...เพราะเขาไม่คิดจะล่ำลากับอินทัช แม้ว่าอีกคนอยากจะลาขาดจากเขาไปมากขนาดไหนก็ตาม
“อืม...ขอบคุณที่มาส่ง มึงเองก็ขับรถกลับดีๆ ก็แล้วกัน”
อินทัชลงมาจากรถหลังจากพูดประโยคที่เป็นเหมือนให้ความหวังกับรามินทร์ไปทันที อินทัชกัดฟันเดินออกจากตรงนั้นแล้วเข้าไปด้านใน...ส่วนรามินทร์เองก็นั่งมองแผ่นหลังของอินทัชจนหายไปจากสายตา น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่อาจจะห้ามมันได้
หมับ!!!
“โธ่เว้ย!!” รามินทร์จับพวงมาลัยรถแน่น กระแทกหน้าผากกับมันแรงๆ
ตอนนี้นอกจากที่หัวใจแล้ว...ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเจ็บตรงไหนมากไปกว่าตรงนี้เลย
“กูรักมึง กูรักมึง ได้ยินไหม! กูรักมึง ไอ้อิน!! กูรักมึง ฮึก…”
ได้แต่พร่ำประโยคนี้ซ้ำๆ หวังว่าจะส่งไปถึงอีกคน...
จนถึงตอนนี้ รามินทร์มั่นใจแล้วว่า เขารักอินทัชมากกว่าที่เคยรักใคร...รักมาก...จนคิดภาพไม่ออกว่าตัวเองจะเลิกรักอินทัชได้เลย...
บ้านชยอัมรินทร์
“อินขอโทษครับพ่อ แม่ พี่แอน” ร่างสูงโปร่งก้มกราบแทบเท้าพ่อแม่ของตัวเอง แล้วหันไปไหว้ขอโทษพี่สาว ที่ตอนนี้ทั้งสามไม่ได้โกรธที่อินทัชหายไปเลย มีแต่น้ำตาแห่งความดีใจที่ได้ลูกชายและน้องชายกลับสู่อ้อมอก
“อินขอโทษ...ที่อินทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวได้ไม่ดี บกพร่องในการบริหารบริษัท อินขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร แค่ลูกกลับมา ฮึก แม่ก็ดีใจมากแล้วนะลูก” คนเป็นแม่ทรุดตัวลงมากอดลูกชายที่พื้น ร้องไห้ออกมาไม่หยุดตั้งแต่เห็นหน้าลูกชายที่หายไปหลายเดือนจนเธอกังวลว่าอินทัชจะเป็นอะไรไป
และบางครั้ง เธอก็ยังคิดว่า ลูกชายเธอได้จากโลกนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
“ฮึก...ขอโทษครับ พ่อ...ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษ”
“พ่อไม่โกรธลูกหรอก แต่บอกพ่อได้ไหมว่าอินมีปัญหาอะไรถึงได้หนีไปแบบนี้ พ่อไปบริษัทแทนเราก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยนี่”
ร่างโปร่งพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบพ่อตัวเองยังไง ถึงสิ่งที่เตรียมมาพูดเขาจะเตรียมและคิดมาดีแล้ว แต่ว่า ไม่เคยมีครั้งไหนที่อินทัชจะโกหกคนเป็นพ่อได้สำเร็จ
“ขอโทษครับ...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย”
แม้จะบอกตัวเองว่าที่ไม่พูดความจริงออกไปเป็นเพราะไม่อยากจะพูดถึง ไม่อยากนึกถึงมัน...แต่ความเป็นจริง อินทัชกำลังปกป้องรามินทร์อยู่ต่างหาก
ปกป้องผู้ชายใจร้ายคนนั้น...
“พ่อจะไม่ซักไซ้ลูกมาก เพราะพ่อเห็นสภาพลูกตอนนี้ พ่อคิดว่าเราคงเหนื่อย ถ้าพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ ก็บอกพ่อได้ตลอดเวลานะ”
อินทัชซาบซึ้ง...ในคามรักของพ่อแม่ อ้อมกอดของท่าทั้งสองเป็นสิ่งที่เขาโหยหามาตลอดหลายเดือน ตอนนี้ อินทัชได้รับมันแล้ว
เขาได้กลับบ้าน ได้อยู่กับครอบครัว...แต่ทำไม ถึงไม่มีความสุขเลยนะ
ดีใจ...แต่ไม่มีความสุข
“จริงๆ แล้วการที่อินหายไปน่ะ มันก็มีส่วนดีเรื่องหนึ่งนะ” พี่สาวของอินทัชพูดขึ้นมา เรียกความสนใจจากน้องชายที่กำลังกอดพ่อแม่อยู่ทันที
“ทำไมครับ?”
“เพราะมันทำให้พี่รู้ ว่าอินต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง...มันทำให้พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่เห็นแก่ตัวที่ได้ทำความฝันแต่อินกลับต้องเหนื่อยสารพัดแบบนี้”
“อินเหนื่อย...แต่อินมีความสุขนะพี่แอน เพราะความฝันของอิน...คือการที่ได้เห็นคนที่อินรักมีความสุข ซึ่งอินก็ได้ทำมันแล้ว และก็ทำลายมันลงไปแล้วเหมือนกัน” ประโยคสุดท้าย อินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ใบหน้าเศร้าหมองลง เมื่อคิดว่าตลอดเวลาที่เขาอยู่เพชรบูรณ์ พ่อ แม่ พี่สาวเขาต้องทุกข์ใจขนาดไหน
“พี่รักอินนะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
“อินต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่ตอนอินไม่อยู่ พี่ช่วยดูแลพ่อกับแม่แล้วก็บริษัทของเรา”
“มันเป็นหน้าที่ของลูกและพี่ที่ดีอยู่แล้วล่ะ อินกลับมาอย่างปลอดภัย พวกพี่ก็ดีใจแล้ว คราวหน้า...ถ้าเหนื่อย ท้ออะไร ปรึกษาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ พี่ไม่อยากให้เราหายไปแบบนี้อีกแล้ว”
“ขอโทษครับพี่แอน ขอโทษครับ”
“พอแล้วๆ พี่ได้ยินคำขอโทษมาเป็นร้อยครั้งได้แล้วมั้ง...เอาล่ะ ลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเรามามีความสุขกันดีกว่า อินหิวไหม พี่กับแม่จะไปทำของโปรดมาเลี้ยงฉลองให้”
“หิวครับ”
“งั้นเราเข้าครัวกันเถอะค่ะคุณแม่” พี่สาวคนเดียวของอินทัชหันไปชวนแม่ที่กำลังกอดลูกชายออยู่ ซึ่งคนเป็นแม่กพยักหน้ารับเพราะเห็นด้วย
เธอเองก็อยากจะทำอาหารให้ลูกชายทานเหมือนกัน อินทัชต้องคิดถึงมันมากแน่ๆ
“จ้ะ! แม่ไปทำของโปรดของอินนะลูก คุยกับคุณพ่อไปก่อนนะ”
“ครับ”
กับข้าวฝีมือแม่กับพี่แอน จะต้องอร่อยมากและเป็นมื้อที่อร่อยสุดๆ แน่นอนเลย ร่างโปร่งยิ้มบางเบาออกมา มองแม่กับพี่สาวที่เดินไปยังห้องครัวด้วยความรู้สึกขอบคุณ ที่ไม่มีใครโกรธเขา
ที่สำคัญยังเข้าใจเขาด้วย
“ขึ้นมานั่งกับพ่อซิ” พ่อของอินทัชที่ลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาก่อนแล้วสั่งพร้อมกับตบที่นั่งข้างๆ อินทัชเองก็ขึ้นไปนั่งด้วยความรู้สึกที่กังวลเล็กน้อย แต่ในเมื่อพ่อบอกว่าจะไม่ถาม ไม่บังคับ ไม่พูดถึง เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวอะไร
ร่างโปร่งขึ้นไปนั่งข้างๆ กับพ่อของตนทันที
“คิดเอาไว้หรือยังว่าจะจัดการกับเรื่องที่บริษัทยังไง”
พอคิดถึงเรื่องนี้อินทัชก็หนักใจ แต่ก็พอเตรียมข้อมูลมาบ้างแล้ว
“สถานการณ์เป็นยังไงผมพอจะรู้มาจากเลขาบ้างแล้วครับ วันนี้ผมโทรไปถามสถานการณ์ช่วงหลายเดือนมานี้แล้วครับ แต่ผมจะยังไม่เข้าบริษัทเลย วานคุณพ่อช่วยดูแลส่วนของผมต่อไปอีกนิดได้ไหมครับ ผมขอเวลาอีกสามวันผมจะตรวจสอบเอกสารที่วานเลขาให้เอามาให้ที่คอนโดน่ะครับ”
“ลูกกำลังสงสัยใช่ไหม ว่าระหว่างที่ลูกไม่อยู่...”
“ครับ ก็คนเดิมนั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเป็นญาติผมไม่เอาไว้หรอก”
“พ่อตรวจบัญชีดีแล้วนะ ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย” อดีตผู้บริหารหลายสิบปีลูบคางอย่างครุ่นคิด
“ดุที่บัญชีที่เดียวไม่ได้หรอกครับพ่อ เดี๋ยวนี้อาเก่งกว่าเดิม”
“งั้นหรือ แล้วแต่ลูกเลยก็แล้วกัน สามวันใช่ไหม พอสามวันแล้วอย่าลืมให้เงินเดือนพ่อด้วยล่ะ”
“ฮ่าๆ ทำไมพ่อพูดแบบนี้ล่ะครับ”
“เอ้า! ก็พ่อเข้าไปดูแลงานให้ลูกตั้งกี่เดือน นี่เงินเดือนก็ไม่ได้สักบาท จ่ายย้อนหลังให้พ่อเลยนะ พ่อลงเวลาเข้าออกงานทุกวัน ไปเช็คก็โอนเงินเข้าบัญชีให้พ่อด้วย” พ่อของอินทัชสามารถทำให้ลูกชายอารมณ์ดีขึ้นมาได้เสมอๆ ถ้าถามว่าคุยกับใครได้มากกว่าระหว่างพ่อกับแม่ สำหรับอินทัชแล้ว น่าจะเป็นพ่อมากกว่า เพราะเขาสองคนมีอะไรที่เหมือนกันเยอะมากๆ แน่นอนแหละ ก็เขาสองคนเป็นพ่อลูกกันนี่นา ไม่เหมือนกันสิแปลก
ส่วนกับแม่และพี่สาวนั้น อินทัชจะสนิทเหมือนกัน แต่คุยได้ไม่ทุกเรื่องเหมือนกับที่คุยกับพ่อ
“เค็มไปไหนเนี่ย”
“พ่อแก่แล้วไง จะเอาเงินพาแม่ลูกไปเที่ยวนั่นแหละ”
“จริงสิ! พ่อกับแม่อยากไปเที่ยวยุโรปช่วงหน้าหนาวนี่นา อีกเดือนกว่าก็จะเข้าช่วงหน้าหนาวแล้ว พ่อกับแม่จะไปเลยไหมล่ะครับ ผมจะให้เลขาจองตั๋ว จองที่พักเอาไว้เลย” อินทัชถาม
“ยังดีกว่า พ่อรอให้ลูกจัดการเรื่องที่บริษัทเรียบร้อยก่อน เพราะอาของเราเหมือนอยากจะเขี่ยลูกออกจากบริษัทเต็มทีแล้ว แต่โชคดีกรรมการเกินครึ่งที่ยังยอมรับในเรื่องการบริหารและรอให้ลูกเอาเหตุผลไปอธิบายอยู่”
“ผมเข้าใจครับพ่อ เพราะสิ่งที่ผมทำให้บริษัทมันก็ไม่ได้น้อยๆ เลย แต่ที่ผมหายไปแบบนี้ก็ส่งผลกระทบไม่น้อยเหมือนกัน”
“พ่อรู้น่าลูก ใครๆ ก็รู้ นี่ได้พนักงานมาช่วยเอาไว้เหมือนกันนะ ช่วงที่อาเรากำลังหาแนวร่วมที่จะให้มาพากันออกเสียให้ไล่ลูกออกน่ะ พวกพนักงานรักลูกน่าดูเลยนะ ออกมาประท้วงกันทั้งบริษัทเลย เล่นทำเอาพ่อต้องมาไกล่เกลี่ยแต่เช้า” พ่อของอินทัชเล่า ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำให้อินทัชเริ่มมีกำลังใจในการต่อสู้ต่อไป
ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคอะไรรออยู่ก็ตาม เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงจะโดนให้ออกไปแล้ว แต่โชคดีที่หุ้นส่วนใหญ่มันเป็นของเขากับครอบครัว
“กลับมาแล้วก็อย่าหักโหมงานล่ะลูก แล้วก็กลับบ้านนานๆ บ้าง ไม่ใช่อยู่แต่คอนโด แม่ลูกคิดถึงมากนะ แต่ก่อนก็บ่นๆ ว่าตัวเองความสำคัญน้อยกว่าที่เที่ยวพวกนั้น”
ที่เที่ยวในความหมายของพ่อของเขาก็คือพวกคู่ควง คู่นอนนั่นแหละ
“กำลังทำให้รู้สึกผิดอีกแล้วนะครับ”
“อ้าวเหรอ? แต่พ่อก็พูดเรื่องจริงนี่นา”
“ขอโทษครับ คราวหน้าผมจะไม่เที่ยวบ่อยๆ แล้ว จะมาหาพ่อกับแม่ให้บ่อยกว่านี้ดีไหมครับ” อินทัชถามอย่างเอาใจ แต่เขาก็หมายความตามนั้นจริงๆ
เขาจะเลือกเที่ยวพร่ำเพรื่อแล้ว...เพราะต่อให้เที่ยวไป เขาก็คงจะกอดใครไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อสัมผัสของรามินทร์มันยังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึกแบบนี้
“ได้ยินแบบนี้พ่อกับแม่ก็ดีใจแล้ว”
“รับรองว่าพ่อกับแม่จะต้องเบื่อขี้หน้าผมไปเลยแน่ๆ” อินทัชว่าอย่างติดตลก
“ฮ่าๆ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะเบื่อลูกตัวเองหรอกน่า”
อินทัชหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นว่าพ่อของตนหัวเราะ...
“นี่บอกตาธีร์หรือยัง ว่ากลับมาแล้ว?” ผู้เป็นพ่อถามเมื่อนึกขึ้นได้
“ยังเลยครับ กะว่าจะเซอร์ไพรส์”
“พ่อกลัวว่าตาธีร์จะโกรธเอาน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่ารายนั้นเขาตามหาลูกวุ่นวายขนาดไหน ขนาดต้องเอาลูกน้องลงสืบหาเลยนะ ตอนแรกก็จับที่อยู่เอาจากเบอร์ที่ลูกใช้โทรมา เห็นอยู่ที่เขาค้อที่เดียวที่ใช้เป็นที่แต่งงานของของคุณดินคุณเพลิง แต่พอไปก็ไม่เจอ”
จะเจอได้ยังไงล่ะครับ ผมถูกไอ้รามมันพาหนีไปอยู่ที่เลยน่ะสิ
แต่คิดในใจ แต่ไม่กล้าตอบออกไป
“ผมว่ามันต้องโกรธอยู่แล้วล่ะ แต่ก็มีแผนง้อเหมือนกัน”
“พ่อดีใจที่เรามีเพื่อนอย่างตาธีร์”
“ตอนนี้ผมก็มีเพื่อนแท้เพิ่มมาอีกสองคนนะพ่อ ตอนที่ผมลำบากก็คอยช่วยเหลือผมตลอดเลย มันชื่อจักร อีกประมาณหนึ่งเดือนมันจะมาที่กรุงเทพ มาทำงานกับเรา ฝีมือการทำงาของมันเยี่ยมมากพ่อ แล้วอีกคนชื่อหมอเงิน อายุมากกว่า แต่เราก็เป็นเพื่อนกัน”
“ดีแล้ว มีเพื่อนแบบนี้บ้าง อย่ามีแต่เพื่อนเที่ยว เพื่อนกินเหล้ามาก มันไม่ดี”
“คร้าบ” ลากเสียงยาว
เพื่อนพวกนี้ก็เที่ยวได้ กินเหล้าได้เหมือนกันครับ...
ช่วงเวลาแห่งครอบครัวที่อินทัชรอมานานตอนนี้แม้จะรู้สึกเหมือนกับความฝันอยู่ แต่ก็รู้สึกดี เขารู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่มากกว่าแต่ก่อน เพราะรู้ซึ้งถึงความทรมานที่อยากจะมาแต่ไม่ได้มาดี ที่ผ่านมาคิดว่าบ้าจะกลับตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้...มาบ่อยๆ ได้จะดีมากเลย
เพราะไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าที่บ้านของเราอีกแล้ว
...
...
...
60%
ยูกิว่างานงอกแล้วล่ะค่ะ ฮือ ทำไมในตอนนี้ยูกิเขียน น้าไปได้ล่ะ แสดงว่าตัวหนังสือเองก็เป็นเวอร์ยังไม่ได้แก้สินะ จริงๆ เป็นอานะคะ (ซึ่งเปลี่ยนแล้ว) กรี๊ด...เสียใจ ดูไม่ดีเอง จริงๆ คนพิสูจน์อักษรเป็นเพื่อนของยูกิ ไม่ได้ทำเองเลยไม่ได้ดูและลืมแก้ คนที่ซื้อหนังสือไปยูกิขอโทษนะคะ แง...
มีอะไรสอบถามพูดคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/