Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 34
ความพยายาม
“ไอ้อินมันไปไหน”
“ไปช่วยคนงานตัดแต่งกิ่งไม้ครับคุณราม” คำตอบที่ได้จากขรรค์ทำให้ร่างสูงรู้สึกไม่พอใจที่ร่างโปร่งไปทำงานเป็นคนงานเหมือนกับที่ผ่านๆ มา
แต่ก็ผิดที่ตัวเองนั่นแหละไม่ยอมพูดอะไรให้รู้เรื่อง ไม่ทำอะไรให้มันชัดเจน
“ใครบอกให้มันไป”
“ผมไม่ทราบครับ ก็คิดว่าเป็นหน้าที่ปกติ”
“หึหึ เดี๋ยวนี้แกหัดยอกย้อน ประชดประชันจังเลยนะ” รามินทร์แขวะขรรค์ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปหาอินทัชที่กำลังตัดแต่งกิ่งไม้อยู่
ทางด้านอินทัชเมื่อเห็นว่าเจ้าของรีสอร์ทเดินมาก็ทำเป็นไม่สนใจ ทำงานในมือต่อไปราวกับว่าไม่เห็นการมาของรามินทร์ ทำเหมือนร่างสูงไม่มีตัวตน ทั้งๆ ที่คนงานคนอื่นๆ ก็ยังทำความเคารพตามปกติ
“ใครใช้ให้มึงมาทำงาน”
“มึงไง”
“ตอนไหน?”
“ก็ตั้งแต่แรกไง กูก็ทำงานปกติของกู มึงจะมามีปัญหาอะไรอีก”
“มีสิ...เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มึงไม่ต้องทำอะไรแล้ว”
“ห๊ะ!! ผีเข้าหรือไง ไม่ให้กูทำงานแล้วจะให้กูทำอะไร”
“ไม่ต้องทำ ถ้าอยากทำก็ไปทำกับกูในออฟฟิศ”
“เรื่องอะไรกูจะต้องไปกับมึง”
“สรุปคือว่าจะทำงานให้ได้ใช่ไหม” รามินทร์กอดอกถามเสียงเข้ม
“ใช่!!”
“งั้นก็ตามมานี่ กูมีงานให้มึงทำเยอะแยะเลย”
หมับ!!
ว่าแล้วก็เดินไปลากแขนของอินทัชให้เดินตามตัวเองไปโดยที่ร่างโปร่งได้แต่เดินตามเฉยๆ ไม่ได้ต่อต้านอะไรเพราะรู้ว่าขัดคำสั่งและความต้องการของอีกคนไม่ได้
“ทำงานบัญชีแทนเจ้าจอมหน่อย เรื่องแบบนี้มึงคงทำเป็นใช่ไหม”
“น้องจอมไปไหน”
“ขอลาไปกรุงเทพน่ะ”
“ไปทำไม”
“ทำไม คิดถึงเหรอ”
“เออ ก็คิดถึงน่ะสิ ใครที่ดีกับกูมาตลอดกูก็คิดถึงทั้งนั้นแหละ” ว่าอย่างประชดประชันก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะทำงานของเจ้าจอมอย่างสำรวจ
“นี่ประชด?”
“แล้วแต่จะคิด ว่าแต่จู่ๆ ให้กูมาทำแบบนี้มึงคิดว่ากูอัจฉริยะเหรอ งานของมึงกูยังไม่รู้โครงสร้างรีสอร์ทของมึงเลยสักนิด ระบบต่างๆ ก็ไม่รู้ บันทึกถูกผิดก็ไม่รับผิดชอบนะเว้ย”
“หึหึ กูเชื่อว่ามึงทำได้”
“ไม่ทำ ปวดหัว”
“อย่าปฏิเสธได้ไหม” รามินทร์ถามเสียงอ่อน เพราะอินทัชคุยยากคุยเย็นเหลือเกิน
“ก็มันใช่เรื่องที่กูต้องทำให้ไหมล่ะ”
“งั้นมึงจะทำอะไร บริหารรีสอร์ทแทนกูไหมล่ะ” รามินทร์ถามอย่างกวนๆ แต่เป้นคำถามที่ทำให้อินทัชรู้สึกใจกระตุกไปเลย
“เอาไหมล่ะ มึงกล้าให้ไหมล่ะ”
“ให้ได้สิ ถ้ามันเป็นสิ่งที่มึงต้องการ กูให้ได้ทั้งนั้น”
“งั้นเหรอ มึงให้กูได้ทุกอย่างจริงๆ งั้นหรือ?” เลิกคิ้วขึ้นมานิดๆ เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่คนตัวใหญ่กว่าโพล่งออกมา
“ยกเว้นอย่างเดียว...”
“เฮอะ!! ก็ว่าอยู่แล้ว”
เพราะมันรู้ว่าเขาจะพูดขออะไร มันเลยดักทางเอาไว้ก่อน
“ก็มึงอยากได้ในสิ่งที่กูไม่อยากให้ พอแล้ว เลิกพูด เดี๋ยวก็วกเข้ากลับเรื่องเดิมๆ อีก กูกำลังพยายามอยู่มึงรู้ไหมเนี่ย พยายามอย่างที่ไม่เคยต้องทำมาก่อน”
“อย่าฝืนเลย ถ้าทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เต็มใจ”
“ก็ไม่ได้ไม่เต็มใจ แค่มันกระดากเว้ย”
อินทัชส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเจ้าจอมที่เจ้าของที่ลางานไปทำธุระที่กรุงเทพเลยไม่มีใครทำหน้าที่แทน
“กูจะทำให้ก็แล้วกัน ถือว่าทำบุญทำทาน”
“หึ เป็นพระคุณอย่างสูงจริงๆ นะ”
อินทัชยักไหล่ แล้วคว้าเอาแฟ้มเอกสารบนโต๊ะของเจ้าจอมมาเปิดอ่านดูเพื่อศึกษาว่าต้องทำยังไงบ้าง คนที่ทำงานมาทุกแผนกในบริษัทของตัวเองแล้วอย่างอินทัชบัญชีง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้คณามืออินทัชเลยสักนิด
นั่งดูไม่นาน ก็เปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทันที ร่างแกร่งเห็นว่าอินทัชเริ่มลงมือทำงานแล้วก็เดินหลบฉากอย่างเงียบๆ ไปที่ประตูห้องทำงานของตัวเองก่อนจะเปิดประตูเอางานออกมานั่งทำข้างนอก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจอินทัช แต่อยากจะนั่งมองหน้าร่างโปร่งตอนทำงานไปด้วยเท่านั้น เพราะช่วงเวลาที่เขาไม่ได้ทำงานก็เกือบอาทิตย์พอดี ทำให้ตอนนี้มีเอกสารที่ต้องเซ็น ต้องอ่าน ต้องจัดการเยอะมากจนต้องมีกำลังใจอยู่ใกล้ๆ
“เอามัวแต่มองหน้ากู งานมึงเต็มโต๊ะนะนั่น ไม่รู้ว่าวันนี้จะเสร็จหรือเปล่า” พูดออกมาทั้งๆ ที่ตาก็จ้องมองอยู่ที่หน้าจอคอม มองเห็นว่ารามินทร์กำลังจ้องหน้าตัวเองราวกับมีตาที่สาม
“เป็นห่วงเหรอ”
“มึงคิดอย่างอื่นเป็นไหม ที่ไม่ใช่ความคิดที่หลงตัวเองแบบนี้น่ะ” หันมาสบตานิดๆ ก่อนจะสลับมาดูแฟ้มในมือเพื่อเทียบกับตัวโปรแกรมหน้าจอ
“ก็กูคิดแบบนี้แล้วมีความสุข”
“แม้ว่าจะหลอกตัวเองน่ะเหรอ” คำพูดตรงๆ ของอินทัชที่เอ่ยออกมาแบบไม่ทันคิดทำให้สีหน้าของรามินทร์ดูเจื่อนลงทันที ในใจก็รู้สึกบีบรัดเมื่อโดนแทงใจดำ
“หึหึ ก็ช่วยได้นิดหนึ่งล่ะนะ” เขากลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองออกไปโดยการทำตัวกวนประสาทเหมือนเดิม แต่คนที่ฉลาดอย่างอินทัชมีหรือที่จะจับสังเกตน้ำเสียงที่ดูฝืนผิดปกตินั่นไม่ได้
“กู...” ร่างโปร่งทำท่าจะโพล่งบางอย่างออกไป แต่ก็กลืนลงลำคอคืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่พูดออกไปจะดีกว่า
ให้มันรู้สึกเจ็บแบบนั้นแหละ ให้มันรู้สึกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
จะได้เลิกหวังอะไรลมๆ แล้งๆ สักที และที่สำคัญ...มันจะได้ไม่ทำให้เขาต้องรู้สึกสับสนไปมากกว่านี้
ทั้งสองนั่งทำงานไปกันอย่างเงียบๆ โดยที่รามินทร์ก็ลอบมองหน้าของอินทัชเรื่อยๆ อินทัชเป็นคนที่เหมาะกับงานพวกนี้มากกว่างานทำงานสวนใช้แรงงาน ยิ่งเขาเคยเห็นตอนที่อีกคนอยู่ในชุดสูทแล้วมีลูกน้องเดินตามหลัง มันดูเป็นภาพที่เหมาะกับอินทัชมากๆ แม้ว่าจะมีใบหน้าที่สวยหวานเหมือนผู้หญิง แต่ว่าก็ดูเท่ห์ในแบบของผู้ชายยามอยู่ในชุดสูทแล้วทำงานอย่างจริงจังแบบนี้
ขนาดเขาที่เป็นผู้บริหารรีสอร์ท โรงแรมหลายๆ สาขายังไม่มีออร่าผู้นำได้เท่ากับอินทัชเลยสักนิด แต่รามินทร์มีความน่าเกรงขามกว่า
อยากจะให้มันอยู่ในสายตาแบบนี้ตลอดไปจริงๆ
แม้ว่าที่กำลังหวังอยู่จะไม่สามารถเป็นจริงได้ แต่เขาก็อยากที่จะหวัง หวังว่าจะได้เห็นคนๆ นี้นานที่สุด คนที่เขารัก ยอมรับว่ารักคนที่เคยเกลียด คนที่ทำน้องสาวเสียใจอย่างไม่อาจจะถอนตัวได้ ในจำนวนคนรักของเขาที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเสียสละ ดูแลเขาเลย ไม่มีเลยจริงๆ ทุกคนล้วนหวังแต่เงินจากเขา และเขาเองก็โง่ยอมมองผ่านไป เพราะอยากจะมีคนอยู่ข้างกาย ต้องการความรักความเอาใจใส่ แต่ก็ไม่เคยได้รับมันเลย
“คุณรามจะรับอะไรไหมคะ” พนักงานในออฟฟิศถามขึ้นเมื่อกำลังจะออกไปทานอาหารกลางวัน
“เอาอะไรหน่อยไหมไอ้อิน” แต่เขากลับหันไปถามร่างโปร่งแทน
“เดี๋ยวหาเองได้ ไม่ต้องหรอก”
“งั้นฉันไม่เอาอะไรหรอกปลา พวกเธอไปกินข้าวเถอะ ตอนบ่ายค่อยกลับมาทำงานต่อให้เสร็จนะ”
“ได้ค่ะ ขอตัวนะคะ” เหล่าพนักงานออฟฟิศประมาณห้าคนเดินออกไป
“หิวหรือยัง หยุดก่อนก็ได้นะ” ร่างแกร่งบอก
“ไม่เป็นไร กูจะทำให้เสร็จก่อน”
“นี่เป็นนิสัยที่ดื้ออย่างหนึ่งของมึงเลยนะอิน ตอนที่ทำงานที่บริษัทของมึงคงจะเป็นแบบนี้ล่ะสิ ถามจริงเคยกินข้าวครบทุกมื้อไหม”
“ก็ครบบ้าง ไม่ครบบ้าง ส่วนมากก็ซัดกาแฟทั้งวันน่ะ”
แค่คิดตามที่อินทัชพูด เขาก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว แม้ว่าเขาก็เป็นเหมือนผู้บริหาร แต่ก็ไม่ได้เป็นกิจการใหญ่โตเหมือนอย่างที่อินทัชทำ เขาก็แค่นักธุรกิจที่มีรีสอร์ทกับโรงแรมอยู่ไม่กี่สาขา แต่อย่างน้อยเกรดของรีสอร์ท โรงแรมของเขาก็อยู่ในระดับสูงอันดับต้นๆ ของประเทศที่รองรับลูกค้าระดับกลางจนถึงระดับสูง
ก็ยังดีที่ไม่ได้ต่างกันมาก
“มึงล่ะ” อินทัชถามกลับ ไม่รู้ว่าเป็นมารยาทหรือว่าอยากจะรู้จริงๆ
“กูกินทุกมื้อว่ะ ครบทั้งสามทุกวัน กาแฟไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่”
“แค่เวลานอนก็แทบจะไม่มีแล้ว กูเดินทางต่างประเทศบ่อยๆ พูดถึงเรื่องงานแล้วก็เครียด มึงรู้ไหมว่าพ่อกูที่วางมือแล้วกับพี่สาวกูที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องบริษัทต้องเข้าไปจัดการปัญหาแทนกู ตอนนี้กูคงโดนกรรมการไล่ออกจากบริษัทของตัวเองแล้วล่ะมั้ง” อินทัชพูดเสียงเครียด ใบหน้า แววตาฉายชัดถึงความกังวลจนรามินทร์แสร้งทำเป็นหลบสายตา
รามินทร์อาจจะใจร้าย ใจแข็งกับอินทัช จริงๆ แล้วเจ้านายของคนที่นี่เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพ อ่อนโยนที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่แสดงต่ออินทัช รักใครก็รักสุดๆ เกลียดใครก็เกลียดสุดๆ เช่นกัน
และตอนนี้เขารักอินทัช ถ้าหากเห็นสายตานั่นของร่างโปร่งบาง เขาอาจจะใจอ่อนยอมส่งอินทัชกลับไป แล้วเขาก็จะเจ็บปวดที่สุด
อย่างน้อยก็ขอทำให้อินทัชรักเขาก่อน จากนั้นเขาก็จะปล่อยไป และแน่นอนว่าเขาจะตามอินทัชไปจนกว่าจะได้คบหาดูใจกันในฐานะคนรัก
“กูขอโทษจริงๆ กูขอโทษ”
“เฮ้อ...ช่างเถอะ กูมีปัญญาแก้ไข ถ้ากลับไปได้”
“อืม...มึงเป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด มึงต้องทำได้อยู่แล้ว”
“อย่ามายอไอ้ราม กูไม่ชิน นั่งเงียบๆ แล้วทำงานของตัวเองไป ของกูก็ใกล้จะเสร็จแล้วด้วย ถ้างานนี้เสร็จจะให้กูทำอะไรอีกไหม รีบสั่งมาทีเดียว”
“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
“มึงหิวเหรอ?” ร่างโปร่งเลิกคิ้วแต่ตาก็จ้องหน้าจอไปด้วย
“ก็เริ่มหิวแล้ว มึงไม่หิวหรือไง”
“กูบอกว่าถ้าเสร็จแล้วจะไป หรือไม่ไว้ใจกู?”
“เปล่า...กูอยากพามึงไปกินข้าวด้วยกัน”
“ว่าไงนะ! พากูไปกินข้าว? หึหึ จู่ๆ ก็จะให้ทาสผู้แสนต่ำต่อยอย่างกูไปกินข้าวด้วยเนี่ยนะ มึงจะตอบความอยากรู้อยากเห็นของลูกน้องมึงยังไงฮึ?”
“ก็ไม่เห็นจะต้องตอบอะไร พวกนั้นเข้าใจว่ามึงเป็นคนรักกูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่กูพามึงมาลงโทษ ใครๆ ก็เชื่อกันอย่างนั้น เพราะงั้นก็ไปในฐานะ ‘คนรัก’ ของกูที่ดีกันแล้วก็ได้” ร่างสูงตอบยิ้มๆ หัวใจเต้นแรงกับคำว่าคนรัก แม้ว่าอยากจะให้มันเป็นจริงขนาดไหนก็ตาม
“อย่ามามโนไอ้ราม ที่ผ่านมากูก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกับพวกคนงานมาตลอด เรื่องอะไรที่จะต้องเป็นคนรัก มึงก็บอกเขาไปว่า มึงพอใจแล้ว เราคุยกันแล้ว และตกลงจะเป็นแค่เพื่อน แค่นั้น” ยักไหล่ให้อย่างไม่หยี่ระที่จะต้องเป็นเพื่อนกับร่างสูง แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าเป็นคนรักล่ะนะ
“ไม่!”
“เอาแต่ใจตัวเอง”
“ก็กูอยากจะให้มันเป็นอย่างนี้ อย่างน้อยก็ขอให้มันเป็นเรื่องโกหกก็ยังดี” น้ำเสียงที่สั่นเครือ แววตาและสีหน้าที่แสนเจ็บปวดเผยให้เห็นชัดเจนจนอินทัชเม้มปากแน่น
เขาเองก็รู้สึกหนึบๆ ที่หัวใจเหมือนกัน
“เฮ้อ...อีกสิบนาทีก็แล้วกัน ค่อยไปกิน”
สุดท้าย...มึงก็ใจอ่อนอีกแล้วอิน
“ขอบคุณ” รามินทร์ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจสุดๆ ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ดูจะจริงใจเป็นยิ้มแรกที่อินทัชเห็น พอมันยิ้มแล้วก็ดูหล่อเป็นบ้าเลย
มุมปากบางสวยยกยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะทำงานต่อให้เสร็จ
ห้องอาหารรีสอร์ทที่อินทัชได้เหยียบมันแทบจะนับครั้งได้ ทุกคนมองมาที่เขากับรามินทร์เป็นตาเดียว ก็แน่ล่ะสิ อินทัชที่อยู่ในตำแหน่งคนงานซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสมส่วนกับกางเกงสีดำขายาวเดินคู่มากับรามินทร์ที่อยู่ในชุดแบรนด์โปรดที่ดูดีมีราคา เทียบการแต่งตัวแล้วช่างแตกต่างกันมาก หากแต่อินทัชให้มีความรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ทำให้มองว่าคนตัวบางข้างๆ กับเจ้าของที่นี่ดูมีออร่าความเป็นผู้นำและน่าเคารพนับถือมากเหลือเกิน
“จัดสองที่ วันนี้ฉันพา ‘คุณ’ อินมากินข้าวด้วย”
“ได้ครับท่าน เชิญครับ”
อินทัชลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคนงานทุกคนกำลังมองเขาอย่างสนใจ เพราะไม่ค่อยจะเห็นว่าเขามาเหยียบที่นี่บ่อยๆ แต่ข่าวของเขาคงจะกระจายไปทั่วแล้ว
ก็ไม่เคยจะสนใจพวกคำครหานินทาอยู่แล้ว
“มึงอยากจะกินอะไร สั่งเลยนะ”
“อะไรก็ได้ กูกินได้หมดแหละ”
“เลือกเถอะน่า กูจะรู้ว่ามึงชอบกินอะไร” มือแกร่งยื่นเมนูที่ตัวเองดูอยู่ให้กับอินทัช ซึ่งมือขาวก็รับมาดูอย่างช่วยไม่ได้ เขาเปิดเมนูผ่านๆ ก็มีแต่เมนูที่เคยกินมาหมดแล้ว เอาตามตรงเขาคิดว่าอาหารของคนงานน่าจะอร่อยกว่าของที่ไว้ให้ลูกค้าทาน
“สลัดแซลม่อนกับน้ำส้มคั้นก็แล้วกัน”
“อืม...ทำมาสองจานเลย ฉันจะกินแบบคุณอิน” ร่างสูงหันไปสั่งพนักงานบริการของห้องอาหารตัวเอง ซึ่งร่างสูงของพนักงานก็รับคำสั่งอย่างนอบน้อมพร้อมเก็บเมนูไป
“ทำไมไม่สั่งที่มึงอยากกิน จะสั่งตามทำไม”
“ก็กูอยากจะกินเหมือนมึง”
คำตอบที่ได้ทำเอาสะอึกจนพูดไม่ออก เพราะกลัวว่าตัวเองจะพ่ายแพ้เสียเอง รามินทร์มันเป็นคนดื้อแพ่ง อะไรที่บอกว่าไม่ได้ๆ มันก็จะทำให้ได้
ก็ลองทำดู ถ้ามึงคิดว่าจะเอาชนะกูได้
“เด็กชะมัด” พึมพำเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะกอดอกเสหันมองรอบๆ จนพนักงานที่กำลังมองมาที่เขาถึงกับสะดุ้งเป็นแถบเมื่ออินทัชหันไปสบตา
หึหึ...คนเรานะ อยากจะรู้เรื่องของชาวบ้านเขาไปหมดเลย
“มึงยิ้มอะไรวะอิน” รามินทร์มองตามสายตาของอินทัชไป เห็นพนักงานสาวคนหนึ่งที่กำลังบีบมือก้มหน้างุดๆ ราวกับเขินอายอินทัชที่เหมือนจะยิ้มให้ แต่ให้ความเป็นจริงแล้วเธอก้มเพราะกลัวว่าอินทัชจะจับได้ว่าเธอแอบมองอยู่ ส่วนอินทัชก็ยิ้มเพราะตลกกับท่าทีของเธอ
แต่เหมือนว่ารามินทร์จะไม่คิดแบบนั้น...
“สนใจเหรอ?”
“มึงว่าไงนะ” หันมาถามอย่างงงๆ ที่จู่ๆ ก็ถามว่าสนใจเหรอ
สนใจ? สนใจอะไร
คิ้วสวยขมวดแน่น ก่อนจะมองไปยังหญิงสาวคนนั้นที่ตอนนี้รามินทร์กำลังจ้องมองเธออย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ที่อินทัชสนใจคนอื่นมากกว่าคนที่พามาอย่างเขา
“เปล่า...รอตรงนี้นะ เดี๋ยวกูมา” รามินทร์ลุกขึ้นแล้วตรงไปที่พนักงานหญิงคนนั้นยืนอยู่ พูดคุยอะไรกันสักอย่างอินทัชไม่ได้ยิน แต่สังเกตเห็นสีหน้าซีดเผือดของหญิงสาวก็เข้าใจว่าเธอต้องโดนตำหนิแน่ๆ อินทัชมองเธอที่โค้งให้กับร่างสูงก่อนจะเดินไปยังมุมอื่นที่เขาไม่สามารถมองเห็น
“อะไรวะ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
50%
มาแล้วๆ คร้าบ ขอคอมเม้นท์ให้กันโหน่ยยยยย ครึ่งหลังยูกิจะลงให้วันอังคารนะคะ เพราะวันจันทร์ยูกิจะอัพพ่อเลี้ยงฯ น่ะค่ะ (ยูกิปิดเทอมอาทิตย์เดียว มีความเศร้ามาก)
ตามข่าวสาร พูดคุย ได้ที่แฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/