ตอนที่ 12
เขต ตื่นแต่เช้าออกมารับอากาศบริสุทธิ์ เมื่อคืนมืดมิดไปหน่อย ทำให้ไม่รู้ว่าบ้านของคุณลุงที่เค้าขอพักอาศัยนั้นเป็นบ้านไม้ที่ค่อนข้างใหญ่และด้านข้างถูกรายล้อมไปด้วยสวนผลไม้ที่ลุงปลูกไว้กินเอง น้ำตื่นตามมาทีหลัง ออกมารับอากาศรับลมเย็นๆเหมือนกัน แต่ร่างบางไม่คิดว่าเค้าจะตื่นทีหลังเจ้านายในวันนี้
“แกตื่นเช้าแบบนี้ มิน่าล่ะถึงได้จิตใจปลอดโปร่ง”
เขตพูดขึ้นลอยๆ แต่ต้องการให้น้ำได้ยิน น้ำเห็นหน้าเขตแล้วก็ไม่อยากจะอยู่ต่อเท่าไหร่ เค้าหันหลังพร้อมจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“จะไปไหน!”เขตหันกลับมามองแผ่นหลังของร่างบางที่กำลังจะหนีเค้า ด้วยเสียงตะหวาด
“ผมจะเข้าไปห้องครัวครับ” น้ำตอบเขตอย่างหวั่นๆ เพราะไม่ดีเลย ถ้าหากทำให้เจ้านายโกรธ เพราะน้ำรู้ดีที่สุดแล้วว่าเขตจะเป็น
อย่างไร
“ฮึ จะเข้าไปห้องครัวทำไมกัน”
“ผมตั้งใจว่าจะทำอาหารมื้อนี้เพื่อขอบคูณคุณลุงที่ได้ช่วยชีวิต เด็กที่น่าสงสารคนนึงพลัดหลงทางกลางดึก”
“นี่! แกต่อว่าฉัน!”
“ผมเปล่า ผมเพียงพูดตามความจริง ผมหลงทางก็ถูกแล้วหนิครับ หรือว่าจะให้ผมคิดเป็นอย่างอื่น อย่างเช่น… ถูกทิ้งเอาไว้”
“จะมากไปแล้วนะ!”
เขตเดินพรวดเข้าไปหาน้ำ แต่ร่างบางกลับยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด และหากมองเข้าไปในดวงตาของน้ำเองแล้วนั้น ก็จะต้องพบว่าดวงตาใสสว่างของน้ำนั้น กำลังมีน้ำตาไหลรินออกมา
“คิดว่าน้ำตาแกจะช่วยอะไรอย่างนั้นหรอ”
“ฮึก ฮือ… น้ำตา นี้ ผะ…ผม ไม่ได้ ต้องการให้มันช่วย แต่ มะ…มันออกมาจากตรงนี้ ความรู้สึก ฮึก ฮือ…ที่มันทรมานมามากเกินพอ…”
น้ำบอกเขตไปพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลริน ร่างหนาหยุดความคิดที่จะเล่นงานน้ำทันที เพียงเพราะเห็นน้ำตาของน้ำ เค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นคนใจโหดเหี้ยมที่ทำให้น้ำร้องไห้ และนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่น้ำร้องไห้ต่อหน้าเค้าแบบหนักเอาการ
“เอาผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำตาซะ”
ทหารหนุ่มสูงศักดิ์ พยายามหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินราคาแพงนั้นยื่นให้น้ำ ทั้งๆที่ตัวเค้าเองกลับหันหน้าเบี่ยงไปทางอื่นไม่มองแม้แต่หน้าร่างบางที่พยายามเอามือปาดน้ำตา
“ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”
“อย่าเล่นตัวให้มันมากนักนะ แกมันแค่คนรับใช้ของฉัน จำใส่สมองแกเอาไว้บ้าง เอาผ้าผืนนี้ไปซับน้ำตาซะ ฉันไม่ต้องการเห็น
น้ำตาคนอ่อนแอแบบแก”
ทุกคำที่เขตพูด มันกลับตรงกันข้ามกับในใจเค้า แต่เค้ายังไม่รู้ตัวเท่านั้นว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับน้ำกันแน่
เขตยืนรอให้น้ำรับเอาผ้าอยู่นานแต่ร่างบางกลับไม่รับผ้าผืนนั้นเสียที แต่กลับเอามือสองข้างเล็กๆคู่นั้นปาดน้ำตาอยู่ร่ำไป จนร่างหนาเริ่มหมดความอดทนอีกครั้ง
“แกจะไม่เอาใช่ไหม! ได้”
สิ้นสุดแค่นั้น เขตเอาผืนผืนนั้นจับม้วนเป็นทรงกลมแล้วปามันลงพื้นทันที แล้วเจ้าตัวก็เดินหลบไปอีกทาง น้ำพยายามห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ร้องโดยที่ไม่สนใจการกระทำของเขตเลยแม้แต่น้อย
“น้ำ ร้องไห้ทำไม”
เสียงที่พอจะคุ้นหูนั้นเรียกชื่อน้ำ ทำให้เค้ารู้สึกตัวอีกครั้ง ไพบูลย์คนสนิทของคุณชายภัครพิชัยถามน้ำด้วยความแปลกใจ
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ไพบูลย์ สงสัยฝุ่นจะเข้าตานะครับ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
“คุณเขตใช่ไหม ที่ทำให้น้ำเป็นแบบนี้”
ไพบูลย์ถามน้ำด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างรู้ทัน แต่น้ำกลับไม่ตอบแต่อย่างใด ปล่อยให้ไพบูลย์สรุปเอาเอง
“ไปอาบน้ำ เตรียมข้าวของเถอะนะ ถึงยังไงวันนี้ฉันก็จะพานายกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ให้ได้”
“ขอบคุณพี่ไพบูลย์มากนะครับ”
“อืมไม่เป็นไร แล้วนี่คุณเขตอยู่ที่ไหนล่ะ”
“เห็นเดินไปทางด้านโน้นครับ แต่ผมก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ พี่ลองเดินไปดูเองนะครับ”
“อืม อย่าร้องไห้ ไม่น่ารักแล้วรู้ไหม ไปอาบน้ำเถอะนะ พี่จะรอ”
“ครับผม”
น้ำเดินเข้าบ้านไป ไพบูลย์ก้มลงมองผ้าผืนสีน้ำเงินนั้นอย่างคุ้นๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปตามทางที่น้ำ
บอกเมื่อครู่ เดินไปได้ไม่นานไพบูลย์ก็เดินมาถึงเจ้านายร่างสูงยืนหันหลังให้เค้าอยู่
“คุณเขตครับ! ผมมาตามคุณเขตไปเตรียมของครับ ”
“จะไปแล้วหรอ”
“ครับผม เดี๋ยวออกรถช้ากว่านี้ เกรงว่าจะกลับถึงบ้านดึกนะครับ”
“อืม เข้าใจแล้ว เอ๊ะแล้วนั่นแกไปเอามาได้ยังไง”เขตสะดุดตากับผ้าผืนนั้น
“ผมเห็นมันตกอยู่ที่พื้น เลยเก็บมาครับ คิดว่าเป็นของคุณเขต”
“ทิ้งมันไปซะ ในเมื่อมันไม่อยากจะรับไว้ ผ้าผืนนี้ก็ไม่มีคุณค่าขึ้นมาหรอก ไพบูลย์ นายไปเตรียมรถแล้วก็ไปตามหาคุณลุงคนนั้น
เถอะนะ คิดว่าน่าจะอยู่สวน”
“ครับคุณเขต!”
ที่มหาวิทยาลัย อาคารเรียนรวม
“น้ำ ฉันมีเรื่องจะเม้าส์ ” เพื่อนสาวนามว่า เฌอตาที่หายหน้าหายตาไปนาน เดินเข้ามาสะกิดแขนฟ้ามอญ หลังจากที่เพิ่งเรียนคาบเช้าเสร็จ เธอตั้งใจมารอฟ้ามอญที่หน้าห้องเรียนเลยทีเดียว
“อ้าว เฌอตา มาได้ไง” ฟ้ามอญแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนสาวปรากฏตัวที่นี่
“มาทางนี้ก่อนเร็วๆ” ดูท่าทางของเพื่อนสาวน่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา ฟ้ามอญเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย
เฌอตาพาน้ำมาที่ๆลับตาคน เธอมองซ้ายแลขวาไม่มีคนค่อยหันหน้ามาพูด
“จะบอกให้นะ ฉันแอบไปได้ยินมาว่า ไอ้คุณต่อเพื่อนรักสลับจูบของแกอ่ะ เค้าเป็นใครมาจากไหน แล้วแกจะต้องไม่เชื่อ!”
“ต่อหรอ ทำไม” ฟ้ามอญยิ่งอยากรู้ไปกันใหญ่
“เรื่องแรกนะแก ไอ้คุณต่อนั่นอ่ะ เค้ามีชาติกำเนิดเป็นหม่อมหลวงนะ รู้ยัง”
“หม่อมหลวง? ทำไมเรื่องนี้ฉันไม่รู้ล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนฟังให้จบ เรื่องที่สอง ฉันจำชื่อมันแม่นมาก มันชื่อ อังกอ วันก่อนฉันไปซ้อมสแตนของคณะมา ได้ยินมันพูดประกาศอยู่
ปาวๆว่ากำลังคบกับหม่อมหลวงภูวนนท์อยู่ ไปวิ่งด้วยกันทุกเย็นๆ หมั่นไส้”
“อังกอ? อ้อ รู้แล้วว่าใคร ไอ้คนตอแหล ที่ทำท่าจะตายวันนั้นนั่นเอง เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้คุณต่อ อยู่ด้วยแล้ว
ละก็ ต่อยหน้าหงายไปรอบแล้ว”
“เดี๋ยวๆๆ นี่แกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้เลยหรอ”
“นิดหน่อย ขอบใจนะเฌอตาที่มาบอก ฉันจะไปกินข้าวแล้ว ตอนบ่ายไม่มีเรียนกะว่าจะกลับไปหอ แกว่างป่ะล่ะ ถ้าว่างก็จะได้กลับ
ไปพร้อมๆกันเลย”
“ฉันหรอ ว่างอีกทีก็เย็นแล้วอ่ะ ไม่ได้กลับพร้อมแกหรอกนะ ฟ้า เอาเป็นว่าแยกย้ายกันตรงนี้แล้วกัน แกจะกลับหอใช่ป่ะ ฉันจะ
เดินไปอีกทาง ฉันมีเรียนอีกตึกนึง น่าเบื่อชะมัด”
“ตั้งใจเรียน อย่าบ่น แล้วเดี่ยวว่างๆเราไปหาไรกิน อร่อยๆแถวๆข้างมอกัน”
“โอเค แกพูดแล้วนะ ห้ามเบี้ยวด้วย”
“ไม่เบี้ยวหรอกน่า ไปเถอะไป”
ฟ้ามอญยืนมองส่งเพื่อนสาวแสนห้าวที่วิ่งออกจากตรงนี้ไปแบบไม่คิดชีวิต กลัวว่าจะไม่ทันเข้าเรียนภาคบ่าย ฟ้ามอญครุ่นคิดคำพูดของเพื่อนเมื่อครู่ แล้วก็คิดไปคิดมาไม่เห็นจะเดือดร้อนเลย เค้าจะคบใครยังไงก็เรื่องของเค้าไม่เห็นจะเกี่ยวตัวเค้าเองตรงไหน แต่มันจะเกี่ยวก็ต่อเมื่อคนดังกล่าวมาระรานชีวิตเค้าต่างหาก
ฟ้ามอญเดินคิดนานแสนนานไม่รู้ว่าเดินมาจนถึงทางเข้าหอในแล้ว แต่วันนี้เหมือนจะเป็นวันดีที่สุดเลยก็ว่าได้ของฟ้ามอญที่เดินมาเจอ คู่กัดคู่อริอย่างไม่น่าเชื่อ
“อ้าว ฟ้า!”
เสียงแสดงสีหน้าดีใจ แบบสบายๆ ของฝ่ายตรงข้าม ที่ถูกกลั่นสวนทางกับความรู้สึก ฟ้ามอญได้ยินแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“โทษทีนะ วันนี้ไม่ว่าง!”
“อุ้ย ไม่ว่างหรอ จะไปไหนล่ะ หรือว่าจะตายแล้ว! ไม่หรอกเนาะ กะว่าจะมาชวนไปวิ่งเป็นเพื่อนอยู่พอดีเลย”
“วิ่งเป็นเพื่อน ฮึ ดัดจริต มาไม้ไหนฮะวันนี้!”
“จุ๊ๆๆๆๆ ฟ้า อย่ามองเราเป็นคนไม่ดีแบบนั้นสิ ดูสิ ทำหน้ามุ้ยไม่หล่อเอาซะเลยนะ เดี๋ยวหม่อมหลวงต่อไม่ชอบนะ หืม!”
ฝ่ายตรงข้ามทำท่าเอามือมาจับคางฟ้าเบาๆ แต่ฟ้ากลับเอามือปัดออกอย่างแรง
“อย่าเอามือของแกมาแตะตัวฉัน เค้าจะสนหรือไม่สน ไม่เกี่ยวอะไรกับแกนี่”
“ไม่เอาน่า เราเป็นเพื่อนกัน เห็นเพื่อนไม่สบายใจเราก็เป็นห่วง กลัวตายไปเสียก่อน ฮึฮึ”
“เป็นห่วงตัวเองให้มากเถอะ อังกอ ก่อนที่จะมาเป็นห่วงคนอื่น คนอย่างไอ้ฟ้ามอญ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเป็นห่วง ถอยไป!”
ฟ้ามอญเดินชนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าไปในหอพัก อังกอเซเล็กน้อยเพราะเมื่อครู่เค้าบังเอิญหลบทันไม่อย่างนั้นคงจะโดน
หนักกว่านี้
“เก่งแบบนี้ให้มันตลอดก็แล้วกัน ทันทีที่ต่อ เป็นแฟนฉัน แกนั่นแหละที่ตกกระป๋อง ฟ้ามอญ!”
ก่อนหน้านี้ ฟ้ามอญต้องเผชิญหน้ากับอังกอมาหลายครั้งแล้ว แต่ช่วงนี้ต่อก็ไม่เคยมาหาฟ้าเลยด้วยซ้ำ เดาได้ไม่ยาก เหตุผลข้อเดียวคือ หมาหวงก้างจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ อังกอ!
ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช
“สวัสดีครับคุณลุง!” แดนภพทักทายคุณชายภัครพิชัย ที่เพิ่งจะกลับมาจากวังฉัตรอรุณได้ไม่กี่ชั่วโมง
“สวัสดีหลานชาย ไม่ได้ขึ้นเวรหรอกหรอ”
“วันนี้ไม่มีเวรครับ ผมรีบตรงมาหาน้องน้ำก่อนเลย น้องอยู่ไหมครับ”
“โอรส… อ้อ น้ำเค้าไม่อยู่หรอก อีก 3 4 วันถึงจะกลับ ว่าแต่หลานชายเถอะมีอะไรหรือเปล่า ”
“ผมได้ข้อมูลเรื่องเรียนต่อระดับอุดมศึกษาให้น้ำแล้วครับ กะว่าจะให้น้ำได้เลือกดูเผื่อจะชอบคณะไหน แล้วก็จะคุยเรื่องพาน้องไป
สอบครับคุณลุง”
“อ้อ อย่างนั้นสินะ ลุงก็ดีใจนะที่แดนภพให้ความสำคัญกับน้อง แต่รอให้น้องกลับมาจากไปเยี่ยมพ่อแม่เสียก่อน เรื่องนี้เราค่อยพูด
กันอีกที”
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้โทรมาถามก่อน นึกว่าน้องน้ำยังไมได้กลับไปบ้านในช่วงนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่ยินดีต้อนรับ ไหนๆก็มาแล้ว อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนลุงเลยสิ ดีไหม”
“ขอบคุณมากครับคุณลุง นี่บ่ายนิด ท้องร้องพอดีเลยครับ”
“ฮ่าๆๆๆ มานั่งโต๊ะด้วยกันเลยถ้าอย่างนั้น กล้วยไม้ ใบหลิว ไปเอาอาหาร เอาน้ำ เอาผลไม้มานะ ”
“ค่ะ คุณชาย”
ในระหว่างทานข้าวอยู่นั้น หม่อมราชวงศ์ได้พูดคุยกับแดนภพหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องบ้าน และสุดท้ายคือ
เรื่อง ความรัก ซึ่งแดนภพยังไม่อยากจะตอบเลยในตอนนี้
“จริงๆแล้ว หลานชายก็อายุ 30 ปี แล้วนะ ไม่คิดจะหาคนรู้ใจมาอยู่คู่ชีวิตบ้างหรอ”
“เคยคิดนะครับคุณลุง แต่ตอนนี้ผมขอไม่แล้วล่ะครับ งานหนัก ไม่มีเวลาเลยครับ ”
“แล้วคิดแบบนี้ เมื่อไหร่ถึงจะมีกันล่ะ หรือว่าจะโสด”
“ไม่หรอกครับคุณลุง ผมเองก็กำลังมองๆอยู่บ้าง กลัวแต่ว่าเค้าจะไม่สนใจ”
แดนภพแล้วก็นึกไปถึงหนุ่มร่างเล็กร่าเริงสดใส ผิวสีขาวนวล ไม่ใช่ใครอื่นไกลนอกจาก น้ำ เท่านั้น
“ว่าแต่คนๆนั้นคือใครกันล่ะ แดนภพ เพื่อนร่วมงานหรอ”
“เปล่าครับคุณลุง เป็นรุ่นน้องผมหลายปีมาก นิสัยดี น่ารัก แต่ผมขออะไรให้มันชัวร์ๆกว่านี้ก่อนครับ แล้วค่อยเปิดตัว”
“ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นก็ขอใจชัวร์เร็วๆนะ ลุงอยากอุ้มหลาน ถ้าจะรอแต่เจ้าเขต ลุงคงได้ตายก่อนเป็นแน่”
“อย่าพูดเรื่องตายสิครับคุณลุง ผมรู้สึกใจคอไม่ดีเลย”
“เฮ้ย ของแบบนี้ห้ามได้ที่ไหนกัน คนเราจะตายวันตายพรุ่ง ไม่มีใครรู้หรอก จริงไหม”
“จริงครับคุณลุง”
“เอ้า กินเยอะๆ จะได้ไม่ต้องไปหาอะไรกินเพิ่มนะ ลองผัดกุ้งน้ำมันหอยดูสิ เจ้าเขตชอบนักชอบหนา”
“จริงหรอครับ ตั้งแต่รู้จักเขตมา ผมเองก็ไม่ใช่จะรู้หรอกว่าเค้าชอบกินอะไร แต่ต่างกัน เขตกลับจำได้หมดว่าผมชอบอะไรไม่ชอบ
อะไร”
“เขต น่ะ เห็นเป็นคนไม่ค่อยพูด รักน้องแล้ว ยังใส่ใจคนรอบข้างตัวเองดีอีกด้วย อาจจะเป็นคนใจร้อน ห้าวๆ แต่ก็ตามประสาท
หารหนุ่มไฟแรงแหละนะ อย่าถือสาเขตเลย”
“ผมไม่ถือสาเขตหรอกครับ คนเรามีดีอยู่ในตัวเองทั้งนั้น แต่จะแสดงออกให้เห็นหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง”
“อืม นายแพทย์พูดถูกจริงๆ คนเราน่ะมีดีอยู่ในตัว เพชรแท้ ยังไงก็ต้องเป็นเพชร ไม่ว่าจะอยู่ในดิน ในโคลนยังไงก็ยังเป็นเพชร”
“คุณลุง หมายถึงอะไรหรอครับ”
คุณชายภัครพิชัย ผงะออกจากความเพ้อฝันเมื่อครู่ไป แล้วปรับสีหน้าให้ปกติอีกครั้ง
“เปล่าหรอกหลานชาย ลุงก็พูดไปเรื่อยเปื่อยแหละนะ อย่าสนใจเลย”
“ครับผม”
สงกรานต์เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ทำให้คุณชายภัครพิชัยที่กำลังทานข้าวอยู่ถึงกับวางช้อนลง
“มีอะไรสงกรานต์ ทำสีหน้าแตกตื่น”
“ขอโทษครับคุณชาย คือ แอริน เธอมาพบคุณเขตครับ”
“แอรินหรอ เขตไม่อยู่นี่ ไปบอกแอรินนะว่า เขตยังไม่กลับ”
“ผมบอกไปแล้วครับ แต่เธอจะพบคุณเขตให้ได้ครับคุณชาย”
“ให้ผมไปพูดกับเธอเองนะครับ คุณลุง”
“อืม ฝากด้วยนะ แดนภพ!”
แดนภพเดินออกจากห้องอาหารไปหาต้นเหตุที่ดื้อดึง พูดไม่รู้เรื่อง เพียงแดนภพเดินไปถึงก็พบเธอกำลังจะขึ้นไปชั้นสองห้องของเขต เป็นภาพที่ไม่ดีเอาซะเลย สำหรับผู้หญิงที่จะขึ้นห้องไปหาผู้ชาย
“คุณแอริน จะขึ้นไปไหนหรอครับ”
แดนภพทักเธอเสียงดัง และได้ผลเธอหยุดเดินขึ้นบันไดแล้วหันมามองหน้าคนที่เรียกชื่อเธอ
“แกคือใคร หน้าคุ้นๆ”
“ ผมแดนภพ เพื่อนสนิทของเขต”
“แล้วนี่ รู้ไหมว่าเขตจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ยังไม่รู้ครับ ”
“เอ๊ะ คนบ้านนี้เป็นอะไรกันหมดนะ เจ้านายหายไปทั้งคนไม่รู้ว่าไปไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ แย่ที่สุด”
“เธอเองก็แย่เหมือนกันนะที่ขึ้นบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“แล้วนี่บ้านแกหรือไง พูดออกมาได้ โอเคๆ ฉันรอเขตกลับมาได้ ขอกาแฟสักแก้ว แล้วก็นี่ของฝากจากไปช็อปปิ้งเมื่อกี้ เอาไป
สิ”
แอรินพูดพลางเดินลงบันได แล้วยื่นของฝากที่ว่านั้นให้แดนภพ แต่สงกรานต์เห็นว่าจะไม่ดีเสียแล้ว เดินตัดหน้าแดนภพ ไปรับ
ของฝากนั้นแทน
“อ้าว แกไม่ใช่คนใช้บ้านนี้หรอกหรอ”
“ผมเป็นเพื่อนสนิทของเขตครับ ผมบอกคุณไปแล้ว แสดงว่าคุณผิดปกติทางด้านการสื่อสารและประมวลผลมากเลยนะครับ”
“ก็พูดไม่เข้าใจแล้วฉันจะไปรู้ไหมล่ะ ขอโทษด้วยแล้วกันนะ”
“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณแอรินนั่งรอที่ด้านโน้นเลยครับ แต่บอกไว้ก่อนว่า ไม่รู้เขตจะกลับมาเมื่อไห่ อาจจะ 2 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง
หรืออีก 3 4 วันข้างหน้า สุดแล้วแต่คุณแอรินจะรอได้เลยนะครับ ผมขอตัว”
“ฉันจะรอ ก็คือรอสิ ไม่ต้องมาพูดให้ฉันไขว้เขว ”
“ดีครับ เชิญคุณแอรินรอต่อไปเลยครับ สงกรานต์ช่วยไปบอกคุณชายทีนะว่าฉันกลับแล้ว วันพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่”
“ครับคุณแดนภพ”
บนรถตู้สีดำ ตั้งแต่ออกจากบ้านของคุณลุงมา ทั้งเขตและน้ำต่างไม่มีใครขึ้นจากันเลย แม้แต่คำเดียว ในรถเงียบมาก จนจะได้ยินเสียงหายใจเข้าออก ไพบูลย์ก็ทำหน้าที่ได้ดี นั่งนิ่งขับรถไปไม่มีบ่น มุ่งหน้าไปบ้านจริงๆของน้ำเสียที คราวนี้คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรอกนะ
“นี่แกกะจะไม่พูดอะไรเลยหรือไง”
สุดท้ายร่างหนาก็เปล่งเสียงเอ่ยปากถาม อีกคนที่ขยับไปข้างชิดติดประตูด้านขวาของคนขับ
“จะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ”
“อะไรก็ได้ ที่ฉันไม่ต้องเข้าใจว่าฉันมากับคนบ้า เป็นใบ้พูดไม่ได้” เขตพูดแดกดันน้ำสุดๆ
“ถ้าจะให้ผมพูด ก็คงจะมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือ หวังว่าจะพาผมไปถึงบ้านแท้ๆของผมเสียที!”
น้ำมาเงียบๆแต่พูดได้แทงใจดำเขตอย่างมาก ร่างหนาพยายามทนคำพูดของน้ำ เค้ากำหมัดสองข้างแน่นแต่ทำอะไรไม่
ได้ เพราะอะไรนั้นไม่รู้ เค้าไม่กล้าทำให้น้ำเจ็บอีกแล้ว แต่เค้าไม่ชอบให้น้ำทำท่าทีเย็นชาแบบนี้กับเค้า น้ำที่เชื่อฟัง ไม่ขัดคำสั่ง
คนเดิมหายไปแล้ว ไม่เหลือเค้าเดิมเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเค้าจะเป็นต้นเหตุให้น้ำมีภูมิคุ้มกันต่อมนุษย์ที่ดีขึ้นมา
“อย่าปากดีให้มันมากนัก ไอ้เด็กรับใช้ ฉันบอกแล้วไงว่าให้จำใส่สมองของแกเอาไว้ด้วย อย่าคิดมาเล่นลิ้นกับฉัน!”
“ครับ ผมทราบดีครับ” น้ำรีบตอบกลับไปโดยเร็วเพราะไม่อยากพูดความยาวสาวความยืดกับเจ้านายผู้ทะนงศักดิ์
“เดี๋ยวอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะถึงบ้านแล้วนะน้ำ”
“ครับผม มิน่าผมรู้สึกคุ้นๆชุมชนแถวนี้จังเลย ไม่ได้กลับมา 3 เดือน ที่นี่ยังสงบร่มเย็นดีนะครับ”
“ฮึ” เสียงหัวเราะของเขตที่นั่งนิ่งไม่รับรู้อะไรเลย แต่จริงๆแล้ว เค้ารับรู้ทุกสิ่งอย่างที่น้ำพูดและกระทำไป
“พี่ไพบูลย์ครับ ข้างหน้าด้านว้ายมือจะมีร้านขายตะโก้อยู่ บอกเลยว่าอร่อยมาก เดี๋ยวพี่ช่วยจอดให้หน่อยนะครับ”
“ได้สิ น้ำ ข้างหน้านี้ใช่ไหม พี่ตีไฟเลี้ยงแล้วนะ”
ไพบูลย์ยิ้มให้น้ำผ่านกระจกตรงกลาง น้ำยิ้มรับแล้วลงจากรถทันทีที่รถตู้จอดสนิท เพียงแค่น้ำลงจากรถ ป้าคนขายตะโก้ก็ยิ้มดีใจเหมือนถูกหวย น้ำชอบกินตะโก้มาก มีหรือที่แม่ค้าคนนี้จะจำหน้าลูกค้าไมได้เลย
“ไม่เจอนานเลย แล้วนี่มากับใครทำไมได้นั่งรถตู้” ประโยคแรกที่เธอถามน้ำ
“พอดีช่วงนี้ไปอยู่กับพ่อบุญธรรมครับ เค้าใจดีมากเลย ”
“อย่างนั้นหรอ มิน่าไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย ตะโก้กี่กล่องดีน้ำ ”
“เอา 10 กล่องเลยครับ”
“นี่จ้ะได้แล้ว ทั้งหมด 200 บาทจ้า”
น้ำรับขนมตะโก้มาจากมือแม่ค้าแล้วเอาอีกมือที่ว่างควานหากระเป๋าตังค์ และเค้าก็เพิ่งนึกออกว่าเหลือเงินอยู่แค่ 55 บาทเท่านั้นเอง
ร่างหนายืนมองอยู่ในรถ เห็นท่าทีของน้ำแล้วก็นึกออกพอดี กระเป๋าเงินของน้ำ เขตเก็บเอาไว้ติดตัวอย่างดีกลัวหาย นึกขึ้นได้เขตก็หยิบเอากระเป๋าน้ำเอาไปให้ที่ร้าน ไพบูลย์มองตามเจ้านายไปแล้วแอบยิ้มให้เล็กน้อย
“คุณเขตนะคุณเขต จะทำเป็นใจร้ายกับน้ำยังไงผมก็ดูออก ทำไมไม่ทำตัวดีๆกับน้ำไปเลย น้องเค้าจะได้ไม่เกร็งและรู้สึกดีกับคุณเขต อะไรๆก็จะดีขึ้นมาได้นะครับ”
ไพบูลย์พึมพำอยู่คนเดียว มันก็จริงอย่างที่ไพบูลย์ว่าไว้จริงๆ เขตชอบทำอะไรที่ไม่ตรงหัวใจของตัวเอง ตั้งแต่สั่งให้ไพบูลย์ขับรถวนหาตัวน้ำรอบเมืองสระบุรีไม่รู้กี่รอบ แต่โชคดีที่ได้เจอกันโดยบังเอิญ
“กี่บาทครับ” ร่างหนาสูงมาดทหารถามแม่ค้า เธอยิ้มแก้มปริให้เขต เพราะเขตหล่อมาก หล่อแบบที่คิดว่าในละแวกนี้ไม่มีใครจะ
หล่อกว่าเขตไปได้อีกแล้ว
“200 บาทจ้ะพ่อหนุ่ม อ่ะ เจ้แถมอีก 1 กล่องให้พ่อหนุ่มนะ”
“ขอบคุณ…” เขตพูดยังไม่ทันจบและกำลังเอื้อมมือไปรับก็หยุดชะงัก
“ไม่ต้องหรอกครับป้า ของซื้อของขาย ส่วนตะโก้ของเจ้านายผม ผมซื้อให้แล้วครับ”
น้ำพูดลอยๆให้เขตได้ยิน แต่น้ำไม่รู้หรอกว่าในใจของเขตนั้นมันกำลังยิ้มกับน้ำใจของร่างเล็กที่มีให้เค้า
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วนี่จะไปไหนต่อ ไปหาแม่ชื่น กับพ่อเวทหรอ”
“ใช่ครับคุณป้า ผมพาน้องมาเยี่ยมพ่อแม่เค้าบ้างครับ เดี๋ยวเด็กงอแง” เขตแย่งตอบแทนน้ำ ทำเอาคนข้างๆหายใจฟึดฟัด เขต
เองก็เพิ่งจะเห็นก็ครั้งนี้แหละที่น้ำไม่พอใจเขต แต่ก็น่ารักดี คราวนี้เขตไม่ได้โกรธหรือไม่ชอบน้ำ แต่กำลังเอ็นดูท่าทางของน้ำ
มากกว่า
“อ้าว ได้ของแล้วก็ขึ้นรถสิครับ”
เขตหันมาบอกน้ำพร้อมกับยิ้มหวานให้ ซึ่งน้ำเข้าใจว่าเขตแสร้งทำต่อหน้าทุกคน น้ำเลยเดินกลับขึ้นรถอย่างว่าง่าย แต่จะรู้หรือเปล่าว่ารอยยิ้มในรอบ 3 เดือนตั้งแต่เขตรู้จักกับน้ำมา มันเป็นรอยยิ้มที่เขตมอบให้น้ำอย่างจริงใจเลยนะ พอขึ้นไปบนรถ เขตก็แบมือขอตะโก้ที่ว่านั้นทันที
“อะไรครับ!” น้ำถามอย่างุนงง
“อ้าวก็ตะโก้ของฉันไง นายบอกเองหนิว่าซื้อให้ฉันด้วย”
“นี่ครับ 2 กล่อง” น้ำยื่นให้เขตแบบเกร็งๆ แต่ร่างหนากลับเอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กๆข้างนั้น
“ขอบใจ” เขตพูดกับน้ำด้วยเสียงปกติเรียบ แต่น้ำรับรู้ได้ว่า เขตรู้สึกขอบใจเค้าจริงๆ
“พี่ไพบูลย์ครับ อันนี้ของพี่นะครับ 2 กล่อง ผมวางไว้ตรงเบาะซ้ายนะครับ”
“ครับผมขอบใจมากนะน้ำ”
เขตมองดูน้ำที่ไม่รู้สึกอะไรกับเค้าเลย ร่างหนาถึงกับน้อยใจนิดๆ ก่อนจะรับตะโก้นั้นมาแล้ว มองออกไปด้านนอกกระจก สิ่งที่เขตเห็นคือ ชุมชนแถวนี้แต่ละบ้านอยู่ห่างกันพอสมควร หากนึกๆไปถ้าให้เค้ามาอยู่ใช้ชีวิตแบบนี้จริงๆแล้วจะเป็นยังไง ที่นี่มีไฟฟ้า มี3G ให้เล่นก็นับว่าดีแล้ว แต่อย่าคิดไปถึงห้าง หรือตลาดขนส่ง อะไรพวกนั้นเลย เพราะที่นี่ไม่มี แต่ร่างบางอย่างน้ำ เกิดและเติบโตที่นี่ เค้าคิดไปคิดมา น้ำคงจะสู้ชีวิตไม่น้อย หากเค้าเป็นคุณพ่อ เค้าก็คงจะรับน้ำมาอยู่ด้วยเหมือนกัน
มาต่อแล้วๆๆๆ ดีใจจังคราวนี้ เขต พาน้ำมาส่งถึงบ้านจริงๆ ลองทิ้งเอาไว้อีกสิ คราวนี้ผู้แต่งจะแต่งแบบไม่ให้ได้เจอน้ำอีกเลย แดนภพลึกๆแล้วอาจจะคิดกับน้ำเกินพี่ชายที่แสนดีก็ได้ ส่วนอังกอ หลังๆจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น อาจจะไม่คุ้นชินบทบาทตัวละครใหม่ แต่รับรองว่าแซ่บ! วันเสาร์ที่ 19 และ วันอาทิตย์ที่ 20 เรานี้นัดกันที่นี่ที่เดิมน้า ขอบคุณมากๆที่ติดตาม