✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)  (อ่าน 29745 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




คำเตือน


นิยายเรื่องนี้มิได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด สถานที่และบุคคลเป็นสิ่งกำหนดแต่งขึ้นเท่านั้น




จำนนหัวใจ

“ ความรัก ที่ก่อเกิดจากไฟในหัวใจ ทำให้เด็กหนุ่มอย่างน้ำ ผู้ยากไร้เข้ามาอยู่บ้านด้วยเหตุผลครอบครัว ต้องมาทนรับความรู้สึก และอารมณ์ของ ภูธเนศ หม่อมหลวงทหารหนุ่ม ที่ไร้เหตุผล เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ มีเพียงภูธเนศเองเท่านั้นที่รู้เหตุผลว่าทำไมต้องเกลียด แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ไฟแค้นในหัวใจภูธเนศนั้นค่อยๆมอดดับลงด้วยความอ่อนโยนและความดีเข้าสู้ จนกลายเป็นต้นรักที่กำลังออกก้านออกใบสวยงาม แต่แล้ววันหนึ่งต้นไม้ต้นนี้แทนที่จะออกดอกสีชมพูเบ่งบาน แต่กลับเปลี่ยนสีดอกไม้ทรงค่า ดุจเพชร แล้วภูธเนศจะได้เป็นเจ้าของดอกไม้ดอกนั้นหรือไม่   หรือจะเพียงแค่ได้ชายตามองดอกไม้ดอกนี้ ไม่อาจเก็บมาครอบครองได้อีกชั่วนิรันดร์… ”

***นิยายเรื่องนี้มีคำราชาศัพท์ที่ใช้สำหรับหม่อมเจ้า ผู้แต่งได้ศึกษาจากละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายปวรุจ อาจมีคำที่นำมาใช้ผิดไปบ้างขออภัยมา ณ ที่นี้

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2015 21:12:04 โดย loveice »

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: >>>>>{ จำนนหัวใจ }<<<<<
«ตอบ #1 เมื่อ08-08-2015 21:27:45 »

ตอนที่ ๑



…ปี 2530  ในคืนแรมค่ำเดือนแปด ฝนตกหนักไฟฟ้าถูกตัด ความมืดมิดปกคลุมอีกครั้ง แต่ในคืนนั้นเองกลับมีหญิงสาววัย 30
ต้นๆ หอบอุ้มบางอย่างตากฝนมาบ้านด้วย เธอรีบวิ่งสุดฤทธิ์เหมือนกำลังหนีอะไรมา สีหน้าที่หวั่นวิตกนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เธอวิ่งจนมาหยุดที่บ้านมุงสังกะสีหลังหนึ่งที่จำได้ดี


“พี่เวท พี่ได้ยินฉันไหม พี่เวท พี่เวท!” เธอร้องตะโกนเข้าไปในบ้าน หวังว่าคนในบ้านจะตื่นแล้วออกมาดู


“ใครมาเอะอะ ตอนค่ำมืด แถมฝนตกแบบนี้วะ ”


“พี่ ฉันเองๆ ชื่น ไงจ้ะ”


“อ้าว อีชื่น มาดึกตื่นอะไรแบบนี้ แล้วนี่เอ็งหอบอะไรมาด้วย”


“อย่าเพิ่งถามฉันตอนนี้เลย ให้ฉันเข้าไปก่อนนะ”


“เออๆเข้ามาก่อน ฝนยังตกหนัก เดี๋ยวไม่สบาย”


 ชื่นยิ้มรับก่อนจะพาบางสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นเข้าไปหลบฝน สภาพตัวเธอนั้นเปียกชื้นไปหมด เวทมองดูชื่นและสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างตกใจ

“อีชื่น!นั่น เด็กนั่น แกไปเอามาจากที่ไหนกันวะ”


“คือเรื่องมันยาวนะพี่ เออนี่ฉันไม่ได้ไปอยู่ทำงานที่บ้านนั้นแล้วนะ ”


“เกิดอะไรขึ้นวะชื่น เอ็งบอกข้าสิ แล้วเด็กนี่คือลูกใคร อย่าบอกนะว่าจะเอามาเลี้ยง ลำพังตอนนี้เองก็มี ลูกชาย 2 คนแล้วนะเว้ย”


“พี่เวท เมตตา สักนิดเถอะ เด็กคนนี้คือ โอรสของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณกับหม่อมพิมล นายของฉันเอง”


“แล้วเอ็งไปเอาลูก…เฮ้ย ไปเอาโอรสมาได้ยังไงกัน”


“หม่อมบุหลัน เธอไล่ฉันมา บอกว่าเจ้านายสิ้นแล้ว ฉันก็ไม่สมควรอยู่ ฉันเลยเอาโอรสมาด้วยกลัวจะไม่ปลอดภัย หม่อมบุหลัน
เป็นคนโหดเหี้ยม ฉันก็เล่าให้พี่ฟังบ่อยๆไงจ้ะ ”


“เอ็งว่าอะไรนะ หม่อมพิมลตายแล้วหรอ กรรมเวรอะไรนะ แล้วโอรสชื่อว่าอะไร เอ็งรู้ไหม”


“หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ จ้ะพี่ ชื่อนี้หม่อมพิมลตั้งให้ก่อนสิ้นใจ ”


“ไม่เป็นไร ข้าจะเลี้ยงท่านชายไว้ ถือเสียว่าตอบแทนบุญคุณของพระองค์เจ้ากับหม่อมพิมลที่ทรงเอ็นดูเอ็งกับข้ามาตั้งแต่ยังหนุ่มสาว”


“พี่ เราเปลี่ยนชื่อให้ท่านชายดีกว่านะ ฉันกลัวว่าองค์เองจะไม่ปลอดภัย หม่อมบุหลันไม่ปล่อยไว้แน่ หากรู้ว่าโอรสถูกพาหนีมาอยู่
ที่นี่”


“อือ…ว่าแต่จะเอาชื่ออะไรดี”


“น้ำ ชื่อ น้ำดีไหมพี่ นทีพิสุทธิ์ แปลว่า น้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ ”


“เออๆ แล้วแต่เอ็งเลย ก็ดีเหมือนกัน อ่ะๆเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เปียกหมดแล้ว จะได้ไปนอนเสียทีนี่ก็ดึกมากแล้ว”








 20 ปีผ่านไป

       น้ำ เด็กหนุ่มร่างบางดวงตาเรียวได้ส่วน ปากนิดจมูกหน่อยไม่ต่างอะไรไปจากมารดาผู้ให้กำเนิด ได้โตขึ้นในวัย 20 ปี ด้วยความรักและเลี้ยงดูของเวทกับชื่น สามีภรรยาข้ารับใช้เก่า และมีตะวันกับภูผาพี่ชายอีก 2 คนผิวสีแทนทั้งคู่แต่ดูแข็งแรงและหล่อเหลาสมชายชาตรี แต่ฐานะทางบ้านค่อนข้างไปได้ไม่สวยมาเกือบสิบปีด้วยค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ทำให้น้ำไมได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา เช่นเดียวกันตะวันและภูผาพี่ชายทั้งสองคน ก็จบเพียงวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น ด้วยความอยู่ยากลำบากทำให้เวท แอบไปยืมเงินกู้นอกระบบโดยไม่บอกครอบครัว จนเป็นหนี้มากมายมหาศาล โดยที่ชื่นไม่รู้มาก่อน และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็มาถึง


“เฮ้ย! ไอ้เวท ออกมาได้แล้ว วันนี้กูต้องได้เงินที่มึงกู้ไป ถ้าวันนี้ไม่มีจ่าย กูจะไม่ไว้ชีวิตมึง ออกมา!”

“มาทำอะไรหรือจ้ะ น้าทั้งสอง” น้ำเดินออกมารับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“พ่อเอ็งอยู่ไหม ไปตามมา”

“พ่อ ยังไม่กลับหรอกจ้ะ ”

“กูไม่เชื่อ เฮ้ย ไปค้นในบ้าน”

    ชายหนุ่มวันฉกรรจ์ชุดดำ 3 4 คนเข้าไปในบ้านและพื้นที่ละแวกนั้น ทำลายข้าวของพังพินาศ น้ำตกใจมากแต่ทำอะไรไม่ถูก
ประจวบกับที่ชื่นและพี่ๆทั้งสองคนกลับมาบ้านพอดี ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแทบพูดไม่ออก

“น้ำ! ตะวัน ภูผา ไปเอาน้องออกมาเร็ว”

“จ้ะแม่”

“พี่ตะวัน พี่ภูผา เค้าเป็นใครกัน ทำไมจู่เข้ามาพังของในบ้านเราแบบนี้”

“พี่ไม่รู้ น้ำ ฟังนะ ไปอยู่กับแม่ก่อน ตรงนี้ปล่อยให้พี่สองคนเองนะ”

“จ้ะ”

“พวกน้าเป็นใคร มาทำลายข้าวของบ้านข้าได้ยังไง”

“ฮึ นี่ยังไม่รู้หรอ ว่าพ่อพวกเอ็ง ไปยืมเงินนายกูมา ตอนนี้เป็นหนี้ 1 ล้านแล้ว ถ้าวันนี้พ่อเอ็งไม่เอาเงินมาให้ วันนี้พ่อเอ็งต้องตาย
ข้าวของในบ้านก็ต้องเอาไปขายให้หมด”

“ว่าไงนะ ข้าไม่เชื่อหรอก พ่อข้าไม่ใช่คนอย่างนั้น ออกไปจากบ้านฉันนะ”

    ตะวันโมโหมากเดินเข้าไปกระชากแล้วอัดเข้าที่ท้องชายชุดดำ แต่โชคร้ายที่ถูกอีกคนลอบเข้าด้านหลังแล้วล็อกตัวไว้ ตะวัน
ถูกอัดเข้าที่ท้องและใบหน้า จนเขียวช้ำไปหมด ส่วนภูผา เข้าไปช่วยพี่แต่ถูกมีดจี้ไว้ที่หลัง

“อย่าคิดขัดขืนนะเว้ย”



  ที่หน้าบ้านรถคันสีดำหรูหรา จอดนิ่ง คนในรถมองดูสถานการณ์มาพักใหญ่ บานกระจกถูกเลื่อนลงต่ำ มองเห็นคนที่อยู่ในรถ
เป็นชายวัยกลางคน ใส่สูทสีเทานั่งอยู่เบาะหลัง พร้อมกับลูกน้องอีก 2 คนนั่งอยู่ด้านหน้า

“ชาวบ้านกำลังถูกรังแกนี่”


“ใช่ครับคุณชาย ให้ผมลงไปช่วยไหมครับ”


“ดีสงกรานต์ เดี๋ยวฉันลงไปด้วย ไพบูลย์นายเฝ้ารถนะ”


“อย่าทำอะไรลูกฉันเลยนะ ขอร้องปล่อยลูกฉันเถอะ!”


“พวกแก หยุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงพวกแกตอนนี้แน่” สงกรานต์ยกปืนขึ้นมาจ่อเล็งไปที่พวกชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน


“แกเป็นใครวะ มายุ่งเรื่องนี้ทำไม พวกแกไม่เกี่ยว”


“หยุดก่อนๆ มีเรื่องอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม” เสียงของชายชุดสูทสีเทาเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น


“ก็…ไม่มีอะไรมากหรอก พ่อของพวกเด็กๆนี่ มันเป็นหนี้นายฉัน 1 ล้าน”


“หนี้ 1 ล้าน?”


“ฉันไม่รู้เรื่องนะคะคุณ ช่วยลูกฉันด้วย”ชื่นอ้อนวอนร่ำไห้


“เอาเป็นว่า ปล่อยตัวเด็กสองคนนั้นเถอะนะ ฉันยินดีชดใช้หนี้ให้”


“ได้ ไม่มีปัญหา”


“สงกรานต์ ไปเอาเช็คมาให้ฉัน ”


“ครับคุณชาย”


      หนุ่มใหญ่วัยกลางคนยืนมองชื่นกับเด็กที่กำลังยืนกอดแม่ลูกนั่นอย่างสงสารและเอ็นดูเด็กคนนี้เป็นพิเศษไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน


“ได้แล้วครับ”


“อ่ะ นี่เช็คเงิน1 ล้าน เอาไปซะสิ”


“ดี แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง พวกเรากลับ!”


“ไม่เป็นไรแล้วนะ”


“ขอบคุณมากจ้ะที่ช่วยลูกฉันไว้ ไม่รู้จะตอบแทนยังไงถึงจะชดใช้หมด”


“ไม่ต้องหรอก บังเอิญฉันผ่านมาแถวนี้ เห็นมีเรื่องกันเข้า เลยลงมาดูสักหน่อย เธอกับลูกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”


“ขอบคุณอีกครั้งนะจ้ะ ไว้ฉันจะตอบแทนคุณนะคะ”


“ตอบแทนหรอ? เงินตั้ง 1 ล้านบาท เธอจะไปเอามาจากที่ไหน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ดูเธอกับลูกๆตอนนี้เหมือนคนหาเช้า
กินค่ำ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนฉัน” ชื่นทำสีหน้าครุ่งคิดตามคำพูดของภัครพิชัย


“แต่ฉันรับรองว่าจะรีบหาเงินมาใช้ให้นะคะ”


“เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันมีข้อเสนอ ที่บ้านฉันยังขาดแม่บ้าน ชาวสวน อยู่พอดี เธอสนใจไปอยู่ทำงานที่บ้านฉันไหม พาลูกไปด้วย”


“ฉันไม่ไหวหรอกคะ อายุมากแล้ว เป็นโรคสารพัด คงไปให้ลำบากคุณเปล่าๆ”


“อย่างนั้นหรอ แล้วลูกๆเธอล่ะ มีใครจะสนใจไปไหม”


“ไม่เอานะแม่ น้ำอยากอยู่กับแม่” ร่างบางออกตัวก่อนใครเพื่อนแล้วเข้ากอดชื่นแน่น


“พี่คิดออกแล้ว น้ำฟังพี่นะ พี่กับภูผาจะอยู่ที่นี่คอยดูแลพ่อกับแม่ น้ำ น้ำไปกับคุณลุงคนนี้เถอะนะ”


“ไม่เอา น้ำไม่อยากไป น้ำอยากอยู่กับแม่”


“พี่รู้น้ำ แต่น้ำโตแล้ว เรื่องบ้านงานเรือน น้ำก็ทำเป็น ไปเถอะนะ ถึงน้ำอยู่น้ำก็ดูแลพ่อกับแม่ได้ไม่มาก แล้วพี่ทั้งสองคนจะแวะไป
เยี่ยมหาบ่อยๆ”

“น้ำไม่ไป…”


      เด็กหนุ่มร่างบางวิ่งไปที่ท้ายบ้านติดลำคลองเล็กๆ ที่กำลังไหลเนือย แววตาที่ดูเศร้าเค้าเกิดและเติบโตที่บ้านหลังนี้เค้าจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น


“เดี๋ยวผมไปพูดให้เองนะ อันที่จริงผมเอ็นดูเด็กคนนี้มาก หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจที่จะให้ลูกเธอไปกับฉันนะ”


“คุณเป็นผู้มีพระคุณกับเรา แต่เราไม่มีทางเลือกที่จะชดใช้ด้วยเงินในตอนนี้ได้ สุดแล้วแต่น้ำลูกชายฉันแล้วละค่ะ”


“อืม ฉันจะไปพูดให้เอง”


ภัครพิชัยเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ศาลาท่าน้ำหันหลังให้เค้า  แววตามองดูน้ำที่ลำคลองอย่างเศร้าใจ


“ว่ายังไง หนุ่มน้อย มาหลบอยู่ตรงนี้นี่เอง”


“คุณ! อย่าเข้ามานะ ผมไม่ไปกับคุณหรอก”


“ทำไมไม่กตัญญูกับพ่อแม่เลย รู้ไหมมันไม่น่ารัก”


“ผมไม่กตัญญูตรงไหน ผมรักแม่รักพ่อ อยากดูแลท่านที่นี่”


“แต่ท่านก็มีพี่ชายทั้งสองดูแลแล้วไง อีกอย่างพี่ชายก็แข็งแรงมากน่าจะดูแลบ้าน และปกป้องพ่อแม่ได้ดีกว่าหนูนะ หนูไปกับลุง
เถอะ รับรองไม่ลำบากหรอก ดีเสียอีกจะได้เอาเงินนี้ชดใช้หนี้ให้ฉัน”


“คุณลุงใจร้ายไม่ต่างจากคนพวกนั้นสินะ”


“เปล่าๆ เข้าใจผิดแล้ว อันที่จริงฉันเอ็นดูหนูตั้งแต่แรกพบ หนูไม่อยากไปอยู่ที่ที่สบายหรือไง”


“ผมไม่อยากอยู่ ครอบครัวผมอยู่ไหน ผมต้องอยู่ด้วย”


    ชื่นเดินตามเข้ามาหวังจะพูดให้น้ำเข้าใจแล้วก็ยอมไปกับคุณคนนี้ เพราะลึกๆแล้วเธอเองก็อยากให้น้ำไปอยู่กับคนที่รวยๆฐานะดีๆ ชาตินี้เธออาจจะไมได้มีโอกาสพาน้ำกลับไปยังวังฉัตรอรุณ แต่ถ้าน้ำเลือกไปอยู่กับคุณคนนี้อย่างน้อยก็น่าจะทดแทนกันได้ ไม่ต้องทนลำบากกับเธอที่เป็นเพียงสามัญชนธรรมดา


“ไปเถอะน้ำ ถือว่าแม่ขอ ทางนี้พี่ตะวันกับภูผา ก็จะทำงานช่วยผ่อนผัน ไม่ต้องห่วงแม่จะหาทางคืนเงินท่านคนนี้ให้เร็วที่สุด”


“แม่ ทำไมแม่พูดแบบนี้จ้ะ แล้วทำไมน้ำต้องไปคนเดียว แม่ไปกับน้ำด้วยสิ”


“ไม่ได้หรอก แม่ไปก็เป็นภาระ อีกอย่างแม่ทิ้งบ้านไม่ได้”


“ไม่เอา น้ำไม่อยากไป”


“แต่น้ำต้องไป! แม่สั่ง”


“ถ้าแม่จะผลักไสไล่น้ำขนาดนี้ น้ำไปก็ได้ แต่น้ำอยากบอกให้แม่รู้ว่าน้ำรักแม่นะจ้ะ ”


“ไม่ต้องพูดเยอะ ไปเก็บข้าวของเถอะไป ตะวัน ภูผา ไปเก็บของช่วยน้อง”


“ครับแม่!”


“ไม่ต้องหรอก ไปแต่ตัว ฉันมีที่พักและของทุกอย่างให้ หนูไปขึ้นรถฉันได้เลย สงกรานต์พาไปที่รถ”


“ครับคุณชาย”


“แม่ น้ำไปแล้วนะ แล้วน้ำจะกลับมาเยี่ยมแม่นะ ”


“โชคดีน้ำ พี่จะไปเยี่ยมนะ”


        ชายชุดสูทสีเทากำลังจะเดินผ่านชื่นไป แต่เธอก็ยังไม่หายข้องใจ อย่างน้อยเธอน่าจะรู้ที่มาที่ไปของชายคนนี้บ้าง เธอยกมือขวางทางภัครพิชัยเอาไว้


“เดี๋ยวก่อนคุณ คุณชื่ออะไร แล้วบ้านอยู่ที่ไหน พวกฉันจะได้ไปหาลูกถูก ”

“ชื่อเต็มของฉันก็คือ หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ธำรงอาภรณ์นิช  บ้านฉันอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร เอาเป็นว่าถ้าสะดวกเมื่อไหร่ ฉัน
จะพาน้ำมากลับมาหาเอง”


“ค่ะ ขอบคุณคุณมาก แล้วฉันจะรีบหาเงินมาชดใช้ให้นะคะ”


“ได้ นี่นามบัตรของฉันเก็บเอาไว้มีอะไรก็โทรมาหาฉันได้  ฉันไปแล้วนะ สงกรานต์ ไปบอก ไพบูลย์ สตาร์ทรถได้แล้ว”


“ครับคุณชาย”


      น้ำนั่งมองแม่กับพี่ชายทั้งสองคน ที่กำลังโบกมือให้กับน้ำที่นั่งอยู่ในรถสีดำหรู ผ่านไปเรื่อยๆ จนไกลลับตา แววตาสีหม่นนั้นมีแต่ความโศกเศร้าและไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่ตัดสินใจ และเค้าเชื่อว่าพ่อไม่มีทางไปยืมเงินถึง 1 ล้านบาทขนาดนั้นหรอก แล้วพ่อไปอยู่เสียที่ใด ทำไมไม่กลับบ้าน ทุกคนที่บ้านเป็นห่วงพ่อมากนะ ร่างบางคิดในใจ ได้แต่มองผ่านกระจกรถออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย


“อย่าเสียใจไปเลย ไปอยู่กับฉัน ที่นั่นสุขสบาย ดูท่าโทรศัพท์หนูก็ไม่มีใช้ เอาไว้ฉันจะซื้อให้ใหม่ๆเลยนะ”


“ครับ”


      รถคันหรูขับไปนานพอสมควร ก็ถึงทางเข้าบ้านของ ม.ร.ว.ภัครพิชัย รั้วสีขาวทองสวยงามขนาดใหญ่ทอดยาวขนานถนนหลักเกือบ 200 เมตร น้ำมองดูด้วยความตื่นเต้น เพราะเค้าเคยเห็นแค่ในละครเท่านั้น   


“ถึงแล้วหนุ่มน้อย”


“นี่บ้านคุณหรอครับ ทำไมใหญ่จังเลย”


“แล้วชอบหรือเปล่า”


“ชอบครับ”


“สงกรานต์ เดี๋ยวแวะพาเด็กคนนี้ไปหา กล้วยไม้ กับ ใบหลิวนะ เดี๋ยวฉันจะไปธุระกับไพบูลย์ต่อ”


“ครับนาย  หนูไปกับฉันนะ”


“ครับ”


“ทำตัวตามสบายนะ แล้วพรุ่งนี้ตอนเย็นฉันถึงจะกลับ”


“ครับท่าน สวัสดีครับ”


“ไม่เป็นไร ไพบูลย์ไปได้แล้ว”


“เข้าข้างในกันเถอะ อยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวเป็นลม แดดร้อนออกจะตายไป” สงกรานต์หยอกอย่างอารมณ์ขัน


     น้ำเดินตามสงกรานต์เข้าไปในบ้าน ที่สวยงาม เค้าไม่นึกเลยว่าจะได้เข้ามาเหยียบมาอยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ คิดว่าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น น้ำหยุดยืนอยู่ตรงห้องโถงที่มีกรอบรูปสีทองขนาดใหญ่ที่ผนังสีขาว


“หล่อจังเลยนะครับ”


“ฮาๆ นี่นายชมผู้ชายด้วยกันเองหรอ อืม แต่ก็หล่อจริงๆ จะบอกให้นะ คนสูงๆใส่ชุดทหาร คือ พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ หรือคุณเขตส่วนอีกคนที่ยืนด้านซ้ายในรูปคือ หม่อมหลวงภูวนนท์หรือคุณต่อเป็นคนเล็ก กำลังเรียนอยู่ ปี 1 พอดี น่าจะเป็นเพื่อนกับหนูได้ดีนะ ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกรูปถัดมาตรงกลางคือ คุณหญิงสุดา แต่ท่านเสียแล้วเมื่อ10 ปีก่อน”



“อย่างนั้นหรอครับ ”


“ใช่ ไปต่อได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะพาไปหา กล้วยไม้ กับ ใบหลิว แม่บ้านสาวของที่นี่ เดี๋ยวสองคนนั้นจะช่วยสอนและแนะนำหนูเอง”


“ครับผม”



ปี๊ดๆ เสียงรถที่บีบแตรรถรัวแสดงถึงอารมณ์ของคนขับ สงกรานต์ลูกน้องผู้รับใช้คนสนิทรู้ทันทีว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายของเค้าเอง…


“สงสัยคุณเขตกลับมาแล้ว หนูรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”


“ครับ”


      สงกรานต์เดินไปรับเจ้านายตน เป็นชายหนุ่มร่างสูงใส่ชุดทหารยศพันเอก น้ำที่มองอยู่ไกลๆถึงกับหลงตะลึงไม่นึกว่าตัวจริงกับในรูปเมื่อครู่นี้จะแตกต่างกันขนาดนี้ ตัวจริงนั้นคุณเขตดูดี ดูเท่ห์และสมาร์ท มากกว่าในรูปถึง  3เท่า


“สงกรานต์ คุณพ่อกลับมารึยัง” เสียงทุ้มเย็น สุขุมเอ่ยถามสงกรานต์ทันทีที่เดินเข้ามาบ้าน


“กลับมาสักพักแล้วก็ไปธุระต่อกับไพบูลย์ครับ พรุ่งนี้ถึงจะกลับ”


“อ้อ อย่างนั้นหรอ…ไม่มีอะไรแล้วขอบใจมาก เอ๊ะแล้วนั่นใคร?”


“เอ่อ เด็กคนนี้คุณชายเพิ่งไปรับมาอยู่ด้วยครับ”


“ไปรับมาหรอ? ฮึ ตัวเท่าลูกหมา จะทำอะไรได้ นี่คุณพ่อคงให้นายไปหาคนใช้มาแทนคนเดิมละสิ  แล้วไปหาคนที่มันได้เรื่องได้

ราวกว่านี้ไม่มีแล้วหรือไง คนก่อนก็ไม่ได้เรื่อง ฉันไล่ไปยังไม่ชินใช่ไหม สงสัยไอ้เด็กคนนี้จะเป็นรายต่อไป… ดี ฉันจะได้จัดให้…”


“อย่านะครับคุณเขต เด็กคนนี้เป็นคนของคุณชายนะครับ”


“คนของคุณพ่อ หมายความไง?”


“เอ่อ…สวัสดีครับคุณเขต”


“หยุดเรียกชื่อเล่นฉันพร้อยๆนะ  สงกรานต์สั่งสอนเด็กรับใช้คนใหม่บ้างนะ ชื่อฉันไม่ใช่ใครอยากจะเรียกก็เรียก  ถ้าสอนไม่ฟังก็
ให้ออกจากบ้านฉันไปซะ! ”




ฝากเรื่องใหม่ด้วยน้า  ปล.เรื่องนี้มีทั้งดราม่าและสนุกเฮฮา

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: >>>>>{ จำนนหัวใจ }<<<<< ตอนที่ 1 (8/8/58)
«ตอบ #2 เมื่อ08-08-2015 21:46:04 »

 :katai2-1:  น่าสนๆ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 2



        บุรุษหนุ่มร่างสูงเกือบหกฟุต 2 นิ้วกำลังส่งแววตาที่โหดดุดันไปยังหนุ่มน้อยร่างบางที่มีอายุห่างกันถึง 8 ปี ร่างบางได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเจ้านายคนใหม่  เพราะแววตาคู่นั้นมองเค้ามันเหมือนหนูตัวเล็กๆที่กำลังถูกจับจ้องจากแววตาพญาอินทรีผู้ทะนงศักดิ์

“ดูจากการแต่งตัว เห็นทีไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเด็กบ้านนอก ใช่รึเปล่าสงกรานต์?”

“เอ่อ…” ลูกน้องหนุ่มอึกอัก

“สงกรานต์!” เขตตะหวาดดังก้อง เพราะเค้าไม่ชอบอะไรที่เชื่องช้า

“ครับ ครับ คุณเขต ใช่ครับเด็กคนนี้เป็นเด็กแถวชนบทครับ  ”

“ส่งแขก! บ้านนี้ไม่ต้อนรับคนสกปรก”

“ไมได้นะครับ คนนี้คุณชายภัครพิชัย ไปรับมาด้วยตัวเอง ถึงยังไงรอคุณชายก่อนดีกว่าไหมครับ”

“ฉันเป็นนายแกนะ  ส่วนคุณพ่อมีไอ้ไพบูลย์คอยรับใช้ แกจะฟังใครกันแน่ สงกรานต์!”

“คุณเขตครับแต่ว่า…” สงกรานต์ตัดสินใจลำบาก

“ได้…อยากให้มันอยู่นักใช่ไหม อยากอยู่ก็ให้มันอยู่ไป แต่ทนอยู่ให้ตลอด ลอดฝั่งก็แล้วกัน ”

         ชายหนุ่มผู้ทะนงศักดิ์เดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่เหลียวหลัง สงกรานต์โล่งใจมากหันมามองน้ำ ร่างบางได้แต่ทำตัวสั่นเพราะความกลัวเจ้านายคนเมื่อครู่

“เฮ้อ! หนูน้ำ โอเคนะ คุณเขตเป็นแบบนี้แหละ อารมณ์ร้อน ฉันเชื่อว่าสักวันคุณเขตจะต้องเมตตา”

“แต่ผมว่า ผมกลับบ้านอย่างที่คุณเขตว่าจะดีกว่านะครับ” ร่างบางเริ่มท้อ

“อ้าว ไหนว่าตั้งใจจะมาทำงานเพื่อใช้เงินคืนคุณชายไง อีกอย่างเพื่อช่วยแม่อีกแรงหนึ่งนะ”

“ผม…”

“เอาน่าน้ำ นายไม่ลองไม่รู้หรอกจริงไหม ไปหากล้วยไม้กับใบหลิวกัน สองคนนั้นเป็นคนใช้ของบ้านหลังนี้เลยนะ ไม่เข้าใจอะไร
ถามสองคนนั้นได้เลย เป็นเพื่อนเล่นเพื่อนคุยได้ในเวลาเหงาๆด้วย”

“ครับผม”







         เสียงกลองดังอึกกะทึก การรับน้องของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งยังไม่สิ้นสุด รุ่นน้องหลายคนกำลังทำกิจกรรมโดยมีรุ่นพี่คอยดูแลและกลั่นแกล้งแต่อยู่ในขอบเขต เสื้อผ้าหน้าผมรุ่นน้อง ยุ่งเหยิงไปหมด สีผสมอาหาร แป้งเด็ก ถูกละเลงลงที่ตัวของรุ่นน้องแต่ละคน มากน้อยแตกต่างกันไป โดยเฉพาะหนุ่มน้อยคนนี้เป็นที่โปรดปราณของเพื่อนๆและรุ่นพี่มาก ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย คิ้วดก ปากชมพู ผิวขาว รูปร่างสมส่วนกำลังถูกรุ่นพี่บังคับให้ถอดเสื้อ โชว์กล้ามหน้าอกและหน้าท้อง ที่สาวๆ เก้งกวางเห็นถึงกับกลืนน้ำลาย

“ปรบมือให้ผู้กล้าของเราด้วยค่ะ น้องต่อ   ”

“เฮๆๆๆ” เสียงเชียร์ดังกึกก้อง ต่อ เขินอายเล็กน้อยเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้


“เอาละค่ะ เราจะให้น้องต่อ เดินไปเลือกใครก็ไปมาหนึ่งคน แต่ต้องเป็นผู้ชายนะคะ คณะอะไรก็ได้ที่นั่งอยู่นะสนามหญิงแห่งนี้ เชิญเลือกเลยค่ะ”


    ต่อ เดินไปหาเพื่อนชายตามที่รุ่นพี่บอก เค้าเดินไปเรื่อยๆ ไมได้คิดอะไรมากและไม่มีใครรู้ว่าเค้าคือหม่อมหลวงภูวนนท์ ธำรงอาภรณ์นิช ประจวบเข้ากับเพื่อนชายคนหนึ่งยกมือขึ้นเหมือนจะเรียกเพื่อนสาวของเค้าที่ไหนสักแห่ง ให้รู้ว่าเค้านั่งอยู่ตรงนั้น ต่อ สะดุดตาทันทีจังหวะเดียวกับที่ต่อไม่รู้จะเลือกใครออกไปเป็นเพื่อนเค้านั่นเอง แต่ไหนๆก็เตะตาแล้ว ขอเลือกคนนั้นๆเลยแล้วกัน


“เฌอตา อยู่ทางนี้” เสียงนุ่มเล็กของเพื่อนชายร้องทักให้เพื่อนหญิงที่ยืนอยู่ไกลพอสมควรได้ยิน แต่กลับกลายเป็นว่า…งานเข้าเพื่อนหนุ่มร่างบางคนนี้เสียแล้ว


“นาย…ออกไปกับเราหน่อยสิ”ต่อ เดินมาหยุดอยู่ตรงที่ร่างบางนั่งอยู่ พร้อมกับส่งสัญญาณไปให้รุ่นพี่ที่กำลังมองมาทางเค้าพอดี

“โอเคค่ะ เลือกแล้วก็พาออกมาเลยค่ะ น้องต่อ เร็วๆ ไม่อย่างนั้นพี่จะทำโทษนะคะ”

“นาย…พี่เค้าเรียกแล้วนะ” ร่างสูงพูดซ้ำอีกรอบ แต่ร่างบางตรงหน้ายังทำหน้างงว่าเกิดอะไรขึ้น

“อะไรของนายเราไม่ไป ไปหาคนใหม่สิ”

“ช่วยไมได้ นายยกมือเสนอตัวเองนะ” ต่อยิ้มพร้อมกับยักคิ้วซ้ายให้ร่างบางตรงหน้าอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

“เปล่า เรายกมือเรียกเพื่อนต่างหาก นายเข้าใจผิดแล้วแหละนะ”

“ไม่ผิดหรอก ลุกเร็วๆ หรือจะให้พี่เค้ามา โน่นไงรุ่นพี่เดินมาโน่นแล้ว”

“น้องคะ ให้ความร่วมมือด้วยค่ะ”ชายหนุ่มคู่กรณีมองหน้าต่อ ตาขวางก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปด้านหน้าเพื่อนๆที่นั่งอยู่เต็มสนามหญ้า


“เอาล่ะค่ะ  ไม่น่าเชื่อว่าคนที่น้องต่อเลือกออกมา จะเป็นผู้ชายน่ารักๆ ขนาดนี้ เพื่อไม่ให้เสียเวลานะคะ พี่จะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าน้องต่อ กินน้ำโค้กแก้วนี้หมด น้องจะรอด แต่ถ้าน้องกินไม่หมดภายใน 15 วินาที น้องจะถูกทำโทษพร้อมกับคู่หูที่น้องเลือกมา  ตกลงไหมคะ”


“ตกลงครับ”

“โอเคถ้าพร้อมแล้วเริ่มค่ะ”


     ชายหนุ่มร่างสูงเดินไปหยิบแก้วน้ำสีใสที่มีน้ำสีคล้ายโค้กตั้งอยู่ที่โต๊ะอย่างไม่เฉลียวใจ ความมั่นใจเต็มร้อยของเค้า ยกแก้วกระดกเข้าปากครั้งแรก สีหน้าที่เหมือนจะไม่แยแสของเค้าตอนแรกกลับเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ชวนอาเจียนสุดๆทันทีที่น้ำนั้นเข้าไปในลำคอเค้าหนึ่งอึก เพื่อนๆที่นั่งอยู่รอบตัวเค้าหลายพันคนกำลังมองดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับเค้า แล้วน้ำที่เค้ากลืนเข้าไปคืออะไร คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด


“ห้ามบ้วนออกนะคะ เร็วเข้ากินต่อๆ อีก 8 วินาที” รุ่นพี่สั่งให้กินต่อ

    ไม่มีใครรู้ว่าต่อเกลียดรสชาติเค็มที่สุด แน่นอนว่าน้ำสีโค้กในแก้ว คือน้ำปลาดีๆที่เอง ชายหนุ่มยอมแพ้ที่จะฝืนกินน้ำแก้วนี้จนหมด และรอเวลาให้มันหมดลงไปอย่างช้าๆ และในที่สุด…เวลาก็ล่วงเลยไป

“3 2  1   หมดเวลา น้องต่อแพ้ค่ะ”


“อ่อน!” เพื่อนหนุ่มร่างบางที่ถูกดึงตัวออกมาแบบจับพลัดจับพลูเป็นตัวประกันพูดออกมาเบาๆ แต่ดังพอที่ต่อจะได้ยิน


“นายว่าไงนะ” เพื่อนชายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเซ็งๆ


“น้องต่อคะ น้องแพ้แล้วนะคะ น้องๆคนอื่นๆคิดว่า พี่จะแกล้งอะไรเค้าดีเอ่ย”



“ให้สองคนจูบกันค่ะ”


      เสียงกะเทยนางหนึ่งตะโกนออกมาจากข้างในหมู่คนจำนวนมากนั่งอยู่ในสนาม และเพื่อนๆนับพันต่างพากันส่งเสียงเรียกร้องเป็นเสียงเดียวกัน

“เอาละค่ะ เพื่อนๆเสนอมาแล้ว น้องต่อพร้อมไหมคะ”

“ผม…”

      ร่างหนามองสีหน้าเพื่อนชายที่เค้าดึงออกมา สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่สนุกด้วยเลยแม้แต่น้อย  แต่เค้ากลับนึกอยากแกล้ง
เพื่อนตัวเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น ช่วยไม่ได้มาหาว่าเค้าอ่อน งานนี้ต้องมีเอาคืนเสียบ้าง บุรุษร่างสูงล่ำหันไปตอบรุ่นพี่อย่างไม่ลังเล

“ผมพร้อมครับ”

“นี่นาย! ถามฉันซักคำหรือยัง” ร่างบางตำหนิชายนิสัยทะเล้นตรงหน้าอย่างเคืองๆ โดยที่ต่อไมได้สนใจอะไรเลย ได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด

“โอเคค่ะ พี่จะนับ 1 2 3 แล้วจูบเลยนะคะ”



“1” ชายร่างบางตกใจ จู่ๆก็มีรุ่นพี่อีกคนผลักให้เข้าไปประชิดตัว ต่อ หนุ่มหล่อ หนุ่มฮิตของรุ่นนี้ ที่ท่อนบนเปลือยเปล่า แต่แปลกที่หัวใจของร่างบางนั้นกลับเริ่มสูบฉีดเลือดเร็วกว่าปกติ



“2” ต่อเอามือเข้ามาโอบตัวของเพื่อนชายไว้แนบอก คู่กรณีถึงกับหน้าแดงเถือก หลับตาปี๋ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าเค้าแทบไม่อยากจะคิด ต่อเห็นอย่างนั้นแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมาซี่ฟันที่จัดเรียงสวยงามเป็นระเบียบเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย  ถ้าหากเพื่อนในอ้อมกอดของเค้าจะลืมตาขึ้นมาดูสักนิดมีหวังหัวใจหวั่นไหวไปบ้างแหละ



“3   จูบเลยค่ะ”

             ต่อค่อยๆเอาริมฝีปากประกบริมฝีปากเพื่อนชายช้าๆ  ร่างบางตกอยู่ในภวังค์ 3 วินาที ร่างกายตอบสนองรอยจูบนั้นอัตโนมัติ ทำเอาต่อเองก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าจะมีสวนกลับเค้าด้วย แต่ร่างบางก็ตกใจเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรลงไป เค้าได้สติก็ลืมตาขึ้นมามองหน้าต่อ หนุ่มหล่อที่อยู่ใกล้แค่ไม่กี่เซนติเมตรพอดี แต่ไม่ทันแล้ว ต่อได้ประทับรอยจูบไปเรียบร้อยแล้ว ร่างบางผละออกจากร่างสูงทันทีเพียงไม่กี่วินาทีนับจากเมื่อครู่


“เฮๆๆๆ  ปรบมือให้เพื่อนๆทั้งสองคนหน่อยเร็ว กิจกรรมรับน้องก็ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวพี่จะแจกข้าวเย็นไปให้ แล้วน้องเดินทางกลับ
หอในโดยปลอดภัยนะคะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ”


“นาย…โอเคมั้ย” ร่างหนาถามเพื่อนชายทันทีหลังจากที่รุ่นพี่กล่าวจบ

“หลีก!” ร่างบางโมโห ต่อ มาก เอามือผลักอกร่างหนา แต่เค้าไม่สะทกสะท้านอะไรเลยยังยืนที่เดินไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย แต่
กำลังยิ้มให้เพื่อนตัวเล็กตรงหน้าเค้า เมื่อกี้แอบมีจูบโต้ตอบ ริมฝีปากเพื่อนร่างเล็กนี่นุ่มไม่เบาเลยนะ ต่อ คิดไปต่างๆนานา

“เราขอโทษ แต่มันก็เป็นแค่เกมนะ” ต่อ พยายามอธิบายให้เพื่อนใหม่เข้าใจ




“ฟ้ามอญ! แกโอเคปะ”  เพื่อนสาววิ่งเข้ามาหาร่างบาง

“เฌอตา กลับหอกัน ไม่อยากอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่”

“เดี๋ยวก่อนสิ นาย” ต่อเดินไปตัดหน้าฟ้ามอญ ชื่อเล่นที่แสนไพเราะที่สุดเท่าที่เค้าเคยได้ยินมา

“อะไรของนายอีกเนี่ย ถอยไป ฉันจะกลับหอ”

“โอเค ฟ้ามอญ ฟังเราก่อนสิ…”

“อย่าเรียกชื่อนี้ นายไม่ได้เป็นเพื่อนเรา”

“โอเคๆ นาย  ถือซะว่าเมื่อกี้ทำกิจกรรมร่วมรุ่น อีกอย่างนายก็ผู้ชาย ฉันก็ผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า จริงไหม”

“เออก็ถูกของไอ้หล่อล่ำนี่นะ ไอ้ฟ้า แกโกรธเค้าทำไมเนี่ย หรือว่าแกคิดอะไรกับเค้า”

“เฌอตา แกเป็นเพื่อนฉันนะ ไปเข้าข้างมันทำไม ไม่ตอบอะไรทั้งนั้นแหละ กลับ!” ร่างบางโวยวาย

“อ้าว ฉันผิดหรอ” เพื่อนหญิงเอานิ้วชี้เข้าหาตัวเอง ทำหน้าสงสัย

“โอเคๆ เราขอโทษ โอเคไหม นับแต่นี้เป็นต้นไป เป็นเพื่อนกันนะฟ้ามอญ”

“เพื่อนหรอ!  ขอโทษนะตำแหน่งเต็ม ”

“ไอ้ฟ้า จะเป็นเพื่อนกันนี่มีตำแหน่งด้วยหรอ เพื่อนหล่อล่ำขนาดนี้ แกจะปฏิเสธอยู่อีก เล่นตัวนะแก”

“เฌอตา!”

“โอเคจะให้เราทำยังไงนายถึงจะหายโกรธเรา เราทำไปเพราะรุ่นพี่สั่งนะ นายก็รู้จะให้เราบอกกี่ครั้ง”

“เดี๋ยวนะ นายต่อ ฉันว่านายไปหาเสื้อมาใส่ก่อนดีกว่าไหม ไม่หนาวบ้างหรือไง” เฌอตารีบเสนอทันทีหลังจากเห็นต่อ อยู่ใน
สภาพเปลือยท่อนบนมานานแล้ว


“อุย โทษที กลัวตามฟ้ามอญเพื่อนเธอไม่ทัน เราเลยยังไม่ได้ใส่เสื้อ ขอใส่แป๊บนะ”



“เฌอตา ไปเร็ว!”สองคนเพื่อนเกลอรีบพากันชิ่งตอนที่ต่อ ใส่เสื้อพอดี ร่างสูงหนาไม่ทันตั้งตัวไม่คิดว่าจะเล่นวิธีนี้

“อ้าวอย่างเพิ่งไป รอเราใส่เสื้อก่อน เวรกรรม เล่นทีเผลอนี่หว่า” 



“แล้วเจอกันอีกนะ ฟ้ามอญ!”หนุ่มร่างสูงตะโกนไล่หลังฟ้ามอญไป อีกฝ่ายได้ยินทุกคำพูดแต่ไม่หยุดวิ่ง เฌอตาแอบอมยิ้มให้กับความสัมพันธ์ของเพื่อนรักที่เริ่มต้นไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่นัก



“ไม่มีทาง” ฟ้ามอญคิดในใจ ก่อนจะวิ่งต่อไปไม่ยอมหยุด







       ธุรกิจทุกด้านทุกแขนงในปัจจุบัน มีการแข่งขันระดับสูง ยิ่งเป็นกิจการโรงแรม ยิ่งแล้วใหญ่ แต่โรงแรมที่เข้มแข็งและอยู่ได้นั้นก็มีอยู่มาก รวมไปถึงเจ้าของธุรกิจที่กำลังโด่งดังและมีอำนาจมากอย่าง ดุษฎี เป็นนักธุรกิจแนวหน้าหรือเป็นที่รู้จักในนามเสี่ยสิงห์ มีลูกสาวสุดสวยเป็นดารานางแบบมีอาชีพ เธอชื่อแอริน เพิ่งบินกลับมาจากปารีส เมื่อไม่กี่วัน และมีการแถลงข่าวเปิดตัวทายาทลูกสาวคนเดียวของเค้าไปเมื่อคืนนี้เองและเร็วๆนี้จะมีการจัดงานฉลองครบรอบโรงแรมไอยรา และลูกสาวที่เพิ่งบินกลับมาจากปารีสด้วยการเดินแบบชุดไทย จัดที่โรงแรมของเค้าเอง

“คุณพ่อคะ คุณพ่อจะไปไหนอีกแล้วคะ” หญิงสาวใบหน้าสวยเรียว ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวราวกับหยอกกล้วยใส่เสื้อตัวเล็กกางเกงขาสั้นเดินเข้ามาหาดุษฎี ผู้เป็นพ่อ

“ไปทำงานสิลูก ลูกเพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ อีกซัก 2 3 วันข้างหน้าพ่อจะพาไปดูงานในโรงแรมของเรา”

“ค่ะ แต่วันนี้ รินอยากเจอหน้าพี่เขตเอามากๆ คิดถึงที่สุด ป่านนี้คงจะเป็นทหารหนุ่มหล่อแล้วละค่ะ รินไมได้เจอตั้งนาน ให้รินไป
นะคะคุณพ่อ”

“จะดีหรอลูก ที่นั่นบ้านหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย เลยนะ”

“ดีสิคะ คุณพ่อ ให้รินไปนะ”

“ก็ได้ๆ เดี๋ยวให้คนขับรถพาไปแล้วกัน อย่ากลับดึกเชียวนะ ถ้าคุณชายภัครพิชัยเห็นเข้าจะไม่งาม”

“ค่ะๆๆๆๆ เย้ คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย”

“จะว่าไป พ่อว่าลูกสาวพ่อน่าจะหาคนรู้ใจได้แล้วนะ โตเป็นสาวอายุก็ 23 ปีแล้ว”

“คุณพ่ออย่าเพิ่งเร่งสิคะ รินก็กำลังมองๆอยู่”

“คงหนีไม่พ้นหม่อมหลวงภูธเนศ ทหารหนุ่มไฟแรงในตอนนี้สินะ”

“คุณพ่อพูดอะไรคะ รินเขินไปหมดแล้ว ถ้าเป็นพี่เขตจริงๆ คุณพ่อจะว่ายังไงคะ”

“ฮาๆๆ จะว่ายังไงได้ แล้วแต่ลูกพ่อสิ เอาเถอะๆ พ่อจะรอ พร้อมเมื่อไหร่บอกนะ พ่อไปทำงานก่อนนะลูก”

“ค่ะคุณพ่อ”


             




             ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว แววตาดุจเหยี่ยว กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวันอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำหลังบ้าน เค้านึกเอะใจเด็กคนเมื่อวานนี้เหลือเกิน ถึงจะมาจากชนบทแต่เด็กคนนี้ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เค้าคิดว่าไม่น่าจะใช่ลูกชาวบ้านทั่วๆไปอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ แววตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นเพลิงลุกโชนในดวงตาทันที

“สงกรานต์!” เขต เรียกลูกน้องคนสนิทที่ยืนรอรับใช้อยู่ไม่ไกลจากที่เค้านั่งอยู่

“ครับคุณเขต”

“คุณพ่อกลับมารึยัง”

“ยังเลยครับ” คำตอบของสงกรานต์ ทำให้เขตนิ่งเงียบไปสักพัก เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“ไปเรียกเด็กนั่นมาให้ฉันที”


“หมายถึงน้ำ หรอครับ”

“ใช่ ด่วนที่สุด! เข้าใจนะสงกรานต์”

“ครับคุณเขต” ลูกน้องหนุ่มรีบไปตามที่เจ้านายสั่ง เพราะไม่อยากขัดใจ รู้ดีว่าเขตจะอารมณ์เสียทันทีถ้าไม่ทำตาม





 สักพักไม่นาน น้ำก็ถูกพาตัวมาที่ริมสระน้ำ บอกตามตรงน้ำไม่กล้าที่จะมองใบหน้าลูกชายของผู้มีพระคุณอย่างเต็มตาเลยตั้งแต่เมื่อวาน เพราะกลัวเค้าจะดุและโมโห อีกอย่างคือเค้าแพ้แววตาของคุณเขตอย่างที่สุด

“มาแล้วครับคุณเขต”

“นายไปได้แล้วสงกรานต์” สงกรานต์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กำลังลังเลไม่รู้ว่าเขตจะทำอะไรน้ำอีก




“ฉันไม่ฆ่ามันหรอกน่า”

“ครับผม”


“คุณเขตมีอะไรให้ผมรับใช้หรอครับ”

“มีสมองคิดบ้างรึเปล่า ที่ฉันเรียกมามันก็ต้องมีสิ ” น้ำสีหน้าเจื่อนก้มหน้าลงไปเหมือนกำลังถูกตำหนิ

“ไปชงกาแฟมาให้ฉัน เดี๋ยวนี้ ”

“คะ …ครับ รอซักครู่นะครับ”




      ผ่านไปสักพัก ร่างบางถือแก้วเซรามิก ราคาแพงมาพร้อมกับขนมปังแป้งหอมกรุ่น เขตได้กลิ่นมาแต่ไกลนึกแปลกใจที่เด็กคนนี้ปิ้งขนมปังได้หอมเหมือนกับท่านปู่ของเค้า ที่เป็นถึงหม่อมเจ้าผู้สูงศักดิ์ แต่เค้าก็สลัดความรู้สึกแปลกใจนั้นไปอย่างง่ายดาย แล้วมองดูร่างบางที่กำลังถือสิ่งที่เค้าสั่งเดินมาที่โต๊ะ

“กาแฟได้แล้วครับ”


    น้ำค่อยเดินเข้าไปวางถ้วยกาแฟลงช้าที่ตรงหน้าเขต ที่ตอนนี้นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่ทันที่แก้วกาแฟจะวางถึงพื้น เขตก็ปัดแก้วกาแฟราคาแพงนั้นออกจากโต๊ะอย่างแรง ต่อหน้าต่อตาน้ำ ร่างบางถึงกับตกใจถอยหลังไปสองก้าว



เพล้ง!! 

เสียงแก้วเซรามิกกระทบพื้น เขตทุบโต๊ะดัง ปัง! ด้วยความโกรธพร้อมกับลุกขึ้นยืนท่าทางเคร่งเครียดสีหน้าน่ากลัว


“ช้า! ช้ามาก ไม่มีใครบอกหรือไงว่า อะไรที่ฉันสั่งห้ามนานเกิน 2 นาที”

“เกิดอะไรขึ้นคะคุณเขต ว้าย เศษแก้วกระจายพื้นเลย น้ำทำหล่นหรอคะ”ไร้คำตอบจากเจ้านายผู้ทะนงศักดิ์ กล้วยไม้กับใบหลิว
หน้ากันอีกครั้ง

“กล้วยไม้ ใบหลิว มาก็ดีแล้ว ต่อไปช่วยบอกเด็กรับใช้คนใหม่นี้ด้วยนะว่าทำอะไรต้องเร็วๆ ห้ามชักช้า”

“คุณเขต จะทำอะไรคะ อย่าโยนค่ะอย่าโยน” กล้วยไม้มองเจ้านายที่กำลังจะปาจานขนมปังอีกใบ

“ฮึ เคยได้ยินไหมกล้วยไม้ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ”



เพล้ง! 


เสียงจานขนมปังดังกระทบพื้น แตกไม่มีชิ้นดีตามมา

“น้ำ ระวังเหยียบเศษแก้วนะ ยืนอยู่เฉยๆนะ เดี๋ยวพี่จะเอารีบหาอะไรมาเก็บไปทิ้งเดี๋ยวนี้แหละ”

“ไม่ต้อง ใบหลิว ให้ต้นเหตุเค้าทำเอง คนอื่นอย่ายุ่ง ”

       กล้วย กับ ใบหลิว มองหน้ากันสีหน้าเหนื่อยใจกับเขต คนต้นเหตุก็คือเค้าเองนั่นแหละที่เป็นคนปามันลงกับพื้น เจ้านายคน
โตที่นิสัยเป็นอย่างนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะยอมทำตามที่เขตสั่ง แม้แต่สงกรานต์เองที่เป็นคนสนิท ยังได้แต่ยืนมองอยู่
เฉยๆห่างๆ ไม่กล้าเข้ามายุ่ง เขตเดินเข้าบ้านไปปล่อยน้ำทิ้งไว้อย่างนั้นคนเดียว ท่ามกลางเศษแก้วที่แตกกระจายเต็มพื้น

           น้ำขวัญเสียมาก กับความโหดร้ายของเขตที่ทำกับเค้า สิ่งแรกที่เค้าตั้งคำถามในใจคือ เขตทำไมถึงเกลียดชังในตัวเค้า
นัก น้ำก้มลงเก็บเศษแก้วด้วยมือเปล่า ท่ามกลางแววตาสงสารของใบหลิว กล้วยไม้ และสงกรานต์ อยู่ห่างๆ

“กล้วยไม้ ข้าวเช้าเสร็จรึยัง ไปตั้งโต๊ะ ใบหลิว ไปทำความสะอาดห้องฉันเดี๋ยวนี้ ส่วนนายสงกรานต์ มากับฉัน เดี๋ยวนี้”

“ค่ะ/ครับ” 

     เขตเรียกลูกน้องไปทำงานจนหมดเพราะจงใจให้น้ำเก็บเศษแก้ว เศษจานเพียงลำพัง ร่างบางหลั่งน้ำตาออกมาราวกับสายน้ำ ความรู้สึกท้อแท้ในชีวิตเค้าไม่คิดว่าจะเจอคนที่โหดร้ายกับเค้าได้ขนาดนี้ เมฆฝนที่ตั้งเคล้าก่อนหน้านี้ได้โปรยรินลงมาจากเบาเป็นหนักขึ้นๆเรื่อยๆ

“ฮือๆ แม่ น้ำคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงพี่ น้ำอยากกลับแล้ว”

     น้ำร่ำไห้แข่งกับสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง และฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างบางก้มเก็บเศษแก้วต่อไปอย่างระวังมือทั้ง
สองข้าง แต่ฝนที่ตกลงมานั้นมันทำให้การมองเห็นของน้ำลดน้อยลง เศษแก้วเล็กๆกำลังบาดมือน้ำเป็นแผลเล็กๆน้อยๆ โดยที่
เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลย

“คุณเขตครับ ฝนตกแล้วนะครับ ให้น้ำเข้ามาในบ้านก่อนเถอะครับ”


“ฉันจะให้เข้ามาจนกว่า จะเก็บเศษแก้วหมดเท่านั้น! ”

“แต่ว่า…”

“สงกรานต์!”

“ครับ! ขอโทษครับ”

        น้ำควานเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ๆมากองกับไว้จนหมด แต่ตอนนี้แผลในมือเริ่มทนพิษน้ำฝนไม่ไหวแล้ว ความแสบของแผลที่โดนน้ำนั้น ร่างบางแสบทรมาน สายฝนโปรยปรายไหลมาชะล้างน้ำตาและเลือดออกไปพร้อมกัน

        จู่ๆเค้าก็เอะใจที่ไม่มีเม็ดฝนตกลงหัวเค้าสักหยดเดียว ทั้งๆที่ถัดจากตัวเค้าไปฝนก็ยังคงตกอยู่

“มานั่งตากฝนคนเดียวทำไม เดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
       

         ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองเสียงทุ้มๆของผู้มาเยือน เป็นหนุ่มหล่อผิวขาวนัยน์ตาคมเข้ม ใส่เสื้อกาวน์สั้นคล้ายคุณหมอเสียไม่มีผิด

        ใช่แล้วต้องใช่คุณหมอแน่ๆ เค้าเคยเห็นเสื้อแบบนี้ในโรงพยาบาล

        พี่หมอผู้นี้ถือคันร่มสีน้ำเงินขนาดใหญ่ต้านเม็ดฝนให้กับร่างบางผู้น่าสงสารเบื้องล่าง

“นายเอามือเก็บเศษแก้วทำไม มือเป็นแผลหมดแล้วเห็นไหม เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ทำแผลให้”




มาต่อแล้วน้า เรื่องนี้คงจะลงได้แต่วันเสาร์ อาทิตย์  รวมแล้วสัปดาห์ละ 2 ตอน คงไม่ว่ากันนะ เนื่องจากไม่ว่างแล้วก็ต้องแต่งนิยายสองเรื่องพร้อมกัน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ทหารบ้าอำนาจททท

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 3



         น้ำถูกพาเข้ามาในบ้านด้วยสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว หนุ่มหล่อรูปลักษณ์คล้ายหมอพาเค้าไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ห้องโถงใหญ่หรูหรา น้ำ ตกใจมากรีบลงมานั่งด้านล่างเพราะจำได้ว่าที่นั่งตรงนั้นเป็นที่ของเจ้านายเท่านั้น ถ้าคุณเขตมาเห็นเข้า เค้าจะต้องงานเข้าแน่ๆ

“นี่ จะไปนั่งด้านล่างทำไมกัน น้องชาย ลุกขึ้นมาเถอะ”

“ไม่ครับ ที่ตรงนี้เป็นที่ของเจ้านาย ผมเป็นแค่คนรับใช้”

“นี่ใครสั่งให้นายเข้ามาในบ้าน ไอ้เด็กรับใช้”

 เสียงเอะอะโวยวายดังลงมาจากระเบียงบ้านชั้นสอง พร้อมกับรีบลงมาจากบันไดอย่างเร่งรีบ สงกรานต์ตามเข้ามาดูติดๆ พร้อมกับกล้วยไม้และใบหลิว ทุกคนดีใจมาก สุดท้ายก็มีคนที่น่าจะพอช่วยน้ำได้

“เขต  นายเป็นอะไรของนาย จะโวยวายทำไมกัน”

“แดนภพ นายไม่เกี่ยว ฉันจะสั่งสอนเด็กรับใช้คนนี้”

“น้องชายคนนี้นะหรอ เค้าไปทำเรื่องไรให้นายไม่พอใจ ”

“มันไม่เกี่ยวกับนาย ไอ้เด็กรับใช้ มานี่เดี๋ยวนี้ ”

“เขตๆๆ พอๆ ใจเย็นๆ ไปกันใหญ่แล้ว นายเป็นถึงหม่อมหลวง แต่ทำไมจิตใจถึงโหดได้แม้กระทั่งกับเด็กรับใช้ตัวแค่นี้”

          เขตหยุดกระชากน้ำ เหมือนกำลังได้สติว่าเค้าเป็นหม่อมหลวง แต่ว่า…

“ปล่อยแขนน้องชายคนนี้เถอะนะ สงสารเค้า ให้เค้าตากฝนก็มากพอแล้ว ดูมือน้องเค้าก่อน เขต บาดเต็มมือแล้ว ฉันจะทำแผล
ให้น้องชายคนนี้เอง”

“นายอย่ายุ่งดีกว่า แล้วนี่นายมาบ้านฉัน มีเรื่องอะไร”

“ฉันมีธุระกับคุณชายภัครพิชัย พ่อของนาย ท่านอยู่ไหม”

“คุณพ่อยังไม่กลับ”

“อย่างนั้นหรอ คุณพ่อของฉันท่านจะเชิญคุณชายไปงานเปิดตัวแฟชั่นที่จัดขึ้นโดยเสี่ยดุษฎี งานนี้ลูกสาวของเค้า แอริน เธอจะเดินโชว์ชุดของเมืองปารีสด้วย แล้วนายก็ต้องไป ”


“น้องแอริน กลับมาเมืองไทยแล้วหรอ?”

“ใช่ มาได้ 2 วันแล้ว และฉันคิดว่าอีกไม่นาน เธอน่าจะมาหานายที่บ้านในไม่ช้า”



ปี๊ดๆๆๆ

“ใครมา สงกรานต์ไปดูให้ที”

“ครับคุณเขต”

“ฮาๆๆ จะเป็นใครไปได้ พูดยังไม่ขาดคำเลย…”

“น้องรินหรอ”

“เดี๋ยวก็รู้”

       รถตู้คันสีขาวหรูจากยุโรปขับผ่านประตูเข้ามาถึงลานน้ำพุหน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนจะจอดสนิทที่ชายคาหน้าบันทางเข้าบ้าน ทุกคนเดินออกมายืนรอคนในรถตู้สีขาวดังกล่าว ประตูถูกเปิดออกโดยพนักงานขับรถหญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีชมพู ประกอบกับทรงผมที่ถูกม้วนขึ้นเก็บอย่างเรียบร้อย ก้าวขาลงจากรถคันนี้ เขตยิ้มดีใจต้องรับหญิงสาวผู้แสนวามและเป็นที่หนึ่งในใจเสมอมา

“น้องริน”

“สวัสดีค่ะพี่เขต พี่แดนภพ กล้วย ใบหลิว แล้วก็สงกรานต์ด้วยนะ”

“น้องริน กลับมาทำไมไม่บอกพี่เขตคะ พี่เขตจะได้ขับรถไปรับที่สนามบิน”

“น่ารักอีกแล้วพี่เขต รินเซอร์ไพรซ์ไงคะ ห่างหน้าหายตากันไป 5 ปี พี่เขตหล่อขึ้นเยอะเลย ”

“น้องรินเองก็สวยขึ้นเยอะเลยค่ะ พี่เขตว่าเข้าบ้านกันดีกว่านะคะ ”

“ค่ะ”

          ที่ห้องโถงโต๊ะรับแขก แดนภพ เขต และแอรินนั่งคุยกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน โดยมีสงกรานต์ยืนอยู่ด้านหลัง
เขต อย่างใกล้ชิด ส่วนน้ำยืนอยู่ห่างๆกับกล้วยไม้และใบหลิว อีกมุมใกล้แจกันใบใหญ่

“คุณแอรินสวยขึ้นนะเธอว่าไหม กล้วยไม้ ”

“ใช่ แต่ฉันไม่ค่อยชอบเธอเสียเท่าไหร่ ”

“ทำไมพูดอย่างนั้นละกล้วยไม้”

“หืม ไม่เจออย่างฉันแล้วใครจะเข้าใจ ต่อหน้าเป็นผู้แสนดีแสนประเสริฐ พออยู่ลับหลังเท่านั้นแหละ ฉันเกือบจะแย่เอา”

“ขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมฉันไม่โดนเหมือนเธอบ้างนะ กล้วยไม้”

“ไม่โดนก็ดีแล้ว ระวังตัวไว้ด้วยนะ น้ำ อย่าได้ไว้ใจเชียว”

“เอ่อครับ พี่กล้วยไม้”



“พี่เขตคะ เด็กผู้ชายตัวเล็กนั่นคือใครคะ”

“อ้อ คนใช้คนใหม่ของคุณพ่อพี่เองแหละ ทำไมหรอ”

“เปล่าหรอกค่ะ รินแค่แปลกใจ เด็กรับใช้เดี๋ยวนี้ผิวพรรณดีเกินกว่าเหตุ มองครั้งแรก รินคิดว่าจะเป็นแขกเจ้าแขกนายพี่เขตเสียอีก”

“ฮึ น้องริน อย่าไปสนใจเลยครับ ก็แค่คนรับใช้ ไม่มีอะไรมากนักหรอก”

“แต่ฉันเห็นด้วยกับน้องแอรินนะ เขต น้องชายคนนั้นดูยังไงก็เหมือนมีตระกูลรุนชาติ จะมาเป็นคนรับใช้บ้านแก มันยังไงๆอยู่ ”

“เลิกคุยเรื่องนี้กันเสียทีเถอะ เปลี่ยนเรื่องซะ”

“ก็ได้ค่ะ พี่เขตคะ อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ พ่อของรินท่านจะจัดงานฉลองโรงแรม ในงานวันนั้นรินได้เดินแบบแฟชั่นโชว์ด้วยนะ
คะ พี่เขตต้องไปให้ได้นะคะ นะคะพี่เขต”

“ครับผม พี่เขตไปแน่นอน น้องรินเดินแบบทั้งที มีหรอพี่จะไม่ไป”

“เย้ พี่เขตน่ารักที่สุดเลย”

“ไปเอาน้ำกับขนมมาให้แขกสิ ไม่เห็นหรือไงว่าน้องรินมา” เขตออกคำสั่ง

“ค่ะๆๆ”

“ใครใช้พวกเธอสองคน กล้วยไม้ ใบหลิว ไปทำความสะอาดห้องคุณพ่อเสร็จแล้วหรอ”

“เสร็จแล้วค่ะคุณเขต”

“ไปทำใหม่”

“อะไรนะคะคุณเขต”

“อะไรของพวกเธอสองคนเนี่ย ไปทำอีกรอบ พูดไม่เข้าใจหรือไง”

“ค่ะๆๆ เข้าใจแล้วค่ะคุณเขต”




“เอ้าแก ยืนเซ่ออยู่ทำไมอีก ไปเอาน้ำ เอาของว่างมาสิ โง่จริงๆเลย” เขตออกคำสั่งกับร่างบางที่ยืนเหลืออยู่เพียงคนเดียว

“เดี๋ยวฉันไปช่วยยกดีกว่า” แดนภพเสนอตัวพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้

“แดนภพ แกเป็นเพื่อนฉันนะ ไม่ใช่คนรับใช้”

“แกก็เห็นว่า น้องเค้ามือเป็นแผลเมื่อกี้ ฉันไปช่วยยกแหละถูกต้องแล้ว”

        เขตเมินหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเค้ากำลังรู้สึกผิดเล็กน้อย เล็กน้อยมากจริงๆ ไม่ทันไรเค้าก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปอย่างง่ายดาย


“พี่ยังไม่รู้จักชื่อน้องชายเลย ชื่ออะไรหรอครับ”

“ชื่อน้ำครับ คุณหมอ”

“ฮาๆๆ เรียกพี่ว่า พี่แดน ก็ได้ ”

“ครับ”

“ยังเจ็บแผลที่มืออยู่ไหม ดูสิ เลือดซึมออกมาจากผ้าก๊อซอีกแล้ว เดี๋ยวพี่เปลี่ยนให้นะ”

“เอ่อครับ จริงๆแล้ว ผมทำเองได้นะครับ พี่แดนจะลำบากเปล่าๆ”

“นี่ พี่เป็นหมอนะ ไม่รักษาผู้ป่วยแล้วจะให้ทำอะไร อย่าดื้อน่า รออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวไปเอากล่องปฐมพยาบาลให้”

“โอ้ย! น้ำเมื่อไหร่จะมา รอนานแล้วนะ! ” เขตโวยวายตะโกนเสียงดังพอ จงใจให้น้ำที่อยู่ในห้องครัวได้ยิน

    น้ำทุลักทุเลหยิบน้ำเย็นออกจากตู้เย็นแล้วรินลงแก้ว 3 ใบจัดใส่ถาด แล้วเดินยกออกไปเพราะไม่อยากให้เขตอารมณ์เสียแบบ
เมื่อกี้อีก มือที่เจ็บระบมทำให้แรงในการยกนั้นเป็นไปได้ยากลำบาก น้ำพยายามประคับประคองถาดแล้ว แต่ก็ยังสั่นอยู่ดีและสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างบางเดินถือน้ำมาถึงโต๊ะที่เขตกับแอรินนั่งอยู่ แต่เพราะทำพิษของแผลที่มือไม่ไหวเลยเผลอปล่อยถาดตกลงไปกระแทกโต๊ะเสียงดังลั่น จนแดนภพตกใจรีบผละจากการหากล่องปฐมพยาบาลออกมาดู

“แก ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย ” เขตตกใจรีบลุกขึ้นยืน น้ำในแก้วกระเด็นไปถูกเค้ากับแอรินเปียกไปหมด

“อ้ายๆๆๆ ชุดชั้นเปียกหมดแล้ว แกรู้ไหมว่ามันแพงแค่ไหน” แอรินเผลอตัวลุกยืนด่าร่างบางอย่างจัดจ้าน

“ผมขอโทษครับคุณเขต คุณแอริน ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“น้ำ พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยกมา พี่จะยกเอง แกนี่ก็ยังไงนะเขต รู้ว่าน้องเจ็บแกก็ยังจะใช้”

“อ้าว ก็คุณพ่อ เอามันมาบ้านนี้ มาเป็นคนใช้คนใหม่ไม่ใช่หรือไง นี่ก็งานของคนรับใช้ ฉันทำเกินเลยตรงไหน แดนภพ”

“เขต แกนี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย น้ำไปกับพี่เดี๋ยวพี่ไปทำแผลให้”

        น้ำตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ยังไม่หาย จนลืมมองสำเร็จตัวเองไปว่าเลือดได้ซึมจากฝ่ามือมากขึ้นๆเรื่อยๆ จนแอรินสังเกตได้

“ว้าย พี่เขตคะ เลือดค่ะ เลือด”

“น้ำ เลือดซึมใหญ่แล้ว รีบไปทำแผลเถอะ”

“ภาระจริงๆเลย!” เขตสบถคำพูดก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้อง

“เขตคะ งั้นรินลาก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาหาให้ ชุดเปียกไปหมดแล้ว แก ไอ้คนรับใช้จำไว้เลยนะ ถ้าชุดฉันเป็นอะไรไปละก็ เตรียม
ตัวไว้ได้เลย ลาแล้วค่ะพี่แดนภพ”

 แอรินเดินสะบัดก้น อารมณ์ฉุนเฉียวออกไปจากบ้าน แดนภพถอนหายใจ ทั้งแอรินและเขต สองคนนี้ทำไมใจร้ายกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนัก เค้าเองก็ไม่เข้าใจ

       แดนภพทำแผลและเปลี่ยนผ้าก๊อซให้น้ำใหม่ น้ำซึ้งในน้ำใจของคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ดีกับเค้าขนาดนี้ เค้ารู้สึกดีใจที่แดนภพดีกับเค้า

“ขอบคุณมากนะครับพี่หมอ”

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปเราเองก็เลี่ยงการทำงานไปก่อนนะ ช่วงนี้ก็ให้กล้วยไม้ ใบหลิวช่วยไปก่อน รอให้แผลหายกว่านี้จะดีกว่า”

“ครับ”

“ว่าแต่นายเองเถอะ พี่ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงเลือกมาเป็นคนรับใช้บ้านหลังนี้ ทำไมไม่เรียนหนังสือ”

“บ้านผมไม่มีเงินหรอกครับ ส่วนเรื่องที่มาเป็นคนรับใช้ เรื่องมันยาวมาก ผมขอไม่เล่าได้ไหมครับ”

“โอเค ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ เอาเป็นว่าพี่จะมาเล่นด้วยใหม่ พี่กลับก่อนล่ะ เออนี่ แล้วนายอยากจะเรียนหนังสืออยู่รึเปล่า”

“อยากสิครับ”

“แล้วนายเรียนจบวุฒิอะไร”

“มอปลายครับพี่หมอ”

“โอเค คิดเอาไว้นะว่าอยากจะเรียนอะไร เดี๋ยวนี้เค้ามีสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากมาย วันหลังจะมาถาม ช่วงนี้เค้ากำลังสมัครสอบกัน ”

“ครับผม”



    น้ำพรากบ้านไป 2 3วัน ชื่นแม่บุญธรรม ได้แต่คิดถึงและภาวนาให้น้ำอยู่กับคุณชายอย่างสบาย กินอิ่มนอนอุ่น อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้น้ำ มาอยู่ในสภาพชีวิตการเป็นอยู่ของตัวเอง ตะวันกับภูผา ช่วงนี้ออกไปรับจ้างขนของในตลาดสดตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะกลับก็ 2 3 ทุ่ม ชื่นก็อยู่บ้านทำข้าวแกงขาย ก็พอจะขายได้บ้างเพราะแถวละแวกนี้มีบ้านเรือนอยู่ไม่น้อย ถึงจะไม่เจริญมาก แต่ก็ถือได้ว่าใกล้กรุงเทพพอสมควร

“อีชื่น!”

“พี่เวท ใช่พี่จริงๆด้วย พี่ไปอยู่ไหนมา ทำไมกลับเอาป่านนี้”

“ชื่น อย่าถามมาก พวกมันมาหาเอ็งแล้วใช่ไหม”

“พวกมัน? อ้อถ้าไอ้พวกที่มันมาเก็บเงิน ก็พอจะนึกออก แล้วพี่ไปยืมเงินพวกมันทำไมไม่ปรึกษาฉันก่อน”

“ใจเย็นๆ แล้วนี่บ้านทำไมเงียบแบบนี้วะ ลูกๆไปไหนหมด ”

“เอ่อ ไอ้ตะวัน ไอ้ภูผา สองพี่น้องมันไปทำงานที่ตลาดสด ถามทำไม”

“เปล่า ว่าแต่ทำไมจู่ๆต้องไปทำงานที่ตลาดสด ”

“ก็หาเงินมาชดใช้หนี้นะสิ”

“อีชื่นเก็บของข้าจะพาเอ็งกับลูกหนีไปอยู่ต่างจังหวัดบ้านเกิดของข้า”

“ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละพี่เวท  จะหนีไปไหนกัน บ้านเราก็มี”

“เดี๋ยวพวกมันก็มาฆ่าเอ็งกับลูกหรอก”

“ทีอย่างนี้กลัวตายขึ้นมาเชียวนะพี่เวท ถามจริงๆเถอะ คิดยังไงไปยืมเงินเค้ามาเยอะแยะขนาดนี้”

“ก็ จริงๆไม่ได้ยืมมาเยอะแยะอะไรมาก แต่ดอกมันแพง ร้อยละ 30 ข้าจนปัญญา ไม่มีเงินจ่ายดอกกับเงินที่ยืมเลยเถิดไปเป็น
ล้าน”

“เออๆ ช่างมันเถอะ เรื่องมันแล้วๆมาแล้ว มีคนเค้ามาช่วยไว้เป็น หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ธำรงอาภรณ์นิช”

“จริงหรือวะ ฮาๆ โชคดีจริงๆ”

“พี่เวท ฉันขอเถอะนะ อย่าได้ไปยืมเงินนอกระบบแบบนั้นอีก ลำพังเงินที่พวกเราช่วยๆกันหามามันก็พออยู่กันได้นะ”

“เออๆ ข้าไม่ทำอีกหรอก ครั้งก่อนข้าไม่รู้ทันเล่ห์เลี่ยมมันนี่หว่า มันให้ข้าเซ็นชื่อ ข้าก็เซ็นต์ไป”

“เออๆ ช่างเถอะ ”

“แล้วนี่ น้ำไปไหน”

“ท่านชายทรงมีบุญวาสนา คุณชายภัครพิชัยเอ็นดูเมตตา เลยอยากขอรับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม แต่ฉันโกหกท่านชายไปเองว่า
ให้ไปอยู่ที่นั่นทำงานที่นั่นจะได้ช่วยแบ่งเบาหนี้สิน”

“ก็ดีแล้วล่ะ จริงๆท่านชายควรจะประทับที่บ้านคนรวยๆ ไม่ควรจะประทับที่บ้านเก่าๆโทรมๆแบบนี้หรอก”

“พี่คิดได้แบบนี้ฉันก็ดีใจ ทีแรกคิดว่าพี่จะคัดค้านเสียอีก”

“เฮ้ย บ้าไปแล้ว ท่านชายได้ที่อยู่ดี กินดีขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว”

       สองสามีภรรยายืนสนทนากันอย่างมีความสุขแล้วเดินเข้าไปสวมกอดกันและกัน เพราะเชื่อว่าน้ำจะอยู่อย่างสุขสบาย แต่พวกเค้าจะคิดหรือไม่ว่าน้ำไปอยู่บ้านหลังนั้นไม่ต่างจากคนรับใช้คนหนึ่งของภูธเนศหรือ เขต หนุ่มทหารใหญ่ผู้มีอำนาจดุจพญาอินทรี




       สวนดอกไม้ใกล้บึง สถานที่ยอดฮิตของใครหลายๆคนที่อยากจะมาวิ่งหรือว่าพักผ่อนยามเย็น น้ำพุที่อยู่กลางบึง พ่นน้ำออกเป็นแฉก 7 แฉก คล้ายพัดงดงามมาก ชายหนุ่มร่างบางกำลังวิ่งออกกำลังไปตามพื้นคอนกรีตเล็กรอบบึง หยาดเหงื่อที่ไหลรินเต็มร่างกาย บ่งบอกว่าเค้าวิ่งมาได้สักพักแล้ว เค้าหยุดวิ่งแล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการเดินแทน พลางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วหายใจเข้า แล้วยกแขนลงพร้อมกับหายใจออก อยู่อย่างนั้น

“น้ำพุสวยจริงๆนายว่าไหม” เสียงเอ่ยทักจากด้านข้าว หนุ่มร่างบางถึงกับรีบหันไปมอง

“นี่นาย!”

        ร่างบางถอดสีหน้าทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใคร พร้อมกับจะเดินหนีชายผู้มาเยือนเมื่อครู่ แต่อีกฝ่ายดูท่าทางจะไม่ค่อยยอมเสียเท่า
ไหร่ แอบอมยิ้มแล้วรีบเดินตามหลังมา

“ฟ้ามอญ รอเราด้วยดิ”

“มันเรื่องอะไรของฉันเล่า!” เค้าตอบกลับโดยไม่หันหลังกลับไป

“นายยังโกรธฉันอยู่อีกหรอ บอกแล้วไงมันคือกิจกรรม มันคือการแสดง เราไมได้ตั้งใจ ”

“เลิกพูดซะทีเถอะน่า”

“นายนั่นแหละเลิกเดินหนีซักทีจะได้ไหม”ต่อพูดไล่หลังเพราะอยากให้ฟ้ามอญหยุดเดินได้แล้ว

“อุ้ย เบรกทำไมไม่บอกเนี่ย ฟ้ามอญ”

“นาย! ดูนั่น เพื่อนคนนั้นเค้าเป็นอะไร เหมือนรถล้มรึเปล่า ”

     ร่างบางชี้นิ้วไปยังภาพเบื้องหน้า มีหนุ่มชายรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งอยู่บนพื้นหญ้ากำลังเอามือกุมขาด้านซ้ายเอาไว้ดูเหมือน เค้าจะได้รับบาดเจ็บ

“นายไปดูเพื่อนคนนั้นหน่อยดีไหม”

“อืม ไปสิ!”

        ฟ้ามอญเดินจนมาถึงคนที่บอกเมื่อครู่ ดูจากสีหน้าของเพื่อนชายนี้เค้าจะเจ็บที่แผลไม่น้อย เพียงแค่เดินเข้ามาใกล้ก็พบรถจักรจานนอนแนบกับพื้น สาเหตุก็คงไม่ต้องบอกแล้วว่ามาจากอะไร

“นายเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ฟ้ามอญเอ่ยถามเพื่อนชาย

“เปล่า! เราโอเค” ชายหนุ่มตอบเพื่อนผู้มาเยือนอย่างถือตัว

“ลุกไหวไหม” คราวนี้ ต่อ ถามขึ้นบ้าง ชายหนุ่มมองหน้า ต่อ แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ไหวสิ ขอบใจมาก”

“ถ้าไม่ไหวบอกได้นะจะช่วยพยุง” ภูวนนท์ถามพร้อมกับจะเข้าไปช่วยอย่างที่พูดจริงๆ

“มีน้ำใจจัง นี่ถ้าบอกว่าไม่ไหวจริงๆจะไปส่งพอรึเปล่า ต่อ”

“รู้จักชื่อเราด้วยหรอ?”

“ไม่แปลกหรอก เมื่อวานฉันจำนายได้ขึ้นใจเลยแหละ ที่กิจกรรมตอนเย็นเมื่อวานนี้”

“ฮาๆ อย่างนี้นี่เอง เอ้า ฟ้ามอญจะไปไหนล่ะนั่น”

“เปล่า ไม่อยากขัด คุยกับต่อเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” ร่างบางเดินหน้าบึ้งนำหน้าไปไม่แคร์สองคนที่กำลังสนทนากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“เฮ้ย ได้ไง รอด้วย ไปแล้วนะ ไว้วันหลังถ้าได้เจอกันอีก จะมาถามชื่อนายนะ”

“ไม่ต้องหรอก รู้ตอนนี้ไปเลย เราชื่อ อังกอ ยินดีที่ได้รู้จัก ”

“โอเค อังกอ ไปแล้วนะ เดี๋ยวตามฟ้ามอญไม่ทัน”

“ตามสบายเลย แล้วเจอกัน” อังกอโบกมือให้ ต่อ พี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามฟ้ามอญไป

              อังกอโบกมือส่งต่อ จนลับตาไป สีหน้าเปลี่ยนคนละอย่างกับเมื่อครู่ แววตาที่ไม่เป็นมิตรปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวเนียนนั้น


“ทำไมต้องเป็นแกด้วยนะ ฟ้ามอญ!”



มาต่อแล้วนะ ตอนที่ 4 จะตามมาติดๆวันนี้เลย  ขอบคุณที่รออ่านนะ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 4



    หนุ่มร่างสูงหนาเดินตามฟ้ามอญจนทัน แล้วเดินไปดักหน้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเพื่อนชายตรงหน้าเค้าก็จะเดินไม่ยอมหยุด ภูวนนท์เองก็งงเหมือนกัน อารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้ ฟ้ามอญเหมือนเด็กไม่มีผิด

“นี่! เมื่อกี้นายเป็นอะไร เดินกะหวัดกะเหวี่ยงออกมาเชียว”

“ก็เห็นๆอยู่ว่าเพื่อนคนนั้น เค้าไมได้อยากคุยกับฉันสักหน่อย หลีกทางด้วย ฉันจะกลับหอ”

“นึกว่าเรื่องอะไร ก็แน่อยู่แล้วแหละคนหล่อๆหน้าตาดีแบบฉันใครก็อยากเป็นเพื่อน มีแต่นายเนี่ยแหละที่แปลก!”

“อย่าดึงฉันไปเกี่ยวข้องด้วยนะ จะบอกให้นะ ไอ้คนเมื่อกี้ดูตาก็รู้ว่าคิดยังไงกับนาย”

“คิดยังไงหรอ”




“ไม่รู้ อยากรู้ก็ไปถามคนนั้นเองสิ”

“ฟ้ามอญ! ทำไมต้องเอาแต่เดินหนีเรา นายโกรธเราหรือเกลียดเราขนาดนั้นเลยหรอ”



“เปล่า!”

“อ้าว แล้วทำไมต้องเดินตลอดด้วยล่ะ นี่… นี่เราขอนายเป็นเพื่อนนายยังไม่ตกลงเลยนะ ฟ้ามอญ ”

“เพื่อน! โอเค ได้”

“ขอบใจนะ ” ต่อยิ้มร่า อย่างกับเด็กได้ของเล่น

“แต่…นายต้องสัญญากับเราก่อนหนึ่งข้อ”

“ได้ๆ สัญญาอะไรว่ามาสิ”

“ห้ามมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเราเด็ดขาด รับปากสิ”



“เอ๋? โอเคๆ เรารับปาก”

“ดี ฉันไปละ ”

“ไปไหน!”

“นี่พูดยังไม่ขาดคำเลยนะ วุ่นวายชีวิตฉันอีกแล้ว”

“โอเคๆ ไม่ถามก็ได้ ”

“เอ๊ะ แล้วนี่จะเดินตามมาทำไมกัน”

“ก็ทางกลับหอเรา ทางเดียวกันลืมไปแล้วหรอครับ ”

       ฟ้ามอญทำเสียงหายใจฮึดฮัด ก่อนจะเดินนำลิ่วไปด้านหน้า ต่อยิ้มร่าที่เห็นฟ้ามอญหงุดหงิด เค้าชักอยากแกล้งฟ้ามอญแบบนี้ไปเรื่อยๆแล้วสิ คนตัวเล็กๆเอาแต่ใจมันน่ารักจะตายไป






    ผ่านไปหลายวันชายหนุ่มผู้ทรงศักดิ์ ได้กลับบ้านทีเสียที ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รวมทั้งน้ำ เด็กหนุ่มที่รอคอยผู้มีพระคุณกับเค้าจนดีใจแทบเนื้อเต้น

“สวัสดีครับคุณพ่อ/สวัสดีค่ะ,ครับคุณชาย”

“สวัสดีทุกคน ที่จริงไม่เห็นต้องมายืนต้อนรับอะไรขนาดนี้ก็ได้ มีงานอะไรก็ไม่ทำเถอะนะ”

“ค่ะ/ครับ”

“เดี๋ยวก่อนหนูน้ำ อยู่ที่นี่มาได้เป็นสัปดาห์แล้ว สบายไหม กินข้าวอิ่มรึเปล่า”

“เอ่อ สบายดีครับ กินข้าวอิ่มทุกมื้อเลยครับ”

“อืม เธอสองคนรู้จักกันแล้วหรือยัง ”

     รอยยิ้มของร่างบางหดน้อยลงเมื่อคุณชายกำลังทาบทามถามความสนิทสนมของลูกชายกับเค้าเอง แต่แปลกมาก หนุ่มน้อยไม่เข้าใจเขต เค้าเปลี่ยนบุคลิกเป็นอีกคนหนึ่งโดยไม่น่าเชื่อ ผู้ที่โหดและใจร้ายกับเค้ามาตลอด 1 สัปดาห์จะมีนิสัยดีอย่างนี้ 

“แน่นอนครับคุณพ่อผมกับน้องน้ำ รู้จักกันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าน้องเค้าจะน่ารักขนาดนี้ นิสัยก็ดีด้วย ผมชักจะเอ็นดูน้องขึ้นมาแล้วสิ
ครับ ”

“หรอ เจ้าเขต พ่อดีใจที่แกรู้สึกอย่างนี้ หนูน้ำคงจะดีใจ พ่อว่าจะบอกเรื่องนี้ให้เขตฟังแต่พ่อยุ่งไม่มีเวลากลับมาบ้านเลย พ่อจะรับ
น้ำเป็นลูกบุญธรรม เขตจะว่ายังไง”

“อะไรนะครับคุณพ่อ!”

“จะเสียงดังไปทำไมเจ้าเขต สรุปนายจะว่ายังไง”

“เอ่อ…คือ ละ…แล้วแต่คุณพ่อเถอะครับ”

“คุณชายครับ ผมไม่เอาดีกว่าครับ แค่ผมอยู่ที่บ้านคุณก็ดีมากๆแล้วครับ ทำแบบนี้ไปทุกฝ่ายก็หนักใจเปล่าๆ”

“ไม่เห็นจะหนักใจเท่าไหร่เลย หนูน้ำ ฉันเชื่อว่าทุกคนยินดีหมด ”

“แต่ว่า…”

“เอาเถอะนะ หรือว่าหนู รังเกียจที่อยากจะมาเป็นลูกของฉัน”

“ไม่นะครับ ใครจะไปคิดแบบนั้นกับหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ”

“ฮาๆ ดี แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย เอาล่ะ ดูหนูแต่งตัวตอนนี้สิ นี่คงจะมีแต่ชุดเก่าๆทั้งนั้นเลย ฉันว่าหนูควรจะไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ
มาใส่แล้วนะ ไพบูลย์!”

“ครับคุณชาย ไปเอารถออก แล้วพาหนูน้ำไปซื้อเสื้อผ้ามาซัก 10 20 ชุดที  รวมทั้งของใช้สอยต่างด้วยนะ”

“ครับคุณชาย”

“เดี๋ยว! ไพบูลย์ไม่ต้อง คุณพ่อครับ ผมจะพาน้ำไปซื้อเองครับ”

“อย่างนั้นหรอ ดูท่าเขตจะถูกใจหนูน้ำเหมือนพ่อแล้วสินะ ก็ดีผูกพันกันไป พ่อขอตัวขึ้นพักที่ห้องก่อนนะ อาหารมื้อเย็นช่วยไป
ปลุกพ่อด้วยแล้วกัน”

“ครับคุณพ่อ”




       เขตเดินไปที่โรงเก็บรถได้ไม่ถึง 10 ก้าวก็หันหน้ากลับมามองร่างบางที่ยังยืนอึกอักอยู่ที่เดิม เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะไปกับเค้าดีหรือไม่ เขตเห็นภาพนั้นแล้วมันยิ่งขัดหูขัดตา เรื่องของเรื่องใช่ว่าเค้าอยากจะทำแบบนั้นซักหน่อย นึกมาแล้วเค้าก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาอีกรอบ



“ยืนโง่ทำซากอะไรอยู่ตรงนั้น ตามมาสิ”


“คะ..ครับ คุณเขต”




       น้ำเดินตามเขตจนขึ้นไปอยู่บนรถ น้ำนั่งนิ่งโดยไม่พูดไม่จา เขตถอนหายใจแบบไม่สบอารมณ์ก่อนจะถอยรถแล้วขับออก
จากรั้วสีขาวไปตามถนน มุ่งหน้าสู่กลางมหานคร ไปยังสยามพารากอน




“ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือไง ทำไมไม่พูด”

“ผม ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีครับ”

“ฮึ! อย่านึกนะว่าฉันจะดีกับแก ฉันเอาใจคุณพ่อไปอย่างนั้นแหละ”

“ผมทราบครับ”

“นี่แก! หมายความว่ายังไง แกรู้หรอว่าฉันแสดงละครเมื่อกี้นี้”



“…” น้ำไม่ตอบ แต่กลับนั่งตัวเกร็งไปหมด จนชายหล่อแววตาดุจเหยี่ยวคู่นั้นเริ่มหมดความอดทน



“ฉันถามแกทำไมไม่ตอบ”

       เขตเอามือด้านซ้ายเอื้อมบีบคางน้ำอย่างแรง จนริมฝีปากบิดเบี้ยวไปจากเดิม

“โอ้ย! คุณเขต ผมเจ็บครับ”

   ร่างบางพยายามเอามือสองข้างแกะออกแต่ไร้ผล แรงมหาศาลของชายหนุ่มผู้ผ่านการฝึกฝนและออกกำลังจากอย่างทหารแบบเค้า หนุ่มน้อยไร้แรงสู้อย่างน้ำ ไม่มีทางแกะมันออกได้หรอก




“จำเอาไว้ อย่าปากดีให้มันมากนัก”

“ครับผมจะจำไว้" เขตได้คำตอบที่พอใจ ก่อนจะคลายมือหนานั้นออกจากคางของน้ำ ที่ตอนนี้แดงไปหมดแล้วจากแรงที่บีบเค้นเมื่อครู่
     



    ระหว่างทางเขตกับน้ำไมได้คุยอะไรกันอีกเลย เขตขับรถไปยังเส้นทางใหญ่ น้ำตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยได้ออกไปเที่ยวไหนไกลบ้าน พอมาเจอบ้านเมือง รถยนต์ รถไฟฟ้า ผู้คนมากมาย ถือว่านี่เป็นประสบการณ์ใหม่ของเค้าเลยทีเดียว

“อย่าทำสีหน้าเป็นบ้านนอกตื่นเมืองจะได้ไหม ฉันไม่ชอบ”

“อ่ะ เอ่อ…ครับ ” น้ำสีหน้าสลดก่อนจะเบิกตากล้างอีกครั้งเมื่อเห็นรั้วบ้านริมถนนฝั่งซ้ายมือติดกับที่เค้านั่ง




“สวยจังเลย”
           สักพักร่างก็บางเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่เขตได้ยินสิ่งที่เค้าพูดแล้วมองตาม ก็รู้ว่าร่างบางกำลังเห็นอะไร รั้วบ้านสีขาว เหล็กดัดที่ออกเป็นเหมือนตราสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง สีทองขดโค้งสวยงามตามรั้วประตู ยาวเกือบ 300 เมตร มองเข้าไปด้านใน ลึกเข้าไป มีบ้านหลังใหญ่ออกแบบเป็นไม้ผสมผสานกับปูนได้อย่างสวยงาม ลงตัว ประตูซุ้มทางเข้าไปนั้นสวยงามความเป็นซุ้มปูนที่มีสัญลักษณ์ ฉ ฉิ่งตัวสีแดงอยู่ในวงกลมสีขาว มียามเฝ้าประตู 2 คน

“นั่นน่ะ เค้าเรียกว่าวังฉัตรอรุณ เจ้าของบ้านคือ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ มีพระชายา 3 ท่าน คนแรกหม่อมบุหลัน คนที่สองหม่อมรุ้งพราว และคนที่สามหม่อมพิมล แต่ได้สิ้นชีวิตแล้ว แต่ก่อนพระชายาทั้งสามล้วนแล้วแต่เป็นสามัญชน”

“อย่างนั้นหรอครับ  ”


“ตอนนี้ที่วังก็มีเพียง หม่อมบุหลัน หม่อมรุ้งพราว รวมไปถึงโอรสอีก 2 องค์ คือ หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ และหม่อมเจ้ารัตชยาดล ไกลเกียรติขจรกุล ประทับอยู่ที่วังนี้ พูดไปคนจนๆแบบแกคงไม่เข้าใจหรอก”

“ครับ ผมไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้ก็ดีนะครับ ขอบคุณมากที่เล่าให้ฟัง น่าอยู่ที่สุดเลย”

“ฮึ ไม่เจียมกะลาหัว แบบแกเนี่ยนะได้อยู่บ้านฉันก็บุญขนาดไหนแล้ว ”

“ขอโทษครับ!”

“พอๆ ฉันเบื่อคำว่าขอโทษพร่ำเพื่อ”

“ว่าแต่คุณเขตครับ คุณเขตเป็นหม่อมหลวง แล้วหม่อมเจ้าที่ว่าเมื่อกี้ แตกต่างกันยังไงหรอครับ”

“เข้าใจถามนะ เอาเป็นว่า ยศของฉันอยู่ต่ำกว่าหม่อมเจ้า แม้แต่คุณพ่อที่เป็นหม่อมราชวงศ์ยังต้องให้ความเคารพ ”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ก็ไม่ควรถามแต่แรก ไอ้โง่เอ้ย เอ้า เตรียมตัวอีกถึง 10 นาทีน่าจะถึงแล้ว ”

     น้ำก้มหน้าสลดอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าไปมองวังฉัตรอรุณอีกรอบหนึ่ง เค้ารู้สึกดีและมีความสุขมากที่ได้เห็นวังนี้ เป็นวังที่สวย
ร่มรื่นจริงๆ ร่างบางยังแอบคิดไปไกลถึงสักวันที่ตัวเองได้เป็นโอรสของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ วันนั้นตัวเค้าเองจะเป็นเช่นไร




       ณ บ้านศศิวานนท์ แดนภพนั่งยิ้มอยู่คนเดียวที่หน้าจอทีวี ทั้งๆที่รายการบนจอทีวีเป็นละครที่กำลังโศกเศร้า คุณชายประศิต
ผู้เป็นพ่อถึงกับงงกับ อารมณ์แสดงออกของลูกชาย

“แดนภพ วันนี้ไปทำอะไรมา ทำไมดูร่าเริงผิดปกติ”

“เปล่านี่ครับคุณพ่อ ว่าแต่คุณพ่อเถอะครับ กลับมาตอนไหน ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“พ่อกลับมานายแล้ว สงสัยละเมอ เพ้อยิ้มเสียนาน จนไมได้ยินเสียงรถของพ่อละสิ”

“โถ คุณพ่อ อย่าเพิ่งงอนผมสิครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้คุณพ่อดีกว่า”

“ไม่ต้องแล้วค่ะคุณแดนภพ แจ่มยกมาแล้วค่ะ เชิญคุณชายที่โต๊ะก่อนนะคะ”

“อะไรกันแจ่ม ตัดหน้าผมอีกแล้ว”

“อ้าว ก็มันหน้าที่แจ่มนี่คะ คุณแดนภพ”

“คุณพ่อครับ เรื่องที่คุณพ่อให้ผมไปบอกคุณอาภัครพิชัย เรียบร้อยแล้วครับ แต่ไม่รู้ท่านจะว่างไปหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไร เราแจ้งให้ทราบ ก็ดีแล้วล่ะ เออนี่ เสี่ยสิงห์ เค้ามีโครงการใหญ่ยักษ์ จะเปิดตลาดการค้าขนาดใหญ่ใกล้แถว บางขุนเทียน เชียวนะ”

“อย่างนั้นหรอครับ แปลกดีนะครับ ช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปี เสี่ยสิงห์มีแต่รายได้มหาศาล ผิดสังเกตจริงๆ”

“เอาเถอะๆ อย่าพูดดังไปนะ ยิ่งข้างนอกบ้านยิ่งห้ามพูดไปใหญ่เข้าใจไหมลูก เผลอๆใครมาได้ยินไปเข้าหูเสี่ยสิงห์ มีหวังเดือด
ร้อนกันหมด”

“ครับคุณพ่อ ผมว่าจะไปขึ้นเวรแล้วนะครับ ไปก่อน 30 นาที เตรียมตัวไว้”

“ดีแล้วลูก ตั้งใจนะ พ่อเฝ้าบ้านให้เอง”

“ครับผม ไปแล้วนะครับ แจ่มจันทร์ ดูแลพ่อด้วยนะ”

“อย่าห่วงเลยค่ะ มีสุชาติ คนสนิทคุณชายอีกคน ไม่ต้องห่วงนะคะ”

       แดนภพยิ้มให้แจ่มจันทร์หญิงสาวอายุเกือบ 30 ปีก่อนจะออกจากบ้านไป  ที่ทำงานของแดนภพคือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ใกล้ๆบ้านเค้าเอง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองมหานครแห่งนี้ แดนภพเป็นแพทย์เชียวชาญด้านจักษุแพทย์ ทำงานมาได้  2 ปีแล้ว

        ในโรงพยาบาลไม่มีวันไหนที่แดนภพจะถูกมองจากสายตาของพยาบาลสาวทั้งโรง ด้วยความที่แดนภพเป็นหมอหนุ่มไฟแรง รูปลักษณ์หน้าตา ถือว่าดูดี หญิงสาวที่ไหนจะไม่มอง อีกทั้งยังเป็นคนสุขุม ใจเย็น วางตัวเหมาะสมถูกกาลเทศะ แตกต่างจากเพื่อนที่สนิทกันมากอย่างพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ หรือ เขต ที่มีนิสัยวู่วามเป็นไหนๆ ใจร้อน ดื้อรื้นไม่ยอมฟังความคิดเห็นใครเลยนอกจากพ่อของเค้าเอง





             เขต พาน้ำ เดินซื้อเสื้อผ้าจากร้านนั้นเข้าร้านนี้ น้ำเกรงอกเกรงใจมาก แต่เขตก็ดูแลเขตอย่างดี ถึงแม้จะขัดใจเค้ามากขนาดไหนก็ตาม ถึงไม่อยากทำยังไงก็ต้องทำ เพราะตัวเองบอกกับพ่อไปแล้ว ต้องทำมันให้ดีที่สุด  น้ำเดินแบกของที่เขตพาไปซื้อด้วยตัวของเค้าเอง หลายถุงหิ้วมากเข้าๆ จนล้มมือเล็กๆที่จะโอบล้อมสายได้หมด เขตทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ได้แต่เดินนำหน้าพาเข้าร้านต่อไป คนข้างๆที่มาเดินห้างต่างมองตามกันเป็นแถวๆ จะให้คนเหล่านั้นคิดยังไง เด็กหนุ่มตัวเล็กๆผิวพรรณดีอย่างกับคุณหนู เดินช็อปปิ้ง ถือของเยอะแยะหนักเกินตัว ถืออย่างทุลักทุเล ปราศจากน้ำใจของชายหนุ่มร่างหนาสูงด้านหน้าที่ไม่แม้แต่จะหันมาถามว่าให้ช่วยหรือไม่

“นี่ ถือให้มันดีๆหน่อย เดี๋ยวเราจะไปต่ออีก 2  3ร้านเชียวนะ อย่าช้า!”

“แต่คุณเขตครับ ผมว่าเสื้อผ้าหมดนี่น่าจะพอแล้วนะครับ ผมว่าเรา…”

“อย่าเสนอหน้ามาออกความคิดเห็น เดี๋ยวกลับไปตอนนี้คุณพ่อก็ด่าฉันแย่ว่าซื้อของให้นายน้อยเกินไป เดินตามมาได้แล้วอย่า
ชักช้า!”

“คะ..ครับ”


        เขตพาน้ำเข้ามาร้านเสื้อผ้าอีกร้านหนึ่งที่ก็หรูเหมือนกัน คนในร้านดูน้อยมาก เท่าที่ร่างบางเห็นก็มีเพียงชาย  3 คน อีกคนดูดีมีฐานะ พร้อมกับลูกน้องใส่สูทแขนยาว 2 คนยืนดูอยู่ห่างๆ




“ฝ่าบาท ไม่นึกว่าจะได้เจอที่นี่ จำกระหม่อมได้หรือไม่”

“นายคือใครกันหรือ”

“กระหม่อม คือ หม่อมหลวงภูธเนศ ลูกชายของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ธำรงอาภรณ์นิช กระหม่อม”

“อ้อนายคงชื่อ เขต ใช่ เขต นั่นเอง เราจำนายได้แล้ว สมัยเด็กๆ นายเคยไปเล่นที่วังของเรา”


“ดีใจจริงๆที่ฝ่าบาทยังจำได้”

“ไม่สิ เราต่างหากที่ไม่ดีเลย ไม่จำเพื่อนสมัยเด็กๆอย่างนายไปได้ยังไง เอาเถอะไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ให้วุ่นวาย ดูสิพนักงาน
มองเรากันใหญ่แล้ว”

“สุดแล้วแต่จะโปรด กระหม่อม”

“นี่ใครกัน ทำไมถือของเยอะแยะขนาดนั้น”

“คนใช้คนใหม่นะครับ ท่านชาย เอ้าไหว้  หม่อมเจ้ารัตชยาดล ซะสิ”

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่านายจะมีคนรับใช้น่ารักได้ขนาดนี้ โถแล้วนี่ถือไหวหรืออย่างไรกัน ของเยอะแยะเต็มไม้เต็มมือ”


“ไหวครับ ผมสบายมาก” น้ำตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง เขตหันหน้ามาดุเข้าให้ ทำงานร่างบางจ๋อยไปทันที

“เด็กคนนี้ ไม่ค่อยรู้กาลเทศะ ท่านชายอย่าได้ถือสานะครับ ”

“เปล่าเลย เราจะไปถือสาอะไรเด็กคนนี้ ดูไปเค้าน่ารักดีนะ ไปขัดผิวออกเสียหน่อยน่ากระจ่างใสขึ้น”

“แล้วนี่ท่านชาย โปรดเสื้อตัวไหนบ้างหรือยังครับ ” เขตพาท่านชายคุยนอกเรื่อง

“ได้ 2 ตัว พอดีจะใส่ไปงานของดุษฎี เจ้าของโรงแรมไอยรา ได้ข่าวว่าจะเปิดตัวลูกสาวคนเดียวที่เพิ่งจะกลับมาจากเมืองนอก”

“ไม่นึกว่า ท่านชายจะเสด็จ ไปงานของเสี่ยสิงห์นี้ด้วย”

“จะไม่ให้ไปก็กระไรอยู่นะเขต ดุษฎีไปเชิญถึงที่วังฉัตรอรุณ ยังไงเราก็ต้องไป เป็นตัวแทนของท่านแม่และท่านป้าด้วย”

“จะว่าไป กระหม่อมไม่ได้ไปวังเสียนาน  ในวังสบายดีทุกองค์นะครับ”

“สบายดี ไว้มีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมเราบ้างนะ เขต ได้ข่าวจากคุณชายภัครพิชัย ว่านายเป็นถึงพันเอก หน้าที่การงานคงจะสบายนะ”

“เรื่อยๆครับ ท่านชาย อืมถ้ายังไงก็กระหม่อมขอลา พอดีรีบกลับบ้านครับ”

“อืม โอเค ไว้เจอกันใหม่นะ เขต ”

“น้ำ ลาท่านชายเร็ว”

“สวัสดีครับ”

“ครับ แล้วเจอกันนะหนุ่มน้อย”

        หม่อมเจ้ารัชชยาดลยิ้มให้น้ำอย่างเอ็นดู โดยหารู้ไม่ว่า น้ำคือ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ น้องชายต่างมารดาของเค้านั่นเอง อายุห่างกันถึง 10 ปี เขตเดินนำน้ำออกจากร้านไป โดยไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าร้านนั้นเลย น้ำเดินตามอย่างทุลักทุเลถือของ ไปจนถึงที่จอดรถ

“เอาของวางไว้เบาะหลังนี่แหละ เร็วๆ ฉันหิวข้าวเย็นแล้ว ”

“ครับผม กำลังรีบครับ”

“อ้อก่อนนอนคืนนี้  ชงกาแฟมาให้ที่ห้องฉันด้วย เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ”

“อย่าช้านะ ไม่อย่างนั้น แก้วกาแฟ ไม่ตกแตกกระแทกพื้นเหมือนคราวก่อนแน่ แต่จะเป็นหน้าแกแทน จำไว้ คนอย่างฉันไม่ชอบ
อะไรที่เชื่องช้า ไม่ชอบอะไรที่ขัดใจ และไม่ชอบอะไรที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง”


       เขตพูดพลางเอานิ้วชี้หน้าสั่งน้ำ จนหน้าเค้าจะยื่นไปโดนหน้าน้ำเข้าให้ น้ำบีบตัวเองให้เล็กลงสุดฤทธิ์พร้อมกับเบี่ยงตัวไป
ติดประตูรถด้านซ้าย ทุกสิ่งที่เขตพูดมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดตรงกันข้ามกับที่เค้าเป็นอยู่ทุกอย่าง หรือพูดง่ายๆคือนิสัยของตัว
เองขนานแท้




ตอนที่ 4 มีการใช้คำศัพท์สำหรับหม่อมเจ้า ได้มีการศึกษาแล้ว แต่อาจจะผิดพลาดไปบางคำ ต้องขอโทษล่วงหน้า และขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เจอกันใหม่ อีก 2 ตอน วันเสาร์ อาทิตย์หน้า นะ

ต่อไป น้ำ จะเจออะไรนะ เมื่อตอนถึงบ้าน ธำรงค์อาภรณ์นิช  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ศัพท์เยอะมวั่ก (ไม่ถนัดอ่านพวกราชาศัพท์เลยจริงๆ)

แต่ก็รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เพลียคุณเขต  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่ไหวๆนิสัยแบบนี้

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ทำอะไรกับเค้าไว้ อนาคตระวังจะเงิบนะเขต  :katai2-1:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 5




          ชายหนุ่มคมเข้มใส่ชุดลำลอง นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆภายในห้องที่กว้างใหญ่เกินกว่าคนคนเดียวจะอยู่อาศัย ภายในห้องถูกจัดออกเป็น 3 ส่วนย่อย ส่วนแรกเป็นห้องนั่นเล่น มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เดินตรงไปหน่อยเป็นห้องนอน เตียงหรูหรา ส่วนอีกห้องเป็นห้องสมุดที่ถูกจัดอยู่บนชั้นวาง 5 ชั้น รวมกันน่าจะเกิน 1000 เล่มได้   ไม่นานเสียงเคาะประตูไม้สักก็ดังขึ้น เจ้าของห้องละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านแล้วมองไปยังประตูด้านหน้า         


“เข้ามา!”


          สิ้นสุดคำสั่ง ก็ปรากฏร่างหญิงสาวที่คุ้นหน้าดี สร้างความงุนงงให้กับเค้ายิ่งนัก เธอค่อยเดินเข้ามาใกล้เค้าเรื่อยๆ แล้วนำแก้วกาแฟพร้อมกับขนมปังชิ้นเล็กๆหอมกรุ่นวางไว้ที่โต๊ะ


“เดี๋ยว! นี่มันอะไรกัน กล้วยไม้”

“เอ่อ กาแฟที่คุณเขตสั่งไงคะ พร้อมกับขนมปังกรุ่นๆ”

“ฉันจำได้ว่าฉันสั่งน้ำไป แล้วนี่เจ้าตัวไปอยู่ซะที่ไหน”

“พอดีตอนกลับมาจากซื้อของเสร็จ คุณชายภัครพิชัย ก็เรียกตัวเข้าไปพบค่ะ คุณเขต”

“ไม่ได้! ไปบอกน้ำเดี๋ยวนี้ว่าฉันให้มาหาที่ห้องด่วนเลยนะ”

“ไมได้หรอกค่ะ ห้องคุณชายภัครพิชัย ถ้าท่านไมได้อนุญาตให้เข้าไป กล้วยไม้ก็ไม่กล้าหรอกค่ะ คุณเขต”

“แต่ฉันเป็นลูก ฉันสั่งให้ไปไง”

“คุณเขตเจ้าขา อย่าทำให้กล้วยไม้ลำบากใจเลยค่ะ”

“ได้ฉันไปเอง!”

“อย่าดีกว่านะคะคุณเขต กล้วยไม้ว่ารอเป็นวันพรุ่งนี้หรือว่าวันอื่นดีกว่านะคะ”

“อย่าขวางนะกล้วยไม้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาแจกันที่ประตูนี่โยนใส่เธอซะ”

“อุ้ย ค่ะๆๆๆๆ กล้วยไม้หลบให้แล้วค่ะ เชิญคุณเขตได้เลยค่ะ”

     กล้วยไม้รีบหลบเข้าฝาผนังห้องทันที บุรุษหนุ่มร่างสูงเดินผ่านเธอออกประตูไป พร้อมกับเสียงปิดประตูดัง ปัง! ทำเอาเธอสะดุ้งโหยงเหยง 


“คุณเขตนะคุณเขต เอาแต่ใจตัวเองตลอดเลย สงสารน้ำจริงๆ เจอคนแบบนี้เข้าไปร่างเล็กๆไร้แรงสู้แบบนั้น จะเป็นยังไงน้า…”
กล้วยไม้ถอนหายใจก่อนจะเดินเปิดประตูออกจากห้องเจ้านายสุดหล่อไป


    เขตเดินตรงไปที่ห้องของคุณชายภัครพิชัยที่ตั้งอยู่ที่ด้านตะวันออกของบ้านที่กว้างใหญ่แห่งนี้ พอเดินไปถึงเค้าก็พบว่า คนที่เค้ากำลังจะไปหากำลังเดินออกจากห้องคุณพ่อพอดี ภูธเนศหยุดเดินแล้วมองร่างบางด้วยสีหน้าโมโหสุดขีด 



“ไอ้เด็กรับใช้!” เขตตะโกนออกไปดังพอที่จะทำให้ร่างบางสะดุ้งตื่นหลังจากเอามือดึงลูกบิดบิดประตูให้คุณชาย



“คุณเขต!”


“ไปพบฉันที่ห้อง” เขตออกคำสั่งแล้วเดินหันหลังกลับห้องไปทันที น้ำทำท่าทีอึกอักเพราะเค้าตั้งใจว่าออกจากห้องหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยแล้ว จะไปกินข้าวเย็นที่ใบหลิวเตรียมแยกเอาไว้ให้กิน

“ฉันบอกให้ไปห้องฉัน เดี๋ยวนี้!!! ตอนนี้!!!  ไม่ได้ยินหรือไง” เจ้านายร่างสูงใหญ่หันหลังตะโกนกลับมาพูดอีกครั้ง เมื่อไม่หันอีกฝ่ายเดินตามมาแต่อย่างใด

“ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

“รออะไรอยู่เล่า เดินมาได้แล้ว!” เขตขึ้นเสียงก่อนจะกลับเข้าห้องไป พร้อมกับแรงปิดประตูกระแทกเสียงดังลั่น กล้วยไม้กับใบ
หลิวที่ยืนมองอยู่จากด้านล่าง มองหน้ากันแบบรู้กัน



“เอาไงพี่กล้วยไม้ ข้าวเย็นน้องน้ำยังไม่ได้กินเลยนะ”

“จะทำยังไงได้ ก็คุณเขต โมโหเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันเอาขึ้นไปให้ที่ห้องนอนคุณเขตเลยดีกว่า”

“บ้าไปแล้ว นางใบหลิว เอาขึ้นไปให้ที่ห้องมีหวังจานข้าวจานอาหาร ได้บินลอยมาใส่หน้าแกแน่ ฉันว่าน้ำคงไม่ถูกเรียกตัวไปนาน
ขนาดนั้นหรอก”



“คุยอะไรกันจ้ะ สาวๆ”


“ว้ายๆ คุณพระช่วย ตกใจหมดเลย ”

“ใช่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ”

“นี่ เธอสองคนจะตกใจไปทำไมกัน อ้าวแล้วนี่ 2 ทุ่มแล้วยังไม่ไปนอนกันอีกหรอ”

“จะนอนได้ยังไง ฉันกับใบหลิวยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เย็น”

“อ้าวก็แล้วรออะไรอยู่อีกล่ะ ไปกินสิจ้ะ”

“ไมได้ รอน้ำก่อน พวกฉันกะว่าจะได้กินอยู่แล้วเชียว แต่ติดตรงที่คุณเขต เรียกน้องน้ำเข้าไปพบที่ห้องเสียก่อน”

“อย่างหรอ คุณเขตมีอะไรกับน้ำรึเปล่านะ”

       สงกรานต์สีหน้าครุ่นคิด เพราะเขต เจ้านายของเค้าเรียกน้ำไปแต่ละครั้งไม่เคยจะเป็นเรื่องดีๆเลยแม้แต่น้อย เค้าเริ่มเป็นห่วง
น้ำขึ้นมาเรื่อยเสียแล้ว นึกย้อนหวนกลับไปวันที่รับน้ำมาอยู่ด้วย คุณชายภัครพิชัย เจ้านายใหญ่ของเค้าก็รับปากชื่นและพี่น้องของ
น้ำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะเลี้ยงดูน้ำให้ดีที่สุด ให้เค้าได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว แต่เค้า
เป็นแค่ลูกน้องไม่สามารถที่จะทำอะไรได้หรอก และเรื่องนี้คุณชายภัครพิชัยยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป

         น้ำยืนอยู่ที่ตรงหน้าภูธเนศที่กำลังดื่มกาแฟฝีมือของเค้า ก้มหน้าก้มตาอย่างหนังสือไปเรื่อยไม่สนใจน้ำเลยแม้แต่น้อย ด้วย
ความที่น้ำทนรอไม่ไหว ประกอบกับยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยืนนานได้ เค้าเลยตัดสินใจเอ่ยปากถามอย่างสงสัย

“คุณเขตครับ ไม่ทราบว่าจะให้ผมทำอะไรครับ ถ้าไม่มี ผมจะได้ขอตัวไปกินข้าวเย็นนะครับ”

“มีสิ! ทำไมจะไม่มี สมองแกนี่ปัญญาอ่อนจริงๆ ฉันเรียกแกมามันก็ต้องมีเรื่องให้ช่วย”

“เอ่อแล้วเรื่องที่จะให้ช่วย บอกผมได้เลยนะครับ ผมพร้อมทำครับ”

“ดี ดีมาก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ นายยืนรอไปก่อน ถ้ารอไม่ไหวก็นั่งลงซะตรงนั้นแหละ พรมปูพื้นนิ่มๆ ก็เหมาะกับนายแล้ว”

“คะ…ครับ”

           น้ำตอบกลับไปด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เขตคิดเลยสักเรื่อง หรือเป็นเพราะเค้าสองคนมีชีวิตการเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน
หรือเป็นเพราะเขตไม่ชอบขี้หน้าเค้ากันแน่นะ





          ที่บ้านมุงสังกะสีหลังเล็กๆ ภายในห้องมีเพียงหลอดไฟตะเกียบไม่กี่ดวงกำลังเปล่งแสงสว่างไสว หญิงสาววัยกลางคนกำลังนั่งรอลูกชายทั้งสองคนอยู่แคร่หน้าบ้าน ไม่นานนักลูกชายทั้งสองคนของเธอก็กลับมาจากทำงานทั้งวัน

“ไอ้ตะวัน ไอ้ภูผา กลับมาแล้วหรอ”

“กลับมาแล้วจ้ะแม่ แล้วแม่มานั่งรอทำไมกัน บอกกี่ครั้งแล้วว่ารอในบ้าน ยุงเยอะเห็นไหม”

“บ่นจริงๆ แม่กะว่าจะมีเรื่องปรึกษา ถ้าไม่มาดักรอแกแบบนี้ มีหวังไม่ได้คุยกันหรอก แกสองคนก็ทำงานทั้งวัน กว่าจะกลับก็กลาง
คืนแล้ว”

“ปรึกษาเรื่องอะไรจ้ะแม่”

“พวกเอ็ง สนใจไปทำงานที่บ้านคุณชายภัครพิชัยไหม”

“อ๋อ คุณคนนั้นที่รับน้ำไปอยู่ด้วย แล้วทำไมแม่ถึงถามฉันเรื่องนี้จ้ะ”

“ก็แม่ รู้สึกไม่ดี กลัวน้ำไม่ปลอดภัย ถ้ามีเอ็งสองคนไปอยู่กับน้องสักคน แม่ก็จะได้หายห่วง”

“ก็ได้จ้ะแม่ ไม่มีปัญหาหรอก แต่ทางนี้ฉันจะอยู่ดูแลแม่กับพ่อเอง ให้ไอ้ภูผาไปคนเดียวก็พอ”

“ใช่จ้ะ แม่ฉันไปให้ได้ ” ภูผาตอบอย่างเต็มใจช่วย

“เอาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน แต่ต้องรอก่อน รอวันที่คุณชายคนนั้นจะพาน้ำกลับมาเยี่ยมเราบ้าง”

“จ้ะแม่ เข้าบ้านเถอะ พวกฉันสองคนจะได้อาบน้ำนะแม่นะ”

“ใช่แล้วแม่ก็ไปนอนได้แล้ว”

“เออๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ วานปิดประตูปิดไฟให้แม่ด้วย”

“จ้ะแม่”


        ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มฟุบตัวหลับอยู่พรมสีขาวด้านล่างภูธเนศ ด้วยความเหนื่อยและไร้เรี่ยวแรง ตอนเที่ยงของวันนี้เขตก็ไมได้พาเค้าไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน แต่เด็กหนุ่มก็ไมได้เอ่ยปากถามหรือเรียกร้องแต่อย่างใด ชายร่างหนาละสายตาจากหนังสือที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันไปทางด้านน้ำ ที่ตอนนี้ได้หลับไปแล้ว ในสายตาของเขตเอง เค้าไม่ชอบน้ำเลยตั้งแต่แรก เพาะเหตุผลส่วนตัวของเค้าหลายปัจจัยที่ไม่อยากเอ่ยปาก

“นี่! นายๆ” เขตพูดเสียงดังลั่นห้อง เพื่อเป็นการปลุกน้ำให้ตื่น

“ครับ คุณเขต” น้ำตื่นจากภวังค์ ก่อนจะเอามือขยี้ตาตัวเอง น้ำเสียงงัวเงียสุดๆ

“เอาล่ะ นี่ก็ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว หิวรึเปล่า” เขตกลั้นใจถามไปอย่างนั้น น้ำรีบตอบกลับเค้าทันที

“ไม่หิวครับ ผมรอได้ แล้วคุณเขตคิดออกแล้วใช่ไหมครับว่าจะให้ผมทำอะไร” เขตมองหน้าน้ำหนึ่งทีก่อนจะหันหน้าไปมองผนัง
ห้อง

“ตอนหัวค่ำ คุณพ่อเรียกแกไปทำอะไร”

“เปล่าครับ ท่านเพียงแค่ถามว่า ข้าวของที่ไปซื้อมาวันนี้พอใจหรือเปล่า ขาดเหลืออะไรก็ให้บอกท่านได้เสมอ”

“แล้วท่านพูดอะไรอีก!” เขตมองหน้าน้ำเค้นเอาคำตอบ

“ไม่มีแล้วครับ”


“โกหก! แกเข้าไปห้องคุณพ่อตั้งชั่วโมงสองชั่วโมง บอกมาเดี๋ยวนี้”


“ไม่มีอะไรอีกแล้วจริงๆครับ นอกนั้นผมก็อาสาตอบแทนท่านด้วยการจัดของในห้อง ปัดกวาดให้เสียใหม่ แล้วท่านก็ชอบสิ่งที่ผม
ทำมากครับ” น้ำตอบเขตอย่างภาคภูมิใจ


“อ้อ เพราะเหตุนี้สินะ ที่คุณพ่อไปรับเด็กอย่างแกมาอยู่ด้วย  เพียงท่านอยากได้เด็กรับใช้คนใหม่ ฮึฮึ”


"..."

“ฉันจะบอกอะไรให้นะ อย่างแกถึงคุณพ่อจะรับมาเป็นลูกบุญธรรมแต่ฉันไม่ยอมรับแกหรอก ไอ้เด็กสกปรก ดูไปแล้วแกมันเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตา ผิวพรรณอย่างกับหญิง คุณพ่อเลยเมตตาแกก็เท่านั้น”

"..."

“เงียบอยู่ทำไม พูดสิสรุปคุณพ่อไปรับแกมาในฐานะอะไรกันแน่ ไอ้คนจน”

“ท่านไม่ได้บอกครับ แต่ท่านพูดกับแม่ผมว่า จะรับไว้ที่บ้าน จริงๆแล้ว ผมตั้งใจมาเพราะจะได้มาทำงานรับใช้ท่าน ให้สมกับที่
ท่านช่วยครอบครัวผมไว้ แต่เมื่อเช้าวันนี้ผมก็เพิ่งรู้ว่าท่านจะรับผมเป็นลูกบุญธรรม”

“เดี๋ยวนะ แกว่าอะไรนะ ช่วยหรอ? ช่วยอะไร”

“ผมบอกไม่ได้ครับ”

“แกนี่มันวอนหาเรื่องเจ็บตัวจริงๆนะ บอกมาเดี๋ยวนี้ ทำตามคำสั่งของฉัน!”

“ผมบอกไม่ได้ครับ ท่านบอกไม่ให้ผมบอกใครทั้งนั้น”

“ได้ไม่บอกใช่ไหม”

         ภูธเนศอารมณ์ขึ้นอีก น้ำได้บันดาลโทสะเขต สงสัยคราวนี้เขตต้องแสดงให้เค้าเห็นถึงความโหดร้ายเสียทีต่อไปจะได้ไม่
กล้าทำแบบนี้กับเค้า เขตดึงแขนเล็กๆของน้ำไปที่ห้องหนังสือนับ 1000 เล่ม

“ในเมื่อแกไม่บอกฉัน ก็ดี ฉันจะได้ให้แกมาทำงานสมอย่างที่แกตั้งใจที่บอกกับคุณพ่อไว้ หนังสือในห้องนี้นับ 1000 เล่ม จัดแยกสีหนังสือใหม่ให้ฉัน ฉันชอบหนังสือที่จัดเก็บแบบกลุ่มสี ที่เห็นอยู่มันกระจัดกระจายเกินไป ฉันให้เวลาแก 1 ชั่วโมง ถ้าไม่เสร็จ เตรียมรับโทษใหม่ได้เลย”


       ภูธเนศสั่งน้ำเสร็จก็ออกจากห้องหนังสือไปยังห้องนอนแล้วล้มตัวลงไป พร้อมกับไม่ลืมตั้งเวลาปลุกเอาไว้ เพื่อตื่นขึ้นมาดูงานที่สั่ง น้ำสีหน้าสลดก่อนจะเดินไปเปิดไฟ ให้สว่าง

“โห หนังสือทำไมเยอะแยะขนาดนี้ หนึ่งชั่วโมงจะเสร็จไหมนะเรา”

             น้ำสลัดความเหนื่อยออกไป แล้วเดินไปยังชั้นวางหนังสือด้านในสุดแล้วปีนขึ้นไปดึงหนังสือที่อยู่ด้านบนลงมาวางไว้
ด้านล่าง เค้าพยายามทำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ภายในห้องที่เงียบสงบได้ยินแต่เสียงจากห้องสมุดที่น้ำกำลังทำงานอยู่อย่างเร่ง
ด่วนให้ทันภายในหนึ่งชั่วโมง


“ฮึ ไอ้เด็กโง่ อย่างกับแกจะทำทัน แกนี่โง่จริงๆ ทำได้ทุกอย่างสินะ สู้ซะบอกเรื่องนั้นให้ฉันฟังก็จบ แต่ก็ดีในเมื่อดื้อดันไม่เชื่อฟัง
ฉัน ฉันเกลียดพวกแบบนี้ที่สุด แกก็ต้องโดนแบบนี้แหละ ”


              เขตมองเข้าไปด้านในห้องสมุดที่เห็นร่างบางพยายามขะมักเขม้น ตามคำสั่งเค้าอย่างน่าสมเพศ โดยที่เค้าลืมไปเสียแล้วว่า น้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตอนเที่ยงวัน





ที่หอใน ชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งวาดภาพเพื่อนชายที่เค้าเพิ่งได้รู้จักไม่กี่วันละเลงด้วยดินสอลงไปในกระดาษผ่านสีขาวขนาดใหญ่ แล้วเค้าก็ทำได้เหมือนเสียด้วย เด็กหนุ่มผิวขาวร่างโปร่งบาง แววตาดูอ่อนโยนแต่ดุดันเป็นบ้าเวลาเจอเค้าทีไร คิดไปคิดมาพอนึกถึงกิจกรรมวันนั้นได้ เค้าก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว ไม่นึกว่าแค่รอบจูบจากรุ่นพี่และเพื่อนๆที่ชักนำเค้า จะทำให้ผู้ถูกกระทำโมโห และไม่ยกโทษให้เค้าเลย แต่กลับใส่อารมณ์แล้วเดินหนีเค้าตลอด

“วาดเสร็จเสียที แค่นี้ก็มีนายอยู่ในห้องนี้แล้ว ฟ้ามอญ”

          ต่อมองแผ่นภาพลายเส้นที่ละเลงแลเงาเสร็จ ภาพนี้สวยมาก อย่างกับตัวจริง ภาพที่ฟ้ามอญกำลังหันหน้าไปมองอะไรสัก
อย่างพร้อมกับสะพายกระเป๋าลวดลายออกไปทางภาคเหนือ เป็นภาพที่มีมิติมากๆ เค้าชอบภาพนี้มากทีเดียว


“นายนี่ดูไปดูมาก็น่ารักดีนะ แต่ชอบทำตัวจอมแก่น ต่อปากต่อคำกับฉันจริงๆ เมื่อไหร่จะยกโทษให้ฉันสักทีนะ ฟ้ามอญ”


ถัดออกไปอีกไม่กี่ตึก หอพักฟ้ามอญ  ร่างเล็กบางกำลังมองดูดวงดาวระเบียงหลังห้อง วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวงสวยงาม นึกไปนึกมาเค้าก็คิดถึงคนที่อยู่ทางบ้านเหลือเกิน จากที่บ้านมาเสียตั้งไกล ไม่รู้ว่าจะได้กลับอีกทีตอนไหน

“พ่อครับ แม่ครับ ฟ้าคิดถึงนะ ไว้ปิดเทอมฟ้าจะกลับไปหาพ่อกับแม่นะ” ฟ้ามอญยืนมองพระจันทร์อยู่สักพักก็เห็นดาวตกลงมา 2 ลูก

“นั่นเมื่อกี้ ดาวตกนี่ 2 ดวงเลยด้วย อธิษฐานอะไรดีนะ” ฟ้ามอญแก้มปริก่อนจะประสานมือทั้งสองข้างพร้อมกับหลับตาลงขอพร 2
ข้อ




“เพี้ยงขอให้เป็นจริงด้วยเถิด” ฟ้ามอญพูดเสร็จก็ลืมตามองพระจันทร์อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นรูปหน้าของคนคนหนึ่งที่เค้ากำลังโกรธและไม่ชอบเอามากๆ ปรากฏอยู่บนดวงจันทร์

“นาย!” ฟ้ามอญอุทานเสียงดังลั่น เพราะไม่คิดว่าบนดวงจันทร์จะปรากฏเป็นหน้าของชายจอมทะเล้นคนนั้น

“นี่ กลางค่ำกลางคืนนายยังจะตามมาหลอกมาหลอนฉันอีกนะ น่ารำคาญจริงๆเลย”

          ร่างโปร่งพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะเข้าห้องไป พร้อมกับนอนพักผ่อนเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรอีกบ้าง แต่ที่แน่ๆ ทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน เค้าบอกกับตัวเองแล้วหันไปปิดโครมไฟที่ข้างเตียงนอน




      ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง  กล้วยไม้นั่งรอน้ำลงมากินข้าวที่โต๊ะในห้องครัวกับใบหลิวที่นอนนี้ฟุบหลับไปแล้ว สงกรานต์เดินเข้ามาเอาน้ำเย็น เหลืบไปเห็นสองสาวนั่งรอที่ห้องครัว ก็สงสัยเพราะยังไม่เห็นสองคนนี้ไปนอนอีก

“นี่กล้วยไม้ เธอสองคนยังอยู่อีกหรอ หรือว่าหนูน้ำยังไม่ลงมา”

“ก็ใช่นะสิพี่ นี่ฉันว่าคุณเขตทำเกินไปแล้วนะ น้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยแล้วไปนานขนาดนั้นต้องโดนใช้งานหรือไม่ก็กำลังทำโทษ
อยู่แน่ๆ”

“ทำโทษ คุณเขตจะทำโทษเรื่องอะไรกัน”

“ก็ไม่รู้ ฉันก็พูดไปตามเรื่องนั่นแหละ ก็ปกติคุณเขตชอบแกล้งน้องน้ำอยู่บ่อยๆนี่”

“ฉันจะไปดูเอง”

“อย่าเลยพี่ 4 ทุ่มแล้ว คุณเขตคงไม่อยากให้ไปรบกวนหรอก”

“แต่ว่าน้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรอ”

“มันก็ใช่ แต่คิดไปคิดมาคุณเขตอาจจะเอาอะไรไปให้กินแล้วแหละ ฉันคิดมากไปเองพี่ นางใบหลิว ตื่นซะทีสิวะ ตื่นๆๆๆๆ”

“โอ้ย ตื่นแล้วพี่กล้วยไม้ อ้าวนี่น้ำยังไม่ลงมาอีกหรอ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย”

“4 ทุ่ม ฉันว่าแกกินไปก่อนเลยใบหลิว จะได้ไปนอนพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะเป็นวันเกิดคุณต่อ ”

“เออใช่ๆ เกือบลืมไปเลย แล้วนี่คุณต่อจะกลับบ้านไหมพี่กล้วยไม้”

“กลับเย็นๆล่ะมั้ง เดี๋ยวมาก็เห็นเอง กินข้าวกัน พี่สงกรานต์มากินด้วยกันไหมพี่”

“เอาเลยๆ พี่กินแล้ว พี่ไปนอนแล้วนะ ”

“จ้ะ ฝันดีพี่”


 
         กิ๊กก๊อกๆๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงนอนดังขึ้น ชายร่างสูงหนาลืมตาขึ้นมาทันที สมองของเค้าประมวลอย่างรวดเร็วมาก ตื่นขึ้นมาดูงานที่สั่งร่างบางอายุห่างกันเกือบ 10 ปี เค้าสะบัดหัวไปมาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุด สิ่งที่เค้าเห็นคือ เด็กผู้ชายร่างบางกำลังแยกหนังสือเล่มสุดท้ายใกล้จะเสร็จ เค้าดันหนังสือเล่มนั้นเข้าที่ไป แล้วปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วตัว ดูท่าทางอิดโรย เขตมองดูภาพนั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็อดสงสารน้ำอยู่บ้าง แค่เค้าคิดได้ ก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างง่ายดาย

“ครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว งานที่ฉันสั่งไปถึงไหนแล้ว” เขตถามเสียงดุ ดูน้ำจะตกใจเล็กน้อยเพราะเค้าเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“คุณเขต งานที่คุณเขตสั่ง เสร็จแล้วครับ!” เขตทำท่าเดินไปสำรวจรอบๆห้องสมุดเล็กๆเหมือนกำลังตรวจผลงาน และก็เป็นไป
ด้วยความเรียบร้อย น้ำจัดหนังสือได้ดีกว่าที่เค้าคิด เค้าเรียงจากสีที่ดูเย็นกับดูร้อนออกจากกัน แล้วเรียงจากเล่มบางอยู่ด้วยกัน
ตามด้วยเล่มหนาไว้ด้านล่าง แต่เรื่องอะไรที่เค้าจะยอม

“สรุปแกจะไม่บอกใช่ไหมว่า เรื่องที่คุณพ่อช่วยแกคือเรื่องอะไร” เขตเดินประชิดตัวเข้ามาคาดคั้นเอาคำตอบ

“ผมบอกไม่ได้หรอกครับ คุณเขต นี่ก็ 4 ทุ่มแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวไปกินข้าว…”

“ไม่ได้ ฉันยังไม่อนุญาต ในเมื่อนายไม่บอก ก็ทำงานตามที่ฉันสั่งไปก็แล้วกัน”



“เอ๋? แต่ผมทำงานเสร็จแล้วนะครับ”



“ใครบอกล่ะ ฉันลืมไปว่าฉันไม่ต้องการให้จัดหนังสือแบบนี้ ช่วยจัดใหม่หน่อยนะ คราวนี้เรียงตามปี พ.ศ.ที่พิมพ์ แล้วอีก 1
ชั่วโมงฉันจะมาดู”


“แต่คุณเขครับ ผมเพิ่งจะจัดหนังสือเสร็จไปเมื่อกี้นี้เอง…”


“อย่าคัดค้านนะ นี่คือคำสั่ง ไหนแกบอกเองไม่ใช่หรอว่ามาอยู่บ้านฉันเพื่อทำงานและเต็มใจมา นี่ไงงานมาแล้ว ทำซะสิ”

“แต่คุณเขตครับ ผมไม่มีแรงทำแล้วครับ”

“ฉันไม่ฟังข้ออ้างอะไรทั้งนั้น ทำต่อไปให้เสร็จ ฉันจะไปนอนแล้ว”

           ชายหนุ่มแววตาดุจอินทรีจ้องมองร่างบางเพียงแค่หนูหรือไม่ก็สัตว์ตัวเล็กที่เค้าตะบังคับหรือทำอะไรก็ได้ เพียงเพราะร่าง
บางต้องการความเป็นส่วนตัว เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนอื่นรับรู้ถูกหรือไม่




มาต่อแล้ว อิอิ  ตอนที่ 6 เจอกันพรุ่งนี้นะ   ขอบคุณที่ติดตามอ่าน

 :mew3: :mew3: :mew1: :mew1:




ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
อยากใช้ความรุนแรงกลับมากกับคนพรรค์นี้  :z6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เกลียดที่สุด

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 6





ปึก!



           เขตเดินออกไปจากห้องได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นกระทบพื้นเสียงดัง เค้ารีบกลับเข้าไปดู ก็พบ
ว่าร่างบางได้ไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้ว ไร้ความรู้สึกเหมือนคนสลบ เค้าตกใจมาก แต่ยังมีสติ  รีบอุ้มน้ำออกจากห้องสมุดไปนอนที่เตียงเค้าเอง พร้อมกับรีบไปเอายาดม น้ำเย็น มาวางไว้ข้างๆเตียงทันที

             เขตเอายาดมให้น้ำดมได้สักพัก  เค้าก็รู้สึกว่าได้มองหน้าเด็กคนนี้อย่างใกล้ชิด ใบหน้า ผิวพรรณเค้าเองก็เริ่มแปลกใจขึ้นมาเสียแล้วว่า อาจจะจริงอย่างที่ แดนภพ แอริน หรือแม้แต่ ท่านชายชยาดล ที่ทรงบอกว่า เด็กคนนี้ผิวพรรณดี มีตระกูลรุนชาติ ภูธเนศกำลังคิดทบทวนได้ไม่นาน ร่างบางที่ได้รับการดูแลจากเค้า ทหารหนุ่มผู้ทะนงศักดิ์ ก็รู้สึกตัวขึ้น  ร่างหนาตื่นตระหนกใหญ่รีบลุกออกจากเตียงเปลี่ยนหันมายืนห่างๆแทนเหมือนให้น้ำเข้าใจว่าเค้าไมได้เป็นคนช่วยหรือดูแลอะไรเค้า


“รู้สึกตัวแล้วหรอ”

“คุณเขต ผมเป็นอะไรไปหรอครับ”

“เป็นลม ไม่ต้องถามมาก กินน้ำซะ แล้วพักผ่อน ยังไมได้กินอะไรใช่ไหม”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมโอเคแล้ว เดี๋ยวผมไปจัดหนังสือต่อให้นะครับ จะได้เสร็จๆ”

“ไม่ต้องทำแล้ว ดูสังขารของแกตอนนี้ก่อนเถอะจะทำไหวหรือยังไง ปากดีตลอด”

“ผมไหวครับ”

“อย่าขัดคำสั่งฉันจะได้ไหม อวดดีแบบนี้รู้รึเปล่าฉันไม่ชอบ ต้องให้บอกกี่ครั้งกัน เอ้าน้ำเย็นกินซะ”

“ผมถือเองได้ครับ”

“ไม่ต้องฉันถือให้ กินซะ จะได้ไม่ต้องมาตายในห้องฉัน”

         เขตจำใจพูดออกไปไม่ให้น้ำจับจุดเค้าได้ว่ากำลังรับผิดชอบตัวเค้าอยู่ น้ำค่อยกินน้ำที่อยู่ในมือของเจ้านายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพันเอกหลวงหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช อย่างเขินอายพอๆกับความกล้ากลัวๆเวลาอยู่ใกล้เจ้านายคนนี้ที่สุด ด้วยวัยที่ค่อนข้างห่างกัน 7 8  ปีอายุก็ไร่เรี่ยพอๆกับน้องชายของเขตเอง เค้าก็ไม่อยากจะโหดร้ายกับคนไม่มีทางสู้มากนักหรอก แต่เพราะน้ำชอบขัดคำสั่งเค้าอยู่เรื่อย ประจวบกับปมหลังที่เค้าไม่อยากให้บ้านหลังนี้ซ้ำรอยเดิม  รวมถึงเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้เขตเกลียดน้ำอย่างไม่มีเหตุผล


“ถ้าอาการดี ไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปได้ละ ฉันจะพักผ่อน”

“เอ่อ คะ …ครับ

          น้ำค่อยๆลุกจากเตียงช้าๆ ประคับประคองตัวเองให้เดินพ้นจากห้องนี้ไป แต่อยู่ในความดูแลทางสายตาของเจ้านายสุดหล่อแต่โหดอย่างใกล้ชิด เพราะเขตจะเข้าไปช่วยได้ทันแน่นอนหากร่างบางจะล้มฟุบลงไปที่พื้นอีกครั้ง แต่โชคดีที่น้ำแข็งแรงไม่เป็นอะไรมากแล้ว




         เช้ามืดวันใหม่    กล้วยไม้ ใบหลิวและน้ำ ตื่นแต่เช้ามืดจัดเตรียมของทั้งอาหารคาวหวาน จัดดอกไม้ไว้ไปวัด เนื่องในวันเกิดคุณต่อ หม่อมหลวงภูวนนท์ ธำรงอาภรณ์นิช  ลูกชายคนเล็กที่กำลังจะกลับมาบ้านในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ โดยมีไพบูลย์ขับรถออกไปรับแต่เช้ามืดแล้ว หนุ่มวัยกลางคนใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายสีขาวสะอาดบริสุทธิ์เดินเข้ามาในครัว คนรับใช้ในห้องครัวต่างพากันสะดุ้งเล็กน้อย

“เรียบร้อยดีไหม กล้วยไม้ ใบหลิว”

“เรียบร้อยดีค่ะ คุณชาย แล้วนี่คุณชายหิวรึยังคะ กล้วยไม้จะได้เตรียมอาหารที่โต๊ะเลย ”

“ยังก่อน เดี๋ยวรอกินทีเดียวกับลูกชายทั้งสองคนนั่นแหละ ป่านนี้เขตตื่นรึยังกล้วยไม้”

“ยังไม่เห็นลงมาแต่เช้าแล้วนะคะ สงสัยกำลังจะแต่งตัวอยู่” กล้วยไม้ตอบแบบคาดการณ์

“ให้ไปตามให้ไหมคะคุณชาย” ใบหลิวเสนอตัวเองเพื่อไปเรียกคุณเขต

“ไม่ต้องๆ โตแล้วเดี๋ยวก็ลงมาเอง เป็นยังไงหนูน้ำ ใส่ชุดใหม่เสียด้วยสีขาวพอดีเลยเหมาะกับไปวัดจริงๆ ชุดนี้น่ารักดีเหมาะกับ
หนูเลย ว่าไหมใบหลิว”

“ใช่ค่ะคุณชาย น้องน้ำพอให้ขัดผิว ขัดตัวนิดหน่อยนะคะ ผิวพรรณเปล่งประกายเชียวดูมีออร่า หนูอิจฉาน้องจะแย่อยู่แล้ว ”

“พี่หลิว พูดเกินไปแล้วครับ ” น้ำตอบอย่างถ่อมตัว

“แหม ก็มันจริงนี่นา ”

          หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยยืนมองน้ำได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าจะขาดบุคคลสำคัญของวันนี้ไปไมได้เลย นั่นก็คือลูกชายคนเล็กของเค้าเอง

“แล้วเจ้าต่อ กลับมารึยัง”

“ยังไม่ถึงค่ะ ไพบูลย์ออกไปรับแต่เช้ามืดแล้ว แต่อีกเดี๋ยวก็คงมา คุณชายเตรียมตัวเลยก็ได้นะคะ ส่วนข้าวของทางนี้เรียบร้อย
แล้วค่ะ”

“อืมดีๆ กล้วยไม้ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งรอที่สวนนะ เอากาแฟชงไปให้ฉันที ไม่ต้องหวานมากนะ ”

“ได้เลยค่ะคุณชาย”




ปี๊ดๆ ปี๊ดๆ




“อ่ะ สงสัยไพบูลย์กับคุณต่อจะมาถึงแล้ว นางใบหลิว ไปดูสิ เร็วๆ” กล้วยไม้วานสาวรับใช้อีกคนอย่างห้วนๆ


“จ้ะๆพี่ ไปเดี๋ยวแหละ ใช้คนสวยตลอดเลย หลิวไม่เข้าใจจริงๆ”

“พี่กล้วยไม้ คุณต่อนี่จะใจดีไหมครับ” น้ำถามเธอขึ้นมาอย่างกังวลใจ

“เท่าที่ได้เลี้ยงมากับมือนะคะ คุณต่อเป็นคนอารมณ์ดี ขี้แกล้ง ขี้กวน หล่อสูง น่ารัก ทุกคนในบ้านชอบคุณต่อกันทั้งนั้น ไม่แน่นะ
น้องน้ำอาจจะกลายเป็นเพื่อนเล่นคุณต่อเวลาคุณต่อกลับมาบ้านก็ได้”




“สวัสดีครับ พี่กล้วยไม้ คิดถึงที่สุดในโลกเลยครับ ขอต่อกอดหน่อยๆ”

   จู่ๆชายผู้มาเยือนคนใหม่คิ้วดก หน้าใส สูงล่ำโผล่เข้าครัวมากอดกล้วยไม้ จนเธอแทบไม่ได้ตั้งตัว น้ำมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม จริงอย่างที่กล้วยไม้ว่าไว้ไม่มีผิด คุณต่อใจดีจริงๆ

“อุ้ย คุณต่อ ตกใจหมดเลย หวังหน่อยสิคะ กล้วยไม้กำลังชงกาแฟในคุณชายอยู่ เดี๋ยวหกหมด ”

“ขอโทษครับ ฮาๆ เอ๊ะแล้วนี่ใครกันหรอครับ น่ารักจัง แล้วคนใช้คนเก่าไปไหน ทำไมเหลือแค่พี่กล้วยไม้กับพี่ใบหลิว”

“โดนคุณเขต ไล่ออกไปแล้วละค่ะ ส่วนคนนี้ชื่อ น้ำ คุณชายเพิ่งไปรับมาอยู่ด้วย แล้วก็มาช่วยทำงานบ้านค่ะ แต่คุณชายเพิ่งบอก
ไปเองว่า น้องน้ำจะมาเป็นลูกบุญธรรมค่ะ”

“อ้อหรอครับ ลูกบุญธรรม ก็ดีสิผมจะได้มีเพื่อน ยินดีที่ได้รู้จักนะน้ำ ”

        ต่อยื่นมือขวาส่งออกไปหาน้ำ พร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจและมีมิตรภาพสุดๆ น้ำไม่ลังเลอะไรเลยที่เอื้อมมือขวาของตัวเอง
ออกไปจับตอบ แต่ยังไม่ทันจะได้จับเลย เสียงทุ้มดังโวยวายเข้ามาในห้องครัวทันที




“ต่อ อย่าเอามือไปจับกับเด็กคนนี้เด็ดขาด”


“พี่เขต! ทำไมละครับ ผมแค่อยากรู้จักกับเค้า อายุก็น่าจะไร่เรี่ยกัน ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย”

“ไอ้เด็กรับใช้ งานในนี้เสร็จหรือยัง” เขตถามร่างบางโดยไม่สนใจคำพูดของน้องชายเลยแม้แต่น้อย

“สะ…เสร็จแล้วครับ”

“ดี ตามฉันขึ้นมาที่ห้อง เดี่ยวนี้!”

“พี่เขต ทำไมพี่โหดร้ายกับน้ำด้วย แล้วที่บอกว่าเด็กรับใช้ หมายถึงน้ำหรอ?”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย ต่อ ไปหาคุณพ่อรึยัง ถ้ายัง ก็รีบไปไหว้คุณพ่อซะ แล้วอีกสักพักเราจะไปวัดกัน ไอ้เด็กรับใช้ตามมาได้แล้ว”

           น้ำชำเลืองมองหน้าต่อ แล้วก้มหน้าเดิมตามเขตขึ้นไปชั้นสองตรงไปยังห้องนอนของเค้าเอง ต่อทำสีหน้างุนงงหันไป
มองกล้วยไม้เพื่อจะเอาคำตอบ แต่เธอก็ได้แค่ส่ายหน้าเบาๆแล้วหันหน้าไปทำงานต่อให้เสร็จ

“ชงเสร็จแล้ว นางใบหลิว เอาไปให้คุณชายที”

“ฉันอีกแล้วหรอพี่กล้วยไม้ เหนื่อยค่ะเหนื่อย คนสวยไม่เข้าใจเลย”

“ฮาๆๆๆ ผมถือไปให้ดีกว่าครับ จะได้ถือโอกาสนี้ไปหาคุณพ่อเลย”

“จะดีหรอคะคุณต่อ”

“ดีสิครับ มาๆผมถือเอง ส่งมาให้ผมได้ละ”

“ค่ะๆๆ”





           น้ำเข้ามาในห้องเขตแล้วปิดประตูเบาๆ ชายร่างสูงผู้หล่อเหลายืนรอเค้าอยู่นานแล้วที่กระจกบานใหญ่ ลมพัดโชยเข้ามา
ในห้อง น้ำค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเขตทีละเล็กละน้อย ด้วยความกลัวที่ไม่มีทางเคยชินได้หรอก


“คุณเขตมีอะไรรึเปล่าครับ”

“มีนะมีแน่ ไม่ต้องถาม บอกกี่ครั้งแล้วว่า ถ้าฉันเรียกมามันก็ต้องมี  ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง!”

“คะ…ครับ” น้ำก้มหน้าต่อไม่กล้าสบสายตาดุจพญาอินทรีของเค้า

“น้องชายฉันเป็นเจ้านายแก เป็นหม่อมหลวงภูวนนท์ ธำรงอาภรณ์นิช แกอย่าได้คิดสะเออะ เอามือไปจับเด็ดขาด แกมันสกปรก
เกินกว่าที่น้องชายฉันจะรู้จักและผูกมิตร เข้าใจหรือยัง”

“คะ…เข้า เข้าใจ ครับ”

“ดี ให้เข้าใจอย่างที่พูดก็ดี ”


           ร่างหนาเดินไปที่หัวเตียงนอนพร้อมกับหยิบสร้อยเหมือนนาฬิกาเรือนเล็กลักษณะกลมๆแต่เค้ายังไม่ได้แกะดูข้างในเมื่อคืน เค้ายื่นให้น้ำ ร่างบางเห็นของสิ่งนั้นถึงกับดวงตาตื่นตระหนก มันเป็นของเค้าเอง แต่ไปอยู่กับภูธเนศ เจ้านายเค้าได้อย่างไร

“เอาคืนไป ฉันคิดว่าน่าจะตกตอนจัดหนังสือเมื่อคืน” เขตยื่นให้พลางวางมาดเคร่งขรึม

“ขอบคุณครับ”

“ของมีค่าแบบนี้ แกไปได้จากไหนมา” เขตกระตุกมือกลับ พร้อมกับสร้อยเส้นนั้นคืน

“เอ่อ สร้อยเส้นนี้แม่ผมให้เก็บเอาไว้ติดตัวครับ เพราะสิ่งๆนี้จะช่วยปกป้องคุ้มครองผมเวลาอยู่ห่างแม่”

“อย่างหรอ  เอาคืนไป !”

        น้ำยื่นมือไปรับเอาสร้อยคอทองคำเส้นนั้น ที่สลักด้วยตัว ฉ ที่ด้านบนจี้กลมเล็กๆ ซึ่งเค้าเองก็ไม่รู้ความหมายของมันหรอก
แต่ชื่นได้กำชับนักหนาว่าให้เก็บเอาไว้ติดตัวตลอดห้ามหาย!

“ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปได้ อยู่ในห้องฉันนานๆเดี๋ยวห้องก็ติดเสนียดไปหมด”

“คะ..ครับ ผมจะรีบไป”

             น้ำไม่เคยโต้ตอบหรือแสดงกิริยาไม่พอใจให้เขตเลย ทั้งๆที่ทุกครั้งก็โดนแกล้ง โดนว่าสารพัด เพราะเค้าเชื่อว่าความดี
และความเมตตาจะชนะศัตรูได้อย่างดี และเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด หากเค้าทำสำเร็จไม่เพียงแต่ชนะได้แต่เค้ายังจะได้มิตรภาพ
กลับคืนมาด้วย





           ที่วัดแห่งหนึ่ง เป็นวัดที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร  ชื่อเสียงก็มีมากไม่น้อย พุทธศาสนิกชนมากมายก็มาที่วัด เนื่องจากวัน
นี้เป็นวันหยุด ไม่แปลกที่จะมีคนมาวัดและกราบไหว้พระพุทธรูปและพระสงฆ์  ภัครพิชัยพาลูกชายทั้งสอง รวมไปถึงน้ำ สงกรานต์
และไพบูลย์ที่ติดตามมาด้วย โชคดีที่หลวงพ่อรูปนี้อยู่ที่โบสถ์พอดี สงกรานต์และไพบูลย์ช่วยกันยกของที่จะมาทำบุญ มากมายเข้ามาวางไว้ตรงหน้าหลวงพ่อ เพียงแค่หลวงพ่อเห็นใบหน้าของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยก็ยิ้มทันที

“โยมหม่อมราชวงศ์ วันนี้มาทำบุญหรอ หายไปนานเลย”

“กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ช่วงนี้งานค่อนข้างที่จะเยอะไปหน่อย เลยไม่ค่อยได้มาที่วัด ”

“อืมๆ อาตมา เค้าใจ แล้วนี่ลูกชายหมดเลยหรอ อีกคนใครกันไม่เคยเห็นหน้า” หลวงพ่อหันมามองน้ำที่ยิ้มพร้อมกับพนมมือไหว้

“ลูกชายผมมีสองคนครับหลวงพ่อ นี่คนโต นั่นคนเล็ก ส่วนคนที่หลวงพ่อถามถึง ผมเอ็นดูเค้าเลยรับมาเป็นลูกบุญธรรมครับ”

“อ้อ ขอให้เจริญๆนะโยม ของทำบุญมากมายเลยนะ”

“ครับ พอดีวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดลูกชายคนเล็กครับหลวงพ่อ เลยชวนเค้ามาทำบุญวันเกิด”

“ดีมากๆ เป็นวัยรุ่นไฟแรง เข้าวัดฟังธรรม จิตใจจะได้สงบไม่ร้อนรุ่มนะโยม”

“ครับหลวงพ่อ” ภูวนนท์ตอบรับคำสอนของหลวงพ่อ

“อ่ะ สงกรานต์ ไพบูลย์ ยกของมาด้านหน้าให้หลวงพ่อเลยแล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลาหลวงพ่อ ”

“ครับคุณชาย”

“อ่ะ ไหว้พระก่อน เสร็จแล้วตั้งนะโม สามจบ แล้วค่อยว่าตามอาตมานะ”

“ครับหลวงพ่อ” ภัครพิชัยตอบขานหลวงพ่อพร้อมกับก้มลงกราบไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าสีทองอร่ามตา

           ในระหว่างที่ทุกคนก้มลงกราบไหว้อยู่นั้น หลวงพ่อเหลือบไปเห็นสร้อยคอของน้ำที่โผล่ออกจากจากเสื้อด้านใน หลวง
พ่อถึงกับตกใจและแปลกใจอยู่ไม่น้อย แล้วมองใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้าชัดๆ อย่างเหลือเชื่อ



“หม่อมเจ้า! นั่นสร้อยคอของพระโอรสในพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ!”


“หลวงพ่อว่าอย่างไรนะครับ” ภัครพิชัยเอ่ยถามหลวงพ่อเพราะไม่ได้ยินที่หลวงพ่อกล่าว เขตกับต่อมองหน้าหลวงพ่ออย่างงงๆ
เพราะไม่รู้ว่าหลวงพ่อเป็นอะไร เพียงไม่กี่วินาทีหลวงพ่อก็สละจากใบหน้า

“สงสัยอาตมาจะจำผิด เอาเถอะ พูดตามอาตมานะ”

             น้ำทำสีหน้างุนงง พร้อมกับเก็บสร้อยคอเส้นนั้นกลับเข้าที่เหมือนเดิม แล้วพนมมือว่าตามหลวงพ่อต่อไปจนเสร็จสิ้นพิธี
ทางศาสนา

“หลวงพ่อครับ ยังไงก็ผมขอกราบลาหลวงพ่อเลยแล้วกันนะครับ พอดีมีงานไปทำต่อครับ  ”

“เอาเถอะ โยม ว่างๆมีเวลาก็พาครอบครัวมาทำบุญอีกนะ”

“ครับ”

“ว่าแต่โยมหลานเถอะ อาตมาอยากรู้ว่าสร้อยที่ใส่อยู่คอ ไปได้แต่ใดมา”

“สร้อยเส้นนี้ คุณแม่ให้ผมติดตัวไว้ ก่อนจะออกมาอยู่กับคุณชายครับหลวงพ่อ”

“แล้วแม่โยมชื่ออะไรหรือ”

“แม่ผมชื่อ ชื่น ครับหลวงพ่อ”

“ชื่น? ชื่อคุ้นๆ แม่ของโยมไม่ใช่หม่อมพิมล ไกรเกียรติขจรกุลหรอกหรือ”

“หลวงพ่อ เด็กคนนี้ผมไปรับมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่าที่บ้านยากไร้ แถมติดหนี้สินมากมายครับ” ภัครพิชัยตอบแทนน้ำ

“อ้อ อย่างนั้นหรอ อาตมาคงจะจำผิดไปจริงๆ ผ่านมายาวนาน 20 ปีได้ อาจจะไม่ใช่สร้อยเส้นนั้นก็เป็นได้”

“สร้อยเส้นนี้มันยังไงหรอครับหลวงพ่อ” ภัครพิชัยถามหลวงพ่อต่อ

“ไม่มีอะไรหรอก อาตมาจำผิดไปเองแหละนะ รีบไปเถอะโยมมีงานไม่ใช่หรือ”

“ครับหลวงพ่อ กราบลาแล้วนะครับ”






“คุณพ่อครับ เรื่องหม่อมพิมลอะไรนี่ ทำไมหลวงพ่อถึงอยากทราบขนาดนั้น แล้วสร้อยของน้ำที่ใส่อยู่มันคืออะไรหรอครับ” ต่อ ถามพ่อด้วยความอยากรู้

“ลูกยังเกิดไม่ทัน หม่อมพิมล เป็นชายาที่ 3 ของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ ไกรเกียรติขจรกุล แห่งวังฉัตรอรุณ เห็นว่ากันว่า หม่อมพิมลได้คลอดพระโอรส เพียงไม่ถึงชั่วยามก็สิ้นชีพิตักษัย ต่อมาอีกวันหม่อมพิมลก็สิ้นชีวิตตามไป คนใช้คนสนิทก็หายตัวไป พ่อ
ก็จำไมได้หรอกว่าคนใช้ มีใครบ้าง แล้วชื่ออะไรบ้าง”

“อย่างนั้นหรอครับ น่าเศร้าจังเลยนะครับ ”

“อืมใช่ ในวังนั้นหลังจากพระองค์เจ้าสิ้นพระชนม์ หม่อมบุหลัน ชายาที่ 1 ก็ควบคุมอำนาจทุกอย่างในบ้าน โชคดีของหม่อมรุ้ง
พราว ชายาที่ 2 ที่เธออยู่วังต่อไปได้ เนื่องจากมีพระโอรสคนแรกและคนเดียวให้กับพระองค์เจ้า  จึงสามารถอยู่ต่อวังนั้นได้ ”

“ฟังดูแล้วน่ากลัวมากเลยนะครับ หม่อมบุหลัน ผมชักจะอยากเห็นแล้วสิ”

“หม่อมบุหลันเธอ สุขุมแต่แฝงไปด้วยพิษ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น ผิดกันกับลูกสาวที่นิสัยดี มีเมตตา และท่านหญิงรัมภาพรรณ ทรง
โปรดงานเลี้ยงงานแฟชั่น และงานไอโซต่างๆ จึงมีคนรู้จักในแวดวงกว้าง”

“ผมพอจะเคยเห็นบ้าง แต่ไม่บ่อย ท่าหญิงทรงสิริโฉม งามมากครับ”

“ฮาๆๆๆ พูดแบบนี้กำลังอยากมีความรักหรือเปล่าเจ้าต่อ   ”

“ปะ…เปล่านี่ครับ คุณพ่อ ผมยังไม่อยากมีหรอก ผู้หญิงน่าเบื่อจะตายไป”

“อย่างนั้นหรอ แล้วผู้หญิงที่ไม่น่าเบื่อของลูกพอจะมีอยู่หรือเปล่า”

“คุณพ่อ บอกแล้วไงครับว่าไม่มี เรื่องสาวๆต้องถามพี่เขตโน่นรายนั้น แม่แอริน ก้นใหญ่ไม่มาหาทุกวันหรอกหรอครับ ได้ข่าวว่า
กลับมาแล้วหนิ”

“ไอ้ต่อ ไหงว่าโยนให้พี่แบบนี้ แล้วไปพูดว่า พี่เค้าก้นใหญ่ได้ยังไง เอ๊ะนายนี่นะ”

“เฮ้ย เขต น้องเค้าพูดเล่น นายก็จริงจังไปได้”

“เฮ้อ อ้าวแล้วนี่ ไอ้เด็ก เอ้ย น้ำไปไหน”

“น้ำไปเดินเล่นรอบๆตัววัดครับกับสงกรานต์ครับคุณเขต” ไพบูลย์ตอบนายอย่างเร่งรีบ เพราะรู้ดีว่าเจ้านายคนนี้ไม่ชอบอะไรที่
ชักช้า

“ไปเดินเล่น ไม่รู้หรือไงว่าเรากำลังจะกลับกัน ไปตามสิ!!!”

“เฮ้ย ไพบูลย์ไม่ต้อง ให้น้ำได้มาเปิดหูเปิดตาบ้าง เอาเป็นว่าพ่อจะกลับไปก่อน นายกับต่อก็อยู่ซะที่วัดนี่ก็ได้ ไปทำบุญหรือไป
ปล่อยนกปล่อยปลา ซะสินะ จะรีบร้อนไปไหนกัน”

“ครับคุณพ่อ!!!” เขตตอบรับคำของพ่อ ที่เค้าเองไม่กล้าที่จะขัดเท่าไหร่

“ไปกันได้แล้วไพบูลย์ จริงๆแล้วงานวันนี้เยอะรึเปล่า”

“เลขา เธอโทรมาบอกว่างานมีเยอะพอสมควรครับ ”

“อืม ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเลยแล้วกัน”

“ครับคุณชาย”



“ไม่ไหวเลยจริงๆ ต่อจะไปไหน!!”

“ก็ไปเดินเล่นไงครับ ไปตามหาน้ำด้วย ไปด้วยกันปะล่ะ”

“เรื่องอะไร พี่ต้องไปตามเด็กรับใช้พรรณนั้น ”

“ตามใจ ผมไปแล้วนะ พี่ก็รออยู่ใต้ต้นโพธิ์แล้วกัน เย็นดีออก”

“รีบไปรีบมาด้วย พี่ไม่มีเวลามากพอหรอกนะ เดี๋ยวจะเข้าไปกองทัพอีก ”

“คร้าบๆๆๆ  เข้าใจแล้วครับ จะรีบมาครับผม”






“หนูน้ำ ชอบวัดนี้หรอ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถาม

“ไม่รู้เหมือนกันครับ วัดนี้ทั้งสวย ทั้งอยากอยู่ที่นี่นานๆ ไม่รู้เพราะอะไร”

“ดีแล้วล่ะนะ ที่น้ำชอบ พี่ว่าเรากลับกันเถอะนะ รอนานแบบนี้ คุณเขตอาจจะไม่ชอบก็ได้”

“เออใช่ ผมลืมไปเลย รีบกลับกันเถอะครับพี่สงกรานต์”

“ไปสิไป”

“เฮ้ พี่สงกรานต์ น้ำ กลับกันเถอะ”

“กำลังกลับครับคุณต่อ ว่าแต่ คุณต่อมาเดินตามพวกเราหรอครับ”

“อืมใช่ เจ้านายรูปหล่อนั่งรอหน้าบึ้งอยู่ที่ใต้ต้นโพธิ์โน่น”

“ซวยแล้ว จะโดนอะไรไหมนะ”

“ฮาๆๆๆ น้ำ อย่ากังวลไป พี่เขตก็เป็นแบบนี้แหละ จอมบงการ เจ้ากี้เจ้าการ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“เอ่อ แต่ว่าผมก็ยังกลัวอยู่ดีครับคุณต่อ”

“เอ่อ คุณต่อ น้ำ เรารีบกลับเถอะนะครับ ”

“โอเค!”

 

มาต่อแล้วน้าาาา   เจอกันใหม่วันเสาร์ อาทิตย์หน้า  ใกล้ถึงวันงานฉลองโรงแรมไอยราของเสี่ยสิงห์แล้ว เขตจะไปรู้เรื่องปริศนาอะไรเพิ่มอีกมั้ยนะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:



ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
 :hao5: อยากอ่านต่ออ่ะ โธ่ หลวงพ่อจำไม่แม่นเลยอ่ะ ไม่งั้นน้ำอาจจะรู้ภูมิหลังตัวเองขึ้นมาหน่อย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
ชอบ คาแรกเตรอ์แนวนี้อ่ะ


อยากอ่านมานานแล้ว


ในที่สุดก็ได้อ่านชอบพระเอกโหดๆแบบนี้ นายเอกอ่อนแอแบบนี้


สุดท้ายนายเอกจะได้อยู่วังไหมนะ หลักถานเรี่มชัดเจนขื้นแล้ว


รีบมาเร็วๆนะครับคนแต่ง

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 7



ผ่านไปหลายวัน


       ดุษฎีหรือในนามที่ทุกคนในแวดวงต่างๆรู้จักคือ เสี่ยสิงห์ จัดงานฉลองลูกสาว “แอริน”และความสำเร็จของโรงแรมไอยราขึ้น ส่วนลูกสาวของเค้า เจ้าตัวมุ่งมั่นให้กับงานนี้อย่างมาก เธอติดต่อดีไซน์เนอ จากปารีสที่เธอเคยไปอยู่มา ให้ช่วยงานนี้ เพียงไม่กี่วันโรงแรมก็ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่กว้างใหญ่ พร้อมรองรับแขกผู้มีเกียรติทุกคนที่ได้เชิญมาร่วมได้พร้อมที่สุด


“คืนนี้พร้อมไหมลูกสาวคนสวยของพ่อ”

“พร้อมสิคะ นี่เพื่อนๆพ่อฉันเอง  คุณพ่อคะนี่นางแบบ นายแบบเพื่อนของรินเองค่ะ ” แอรินยิ้มและแนะนำให้รู้จัก


“สวัสดีค่ะ/ครับ”


“สวัสดีๆสบายนะทุกคน แอรินตามพ่อมาข้างนอกหน่อย” หญิงสาวทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะเดินตามพ่อไป

“คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าคะ” แอรินถามพ่อทันทีที่เดินออกมาข้างนอกแล้ว

“พ่ออยากจะให้ลูกสาวพ่อ แนะนำเขตบนเวทีในงานคืนนี้ ให้คนรู้กันไปเลยว่า พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช คือ
เพื่อนชายคนสนิทและพิเศษของลูก ”

“คุณพ่อมันจะดีหรอคะ แขกในงานคืนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคุณหญิง คุณนาย  นักธุรกิจ และยิ่งไปกว่านั้น หม่อมเจ้าชยาดล และ
หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ เสด็จมางานนี้ด้วยนะคะ”

“แอริน หนูกังวลมากไปหรือเปล่าลูก พ่อให้หนูประกาศให้คนรู้แค่ว่าเขตเป็นเพื่อนสนิท คนพิเศษ คนโปรดหรืออะไรก็ได้ เท่านั้นเอง”

“แต่คุณพ่อคะ”

“ไม่มีแต่! แอริน สมัยนี้คู่ครองที่จะประคับประคองแกไปได้ตลอดชีวิตคือ คุณเขตเท่านั้น แกเข้าใจใช่ไหม!”

“แต่ทำแบบนี้ พี่เขตอาจจะไม่พอใจได้นะคะ”

“แล้วเรื่องอะไรที่เค้าจะไม่พอใจเรา ฮะแอริน ถ้าเค้ารักแกจริง พ่อว่ามันถึงเวลาแล้ว ”

“รินก็ไม่ได้อายุมากขนาดถึงต้องรีบแต่งงานเลยนี่คะ คุณพ่อ”

“แต่คุณเขต จะ 30 ปี แล้ว  มีหรอที่หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยจะปล่อยให้คุณเขตเป็นโสดอยู่อย่างนี้ เข้าใจหรือยัง”

“….”

“โถ่เอ้ย แอริน ทำไมทำหน้างงอย่างนั้นเล่า เอาง่ายๆๆ ที่ที่แฟนแกเค้าอาจจะไปแอบมีหญิงสาวคนอื่นๆที่คุณชายภัครพิชัย จะหา
มาประเคนให้ถึงบ้านก็เป็นได้ แกเข้าใจไว้ด้วย ไม่มีทหารคนไหนจะโสดไปได้นานนักหรอก เท่าที่เห็นก็มีคุณเขตนี่แหละที่ยังไม่
ยอมแต่งงาน”

“ค่ะๆๆๆๆๆๆๆๆ รินเข้าใจก็ได้ค่ะ!”

“ดีมาก พ่อไปเตรียมงานที่เหลือก่อน จำที่พ่อพูดเลยนะริน ด้านได้ อายจะอดเอา เข้าใจไหม!”

“ค่ะคุณพ่อ! รินเหนื่อยแล้ว ไปหาอะไรเย็นๆดื่มดีกว่า คุณพ่อเอาอะไรไหมคะ รินมาซื้อไปให้ถึงห้องทำงาน”

“ไม่ต้องหรอก พ่อรีบ ”

“ค่ะ”

           แอรินถอนหายใจให้กับชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเธอ เธอไม่เข้าใจว่านักธุรกิจทุกคนจะเป็นแบบนี้กันไปหมดหรือเปล่า
เรื่องทุกเรื่องต้องโยงเข้าข่ายธุรกิจจนหมด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องความรัก และคู่ครองก็ต้องรีบแย่งรีบไขว่คว้ามา เธอก็แอบนึกไปนึก
มา การที่ภูธเนศ ไม่ต้องการมีคู่ครองหรือครองเป็นหนุ่มโสดอยู่ถึงขนาดนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะเค้ากำลังรอเธออยู่ก็เป็นได้  แอริน
นึกไปตามความฝันที่ตัวเองพรรณนาไปก็ยิ้มร่ามีความสุข จนลืมไปเลยว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งเหนื่อยจากการซ้อมเดินแฟชั่นโชว์ในค่ำคืนนี้อยู่เลย




        ช่วงเย็นที่คฤหาสน์สีขาวใหญ่ทุกคนในบ้านต่างพากันวุ่นวายพอสมควร เพราะทั้งภัครพิชัย ภูธเนศ ต้องเตรียมตัวไปงานฉลองที่โรงแรมไอยราตามการ์ดเชิญของเสี่ยสิงห์ โดยมีหนุ่มร่างบางที่กำลังเตรียมชุดเขตอยู่ภายในห้อง ซึ่งเจ้าตัวกำลังแต่งตัวอยู่  น้ำมองเขตอย่างชื่นชมในความหล่อ และเท่ห์ของเค้ามาก ร่างบางไม่เคยเห็นเจ้านายของเค้าใส่ชุดสูทแบบนี้ไปงานเลี้ยงรื่นรมแบบนี้เลย น้ำมองเพลินไปจนเขตจับจุดได้

“มองทำบ้าอะไรอยู่นั่น!”

“เอ่อขอโทษครับคุณเขต”

“เอ้า ไอ้โง่ ไปหยิบเสื้อคลุมมาสิ ”

“ครับๆ รอซักครู่ครับ”




“ได้แล้วครับคุณเขต” น้ำยื่นเสื้อราคาแพงให้เขต แต่เจ้าตัวกลับกางแขนทั้งสองออกห่างลำตัว

“ใส่ให้ฉันที!” ร่างหนาสั่งเสียงดุ

“คะ..ครับ” น้ำรีบใส่เสื้อนั้นให้ภูธเนศทันที

“ต่อไปนี้ ถ้าฉันจะไปทำงาน หรือไปงานต่างๆ แกต้องมีหน้าที่เตรียมเสื้อผ้า ให้ฉัน อ้อ! พร้อมทั้งรองเท้าด้วย ถ้ามันเก่าแกก็เอา
ไปขัด คงไม่ยากเกินไปใช่ไหม”

“เอ่อครับ ไม่มากไปครับ ผมทำได้”

“ฮึ! ดี พูดง่ายๆ อารมณ์ก็ไม่เสีย ถ้าลงไปคุณพ่อถาม แกก็ตอบไปว่าขึ้นมาช่วยฉันดูเสื้อผ้าไปงาน เท่านั้นพอ อย่าได้สะเออะ
บอกคุณพ่อว่าฉันใช้งานแก เข้าใจไหม!”


     ร่างหนาก้มไปมองแววตาคู่นั้นอย่างเอาเรื่อง ร่างบางบ่ายเบี่ยงใบหน้าพร้อมกับหลับตาปี๋เพราะความกลัว กลิ่นน้ำหอมในตัวของภูธเนศ น้ำรู้สึกชอบมาก เพราะมันทำให้เค้ารู้สึกว่ามันผ่อนคลายเลยทีเดียว

“คะ..ครับ ผมจะไม่เอ่ยปากบอกคุณชายแน่นอนครับ”

“ดี ตามฉันลงมาด้านล่างได้แล้ว”






“เสร็จแล้วหรอเจ้าเขต”

“ครับคุณพ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ”

“แดนภพมาหาที่บ้าน พร้อมกับหม่อมราชวงศ์ประศิต ศศิวานนท์ เดี๋ยวเราจะไปด้วยกัน”

“อ้อครับผม” เขตตอบพ่อแล้วหันไปมองคุณชายประศิต

“สวัสดีครับคุณอา” เขตไหว้คุณชายประศิตด้วยความนอบน้อม

“สวัสดีหลานชาย เจอกันคราวนี้หล่อขึ้นทุกวันๆ แล้วอย่างนี้สาวๆจะไม่มีมาตามจีบสักคนเลยหรือพี่พิชัย” คุณชายประศิตหันไปยิ้มให้กับภัครพิชัย

“ใครว่ากันล่ะ ประศิต ลูกชายคนนี้ใช่ย่อยที่ไหน สาวๆมารุมตอมเยอะแยะ แต่ไม่เลือกสักคน จะมีก็แต่แอริน ลูกสาวเสี่ยสิงห์นี่
แหละที่เจ้าเขต ยอมคุยยอมคบหาดู”

“คุณพ่อ ไปบอกคุณอาแบบนั้นผมก็อายเป็นนะครับ”ร่างหนาทำเสียงเขินอายซึ่งยากมากที่บุคลิกของเขตจะปรากฏแบบนี้ให้เห็น 
ซึ่งไม่อยากบอกเลยว่าตอนนี้เขตเป็นผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งในสายตาของน้ำทีเดียว

“เฮ้ย ไม่ต้องอายหรอกน่า แกเป็นผู้ชายจะไปอายทำไม หนูแอรินสิต้องอายเสียมากกว่า”

“ไง น้ำ ไม่เจอกันนานเลย ดูดีขึ้นมากเลยนะ แผลที่ฝ่ามือหายรึยัง”

“หายแล้วครับพี่หมอ ขอบคุณมากเลยนะครับ ว่าแต่สบายดีนะครับ”

“สบายดีครับ อืมแล้วนี่ไม่ไปงานเลี้ยงด้วยกันหรอกหรอ”

“อืมนั่นสินะ หนูน้ำสนใจไปร่วมงานหรือเปล่า”

“อยากครับคุณชาย!” น้ำไม่ลังเลที่จะตอบ เพราะเค้ารอคำชวนจากภัครพิชัยอยู่แล้ว

“พี่พิชัย เด็กคนนี้นะหรอ ที่เจ้าแดนภพ เล่าให้ฉันฟังว่าเอามาเป็นลูกบุญธรรม หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้พ่อแม่ไม่หวงบ้างเลย
หรือครับ”

“ฉันไปอ้อนวอนขอเค้ามาเอง นี่ก็อีกไม่กี่วันกะจะพาเค้ากลับไปเยี่ยมที่บ้านบ้าง ป่านนี้พ่อแม่และพี่ชายทั้งสองของเค้าคงจะคิดถึง
แย่”

“อ้อครับผม”

“คุณชาย จะพาผมกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ใช่ไหมครับ ผมคิดถึงที่บ้านมากเลย ขอบคุณมากนะครับ”

“ดูเข้า ทำตัวตื่นเต้นแต่ก็น่าเอ็นดูดีนะ เหมือนได้ลูกชายอีกคนขึ้นมาซะอย่างนั้น” ภัครพิชัยยิ้มให้น้ำอย่างเอ็นดู

“เอาล่ะ น้ำไปเปลี่ยนชุดเถอะ เวลายังพอเหลือ ปะ เดี๋ยวพี่ไปเลือกชุดให้ ”

“เดี๋ยว! นายไม่ต้องไปหรอกแดนภพ ฉันไปเอง”

“อ้าว ทำไมวะเขต”

“นี่เป็นน้องฉัน ฉันจัดการเองได้”

        เขตกลั้นใจเรียกน้ำว่าน้องชาย เพราะอยู่ต่อหน้าภัครพิชัย เค้าคงไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ แต่แดนภพเป็นเพื่อนกับเขตมานานดูออกทันทีว่าเขตกำลังคิดอะไรอยู่ และต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ

“โอเค  น้องน้ำใส่ชุดหล่อๆน่ารักๆนะ พี่จะรอดู”

“ครับ”  น้ำตอบรับแดนภพ แล้วเดินเข้าห้องส่วนตัวไปโดยมีเขตเดินตามหลังไปติดๆ




“ดูท่าแกจะเอ็นดูน้ำมากเลยนะ คุณหมอแดนภพ”

“ปะ..เปล่าครับคุณพ่อ แต่น้องก็น่ารักดี ผมอยากมีน้องแบบนี้จัง”

“ฮาๆๆๆ ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะ ” ประศิตแซวลูกชายแต่จะว่าไปแดนภพก็เป็นลูกชายคนเดียวก็อาจจะเหงาไปบ้าง 

“เอาอย่างนี้สิแดนภพ ลุงอนุญาตให้มาบ้านนี้ได้ทุกเวลาเลยเป็นไง มาเป็นเพื่อนเล่นกับหนูน้ำ ดูท่าเค้าคงจะดีใจมาก”

“จริงหรอครับคุณลุง ขอบคุนมากครับ”

“ไม่เป็นไรๆ ฮาๆๆ” ภัครพิชัยหัวเราะชอบใจในความดีใจของหลานชายตรงหน้า



       ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งด้วยฝีมือของน้ำเอง  ร่างบางเข้ามาในห้องด้วยความกังวล จะไม่ให้คิดอะไรเลยก็ไม่ได้ เขตเดินตามเข้าในห้องแบบนี้เค้ายิ่งทำตัวไม่ถูก



ปัง!!!


        เสียงประตูไม้สักบานใหญ่ปิดกระแทกตามหลังทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยงทีเดียว ร่างหนายิ้มแสยะอย่างรังเกียจห้องที่เค้า
เข้ามาอยู่มาก


“คะ…คุณเขตครับ จริงๆคุณเขตไม่ต้องเข้ามารอก็ได้นะครับ ห้องผมมันคับแคบ กลัวว่าจะหายใจไม่สะดวก ”

“พูดอย่างกับฉันอยากจะเข้ามาอย่างนั้นแหละ” น้ำได้ยินอย่างนั้นก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตาแววตาคู่นั้น แล้วเดินไปตู้เก็บเสื้อผ้า

 “ฮึ! แล้วนี่อะไร แจกันดอกไม้ เต็มไปหมด เกะกะจะตายไป ”

เพล้ง!!!

              ภูธเนศเอามือหนาปัดแจกันดอกไม้ 2 3 อันตกลงพื้นแตกกระจาย ไม่ใช่เพราะว่าเค้าใช้แต่อารมณ์แต่เพราะภูมิหลัง
ของเขตนั้น เค้าเกลียดดอกไม้ที่ใส่ไว้ในแจกัน ใช่แล้วคนที่เค้ารักมากที่สุดในชีวิตได้ให้ดอกไม้ดอกนี้กับเค้าในวันที่บอกเลิกกัน ซึ่งเค้าเจ็บปวดมากและยังคงจดจำเรื่องวันนั้นได้เป็นอย่างดี

“คะ..คุณเขต ดอกไม้ของผม”

“แล้วยังไง ฉันไม่หยิบมาปาหน้าแกก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“…”

“แกจำเอาไว้นะ ห้ามแกเอาดอกไม้ชนิดนี้มาไว้ในบ้านนี้อีก ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ห้องรับแขก ห้องโถง ห้องนั่งเล่น หรือห้องไหนๆ ห้ามทั้งนั้น เข้าใจไหม ”

“ดอกกุหลาบสีเหลืองมันสวยออกนะครับ”

“ฉันถามว่า เข้าใจไหม!!!!”

“คะ…เข้าใจครับ เข้าใจ ผมจะไม่เอามาใส่ในแจกันอีกแล้วครับ”

“ดี แล้วนี่แกจะทำอะไร”

“ก็เลือกชุดที่จะใส่ไปงานไงครับ”

“เพ้อฝัน บ้านนอกๆอย่างแกเนี่ยนะ จะไปงานเลี้ยง เลิกคิดไปได้แล้ว ที่ฉันตามแกมานี่เพราะจะบอกเรื่องนี้ให้ฟังต่างหาก ”

“แต่คุณชายให้ผมไป…”

“ไม่ต้องเอาคุณพ่อมาอ้างหรอกนะ เพราะตอนนี้ไม่มีคุณพ่ออยู่  แกอยู่ในห้องนี้ไป ห้ามเสนอหน้าออกไปอีก จนกว่าฉัน คุณพ่อ
คุณอาและแดนภพจะไปงานเลี้ยงฉลองคืนนี้”

“คะ..ครับ”



             ร่างบางตอบภูธเนศอย่างแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหลซึมออกมา ร่างหนาเดินหันหลังออกจากไปจากห้อง พร้อมกับปิดประตูดัง น้ำค่อยๆทรุดลงนั่งกับพื้นมือบางๆสองข้างหยิบเก็บเศษแจกันใส่ในตะกร้าที่อยู่ใกล้แถวนั้น บางทีเค้าก็ไม่เข้าใจเลยว่า ที่ภูธเนศไม่ชอบเค้าไม่พอใจเค้าเป็นเพราะอะไรกันแน่ เด็กหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้แต่เพียงคนเดียวในใจ



            เขตเดินออกจากห้องมาก็นึกสะใจที่น้ำไม่ได้ไปงานเลี้ยงอย่างที่คิด เด็กรับใช้อย่างนั้นหรอจะไปร่วมงานมีหวังเค้าอับอายคนอื่นๆในงานแน่ ดีไม่ดีอาจจะไปทำเรื่องไม่เป็นท่าในงานอีก ให้อยู่ในห้องนั้นไปนะดีแล้ว ดอกกุหลายสีเหลืองคิดไปคิดมาเค้าก็ยังแค้นไม่หาย เพราะดอกไม้ดอกนั้นมันทำให้ภูธเนศไม่สามรถลืมคนรักคนเก่านั้นได้เลย และคนรักคนนั้นก็ทำร้ายหัวใจเค้าด้วยการหลอกเอาเงินของพ่อเค้าไป ถึงแม้ว่าพ่อจะสมยอมให้ด้วยใจแต่เค้าว่ามันไม่ควร และตอนนี้เธอคนนั้นก็หายไปไม่มีวันกลับมาอีกเลย



“อ้าวเขต แล้วน้ำล่ะ”

“พอดีน้ำเปลี่ยนใจไม่ไปงานกับเราแล้ว คุณพ่อครับเราไปงานกันเถอะ เดี่ยวจะสายเอา”

“อืมโอเค กล้วยไม้ ใบหลิว ฝากดูแลทางนี้ด้วยนะ” ภัครพิชัยสั่งงานคนรับใช้

“ได้ค่ะ”

“สงกรานต์แกเองก็ไม่ต้องไปหรอก อยู่เฝ้าที่บ้านนี่แหละ ให้ไพบูลย์ไปคนเดียวก็พอ”

“ครับคุณเขต”

“อืมเอาอย่างนี้สิ ประศิต นายกับลูกก็ไปรถคันเดียวกันเลย อีกอย่างจะได้ให้สุชาติ คนของนายอยู่รอที่บ้านด้วยเลย”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับพี่ สุชาติ อยู่รอที่บ้านคุณชายภัครพิชัยนี่แหละนะ ”

“ครับคุณชาย!”

“ไปกันเถอะ ไพบูลย์ไปเอารถออกได้แล้ว”

“ครับคุณชาย!”

“เขต แกคงไม่ได้ทำอะไรน้ำใช่ไหม” แดนภพกระซิบเขตเมื่อเจ้าตัวกำลังเดินผ่านไป

“เปล่า!  รีบขึ้นรถเถอะน่าแดนภพ ถามอะไรจุกจิกน่ารำคาญ”

“อย่าให้รู้นะว่าแกทำอะไรน้ำ ใจเพื่อนใจดำ!” แดนภพต่อว่าเพื่อนเสียงเบา แต่เขตไม่ได้สนใจคำพูดเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

         



           ในค่ำคืนที่แสนอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติทุกคนทุกท่านกำลังทยอยนั่งรถหรูมาจอดประชันกันที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าบานใหญ่ของโรงแรมไอยรา โดยมีดุษฎีหรือในนามที่รู้จักในแวดวงธุรกิจคือเสี่ยสิงห์ ชายหนุ่มผู้ที่มีรูปร่างสมส่วน แม้จะอายุมากแล้วแต่ไม่เคยเลยที่จะปล่อยน้ำหนักให้เลยตามเลย กำลังยืนรอต้อนรับแขกทุกๆคนเข้างาน


        ไม่นานรถเบนซ์สีดำสวยหรูขับเข้ามาจอดพร้อมกับรถหรูอีก 1 คันตามขับมาติดๆ ดุษฎียิ้มหน้าบานทันที เพราะแขกคนนี้เค้าได้ลงทุนไปทูลเชิญด้วยตัวเค้าเองที่วังฉัตรอรุณ พนักงานชายหนุ่ม 4 คนลงจากรถคันด้านหลังในชุดสูทสีดำ หน้าตาคมเข้ม เดินทะมัดทะแมงมาประกบรถคันสีขาวหรูที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับเปิดประตูฝั่งซ้ายด้านหลัง ให้เจ้านาย ชายหญิงลงจากรถ


         คนแรกที่ลงมาเป็นชายหนุ่มผู้ทะนงศักดิ์สีผิวขาวเนียนสูง 6 ฟุตวัยเกือบเลข 3 นำหน้า ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินลงจากรถ ตามมาด้วยหญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าครามพลิ้วกระโปรงลากยาวถึง 3 เมตร อายุเพียง 30 ปีเศษเธอใส่สร้อยเพชรพร้อมกับต่างหูเพชรรูปหยาดน้ำ ทรงผมถูกเกล้าขึ้นเพื่อกระจายบารมีที่เธอพึงมีอยู่ ให้แขกในงานคนๆอื่นๆหันมามองเธอกับน้องชายร่างสูงที่ยืนประชิดเธอ 

“ท่านหญิง ท่านชาย กระหม่อมดีใจยิ่งนักที่ทั้งสองพระองค์ เสด็จมาตามที่กระหม่อมทูลเชิญ”

     ดุษฎีเดินเข้าไปคำนับเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามถึงความรู้สึกในขณะนี้

“เสี่ยสิงห์ อย่าห่วงไปเลย เราพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น โรงแรมใหญ่และสวยงามมาก ถูกใจจริงๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลง
สถานที่ไปมากพอสมควร” หม่อมเจ้าชยาดลกล่าวตอบ

“ใช่แล้วกระหม่อม เกรงว่าจะขายหน้าแขกที่มาร่วมงาน ท่านหญิงภา ท่านชายดล ทูลเชิญเข้างานก่อน กระหม่อม”

       ดุษฎีเดินนำหน้าหม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ และหม่อมเจ้ารัชยาดล เข้างาน พร้อมกับคนของท่าน 4 5 คนเข้ามาตามมาติดๆ
แขกผู้มีเกียรติในงานต่างรู้และจำท่านหญิงภาได้ดี เพราะท่านโปรดออกงานแฟชั่นและงานรื่นเริงแวดวงไฮโซพอสมควร เหล่า
แขกผู้มีเกียรติในงานต่างพากันคำนับเล็กน้อยพอเป็นพิธี คุณหญิงคุณนาย คุณชายในงานมองกันเป็นตาเดียว รวมไปถึงเขตและ
แดนภพ ที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะวางขนมพอดิบพอดี

“นั่นท่านหญิงภาหรือวะ เขต ”

“อืม น่าจะใช่ ถ้าจำไม่ผิด ท่านหญิงสิริโฉมงดงาม เคยเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อปีก่อน”

“อ้อ อย่างนั้นเองหรอกหรือ แล้วนั่นน่าจะเป็นท่านชายดล สินะ”

“ใช่ ตอนเด็กๆ ฉันเคยไปที่วังฉัตรอรุณบ่อยๆ  ”

“จริงหรอ แกนี่ไม่เห็นจะเล่าให้ฟังบ้างเลย เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ”

“ก็แกไม่ได้ถามฉันเองนี่หว่า”




            ท่านหญิงรัมภาพรรณ เดินไปในงานแล้วสะดุดตากับเขต และแดนภพเข้า ท่านจึงหยุดเดินต่อ สีหน้ายิ้มแย้มให้สองหนุ่ม
ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง

“ใช่หม่อมหลวงภูธเนศ หรือไม่” ท่านหญิงถามเขตที่ยืนอยู่

“ใช่แล้วกระหม่อม ดีใจเหลือเกินที่ฝ่าบาทยังทรงจำกระหม่อมได้”

“ฝ่าบาทอะไรกัน เรียกท่านหญิงก็พอ เห็นเป็นอื่นคนไกลได้อย่างไร แล้วนี่ใครจะกล้าลืม พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ กันล่ะ สบาย
ดีนะ”

“สบายดีกระหม่อม ไม่ทราบว่าท่านหญิงทรงเป็นเช่นใดบ้าง”

“ไม่ต่างกันเสียเท่าไร่หรอก เราสบายดี ท่านแม่และท่านน้าในวังสบายดีกันทุกคน”

“อย่างนั้นหรือกระหม่อม เอ๊ะ! แล้วนั่น ” เขต เผลออุทานออกไปเสียงดังเมื่อเห็นสร้อยคอที่ท่านหญิงใส่ไว้ที่คอ

“มีอะไรรึเปล่า เขต” ท่านชายชยาดล เอ่ยถาม

“ปะ เปล่ากระหม่อม พอดี กระหม่อมคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นสร้อยที่คอท่านหญิงมาเมื่อไม่นานมานี้”

“จริงรึ สร้อยแบบนี้เธอจะไปเห็นมาจากที่ใดกัน ภูธเนศ จะมีก็แต่พระโอรสและพระธิดาในพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ  เท่านั้น ”

“ใช่แล้ว เขต นายคงจะตาฝาดไปเองหรือเปล่า ” ท่านชายชยาดลพูดเสริมอย่างเป็นกันเอง

“ขอทรงให้อภัย กระหม่อมอาจจะตาฝาดไปเอง จริงด้วยของสำคัญขนาดนี้จะไปพบไปเจอจากที่อื่นได้อย่างไร”

“เอาเถอะ ถ้าไม่รังเกียจไปนั่งร่วมโต๊ะที่ใกล้ๆติด แคชวอล์ค ด้วยกันสิ เขต” ท่านชายเอ่ยชวน

“หามิได้กระหม่อม ในงานครั้งนี้ กระหม่อมได้ร่วมโต๊ะกับท่านชายและท่านหญิงอยู่แล้ว กระหม่อมลืมไป นี่เพื่อนของกระหม่อม
เองชื่อ นายแพทย์หม่องหลวงปฐพี ศศิวานนท์ กระหม่อม ”

“อ้อ เราพอจะรู้จักชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย ว่าลูกชายของหม่อมราชวงศ์ประศิต ศศิวานนท์ทั้งเก่งและชาญฉลาด พอเจอตัวจริงเข้าก็
หล่อไม่เบาทีเดียว”

“ท่านหญิงทรงชมเกินไป กระหม่อมไม่กล้ารับไว้”

“ได้ยังไงกัน ใครๆเค้าก็พูดกันแบบนี้ไปทั่ว จริงหรือไม่ ชยาดลน้องพี่”

“ใช่แล้วท่านพี่ เอาเถอะเราไปนั่งที่โต๊ะก่อนดีกว่ายืนคุยนานๆเดี๋ยวจะปวดขาเปล่าๆ” ท่านชายชยาดลออกความเห็น




มาต่อแล้วนะ      เขตเค้าความจำสั้นดีเนาะ ผ่านไปไม่กี่วันก็ลืมไปแล้วว่าพบสร้อยแบบนี้ที่ไหน ฮาๆๆ แค่นิยายดราม่ามากไปหน่อย แต่รับรองว่าจะเข้มข้นขึ้น   ตอนที่ 8 เจอกันพรุ่งนี้นะผู้อ่านทุกท่าน


 :katai3: :katai3: :katai3: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ถ้าเป็นซินเดอเรลล่า ก็คงมีนางฟ้ามาช่วย   :o12:

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
มาแล้วววววว อ่านแล้วชอบมากกกกกกก ชอบทุกตอนเลยค่ะ

รีบมาเร็วเร็วนะ ขอแบบยาวๆๆๆๆๆๆๆ กว่านี้อีกได้มั้ยคับ

จะรอตอนนายเอกรู้ความจริงว่าเป็นเจ้าชาย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คุณเขตแม่งนิสัยโคตรจะเด็กเลยป่าวว่ะ หวงพ่อตัวเองเวลาเห็นน้ำเข้าใกล้ก็มักหาเรื่องน้ำเนี่ย หนูน้ำออกจะน่ารักทำไมไม่เปิดใจหน่อยห่ะเป็นถึงหม่อมแต่ทำนิสัยแบบอันตพาลเนี่ยนะ อยากให้เขตได้เห็นนิสัยจริงๆ ของแอรินไวๆ จัง ลูกคุณหนูแบบนี้อ่ะยังไงก็ต้องมีนิสัยที่ไม่ดีติดตัวแน่ๆ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 8




              ที่ห้องสี่เหลี่ยมสีขาว น้ำนอนไม่หลับ เพราะเค้าอยากจะไปที่งานเลี้ยงโรงแรมไอยรา เห็นคุณชายภัครพิชัยพูดคุยกับคุณเขตว่ามีแขกมากมายหลากหลายชนชั้นไปร่วมงาน เค้ายิ่งอยากไป ไปเจอผู้คนในแวดวงไฮโซว่าเค้ามีวิถีชีวิตยังไง การพูดการจาเป็นอย่างไร น้ำอยากรู้ไปหมด แต่ก็ไม่กล้าที่จะขอเขต ไปที่งาน เจ้านายดุขนาดนั้นเค้าก็ไม่กล้าขอไปหรอก



“ยังไม่นอนหรอน้ำ” หญิงสาวในชุดนอนเดินเข้ามาในห้อง


“นอนไม่หลับครับพี่กล้วยไม้ ”


“อยากไปร่วมงานละสิ ตัดใจซะเถอะนะ เธอเองก็รู้ว่าคนใช้อย่างเรา จะไปงานแบบนั้นได้ยังไงกัน ไม่มีใครเค้ายอมรับหรอก ”


“ครับพี่”


“ดีแล้ว นอนซะเถอะอย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยนะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำงานแต่เช้า”


“แล้วคืนนี้เราไม่ต้องรอเปิดประตูให้คุณชายหรอครับ”


“ไม่ต้องแล้ว เจ้านายทั้ง 4 คน จะไปนอนพักที่โรงแรมไอยราของคุณดุษฎี ที่เปิดต้อนรับแขกผู้มาร่วมงานเป็นพิเศษ พี่เพิ่งรู้เมื่อกี้จากสุชาติ คนของคุณชายประศิต”


“โห อยากไปบ้างจังเลย โรงแรมที่ว่าคงจะสวยน่าดู”


“ใช่แล้ว นี่พี่พูดขนาดนี้ยังไม่ตัดใจอีกนะเรา”


“พี่กล้วยไม้เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ น้ำอยากรู้เกี่ยวกับโรงแรมไอยรา”


“โรงแรมไอยรา เกิดขึ้นด้วยเงินที่เป็นน้ำพักน้ำแรงจากเสี่ยสิงห์ และได้สร้างขึ้นด้วยไม้ขนาดใหญ่ราคาหลายบาทผสมผสานเข้า
กับสไตล์ยุโรป จุดเด่นเลยก็คือรูปปั้นฝูงช้างที่ตั้งอยู่ลานน้ำพุหน้าโรงแรม มันสะดุดตามากเลยทีเดียว”


“พี่กล้วยไม้พูดเหมือนเคยไปเห็นแล้วเลยนะครับ”


“ใช่ พี่เคยเห็น มันสวยจริงๆ เอาล่ะนอนได้แล้ว คืนนี้จะมีแค่น้ำ พี่ ใบหลิว สงกรานต์ สุชาติ เท่านั้น”


“ครับผม”


      กล้วยไม้หยิบผ้าห่มผืนบางๆห่มให้น้ำก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่เพียงแสงจันทร์แสงดาวงดาวที่สาดส่องเข้ามาในห้องพอให้เห็นสลัวๆ ร่างบางหยิบเอาสร้อยเส้นทีทองสลักตัว ฉ ฉิ่งขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนจากเมื่อก่อนที่ไม่สนใจมันเลย

     เด็กหนุ่มจดจ้องรายละเอียดทุกอย่างที่เป็นของล้ำค่าสิ่งนี้  เค้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีสร้อยจี้ทรงกลมสวยงามแบบนี้อยู่ติดตัวแม่มาตลอดๆ แต่เค้าเพิ่งได้จากแม่ตอนจะมาอยู่ที่บ้านของคุณชายภัครพิชัยเท่านั้นเอง



“อักษร ฉ ฉิ่ง มันคืออะไร แล้วข้างในมีอะไรนะ?”


     ชายหนุ่มเริ่มสงสัยขึ้นทุกทีๆ เค้าพยายามที่จะแกะจี้นั้นออกมา และจี้นั้นมันก็ถูกเปิดออก ด้านในไม่ปรากฏอะไรเลยนอกจากนาฬิกาเข็มสีทองที่แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ร่างบางยิ่งทำสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่แล้วปิดฝากลับไปเหมือนเดิม แล้วเอาคล้องคอไว้ที่คอ



“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา แต่ทำไมวันนั้นหลวงพ่อถึงได้ตกใจจัง เฮ้อ นอนดีกว่า”









       ที่งานเลี้ยงฉลองดุษฎี  ในเวลานี้นายแบบ นางแบบทีมของแอรินกำลังเดินโชว์ชุดไทยประยุกต์ผสมผสานเข้ากับสไตล์ปารีส เป็นที่พึงพอใจของคนในงานเลี้ยงมาก โดยเฉพาะหม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ ที่ชื่นชอบงานแบบนี้เป็นพิเศษ ท่านประทับใจกับงานชิ้นนี้มาก แอริน หญิงสาวตัวเด่นในงานเดินออกมาที่ด้านหน้าเป็นคนสุดท้ายปิดงานเดินแฟชั่น แขกผู้มีเกียรติทุกท่านต่างพากันปรบมือให้กับเธอเป็นอย่างมาก

“ทูลฝ่าบาท และสวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านในงานวันนี้นะคะ จบไปแล้วกับงานเดินโชว์แฟชั่นของแอรินเอง ซึ่งแอรินดีใจมากที่
คุณพ่อได้จัดงานเลี้ยงฉลองโรงแรมและแอรินเองที่เพิ่งกลับมาจากปารีส และในงานวันนี้แอรินเองขอถือเอาโอกาสนี้เปิดตัวคนที่แอรินสนิทและพิเศษที่สุดในชีวิตแอรินเลย ขอเชิญพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิชค่ะ ”



             สิ้นเสียงของเธอ แขกผู้มีเกียรติในงานต่างตกใจและสงสัยไม่น้อย พร้อมกันแววตาหลายคู่นั้นหันมาจ้องมองเค้า   เขตทำตัวไม่ถูกหันไปมองแดนภพที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเพื่อนเค้าเองก็ช่วยอะไรไมได้เลย


“เขต แอรินเรียกแกนานแล้วนะ ขึ้นไปกล่าวอะไรซักหน่อยเร็ว”

“จะดีหรอวะ”

“เออสิ รีบไปได้แล้ว แขกทุกคนมองมาที่แกหมดแล้วรู้ไหม”

“เออๆ”

          ภูธเนศเดินขึ้นไปยังจุดที่แอรินยืนอยู่ เธอส่งยิ้มให้เค้าอย่างดีใจ เขตเขินอายเล็กน้อยที่ขึ้นมายืนอยู่ต้องนี้ เค้าหันไปมองแอรินด้วยสีหน้าเอาเรื่องเล็กน้อย แอรินเลยหุบยิ้มไป


“จะทำอะไรทำไมไม่บอกพี่ก่อนคะ น้องริน”

“รินก็ไม่ได้อยากทำหรอกค่ะพี่เขต คุณพ่อบอกมาอีกที”

“ไม่ไหวเลยนะคะ ไม่ดีเลยด้วย”

“พี่เขตรีบพูดกล่าวอะไรหน่อยสิคะ แขกมองกันเต็มแล้ว”

“ก็ได้ค่ะ แต่คราวหน้าห้ามทำอะไรแบบนี้อีกแล้วนะคะ สัญญาพี่เขตก่อน”

“สัญญาค่ะ”

          แอรินฉีกยิ้มกว้าง เพราะชายหนุ่มร่างสูงไม่ได้ดุเธอมาก แต่เพราะแค่อายเล็กน้อย ภูธเนศพูดออกไมค์ไปเรื่อยๆ กล่าว
ความรู้สึกต่างๆนาๆ และกล่าวขอบคุณเสี่ยสิงห์ในการจัดงานและให้ที่พักในค่ำคืนนี้ด้วย แขกในงานต่างพากันชอบและชื่นชมใน
คำพูดของเขตมาก โดยเฉพาะดุษฎีและแอรินที่ยิ้มดีใจ

     งานเลี้ยงฉลองจบลงด้วยดีจนถึงเวลา 01.00 น. แขกในงานต่างพากันทยอยขึ้นลิฟต์ไปยังส่วนชั้นต่างๆที่ดุษฎีเตรียมไว้ในแขกในการพักหลับนอนในค่ำคืนนี้ เว้นก็แต่ท่านชายและท่านหญิงสองพระองค์ที่โปรดกลับไปนอนที่วัง

“ท่านชายท่านหญิง น่าจะประทับที่นี่คืนนี้ กระหม่อมได้เตรียมห้องไว้ให้เป็นอย่างดี”

“ขอบคุณมากเสี่ยสิงห์ เรากับน้องชายอยากกลับไปนอนที่วังมากกว่า เดี๋ยวท่านแม่และท่านน้าจะเป็นห่วงแย่”

“หามิได้กระหม่อม เพียงแค่ทั้งสองพระองค์เสด็จมางานของกระหม่อมก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว ขอท่านหญิงท่านชายเสด็จ
กลับวังโดยปลอดภัยกระหม่อมทูลลา”

“ฝ่าบาทเพคะ ขอบพระทัยที่มางานแฟชั่นของหม่อมฉัน ไว้หากมีโอกาสจะทูลเชิญมาร่วมงานอีกนะเพคะ”

“เธอคงจะชื่อแอริน การจัดงานแสดงวันนี้ทำได้ดีมากไม่ต่างอะไรไปกับมืออาชีพ เราขอชมเชยเธอนะ ”

“ขอบพระทัยเพคะ”

“อ้อลืมไป ไม่นึกไม่ฝันว่า เธอกับพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ จะเป็นคนพิเศษ เรื่องนี้ฉันเพิ่งจะรู้”


“ทูลท่านหญิง แอรินลูกสาวกระหม่อมกับหม่อมหลวงเขต รู้จักกันนานและรู้ใจกันด้วยกระหม่อม”

“อย่างนั้นหรอ ฮึ แต่ท่านดุษฎี อย่าหาว่าเราสอนท่านเลยนะ มีลูกสาวคิดอ่านการใดควรไตร่ตรอง มิใช่ให้ลูกสาวทำเช่นเมื่อครู่นี้ มันไม่
งาม”

“ท่านหญิงรับสั่งถูกแล้ว กระหม่อมจะจำเอาไว้”

“ขอบคุณที่ท่านรับฟัง ต้องขอโทษด้วยนะ เราเพียงแค่หวังดี ชายดลขึ้นรถ”


“ไปแล้วนะเขต แดนภพ เดี๋ยวไว้มีโอกาสเราจะได้พบกันอีกครั้ง” ท่านชายชยาดลกล่าวอำลาเพื่อน

“สัญญาแล้วนะท่านชาย กระหม่อมทั้งสองต้องได้พบท่านชายอีกเป็นแน่ กระหม่อม”

“โอเค ท่านพี่ เชิญขึ้นรถด้านนี้เลยครับ”

“ขอบใจมากน้องชาย”


            ดุษฎี แอริน เขต และแดนภพ ยืนรอส่งขบวนรถ 2 คันที่มุ่งหน้ากลับไปวังฉัตรอรุณ ทันทีที่รถกำลังออกตัวทั้ง 4 คนก็โค้งคำนับเล็กน้อยตามพิธีที่ควรจะทำ ส่วนแอรินเธอเองก็ถอนสายบัวสวยงามเพื่อเอาใจท่านหญิงรัมภา ที่เห็นเธออยู่นอกกระจกรถอย่างชัดเจน แปลกจริงๆเธอเพิ่งตำหนิแอรินไปเองแท้ๆ แต่เธอกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน




เช้าวันใหม่ที่หอพักมหาวิทยาลัย

“สวัสดีตอนเช้า ฟ้ามอญ!” ร่างสูงโผล่มาขวางทางเดินของเพื่อนชาย

“ไม่เจอกันเลยจะได้ปะ?” ร่างบางตอบแบบไม่สบอารมณ์

“อ้าวทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ลืมไปแล้วหรอว่านายรับปากเราว่าจะให้เป็นเพื่อนนายไม่ใช่หรอ ”

“ย้ำอยู่นั่นแหละ แล้วนี่ไม่มีเรียนหรือไง ทำไมไม่เห็นแต่งชุดนิสิต” ฟ้ามอญทำหน้าสงสัย

“โห นี่คอยสังเกตเราอยู่เหมือนกันหรอ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย  เอ๊ะหรือว่าไอ้ต่อคนนี้มันจะหูฝาด”

“ฉันไม่มีเวลามาเล่นตลกคาเฟ่กับนายหรอกนะ หลบไป”

“เดี๋ยวยังไม่ให้ไป รอเราก่อนดิ ซัก 20 นาที”

“ไมได้ฉันจะไปไม่ทันแล้ว ไม่เห็นหรือไง”

“ก็เห็น เริ่มเรียนกี่โมงล่ะ?”

“10 โมงเช้า”

“โถ่เหลืออีกตั้ง 40 นาที ฟ้ามอญนายจะรีบไปไหนเนี่ย”

“นี่น้อยๆหน่อยนาย คนเรามันไม่เหมือนกันซักหน่อย อย่างนายนี่คงจะไปสายตลอดละสิท่า ถึงได้พูดแบบเนี่ย”

“อุ้ย รู้ด้วยหรอว่าเค้าไปเรียนสาย” ร่างหนาเลิกคิ้วสูงพร้อมกับยิ้ม มันทำให้ให้ยิ่งเพิ่มความทะเล้นไปอีกเท่าตัว

“เดา!”

“หา!  เดาเอาหรอกหรอ  นายนี่นะ เวลาทำหน้าตอนจับผิดได้ มันน่า…”

“มันน่าอะไร ” ตัวเล็กกว่าถามเค้นเอาคำตอบ

“ป่าว แค่จะบอกว่า น่าขำขัน ” ต่อตอบบ่ายเบี่ยงทำเอาฟ้ามอญโมโห

“เออดี! ไม่ลงไม่รอมันละ ”

“เฮ้ย โถ่ เดี๋ยวสิฟ้า เราล้อเล่น เรากำลังจะบอกว่า นายน่ารักต่างหากล่ะ”

“เหอะ ฝันไปเถอะ ไอ้คนกลิ้งกลอก ”

“อ้าว นี่พูดความจริงให้ฟังแล้วนะเนี่ย ไม่เชื่อกันมั่งเลย”

“มันเรื่องอะไรของฉันที่เชื่อล่ะ”

“มานี่เลยๆ” 


      ร่างหนาจับข้อมือเล็กๆของฟ้ามอญแล้วดึงให้ไปทางเดียวกัน แต่มันมากพอที่จะทำให้เพื่อนชายตัวเล็กคนนี้เซถลาไปกับทิศทางแรงดึงของเค้า

“โอ้ยจะลากไปไหนเนี่ย”

“ก็ลากไปที่ห้องเราไง ไปรอเราจนกว่าเราจะแต่งตัวเสร็จ”

“โอ้ย ไอ้บ้า คิดว่ามีพลังเยอะแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ”

“ก็อยากดื้อเองนี่นา ช่วยไม่ได้”

“ปล่อย โอ้ยไอ้ ต่อ บ้า”

“หืม…เรียกชื่อเราแล้วหรอ น่ารักจัง อย่าดิ้นสิฟ้า เดียวจับจูบอีกเหมือนวันนั้นนะ”

“ไม่เหมือน วันนั้นมันแค่เรื่องสมมติ ไมได้จริงจังซะหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้น รอบนี้เอาจริงเลยปะล่ะ”

“เสียใจ ฉันชอบผู้หญิงครับ”

“เหอะๆ ไปหลอกแมวที่อื่นมันยังจะเชื่อกว่านี้  ตัวเท่าลูกหมี ผู้หญิงที่ไหนจะเอา”

“ไม่เอาก็อย่าเอาสิโถ่ ไม่ง้อซะหน่อย แล้วนี่ทำไมต้องเทียบฉันเป็นลูกหมีด้วยฮะ ไอ้ตุ๊ด”

“ว่าใครตุ๊ด!”

“นายไง นายต่อตุ๊ด”

“ถ้าพูดว่าตุ๊ดอีกคำเดียวนายเป็นเมียฉันแน่ ไม่ต้องไปเรียนกันเลยดีไหมวันนี้”

“เฮ้ย ต่อ ฉันล้อเล่น อย่ามองแบบนั้นสิ น่ากลัวเป็นบ้าเลย ”

“หึ กลัวละสิ เคยได้ยินปะ ฉายา พี่ต่อนัยน์ตาหื่นกาม”

“ฉาชาพิลึกแฮะ ไปแต่งตัวไปเร็วๆ ถ้าฉันไปเรียนไม่ทันนะ เดี๋ยวเจอดีแน่!”

“ครับๆ คุณพ่อ”

       ต่อเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้อง พร้อมกับหยิบเสื้อผ้าทีละชิ้นๆมาสวมใส่ ร่างบางนั่งรออยู่ห่างๆสายตาก็กวาดไป
ทั่วห้องก็เจอกรอบรูปครอบครัวและรูปแม่ตั้งอยู่ข้างเตียงนอน

“ครอบครัวนายอบอุ่นดีจังเลย”

“ครอบครัวฉันหรอ”

“อืม นั่นไงในรูปนั้น”

“ก็อบอุ่นอย่างว่าแหละ แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ไมได้อยู่กับเราแล้ว”

“แม่นาย ท่านเสียแล้วหรอ”

“อืมใช่ เราแต่งตัวเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”

“ต่อ เราขอโทษนะเราไม่ได้ตั้งใจถาม…”

“ไม่ใช่ความผิดนายซักหน่อยนึง ไปเรียนกันเถอะ ไปรถฟีโน่เราเนี่ยแหละง่ายดี”



        หม่อมหลวงคนเล็กแห่งบ้านธำรงอาภรณ์นิชขับไปส่งเพื่อนชายต่างคณะอย่างฟ้ามอญ เด็กหนุ่มที่เริ่มมีความรู้สึก ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็รู้ว่า ต่อ  เป็นเพื่อนชายที่อบอุ่นและนิสัยดี เค้าเองต่างหากที่มีอคติกับต่อมากจนเกินไป

“นี่ ส่งได้ที่นี้นะ ที่เหลือเดินขึ้นไปเรียนเอง ”

“รู้แล้วน่าไม่ได้เป็นง่อยซะหน่อย”

“อืมแล้วนี่ เพื่อนสาวของนาย ไปไหนล่ะพักนี้ไม่ค่อยเห็น”

“นายหมายถึงใคร เฌอตาหรอ?”

“นี่คุณ! พูดอย่างกับมีเพื่อนหลายคนเลยนะ”

“เอ๊ะ ก็ไม่รู้นี่ แต่พักนี้ก็ไม่เจอจริงๆแหละ อาจจะเพราะมีธุระส่วนตัวมั้ง ไปได้แล้ว เรียนไม่ทันไม่รู้ด้วยนะ”

“นี่ นายนั่นแหละจะไปเรียนไม่ทัน จะ 10 โมงแล้วนะ ไม่รีบไปอาจารย์เล่นงานไม่รู้ด้วยนะฟ้ามอญ”

“รู้แล้วละน่า”

“เอ๊ะเดี๋ยวๆๆๆ อุตส่าห์มาส่งจะหันตูดเดินไปง่ายๆอย่างนี้เลยหรอ ขอบจงขอบใจไม่มีสักคำ”

“ขอบใจมากกกกกก นายโย่งขี้เหร่  แบร่….” ฟ้ามอญทำสีหน้าล้อเลียนอย่างมีความสุข นี่เค้าไปมีพฤติกรรมแบบนี้กับภูวนนท์
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเชียวนะ

“ฮาๆๆๆๆๆ” ต่อ หัวเราะคนตรงหน้าทำท่าทางอย่างกับลิงน้อยในสวนสัตว์

“เอ๊ะ! ขำอะไรคุณ! ”

“ปะ…เปล่า  ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวจะเข้าไม่ทันนะ”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“ได้ ฝากไว้เยอะๆๆแล้วมาเอาคืนด้วยนะ จะได้เจอหน้าบ่อยๆ”

“ไม่มีทาง ฮึ”

                ร่างบางเดินหันหลังพร้อมกับโบกมือเหนือหัวไปมา พร้อมกับบอกว่าขอบใจมาก ภูวนนท์มองตามเข้าไปก็แอบยิ้มให้
กับท่าทีของฟ้ามอญ เพื่อนต่างคณะที่หน้าบึ้งตึงกับเค้าอยู่ตลอดเวลาที่พบกัน แต่ดูตอนนี้ท่าทางน่าจะหายโกรธเค้าเสียแล้ว
แหละ







       ณ รั้วสีขาวทองที่ประดับไปด้วย เหล็กดัดสวยงามตลอดแนวรั้ว พื้นที่แสนสงบสบายตั้งตระหง่านอยู่ติดกับถนนใหญ่ ผู้คนแถวนี้หรือคนเทียวไปเทียวมาก็จะรู้ว่าเป็นสถานที่พักพิงของราชนิกุล ที่มีตัว ฉ ฉิ่งประดับตัวใหญ่ไว้บนซุ้มทางเข้าวัง เป็นวังของ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ นั่นเอง

“หม่อมรุ้งพราวเจ้าขา ท่านชายเสด็จมาเจ้าค่ะ”

“ชายดลรึ ให้เข้ามาสิ” หญิงอายุวัย 40 ปลาย ใบหน้ายิ้มแย้ม

“ท่านแม่ สวัสดีครับ นี่ท่านแม่กับคนในตำหนักจัดเตรียมพวงดอกไม้เยอะแยะไปที่ไหนครับ”

“อืม แม่ว่าแม่จะไปไหว้พระเสียหน่อย ช่วงนี้แม่ฝันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่”

“โบราณว่าไว้ฝันร้ายจะกลายเป็นดี แล้วท่านแม่ฝันเห็นสิ่งใดครับ”

“แม่ฝันว่า หม่อมพิมล ชายาของเสด็จพระองค์เจ้า เสด็จพ่อของลูก ที่สิ้นใจไปนาน เธอมาเข้าฝันแม่”

“หม่อมพิมล ลูกพอจะจำได้ ท่านอามาดีหรือมาร้ายครับ”

“แม่ไม่แน่ใจ แต่เธอร้องขอความเมตตาสงสาร ให้ไปรับลูกเธอกลับมายังวัง”

“แต่ท่านป้า หม่อมบุหลัน ท่านบอกทุกคนว่า โอรสของเสด็จพ่อกับหม่อมพิมลสิ้นชีพิตักษัย ตั้งแต่ประสูตินี่ครับ”

“แม่ก็ไม่รู้ แต่ในฝันเธอดูน่าสงสารมาก แม่เองก็ใจไม่ค่อยดี เลยกะว่าจะไปทำบุญเสียหน่อย ลูกว่างจะไปกับแม่หรือไม่ ”

“ลูกว่างครับ แต่ท่านแม่ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าโอรสจะยังมีชีวิตอยู่”

“แม่ไม่มั่นใจ แต่จะเป็นไปได้อย่างใด ชยาดล ”

“แต่ท่านแม่เคยเล่าให้ลูกฟังนี่ครับว่า นางรับใช้คนสนิทก็หายสาบสูญไปด้วยหลังจากนั้นเพียง 1 คืน”

“ใช้ นางหายไป ไม่มีวี่แวว ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย แม่ยังจำได้ว่านางผู้นั้นชื่อ ชื่น! ”

“ถ้าโอรสองค์เล็กยังไม่สิ้นชีพิตักษัย ผมก็มีน้องชายอีกคนเลยหรือครับ”

“ก็เป็นอย่างนั้น แต่อายุห่างกัน 10 ปี เลยนะ เมื่อ 20 ปีก่อน ลูกยังเด็กนัก เสด็จพ่อท่านทรงโปรดให้ลูกกับท่านหญิงภา ไปอยู่ที่
เมืองนอก ไปเรียนหนังสือที่นั่น ”

“ใช่ครับ ผมเลยอดเห็นหน้าน้องชายเลย”

“เอาเถอะ แม่เตรียมของเสร็จแล้ว ไปวัดกันลูก”

“ครับ ท่านแม่ลูกช่วยถือ”

“อืม ถือระวังด้วยนะ”


     รถตู้สีขาว ด้านหน้าทะเบียนรถติดรูปสัญลักษณ์ ฉ ฉิ่งเอาไว้ เป็นรถพระที่นั่งของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณได้ทรงให้ไว้ที่วังเช่นเดิม  ซึ่งวันนี้หม่อมรุ้งพราวและหม่อมเจ้าชยาดล ไกลเกียรติขจรกุลได้ประทับในรถไปวัด
เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถก็แล่นมาถึงบริเวณภายในวัดที่แสนสงบร่มรื่น   หญิงสาววัยกลางคนลงจากรถพร้อมกับอาภรณ์สีขาว เกล้าผมเป็นมวยขึ้นมาพร้อมกับปักปิ่นสีรุ้ง 7 สีรูปนกฟ้าไว้ที่มวยผม ดูสวยสดงดงามสมเป็นชายาคนที่ 2 ของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณตามคำล่ำลือ


“ค่อยๆลงนะเจ้าคะ หม่อมรุ้งพราว ” คนใช้ส่วนตัวกล่าวเอ่ยเพราะเห็นว่าพื้นดินกับพื้นรถต่างระดับกันมาก

“ขอบใจ เดี๋ยวเอาของถือลงมาเลยนะ เดี๋ยวสายกว่านี้จะไม่ทันหลวงพ่อ”

“ได้เจ้าค่ะ หม่อม”

“เออนี่ ชายดล วัดแห่งนี้เมื่อ 21 ปีก่อน เสด็จพ่อของลูกพาแม่ หม่อมพิมล หม่อมบุหลัน มาที่วัดแห่งนี้ เพราะที่แงนี้เสด็จพ่อของ
ลูกศรัทธาหลวงพ่อรูปนี้มาก เอาล่ะเข้าไปข้างในกันเถอะ ”

“ครับท่านแม่”



               สองแม่ลูกพร้อมกันคนรับใช้ 2 3คน เดินหิ้วของมาไหว้พระ ทั้งอาหารคางหวาน และดอกไม้นับไม่ท้วนเดินเข้ามา
โบสถ์ โชคดีเหลือเกินที่หลวงพ่อยังอยู่  เธอก้มลงกราบหลวงพ่อพร้อมกับชยาดลเองก็กราบตามแม่ไป

“คุ้นหน้าคุ้นตา หม่อมรุ้งพราวหรือ”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะหลวงพ่อ ไมได้มาหาหลวงพ่อเสียนาน วันนี้เอาอาหารคาวหวานพร้อมดอกไม้หอมร้อยเป็นมาลัยมาถวายหลวงพ่อ
เจ้าค่ะ”

“อืม อนุโมทนานะโยมหม่อม เอ๊ะแล้วนี่ใช่หม่อมเจ้าชายชยาดล พระโอรสของเสด็จพระองค์ชายหรือ”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ หลวงพ่อเดาไม่ผิด ตอนนี้โตแล้ว ”

“อ้อ ดูใบหน้า ผิวพรรณ หล่อเหลาละม้ายคล้ายคลึงเสด็จพ่อเลยนะท่านชาย”

“ครับหลวงพ่อ”

“อืมๆ  ไม่ทรายว่าท่านชายอายุกี่ชันษาแล้ว”

“30 ปีครับหลวงพ่อ”

“อืมๆ โยมหม่อมรุ้งพราว  ดูเหมือนจะมีเรื่องทุกข์ร้อนใจใช่ไหม สีหน้าไม่ดีเลย ”

“ใช่เจ้าค่ะหลวงพ่อ เมื่อคืนฝันเห็นหม่อมพิมลมาเข้าฝัน เธอดูน่าสงสารมาก และขอร้องให้ช่วยพาหม่อมเจ้ากลับเข้าวังเจ้าค่ะ
หลวงพ่อ”

“อย่างนั้นหรือ อืมเป็นฝันที่ไม่ดีเท่าไหร่แต่ฝันร้ายจะกลายเป็นดี”

“จะดีได้อย่างไรเจ้าคะ หลวงพ่อ ในเมื่อหม่อมเจ้าโอรสของพระองค์เจ้ากับหม่อมพิมล สิ้นชีพิตักษัยตั้งแต่วันประสูติ บ่าวสาวคน
รับใช้ในวังนับร้อยชีวิตก็รู้ข่าวนี้ไปในแนวเดียวกัน”



“อย่างนั้นหรือ แปลกจริงๆ  เมื่อไม่นานมานี้ ทางบ้านของตระกูลธำรงอาภรณ์นิช ก็พาลูกชายทั้ง 2 มาทำบุญ แต่อาตมาเห็นว่า
เด็กที่เป็นลูกบุญธรรมของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย มีสร้อยที่อาตมาได้ให้กับโอรสธิดาแห่งวังฉัตรอรุณเสียด้วย”

“หลวงพ่อพูดว่าเห็นสร้อยหรือเจ้าคะ  ชายดล เอาสร้อยที่ลูกใส่ติดตัวให้หลวงพ่อดูเร็ว”

“ครับท่านแม่”




ตัดฉับๆๆ ตอนนี้ ยาวกว่าตอนอื่นๆ

ผู้แต่งสะใจ หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ ตักเตือนดุษฎีและแอริน  แต่กลับกลายเป็นทองไม่รู้ร้อนเสียนี่

เอ๊ หลวงพ่ออาจจะเป็นสะพานเชื่อมเรื่องราวให้กระจ่างแจ้งก็เป็นได้ 5555

ไว้เจอกันใหม่ตอนที่ 9 และ 10 ในเสาร์ อาทิตย์หน้านะครับ  บ้ายบาย


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เอาแล้วๆ

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
มาวันพรุ่งนี้ได้ไหมค่ะขอร้อง

ไม่อยากรอนานนนนนนนนน


please

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ต้องรู้เรื่องสักทีน้า  สงสาร

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 9



“นี่เจ้าค่ะหลวงพ่อ ใช่แบบนี้หรือเปล่าเจ้าคะ”

หม่อมรุ้งพราว ท่าทีตื่นตระหนก ลนลานเอาสร้อยสัญลักษณ์โอรสธิดาแห่งวังอรุณวางไว้ที่ผ้าเหลืองตรงหน้าหลวงพ่อ


“ใช่จริงๆด้วย  เด็กคนนั้นมีสร้อยเส้นนี้  แต่อาตมาถามไปแล้วว่าแม่ของเค้าเป็นใคร แต่ชื่อนั้นอาตมาไม่คุ้นเอาเสียเลย  แทนที่เด็กคนนั้นจะตอบว่า เป็นหม่อมพิมล ไกลเกียรติขจรกุล แต่ก็น่าแปลกถ้าเป็นหม่อมพิมลจริงแล้วละก็ ทำไมเด็กคนนั้นถึงมาอยู่กับหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยได้”


“หลวงพ่อ ไม่ได้ดูผิดไปหรอกหรือเจ้าคะ ความเป็นจริงหม่อมเจ้าองค์ที่ 3 ของวังฉัตรอรุณสิ้นชีพิตักษัยแล้วปีนี้ก็นับว่าครบ 20 ปี จะไปมีสร้อยแบบนี้กับเด็กคนนั้นได้หรือเจ้าคะ ”


“จริงด้วยครับหลวงพ่อ น้องชายของผมสิ้นแล้วทั้งๆที่ผมกับท่านพี่หญิงภาอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้พบไม่ได้เจอหน้ากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว


“อย่าเศร้าใจไปเลยหม่อมเจ้าชยาดลลูกแม่ พระองค์อาจจะบุญน้อยไป หลวงพ่อเจ้าคะ แล้วสรุปเด็กคนนั้นตอบหลวงพ่อว่า แม่ของเธอชื่ออะไรกันเจ้าคะ”


“เด็กคนนั้นตอบว่า ชื่อ ชื่น อาตมาก็เลยไม่ได้ตามต่อ ”


“ชื่น  ชื่อคุ้นมากเลยเจ้าคะ ชื่นหรอกหรือ”


    หม่อมพิมลทำสีหน้าครุ่นคิด ขณะเดียวกันท่านชยาดลก็คิดตามไปด้วย แต่ดูเหมือนจะได้คำตอบเสียแล้วหากท่านชายทรงจำไม่ผิด


“ท่านแม่ หรือว่าจะเป็น ชื่น  คนเดียวกันที่เป็นคนสนิทหม่อมพิมลเมื่อ 20 ปีก่อนครับ”


       ความสงสัยของท่านชายดล ทำให้หม่อมรุ้งพราวจำได้  จริงด้วย ชื่นแต่ก่อนเคยเป็นคนรับใช้ตึกใหญ่ของวังเกียรติขจร สมัยเป็นสาว  ซึ่งวังนั้นเป็นวังของเสด็จแม่ของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณอีกที หรือมีศักดิ์เป็นพระอัยยิกา หรือเสด็จย่าของ หม่อมเจ้าชยาดล หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ และองค์เล็กคือ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ที่ยังไม่รู้ชาติกำเนิดตัวเอง!


  ชื่น เดิมเป็นคนของพระองค์เจ้าอำภร หรือพระอัยยิกา ตั้งแต่ยังวัยสาวอายุตอนนั้นไม่ถึง 20 ปีถูกส่งตัวมาเป็นบ่าวรับใช้หลังจากที่พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ แยกตัวออกมาอยู่วังส่วนพระองค์ พร้อมกับเวทสามีของเธอ หลังจากนั้นก็ถูกพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ มอบชื่นไว้ให้หม่อมพิมลที่ตึกหลังอีกที แต่อยู่ได้เพียงไม่ถึง 2 ปี ก็เกิดเหตุน่าเศร้าเช่นนี้


“มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ  ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หม่อมบุหลันก็ร้ายมากที่ประกาศข่าวเท็จให้แก่คนในวังและวังอื่นๆ ทั่วกรุงสยามให้รับรู้ว่า หม่อมเจ้าองค์เล็กสิ้นชีพิตักษัยแล้ว” ท่านชายดลออกความคิดเห็น


“แม่พอจะมีทาง แต่หลวงพ่อเจ้าคะ อิฉันต้องกราบลาหลวงพ่อก่อนนะเจ้าคะ เรื่องนี้อิฉันต้องสืบให้ได้เจ้าค่ะ”


“เจริญพรนะโยมหม่อม เรื่องนี้อาตมาก็อยากรู้ แท้จริงแล้ว หม่อมเจ้าองค์ที่ 3 อาจจะมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นก็พากลับวังเถอะนะ”


“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ อิฉันกับลุกกราบลานะเจ้าคะ”


“ท่านแม่ ลูกว่าเราไปที่บ้านของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยดีไหมครับ”


“จะวู่วามไปไม่ได้ช่วยอะไร แม่ว่าเชิญหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยมาที่วังฉัตรอรุณเลยจะดีกว่า”


“ครับท่านแม่ ลูกจะทำตามเดี๋ยวนี้”


“อ้อ ชายดล!”


“ครับท่านแม่ มีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”


“แม่ฝากความคิดถึงไปหาคุณชายภัครพิชัยด้วยนะ แล้วก็หลานชายทั้ง 2 คนด้วย”


“ท่านแม่ยังจำ หม่อมหลวงภูธเนศ กับหม่อมหลวงภูวนนท์ ได้หรือครับ”


“ได้สิ ท่านเองก็เถอะ ว่างๆก็ชวนหลานทั้ง2 มาหาที่วังบ้างนะ”

“แต่หม่อมบุหลัน…”

     ท่านชายดลเสียงแผ่วเบาลง เพียงแค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา หม่อมรุ้งพราวมองใบหน้าลูกชายอย่างอ่อนโยน


“ถ้าเราเป็นคนดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความดีจะคุ้งครองเรานะลูก หม่อมบุหลันเธอไม่กล้าทำอะไรเกินเลยกับหม่อมเจ้า ลูกของ
แม่หรอก เธอน่าจะรู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้า เธอเป็นเพียงสามัญชน เหมือนกับแม่ เพียงแต่พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ เสด็จพ่อของลูก ทรงเมตตายกฐานะเธอเป็นชายาก็เท่านั้น”


“ครับท่านแม่”







   เช้าวันใหม่ ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช ภัครพิชัย ประศิต เขต และแดนภพ กลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยเฉพาะแดนภพที่ดีใจมากเป็นพิเศษที่จะมาหาน้ำโดยเฉพาะ


“คุณชายภัครพิชัย คุณชายประศิต คุณเขต คุณแดนภพ สวัสดีครับ”


       น้ำวิ่งตรงเข้ามาหาทันทีที่เห็นคุณชายภัครพิชัย ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อบุญธรรมและพี่หมอหนุ่มใจดีอย่างแดนภพ


“ไงตัวเล็ก เมื่อวานทำไมไม่อยากไปร่วมงานล่ะ เห็นอยากไปซะขนาดนั้น สุดท้ายก็เปลี่ยนแผน” แดนภพทักทายร่างบางตรงหน้า

แต่แกล้งแซะอีกคนที่ยืนทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวรู้ถูกรู้ผิด


“เอ่อ…” น้ำเหลือบไปมองแววตาดุดันดุจอินทรีคู่นั้น แน่นอนเค้าเหมือนหนูตัวเล็กๆที่ถูกจดจ้องตลอดเวลา ไม่กล้าบอกความเป็น
จริงให้แดนภพที่อยู่ตรงหน้าได้


        ผิดกันแดนภพพอจะรู้สาเหตุอยู่บ้าง ถ้าให้เดาคงไม่มีใครที่จะเดายาก ถ้าหากเป็นเพื่อนกับเขตจริงๆแล้ว เค้าไม่ใช่คนที่ลึกลับจนถึงคาดคิดอารมณ์ นิสัยหรือแม้แต่การกระทำนั้นๆไม่ออก


“ว่าไง…ตอบมาเถอะ” แดนภพดูชั้นเชิงน้ำ ว่าจะกล้าพูดตรงนี้ต่อหน้าคุณชายภัครพิชัยและคุรชายประศิตหรือไม่


“ผม คิดไปคิดมาเกรงว่าจะไปทำเรื่องน่าอายเข้า ผมเลยไม่ไปจะดีกว่าครับ ” น้ำตัดสินใจโทษตัวเองไว้ก่อนล่วงหน้า


“คุณพ่อ คุณอาครับ  ผมขอตัวขึ้นไปข้างบนนะครับ” เขต ได้ยินเหตุผลที่น้ำพูดก็พอใจมาก และต้องการที่จะออกไปจาก
สถานการณ์ตรึงเครียดนี้ ถ้าน้ำพูดความจริงขึ้นมาคนที่ซวยอาจจะเป็นเค้าก็ได้  เพราะตลอดมาเค้าทำอะไรกับน้ำไว้ คุณชายภัครพิชัย พ่อของเค้าไม่เคยรับรู้


“สงสัยท่าจะเหนื่อย วันนี้แกจะเข้ากองทัพเลยหรือเปล่า เขต ” ภัครพิชัยถามเขตทันที


“คิดว่าวันนี้คงไม่ดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมค่อยไป ตอนนี้เหนื่อยมาก ขอตัวนะครับ”


     ร่างหนาเดินทะนงตัวขึ้นไปชั้นสองตรงดิ่งไปที่ห้อง  พร้อมกับล้มตัวลงนอนที่นอนด้วยความเหนื่อยล้า เค้าหลับตาครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อวานก่อนไปงาน  ดอกกุหลาบสีเหลืองช่อนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ฝังใจเจ็บให้กับเค้าจนถึงวันนี้  คนรักของเค้าเมื่อสมัยเขตยังเรียนโรงเรียนทหารอยู่ ช่วงนั้นเค้ามีความสัมพันธ์กับหญิงคนหนึ่ง ที่เค้ารักมาก แต่เธอกลับทำให้เขตเองต้องเสียใจเพราะ หญิงสาวคนนั้นหลอกให้เขตมีใจให้ แล้วจากไปอย่างไม่มีเยื่อใย เขตติดตามข่าวของเธอมาตลอด จนเมื่อปีที่แล้ว ก็ทราบว่าเธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนดอกกุหลาบสีเหลืองนั้น หญิงสาวคนนั้นมอบให้เขตในวันที่เขตกำลังจะจบจากโรงเรียนทหาร มันเป็นวันที่เขต ล้มทั้งยืน แทบหยุดหายใจ  เรื่องเมื่อวานคิดไปคิดมา เค้าเองก็สงสารน้ำอีกเล็กน้อย เพราะเค้าไม่รับรู้เรื่องนี้แต่กลับโดนเค้าเองที่ปัดแจกันตกแตกอย่างไม่มีชิ้นดี


   ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่บานหน้าต่างบานใหญ่แล้วมองออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ สายลมอ่อนๆพัดเข้าใบหน้าหล่อเหลานั้น มันทำให้เค้าสดชื่น เค้ารับรู้ได้ถึงลม  ลมที่มันกำลังจะสื่ออะไรกับเค้าอยู่ เหมือนจะบอกกับเค้าว่า ควรเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆในชีวิตได้แล้ว… 


ที่ด้านล่างบ้านหลังใหญ่ ทุกคนนั่งคุยกับตามประสาอยู่บนโต๊ะรวมทั้งน้ำก็นั่งอยู่ด้วย เป็นครั้งแรกที่น้ำถูกคุณชายภัครพิชัยให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะ และน้ำเค้าก็รู้ว่าโซฟาชุดนี้มันไม่เลวเลย ดูนุ่มนั่งสบายดีจริงๆ


“นี่น้ำ จำที่พี่ให้สัญญานายได้รึเปล่า” แดนภพถามคนตัวเล็กตรงหน้า


“สัญญาอะไรหรอครับ”น้ำทำหน้างง


“เรื่องที่จะให้นายไปเรียนหนังสือต่อระดับอุดมศึกษาไง คุณลุงและคุณพ่อก็เห็นด้วยกับน้ำนะ แทนที่นายจะอยู่ที่บ้านเฉยๆสู้ซะไป
เรียนจะดีกว่า อนาคตยังอีกไกล”


“จริงหรอครับ…” น้ำแสดงสีหน้าดีใจ แล้วก็หยุดดีใจไปเสียดื้อๆ


“อ้าว ทำไมสีหน้าเปลี่ยนไปเร็วแบบนั้นล่ะน้ำ ไม่สบายใจหรอ”


“คือจริงๆแล้ว ผมตั้งใจเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้ เพื่อต้องการใช้หนี้ให้คุณชายภัครพิชัยที่อุตส่าห์ช่วยครอบครัวผม ถ้าผมไปเรียนแล้วใคร
จะมาทำหน้าที่แทนละครับ”


“คิดอะไรอย่างนั้น น้ำฟังฉันพูดนะ ที่เอาหนูเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะเอ็นดูหนูเหมือนลูกบุญธรรม ฉันไม่ได้มีเจตนาให้หนูมาใช้หนี้ให้
เสียหน่อย ”


“แต่ว่าเงินที่ท่านช่วยมันมากมาย…”


“เงินเพียงล้าน สองล้าน ฉันไม่มีปัญหา และหนี้สิ้นตรงนี้ก็หมดไปตั้งแต่หนูตกลงมาเป็นลูกบุญธรรมที่นี่”


“ได้ยินแบบนี้แล้ว นายโอเคใช่ไหม น้ำ  ตกลงนายเรียนต่อเถอะนะ”


“ครับ น้ำตกลง ”


“อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเค้าจะมีการสอบคัดเลือก น้ำไปคิดดูนะว่าอยากจะเข้าเรียนคณะอะไร สาขาอะไร”


“ครับผม  ขอบคุณคุณแดนภพและคุณชายทั้งสองนะครับ”


“เรื่องเล็กน้อยหนูน้ำ เออจริงสินะ หนูยังไม่ได้กลับบ้านเลยซักครั้งตั้งแต่จากบ้านมา ฉันคิดว่าจะพาเธอกลับไปเยี่ยมที่บ้านสัก 2 3
วัน ดีไหม”

“ดีครับ เป็นข่าวดีที่สุดเลย ขอบคุณคุณชายมากนะครับ”


     น้ำดีใจจนลืมตัวโผล่เข้ากอดอ้อมกอดนั้นทันที เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่น เหมือนน้ำจะได้รับไอรุ่น ความเป็นพ่อของภัครพิชัยที่มีให้ ชายหนุ่มวัยกลางคนอย่างภัครพิชัย ยิ้มดีใจเหมือนน้ำเป็นดั่งลุกแท้ๆของเค้าเอง มันอาจจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้เค้ากับน้ำได้เจอกัน อาจจะเป็นการเจอกันแบบไม่ค่อยดีนักหลังจากเหตุการณ์ชายฉกรรจ์มาเก็บเรี่ยไรเงิน แต่อย่างน้อยสวรรค์ก็ประทานน้ำมาให้กับเค้า


“ฮ่าๆไม่เป็นไรๆ ดีแล้วที่หนูจะได้เรียน”


“ถ้าอย่างนั้น ผมกับลูกต้องขอตัวลาพี่พิชัยไปก่อน วันหน้าจะมาหาใหม่นะครับ”คุณชายประศิตกล่าวต่อ


“อืม มาได้เรื่อยๆที่นี่ต้อนรับนายกับลูกเสมอ แดนภพ ถ้าว่างจากการเข้าเวรที่โรงพยาบาลแล้วจะแสะมาหาน้ำที่บ้านได้ตลอดนะ”


“ขอบคุณครับคุณลุง เป็นพระคุณมากครับ ลาแล้วนะครับ”


“ผมส่งลา คุณชายประศิต คุณแดนภพครับ” น้ำไหว้ทั้งสองด้วยความนอบน้อม


“มากพิธีจริงๆนะเรา  ไว้เจอกันนะน้ำ ดูแลตัวเองดีๆนะ” แดนภพกล่าวอย่างเป็นห่วง เพราะที่ชั้นบน ร่างหนายืนจ้องเค้ากับน้ำอยู่
บนมุมสูง แววตาเกี้ยวโกรธมาก


“ครับผม ผมจะรอนะ”

        เขตมองดูสถานการณ์เมื่อครู่ พอจะเห็นอะไรได้หลายๆอย่าง ตั้งแต่น้ำกอดกับพ่อของเค้า ในใจตอนนี้ลุกเป็นไฟ และเค้าเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เสียแล้ว


“เอาล่ะ น้ำเตรียมตัวไปเก็บเสื้อผ้า 3 4 ชุดนะ ฉันจะพาหนูไปเยี่ยมพ่อกับแม่”


“ครับคุณชาย”   น้ำรับคำบอกแล้ววิ่งไปที่ห้องนอนทันทีพร้อมกับคว้าเอาเป้หนึ่งใบพร้อมใส่เสื้อผ้า




“คุณพ่อครับ วันนี้คุณพ่อจะไปไหนหรอครับ” เขตหยั่งเชิงพ่อตัวเอง แต่จริงก็ได้ยินหมดตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว


“พ่อว่าจะพาหนูน้ำเนี่ยนะ กลับไปที่บ้าน 3 4 วัน ทำไมหรอ”


“เปล่าครับ ผมกำลังคิดว่าวันนี้คุณพ่อเหนื่อยมามากแล้ว ไปพักผ่อนดีกว่านะครับ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”


“แหม รักน้องจริงๆเลยนะ เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ให้ไพบูลย์เป็นคนขับรถไปนะ เพราะลูกเองยังไม่รู้ว่าบ้านของหนูน้ำอยู่ที่ไหน
ประจวบกับหนูน้ำเองก็กลับบ้านไม่ถูกหรอก เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยไปไหน ไม่เคยออกจากบ้านไปไกล เรื่องนี้พ่อรู้มากับแม่ของเค้าตั้งแต่ที่บ้านแล้ว  ”


“อย่างนั้นหรอครับ เข้าใจแล้วครับ คุณพ่อไปพักผ่อนเถอะนะครับ”


“อืมๆๆ ขอบใจมาก ฝากด้วยนะเขต”


“ครับ”


            เขตเดินไปส่งคุณชายภัครพิชัยจนถึงห้อง จนแน่ใจแล้วว่าพ่อของเค้าเข้านอนพักผ่อนแล้ว เขตตรงดิ่งลงมาจากชั้นสองไปชั้นหนึ่ง ตรงไปที่ห้องของน้ำทันที  พอไปถึงห้องเขตไม่รีรอที่จะเปิดประตูเข้าไปอย่างไร้มารยาทและรุนแร และน้ำเองก็ไม่ได้ล็อกประตูเอาไว้


ปัง!


ร่างบางตกใจมากที่เขตปรากฏตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับบานประตูที่กระแทกฝาผนังตามแรงเปิดนั้น น้ำใบหน้าสลดจากที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขกลายเป็นว่าใบหน้านั้นหดหู่ลงอย่างชัดเจน


“เป็นอะไรไป เจอหน้าฉันเนี่ย ทำอย่างกับฉันเป็นเลวร้ายอย่างนั้น”


“ปะ…เปล่าครับคุณเขต”


“ไอ้โกหก!” เขตตะหวาดใส่หน้าน้ำแล้วเอามือใหญ่ๆหนาๆบีบคางเล็กนั้น แรงกดที่มากมายทำเอาตัวเล็กทนไม่ได้


“โอ้ยเจ็บครับคุณเขต”


“เจ็บหรอ  ไอ้โง่ เรื่องทั้งหมดวันนี้ แกอาจจะดีใจ  คิดหรอว่าเรื่องนี้ฉันจะไม่รู้ ฉันได้ยินหมดแล้ว”


“คุณเขต ปล่อยผมเถอะครับ ผมเจ็บ”


      น้ำสีหน้าเหมือนจะเจ็บจนทนไม่ได้ เขตพยายามทำอารมณ์ให้ปกติ ก่อนจะถอนมือนั้นออก


“แกจะได้ไปเรียนต่อตามที่ไอ้แดนภพมันหาให้ แกจะได้กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ 3 4 วัน ”


“ใช่ครับ คุณเขต” น้ำตอบเสียงแผ่วเบา


“ใช่สิ แกมันไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้วใช่ไหม ถึงได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แล้วถ้าแกได้ที่เรียนที่ไกลจากเมืองหลวง แกคงจะดีใจ
สินะ”


       น้ำแปลกใจ คำพูดของเขตมันดูเหมือนกับว่ากำลังตัดพ้อเค้าอยู่ ซึ่งน้ำไม่เคยเข้าใจเขตเลนสักครั้ง เจ้านายสุดหล่อที่นิสัยแสนโหดร้ายแบบนี้ เค้าไม่เคยเห็นอารมณ์และนิสัยที่แท้จริงของเขตเลย และไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขตเป็นคนยังไงกันแน่ น้ำไม่ตอบคำตอบเขตอยู่นาน ทำให้เขตตะวาดอีกครั้งเพื่อเอาคำตอบ!


“หูแตกหรือไง ฉันถามว่าแกไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้วใช่ไหม!”


“ปะ…เปล่าครับ คุณเขต ผมแค่อยากเรียน”


“ใช่สิ แกไม่อยากอยู่ให้ฉันทรมานแก ทำร้ายแกสินะ  ก็ดีไปๆได้ก็ดี”


“คุณเขต”น้ำเอ่ยชื่ออย่างแผ่วเบา


“หยุดเรียกชื่อฉัน! แกมันไม่ใช่คนของฉัน และแกเป็นคนที่คุณพ่อรักและเอ็นดูแก เอ็นดูมาก”


“ครับผมจะจำไว้”


“ไปเก็บของซะ ฉันจะไปรอแกอยู่ที่หน้าบ้าน อย่าลืมไปเรียกไพบูลย์มาให้เรียบร้อยด้วย”
คุณพูดอย่างใจเย็น แต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น  ตอนนี้น้ำไม่ได้กลัวเค้าแต่กำลังเกรง ทำอะไรไม่ถูกอารมณ์ที่ขึ้นๆลงแบบนั้น น้ำไม่อาจเดาได้จริงๆ



ร่างหนาค่อยๆเปิดประตูออกไปแล้วปิดมันลงด้วยแรงที่เบา แตกต่างกันกับตอนเข้ามา เค้าแววตามีเลศนัยน์ คนอย่างเขตทำอะไรที่ไม่มีใครคาดคิดได้หรอก     พันทหารเอกภูธเนศแววตาดุดันเหมือนซ่อนความคิดเอาไว้  เค้าจะจดจำเอาไว้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาอีกแน่นอน


“ฉันไม่มีวันถูกทิ้งอีกทั้งที่สองแน่!”


   สิ้นคำพูดนั้นแล้ว  เขตก็ยิ้มให้กับตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าในรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความทุกข์มากมาย ทำไมเค้าถึงใช้คำว่าไม่มีวันถูกทิ้งเป็นครั้งที่สอง  แล้วครั้งแรกล่ะครั้งแรกคืออะไร  หรอว่าจะเป็นเรื่องที่หญิงสาวคนนั้นทิ้งเค้าไปพร้อมกับมอบดอกกุหลาบสีเหลืองช่อนั้น ที่แปลความหมายเพียงคนว่าเพื่อน และจะเป็นเพื่อนตลอดไป แล้วทิ้งเค้าไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาสัมพันธ์กันได้แบบเดินอีก 


     แล้วครั้งนี้ล่ะ หากน้ำเป็นครั้งที่สอของเค้า  แล้วความหมายคำพูดนี้คืออะไร?  น้ำไม่ใช่คนที่เค้าแอบชอบแอบเอ็นดูและอยากสานสัมพันธ์เหมือนหญิงสาวคนนั้นเมื่อ 7 8 ปีก่อน แล้วเค้าจะนับเป็นครั้งที่สองได้ยังไงหรือว่า เค้ากำลังแอบชอบร่างบางสีขาวคนนั้นเสียแล้ว  แต่น่าเสียใจเพราะเค้าเองไม่รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง…


“ผมลาพี่สงกรานต์  พี่กล้วยไม้ พี่ใบหลิวแล้วนะครับ” ร่างบางไหว้รุ่นพี่ที่อายุมากกว่า


“กลับไปบ้านตั้ง 4 วันแหนะ พี่คิดถึงเราแน่เลย ไอ้ตัวเล็ก” ใบหลิวยิ้มแล้วเอามือหยิกแก้ม


“ครับ ผมก็คิดพี่เหมือนกัน กลับไปรอบนี้เดี๋ยวจะเอาของมาฝากเยอะๆเลย”


“ไม่ต้องลำบากหรอก น้ำ กลับไปหาพ่อแม่ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกใครรังแก” กล้วยไม้พูดกับน้ำอย่างรู้ชั้นเชิงว่า เค้ากำลังจะสื่อถึงคุณเขต เจ้านายที่แสนดุดันคนนั้น


“ดูแลตัวเองดีๆนะน้ำ” สงกรานต์อวยพรร่างบางที่ยิ้มให้


“ขอบคุณครับ พี่สงกรานต์ขอกอดหน่อยสิ” ตัวเล็กเอ่ยขอหนุ่มหล่อตรงหน้า


“ได้เลย ไอ้ตัวเล็กของพี่”


      น้ำโผล่เจ้ากอดอย่างดีใจ เหมือนกับว่าความดีของน้ำ จะชนะใจคนทั้งบ้านไปหมดแล้ว หากเค้าไปเรียนต่อจริงๆ คาดว่าคนทั้งบ้านธำรงอาภรณ์นิชจะคิดถึงใจจะขาด จะมีก็เพียงแต่ภูธเนศ ทหารหนุ่มที่ตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่าเค้าจะพ่ายแพ้และจำนนต่อความดีของร่างบางคนนี้เหมือนคนอื่นหรือเปล่า  เขตกลับเข้ามาตามน้ำที่เห็นว่านานเกินไป แต่ภาพที่เห็นคือทุกคนกำลังเป็นห่วง และอาธรของน้ำ เด็กหนุ่มตัวเล็กที่เป็นที่รักของคนทั้งบ้าน  เขตเห็นภาพนั้นแล้วยิ่งใจไม่ดี  เค้ากำลังเป็นอะไรกันแน่นะ


“จะอำลากันถึงชาติหน้าไหม ฉันจะได้รอพาไปที่บ้านชาติหน้า” ร่างหนาประชดแล้วตะวาดดังพอที่จะทำให้ 4 คนสะดุ้งหันไปตามทิศทางของเสียง


“คุณเขตมาตามแล้ว พี่ๆผมไปแล้วนะ 4 เองเดี๋ยวก็กลับ ฝากกราบลาคุณชายด้วยนะครับ ท่านเข้าพักผ่อนแล้วผมไม่อยากรบกวน”


“ได้จ้ะ ไปเถอะ เดี๋ยวคุณเขตจะโกระเอา เรานั่นแหละจะแย่”ใบหลิวซุบซิบกับน้ำ


“ใบหลิว! คุยอะไรกัน ” เสียงนั้นตะโกนกลับมา


“ค่ะๆๆ จะให้น้องไปเดี๋ยวนี้ค่ะคุณเขต  ไปเถอะน้ำ”


“ครับ!”


  น้ำเดินไปถึงร่างหนาที่ยืนรอที่หน้าประตูใหญ่ เขตไม่มองหน้าน้ำแต่กลับกลับหลังแล้วเดินนำไปที่รถ โดยมีไพบูลย์เป็นคนขับรถมาจอดรอที่บันไดหน้าบ้าน


“ขึ้นไป!” เขตออกคำสั่งกับน้ำ  ร่างบางทำตัวเกร็งแล้วขึ้นไปข้างในรถตู้คันใหญ่


“ไพบูลย์ออกรถ”


“ครับคุณเขต”


            เขตเหลือบมองน้ำที่เอาแต่นั่งเบาะรถแล้วกอดกระเป๋าเป้สีเขียวลายต้นไผ่เอาไว้แน่นและว่างที่ห่างจากเขตพอสมควร เขตเองก็หงุดหงิดจะกลัวอะไรเค้านักหนา หรืออาจจะเป็นเพราะน้ำเกลียดขี้หน้าเค้าไปแล้วก็เป็นได้


“เป็นอะไรไป เกลียดขี้ฉันฉันใช่ไหมถึงได้นั่งห่างขนาดนี้”


“ปะ…เปล่าครับคุณเขต”


          บทสนทนาเงียบลงไป แต่น้ำก็ยังเกร็งอยู่ดี  ร่างหนารู้สึกแปลกๆ บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเค้ารู้สึกแบบนี้ ก็แค่เด็กตัวเล็กอายุห่างจากเค้า 8 ปี จะกลับไปบ้านเกิดของเค้าแค่ 4 วัน แต่จิตใจของเขตกลับไม่ปกติ เค้าทำใจให้นิ่งไมได้ เพราะนึกไปถึงวันที่น้ำจะไปเรียนต่อก็ยิ่งหงุดหงิด
เขตได้แต่คิดในใจ  เค้าเอาเรื่องราวในอดีตต่างๆมาพัวพันและสรุปลงเอยกับน้ำ เด็กหนุ่มผู้เคราะห์มากมายนักกับทหารหนุ่มหล่ออย่างเขต


…ฉันไม่มีทางถูกทิ้งอีกเป็นครั้งที่สองหรอก…


ความคิดนี้ยังก้องอยู่ในหัว แล้วเหลือบไปมองน้ำอีกครั้งตอนนี้ร่างบางหลับไปแล้วพร้อมกับเอียงหัวไปพิงผนังกระจกอีกด้านของรถ  เขตมองดูสถานการณ์นี้แล้ว ก็ยิ่งไม่อยากให้น้ำไปไหน เค้าจะไม่ยอมให้น้ำทิ้งเค้าก่อนแน่  เค้าต้องทิ้งร่างบางนั้นก่อนที่ร่างบางนั้นจะทิ้งเค้า




มาต่อแล้วอาจดึกหน่อยแต่ยังทันวันเสาร์อยู่ 555  เขตกำลังรู้สึกอะไรนะ คิดจะทำอะไรอีก ไม่เข้าใจจริง ผู้แต่งเองก็งงอยุ่ว่าเขต

เป็นคนแบบไหนกันแน่ 555 เดาใจไม่ถูกเลย   เชียร์น้ำเยอะๆนะ น้ำจะเจออะไรอีกมากมายเลยทีเดียว ส่วนใครที่คิดถึง ต่อกับ

ฟ้ามอญ ใจเย็นๆนะ สองคนนั้นเค้ายังไม่มีอะไรมากมาย   ตอนที่ 10 มาลงต่อพรุ่งนี้น้า


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด