พิมพ์หน้านี้ - ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: loveice ที่ 08-08-2015 21:19:29

หัวข้อ: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 08-08-2015 21:19:29

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




คำเตือน


นิยายเรื่องนี้มิได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด สถานที่และบุคคลเป็นสิ่งกำหนดแต่งขึ้นเท่านั้น




จำนนหัวใจ

“ ความรัก ที่ก่อเกิดจากไฟในหัวใจ ทำให้เด็กหนุ่มอย่างน้ำ ผู้ยากไร้เข้ามาอยู่บ้านด้วยเหตุผลครอบครัว ต้องมาทนรับความรู้สึก และอารมณ์ของ ภูธเนศ หม่อมหลวงทหารหนุ่ม ที่ไร้เหตุผล เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ มีเพียงภูธเนศเองเท่านั้นที่รู้เหตุผลว่าทำไมต้องเกลียด แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ไฟแค้นในหัวใจภูธเนศนั้นค่อยๆมอดดับลงด้วยความอ่อนโยนและความดีเข้าสู้ จนกลายเป็นต้นรักที่กำลังออกก้านออกใบสวยงาม แต่แล้ววันหนึ่งต้นไม้ต้นนี้แทนที่จะออกดอกสีชมพูเบ่งบาน แต่กลับเปลี่ยนสีดอกไม้ทรงค่า ดุจเพชร แล้วภูธเนศจะได้เป็นเจ้าของดอกไม้ดอกนั้นหรือไม่   หรือจะเพียงแค่ได้ชายตามองดอกไม้ดอกนี้ ไม่อาจเก็บมาครอบครองได้อีกชั่วนิรันดร์… ”

***นิยายเรื่องนี้มีคำราชาศัพท์ที่ใช้สำหรับหม่อมเจ้า ผู้แต่งได้ศึกษาจากละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายปวรุจ อาจมีคำที่นำมาใช้ผิดไปบ้างขออภัยมา ณ ที่นี้

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: >>>>>{ จำนนหัวใจ }<<<<<
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 08-08-2015 21:27:45
ตอนที่ ๑



…ปี 2530  ในคืนแรมค่ำเดือนแปด ฝนตกหนักไฟฟ้าถูกตัด ความมืดมิดปกคลุมอีกครั้ง แต่ในคืนนั้นเองกลับมีหญิงสาววัย 30
ต้นๆ หอบอุ้มบางอย่างตากฝนมาบ้านด้วย เธอรีบวิ่งสุดฤทธิ์เหมือนกำลังหนีอะไรมา สีหน้าที่หวั่นวิตกนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เธอวิ่งจนมาหยุดที่บ้านมุงสังกะสีหลังหนึ่งที่จำได้ดี


“พี่เวท พี่ได้ยินฉันไหม พี่เวท พี่เวท!” เธอร้องตะโกนเข้าไปในบ้าน หวังว่าคนในบ้านจะตื่นแล้วออกมาดู


“ใครมาเอะอะ ตอนค่ำมืด แถมฝนตกแบบนี้วะ ”


“พี่ ฉันเองๆ ชื่น ไงจ้ะ”


“อ้าว อีชื่น มาดึกตื่นอะไรแบบนี้ แล้วนี่เอ็งหอบอะไรมาด้วย”


“อย่าเพิ่งถามฉันตอนนี้เลย ให้ฉันเข้าไปก่อนนะ”


“เออๆเข้ามาก่อน ฝนยังตกหนัก เดี๋ยวไม่สบาย”


 ชื่นยิ้มรับก่อนจะพาบางสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นเข้าไปหลบฝน สภาพตัวเธอนั้นเปียกชื้นไปหมด เวทมองดูชื่นและสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างตกใจ

“อีชื่น!นั่น เด็กนั่น แกไปเอามาจากที่ไหนกันวะ”


“คือเรื่องมันยาวนะพี่ เออนี่ฉันไม่ได้ไปอยู่ทำงานที่บ้านนั้นแล้วนะ ”


“เกิดอะไรขึ้นวะชื่น เอ็งบอกข้าสิ แล้วเด็กนี่คือลูกใคร อย่าบอกนะว่าจะเอามาเลี้ยง ลำพังตอนนี้เองก็มี ลูกชาย 2 คนแล้วนะเว้ย”


“พี่เวท เมตตา สักนิดเถอะ เด็กคนนี้คือ โอรสของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณกับหม่อมพิมล นายของฉันเอง”


“แล้วเอ็งไปเอาลูก…เฮ้ย ไปเอาโอรสมาได้ยังไงกัน”


“หม่อมบุหลัน เธอไล่ฉันมา บอกว่าเจ้านายสิ้นแล้ว ฉันก็ไม่สมควรอยู่ ฉันเลยเอาโอรสมาด้วยกลัวจะไม่ปลอดภัย หม่อมบุหลัน
เป็นคนโหดเหี้ยม ฉันก็เล่าให้พี่ฟังบ่อยๆไงจ้ะ ”


“เอ็งว่าอะไรนะ หม่อมพิมลตายแล้วหรอ กรรมเวรอะไรนะ แล้วโอรสชื่อว่าอะไร เอ็งรู้ไหม”


“หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ จ้ะพี่ ชื่อนี้หม่อมพิมลตั้งให้ก่อนสิ้นใจ ”


“ไม่เป็นไร ข้าจะเลี้ยงท่านชายไว้ ถือเสียว่าตอบแทนบุญคุณของพระองค์เจ้ากับหม่อมพิมลที่ทรงเอ็นดูเอ็งกับข้ามาตั้งแต่ยังหนุ่มสาว”


“พี่ เราเปลี่ยนชื่อให้ท่านชายดีกว่านะ ฉันกลัวว่าองค์เองจะไม่ปลอดภัย หม่อมบุหลันไม่ปล่อยไว้แน่ หากรู้ว่าโอรสถูกพาหนีมาอยู่
ที่นี่”


“อือ…ว่าแต่จะเอาชื่ออะไรดี”


“น้ำ ชื่อ น้ำดีไหมพี่ นทีพิสุทธิ์ แปลว่า น้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ ”


“เออๆ แล้วแต่เอ็งเลย ก็ดีเหมือนกัน อ่ะๆเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เปียกหมดแล้ว จะได้ไปนอนเสียทีนี่ก็ดึกมากแล้ว”








 20 ปีผ่านไป

       น้ำ เด็กหนุ่มร่างบางดวงตาเรียวได้ส่วน ปากนิดจมูกหน่อยไม่ต่างอะไรไปจากมารดาผู้ให้กำเนิด ได้โตขึ้นในวัย 20 ปี ด้วยความรักและเลี้ยงดูของเวทกับชื่น สามีภรรยาข้ารับใช้เก่า และมีตะวันกับภูผาพี่ชายอีก 2 คนผิวสีแทนทั้งคู่แต่ดูแข็งแรงและหล่อเหลาสมชายชาตรี แต่ฐานะทางบ้านค่อนข้างไปได้ไม่สวยมาเกือบสิบปีด้วยค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ทำให้น้ำไมได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา เช่นเดียวกันตะวันและภูผาพี่ชายทั้งสองคน ก็จบเพียงวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น ด้วยความอยู่ยากลำบากทำให้เวท แอบไปยืมเงินกู้นอกระบบโดยไม่บอกครอบครัว จนเป็นหนี้มากมายมหาศาล โดยที่ชื่นไม่รู้มาก่อน และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็มาถึง


“เฮ้ย! ไอ้เวท ออกมาได้แล้ว วันนี้กูต้องได้เงินที่มึงกู้ไป ถ้าวันนี้ไม่มีจ่าย กูจะไม่ไว้ชีวิตมึง ออกมา!”

“มาทำอะไรหรือจ้ะ น้าทั้งสอง” น้ำเดินออกมารับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“พ่อเอ็งอยู่ไหม ไปตามมา”

“พ่อ ยังไม่กลับหรอกจ้ะ ”

“กูไม่เชื่อ เฮ้ย ไปค้นในบ้าน”

    ชายหนุ่มวันฉกรรจ์ชุดดำ 3 4 คนเข้าไปในบ้านและพื้นที่ละแวกนั้น ทำลายข้าวของพังพินาศ น้ำตกใจมากแต่ทำอะไรไม่ถูก
ประจวบกับที่ชื่นและพี่ๆทั้งสองคนกลับมาบ้านพอดี ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแทบพูดไม่ออก

“น้ำ! ตะวัน ภูผา ไปเอาน้องออกมาเร็ว”

“จ้ะแม่”

“พี่ตะวัน พี่ภูผา เค้าเป็นใครกัน ทำไมจู่เข้ามาพังของในบ้านเราแบบนี้”

“พี่ไม่รู้ น้ำ ฟังนะ ไปอยู่กับแม่ก่อน ตรงนี้ปล่อยให้พี่สองคนเองนะ”

“จ้ะ”

“พวกน้าเป็นใคร มาทำลายข้าวของบ้านข้าได้ยังไง”

“ฮึ นี่ยังไม่รู้หรอ ว่าพ่อพวกเอ็ง ไปยืมเงินนายกูมา ตอนนี้เป็นหนี้ 1 ล้านแล้ว ถ้าวันนี้พ่อเอ็งไม่เอาเงินมาให้ วันนี้พ่อเอ็งต้องตาย
ข้าวของในบ้านก็ต้องเอาไปขายให้หมด”

“ว่าไงนะ ข้าไม่เชื่อหรอก พ่อข้าไม่ใช่คนอย่างนั้น ออกไปจากบ้านฉันนะ”

    ตะวันโมโหมากเดินเข้าไปกระชากแล้วอัดเข้าที่ท้องชายชุดดำ แต่โชคร้ายที่ถูกอีกคนลอบเข้าด้านหลังแล้วล็อกตัวไว้ ตะวัน
ถูกอัดเข้าที่ท้องและใบหน้า จนเขียวช้ำไปหมด ส่วนภูผา เข้าไปช่วยพี่แต่ถูกมีดจี้ไว้ที่หลัง

“อย่าคิดขัดขืนนะเว้ย”



  ที่หน้าบ้านรถคันสีดำหรูหรา จอดนิ่ง คนในรถมองดูสถานการณ์มาพักใหญ่ บานกระจกถูกเลื่อนลงต่ำ มองเห็นคนที่อยู่ในรถ
เป็นชายวัยกลางคน ใส่สูทสีเทานั่งอยู่เบาะหลัง พร้อมกับลูกน้องอีก 2 คนนั่งอยู่ด้านหน้า

“ชาวบ้านกำลังถูกรังแกนี่”


“ใช่ครับคุณชาย ให้ผมลงไปช่วยไหมครับ”


“ดีสงกรานต์ เดี๋ยวฉันลงไปด้วย ไพบูลย์นายเฝ้ารถนะ”


“อย่าทำอะไรลูกฉันเลยนะ ขอร้องปล่อยลูกฉันเถอะ!”


“พวกแก หยุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงพวกแกตอนนี้แน่” สงกรานต์ยกปืนขึ้นมาจ่อเล็งไปที่พวกชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน


“แกเป็นใครวะ มายุ่งเรื่องนี้ทำไม พวกแกไม่เกี่ยว”


“หยุดก่อนๆ มีเรื่องอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม” เสียงของชายชุดสูทสีเทาเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น


“ก็…ไม่มีอะไรมากหรอก พ่อของพวกเด็กๆนี่ มันเป็นหนี้นายฉัน 1 ล้าน”


“หนี้ 1 ล้าน?”


“ฉันไม่รู้เรื่องนะคะคุณ ช่วยลูกฉันด้วย”ชื่นอ้อนวอนร่ำไห้


“เอาเป็นว่า ปล่อยตัวเด็กสองคนนั้นเถอะนะ ฉันยินดีชดใช้หนี้ให้”


“ได้ ไม่มีปัญหา”


“สงกรานต์ ไปเอาเช็คมาให้ฉัน ”


“ครับคุณชาย”


      หนุ่มใหญ่วัยกลางคนยืนมองชื่นกับเด็กที่กำลังยืนกอดแม่ลูกนั่นอย่างสงสารและเอ็นดูเด็กคนนี้เป็นพิเศษไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน


“ได้แล้วครับ”


“อ่ะ นี่เช็คเงิน1 ล้าน เอาไปซะสิ”


“ดี แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง พวกเรากลับ!”


“ไม่เป็นไรแล้วนะ”


“ขอบคุณมากจ้ะที่ช่วยลูกฉันไว้ ไม่รู้จะตอบแทนยังไงถึงจะชดใช้หมด”


“ไม่ต้องหรอก บังเอิญฉันผ่านมาแถวนี้ เห็นมีเรื่องกันเข้า เลยลงมาดูสักหน่อย เธอกับลูกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”


“ขอบคุณอีกครั้งนะจ้ะ ไว้ฉันจะตอบแทนคุณนะคะ”


“ตอบแทนหรอ? เงินตั้ง 1 ล้านบาท เธอจะไปเอามาจากที่ไหน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ดูเธอกับลูกๆตอนนี้เหมือนคนหาเช้า
กินค่ำ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนฉัน” ชื่นทำสีหน้าครุ่งคิดตามคำพูดของภัครพิชัย


“แต่ฉันรับรองว่าจะรีบหาเงินมาใช้ให้นะคะ”


“เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันมีข้อเสนอ ที่บ้านฉันยังขาดแม่บ้าน ชาวสวน อยู่พอดี เธอสนใจไปอยู่ทำงานที่บ้านฉันไหม พาลูกไปด้วย”


“ฉันไม่ไหวหรอกคะ อายุมากแล้ว เป็นโรคสารพัด คงไปให้ลำบากคุณเปล่าๆ”


“อย่างนั้นหรอ แล้วลูกๆเธอล่ะ มีใครจะสนใจไปไหม”


“ไม่เอานะแม่ น้ำอยากอยู่กับแม่” ร่างบางออกตัวก่อนใครเพื่อนแล้วเข้ากอดชื่นแน่น


“พี่คิดออกแล้ว น้ำฟังพี่นะ พี่กับภูผาจะอยู่ที่นี่คอยดูแลพ่อกับแม่ น้ำ น้ำไปกับคุณลุงคนนี้เถอะนะ”


“ไม่เอา น้ำไม่อยากไป น้ำอยากอยู่กับแม่”


“พี่รู้น้ำ แต่น้ำโตแล้ว เรื่องบ้านงานเรือน น้ำก็ทำเป็น ไปเถอะนะ ถึงน้ำอยู่น้ำก็ดูแลพ่อกับแม่ได้ไม่มาก แล้วพี่ทั้งสองคนจะแวะไป
เยี่ยมหาบ่อยๆ”

“น้ำไม่ไป…”


      เด็กหนุ่มร่างบางวิ่งไปที่ท้ายบ้านติดลำคลองเล็กๆ ที่กำลังไหลเนือย แววตาที่ดูเศร้าเค้าเกิดและเติบโตที่บ้านหลังนี้เค้าจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น


“เดี๋ยวผมไปพูดให้เองนะ อันที่จริงผมเอ็นดูเด็กคนนี้มาก หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจที่จะให้ลูกเธอไปกับฉันนะ”


“คุณเป็นผู้มีพระคุณกับเรา แต่เราไม่มีทางเลือกที่จะชดใช้ด้วยเงินในตอนนี้ได้ สุดแล้วแต่น้ำลูกชายฉันแล้วละค่ะ”


“อืม ฉันจะไปพูดให้เอง”


ภัครพิชัยเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ศาลาท่าน้ำหันหลังให้เค้า  แววตามองดูน้ำที่ลำคลองอย่างเศร้าใจ


“ว่ายังไง หนุ่มน้อย มาหลบอยู่ตรงนี้นี่เอง”


“คุณ! อย่าเข้ามานะ ผมไม่ไปกับคุณหรอก”


“ทำไมไม่กตัญญูกับพ่อแม่เลย รู้ไหมมันไม่น่ารัก”


“ผมไม่กตัญญูตรงไหน ผมรักแม่รักพ่อ อยากดูแลท่านที่นี่”


“แต่ท่านก็มีพี่ชายทั้งสองดูแลแล้วไง อีกอย่างพี่ชายก็แข็งแรงมากน่าจะดูแลบ้าน และปกป้องพ่อแม่ได้ดีกว่าหนูนะ หนูไปกับลุง
เถอะ รับรองไม่ลำบากหรอก ดีเสียอีกจะได้เอาเงินนี้ชดใช้หนี้ให้ฉัน”


“คุณลุงใจร้ายไม่ต่างจากคนพวกนั้นสินะ”


“เปล่าๆ เข้าใจผิดแล้ว อันที่จริงฉันเอ็นดูหนูตั้งแต่แรกพบ หนูไม่อยากไปอยู่ที่ที่สบายหรือไง”


“ผมไม่อยากอยู่ ครอบครัวผมอยู่ไหน ผมต้องอยู่ด้วย”


    ชื่นเดินตามเข้ามาหวังจะพูดให้น้ำเข้าใจแล้วก็ยอมไปกับคุณคนนี้ เพราะลึกๆแล้วเธอเองก็อยากให้น้ำไปอยู่กับคนที่รวยๆฐานะดีๆ ชาตินี้เธออาจจะไมได้มีโอกาสพาน้ำกลับไปยังวังฉัตรอรุณ แต่ถ้าน้ำเลือกไปอยู่กับคุณคนนี้อย่างน้อยก็น่าจะทดแทนกันได้ ไม่ต้องทนลำบากกับเธอที่เป็นเพียงสามัญชนธรรมดา


“ไปเถอะน้ำ ถือว่าแม่ขอ ทางนี้พี่ตะวันกับภูผา ก็จะทำงานช่วยผ่อนผัน ไม่ต้องห่วงแม่จะหาทางคืนเงินท่านคนนี้ให้เร็วที่สุด”


“แม่ ทำไมแม่พูดแบบนี้จ้ะ แล้วทำไมน้ำต้องไปคนเดียว แม่ไปกับน้ำด้วยสิ”


“ไม่ได้หรอก แม่ไปก็เป็นภาระ อีกอย่างแม่ทิ้งบ้านไม่ได้”


“ไม่เอา น้ำไม่อยากไป”


“แต่น้ำต้องไป! แม่สั่ง”


“ถ้าแม่จะผลักไสไล่น้ำขนาดนี้ น้ำไปก็ได้ แต่น้ำอยากบอกให้แม่รู้ว่าน้ำรักแม่นะจ้ะ ”


“ไม่ต้องพูดเยอะ ไปเก็บข้าวของเถอะไป ตะวัน ภูผา ไปเก็บของช่วยน้อง”


“ครับแม่!”


“ไม่ต้องหรอก ไปแต่ตัว ฉันมีที่พักและของทุกอย่างให้ หนูไปขึ้นรถฉันได้เลย สงกรานต์พาไปที่รถ”


“ครับคุณชาย”


“แม่ น้ำไปแล้วนะ แล้วน้ำจะกลับมาเยี่ยมแม่นะ ”


“โชคดีน้ำ พี่จะไปเยี่ยมนะ”


        ชายชุดสูทสีเทากำลังจะเดินผ่านชื่นไป แต่เธอก็ยังไม่หายข้องใจ อย่างน้อยเธอน่าจะรู้ที่มาที่ไปของชายคนนี้บ้าง เธอยกมือขวางทางภัครพิชัยเอาไว้


“เดี๋ยวก่อนคุณ คุณชื่ออะไร แล้วบ้านอยู่ที่ไหน พวกฉันจะได้ไปหาลูกถูก ”

“ชื่อเต็มของฉันก็คือ หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ธำรงอาภรณ์นิช  บ้านฉันอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร เอาเป็นว่าถ้าสะดวกเมื่อไหร่ ฉัน
จะพาน้ำมากลับมาหาเอง”


“ค่ะ ขอบคุณคุณมาก แล้วฉันจะรีบหาเงินมาชดใช้ให้นะคะ”


“ได้ นี่นามบัตรของฉันเก็บเอาไว้มีอะไรก็โทรมาหาฉันได้  ฉันไปแล้วนะ สงกรานต์ ไปบอก ไพบูลย์ สตาร์ทรถได้แล้ว”


“ครับคุณชาย”


      น้ำนั่งมองแม่กับพี่ชายทั้งสองคน ที่กำลังโบกมือให้กับน้ำที่นั่งอยู่ในรถสีดำหรู ผ่านไปเรื่อยๆ จนไกลลับตา แววตาสีหม่นนั้นมีแต่ความโศกเศร้าและไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่ตัดสินใจ และเค้าเชื่อว่าพ่อไม่มีทางไปยืมเงินถึง 1 ล้านบาทขนาดนั้นหรอก แล้วพ่อไปอยู่เสียที่ใด ทำไมไม่กลับบ้าน ทุกคนที่บ้านเป็นห่วงพ่อมากนะ ร่างบางคิดในใจ ได้แต่มองผ่านกระจกรถออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย


“อย่าเสียใจไปเลย ไปอยู่กับฉัน ที่นั่นสุขสบาย ดูท่าโทรศัพท์หนูก็ไม่มีใช้ เอาไว้ฉันจะซื้อให้ใหม่ๆเลยนะ”


“ครับ”


      รถคันหรูขับไปนานพอสมควร ก็ถึงทางเข้าบ้านของ ม.ร.ว.ภัครพิชัย รั้วสีขาวทองสวยงามขนาดใหญ่ทอดยาวขนานถนนหลักเกือบ 200 เมตร น้ำมองดูด้วยความตื่นเต้น เพราะเค้าเคยเห็นแค่ในละครเท่านั้น   


“ถึงแล้วหนุ่มน้อย”


“นี่บ้านคุณหรอครับ ทำไมใหญ่จังเลย”


“แล้วชอบหรือเปล่า”


“ชอบครับ”


“สงกรานต์ เดี๋ยวแวะพาเด็กคนนี้ไปหา กล้วยไม้ กับ ใบหลิวนะ เดี๋ยวฉันจะไปธุระกับไพบูลย์ต่อ”


“ครับนาย  หนูไปกับฉันนะ”


“ครับ”


“ทำตัวตามสบายนะ แล้วพรุ่งนี้ตอนเย็นฉันถึงจะกลับ”


“ครับท่าน สวัสดีครับ”


“ไม่เป็นไร ไพบูลย์ไปได้แล้ว”


“เข้าข้างในกันเถอะ อยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวเป็นลม แดดร้อนออกจะตายไป” สงกรานต์หยอกอย่างอารมณ์ขัน


     น้ำเดินตามสงกรานต์เข้าไปในบ้าน ที่สวยงาม เค้าไม่นึกเลยว่าจะได้เข้ามาเหยียบมาอยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ คิดว่าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น น้ำหยุดยืนอยู่ตรงห้องโถงที่มีกรอบรูปสีทองขนาดใหญ่ที่ผนังสีขาว


“หล่อจังเลยนะครับ”


“ฮาๆ นี่นายชมผู้ชายด้วยกันเองหรอ อืม แต่ก็หล่อจริงๆ จะบอกให้นะ คนสูงๆใส่ชุดทหาร คือ พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ หรือคุณเขตส่วนอีกคนที่ยืนด้านซ้ายในรูปคือ หม่อมหลวงภูวนนท์หรือคุณต่อเป็นคนเล็ก กำลังเรียนอยู่ ปี 1 พอดี น่าจะเป็นเพื่อนกับหนูได้ดีนะ ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกรูปถัดมาตรงกลางคือ คุณหญิงสุดา แต่ท่านเสียแล้วเมื่อ10 ปีก่อน”



“อย่างนั้นหรอครับ ”


“ใช่ ไปต่อได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะพาไปหา กล้วยไม้ กับ ใบหลิว แม่บ้านสาวของที่นี่ เดี๋ยวสองคนนั้นจะช่วยสอนและแนะนำหนูเอง”


“ครับผม”



ปี๊ดๆ เสียงรถที่บีบแตรรถรัวแสดงถึงอารมณ์ของคนขับ สงกรานต์ลูกน้องผู้รับใช้คนสนิทรู้ทันทีว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายของเค้าเอง…


“สงสัยคุณเขตกลับมาแล้ว หนูรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”


“ครับ”


      สงกรานต์เดินไปรับเจ้านายตน เป็นชายหนุ่มร่างสูงใส่ชุดทหารยศพันเอก น้ำที่มองอยู่ไกลๆถึงกับหลงตะลึงไม่นึกว่าตัวจริงกับในรูปเมื่อครู่นี้จะแตกต่างกันขนาดนี้ ตัวจริงนั้นคุณเขตดูดี ดูเท่ห์และสมาร์ท มากกว่าในรูปถึง  3เท่า


“สงกรานต์ คุณพ่อกลับมารึยัง” เสียงทุ้มเย็น สุขุมเอ่ยถามสงกรานต์ทันทีที่เดินเข้ามาบ้าน


“กลับมาสักพักแล้วก็ไปธุระต่อกับไพบูลย์ครับ พรุ่งนี้ถึงจะกลับ”


“อ้อ อย่างนั้นหรอ…ไม่มีอะไรแล้วขอบใจมาก เอ๊ะแล้วนั่นใคร?”


“เอ่อ เด็กคนนี้คุณชายเพิ่งไปรับมาอยู่ด้วยครับ”


“ไปรับมาหรอ? ฮึ ตัวเท่าลูกหมา จะทำอะไรได้ นี่คุณพ่อคงให้นายไปหาคนใช้มาแทนคนเดิมละสิ  แล้วไปหาคนที่มันได้เรื่องได้

ราวกว่านี้ไม่มีแล้วหรือไง คนก่อนก็ไม่ได้เรื่อง ฉันไล่ไปยังไม่ชินใช่ไหม สงสัยไอ้เด็กคนนี้จะเป็นรายต่อไป… ดี ฉันจะได้จัดให้…”


“อย่านะครับคุณเขต เด็กคนนี้เป็นคนของคุณชายนะครับ”


“คนของคุณพ่อ หมายความไง?”


“เอ่อ…สวัสดีครับคุณเขต”


“หยุดเรียกชื่อเล่นฉันพร้อยๆนะ  สงกรานต์สั่งสอนเด็กรับใช้คนใหม่บ้างนะ ชื่อฉันไม่ใช่ใครอยากจะเรียกก็เรียก  ถ้าสอนไม่ฟังก็
ให้ออกจากบ้านฉันไปซะ! ”




ฝากเรื่องใหม่ด้วยน้า  ปล.เรื่องนี้มีทั้งดราม่าและสนุกเฮฮา

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: >>>>>{ จำนนหัวใจ }<<<<< ตอนที่ 1 (8/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-08-2015 21:46:04
 :katai2-1:  น่าสนๆ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 1✥✥✥ Up. (8/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 09-08-2015 20:31:18
ตอนที่ 2



        บุรุษหนุ่มร่างสูงเกือบหกฟุต 2 นิ้วกำลังส่งแววตาที่โหดดุดันไปยังหนุ่มน้อยร่างบางที่มีอายุห่างกันถึง 8 ปี ร่างบางได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเจ้านายคนใหม่  เพราะแววตาคู่นั้นมองเค้ามันเหมือนหนูตัวเล็กๆที่กำลังถูกจับจ้องจากแววตาพญาอินทรีผู้ทะนงศักดิ์

“ดูจากการแต่งตัว เห็นทีไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเด็กบ้านนอก ใช่รึเปล่าสงกรานต์?”

“เอ่อ…” ลูกน้องหนุ่มอึกอัก

“สงกรานต์!” เขตตะหวาดดังก้อง เพราะเค้าไม่ชอบอะไรที่เชื่องช้า

“ครับ ครับ คุณเขต ใช่ครับเด็กคนนี้เป็นเด็กแถวชนบทครับ  ”

“ส่งแขก! บ้านนี้ไม่ต้อนรับคนสกปรก”

“ไมได้นะครับ คนนี้คุณชายภัครพิชัย ไปรับมาด้วยตัวเอง ถึงยังไงรอคุณชายก่อนดีกว่าไหมครับ”

“ฉันเป็นนายแกนะ  ส่วนคุณพ่อมีไอ้ไพบูลย์คอยรับใช้ แกจะฟังใครกันแน่ สงกรานต์!”

“คุณเขตครับแต่ว่า…” สงกรานต์ตัดสินใจลำบาก

“ได้…อยากให้มันอยู่นักใช่ไหม อยากอยู่ก็ให้มันอยู่ไป แต่ทนอยู่ให้ตลอด ลอดฝั่งก็แล้วกัน ”

         ชายหนุ่มผู้ทะนงศักดิ์เดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่เหลียวหลัง สงกรานต์โล่งใจมากหันมามองน้ำ ร่างบางได้แต่ทำตัวสั่นเพราะความกลัวเจ้านายคนเมื่อครู่

“เฮ้อ! หนูน้ำ โอเคนะ คุณเขตเป็นแบบนี้แหละ อารมณ์ร้อน ฉันเชื่อว่าสักวันคุณเขตจะต้องเมตตา”

“แต่ผมว่า ผมกลับบ้านอย่างที่คุณเขตว่าจะดีกว่านะครับ” ร่างบางเริ่มท้อ

“อ้าว ไหนว่าตั้งใจจะมาทำงานเพื่อใช้เงินคืนคุณชายไง อีกอย่างเพื่อช่วยแม่อีกแรงหนึ่งนะ”

“ผม…”

“เอาน่าน้ำ นายไม่ลองไม่รู้หรอกจริงไหม ไปหากล้วยไม้กับใบหลิวกัน สองคนนั้นเป็นคนใช้ของบ้านหลังนี้เลยนะ ไม่เข้าใจอะไร
ถามสองคนนั้นได้เลย เป็นเพื่อนเล่นเพื่อนคุยได้ในเวลาเหงาๆด้วย”

“ครับผม”







         เสียงกลองดังอึกกะทึก การรับน้องของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งยังไม่สิ้นสุด รุ่นน้องหลายคนกำลังทำกิจกรรมโดยมีรุ่นพี่คอยดูแลและกลั่นแกล้งแต่อยู่ในขอบเขต เสื้อผ้าหน้าผมรุ่นน้อง ยุ่งเหยิงไปหมด สีผสมอาหาร แป้งเด็ก ถูกละเลงลงที่ตัวของรุ่นน้องแต่ละคน มากน้อยแตกต่างกันไป โดยเฉพาะหนุ่มน้อยคนนี้เป็นที่โปรดปราณของเพื่อนๆและรุ่นพี่มาก ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย คิ้วดก ปากชมพู ผิวขาว รูปร่างสมส่วนกำลังถูกรุ่นพี่บังคับให้ถอดเสื้อ โชว์กล้ามหน้าอกและหน้าท้อง ที่สาวๆ เก้งกวางเห็นถึงกับกลืนน้ำลาย

“ปรบมือให้ผู้กล้าของเราด้วยค่ะ น้องต่อ   ”

“เฮๆๆๆ” เสียงเชียร์ดังกึกก้อง ต่อ เขินอายเล็กน้อยเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้


“เอาละค่ะ เราจะให้น้องต่อ เดินไปเลือกใครก็ไปมาหนึ่งคน แต่ต้องเป็นผู้ชายนะคะ คณะอะไรก็ได้ที่นั่งอยู่นะสนามหญิงแห่งนี้ เชิญเลือกเลยค่ะ”


    ต่อ เดินไปหาเพื่อนชายตามที่รุ่นพี่บอก เค้าเดินไปเรื่อยๆ ไมได้คิดอะไรมากและไม่มีใครรู้ว่าเค้าคือหม่อมหลวงภูวนนท์ ธำรงอาภรณ์นิช ประจวบเข้ากับเพื่อนชายคนหนึ่งยกมือขึ้นเหมือนจะเรียกเพื่อนสาวของเค้าที่ไหนสักแห่ง ให้รู้ว่าเค้านั่งอยู่ตรงนั้น ต่อ สะดุดตาทันทีจังหวะเดียวกับที่ต่อไม่รู้จะเลือกใครออกไปเป็นเพื่อนเค้านั่นเอง แต่ไหนๆก็เตะตาแล้ว ขอเลือกคนนั้นๆเลยแล้วกัน


“เฌอตา อยู่ทางนี้” เสียงนุ่มเล็กของเพื่อนชายร้องทักให้เพื่อนหญิงที่ยืนอยู่ไกลพอสมควรได้ยิน แต่กลับกลายเป็นว่า…งานเข้าเพื่อนหนุ่มร่างบางคนนี้เสียแล้ว


“นาย…ออกไปกับเราหน่อยสิ”ต่อ เดินมาหยุดอยู่ตรงที่ร่างบางนั่งอยู่ พร้อมกับส่งสัญญาณไปให้รุ่นพี่ที่กำลังมองมาทางเค้าพอดี

“โอเคค่ะ เลือกแล้วก็พาออกมาเลยค่ะ น้องต่อ เร็วๆ ไม่อย่างนั้นพี่จะทำโทษนะคะ”

“นาย…พี่เค้าเรียกแล้วนะ” ร่างสูงพูดซ้ำอีกรอบ แต่ร่างบางตรงหน้ายังทำหน้างงว่าเกิดอะไรขึ้น

“อะไรของนายเราไม่ไป ไปหาคนใหม่สิ”

“ช่วยไมได้ นายยกมือเสนอตัวเองนะ” ต่อยิ้มพร้อมกับยักคิ้วซ้ายให้ร่างบางตรงหน้าอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

“เปล่า เรายกมือเรียกเพื่อนต่างหาก นายเข้าใจผิดแล้วแหละนะ”

“ไม่ผิดหรอก ลุกเร็วๆ หรือจะให้พี่เค้ามา โน่นไงรุ่นพี่เดินมาโน่นแล้ว”

“น้องคะ ให้ความร่วมมือด้วยค่ะ”ชายหนุ่มคู่กรณีมองหน้าต่อ ตาขวางก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปด้านหน้าเพื่อนๆที่นั่งอยู่เต็มสนามหญ้า


“เอาล่ะค่ะ  ไม่น่าเชื่อว่าคนที่น้องต่อเลือกออกมา จะเป็นผู้ชายน่ารักๆ ขนาดนี้ เพื่อไม่ให้เสียเวลานะคะ พี่จะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าน้องต่อ กินน้ำโค้กแก้วนี้หมด น้องจะรอด แต่ถ้าน้องกินไม่หมดภายใน 15 วินาที น้องจะถูกทำโทษพร้อมกับคู่หูที่น้องเลือกมา  ตกลงไหมคะ”


“ตกลงครับ”

“โอเคถ้าพร้อมแล้วเริ่มค่ะ”


     ชายหนุ่มร่างสูงเดินไปหยิบแก้วน้ำสีใสที่มีน้ำสีคล้ายโค้กตั้งอยู่ที่โต๊ะอย่างไม่เฉลียวใจ ความมั่นใจเต็มร้อยของเค้า ยกแก้วกระดกเข้าปากครั้งแรก สีหน้าที่เหมือนจะไม่แยแสของเค้าตอนแรกกลับเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ชวนอาเจียนสุดๆทันทีที่น้ำนั้นเข้าไปในลำคอเค้าหนึ่งอึก เพื่อนๆที่นั่งอยู่รอบตัวเค้าหลายพันคนกำลังมองดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับเค้า แล้วน้ำที่เค้ากลืนเข้าไปคืออะไร คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด


“ห้ามบ้วนออกนะคะ เร็วเข้ากินต่อๆ อีก 8 วินาที” รุ่นพี่สั่งให้กินต่อ

    ไม่มีใครรู้ว่าต่อเกลียดรสชาติเค็มที่สุด แน่นอนว่าน้ำสีโค้กในแก้ว คือน้ำปลาดีๆที่เอง ชายหนุ่มยอมแพ้ที่จะฝืนกินน้ำแก้วนี้จนหมด และรอเวลาให้มันหมดลงไปอย่างช้าๆ และในที่สุด…เวลาก็ล่วงเลยไป

“3 2  1   หมดเวลา น้องต่อแพ้ค่ะ”


“อ่อน!” เพื่อนหนุ่มร่างบางที่ถูกดึงตัวออกมาแบบจับพลัดจับพลูเป็นตัวประกันพูดออกมาเบาๆ แต่ดังพอที่ต่อจะได้ยิน


“นายว่าไงนะ” เพื่อนชายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเซ็งๆ


“น้องต่อคะ น้องแพ้แล้วนะคะ น้องๆคนอื่นๆคิดว่า พี่จะแกล้งอะไรเค้าดีเอ่ย”



“ให้สองคนจูบกันค่ะ”


      เสียงกะเทยนางหนึ่งตะโกนออกมาจากข้างในหมู่คนจำนวนมากนั่งอยู่ในสนาม และเพื่อนๆนับพันต่างพากันส่งเสียงเรียกร้องเป็นเสียงเดียวกัน

“เอาละค่ะ เพื่อนๆเสนอมาแล้ว น้องต่อพร้อมไหมคะ”

“ผม…”

      ร่างหนามองสีหน้าเพื่อนชายที่เค้าดึงออกมา สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่สนุกด้วยเลยแม้แต่น้อย  แต่เค้ากลับนึกอยากแกล้ง
เพื่อนตัวเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น ช่วยไม่ได้มาหาว่าเค้าอ่อน งานนี้ต้องมีเอาคืนเสียบ้าง บุรุษร่างสูงล่ำหันไปตอบรุ่นพี่อย่างไม่ลังเล

“ผมพร้อมครับ”

“นี่นาย! ถามฉันซักคำหรือยัง” ร่างบางตำหนิชายนิสัยทะเล้นตรงหน้าอย่างเคืองๆ โดยที่ต่อไมได้สนใจอะไรเลย ได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด

“โอเคค่ะ พี่จะนับ 1 2 3 แล้วจูบเลยนะคะ”



“1” ชายร่างบางตกใจ จู่ๆก็มีรุ่นพี่อีกคนผลักให้เข้าไปประชิดตัว ต่อ หนุ่มหล่อ หนุ่มฮิตของรุ่นนี้ ที่ท่อนบนเปลือยเปล่า แต่แปลกที่หัวใจของร่างบางนั้นกลับเริ่มสูบฉีดเลือดเร็วกว่าปกติ



“2” ต่อเอามือเข้ามาโอบตัวของเพื่อนชายไว้แนบอก คู่กรณีถึงกับหน้าแดงเถือก หลับตาปี๋ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าเค้าแทบไม่อยากจะคิด ต่อเห็นอย่างนั้นแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมาซี่ฟันที่จัดเรียงสวยงามเป็นระเบียบเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย  ถ้าหากเพื่อนในอ้อมกอดของเค้าจะลืมตาขึ้นมาดูสักนิดมีหวังหัวใจหวั่นไหวไปบ้างแหละ



“3   จูบเลยค่ะ”

             ต่อค่อยๆเอาริมฝีปากประกบริมฝีปากเพื่อนชายช้าๆ  ร่างบางตกอยู่ในภวังค์ 3 วินาที ร่างกายตอบสนองรอยจูบนั้นอัตโนมัติ ทำเอาต่อเองก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าจะมีสวนกลับเค้าด้วย แต่ร่างบางก็ตกใจเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรลงไป เค้าได้สติก็ลืมตาขึ้นมามองหน้าต่อ หนุ่มหล่อที่อยู่ใกล้แค่ไม่กี่เซนติเมตรพอดี แต่ไม่ทันแล้ว ต่อได้ประทับรอยจูบไปเรียบร้อยแล้ว ร่างบางผละออกจากร่างสูงทันทีเพียงไม่กี่วินาทีนับจากเมื่อครู่


“เฮๆๆๆ  ปรบมือให้เพื่อนๆทั้งสองคนหน่อยเร็ว กิจกรรมรับน้องก็ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวพี่จะแจกข้าวเย็นไปให้ แล้วน้องเดินทางกลับ
หอในโดยปลอดภัยนะคะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ”


“นาย…โอเคมั้ย” ร่างหนาถามเพื่อนชายทันทีหลังจากที่รุ่นพี่กล่าวจบ

“หลีก!” ร่างบางโมโห ต่อ มาก เอามือผลักอกร่างหนา แต่เค้าไม่สะทกสะท้านอะไรเลยยังยืนที่เดินไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย แต่
กำลังยิ้มให้เพื่อนตัวเล็กตรงหน้าเค้า เมื่อกี้แอบมีจูบโต้ตอบ ริมฝีปากเพื่อนร่างเล็กนี่นุ่มไม่เบาเลยนะ ต่อ คิดไปต่างๆนานา

“เราขอโทษ แต่มันก็เป็นแค่เกมนะ” ต่อ พยายามอธิบายให้เพื่อนใหม่เข้าใจ




“ฟ้ามอญ! แกโอเคปะ”  เพื่อนสาววิ่งเข้ามาหาร่างบาง

“เฌอตา กลับหอกัน ไม่อยากอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่”

“เดี๋ยวก่อนสิ นาย” ต่อเดินไปตัดหน้าฟ้ามอญ ชื่อเล่นที่แสนไพเราะที่สุดเท่าที่เค้าเคยได้ยินมา

“อะไรของนายอีกเนี่ย ถอยไป ฉันจะกลับหอ”

“โอเค ฟ้ามอญ ฟังเราก่อนสิ…”

“อย่าเรียกชื่อนี้ นายไม่ได้เป็นเพื่อนเรา”

“โอเคๆ นาย  ถือซะว่าเมื่อกี้ทำกิจกรรมร่วมรุ่น อีกอย่างนายก็ผู้ชาย ฉันก็ผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า จริงไหม”

“เออก็ถูกของไอ้หล่อล่ำนี่นะ ไอ้ฟ้า แกโกรธเค้าทำไมเนี่ย หรือว่าแกคิดอะไรกับเค้า”

“เฌอตา แกเป็นเพื่อนฉันนะ ไปเข้าข้างมันทำไม ไม่ตอบอะไรทั้งนั้นแหละ กลับ!” ร่างบางโวยวาย

“อ้าว ฉันผิดหรอ” เพื่อนหญิงเอานิ้วชี้เข้าหาตัวเอง ทำหน้าสงสัย

“โอเคๆ เราขอโทษ โอเคไหม นับแต่นี้เป็นต้นไป เป็นเพื่อนกันนะฟ้ามอญ”

“เพื่อนหรอ!  ขอโทษนะตำแหน่งเต็ม ”

“ไอ้ฟ้า จะเป็นเพื่อนกันนี่มีตำแหน่งด้วยหรอ เพื่อนหล่อล่ำขนาดนี้ แกจะปฏิเสธอยู่อีก เล่นตัวนะแก”

“เฌอตา!”

“โอเคจะให้เราทำยังไงนายถึงจะหายโกรธเรา เราทำไปเพราะรุ่นพี่สั่งนะ นายก็รู้จะให้เราบอกกี่ครั้ง”

“เดี๋ยวนะ นายต่อ ฉันว่านายไปหาเสื้อมาใส่ก่อนดีกว่าไหม ไม่หนาวบ้างหรือไง” เฌอตารีบเสนอทันทีหลังจากเห็นต่อ อยู่ใน
สภาพเปลือยท่อนบนมานานแล้ว


“อุย โทษที กลัวตามฟ้ามอญเพื่อนเธอไม่ทัน เราเลยยังไม่ได้ใส่เสื้อ ขอใส่แป๊บนะ”



“เฌอตา ไปเร็ว!”สองคนเพื่อนเกลอรีบพากันชิ่งตอนที่ต่อ ใส่เสื้อพอดี ร่างสูงหนาไม่ทันตั้งตัวไม่คิดว่าจะเล่นวิธีนี้

“อ้าวอย่างเพิ่งไป รอเราใส่เสื้อก่อน เวรกรรม เล่นทีเผลอนี่หว่า” 



“แล้วเจอกันอีกนะ ฟ้ามอญ!”หนุ่มร่างสูงตะโกนไล่หลังฟ้ามอญไป อีกฝ่ายได้ยินทุกคำพูดแต่ไม่หยุดวิ่ง เฌอตาแอบอมยิ้มให้กับความสัมพันธ์ของเพื่อนรักที่เริ่มต้นไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่นัก



“ไม่มีทาง” ฟ้ามอญคิดในใจ ก่อนจะวิ่งต่อไปไม่ยอมหยุด







       ธุรกิจทุกด้านทุกแขนงในปัจจุบัน มีการแข่งขันระดับสูง ยิ่งเป็นกิจการโรงแรม ยิ่งแล้วใหญ่ แต่โรงแรมที่เข้มแข็งและอยู่ได้นั้นก็มีอยู่มาก รวมไปถึงเจ้าของธุรกิจที่กำลังโด่งดังและมีอำนาจมากอย่าง ดุษฎี เป็นนักธุรกิจแนวหน้าหรือเป็นที่รู้จักในนามเสี่ยสิงห์ มีลูกสาวสุดสวยเป็นดารานางแบบมีอาชีพ เธอชื่อแอริน เพิ่งบินกลับมาจากปารีส เมื่อไม่กี่วัน และมีการแถลงข่าวเปิดตัวทายาทลูกสาวคนเดียวของเค้าไปเมื่อคืนนี้เองและเร็วๆนี้จะมีการจัดงานฉลองครบรอบโรงแรมไอยรา และลูกสาวที่เพิ่งบินกลับมาจากปารีสด้วยการเดินแบบชุดไทย จัดที่โรงแรมของเค้าเอง

“คุณพ่อคะ คุณพ่อจะไปไหนอีกแล้วคะ” หญิงสาวใบหน้าสวยเรียว ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวราวกับหยอกกล้วยใส่เสื้อตัวเล็กกางเกงขาสั้นเดินเข้ามาหาดุษฎี ผู้เป็นพ่อ

“ไปทำงานสิลูก ลูกเพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ อีกซัก 2 3 วันข้างหน้าพ่อจะพาไปดูงานในโรงแรมของเรา”

“ค่ะ แต่วันนี้ รินอยากเจอหน้าพี่เขตเอามากๆ คิดถึงที่สุด ป่านนี้คงจะเป็นทหารหนุ่มหล่อแล้วละค่ะ รินไมได้เจอตั้งนาน ให้รินไป
นะคะคุณพ่อ”

“จะดีหรอลูก ที่นั่นบ้านหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย เลยนะ”

“ดีสิคะ คุณพ่อ ให้รินไปนะ”

“ก็ได้ๆ เดี๋ยวให้คนขับรถพาไปแล้วกัน อย่ากลับดึกเชียวนะ ถ้าคุณชายภัครพิชัยเห็นเข้าจะไม่งาม”

“ค่ะๆๆๆๆ เย้ คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย”

“จะว่าไป พ่อว่าลูกสาวพ่อน่าจะหาคนรู้ใจได้แล้วนะ โตเป็นสาวอายุก็ 23 ปีแล้ว”

“คุณพ่ออย่าเพิ่งเร่งสิคะ รินก็กำลังมองๆอยู่”

“คงหนีไม่พ้นหม่อมหลวงภูธเนศ ทหารหนุ่มไฟแรงในตอนนี้สินะ”

“คุณพ่อพูดอะไรคะ รินเขินไปหมดแล้ว ถ้าเป็นพี่เขตจริงๆ คุณพ่อจะว่ายังไงคะ”

“ฮาๆๆ จะว่ายังไงได้ แล้วแต่ลูกพ่อสิ เอาเถอะๆ พ่อจะรอ พร้อมเมื่อไหร่บอกนะ พ่อไปทำงานก่อนนะลูก”

“ค่ะคุณพ่อ”


             




             ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว แววตาดุจเหยี่ยว กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวันอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำหลังบ้าน เค้านึกเอะใจเด็กคนเมื่อวานนี้เหลือเกิน ถึงจะมาจากชนบทแต่เด็กคนนี้ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เค้าคิดว่าไม่น่าจะใช่ลูกชาวบ้านทั่วๆไปอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ แววตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นเพลิงลุกโชนในดวงตาทันที

“สงกรานต์!” เขต เรียกลูกน้องคนสนิทที่ยืนรอรับใช้อยู่ไม่ไกลจากที่เค้านั่งอยู่

“ครับคุณเขต”

“คุณพ่อกลับมารึยัง”

“ยังเลยครับ” คำตอบของสงกรานต์ ทำให้เขตนิ่งเงียบไปสักพัก เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“ไปเรียกเด็กนั่นมาให้ฉันที”


“หมายถึงน้ำ หรอครับ”

“ใช่ ด่วนที่สุด! เข้าใจนะสงกรานต์”

“ครับคุณเขต” ลูกน้องหนุ่มรีบไปตามที่เจ้านายสั่ง เพราะไม่อยากขัดใจ รู้ดีว่าเขตจะอารมณ์เสียทันทีถ้าไม่ทำตาม





 สักพักไม่นาน น้ำก็ถูกพาตัวมาที่ริมสระน้ำ บอกตามตรงน้ำไม่กล้าที่จะมองใบหน้าลูกชายของผู้มีพระคุณอย่างเต็มตาเลยตั้งแต่เมื่อวาน เพราะกลัวเค้าจะดุและโมโห อีกอย่างคือเค้าแพ้แววตาของคุณเขตอย่างที่สุด

“มาแล้วครับคุณเขต”

“นายไปได้แล้วสงกรานต์” สงกรานต์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กำลังลังเลไม่รู้ว่าเขตจะทำอะไรน้ำอีก




“ฉันไม่ฆ่ามันหรอกน่า”

“ครับผม”


“คุณเขตมีอะไรให้ผมรับใช้หรอครับ”

“มีสมองคิดบ้างรึเปล่า ที่ฉันเรียกมามันก็ต้องมีสิ ” น้ำสีหน้าเจื่อนก้มหน้าลงไปเหมือนกำลังถูกตำหนิ

“ไปชงกาแฟมาให้ฉัน เดี๋ยวนี้ ”

“คะ …ครับ รอซักครู่นะครับ”




      ผ่านไปสักพัก ร่างบางถือแก้วเซรามิก ราคาแพงมาพร้อมกับขนมปังแป้งหอมกรุ่น เขตได้กลิ่นมาแต่ไกลนึกแปลกใจที่เด็กคนนี้ปิ้งขนมปังได้หอมเหมือนกับท่านปู่ของเค้า ที่เป็นถึงหม่อมเจ้าผู้สูงศักดิ์ แต่เค้าก็สลัดความรู้สึกแปลกใจนั้นไปอย่างง่ายดาย แล้วมองดูร่างบางที่กำลังถือสิ่งที่เค้าสั่งเดินมาที่โต๊ะ

“กาแฟได้แล้วครับ”


    น้ำค่อยเดินเข้าไปวางถ้วยกาแฟลงช้าที่ตรงหน้าเขต ที่ตอนนี้นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่ทันที่แก้วกาแฟจะวางถึงพื้น เขตก็ปัดแก้วกาแฟราคาแพงนั้นออกจากโต๊ะอย่างแรง ต่อหน้าต่อตาน้ำ ร่างบางถึงกับตกใจถอยหลังไปสองก้าว



เพล้ง!! 

เสียงแก้วเซรามิกกระทบพื้น เขตทุบโต๊ะดัง ปัง! ด้วยความโกรธพร้อมกับลุกขึ้นยืนท่าทางเคร่งเครียดสีหน้าน่ากลัว


“ช้า! ช้ามาก ไม่มีใครบอกหรือไงว่า อะไรที่ฉันสั่งห้ามนานเกิน 2 นาที”

“เกิดอะไรขึ้นคะคุณเขต ว้าย เศษแก้วกระจายพื้นเลย น้ำทำหล่นหรอคะ”ไร้คำตอบจากเจ้านายผู้ทะนงศักดิ์ กล้วยไม้กับใบหลิว
หน้ากันอีกครั้ง

“กล้วยไม้ ใบหลิว มาก็ดีแล้ว ต่อไปช่วยบอกเด็กรับใช้คนใหม่นี้ด้วยนะว่าทำอะไรต้องเร็วๆ ห้ามชักช้า”

“คุณเขต จะทำอะไรคะ อย่าโยนค่ะอย่าโยน” กล้วยไม้มองเจ้านายที่กำลังจะปาจานขนมปังอีกใบ

“ฮึ เคยได้ยินไหมกล้วยไม้ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ”



เพล้ง! 


เสียงจานขนมปังดังกระทบพื้น แตกไม่มีชิ้นดีตามมา

“น้ำ ระวังเหยียบเศษแก้วนะ ยืนอยู่เฉยๆนะ เดี๋ยวพี่จะเอารีบหาอะไรมาเก็บไปทิ้งเดี๋ยวนี้แหละ”

“ไม่ต้อง ใบหลิว ให้ต้นเหตุเค้าทำเอง คนอื่นอย่ายุ่ง ”

       กล้วย กับ ใบหลิว มองหน้ากันสีหน้าเหนื่อยใจกับเขต คนต้นเหตุก็คือเค้าเองนั่นแหละที่เป็นคนปามันลงกับพื้น เจ้านายคน
โตที่นิสัยเป็นอย่างนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะยอมทำตามที่เขตสั่ง แม้แต่สงกรานต์เองที่เป็นคนสนิท ยังได้แต่ยืนมองอยู่
เฉยๆห่างๆ ไม่กล้าเข้ามายุ่ง เขตเดินเข้าบ้านไปปล่อยน้ำทิ้งไว้อย่างนั้นคนเดียว ท่ามกลางเศษแก้วที่แตกกระจายเต็มพื้น

           น้ำขวัญเสียมาก กับความโหดร้ายของเขตที่ทำกับเค้า สิ่งแรกที่เค้าตั้งคำถามในใจคือ เขตทำไมถึงเกลียดชังในตัวเค้า
นัก น้ำก้มลงเก็บเศษแก้วด้วยมือเปล่า ท่ามกลางแววตาสงสารของใบหลิว กล้วยไม้ และสงกรานต์ อยู่ห่างๆ

“กล้วยไม้ ข้าวเช้าเสร็จรึยัง ไปตั้งโต๊ะ ใบหลิว ไปทำความสะอาดห้องฉันเดี๋ยวนี้ ส่วนนายสงกรานต์ มากับฉัน เดี๋ยวนี้”

“ค่ะ/ครับ” 

     เขตเรียกลูกน้องไปทำงานจนหมดเพราะจงใจให้น้ำเก็บเศษแก้ว เศษจานเพียงลำพัง ร่างบางหลั่งน้ำตาออกมาราวกับสายน้ำ ความรู้สึกท้อแท้ในชีวิตเค้าไม่คิดว่าจะเจอคนที่โหดร้ายกับเค้าได้ขนาดนี้ เมฆฝนที่ตั้งเคล้าก่อนหน้านี้ได้โปรยรินลงมาจากเบาเป็นหนักขึ้นๆเรื่อยๆ

“ฮือๆ แม่ น้ำคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงพี่ น้ำอยากกลับแล้ว”

     น้ำร่ำไห้แข่งกับสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง และฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างบางก้มเก็บเศษแก้วต่อไปอย่างระวังมือทั้ง
สองข้าง แต่ฝนที่ตกลงมานั้นมันทำให้การมองเห็นของน้ำลดน้อยลง เศษแก้วเล็กๆกำลังบาดมือน้ำเป็นแผลเล็กๆน้อยๆ โดยที่
เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลย

“คุณเขตครับ ฝนตกแล้วนะครับ ให้น้ำเข้ามาในบ้านก่อนเถอะครับ”


“ฉันจะให้เข้ามาจนกว่า จะเก็บเศษแก้วหมดเท่านั้น! ”

“แต่ว่า…”

“สงกรานต์!”

“ครับ! ขอโทษครับ”

        น้ำควานเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ๆมากองกับไว้จนหมด แต่ตอนนี้แผลในมือเริ่มทนพิษน้ำฝนไม่ไหวแล้ว ความแสบของแผลที่โดนน้ำนั้น ร่างบางแสบทรมาน สายฝนโปรยปรายไหลมาชะล้างน้ำตาและเลือดออกไปพร้อมกัน

        จู่ๆเค้าก็เอะใจที่ไม่มีเม็ดฝนตกลงหัวเค้าสักหยดเดียว ทั้งๆที่ถัดจากตัวเค้าไปฝนก็ยังคงตกอยู่

“มานั่งตากฝนคนเดียวทำไม เดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
       

         ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองเสียงทุ้มๆของผู้มาเยือน เป็นหนุ่มหล่อผิวขาวนัยน์ตาคมเข้ม ใส่เสื้อกาวน์สั้นคล้ายคุณหมอเสียไม่มีผิด

        ใช่แล้วต้องใช่คุณหมอแน่ๆ เค้าเคยเห็นเสื้อแบบนี้ในโรงพยาบาล

        พี่หมอผู้นี้ถือคันร่มสีน้ำเงินขนาดใหญ่ต้านเม็ดฝนให้กับร่างบางผู้น่าสงสารเบื้องล่าง

“นายเอามือเก็บเศษแก้วทำไม มือเป็นแผลหมดแล้วเห็นไหม เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ทำแผลให้”




มาต่อแล้วน้า เรื่องนี้คงจะลงได้แต่วันเสาร์ อาทิตย์  รวมแล้วสัปดาห์ละ 2 ตอน คงไม่ว่ากันนะ เนื่องจากไม่ว่างแล้วก็ต้องแต่งนิยายสองเรื่องพร้อมกัน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 2 ✥✥✥ Up. (9/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-08-2015 21:45:06
ทหารบ้าอำนาจททท
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 2 ✥✥✥ Up. (9/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 16-08-2015 07:37:55
ตอนที่ 3



         น้ำถูกพาเข้ามาในบ้านด้วยสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว หนุ่มหล่อรูปลักษณ์คล้ายหมอพาเค้าไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ห้องโถงใหญ่หรูหรา น้ำ ตกใจมากรีบลงมานั่งด้านล่างเพราะจำได้ว่าที่นั่งตรงนั้นเป็นที่ของเจ้านายเท่านั้น ถ้าคุณเขตมาเห็นเข้า เค้าจะต้องงานเข้าแน่ๆ

“นี่ จะไปนั่งด้านล่างทำไมกัน น้องชาย ลุกขึ้นมาเถอะ”

“ไม่ครับ ที่ตรงนี้เป็นที่ของเจ้านาย ผมเป็นแค่คนรับใช้”

“นี่ใครสั่งให้นายเข้ามาในบ้าน ไอ้เด็กรับใช้”

 เสียงเอะอะโวยวายดังลงมาจากระเบียงบ้านชั้นสอง พร้อมกับรีบลงมาจากบันไดอย่างเร่งรีบ สงกรานต์ตามเข้ามาดูติดๆ พร้อมกับกล้วยไม้และใบหลิว ทุกคนดีใจมาก สุดท้ายก็มีคนที่น่าจะพอช่วยน้ำได้

“เขต  นายเป็นอะไรของนาย จะโวยวายทำไมกัน”

“แดนภพ นายไม่เกี่ยว ฉันจะสั่งสอนเด็กรับใช้คนนี้”

“น้องชายคนนี้นะหรอ เค้าไปทำเรื่องไรให้นายไม่พอใจ ”

“มันไม่เกี่ยวกับนาย ไอ้เด็กรับใช้ มานี่เดี๋ยวนี้ ”

“เขตๆๆ พอๆ ใจเย็นๆ ไปกันใหญ่แล้ว นายเป็นถึงหม่อมหลวง แต่ทำไมจิตใจถึงโหดได้แม้กระทั่งกับเด็กรับใช้ตัวแค่นี้”

          เขตหยุดกระชากน้ำ เหมือนกำลังได้สติว่าเค้าเป็นหม่อมหลวง แต่ว่า…

“ปล่อยแขนน้องชายคนนี้เถอะนะ สงสารเค้า ให้เค้าตากฝนก็มากพอแล้ว ดูมือน้องเค้าก่อน เขต บาดเต็มมือแล้ว ฉันจะทำแผล
ให้น้องชายคนนี้เอง”

“นายอย่ายุ่งดีกว่า แล้วนี่นายมาบ้านฉัน มีเรื่องอะไร”

“ฉันมีธุระกับคุณชายภัครพิชัย พ่อของนาย ท่านอยู่ไหม”

“คุณพ่อยังไม่กลับ”

“อย่างนั้นหรอ คุณพ่อของฉันท่านจะเชิญคุณชายไปงานเปิดตัวแฟชั่นที่จัดขึ้นโดยเสี่ยดุษฎี งานนี้ลูกสาวของเค้า แอริน เธอจะเดินโชว์ชุดของเมืองปารีสด้วย แล้วนายก็ต้องไป ”


“น้องแอริน กลับมาเมืองไทยแล้วหรอ?”

“ใช่ มาได้ 2 วันแล้ว และฉันคิดว่าอีกไม่นาน เธอน่าจะมาหานายที่บ้านในไม่ช้า”



ปี๊ดๆๆๆ

“ใครมา สงกรานต์ไปดูให้ที”

“ครับคุณเขต”

“ฮาๆๆ จะเป็นใครไปได้ พูดยังไม่ขาดคำเลย…”

“น้องรินหรอ”

“เดี๋ยวก็รู้”

       รถตู้คันสีขาวหรูจากยุโรปขับผ่านประตูเข้ามาถึงลานน้ำพุหน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนจะจอดสนิทที่ชายคาหน้าบันทางเข้าบ้าน ทุกคนเดินออกมายืนรอคนในรถตู้สีขาวดังกล่าว ประตูถูกเปิดออกโดยพนักงานขับรถหญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีชมพู ประกอบกับทรงผมที่ถูกม้วนขึ้นเก็บอย่างเรียบร้อย ก้าวขาลงจากรถคันนี้ เขตยิ้มดีใจต้องรับหญิงสาวผู้แสนวามและเป็นที่หนึ่งในใจเสมอมา

“น้องริน”

“สวัสดีค่ะพี่เขต พี่แดนภพ กล้วย ใบหลิว แล้วก็สงกรานต์ด้วยนะ”

“น้องริน กลับมาทำไมไม่บอกพี่เขตคะ พี่เขตจะได้ขับรถไปรับที่สนามบิน”

“น่ารักอีกแล้วพี่เขต รินเซอร์ไพรซ์ไงคะ ห่างหน้าหายตากันไป 5 ปี พี่เขตหล่อขึ้นเยอะเลย ”

“น้องรินเองก็สวยขึ้นเยอะเลยค่ะ พี่เขตว่าเข้าบ้านกันดีกว่านะคะ ”

“ค่ะ”

          ที่ห้องโถงโต๊ะรับแขก แดนภพ เขต และแอรินนั่งคุยกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน โดยมีสงกรานต์ยืนอยู่ด้านหลัง
เขต อย่างใกล้ชิด ส่วนน้ำยืนอยู่ห่างๆกับกล้วยไม้และใบหลิว อีกมุมใกล้แจกันใบใหญ่

“คุณแอรินสวยขึ้นนะเธอว่าไหม กล้วยไม้ ”

“ใช่ แต่ฉันไม่ค่อยชอบเธอเสียเท่าไหร่ ”

“ทำไมพูดอย่างนั้นละกล้วยไม้”

“หืม ไม่เจออย่างฉันแล้วใครจะเข้าใจ ต่อหน้าเป็นผู้แสนดีแสนประเสริฐ พออยู่ลับหลังเท่านั้นแหละ ฉันเกือบจะแย่เอา”

“ขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมฉันไม่โดนเหมือนเธอบ้างนะ กล้วยไม้”

“ไม่โดนก็ดีแล้ว ระวังตัวไว้ด้วยนะ น้ำ อย่าได้ไว้ใจเชียว”

“เอ่อครับ พี่กล้วยไม้”



“พี่เขตคะ เด็กผู้ชายตัวเล็กนั่นคือใครคะ”

“อ้อ คนใช้คนใหม่ของคุณพ่อพี่เองแหละ ทำไมหรอ”

“เปล่าหรอกค่ะ รินแค่แปลกใจ เด็กรับใช้เดี๋ยวนี้ผิวพรรณดีเกินกว่าเหตุ มองครั้งแรก รินคิดว่าจะเป็นแขกเจ้าแขกนายพี่เขตเสียอีก”

“ฮึ น้องริน อย่าไปสนใจเลยครับ ก็แค่คนรับใช้ ไม่มีอะไรมากนักหรอก”

“แต่ฉันเห็นด้วยกับน้องแอรินนะ เขต น้องชายคนนั้นดูยังไงก็เหมือนมีตระกูลรุนชาติ จะมาเป็นคนรับใช้บ้านแก มันยังไงๆอยู่ ”

“เลิกคุยเรื่องนี้กันเสียทีเถอะ เปลี่ยนเรื่องซะ”

“ก็ได้ค่ะ พี่เขตคะ อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ พ่อของรินท่านจะจัดงานฉลองโรงแรม ในงานวันนั้นรินได้เดินแบบแฟชั่นโชว์ด้วยนะ
คะ พี่เขตต้องไปให้ได้นะคะ นะคะพี่เขต”

“ครับผม พี่เขตไปแน่นอน น้องรินเดินแบบทั้งที มีหรอพี่จะไม่ไป”

“เย้ พี่เขตน่ารักที่สุดเลย”

“ไปเอาน้ำกับขนมมาให้แขกสิ ไม่เห็นหรือไงว่าน้องรินมา” เขตออกคำสั่ง

“ค่ะๆๆ”

“ใครใช้พวกเธอสองคน กล้วยไม้ ใบหลิว ไปทำความสะอาดห้องคุณพ่อเสร็จแล้วหรอ”

“เสร็จแล้วค่ะคุณเขต”

“ไปทำใหม่”

“อะไรนะคะคุณเขต”

“อะไรของพวกเธอสองคนเนี่ย ไปทำอีกรอบ พูดไม่เข้าใจหรือไง”

“ค่ะๆๆ เข้าใจแล้วค่ะคุณเขต”




“เอ้าแก ยืนเซ่ออยู่ทำไมอีก ไปเอาน้ำ เอาของว่างมาสิ โง่จริงๆเลย” เขตออกคำสั่งกับร่างบางที่ยืนเหลืออยู่เพียงคนเดียว

“เดี๋ยวฉันไปช่วยยกดีกว่า” แดนภพเสนอตัวพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้

“แดนภพ แกเป็นเพื่อนฉันนะ ไม่ใช่คนรับใช้”

“แกก็เห็นว่า น้องเค้ามือเป็นแผลเมื่อกี้ ฉันไปช่วยยกแหละถูกต้องแล้ว”

        เขตเมินหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเค้ากำลังรู้สึกผิดเล็กน้อย เล็กน้อยมากจริงๆ ไม่ทันไรเค้าก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปอย่างง่ายดาย


“พี่ยังไม่รู้จักชื่อน้องชายเลย ชื่ออะไรหรอครับ”

“ชื่อน้ำครับ คุณหมอ”

“ฮาๆๆ เรียกพี่ว่า พี่แดน ก็ได้ ”

“ครับ”

“ยังเจ็บแผลที่มืออยู่ไหม ดูสิ เลือดซึมออกมาจากผ้าก๊อซอีกแล้ว เดี๋ยวพี่เปลี่ยนให้นะ”

“เอ่อครับ จริงๆแล้ว ผมทำเองได้นะครับ พี่แดนจะลำบากเปล่าๆ”

“นี่ พี่เป็นหมอนะ ไม่รักษาผู้ป่วยแล้วจะให้ทำอะไร อย่าดื้อน่า รออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวไปเอากล่องปฐมพยาบาลให้”

“โอ้ย! น้ำเมื่อไหร่จะมา รอนานแล้วนะ! ” เขตโวยวายตะโกนเสียงดังพอ จงใจให้น้ำที่อยู่ในห้องครัวได้ยิน

    น้ำทุลักทุเลหยิบน้ำเย็นออกจากตู้เย็นแล้วรินลงแก้ว 3 ใบจัดใส่ถาด แล้วเดินยกออกไปเพราะไม่อยากให้เขตอารมณ์เสียแบบ
เมื่อกี้อีก มือที่เจ็บระบมทำให้แรงในการยกนั้นเป็นไปได้ยากลำบาก น้ำพยายามประคับประคองถาดแล้ว แต่ก็ยังสั่นอยู่ดีและสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างบางเดินถือน้ำมาถึงโต๊ะที่เขตกับแอรินนั่งอยู่ แต่เพราะทำพิษของแผลที่มือไม่ไหวเลยเผลอปล่อยถาดตกลงไปกระแทกโต๊ะเสียงดังลั่น จนแดนภพตกใจรีบผละจากการหากล่องปฐมพยาบาลออกมาดู

“แก ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย ” เขตตกใจรีบลุกขึ้นยืน น้ำในแก้วกระเด็นไปถูกเค้ากับแอรินเปียกไปหมด

“อ้ายๆๆๆ ชุดชั้นเปียกหมดแล้ว แกรู้ไหมว่ามันแพงแค่ไหน” แอรินเผลอตัวลุกยืนด่าร่างบางอย่างจัดจ้าน

“ผมขอโทษครับคุณเขต คุณแอริน ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“น้ำ พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยกมา พี่จะยกเอง แกนี่ก็ยังไงนะเขต รู้ว่าน้องเจ็บแกก็ยังจะใช้”

“อ้าว ก็คุณพ่อ เอามันมาบ้านนี้ มาเป็นคนใช้คนใหม่ไม่ใช่หรือไง นี่ก็งานของคนรับใช้ ฉันทำเกินเลยตรงไหน แดนภพ”

“เขต แกนี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย น้ำไปกับพี่เดี๋ยวพี่ไปทำแผลให้”

        น้ำตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ยังไม่หาย จนลืมมองสำเร็จตัวเองไปว่าเลือดได้ซึมจากฝ่ามือมากขึ้นๆเรื่อยๆ จนแอรินสังเกตได้

“ว้าย พี่เขตคะ เลือดค่ะ เลือด”

“น้ำ เลือดซึมใหญ่แล้ว รีบไปทำแผลเถอะ”

“ภาระจริงๆเลย!” เขตสบถคำพูดก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้อง

“เขตคะ งั้นรินลาก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาหาให้ ชุดเปียกไปหมดแล้ว แก ไอ้คนรับใช้จำไว้เลยนะ ถ้าชุดฉันเป็นอะไรไปละก็ เตรียม
ตัวไว้ได้เลย ลาแล้วค่ะพี่แดนภพ”

 แอรินเดินสะบัดก้น อารมณ์ฉุนเฉียวออกไปจากบ้าน แดนภพถอนหายใจ ทั้งแอรินและเขต สองคนนี้ทำไมใจร้ายกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนัก เค้าเองก็ไม่เข้าใจ

       แดนภพทำแผลและเปลี่ยนผ้าก๊อซให้น้ำใหม่ น้ำซึ้งในน้ำใจของคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ดีกับเค้าขนาดนี้ เค้ารู้สึกดีใจที่แดนภพดีกับเค้า

“ขอบคุณมากนะครับพี่หมอ”

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปเราเองก็เลี่ยงการทำงานไปก่อนนะ ช่วงนี้ก็ให้กล้วยไม้ ใบหลิวช่วยไปก่อน รอให้แผลหายกว่านี้จะดีกว่า”

“ครับ”

“ว่าแต่นายเองเถอะ พี่ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงเลือกมาเป็นคนรับใช้บ้านหลังนี้ ทำไมไม่เรียนหนังสือ”

“บ้านผมไม่มีเงินหรอกครับ ส่วนเรื่องที่มาเป็นคนรับใช้ เรื่องมันยาวมาก ผมขอไม่เล่าได้ไหมครับ”

“โอเค ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ เอาเป็นว่าพี่จะมาเล่นด้วยใหม่ พี่กลับก่อนล่ะ เออนี่ แล้วนายอยากจะเรียนหนังสืออยู่รึเปล่า”

“อยากสิครับ”

“แล้วนายเรียนจบวุฒิอะไร”

“มอปลายครับพี่หมอ”

“โอเค คิดเอาไว้นะว่าอยากจะเรียนอะไร เดี๋ยวนี้เค้ามีสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากมาย วันหลังจะมาถาม ช่วงนี้เค้ากำลังสมัครสอบกัน ”

“ครับผม”



    น้ำพรากบ้านไป 2 3วัน ชื่นแม่บุญธรรม ได้แต่คิดถึงและภาวนาให้น้ำอยู่กับคุณชายอย่างสบาย กินอิ่มนอนอุ่น อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้น้ำ มาอยู่ในสภาพชีวิตการเป็นอยู่ของตัวเอง ตะวันกับภูผา ช่วงนี้ออกไปรับจ้างขนของในตลาดสดตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะกลับก็ 2 3 ทุ่ม ชื่นก็อยู่บ้านทำข้าวแกงขาย ก็พอจะขายได้บ้างเพราะแถวละแวกนี้มีบ้านเรือนอยู่ไม่น้อย ถึงจะไม่เจริญมาก แต่ก็ถือได้ว่าใกล้กรุงเทพพอสมควร

“อีชื่น!”

“พี่เวท ใช่พี่จริงๆด้วย พี่ไปอยู่ไหนมา ทำไมกลับเอาป่านนี้”

“ชื่น อย่าถามมาก พวกมันมาหาเอ็งแล้วใช่ไหม”

“พวกมัน? อ้อถ้าไอ้พวกที่มันมาเก็บเงิน ก็พอจะนึกออก แล้วพี่ไปยืมเงินพวกมันทำไมไม่ปรึกษาฉันก่อน”

“ใจเย็นๆ แล้วนี่บ้านทำไมเงียบแบบนี้วะ ลูกๆไปไหนหมด ”

“เอ่อ ไอ้ตะวัน ไอ้ภูผา สองพี่น้องมันไปทำงานที่ตลาดสด ถามทำไม”

“เปล่า ว่าแต่ทำไมจู่ๆต้องไปทำงานที่ตลาดสด ”

“ก็หาเงินมาชดใช้หนี้นะสิ”

“อีชื่นเก็บของข้าจะพาเอ็งกับลูกหนีไปอยู่ต่างจังหวัดบ้านเกิดของข้า”

“ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละพี่เวท  จะหนีไปไหนกัน บ้านเราก็มี”

“เดี๋ยวพวกมันก็มาฆ่าเอ็งกับลูกหรอก”

“ทีอย่างนี้กลัวตายขึ้นมาเชียวนะพี่เวท ถามจริงๆเถอะ คิดยังไงไปยืมเงินเค้ามาเยอะแยะขนาดนี้”

“ก็ จริงๆไม่ได้ยืมมาเยอะแยะอะไรมาก แต่ดอกมันแพง ร้อยละ 30 ข้าจนปัญญา ไม่มีเงินจ่ายดอกกับเงินที่ยืมเลยเถิดไปเป็น
ล้าน”

“เออๆ ช่างมันเถอะ เรื่องมันแล้วๆมาแล้ว มีคนเค้ามาช่วยไว้เป็น หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ธำรงอาภรณ์นิช”

“จริงหรือวะ ฮาๆ โชคดีจริงๆ”

“พี่เวท ฉันขอเถอะนะ อย่าได้ไปยืมเงินนอกระบบแบบนั้นอีก ลำพังเงินที่พวกเราช่วยๆกันหามามันก็พออยู่กันได้นะ”

“เออๆ ข้าไม่ทำอีกหรอก ครั้งก่อนข้าไม่รู้ทันเล่ห์เลี่ยมมันนี่หว่า มันให้ข้าเซ็นชื่อ ข้าก็เซ็นต์ไป”

“เออๆ ช่างเถอะ ”

“แล้วนี่ น้ำไปไหน”

“ท่านชายทรงมีบุญวาสนา คุณชายภัครพิชัยเอ็นดูเมตตา เลยอยากขอรับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม แต่ฉันโกหกท่านชายไปเองว่า
ให้ไปอยู่ที่นั่นทำงานที่นั่นจะได้ช่วยแบ่งเบาหนี้สิน”

“ก็ดีแล้วล่ะ จริงๆท่านชายควรจะประทับที่บ้านคนรวยๆ ไม่ควรจะประทับที่บ้านเก่าๆโทรมๆแบบนี้หรอก”

“พี่คิดได้แบบนี้ฉันก็ดีใจ ทีแรกคิดว่าพี่จะคัดค้านเสียอีก”

“เฮ้ย บ้าไปแล้ว ท่านชายได้ที่อยู่ดี กินดีขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว”

       สองสามีภรรยายืนสนทนากันอย่างมีความสุขแล้วเดินเข้าไปสวมกอดกันและกัน เพราะเชื่อว่าน้ำจะอยู่อย่างสุขสบาย แต่พวกเค้าจะคิดหรือไม่ว่าน้ำไปอยู่บ้านหลังนั้นไม่ต่างจากคนรับใช้คนหนึ่งของภูธเนศหรือ เขต หนุ่มทหารใหญ่ผู้มีอำนาจดุจพญาอินทรี




       สวนดอกไม้ใกล้บึง สถานที่ยอดฮิตของใครหลายๆคนที่อยากจะมาวิ่งหรือว่าพักผ่อนยามเย็น น้ำพุที่อยู่กลางบึง พ่นน้ำออกเป็นแฉก 7 แฉก คล้ายพัดงดงามมาก ชายหนุ่มร่างบางกำลังวิ่งออกกำลังไปตามพื้นคอนกรีตเล็กรอบบึง หยาดเหงื่อที่ไหลรินเต็มร่างกาย บ่งบอกว่าเค้าวิ่งมาได้สักพักแล้ว เค้าหยุดวิ่งแล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการเดินแทน พลางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วหายใจเข้า แล้วยกแขนลงพร้อมกับหายใจออก อยู่อย่างนั้น

“น้ำพุสวยจริงๆนายว่าไหม” เสียงเอ่ยทักจากด้านข้าว หนุ่มร่างบางถึงกับรีบหันไปมอง

“นี่นาย!”

        ร่างบางถอดสีหน้าทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใคร พร้อมกับจะเดินหนีชายผู้มาเยือนเมื่อครู่ แต่อีกฝ่ายดูท่าทางจะไม่ค่อยยอมเสียเท่า
ไหร่ แอบอมยิ้มแล้วรีบเดินตามหลังมา

“ฟ้ามอญ รอเราด้วยดิ”

“มันเรื่องอะไรของฉันเล่า!” เค้าตอบกลับโดยไม่หันหลังกลับไป

“นายยังโกรธฉันอยู่อีกหรอ บอกแล้วไงมันคือกิจกรรม มันคือการแสดง เราไมได้ตั้งใจ ”

“เลิกพูดซะทีเถอะน่า”

“นายนั่นแหละเลิกเดินหนีซักทีจะได้ไหม”ต่อพูดไล่หลังเพราะอยากให้ฟ้ามอญหยุดเดินได้แล้ว

“อุ้ย เบรกทำไมไม่บอกเนี่ย ฟ้ามอญ”

“นาย! ดูนั่น เพื่อนคนนั้นเค้าเป็นอะไร เหมือนรถล้มรึเปล่า ”

     ร่างบางชี้นิ้วไปยังภาพเบื้องหน้า มีหนุ่มชายรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งอยู่บนพื้นหญ้ากำลังเอามือกุมขาด้านซ้ายเอาไว้ดูเหมือน เค้าจะได้รับบาดเจ็บ

“นายไปดูเพื่อนคนนั้นหน่อยดีไหม”

“อืม ไปสิ!”

        ฟ้ามอญเดินจนมาถึงคนที่บอกเมื่อครู่ ดูจากสีหน้าของเพื่อนชายนี้เค้าจะเจ็บที่แผลไม่น้อย เพียงแค่เดินเข้ามาใกล้ก็พบรถจักรจานนอนแนบกับพื้น สาเหตุก็คงไม่ต้องบอกแล้วว่ามาจากอะไร

“นายเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ฟ้ามอญเอ่ยถามเพื่อนชาย

“เปล่า! เราโอเค” ชายหนุ่มตอบเพื่อนผู้มาเยือนอย่างถือตัว

“ลุกไหวไหม” คราวนี้ ต่อ ถามขึ้นบ้าง ชายหนุ่มมองหน้า ต่อ แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ไหวสิ ขอบใจมาก”

“ถ้าไม่ไหวบอกได้นะจะช่วยพยุง” ภูวนนท์ถามพร้อมกับจะเข้าไปช่วยอย่างที่พูดจริงๆ

“มีน้ำใจจัง นี่ถ้าบอกว่าไม่ไหวจริงๆจะไปส่งพอรึเปล่า ต่อ”

“รู้จักชื่อเราด้วยหรอ?”

“ไม่แปลกหรอก เมื่อวานฉันจำนายได้ขึ้นใจเลยแหละ ที่กิจกรรมตอนเย็นเมื่อวานนี้”

“ฮาๆ อย่างนี้นี่เอง เอ้า ฟ้ามอญจะไปไหนล่ะนั่น”

“เปล่า ไม่อยากขัด คุยกับต่อเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” ร่างบางเดินหน้าบึ้งนำหน้าไปไม่แคร์สองคนที่กำลังสนทนากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“เฮ้ย ได้ไง รอด้วย ไปแล้วนะ ไว้วันหลังถ้าได้เจอกันอีก จะมาถามชื่อนายนะ”

“ไม่ต้องหรอก รู้ตอนนี้ไปเลย เราชื่อ อังกอ ยินดีที่ได้รู้จัก ”

“โอเค อังกอ ไปแล้วนะ เดี๋ยวตามฟ้ามอญไม่ทัน”

“ตามสบายเลย แล้วเจอกัน” อังกอโบกมือให้ ต่อ พี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามฟ้ามอญไป

              อังกอโบกมือส่งต่อ จนลับตาไป สีหน้าเปลี่ยนคนละอย่างกับเมื่อครู่ แววตาที่ไม่เป็นมิตรปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวเนียนนั้น


“ทำไมต้องเป็นแกด้วยนะ ฟ้ามอญ!”



มาต่อแล้วนะ ตอนที่ 4 จะตามมาติดๆวันนี้เลย  ขอบคุณที่รออ่านนะ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 3 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 16-08-2015 21:51:17
ตอนที่ 4



    หนุ่มร่างสูงหนาเดินตามฟ้ามอญจนทัน แล้วเดินไปดักหน้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเพื่อนชายตรงหน้าเค้าก็จะเดินไม่ยอมหยุด ภูวนนท์เองก็งงเหมือนกัน อารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้ ฟ้ามอญเหมือนเด็กไม่มีผิด

“นี่! เมื่อกี้นายเป็นอะไร เดินกะหวัดกะเหวี่ยงออกมาเชียว”

“ก็เห็นๆอยู่ว่าเพื่อนคนนั้น เค้าไมได้อยากคุยกับฉันสักหน่อย หลีกทางด้วย ฉันจะกลับหอ”

“นึกว่าเรื่องอะไร ก็แน่อยู่แล้วแหละคนหล่อๆหน้าตาดีแบบฉันใครก็อยากเป็นเพื่อน มีแต่นายเนี่ยแหละที่แปลก!”

“อย่าดึงฉันไปเกี่ยวข้องด้วยนะ จะบอกให้นะ ไอ้คนเมื่อกี้ดูตาก็รู้ว่าคิดยังไงกับนาย”

“คิดยังไงหรอ”




“ไม่รู้ อยากรู้ก็ไปถามคนนั้นเองสิ”

“ฟ้ามอญ! ทำไมต้องเอาแต่เดินหนีเรา นายโกรธเราหรือเกลียดเราขนาดนั้นเลยหรอ”



“เปล่า!”

“อ้าว แล้วทำไมต้องเดินตลอดด้วยล่ะ นี่… นี่เราขอนายเป็นเพื่อนนายยังไม่ตกลงเลยนะ ฟ้ามอญ ”

“เพื่อน! โอเค ได้”

“ขอบใจนะ ” ต่อยิ้มร่า อย่างกับเด็กได้ของเล่น

“แต่…นายต้องสัญญากับเราก่อนหนึ่งข้อ”

“ได้ๆ สัญญาอะไรว่ามาสิ”

“ห้ามมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเราเด็ดขาด รับปากสิ”



“เอ๋? โอเคๆ เรารับปาก”

“ดี ฉันไปละ ”

“ไปไหน!”

“นี่พูดยังไม่ขาดคำเลยนะ วุ่นวายชีวิตฉันอีกแล้ว”

“โอเคๆ ไม่ถามก็ได้ ”

“เอ๊ะ แล้วนี่จะเดินตามมาทำไมกัน”

“ก็ทางกลับหอเรา ทางเดียวกันลืมไปแล้วหรอครับ ”

       ฟ้ามอญทำเสียงหายใจฮึดฮัด ก่อนจะเดินนำลิ่วไปด้านหน้า ต่อยิ้มร่าที่เห็นฟ้ามอญหงุดหงิด เค้าชักอยากแกล้งฟ้ามอญแบบนี้ไปเรื่อยๆแล้วสิ คนตัวเล็กๆเอาแต่ใจมันน่ารักจะตายไป






    ผ่านไปหลายวันชายหนุ่มผู้ทรงศักดิ์ ได้กลับบ้านทีเสียที ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รวมทั้งน้ำ เด็กหนุ่มที่รอคอยผู้มีพระคุณกับเค้าจนดีใจแทบเนื้อเต้น

“สวัสดีครับคุณพ่อ/สวัสดีค่ะ,ครับคุณชาย”

“สวัสดีทุกคน ที่จริงไม่เห็นต้องมายืนต้อนรับอะไรขนาดนี้ก็ได้ มีงานอะไรก็ไม่ทำเถอะนะ”

“ค่ะ/ครับ”

“เดี๋ยวก่อนหนูน้ำ อยู่ที่นี่มาได้เป็นสัปดาห์แล้ว สบายไหม กินข้าวอิ่มรึเปล่า”

“เอ่อ สบายดีครับ กินข้าวอิ่มทุกมื้อเลยครับ”

“อืม เธอสองคนรู้จักกันแล้วหรือยัง ”

     รอยยิ้มของร่างบางหดน้อยลงเมื่อคุณชายกำลังทาบทามถามความสนิทสนมของลูกชายกับเค้าเอง แต่แปลกมาก หนุ่มน้อยไม่เข้าใจเขต เค้าเปลี่ยนบุคลิกเป็นอีกคนหนึ่งโดยไม่น่าเชื่อ ผู้ที่โหดและใจร้ายกับเค้ามาตลอด 1 สัปดาห์จะมีนิสัยดีอย่างนี้ 

“แน่นอนครับคุณพ่อผมกับน้องน้ำ รู้จักกันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าน้องเค้าจะน่ารักขนาดนี้ นิสัยก็ดีด้วย ผมชักจะเอ็นดูน้องขึ้นมาแล้วสิ
ครับ ”

“หรอ เจ้าเขต พ่อดีใจที่แกรู้สึกอย่างนี้ หนูน้ำคงจะดีใจ พ่อว่าจะบอกเรื่องนี้ให้เขตฟังแต่พ่อยุ่งไม่มีเวลากลับมาบ้านเลย พ่อจะรับ
น้ำเป็นลูกบุญธรรม เขตจะว่ายังไง”

“อะไรนะครับคุณพ่อ!”

“จะเสียงดังไปทำไมเจ้าเขต สรุปนายจะว่ายังไง”

“เอ่อ…คือ ละ…แล้วแต่คุณพ่อเถอะครับ”

“คุณชายครับ ผมไม่เอาดีกว่าครับ แค่ผมอยู่ที่บ้านคุณก็ดีมากๆแล้วครับ ทำแบบนี้ไปทุกฝ่ายก็หนักใจเปล่าๆ”

“ไม่เห็นจะหนักใจเท่าไหร่เลย หนูน้ำ ฉันเชื่อว่าทุกคนยินดีหมด ”

“แต่ว่า…”

“เอาเถอะนะ หรือว่าหนู รังเกียจที่อยากจะมาเป็นลูกของฉัน”

“ไม่นะครับ ใครจะไปคิดแบบนั้นกับหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ”

“ฮาๆ ดี แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย เอาล่ะ ดูหนูแต่งตัวตอนนี้สิ นี่คงจะมีแต่ชุดเก่าๆทั้งนั้นเลย ฉันว่าหนูควรจะไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ
มาใส่แล้วนะ ไพบูลย์!”

“ครับคุณชาย ไปเอารถออก แล้วพาหนูน้ำไปซื้อเสื้อผ้ามาซัก 10 20 ชุดที  รวมทั้งของใช้สอยต่างด้วยนะ”

“ครับคุณชาย”

“เดี๋ยว! ไพบูลย์ไม่ต้อง คุณพ่อครับ ผมจะพาน้ำไปซื้อเองครับ”

“อย่างนั้นหรอ ดูท่าเขตจะถูกใจหนูน้ำเหมือนพ่อแล้วสินะ ก็ดีผูกพันกันไป พ่อขอตัวขึ้นพักที่ห้องก่อนนะ อาหารมื้อเย็นช่วยไป
ปลุกพ่อด้วยแล้วกัน”

“ครับคุณพ่อ”




       เขตเดินไปที่โรงเก็บรถได้ไม่ถึง 10 ก้าวก็หันหน้ากลับมามองร่างบางที่ยังยืนอึกอักอยู่ที่เดิม เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะไปกับเค้าดีหรือไม่ เขตเห็นภาพนั้นแล้วมันยิ่งขัดหูขัดตา เรื่องของเรื่องใช่ว่าเค้าอยากจะทำแบบนั้นซักหน่อย นึกมาแล้วเค้าก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาอีกรอบ



“ยืนโง่ทำซากอะไรอยู่ตรงนั้น ตามมาสิ”


“คะ..ครับ คุณเขต”




       น้ำเดินตามเขตจนขึ้นไปอยู่บนรถ น้ำนั่งนิ่งโดยไม่พูดไม่จา เขตถอนหายใจแบบไม่สบอารมณ์ก่อนจะถอยรถแล้วขับออก
จากรั้วสีขาวไปตามถนน มุ่งหน้าสู่กลางมหานคร ไปยังสยามพารากอน




“ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือไง ทำไมไม่พูด”

“ผม ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีครับ”

“ฮึ! อย่านึกนะว่าฉันจะดีกับแก ฉันเอาใจคุณพ่อไปอย่างนั้นแหละ”

“ผมทราบครับ”

“นี่แก! หมายความว่ายังไง แกรู้หรอว่าฉันแสดงละครเมื่อกี้นี้”



“…” น้ำไม่ตอบ แต่กลับนั่งตัวเกร็งไปหมด จนชายหล่อแววตาดุจเหยี่ยวคู่นั้นเริ่มหมดความอดทน



“ฉันถามแกทำไมไม่ตอบ”

       เขตเอามือด้านซ้ายเอื้อมบีบคางน้ำอย่างแรง จนริมฝีปากบิดเบี้ยวไปจากเดิม

“โอ้ย! คุณเขต ผมเจ็บครับ”

   ร่างบางพยายามเอามือสองข้างแกะออกแต่ไร้ผล แรงมหาศาลของชายหนุ่มผู้ผ่านการฝึกฝนและออกกำลังจากอย่างทหารแบบเค้า หนุ่มน้อยไร้แรงสู้อย่างน้ำ ไม่มีทางแกะมันออกได้หรอก




“จำเอาไว้ อย่าปากดีให้มันมากนัก”

“ครับผมจะจำไว้" เขตได้คำตอบที่พอใจ ก่อนจะคลายมือหนานั้นออกจากคางของน้ำ ที่ตอนนี้แดงไปหมดแล้วจากแรงที่บีบเค้นเมื่อครู่
     



    ระหว่างทางเขตกับน้ำไมได้คุยอะไรกันอีกเลย เขตขับรถไปยังเส้นทางใหญ่ น้ำตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยได้ออกไปเที่ยวไหนไกลบ้าน พอมาเจอบ้านเมือง รถยนต์ รถไฟฟ้า ผู้คนมากมาย ถือว่านี่เป็นประสบการณ์ใหม่ของเค้าเลยทีเดียว

“อย่าทำสีหน้าเป็นบ้านนอกตื่นเมืองจะได้ไหม ฉันไม่ชอบ”

“อ่ะ เอ่อ…ครับ ” น้ำสีหน้าสลดก่อนจะเบิกตากล้างอีกครั้งเมื่อเห็นรั้วบ้านริมถนนฝั่งซ้ายมือติดกับที่เค้านั่ง




“สวยจังเลย”
           สักพักร่างก็บางเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่เขตได้ยินสิ่งที่เค้าพูดแล้วมองตาม ก็รู้ว่าร่างบางกำลังเห็นอะไร รั้วบ้านสีขาว เหล็กดัดที่ออกเป็นเหมือนตราสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง สีทองขดโค้งสวยงามตามรั้วประตู ยาวเกือบ 300 เมตร มองเข้าไปด้านใน ลึกเข้าไป มีบ้านหลังใหญ่ออกแบบเป็นไม้ผสมผสานกับปูนได้อย่างสวยงาม ลงตัว ประตูซุ้มทางเข้าไปนั้นสวยงามความเป็นซุ้มปูนที่มีสัญลักษณ์ ฉ ฉิ่งตัวสีแดงอยู่ในวงกลมสีขาว มียามเฝ้าประตู 2 คน

“นั่นน่ะ เค้าเรียกว่าวังฉัตรอรุณ เจ้าของบ้านคือ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ มีพระชายา 3 ท่าน คนแรกหม่อมบุหลัน คนที่สองหม่อมรุ้งพราว และคนที่สามหม่อมพิมล แต่ได้สิ้นชีวิตแล้ว แต่ก่อนพระชายาทั้งสามล้วนแล้วแต่เป็นสามัญชน”

“อย่างนั้นหรอครับ  ”


“ตอนนี้ที่วังก็มีเพียง หม่อมบุหลัน หม่อมรุ้งพราว รวมไปถึงโอรสอีก 2 องค์ คือ หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ และหม่อมเจ้ารัตชยาดล ไกลเกียรติขจรกุล ประทับอยู่ที่วังนี้ พูดไปคนจนๆแบบแกคงไม่เข้าใจหรอก”

“ครับ ผมไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้ก็ดีนะครับ ขอบคุณมากที่เล่าให้ฟัง น่าอยู่ที่สุดเลย”

“ฮึ ไม่เจียมกะลาหัว แบบแกเนี่ยนะได้อยู่บ้านฉันก็บุญขนาดไหนแล้ว ”

“ขอโทษครับ!”

“พอๆ ฉันเบื่อคำว่าขอโทษพร่ำเพื่อ”

“ว่าแต่คุณเขตครับ คุณเขตเป็นหม่อมหลวง แล้วหม่อมเจ้าที่ว่าเมื่อกี้ แตกต่างกันยังไงหรอครับ”

“เข้าใจถามนะ เอาเป็นว่า ยศของฉันอยู่ต่ำกว่าหม่อมเจ้า แม้แต่คุณพ่อที่เป็นหม่อมราชวงศ์ยังต้องให้ความเคารพ ”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ก็ไม่ควรถามแต่แรก ไอ้โง่เอ้ย เอ้า เตรียมตัวอีกถึง 10 นาทีน่าจะถึงแล้ว ”

     น้ำก้มหน้าสลดอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าไปมองวังฉัตรอรุณอีกรอบหนึ่ง เค้ารู้สึกดีและมีความสุขมากที่ได้เห็นวังนี้ เป็นวังที่สวย
ร่มรื่นจริงๆ ร่างบางยังแอบคิดไปไกลถึงสักวันที่ตัวเองได้เป็นโอรสของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ วันนั้นตัวเค้าเองจะเป็นเช่นไร




       ณ บ้านศศิวานนท์ แดนภพนั่งยิ้มอยู่คนเดียวที่หน้าจอทีวี ทั้งๆที่รายการบนจอทีวีเป็นละครที่กำลังโศกเศร้า คุณชายประศิต
ผู้เป็นพ่อถึงกับงงกับ อารมณ์แสดงออกของลูกชาย

“แดนภพ วันนี้ไปทำอะไรมา ทำไมดูร่าเริงผิดปกติ”

“เปล่านี่ครับคุณพ่อ ว่าแต่คุณพ่อเถอะครับ กลับมาตอนไหน ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“พ่อกลับมานายแล้ว สงสัยละเมอ เพ้อยิ้มเสียนาน จนไมได้ยินเสียงรถของพ่อละสิ”

“โถ คุณพ่อ อย่าเพิ่งงอนผมสิครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้คุณพ่อดีกว่า”

“ไม่ต้องแล้วค่ะคุณแดนภพ แจ่มยกมาแล้วค่ะ เชิญคุณชายที่โต๊ะก่อนนะคะ”

“อะไรกันแจ่ม ตัดหน้าผมอีกแล้ว”

“อ้าว ก็มันหน้าที่แจ่มนี่คะ คุณแดนภพ”

“คุณพ่อครับ เรื่องที่คุณพ่อให้ผมไปบอกคุณอาภัครพิชัย เรียบร้อยแล้วครับ แต่ไม่รู้ท่านจะว่างไปหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไร เราแจ้งให้ทราบ ก็ดีแล้วล่ะ เออนี่ เสี่ยสิงห์ เค้ามีโครงการใหญ่ยักษ์ จะเปิดตลาดการค้าขนาดใหญ่ใกล้แถว บางขุนเทียน เชียวนะ”

“อย่างนั้นหรอครับ แปลกดีนะครับ ช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปี เสี่ยสิงห์มีแต่รายได้มหาศาล ผิดสังเกตจริงๆ”

“เอาเถอะๆ อย่าพูดดังไปนะ ยิ่งข้างนอกบ้านยิ่งห้ามพูดไปใหญ่เข้าใจไหมลูก เผลอๆใครมาได้ยินไปเข้าหูเสี่ยสิงห์ มีหวังเดือด
ร้อนกันหมด”

“ครับคุณพ่อ ผมว่าจะไปขึ้นเวรแล้วนะครับ ไปก่อน 30 นาที เตรียมตัวไว้”

“ดีแล้วลูก ตั้งใจนะ พ่อเฝ้าบ้านให้เอง”

“ครับผม ไปแล้วนะครับ แจ่มจันทร์ ดูแลพ่อด้วยนะ”

“อย่าห่วงเลยค่ะ มีสุชาติ คนสนิทคุณชายอีกคน ไม่ต้องห่วงนะคะ”

       แดนภพยิ้มให้แจ่มจันทร์หญิงสาวอายุเกือบ 30 ปีก่อนจะออกจากบ้านไป  ที่ทำงานของแดนภพคือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ใกล้ๆบ้านเค้าเอง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองมหานครแห่งนี้ แดนภพเป็นแพทย์เชียวชาญด้านจักษุแพทย์ ทำงานมาได้  2 ปีแล้ว

        ในโรงพยาบาลไม่มีวันไหนที่แดนภพจะถูกมองจากสายตาของพยาบาลสาวทั้งโรง ด้วยความที่แดนภพเป็นหมอหนุ่มไฟแรง รูปลักษณ์หน้าตา ถือว่าดูดี หญิงสาวที่ไหนจะไม่มอง อีกทั้งยังเป็นคนสุขุม ใจเย็น วางตัวเหมาะสมถูกกาลเทศะ แตกต่างจากเพื่อนที่สนิทกันมากอย่างพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ หรือ เขต ที่มีนิสัยวู่วามเป็นไหนๆ ใจร้อน ดื้อรื้นไม่ยอมฟังความคิดเห็นใครเลยนอกจากพ่อของเค้าเอง





             เขต พาน้ำ เดินซื้อเสื้อผ้าจากร้านนั้นเข้าร้านนี้ น้ำเกรงอกเกรงใจมาก แต่เขตก็ดูแลเขตอย่างดี ถึงแม้จะขัดใจเค้ามากขนาดไหนก็ตาม ถึงไม่อยากทำยังไงก็ต้องทำ เพราะตัวเองบอกกับพ่อไปแล้ว ต้องทำมันให้ดีที่สุด  น้ำเดินแบกของที่เขตพาไปซื้อด้วยตัวของเค้าเอง หลายถุงหิ้วมากเข้าๆ จนล้มมือเล็กๆที่จะโอบล้อมสายได้หมด เขตทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ได้แต่เดินนำหน้าพาเข้าร้านต่อไป คนข้างๆที่มาเดินห้างต่างมองตามกันเป็นแถวๆ จะให้คนเหล่านั้นคิดยังไง เด็กหนุ่มตัวเล็กๆผิวพรรณดีอย่างกับคุณหนู เดินช็อปปิ้ง ถือของเยอะแยะหนักเกินตัว ถืออย่างทุลักทุเล ปราศจากน้ำใจของชายหนุ่มร่างหนาสูงด้านหน้าที่ไม่แม้แต่จะหันมาถามว่าให้ช่วยหรือไม่

“นี่ ถือให้มันดีๆหน่อย เดี๋ยวเราจะไปต่ออีก 2  3ร้านเชียวนะ อย่าช้า!”

“แต่คุณเขตครับ ผมว่าเสื้อผ้าหมดนี่น่าจะพอแล้วนะครับ ผมว่าเรา…”

“อย่าเสนอหน้ามาออกความคิดเห็น เดี๋ยวกลับไปตอนนี้คุณพ่อก็ด่าฉันแย่ว่าซื้อของให้นายน้อยเกินไป เดินตามมาได้แล้วอย่า
ชักช้า!”

“คะ..ครับ”


        เขตพาน้ำเข้ามาร้านเสื้อผ้าอีกร้านหนึ่งที่ก็หรูเหมือนกัน คนในร้านดูน้อยมาก เท่าที่ร่างบางเห็นก็มีเพียงชาย  3 คน อีกคนดูดีมีฐานะ พร้อมกับลูกน้องใส่สูทแขนยาว 2 คนยืนดูอยู่ห่างๆ




“ฝ่าบาท ไม่นึกว่าจะได้เจอที่นี่ จำกระหม่อมได้หรือไม่”

“นายคือใครกันหรือ”

“กระหม่อม คือ หม่อมหลวงภูธเนศ ลูกชายของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ธำรงอาภรณ์นิช กระหม่อม”

“อ้อนายคงชื่อ เขต ใช่ เขต นั่นเอง เราจำนายได้แล้ว สมัยเด็กๆ นายเคยไปเล่นที่วังของเรา”


“ดีใจจริงๆที่ฝ่าบาทยังจำได้”

“ไม่สิ เราต่างหากที่ไม่ดีเลย ไม่จำเพื่อนสมัยเด็กๆอย่างนายไปได้ยังไง เอาเถอะไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ให้วุ่นวาย ดูสิพนักงาน
มองเรากันใหญ่แล้ว”

“สุดแล้วแต่จะโปรด กระหม่อม”

“นี่ใครกัน ทำไมถือของเยอะแยะขนาดนั้น”

“คนใช้คนใหม่นะครับ ท่านชาย เอ้าไหว้  หม่อมเจ้ารัตชยาดล ซะสิ”

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่านายจะมีคนรับใช้น่ารักได้ขนาดนี้ โถแล้วนี่ถือไหวหรืออย่างไรกัน ของเยอะแยะเต็มไม้เต็มมือ”


“ไหวครับ ผมสบายมาก” น้ำตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง เขตหันหน้ามาดุเข้าให้ ทำงานร่างบางจ๋อยไปทันที

“เด็กคนนี้ ไม่ค่อยรู้กาลเทศะ ท่านชายอย่าได้ถือสานะครับ ”

“เปล่าเลย เราจะไปถือสาอะไรเด็กคนนี้ ดูไปเค้าน่ารักดีนะ ไปขัดผิวออกเสียหน่อยน่ากระจ่างใสขึ้น”

“แล้วนี่ท่านชาย โปรดเสื้อตัวไหนบ้างหรือยังครับ ” เขตพาท่านชายคุยนอกเรื่อง

“ได้ 2 ตัว พอดีจะใส่ไปงานของดุษฎี เจ้าของโรงแรมไอยรา ได้ข่าวว่าจะเปิดตัวลูกสาวคนเดียวที่เพิ่งจะกลับมาจากเมืองนอก”

“ไม่นึกว่า ท่านชายจะเสด็จ ไปงานของเสี่ยสิงห์นี้ด้วย”

“จะไม่ให้ไปก็กระไรอยู่นะเขต ดุษฎีไปเชิญถึงที่วังฉัตรอรุณ ยังไงเราก็ต้องไป เป็นตัวแทนของท่านแม่และท่านป้าด้วย”

“จะว่าไป กระหม่อมไม่ได้ไปวังเสียนาน  ในวังสบายดีทุกองค์นะครับ”

“สบายดี ไว้มีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมเราบ้างนะ เขต ได้ข่าวจากคุณชายภัครพิชัย ว่านายเป็นถึงพันเอก หน้าที่การงานคงจะสบายนะ”

“เรื่อยๆครับ ท่านชาย อืมถ้ายังไงก็กระหม่อมขอลา พอดีรีบกลับบ้านครับ”

“อืม โอเค ไว้เจอกันใหม่นะ เขต ”

“น้ำ ลาท่านชายเร็ว”

“สวัสดีครับ”

“ครับ แล้วเจอกันนะหนุ่มน้อย”

        หม่อมเจ้ารัชชยาดลยิ้มให้น้ำอย่างเอ็นดู โดยหารู้ไม่ว่า น้ำคือ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ น้องชายต่างมารดาของเค้านั่นเอง อายุห่างกันถึง 10 ปี เขตเดินนำน้ำออกจากร้านไป โดยไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าร้านนั้นเลย น้ำเดินตามอย่างทุลักทุเลถือของ ไปจนถึงที่จอดรถ

“เอาของวางไว้เบาะหลังนี่แหละ เร็วๆ ฉันหิวข้าวเย็นแล้ว ”

“ครับผม กำลังรีบครับ”

“อ้อก่อนนอนคืนนี้  ชงกาแฟมาให้ที่ห้องฉันด้วย เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ”

“อย่าช้านะ ไม่อย่างนั้น แก้วกาแฟ ไม่ตกแตกกระแทกพื้นเหมือนคราวก่อนแน่ แต่จะเป็นหน้าแกแทน จำไว้ คนอย่างฉันไม่ชอบ
อะไรที่เชื่องช้า ไม่ชอบอะไรที่ขัดใจ และไม่ชอบอะไรที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง”


       เขตพูดพลางเอานิ้วชี้หน้าสั่งน้ำ จนหน้าเค้าจะยื่นไปโดนหน้าน้ำเข้าให้ น้ำบีบตัวเองให้เล็กลงสุดฤทธิ์พร้อมกับเบี่ยงตัวไป
ติดประตูรถด้านซ้าย ทุกสิ่งที่เขตพูดมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดตรงกันข้ามกับที่เค้าเป็นอยู่ทุกอย่าง หรือพูดง่ายๆคือนิสัยของตัว
เองขนานแท้




ตอนที่ 4 มีการใช้คำศัพท์สำหรับหม่อมเจ้า ได้มีการศึกษาแล้ว แต่อาจจะผิดพลาดไปบางคำ ต้องขอโทษล่วงหน้า และขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เจอกันใหม่ อีก 2 ตอน วันเสาร์ อาทิตย์หน้า นะ

ต่อไป น้ำ จะเจออะไรนะ เมื่อตอนถึงบ้าน ธำรงค์อาภรณ์นิช  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 4 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-08-2015 21:55:17
ศัพท์เยอะมวั่ก (ไม่ถนัดอ่านพวกราชาศัพท์เลยจริงๆ)

แต่ก็รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 4 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 16-08-2015 22:13:09
เพลียคุณเขต  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 4 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-08-2015 23:23:10
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 4 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-08-2015 23:59:28
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 4 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-08-2015 21:39:08
ไม่ไหวๆนิสัยแบบนี้
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 4 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 18-08-2015 00:19:06
ทำอะไรกับเค้าไว้ อนาคตระวังจะเงิบนะเขต  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥✥ตอนที่ 4 ✥✥✥ Up. (16/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 22-08-2015 13:51:26
ตอนที่ 5




          ชายหนุ่มคมเข้มใส่ชุดลำลอง นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆภายในห้องที่กว้างใหญ่เกินกว่าคนคนเดียวจะอยู่อาศัย ภายในห้องถูกจัดออกเป็น 3 ส่วนย่อย ส่วนแรกเป็นห้องนั่นเล่น มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เดินตรงไปหน่อยเป็นห้องนอน เตียงหรูหรา ส่วนอีกห้องเป็นห้องสมุดที่ถูกจัดอยู่บนชั้นวาง 5 ชั้น รวมกันน่าจะเกิน 1000 เล่มได้   ไม่นานเสียงเคาะประตูไม้สักก็ดังขึ้น เจ้าของห้องละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านแล้วมองไปยังประตูด้านหน้า         


“เข้ามา!”


          สิ้นสุดคำสั่ง ก็ปรากฏร่างหญิงสาวที่คุ้นหน้าดี สร้างความงุนงงให้กับเค้ายิ่งนัก เธอค่อยเดินเข้ามาใกล้เค้าเรื่อยๆ แล้วนำแก้วกาแฟพร้อมกับขนมปังชิ้นเล็กๆหอมกรุ่นวางไว้ที่โต๊ะ


“เดี๋ยว! นี่มันอะไรกัน กล้วยไม้”

“เอ่อ กาแฟที่คุณเขตสั่งไงคะ พร้อมกับขนมปังกรุ่นๆ”

“ฉันจำได้ว่าฉันสั่งน้ำไป แล้วนี่เจ้าตัวไปอยู่ซะที่ไหน”

“พอดีตอนกลับมาจากซื้อของเสร็จ คุณชายภัครพิชัย ก็เรียกตัวเข้าไปพบค่ะ คุณเขต”

“ไม่ได้! ไปบอกน้ำเดี๋ยวนี้ว่าฉันให้มาหาที่ห้องด่วนเลยนะ”

“ไมได้หรอกค่ะ ห้องคุณชายภัครพิชัย ถ้าท่านไมได้อนุญาตให้เข้าไป กล้วยไม้ก็ไม่กล้าหรอกค่ะ คุณเขต”

“แต่ฉันเป็นลูก ฉันสั่งให้ไปไง”

“คุณเขตเจ้าขา อย่าทำให้กล้วยไม้ลำบากใจเลยค่ะ”

“ได้ฉันไปเอง!”

“อย่าดีกว่านะคะคุณเขต กล้วยไม้ว่ารอเป็นวันพรุ่งนี้หรือว่าวันอื่นดีกว่านะคะ”

“อย่าขวางนะกล้วยไม้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาแจกันที่ประตูนี่โยนใส่เธอซะ”

“อุ้ย ค่ะๆๆๆๆ กล้วยไม้หลบให้แล้วค่ะ เชิญคุณเขตได้เลยค่ะ”

     กล้วยไม้รีบหลบเข้าฝาผนังห้องทันที บุรุษหนุ่มร่างสูงเดินผ่านเธอออกประตูไป พร้อมกับเสียงปิดประตูดัง ปัง! ทำเอาเธอสะดุ้งโหยงเหยง 


“คุณเขตนะคุณเขต เอาแต่ใจตัวเองตลอดเลย สงสารน้ำจริงๆ เจอคนแบบนี้เข้าไปร่างเล็กๆไร้แรงสู้แบบนั้น จะเป็นยังไงน้า…”
กล้วยไม้ถอนหายใจก่อนจะเดินเปิดประตูออกจากห้องเจ้านายสุดหล่อไป


    เขตเดินตรงไปที่ห้องของคุณชายภัครพิชัยที่ตั้งอยู่ที่ด้านตะวันออกของบ้านที่กว้างใหญ่แห่งนี้ พอเดินไปถึงเค้าก็พบว่า คนที่เค้ากำลังจะไปหากำลังเดินออกจากห้องคุณพ่อพอดี ภูธเนศหยุดเดินแล้วมองร่างบางด้วยสีหน้าโมโหสุดขีด 



“ไอ้เด็กรับใช้!” เขตตะโกนออกไปดังพอที่จะทำให้ร่างบางสะดุ้งตื่นหลังจากเอามือดึงลูกบิดบิดประตูให้คุณชาย



“คุณเขต!”


“ไปพบฉันที่ห้อง” เขตออกคำสั่งแล้วเดินหันหลังกลับห้องไปทันที น้ำทำท่าทีอึกอักเพราะเค้าตั้งใจว่าออกจากห้องหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยแล้ว จะไปกินข้าวเย็นที่ใบหลิวเตรียมแยกเอาไว้ให้กิน

“ฉันบอกให้ไปห้องฉัน เดี๋ยวนี้!!! ตอนนี้!!!  ไม่ได้ยินหรือไง” เจ้านายร่างสูงใหญ่หันหลังตะโกนกลับมาพูดอีกครั้ง เมื่อไม่หันอีกฝ่ายเดินตามมาแต่อย่างใด

“ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

“รออะไรอยู่เล่า เดินมาได้แล้ว!” เขตขึ้นเสียงก่อนจะกลับเข้าห้องไป พร้อมกับแรงปิดประตูกระแทกเสียงดังลั่น กล้วยไม้กับใบ
หลิวที่ยืนมองอยู่จากด้านล่าง มองหน้ากันแบบรู้กัน



“เอาไงพี่กล้วยไม้ ข้าวเย็นน้องน้ำยังไม่ได้กินเลยนะ”

“จะทำยังไงได้ ก็คุณเขต โมโหเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันเอาขึ้นไปให้ที่ห้องนอนคุณเขตเลยดีกว่า”

“บ้าไปแล้ว นางใบหลิว เอาขึ้นไปให้ที่ห้องมีหวังจานข้าวจานอาหาร ได้บินลอยมาใส่หน้าแกแน่ ฉันว่าน้ำคงไม่ถูกเรียกตัวไปนาน
ขนาดนั้นหรอก”



“คุยอะไรกันจ้ะ สาวๆ”


“ว้ายๆ คุณพระช่วย ตกใจหมดเลย ”

“ใช่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ”

“นี่ เธอสองคนจะตกใจไปทำไมกัน อ้าวแล้วนี่ 2 ทุ่มแล้วยังไม่ไปนอนกันอีกหรอ”

“จะนอนได้ยังไง ฉันกับใบหลิวยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เย็น”

“อ้าวก็แล้วรออะไรอยู่อีกล่ะ ไปกินสิจ้ะ”

“ไมได้ รอน้ำก่อน พวกฉันกะว่าจะได้กินอยู่แล้วเชียว แต่ติดตรงที่คุณเขต เรียกน้องน้ำเข้าไปพบที่ห้องเสียก่อน”

“อย่างหรอ คุณเขตมีอะไรกับน้ำรึเปล่านะ”

       สงกรานต์สีหน้าครุ่นคิด เพราะเขต เจ้านายของเค้าเรียกน้ำไปแต่ละครั้งไม่เคยจะเป็นเรื่องดีๆเลยแม้แต่น้อย เค้าเริ่มเป็นห่วง
น้ำขึ้นมาเรื่อยเสียแล้ว นึกย้อนหวนกลับไปวันที่รับน้ำมาอยู่ด้วย คุณชายภัครพิชัย เจ้านายใหญ่ของเค้าก็รับปากชื่นและพี่น้องของ
น้ำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะเลี้ยงดูน้ำให้ดีที่สุด ให้เค้าได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว แต่เค้า
เป็นแค่ลูกน้องไม่สามารถที่จะทำอะไรได้หรอก และเรื่องนี้คุณชายภัครพิชัยยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป

         น้ำยืนอยู่ที่ตรงหน้าภูธเนศที่กำลังดื่มกาแฟฝีมือของเค้า ก้มหน้าก้มตาอย่างหนังสือไปเรื่อยไม่สนใจน้ำเลยแม้แต่น้อย ด้วย
ความที่น้ำทนรอไม่ไหว ประกอบกับยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยืนนานได้ เค้าเลยตัดสินใจเอ่ยปากถามอย่างสงสัย

“คุณเขตครับ ไม่ทราบว่าจะให้ผมทำอะไรครับ ถ้าไม่มี ผมจะได้ขอตัวไปกินข้าวเย็นนะครับ”

“มีสิ! ทำไมจะไม่มี สมองแกนี่ปัญญาอ่อนจริงๆ ฉันเรียกแกมามันก็ต้องมีเรื่องให้ช่วย”

“เอ่อแล้วเรื่องที่จะให้ช่วย บอกผมได้เลยนะครับ ผมพร้อมทำครับ”

“ดี ดีมาก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ นายยืนรอไปก่อน ถ้ารอไม่ไหวก็นั่งลงซะตรงนั้นแหละ พรมปูพื้นนิ่มๆ ก็เหมาะกับนายแล้ว”

“คะ…ครับ”

           น้ำตอบกลับไปด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เขตคิดเลยสักเรื่อง หรือเป็นเพราะเค้าสองคนมีชีวิตการเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน
หรือเป็นเพราะเขตไม่ชอบขี้หน้าเค้ากันแน่นะ





          ที่บ้านมุงสังกะสีหลังเล็กๆ ภายในห้องมีเพียงหลอดไฟตะเกียบไม่กี่ดวงกำลังเปล่งแสงสว่างไสว หญิงสาววัยกลางคนกำลังนั่งรอลูกชายทั้งสองคนอยู่แคร่หน้าบ้าน ไม่นานนักลูกชายทั้งสองคนของเธอก็กลับมาจากทำงานทั้งวัน

“ไอ้ตะวัน ไอ้ภูผา กลับมาแล้วหรอ”

“กลับมาแล้วจ้ะแม่ แล้วแม่มานั่งรอทำไมกัน บอกกี่ครั้งแล้วว่ารอในบ้าน ยุงเยอะเห็นไหม”

“บ่นจริงๆ แม่กะว่าจะมีเรื่องปรึกษา ถ้าไม่มาดักรอแกแบบนี้ มีหวังไม่ได้คุยกันหรอก แกสองคนก็ทำงานทั้งวัน กว่าจะกลับก็กลาง
คืนแล้ว”

“ปรึกษาเรื่องอะไรจ้ะแม่”

“พวกเอ็ง สนใจไปทำงานที่บ้านคุณชายภัครพิชัยไหม”

“อ๋อ คุณคนนั้นที่รับน้ำไปอยู่ด้วย แล้วทำไมแม่ถึงถามฉันเรื่องนี้จ้ะ”

“ก็แม่ รู้สึกไม่ดี กลัวน้ำไม่ปลอดภัย ถ้ามีเอ็งสองคนไปอยู่กับน้องสักคน แม่ก็จะได้หายห่วง”

“ก็ได้จ้ะแม่ ไม่มีปัญหาหรอก แต่ทางนี้ฉันจะอยู่ดูแลแม่กับพ่อเอง ให้ไอ้ภูผาไปคนเดียวก็พอ”

“ใช่จ้ะ แม่ฉันไปให้ได้ ” ภูผาตอบอย่างเต็มใจช่วย

“เอาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน แต่ต้องรอก่อน รอวันที่คุณชายคนนั้นจะพาน้ำกลับมาเยี่ยมเราบ้าง”

“จ้ะแม่ เข้าบ้านเถอะ พวกฉันสองคนจะได้อาบน้ำนะแม่นะ”

“ใช่แล้วแม่ก็ไปนอนได้แล้ว”

“เออๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ วานปิดประตูปิดไฟให้แม่ด้วย”

“จ้ะแม่”


        ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มฟุบตัวหลับอยู่พรมสีขาวด้านล่างภูธเนศ ด้วยความเหนื่อยและไร้เรี่ยวแรง ตอนเที่ยงของวันนี้เขตก็ไมได้พาเค้าไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน แต่เด็กหนุ่มก็ไมได้เอ่ยปากถามหรือเรียกร้องแต่อย่างใด ชายร่างหนาละสายตาจากหนังสือที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันไปทางด้านน้ำ ที่ตอนนี้ได้หลับไปแล้ว ในสายตาของเขตเอง เค้าไม่ชอบน้ำเลยตั้งแต่แรก เพาะเหตุผลส่วนตัวของเค้าหลายปัจจัยที่ไม่อยากเอ่ยปาก

“นี่! นายๆ” เขตพูดเสียงดังลั่นห้อง เพื่อเป็นการปลุกน้ำให้ตื่น

“ครับ คุณเขต” น้ำตื่นจากภวังค์ ก่อนจะเอามือขยี้ตาตัวเอง น้ำเสียงงัวเงียสุดๆ

“เอาล่ะ นี่ก็ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว หิวรึเปล่า” เขตกลั้นใจถามไปอย่างนั้น น้ำรีบตอบกลับเค้าทันที

“ไม่หิวครับ ผมรอได้ แล้วคุณเขตคิดออกแล้วใช่ไหมครับว่าจะให้ผมทำอะไร” เขตมองหน้าน้ำหนึ่งทีก่อนจะหันหน้าไปมองผนัง
ห้อง

“ตอนหัวค่ำ คุณพ่อเรียกแกไปทำอะไร”

“เปล่าครับ ท่านเพียงแค่ถามว่า ข้าวของที่ไปซื้อมาวันนี้พอใจหรือเปล่า ขาดเหลืออะไรก็ให้บอกท่านได้เสมอ”

“แล้วท่านพูดอะไรอีก!” เขตมองหน้าน้ำเค้นเอาคำตอบ

“ไม่มีแล้วครับ”


“โกหก! แกเข้าไปห้องคุณพ่อตั้งชั่วโมงสองชั่วโมง บอกมาเดี๋ยวนี้”


“ไม่มีอะไรอีกแล้วจริงๆครับ นอกนั้นผมก็อาสาตอบแทนท่านด้วยการจัดของในห้อง ปัดกวาดให้เสียใหม่ แล้วท่านก็ชอบสิ่งที่ผม
ทำมากครับ” น้ำตอบเขตอย่างภาคภูมิใจ


“อ้อ เพราะเหตุนี้สินะ ที่คุณพ่อไปรับเด็กอย่างแกมาอยู่ด้วย  เพียงท่านอยากได้เด็กรับใช้คนใหม่ ฮึฮึ”


"..."

“ฉันจะบอกอะไรให้นะ อย่างแกถึงคุณพ่อจะรับมาเป็นลูกบุญธรรมแต่ฉันไม่ยอมรับแกหรอก ไอ้เด็กสกปรก ดูไปแล้วแกมันเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตา ผิวพรรณอย่างกับหญิง คุณพ่อเลยเมตตาแกก็เท่านั้น”

"..."

“เงียบอยู่ทำไม พูดสิสรุปคุณพ่อไปรับแกมาในฐานะอะไรกันแน่ ไอ้คนจน”

“ท่านไม่ได้บอกครับ แต่ท่านพูดกับแม่ผมว่า จะรับไว้ที่บ้าน จริงๆแล้ว ผมตั้งใจมาเพราะจะได้มาทำงานรับใช้ท่าน ให้สมกับที่
ท่านช่วยครอบครัวผมไว้ แต่เมื่อเช้าวันนี้ผมก็เพิ่งรู้ว่าท่านจะรับผมเป็นลูกบุญธรรม”

“เดี๋ยวนะ แกว่าอะไรนะ ช่วยหรอ? ช่วยอะไร”

“ผมบอกไม่ได้ครับ”

“แกนี่มันวอนหาเรื่องเจ็บตัวจริงๆนะ บอกมาเดี๋ยวนี้ ทำตามคำสั่งของฉัน!”

“ผมบอกไม่ได้ครับ ท่านบอกไม่ให้ผมบอกใครทั้งนั้น”

“ได้ไม่บอกใช่ไหม”

         ภูธเนศอารมณ์ขึ้นอีก น้ำได้บันดาลโทสะเขต สงสัยคราวนี้เขตต้องแสดงให้เค้าเห็นถึงความโหดร้ายเสียทีต่อไปจะได้ไม่
กล้าทำแบบนี้กับเค้า เขตดึงแขนเล็กๆของน้ำไปที่ห้องหนังสือนับ 1000 เล่ม

“ในเมื่อแกไม่บอกฉัน ก็ดี ฉันจะได้ให้แกมาทำงานสมอย่างที่แกตั้งใจที่บอกกับคุณพ่อไว้ หนังสือในห้องนี้นับ 1000 เล่ม จัดแยกสีหนังสือใหม่ให้ฉัน ฉันชอบหนังสือที่จัดเก็บแบบกลุ่มสี ที่เห็นอยู่มันกระจัดกระจายเกินไป ฉันให้เวลาแก 1 ชั่วโมง ถ้าไม่เสร็จ เตรียมรับโทษใหม่ได้เลย”


       ภูธเนศสั่งน้ำเสร็จก็ออกจากห้องหนังสือไปยังห้องนอนแล้วล้มตัวลงไป พร้อมกับไม่ลืมตั้งเวลาปลุกเอาไว้ เพื่อตื่นขึ้นมาดูงานที่สั่ง น้ำสีหน้าสลดก่อนจะเดินไปเปิดไฟ ให้สว่าง

“โห หนังสือทำไมเยอะแยะขนาดนี้ หนึ่งชั่วโมงจะเสร็จไหมนะเรา”

             น้ำสลัดความเหนื่อยออกไป แล้วเดินไปยังชั้นวางหนังสือด้านในสุดแล้วปีนขึ้นไปดึงหนังสือที่อยู่ด้านบนลงมาวางไว้
ด้านล่าง เค้าพยายามทำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ภายในห้องที่เงียบสงบได้ยินแต่เสียงจากห้องสมุดที่น้ำกำลังทำงานอยู่อย่างเร่ง
ด่วนให้ทันภายในหนึ่งชั่วโมง


“ฮึ ไอ้เด็กโง่ อย่างกับแกจะทำทัน แกนี่โง่จริงๆ ทำได้ทุกอย่างสินะ สู้ซะบอกเรื่องนั้นให้ฉันฟังก็จบ แต่ก็ดีในเมื่อดื้อดันไม่เชื่อฟัง
ฉัน ฉันเกลียดพวกแบบนี้ที่สุด แกก็ต้องโดนแบบนี้แหละ ”


              เขตมองเข้าไปด้านในห้องสมุดที่เห็นร่างบางพยายามขะมักเขม้น ตามคำสั่งเค้าอย่างน่าสมเพศ โดยที่เค้าลืมไปเสียแล้วว่า น้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตอนเที่ยงวัน





ที่หอใน ชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งวาดภาพเพื่อนชายที่เค้าเพิ่งได้รู้จักไม่กี่วันละเลงด้วยดินสอลงไปในกระดาษผ่านสีขาวขนาดใหญ่ แล้วเค้าก็ทำได้เหมือนเสียด้วย เด็กหนุ่มผิวขาวร่างโปร่งบาง แววตาดูอ่อนโยนแต่ดุดันเป็นบ้าเวลาเจอเค้าทีไร คิดไปคิดมาพอนึกถึงกิจกรรมวันนั้นได้ เค้าก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว ไม่นึกว่าแค่รอบจูบจากรุ่นพี่และเพื่อนๆที่ชักนำเค้า จะทำให้ผู้ถูกกระทำโมโห และไม่ยกโทษให้เค้าเลย แต่กลับใส่อารมณ์แล้วเดินหนีเค้าตลอด

“วาดเสร็จเสียที แค่นี้ก็มีนายอยู่ในห้องนี้แล้ว ฟ้ามอญ”

          ต่อมองแผ่นภาพลายเส้นที่ละเลงแลเงาเสร็จ ภาพนี้สวยมาก อย่างกับตัวจริง ภาพที่ฟ้ามอญกำลังหันหน้าไปมองอะไรสัก
อย่างพร้อมกับสะพายกระเป๋าลวดลายออกไปทางภาคเหนือ เป็นภาพที่มีมิติมากๆ เค้าชอบภาพนี้มากทีเดียว


“นายนี่ดูไปดูมาก็น่ารักดีนะ แต่ชอบทำตัวจอมแก่น ต่อปากต่อคำกับฉันจริงๆ เมื่อไหร่จะยกโทษให้ฉันสักทีนะ ฟ้ามอญ”


ถัดออกไปอีกไม่กี่ตึก หอพักฟ้ามอญ  ร่างเล็กบางกำลังมองดูดวงดาวระเบียงหลังห้อง วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวงสวยงาม นึกไปนึกมาเค้าก็คิดถึงคนที่อยู่ทางบ้านเหลือเกิน จากที่บ้านมาเสียตั้งไกล ไม่รู้ว่าจะได้กลับอีกทีตอนไหน

“พ่อครับ แม่ครับ ฟ้าคิดถึงนะ ไว้ปิดเทอมฟ้าจะกลับไปหาพ่อกับแม่นะ” ฟ้ามอญยืนมองพระจันทร์อยู่สักพักก็เห็นดาวตกลงมา 2 ลูก

“นั่นเมื่อกี้ ดาวตกนี่ 2 ดวงเลยด้วย อธิษฐานอะไรดีนะ” ฟ้ามอญแก้มปริก่อนจะประสานมือทั้งสองข้างพร้อมกับหลับตาลงขอพร 2
ข้อ




“เพี้ยงขอให้เป็นจริงด้วยเถิด” ฟ้ามอญพูดเสร็จก็ลืมตามองพระจันทร์อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นรูปหน้าของคนคนหนึ่งที่เค้ากำลังโกรธและไม่ชอบเอามากๆ ปรากฏอยู่บนดวงจันทร์

“นาย!” ฟ้ามอญอุทานเสียงดังลั่น เพราะไม่คิดว่าบนดวงจันทร์จะปรากฏเป็นหน้าของชายจอมทะเล้นคนนั้น

“นี่ กลางค่ำกลางคืนนายยังจะตามมาหลอกมาหลอนฉันอีกนะ น่ารำคาญจริงๆเลย”

          ร่างโปร่งพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะเข้าห้องไป พร้อมกับนอนพักผ่อนเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรอีกบ้าง แต่ที่แน่ๆ ทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน เค้าบอกกับตัวเองแล้วหันไปปิดโครมไฟที่ข้างเตียงนอน




      ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง  กล้วยไม้นั่งรอน้ำลงมากินข้าวที่โต๊ะในห้องครัวกับใบหลิวที่นอนนี้ฟุบหลับไปแล้ว สงกรานต์เดินเข้ามาเอาน้ำเย็น เหลืบไปเห็นสองสาวนั่งรอที่ห้องครัว ก็สงสัยเพราะยังไม่เห็นสองคนนี้ไปนอนอีก

“นี่กล้วยไม้ เธอสองคนยังอยู่อีกหรอ หรือว่าหนูน้ำยังไม่ลงมา”

“ก็ใช่นะสิพี่ นี่ฉันว่าคุณเขตทำเกินไปแล้วนะ น้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยแล้วไปนานขนาดนั้นต้องโดนใช้งานหรือไม่ก็กำลังทำโทษ
อยู่แน่ๆ”

“ทำโทษ คุณเขตจะทำโทษเรื่องอะไรกัน”

“ก็ไม่รู้ ฉันก็พูดไปตามเรื่องนั่นแหละ ก็ปกติคุณเขตชอบแกล้งน้องน้ำอยู่บ่อยๆนี่”

“ฉันจะไปดูเอง”

“อย่าเลยพี่ 4 ทุ่มแล้ว คุณเขตคงไม่อยากให้ไปรบกวนหรอก”

“แต่ว่าน้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรอ”

“มันก็ใช่ แต่คิดไปคิดมาคุณเขตอาจจะเอาอะไรไปให้กินแล้วแหละ ฉันคิดมากไปเองพี่ นางใบหลิว ตื่นซะทีสิวะ ตื่นๆๆๆๆ”

“โอ้ย ตื่นแล้วพี่กล้วยไม้ อ้าวนี่น้ำยังไม่ลงมาอีกหรอ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย”

“4 ทุ่ม ฉันว่าแกกินไปก่อนเลยใบหลิว จะได้ไปนอนพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะเป็นวันเกิดคุณต่อ ”

“เออใช่ๆ เกือบลืมไปเลย แล้วนี่คุณต่อจะกลับบ้านไหมพี่กล้วยไม้”

“กลับเย็นๆล่ะมั้ง เดี๋ยวมาก็เห็นเอง กินข้าวกัน พี่สงกรานต์มากินด้วยกันไหมพี่”

“เอาเลยๆ พี่กินแล้ว พี่ไปนอนแล้วนะ ”

“จ้ะ ฝันดีพี่”


 
         กิ๊กก๊อกๆๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงนอนดังขึ้น ชายร่างสูงหนาลืมตาขึ้นมาทันที สมองของเค้าประมวลอย่างรวดเร็วมาก ตื่นขึ้นมาดูงานที่สั่งร่างบางอายุห่างกันเกือบ 10 ปี เค้าสะบัดหัวไปมาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุด สิ่งที่เค้าเห็นคือ เด็กผู้ชายร่างบางกำลังแยกหนังสือเล่มสุดท้ายใกล้จะเสร็จ เค้าดันหนังสือเล่มนั้นเข้าที่ไป แล้วปาดเหงื่อที่ไหลรินทั่วตัว ดูท่าทางอิดโรย เขตมองดูภาพนั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็อดสงสารน้ำอยู่บ้าง แค่เค้าคิดได้ ก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างง่ายดาย

“ครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว งานที่ฉันสั่งไปถึงไหนแล้ว” เขตถามเสียงดุ ดูน้ำจะตกใจเล็กน้อยเพราะเค้าเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“คุณเขต งานที่คุณเขตสั่ง เสร็จแล้วครับ!” เขตทำท่าเดินไปสำรวจรอบๆห้องสมุดเล็กๆเหมือนกำลังตรวจผลงาน และก็เป็นไป
ด้วยความเรียบร้อย น้ำจัดหนังสือได้ดีกว่าที่เค้าคิด เค้าเรียงจากสีที่ดูเย็นกับดูร้อนออกจากกัน แล้วเรียงจากเล่มบางอยู่ด้วยกัน
ตามด้วยเล่มหนาไว้ด้านล่าง แต่เรื่องอะไรที่เค้าจะยอม

“สรุปแกจะไม่บอกใช่ไหมว่า เรื่องที่คุณพ่อช่วยแกคือเรื่องอะไร” เขตเดินประชิดตัวเข้ามาคาดคั้นเอาคำตอบ

“ผมบอกไม่ได้หรอกครับ คุณเขต นี่ก็ 4 ทุ่มแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวไปกินข้าว…”

“ไม่ได้ ฉันยังไม่อนุญาต ในเมื่อนายไม่บอก ก็ทำงานตามที่ฉันสั่งไปก็แล้วกัน”



“เอ๋? แต่ผมทำงานเสร็จแล้วนะครับ”



“ใครบอกล่ะ ฉันลืมไปว่าฉันไม่ต้องการให้จัดหนังสือแบบนี้ ช่วยจัดใหม่หน่อยนะ คราวนี้เรียงตามปี พ.ศ.ที่พิมพ์ แล้วอีก 1
ชั่วโมงฉันจะมาดู”


“แต่คุณเขครับ ผมเพิ่งจะจัดหนังสือเสร็จไปเมื่อกี้นี้เอง…”


“อย่าคัดค้านนะ นี่คือคำสั่ง ไหนแกบอกเองไม่ใช่หรอว่ามาอยู่บ้านฉันเพื่อทำงานและเต็มใจมา นี่ไงงานมาแล้ว ทำซะสิ”

“แต่คุณเขตครับ ผมไม่มีแรงทำแล้วครับ”

“ฉันไม่ฟังข้ออ้างอะไรทั้งนั้น ทำต่อไปให้เสร็จ ฉันจะไปนอนแล้ว”

           ชายหนุ่มแววตาดุจอินทรีจ้องมองร่างบางเพียงแค่หนูหรือไม่ก็สัตว์ตัวเล็กที่เค้าตะบังคับหรือทำอะไรก็ได้ เพียงเพราะร่าง
บางต้องการความเป็นส่วนตัว เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนอื่นรับรู้ถูกหรือไม่




มาต่อแล้ว อิอิ  ตอนที่ 6 เจอกันพรุ่งนี้นะ   ขอบคุณที่ติดตามอ่าน

 :mew3: :mew3: :mew1: :mew1:



หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 5 ✥✥ Up. (22/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-08-2015 15:04:13
อยากใช้ความรุนแรงกลับมากกับคนพรรค์นี้  :z6:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 5 ✥✥ Up. (22/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-08-2015 15:21:51
เกลียดที่สุด
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 5 ✥✥ Up. (22/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 23-08-2015 20:15:01
ตอนที่ 6





ปึก!



           เขตเดินออกไปจากห้องได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นกระทบพื้นเสียงดัง เค้ารีบกลับเข้าไปดู ก็พบ
ว่าร่างบางได้ไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้ว ไร้ความรู้สึกเหมือนคนสลบ เค้าตกใจมาก แต่ยังมีสติ  รีบอุ้มน้ำออกจากห้องสมุดไปนอนที่เตียงเค้าเอง พร้อมกับรีบไปเอายาดม น้ำเย็น มาวางไว้ข้างๆเตียงทันที

             เขตเอายาดมให้น้ำดมได้สักพัก  เค้าก็รู้สึกว่าได้มองหน้าเด็กคนนี้อย่างใกล้ชิด ใบหน้า ผิวพรรณเค้าเองก็เริ่มแปลกใจขึ้นมาเสียแล้วว่า อาจจะจริงอย่างที่ แดนภพ แอริน หรือแม้แต่ ท่านชายชยาดล ที่ทรงบอกว่า เด็กคนนี้ผิวพรรณดี มีตระกูลรุนชาติ ภูธเนศกำลังคิดทบทวนได้ไม่นาน ร่างบางที่ได้รับการดูแลจากเค้า ทหารหนุ่มผู้ทะนงศักดิ์ ก็รู้สึกตัวขึ้น  ร่างหนาตื่นตระหนกใหญ่รีบลุกออกจากเตียงเปลี่ยนหันมายืนห่างๆแทนเหมือนให้น้ำเข้าใจว่าเค้าไมได้เป็นคนช่วยหรือดูแลอะไรเค้า


“รู้สึกตัวแล้วหรอ”

“คุณเขต ผมเป็นอะไรไปหรอครับ”

“เป็นลม ไม่ต้องถามมาก กินน้ำซะ แล้วพักผ่อน ยังไมได้กินอะไรใช่ไหม”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมโอเคแล้ว เดี๋ยวผมไปจัดหนังสือต่อให้นะครับ จะได้เสร็จๆ”

“ไม่ต้องทำแล้ว ดูสังขารของแกตอนนี้ก่อนเถอะจะทำไหวหรือยังไง ปากดีตลอด”

“ผมไหวครับ”

“อย่าขัดคำสั่งฉันจะได้ไหม อวดดีแบบนี้รู้รึเปล่าฉันไม่ชอบ ต้องให้บอกกี่ครั้งกัน เอ้าน้ำเย็นกินซะ”

“ผมถือเองได้ครับ”

“ไม่ต้องฉันถือให้ กินซะ จะได้ไม่ต้องมาตายในห้องฉัน”

         เขตจำใจพูดออกไปไม่ให้น้ำจับจุดเค้าได้ว่ากำลังรับผิดชอบตัวเค้าอยู่ น้ำค่อยกินน้ำที่อยู่ในมือของเจ้านายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพันเอกหลวงหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช อย่างเขินอายพอๆกับความกล้ากลัวๆเวลาอยู่ใกล้เจ้านายคนนี้ที่สุด ด้วยวัยที่ค่อนข้างห่างกัน 7 8  ปีอายุก็ไร่เรี่ยพอๆกับน้องชายของเขตเอง เค้าก็ไม่อยากจะโหดร้ายกับคนไม่มีทางสู้มากนักหรอก แต่เพราะน้ำชอบขัดคำสั่งเค้าอยู่เรื่อย ประจวบกับปมหลังที่เค้าไม่อยากให้บ้านหลังนี้ซ้ำรอยเดิม  รวมถึงเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้เขตเกลียดน้ำอย่างไม่มีเหตุผล


“ถ้าอาการดี ไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปได้ละ ฉันจะพักผ่อน”

“เอ่อ คะ …ครับ

          น้ำค่อยๆลุกจากเตียงช้าๆ ประคับประคองตัวเองให้เดินพ้นจากห้องนี้ไป แต่อยู่ในความดูแลทางสายตาของเจ้านายสุดหล่อแต่โหดอย่างใกล้ชิด เพราะเขตจะเข้าไปช่วยได้ทันแน่นอนหากร่างบางจะล้มฟุบลงไปที่พื้นอีกครั้ง แต่โชคดีที่น้ำแข็งแรงไม่เป็นอะไรมากแล้ว




         เช้ามืดวันใหม่    กล้วยไม้ ใบหลิวและน้ำ ตื่นแต่เช้ามืดจัดเตรียมของทั้งอาหารคาวหวาน จัดดอกไม้ไว้ไปวัด เนื่องในวันเกิดคุณต่อ หม่อมหลวงภูวนนท์ ธำรงอาภรณ์นิช  ลูกชายคนเล็กที่กำลังจะกลับมาบ้านในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ โดยมีไพบูลย์ขับรถออกไปรับแต่เช้ามืดแล้ว หนุ่มวัยกลางคนใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายสีขาวสะอาดบริสุทธิ์เดินเข้ามาในครัว คนรับใช้ในห้องครัวต่างพากันสะดุ้งเล็กน้อย

“เรียบร้อยดีไหม กล้วยไม้ ใบหลิว”

“เรียบร้อยดีค่ะ คุณชาย แล้วนี่คุณชายหิวรึยังคะ กล้วยไม้จะได้เตรียมอาหารที่โต๊ะเลย ”

“ยังก่อน เดี๋ยวรอกินทีเดียวกับลูกชายทั้งสองคนนั่นแหละ ป่านนี้เขตตื่นรึยังกล้วยไม้”

“ยังไม่เห็นลงมาแต่เช้าแล้วนะคะ สงสัยกำลังจะแต่งตัวอยู่” กล้วยไม้ตอบแบบคาดการณ์

“ให้ไปตามให้ไหมคะคุณชาย” ใบหลิวเสนอตัวเองเพื่อไปเรียกคุณเขต

“ไม่ต้องๆ โตแล้วเดี๋ยวก็ลงมาเอง เป็นยังไงหนูน้ำ ใส่ชุดใหม่เสียด้วยสีขาวพอดีเลยเหมาะกับไปวัดจริงๆ ชุดนี้น่ารักดีเหมาะกับ
หนูเลย ว่าไหมใบหลิว”

“ใช่ค่ะคุณชาย น้องน้ำพอให้ขัดผิว ขัดตัวนิดหน่อยนะคะ ผิวพรรณเปล่งประกายเชียวดูมีออร่า หนูอิจฉาน้องจะแย่อยู่แล้ว ”

“พี่หลิว พูดเกินไปแล้วครับ ” น้ำตอบอย่างถ่อมตัว

“แหม ก็มันจริงนี่นา ”

          หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยยืนมองน้ำได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าจะขาดบุคคลสำคัญของวันนี้ไปไมได้เลย นั่นก็คือลูกชายคนเล็กของเค้าเอง

“แล้วเจ้าต่อ กลับมารึยัง”

“ยังไม่ถึงค่ะ ไพบูลย์ออกไปรับแต่เช้ามืดแล้ว แต่อีกเดี๋ยวก็คงมา คุณชายเตรียมตัวเลยก็ได้นะคะ ส่วนข้าวของทางนี้เรียบร้อย
แล้วค่ะ”

“อืมดีๆ กล้วยไม้ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งรอที่สวนนะ เอากาแฟชงไปให้ฉันที ไม่ต้องหวานมากนะ ”

“ได้เลยค่ะคุณชาย”




ปี๊ดๆ ปี๊ดๆ




“อ่ะ สงสัยไพบูลย์กับคุณต่อจะมาถึงแล้ว นางใบหลิว ไปดูสิ เร็วๆ” กล้วยไม้วานสาวรับใช้อีกคนอย่างห้วนๆ


“จ้ะๆพี่ ไปเดี๋ยวแหละ ใช้คนสวยตลอดเลย หลิวไม่เข้าใจจริงๆ”

“พี่กล้วยไม้ คุณต่อนี่จะใจดีไหมครับ” น้ำถามเธอขึ้นมาอย่างกังวลใจ

“เท่าที่ได้เลี้ยงมากับมือนะคะ คุณต่อเป็นคนอารมณ์ดี ขี้แกล้ง ขี้กวน หล่อสูง น่ารัก ทุกคนในบ้านชอบคุณต่อกันทั้งนั้น ไม่แน่นะ
น้องน้ำอาจจะกลายเป็นเพื่อนเล่นคุณต่อเวลาคุณต่อกลับมาบ้านก็ได้”




“สวัสดีครับ พี่กล้วยไม้ คิดถึงที่สุดในโลกเลยครับ ขอต่อกอดหน่อยๆ”

   จู่ๆชายผู้มาเยือนคนใหม่คิ้วดก หน้าใส สูงล่ำโผล่เข้าครัวมากอดกล้วยไม้ จนเธอแทบไม่ได้ตั้งตัว น้ำมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม จริงอย่างที่กล้วยไม้ว่าไว้ไม่มีผิด คุณต่อใจดีจริงๆ

“อุ้ย คุณต่อ ตกใจหมดเลย หวังหน่อยสิคะ กล้วยไม้กำลังชงกาแฟในคุณชายอยู่ เดี๋ยวหกหมด ”

“ขอโทษครับ ฮาๆ เอ๊ะแล้วนี่ใครกันหรอครับ น่ารักจัง แล้วคนใช้คนเก่าไปไหน ทำไมเหลือแค่พี่กล้วยไม้กับพี่ใบหลิว”

“โดนคุณเขต ไล่ออกไปแล้วละค่ะ ส่วนคนนี้ชื่อ น้ำ คุณชายเพิ่งไปรับมาอยู่ด้วย แล้วก็มาช่วยทำงานบ้านค่ะ แต่คุณชายเพิ่งบอก
ไปเองว่า น้องน้ำจะมาเป็นลูกบุญธรรมค่ะ”

“อ้อหรอครับ ลูกบุญธรรม ก็ดีสิผมจะได้มีเพื่อน ยินดีที่ได้รู้จักนะน้ำ ”

        ต่อยื่นมือขวาส่งออกไปหาน้ำ พร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจและมีมิตรภาพสุดๆ น้ำไม่ลังเลอะไรเลยที่เอื้อมมือขวาของตัวเอง
ออกไปจับตอบ แต่ยังไม่ทันจะได้จับเลย เสียงทุ้มดังโวยวายเข้ามาในห้องครัวทันที




“ต่อ อย่าเอามือไปจับกับเด็กคนนี้เด็ดขาด”


“พี่เขต! ทำไมละครับ ผมแค่อยากรู้จักกับเค้า อายุก็น่าจะไร่เรี่ยกัน ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย”

“ไอ้เด็กรับใช้ งานในนี้เสร็จหรือยัง” เขตถามร่างบางโดยไม่สนใจคำพูดของน้องชายเลยแม้แต่น้อย

“สะ…เสร็จแล้วครับ”

“ดี ตามฉันขึ้นมาที่ห้อง เดี่ยวนี้!”

“พี่เขต ทำไมพี่โหดร้ายกับน้ำด้วย แล้วที่บอกว่าเด็กรับใช้ หมายถึงน้ำหรอ?”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย ต่อ ไปหาคุณพ่อรึยัง ถ้ายัง ก็รีบไปไหว้คุณพ่อซะ แล้วอีกสักพักเราจะไปวัดกัน ไอ้เด็กรับใช้ตามมาได้แล้ว”

           น้ำชำเลืองมองหน้าต่อ แล้วก้มหน้าเดิมตามเขตขึ้นไปชั้นสองตรงไปยังห้องนอนของเค้าเอง ต่อทำสีหน้างุนงงหันไป
มองกล้วยไม้เพื่อจะเอาคำตอบ แต่เธอก็ได้แค่ส่ายหน้าเบาๆแล้วหันหน้าไปทำงานต่อให้เสร็จ

“ชงเสร็จแล้ว นางใบหลิว เอาไปให้คุณชายที”

“ฉันอีกแล้วหรอพี่กล้วยไม้ เหนื่อยค่ะเหนื่อย คนสวยไม่เข้าใจเลย”

“ฮาๆๆๆ ผมถือไปให้ดีกว่าครับ จะได้ถือโอกาสนี้ไปหาคุณพ่อเลย”

“จะดีหรอคะคุณต่อ”

“ดีสิครับ มาๆผมถือเอง ส่งมาให้ผมได้ละ”

“ค่ะๆๆ”





           น้ำเข้ามาในห้องเขตแล้วปิดประตูเบาๆ ชายร่างสูงผู้หล่อเหลายืนรอเค้าอยู่นานแล้วที่กระจกบานใหญ่ ลมพัดโชยเข้ามา
ในห้อง น้ำค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเขตทีละเล็กละน้อย ด้วยความกลัวที่ไม่มีทางเคยชินได้หรอก


“คุณเขตมีอะไรรึเปล่าครับ”

“มีนะมีแน่ ไม่ต้องถาม บอกกี่ครั้งแล้วว่า ถ้าฉันเรียกมามันก็ต้องมี  ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง!”

“คะ…ครับ” น้ำก้มหน้าต่อไม่กล้าสบสายตาดุจพญาอินทรีของเค้า

“น้องชายฉันเป็นเจ้านายแก เป็นหม่อมหลวงภูวนนท์ ธำรงอาภรณ์นิช แกอย่าได้คิดสะเออะ เอามือไปจับเด็ดขาด แกมันสกปรก
เกินกว่าที่น้องชายฉันจะรู้จักและผูกมิตร เข้าใจหรือยัง”

“คะ…เข้า เข้าใจ ครับ”

“ดี ให้เข้าใจอย่างที่พูดก็ดี ”


           ร่างหนาเดินไปที่หัวเตียงนอนพร้อมกับหยิบสร้อยเหมือนนาฬิกาเรือนเล็กลักษณะกลมๆแต่เค้ายังไม่ได้แกะดูข้างในเมื่อคืน เค้ายื่นให้น้ำ ร่างบางเห็นของสิ่งนั้นถึงกับดวงตาตื่นตระหนก มันเป็นของเค้าเอง แต่ไปอยู่กับภูธเนศ เจ้านายเค้าได้อย่างไร

“เอาคืนไป ฉันคิดว่าน่าจะตกตอนจัดหนังสือเมื่อคืน” เขตยื่นให้พลางวางมาดเคร่งขรึม

“ขอบคุณครับ”

“ของมีค่าแบบนี้ แกไปได้จากไหนมา” เขตกระตุกมือกลับ พร้อมกับสร้อยเส้นนั้นคืน

“เอ่อ สร้อยเส้นนี้แม่ผมให้เก็บเอาไว้ติดตัวครับ เพราะสิ่งๆนี้จะช่วยปกป้องคุ้มครองผมเวลาอยู่ห่างแม่”

“อย่างหรอ  เอาคืนไป !”

        น้ำยื่นมือไปรับเอาสร้อยคอทองคำเส้นนั้น ที่สลักด้วยตัว ฉ ที่ด้านบนจี้กลมเล็กๆ ซึ่งเค้าเองก็ไม่รู้ความหมายของมันหรอก
แต่ชื่นได้กำชับนักหนาว่าให้เก็บเอาไว้ติดตัวตลอดห้ามหาย!

“ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปได้ อยู่ในห้องฉันนานๆเดี๋ยวห้องก็ติดเสนียดไปหมด”

“คะ..ครับ ผมจะรีบไป”

             น้ำไม่เคยโต้ตอบหรือแสดงกิริยาไม่พอใจให้เขตเลย ทั้งๆที่ทุกครั้งก็โดนแกล้ง โดนว่าสารพัด เพราะเค้าเชื่อว่าความดี
และความเมตตาจะชนะศัตรูได้อย่างดี และเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด หากเค้าทำสำเร็จไม่เพียงแต่ชนะได้แต่เค้ายังจะได้มิตรภาพ
กลับคืนมาด้วย





           ที่วัดแห่งหนึ่ง เป็นวัดที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร  ชื่อเสียงก็มีมากไม่น้อย พุทธศาสนิกชนมากมายก็มาที่วัด เนื่องจากวัน
นี้เป็นวันหยุด ไม่แปลกที่จะมีคนมาวัดและกราบไหว้พระพุทธรูปและพระสงฆ์  ภัครพิชัยพาลูกชายทั้งสอง รวมไปถึงน้ำ สงกรานต์
และไพบูลย์ที่ติดตามมาด้วย โชคดีที่หลวงพ่อรูปนี้อยู่ที่โบสถ์พอดี สงกรานต์และไพบูลย์ช่วยกันยกของที่จะมาทำบุญ มากมายเข้ามาวางไว้ตรงหน้าหลวงพ่อ เพียงแค่หลวงพ่อเห็นใบหน้าของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยก็ยิ้มทันที

“โยมหม่อมราชวงศ์ วันนี้มาทำบุญหรอ หายไปนานเลย”

“กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ช่วงนี้งานค่อนข้างที่จะเยอะไปหน่อย เลยไม่ค่อยได้มาที่วัด ”

“อืมๆ อาตมา เค้าใจ แล้วนี่ลูกชายหมดเลยหรอ อีกคนใครกันไม่เคยเห็นหน้า” หลวงพ่อหันมามองน้ำที่ยิ้มพร้อมกับพนมมือไหว้

“ลูกชายผมมีสองคนครับหลวงพ่อ นี่คนโต นั่นคนเล็ก ส่วนคนที่หลวงพ่อถามถึง ผมเอ็นดูเค้าเลยรับมาเป็นลูกบุญธรรมครับ”

“อ้อ ขอให้เจริญๆนะโยม ของทำบุญมากมายเลยนะ”

“ครับ พอดีวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดลูกชายคนเล็กครับหลวงพ่อ เลยชวนเค้ามาทำบุญวันเกิด”

“ดีมากๆ เป็นวัยรุ่นไฟแรง เข้าวัดฟังธรรม จิตใจจะได้สงบไม่ร้อนรุ่มนะโยม”

“ครับหลวงพ่อ” ภูวนนท์ตอบรับคำสอนของหลวงพ่อ

“อ่ะ สงกรานต์ ไพบูลย์ ยกของมาด้านหน้าให้หลวงพ่อเลยแล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลาหลวงพ่อ ”

“ครับคุณชาย”

“อ่ะ ไหว้พระก่อน เสร็จแล้วตั้งนะโม สามจบ แล้วค่อยว่าตามอาตมานะ”

“ครับหลวงพ่อ” ภัครพิชัยตอบขานหลวงพ่อพร้อมกับก้มลงกราบไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าสีทองอร่ามตา

           ในระหว่างที่ทุกคนก้มลงกราบไหว้อยู่นั้น หลวงพ่อเหลือบไปเห็นสร้อยคอของน้ำที่โผล่ออกจากจากเสื้อด้านใน หลวง
พ่อถึงกับตกใจและแปลกใจอยู่ไม่น้อย แล้วมองใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้าชัดๆ อย่างเหลือเชื่อ



“หม่อมเจ้า! นั่นสร้อยคอของพระโอรสในพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ!”


“หลวงพ่อว่าอย่างไรนะครับ” ภัครพิชัยเอ่ยถามหลวงพ่อเพราะไม่ได้ยินที่หลวงพ่อกล่าว เขตกับต่อมองหน้าหลวงพ่ออย่างงงๆ
เพราะไม่รู้ว่าหลวงพ่อเป็นอะไร เพียงไม่กี่วินาทีหลวงพ่อก็สละจากใบหน้า

“สงสัยอาตมาจะจำผิด เอาเถอะ พูดตามอาตมานะ”

             น้ำทำสีหน้างุนงง พร้อมกับเก็บสร้อยคอเส้นนั้นกลับเข้าที่เหมือนเดิม แล้วพนมมือว่าตามหลวงพ่อต่อไปจนเสร็จสิ้นพิธี
ทางศาสนา

“หลวงพ่อครับ ยังไงก็ผมขอกราบลาหลวงพ่อเลยแล้วกันนะครับ พอดีมีงานไปทำต่อครับ  ”

“เอาเถอะ โยม ว่างๆมีเวลาก็พาครอบครัวมาทำบุญอีกนะ”

“ครับ”

“ว่าแต่โยมหลานเถอะ อาตมาอยากรู้ว่าสร้อยที่ใส่อยู่คอ ไปได้แต่ใดมา”

“สร้อยเส้นนี้ คุณแม่ให้ผมติดตัวไว้ ก่อนจะออกมาอยู่กับคุณชายครับหลวงพ่อ”

“แล้วแม่โยมชื่ออะไรหรือ”

“แม่ผมชื่อ ชื่น ครับหลวงพ่อ”

“ชื่น? ชื่อคุ้นๆ แม่ของโยมไม่ใช่หม่อมพิมล ไกรเกียรติขจรกุลหรอกหรือ”

“หลวงพ่อ เด็กคนนี้ผมไปรับมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่าที่บ้านยากไร้ แถมติดหนี้สินมากมายครับ” ภัครพิชัยตอบแทนน้ำ

“อ้อ อย่างนั้นหรอ อาตมาคงจะจำผิดไปจริงๆ ผ่านมายาวนาน 20 ปีได้ อาจจะไม่ใช่สร้อยเส้นนั้นก็เป็นได้”

“สร้อยเส้นนี้มันยังไงหรอครับหลวงพ่อ” ภัครพิชัยถามหลวงพ่อต่อ

“ไม่มีอะไรหรอก อาตมาจำผิดไปเองแหละนะ รีบไปเถอะโยมมีงานไม่ใช่หรือ”

“ครับหลวงพ่อ กราบลาแล้วนะครับ”






“คุณพ่อครับ เรื่องหม่อมพิมลอะไรนี่ ทำไมหลวงพ่อถึงอยากทราบขนาดนั้น แล้วสร้อยของน้ำที่ใส่อยู่มันคืออะไรหรอครับ” ต่อ ถามพ่อด้วยความอยากรู้

“ลูกยังเกิดไม่ทัน หม่อมพิมล เป็นชายาที่ 3 ของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ ไกรเกียรติขจรกุล แห่งวังฉัตรอรุณ เห็นว่ากันว่า หม่อมพิมลได้คลอดพระโอรส เพียงไม่ถึงชั่วยามก็สิ้นชีพิตักษัย ต่อมาอีกวันหม่อมพิมลก็สิ้นชีวิตตามไป คนใช้คนสนิทก็หายตัวไป พ่อ
ก็จำไมได้หรอกว่าคนใช้ มีใครบ้าง แล้วชื่ออะไรบ้าง”

“อย่างนั้นหรอครับ น่าเศร้าจังเลยนะครับ ”

“อืมใช่ ในวังนั้นหลังจากพระองค์เจ้าสิ้นพระชนม์ หม่อมบุหลัน ชายาที่ 1 ก็ควบคุมอำนาจทุกอย่างในบ้าน โชคดีของหม่อมรุ้ง
พราว ชายาที่ 2 ที่เธออยู่วังต่อไปได้ เนื่องจากมีพระโอรสคนแรกและคนเดียวให้กับพระองค์เจ้า  จึงสามารถอยู่ต่อวังนั้นได้ ”

“ฟังดูแล้วน่ากลัวมากเลยนะครับ หม่อมบุหลัน ผมชักจะอยากเห็นแล้วสิ”

“หม่อมบุหลันเธอ สุขุมแต่แฝงไปด้วยพิษ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น ผิดกันกับลูกสาวที่นิสัยดี มีเมตตา และท่านหญิงรัมภาพรรณ ทรง
โปรดงานเลี้ยงงานแฟชั่น และงานไอโซต่างๆ จึงมีคนรู้จักในแวดวงกว้าง”

“ผมพอจะเคยเห็นบ้าง แต่ไม่บ่อย ท่าหญิงทรงสิริโฉม งามมากครับ”

“ฮาๆๆๆ พูดแบบนี้กำลังอยากมีความรักหรือเปล่าเจ้าต่อ   ”

“ปะ…เปล่านี่ครับ คุณพ่อ ผมยังไม่อยากมีหรอก ผู้หญิงน่าเบื่อจะตายไป”

“อย่างนั้นหรอ แล้วผู้หญิงที่ไม่น่าเบื่อของลูกพอจะมีอยู่หรือเปล่า”

“คุณพ่อ บอกแล้วไงครับว่าไม่มี เรื่องสาวๆต้องถามพี่เขตโน่นรายนั้น แม่แอริน ก้นใหญ่ไม่มาหาทุกวันหรอกหรอครับ ได้ข่าวว่า
กลับมาแล้วหนิ”

“ไอ้ต่อ ไหงว่าโยนให้พี่แบบนี้ แล้วไปพูดว่า พี่เค้าก้นใหญ่ได้ยังไง เอ๊ะนายนี่นะ”

“เฮ้ย เขต น้องเค้าพูดเล่น นายก็จริงจังไปได้”

“เฮ้อ อ้าวแล้วนี่ ไอ้เด็ก เอ้ย น้ำไปไหน”

“น้ำไปเดินเล่นรอบๆตัววัดครับกับสงกรานต์ครับคุณเขต” ไพบูลย์ตอบนายอย่างเร่งรีบ เพราะรู้ดีว่าเจ้านายคนนี้ไม่ชอบอะไรที่
ชักช้า

“ไปเดินเล่น ไม่รู้หรือไงว่าเรากำลังจะกลับกัน ไปตามสิ!!!”

“เฮ้ย ไพบูลย์ไม่ต้อง ให้น้ำได้มาเปิดหูเปิดตาบ้าง เอาเป็นว่าพ่อจะกลับไปก่อน นายกับต่อก็อยู่ซะที่วัดนี่ก็ได้ ไปทำบุญหรือไป
ปล่อยนกปล่อยปลา ซะสินะ จะรีบร้อนไปไหนกัน”

“ครับคุณพ่อ!!!” เขตตอบรับคำของพ่อ ที่เค้าเองไม่กล้าที่จะขัดเท่าไหร่

“ไปกันได้แล้วไพบูลย์ จริงๆแล้วงานวันนี้เยอะรึเปล่า”

“เลขา เธอโทรมาบอกว่างานมีเยอะพอสมควรครับ ”

“อืม ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเลยแล้วกัน”

“ครับคุณชาย”



“ไม่ไหวเลยจริงๆ ต่อจะไปไหน!!”

“ก็ไปเดินเล่นไงครับ ไปตามหาน้ำด้วย ไปด้วยกันปะล่ะ”

“เรื่องอะไร พี่ต้องไปตามเด็กรับใช้พรรณนั้น ”

“ตามใจ ผมไปแล้วนะ พี่ก็รออยู่ใต้ต้นโพธิ์แล้วกัน เย็นดีออก”

“รีบไปรีบมาด้วย พี่ไม่มีเวลามากพอหรอกนะ เดี๋ยวจะเข้าไปกองทัพอีก ”

“คร้าบๆๆๆ  เข้าใจแล้วครับ จะรีบมาครับผม”






“หนูน้ำ ชอบวัดนี้หรอ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถาม

“ไม่รู้เหมือนกันครับ วัดนี้ทั้งสวย ทั้งอยากอยู่ที่นี่นานๆ ไม่รู้เพราะอะไร”

“ดีแล้วล่ะนะ ที่น้ำชอบ พี่ว่าเรากลับกันเถอะนะ รอนานแบบนี้ คุณเขตอาจจะไม่ชอบก็ได้”

“เออใช่ ผมลืมไปเลย รีบกลับกันเถอะครับพี่สงกรานต์”

“ไปสิไป”

“เฮ้ พี่สงกรานต์ น้ำ กลับกันเถอะ”

“กำลังกลับครับคุณต่อ ว่าแต่ คุณต่อมาเดินตามพวกเราหรอครับ”

“อืมใช่ เจ้านายรูปหล่อนั่งรอหน้าบึ้งอยู่ที่ใต้ต้นโพธิ์โน่น”

“ซวยแล้ว จะโดนอะไรไหมนะ”

“ฮาๆๆๆ น้ำ อย่ากังวลไป พี่เขตก็เป็นแบบนี้แหละ จอมบงการ เจ้ากี้เจ้าการ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“เอ่อ แต่ว่าผมก็ยังกลัวอยู่ดีครับคุณต่อ”

“เอ่อ คุณต่อ น้ำ เรารีบกลับเถอะนะครับ ”

“โอเค!”

 

มาต่อแล้วน้าาาา   เจอกันใหม่วันเสาร์ อาทิตย์หน้า  ใกล้ถึงวันงานฉลองโรงแรมไอยราของเสี่ยสิงห์แล้ว เขตจะไปรู้เรื่องปริศนาอะไรเพิ่มอีกมั้ยนะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 6 ✥✥ Up. (23/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-08-2015 20:28:13
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 6 ✥✥ Up. (23/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-08-2015 20:57:30
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 6 ✥✥ Up. (23/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-08-2015 22:13:06
 :hao5: อยากอ่านต่ออ่ะ โธ่ หลวงพ่อจำไม่แม่นเลยอ่ะ ไม่งั้นน้ำอาจจะรู้ภูมิหลังตัวเองขึ้นมาหน่อย
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 6 ✥✥ Up. (23/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 23-08-2015 23:36:17
ชอบ คาแรกเตรอ์แนวนี้อ่ะ


อยากอ่านมานานแล้ว


ในที่สุดก็ได้อ่านชอบพระเอกโหดๆแบบนี้ นายเอกอ่อนแอแบบนี้


สุดท้ายนายเอกจะได้อยู่วังไหมนะ หลักถานเรี่มชัดเจนขื้นแล้ว


รีบมาเร็วๆนะครับคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 6 ✥✥ Up. (23/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 29-08-2015 21:34:35
ตอนที่ 7



ผ่านไปหลายวัน


       ดุษฎีหรือในนามที่ทุกคนในแวดวงต่างๆรู้จักคือ เสี่ยสิงห์ จัดงานฉลองลูกสาว “แอริน”และความสำเร็จของโรงแรมไอยราขึ้น ส่วนลูกสาวของเค้า เจ้าตัวมุ่งมั่นให้กับงานนี้อย่างมาก เธอติดต่อดีไซน์เนอ จากปารีสที่เธอเคยไปอยู่มา ให้ช่วยงานนี้ เพียงไม่กี่วันโรงแรมก็ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่กว้างใหญ่ พร้อมรองรับแขกผู้มีเกียรติทุกคนที่ได้เชิญมาร่วมได้พร้อมที่สุด


“คืนนี้พร้อมไหมลูกสาวคนสวยของพ่อ”

“พร้อมสิคะ นี่เพื่อนๆพ่อฉันเอง  คุณพ่อคะนี่นางแบบ นายแบบเพื่อนของรินเองค่ะ ” แอรินยิ้มและแนะนำให้รู้จัก


“สวัสดีค่ะ/ครับ”


“สวัสดีๆสบายนะทุกคน แอรินตามพ่อมาข้างนอกหน่อย” หญิงสาวทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะเดินตามพ่อไป

“คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าคะ” แอรินถามพ่อทันทีที่เดินออกมาข้างนอกแล้ว

“พ่ออยากจะให้ลูกสาวพ่อ แนะนำเขตบนเวทีในงานคืนนี้ ให้คนรู้กันไปเลยว่า พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช คือ
เพื่อนชายคนสนิทและพิเศษของลูก ”

“คุณพ่อมันจะดีหรอคะ แขกในงานคืนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคุณหญิง คุณนาย  นักธุรกิจ และยิ่งไปกว่านั้น หม่อมเจ้าชยาดล และ
หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ เสด็จมางานนี้ด้วยนะคะ”

“แอริน หนูกังวลมากไปหรือเปล่าลูก พ่อให้หนูประกาศให้คนรู้แค่ว่าเขตเป็นเพื่อนสนิท คนพิเศษ คนโปรดหรืออะไรก็ได้ เท่านั้นเอง”

“แต่คุณพ่อคะ”

“ไม่มีแต่! แอริน สมัยนี้คู่ครองที่จะประคับประคองแกไปได้ตลอดชีวิตคือ คุณเขตเท่านั้น แกเข้าใจใช่ไหม!”

“แต่ทำแบบนี้ พี่เขตอาจจะไม่พอใจได้นะคะ”

“แล้วเรื่องอะไรที่เค้าจะไม่พอใจเรา ฮะแอริน ถ้าเค้ารักแกจริง พ่อว่ามันถึงเวลาแล้ว ”

“รินก็ไม่ได้อายุมากขนาดถึงต้องรีบแต่งงานเลยนี่คะ คุณพ่อ”

“แต่คุณเขต จะ 30 ปี แล้ว  มีหรอที่หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยจะปล่อยให้คุณเขตเป็นโสดอยู่อย่างนี้ เข้าใจหรือยัง”

“….”

“โถ่เอ้ย แอริน ทำไมทำหน้างงอย่างนั้นเล่า เอาง่ายๆๆ ที่ที่แฟนแกเค้าอาจจะไปแอบมีหญิงสาวคนอื่นๆที่คุณชายภัครพิชัย จะหา
มาประเคนให้ถึงบ้านก็เป็นได้ แกเข้าใจไว้ด้วย ไม่มีทหารคนไหนจะโสดไปได้นานนักหรอก เท่าที่เห็นก็มีคุณเขตนี่แหละที่ยังไม่
ยอมแต่งงาน”

“ค่ะๆๆๆๆๆๆๆๆ รินเข้าใจก็ได้ค่ะ!”

“ดีมาก พ่อไปเตรียมงานที่เหลือก่อน จำที่พ่อพูดเลยนะริน ด้านได้ อายจะอดเอา เข้าใจไหม!”

“ค่ะคุณพ่อ! รินเหนื่อยแล้ว ไปหาอะไรเย็นๆดื่มดีกว่า คุณพ่อเอาอะไรไหมคะ รินมาซื้อไปให้ถึงห้องทำงาน”

“ไม่ต้องหรอก พ่อรีบ ”

“ค่ะ”

           แอรินถอนหายใจให้กับชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเธอ เธอไม่เข้าใจว่านักธุรกิจทุกคนจะเป็นแบบนี้กันไปหมดหรือเปล่า
เรื่องทุกเรื่องต้องโยงเข้าข่ายธุรกิจจนหมด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องความรัก และคู่ครองก็ต้องรีบแย่งรีบไขว่คว้ามา เธอก็แอบนึกไปนึก
มา การที่ภูธเนศ ไม่ต้องการมีคู่ครองหรือครองเป็นหนุ่มโสดอยู่ถึงขนาดนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะเค้ากำลังรอเธออยู่ก็เป็นได้  แอริน
นึกไปตามความฝันที่ตัวเองพรรณนาไปก็ยิ้มร่ามีความสุข จนลืมไปเลยว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งเหนื่อยจากการซ้อมเดินแฟชั่นโชว์ในค่ำคืนนี้อยู่เลย




        ช่วงเย็นที่คฤหาสน์สีขาวใหญ่ทุกคนในบ้านต่างพากันวุ่นวายพอสมควร เพราะทั้งภัครพิชัย ภูธเนศ ต้องเตรียมตัวไปงานฉลองที่โรงแรมไอยราตามการ์ดเชิญของเสี่ยสิงห์ โดยมีหนุ่มร่างบางที่กำลังเตรียมชุดเขตอยู่ภายในห้อง ซึ่งเจ้าตัวกำลังแต่งตัวอยู่  น้ำมองเขตอย่างชื่นชมในความหล่อ และเท่ห์ของเค้ามาก ร่างบางไม่เคยเห็นเจ้านายของเค้าใส่ชุดสูทแบบนี้ไปงานเลี้ยงรื่นรมแบบนี้เลย น้ำมองเพลินไปจนเขตจับจุดได้

“มองทำบ้าอะไรอยู่นั่น!”

“เอ่อขอโทษครับคุณเขต”

“เอ้า ไอ้โง่ ไปหยิบเสื้อคลุมมาสิ ”

“ครับๆ รอซักครู่ครับ”




“ได้แล้วครับคุณเขต” น้ำยื่นเสื้อราคาแพงให้เขต แต่เจ้าตัวกลับกางแขนทั้งสองออกห่างลำตัว

“ใส่ให้ฉันที!” ร่างหนาสั่งเสียงดุ

“คะ..ครับ” น้ำรีบใส่เสื้อนั้นให้ภูธเนศทันที

“ต่อไปนี้ ถ้าฉันจะไปทำงาน หรือไปงานต่างๆ แกต้องมีหน้าที่เตรียมเสื้อผ้า ให้ฉัน อ้อ! พร้อมทั้งรองเท้าด้วย ถ้ามันเก่าแกก็เอา
ไปขัด คงไม่ยากเกินไปใช่ไหม”

“เอ่อครับ ไม่มากไปครับ ผมทำได้”

“ฮึ! ดี พูดง่ายๆ อารมณ์ก็ไม่เสีย ถ้าลงไปคุณพ่อถาม แกก็ตอบไปว่าขึ้นมาช่วยฉันดูเสื้อผ้าไปงาน เท่านั้นพอ อย่าได้สะเออะ
บอกคุณพ่อว่าฉันใช้งานแก เข้าใจไหม!”


     ร่างหนาก้มไปมองแววตาคู่นั้นอย่างเอาเรื่อง ร่างบางบ่ายเบี่ยงใบหน้าพร้อมกับหลับตาปี๋เพราะความกลัว กลิ่นน้ำหอมในตัวของภูธเนศ น้ำรู้สึกชอบมาก เพราะมันทำให้เค้ารู้สึกว่ามันผ่อนคลายเลยทีเดียว

“คะ..ครับ ผมจะไม่เอ่ยปากบอกคุณชายแน่นอนครับ”

“ดี ตามฉันลงมาด้านล่างได้แล้ว”






“เสร็จแล้วหรอเจ้าเขต”

“ครับคุณพ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ”

“แดนภพมาหาที่บ้าน พร้อมกับหม่อมราชวงศ์ประศิต ศศิวานนท์ เดี๋ยวเราจะไปด้วยกัน”

“อ้อครับผม” เขตตอบพ่อแล้วหันไปมองคุณชายประศิต

“สวัสดีครับคุณอา” เขตไหว้คุณชายประศิตด้วยความนอบน้อม

“สวัสดีหลานชาย เจอกันคราวนี้หล่อขึ้นทุกวันๆ แล้วอย่างนี้สาวๆจะไม่มีมาตามจีบสักคนเลยหรือพี่พิชัย” คุณชายประศิตหันไปยิ้มให้กับภัครพิชัย

“ใครว่ากันล่ะ ประศิต ลูกชายคนนี้ใช่ย่อยที่ไหน สาวๆมารุมตอมเยอะแยะ แต่ไม่เลือกสักคน จะมีก็แต่แอริน ลูกสาวเสี่ยสิงห์นี่
แหละที่เจ้าเขต ยอมคุยยอมคบหาดู”

“คุณพ่อ ไปบอกคุณอาแบบนั้นผมก็อายเป็นนะครับ”ร่างหนาทำเสียงเขินอายซึ่งยากมากที่บุคลิกของเขตจะปรากฏแบบนี้ให้เห็น 
ซึ่งไม่อยากบอกเลยว่าตอนนี้เขตเป็นผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งในสายตาของน้ำทีเดียว

“เฮ้ย ไม่ต้องอายหรอกน่า แกเป็นผู้ชายจะไปอายทำไม หนูแอรินสิต้องอายเสียมากกว่า”

“ไง น้ำ ไม่เจอกันนานเลย ดูดีขึ้นมากเลยนะ แผลที่ฝ่ามือหายรึยัง”

“หายแล้วครับพี่หมอ ขอบคุณมากเลยนะครับ ว่าแต่สบายดีนะครับ”

“สบายดีครับ อืมแล้วนี่ไม่ไปงานเลี้ยงด้วยกันหรอกหรอ”

“อืมนั่นสินะ หนูน้ำสนใจไปร่วมงานหรือเปล่า”

“อยากครับคุณชาย!” น้ำไม่ลังเลที่จะตอบ เพราะเค้ารอคำชวนจากภัครพิชัยอยู่แล้ว

“พี่พิชัย เด็กคนนี้นะหรอ ที่เจ้าแดนภพ เล่าให้ฉันฟังว่าเอามาเป็นลูกบุญธรรม หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้พ่อแม่ไม่หวงบ้างเลย
หรือครับ”

“ฉันไปอ้อนวอนขอเค้ามาเอง นี่ก็อีกไม่กี่วันกะจะพาเค้ากลับไปเยี่ยมที่บ้านบ้าง ป่านนี้พ่อแม่และพี่ชายทั้งสองของเค้าคงจะคิดถึง
แย่”

“อ้อครับผม”

“คุณชาย จะพาผมกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ใช่ไหมครับ ผมคิดถึงที่บ้านมากเลย ขอบคุณมากนะครับ”

“ดูเข้า ทำตัวตื่นเต้นแต่ก็น่าเอ็นดูดีนะ เหมือนได้ลูกชายอีกคนขึ้นมาซะอย่างนั้น” ภัครพิชัยยิ้มให้น้ำอย่างเอ็นดู

“เอาล่ะ น้ำไปเปลี่ยนชุดเถอะ เวลายังพอเหลือ ปะ เดี๋ยวพี่ไปเลือกชุดให้ ”

“เดี๋ยว! นายไม่ต้องไปหรอกแดนภพ ฉันไปเอง”

“อ้าว ทำไมวะเขต”

“นี่เป็นน้องฉัน ฉันจัดการเองได้”

        เขตกลั้นใจเรียกน้ำว่าน้องชาย เพราะอยู่ต่อหน้าภัครพิชัย เค้าคงไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ แต่แดนภพเป็นเพื่อนกับเขตมานานดูออกทันทีว่าเขตกำลังคิดอะไรอยู่ และต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ

“โอเค  น้องน้ำใส่ชุดหล่อๆน่ารักๆนะ พี่จะรอดู”

“ครับ”  น้ำตอบรับแดนภพ แล้วเดินเข้าห้องส่วนตัวไปโดยมีเขตเดินตามหลังไปติดๆ




“ดูท่าแกจะเอ็นดูน้ำมากเลยนะ คุณหมอแดนภพ”

“ปะ..เปล่าครับคุณพ่อ แต่น้องก็น่ารักดี ผมอยากมีน้องแบบนี้จัง”

“ฮาๆๆๆ ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะ ” ประศิตแซวลูกชายแต่จะว่าไปแดนภพก็เป็นลูกชายคนเดียวก็อาจจะเหงาไปบ้าง 

“เอาอย่างนี้สิแดนภพ ลุงอนุญาตให้มาบ้านนี้ได้ทุกเวลาเลยเป็นไง มาเป็นเพื่อนเล่นกับหนูน้ำ ดูท่าเค้าคงจะดีใจมาก”

“จริงหรอครับคุณลุง ขอบคุนมากครับ”

“ไม่เป็นไรๆ ฮาๆๆ” ภัครพิชัยหัวเราะชอบใจในความดีใจของหลานชายตรงหน้า



       ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งด้วยฝีมือของน้ำเอง  ร่างบางเข้ามาในห้องด้วยความกังวล จะไม่ให้คิดอะไรเลยก็ไม่ได้ เขตเดินตามเข้าในห้องแบบนี้เค้ายิ่งทำตัวไม่ถูก



ปัง!!!


        เสียงประตูไม้สักบานใหญ่ปิดกระแทกตามหลังทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยงทีเดียว ร่างหนายิ้มแสยะอย่างรังเกียจห้องที่เค้า
เข้ามาอยู่มาก


“คะ…คุณเขตครับ จริงๆคุณเขตไม่ต้องเข้ามารอก็ได้นะครับ ห้องผมมันคับแคบ กลัวว่าจะหายใจไม่สะดวก ”

“พูดอย่างกับฉันอยากจะเข้ามาอย่างนั้นแหละ” น้ำได้ยินอย่างนั้นก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตาแววตาคู่นั้น แล้วเดินไปตู้เก็บเสื้อผ้า

 “ฮึ! แล้วนี่อะไร แจกันดอกไม้ เต็มไปหมด เกะกะจะตายไป ”

เพล้ง!!!

              ภูธเนศเอามือหนาปัดแจกันดอกไม้ 2 3 อันตกลงพื้นแตกกระจาย ไม่ใช่เพราะว่าเค้าใช้แต่อารมณ์แต่เพราะภูมิหลัง
ของเขตนั้น เค้าเกลียดดอกไม้ที่ใส่ไว้ในแจกัน ใช่แล้วคนที่เค้ารักมากที่สุดในชีวิตได้ให้ดอกไม้ดอกนี้กับเค้าในวันที่บอกเลิกกัน ซึ่งเค้าเจ็บปวดมากและยังคงจดจำเรื่องวันนั้นได้เป็นอย่างดี

“คะ..คุณเขต ดอกไม้ของผม”

“แล้วยังไง ฉันไม่หยิบมาปาหน้าแกก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“…”

“แกจำเอาไว้นะ ห้ามแกเอาดอกไม้ชนิดนี้มาไว้ในบ้านนี้อีก ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ห้องรับแขก ห้องโถง ห้องนั่งเล่น หรือห้องไหนๆ ห้ามทั้งนั้น เข้าใจไหม ”

“ดอกกุหลาบสีเหลืองมันสวยออกนะครับ”

“ฉันถามว่า เข้าใจไหม!!!!”

“คะ…เข้าใจครับ เข้าใจ ผมจะไม่เอามาใส่ในแจกันอีกแล้วครับ”

“ดี แล้วนี่แกจะทำอะไร”

“ก็เลือกชุดที่จะใส่ไปงานไงครับ”

“เพ้อฝัน บ้านนอกๆอย่างแกเนี่ยนะ จะไปงานเลี้ยง เลิกคิดไปได้แล้ว ที่ฉันตามแกมานี่เพราะจะบอกเรื่องนี้ให้ฟังต่างหาก ”

“แต่คุณชายให้ผมไป…”

“ไม่ต้องเอาคุณพ่อมาอ้างหรอกนะ เพราะตอนนี้ไม่มีคุณพ่ออยู่  แกอยู่ในห้องนี้ไป ห้ามเสนอหน้าออกไปอีก จนกว่าฉัน คุณพ่อ
คุณอาและแดนภพจะไปงานเลี้ยงฉลองคืนนี้”

“คะ..ครับ”



             ร่างบางตอบภูธเนศอย่างแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหลซึมออกมา ร่างหนาเดินหันหลังออกจากไปจากห้อง พร้อมกับปิดประตูดัง น้ำค่อยๆทรุดลงนั่งกับพื้นมือบางๆสองข้างหยิบเก็บเศษแจกันใส่ในตะกร้าที่อยู่ใกล้แถวนั้น บางทีเค้าก็ไม่เข้าใจเลยว่า ที่ภูธเนศไม่ชอบเค้าไม่พอใจเค้าเป็นเพราะอะไรกันแน่ เด็กหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้แต่เพียงคนเดียวในใจ



            เขตเดินออกจากห้องมาก็นึกสะใจที่น้ำไม่ได้ไปงานเลี้ยงอย่างที่คิด เด็กรับใช้อย่างนั้นหรอจะไปร่วมงานมีหวังเค้าอับอายคนอื่นๆในงานแน่ ดีไม่ดีอาจจะไปทำเรื่องไม่เป็นท่าในงานอีก ให้อยู่ในห้องนั้นไปนะดีแล้ว ดอกกุหลายสีเหลืองคิดไปคิดมาเค้าก็ยังแค้นไม่หาย เพราะดอกไม้ดอกนั้นมันทำให้ภูธเนศไม่สามรถลืมคนรักคนเก่านั้นได้เลย และคนรักคนนั้นก็ทำร้ายหัวใจเค้าด้วยการหลอกเอาเงินของพ่อเค้าไป ถึงแม้ว่าพ่อจะสมยอมให้ด้วยใจแต่เค้าว่ามันไม่ควร และตอนนี้เธอคนนั้นก็หายไปไม่มีวันกลับมาอีกเลย



“อ้าวเขต แล้วน้ำล่ะ”

“พอดีน้ำเปลี่ยนใจไม่ไปงานกับเราแล้ว คุณพ่อครับเราไปงานกันเถอะ เดี่ยวจะสายเอา”

“อืมโอเค กล้วยไม้ ใบหลิว ฝากดูแลทางนี้ด้วยนะ” ภัครพิชัยสั่งงานคนรับใช้

“ได้ค่ะ”

“สงกรานต์แกเองก็ไม่ต้องไปหรอก อยู่เฝ้าที่บ้านนี่แหละ ให้ไพบูลย์ไปคนเดียวก็พอ”

“ครับคุณเขต”

“อืมเอาอย่างนี้สิ ประศิต นายกับลูกก็ไปรถคันเดียวกันเลย อีกอย่างจะได้ให้สุชาติ คนของนายอยู่รอที่บ้านด้วยเลย”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับพี่ สุชาติ อยู่รอที่บ้านคุณชายภัครพิชัยนี่แหละนะ ”

“ครับคุณชาย!”

“ไปกันเถอะ ไพบูลย์ไปเอารถออกได้แล้ว”

“ครับคุณชาย!”

“เขต แกคงไม่ได้ทำอะไรน้ำใช่ไหม” แดนภพกระซิบเขตเมื่อเจ้าตัวกำลังเดินผ่านไป

“เปล่า!  รีบขึ้นรถเถอะน่าแดนภพ ถามอะไรจุกจิกน่ารำคาญ”

“อย่าให้รู้นะว่าแกทำอะไรน้ำ ใจเพื่อนใจดำ!” แดนภพต่อว่าเพื่อนเสียงเบา แต่เขตไม่ได้สนใจคำพูดเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

         



           ในค่ำคืนที่แสนอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติทุกคนทุกท่านกำลังทยอยนั่งรถหรูมาจอดประชันกันที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าบานใหญ่ของโรงแรมไอยรา โดยมีดุษฎีหรือในนามที่รู้จักในแวดวงธุรกิจคือเสี่ยสิงห์ ชายหนุ่มผู้ที่มีรูปร่างสมส่วน แม้จะอายุมากแล้วแต่ไม่เคยเลยที่จะปล่อยน้ำหนักให้เลยตามเลย กำลังยืนรอต้อนรับแขกทุกๆคนเข้างาน


        ไม่นานรถเบนซ์สีดำสวยหรูขับเข้ามาจอดพร้อมกับรถหรูอีก 1 คันตามขับมาติดๆ ดุษฎียิ้มหน้าบานทันที เพราะแขกคนนี้เค้าได้ลงทุนไปทูลเชิญด้วยตัวเค้าเองที่วังฉัตรอรุณ พนักงานชายหนุ่ม 4 คนลงจากรถคันด้านหลังในชุดสูทสีดำ หน้าตาคมเข้ม เดินทะมัดทะแมงมาประกบรถคันสีขาวหรูที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับเปิดประตูฝั่งซ้ายด้านหลัง ให้เจ้านาย ชายหญิงลงจากรถ


         คนแรกที่ลงมาเป็นชายหนุ่มผู้ทะนงศักดิ์สีผิวขาวเนียนสูง 6 ฟุตวัยเกือบเลข 3 นำหน้า ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินลงจากรถ ตามมาด้วยหญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าครามพลิ้วกระโปรงลากยาวถึง 3 เมตร อายุเพียง 30 ปีเศษเธอใส่สร้อยเพชรพร้อมกับต่างหูเพชรรูปหยาดน้ำ ทรงผมถูกเกล้าขึ้นเพื่อกระจายบารมีที่เธอพึงมีอยู่ ให้แขกในงานคนๆอื่นๆหันมามองเธอกับน้องชายร่างสูงที่ยืนประชิดเธอ 

“ท่านหญิง ท่านชาย กระหม่อมดีใจยิ่งนักที่ทั้งสองพระองค์ เสด็จมาตามที่กระหม่อมทูลเชิญ”

     ดุษฎีเดินเข้าไปคำนับเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามถึงความรู้สึกในขณะนี้

“เสี่ยสิงห์ อย่าห่วงไปเลย เราพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น โรงแรมใหญ่และสวยงามมาก ถูกใจจริงๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลง
สถานที่ไปมากพอสมควร” หม่อมเจ้าชยาดลกล่าวตอบ

“ใช่แล้วกระหม่อม เกรงว่าจะขายหน้าแขกที่มาร่วมงาน ท่านหญิงภา ท่านชายดล ทูลเชิญเข้างานก่อน กระหม่อม”

       ดุษฎีเดินนำหน้าหม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ และหม่อมเจ้ารัชยาดล เข้างาน พร้อมกับคนของท่าน 4 5 คนเข้ามาตามมาติดๆ
แขกผู้มีเกียรติในงานต่างรู้และจำท่านหญิงภาได้ดี เพราะท่านโปรดออกงานแฟชั่นและงานรื่นเริงแวดวงไฮโซพอสมควร เหล่า
แขกผู้มีเกียรติในงานต่างพากันคำนับเล็กน้อยพอเป็นพิธี คุณหญิงคุณนาย คุณชายในงานมองกันเป็นตาเดียว รวมไปถึงเขตและ
แดนภพ ที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะวางขนมพอดิบพอดี

“นั่นท่านหญิงภาหรือวะ เขต ”

“อืม น่าจะใช่ ถ้าจำไม่ผิด ท่านหญิงสิริโฉมงดงาม เคยเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อปีก่อน”

“อ้อ อย่างนั้นเองหรอกหรือ แล้วนั่นน่าจะเป็นท่านชายดล สินะ”

“ใช่ ตอนเด็กๆ ฉันเคยไปที่วังฉัตรอรุณบ่อยๆ  ”

“จริงหรอ แกนี่ไม่เห็นจะเล่าให้ฟังบ้างเลย เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ”

“ก็แกไม่ได้ถามฉันเองนี่หว่า”




            ท่านหญิงรัมภาพรรณ เดินไปในงานแล้วสะดุดตากับเขต และแดนภพเข้า ท่านจึงหยุดเดินต่อ สีหน้ายิ้มแย้มให้สองหนุ่ม
ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง

“ใช่หม่อมหลวงภูธเนศ หรือไม่” ท่านหญิงถามเขตที่ยืนอยู่

“ใช่แล้วกระหม่อม ดีใจเหลือเกินที่ฝ่าบาทยังทรงจำกระหม่อมได้”

“ฝ่าบาทอะไรกัน เรียกท่านหญิงก็พอ เห็นเป็นอื่นคนไกลได้อย่างไร แล้วนี่ใครจะกล้าลืม พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ กันล่ะ สบาย
ดีนะ”

“สบายดีกระหม่อม ไม่ทราบว่าท่านหญิงทรงเป็นเช่นใดบ้าง”

“ไม่ต่างกันเสียเท่าไร่หรอก เราสบายดี ท่านแม่และท่านน้าในวังสบายดีกันทุกคน”

“อย่างนั้นหรือกระหม่อม เอ๊ะ! แล้วนั่น ” เขต เผลออุทานออกไปเสียงดังเมื่อเห็นสร้อยคอที่ท่านหญิงใส่ไว้ที่คอ

“มีอะไรรึเปล่า เขต” ท่านชายชยาดล เอ่ยถาม

“ปะ เปล่ากระหม่อม พอดี กระหม่อมคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นสร้อยที่คอท่านหญิงมาเมื่อไม่นานมานี้”

“จริงรึ สร้อยแบบนี้เธอจะไปเห็นมาจากที่ใดกัน ภูธเนศ จะมีก็แต่พระโอรสและพระธิดาในพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ  เท่านั้น ”

“ใช่แล้ว เขต นายคงจะตาฝาดไปเองหรือเปล่า ” ท่านชายชยาดลพูดเสริมอย่างเป็นกันเอง

“ขอทรงให้อภัย กระหม่อมอาจจะตาฝาดไปเอง จริงด้วยของสำคัญขนาดนี้จะไปพบไปเจอจากที่อื่นได้อย่างไร”

“เอาเถอะ ถ้าไม่รังเกียจไปนั่งร่วมโต๊ะที่ใกล้ๆติด แคชวอล์ค ด้วยกันสิ เขต” ท่านชายเอ่ยชวน

“หามิได้กระหม่อม ในงานครั้งนี้ กระหม่อมได้ร่วมโต๊ะกับท่านชายและท่านหญิงอยู่แล้ว กระหม่อมลืมไป นี่เพื่อนของกระหม่อม
เองชื่อ นายแพทย์หม่องหลวงปฐพี ศศิวานนท์ กระหม่อม ”

“อ้อ เราพอจะรู้จักชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย ว่าลูกชายของหม่อมราชวงศ์ประศิต ศศิวานนท์ทั้งเก่งและชาญฉลาด พอเจอตัวจริงเข้าก็
หล่อไม่เบาทีเดียว”

“ท่านหญิงทรงชมเกินไป กระหม่อมไม่กล้ารับไว้”

“ได้ยังไงกัน ใครๆเค้าก็พูดกันแบบนี้ไปทั่ว จริงหรือไม่ ชยาดลน้องพี่”

“ใช่แล้วท่านพี่ เอาเถอะเราไปนั่งที่โต๊ะก่อนดีกว่ายืนคุยนานๆเดี๋ยวจะปวดขาเปล่าๆ” ท่านชายชยาดลออกความเห็น




มาต่อแล้วนะ      เขตเค้าความจำสั้นดีเนาะ ผ่านไปไม่กี่วันก็ลืมไปแล้วว่าพบสร้อยแบบนี้ที่ไหน ฮาๆๆ แค่นิยายดราม่ามากไปหน่อย แต่รับรองว่าจะเข้มข้นขึ้น   ตอนที่ 8 เจอกันพรุ่งนี้นะผู้อ่านทุกท่าน


 :katai3: :katai3: :katai3: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 7 ✥✥ Up. (29/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-08-2015 21:47:48
ถ้าเป็นซินเดอเรลล่า ก็คงมีนางฟ้ามาช่วย   :o12:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 7 ✥✥ Up. (29/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 29-08-2015 22:35:19
มาแล้วววววว อ่านแล้วชอบมากกกกกกก ชอบทุกตอนเลยค่ะ

รีบมาเร็วเร็วนะ ขอแบบยาวๆๆๆๆๆๆๆ กว่านี้อีกได้มั้ยคับ

จะรอตอนนายเอกรู้ความจริงว่าเป็นเจ้าชาย
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 7 ✥✥ Up. (29/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-08-2015 02:41:02
คุณเขตแม่งนิสัยโคตรจะเด็กเลยป่าวว่ะ หวงพ่อตัวเองเวลาเห็นน้ำเข้าใกล้ก็มักหาเรื่องน้ำเนี่ย หนูน้ำออกจะน่ารักทำไมไม่เปิดใจหน่อยห่ะเป็นถึงหม่อมแต่ทำนิสัยแบบอันตพาลเนี่ยนะ อยากให้เขตได้เห็นนิสัยจริงๆ ของแอรินไวๆ จัง ลูกคุณหนูแบบนี้อ่ะยังไงก็ต้องมีนิสัยที่ไม่ดีติดตัวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 7 ✥✥ Up. (29/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 30-08-2015 22:08:29
ตอนที่ 8




              ที่ห้องสี่เหลี่ยมสีขาว น้ำนอนไม่หลับ เพราะเค้าอยากจะไปที่งานเลี้ยงโรงแรมไอยรา เห็นคุณชายภัครพิชัยพูดคุยกับคุณเขตว่ามีแขกมากมายหลากหลายชนชั้นไปร่วมงาน เค้ายิ่งอยากไป ไปเจอผู้คนในแวดวงไฮโซว่าเค้ามีวิถีชีวิตยังไง การพูดการจาเป็นอย่างไร น้ำอยากรู้ไปหมด แต่ก็ไม่กล้าที่จะขอเขต ไปที่งาน เจ้านายดุขนาดนั้นเค้าก็ไม่กล้าขอไปหรอก



“ยังไม่นอนหรอน้ำ” หญิงสาวในชุดนอนเดินเข้ามาในห้อง


“นอนไม่หลับครับพี่กล้วยไม้ ”


“อยากไปร่วมงานละสิ ตัดใจซะเถอะนะ เธอเองก็รู้ว่าคนใช้อย่างเรา จะไปงานแบบนั้นได้ยังไงกัน ไม่มีใครเค้ายอมรับหรอก ”


“ครับพี่”


“ดีแล้ว นอนซะเถอะอย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยนะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำงานแต่เช้า”


“แล้วคืนนี้เราไม่ต้องรอเปิดประตูให้คุณชายหรอครับ”


“ไม่ต้องแล้ว เจ้านายทั้ง 4 คน จะไปนอนพักที่โรงแรมไอยราของคุณดุษฎี ที่เปิดต้อนรับแขกผู้มาร่วมงานเป็นพิเศษ พี่เพิ่งรู้เมื่อกี้จากสุชาติ คนของคุณชายประศิต”


“โห อยากไปบ้างจังเลย โรงแรมที่ว่าคงจะสวยน่าดู”


“ใช่แล้ว นี่พี่พูดขนาดนี้ยังไม่ตัดใจอีกนะเรา”


“พี่กล้วยไม้เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ น้ำอยากรู้เกี่ยวกับโรงแรมไอยรา”


“โรงแรมไอยรา เกิดขึ้นด้วยเงินที่เป็นน้ำพักน้ำแรงจากเสี่ยสิงห์ และได้สร้างขึ้นด้วยไม้ขนาดใหญ่ราคาหลายบาทผสมผสานเข้า
กับสไตล์ยุโรป จุดเด่นเลยก็คือรูปปั้นฝูงช้างที่ตั้งอยู่ลานน้ำพุหน้าโรงแรม มันสะดุดตามากเลยทีเดียว”


“พี่กล้วยไม้พูดเหมือนเคยไปเห็นแล้วเลยนะครับ”


“ใช่ พี่เคยเห็น มันสวยจริงๆ เอาล่ะนอนได้แล้ว คืนนี้จะมีแค่น้ำ พี่ ใบหลิว สงกรานต์ สุชาติ เท่านั้น”


“ครับผม”


      กล้วยไม้หยิบผ้าห่มผืนบางๆห่มให้น้ำก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่เพียงแสงจันทร์แสงดาวงดาวที่สาดส่องเข้ามาในห้องพอให้เห็นสลัวๆ ร่างบางหยิบเอาสร้อยเส้นทีทองสลักตัว ฉ ฉิ่งขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนจากเมื่อก่อนที่ไม่สนใจมันเลย

     เด็กหนุ่มจดจ้องรายละเอียดทุกอย่างที่เป็นของล้ำค่าสิ่งนี้  เค้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีสร้อยจี้ทรงกลมสวยงามแบบนี้อยู่ติดตัวแม่มาตลอดๆ แต่เค้าเพิ่งได้จากแม่ตอนจะมาอยู่ที่บ้านของคุณชายภัครพิชัยเท่านั้นเอง



“อักษร ฉ ฉิ่ง มันคืออะไร แล้วข้างในมีอะไรนะ?”


     ชายหนุ่มเริ่มสงสัยขึ้นทุกทีๆ เค้าพยายามที่จะแกะจี้นั้นออกมา และจี้นั้นมันก็ถูกเปิดออก ด้านในไม่ปรากฏอะไรเลยนอกจากนาฬิกาเข็มสีทองที่แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ร่างบางยิ่งทำสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่แล้วปิดฝากลับไปเหมือนเดิม แล้วเอาคล้องคอไว้ที่คอ



“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา แต่ทำไมวันนั้นหลวงพ่อถึงได้ตกใจจัง เฮ้อ นอนดีกว่า”









       ที่งานเลี้ยงฉลองดุษฎี  ในเวลานี้นายแบบ นางแบบทีมของแอรินกำลังเดินโชว์ชุดไทยประยุกต์ผสมผสานเข้ากับสไตล์ปารีส เป็นที่พึงพอใจของคนในงานเลี้ยงมาก โดยเฉพาะหม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ ที่ชื่นชอบงานแบบนี้เป็นพิเศษ ท่านประทับใจกับงานชิ้นนี้มาก แอริน หญิงสาวตัวเด่นในงานเดินออกมาที่ด้านหน้าเป็นคนสุดท้ายปิดงานเดินแฟชั่น แขกผู้มีเกียรติทุกท่านต่างพากันปรบมือให้กับเธอเป็นอย่างมาก

“ทูลฝ่าบาท และสวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านในงานวันนี้นะคะ จบไปแล้วกับงานเดินโชว์แฟชั่นของแอรินเอง ซึ่งแอรินดีใจมากที่
คุณพ่อได้จัดงานเลี้ยงฉลองโรงแรมและแอรินเองที่เพิ่งกลับมาจากปารีส และในงานวันนี้แอรินเองขอถือเอาโอกาสนี้เปิดตัวคนที่แอรินสนิทและพิเศษที่สุดในชีวิตแอรินเลย ขอเชิญพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิชค่ะ ”



             สิ้นเสียงของเธอ แขกผู้มีเกียรติในงานต่างตกใจและสงสัยไม่น้อย พร้อมกันแววตาหลายคู่นั้นหันมาจ้องมองเค้า   เขตทำตัวไม่ถูกหันไปมองแดนภพที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเพื่อนเค้าเองก็ช่วยอะไรไมได้เลย


“เขต แอรินเรียกแกนานแล้วนะ ขึ้นไปกล่าวอะไรซักหน่อยเร็ว”

“จะดีหรอวะ”

“เออสิ รีบไปได้แล้ว แขกทุกคนมองมาที่แกหมดแล้วรู้ไหม”

“เออๆ”

          ภูธเนศเดินขึ้นไปยังจุดที่แอรินยืนอยู่ เธอส่งยิ้มให้เค้าอย่างดีใจ เขตเขินอายเล็กน้อยที่ขึ้นมายืนอยู่ต้องนี้ เค้าหันไปมองแอรินด้วยสีหน้าเอาเรื่องเล็กน้อย แอรินเลยหุบยิ้มไป


“จะทำอะไรทำไมไม่บอกพี่ก่อนคะ น้องริน”

“รินก็ไม่ได้อยากทำหรอกค่ะพี่เขต คุณพ่อบอกมาอีกที”

“ไม่ไหวเลยนะคะ ไม่ดีเลยด้วย”

“พี่เขตรีบพูดกล่าวอะไรหน่อยสิคะ แขกมองกันเต็มแล้ว”

“ก็ได้ค่ะ แต่คราวหน้าห้ามทำอะไรแบบนี้อีกแล้วนะคะ สัญญาพี่เขตก่อน”

“สัญญาค่ะ”

          แอรินฉีกยิ้มกว้าง เพราะชายหนุ่มร่างสูงไม่ได้ดุเธอมาก แต่เพราะแค่อายเล็กน้อย ภูธเนศพูดออกไมค์ไปเรื่อยๆ กล่าว
ความรู้สึกต่างๆนาๆ และกล่าวขอบคุณเสี่ยสิงห์ในการจัดงานและให้ที่พักในค่ำคืนนี้ด้วย แขกในงานต่างพากันชอบและชื่นชมใน
คำพูดของเขตมาก โดยเฉพาะดุษฎีและแอรินที่ยิ้มดีใจ

     งานเลี้ยงฉลองจบลงด้วยดีจนถึงเวลา 01.00 น. แขกในงานต่างพากันทยอยขึ้นลิฟต์ไปยังส่วนชั้นต่างๆที่ดุษฎีเตรียมไว้ในแขกในการพักหลับนอนในค่ำคืนนี้ เว้นก็แต่ท่านชายและท่านหญิงสองพระองค์ที่โปรดกลับไปนอนที่วัง

“ท่านชายท่านหญิง น่าจะประทับที่นี่คืนนี้ กระหม่อมได้เตรียมห้องไว้ให้เป็นอย่างดี”

“ขอบคุณมากเสี่ยสิงห์ เรากับน้องชายอยากกลับไปนอนที่วังมากกว่า เดี๋ยวท่านแม่และท่านน้าจะเป็นห่วงแย่”

“หามิได้กระหม่อม เพียงแค่ทั้งสองพระองค์เสด็จมางานของกระหม่อมก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว ขอท่านหญิงท่านชายเสด็จ
กลับวังโดยปลอดภัยกระหม่อมทูลลา”

“ฝ่าบาทเพคะ ขอบพระทัยที่มางานแฟชั่นของหม่อมฉัน ไว้หากมีโอกาสจะทูลเชิญมาร่วมงานอีกนะเพคะ”

“เธอคงจะชื่อแอริน การจัดงานแสดงวันนี้ทำได้ดีมากไม่ต่างอะไรไปกับมืออาชีพ เราขอชมเชยเธอนะ ”

“ขอบพระทัยเพคะ”

“อ้อลืมไป ไม่นึกไม่ฝันว่า เธอกับพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ จะเป็นคนพิเศษ เรื่องนี้ฉันเพิ่งจะรู้”


“ทูลท่านหญิง แอรินลูกสาวกระหม่อมกับหม่อมหลวงเขต รู้จักกันนานและรู้ใจกันด้วยกระหม่อม”

“อย่างนั้นหรอ ฮึ แต่ท่านดุษฎี อย่าหาว่าเราสอนท่านเลยนะ มีลูกสาวคิดอ่านการใดควรไตร่ตรอง มิใช่ให้ลูกสาวทำเช่นเมื่อครู่นี้ มันไม่
งาม”

“ท่านหญิงรับสั่งถูกแล้ว กระหม่อมจะจำเอาไว้”

“ขอบคุณที่ท่านรับฟัง ต้องขอโทษด้วยนะ เราเพียงแค่หวังดี ชายดลขึ้นรถ”


“ไปแล้วนะเขต แดนภพ เดี๋ยวไว้มีโอกาสเราจะได้พบกันอีกครั้ง” ท่านชายชยาดลกล่าวอำลาเพื่อน

“สัญญาแล้วนะท่านชาย กระหม่อมทั้งสองต้องได้พบท่านชายอีกเป็นแน่ กระหม่อม”

“โอเค ท่านพี่ เชิญขึ้นรถด้านนี้เลยครับ”

“ขอบใจมากน้องชาย”


            ดุษฎี แอริน เขต และแดนภพ ยืนรอส่งขบวนรถ 2 คันที่มุ่งหน้ากลับไปวังฉัตรอรุณ ทันทีที่รถกำลังออกตัวทั้ง 4 คนก็โค้งคำนับเล็กน้อยตามพิธีที่ควรจะทำ ส่วนแอรินเธอเองก็ถอนสายบัวสวยงามเพื่อเอาใจท่านหญิงรัมภา ที่เห็นเธออยู่นอกกระจกรถอย่างชัดเจน แปลกจริงๆเธอเพิ่งตำหนิแอรินไปเองแท้ๆ แต่เธอกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน




เช้าวันใหม่ที่หอพักมหาวิทยาลัย

“สวัสดีตอนเช้า ฟ้ามอญ!” ร่างสูงโผล่มาขวางทางเดินของเพื่อนชาย

“ไม่เจอกันเลยจะได้ปะ?” ร่างบางตอบแบบไม่สบอารมณ์

“อ้าวทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ลืมไปแล้วหรอว่านายรับปากเราว่าจะให้เป็นเพื่อนนายไม่ใช่หรอ ”

“ย้ำอยู่นั่นแหละ แล้วนี่ไม่มีเรียนหรือไง ทำไมไม่เห็นแต่งชุดนิสิต” ฟ้ามอญทำหน้าสงสัย

“โห นี่คอยสังเกตเราอยู่เหมือนกันหรอ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย  เอ๊ะหรือว่าไอ้ต่อคนนี้มันจะหูฝาด”

“ฉันไม่มีเวลามาเล่นตลกคาเฟ่กับนายหรอกนะ หลบไป”

“เดี๋ยวยังไม่ให้ไป รอเราก่อนดิ ซัก 20 นาที”

“ไมได้ฉันจะไปไม่ทันแล้ว ไม่เห็นหรือไง”

“ก็เห็น เริ่มเรียนกี่โมงล่ะ?”

“10 โมงเช้า”

“โถ่เหลืออีกตั้ง 40 นาที ฟ้ามอญนายจะรีบไปไหนเนี่ย”

“นี่น้อยๆหน่อยนาย คนเรามันไม่เหมือนกันซักหน่อย อย่างนายนี่คงจะไปสายตลอดละสิท่า ถึงได้พูดแบบเนี่ย”

“อุ้ย รู้ด้วยหรอว่าเค้าไปเรียนสาย” ร่างหนาเลิกคิ้วสูงพร้อมกับยิ้ม มันทำให้ให้ยิ่งเพิ่มความทะเล้นไปอีกเท่าตัว

“เดา!”

“หา!  เดาเอาหรอกหรอ  นายนี่นะ เวลาทำหน้าตอนจับผิดได้ มันน่า…”

“มันน่าอะไร ” ตัวเล็กกว่าถามเค้นเอาคำตอบ

“ป่าว แค่จะบอกว่า น่าขำขัน ” ต่อตอบบ่ายเบี่ยงทำเอาฟ้ามอญโมโห

“เออดี! ไม่ลงไม่รอมันละ ”

“เฮ้ย โถ่ เดี๋ยวสิฟ้า เราล้อเล่น เรากำลังจะบอกว่า นายน่ารักต่างหากล่ะ”

“เหอะ ฝันไปเถอะ ไอ้คนกลิ้งกลอก ”

“อ้าว นี่พูดความจริงให้ฟังแล้วนะเนี่ย ไม่เชื่อกันมั่งเลย”

“มันเรื่องอะไรของฉันที่เชื่อล่ะ”

“มานี่เลยๆ” 


      ร่างหนาจับข้อมือเล็กๆของฟ้ามอญแล้วดึงให้ไปทางเดียวกัน แต่มันมากพอที่จะทำให้เพื่อนชายตัวเล็กคนนี้เซถลาไปกับทิศทางแรงดึงของเค้า

“โอ้ยจะลากไปไหนเนี่ย”

“ก็ลากไปที่ห้องเราไง ไปรอเราจนกว่าเราจะแต่งตัวเสร็จ”

“โอ้ย ไอ้บ้า คิดว่ามีพลังเยอะแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ”

“ก็อยากดื้อเองนี่นา ช่วยไม่ได้”

“ปล่อย โอ้ยไอ้ ต่อ บ้า”

“หืม…เรียกชื่อเราแล้วหรอ น่ารักจัง อย่าดิ้นสิฟ้า เดียวจับจูบอีกเหมือนวันนั้นนะ”

“ไม่เหมือน วันนั้นมันแค่เรื่องสมมติ ไมได้จริงจังซะหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้น รอบนี้เอาจริงเลยปะล่ะ”

“เสียใจ ฉันชอบผู้หญิงครับ”

“เหอะๆ ไปหลอกแมวที่อื่นมันยังจะเชื่อกว่านี้  ตัวเท่าลูกหมี ผู้หญิงที่ไหนจะเอา”

“ไม่เอาก็อย่าเอาสิโถ่ ไม่ง้อซะหน่อย แล้วนี่ทำไมต้องเทียบฉันเป็นลูกหมีด้วยฮะ ไอ้ตุ๊ด”

“ว่าใครตุ๊ด!”

“นายไง นายต่อตุ๊ด”

“ถ้าพูดว่าตุ๊ดอีกคำเดียวนายเป็นเมียฉันแน่ ไม่ต้องไปเรียนกันเลยดีไหมวันนี้”

“เฮ้ย ต่อ ฉันล้อเล่น อย่ามองแบบนั้นสิ น่ากลัวเป็นบ้าเลย ”

“หึ กลัวละสิ เคยได้ยินปะ ฉายา พี่ต่อนัยน์ตาหื่นกาม”

“ฉาชาพิลึกแฮะ ไปแต่งตัวไปเร็วๆ ถ้าฉันไปเรียนไม่ทันนะ เดี๋ยวเจอดีแน่!”

“ครับๆ คุณพ่อ”

       ต่อเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้อง พร้อมกับหยิบเสื้อผ้าทีละชิ้นๆมาสวมใส่ ร่างบางนั่งรออยู่ห่างๆสายตาก็กวาดไป
ทั่วห้องก็เจอกรอบรูปครอบครัวและรูปแม่ตั้งอยู่ข้างเตียงนอน

“ครอบครัวนายอบอุ่นดีจังเลย”

“ครอบครัวฉันหรอ”

“อืม นั่นไงในรูปนั้น”

“ก็อบอุ่นอย่างว่าแหละ แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ไมได้อยู่กับเราแล้ว”

“แม่นาย ท่านเสียแล้วหรอ”

“อืมใช่ เราแต่งตัวเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”

“ต่อ เราขอโทษนะเราไม่ได้ตั้งใจถาม…”

“ไม่ใช่ความผิดนายซักหน่อยนึง ไปเรียนกันเถอะ ไปรถฟีโน่เราเนี่ยแหละง่ายดี”



        หม่อมหลวงคนเล็กแห่งบ้านธำรงอาภรณ์นิชขับไปส่งเพื่อนชายต่างคณะอย่างฟ้ามอญ เด็กหนุ่มที่เริ่มมีความรู้สึก ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็รู้ว่า ต่อ  เป็นเพื่อนชายที่อบอุ่นและนิสัยดี เค้าเองต่างหากที่มีอคติกับต่อมากจนเกินไป

“นี่ ส่งได้ที่นี้นะ ที่เหลือเดินขึ้นไปเรียนเอง ”

“รู้แล้วน่าไม่ได้เป็นง่อยซะหน่อย”

“อืมแล้วนี่ เพื่อนสาวของนาย ไปไหนล่ะพักนี้ไม่ค่อยเห็น”

“นายหมายถึงใคร เฌอตาหรอ?”

“นี่คุณ! พูดอย่างกับมีเพื่อนหลายคนเลยนะ”

“เอ๊ะ ก็ไม่รู้นี่ แต่พักนี้ก็ไม่เจอจริงๆแหละ อาจจะเพราะมีธุระส่วนตัวมั้ง ไปได้แล้ว เรียนไม่ทันไม่รู้ด้วยนะ”

“นี่ นายนั่นแหละจะไปเรียนไม่ทัน จะ 10 โมงแล้วนะ ไม่รีบไปอาจารย์เล่นงานไม่รู้ด้วยนะฟ้ามอญ”

“รู้แล้วละน่า”

“เอ๊ะเดี๋ยวๆๆๆ อุตส่าห์มาส่งจะหันตูดเดินไปง่ายๆอย่างนี้เลยหรอ ขอบจงขอบใจไม่มีสักคำ”

“ขอบใจมากกกกกก นายโย่งขี้เหร่  แบร่….” ฟ้ามอญทำสีหน้าล้อเลียนอย่างมีความสุข นี่เค้าไปมีพฤติกรรมแบบนี้กับภูวนนท์
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเชียวนะ

“ฮาๆๆๆๆๆ” ต่อ หัวเราะคนตรงหน้าทำท่าทางอย่างกับลิงน้อยในสวนสัตว์

“เอ๊ะ! ขำอะไรคุณ! ”

“ปะ…เปล่า  ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวจะเข้าไม่ทันนะ”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“ได้ ฝากไว้เยอะๆๆแล้วมาเอาคืนด้วยนะ จะได้เจอหน้าบ่อยๆ”

“ไม่มีทาง ฮึ”

                ร่างบางเดินหันหลังพร้อมกับโบกมือเหนือหัวไปมา พร้อมกับบอกว่าขอบใจมาก ภูวนนท์มองตามเข้าไปก็แอบยิ้มให้
กับท่าทีของฟ้ามอญ เพื่อนต่างคณะที่หน้าบึ้งตึงกับเค้าอยู่ตลอดเวลาที่พบกัน แต่ดูตอนนี้ท่าทางน่าจะหายโกรธเค้าเสียแล้ว
แหละ







       ณ รั้วสีขาวทองที่ประดับไปด้วย เหล็กดัดสวยงามตลอดแนวรั้ว พื้นที่แสนสงบสบายตั้งตระหง่านอยู่ติดกับถนนใหญ่ ผู้คนแถวนี้หรือคนเทียวไปเทียวมาก็จะรู้ว่าเป็นสถานที่พักพิงของราชนิกุล ที่มีตัว ฉ ฉิ่งประดับตัวใหญ่ไว้บนซุ้มทางเข้าวัง เป็นวังของ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ นั่นเอง

“หม่อมรุ้งพราวเจ้าขา ท่านชายเสด็จมาเจ้าค่ะ”

“ชายดลรึ ให้เข้ามาสิ” หญิงอายุวัย 40 ปลาย ใบหน้ายิ้มแย้ม

“ท่านแม่ สวัสดีครับ นี่ท่านแม่กับคนในตำหนักจัดเตรียมพวงดอกไม้เยอะแยะไปที่ไหนครับ”

“อืม แม่ว่าแม่จะไปไหว้พระเสียหน่อย ช่วงนี้แม่ฝันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่”

“โบราณว่าไว้ฝันร้ายจะกลายเป็นดี แล้วท่านแม่ฝันเห็นสิ่งใดครับ”

“แม่ฝันว่า หม่อมพิมล ชายาของเสด็จพระองค์เจ้า เสด็จพ่อของลูก ที่สิ้นใจไปนาน เธอมาเข้าฝันแม่”

“หม่อมพิมล ลูกพอจะจำได้ ท่านอามาดีหรือมาร้ายครับ”

“แม่ไม่แน่ใจ แต่เธอร้องขอความเมตตาสงสาร ให้ไปรับลูกเธอกลับมายังวัง”

“แต่ท่านป้า หม่อมบุหลัน ท่านบอกทุกคนว่า โอรสของเสด็จพ่อกับหม่อมพิมลสิ้นชีพิตักษัย ตั้งแต่ประสูตินี่ครับ”

“แม่ก็ไม่รู้ แต่ในฝันเธอดูน่าสงสารมาก แม่เองก็ใจไม่ค่อยดี เลยกะว่าจะไปทำบุญเสียหน่อย ลูกว่างจะไปกับแม่หรือไม่ ”

“ลูกว่างครับ แต่ท่านแม่ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าโอรสจะยังมีชีวิตอยู่”

“แม่ไม่มั่นใจ แต่จะเป็นไปได้อย่างใด ชยาดล ”

“แต่ท่านแม่เคยเล่าให้ลูกฟังนี่ครับว่า นางรับใช้คนสนิทก็หายสาบสูญไปด้วยหลังจากนั้นเพียง 1 คืน”

“ใช้ นางหายไป ไม่มีวี่แวว ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย แม่ยังจำได้ว่านางผู้นั้นชื่อ ชื่น! ”

“ถ้าโอรสองค์เล็กยังไม่สิ้นชีพิตักษัย ผมก็มีน้องชายอีกคนเลยหรือครับ”

“ก็เป็นอย่างนั้น แต่อายุห่างกัน 10 ปี เลยนะ เมื่อ 20 ปีก่อน ลูกยังเด็กนัก เสด็จพ่อท่านทรงโปรดให้ลูกกับท่านหญิงภา ไปอยู่ที่
เมืองนอก ไปเรียนหนังสือที่นั่น ”

“ใช่ครับ ผมเลยอดเห็นหน้าน้องชายเลย”

“เอาเถอะ แม่เตรียมของเสร็จแล้ว ไปวัดกันลูก”

“ครับ ท่านแม่ลูกช่วยถือ”

“อืม ถือระวังด้วยนะ”


     รถตู้สีขาว ด้านหน้าทะเบียนรถติดรูปสัญลักษณ์ ฉ ฉิ่งเอาไว้ เป็นรถพระที่นั่งของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณได้ทรงให้ไว้ที่วังเช่นเดิม  ซึ่งวันนี้หม่อมรุ้งพราวและหม่อมเจ้าชยาดล ไกลเกียรติขจรกุลได้ประทับในรถไปวัด
เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถก็แล่นมาถึงบริเวณภายในวัดที่แสนสงบร่มรื่น   หญิงสาววัยกลางคนลงจากรถพร้อมกับอาภรณ์สีขาว เกล้าผมเป็นมวยขึ้นมาพร้อมกับปักปิ่นสีรุ้ง 7 สีรูปนกฟ้าไว้ที่มวยผม ดูสวยสดงดงามสมเป็นชายาคนที่ 2 ของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณตามคำล่ำลือ


“ค่อยๆลงนะเจ้าคะ หม่อมรุ้งพราว ” คนใช้ส่วนตัวกล่าวเอ่ยเพราะเห็นว่าพื้นดินกับพื้นรถต่างระดับกันมาก

“ขอบใจ เดี๋ยวเอาของถือลงมาเลยนะ เดี๋ยวสายกว่านี้จะไม่ทันหลวงพ่อ”

“ได้เจ้าค่ะ หม่อม”

“เออนี่ ชายดล วัดแห่งนี้เมื่อ 21 ปีก่อน เสด็จพ่อของลูกพาแม่ หม่อมพิมล หม่อมบุหลัน มาที่วัดแห่งนี้ เพราะที่แงนี้เสด็จพ่อของ
ลูกศรัทธาหลวงพ่อรูปนี้มาก เอาล่ะเข้าไปข้างในกันเถอะ ”

“ครับท่านแม่”



               สองแม่ลูกพร้อมกันคนรับใช้ 2 3คน เดินหิ้วของมาไหว้พระ ทั้งอาหารคางหวาน และดอกไม้นับไม่ท้วนเดินเข้ามา
โบสถ์ โชคดีเหลือเกินที่หลวงพ่อยังอยู่  เธอก้มลงกราบหลวงพ่อพร้อมกับชยาดลเองก็กราบตามแม่ไป

“คุ้นหน้าคุ้นตา หม่อมรุ้งพราวหรือ”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะหลวงพ่อ ไมได้มาหาหลวงพ่อเสียนาน วันนี้เอาอาหารคาวหวานพร้อมดอกไม้หอมร้อยเป็นมาลัยมาถวายหลวงพ่อ
เจ้าค่ะ”

“อืม อนุโมทนานะโยมหม่อม เอ๊ะแล้วนี่ใช่หม่อมเจ้าชายชยาดล พระโอรสของเสด็จพระองค์ชายหรือ”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ หลวงพ่อเดาไม่ผิด ตอนนี้โตแล้ว ”

“อ้อ ดูใบหน้า ผิวพรรณ หล่อเหลาละม้ายคล้ายคลึงเสด็จพ่อเลยนะท่านชาย”

“ครับหลวงพ่อ”

“อืมๆ  ไม่ทรายว่าท่านชายอายุกี่ชันษาแล้ว”

“30 ปีครับหลวงพ่อ”

“อืมๆ โยมหม่อมรุ้งพราว  ดูเหมือนจะมีเรื่องทุกข์ร้อนใจใช่ไหม สีหน้าไม่ดีเลย ”

“ใช่เจ้าค่ะหลวงพ่อ เมื่อคืนฝันเห็นหม่อมพิมลมาเข้าฝัน เธอดูน่าสงสารมาก และขอร้องให้ช่วยพาหม่อมเจ้ากลับเข้าวังเจ้าค่ะ
หลวงพ่อ”

“อย่างนั้นหรือ อืมเป็นฝันที่ไม่ดีเท่าไหร่แต่ฝันร้ายจะกลายเป็นดี”

“จะดีได้อย่างไรเจ้าคะ หลวงพ่อ ในเมื่อหม่อมเจ้าโอรสของพระองค์เจ้ากับหม่อมพิมล สิ้นชีพิตักษัยตั้งแต่วันประสูติ บ่าวสาวคน
รับใช้ในวังนับร้อยชีวิตก็รู้ข่าวนี้ไปในแนวเดียวกัน”



“อย่างนั้นหรือ แปลกจริงๆ  เมื่อไม่นานมานี้ ทางบ้านของตระกูลธำรงอาภรณ์นิช ก็พาลูกชายทั้ง 2 มาทำบุญ แต่อาตมาเห็นว่า
เด็กที่เป็นลูกบุญธรรมของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย มีสร้อยที่อาตมาได้ให้กับโอรสธิดาแห่งวังฉัตรอรุณเสียด้วย”

“หลวงพ่อพูดว่าเห็นสร้อยหรือเจ้าคะ  ชายดล เอาสร้อยที่ลูกใส่ติดตัวให้หลวงพ่อดูเร็ว”

“ครับท่านแม่”




ตัดฉับๆๆ ตอนนี้ ยาวกว่าตอนอื่นๆ

ผู้แต่งสะใจ หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ ตักเตือนดุษฎีและแอริน  แต่กลับกลายเป็นทองไม่รู้ร้อนเสียนี่

เอ๊ หลวงพ่ออาจจะเป็นสะพานเชื่อมเรื่องราวให้กระจ่างแจ้งก็เป็นได้ 5555

ไว้เจอกันใหม่ตอนที่ 9 และ 10 ในเสาร์ อาทิตย์หน้านะครับ  บ้ายบาย


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 8 ✥✥ Up. (30/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-08-2015 22:34:15
เอาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 8 ✥✥ Up. (30/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 30-08-2015 23:05:25
มาวันพรุ่งนี้ได้ไหมค่ะขอร้อง

ไม่อยากรอนานนนนนนนนน


please
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 8 ✥✥ Up. (30/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-08-2015 23:39:35
ต้องรู้เรื่องสักทีน้า  สงสาร
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 8 ✥✥ Up. (30/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 05-09-2015 23:10:43
ตอนที่ 9



“นี่เจ้าค่ะหลวงพ่อ ใช่แบบนี้หรือเปล่าเจ้าคะ”

หม่อมรุ้งพราว ท่าทีตื่นตระหนก ลนลานเอาสร้อยสัญลักษณ์โอรสธิดาแห่งวังอรุณวางไว้ที่ผ้าเหลืองตรงหน้าหลวงพ่อ


“ใช่จริงๆด้วย  เด็กคนนั้นมีสร้อยเส้นนี้  แต่อาตมาถามไปแล้วว่าแม่ของเค้าเป็นใคร แต่ชื่อนั้นอาตมาไม่คุ้นเอาเสียเลย  แทนที่เด็กคนนั้นจะตอบว่า เป็นหม่อมพิมล ไกลเกียรติขจรกุล แต่ก็น่าแปลกถ้าเป็นหม่อมพิมลจริงแล้วละก็ ทำไมเด็กคนนั้นถึงมาอยู่กับหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยได้”


“หลวงพ่อ ไม่ได้ดูผิดไปหรอกหรือเจ้าคะ ความเป็นจริงหม่อมเจ้าองค์ที่ 3 ของวังฉัตรอรุณสิ้นชีพิตักษัยแล้วปีนี้ก็นับว่าครบ 20 ปี จะไปมีสร้อยแบบนี้กับเด็กคนนั้นได้หรือเจ้าคะ ”


“จริงด้วยครับหลวงพ่อ น้องชายของผมสิ้นแล้วทั้งๆที่ผมกับท่านพี่หญิงภาอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้พบไม่ได้เจอหน้ากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว


“อย่าเศร้าใจไปเลยหม่อมเจ้าชยาดลลูกแม่ พระองค์อาจจะบุญน้อยไป หลวงพ่อเจ้าคะ แล้วสรุปเด็กคนนั้นตอบหลวงพ่อว่า แม่ของเธอชื่ออะไรกันเจ้าคะ”


“เด็กคนนั้นตอบว่า ชื่อ ชื่น อาตมาก็เลยไม่ได้ตามต่อ ”


“ชื่น  ชื่อคุ้นมากเลยเจ้าคะ ชื่นหรอกหรือ”


    หม่อมพิมลทำสีหน้าครุ่นคิด ขณะเดียวกันท่านชยาดลก็คิดตามไปด้วย แต่ดูเหมือนจะได้คำตอบเสียแล้วหากท่านชายทรงจำไม่ผิด


“ท่านแม่ หรือว่าจะเป็น ชื่น  คนเดียวกันที่เป็นคนสนิทหม่อมพิมลเมื่อ 20 ปีก่อนครับ”


       ความสงสัยของท่านชายดล ทำให้หม่อมรุ้งพราวจำได้  จริงด้วย ชื่นแต่ก่อนเคยเป็นคนรับใช้ตึกใหญ่ของวังเกียรติขจร สมัยเป็นสาว  ซึ่งวังนั้นเป็นวังของเสด็จแม่ของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณอีกที หรือมีศักดิ์เป็นพระอัยยิกา หรือเสด็จย่าของ หม่อมเจ้าชยาดล หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ และองค์เล็กคือ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ที่ยังไม่รู้ชาติกำเนิดตัวเอง!


  ชื่น เดิมเป็นคนของพระองค์เจ้าอำภร หรือพระอัยยิกา ตั้งแต่ยังวัยสาวอายุตอนนั้นไม่ถึง 20 ปีถูกส่งตัวมาเป็นบ่าวรับใช้หลังจากที่พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ แยกตัวออกมาอยู่วังส่วนพระองค์ พร้อมกับเวทสามีของเธอ หลังจากนั้นก็ถูกพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ มอบชื่นไว้ให้หม่อมพิมลที่ตึกหลังอีกที แต่อยู่ได้เพียงไม่ถึง 2 ปี ก็เกิดเหตุน่าเศร้าเช่นนี้


“มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ  ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หม่อมบุหลันก็ร้ายมากที่ประกาศข่าวเท็จให้แก่คนในวังและวังอื่นๆ ทั่วกรุงสยามให้รับรู้ว่า หม่อมเจ้าองค์เล็กสิ้นชีพิตักษัยแล้ว” ท่านชายดลออกความคิดเห็น


“แม่พอจะมีทาง แต่หลวงพ่อเจ้าคะ อิฉันต้องกราบลาหลวงพ่อก่อนนะเจ้าคะ เรื่องนี้อิฉันต้องสืบให้ได้เจ้าค่ะ”


“เจริญพรนะโยมหม่อม เรื่องนี้อาตมาก็อยากรู้ แท้จริงแล้ว หม่อมเจ้าองค์ที่ 3 อาจจะมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นก็พากลับวังเถอะนะ”


“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ อิฉันกับลุกกราบลานะเจ้าคะ”


“ท่านแม่ ลูกว่าเราไปที่บ้านของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยดีไหมครับ”


“จะวู่วามไปไม่ได้ช่วยอะไร แม่ว่าเชิญหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยมาที่วังฉัตรอรุณเลยจะดีกว่า”


“ครับท่านแม่ ลูกจะทำตามเดี๋ยวนี้”


“อ้อ ชายดล!”


“ครับท่านแม่ มีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”


“แม่ฝากความคิดถึงไปหาคุณชายภัครพิชัยด้วยนะ แล้วก็หลานชายทั้ง 2 คนด้วย”


“ท่านแม่ยังจำ หม่อมหลวงภูธเนศ กับหม่อมหลวงภูวนนท์ ได้หรือครับ”


“ได้สิ ท่านเองก็เถอะ ว่างๆก็ชวนหลานทั้ง2 มาหาที่วังบ้างนะ”

“แต่หม่อมบุหลัน…”

     ท่านชายดลเสียงแผ่วเบาลง เพียงแค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา หม่อมรุ้งพราวมองใบหน้าลูกชายอย่างอ่อนโยน


“ถ้าเราเป็นคนดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความดีจะคุ้งครองเรานะลูก หม่อมบุหลันเธอไม่กล้าทำอะไรเกินเลยกับหม่อมเจ้า ลูกของ
แม่หรอก เธอน่าจะรู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้า เธอเป็นเพียงสามัญชน เหมือนกับแม่ เพียงแต่พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ เสด็จพ่อของลูก ทรงเมตตายกฐานะเธอเป็นชายาก็เท่านั้น”


“ครับท่านแม่”







   เช้าวันใหม่ ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช ภัครพิชัย ประศิต เขต และแดนภพ กลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยเฉพาะแดนภพที่ดีใจมากเป็นพิเศษที่จะมาหาน้ำโดยเฉพาะ


“คุณชายภัครพิชัย คุณชายประศิต คุณเขต คุณแดนภพ สวัสดีครับ”


       น้ำวิ่งตรงเข้ามาหาทันทีที่เห็นคุณชายภัครพิชัย ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อบุญธรรมและพี่หมอหนุ่มใจดีอย่างแดนภพ


“ไงตัวเล็ก เมื่อวานทำไมไม่อยากไปร่วมงานล่ะ เห็นอยากไปซะขนาดนั้น สุดท้ายก็เปลี่ยนแผน” แดนภพทักทายร่างบางตรงหน้า

แต่แกล้งแซะอีกคนที่ยืนทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวรู้ถูกรู้ผิด


“เอ่อ…” น้ำเหลือบไปมองแววตาดุดันดุจอินทรีคู่นั้น แน่นอนเค้าเหมือนหนูตัวเล็กๆที่ถูกจดจ้องตลอดเวลา ไม่กล้าบอกความเป็น
จริงให้แดนภพที่อยู่ตรงหน้าได้


        ผิดกันแดนภพพอจะรู้สาเหตุอยู่บ้าง ถ้าให้เดาคงไม่มีใครที่จะเดายาก ถ้าหากเป็นเพื่อนกับเขตจริงๆแล้ว เค้าไม่ใช่คนที่ลึกลับจนถึงคาดคิดอารมณ์ นิสัยหรือแม้แต่การกระทำนั้นๆไม่ออก


“ว่าไง…ตอบมาเถอะ” แดนภพดูชั้นเชิงน้ำ ว่าจะกล้าพูดตรงนี้ต่อหน้าคุณชายภัครพิชัยและคุรชายประศิตหรือไม่


“ผม คิดไปคิดมาเกรงว่าจะไปทำเรื่องน่าอายเข้า ผมเลยไม่ไปจะดีกว่าครับ ” น้ำตัดสินใจโทษตัวเองไว้ก่อนล่วงหน้า


“คุณพ่อ คุณอาครับ  ผมขอตัวขึ้นไปข้างบนนะครับ” เขต ได้ยินเหตุผลที่น้ำพูดก็พอใจมาก และต้องการที่จะออกไปจาก
สถานการณ์ตรึงเครียดนี้ ถ้าน้ำพูดความจริงขึ้นมาคนที่ซวยอาจจะเป็นเค้าก็ได้  เพราะตลอดมาเค้าทำอะไรกับน้ำไว้ คุณชายภัครพิชัย พ่อของเค้าไม่เคยรับรู้


“สงสัยท่าจะเหนื่อย วันนี้แกจะเข้ากองทัพเลยหรือเปล่า เขต ” ภัครพิชัยถามเขตทันที


“คิดว่าวันนี้คงไม่ดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมค่อยไป ตอนนี้เหนื่อยมาก ขอตัวนะครับ”


     ร่างหนาเดินทะนงตัวขึ้นไปชั้นสองตรงดิ่งไปที่ห้อง  พร้อมกับล้มตัวลงนอนที่นอนด้วยความเหนื่อยล้า เค้าหลับตาครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อวานก่อนไปงาน  ดอกกุหลาบสีเหลืองช่อนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ฝังใจเจ็บให้กับเค้าจนถึงวันนี้  คนรักของเค้าเมื่อสมัยเขตยังเรียนโรงเรียนทหารอยู่ ช่วงนั้นเค้ามีความสัมพันธ์กับหญิงคนหนึ่ง ที่เค้ารักมาก แต่เธอกลับทำให้เขตเองต้องเสียใจเพราะ หญิงสาวคนนั้นหลอกให้เขตมีใจให้ แล้วจากไปอย่างไม่มีเยื่อใย เขตติดตามข่าวของเธอมาตลอด จนเมื่อปีที่แล้ว ก็ทราบว่าเธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนดอกกุหลาบสีเหลืองนั้น หญิงสาวคนนั้นมอบให้เขตในวันที่เขตกำลังจะจบจากโรงเรียนทหาร มันเป็นวันที่เขต ล้มทั้งยืน แทบหยุดหายใจ  เรื่องเมื่อวานคิดไปคิดมา เค้าเองก็สงสารน้ำอีกเล็กน้อย เพราะเค้าไม่รับรู้เรื่องนี้แต่กลับโดนเค้าเองที่ปัดแจกันตกแตกอย่างไม่มีชิ้นดี


   ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่บานหน้าต่างบานใหญ่แล้วมองออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ สายลมอ่อนๆพัดเข้าใบหน้าหล่อเหลานั้น มันทำให้เค้าสดชื่น เค้ารับรู้ได้ถึงลม  ลมที่มันกำลังจะสื่ออะไรกับเค้าอยู่ เหมือนจะบอกกับเค้าว่า ควรเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆในชีวิตได้แล้ว… 


ที่ด้านล่างบ้านหลังใหญ่ ทุกคนนั่งคุยกับตามประสาอยู่บนโต๊ะรวมทั้งน้ำก็นั่งอยู่ด้วย เป็นครั้งแรกที่น้ำถูกคุณชายภัครพิชัยให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะ และน้ำเค้าก็รู้ว่าโซฟาชุดนี้มันไม่เลวเลย ดูนุ่มนั่งสบายดีจริงๆ


“นี่น้ำ จำที่พี่ให้สัญญานายได้รึเปล่า” แดนภพถามคนตัวเล็กตรงหน้า


“สัญญาอะไรหรอครับ”น้ำทำหน้างง


“เรื่องที่จะให้นายไปเรียนหนังสือต่อระดับอุดมศึกษาไง คุณลุงและคุณพ่อก็เห็นด้วยกับน้ำนะ แทนที่นายจะอยู่ที่บ้านเฉยๆสู้ซะไป
เรียนจะดีกว่า อนาคตยังอีกไกล”


“จริงหรอครับ…” น้ำแสดงสีหน้าดีใจ แล้วก็หยุดดีใจไปเสียดื้อๆ


“อ้าว ทำไมสีหน้าเปลี่ยนไปเร็วแบบนั้นล่ะน้ำ ไม่สบายใจหรอ”


“คือจริงๆแล้ว ผมตั้งใจเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้ เพื่อต้องการใช้หนี้ให้คุณชายภัครพิชัยที่อุตส่าห์ช่วยครอบครัวผม ถ้าผมไปเรียนแล้วใคร
จะมาทำหน้าที่แทนละครับ”


“คิดอะไรอย่างนั้น น้ำฟังฉันพูดนะ ที่เอาหนูเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะเอ็นดูหนูเหมือนลูกบุญธรรม ฉันไม่ได้มีเจตนาให้หนูมาใช้หนี้ให้
เสียหน่อย ”


“แต่ว่าเงินที่ท่านช่วยมันมากมาย…”


“เงินเพียงล้าน สองล้าน ฉันไม่มีปัญหา และหนี้สิ้นตรงนี้ก็หมดไปตั้งแต่หนูตกลงมาเป็นลูกบุญธรรมที่นี่”


“ได้ยินแบบนี้แล้ว นายโอเคใช่ไหม น้ำ  ตกลงนายเรียนต่อเถอะนะ”


“ครับ น้ำตกลง ”


“อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเค้าจะมีการสอบคัดเลือก น้ำไปคิดดูนะว่าอยากจะเข้าเรียนคณะอะไร สาขาอะไร”


“ครับผม  ขอบคุณคุณแดนภพและคุณชายทั้งสองนะครับ”


“เรื่องเล็กน้อยหนูน้ำ เออจริงสินะ หนูยังไม่ได้กลับบ้านเลยซักครั้งตั้งแต่จากบ้านมา ฉันคิดว่าจะพาเธอกลับไปเยี่ยมที่บ้านสัก 2 3
วัน ดีไหม”

“ดีครับ เป็นข่าวดีที่สุดเลย ขอบคุณคุณชายมากนะครับ”


     น้ำดีใจจนลืมตัวโผล่เข้ากอดอ้อมกอดนั้นทันที เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่น เหมือนน้ำจะได้รับไอรุ่น ความเป็นพ่อของภัครพิชัยที่มีให้ ชายหนุ่มวัยกลางคนอย่างภัครพิชัย ยิ้มดีใจเหมือนน้ำเป็นดั่งลุกแท้ๆของเค้าเอง มันอาจจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้เค้ากับน้ำได้เจอกัน อาจจะเป็นการเจอกันแบบไม่ค่อยดีนักหลังจากเหตุการณ์ชายฉกรรจ์มาเก็บเรี่ยไรเงิน แต่อย่างน้อยสวรรค์ก็ประทานน้ำมาให้กับเค้า


“ฮ่าๆไม่เป็นไรๆ ดีแล้วที่หนูจะได้เรียน”


“ถ้าอย่างนั้น ผมกับลูกต้องขอตัวลาพี่พิชัยไปก่อน วันหน้าจะมาหาใหม่นะครับ”คุณชายประศิตกล่าวต่อ


“อืม มาได้เรื่อยๆที่นี่ต้อนรับนายกับลูกเสมอ แดนภพ ถ้าว่างจากการเข้าเวรที่โรงพยาบาลแล้วจะแสะมาหาน้ำที่บ้านได้ตลอดนะ”


“ขอบคุณครับคุณลุง เป็นพระคุณมากครับ ลาแล้วนะครับ”


“ผมส่งลา คุณชายประศิต คุณแดนภพครับ” น้ำไหว้ทั้งสองด้วยความนอบน้อม


“มากพิธีจริงๆนะเรา  ไว้เจอกันนะน้ำ ดูแลตัวเองดีๆนะ” แดนภพกล่าวอย่างเป็นห่วง เพราะที่ชั้นบน ร่างหนายืนจ้องเค้ากับน้ำอยู่
บนมุมสูง แววตาเกี้ยวโกรธมาก


“ครับผม ผมจะรอนะ”

        เขตมองดูสถานการณ์เมื่อครู่ พอจะเห็นอะไรได้หลายๆอย่าง ตั้งแต่น้ำกอดกับพ่อของเค้า ในใจตอนนี้ลุกเป็นไฟ และเค้าเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เสียแล้ว


“เอาล่ะ น้ำเตรียมตัวไปเก็บเสื้อผ้า 3 4 ชุดนะ ฉันจะพาหนูไปเยี่ยมพ่อกับแม่”


“ครับคุณชาย”   น้ำรับคำบอกแล้ววิ่งไปที่ห้องนอนทันทีพร้อมกับคว้าเอาเป้หนึ่งใบพร้อมใส่เสื้อผ้า




“คุณพ่อครับ วันนี้คุณพ่อจะไปไหนหรอครับ” เขตหยั่งเชิงพ่อตัวเอง แต่จริงก็ได้ยินหมดตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว


“พ่อว่าจะพาหนูน้ำเนี่ยนะ กลับไปที่บ้าน 3 4 วัน ทำไมหรอ”


“เปล่าครับ ผมกำลังคิดว่าวันนี้คุณพ่อเหนื่อยมามากแล้ว ไปพักผ่อนดีกว่านะครับ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”


“แหม รักน้องจริงๆเลยนะ เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ให้ไพบูลย์เป็นคนขับรถไปนะ เพราะลูกเองยังไม่รู้ว่าบ้านของหนูน้ำอยู่ที่ไหน
ประจวบกับหนูน้ำเองก็กลับบ้านไม่ถูกหรอก เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยไปไหน ไม่เคยออกจากบ้านไปไกล เรื่องนี้พ่อรู้มากับแม่ของเค้าตั้งแต่ที่บ้านแล้ว  ”


“อย่างนั้นหรอครับ เข้าใจแล้วครับ คุณพ่อไปพักผ่อนเถอะนะครับ”


“อืมๆๆ ขอบใจมาก ฝากด้วยนะเขต”


“ครับ”


            เขตเดินไปส่งคุณชายภัครพิชัยจนถึงห้อง จนแน่ใจแล้วว่าพ่อของเค้าเข้านอนพักผ่อนแล้ว เขตตรงดิ่งลงมาจากชั้นสองไปชั้นหนึ่ง ตรงไปที่ห้องของน้ำทันที  พอไปถึงห้องเขตไม่รีรอที่จะเปิดประตูเข้าไปอย่างไร้มารยาทและรุนแร และน้ำเองก็ไม่ได้ล็อกประตูเอาไว้


ปัง!


ร่างบางตกใจมากที่เขตปรากฏตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับบานประตูที่กระแทกฝาผนังตามแรงเปิดนั้น น้ำใบหน้าสลดจากที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขกลายเป็นว่าใบหน้านั้นหดหู่ลงอย่างชัดเจน


“เป็นอะไรไป เจอหน้าฉันเนี่ย ทำอย่างกับฉันเป็นเลวร้ายอย่างนั้น”


“ปะ…เปล่าครับคุณเขต”


“ไอ้โกหก!” เขตตะหวาดใส่หน้าน้ำแล้วเอามือใหญ่ๆหนาๆบีบคางเล็กนั้น แรงกดที่มากมายทำเอาตัวเล็กทนไม่ได้


“โอ้ยเจ็บครับคุณเขต”


“เจ็บหรอ  ไอ้โง่ เรื่องทั้งหมดวันนี้ แกอาจจะดีใจ  คิดหรอว่าเรื่องนี้ฉันจะไม่รู้ ฉันได้ยินหมดแล้ว”


“คุณเขต ปล่อยผมเถอะครับ ผมเจ็บ”


      น้ำสีหน้าเหมือนจะเจ็บจนทนไม่ได้ เขตพยายามทำอารมณ์ให้ปกติ ก่อนจะถอนมือนั้นออก


“แกจะได้ไปเรียนต่อตามที่ไอ้แดนภพมันหาให้ แกจะได้กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ 3 4 วัน ”


“ใช่ครับ คุณเขต” น้ำตอบเสียงแผ่วเบา


“ใช่สิ แกมันไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้วใช่ไหม ถึงได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แล้วถ้าแกได้ที่เรียนที่ไกลจากเมืองหลวง แกคงจะดีใจ
สินะ”


       น้ำแปลกใจ คำพูดของเขตมันดูเหมือนกับว่ากำลังตัดพ้อเค้าอยู่ ซึ่งน้ำไม่เคยเข้าใจเขตเลนสักครั้ง เจ้านายสุดหล่อที่นิสัยแสนโหดร้ายแบบนี้ เค้าไม่เคยเห็นอารมณ์และนิสัยที่แท้จริงของเขตเลย และไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขตเป็นคนยังไงกันแน่ น้ำไม่ตอบคำตอบเขตอยู่นาน ทำให้เขตตะวาดอีกครั้งเพื่อเอาคำตอบ!


“หูแตกหรือไง ฉันถามว่าแกไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้วใช่ไหม!”


“ปะ…เปล่าครับ คุณเขต ผมแค่อยากเรียน”


“ใช่สิ แกไม่อยากอยู่ให้ฉันทรมานแก ทำร้ายแกสินะ  ก็ดีไปๆได้ก็ดี”


“คุณเขต”น้ำเอ่ยชื่ออย่างแผ่วเบา


“หยุดเรียกชื่อฉัน! แกมันไม่ใช่คนของฉัน และแกเป็นคนที่คุณพ่อรักและเอ็นดูแก เอ็นดูมาก”


“ครับผมจะจำไว้”


“ไปเก็บของซะ ฉันจะไปรอแกอยู่ที่หน้าบ้าน อย่าลืมไปเรียกไพบูลย์มาให้เรียบร้อยด้วย”
คุณพูดอย่างใจเย็น แต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น  ตอนนี้น้ำไม่ได้กลัวเค้าแต่กำลังเกรง ทำอะไรไม่ถูกอารมณ์ที่ขึ้นๆลงแบบนั้น น้ำไม่อาจเดาได้จริงๆ



ร่างหนาค่อยๆเปิดประตูออกไปแล้วปิดมันลงด้วยแรงที่เบา แตกต่างกันกับตอนเข้ามา เค้าแววตามีเลศนัยน์ คนอย่างเขตทำอะไรที่ไม่มีใครคาดคิดได้หรอก     พันทหารเอกภูธเนศแววตาดุดันเหมือนซ่อนความคิดเอาไว้  เค้าจะจดจำเอาไว้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาอีกแน่นอน


“ฉันไม่มีวันถูกทิ้งอีกทั้งที่สองแน่!”


   สิ้นคำพูดนั้นแล้ว  เขตก็ยิ้มให้กับตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าในรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความทุกข์มากมาย ทำไมเค้าถึงใช้คำว่าไม่มีวันถูกทิ้งเป็นครั้งที่สอง  แล้วครั้งแรกล่ะครั้งแรกคืออะไร  หรอว่าจะเป็นเรื่องที่หญิงสาวคนนั้นทิ้งเค้าไปพร้อมกับมอบดอกกุหลาบสีเหลืองช่อนั้น ที่แปลความหมายเพียงคนว่าเพื่อน และจะเป็นเพื่อนตลอดไป แล้วทิ้งเค้าไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาสัมพันธ์กันได้แบบเดินอีก 


     แล้วครั้งนี้ล่ะ หากน้ำเป็นครั้งที่สอของเค้า  แล้วความหมายคำพูดนี้คืออะไร?  น้ำไม่ใช่คนที่เค้าแอบชอบแอบเอ็นดูและอยากสานสัมพันธ์เหมือนหญิงสาวคนนั้นเมื่อ 7 8 ปีก่อน แล้วเค้าจะนับเป็นครั้งที่สองได้ยังไงหรือว่า เค้ากำลังแอบชอบร่างบางสีขาวคนนั้นเสียแล้ว  แต่น่าเสียใจเพราะเค้าเองไม่รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง…


“ผมลาพี่สงกรานต์  พี่กล้วยไม้ พี่ใบหลิวแล้วนะครับ” ร่างบางไหว้รุ่นพี่ที่อายุมากกว่า


“กลับไปบ้านตั้ง 4 วันแหนะ พี่คิดถึงเราแน่เลย ไอ้ตัวเล็ก” ใบหลิวยิ้มแล้วเอามือหยิกแก้ม


“ครับ ผมก็คิดพี่เหมือนกัน กลับไปรอบนี้เดี๋ยวจะเอาของมาฝากเยอะๆเลย”


“ไม่ต้องลำบากหรอก น้ำ กลับไปหาพ่อแม่ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกใครรังแก” กล้วยไม้พูดกับน้ำอย่างรู้ชั้นเชิงว่า เค้ากำลังจะสื่อถึงคุณเขต เจ้านายที่แสนดุดันคนนั้น


“ดูแลตัวเองดีๆนะน้ำ” สงกรานต์อวยพรร่างบางที่ยิ้มให้


“ขอบคุณครับ พี่สงกรานต์ขอกอดหน่อยสิ” ตัวเล็กเอ่ยขอหนุ่มหล่อตรงหน้า


“ได้เลย ไอ้ตัวเล็กของพี่”


      น้ำโผล่เจ้ากอดอย่างดีใจ เหมือนกับว่าความดีของน้ำ จะชนะใจคนทั้งบ้านไปหมดแล้ว หากเค้าไปเรียนต่อจริงๆ คาดว่าคนทั้งบ้านธำรงอาภรณ์นิชจะคิดถึงใจจะขาด จะมีก็เพียงแต่ภูธเนศ ทหารหนุ่มที่ตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่าเค้าจะพ่ายแพ้และจำนนต่อความดีของร่างบางคนนี้เหมือนคนอื่นหรือเปล่า  เขตกลับเข้ามาตามน้ำที่เห็นว่านานเกินไป แต่ภาพที่เห็นคือทุกคนกำลังเป็นห่วง และอาธรของน้ำ เด็กหนุ่มตัวเล็กที่เป็นที่รักของคนทั้งบ้าน  เขตเห็นภาพนั้นแล้วยิ่งใจไม่ดี  เค้ากำลังเป็นอะไรกันแน่นะ


“จะอำลากันถึงชาติหน้าไหม ฉันจะได้รอพาไปที่บ้านชาติหน้า” ร่างหนาประชดแล้วตะวาดดังพอที่จะทำให้ 4 คนสะดุ้งหันไปตามทิศทางของเสียง


“คุณเขตมาตามแล้ว พี่ๆผมไปแล้วนะ 4 เองเดี๋ยวก็กลับ ฝากกราบลาคุณชายด้วยนะครับ ท่านเข้าพักผ่อนแล้วผมไม่อยากรบกวน”


“ได้จ้ะ ไปเถอะ เดี๋ยวคุณเขตจะโกระเอา เรานั่นแหละจะแย่”ใบหลิวซุบซิบกับน้ำ


“ใบหลิว! คุยอะไรกัน ” เสียงนั้นตะโกนกลับมา


“ค่ะๆๆ จะให้น้องไปเดี๋ยวนี้ค่ะคุณเขต  ไปเถอะน้ำ”


“ครับ!”


  น้ำเดินไปถึงร่างหนาที่ยืนรอที่หน้าประตูใหญ่ เขตไม่มองหน้าน้ำแต่กลับกลับหลังแล้วเดินนำไปที่รถ โดยมีไพบูลย์เป็นคนขับรถมาจอดรอที่บันไดหน้าบ้าน


“ขึ้นไป!” เขตออกคำสั่งกับน้ำ  ร่างบางทำตัวเกร็งแล้วขึ้นไปข้างในรถตู้คันใหญ่


“ไพบูลย์ออกรถ”


“ครับคุณเขต”


            เขตเหลือบมองน้ำที่เอาแต่นั่งเบาะรถแล้วกอดกระเป๋าเป้สีเขียวลายต้นไผ่เอาไว้แน่นและว่างที่ห่างจากเขตพอสมควร เขตเองก็หงุดหงิดจะกลัวอะไรเค้านักหนา หรืออาจจะเป็นเพราะน้ำเกลียดขี้หน้าเค้าไปแล้วก็เป็นได้


“เป็นอะไรไป เกลียดขี้ฉันฉันใช่ไหมถึงได้นั่งห่างขนาดนี้”


“ปะ…เปล่าครับคุณเขต”


          บทสนทนาเงียบลงไป แต่น้ำก็ยังเกร็งอยู่ดี  ร่างหนารู้สึกแปลกๆ บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเค้ารู้สึกแบบนี้ ก็แค่เด็กตัวเล็กอายุห่างจากเค้า 8 ปี จะกลับไปบ้านเกิดของเค้าแค่ 4 วัน แต่จิตใจของเขตกลับไม่ปกติ เค้าทำใจให้นิ่งไมได้ เพราะนึกไปถึงวันที่น้ำจะไปเรียนต่อก็ยิ่งหงุดหงิด
เขตได้แต่คิดในใจ  เค้าเอาเรื่องราวในอดีตต่างๆมาพัวพันและสรุปลงเอยกับน้ำ เด็กหนุ่มผู้เคราะห์มากมายนักกับทหารหนุ่มหล่ออย่างเขต


…ฉันไม่มีทางถูกทิ้งอีกเป็นครั้งที่สองหรอก…


ความคิดนี้ยังก้องอยู่ในหัว แล้วเหลือบไปมองน้ำอีกครั้งตอนนี้ร่างบางหลับไปแล้วพร้อมกับเอียงหัวไปพิงผนังกระจกอีกด้านของรถ  เขตมองดูสถานการณ์นี้แล้ว ก็ยิ่งไม่อยากให้น้ำไปไหน เค้าจะไม่ยอมให้น้ำทิ้งเค้าก่อนแน่  เค้าต้องทิ้งร่างบางนั้นก่อนที่ร่างบางนั้นจะทิ้งเค้า




มาต่อแล้วอาจดึกหน่อยแต่ยังทันวันเสาร์อยู่ 555  เขตกำลังรู้สึกอะไรนะ คิดจะทำอะไรอีก ไม่เข้าใจจริง ผู้แต่งเองก็งงอยุ่ว่าเขต

เป็นคนแบบไหนกันแน่ 555 เดาใจไม่ถูกเลย   เชียร์น้ำเยอะๆนะ น้ำจะเจออะไรอีกมากมายเลยทีเดียว ส่วนใครที่คิดถึง ต่อกับ

ฟ้ามอญ ใจเย็นๆนะ สองคนนั้นเค้ายังไม่มีอะไรมากมาย   ตอนที่ 10 มาลงต่อพรุ่งนี้น้า


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 9 ✥✥ Up. (5/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-09-2015 23:24:04
คนแบบนี้ทำไมถึงได้เป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 9 ✥✥ Up. (5/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 06-09-2015 00:10:31
รีบมาเร็วๆนะ  :katai5:



สงสารน้องน้ำ


อยากจะตบพระเอก  :z6:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 9 ✥✥ Up. (5/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 06-09-2015 03:55:03
ไมาเข้าใจ ไม่เข้าใจพระเอกจริงๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<<❂❂✪ ✥✥ ตอนที่ 9 ✥✥ Up. (5/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 06-09-2015 23:27:32
ตอนที่ 10



   รถขับผ่านไปได้สักพัก ก็พักระหว่างทางที่ปั๊มข้างทาง ร่างบางรู้สึกตัวขึ้นมา พยายามลืมตาขึ้นมามองสถานที่ที่เค้าไม่คุ้นเคย ไพบูลย์ถูกเขตใช้ไปซื้อของหลายอย่างในเซเว่น เขตยืนมองน้ำอยู่ห่างๆ พลางยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากให้กับตัวเอง


“ฮึๆ เป็นแบบนี้ได้ก็ดี แกจะได้ไม่ต้องกลับไปที่บ้านฉันอีก จบกันที ”


       เขตหันหลังเดินกลับไปรอไพบูลย์ที่รถตู้  ในขณะเดียวกันน้ำรู้สึกตัวเต็มที่ แต่เค้ากลับมองซ้ายมองขวาไม่เจอเขต ไม่เจอไพบูลย์ และที่สำคัญ เค้าไม่ได้อยู่ในรถ


“ที่นี่ที่ไหน?”


     ร่างบางถามตัวเองอย่างน่าสงสาร เด็กหนุ่มที่เติบโตมาด้วยชีวิตที่ไม่เคยที่จะออกไปไหนเลย และยิ่งต่างถิ่นแบบนี้เค้ายิ่งไปไม่ถูก ร่างบางลุกขึ้นจากที่นั่งที่ทำจากปูนใต้ต้นไม้ แล้วเดินไปแถวๆนั้นอย่างงุนงง


“ป้า ครับขอโทษนะครับที่นี่ที่ไหนครับ”


“สระบุรีจ้ะ พ่อหนุ่มจะไปเที่ยวที่ไหนหรอ ป้าแนะนำได้นะ”


       หญิงวัยกลางคนตรงหน้าน้ำเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง แต่เด็กหนุ่มสีหน้าหวั่นวิตก เพราะสระบุรี เค้าเพียงแค่ได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ส่วนไหนของพื้นที่จังหวัดนี้


“เปล่าครับ ผมไมได้มาเที่ยว ป้าพอจะเห็นชายหนุ่มสูงๆหล่อๆ ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงดำไหมครับ”


“อ้อๆ ที่แท้ก็หลงรถสินะ ป้าพอจะเห็นอยู่ลูก หล่อๆก็มีอยู่คนเดียว แต่เค้าคนนั้นขึ้นรถตู้สีดำไป 5 นาทีที่แล้วลูก”


“ออกไปแล้ว?” น้ำทำสีหน้างุนงง






    ที่บนรถตู้คันสีดำ ไพบูลย์ขับรถให้เจ้านายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพันเอกภูธเนศ ผู้ทะนงศักดิ์และจิตใจร้อน ไพบูลย์รู้จักเค้าดี แต่สิ่งที่ลูกน้องกำลังทำกับร่างหนานั้น แทบจะหายใจไม่ออก เค้ารู้สึกอึดอัดที่ไพบูลย์มองเค้า


“ไพบูลย์ นายมองอะไร”


“มองเจ้านายครับ”


“มองฉัน จะมองทำไมกัน หน้าฉันมีอะไรติดหรอ” เขตแสร้งทำเป็นพูดไปเรื่องอื่น


“คุณเขตน่าจะรู้อยู่แก่ใจนะครับ  น้องน้ำเค้าเป็นเด็กน่าสงสาร ”


“ฮึ แล้วยังไง จะให้ตีรถกลับไปรับอย่างนั้นหรอ ไม่มีทาง”


“แต่คุณเขตครับ น้องเค้าไม่มีเงินติดตัวสักบาทนะครับ กระเป๋าตังค์ก็ตกอยู่ที่พื้นข้างๆคุณเขต น้องเค้าจะกลับไปบ้านถูกได้ยังไง”


“…”


            เขตเริ่มคิดตามที่ไพบูลย์พูด กระเป๋าเงินใบนั้นเป็นของน้ำเค้าเคยเห็น แล้วนี่น้ำจะใช้ชีวิตยังไง


“แล้วโทรศัพท์ล่ะ เค้ามีโทรศัพท์หนิ ก็โทรให้พ่อแม่เค้ามารับสิ”


“ครอบครัวของน้องน้ำยากจน ผมเคยไปเห็นตอนไปรับมาอยู่ที่บ้านคุณเขต เค้าแทบไม่มีอะไรเลยในชีวิต นอกจากมีเงินหมุน
พอใช้ในแต่ละวัน…”

“พอๆๆ  ฉันไม่อยากฟัง”


ร่างหนาพูดตะโกนขึ้นมา ไพบูลย์ก็สุดแล้วแต่เขตจะคิดได้ เค้าเป็นเพียงลูกน้องจะไปบอกอะไรเจ้านายได้มากไปกว่านี้



ผ่านไปหลายนาที เสียงคำสั่งของเจ้านายแววตาดุดันนั้นก็เปล่งเสียงออกมา


“ไพบูลย์ กลับรถ ฉันไปรับน้ำแล้วพาเค้ากลับบ้าน”


“ขอบคุณครับคุณเขต”


 ไพบูลย์ยิ้มให้กับเจ้านายที่ตอนนี้คิดได้แล้ว   ลุกน้องอย่างเค้า ไม่เข้าใจหรอกว่าเขตกำลังคิดอะไรอยู่ หรือมีปมอะไรในใจ แต่ที่แน่ๆเค้าไม่อยากให้น้ำมาเป็นคนรับเคราะห์ เพราะน้ำเป็นเด็กที่บริสุทธิ์ทั้งกาย และจิตใจ


   รถขับวนกลับไปยังปั๊มข้างทางเมื่อครู่ รถตู้จอดเข้าซองจองรถสนิท ทั้งไพบูลย์และเขตรีบลงรถไปหาน้ำ แต่สุดท้ายก็ไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มตัวเล็ก ผิวขาวใส คนนั้นเลย


“อ้าวพ่อหนุ่มรูปหล่อ ไปไหนมา ทำไมไม่รอน้อง ”


   หญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่ค้าขายไก่ย่างห้าดาวทักเขต ร่างหนาหยุดชำเลืองมองหาน้ำสักพักแล้วหันหน้ามายังหญิงคนนั้น


“น้อง? ป้าหมายถึงใครครับ”


“อ้าวก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักเดินมาถามหาพ่อหนุ่มไง ว่าพอจะเห็นบ้างไหม ป้าเลยตอบไปแล้วว่า พ่อหนุ่มนั่งรถตู้ออกไปแล้ว”


“แล้วตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ไหนครับ”


“เค้าไม่อยู่แล้วล่ะนะ”


“หมายความว่าไงครับป้า”


“เด็กหนุ่มคนนั้น เดินออกจากปั๊มไปแล้ว ไปนานพอสมควรแล้วด้วย”


“บ้าจริงๆเลย แล้วตอนนี้รู้ไหมครับว่าเค้าเดินเลี้ยงออกไปทางซ้ายหรือทางขวา”


“ป้าไม่รู้หรอกไม่ได้สังเกต เออแต่ว่าเด็กคนนั้นเค้าถามป้า ทางไปอะไรไม่รู้ป้าจำไมได้”


“ป้า ป้าต้องจำให้ได้นะครับ”


“โอ้ย ป้าจำไมได้หรอก ช่วงนั้นลุกค้ากำลังมาซื้อไก่ด้วย ป้าได้ยินไม่ถนัด แต่เด็กหนุ่มคนนั้นเค้าขอบคุณป้าแล้วเดินไปเลย”


“โอเค ขอบคูรมากครับป้า ผมไม่รบกวนแล้ว”


“ไปทำอะไรให้มันยาก โทรไปน้องเค้าสิพ่อหนุ่ม”


“เอ่อ…น้องเค้าไม่มีโทรศัพท์ติดตัวครับ”


“ว้า แย่จังเลย รีบไปตามหาน้องเค้าเถอะนะ เดี๋ยวเย็นกว่านี้จะลำบากที่นี่ไม่ค่อยมีบ้านคนเสียด้วย แล้วน้องของพ่อหนุ่มจะไปอยู่
ไหน ไม่น่าพรากกันเลย”ป้าคนนั้นพูดแล้วส่ายหน้าเบาๆ พลางเห็นใจเขตและน้ำที่พลัดกันไปพลัดกันมา
                 

       เขตเดินกลับมาที่รถอย่างผิดหวังพร้อมกับไพบูลย์ที่ออกไปตามหาน้ำอีกทาง ไพบูลย์เห็นหน้าเจ้านายแล้ว เหมือนจะรู้สึกผิดจริงๆ แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนคือเค้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขตที่มีต่อน้ำ เพราะตอนนี้เขตมีท่าทีที่รนลานผิดปกติ


“ไม่เจอหรอครับนาย”


“อืม แล้วนายล่ะ”


“คนแถวนี้ไม่มีใครสังเกตหรือจำน้องน้ำได้เลยครับนาย”


“ไม่ได้การแล้ว ดึกกว่านี้น้ำอันตรายแน่ ไพบูลย์เอารถออก ฉันจะตามหาน้ำให้เจอให้ได้”


“ครับนาย”






ที่มหาวิทยาลัย

          ต่อ มาวิ่งออกกำลังกายที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัย พร้อมๆกับเพื่อนในกลุ่มอีกหลายๆคน ที่ต่างก็ล้วนแล้วแต่รู้ฐานะของต่อ เป็นอย่างดี


“ไอ้หม่อม!  วันนี้ทำไมมาวิ่งคนเดียว แล้วอีกคนล่ะ” เพื่อนคนหนึ่งถามต่อ


“ใครวะ ฉันก็มาวิ่งคนเดียวประจำ”


“ไม่จริงมั้งหม่อม เมื่อวานก็ยังเห็นอยู่เลย เค้าเป็นใครอ่ะ น้องที่คณะหรอ?”

“บ้าไปแล้ว เลิกถามสักที น้องอะไรกัน เพื่อนรุ่นเดียวกัน”


“แล้วจะบอกได้ไหวว่าเพื่อนคนนี้ชื่ออะไร” เพื่อนที่อยู่ใกล้สุดถามขึ้น


“พอๆๆเลย ถ้าตอบแล้วห้ามถามต่อนะ เค้าชื่อ อังกอ  เคยเจอกันครั้งแรกที่สวนน้ำพุ เค้าบาดเจ็บนิดหน่อย”


“อ้อ หม่อมเลยไปช่วย”


“เฮ้ยเลิกเรียกหม่อมจะได้ไหม ฉันมีชื่อเว้ย ชื่อ ต่อ โอเคป่ะ”


“ฮ่าๆๆ ก็มันติดปากหนิ แกเป็นหม่อมหลวง จะให้พวกเราเรียกอะไรล่ะ”


“แต่ถึงยังไม่ฐานะของฉัน ก็ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ อย่างระดับหม่อมเจ้าหนิ”


“คนทั่วๆไป ใครจะไปรู้กันล่ะ ก็เห็นมีหม่อมนำหน้าหนิเพื่อน”


“ก็รู้ไว้วันนี้ไง จะได้ไม่ต้องเรียกหม่อมแบบนี้ ยิ่งไปพูดในวังยิ่งแล้วใหญ่ มันไม่ดี ไม่มีใครเค้าพาเรียกหม่อมหลวง ว่าหม่อมหรอก
นะ”


“โอเคๆๆ  จะจำไว้แล้วกัน แล้วอังกอที่ว่านี่ ดูเค้าจะคิดอะไรกับนายนะต่อ”


“ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนั้น”


“ก็โน่นไง พูดยังไม่ขาดคำเลย ยืนรอนายอยู่ตรงนั้นแล้วไอ้หม่อม!”


“เจออีกแล้วหรอ” ต่อ อุทานด้วยความเหนื่อยใจ






      ที่ทางเปลี่ยวถนนใหญ่ เด็กหนุ่มร่างบางเดินสะพายเป้สีเขียวลายไม้ไผ่ลำพัง นี่ก็จะเย็นแล้ว แต่พอจะมองเห็นทางสลัวๆ เค้าเคยคิดถามตัวเองว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าได้เจออะไรหลายๆอย่างแล้ว มีทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกันไปหมด  และที่สำคัญได้มารู้จักกับเขต เจ้านายผู้ทะนงศักดิ์ ดูเท่ห์ โดยเฉพาะแววตาคู่นั้นที่น้ำเองยังหวั่นไหวให้หลายครั้ง และไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร  น้ำเดินคิดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีตอนถึงสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่  ที่เขียนไว้ว่า แม่น้ำป่าสัก  ไม่รู้ว่าเค้าเดินมาได้ไกลกี่กิโลเมตร  ตั้งแต่นอกเมืองยันเข้ามาในเมืองใหญ่ ที่น้ำพอจะรู้ว่านั่นคือตัวเมืองสระบุรี       


“แม่น้ำสายนี้ ตกเย็นมาก็สวยดีจริงๆ”


        น้ำหยุดยืนมองแม่น้ำพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะตัดสินใจเดินมุ่งเข้าสู่เมืองใหญ่ ตรงไปยังตลาดด้วยท้องที่เรียกร้องขออาหารมาบรรเทา  น้ำหยุดตรงที่หน้าร้านบะหมี่ร้านหนึ่งที่ลูกค้าไม่ค่อยมี อาจจะเพราะยังไม่ตกเย็นมาก น้ำเดินเข้าไปที่ร้านแล้วนั่งลงโต๊ะในร้าน


“หนู รับอะไรดี”


“ผมขอแบบในรูปนั้นเลยครับ” เด็กหนุ่มตอบออกไปแบบไม่คิดอะไรเลย เจ้าของร้านมองตามแล้วพยักหน้า


“บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงนะครับ” พ่อค้าทวนเมนูก่อนจะเข้าไปในร้านเพื่อทำให้ ไม่นานบะหมี่ชามโตก็มาเสิร์ฟตรงหน้า


“ได้แล้วครับ เครื่องปรุงอยู่ด้านข้างนะครับ”


“ขอบคุณครับผม”


      น้ำตอบรับพ่อค้า แต่น้ำพยายามเช็คดูกระเป๋าเงินที่หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยเตรียมไว้ให้ แต่กลับต้องตกใจเมื่อรู้ว่า กระเป๋าเงินไม่อยู่ที่ตัวเค้าแล้ว
          น้ำเดินถือชามบะหมี่ตรงไปหาพ่อค้า พร้อมกับวางมันลง พ่อค้ามองใบหน้าเด็กหนุ่มคนนี้อย่างงุนงง เพราะคิดว่าเค้าทำเมนูผิดหรือเปล่า


“คุณน้าครับ ผมคงไมได้ทานบะหมี่ชามนี้แล้วนะครับ พอดีผมเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีเงิน”


“หา ว่าไงนะ แกไม่มีเงินแล้วกัน  มาหลอกให้ฉันทำให้เนี่ยนะ แล้วนี่ใครจะกิน โอ้ยตายๆๆๆๆๆ อย่างนี้ก็ขาดทุนสิ”


“ผมขอโทษนะครับ พอดีผมหลงทางระหว่างทางอาจจะทำกระเป๋าเงินตก”


“ไม่ต้องมาขอโทษ ยังไงแกก็ต้องจ่าย เข้าใจไหม จ่ายมาเร็วๆ”


“เอ่อ ผมไม่มีจริงๆครับ”


“ไมได้ๆ ไม่อย่างนั้นไปโรงพักกันเลยดีไหม ไปไหม”


“โรงพัก ที่มีตำรวจหรอครับ ผมไม่ไปด้วยหรอก ”


“ถ้าอย่างนั้น ก็จ่ายมาซะดีๆ”


       น้ำจนปัญญา พยายามควานหาเศษเงินที่พอจะติดตัวมาอยู่บ้างแล้วสวรรค์ก็ช่วยเค้า น้ำเจอเงินในกระเป๋ากางเกงตัวนี้ 100
บาท เป็นธนบัตรสีแดงใบสุดท้ายที่เค้ามี


“คุณน้า ผมมีเงินแล้ว ผมขอกินชามนี้เลยแล้วกันนะครับ”


“เออๆ แล้วไป อย่าตุกติกนะจะบอกให้ ฉันไม่ได้ใจดีนะ เอาไปกินได้”


"ครับผม "น้ำก้มหัวให้พ่อค้ารายนี้แล้วยกชามบะหมี่กลับไปที่เดิม แล้วกินมันเข้าท้องไปอย่างหิวโหย



      ทางด้านเขตและไพบูลย์ขับรถตามหาน้ำไปทั่วทุกสารทิศที่เป็นเมืองสระบุรีแต่ไร้วี่แวว  คิดไปคิดมาแล้วเขตก็กำลังคิดได้ว่า เค้าได้ทำผิดอย่างมหัน หากน้ำเป็นอะไรไป เค้าจะไม่ให้อภัยตัวเอง  เพราะความเห็นแก่ตัวของเค้าแท้ๆ  เค้าไม่อยากให้น้ำหายไปไหนจากเค้าเพียงแค่วันเดียว ไม่สิแม้แต่ครึ่งวันก็ยังอยากเห็นน้ำ ไม่รู้เพราะอะไร เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆน้ำแล้วเค้ามีความสุข อาจจะได้แกล้งได้ทะเลาะ แต่นั่นมันเป็นความสัมพันธ์ของเค้า  ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ของน้ำไปด้วยก็ตามที


“น้ำฉันต้องหานายให้พบ”


“คุณเขตครับนี่ก็ 3 ทุ่มแล้วนะครับ ผมว่าเรากลับกันดีกว่านะครับ”


“ไม่ฉันไม่กลับ ต้องหาตัวน้ำให้พบ ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย”


“ไม่ได้นะครับ พรุ่งนี้คุณเขตต้องเข้ากองบัญชาการ เพราะท่านนายพลเข้าประชุมใหญ่ จะขาดพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศไม่ได้นะ
ครับ”


“โถ่เว้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วถ้าฉันกลับแล้วฉันจะอธิบายคุณพ่อว่ายังไง”


“เอาเป็นว่า คุณเขตจะไม่กลับอย่างนั้นหรือครับ”


“ใช่ ฉันไม่กลับ พรุ่งนี้ก็เรื่องของพรุ่งนี้ ฉันไม่แคร์ ขับตามหาน้ำต่อไป ”


“แต่เราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนแล้วนะครับคุณเขต”


“เฮ้อ น้ำขอนายอย่าเป็นอะไรเลยนะ”


    ร่างหนาแววตาเศร้าสลด เพราะเค้าได้รู้แล้วว่า เค้าขาดน้ำไปไมได้จริงๆ และด้วยอารมณ์ชั่ววูบของเค้ามันทำให้น้ำเป็นอันตรายขึ้นมาตอนไหนก็ได้









     ที่บ้าน ธำรงอาภรณ์นิช  จดหมายเชิญจากหม่อมรุ้งพราว แห่งวังฉัตรอรุณก็ส่งมาถึงบ้านช่วงหัวค่ำ โดนมีคนของวังฉัตรอรุณมาส่งถึงที่ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากกล้วยไม้ ใบหลิว และสงกรานต์



ก๊อก ๆ ๆ



“คุณชายครับ มีคนของวังฉัตรอรุณ มาขอพบคุณชายครับ” สงกรานต์เดินขึ้นมาเคาะที่ห้องพักของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย


“คนของวังฉัตรอรุณอน่างนั้นหรอ  ได้! บอกเค้าไปว่าฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”


“ครับคุณชาย”



             ภัครพิชัยเอาชุดคลุมสวมใส่แล้วเดินลงไปด้านล่างก็พบกับชายหนุ่มคนรับใช้ชุดของวังฉัตรอรุณ 2 คนกำลังยืนรอเค้าอยู่ที่ด้านล่างหน้าบันไดใหญ่


“สวัสดี คุณชายภัครพิชัย ต้องขออภัยที่มารบกวนยามพลบค่ำ”


“ไม่เป็นไร ว่าแต่ใครส่งนายสองคนมาที่นี่”


“นี่เป็นคำเชิญจากหม่อมรุ้งพราว ชายาคนที่สองของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ แห่งวังฉัตรอรุณครับ”


“คำเชิญจากหม่อมรุ่งพราวหรอ  เรื่องอะไรกัน”


“ไม่ทราบครับ แต่เรามีจดหมายคำเชิญฉบับนี้ ขอมอบให้คุณชายครับ”


“อืมๆ มีเรื่องมาบอกเพียงเท่านี้หรอ”


“ใช่แล้วครับ และหม่อมรุ้งพราวก็กำชับพวกเราด้วยว่า หากคุณชายได้รับจดหมายนี้แล้ว ให้รีบอ่านและแจ้งพวกเราทันทีครับ แล้ว
พวกเราจะส่งคำตอบของท่านไปให้หม่อมรุ่งพราวที่วังฉัตรอรุณ”


“นี่เป็นเรื่องด่วนและสำคัญ ขนาดนั้นเชียวหรือ”


“ขออภัย ขอคุณชายได้เปิดอ่านเสียก่อนครับ”


     ภัครพิชัยพยักหน้าก่อนจะเปิดแกะคำเชิญในซองนั้นต่อหน้าคนของวังฉัตรอรุณทันที  เพียงไม่กี่นาที หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยก็รู้สาเหตุที่หม่อมรุ้งพราวจะเชิญไปพบแล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และสำคัญมากทีเดียว


“ไปบอกหม่อมรุ่งรุ้งพราวว่า ฉัน ตกลง เช้าวันพรุ่งนี้จะไปเยือนที่วังฉัตรอรุณตามคำประสงค์ของหม่อมรุ่งพราว”


“ถ้าอย่างนั้นกระผมทั้งสองคนขอลาคุณชาย และขออภัยอีกครั้งที่มารบกวน”


“ไม่เป็นไร พวกนายสองคนกลับไปได้แล้ว”


“ทราบแล้วครับ”


        คุณชายวัยกลางคนอย่างภัครพิชัย ยืนกำจดหมายแน่น เรื่องที่หม่อมรุ้งพราวส่งมานั้นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ สงกรานต์สงสัย
และอยากรู้ว่าจดหมายคำเชิญนั้นกำลังเขียนถึงอะไรไว้กันแน่ เค้ากล้าเสี่ยงลองเข้าไปถามคุณชายดู เพื่ออยากรู้


“คุณชายครับ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือครับ”


“จดหมายนี้ หม่อมรุ้งพราวส่งมาที่ฉัน  หม่อมรุ้งพราวกำลังสงสัยและอยากรู้รายละเอียดของน้ำ เด็กหนุ่มผู้มีบางอย่างที่หม่อมรุ้ง
พราวอยากรู้”


“น้องน้ำเนี่ยหรอคะ” กล้วยไม้อุทานออกมา


“ใช่ แต่วางใจเถอะ หม่อมรุ้งพราวเป็นคนมีเมตตา จิตใจดี ต่างจากหม่อมบุหลัน ที่ใครๆก็เกรงกลัวทั้งวัง ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปพบ
หม่อมรุ้งพราวให้ได้”


“รับทราบครับคุณชาย พรุ่งนี้ผมจะเป็นคนอาสาขับรถให้ แทนไพบูลย์เองครับ”


“จะว่าไป คุณเขตก็ไปส่งน้ำนานแล้วนะคะ ทำไมยังไม่พากันกลับมาอีกนะ” ใบหลิวเอ่ยขึ้นมา


“จริงสินะ ไปนานแล้วจริงๆ สงกรานต์โทรหาเขตแล้วมารายงานฉันว่าตอนนี้อยู่ไหนและหนูน้ำกลับถึงบ้านปลอดภัยดีแล้วหรือยัง
ฉันจะไปรอที่ห้อง”


“รับทราบคุณชาย”


สงกรานต์เดินไปหยิบโทรศัพท์สายแล้วกดโทรไปหาคนรับสายปลายทาง เพียงไม่กี่วินาที ปลายสายก็รับ


“สวัสดีครับคุณเขต ผมสงกรานต์นะครับ”


“อืม รู้แล้ว”


“คือคุณชายให้โทรมาถามว่าคุณเขตไปส่งน้องน้ำถึงบ้านหรือยังครับ”


“ยัง พาแวะเดินเล่นที่ห้างนิดหน่อย มีอะไรหรอ”


“อ้อเปล่าครับ คุณชายแค่อยากทราบ”


“บอกคุณพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง น้ำปลอดภัยดี แค่นี้นะ”


        สิ้นเสียงของเจ้านายผู้หล่อเหลา ก็ตัดสายทันที ไม่ทันที่สงกรานต์จะได้ถามต่อ


“เป็นไงบ้าง พี่สงกรานต์”


“คุณเขตบอกว่า น้ำสบายดี ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เดินเที่ยวที่ห้างอยู่”


“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ ว่าคุณเขตจะดีกับน้ำ” ใบหลิวพูดขึ้นมาแบบเนือยๆ


“นังใบหลิว แกนี่พูดอะไรไป ถ้าคุณท่านมาได้ยินเข้าแกจะเดือดร้อน”


“โหย ก็จริงนี่พี่กล้วยไม้ ฉันพูดผิดตรงไหนล่ะ”


“เอ๊ะแกนี่”


“พอๆๆๆ ทั้งกล้วยและใบหลิวแหละ อย่าทะเลาะกันเลย น้องน้ำปลอดภัยก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปบอกคุณชายที่ห้องก่อน
นะ”


“จ้ะพี่”









       เมฆฝนตั้งเคล้า ฟ้าแลบแปบๆ บ่งบอกให้รู้ว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า ร่างบางเดินไปตามฟุตบาทที่ตอนนี้ข้างๆถนน ร้านค้าต่างๆมากมายกำลังจะปิดลง เพราะดึกแล้ว  น้ำมองไม่เห็นหนทางจริงๆว่าจะทำอย่างไรต่อไป แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน สิ่งเดียวเค้าคิดออกก็คือ ที่วัด  พอคิดได้อย่างนั้นน้ำก็พยายามหาทางไปวัดที่ใกล้ที่สุดแถวนี้ทันที ก่อนที่เม็ดฝนจะตกลงมาโปรยปราย


“จะทำยังไงดีนะ วัดแถวนี้ก็ไม่มีเสียด้วย คงได้นอนใต้สะพานลอยอย่างว่าจริงๆแหละ ฝนจ๋าอย่าเพิ่งตกนะ”



     อีกด้านหนึ่ง คนในรถตู้สีดำ ก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พยายามบอกไพบูลย์ขับรถตามหาน้ำ อย่างไม่หยุดหย่อน เพราะเชื่อว่า ยังไงซะ น้ำก็ต้องอยู่ในตัวเมืองสระบุรีแน่แท้


“ไพบูลย์ เดี๋ยวทางแยกข้างหน้าเลี้ยงไปถนนด้านขวานะ เข้าเมืองอีกที”


“ครับนาย”




…นายอย่าเป็นอะไรเลยนะน้ำ ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากให้นายไปไหน ปรากฏตัวทีเถอะ…  เสียงรำพึงในดวงใจของเขตตอนนี้มีแต่น้ำ และน้ำเท่านั้น เค้าต้องเร่งหสตัวให้เจอก่อนที่ฝนจะตก





โอ๊ะโอ  หยุดเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน  อุอิ  ไว้มาลุ้นกันใหม่เสาร์ อาทิตย์หน้าน้า   

น้ำนี่น่าสงสารเนาะ เรื่องชาติกำเนิดก็ใกล้ตัวเข้ามาแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ไหน???   ถูกทิ้งที่สระบุรี แล้วก็ยังหากันไม่พบ คืออะไร

บอกผู้แต่งที ทำไมเขตใจร้ายแบบนี้  เพิ่งมาสำนึกผิดหรอ ไอ้คนเลว  อุย  ผู้แต่งอินไปหน่อย พบกันใหม่ ตอนที่ 11  12  เสาร์

อาทิตย์น้าจ้ะ   รักคนอ่านทุกคน



 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :hao5: :hao5:

หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 10 ✥ หน้า 2 Up. (6/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-09-2015 23:52:40
 :fire: บอกได้คำเดียว ไม่ไหวจริงๆกับคนแบบนี้  ถึงน้พจะเป็นคนดีขนาดไหน ก็อย่าได้ให้อภัยกับคนแบบนี้ง่ายๆน่ะ เขารับไม่ไหวกับพระเอกแบบนี้ ป่วยเกิน
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 10 ✥ หน้า 2 Up. (6/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-09-2015 23:59:15
ทิ้งได้ลงคอ  ต่อไปหมดรักคงปล่อยทิ้งเหมือนกัน     :z6:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 10 ✥ หน้า 2 Up. (6/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 07-09-2015 00:21:03
โอ๊ยน่อพระเอก :m16:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 10 ✥ หน้า 2 Up. (6/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 07-09-2015 00:21:11
เขต ทำไมนายเลวแบบนี้  :z6:เลวได้ใจที่สุดทิ้งน้ำไว้ข้างถะหนน.

สงสารน้ำเหลือเกินลูกไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหน  :hao5: :hao5:

แถมเงินก็มีแค่100 บาท.


หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 10 ✥ หน้า 2 Up. (6/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-09-2015 06:32:05
เขตเป็นพระเอกเหรอคะ?  ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนอายุ 30 ชาติตระกูลสูง ฐานะดี ได้รับการศึกษามาดี เป็นทหารระดับนายพันที่ต้องเป็นหัวหน้าคนอื่น   ดูจากนิสัย + สันดาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกมา EQ ต่ำมากๆ  ไม่เหมาะสมกับโปรไฟล์ที่ควรเป็น    ความคิดเรานะน่าจะเป็นลักษณะนิสัยของเด็กอายุไม่เกิน 20  รวยประเภทเศรษฐีใหม่ ที่พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน หรือ ไม่ได้สั่งสอนมากกว่า   ทุกอย่างที่พูดออกมา เอ่ยออกมาไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย   ถ้าหากว่านี่เป็นเทพนิยาย เขตก็คือพี่เลี้ยงใจร้ายทำนางซินเราดีๆนี่เอง

เรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุคหรือเปล่าคะ เห็นมีใช้คำว่า สยาม  แล้วบทบรรยายสภาพชีวิตในเรื่องเป็นสมัยใหม่หมดเลย

แต่งเรื่องเจ้าเรื่องนายก็เหนื่อยหน่อยนะคะ   เกร็ดเล็กๆน้อยๆเช่นนามสกุลของสายราชสกุลในเรื่องให้ความเป็นสมัยใหม่มากๆค่ะ คือยาว

ลองหาอ่าน เลาะวัง ของคุณ จุลลดา ภักดีภูมินทร์ จะได้เกร็ดความรู้จากในวังและราชสกุลเยอะเลยค่ะ รวมทั้งราชาศัพย์มาใช้ในเรื่องด้วย

เราว่าพระสงฆ์จะเรียกผู้หญิงว่าสีกา  แล้วเรียกผู้ชายว่า ประสก มาจากอุบาสก/อุบาสิกานะคะ     คำว่าโยมนั้นเป็นคำที่เรียก โยมพ่อ โยมแม่  โยมน้า โยมสีกา ในกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกันค่ะ

ท่านชายน่าจะตรัสเรียกหม่อมแม่มากกว่าท่านแม่นะคะ   เวลาที่ผู้ชายเอ่ยรับหม่อมเจ้าจะใช้กระหม่อม แทนคำว่า ขอรับ    ผู้หญิงใช้เพคะ

เริ่มเขียนได้น่าสนใจดีค่ะ   วิจารณ์มานี้เป็นเพื่อให้ฟีดแบ็คคุณเผื่อว่ารับฟังความเห็นจากคนอ่านด้วย
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 10 ✥ หน้า 2 Up. (6/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 09-09-2015 23:54:06
เขตเป็นพระเอกเหรอคะ?  ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนอายุ 30 ชาติตระกูลสูง ฐานะดี ได้รับการศึกษามาดี เป็นทหารระดับนายพันที่ต้องเป็นหัวหน้าคนอื่น   ดูจากนิสัย + สันดาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกมา EQ ต่ำมากๆ  ไม่เหมาะสมกับโปรไฟล์ที่ควรเป็น    ความคิดเรานะน่าจะเป็นลักษณะนิสัยของเด็กอายุไม่เกิน 20  รวยประเภทเศรษฐีใหม่ ที่พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน หรือ ไม่ได้สั่งสอนมากกว่า   ทุกอย่างที่พูดออกมา เอ่ยออกมาไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย   ถ้าหากว่านี่เป็นเทพนิยาย เขตก็คือพี่เลี้ยงใจร้ายทำนางซินเราดีๆนี่เอง

เรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุคหรือเปล่าคะ เห็นมีใช้คำว่า สยาม  แล้วบทบรรยายสภาพชีวิตในเรื่องเป็นสมัยใหม่หมดเลย

แต่งเรื่องเจ้าเรื่องนายก็เหนื่อยหน่อยนะคะ   เกร็ดเล็กๆน้อยๆเช่นนามสกุลของสายราชสกุลในเรื่องให้ความเป็นสมัยใหม่มากๆค่ะ คือยาว

ลองหาอ่าน เลาะวัง ของคุณ จุลลดา ภักดีภูมินทร์ จะได้เกร็ดความรู้จากในวังและราชสกุลเยอะเลยค่ะ รวมทั้งราชาศัพย์มาใช้ในเรื่องด้วย

เราว่าพระสงฆ์จะเรียกผู้หญิงว่าสีกา  แล้วเรียกผู้ชายว่า ประสก มาจากอุบาสก/อุบาสิกานะคะ     คำว่าโยมนั้นเป็นคำที่เรียก โยมพ่อ โยมแม่  โยมน้า โยมสีกา ในกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกันค่ะ

ท่านชายน่าจะตรัสเรียกหม่อมแม่มากกว่าท่านแม่นะคะ   เวลาที่ผู้ชายเอ่ยรับหม่อมเจ้าจะใช้กระหม่อม แทนคำว่า ขอรับ    ผู้หญิงใช้เพคะ

เริ่มเขียนได้น่าสนใจดีค่ะ   วิจารณ์มานี้เป็นเพื่อให้ฟีดแบ็คคุณเผื่อว่ารับฟังความเห็นจากคนอ่านด้วย


ขอบคุณมากมายที่ comment นะจ้ะ  จุดหมายของผู้แต่งเองเน้นไปที่อารมณ์ล้วนๆ จนบางครั้งมองข้ามบางอย่างไป จริงๆแล้วนิยายเรื่องนี้เป็นสถานการณ์เกือบปัจจุบัน  บางทีอาจจะมีการเล่นคำมากไปเลยทำให้เข้าใจผิดคิดว่าย้อนยุค  ส่วนคำศัพท์ต่างๆจะพยายามทำความเข้าใจและแก้ไขให้ดีขึ้นบทต่อไปนะ  รักเหลือเกิน :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ปล.ผู้อ่านทุกท่านอย่าลืมติดตามเสาร์ อาทิตย์นี้ นำเสนอ นิยายตอนที่ 11-12 น้า  ขอบคุณที่อ่านจ้าา :mew3: :mew3: :mew3:

หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 10 ✥ หน้า 2 Up. (6/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 12-09-2015 14:02:43
ตอนที่ 11





                หากเพียงแค่ไม่กี่เสี้ยวอึดใจ ฝนก็ตกลงสู่พื้นดินราวกับไม่ได้ตกมานาน ร่างบางนั่งชันเข่ากอดกระเป๋าเป้และเงินจำนวนเพียง 55 บาท หลังจากที่จ่ายค่าอาหารไปอย่างน่าเวทนาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่แผ่กิ่งก้านสาขามากมาย พอจะคุ้มกันเม็ดฝนได้ ลมพายุพัดต้นไม้ใบหญ้าแรงพอสมควร น้ำเงยหน้ามองต้นไม้น้อยใหญ่รอบๆกายอย่างหวั่นวิตก ใครเจอสภาพเช่นนี้คงไม่ดีแน่ แต่น้ำต้องอยู่เพราะตัวเค้าเองยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะไปที่ไหนต่อ แต่ดูจากทีท่าของสภาพอากาศ พายุลูกนี้คงไม่หยุดง่ายๆแน่


“นั่นใคร!”

             เสียงที่ดังแข่งกับสายฝนนั้นตะโกนมาที่เค้า พร้อมกับแสงจากไฟฉายส่องเข้าที่ดวงตาทั้งสองข้าง น้ำได้แต่หันหน้าหลับตาหนีแสงนั้น

“ไอ้หนุ่ม เอ็งมานั่งทำอะไรที่นี่”


        เสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“คือ…ผมหลงทางครับคุณลุง” ร่างบางตอบไปตามความจริง

“หลงทาง? ไปอยู่อย่างนั้นไม่ดีเอานะ ไปพักบ้านลุงก่อนไหม อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักหรอก”

“ผมคงไม่ไปรบกวนคุณลุงใช่ไหมครับ”

“เฮ้ย จะไปรบกวนได้ยังไง สภาพแบบนี้ ใครเห็นมันก็ต้องช่วยสิวะ ไอ้หลานชาย”

“ขอบคุณครับ” น้ำยิ้มแล้วปริให้คุณลุงคนนั้นพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ

           ไม่นานน้ำก็เดินตามคุณลุงคนนี้มาเรื่อยๆขนถึงบ้านไม้ติดถนนใหญ่หลังหนึ่ง อายุน่าจะมากพอสมควร แต่ที่บ้านลุงดูสวยและเรียบง่าย ถึงแม้ว่าฝนจะตกหนักมากเพียงใด แต่น้ำก็ยังพอสำรวจและบอกสิ่งแวดล้อมได้ดี

“อ่ะ ถึงแล้ว วันนี้แปลกๆ เจอคนเมืองกรุงตั้ง 2 คน คนหนึ่งเป็นทหาร อีกคนก็เป็นเด็ก” คุณลุงบ่นพึมพำ

“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าเช้าแล้วผมจะรีบไป”

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก อยู่บ้านลุงไปก่อน พอคิดได้แล้วว่าจะไปเริ่มตั้งหลักตรงไหน บอกลุง ลุงจะพาไป”

“ลุงใจดีกับผมแบบนี้ ผมจะไม่ลืมบุญคุณเลยครับ”

“อ่ะๆๆๆ ไม่ต้องพูดแล้วๆ ผ้าเช็ดหัวเอ็งอยู่ตรงนั้น ไปเอามาเช็ดซะจะได้ไม่เป็นไข้ ”

“ครับผม”

“อ้าว นั่นพูดถึงก็ออกมาพอดี  ดึกดื่นขนาดนี้จะออกมาทำอะไรท่านนายพันเอก”

              สิ้นสุดประโยคของคุณลุง น้ำถึงกับหูผึ่งตาโต แล้วรีบหันหลังกลับไป ใบหน้าหล่อเรียว แววตาดุจพญาเหยี่ยวที่เค้าคุ้นเคย ยืนมองน้ำอยู่ก่อนหน้านั้นด้วยสีหน้านั่งเฉย แต่แววตานั้นน้ำกลับสัมผัสได้ถึงความอาทร




“คุณเขต!” น้ำเอ่ยเสียงดัง ในขณะที่อีกคนได้แต่ยืนนิ่ง ในตอนนี้ไม่มีแล้วคุณเขตที่กลั่นแกล้งเค้า

“น้ำ!”

           เขตเอ่ยออกจากปากเบาๆแต่น้ำกลับได้ยินดังกึกก้องในใจ  น้ำร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ เพราะเค้าไม่คิดว่าคนที่น่าจะพอไว้ใจได้ จะทิ้งเค้าเอาไว้ที่ชานเมืองสระบุรีแบบนั้นได้ลงคอ


“คุณเขต  คุณทำไมทิ้งผมอ่ะ คุณทำได้ยังไง ฮือๆ” น้ำร้องไห้พร้อมทั้งหลั่งน้ำตาที่มันสุดจะทนออกมา


“แกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะพาแกกลับบ้าน!” เขตพูดเสียงแผ่วเบา ไม่มีแม้แต่ท่าทีที่ทะนงศักดิ์ ใจร้อน และรุนแรงแม้แต่
น้อย


“นี่คือเด็กที่คุณตามหาอยู่หรอครับ ท่านนายพัน” คุณลุงถามเขตอย่างงงๆ

           เขตพยักหน้าให้ลุงช้าๆ พร้อมกับถอนหายใจออกทางปากหนึ่งครั้ง เค้าพยายามไม่มองใบหน้าของร่างบางตรงหน้านี้ เพราะเป็นภาพที่เค้าสะเทือนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“เฮ้อ…ใช่ครับ เค้าก็แค่คนใช้ของบ้านผม พอดีระหว่างทางเราพลัดจากกัน แต่ได้คุณลุงช่วยไว้ก็ดีแล้วครับ”

“อ้อ อย่างนั้นหรอครับ ว่าแต่หนุ่มน้อยคนนั้นเถอะ ร้องไห้ไม่หยุดเลย นายพันไปดูน้องเค้าหน่อยนะ ถึงจะเป็นบ่าวแต่หน้าที่เจ้า
นายก็สำคัญ”


   คุณลุงพูดจบแล้วเดินถือไฟฉายเมื่อครู่ขึ้นไปบนบ้านเพื่อพักผ่อนร่างกายเสียบ้าง   เขตกับน้ำตอนนี้ยืนอยู่ห่างกัน 5 เมตรแต่ต่างกันคนละความรู้สึก  เขตเก็บอารมณ์และความรู้สึกเก่ง เค้าหนักแน่นพอ แต่อีกฝ่ายกลับตรงกันข้าม น้ำตาที่ไหลไม่หยุดหย่อน
นั้น มันกำลังจะทำให้เขตหวั่นใจ


“เข้านอนซะสิ ” เขตบอกน้ำ เพื่อทำลายความเงียบที่มีเพียงสายฝนดังกึกก้องอยู่ด้านนอก



             น้ำเอามือเล็กๆสองข้างยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มสองข้าง แล้วเดินกอดกระเป๋าเป้ผ่านเขตไป แต่เขตเอามือใหญ่ด้านซ้ายเพียงด้านเดียวจับที่ต้นแขนซ้ายของน้ำ

“เดี๋ยว!” เขตพูดขึ้น

“…” น้ำยังโกรธเขตไม่หาย ได้แต่ยืนหยุดตามคำสั่งและแรงฝ่ามือที่รั้งเค้าเอาไว้

“เรื่องวันนี้ ฉัน…”

              เขตเว้นช่วงของคำไป แต่หารู้ไม่ว่าน้ำตั้งใจรอฟังคำคำนั้นอย่างมาก แต่กลับกลายเป็นเพียงแค่สูญเปล่า เพราะเขตไม่
เคย ขอโทษ ใคร ตั้งแต่น้ำมาพักอยู่ที่บ้าน ธำรงอาภรณ์นิช

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าคำคำนั้นจะยากเย็น ขนาดนั้น ผมไม่จำเป็นต้องได้ยินมันหรอก ขอตัวนะครับ”

          น้ำใช้ความกล้าเฮือกสุดท้ายของวันนี้ และความอดทนมากพอที่จะไม่ให้โกรธเขต ที่เป็นเจ้านายตัวเองให้เกินเลย น้ำพูด
จบเพียงเท่านั้น เขตถึงกลับฝ่ามือไม่มีเรี่ยวแรงซะอย่างนั้น ต้นแขนซ้ายของน้ำเป็นอิสระ แล้วเดินเข้าห้องนอนไปอย่างสุขุม

“น้ำ  เดี๋ยว ฟังฉันก่อน!” เขตหวนกลับเดินตามน้ำมา แต่น้ำปิดประตูล็อกไปแล้ว

“คุณเขต ไปพักเถอะครับ ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ผมจะรีบตื่นไปหาอะไรให้ทานนะครับ”

“ไม่ต้องทำอะไรให้ฉันทั้งนั้น  น้ำฟังนะ ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉัน….เอ่อ ฉัน…”

“ผมจะนอนแล้วครับคุณเขต คุณเขตกำลังรบกวนผมอยู่นะครับ”

            ด้วยความที่ยังโกระไม่หาย เลยทำให้น้ำกล้าพูดสิ่งที่อยากจะพูดมากขึ้น แม้แต่เขตเองยังตกใจที่น้ำเปลี่ยนไปมาก
ขนาดนี้


“นี่นาย เดี๋ยวกล้าพูดแบบนี้กับฉันแล้วหรอ” เขตขึ้นเสียงไปอย่างนั้น หวังจะดูปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา และก็ผิดคลาดน้ำกลับพูด
สวนกลับมาได้อย่างคมกริบ

“แล้วทีพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ทำไมถึงยังกล้าทิ้งคนรับใช้ตัวเองได้ลงคอครับ”

“…” เขตไม่มีอะไรจะพูด ร่างหนาเอาหน้าผากพิงมือที่ประตูห้องของน้ำ อย่างสำนึกผิด

“คุณเขต ไปพักเถอะครับ ” เสียงน้ำตะโกนลอดออกจากช่องประตูออกมา

“แก โกรธฉันอยู่ใช่มั้ยน้ำ?” เขตเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่มันดังพอที่คนอีกฝั่งของประตูจะได้ยิน

“…”



           ร่างเล็กไม่ตอบกลับมาแต่อย่างใด เพราะต้องการให้เขตกลับเข้าห้องไปพักผ่อน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเหมือนฝันไปจริงๆ ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง น้ำรู้สึกว่าเหมือนอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางสถานที่ๆที่เค้าไม่เคยรู้จักและไม่เคยมา น้ำอ่อนต่อโลกมาก ด้วยความที่ไม่เคยออกไปไหนเลย ตลอดชีวิตที่อยู่กับ ชื่น และเวท นอกจากไปโรงเรียนกับไปเที่ยวใกล้ๆกับครอบครัวแล้ว นอกนั้นแทบไม่ได้ไปไหน
         แต่พอหลังจากนั้นเค้ากลับถูกพบเจอด้วยคุณลุงเจ้าของบ้านคนนี้ ก็ถูกพามาพักที่บ้าน แต่เหมือนฟ้าดินแกล้งและเล่นตลก น้ำกลับพบเขตที่บ้านหลังนี้เช่นกัน คำถามคือ ทำไม?....







เช้าวันใหม่

       ชายวัยกลางคนกำลังแต่งตัวเพื่อเข้าพบหม่อมรุ้งพราว แห่งวังฉัตรอรุณ  ในความคิดของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยตอนนี้ มีคำถามอยู่มากมาย เรื่องที่ถูกเชิญไปพบครั้งนี้อาจไม่มีเพียงเพราะอยากพบหน้า พบปะ ตามประสาคนที่ห่างเหินกันไปนาน แต่เค้ากำลังคิดว่าน่าจะมีเรื่องอื่นๆอยู่อีกเป็นแน่ 


ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจาก สงกรานต์ ก่อนหน้านี้ถูกใช้ให้ไปเตรียมของฝากและเตรียมรถ


“เข้ามา!”


“คุณชายครับ รถจอดที่หน้าบันไดหน้าบ้านแล้วครับ”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย”

“ครับคุณชาย”

“อ้อ เดี๋ยว!”

“ครับ!” สงกรานต์หันกลับมาที่ภัครพิชัยท่าทีตื่นตระหนกนิดหน่อย

“เจ้าเขต กับไพบูลย์กลับมากันหรือยัง”

“ยังเลยครับคุณชาย  แต่ผมคิดว่าน่าจะกลับเร็วๆนี้แหละครับ ”

“อย่างนั้นหรอ เค้าบอกนายอย่างนั้นหรือไง สงกรานต์”

“เอ่อ คือ…ปะ เปล่าครับคุณชาย ผมแค่เดาเอาครับ”

“แกนี่ก็เดาไปเรื่อย โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็คงกลับมา ไม่แน่เขตอาจจะอยากอยู่รอรับน้ำกลับมาด้วยก็ได้นะ เห็นเป็นห่วงกันดี
ออก”


“ครับ!”


            สงกรานต์ ได้แต่ตอบสิ่งที่พอตอบได้ เพราะเค้าไม่อยากพูดอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ด้วยความที่เขตเป็นเจ้านายของเค้าโดยตรง เรื่องของเจ้านายหากไม่ได้รับคำสั่งเค้าจะไม่พูด


           รถเก๋งคันสีขาว ถูกขับผ่านถนนสายหลัก มุ่งหน้าสู่สถานที่ตั้งของวังฉัตรอรุณ ที่ตรงนั้นห่างไกลผู้คนพอสมควรเมื่ออดีต แต่ปัจจุบันอะไรๆก็เปลี่ยนไป แถวนี้มีคอนโดมากมาย ตึกแถวบ้านช่องผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ดช่วงฤดูฝน จากถนนเส้นเล็กๆก็เปลี่ยนเป็นถนนหลายเลน ใหญ่กว่าเดิมมาก รถราก็มากขึ้นทุกวันๆ แต่พื้นที่ของวังฉัตรอรุณ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ภายในวังนั้นร่มรื่น น่าอยู่มาก จากแต่ก่อนต้นไม้ต้นพอเหมาะ หรือต้นเล็กๆ ตอนนี้ก็ใหญ่เทียบเท่าตึก  3 4 ชั้น

             คิดไปเพลินๆ รถก็ถูกจอดอยู่ตรงป้อมยามหน้าประตูวัง เอกลักษณ์ของ ฉ ฉิ่ง ที่ติดอยู่ตรงหน้าประตูทำเอาภัครพิชัย เอ๊ะใจขึ้นมานิดหน่อย

“สงกรานต์ นายว่าตัว ฉ ฉิ่งแบบนั้น คุ้นๆที่ไหนไหม”

“ใช่ครับคุ้นมากครับคุณชาย แต่ผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกัน”

“อืม คุ้นตาเหลือเกิน แต่เสียดายนะ ที่ฉันเองก็จำไม่ได้”

“ครับคุณชาย”

            ทุกอย่างหยุดคิดไปชั่วขณะ หลังจากที่มียาม  3 4 คนเดินเข้ามาหาที่ประตูด้านคนขับ ด้วยสีหน้าที่เป็นมิตรและยิ้ม
ทักทายสงกรานต์

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า มาพบใครครับ”

“พวกเรามาตามคำเชิญของหม่อมรุ้งพราว ครับ ”

“อ่อครับ รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวขอเรียนหม่อมรุ้งพราวก่อน”

“ไม่มีปัญหาครับ” สงกรานต์ตอบแบบเป็นกันเอง



            ผ่านไปได้ไม่นาน ยามคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับเปิดประตูวังรอ


“เข้าได้ครับ ตรงเข้าไปด้านใน พอถึงวงเวียนให้ขับตามวงเวียนแล้วเลี้ยวไปทางขวานะครับ”

“อ่อครับ”

“พอขับไปสักพัก จะพบเรือนไม้ประยุกต์ใหญ่ๆด้านซ้ายมือ ตรงนั้นแหละครับ”

“ครับผม ขอบคุณมากครับ” สงกรานต์ตอบยามคนนั้นกลับไป












            ที่โต๊ะอาหารอาหาร เสี่ยสิงห์กำลังทานข้าวเช้ากับลูกสาว โดยมีแม่บ้านยืนคอยตักข้าว รินน้ำให้ วันนี้ดูเสี่ยสิงห์จะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แอรินสังเกตเห็นได้ เพาะพ่อของเธอเดาท่าทีได้ไม่ยาก

“คุณพ่อคะ เป็นอะไรไปคะ วันนี้ไม่ค่อยสดใส”

“เปล่า!”

“เปล่า แต่ทำสีหน้าเคร่งเครียด ไม่คุยกับรินเลยซักคำตั้งแต่เช้า”

“บอกไม่มีก็ไม่มีสิ แอริน จะถามเซ้าซี้ พ่อทำไมกัน”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นรินไม่ถามแล้วนะคะ”

            แอรินพูดเสร็จก็วางช้อนซ้อมลง พร้อมกับเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำดื่มทันที

“นี่ลูกจะไปไหน”

“ก็อิ่มแล้วไงคะ รินจะไปข้างนอก ไปเปิดหูเปิดตา อ้อ รินจะกลับมาตอนเย็นๆนะคะ”

“เดี๋ยว! แกจะออกไปซื้อของ ไปช็อปปิ้งอีกแล้วหรอ ทุกวันนี้แกใช้เงินเป็นว่าเล่นนะแอริน”

“อะไรกันคะคุณพ่อ ทุกทีไม่เคยมาว่ารินแบบนี้เลย รินก็ใช้เงิน วันละ 2 หมื่น ทุกวันอยู่แล้วนี่คะ”

“ก็ใช้นะสิ ตั้งแต่แกกลับมา เงินที่แกใช้ไป มันจะถึง 5 ล้านบาทแล้วนะ หัดประหยัดช่วยพ่อหน่อยสิ”

“ประหยัด?  คุณพ่อคะ แค่กำไรจากทางโรงแรมไอยราของคุณพ่อ ก็มีกินมีใช้มาหมดชาตินี้แล้วละค่ะ พูดอย่างกับบ้านเรากำลัง
ขัดสน ”

“ใช่ตอนนี้ บ้านเรากำลังขัดสน แกนึกได้ก็ดีแล้วแอริน ”


“ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น รินนัดเพื่อนไว้มาก ยังไงวันนี้รินก็ต้องไปค่ะ”

“แอริน! แกนี่มันหัวรั้นจริงๆ ”

“ไปแล้วนะคะคุณพ่อ สวัสดีค่ะ”

“เดี๋ยว! แอริน”

“อะไรอีกคะ”

“แกอย่าเพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตแบบนี้มาก จนลืมเรื่องความสัมพันธ์ของแกกับคุณเขตไปนะ ถ้าแกอยากจะสบายไปทั้งชาติ เชื่อ
พ่อ แกต้องทำให้คุณเขตแต่งงานกับแกให้ได้”

“ค่ะ ก็รินพยายามอยู่นี่ไงคะ  พี่เขตไม่ได้รับสายรินตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว จะให้รินทำยังไงคะ”

“ก็แวะไปที่บ้านเค้าเลยลูก”

“ก็คุณพ่อสอนรินเองนะคะว่า หากเจ้าของบ้านไม่ชวนหรือไม่ได้เชิญ ก็ไม่ควรไปยุ่งวุ่นวายบ้านเค้า”

“แอริน อย่าย้อนพ่อนะ ตอนนี้แกก็อายุมากขึ้นๆแล้ว ถ้าแกไม่รีบ มีหวังอีกฝั่งเค้าถูกหมาแมวที่อื่นคาบไปกิน แล้วสมบัติเงินทองที่
แกจะได้ใช้ไปตลอดชีวิต ก็จะไม่มีอีกแล้ว ”

“ก็ได้ค่ะ วันนี้รินจะแวะไปที่บ้านพี่เขต ให้คุณพ่อก็แล้วกัน แต่รินขอไปช็อปปิ้งก่อนนะคะ”

“ไม่ไหวเลยแกนี่”

       แอรินไม่ฟังดุษฎีผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย เธอหันหลังแล้วเดินออกไปที่รถยนต์ส่วนตัวของเธอ เสี่ยสิงห์เพิ่งจะซื้อให้ลูกสาวไม่กี่
วันนี้เอง ลุกสาวคนเดียวเอาใจยาก ขัดใจได้ซะที่ไหน นึกไปนึกมา เค้าก็ต้องโทษตัวเองอยู่เหมือนกันที่สอนลูกให้เป็นคนแบบนี้
ไปตั้งแต่ยังเล็ก พอโตมาก็แก้ไม่ขาดแล้วแล้ว






    ที่โต๊ะรับแขกสุดหรูหราของเรือนหม่อมรุ้งพราว ที่นี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย เรือนที่ใหญ่และทำด้วยไม้ที่หายากมากในปัจจุบัน และมีบางส่วนที่ถูกประยุกต์สร้างจากปูนด้วย เพราะห้วงเวลามันได้เปลี่ยนแปลงอะไรๆไปพอสมควรแต่ก็ไม่มากจนเกินไป ภัครพิชัยนั่งอยู่โซฟา หันไปมองรอบเรือนและห้องรับแขกนี้ นึกย้อนเปรียบเทียบกันเมื่อ 20 ปี ที่แล้ว

“ยินดีที่คุณชายภัครพิชัยมาตามคำเชิญ”

          ร่างของหญิงวัยกลางคนใส่ชุดลูกไม้สีฟ้าครามเดินออกมาทักทายภัครพิชัย

“สวัสดีครับหม่อมรุ้งพราว ไม่ได้เจอหม่อมเสียนาน ยังงดงามเช่นเคย”

“คุณชายก็ชมจนเกินไป ผ่านไป 20 ปี ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างจริงไหม”

“ครับผม”

“ที่เรียกมานี้ ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะสอบถามให้กระจ่างแจ้ง หวังว่าคุณชายจะให้ความร่วมมือนะคะ”

“ครับผม มีอะไรที่ผมจะช่วยได้ขอเพียงหม่อม ถามผม ผมจะตอบให้หมดครับ”

“หลายวันก่อนฉันฝันเห็น หม่อมพิมล เธอได้สิ้นใจไปนานแล้ว จู่ๆก็มาเข้าฝัน”

“หม่อมพิมล ชายาคนที่ 3 หรือครับ”

“ใช่แล้ว เธอเข้าฝันฉันแล้วบอกว่า ให้ไปรับหม่อมเจ้า โอรสของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณกลับมาอยู่วัง มันเป็นความฝันที่เหมือนจริง
มาก จนวันนี้คำพูดของหม่อมพิมลยังก้องอยู่ในหัวของฉันไม่จางหาย ฉันไม่สบายใจเท่าไหร่ เลยชวนท่านชายดล ลูกชายของฉัน
ไปที่วัดด้วย ”

“อ้อ อย่างนั้นหรือครับ เป็นฝันที่แปลกมากจริงๆ เท่าที่จำได้ เมื่อ 20 ปีก่อน หม่อมบุหลันได้ให้คนจำนวนมาก ป่าวประกาศไปว่า 
โอรสสิ้นชีพิตักษัยตั้งแต่แรกคลอด ข่าวนี้ดังไกลไปถึงบ้านผมเช่นกัน”

“เพราะเหตุนี้ ฉันถึงต้องได้ไปหาหลวงพ่อ ผู้ทำสร้อยสัญลักษณ์โอรสธิดาของพระองค์เจ้า ถามไถไปมา หลวงพ่อเองก็บอกว่า
น่าตกใจที่ก่อนหน้านั้นไปอีก มีคนที่มีสร้อยแบบนั้นอยู่”

“จริงหรอครับ แสดงว่าที่หม่อมรุ้งพราวให้กระผมมาวันนี้เพื่อช่วยสืบหา คนคนนั้นสินะครับ”

“เปล่าเลยคุณชายภัครพิชัย คนที่มีสร้อยแบบนั้นหลวงพ่อจำได้ดี แล้วบอกว่า เธอคือลูกชายบุญธรรมของคุณชายนั่นแหละ”

“อะไรนะครับ น้ำนะหรอครับจะมีสร้อยแบบนั้นอยู่”

“แล้วคุณชาย จำสร้อยที่ลูกบุญธรรมคนนั้นเอาออกมาให้หวงพ่อดูหรือเปล่าล่ะ”

“จำได้ครับ ผมจำได้แม่น”

“แบบนี้ใช่ไหม!”

            หม่อมรุ้งพราวไม่รีรอ เธอยกสร้อยของหม่อมเจ้าชยาดล ที่เธอขอเอาไว้ให้คุณชายได้ดูนั้นต่อหน้าต่อตา   ภัครพิชัยมอง
สร้อยคอเส้นนั้นที่มือของหม่อมรุ้งพราวอย่างตกใจและไม่น่าเชื่อ มันไม่ใช่แค่คล้ายแต่มันเหมือนเลยต่างหาก เหมือนกันไม่มีผิด

“แต่ หม่อมครับ สร้อยนี้ลูกชายบุญธรรมกระผมมีไว้ติดตัวจริง แต่เค้าเป็นเพียงลูกของชาวบ้านทั่วไป ชีวิตรันทดขัดสนเงินทอง
ผมเลยไปรับเค้ามาเลี้ยง”

“อย่างนั้นหรือ แล้วคุณชายเอง จำชื่อพ่อแม่ของเด็กคนนั้นได้หรือเปล่าล่ะ”

“จำได้ครับ เธอชื่อ ชื่น และอีกคนชื่อ เวท ครับหม่อมรุ้งพราว”

“ไม่ผิดตัวแน่  อะไรจะไปบังเอิญแบบนั้น ในโลกใบนี้ผู้คนอาจจะมีมากมาย แต่ใครน้อยมากที่จะมีคนสองคน ที่ชื่อตรงกับที่ฉันเอง
ก็คิดไว้ไม่มีผิด ”

“หม่อมรุ้งพราว พูดแบบนี้ ผมเองยิ่งไม่เข้าใจ ช่วยแนะนำหรือเล่าให้กระผมฟังได้หรือไม่ครับ”

“ชื่นนะหรอ เป็นสาวใช้ของพระองค์เจ้าอำภรณ์  หรือที่ใครๆทราบกันดีอีกชื่อคือ พระองค์เจ้าสำเภางาม แต่ต่อมาพระองค์เจ้าฉัตร
อรุณ ได้แยกมาอยู่และสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ พระอัยยิกาสำเภางามเลยส่งชื่นมาอยู่ที่นี่ อยู่ได้ไม่นาน เธอก็มีความรักกับคนสวน
ของวังใหม่แห่งนี้ และสร้างครอบครัวกัน เห็นว่ากันว่า เธอมีลูกชายสองคน แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน พระองค์เจ้าก็มีชายาคนที่
3 ก็คือหม่อมพิมล และชื่นถูกส่งตัวไปที่เรือนยุโรปถัดจากเรือนของฉันไปอีก ”

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากน้ำเป็นราชนิกุล จริงแล้ว ผมต้องขออภัยหม่อมรุ้งพราวด้วย”

“ไม่เลยคุณชาย เพราะคุณชายต่างหากที่ทำให้ฉันได้รู้เรื่องราวนี้ ยิ่งได้คุยกับคุณชายแล้ว ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าฝันครั้งนั้นคือลาง
สังหรณ์ว่าคือความจริง”

“ถ้าหากเป็นความจริง แล้วกระผมจะทำอย่างไรดีครับ”

“ไม่ต้องคิดมาก ถ้าหากเป็นเรื่องจริง ฉันและหม่อมเจ้าชยาดลจะไปรับ โอรสองค์นี้ด้วยตัวเอง  ส่วนหม่อมบุหลัน เธอร้ายมาก ปั้น
เรื่องให้คนในสมัยนั้นเข้าใจผิดคิดว่าหม่อมพิมล นั้นได้ประสูติโอรสที่ชิ้นชีพิตักษัยตั้งแต่ในครรภ์”

“หม่อมบุหลัน ยังสบายดีอยู่หรือไม่ครับ”

“เธอสบายดี แข็งแรงยิ่งกว่าฉันอีก แต่ไหนๆก็ได้มาแล้ว ถ้าหากจะแวะไปหาเธอที่เรือนใหญ่หน้าวงเวียนวังก็ได้นะ คุณชาย”

“ครับหม่อมรุ้งพราว ถ้าได้ความคืบหน้าอย่างไร ผมจะมาแจ้งให้ทราบด้วยตัวเองนะครับ”

“ขอบใจมากนะคุณชาย ฉันไม่รบกวนคุณชายแล้ว”

“ผมเต็มใจครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ผมจะต้องเร่งรู้ให้ได้ ผมลาหม่อมรุ้งพราวนะครับ ”

       ภัครพิชัยเดินลาหม่อมรุ้งพราวแล้วรีบเดินลงจากเรือนมาขึ้นรถ สีหน้าครุ่นคิดหากเรื่องนี้เป็นความจริงก็ดีสินะ เค้าเองไม่คิด
ว่าเด็กหนุ่มร่างบางคนนี้จะได้เป็นถึงหม่อมเจ้า แห่งวังฉัตรอรุณ เรื่องนี้เค้าต้องเร่งให้รู้ให้ได้





มาต่อแล้วน้า  ลุ้นๆๆๆๆ  น้ำจะได้รู้รึยังนะ  หลายคนอาจจะอยากเห็นบทบาทของ หม่อมบุหลันที่ได้กล่าวไปข้างต้น  แต่แนะนำยังไม่ต้องรีบร้อนอยากเห็นเลย เพราะเธอร้ายมาก  :fire: :fire:  ผู้แต่งหนักใจ ฮ่าๆๆๆๆ   ติชมได้นะจะนำไปปรับปรุงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้


 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 11 ✥ หน้า 2 Up. (12/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-09-2015 14:37:45
หวังว่าคุณชายภัครพิชัยจะสืบได้เรื่องเร็วๆ นะคะ น้ำจะได้ไม่ถูกคุณเขตแกล้ง

และอยากเห็นหน้าคุณเขตจริงๆ ตอนรู้ว่าน้ำเป็นถึงหม่อมเจ้านี่ จะทำหน้ายังไงคงตลกพิลึกล่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 11 ✥ หน้า 2 Up. (12/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-09-2015 15:05:28
เอาแล้วๆ ใกล้แล้วน้ำ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 11 ✥ หน้า 2 Up. (12/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 12-09-2015 15:37:22
ทำไมเจอน้ำง่ายๆจัง


หน้าจะให้เขตหาน้ำนานนนนนนนเท่าที่จะนานได้ค่อยเจอได้แบบนี้มันเร็วเกินไปไหม ?


ถ้าน้ำเป็นเจ้าชายจริงๆเขตจะหน้ายังไงอยากรู้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 11 ✥ หน้า 2 Up. (12/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-09-2015 16:00:12
ว้าว รู้เรื่องแล้ว
ตาเขตต้องโดนจัดหนัก
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 11 ✥ หน้า 2 Up. (12/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 12-09-2015 16:05:58
เอาล่ะสิ :katai1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 11 ✥ หน้า 2 Up. (12/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 13-09-2015 05:47:08
ตอนที่ 12





           เขต ตื่นแต่เช้าออกมารับอากาศบริสุทธิ์ เมื่อคืนมืดมิดไปหน่อย ทำให้ไม่รู้ว่าบ้านของคุณลุงที่เค้าขอพักอาศัยนั้นเป็นบ้านไม้ที่ค่อนข้างใหญ่และด้านข้างถูกรายล้อมไปด้วยสวนผลไม้ที่ลุงปลูกไว้กินเอง น้ำตื่นตามมาทีหลัง ออกมารับอากาศรับลมเย็นๆเหมือนกัน แต่ร่างบางไม่คิดว่าเค้าจะตื่นทีหลังเจ้านายในวันนี้


“แกตื่นเช้าแบบนี้ มิน่าล่ะถึงได้จิตใจปลอดโปร่ง”


       เขตพูดขึ้นลอยๆ แต่ต้องการให้น้ำได้ยิน น้ำเห็นหน้าเขตแล้วก็ไม่อยากจะอยู่ต่อเท่าไหร่ เค้าหันหลังพร้อมจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน


“จะไปไหน!”เขตหันกลับมามองแผ่นหลังของร่างบางที่กำลังจะหนีเค้า ด้วยเสียงตะหวาด

“ผมจะเข้าไปห้องครัวครับ” น้ำตอบเขตอย่างหวั่นๆ เพราะไม่ดีเลย ถ้าหากทำให้เจ้านายโกรธ เพราะน้ำรู้ดีที่สุดแล้วว่าเขตจะเป็น
อย่างไร

“ฮึ จะเข้าไปห้องครัวทำไมกัน”

“ผมตั้งใจว่าจะทำอาหารมื้อนี้เพื่อขอบคูณคุณลุงที่ได้ช่วยชีวิต เด็กที่น่าสงสารคนนึงพลัดหลงทางกลางดึก”

“นี่! แกต่อว่าฉัน!”

“ผมเปล่า  ผมเพียงพูดตามความจริง ผมหลงทางก็ถูกแล้วหนิครับ หรือว่าจะให้ผมคิดเป็นอย่างอื่น อย่างเช่น… ถูกทิ้งเอาไว้”

“จะมากไปแล้วนะ!”

   เขตเดินพรวดเข้าไปหาน้ำ แต่ร่างบางกลับยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด และหากมองเข้าไปในดวงตาของน้ำเองแล้วนั้น ก็จะต้องพบว่าดวงตาใสสว่างของน้ำนั้น กำลังมีน้ำตาไหลรินออกมา

“คิดว่าน้ำตาแกจะช่วยอะไรอย่างนั้นหรอ”

“ฮึก ฮือ… น้ำตา นี้ ผะ…ผม ไม่ได้ ต้องการให้มันช่วย แต่ มะ…มันออกมาจากตรงนี้ ความรู้สึก ฮึก ฮือ…ที่มันทรมานมามากเกินพอ…”

       น้ำบอกเขตไปพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลริน  ร่างหนาหยุดความคิดที่จะเล่นงานน้ำทันที เพียงเพราะเห็นน้ำตาของน้ำ เค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นคนใจโหดเหี้ยมที่ทำให้น้ำร้องไห้  และนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่น้ำร้องไห้ต่อหน้าเค้าแบบหนักเอาการ


“เอาผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำตาซะ”


          ทหารหนุ่มสูงศักดิ์ พยายามหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินราคาแพงนั้นยื่นให้น้ำ ทั้งๆที่ตัวเค้าเองกลับหันหน้าเบี่ยงไปทางอื่นไม่มองแม้แต่หน้าร่างบางที่พยายามเอามือปาดน้ำตา

“ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”

“อย่าเล่นตัวให้มันมากนักนะ แกมันแค่คนรับใช้ของฉัน จำใส่สมองแกเอาไว้บ้าง เอาผ้าผืนนี้ไปซับน้ำตาซะ ฉันไม่ต้องการเห็น
น้ำตาคนอ่อนแอแบบแก”


          ทุกคำที่เขตพูด มันกลับตรงกันข้ามกับในใจเค้า แต่เค้ายังไม่รู้ตัวเท่านั้นว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับน้ำกันแน่
เขตยืนรอให้น้ำรับเอาผ้าอยู่นานแต่ร่างบางกลับไม่รับผ้าผืนนั้นเสียที แต่กลับเอามือสองข้างเล็กๆคู่นั้นปาดน้ำตาอยู่ร่ำไป จนร่างหนาเริ่มหมดความอดทนอีกครั้ง

“แกจะไม่เอาใช่ไหม!  ได้”

      สิ้นสุดแค่นั้น เขตเอาผืนผืนนั้นจับม้วนเป็นทรงกลมแล้วปามันลงพื้นทันที แล้วเจ้าตัวก็เดินหลบไปอีกทาง  น้ำพยายามห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ร้องโดยที่ไม่สนใจการกระทำของเขตเลยแม้แต่น้อย

“น้ำ ร้องไห้ทำไม”

          เสียงที่พอจะคุ้นหูนั้นเรียกชื่อน้ำ ทำให้เค้ารู้สึกตัวอีกครั้ง ไพบูลย์คนสนิทของคุณชายภัครพิชัยถามน้ำด้วยความแปลกใจ

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ไพบูลย์ สงสัยฝุ่นจะเข้าตานะครับ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”

“คุณเขตใช่ไหม ที่ทำให้น้ำเป็นแบบนี้”

     ไพบูลย์ถามน้ำด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างรู้ทัน แต่น้ำกลับไม่ตอบแต่อย่างใด ปล่อยให้ไพบูลย์สรุปเอาเอง

“ไปอาบน้ำ เตรียมข้าวของเถอะนะ ถึงยังไงวันนี้ฉันก็จะพานายกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ให้ได้”

“ขอบคุณพี่ไพบูลย์มากนะครับ”

“อืมไม่เป็นไร แล้วนี่คุณเขตอยู่ที่ไหนล่ะ”

“เห็นเดินไปทางด้านโน้นครับ แต่ผมก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ พี่ลองเดินไปดูเองนะครับ”

“อืม อย่าร้องไห้ ไม่น่ารักแล้วรู้ไหม ไปอาบน้ำเถอะนะ พี่จะรอ”

“ครับผม”

           น้ำเดินเข้าบ้านไป ไพบูลย์ก้มลงมองผ้าผืนสีน้ำเงินนั้นอย่างคุ้นๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปตามทางที่น้ำ
บอกเมื่อครู่ เดินไปได้ไม่นานไพบูลย์ก็เดินมาถึงเจ้านายร่างสูงยืนหันหลังให้เค้าอยู่



“คุณเขตครับ! ผมมาตามคุณเขตไปเตรียมของครับ ”

“จะไปแล้วหรอ”

“ครับผม เดี๋ยวออกรถช้ากว่านี้ เกรงว่าจะกลับถึงบ้านดึกนะครับ”

“อืม เข้าใจแล้ว  เอ๊ะแล้วนั่นแกไปเอามาได้ยังไง”เขตสะดุดตากับผ้าผืนนั้น

“ผมเห็นมันตกอยู่ที่พื้น เลยเก็บมาครับ คิดว่าเป็นของคุณเขต”

“ทิ้งมันไปซะ ในเมื่อมันไม่อยากจะรับไว้ ผ้าผืนนี้ก็ไม่มีคุณค่าขึ้นมาหรอก ไพบูลย์ นายไปเตรียมรถแล้วก็ไปตามหาคุณลุงคนนั้น
เถอะนะ คิดว่าน่าจะอยู่สวน”


“ครับคุณเขต!”







ที่มหาวิทยาลัย อาคารเรียนรวม

“น้ำ ฉันมีเรื่องจะเม้าส์ ”  เพื่อนสาวนามว่า เฌอตาที่หายหน้าหายตาไปนาน เดินเข้ามาสะกิดแขนฟ้ามอญ หลังจากที่เพิ่งเรียนคาบเช้าเสร็จ  เธอตั้งใจมารอฟ้ามอญที่หน้าห้องเรียนเลยทีเดียว


“อ้าว เฌอตา  มาได้ไง”  ฟ้ามอญแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนสาวปรากฏตัวที่นี่

“มาทางนี้ก่อนเร็วๆ” ดูท่าทางของเพื่อนสาวน่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา ฟ้ามอญเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย

      เฌอตาพาน้ำมาที่ๆลับตาคน เธอมองซ้ายแลขวาไม่มีคนค่อยหันหน้ามาพูด

“จะบอกให้นะ ฉันแอบไปได้ยินมาว่า ไอ้คุณต่อเพื่อนรักสลับจูบของแกอ่ะ เค้าเป็นใครมาจากไหน แล้วแกจะต้องไม่เชื่อ!”

“ต่อหรอ ทำไม” ฟ้ามอญยิ่งอยากรู้ไปกันใหญ่

“เรื่องแรกนะแก ไอ้คุณต่อนั่นอ่ะ เค้ามีชาติกำเนิดเป็นหม่อมหลวงนะ รู้ยัง”

“หม่อมหลวง?  ทำไมเรื่องนี้ฉันไม่รู้ล่ะ”

“เดี๋ยวก่อนฟังให้จบ เรื่องที่สอง ฉันจำชื่อมันแม่นมาก มันชื่อ อังกอ วันก่อนฉันไปซ้อมสแตนของคณะมา ได้ยินมันพูดประกาศอยู่
ปาวๆว่ากำลังคบกับหม่อมหลวงภูวนนท์อยู่ ไปวิ่งด้วยกันทุกเย็นๆ หมั่นไส้”

“อังกอ?  อ้อ รู้แล้วว่าใคร ไอ้คนตอแหล ที่ทำท่าจะตายวันนั้นนั่นเอง เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้คุณต่อ อยู่ด้วยแล้ว
ละก็ ต่อยหน้าหงายไปรอบแล้ว”

“เดี๋ยวๆๆ  นี่แกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้เลยหรอ”

“นิดหน่อย ขอบใจนะเฌอตาที่มาบอก ฉันจะไปกินข้าวแล้ว ตอนบ่ายไม่มีเรียนกะว่าจะกลับไปหอ แกว่างป่ะล่ะ ถ้าว่างก็จะได้กลับ
ไปพร้อมๆกันเลย”

“ฉันหรอ ว่างอีกทีก็เย็นแล้วอ่ะ ไม่ได้กลับพร้อมแกหรอกนะ ฟ้า  เอาเป็นว่าแยกย้ายกันตรงนี้แล้วกัน แกจะกลับหอใช่ป่ะ ฉันจะ
เดินไปอีกทาง ฉันมีเรียนอีกตึกนึง น่าเบื่อชะมัด”

“ตั้งใจเรียน อย่าบ่น แล้วเดี่ยวว่างๆเราไปหาไรกิน อร่อยๆแถวๆข้างมอกัน”

“โอเค แกพูดแล้วนะ ห้ามเบี้ยวด้วย”

“ไม่เบี้ยวหรอกน่า ไปเถอะไป”



    ฟ้ามอญยืนมองส่งเพื่อนสาวแสนห้าวที่วิ่งออกจากตรงนี้ไปแบบไม่คิดชีวิต กลัวว่าจะไม่ทันเข้าเรียนภาคบ่าย  ฟ้ามอญครุ่นคิดคำพูดของเพื่อนเมื่อครู่ แล้วก็คิดไปคิดมาไม่เห็นจะเดือดร้อนเลย เค้าจะคบใครยังไงก็เรื่องของเค้าไม่เห็นจะเกี่ยวตัวเค้าเองตรงไหน แต่มันจะเกี่ยวก็ต่อเมื่อคนดังกล่าวมาระรานชีวิตเค้าต่างหาก

     ฟ้ามอญเดินคิดนานแสนนานไม่รู้ว่าเดินมาจนถึงทางเข้าหอในแล้ว  แต่วันนี้เหมือนจะเป็นวันดีที่สุดเลยก็ว่าได้ของฟ้ามอญที่เดินมาเจอ คู่กัดคู่อริอย่างไม่น่าเชื่อ




“อ้าว ฟ้า!”



      เสียงแสดงสีหน้าดีใจ แบบสบายๆ ของฝ่ายตรงข้าม ที่ถูกกลั่นสวนทางกับความรู้สึก ฟ้ามอญได้ยินแล้วได้แต่ถอนหายใจ

“โทษทีนะ วันนี้ไม่ว่าง!”

“อุ้ย ไม่ว่างหรอ จะไปไหนล่ะ หรือว่าจะตายแล้ว!  ไม่หรอกเนาะ กะว่าจะมาชวนไปวิ่งเป็นเพื่อนอยู่พอดีเลย”

“วิ่งเป็นเพื่อน ฮึ ดัดจริต มาไม้ไหนฮะวันนี้!”

“จุ๊ๆๆๆๆ  ฟ้า อย่ามองเราเป็นคนไม่ดีแบบนั้นสิ ดูสิ ทำหน้ามุ้ยไม่หล่อเอาซะเลยนะ เดี๋ยวหม่อมหลวงต่อไม่ชอบนะ หืม!”

          ฝ่ายตรงข้ามทำท่าเอามือมาจับคางฟ้าเบาๆ แต่ฟ้ากลับเอามือปัดออกอย่างแรง

“อย่าเอามือของแกมาแตะตัวฉัน เค้าจะสนหรือไม่สน ไม่เกี่ยวอะไรกับแกนี่”


“ไม่เอาน่า เราเป็นเพื่อนกัน เห็นเพื่อนไม่สบายใจเราก็เป็นห่วง กลัวตายไปเสียก่อน ฮึฮึ”


“เป็นห่วงตัวเองให้มากเถอะ อังกอ ก่อนที่จะมาเป็นห่วงคนอื่น คนอย่างไอ้ฟ้ามอญ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเป็นห่วง   ถอยไป!”


  ฟ้ามอญเดินชนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าไปในหอพัก  อังกอเซเล็กน้อยเพราะเมื่อครู่เค้าบังเอิญหลบทันไม่อย่างนั้นคงจะโดน
หนักกว่านี้



“เก่งแบบนี้ให้มันตลอดก็แล้วกัน  ทันทีที่ต่อ เป็นแฟนฉัน แกนั่นแหละที่ตกกระป๋อง ฟ้ามอญ!”

          ก่อนหน้านี้ ฟ้ามอญต้องเผชิญหน้ากับอังกอมาหลายครั้งแล้ว แต่ช่วงนี้ต่อก็ไม่เคยมาหาฟ้าเลยด้วยซ้ำ เดาได้ไม่ยาก เหตุผลข้อเดียวคือ หมาหวงก้างจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ อังกอ!







ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช

“สวัสดีครับคุณลุง!” แดนภพทักทายคุณชายภัครพิชัย ที่เพิ่งจะกลับมาจากวังฉัตรอรุณได้ไม่กี่ชั่วโมง

“สวัสดีหลานชาย ไม่ได้ขึ้นเวรหรอกหรอ”

“วันนี้ไม่มีเวรครับ ผมรีบตรงมาหาน้องน้ำก่อนเลย น้องอยู่ไหมครับ”

“โอรส… อ้อ น้ำเค้าไม่อยู่หรอก อีก 3 4 วันถึงจะกลับ ว่าแต่หลานชายเถอะมีอะไรหรือเปล่า ”

“ผมได้ข้อมูลเรื่องเรียนต่อระดับอุดมศึกษาให้น้ำแล้วครับ กะว่าจะให้น้ำได้เลือกดูเผื่อจะชอบคณะไหน แล้วก็จะคุยเรื่องพาน้องไป
สอบครับคุณลุง”

“อ้อ อย่างนั้นสินะ ลุงก็ดีใจนะที่แดนภพให้ความสำคัญกับน้อง แต่รอให้น้องกลับมาจากไปเยี่ยมพ่อแม่เสียก่อน เรื่องนี้เราค่อยพูด
กันอีกที”

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้โทรมาถามก่อน นึกว่าน้องน้ำยังไมได้กลับไปบ้านในช่วงนี้”

“ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่ยินดีต้อนรับ ไหนๆก็มาแล้ว อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนลุงเลยสิ ดีไหม”

“ขอบคุณมากครับคุณลุง นี่บ่ายนิด ท้องร้องพอดีเลยครับ”

“ฮ่าๆๆๆ มานั่งโต๊ะด้วยกันเลยถ้าอย่างนั้น กล้วยไม้ ใบหลิว ไปเอาอาหาร เอาน้ำ เอาผลไม้มานะ ”

“ค่ะ คุณชาย”

         ในระหว่างทานข้าวอยู่นั้น หม่อมราชวงศ์ได้พูดคุยกับแดนภพหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องบ้าน และสุดท้ายคือ
เรื่อง ความรัก ซึ่งแดนภพยังไม่อยากจะตอบเลยในตอนนี้

“จริงๆแล้ว หลานชายก็อายุ 30 ปี แล้วนะ ไม่คิดจะหาคนรู้ใจมาอยู่คู่ชีวิตบ้างหรอ”

“เคยคิดนะครับคุณลุง แต่ตอนนี้ผมขอไม่แล้วล่ะครับ งานหนัก ไม่มีเวลาเลยครับ ”

“แล้วคิดแบบนี้ เมื่อไหร่ถึงจะมีกันล่ะ หรือว่าจะโสด”

“ไม่หรอกครับคุณลุง ผมเองก็กำลังมองๆอยู่บ้าง กลัวแต่ว่าเค้าจะไม่สนใจ”

       แดนภพแล้วก็นึกไปถึงหนุ่มร่างเล็กร่าเริงสดใส ผิวสีขาวนวล ไม่ใช่ใครอื่นไกลนอกจาก น้ำ เท่านั้น

“ว่าแต่คนๆนั้นคือใครกันล่ะ แดนภพ เพื่อนร่วมงานหรอ”

“เปล่าครับคุณลุง เป็นรุ่นน้องผมหลายปีมาก นิสัยดี น่ารัก แต่ผมขออะไรให้มันชัวร์ๆกว่านี้ก่อนครับ แล้วค่อยเปิดตัว”

“ฮ่าๆ  ถ้าอย่างนั้นก็ขอใจชัวร์เร็วๆนะ ลุงอยากอุ้มหลาน  ถ้าจะรอแต่เจ้าเขต ลุงคงได้ตายก่อนเป็นแน่”

“อย่าพูดเรื่องตายสิครับคุณลุง ผมรู้สึกใจคอไม่ดีเลย”

“เฮ้ย ของแบบนี้ห้ามได้ที่ไหนกัน คนเราจะตายวันตายพรุ่ง ไม่มีใครรู้หรอก จริงไหม”

“จริงครับคุณลุง”

“เอ้า กินเยอะๆ จะได้ไม่ต้องไปหาอะไรกินเพิ่มนะ ลองผัดกุ้งน้ำมันหอยดูสิ เจ้าเขตชอบนักชอบหนา”

“จริงหรอครับ ตั้งแต่รู้จักเขตมา ผมเองก็ไม่ใช่จะรู้หรอกว่าเค้าชอบกินอะไร แต่ต่างกัน เขตกลับจำได้หมดว่าผมชอบอะไรไม่ชอบ
อะไร”

“เขต น่ะ เห็นเป็นคนไม่ค่อยพูด รักน้องแล้ว ยังใส่ใจคนรอบข้างตัวเองดีอีกด้วย อาจจะเป็นคนใจร้อน ห้าวๆ แต่ก็ตามประสาท
หารหนุ่มไฟแรงแหละนะ อย่าถือสาเขตเลย”


“ผมไม่ถือสาเขตหรอกครับ คนเรามีดีอยู่ในตัวเองทั้งนั้น แต่จะแสดงออกให้เห็นหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง”

“อืม นายแพทย์พูดถูกจริงๆ คนเราน่ะมีดีอยู่ในตัว  เพชรแท้ ยังไงก็ต้องเป็นเพชร ไม่ว่าจะอยู่ในดิน ในโคลนยังไงก็ยังเป็นเพชร”

“คุณลุง หมายถึงอะไรหรอครับ”

   คุณชายภัครพิชัย ผงะออกจากความเพ้อฝันเมื่อครู่ไป แล้วปรับสีหน้าให้ปกติอีกครั้ง

“เปล่าหรอกหลานชาย ลุงก็พูดไปเรื่อยเปื่อยแหละนะ อย่าสนใจเลย”

“ครับผม”



      สงกรานต์เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ทำให้คุณชายภัครพิชัยที่กำลังทานข้าวอยู่ถึงกับวางช้อนลง

“มีอะไรสงกรานต์ ทำสีหน้าแตกตื่น”

“ขอโทษครับคุณชาย คือ แอริน เธอมาพบคุณเขตครับ”

“แอรินหรอ เขตไม่อยู่นี่ ไปบอกแอรินนะว่า เขตยังไม่กลับ”

“ผมบอกไปแล้วครับ  แต่เธอจะพบคุณเขตให้ได้ครับคุณชาย”

“ให้ผมไปพูดกับเธอเองนะครับ คุณลุง”

“อืม ฝากด้วยนะ แดนภพ!”




 แดนภพเดินออกจากห้องอาหารไปหาต้นเหตุที่ดื้อดึง พูดไม่รู้เรื่อง เพียงแดนภพเดินไปถึงก็พบเธอกำลังจะขึ้นไปชั้นสองห้องของเขต เป็นภาพที่ไม่ดีเอาซะเลย สำหรับผู้หญิงที่จะขึ้นห้องไปหาผู้ชาย

“คุณแอริน จะขึ้นไปไหนหรอครับ”

 แดนภพทักเธอเสียงดัง และได้ผลเธอหยุดเดินขึ้นบันไดแล้วหันมามองหน้าคนที่เรียกชื่อเธอ

“แกคือใคร หน้าคุ้นๆ”

“ ผมแดนภพ เพื่อนสนิทของเขต”

“แล้วนี่ รู้ไหมว่าเขตจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ยังไม่รู้ครับ ”

“เอ๊ะ คนบ้านนี้เป็นอะไรกันหมดนะ เจ้านายหายไปทั้งคนไม่รู้ว่าไปไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ แย่ที่สุด”

“เธอเองก็แย่เหมือนกันนะที่ขึ้นบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

“แล้วนี่บ้านแกหรือไง พูดออกมาได้  โอเคๆ ฉันรอเขตกลับมาได้ ขอกาแฟสักแก้ว แล้วก็นี่ของฝากจากไปช็อปปิ้งเมื่อกี้ เอาไป
สิ”

  แอรินพูดพลางเดินลงบันได แล้วยื่นของฝากที่ว่านั้นให้แดนภพ แต่สงกรานต์เห็นว่าจะไม่ดีเสียแล้ว เดินตัดหน้าแดนภพ ไปรับ
ของฝากนั้นแทน

“อ้าว แกไม่ใช่คนใช้บ้านนี้หรอกหรอ”

“ผมเป็นเพื่อนสนิทของเขตครับ ผมบอกคุณไปแล้ว แสดงว่าคุณผิดปกติทางด้านการสื่อสารและประมวลผลมากเลยนะครับ”

“ก็พูดไม่เข้าใจแล้วฉันจะไปรู้ไหมล่ะ ขอโทษด้วยแล้วกันนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณแอรินนั่งรอที่ด้านโน้นเลยครับ แต่บอกไว้ก่อนว่า ไม่รู้เขตจะกลับมาเมื่อไห่ อาจจะ 2 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง
หรืออีก 3 4 วันข้างหน้า สุดแล้วแต่คุณแอรินจะรอได้เลยนะครับ ผมขอตัว”

“ฉันจะรอ ก็คือรอสิ ไม่ต้องมาพูดให้ฉันไขว้เขว ”

“ดีครับ เชิญคุณแอรินรอต่อไปเลยครับ  สงกรานต์ช่วยไปบอกคุณชายทีนะว่าฉันกลับแล้ว วันพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่”

“ครับคุณแดนภพ”






      บนรถตู้สีดำ  ตั้งแต่ออกจากบ้านของคุณลุงมา ทั้งเขตและน้ำต่างไม่มีใครขึ้นจากันเลย แม้แต่คำเดียว ในรถเงียบมาก จนจะได้ยินเสียงหายใจเข้าออก ไพบูลย์ก็ทำหน้าที่ได้ดี นั่งนิ่งขับรถไปไม่มีบ่น มุ่งหน้าไปบ้านจริงๆของน้ำเสียที คราวนี้คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรอกนะ

“นี่แกกะจะไม่พูดอะไรเลยหรือไง”

       สุดท้ายร่างหนาก็เปล่งเสียงเอ่ยปากถาม อีกคนที่ขยับไปข้างชิดติดประตูด้านขวาของคนขับ

“จะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ”

“อะไรก็ได้ ที่ฉันไม่ต้องเข้าใจว่าฉันมากับคนบ้า เป็นใบ้พูดไม่ได้” เขตพูดแดกดันน้ำสุดๆ

“ถ้าจะให้ผมพูด ก็คงจะมีเพียงอย่างเดียว  นั่นก็คือ หวังว่าจะพาผมไปถึงบ้านแท้ๆของผมเสียที!”

            น้ำมาเงียบๆแต่พูดได้แทงใจดำเขตอย่างมาก ร่างหนาพยายามทนคำพูดของน้ำ เค้ากำหมัดสองข้างแน่นแต่ทำอะไรไม่
ได้ เพราะอะไรนั้นไม่รู้ เค้าไม่กล้าทำให้น้ำเจ็บอีกแล้ว แต่เค้าไม่ชอบให้น้ำทำท่าทีเย็นชาแบบนี้กับเค้า น้ำที่เชื่อฟัง ไม่ขัดคำสั่ง
คนเดิมหายไปแล้ว ไม่เหลือเค้าเดิมเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเค้าจะเป็นต้นเหตุให้น้ำมีภูมิคุ้มกันต่อมนุษย์ที่ดีขึ้นมา

“อย่าปากดีให้มันมากนัก ไอ้เด็กรับใช้ ฉันบอกแล้วไงว่าให้จำใส่สมองของแกเอาไว้ด้วย อย่าคิดมาเล่นลิ้นกับฉัน!”

“ครับ  ผมทราบดีครับ”  น้ำรีบตอบกลับไปโดยเร็วเพราะไม่อยากพูดความยาวสาวความยืดกับเจ้านายผู้ทะนงศักดิ์

“เดี๋ยวอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะถึงบ้านแล้วนะน้ำ”

“ครับผม มิน่าผมรู้สึกคุ้นๆชุมชนแถวนี้จังเลย ไม่ได้กลับมา 3 เดือน ที่นี่ยังสงบร่มเย็นดีนะครับ”

“ฮึ” เสียงหัวเราะของเขตที่นั่งนิ่งไม่รับรู้อะไรเลย แต่จริงๆแล้ว เค้ารับรู้ทุกสิ่งอย่างที่น้ำพูดและกระทำไป

“พี่ไพบูลย์ครับ ข้างหน้าด้านว้ายมือจะมีร้านขายตะโก้อยู่ บอกเลยว่าอร่อยมาก เดี๋ยวพี่ช่วยจอดให้หน่อยนะครับ”

“ได้สิ น้ำ ข้างหน้านี้ใช่ไหม พี่ตีไฟเลี้ยงแล้วนะ”


     ไพบูลย์ยิ้มให้น้ำผ่านกระจกตรงกลาง น้ำยิ้มรับแล้วลงจากรถทันทีที่รถตู้จอดสนิท เพียงแค่น้ำลงจากรถ ป้าคนขายตะโก้ก็ยิ้มดีใจเหมือนถูกหวย น้ำชอบกินตะโก้มาก มีหรือที่แม่ค้าคนนี้จะจำหน้าลูกค้าไมได้เลย




“ไม่เจอนานเลย แล้วนี่มากับใครทำไมได้นั่งรถตู้” ประโยคแรกที่เธอถามน้ำ

“พอดีช่วงนี้ไปอยู่กับพ่อบุญธรรมครับ เค้าใจดีมากเลย ”

“อย่างนั้นหรอ มิน่าไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย ตะโก้กี่กล่องดีน้ำ ”

“เอา 10 กล่องเลยครับ”

“นี่จ้ะได้แล้ว ทั้งหมด 200 บาทจ้า”

    น้ำรับขนมตะโก้มาจากมือแม่ค้าแล้วเอาอีกมือที่ว่างควานหากระเป๋าตังค์ และเค้าก็เพิ่งนึกออกว่าเหลือเงินอยู่แค่ 55 บาทเท่านั้นเอง   

     ร่างหนายืนมองอยู่ในรถ เห็นท่าทีของน้ำแล้วก็นึกออกพอดี กระเป๋าเงินของน้ำ เขตเก็บเอาไว้ติดตัวอย่างดีกลัวหาย นึกขึ้นได้เขตก็หยิบเอากระเป๋าน้ำเอาไปให้ที่ร้าน ไพบูลย์มองตามเจ้านายไปแล้วแอบยิ้มให้เล็กน้อย


“คุณเขตนะคุณเขต จะทำเป็นใจร้ายกับน้ำยังไงผมก็ดูออก ทำไมไม่ทำตัวดีๆกับน้ำไปเลย น้องเค้าจะได้ไม่เกร็งและรู้สึกดีกับคุณเขต อะไรๆก็จะดีขึ้นมาได้นะครับ”


 ไพบูลย์พึมพำอยู่คนเดียว มันก็จริงอย่างที่ไพบูลย์ว่าไว้จริงๆ เขตชอบทำอะไรที่ไม่ตรงหัวใจของตัวเอง ตั้งแต่สั่งให้ไพบูลย์ขับรถวนหาตัวน้ำรอบเมืองสระบุรีไม่รู้กี่รอบ แต่โชคดีที่ได้เจอกันโดยบังเอิญ


“กี่บาทครับ” ร่างหนาสูงมาดทหารถามแม่ค้า  เธอยิ้มแก้มปริให้เขต เพราะเขตหล่อมาก หล่อแบบที่คิดว่าในละแวกนี้ไม่มีใครจะ
หล่อกว่าเขตไปได้อีกแล้ว


“200 บาทจ้ะพ่อหนุ่ม อ่ะ เจ้แถมอีก 1 กล่องให้พ่อหนุ่มนะ”


“ขอบคุณ…” เขตพูดยังไม่ทันจบและกำลังเอื้อมมือไปรับก็หยุดชะงัก


“ไม่ต้องหรอกครับป้า ของซื้อของขาย ส่วนตะโก้ของเจ้านายผม ผมซื้อให้แล้วครับ”


      น้ำพูดลอยๆให้เขตได้ยิน แต่น้ำไม่รู้หรอกว่าในใจของเขตนั้นมันกำลังยิ้มกับน้ำใจของร่างเล็กที่มีให้เค้า

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วนี่จะไปไหนต่อ ไปหาแม่ชื่น กับพ่อเวทหรอ”


“ใช่ครับคุณป้า  ผมพาน้องมาเยี่ยมพ่อแม่เค้าบ้างครับ เดี๋ยวเด็กงอแง” เขตแย่งตอบแทนน้ำ ทำเอาคนข้างๆหายใจฟึดฟัด เขต
เองก็เพิ่งจะเห็นก็ครั้งนี้แหละที่น้ำไม่พอใจเขต แต่ก็น่ารักดี คราวนี้เขตไม่ได้โกรธหรือไม่ชอบน้ำ แต่กำลังเอ็นดูท่าทางของน้ำ
มากกว่า


“อ้าว ได้ของแล้วก็ขึ้นรถสิครับ”


    เขตหันมาบอกน้ำพร้อมกับยิ้มหวานให้ ซึ่งน้ำเข้าใจว่าเขตแสร้งทำต่อหน้าทุกคน น้ำเลยเดินกลับขึ้นรถอย่างว่าง่าย  แต่จะรู้หรือเปล่าว่ารอยยิ้มในรอบ 3 เดือนตั้งแต่เขตรู้จักกับน้ำมา มันเป็นรอยยิ้มที่เขตมอบให้น้ำอย่างจริงใจเลยนะ   พอขึ้นไปบนรถ เขตก็แบมือขอตะโก้ที่ว่านั้นทันที


“อะไรครับ!” น้ำถามอย่างุนงง


“อ้าวก็ตะโก้ของฉันไง นายบอกเองหนิว่าซื้อให้ฉันด้วย”


“นี่ครับ 2 กล่อง” น้ำยื่นให้เขตแบบเกร็งๆ แต่ร่างหนากลับเอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กๆข้างนั้น


“ขอบใจ” เขตพูดกับน้ำด้วยเสียงปกติเรียบ แต่น้ำรับรู้ได้ว่า เขตรู้สึกขอบใจเค้าจริงๆ


“พี่ไพบูลย์ครับ อันนี้ของพี่นะครับ 2 กล่อง ผมวางไว้ตรงเบาะซ้ายนะครับ”


“ครับผมขอบใจมากนะน้ำ”


       เขตมองดูน้ำที่ไม่รู้สึกอะไรกับเค้าเลย ร่างหนาถึงกับน้อยใจนิดๆ ก่อนจะรับตะโก้นั้นมาแล้ว มองออกไปด้านนอกกระจก  สิ่งที่เขตเห็นคือ ชุมชนแถวนี้แต่ละบ้านอยู่ห่างกันพอสมควร หากนึกๆไปถ้าให้เค้ามาอยู่ใช้ชีวิตแบบนี้จริงๆแล้วจะเป็นยังไง ที่นี่มีไฟฟ้า มี3G ให้เล่นก็นับว่าดีแล้ว แต่อย่าคิดไปถึงห้าง หรือตลาดขนส่ง อะไรพวกนั้นเลย เพราะที่นี่ไม่มี  แต่ร่างบางอย่างน้ำ เกิดและเติบโตที่นี่ เค้าคิดไปคิดมา น้ำคงจะสู้ชีวิตไม่น้อย หากเค้าเป็นคุณพ่อ เค้าก็คงจะรับน้ำมาอยู่ด้วยเหมือนกัน




มาต่อแล้วๆๆๆ  ดีใจจังคราวนี้ เขต พาน้ำมาส่งถึงบ้านจริงๆ ลองทิ้งเอาไว้อีกสิ คราวนี้ผู้แต่งจะแต่งแบบไม่ให้ได้เจอน้ำอีกเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: แดนภพลึกๆแล้วอาจจะคิดกับน้ำเกินพี่ชายที่แสนดีก็ได้  :hao3: :hao3:  ส่วนอังกอ หลังๆจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น อาจจะไม่คุ้นชินบทบาทตัวละครใหม่ แต่รับรองว่าแซ่บ!  :fire: :fire:  วันเสาร์ที่ 19 และ วันอาทิตย์ที่ 20 เรานี้นัดกันที่นี่ที่เดิมน้า  ขอบคุณมากๆที่ติดตาม
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 12 ✥ หน้า 2 Up. (13/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-09-2015 11:52:53
จะว่าไงดีล่ะ ทำแย่่กับเขาไว้ซะเยอะ แค่พูดดีคำสองคำแล้วยิ้มให้ แล้วหวังว่าเขาจะรู้สึกพิเศษด้วยคิดไปไหมจ๊ะพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 12 ✥ หน้า 2 Up. (13/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-09-2015 12:29:34
พอเขาดื้อก็ทำดีกับเขาเลยนะ
อิตานี่มาโซ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 12 ✥ หน้า 2 Up. (13/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 19-09-2015 21:22:22
ตอนที่ 13




     เขตเคยถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าเค้าทำผิดอะไร นับจากวันนั้นถึงวันนี้ล่วงเลยมา จะ 10 ปีแล้ว ผู้หญิงในความทรงจำของ

เค้านั้นยังคงวนเวียนในหัวใจ และทำให้เขตเสียใจไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย เธอหลอกให้เขตมีใจให้แต่กลับไปมีครอบครัวกับ

ผู้ชายคนใหม่ที่ไม่ใช่เค้า  และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หนุ่มทะนงศักดิ์คนนี้ ไม่ชอบและเกลียดกุหลาบสีเหลือง อย่างแรง เพราะนั่นมัน

หมายถึงมิตรภาพความเป็น เพื่อน ไม่ใช่ คนรัก ที่หญิงสาวผู้นั้นได้มอบให้เค้า… 


          แต่! สาเหตุของการไม่ชอบน้ำล่ะ มันมีที่มาอย่างไร ใครๆก็คิดเสมอว่าเค้านั้นอารมณ์ร้ายและรุนแรงกับน้ำ ทั้งๆที่น้ำเป็น

เด็กหนุ่มไม่มีพิษภัย ไม่มีทางสู้ นิสัยน่ารัก ขยัน และกตัญญู แต่เขตกลับเอาปัญหา เรื่องราวในอดีตมาเป็นตัวตัดสินร่างบางนั้น

อย่างโหดร้ายและมองข้ามความดีที่กล่าวมาทั้งหมด แต่ทุกวันนี้เขตก็เข้าใจมากขึ้นว่าการเอาปมมาบรรเทากับอีกคนในทางที่

ผิดๆ นอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาแล้ว แต่กลับจะทำให้แพะรับบาปตัวนี้เจ็บปวด แสนสาหัส และทรมานจิตใจเป็นอย่างมาก    


   แต่นั่นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ น้ำ ใบหน้าคล้ายคนรับใช้คนก่อนเมื่อ 10 ปีก่อน และคนใช้คนนั้นได้จากไปจากบ้านธำรงอาภรณ์นิช

อย่างไม่มีวันกลับมา พร้อมกับทรัพย์สินเงินทองมูลค่านับ 5 ล้านบาทไป ด้วยเหตุนี้เขตก็ยิ่งเกลียดและไม่อยากจะรับใครมาเป็น

คนรับใช้ที่บ้านอีกต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งภัครพิชัยพ่อของเค้าได้พาน้ำเข้ามาในบ้านหลังนี้ มันทำให้เค้านึกถึงวันเก่าๆที่ไม่อาจ

ลบเลือนได้ หรือว่า เขตกำลังกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

            ชายหนุ่มเริ่มเปิดใจกว้าง เด็กหนุ่มร่างบางข้างๆเค้านั้นกำลังทำตัวตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ จะว่าเป็นครั้งแรกที่เขตเคยเห็น

เลยก็ว่าได้ น้ำเป็นเด็กหนุ่มที่น่าค้นหา กิริยาท่วงท่านับวันเขตก็ยิ่งประจักษ์แก่ใจแล้วว่า น้ำ คือคนที่เค้าอยากอยู่ใกล้มากที่สุด

เท่าที่จะใกล้ได้


     รถตู้สีดำเลี้ยวเข้าจอดบริเวณลานหญ้ากว้างพอสมควร ทุกคนในบ้านต่างรีบออกมาดูว่าใครมา ทุกคนทำสีหน้างุนงง  น้ำมอง

พวกเค้าทั้ง 4 คนแล้วน้ำตาคลอเบ้า ความคิดถึงความห่วงหาอาทร มันตัดกันไม่ลง ลืมไม่ได้หรอก   ร่างบางลงจากรถอย่าง

รวดเร็ว เขตมองน้ำแล้วแอบยิ้มนิดๆ ก่อนจะเปิดประตูตามออกไป

“แม่จ๋า พ่อจ๋า พี่ตะวัน ภูผา น้ำกลับมาแล้ว!”


           น้ำวิ่งเข้าหา ชื่น ผู้เป็นแม่ในความทรงจำของน้ำ ชื่น มองดูน้ำคนเดิมที่เขาเลี้ยงมากับมือ น้ำเปลี่ยนไปจริงๆ ดูมีสง่ามาก

ไม่เหมือนน้ำอย่างที่ใครๆแถวนี้คิดว่าเป็นเด็กชนบท


“น้ำ มาแล้ว  กลับบ้านซะทีนะลูก” ชื่นกอดน้ำอย่างห่วงหาอาทร


“แม่ พ่อ สบายดีกันไหมครับ”


“สบายดี ว่าแต่น้ำเถอะ สบายดีนะลูก แล้วนี่ใครมาส่งกันล่ะ แล้วหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยไม่มาด้วยหรอ”


        ชื่น ละความสนใจจากน้ำ หลังจากที่เห็นร่างสูงเดินลงตามมาติดๆ ที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา เขตมองครอบครัวของน้ำแล้วก็สถาน

ที่ๆน้ำพูดออกมาเสมอว่ามันคือ บ้าน ที่พักพิง พักอาศัยของน้ำมาโดยตลอด เค้าไม่อยากเชื่อว่า ยังมีคนอีกนับมากมายที่สามารถ

ใช้ชีวิตที่พออยู่พอกินแบบนี้ไปวันๆได้ ต่างจากเค้าที่มีกินมีใช้ไม่ขาดสาย


“สวัสดีครับ ผม พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช ลูกชายคนโตของคุณชายภัครพิชัยครับ”


“สวัสดีค่ะ ที่แท้ก็ลูกชายของคุณชายนั่นเอง หล่อเหลา อนาคตไกลแบบนี้ ขอให้เจริญๆนะคุณ”


 ชื่นยิ้มให้ พร้อมกับชื่นชมในตัวของเขต ตั้งแต่แรกพบ แต่น้ำกลับยืนนิ่งไม่พูดไม่จา น้ำเหมือนกำลังถูกเบี่ยงประเด็นไปที่เขต ร่าง

บางเลือกที่จะเดินเข้าบ้านไป เขตมองตามหลังน้ำแต่ไม่กล้าตามเข้าไป ตะวันและภูผา มองเขตอย่างจับผิด อาจจะเพราะเวร

กรรม ที่ทำให้ตะวันและภูผา ไม่ชอบหน้าเขตตั้งแต่แรกเจอ


“อ้อ มาเหนื่อยๆ คุณอาจจะเหนื่อยมาก เข้าไปพักให้หายเหนื่อยด้านในบ้านก่อนไหมคะ ”


“ครับผม รบกวนด้วยนะครับ” เขตตอบแบบอ่อนน้อม


“ลืมไปเลย นี่ค่ะ พ่อเวท พ่อของน้ำ ส่วนนี่ ลูกชายของฉันเอง คนโต ชื่อตะวัน คนรองชื่อ ภูผา”


              หลังจากที่หญิงวัยกลางคนแนะนำให้เขตรู้จัก เขตกลับพบบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ ตะวันและภูผา มีใบหน้าและเค้าโครง

ใบหน้าเหมือน ชื่น และเวท อาจจะได้มาส่วนละเล็กละน้อย แต่ยังไงก็ดูออก แตกต่างจากน้ำ น้ำไม่เหมือนพ่อ หรือ แม่ หรือพี่

เลยแม้แต่น้อย ตั้งหน้าตา ผิวพรรณ ต่างๆ เขตรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

                เขตเดินตามชื่นเข้าไปในบ้าน จนถึงเก้าอี้ไม้เก่าๆ ไว้ต้อนรับแขกอยู่ เขตยังไม่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น แต่เขตกำลังมอง

หาน้ำอยู่ ร่างบางที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้าน แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา


“ป้าครับ น้ำไปไหน” เขตตัดสินใจถามชื่นออกมา โดยไม่ได้มองหน้าเธอแม้แต่น้อย

“สงสัยจะไปที่ศาลาหลังบ้าน ด้านหลังมีคลองนะคุณ ที่นั่นลมเย็นสบายพัดตลอดทั้งวัน น้ำเค้าชอบ”

“อย่างนั้นหรอครับ ผมขอตามไปศาลาที่ว่าได้ไหมครับ” เขตยังคงต้องการใกล้น้ำจริงๆ

“ได้สิคะ เดินออกหลังบ้านไป จะมีทางเท้าเดินเข้าไปในสวนสมุนไพร อาจจะรกๆหน่อย แต่เดินไปได้ค่ะ สุดทางก็จะเจอศาลาที่
ว่าแล้ว” ชื่นยิ้มตอบเขต ร่างสูงรีบเดินตามทางที่ชื่นบอกทันที

“แม่ ผมว่าไอ้คุณทหารเนี่ย มันแปลกๆนะแม่”

“แปลกอะไรของวะ ตะวัน”

“เอ้า ก็ดูดิ ตั้งแต่ลงจากรถมาก็ทำตัวสนิทสนมกับน้ำเป็นพิเศษ น้ำอยู่ไหน เค้าก็ต้องอยู่ด้วย แปลกๆ”

“ไอ้ตะวัน แกไปมีความคิดเ”

“แบบนี้มาแต่ไหน ว่างมากก็ไปจ่ายตลาดให้แม่เลย เร็วๆ น้องกลับมาแล้ว แม่จะทำอาหารที่พิเศษหน่อย”

“ครับๆๆ  รู้แล้วๆ ” ตะวันเดินออกจากบ้านไปอย่างขัดใจ ที่ชื่นไม่ได้คิดหรือฉงนใจแบบเค้า

             เขตใช้เวลาเดินทางไปไม่ถึง 2 3 นาทีก็พบศาลาติดคลองที่ว่า มันเย็นสบายจริงๆ และเป็นอย่างที่ชื่นว่าไว้ ร่างบางนั่ง

เล่นอยู่ใต้ศาลาจริงๆ เขตถอนหายใจเบาๆแล้วตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาน้ำทันที


“ลมเย็นสบายนะ ว่าไหม” เขตเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังน้ำ ที่ห่างกันเพียงไม่กี่ เมตร


“คุณเขต มาถูกได้ไงครับ” น้ำถามด้วยเสียงตกใจ


“แม่แก เป็นคนบอกทางฉันเอง เห็นว่าชอบมานั่งเล่นที่นี่ เพราะอะไร”


“ไม่รู้สิครับ เวลาผมร้อนใจ หรือไม่มีหนทางที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ผมก็มาที่นี่”


“แสดงว่าตอนนี้แกหนักใจ หรือกำลังมีปัญหาที่ยังไม่มีทางออกใช่ไหม”


“เปล่าครับ ไม่เสมอไปหรอก ที่ผมเดินมาในวันนี้เพราะผมต้องการเก็บความรู้สึกที่นี่ไว้ ”


“อย่างนั้นหรอ ฉันขอนั่งด้วยคนสิ” เขตถามน้ำด้วยเสียบเรียบๆ


“ครับ เดี๋ยวผมปัดให้นะครับ ฝุ่นเยอะไปหน่อย คุณเขตจะนั่งตรงไหนหรอครับ” น้ำพูดพร้อมกับเดินไปหยิบไม้กวาดอันเล็กๆที่มุม
ศาลา


“ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งได้ จะให้มันยุ่งยากไปทำไงกัน” เขตเดินไปจับไม้กวาดที่น้ำถืออยู่แล้วดึงออกจากมือเล็กๆไป


“…”

       น้ำทำอะไรไม่ถูก เพราะเขตไม่เคยทำตัวแบบนี้กับเค้า และแต่ไหนแต่ไร น้ำไม่กล้าที่จะสบดวงตาคู่นี้เลย ดวงตาที่เหมือนจะ

ควบคุมและสะกดเค้าได้ทุกเมื่อที่จ้องมอง และน้ำรู้สึกหวิวๆทุกครั้งที่เขตอยู่ใกล้ๆ และครั้งนี้มันใกล้มาก แทบจะชนกันอยู่แล้ว


“เป็นอะไรไป ทำไมเงียบ ไม่ต้องสงสัยให้มากความ ฉันเป็นทหาร เคยอยู่กลางดินฝึกกินกลางทราย ศาลาเก่าๆสกปรกๆแบบนี้
ทำไมฉันจะนั่งไม่ได้”


“ครับ”

“ถามจริงๆเถอะนะ แกยังโกรธที่ฉันทิ้งแกไว้กลางทางแบบนั้นอยู่หรือเปล่า”


            เขตตัดสินใจถามร่างบางตรงหน้า เพราะเค้าเองก็รู้สึกผิดจริงๆ โชคดีแค่ไหนแล้วที่น้ำไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้ ถึง

เขตจะทำอะไรหลายอย่างที่ไม่ดีต่อน้ำมามาก แต่เค้าก็ทนเห็นคนๆนึงได้รับอันตรายไมได้หรอก


“เงียบทำไม ตอบฉันสิ ”


“ผม…ผมไม่โกรธหรอกครับ”

“ฮึ อย่าเอาใจฉันให้มันมากไปหน่อยเลย จะมีสักกี่คนในโลกใบนี้ที่ถูกกระทำแล้วยังให้อภัยแบบที่แกเป็น”

“ผม…”

“เอาเถอะ ต่อไปนี้ อีก 3 วัน ฉันจะอยู่ที่บ้านของแก แล้วรอรับแกกลับบ้านโดยปลอดภัย ตกลงตามนี้นะ”

“คุณเขต ไม่ได้นะครับ บ้านผมเล็กเกินไป คุณอยู่ไมได้หรอก”

“อยู่ไม่ได้? รู้ได้ยังไงกันว่าฉันจะอยู่ไม่ได้ เต็นท์เล็กๆกลางป่ากลางเขา ฉันก็ไปอยู่มาแล้ว ”

“แต่ว่า คุณเขตต้องเข้าที่ทำงาน เจ้านายอาจจะว่าได้นะครับ”

“ฉันลาพักร้อน เป็นเวลา 5 วัน ทีนี้จะให้ฉันอยู่ได้หรือยัง”

“ผม…เอ่อ...ที่บ้านแคบไป ห้องอาจจะไม่มีที่ให้คุณเขตนอนนะครับ ผมว่าคุณเขตกลับไปที่บ้านดีกว่า”


“ถ้าไม่มีห้องพอให้ฉันนอน แกก็ให้ฉันนอนที่ห้องแกสิ ”


“ห้องผม!”


“อืม ใช่! มีปัญหาอะไรรึเปล่า”


“เอ่อเปล่าครับ แต่ผมเกรงว่า…”
           

 น้ำก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย แต่เขตก็สังเกตได้ชัดเจน ร่างบางตรงหน้าเค้านั้นกำลังเขินที่รู้ว่าเค้าอยากจะนอนที่นี่ กับน้ำ 3

วันหลังจากนี้  เขตเอามือขวาดันคางของน้ำขึ้นด้วยความอ่อนโยน เผยใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไม่กล้าสบตาเขตเลยแม้แต่น้อย


“น้ำ ฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่ไหม?” เขตถามน้ำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แววตาดุจเหยี่ยวของเค้าจ้องมองดวงตาของน้ำอย่างแน่นิ่ง

“เรื่องอะไรหรอครับ” น้ำพยายามถามเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศตอนนี้


“แกรู้อยู่แก่ใจ ไม่ต่างจากฉันนักหรอก หรือว่าไม่ใช่!”


“เอ่อ…”





“เฮ้ย! ทำอะไรกันน่ะ”


              เสียงตะโกนดังออกมาจากสวนสมุนไพร พี่ชายของน้ำตามมาที่นี่ทั้งสองคน จะว่าไปสองพี่น้องไม่ไว้ใจเขตเลยตั้งแต่

แรกพบ ด้วยความเป็นห่วงน้องถึงได้ตามมาที่นี่


“พี่ตะวัน พี่ภูผา”


“น้ำ กลับบ้าน แม่ให้ไปหา”


“เอ่อ ครับ น้ำจะรีบไป”


“เฮ้ย น้ำไปคนเดียว ส่วนคุณ อยู่ที่นี่ก่อน ผมต้องการคุยอะไรหน่อย” ตะวันเดินเข้ามาขวางทางเขต หลังจากที่ร่างสูงนั้นพยายาม
เดินตามน้ำไป


“ภูผา แกพาน้ำไปหาแม่ก่อน ตรงนี้ให้เป็นหน้าที่พี่เอง”


“ได้พี่ตะวัน ป่ะน้ำ แม่รออยู่”


“เอ่อ พี่ตะวัน อย่าทำอะไรคุณเขตนะ”


      น้ำรีบบอกให้ตะวันรู้ทันที น้ำรู้นิสัยพี่ชายดี ตะวันพยักหน้าตอบน้องชายสุดที่รักอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ น้ำมองแววตาเขต
อย่างเป็นห่วง เขตเองก็มองตามน้ำที่มีภูผาพากลับบ้าน


“มีเรื่องอะไรว่ามา”


“ก่อนจะพาน้ำกลับไปบ้านคุณครั้งนี้ ครอบครัวเราได้ตัดสินใจแล้วว่า จะให้ภูผากลับไปกับน้ำในครั้งนี้ คุณจะว่ายังไง”


“ภูผา ไอ้เมื่อกี้นั่นหรอ”


“ใช่ คุณตอบมา สรุปว่ายังไง” ตะวันถามคำถามเดินกับเขตอีกครั้ง


“ที่บ้านฉันมีคนใช้เยอะพอแล้ว เอาน้องของนายไปอีก เกรงว่าจะไม่ได้”


“ฮึ คิดไว้แล้วว่าคุณต้องตอบแบบนี้ ผมมีทางเลือกให้คุณนะ คุณเขต”


“อะไร!”


“ให้ภูผาไปน้ำ ไปดุแลน้ำที่บ้านคุณ หรือ จะให้น้ำกลับมาที่นี่ตลอดไป ไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว”


“หมายความว่าไง แกจะทำแบบนี้ไม่ได้ เงินที่พ่อของฉันช่วยไว้เมื่อคราวก่อนล่ะ แกจะมีปัญญาหาคืนได้หรอ”


“คนรวยก็แบบนี้ ฮึ ไม่ต้องห่วงพวกเรามีเงินจ่ายคุณชายภัครพิชัย พ่อของคุณแน่ คุณจะว่ายังไง”


“ไม่! ฉันไม่ให้น้ำไปไหนทั้งนั้น น้ำต้องอยู่ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช ต่อไป”


“ดี ตอบแบบนี้ก็ดี ถ้าอย่างนั้นภูผาจะกลับไปบ้านของคุณครั้งนี้ด้วย หวังว่าคุณจะทำตามเงื่อนไขของเรา พบกันคนละครึ่งทาง
ตกลงไหม”

“ได้ แต่ฉันมีเรื่องจะขอ”

“เรื่องอะไร”


“นายต้องให้ฉันพักอยู่ที่บ้านนาย 3 วัน จนกว่าน้ำจะกลับไปกับพวกเรา”


“ถ้าคิดว่าอยู่ได้ นอนได้ กินได้ที่นี่ ก็ไม่มีปัญหา ”


“ขอบใจมาก”


“ขอบคุณคุณเขตเช่นกัน นี่ก็พลบค่ำแล้ว อาหารมื้อเย็นน่าจะเสร็จแล้ว เชิญคุณเขตตามผมมา”


       







ที่หอพักในมหาวิทยาลัย


ก๊อกๆๆ


 เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่อง ผ่านมาหลายนาทีแล้ว แต่เสียงนั้นก็ดังไม่หยุดเลย ฟ้ามอญนั่งมองต้นทางเสียงอยู่โดยไม่ปริปาก

และไม่เดินไปเปิดแม้แต่นิดเดียว เสียงของชายหนุ่มตรงหน้าห้องยังคงตะโกนดังมาติดๆ

“ฟ้า  เปิดประตูเถอะ นายหลบหน้าเราหลายวันแล้วนะ ฟ้า! เปิดประตูให้เราที”


             ฟ้ามอญ เริ่มใจไม่ดี เพราะอีกฝ่ายตะโกนและเคาะประตูห้องไม่ยอมหยุด อีกอย่างนึงคือไม่กล้าที่จะพบต่อ ในเวลานี้


“ฟ้า ถ้านายไม่เปิด เราจะตะโกนแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าฟ้าจะเปิดประตูให้เรานะ ฟ้า ได้ยินไหม เปิดประตูก่อน”


“ต่อ นายกลับไปซะ เราต้องการพักผ่อน ”


“ไม่ฟ้า เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง นายเป็นอะไร ทำไมเราถามนายไม่ตอบ ทำไมต้องเดินหลบหน้าทุกครั้ง นายเป็นอะไรฟ้า”


“ต่อ เชื่อเรานะ กลับไปก่อน เราไม่อยากคุยอะไรตอนนี้”


“ฟ้า เปิดประตู ไม่งั้น เราจะทุบประตูจนพังไปเลย ว่าไงฟ้า จะเปิดไหม”


          ฟ้ามอญทนความดื้อของต่อไม่ไหว เดินไปเปิดประตูให้ชายหนุ่มทันที


“ฟ้า!  ”


          ทันทีที่ประตูเปิด ต่อก็รีบเดินเข้าห้องฟ้ามอญแล้วปิดประตูนั้นทันที


“ต่อ มือของนาย!” ฟ้ามอญตกใจที่มือต่อเขียวช้ำเพาะเคาะประตูต่อเนื่องมาหลายนาทีก่อนหน้านี้


“เราไม่เป็นอะไรมากหรอก ดีใจนะที่ฟ้าเป็นห่วงเรา ”


“ใครบอก พูดเองเออเองได้ยังไง”


“ฟ้า อย่าประชดเราสิ แค่มองแววตานายเราก็รู้แล้ว แล้วนี่บอกเราได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เป็นอะไร ทำไมทำตัวเหินห่าง เราทำอะไร

ให้ฟ้าไม่พอใจหรอ”


“เปล่า นายไม่ได้ทำหรอก เรื่องนี้ไม่ต้องสืบสาวหาความจริงได้ไหม”


“ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้อีกต่อไป เราจะทำยังไง นายหลบหน้า ไม่ยอมพูดคุยแม้แต่ครั้งเดียว โทรศัพท์ก็ไม่รับ เฟสก็ไม่เล่น ไลน์ก็

ไม่ตอบ ไหนจะ…”


“ต่อ พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ที่ทำไปเราแค่ต้องการรู้แค่นั้นแหละ ว่าเราไม่ได้คิดเองคนเดียว”


“หมายความว่าใคร เรางงไปหมดแล้ว?”


“เฮ้อ ต่อ ไม่ต้องงงหรอก นายไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อจากนี้ ที่นายทำทั้งหมดเรารู้คำตอบแล้ว คราวนี้แหละ ไอ้คู่กรณีมันจะว่ายังไง



“คู่กรณี ฟ้าหมายถึงใคร เอ๊ะ หรือว่าใครมาทำอะไรฟ้ารึเปล่า”


“ก็นิดหน่อย แต่อย่าสนใจเลย เราจัดการได้ด้วยตัวเราเอง”


“แน่ใจนะ นายจะเป็นอันตรายรึเปล่าฟ้า เราเป็นห่วงนะ ให้เราช่วยเถอะ”


“อย่าเลยต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราเอง มันต้องตาต่อตา ฟังต่อฟัน คืนนี้นายกลับไปก่อนนะ”


“ไม่กลับ พรุ่งนี้เราไม่มีเรียน อีกอย่าง ตั้งใจจะมานอนด้วย”


“ว่าไงนะ!”


“โถ่ จะตะโกนดังไปทำไม นะๆๆๆ ให้เค้านอนกับตัวเองนะ”


“ต่อ บ้าไปแล้ว ไม่ได้”


“อ้าวทำไมไม่ได้ เราเป็นอะไรกัน ลืมไปแล้วหรอ”


“ก็เพื่อนไง!”


“อืมใช่  เป็นเพื่อน เพราะฉะนั้นเพื่อนกำลังขอความช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นเพื่อนอีกคนก็ต้องให้ความเมตตาสิ ถึงจะถูกจริงไหม”


“เข้าข้างตัวเองตลอดเลยนะต่อ”


“ถ้าไม่ทำแบบนี้จะได้นอนด้วยปะ ฟ้าใจร้ายกับเรามาหลายวันแล้วนะ วันนี้ก็เพิ่งจะคุยกับเรา เราคิดถึงเสียงบ่นของฟ้า คิดถึงคน

ทำหน้ามุ่ยใส่ คิดถึงคนที่หมั่นไส้เวลาเราคุยกับสาวๆ หรือรุ่นพี่ผู้ชายหลายๆคน…”

“พอๆๆ  ที่พูดมาจริงไหมนะ”


“จริงที่สุด และที่จริงยิ่งกว่านั้น”


“อะไร?”


“ฟ้าน่ารักชะมัดเลย!”




ฟอด!


 ภูวนนท์เดินเข้ามากอดฟ้ามอญอย่างเร็วแล้วหอมแก้มซ้ายฟ้ามอญหนึ่งที ร่างบางทำอะไรไม่ถูกมันเป็นอะไรที่รวดเร็วมาก
และความรู้สึกที่ดีๆถูกถ่ายทอดออกมา ฟ้ามอญรับรู้ได้


“ไอ้ต่อ ไอ้คนฉวยโอกาส จะหนีไปไหน”


“ฟ้า เราหอมครั้งเดียวเอง ทำไมโหดจัง โอ้ย พอแล้วๆ เราเจ็บนะฟ้า ยอมๆ ไม่ทำอีกแล้ว”


“เป็นไงละ มานี่เดี๋ยวนี้นะ ตีให้ตายตรงนี้ไปเลย อย่าหนีนะ”

              เสียงความสุขของฟ้ามอญและต่อ ดังสะนั่นทั่วห้องสี่เหลี่ยมนี้ ไม่เกรงใจเพื่อนข้างห้องเลยแม้แต่น้อย ความใกล้ชิดและความเข้าใจกันนี่สิดีที่สุด







วังฉัตรอรุณ


“ดึกๆดื่นๆแบบนี้ น้องรุ้งพราวมาทำอะไรที่สวนหม่อมคนเดียวจ๊ะ”

       เสียงสตรีผู้ทะนงศักดิ์ เดินเข้ามาหาหม่อมรุ้งพราว โดยมีคนรับใช้สาวถือตะเกียงนำทาง 4 คน


“คุณพี่ ยังไม่นอนหรือคะ”


“ก็เห็นๆอยู่นี่ ว่าพี่ยืนคุยกับน้อง ถามพิลึกจริงๆ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ต้องการตำหนิไปในตัว


“นั่นสิคะ น้องไม่น่าถามเลย ”


“สีหน้าน้องไม่สู้ดี มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่าให้พี่ฟังได้นะ”


“ไม่มีค่ะ เอ่อน้องขอตัวก่อนนะคะ ง่วงพอดี”


“ฮึ ฟังให้ดีนะรุ้งพราว! อย่าได้คิดเพ้อฝันถึงโอรสของเสด็จพี่ ที่สิ้นชีพิตักษัยไปแล้ว ถ้าเธอไม่ฟัง อย่าหาว่าพี่ใจร้ายนะ”


“คุณพี่พูดเรื่องอะไรหรือคะ น้องไม่เข้าใจ”


“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เธอน่าจะรู้อยู่แก่ใจ  นี่รุ้งพราว  อะไรที่มันผ่านไปแล้วให้มันเป็นอดีตไปซะนะ”


“น้องไม่เข้าใจ คุณพี่พูดเรื่องอะไรคะ”


“สามหาว ปากดีนักนะ ข่าวลือคนทั่ววัง มากระทบหูพี่ บอกว่าเธอกำลังคางแครงใจเรื่องโอรสองค์เล็กของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ

เคยได้ยินไหมน้องรุ้งพราว คำโบราณว่าไว้ อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน ”


“เอ่อ น้องจะจำไว้ น้องขอตัวก่อนนะคะ”


“ตามสบาย น้องรุ้งพราว”

                หม่อมรุ้งพราวเดินเลี่ยงออกมาจากตรงที่หม่อมบุหลัน ผู้เป็นใหญ่ในเวลานี้และตอนนี้ หม่อมบุหลันมองเธอด้วยแวว

ตาหาความผิด หากเป็นอย่างเช่นที่คนเล่าขาน และเรื่องถูกเปิดแดงออกมา เธอคงไม่ปล่อยให้โอรสกลับมาวังนี้เด็ดขาด





มาต่อแล้วนะๆๆๆๆๆ  อิอิ  ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ใจเย็นๆๆนะ FC น้องน้ำ เลือดจ้าวยังไงก็คือจ้าว  ไม่ต้องรีบร้อน

นายเอกยังมีเวรกรรณ อีกเยอะ 555  พรุ่งนี้จะมาต่อ ตอนที่ 14 นะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 13 ✥ หน้า 2 Up. (19/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-09-2015 21:33:57
ตัวโกงโหดจัง
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 13 ✥ หน้า 2 Up. (19/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 19-09-2015 21:40:05
เรื่องราวเริ่มเข้มข้น น่าติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 13 ✥ หน้า 2 Up. (19/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 20-09-2015 09:20:13
ตอนที่ 14




      หญิงสาวไฮโซเดินเข้ามาในบ้าน ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ดุษฎีเห็นลูกสาวมีสีหน้าและท่าทางแบบนั้นก็อดอยากรู้ไม่ได้ ก่อนหน้าเค้าได้ให้ลูกสาวไปหาหม่อมหลวงภูธเนศที่บ้าน แต่ลูกสาวกลับมาบ้านด้วยสภาพแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่


“แอริน เป็นอะไรลูก”


“คุณพ่อ อยู่บ้านก็ดีแล้วค่ะ รินเบื่อแล้วนะคะ ไปถึงบ้านแต่ไม่เจอพี่เขต รินก็รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ต่อไปรินไม่เอาด้วยแล้วนะคะ แผนมัดมือชกของคุณพ่อเนี่ย”


“ใจเย็นๆก่อน เขตไม่อยู่บ้าน แล้วไปไหน”


“โอ้ย รินก็ถามบ่าวไพร่ ทุกคนแล้วไม่เห็นจะมีอ้ายอีที่ไหนบอกรินได้เลยค่ะ พอรินจะอยู่รอ เพื่อนของพี่เขตก็บอกว่า รอไปก็ไม่มีประโยชน์”


“เพื่อนเขตหรอ ใครกัน?”


“เท่าที่จำได้ก็ ชื่อแดนภพค่ะ รินเหนื่อย ขอตัวนะคะ”


“เดี๋ยวริน แดนภพที่ว่า ถ้าให้พ่อเดาไม่ผิด คือลูกชายของหม่อมราชวงศ์ประศิต แดนภพคนนี้เค้าเป็นหม่อมหลวง เป็นแพทย์ด้วยนะ”


“แล้วไงคะ” แอรินทำสีหน้าเบื่อสุดๆ


“ก็บอกให้รู้ไว้ จะได้ไม่ไปก้าวร้าวกับเค้า หัดทำตัวน่ารัก ให้เค้าเห็นว่าเหมาะสมกับคุณเขตจะได้ไหม ครอบครัวของเรากำลังเดือดร้อน”


“เดือดร้อน? ไม่จริงค่ะคุณพ่อ ครอบครัวเราจะเดือดร้อนเรื่องอะไร รินก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนหรือขัดสนอะไรเลยนี่คะ”


“เรื่องนี้แกไม่ต้องรู้ แต่ไปทำตามที่พ่อสั่งให้สำเร็จ เข้าใจไหม”


“คุณพ่อ รินบอกแล้วนี่คะว่ารินไม่เอาแล้ว พี่เขต ดูไปดูมา ก็เหมือนกับไม่สนใจรินเลย ยิ่งพักหลังๆมานี้ยิ่งแล้วใหญ่ หลบหน้าไม่รับโทรศัพท์รินเลย”


“ก็พยายามหน่อยสิ แอริน ลูกรัก พ่อเชื่อว่ารินทำได้”


“จะช่วยอีกครั้งก็ได้ค่ะ แต่คุณพ่อต้องสัญญาก่อนว่าพรุ่งนี้จะให้เงินรินไปช็อปปิ้ง 3 หมื่นบาท”


“เอ้าๆ ก็ได้ๆ แต่อย่าลืมที่พ่อบอกด้วยนะ ไปทำให้สำเร็จด้วย”


“รักคุณพ่อที่สุดเลย รินไปอาบน้ำก่อนนะคะ”


“อืมๆ”


              หนุ่มใหญ่วัยกลางคนมองดูลูกสาวของตัวเองอย่างเหนื่อยใจ จริงๆเค้าไม่ต้องการโกหกแอรินเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่

ต้องการให้ลูกสาวตัวเองมีคู่ครองที่ดีมีภูมิฐาน อนาคตจะได้ไม่ลำบาก เพราะรู้ว่าลูกสาวเป็นคนฟุ่มเฟือย และไม่เคยลำบาก ถึงได้

ผลักดันให้ได้กับเขตให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเค้ากำลังหาคู่ครองอยู่ก็ได้ หากช้าไปจะไม่ทันการ








             น้ำนอนไม่หลับ เพราะไม่คุ้นเคยกับห้องเดิมที่เคยอยู่ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นห้องของเค้าเองมาก่อนก็ตาม หากแต่เพียง มี

บุรุษร่างใหญ่นอนอยู่ข้างๆด้วย  ที่นอนของน้ำไม่ได้วิจิตรหรูหราเหมือนอยู่ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช แต่ที่นี่น้ำใช้เพียงที่นอนรองพื้น

เท่านั้นเอง น้ำหันไปมองเขตหลายครั้งที่นอนหลับไปแล้ว หันหน้ามาทางร่างบางอยู่  น้ำก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงได้หลับ

อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่คนทั่วไป หากได้นอนหรือพักสถานที่ต่างถิ่นย่อมนอนไม่หลับอยู่แล้ว


“เอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นั่นแหละ ไม่ง่วงหรอ” เสียงของเจ้านายดังขึ้นทั้งๆที่หลับตาอยู่อย่างนั้น น้ำสะดุ้งตกใจทันทีเพราะไม่คิดว่า
เขตจะรู้สึกได้

“คุณเขต!”

“ตกใจละสิ ฉันยังไม่หลับ ว่าแต่นายเถอะ เมื่อไหร่จะนอน”

“ผมไม่คุ้นครับ ปกติไม่มีคนนอนข้างๆ”

“เพราะฉันสินะ โอเค เดี๋ยวฉันไปนอนที่ห้องด้านล่างแล้วกัน เห็นมีอยู่ห้องนึงน่าจะใช้นอนได้”

“คุณเขต ไม่ต้องไปหรอกครับ เดี๋ยวผมก็คงจะชิน ห้องนั้นเป็นห้องเก็บของ ฝุ่นเยอะเดี๋ยวคุณจะหายใจไม่ออกเปล่าๆ”

“เป็นห่วงฉันหรอ” เขตพูดด้วยเสียงแผ่วเบา  ร่างบางเงียบไปสักพักแล้วถึงตอบคำถามเจ้านายไป

“ก็เป็นห่วงทุกคนแหละครับ ถ้าใครไปพักห้องนั้นผมก็ต้องบอกเป็นธรรมดา”

“นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ น้ำ”

“ครับ ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว แกนอนต่อเถอะ อากาศข้างนอกหนาวมาก ฝนก็เพิ่งจะหยุดตกไป ห่มผ้าเยอะๆ”

เขตพูดพรางหยิบเอาผ้าห่มของตัวเองห่มให้น้ำ ร่างบางตกใจมาก ไม่คิดว่าเจ้านายจะทำอะไรให้เค้าแบบนี้

“คุณเขต เอามาให้ผมหมดแบบนี้ แล้วคุณเขตจะห่มอะไรล่ะครับ”

“ฮึ เป็นห่วงคนอื่นอยู่เรื่อย เมตตาคนไปทั่ว อภัยคนได้แบบง่ายๆ นี่สินะ ใครก็ถึงได้รักได้เอ็นดูแกนัก น้ำ”

“คุณเขต…” น้ำอายที่เขตชมต่อหน้าแบบนี้

“ก่อนหน้านี้ ฉันเคยให้แกเก็บเศษแก้วกลางสายฝน จนได้รับบาดเจ็บ แถมอีกวันถัดมาก็เป็นหวัดไป ”

“มันผ่านไปแล้ว อย่าเก็บมาพูดอีกเลยครับ”

“ทำไมแกไม่คิดจะเกลียด หรือจะโกรธฉันบ้างเลย น้ำ”

“คุณเขตไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ ขอแค่รู้เพียง คุณเขตเป็นเจ้านายที่ผมต้องเคารพ และดูแลให้ดีที่สุด”

“เจ้านาย! น้ำที่แกทำไปทั้งหมดเพราะเหตุผลนี้หรอ”

“คุณเขตหมายถึงอะไรครับ”

“เปล่า ฉันคงรู้สึกไปเองคนเดียว เอาล่ะนอนเถอะ พรุ่งนี้เดี๋ยวแกจะไม่สดชื่นเอานะ”

“ครับ คุณเขต ”

                      เขตพลิกตัวนอนไปอีกด้าน ละจากใบหน้าของน้ำแล้ว เขตรู้สึกเจ็บจี๊ดๆขึ้นมาทันที เพียงเพราะสิ่งที่น้ำทำไป

ทั้งหมด เพราะเค้าเป็นเจ้านายของน้ำ ไม่ใช่อย่างอื่น หรืออะไรก็ตามที่เค้ารู้สึกและคิดไปคนเดียว ร่างหนาอยากจะถามคำบางคำ

ที่มีอยู่ในใจมาก แต่ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะนะ เขตหลับตาลงช้าๆแล้วพยายามข่มตานอนให้หลับ ให้ข้ามคืนวันนี้ไป

เสียที









      เช้าวันใหม่บริเวณอาคารเรียนรวม ฟ้ามอญเดินไปเรียนคนเดียวเหมือนทุกครั้งเป็นประจำ แต่วันนี้กลับแปลกใจที่เห็นคู่อริขา

ประจำมายืนดักรอที่ต้นทางก่อนเค้า


“ว้า เจอกันแต่เช้าเลย สบายดีนะ ฟ้ามอญ”


“หลีกไป เรารีบ” ฟ้ามอญเดินเลี่ยง

“โอ๊ะๆๆๆๆ  จะรีบไปไหนวะ ฟ้ามอญ เพื่อนรักอุตส่าห์ทักทายนะ มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย”

“ถ้าเลือกได้ไม่ฟังได้ไหม”

“ก็ได้นะ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของนายเอง จะไม่ฟังก็ตามใจ”

“…”

“เงียบแบบนี้ ไม่เดินไปเรียนต่อแบบนี้ อยากฟังสินะ โอเค เล่าให้ฟังก็ได้”

“อย่าลีลาให้มันมากนัก มีอะไรก็เล่ามา อังกอ!”

“เมื่อวาน ได้ยินเค้าเล่ากันปากต่อปากว่า ต่อ มีแฟนใหม่แล้วแน่ๆ เป็นสาวสวยการบัญชี นี่เราหวังดีรีบมาบอกข่าวเลยนะ”

“เรื่องแค่นี้?”

“อืมใช่ ไม่ตื่นเต้นเลยหรอ”

“ไร้สาระ เอาเวลาไปขัดสมองให้มันดีๆหน่อยนะ ไม่ใช่มีแต่ขี้เลื่อย วันๆเลยคิดได้แต่เรื่องพวกนี้”

“แรงมาก แกว่าใคร”

“เอ้า ประสาทก็จะว่าใครล่ะ ก็มีแกกับฉัน แค่สองคน ”

“ไอ้ฟ้ามอญ เจอดีกะกูแน่มึง” อังกอยกหมัดขึ้นเหนือพื้นหวังจะชกเข้าที่ใบหน้า

“ก็เอาสิ เข้ามาเลย เก่งจริงเข้ามา กูเอาเครื่องนี้ช็อตมึงแน่ เข้ามา”

          ฟ้ามอญรีบหยิบอุปกรณ์ที่เหมือนกับเครื่องช๊อตไฟฟ้าออกมาโชว์ให้อังกอเห็น แต่เจ้าตัวกลับเชื่อขึ้นมาสนิทใจ จริงๆแล้ว

มันไม่ใช่เครื่องช๊อดไฟฟ้าหรอก แต่นี่เป็นวิธีเอาตัวรอดของฟ้ามอญต่างหาก


“ฟ้ามอญ นี่แกมีเครื่องช็อตไฟฟ้าพกติดตัวด้วยหรอ”


“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”


“ฝากไปไว้ก่อนเถอะ หม่อมภูวนนท์ ไม่มีทางสนใจแกหรอก จำเอาไว้”


“เอาสมองคิดบ้างก็ดีนะ แต่ละเรื่องที่พูดมานี่ ไปหลอกเด็กๆยังไม่อยากจะเชื่อเลย ไปได้แล้วไป๊”


“คอยดูนะ อีกไม่นานมึงจะไมได้มาลอยหน้าชูคอแบบนี้แน่”


“จะรอนะ แต่ตอนนี้หลบไป ฉันจะไปเรียน ไม่ใช่พวกว่างงาน การเรียนไม่เอา สาระแนเรื่องชาวบ้าน พวกแพ้แล้วพาล พวก….”


“พอแล้ว จะด่ากูไปถึงไหนกัน กูเกลียดมึง… ฟ้ามอญ”


“เกลียดกูหรอ ขอบใจนะที่เกลียด เกลียดให้นานๆหน่อยก็แล้วกัน อยากมีหมาไว้เห่าเล่นสนุกดี บาย”


“มึง ไอ้ฟ้ามอญ กุไม่หยุดแค่นี้แน่! จำไว้”


        อังกอคาดโทษฟ้ามอญ ที่ทำเป็นไม่ใส่ใจ ไม่สะทกสะท้านเค้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ก็กู่เรื่องปั้นข่าวมาให้แต่ฟ้ามอญกลับ

ไม่สนใจอะไรเลย ยิ่งสร้างความหงุดหงิดมากเข้าไปอีก เพียงเพราะไม่ต้องการมีคู่แข่งในเรื่องของความรัก


       ก่อนหน้านี้ อังกอเคยเรียนที่เดียวกันกับ ต่อ เมื่อสมัยตั้งแต่มัธยมต้น มัธยมปลาย และแอบชอบอยู่อย่างนั้นมาเป็นเวลา 6 ปี

แต่ ต่อ ไม่เคยสนใจและใส่ใจเค้าเลยแม้แต่น้อย อังกอเสียใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ละความพยายาม ก่อนหน้านี้ ต่อ มีสาวๆหลาย

คนเข้ามาตีสนิทหวังให้ได้ต่อเป็นแฟน แต่ก็แห้วไปตามๆกัน เพราะฝีมือของอังกอ คนเดียวที่สกัดดาวรุ้งออกไปจากชีวิตต่อจน

หมด แต่คราวนี้คงจะไม่เป็นอย่างนั้น ฟ้ามอญคือ ศัตรูหัวใจตัวจริง จิตใจฟ้ามอญและร่างกายแข็งแรงกว่าอังกอมาก จึงไม่น่า

แปลกใจที่ฟ้ามอญจะชนะเค้าทุกครั้ง แต่เรื่องเดียวที่ห้ามชนะก็คือ คามรัก ต่อต้องเป็นของอังกอคนเดียวเท่านั้น!









       ที่บานธำรงอาภรณ์นิชเดือดร้อนกันไปถ้วนหน้า เพราะมีสายตรงจากคนของวังฉัตรอรุณมาที่บ้านแต่เช้า ภัครพิชัย หัวเสีย

เพราะยังไม่ได้ความคืบหน้าของข้อมูลที่แท้จริงของน้ำได้เลยแม้แต่น้อย


“ครับ หม่อมรุ้งพราว”


“คุณชาย ได้ข่าวคราวของเด็กคนนั้นบ้างหรือยัง ไปสืบถึงไหนแล้ว”


“ขอให้หม่อมรุ้งพราว ใจเย็นๆก่อนนะครับ เห็นทีผมคงต้องไปที่บ้านของน้ำเองเสียแล้ว ตอนนี้น้ำเค้ากลับไปยังบ้านเกิดไปหาแม่

และพ่อของเค้าครับหม่อมรุ้งพราว”


“คุณชาย เรื่องนี้หากเร่งมือหน่อยจะดีมาก ตอนนี้หม่อมบุหลันรู้เรื่องของเราหมดแล้วนะ”


“จริงหรอครับ ไม่ได้การณ์แล้ว ผมต้องไปที่บ้านของน้ำเองแล้วล่ะครับ ”


“ขอบใจมากนะคุณชาย ฉันจะรอฟังข่าวดี”

           สายสนทนาจบลงไป ภัครพิชัยสีหน้าครุ่นคิด เค้าต้องไปที่บ้านของน้ำด้วยตัวเค้าเองเสียแล้ว คงจะรอให้เขตกลับมาไม่ได้อีกแล้ว 


“สงกรานต์ ไปเตรียมรถให้พร้อม ฉันจะไปหาน้ำที่บ้าน”


“เอ่อ คุณชายครับ สายตรงรายงานเข้ามา มีงานเข้าพอดีครับ ให้คุณชายไปที่ทำงานและประชุมด่วนครับ”


“อะไรนะ เฮ้อ แย่จริงๆเลย จะทำไงดีนะ งานเข้าแล้วไหมล่ะ”


“คุณชาย เอาไงดีครับ”


“คงต้องไปหาน้ำ วันอื่นแล้วล่ะ โอเค สงกรานต์เราจะไปงานหลักของเราก่อน กล้วยไม้!”


“คะ คุณชาย”


“โทรไปบอกหม่อมรุ้งพราวด้วยว่าฉันติดธุระด่วนไม่สามารถไปหาน้ำได้ แต่จะรีบหาเวลาไปให้เร็วที่สุด”


“ได้ค่ะคุณชาย กล้วยไม้จะบอกหม่อมรุ้งพราวตามนี้ค่ะ”









    อากาศยามเช้าแสนสบาย น้ำตื่นแต่เช้ามืดมาทำอาหารใส่บาตร แต่ก่อนเค้าก็ทำตลอด แต่หลังจากที่ไปอยู่บ้านคุณเขตแล้ว

เลยไม่ได้ทำบุญใส่บาตรแบบนี้เลย


“ตื่นแต่เช้าจัง ทำอาหารหรอ”


“คุณเขต ทำไมไม่นอนต่อล่ะครับ ยังไม่เช้าเลย”


“ไม่มีแกนอนอยู่ข้างๆ จะไปหลับได้ยังไง”


“…” น้ำเขินอายอีกครั้ง เขตพยายามพูดให้น้ำได้รู้สึกและยอมรับความรู้สึกนั้นออกมาจากใจเสียที เพราะเขตไม่ต้องการให้น้ำเก็บ

มันไว้แบบนั้น เค้าเชื่อว่าน้ำมีใจให้กับเค้า เหมือนๆกับที่เค้ามีใจให้กับน้ำเช่นกัน


“เงียบทำไม ที่ฉันพูดคือความจริงนะ”


“เอ่อ คุณเขตครับ สนใจไปใส่บาตรด้วยกันไหมครับ ” น้ำเปลี่ยนประเด็นเอาบุญมาถามแทน


“เอาสิ บุญนี้อาจจะทำให้เวรกรรมของเราในชาติก่อนๆหมดๆไปเสียที”


“ถ้าอย่างนั้น คุณเขต ถือถาดนี้นะครับ ส่วนถาดกับดอกบัวผมถือเอง”


“ของหนักแบบนั้นจะไปถือไหวได้ยังไง แกเดินตัวเปล่าก็พอแล้ว ฉันถือให้หมดนี่แหละ”


“ไม่ดีมั้งครับ ให้ผมถือแหละดีแล้ว ” น้ำดึงถาดกลับเข้าตัวเอง


“เชื่อฉันสักครั้งสิน้ำ อย่าดื้อได้ไหม เอามาให้ฉันถือ” เขตพูดด้วยความอ่อนโยน แล้วดึงถาดที่ว่านั้นกลับมา


“ไม่เป็นไรครับ คุณเขตจะหนักเปล่า” น้ำยังดื้อดึงที่จะถือให้ได้


“เอ๊ะ แกนี่ยังไงนะ เอามาให้ฉันดีกว่า อย่าดื้อ”

"อุ้ย!"

"น้ำระวัง!" เขตร้องอุทานเสียงดัง


   คราวนี้ เขตออกแรงดึงถาดหนักไปหน่อย ทำให้น้ำเสียหลักเขตรีบวางถาดตัวเองลงแล้วเอาตัวรองรับน้ำ ที่กำลังจะตกถึงพื้น  ร่าง

บางหลับตาสนิท เพราะไม่กล้ามองว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้


     แต่ก็ต้องสงสัยเพราะตัวของน้ำเองไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย น้ำค่อยๆลืมตาขึ้นมามองก็พบว่าเค้านอนทับเขตอยู่ อกใหญ่ๆ

นั้นมันอุ่นจนน้ำอธิบายไม่ถูก แววตาดุจพญาอินทรีมองเข้าไปนัยน์ตาของน้ำอย่างละเอียด น้ำเขินอายจนไม่รู้จะทำอะไรต่อได้แต่

หลบสายตาไปทางอื่น


       เขตเห็นว่าน้ำละสายตาจากเค้าไป เค้าก็เอามือสองข้างจับหันหน้าน้ำกลับมามองสบตาเค้าอีกครั้งอย่างอ่อนโยน น้ำทำอะไร

ไม่ถูกเลยในตอนนี้ มันเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน


“น้ำ ไม่เจ็บใช่ไหม” สิ่งแรกที่เขตถามร่างบางอย่างเป็นห่วง


“ไม่ครับ คุณเขตต่างหากที่จะเจ็บ”


“ไม่เลย ฉันสบายมาก ฉันทำขนาดนี้แล้ว นายรู้สึกอะไรบ้างไหม”


“รู้สึกอะไรครับ”


“น้ำ ได้โปรด อย่าหลบสายตาฉัน แล้วตอบคำถามของฉันอีกครั้ง ตามความรู้สึกของนายจริงๆ”


“คุณเขต… ผม คือ ผม…”


“น้ำ เกิดอะไรขึ้น!”


       เสียงดังทักขึ้นมาติดๆ ร่างบางรีบผละออกจากตัวของภูธเนศเจ้านายผู้หล่อเหลาทันที ตะวันกับภูผายืนมองน้ำกับเขต

ที่นอนทับเมื่อครู่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น


“พี่ตะวัน พี่ภูผา ”


“น้ำ คุณเขต ไปนอนกองกันอยู่ด้านล่างได้ยังไง”

“เอ่อ อุบัติเหตุนิดหน่อย แต่โชคดีที่น้องพวกนายไม่ได้เป็นอะไร” เขตรีบตอบสองพี่น้อง


“อย่างนั้นหรอครับ” ตะวันพูดเชิงไม่อยากเชื่อเท่าไหร่


“จริงๆครับพี่ตะวัน คุณเขต เอาตัวเองมารับตัวน้ำ ไม่ให้ตกลงพื้น น้ำไม่เป็นอะไรเลย ”


“ก็ดีแล้ว  เออนี่ พี่ใส่บาตรด้วยคนสิ น้ำกลับมาทั้งทีพี่อยากทำบุญกับน้ำเหมือนกัน” ตะวันต้องการพูดให้เขตได้ยิน


“พี่ด้วยคนนะน้ำ พี่ก็อยากทำ” ภูผาพูดสมทบขึ้นมาบ้าง


“ได้สิครับ ใส่คนละหนึ่งอย่างพออยู่แล้ว”


“พอได้ยังไงกัน มีข้าวจ้าว อาหาร 2 อย่าง กับดอกบัว”


“ก็ไม่เห็นยากเลยนี่ครับ น้ำใส่ดอกบัวก็ได้นะ”


“เอาอย่างนั้นก็ได้ คุณเขตจะเลือกเอาอะไรใส่บาตรครับ”ตะวันหันถามร่างสูงที่ยืนมองน้ำอยู่พักใหญ่


“ผมใส่บาตรกับน้ำแล้วกันครับ”

“อย่างนั้นก็ได้ครับ น้ำพี่ว่าเราไปตั้งโต๊ะวางของรอหลวงพ่อดีกว่านะ”

“ครับพี่”



    หลังจากที่น้ำเดินนำทุกคนไปที่หน้าบ้าน ตะวันกับภูผาเดินเข้ามาประกบเขตทันที


“อยู่ให้ห่างจากน้องของพวกผม คุณทำได้ไหม” ตะวันเปิดประเด็นสั่งทันที


“ใช่ พวกเราดูคุณออก คุณกำลังคิดอะไรอยู่กับน้ำ ให้เลิกคิดซะแล้วจะหาว่าไม่เตือน” ภูผาพูดสมทบทันที


     ร่างหนารับฟังสองพี่น้องพูดเชิงสั่งเค้าแบบเงียบ โดยที่ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น มันเรื่องอะไรที่เค้าจะต้องทำตามสองพี่น้องนี่ น้ำมี

ชีวิตของเค้าเอง ไม่เกี่ยวกับสองคนพี่ชายเสียหน่อย


“คุณเขต คุณยังไม่ตอบคำถามพวกเราเลยนะ”


“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบพวกนาย ฉันคิดยังไงก็ทำไปอย่างนั้น ฉันเป็นทหารคิดจริงทำจริง”


“น้ำน่ะ ไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นและจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ” ตะวันพูดต่อ


“ทางที่ดี คุณควรจะปฏิบัติกับน้ำอย่างระมัดระวัง จะดีกว่านะ”ภูผาเสริมคำพูดขึ้นมาอีก


     ร่างหนาสงสัยมากในคำพูดของสองพี่น้องนี่ หรือว่าจะเป็นวิธีการขู่และปกป้องน้องชายตัวเองธรรมดาๆตามประสาพี่ห่วงน้อง

หรือที่พูดอาจจะเป็นเพราะจุดประสงค์อะไรแอบแฝงกันแน่นะ ร่างหนาเดินยกถาดใส่บาตรตามน้ำออกไป โดยไม่สนใจสองพี่น้อง

นี้อีกเลย

            ตะวันและภูผา มองหน้ากันแบบเหนื่อยใจ สิ่งที่พวกเค้าได้เตือนก็ทำไปหมดแล้ว จริงๆเรื่องก่อนหน้านี้หลายวัน ชื่น ผู้

เป็นแม่ของตะวันและภูผาโดยแท้จริงได้ ตัดสินใจเล่าเรื่องชาติกำเนิดของน้องชายสุดที่รักของพวกเค้าให้ฟัง  สองพี่น้องไม่เชื่อ

และทำใจอยู่นาน  มันยากเกินที่จะอธิบายได้ ใครจะไปคิดว่าคนสนิทและเป็นดั่งพี่น้องกันๆ แท้จริงแล้วกลับต่างกันคนขั้ว  ไม่

แปลกเลยที่ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ จะมีแต่คนทักตลอดว่า น้ำกับพวกเค้าสองคนนั้นไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ในรูปพรรณสัณฐาน


     แต่มาวันนี้เค้าเข้าใจแล้ว และพยายามปรับตัวให้ปกติทุกอย่าง และแน่นอนว่าสองพี่น้องปรับตัวทันและไม่มีอาการแสดงออก

ถึงความเคารพและเกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าน้องชายของพวกเค้า พวกเค้าทำหน้าที่ได้เพียงแค่ปกป้องเท่านั้น


     เค้าไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ที่น้ำไปอยู่บ้านคุณเขต น้ำจะสุขสบายหรืออะไรก็ตามแต่ หลังจากนี้พวกเค้าจะต้องดูแลน้ำให้ถึงที่

สุดตามที่ชื่นและเวท พ่อแม่ของเค้าบอกและอยากให้ช่วย และพวกเค้าทั้งสองคนยินดีที่จะช่วย เพื่อความปลอดภัยของน้ำ  หรือ

หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ไกลเกียรติขจรกุล แห่งวังฉัตรอรุณ





มาต่อแล้วนะๆๆๆๆ   ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างเนาะ  สปอยให้นิดนึง เห็นเขตเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองแบบนี้ ทำดีกับน้ำแบบนี้ แต่จริงๆแล้ว ยังจะมีหลายเรื่องที่จะทำให้น้ำเสียใจและเจ็บปวด อีกนะ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: ตอนนี้เพียงแค่เค้าสับสน เท่านั้น  :katai4: :katai4: :katai4:

เจอกันใหม่ ตอนที่ 15 16 ในวันเสาร์ที่ 26 และวันอาทิตย์ที่ 27 กันยา นะ บ้ายบาย



 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 14 ✥ หน้า 2 Up. (20/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-09-2015 18:54:01
เพิ่งจะมีโอกาสได้อ่าน
อ่านรวดเดียวเลย
น้ำน่ารักจังเลย
รอลุ้นเรื่องราวของน้ำ
และเรื่องของเขตกับน้ำต่อไป
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 14 ✥ หน้า 2 Up. (20/8/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 26-09-2015 09:26:06
ตอนที่ 15



          ที่เรือนปูนขนาดใหญ่หน้าวงเวียน แห่งวังฉัตรอรุณ หญิงวัยกลางคนนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่สีหน้าดุเกรี้ยวกราด บ่าวรับใช้ 2

คนนั่งก้มหน้า บรรยากาศตึงเครียด  หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ เดินออกจากห้องมาก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย


“หม่อมแม่ ใครทำให้หม่อมแม่ไม่พอใจหรือคะ” ท่านหญิงกล่าวพร้อมเดินไปนั่งข้างๆเก้าอี้ไม้ที่หม่อมบุหลันนั่งอยู่


“แม่ไม่เป็นอะไร แล้วนี่ลูกจะไปไหน แต่งตัวสวยเชียว” เธอใช้สายตากวาดสำรวจร่างของลูกสาว


“ไปพาว่าที่เจ้าสาวลองชุดหมั้นและชุดแต่งงานเจ้าค่ะ ”


“แต่งงาน เพื่อนคนไหนล่ะลูก”


“พริ้ม เจ้าค่ะ เพื่อนสมัยเรียนที่ฝรั่งเศสด้วยกัน”


“ดูสิ เพื่อนๆของลูกเค้ามีชายมาหมายหมั้น แล้วเมื่อไหร่ลูกของแม่จะมีเสียที”


“หม่อมแม่เจ้าคะ ลูกไม่อยากมีหรอกเจ้าค่ะ ชายหนุ่มพระยศหม่อมเจ้า ทั่วกรุงเทพฯ ลูกไม่ชอบเลยซักคน”


“ท่านหญิงเพคะ ถ้าไม่โปรดใครเลย ทำไมท่านหญิงไม่ลองเปิดใจหลานชายเศรษฐีดุษฎีดูล่ะเจ้าคะ”


             สาวใช้คนสนิทของหม่อมบุหลันนาม  ขจี  แนะนำอย่างเป็นกันเอง แต่ดูเหมือนเธอจะพูดผิดที่ผิดเวลา

“อีขจี พูดคำไพร่ๆแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ลูกสาวฉันเป็นถึงหม่อมเจ้า แล้วเหตุใดจึงจะให้ลูกฉันไปสนใจหลานชายของเสี่ยสิงห์

แกนี่มันน่าลงหวายนักนะ”


“หม่อมแม่ อย่าโกรธขจีเลยเจ้าค่ะ ขจี พูดเล่นตามประสา ขจี ขอโทษหม่อมแม่สิ”


“เจ้าค่ะๆ ขอประทานโทษเจ้าค่ะ หม่อมบุหลัน ขจี ไม่ได้ตั้งใจจะพูด”


“ดี หากคำพูดแบบนี้หลุดออกมาอีก ฉันจะลงหวายแกแน่ อีขจี บ่าวไพร่เรือนนี้นี่มันยังไงกัน หัดคิดก่อนพูดเสียบ้างนะ”


“เจ้าค่ะๆ ต่อไปจะระวังปากเจ้าค่ะ” ขจี ตัวสั่น เพราะไม่เคยถูกหม่อมบุหลันลงหวาย แต่เธอเคยเห็นเพื่อนๆบ่าวรับใช้คนอื่นๆโดน

มาแล้ว ทายาหลายวันกว่าจะหาย


“ขจี วันนี้อากาศดี ไปกับฉันไหม”


“ท่านหญิง จะเสด็จไปไหนหรอเพคะ ”


“เรื่องเมื่อครู่แหละ”


“ว้าย ไม่ดีกระมังเพคะ เพื่อนของท่านหญิงอาจจะไม่ชอบที่ขจีไปเพ่นพ่านได้”


“อย่าคิดมากสิ พริ้ม เพื่อนของฉัน ใจดีเป็นไหนๆ”


“ถ้าอย่างนั้น ขจี ไปด้วยเพคะ เผื่อท่านหญิงจะทรงให้ขจีช่วยถือของอื่นๆ”


“ดีจ้ะ ไปเตรียมตัวก่อนเถอะ หม่อมแม่เจ้าคะ ลูกจะรีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ”


“อืม ไปเถอะ ”


“ลูกไปแล้วนะเจ้าคะ ” ท่านหญิงรัมภาพรรณ ไหว้หม่อมบุหลันแล้วเดินออกจากเรือน ไปที่รถยนต์ที่จอดรอหน้าเรือน


หม่อมบุหลันเห็นลูกสาว ขึ้นรถไปแล้ว ก็หันมาสั่งคนของเธอทันทีด้วยสีหน้าคร่ำเครียด


“แก สองคนมานี่”


“ครับหม่อมบุหลัน”

“ไปสืบมาให้ได้มาเรือนของหม่อมรุ้งพราว กำลังคิดอ่านการณ์ใด เรื่องของหม่อมเจ้าองค์เล็กเมื่อ 20 ปีก่อน  ”


“ครับ หม่อมบุหลัน”



“เจ็บใจนัก ถ้าหากหม่อมเจ้าองค์เล็กยังมีชีวิตอยู่ ป่านก็คงจะย่าง 21 ชันษาแล้ว แล้วนี่ลูกสาวฉันจะได้สมบัติอะไรล่ะ มีหม่อมเจ้าชยาดล ก็เกินพอแล้ว ฉันไม่ยอมแน่”


            หญิงสาววัยกลางคนสีหน้าเกรี้ยวกราดอีกครั้ง สตรีผู้มีอำนาจล้นเหลือในวังฉัตรอรุณแห่งนี้ ทุกคนต่างให้ความเคารพ

ยำเกรง เพราะเธอโหดร้าย ใครๆก็ทราบดี ด้วยความที่เธอเป็นชายาคนแรกของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ และอยู่วังนี้มาก่อนใคร พูด

ง่ายๆ เธออยู่คู่กับเสด็จพระองค์ชายมาตั้งแต่ตอนอยู่วังทิพย์(วังทิพย์คือ วังของเสด็จแม่พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ หรือมีศักดิ์เป็นพระ

อัยยิกา(ย่า)ของน้ำ ท่านหญิงรัมภา ท่านชายดล) 








             ช่วงสายอากาศ ชมบทก็ไม่ต่างจากในกรุงเทพหรือในเมืองเสียเท่าไหร่ แดดช่วงปลายฝนต้อนหนาวก็ไม่ใช่เล่นๆ ตะวัน

ภูผา และน้ำ มาทำงานที่สวนมะพร้าวของคนในชุมชน แน่นอนว่าพระเอกหนุ่มหล่ออย่างเขตก็ต้องพ่วงมากับคนอื่นเค้าด้วย


“นี่ คุณเขต ผมว่าคุณไม่ต้องมาก็ได้นะ น่าจะรออยู่บ้าน” ตะวันบอกเขตที่ทำท่าทางเหมือนคนไม่อยากมาเท่าไห่


“ไม่เป็นไร ผมอยากมา” เขตตอบแบบปัดๆไป


“น้ำ ไปนั่งรอที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ก่อนนะ” ภูผา พี่ชายคนกลางบอกร่างบางที่พวกเค้ารัก


“ไม่เอาหรอกครับ พี่ น้ำตั้งใจมาช่วยเลยนะ ”


“ไม่ได้ๆๆ ห้ามน้ำทำงานเด็ดขาด!” ตะวันตะโกนเสียงดุทันที


“ทำไมล่ะคุณ   น้องพวกคุณอยากช่วย ก็ให้เค้าช่วยสิ” เขตออกความคิดเห็น


“อย่างคุณ! ไม่มีทางรู้และเข้าใจหรอก” ภูผาเดินมากระซิบบอกเขต เจ้าตัวถึงกับงง


“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวน้ำไปรอพี่ๆที่ใต้ต้นมะพร้าวต้นใหญ่แล้วกันนะครับ”


            ร่างบางพยายามไม่เรื่องมาก เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้ดูมวยคู่เอกเป็นแน่ น้ำเดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้น เขตมองตาม

น้ำอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ถามอะไรไม่ได้  ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิด เพราะในชีวิตของเค้าไม่เคยทนอะไรได้นานขนาดนี้ ถ้าอยู่ที่บ้านป่าน

นี้คงระเบิดอารมณ์ไปแล้ว



           น้ำเดินมานั่งพักใต้ต้นมะพร้าว ที่ตอนนี้สายลมพัดค่อนข้างแรงแต่เป็นลมที่กำลังจะบอกสัญญาณว่า ฤดูหนาวกำลังจะมา

แล้ว มันเป็นสายลมที่ใครก็ชอบทั้งนั้น เพราะมันเย็นและทำให้ร่างกายสบายมากทีเดียว ต้นมะพร้าวถูกแรงของลมกระทำอยู่นาน

ลูกมะพร้าวก็ไม่อาจจะต้านได้เหมือนกัน ลูกที่แก่พร้อมจะร่วงหล่นลงพื้นก็ไหวสั่น แต่ร่างบางกลับไม่รู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

เลยแม้แต่น้อย






ตุ๊บ!!



            เสียงที่น้ำกลัวนั้น คือผลของมะพร้างที่ตกหล่นลงจากต้นด้วยความเร็ว กระแทกเข้ากับศีรษะของร่างบาง ที่ตอนนี้สลบ

แน่นิ่ง รอยเลือดที่ไหลเอ่อนองไม่ขาดสาย เขตได้ยินเสียงนั้นมาแต่ไกลพอหันกลับไปมองที่ต้นเหตุ หัวใจเค้าแทบหยุดเต้น ขา

ทั้งสองข้างของเขตพาร่างหนาสูงมาถึงที่เกิดเหตุ


“น้ำ!!!  น้ำ อย่าเป็นอะไรนะ”


“น้ำ!!!” ตะวันและภูผาตะโกนและวิ่งตามมา







   การประชุมเสร็จสิ้นไปด้วยดีกินเวลาไปกว่า 4 ชั่วโมง ภัครพิชัยเหนื่อยกับการประชุมธุรกิจครั้งนี้มาก แต่ก็ไม่ลืมที่จะสานเจตนา

ของหม่อมรุ้งพราว  ดุษฎีร่วมการประชุมธุรกิจครั้งนี้ด้วย เจ้าตัวเดินเข้ามาทักทายหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย อย่างเป็นกันเอง


“คุณชาย จะไปไหนต่อหรือครับ เห็นเร่งรีบ”


“อ้อ มีธุระนิดหน่อย ว่าแต่เสี่ยสิงห์เถอะ พักนี้ธุรกิจโรงแรมไอยรา เป็นยังไงบ้าง”


“ก็ดีครับ ลูกค้าเยอะดี อ้อ ได้ข่าวว่าคุณเขตลูกชายของคุณชาย ไม่อยู่บ้าน ไม่ทราบว่าจะกลับตอนไหนครับ”


“เขตไปทำธุระแทนผม ผมให้เค้าพาน้ำ ลูกบุญธรรมของผมกลับไปเยี่ยมบ้าน อีก 2 3 วันก็น่าจะกลับ”


“อย่างนั้นหรือครับ อ้อ แล้วคุณต่อ ลูกชายคนเล็กล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง”


“ต่อ สบายดี ตอนนี้เรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว ปี 1 อยู่เลย”


“อ้อ อย่างนั้นหรือครับ แล้วนี่หากผมจะให้ยัยแอรินไปที่บานบ่อยๆ คุณชายจะว่าอะไรไหมครับ”


“ได้สิครับ ได้เลย”


“ขอบคุณมากครับคุณชาย เอาเป็นว่าวันหลังเราค่อยมานั่งคุยกันแบบยาวๆ วันนี้คุณชายดูเร่งรีบ ผมไม่ชวนคุยดีกว่า”


“พูดแบบนี้ เสี่ยสิงห์มีอะไรหรือเปล่า”


“จริงๆก็มีแหละครับ อันที่จริงลูกสาวผมกับคุณเขต ก็รู้จักกันมานาน ส่วนคุณเขตเองก็ยังไม่มีใคร ผมเลยคิดว่า…”


“อ้อ เสี่ยสิงห์ คงจะยังไม่รู้ ตอนนี้เขต ลูกชายผม ดูท่าทางเค้าเหมือนกำลังจะชอบใครสักคนอยู่ แต่ก็อย่างว่านะครับ คนเป็นพ่อ
ย่อมรู้ดีว่าลูกต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไร ผมขอตัวก่อนนะครับ”


“ครับผมๆ ”


          ดุษฎีมองตามแผ่นหลังของคุณชายภัครพิชัยไป โดยที่ภายในจิตใจนั้นมีแต่คำถามมากมายที่อยากรู้ หม่อมหลวงภูธเนศ

ไม่เคยคิดจะมีใครเลยในชีวิตนอกจากแอริน แค่ทำไมจู่ๆภัครพิชัยถึงได้พูดออกมาแบบนั้น เสี่ยสิงห์คิดแล้วก็เจ็บแทนลูกสาว เห็น

ทีเรื่องนี้ต้องเร่งให้เร็วที่สุด จะให้ใครมาชิงคุณเขตไปจากลูกสาวเค้าไม่ได้เด็ดขาด



“ไม่มีทางหรอก คุณเขตต้องคู่กับลูกสาว แอรินของฉันคนเดียวเท่านั้น ฮึ”





            ภัครพิชัยเดินออกจากลิฟต์ด้วยความเร่งรีบ โดยมีสงกรานต์นั่งรออยู่ที่หน้าเซอร์วิส ตั้งแต่เช้าพอเห็นภัครพิชัยเดินลงมา

แล้ว สงกรานต์ก็ตรงดิ่งไปหาทันที


“คุณชายครับ รถผมจอดไว้ตรงหน้าบันไดแล้วครับ”


“ดี ไปกันเลย ฉันเองก็อยากรู้แล้วว่า สรุปน้ำเป็นใครกันแน่”


“สร้อยของหม่อมเจ้าชยาดลนี่ครับ”


“ใช่หม่อมรุ้งพราวเอามาให้ มัดตัวหลักฐาน สงกรานต์ ไปที่บ้านของหนูน้ำเลย”


“ครับคุณชาย”


             รถเก๋งสีขาว ขับออกจากตึกประชุมโดยเร็ว ภัครพิชัยนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเอาเสียเลย คำถามผุดขึ้นในสมองเต็ม

ไปหมด ถ้าหากน้ำเป็นหม่อมเจ้าจริงๆ แล้วเค้าจะทำยังไง เค้ารักและห่วงน้ำเหมือนลูกในใส่ ไม่แพ้เขตและต่อเลย หากเป็นอย่าง

นั้นจริงๆเค้าก็คงจะแค่ยอมรับ และพาน้ำกลับวังฉัตรอรุณให้เร็วที่สุด










           น้ำถูกส่งตัวมาที่ รพ.โดยมีเขต ตะวันและภูผา อยู่ด้วยอย่างใกล้ชิด  ผ่านไป 3 ชั่วโมงที่ห้องฉุกเฉินหมอยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเลย   ชื่นและเวทตามมาที่หน้าห้องหลังจากรู้ข่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


“ตะวันๆ  ท่านชา…” ชื่นหยุดเอ่ยถามลูกชายทันที หลังจากที่รู้ว่าเขตเองก็อยู่ที่นี่


“แม่ น้ำถูกลูกมะพร้าวตกกระแทกหัว ตอนนี้หมอยังไม่ออกมาเลยจ้ะแม่”

“โถ่ น้ำ ขอคุณพระคุณเจ้า คุ้มครองน้ำทีเถอะ” เวท ยกมือไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์


“แม่ พ่อ พี่ตะวัน หมออกมาแล้ว” ภูผาทำเสียงตื่นเต้น


“คุณหมอ ลูกดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”


“ใจเย็นๆก่อนนะครับ คือตอนนี้หมอได้ตรวจดูสมองอย่าละเอียด คนไข้ได้รับแรงกระทบที่ศีรษะค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้คนไข้พ้น

ขีดอันตรายแล้ว แต่…”


“แต่อะไรครับหมอ” เมทรีบถามหมอทันที


“หมอไม่รู้ว่า จะมีอะไรผิดปกติไป ยังไงหมอต้องรอดูตอนคนไข้ได้สติก่อนนะครับ”


“แล้วน้องผมจะเป็นอะไรมากไหมครับ”ตะวันถามด้วยความเป็นห่วง




“น้ำ!!!” เขตอุทานแล้วรีบเข้าไปในห้องอย่างเร็ว



“คุณๆ เข้าไปไม่ได้นะครับ” หมอพยายามห้ามเขตแต่ไม่ทันแล้ว ร่างหนาตรงดิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ไม่ฟังใครทั้งนั้น


“ญาติคนอื่นๆให้รอด้านนอกนะครับ”


“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะหมอ” ชื่นแทบล้มทั้งยืน


“แม่  พี่ตะวันแม่เป็นลม” ภูผารีบเข้ามาประคองชื่นไปนั่งที่เก้าอี้




           ภายในห้องฉุกเฉิน เขตมองดูน้ำด้วยความเศร้าใจ ร่างบางที่เค้าเคยเห็น ร่าเริงและสดใส แต่ตอนนี้กลับนอนแน่นิ่งไม่

ขยับร่างกายแม้แต่น้อย จะมีก็แต่หน้าอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเท่านั้น


“น้ำ  ฉันอยู่ตรงนี้แล้วนะ ได้ยินที่ฉันพูดไหม”


      เขตน้ำตาคลอเบ้า มือใหญ่เอื้อมไปลูบที่แก้มขวาของน้ำ ร่างบางไม่ตอบสนองอะไรจากเค้าเลยแม้แต่น้อย


“น้ำ หายไวๆนะ ฉันจะอยู่เฝ้านายเอง” เขตนั่งลงข้างๆเตียงพร้อมกับจับมือน้ำมากุมไว้


“ฉัน อยู่ไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่มีนาย นายเข้าใจใช่ไหม” เขตยังคงพูดต่อไป โดยมีพยาบาล 2 คนยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความสงสาร


“เธอ น่าสงสารเนาะ น้องตัวเล็กคนนั้น ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาจะปกติรึเปล่า สมองถูกกระทบกระเทือนขนาดนั้น”


“หยุดพูดเหลวไหลนะ มีงานอื่นก็ไปทำซะ ไป!!!”


       เขตตลวาดพยาบาลสาวสองคนดังลั่น จนพวกเธอต้องรีบเผ่นหนีไปอย่างเร็ว  เขตเริ่มกังวลอะไรหมายๆอย่างเสียแล้ว หาก

เป็นอย่างที่พยาบาลสองคนคุยกันจริงๆ แล้วเค้าจะทำยังไง เค้ายังไม่ได้ขอโทษสิ่งที่ทำไว้กับน้ำเลย และอีกอย่างสิ่งที่เค้าอยากรู้

คำตอบของหัวใจน้ำ แล้วอย่างนี้ชีวิตนี้เค้าจะต้องรออีกเท่าไห่ น้ำถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม


“ไม่!!! ไม่มีทาง น้ำต้องไม่เป็นอะไร  น้ำต้องหาย ฉันรอนายอยู่นะน้ำ ตื่นขึ้นมามองหน้าฉันเร็วๆนะ”


          น้ำตาของลูกผู้ชายชาติทหารอย่างพันเอกภูธเนศ หยดลงที่มือของน้ำ  เขตเสียใจมากและหลับอยู่ข้างๆเตียงของน้ำตรง

นั้น ไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงของหมอและพยาบาลเลย  แต่ก็เป็นอย่างเคย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขตได้หรอก หากสิ่งไหนที่เค้า

ต้องการเค้าก็ต้องได้



   ภัครพิชัยและสงกรานต์ขับรถมาถึงบ้าน หลังเล็กๆที่เมื่อ 3 4 เดือนก่อนเค้าได้มาเยือนที่นี่และพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับบ้านไปด้วย

แต่มาวันนี้ที่บ้านดูเงียบ เหมือนไม่มีใครอยู่จะมีก็แต่ รถตู้สีดำที่ภัครพิชัยคุ้นตามาก


“คุณชายครับ เหมือนจะไม่มีใครอยู่บ้านเลยนะครับ”


“แต่รถของฉันก็ยังอยู่ที่นี่นะ แล้วยี่ไพบูลย์ไม่อยู่ที่บ้านหรอ ”


“เดี๋ยวผมติดต่อให้ครับคุณชาย”


“อืมดี งั้นฉันลงไปเดินดูในบ้านรอนะ”


“ครับคุณชาย”



        ภัครพิชัยเดินลงจากรถ แล้วสังเกตไปรอบๆบ้านเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ไม่มีใครอยู่บ้านเลย หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่ดีหรือ

เปล่านะ


“คุณชายครับ ไพบูลย์อยู่ที่บ้านนี่แหละครับ”


“อ้อหรอ แล้วไหนล่ะ”


“มาแล้วครับ คุณชายสวัสดีครับ”


“ไพบูลย์ คนบ้านนี้ไปไหนกันหมด”


“เมื่อสองชั่วโมงก่อน ชื่นกับเวท สองสามีภรรยา รีบไปที่ โรงพยาบาล ครับ”


“ไปโรงพยาบาล ใครเป็นอะไร”


“น้ำครับคุณชาย น้ำเข้าโรงพยาบาล”


“น้ำเป็นอะไรไพบูลย์ ”


“ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่า สองคนนั้นพอรู้ข่าวก็รีบออกไปเลย และบอกให้ผมเฝ้าบ้านเอาไว้”


“ไม่ต้องเฝ้าแล้ว พาฉันไปโรงพยาบาลที่ว่า ทีเถอะนะ”


“ได้ครับ”


“ไปรถฉันดีกว่า รถตู้คันนี้ จอดไว้ที่นี่แหละ”





ภัครพิชัย สีหน้าไม่ดี ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรแบบนี้กับน้ำได้ น้ำเป็นคนดี เป็นเด็กน่ารัก สวรรค์ไม่น่ากลั่นแกล้งและทำกับน้ำ

แบบนี้ได้ รถเก๋งสีขาวมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลไม่นานก็ถึง ภัครพิชัยรีบเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทันที


“ขอโทษนะครับ ต้องการสอบถามทางไปตึกฉุกเฉินครับ”


“ได้ค่ะ ซักครู่นะคะ”


“ขอบคุณครับ”



           ในห้องฉุกเฉิน เขตหลับไปไม่มีรู้ว่านานแค่ไหนแล้ว พอเค้ารู้สึกตัวอีกที เค้าก็ลืมตาขึ้นมามองร่างบางอย่างรีบร้อน แล้วก็

พบว่า ยังคงนอนแน่นอนไม่ได้สติอยู่เหมือนเดิม


“น้ำ นายหายไวๆนะ ฉันจะรอและอยู่กับนายที่นี่”


“คุณคะ ขอเชิญคุณกลับไปพักผ่อนเถอะนะคะ ทางเราไม่อนุญาตให้ญาติอยู่เผ้าคนไข้ค่ะ”


“หุบปาก อย่ายุ่งจะได้ไหม จะไปไหนก็ไป” เขตตวาดพยาบาลด้วยน้ำเสียงดุดันอีกครั้ง เพราะเค้าไม่อยากจะไปไหนเลย


“เอ่อ แต่ว่า…”


“ไม่รู้เรื่องหรือไงกัน ออกไป!!!” เขตหันหน้ามามองเอาเรื่อง พยาบาลสาวกลัวจนตัวสั่นแล้วพยักหน้าเดินออกไป



     ภัครพิชัยเดินเร่งฝีเท้าพร้อมกับสงกรานต์และไพบูลย์  พอมาถึงที่หน้าห้องก็พบว่า มีชื่น เวท และลูกชายสองคนนั่งรออยู่ด้าน
นอก


“น้ำเป็นยังไงบ้าง” ภัครพิชัยถามพวกเค้า


“คุณชาย  มาถูกได้ยังไงคะ”


“อย่าเพิ่งสนใจฉันตอนนี้เลย ลูกเธอเป็นยังไงบ้าง”


“หมอบอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เกรงว่า…”


“เกรงว่าอะไร แม่ชื่น”


“เกรงว่า น้ำจะความเสื่อมค่ะ”


“เหลวไหล น้ำเป็นคนดี ยังไงก็ต้องดีวันดีพรุ่ง อย่าเพิ่งสรุปอะไรเลย แล้วนี่เจ้าเขตอยู่ไหน”


“อยู่ในห้องกับน้ำค่ะ คุณชาย หมอห้ามเอาไว้แต่ไม่ทัน นี่ก็เข้าไปนานแล้ว ”


“เจ้าเขตมันหัวรั้น ห้ามไปก็ไม่ฟังหรอก ปล่อยๆเค้าไปจะง่ายกว่า  แล้วนี่พวกเธอกินข้าวแล้วหรือยัง”


“กินไม่ลงหรอกค่ะคุณชาย ขอบคุณมากนะคะ”


“เฮ้ย ไม่ได้ๆ สุขภาพของคนก็สำคัญ น้ำจะเสียใจแย่นะ ถ้ารู้ว่าทำให้ทุกคนลำบาก ไปกินข้าวพักผ่อนกันก่อนเถอะ น้ำมีเขตอยู่

เฝ้าแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย”


“ค่ะ”



“อ้อ แม่ชื่น ฉันต้องการคุยเรื่องสำคัญกับแม่ชื่นและพ่อเวท พ่อจะมีเวลาให้ฉันได้ไหม”


“เรื่องอะไรคะ”

ภัครพิชัยไม่รีรออะไร ที่จะหยิบเอาสร้อยที่พบติดตัวมาขั้นมาชูต่อหน้า ชื่น เวท และลูกชายของพวกเค้าทั้งสองคน


“สร้อยนี้คือคำตอบ ฉันไม่ต้องการพูดอะไรมาก ในที่โล่งแจ้งแบบนี้”


             ชื่นมองดูสร้อยในมือของภัครพิชัย ด้วยสีหน้าตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอกลัวจะมาถึงเร็วขนาดนี้ แล้วหม่อมบุหลัน

ล่ะ เธอจะรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง ชื่นใจคอไม่ดี หันหน้าไปมองเวทที่ทำสีหน้าอึกอักเหมือนกับเธอไม่มีผิด


          พร้อมกับสีหน้าของตะวันและภูผาที่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าสร้อยนั้นคืออะไร เพราะเค้าไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว







มาต่อแล้วนะๆๆๆๆ   เจอกันวันพรุ่งนี้ กับ ตอนที่ 16 น้าาาา  ขอบคุณที่อ่านนิยายเรื่องนี้ตลอดมา เรื่องราวก็ดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว อิอิ นิยายเรื่องใหม่ที่จะมาต่อเรื่องนี้คือ สู่กลางใจเธอ น้า แนวแรงๆ ตบตี เศร้าและหน่วง!มาก แต่งไปได้หน่อยนึงแล้ว 

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 15 ✥ หน้า 2 Up. (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-09-2015 10:21:11
น้ำจะความจำเสื่อมจริงเหรอ!?
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 15 ✥ หน้า 2 Up. (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 27-09-2015 00:33:29
ตอนที่ 16



“แปลกใจใช่ไหม ชื่น ที่เห็นสร้อยเส้นนี้อยู่กับฉัน  ”


“ปะ…เปล่าค่ะ”


“เปล่า?  จะเปล่าได้ยังไง ชื่น สร้อยเส้นนี้ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณทรงทำขึ้นให้โอรสและธิดาของพระองค์ทุกคน”


“…” ชื่นหลบสายตาของภัครพิชัย


“ถามจริงๆเถอะนะ ชื่น เวท  พวกเธอสองคนเป็นคนรับใช้ คนของวังฉัตรอรุณมาก่อนหน้านี้ใช่ไหม”


“…”


“จะปิดบังแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ชื่น เวท ไม่อยากเห็นน้ำมีอนาคตที่สดใส และควรจะอยู่ในที่ของเค้าหรอกหรือ”


“เปล่านะคุณชาย  ที่พวกฉัน สองผัวเมีย ต้องออกจากที่นั่นก็เพราะคนในวังใจร้ายและอำมหิต ใช่ว่าเราจะอยากคืนท่านชายนที
กลับวัง”


“เธอหมายถึงใคร?”

“อย่าถามเลยค่ะคุณชาย หากเรื่องนี้เข้าหูใครต่อใคร พวกเราจะเดือดร้อน”


“ก็ได้ ฉันจะไม่ถามเธอสามี ภรรยา อีก  แล้วนี่เรื่องนี้หม่อมรุ้งพราวเธอรู้เรื่องนี้แล้ว”


“อะไรนะคะ”


“คุณชาย ทำไมไม่ปรึกษาเราก่อนครับ”


“ไมได้หรอก หากขืน มาปรึกษาพวกเธอสองคนก่อน พวกเธอก็จะเบี่ยงประเด็น หรือไม่ก็พาน้ำหนีไปอยู่อื่น”


“โถ หม่อมพิมลเจ้าขา ชื่น เก็บรักษาความลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว อภัยให้อิฉันกับสามีด้วยนะเจ้าคะ”


“อย่าห่วงเลย ชื่น หม่อมพิมล เข้าฝัน หม่อมรุ้งพราว เรื่องทุกอย่างถึงได้กระจ่างออกมา หากเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอก็อยากให้น้ำ

กลับวัง”


“ไมได้นะคะ คุณชาย  จะปล่อยให้ท่านชาย กลับวังไปทั้งๆที่หม่อมบุหลันยังมีอำนาจทุกอย่างไม่ได้นะคะ”


“อย่างนี้นี่เอง สิ่งที่พวกเธอสองคนกลัวก็คือ หม่อมบุหลันนี่เอง”


“ใช่ค่ะ เธอโหดร้ายมาก นะคะอย่าพาท่านชายกลับวังเลย”


“ไม่ได้หรอกนะชื่น เรื่องนี้ต้องรอให้น้ำฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วเรื่องนี้ให้น้ำตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”


“ท่านชาย อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่หมอบอกว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากลูกมะพร้าว สิ่งนี้ที่พวกเรากำลังเป็น
ห่วงค่ะ”



“ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เอาเป็นว่าฉันจะกลับไปบ้านก่อน แล้วจะมาเยี่ยมน้ำใหม่ อยู่ที่นี่มีเจ้าเขตและพวกเธอดูแล ฉันก็สบายใจ ”


“ค่ะคุณชาย”


“อ้อ เรื่องของชาติกำเนิดของท่านชาย หม่อมรุ้งพราวและหม่อมเจ้าชยาดล จะมารับท่านชายเองกับตัวที่บ้าน แต่คงไม่ใช่เร็ววัน
นี้”


“ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ขอบคุณคุณชายมากนะคะ ”


“เรื่องนี้ฉันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว น้ำก็เหมือนลูกบุญธรรมของฉัน แต่ต่อไปอาจจะไม่ใช่แล้ว ขอบใจมากนะ ที่ยอมให้น้ำรู้ชาติ
กำเนิดตัวเอง”







ในห้องฉุกเฉิน เขตยังนั่งเฝ้าน้ำไม่ห่างและไม่คาดสายตา เพราะเค้ากลัวว่าน้ำจะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเค้า


“น้ำ หลับไปนานแล้วนะ ตื่นขึ้นมาคุยกับฉันก่อนสิ” เขตคุยกับร่างบางที่นอนแน่นิ่งตรงหน้า อย่ากับเจ้าชายนิทรา


“คุณครับ อีกสักครู่หมอต้องขอให้คุณออกจากห้องฉุกเฉินนะครับ ”


“ไม่!!! ผมบอกหมอไปแล้วไงว่าผมจะอยู่ ถ้าผมไป แล้วใครจะดูแลน้ำ”


“อย่ากังวลเลยครับ หมอและพยาบาลจะดูแลเต็มที่ครับ”


“ผมไม่เชื่อใจใครง่ายๆหรอก ฝากหมอดูแลต่อด้วย อีก 20 นาทีผมจะกลับมาใหม่”


“ครับผม”

เขตค่อยลุกออกจากเก้าอี้นั่งข้างเตียงผู้ป่วยแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่กลับพบเพียง ตะวันและภูผา


“พวกนายยังอยู่อีกหรอ”

“คุณก็ไม่ต่างนักหรอก น้องชายพวกเราเป็นยังไงบ้าง” ตะวันถามอาการน้องชายทันที


“ยังไมได้สติ แต่ฉันเชื่อว่าน้ำจะได้สติเร็วๆนี้ ” เขตตอบเสียงแผ่วเบา


“แล้วนี่ คุณจะไปไหน” ภูผาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเขตกำลังจะเดินไปที่ลิฟต์

“ฉันจะไปหาอะไรกินหน่อย พวกนายจะฝากอะไรไหม”

“ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเถอะ” ภูผารู้ประสงค์ของเขต ก็ไม่ได้ถามต่อ


“อืม ”


“อ้อ คุณเขต เมื่อครู่คุณพ่อของคุณมาที่นี่ด้วย พร้อมกับคนขับรถ 2 คน”


“คุณพ่อ?  มานานแล้วหรอ”



“มาได้สักพักแล้ว ตอนนี้ชวนแม่กับพ่อพวกเราไปคุยธุระด้านนอก”


“อืม ถ้าหากคุณพ่อกลับมาอีก ก็บอกไปนะว่าฉันไปหาอะไรกินก่อน”


“ได้สิ คุณไปเถอะ หลายชั่วโมงแล้วยังไมได้กินอะไรเลย”


เขตพยักหน้าให้สองพี่น้องแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป







       ที่มหาวิทยาลัย  ช่วงเช้าเป็นช่วงที่มหาลัยมีกิจกรรมพอดี คือการเลือกชมรม เพราะฉะนั้นช่วงเช้าเด็กทั่วมหาวิทยาลัยที่เป็น

ปี 1 ก็ไม่มีเรียน ฟ้ามอญมาที่หน้าลานคอนกรีตขนาดใหญ่แต่เช้าเพื่อจะมาเลือกชมรม ช่วงเช้า 8.00 น. เพื่อนคนอื่นๆยังมากันไม่

เยอะ เค้ากับเฌอตาจะได้มาความสะดวกที่จะเดินเลือกดูชมรมต่างๆที่รุ่นพี่ ตั้งบูทเอาไว้


“นี่ๆๆๆ ฟ้า ดูนั่น จิตรศิลป์  ฉันชอบมากเลยแก” เฌอตาชี้นิ้วให้ฟ้ามอญดู ในขณะที่เธอทำท่าทางตื่นเต้นกระโดดเหมือนเด็ก


“ก็โอเคนะ ว่าแต่แกไปหัดวาดภาพมาแต่ไหนเนี่ย”


“อุ้ย ตายแล้ว เพื่อนรักของฉัน นี่ยังไม่รู้ละสิว่า สมัยมัธยมปลายฉันได้เป็นตัวแทนไปแข่งวาดภาพในงานวิชาการทุกปีนะจ้ะ”


“หรอ… แล้วได้ที่เท่าไหร่จ้ะแม่คุณ”


“อืม…………..” เฌอตาคำท่าทีเล่นตัว อมยิ้มไม่ยอมบอก


“เอ้ามาไง ได้ที่เท่าไหร่”


“รองชนะเลิศ”


“ว้าวไม่เลวนี่ เอาเลยๆ เราสนับสนุน”


“ถ้าอย่างนั้น พาฉันไปดูใกล้ๆบูทหน่อยดิ”


“โอเค ไม่มีปัญหา”





“สวัสดีฟ้ามอญ และ เฌอตา  ไม่น่าเชื่อเนาะใจพวกเราตรงกันไปเสียทุกเรื่องเลย”


“อะไรของเธอ อังกอ หลบไปฉันกับฟ้ามอญจะเข้าไปดูรายละเอียดชมรมจิตรศิลป์”


“ว้า เฌอตาจ๋า แย่หน่อยนะ พอดีผมก็ใจตรงกันกับพวกคุณทั้งสองคน เอาเป็นว่า เราก็เข้าๆไปดูทีเดียวเลยไหม”


“เฌอตา ฉันไม่เข้าไปดูแล้วนะ เดี๋ยวไปรอที่บูท รักษ์โลก รักสัตว์ แล้วกัน”


“ตายแล้ว ผมไม่ยักจะรู้นะเฌอตา ว่าเพื่อนรักของคุณเป็นคนรักษาโลก รักสัตว์ รักต้นไม้  ฟังๆไป ดัดจริตยังไงไม่รู้ว่ะ จริงๆไหม

พวกมึง ฮ่าๆๆๆ” อังกอหันไปถามเพื่อนๆชาวสีม่วงที่ติดสอยห้อยท้ายมาด้วย 3 ,4 คน


“พูดให้มันดีๆนะเว้ย ใครดัดจริต ถ้าให้ฉันมองดีๆ คนแถวนี้ต่างหากที่มันดัดจริต ว่าไหมเฌอตา”


“ใช่ ฟ้าพูดถูก คนอะไร ทำตัวกร่างโลก ระรานคนอื่นไปทั่ว ต้องการอะไรถามจริงๆเถอะ”


“มันไม่ใช่เรื่องของแก ยัยทอมบอย”


“ว่าใครทอมบอย เดียวสวยๆ”


“เฌอตา อย่า!  คนอื่นมองกันหมดแล้ว”


“มีอะไรกันครับน้องๆ”


“เปล่าครับ ไม่มีอะไร เข้าใจผิดกันเล็กน้อย จริงไหม ฟ้ามอญ เฌอตา” อังกอรีบเปลี่ยนคำพูดและอารมณืได้อย่างรวดเร็ว  ฟ้า

มอญกับเฌอตามองหน้ากับแล้วงงกับท่าทีของคนๆนี้เสียเหลือเกิน คนที่ดัดจริตตัวพ่อก็มีแต่หมอนี่แหละนะ


“เฌอตา เราไปชมรมใหม่ดีกว่านะ”


“ดีเหมือนกันฟ้า แนขี้เกียจทะเลาะกับ พวกไร้สมอง ”


“ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกแก”


“โอ้ย ไม่ต้องฝากแล้วไหมพ่อคุณ ฝากมากี่รอบแล้ว แทบจะนับไม่ถ้วน ไม่เห็นจะมาเอาคืนซักที บัญชีฉันมีวันหมดอายุนะเว้ย”

ฟ้ามอญตอกกับอังกอ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากขึ้นไปอีก


“ว่าไงครับ สรุป มีเรื่องอะไรบอกพี่ได้นะครับน้อง” รุ่นพี่คนเดิมถามซ้ำอีกครั้ง

“ไม่มี ถามอยู่ได้ น่ารำคาญ จะถอยไหมเนี่ย เข้าดูชมรมลำบาก”





“ฟ้า ไม่น่าเชื่อเนาะ คนอะไรไม่รู้ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ แปลกคน”


“มันก็น่าอยู่หรอกนะ คนมันแอบรักเค้าข้างเดียวมานานแสนนานอย่างอังกอนะ ถ้าไม่ปล่อยวางเสียบ้างก็ต้องทนอยู่กับชีวิตแบบนี้
แหละ”


“แอบรัก?  แสนนานหรอ?”


“ใช่ อังกอ แอบรัก ต่อ  มาตั้งแต่โรงเรียนเดิม สมัยมัธยมต้นแล้ว ”


“ตายแล้ว แอบรักแต่เด็กวัยขบเผาะ แกสมัยนั้นฉันยังเล่นยาง เล่นหมากเก็บอยู่เลย”


“ฮ่าๆๆ  แกนี่ก็หาเรื่องให้ขำได้ตลอดเลยนะ เฌอตา”


“ช่างเถอะ เอาเป็นว่า เราสองคนเลือกชมรมรักษ์โลก รักสัตว์แล้วกัน”


“สวัสดี ฟ้า”


“อ้าวต่อ โผล่มาช้าไปไหม เมื่อกี้แทบจะได้มวยคู่เอกอยู่แล้ว”


“เกิดอะไรขึ้นหรอเฌอตา ”


“พอๆๆๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ต่อ  เฌอตาก็พูดไปเรื่อยแหละ”


“อ้าวหรอ”


“ฟ้า ทำไมไม่บอก ต่อ ไปเลยล่ะว่าโดนอีกแล้ว”


“เฌอตา พอได้แล้ว”


“ก็ได้!”


“สรุปคืออะไรกันแน่ บอกเราได้ไหม”


“เรื่อง....” เฌอตากำลังจะอ้าปากบอก ต่อ แต่ฟ้าก็พูดขึ้ันมาแทนทันที


“เรื่องไร้สาระน่ะ ต่อ  อืม ว่าแต่ว่าเลือกชมรมรึยัง”


“ยังเลย เห็นฟ้ากับเฌอตาเดินมาบูทนี้เลยตามมา  ว่าแต่ชมรมน่าสนใจดีเนาะ”


“นี่ไงๆๆ  ประจวบเหมาะเลยฟ้า ชวน ต่อ มาเข้าชมรมกับพวกเราเลยสิ เวลามีกิจกรรมจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน  ว้าย ฟินจัง”


“เวอร์ไปแล้ว เฌอตา เดี๋ยวนี้ไม่เป็นทอมบอยเหมือนอย่างที่ อังกอ เค้าว่าให้แล้วหรอ”


“โอ้ย แก ฉันเป็นสาวนะ ไม่ใช่ เป็นหนุ่ม ”


“ฟ้า ถ้าอย่างนั้น เราจะอยู่ชมรมนี้กับฟ้านะ”


“ได้สิต่อ เราว่าถามรายละเอียดชมรมกับพี่เค้าดีไหม”


“อืม”


“พี่ครับๆ พวกผมสามคน จะอยู่ชมรมนี้ ต้องทำยังไงบ้างครับ”


“ไม่มีอะไรมากเลยค่ะน้อง พี่ขอแค่บัตรนักศึกษาของน้องๆก็พอค่ะ”


“นี่ครับ/ค่ะ”


     รุ่นพี่รับบัตรของพวกเค้าสามคนไป เขียนข้อมูลรหัสนิดหน่อย แล้วก็ส่งกลับคืน


“เรียบร้อยแล้วค่ะ  ตอนเย็นวันนี้พี่จะขอนัดพูดคุยและทำความรู้จักกันในชมรมเรานะคะ อย่าลืมมานะ”


“ไม่ลืมค่ะ ชมรมนี้มีแต่คนน่ารัก หนูมาแน่ค่ะ” เฌอตาออกตัว ตอบกลับรุ่นพี่ทันที


“พี่ครับ ยังว่างอยู่ไหมครับ”


“ว่างสิคะน้อง”


        ต่อ เฌอตา และฟ้ามอญ หันไปมองทางเดียวกัน เพราะเสียงที่คุ้นหูเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์อยู่แล้ว


“แกอีกแล้วหรอ”เฌอตาหันไปชี้หน้าอังกอ


“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”


“ไม่เอาน่าเฌอตา พอก่อนๆ”


“ก็ได้ๆ เบื่อจริงๆเลย ทำไมชอบตามมาระรานชาวบ้านเค้าไปทั่วแบบนี้ฮะ”


“พูดให้มันดีๆนะ ก็เมื่อกี้ แค่ไม่ชอบการวาดภาพขึ้นมา เลยอยากโลกสวยเหมือนใครบางคนบ้าง ไม่ได้หรือไง”


“โอเคๆ เราว่าหยุดกันทั้งคู่แหละ อังกอ นายจะเลือกก็เลือกไปนะ ส่วนฟ้ากับเฌอตา เราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”


“ก็ดีนะ เฌอตาไปเถอะ ”


“เชอะ ไอ้เกย์ผีบ้า ระรานคนอื่นไปทั่ว จะเข้าชมรมกับฉัน จะวังปากไว้หน่อยก็แล้วกัน เบื่อจริงๆไอ้พวกอยู่ร่วมโลกกับคนอื่นยากๆ

ๆแบบนี้ แล้วจะเอาสมองส่วนไหนมาเข้าใจธรรมชาติ คิดมาแล้วก็ขำ”


“เอ๊ะ อีนี่นิ อยากโดนตบมากนักใช่ไหม”


“เออ ก็เอาสิวะ คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะต่อยไม่เป็นหรือไงกัน”


“พอแล้วๆเฌอตา ไปได้แล้ว ไป”


“ก็ได้ๆ เห็นแก่พี่ชมรมหรอกนะ ”


“น้องๆใจเย็นนะคะ กฎของชมรมคือ ห้ามทะเลาะกันเองในชมรม หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีกครั้ง พี่จะถอนรายชื่อน้องๆทุกคนที่
เกี่ยวข้อง ออกจากชมรมนะคะ”


“ครับ ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากนะครับที่ให้ดอกาส จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแน่นอนครับ” ต่อ รีบขอบคุณรุ่นพี่ยกใหญ่   แล้วพาว่าที่แฟนกับเพื่อนสาวไปกินข้าวเช้า


 อังกอเม้มปากแน่น เพราะสิ่งที่เฌอตาพูดให้เค้านั้นมันมากเกินไปแล้ว และอีกอย่างเค้าเองก็หงุดหงิดเหมือนกันที่ ต่อ มัวแต่ห้าม
ฟ้ามอญกับเฌอตา โดยไม่หันมาสนใจเค้าเลยแม้แต่น้อย


“โอ้ย  ฉันเกลียดพวกมันจัง ทำไม ต่อ  ต้องแคร์ต้องสนใจพวกมันด้วยนะ”

“น้องคะ ยังจะสมัครอยู่ไหมคะ เพื่อนๆคนอื่น ยืนรอเต็มไปหมดเลย”


“สมัครครับสมัคร นี่ครับบัตรนักศึกษา”







      ภายในห้องโถงเรือนไม้สัก หม่อมรุ้งพราวกำลังร้อยมาลัยถวายพระกับคนรับใช้ 2 3 คน อย่างมีความสุข หม่อมเจ้าชยาดล

เองเห็นแม่มีความสุขก็ดีใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอดูเครียดและไม่หน้าตาสดใสแบบนี้


“หม่อมแม่ครับ ทำอะไรอยู่หรือครับ”


“อ้าว ชายดล แม่กำลังทำมาลาถวายพระ นี่สวยไหม”


“สวยครับ แล้วก็หอมมากด้วย ดอกมะลิซ้อนใช่ไหมครับ”


“ใช่แล้วชายดล จะไปทำงานแล้วหรือ ทานข้าวเช้าแล้วหรือยัง”


“ยังเลยครับหม่อมแม่ ลูกกะจะไปหาอะไรทานข้างนอก”


“ท่านชายดล เพคะ เสวยที่เรือนก่อนสิเพคะ หม่อมรุ้งพราวได้ลงมือทำอาหารเองเลยนะเพคะ” ชดช้อย สาวใช้ผู้มากความ

สามารถในการเรือน และใจกล้าอีกด้วย เป็นคู่ปรับกับขจี คนของหม่อมบุหลันที่วังหน้า มาแต่ไหนแต่ไร


“ชอบใจนะ ช้อย  หม่อมแม่ ลูกต้องไปแล้วคราวหน้าลูกจะมาชิมฝีมือหม่อมแม่แน่นอนครับ ”


“ไปทำงานเถอะลูก แม่ไม่ได้ว่าอะไรลูกหรอกนะ ชายดล ”


“ช้อย  ฝากดูแลหม่อมแม่ด้วยนะ”

“ท่านชาย อย่าทรงกังวลเพคะ ช้อยถนัดนักเพคะเรื่องดูแลหม่อมรุ้งพราว”


“แหม เอาใจฉันยกใหญ่เชียวนะ แม่ช้อย”

“ก็หม่อมรุ้งพราว ใจดี ใจกุศลแบบนี้ ช้อยก็ต้องทำดีตอบสิเจ้าคะ ”


“จริงอย่างที่ช้อยบอกนะขอรับ หม่อมแม่ ออเรื่องของโอรสองค์เล็กละขอรับหม่อมแม่”


“หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ส่งข่าวมาเรื่อยๆ แต่วันนี้แม่ยังไม่ได้รับข่าวสารเลย บางทีคุณชายอาจจะติดธุระ”


“อย่างนั้นหรือขอรับ ลุกไปแล้วนะขอรับหม่อมแม่”


“เดินทางดีๆนะลูก”


     หม่อมเจ้าชยาดลไหว้เธอแล้วเดินไปขึ้นรถที่มีคนขับรออยู่แล้ว ช้อยมองตามท่านชายแล้วยิ้มแป้น จนหม่อมรุ้งพราวเองก็
เอะใจ จนต้องจำถามขึ้นมา


“เป็นอะไรไปช้อย ยิ้มใหญ่เชียว”


“เปล่าเจ้าค่ะ หม่อม ช้อยเพียงแค่คิดว่า ท่านชายยิ่งชันษามากเท่าไหร่ก็ยิ่งทรงหล่อเหลามากเจ้าค่ะ”


“อะไรกัน เมื่อครู่ท่านก็อยู่ ทำไมไม่ชม”

“อุย ช้อยไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ ว่าแต่ ท่านชายน่าจะทรงหาพระคู่หมั้นได้แล้วนะเจ้าคะ หม่อมรุ้งพราว”


“เรื่องนี้ฉันก็เคยคิด แต่เอาไว้เป็นเรื่องที่ท่านชาย ทรงเลือกและไตร่ตรองเองจะดีกว่า ”


“เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้น ช้อยขอไปเก็ยดอกไม้มาเพิ่มนะเจ้าคะ”

“อืม ไปเถอะไป”




ที่วังหน้า เรือนหลังใหญ่ ลูกน้อง 2 คนเดินเข้ามารายงานหม่อมบุหลันทันที ซึ่งตอนนี้เธอกำลังนั่งเล่นอยู่ที่สวนหน้าวัง


“ว่ายังไง ข่างคราวของพวกมันไปถึงไหน”


“ได้ยินหม่อมรุ้งพราว พูดถึงหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยขอรับ”



“อย่างนั้นหรือ แสดงว่าเรื่องที่ออกตามหาโอรสองค์เล็กก็เป็นเรื่องจริงนะสิ”


“ใช่ขอรับหม่อมบุหลัน”


“พวกแกทำงานดีมาก เอานี่ไป เงินสด 40000 บาท จะเอาไปทำอะไรก็ทำ หมดธุระพวกแกแล้ว”


“ขอบพระคุณขอรับ หม่อมบุหลัน”


“อืม ไปได้ละ”


“ขอรับ”




หม่อมบุหลันมองไปข้างหน้า แววตาดุดันขึ้นมาทันที เพราะเธอคาดไว้นั้น เป็นอย่างที่ว่าไม่มีผิด


“ฉันไม่ยอมให้ใครมาแบ่งสมบัติไปจากลูกฉันไปอีก ไม่มีทาง ฮึ  มาดูกันสิว่าลูกแกมันจะมีบารมีมากพอที่จะขยับเข้ามานั่งชูคอในวังนี้ได้หรือไม่  ศึกคราวนี้ใครจะชนะกัน ระฉันที่มีชีวิตอยู่ กับเธอ อีหม่อมพิมล แม้ลมหายใจเธอเองก็ไม่มีแล้ว ฮึ”


    หม่อมบุหลันยิ้มแสยะ อย่างหน้ากลัว แววตาที่ตอนนี้ใครมองก็ต้องกลัวและเกร็งกันไปหมด ไม่มีใครรู้เลยว่าเอร้ายเพียงนี้

นอกจากคนที่อยู่ในเรือนเดียวกับเธอและคนรับใช้เธอจะรู้ดี  แล้วอย่างนี้เธอเองคงไม่ปล่อยให้โอรสองค์เล็กกลับมาวังได้ง่ายๆ

เป็นแน่






ทุกคนรุ้เรื่อง เกือหมดแล้ว ยกเว้น เขต  เฮ้อ  พันเอกผู้น่าสงสาร   :hao5: :hao5: :hao5: ที่ทำๆไปเนี่ยแกรู้หัวใจที่มันต้องการความรักแล้วหรือยัง หรือว่าแกทำๆไปเพราะยังหาคำตอบไม่ได้  ส่วนหม่อมบุหลันนี่ก็น่าหมั่นไส้ไปนะ เดี๋ยวเจอดีแน่ :katai1: :katai1: :katai1:

เจอกันใหม่ตอนที่ 17  18  วันเสาร์อาทิตย์หน้านะผู้อ่าน รักเธอนะ จุ๊บๆ   :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 16 ✥ หน้า 2 Up. (27/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 03-10-2015 23:02:56
ตอนที่ 17



        ผ่านไปหลายชั่วโมง หมอให้น้ำย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยพิเศษ เขตยังคงยืนกรานขอเฝ้าน้ำต่อ โดยที่ไม่มีใครขัดเค้าใดๆทั้งสิ้น

เพราะคนอื่นๆรู้ดีว่าถึงจะห้ามยังไง เขตก็ไม่ฟังอยู่ดี

เที่ยงคืนของวันนั้น เขตตื่นจากภวังค์ เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง เค้าพยายามส่องดูหน้าจออย่างทุลักทุเล ปรากฏว่า

เป็นภัครพิชัย พ่อของเค้าเอง


“คุณพ่อ โทรมาดึกดื่นขนาดนี้ มีอะไรรึเปล่านะ” ภูธเนศพึมพำเบาๆ





“ครับคุณพ่อ ผมเขตครับ”


“เจ้าเขต น้ำเป็นยังไงบ้างลูก น้ำฟื้นหรือยัง”


“น้ำ…เอ่อ…”


        เขตหันหน้าไปมองน้ำ ซึ่งยังคงหลับอยู่ไม่ได้สติ  แล้วร่างหนาหันกลับมาตอบคำถามปลายสายที่ยังคงรอคำตอบอยู่


“น้ำยังไม่รู้สึกตัวครับ”


“เขต! พ่อมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกเขต”


“เรื่องสำคัญ?  เรื่องสำคัญอะไรครับคุณพ่อ”


“ฟังให้ดีนะ  คือว่า…”




“คุณเขต….คุณเขต  ช่วยผมด้วย”


            เสียงแผ่วเบาบนเตียงเอ่ยขึ้น เขตรีบหันไปดูน้ำ  ร่างบางตรงหน้าเค้าฟื้นแล้ว และเค้าฟังไม่ผิดแน่ น้ำกำลังเรียกชื่อเค้า

ด้วย  น้ำเหมือนคนกำลังละเมอ เปลือกตาคู่นั้นปิดสนิท มือข้างขวายกขึ้นเหมือนกำลังควานหาอะไรสักอย่าง




“คุณพ่อ แค่นี้ก่อนนะครับ น้ำฟื้นแล้ว”


    เขตตอบกลับภัครพิชัยที่อยู่ปลายสายแล้วตัดสายไป ภัครพิชัยแปลกใจ เพราะได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้ไม่ถนัด


“หมดกัน กะว่าจะบอกเรื่องน้ำซะแล้วเชียว แล้วนี่…น้ำฟื้นแล้วจริงๆหรอ ” ภัครพิชัยส่ายหน้าไปมาเบาๆ


“น้ำ น้ำฟื้นแล้ว น้ำนี่พี่เอง พี่เขตไง พี่อยู่นี่แล้ว” เขตยิ้มดีใจ ดึงมือน้ำมากุมเอาไว้

“คุณเขต” น้ำพูดเสียงแผ่วเบา เปลือกตาคู่นั้นพยายามเปิดออกอย่างช้าๆ

“ขอบคุณสวรรค์ น้ำไม่ได้ความจำเสื่อม ”

“คุณเขต ผม…ผมเจ็บหัวจังครับ” น้ำพยายามเอามือไปแตะที่หัว

“น้ำๆๆ  พอแล้วๆ ไม่ต้องขยับนะ แล้วก็ไม่ต้องเอามือไปจับหัวด้วย แผลยังไม่หายดีเดี๋ยวเจ็บได้รู้ไหมครับ”

       ทหารหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วรวบดึงมือทั้งสองข้างของร่างบางมากุมไว้  ศีรษะของน้ำถูกพันด้วยผ้าสีขาว 3   4

รอบ  เขตเห็นแล้วยิ่งสงสารไปใหญ่


“คุณเขต คุณเขตพาผมมาที่นี่หรอครับ”

น้ำพยายามมองไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยมที่ตกแต่งดีใช้ได้ และสวยมากอีกด้วย


“ใช่ พี่พาน้ำมาเอง ทุกคนเป็นห่วงน้ำหมดเลยนะรู้ไหม”


“หรอครับ แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกันหมดแล้วล่ะครับ”


“พวกเค้ากลับกันหมดแล้วแหละ  นี่เมื่อเช้าคุณพ่อก็มาเยี่ยมนายด้วยนะ”


“พ่อเวทหรอครับ”


“เปล่า พ่อฉันเอง ”


“หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยหรอครับ”


“อืมใช่  หิวไหม เดี๋ยวพี่จะบอกพยาบาลข้างนอกให้”


“หิวครับ ผมหิวน้ำ”


“โอเค เดี๋ยวพี่จะออกไปบอกพยาบาลข้างนอกให้เตรียมข้าว กับ น้ำมาให้เลยแล้วกันนะ”


“คุณเขตครับ!”

 น้ำคว้าแขนหนาๆของเขตเอาไว้ได้ทัน ร่างบางยิ้มให้เขตก่อนที่ทหารหนุ่มจะค่อยๆยิ้มตอบรับอย่างเขินๆ เพราะเค้าไม่เคยทำ

อะไรแบบนี้กับน้ำเลย ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้


“อะไรน้ำ ฮืม ”


“ขอบคุณนะครับ”


“มากกว่านี้พี่ก็ทำให้ได้ มันยังน้อยไปสำหรับเรื่องที่ผ่านมา น้ำนอนรอพี่ที่นี่แหละนะ เดี๋ยวพี่มานะ”


     ชายวัย 30 ปีเดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี กำลังทำสีหน้าไม่สู้ดี อาจจะเป็นเพราะ พิษของบาดแผลยัง

มีอยู่ น้ำนอนรออยู่บนเตียงไม่นาน   เขตก็เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาล 2 คน


“น้ำ ข้าวกับน้ำมาแล้วนะ น้ำลุกไหวไหม” เขตเดินเข้าไปประคองน้ำอย่างระมัดระวัง พยาบาลเห็นท่าทีเหมือนจะไม่ค่อยสะดวก

เธอเลยอาสาเข้ามาช่วย


“ให้ฉันช่วยไหมคะ”


“ไม่ต้อง ผมดูแลน้ำได้ คุณเอาอาหารและน้ำวางไว้ตรงนี้แหละ ”


“ค่ะ คุณเขต”


    พยาบาลสาว 2 คนวางอาหารและน้ำเสร็จก็รีบเดินกลับออกไปทันที เหลือเพียงแค่เขตกับน้ำเท่านั้นในห้องสี่เหลี่ยมนี้  น้ำมอง
หน้าเขตอย่างงงๆแต่ไม่กล้าถาม เขตเองก็พอจะรู้ว่าน้ำมอง และเค้าก็อึดอัดมากหากไม่รู้สาเหตุว่าอีกฝ่ายมองทำไม

“มองพี่ทำไมน้ำ มีอะไรรึเปล่า”


“อะ เอ่อ ปะ..เปล่าครับ  ผมแค่…” ร่างบางพยายามจะพูดต่อ แต่กลับเงียบไปเสียก่อน


“อะไรครับ ไม่พูดต่อแบบนี้ พี่จะรู้ไหม ฮืม!” เขตยื่นหน้าเข้ามาใกล้น้ำเข้ามาอีก น้ำถึงกับหน้าแดง อย่างกับลูกตำลึง  แววตาดุจ

พญาอินทรีคู่นั้นจ้องมองเค้าอย่างไม่กระพริบตา  แต่คราวนี้เป็นการถูกจับจ้องด้วยความเอ็นดูเสียมากกว่า แววตาของภูธเนศนั้น

มีเสน่ห์เสียจริงๆ


“ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ จะหลบสายตาพี่ไปถึงไหนครับ คนดีของพี่”


“เอ่อ.. ผมแค่อยากจะบอกว่า ผม ฝะ…ฝันไป รึเปล่าครับ”


“ฮ่าๆๆๆ อะไรของนายเนี่ยน้ำ อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”


  ร่างหนาดึงตัวออกจากการประชิดเมื่อครู่แล้วหัวเราะดังลั่นห้อง ร่างบางยิ่งงงกับเขตไปใหญ่ เหมือนกับเขตคนใหม่ที่ไม่ค่อยจะ

โอเคเท่าไหร่เลยจริงๆ หรืออาจจะเพราะน้ำไม่คุ้นเคยก็เป็นได้


“คุณเขต ขำอะไรหรอครับ” ร่างบางถามเขตขึ้นมา เขตถึงกับหยุดหัวเราะทันที


“โทษทีๆ พี่ลืมตัวไปหน่อย แล้วจะบอกได้หรือยังว่า อะไรทำให้เราคิดว่าเหมือนกับความฝัน”


“ก็คุณเขต เรียกแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกผมว่า นาย กับ น้ำ ผมไม่ชินเลย”


“แล้วรู้รึเปล่าล่ะว่าเพราะอะไร พี่ถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้”


“ผะ…ผม ไม่รู้ครับ”


“น้ำ เลิกพูดว่าผม หรือ คุณเขต เสียที ต่อไปนี้ แทนตัวเองว่า น้ำ และเรียกพี่ว่าพี่เขต ไหน เรียกใหม่สิ”


“พี่เขต”


“อืม พูดง่ายแบบนี้ น่ารักที่สุดเลยน้ำ  มาๆเดี๋ยวพี่ป้อนดีกว่า ไหนดูสิ พยาบาลเอาอะไรมาให้กินน้า…”


      เขตยกอาหารและน้ำมาไว้ที่ภาชนะสำหรับวางอาหารคนไข้ พร้อมกับเปิดดูเมนูตรงหน้า


“โห ต้มจืดยอดตำลึง กับ ไข่ตุ๋น ร้อน ข้าวสวย 1 พับพี ” เขตดูตกใจและตื่นเต้นกว่าน้ำที่นอนพิงหลังอยู่บนเตียงเสียอีก


“น้ำ พี่ป้อนให้นะ”


“คะ..ครับ”

          น้ำตอบแบบอายๆ ให้ตายเถอะ ใครจะไปชินกับท่าทางและอารมณ์ของเขตตอนนี้ หากใครเป็นน้ำแล้วเจอในสถานการณ์

แบบนี้ ก็คงแปลกใจและคิดว่าเขตเป็นบ้าหรือไม่ก็เพี้ยนไปแล้วแน่นอน แต่สำหรับร่างบางแล้ว เค้ายิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นๆทุกที








เช้าวันใหม่ ภัครพิชัยกำลังทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร พร้อมๆกับมีกล้วยไม้ ใบหลิว สงกรานต์ ยืนอยู่ข้างๆเจ้านายเผื่อจะเรียก

ใช้อะไร

“กล้วยไม้!”


“ขา คุณภัครพิชัย”

“อาหารตั้งเยอะแยะมากมาย พวกเธอแบ่งเอาไปกินบ้างหรือยัง”

“เรียบร้อยค่ะคุณชาย”

“อืมดีแล้ว ของอร่อยๆแบนี้ คนที่ทำเองก็ต้องได้ชิมบ้างถึงจะถูกนะ จริงๆตัวฉันเองก็ทานไม่หมดหรอก”

“ค่ะ คุณชาย”






ปี๊ดๆ ปี๊ดๆ



เสียงแตรรถ ที่คาดว่า มีมากกว่า 2 คัน ดังที่หน้าประตูรั้วบ้าน ธำรงอาภรนิช  ทุกคนหันออกไปมองทางเดียวกับต้นเสียงเมื่อครู่


สงกรานต์ยืนมองและอยากรู้ว่าใครมาแต่เช้าขนาดนี้



“คุณชาย ทานต่อเถอะครับ ผมจะออกไปดูให้”

“อืม ฝากด้วยนะสงกรานต์”

“ครับ”



      เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่สงกรานต์เดินไปเปิดประตูเหล็กด้านหน้าบ้านออก เผยให้เห็นรถตู้สีดำ 2 คัน สุดหรูจอดอยู่หน้าบ้าน 

สงกรานต์ยืนดูอย่างงงๆ จนกระทั่งคนขับรถคนนึงเดินลงมาจากรถ เพียงแค่สงกรานต์เห็นชุดที่คนขับรถใส่อยู่นั้น ก็รู้ดีเลยว่าเป็น

คนของวังฉัตรอรุณแน่นอน



“มาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” สงกรานต์เอ่ยถามคนที่เดินเข้ามาทันที


“ขอโทษทีนะครับที่ไมได้บอกก่อนล่วงหน้า ครั้งนี้ทางวังฉัตรอรุณรอ ราชนิกุลอีกต่อไปไมได้แล้ว ”


“ราชนิกุล?  หมายความว่ายังไงครับ ที่นี่ไม่มีราชนิกุลหรอกนะครับ”


“หม่อมเจ้าชยาดลเสด็จมาด้วย พร้อมกับหม่อมรุ้งพราว ต้องการพบหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย”


“เอ่อ…ทราบแล้ว บอกท่านชายและหม่อมรุ้งพราว ทรงรอสักครู่นะ จะไปแจ้งให้เร็วที่สุด”

“ครับ”






“คุณชายครับคุณชาย…”


“ว่าไงสงกรานต์ หน้าตื่นตระหนกอะไรขนาดนั้น”


“คือ หม่อมเจ้าชนาดล เสด็จมาพร้อมกับหม่อมรุ้งพราวครับ”


“อะไรนะ ไปเปิดประตูแล้ว พาท่านชายประทับรอที่ห้องโถงใหญ่เร็ว”


“ครับคุณชาย”


“กล้วยไม้ ใบหลิว  ไปเตรียมน้ำและอาหารให้หม่อมเจ้าชยาดลกับหม่อมรุ้งพราวด่วนเลย”

“ทราบแล้วค่ะคุณชาย”







      ภัครพิชัย เดินออกมาจากห้องทานอาหารอีกรีบร้อย หลังจากที่หม่อมเจ้าชยาดลและหม่อมรุ้งพราว นั่งรอที่โซฟาสีแดงได้

สักพัก ภัครพิชัยเดินเข้ามาอย่างสุขุมและคำนับหม่อมเจ้าชยาดลด้วยการก้มศีรษะเล็กน้อย


“คุณชาย ไม่ต้องมากพิธีครับ ผมอายุน้อยกว่ามาก”

“เป็นสิ่งที่ควรทำกระหม่อม หลีกเลี่ยงมิได้ แล้วไม่ทราบว่าท่านชายเสด็จมาถึงที่นี่มีอะไรให้รับใช้หรืออย่างไร กระหม่อม”

“นั่งก่อนเถอะหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ฉันและลูกมาหาถึงที่บ้าน ต้องขออภัยด้วย”

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับหม่อมรุ้งพราว กระผมยินดีมาก”

“หลายวันมานี้ หม่อมแม่ดูกังวลใจมาก ผมเองก็เช่นกัน เรื่องน้องเล็กของวังฉัตรอรุณ ไม่ได้ข่าวคราวเลยพวกเรารู้สึกแย่”

“ต้องขอประทานอภัยท่านชาย ที่กระหม่อมทำให้รอ จริงๆแล้ว กระหม่อมได้สืบเรื่องนี้แน่ชัดแล้ว น้ำลูกบุญธรรมของกระหม่อม มี

สร้อยเหมือนท่านชายและมีชื่นกับเวท สองสามีภรรยาเป็นคนเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต กระหม่อม”

“จริงหรือนี่ ชายดล น้องของลูกยังมีชีวิตอยู่”

“ผมเคยเห็นเด็กคนนี้ครั้งหนึ่งแต่นานมากแล้วที่ห้างสรรพสินค้า น้องน่ารักมากเลย นี่ผมได้น้องชายหรือนี่”

ท่านชายดล สีหน้าดีใจสุดๆ


“แล้วนี่ หม่อมเจ้าองค์เล็กอยู่หรือเปล่า” หม่อมรุ้งพราวถามภัครพิชัยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“เอ่อ…ตอนนี้  หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ประทับที่โรงพยาบาลครับ หม่อมรุ้งพราว”


“โรงพยาบาล น้องชายผมไปอยู่ที่นั่น  ไปทำไมกันครับ หรือว่ามีคนที่บ้านเก่าไม่สบาย”


“ท่านชายน้ำ ทรงได้รับอุบัติเหตุนิดหน่อยกระหม่อม”


“อุบัติเหตุ แล้วทำไมเรื่องนี้ คุณชายไม่เคยบอกพวกเราเลยล่ะคะ”


“ต้องขอโทษและขอประทานอภัย ท่านชายด้วยกระหม่อม แต่กระหม่อมคิดว่าหากบอกเรื่องนี้ไปให้ท่านชายและหม่อมรุ้งพราวรู้

เกรงใจจะไม่สบายพระทัย”


“ผมอยากไปเยี่ยมน้องน้ำ คุณชายพาไปได้หรือไม่ครับ”


“เอ่อ…จริงๆแล้ว โรงพยาบาลอยู่ไกลมาก เกรงว่าจะไม่สะดวกกระหม่อม”


“แต่ผมอยากไปจริงๆนะครับ น้องเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับคุณชาย”


“ไม่ครับท่านชาย อย่าได้ทรงกังวลพระทัย ตอนนี้ลูกชายของกระหม่อมดูแลอย่างใกล้ชิด และข่าวล่าสุด ท่านชายน้ำทรงฟื้นและ

รู้สึกพระองค์แล้วกระหม่อม”

“ค่อยโล่งอกหน่อย แล้วเรื่องนี้จะประกาศให้ทุกคนรู้แน่นอนหลังจากที่น้องน้ำกลับมาที่บ้านของคุณชายแล้ว”

“จะเอาอย่างนั้นเลยหรือกระหม่อม เกรงว่าท่านชายน้ำจะทรงทำใจไม่ได้”


“ความจริงก็คือความจริงนะคุณชาย ถึงท่านชายน้ำจะทรงไม่รู้ หรือไม่อยากรับรู้ แต่สักวันก็ต้องรู้อยู่แล้ว และยิ่งถ้าไปกว่านี้ เกรง

ว่าหม่อมบุหลันเธออาจจะรู้แผนก็เป็นได้”


“หม่อมบุหลันหรือครับหม่อมรุ้งพราว”

“ใช่  หม่อมบุหลัน พักหลังๆมานี้เธอจะมาหาฉันที่บ้านอยู่บ่อยๆ คอยตำหนิและพูดจาส่อเสียดเหมือนรู้ว่าฉันกับท่านชายดลมีแผน

อะไรอยู่”


“ไม่ได้การแล้ว ผมจะบอกเรื่องนี้ให้ท่านชายทรงทราบเองทันทีที่กระหม่อมไปเยี่ยมท่านชายน้ำอีกรอบ ขอหม่อมรุ้งพราวและ

ท่านชายดลอย่าได้ทรงเคืองพระทัย”

“ครับ ผมกับหม่อมแม่ รบกวนคุณชายมามาก ต้องขอบคุณจริงๆนะครับ”


“ไม่เลยครับท่านชาย กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยและดีใจมากที่น้ำ เป็นราชนิกุลในพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ”

“ถ้าอย่างนั้นผมและหม่อมแม่ขอกลับวังก่อนนะครับ ฝากดูแลน้องชายของผมด้วยนะครับ ผมสงสารน้องเหลือเกิน”


“ได้ครับท่านชาย อย่าได้ทรงเป็นห่วง กระหม่อมจะดูแลเป็นอย่างดี ขอท่านชายเสด็จกลับวังอย่างปลอดภัยกระหม่อม”


             ภัครพิชัย สงกรานต์ กล้วยไม้และใบหลิว คำนับท่านชายอย่างอ่อนน้อมตามหลักปฏิบัติที่พึงควรจะกระทำ  หม่อมเจ้า

ชยาดลและหม่อมรุ้งพราวกลับวังด้วยความสุข ในสิ่งที่เธอและลูกพยายามมา มันเป็นความจริง และหม่อมบุหลันเธอเองคงจะปิด

ความลับนี้ไม่อยู่เสียแล้วสินะ






   พันเอกหนุ่มร่างสูงลาพักงานหลายวันเพื่อมาใช้ชีวิตดูแลน้ำอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาล  และดูเหมือนน้ำจะดีขึ้นทุกวันๆ อาจจะ

เป็นเพราะมีกำลังใจดีๆอยู่เคียงข้างมาได้สักพัก ความรู้สึกดีๆของน้ำเริ่มก่อขึ้นเรื่อยๆ จนจะลืมเรื่องราวที่ยังโกรธและกลัวเขตที่

ผ่านมาสนิทใจ และกำลังเริ่มความรู้สึกดีใหม่ๆขึ้นที่นี่ในตอนนี้


   เขตพาน้ำออกมาสูดอากาศข้างนอก ที่มีสวนต้นไม้ ร่มรื่นภายในโรงพยาบาล วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ร่มเย็นกว่าวันก่อนๆมาก


“น้ำ ยังรู้สึกปวดหัวอยู่ไหม”


“ไม่แล้วล่ะครับ น้ำคิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะกลับบ้านได้แล้ว”

“ดีเลย กลับไปคราวนี้ พี่จะขอคุณพ่อให้น้ำมานอนเป็นเพื่อนกับพี่ดีกว่า”


“ไม่ดีมั้งครับพี่เขต ผมจะไปพักที่ห้องเดียวกันกับเจ้านาย…”

   น้ำพูดยังไม่ทันจบประโยคเขตก็เอานิ้วชี้ขนากใหญ่แนบไปที่ริมฝีปากน้ำทันที พรางบอกเป็นนัยๆ ว่าอย่างคิดเรื่องนี้อีก

“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ พี่รู้สึกแย่ และแย่มาก ”

“ครับ น้ำจะไม่พูดอีก”

“เรื่องที่แดนภพจะให้น้ำไปเรียนต่อ พี่จะจัดการต่อเอง น้ำไปบอกแดนภพนะว่าไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้”

“พี่เขต ทำแบบนั้น พี่แดนภพเสียใจแย่นะครับ จริงๆพี่แดนภพกำลังให้น้ำเลือกดูสาขาที่สนใจอยู่ด้วย”

“ช่างมันสิ พี่ไม่ชอบเลยเวลามันอยู่ใกล้น้ำ”

“พี่เขต พี่แดนภพเค้าไปทำอะไรให้พี่เขตไม่พอใจหรอครับ หรือว่ามีเรื่องกัน”

“เปล่าครับน้ำ แต่พี่ไม่อยากให้แดนภพมาหาน้ำบ่อยๆ ไม่รู้สิพี่หงุดหงิด”

“….” น้ำยิ้มให้กับท่าทีของหนุ่มร่างหนาข้างๆที่ทำสีหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กๆอยากได้ของเล่นแล้วไม่ได้เสียอย่างนั้น

“ยิ้มอะไรครับ คนดีของพี่  บอกมานะ พี่ไม่ชอบอยู่ด้วยแอบยิ้มอะไร บอกมา”

“ไม่บอกครับ ฮาๆ”

“หืม  เห็นว่าเป็นคนป่วยอยู่นะ พี่ไม่อยากรู้ก็ได้”

“ก็ได้ครับๆ  น้ำบอกพี่เขตก็ได้  ที่น้ำยิ้ม เพราะเห็นว่าพี่เขตทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กๆเลย”

“หมายความว่ายังไง พี่ไม่เข้าใจ”


“ก็น่ารักเหมือนเด็กไงครับ”

“ไม่จริงอ่ะ” เขตหันหน้าหนีร่างบางเพราะกลัวว่าเค้าจะเห็นรอยยิ้มของเค้า

“จริงๆนะครับ เชื่อน้ำสิ พี่เขตน่ารักที่สุดละ”

“ฮาๆๆๆ  น้ำชมพี่ด้วย นี่ครั้งแรกเลยนะที่หลุดออกจากปากน้ำ แต่ไม่ต้องชมหรอกพี่รู้ตัวเองดี”




ติ้ดๆๆๆ 





เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขตควานหามือถืออยู่ไม่นานก็หยิบมันขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นชื่อของคนที่เค้าไม่คิดว่าจะโทรมา เขตเลี่ยงตัว

ไปรับโทรศัพท์ น้ำมองตามเขตไปเห็นท่าทางเขตดูไม่ดีเลย สีหน้ากังวลอย่างบอกไม่ถูกทันทีที่เค้าสนทนาเสร็จร่างบางก็เอ่ยถาม

ทันที


“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่เขต”น้ำถามอย่างสงสัย


“อ้อเปล่าครับ พอดีผู้ใหญ่โทรมานิดหน่อย ปะพี่พาน้ำกลับไปพักที่ห้องดีกว่า”


“ครับ”




ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เขตพาน้ำขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วห่มผ้าให้น้ำ เขตยื่นมือไปลูบหัวน้ำเบาๆ เพราะกลัวว่าน้ำจะยังคงเจ็บแผลอยู่


“พักผ่อนก่อนนะน้ำ พี่มีธุระ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้พี่จะรีบกลับมาหาน้ำนะ”


“ครับพี่เขต ไปเถอะครับน้ำอยู่ได้”


“อืม หลับซะคนดีของพี่”



เขตยิ้มให้น้ำก่อนเดินออกจากห้องไป ก่อนหน้านี้ ดุษฎีหรือเสี่ยสิงห์ โทรมาหาเค้า อย่างร้อนรน เป็นเรื่องของแอริน เขตนึกไปนึก

มา เค้าเองก็ลืมไปเลยว่าแอรินจะเป็นยังไงเพราะเค้าไมได้รับสายและไม่ได้โทรหาแอรินเลยแม้แต่น้อย



“แอรินไม่สบายหนักขนาดนี้ เธอเป็นอะไรกันนะ แอริน ฉันจะรีบไปหาเธอนะ”



เขต เดินตรงไปรถส่วนตัวที่จอดไว้  โดยกำชับไพบูลย์ให้อยู่เฝ้าน้ำที่นี่แทนเค้า จนกว่าเค้าจะกลับมา ไพบูลย์ยินดีและรับปาก

อย่างดีว่าจะดูแลให้ดีที่สุด และจะรายงานเรื่องของน้ำจนกว่าเค้าจะมา





เฮ้ๆๆๆๆ  มาต่อแล้วนะๆๆๆ   ขอโทษที่มาช้า แต่ก็ยังทันอยู่ อิอิ    น้ำใกล้จะเจอความจริงแล้ว  เขตจะทำหน้ายัง

ไงนะอยากรู้จัง   แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้าาา
   :katai5: :katai5: :katai5:     :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 17 ✥ หน้า 2 Up. (3/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 04-10-2015 17:42:16
ตอนที่ 18



         เช้าวันใหม่ ทางโรงพยาบาลแจ้งไปยังบ้านธำรงอาภรณ์นิช ว่าน้ำฟื้นและอาการดีขึ้นมากแล้ว ให้กลับมารับไปที่บ้านได้ ภัค

รพิชัยยิ้มอย่างดีใจและบอกให้สงกรานต์เตรียมรถทันที


   เพียงไปถึงที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ น้ำก็อยู่ในชุดลำลองแล้ว เสื้อผ้าโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ น้ำถอดมันออกแล้ววางเอาไว้ที่ปลาย

เตียง ร่างบางกำลังนั่งมองทีวีมาพักใหญ่ แล้วก็หันไปทางประตูหลังจากที่มีคนเปิดมันอ้าออก


“คุณชาย! สวัสดีครับ”


“ไม่ต้อไหว้ฉันหรอกนะ ไหนๆ อืม อาการดีขึ้นมากแล้วจริงๆ แล้วนี่ ชื่นกับเวท พี่น้องคนอื่นๆล่ะ”


“ไม่ทราบเลยครับคุณชาย ”


“ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวฉันจะพาหนูน้ำกลับไปที่บ้าน บ้านของเรานะ แล้วหากชื่นหรือเวท แม้แต่พี่น้องของเธอเองก็ให้มาหาน้ำได้ทุก

เมื่อ หากน้ำต้องการ”


“จริงหรอครับ” ร่างทำสีหน้าดีใจมาก


“แล้วนี่เจ้าเขตอยู่ไหม” ภัครพิชัยหันไปมองหาลูกชายคนโต ที่คาดว่าจะอยู่ในห้องแต่กลับไม่พบ น้ำทำสีหน้าสลดเล็กน้อยก่อน

จะตอบเจ้านายตรงหน้า


“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่คุณเขต ไปธุระตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นกลับเลยครับ”


“ธุระหรอ ไม่เห็นเจ้าเขตจะบอกฉันมั่งเลย”


  น้ำน้อยให้ภัครพิชัยเล็กน้อย  ก่อนจะลุกไปหยิบรีโมทมาปิดทีวีและยกสำภาระทั้งหมดกลับบ้าน บ้านที่เค้าก็ไม่คิดว่าจะเรียกว่า

บ้านดีหรือเปล่า หลังนั้นหลังที่น้ำต้องใช้หนี้ใช้สินแต่เสียทีแรก แต่ด้วยความใจดีและจิตใจกว้างขวางน้ำถึงได้ไม่ต้องทำงานใช้

หนี้





       น้ำกลับมาถึงบ้านที่ห่างหายไปกว่า ครึ่งเดือน ตั้งแต่วันเกิดเรื่องต่าง สภาพบ้านยังคงอยู่ดี กล้วยไม้และใบหลิวยิ้มรอคอยน้ำ

กลับมาอย่างใจจดใจจ่อ  น้ำเห็นหน้าพวกเค้าเหล่านั้นก็คิดถึงขึ้นมาจับใจ


“พี่กล้วยไม้ พี่ใบหลิว น้ำคิดถึงจังเลย” น้ำยิ้มแล้วเดินเข้ากอดทั้งสองสาว แต่พวกเธอทำท่าเกร็งๆแล้วเดินหลบน้ำ


“ขอคำนับท่านชายเพคะ” กล้วยไม้และใบหลิว ถอนสายบัวแต่พองาม น้ำตกใจมาก ที่สองคนนี้ท่าทีเปลี่ยนไป


“อะไรกันครับ พี่ๆทั้งสอง มาถอนสายบัวให้น้ำทำไมกัน” ร่างบางคนหน้างุนงง ก่อนจะหันไปหาสงกรานต์และไพบูลย์  ทั้งสองก็

ก้มหัวคำนับน้ำเช่นกัน น้ำยิ่งงงไปกันใหญ่


“ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด น้ำงงไปหมดแล้วนะครับ คุณชายครับ คุณชายพอจะทรา….”


        เพียงแค่น้ำหันไปหาหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ยังต้องทำคล้ายๆกับที่สงกรานต์กับไพบูลย์ทำเมื่อครู่ น้ำยิ่งงงไปกันใหญ่  แต่

ในเวลาที่ร่างบางยังไม่ได้ทำตอบ ชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องโถงของบ้านพร้อมกับคนมากมายชายหญิงนับ 20 คน ชุดที่

ใส่สวยมาก หญิงคนนี้งดงามแม้เพียงอายุจะมากแล้วก็ตาม กับ ชายร่างสูง ที่น้ำสีหน้าเหมือนจะจำได้


“นี่นะหรอ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ไกลเกียรติขจรกุล  แห่งวังฉัตรอรุณ” หญิงตรงหน้าเอ่ยถามภัครพิชัย


“ใช่แล้วครับ  ท่านชายน้ำ  นี่คือหม่อมรุ้งพราว แล้วก็หม่อมเจ้าชยาดล ”


“สวัสดีครับ”  น้ำไหว้สาสองคนตรงหน้าอย่างซื่อๆ และทำอะไรไม่ถูก เค้ากำลังคิดว่าเค้าไมได้ฝันไปใช่ไหม


“น้องน้ำ น้องชายของพี่”


  หม่อมเจ้าชยาดลเดินเข้าไปเกิดน้ำ ร่างบางตกใจมากแต่ทำอะไรไม่ถูกเลย ปล่อยให้หม่อมเจ้าชยาดลทรงโผลกอดอยู่ตรงนั้น

ท่ามกลางทุกคนยืนยิ้มอย่างมีความสุข เห็นทีงานนี้น้ำคงจะอารมณ์ตกใจอยู่คนเดียวแน่ๆ


“คุณชายครับ นี่มันเรื่องอะไรกันหรอครับ ผมงงไปหมดแล้ว” น้ำยังอยากรู้คำตอบอยู่อย่างนั้น


“อย่างงเลยนะ ท่านชายองค์เล็ก เดิมท่านชาย คือ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ประสูติแด่หม่อมพิมล กับ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ ฉันเป็น

แม่ของหม่อมเจ้าชยาดล พี่ชายองค์ท่านเอง” รุ้งพราวเดินเข้ามาลูบหัวน้ำเบาๆ แต่น้ำยังคงช็อคอยู่  กับเหตึการณ์ทั้งหมด


“ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมครับ” น้ำถามย้ำทุกคนอีกครั้ง และคำตอบก็คือทุกคนพยักหน้าหมด


“หมดเคราะห์หมดกรรมเสียทีนะ ท่านชาย คุณชายคะ แล้วนี่จะให้ท่านชายน้ำไปประทับที่วังฉัตรอรุณได้หรือไม่” หม่อมรุ้งพราว
หันไปถามภัครพิชัย


“สุดแล้วแต่ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์เถอะครับ ” ภัครพิชัยกล่าวอย่างยินดี


“ว่ายังไงน้องพี่ นายอยากจะไปอยู่ที่วังไหม”


“วัง?”


“ใช่ วังของนาย ของพี่ และของแม่นาย กลับบ้านเราเถอะนะ” ท่านชายดลยังทรงชักชวนน้ำไม่เลิก


“ผม…”


     ทันใดนั้นที่ห้องโถงก็ปรากฏร่างของ ชื่น  เวทและลูกสองคน น้ำเห็นใบหน้าพวกเค้าแล้วดีใจมาก


“แม่! พ่อ! พี่!” น้ำตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ


“หม่อมรุ้งพราวเจ้าขา ชื่นเลี้ยงดูท่านชายอย่างเต็มที่แล้ว ต่อจากนี้ไปชื่นไม่ได้อยู่ดูแลท่านชายแล้วนะเจ้าคะ”


“ชื่น พูดอะไรอย่างนั้น เธอยังมาหาท่านชายน้ำได้ และขอบใจมาก ที่เลี้ยงดูท่านชายน้ำอย่างดี หม่อมพิมลที่อยู่บนฟ้า เห็นที
คงจะดีใจไม่ต่างจากฉันและเธอหรอกนะ”

“แม่ หมายความว่ายังไงครับ” น้ำเดินไปสะกิดแขนชื่นเบาๆ

“ท่านชายเจ้าคะ ชื่น เป็นคนใช้คนเก่าของหม่อมพิมล แม่แท้ๆของพระองค์เอง หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยที่ไมได้บอกท่าน
ชายเสียแต่ยังทรงจำความได้”


“ไม่จริงอ่ะแม่  แม่พูดอะไร  พ่อ พ่อตอบน้ำหน่อยสิว่านี่เรื่องอะไร ทำไมน้องต้องถูกรายล้อมและถูกปรณนิบัติแบบนี้”


“ท่านชาย กระหม่อมขอกล่าวกับท่านชายเอาไว้ว่าทั้งหมดนี้คือความจริงที่ท่านชายจะต้องทรงทราบ ท่านชายทรงลำบากกาย
และใจมามากแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปขอท่านชายมีความสุขและอยู่ในวัง   บ้านแห่งนั้น บ้านที่หม่อมพิมลและเสด็จพระองค์ชายทรงเคยประทับอยู่ที่นั่น”


“น้ำไม่อยากเป็นหม่อมเจ้า  น้ำไม่ไปไหนทั้งนั้นพ่อ แม่  พี่ตะวัน พี่ภูผา น้ำอยากกลับบ้านเรา”


       น้ำน้ำตาคลอเพราะสิ่งกำลังได้ครับ มันมากเกินไปที่เค้าจะรับได้ น้ำเกิดมาเท่าที่จำความได้คือ บ้านไม้หลังเล็กๆ ติดคลอง

โตมากับชุมชนหมูบ้านเล็กๆ ทุกคนรักกันเหมือนพี่น้อง แต่เพียงแค่ไม่กี่วันมานี้ น้ำก็ได้รับแต่เรื่องแปลกๆ และแปลกมากที่สุดคือ

การได้เป็นหม่อมเจ้า แห่งวังฉัตรอรุณ วังที่เค้าเคยเห็นเพียงครั้งเดียวแต่เป็นวังที่สวยงาม ในตอนนี้น้ำยังคิดเลยว่าอยากมีวังแบบ

นี้ อยากอยู่ในวัง แต่นั่นเพียงเพราะเค้าคิดว่ามันไม่จริง ถึงได้กล้าพูด แต่ครั้งนี้มันคือความจริงและน้ำต้องยอมรับมันให้ได้


“นี่ผมเป็นหม่อมเจ้าจริงๆหรอครับ” น้ำหันไปถามหม่อมรุ้งพราว เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้น้ำอย่างเอ็นดู

“นทีพิสุทธิ์น้องพี่ กลับวังของเราด้วยกันเถอะนะ พี่เชื่อว่าน้องต้องประทับใจ ไปพี่จะพาน้องเดินทั่ววังเอง”


“ท่านชายเพคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ หม่อมฉันและครอบครัวดุแลตัวเองได้ หากหม่อมฉันคิดถึงพระองค์ จะไปเยี่ยมที่วังนะเพคะ”
ชื่นยิ้มทั้งน้ำตา กุมมือน้ำไว้อย่างยินดี น้ำเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้หญิงที่เค้านับถือว่าเป็นแม่มาตลอดชีวิต และตอนนี้ก็ยังคง
นับถือและเคารพแบบนั้นอยู่เช่นเดิม


“ครับแม่ น้ำจะไม่ลืมแม่ พ่อ และพี่ทั้งสองคนเลยครับ”


           น้ำหันหน้าไปมองคุณชายภัครพิชัย ที่ยืนยิ้มน้ำตาคลอเช่นกัน น้ำแทบจะร้องไห้ตาม


“ขอบคุณคุณชายมากนะครับ ที่เอ็นดูและรักผมเห็นลูก ทั้งๆที่ผมก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กชนบทคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ บุญคุณนี้ ผมจะ

ไม่มีวันลืมเลย”


“ไม่เป็นไรกระหม่อม   เพียงแค่ได้เห็นท่านชายทรงมีความสุขกระหม่อมก็ดีใจแล้ว ”


“พี่สงกรานต์ พี่ไพบูลย์ พี่กล้วยไม้ พี่ใบหลิว  น้ำจะมาหาบ่อยๆนะครับ”


“เพคะ/กระหม่อม” 


ทั้งสี่คนคำนับน้ำอีกครั้ง และยิ้มให้น้ำอย่างยินดี

“ไปกันเถอะจ้ะ ช้อย! พาท่านชายน้ำ  ประทับที่รถ”


“เจ้าค่ะ หม่อมรุ้งพราว   ท่านชายเชิญเสด็จทางนี้เลยเพคะ”


     ช้อยยิ้มและทำท่าทางเหมือนคนนำทางไปยังรถ  น้ำกอดชื่นและเวทอีกครั้ง  รวมทั้งหลายๆคนที่ยืนมองน้ำอย่างปลื้มใจ  น้ำ

ไหว้คุณชายแล้วเดินมายังประตูหน้าบ้านที่มีบริวาร 20 ชีวิตยืนรออยู่ ต่างคำนับน้ำกันทุกคน   ร่างบางพยายามทำใจยอมรับกับ

สถานะตัวเองที่เกิดขึ้นอยู่อย่างมาก  เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว


         ขบวนรถ 5 คัน ขับออกสู่ประตูรั้วบ้านแล้วหายลับไปกับตา คนของบ้านธำรงอาภรณ์นิชมองตามอย่างห่วงหาน้ำ หลังจากนี้

คงไม่มีอีกแล้ว เด็กน้อยที่ชื่อน้ำแสนดี แสนน่ารัก ภัครพิชัยเองก็เศร้าไม่แพ้กัน เค้ารับน้ำมาเป็นลูกบุญธรรมได้ไม่ถึง 5 เดือน น้ำก็

ย้ายไปอยู่ที่วังเสียแล้ว




   น้ำอยู่ในรถนั่งตัวเกร็ง หม่อมรุ้งพราวเห็นแล้วก็ยิ้มขำท่าทีของน้ำ


“ท่านชายคะ นั่งเกร็งแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้าวรกายหรอก ชายดล ดูน้องหน่อยลูก ”


“ครับหม่อมแม่  น้ำน้องพี่ ขยับตัวและปล่อยให้สบายๆ จะได้ไม่เหนื่อยนะ”


“ครับท่านชายดล” น้ำกล่าวอย่างเกร็งๆเพราะยังไม่ชิน


“ฮาๆ อะไรกัน เรียกพี่ว่า เจ้าพี่ สิ  ไหนลองเรียกสิ”


“เจ้าพี่!” น้ำเริ่มยิ้มออกเพราะเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น


   ไม่นานขบวนรถก็ขับมาถึงวังฉัตรอรุณ ตรงป้ายด้านหน้า น้ำตกใจเล็กน้อยถึงสัญลักษณ์อันใหญ่ด้านหน้าเค้า และไม่ลืมที่จะเอา

สร้อยที่ตัวเองมีอยู่ออกมาเทียบดู และคำตอบนั้นก็เป็นความจริง น้ำเริ่มจะประติดประต่ออะไรออกบ้างแล้ว


“เหมือนเลยใช่ไหม ” ท่านชายดลหันมาถามน้ำ ที่กำลังเทียบสัญลักษณ์ตรงหน้ากับที่อยู่บนสร้อย
เส้นนั้น

“ครับ เจ้าพี่” น้ำยิ้มให้ท่านชายดล


“วันนี้ พี่จะพาไปหาหม่อมบุหลัน และเจ้าพี่หญิงภา นะ”


“ผมมีเจ้าพี่อีกคนหรอครับ”


“อืมใช่ พี่สาวองค์โตเลยล่ะ ทั้งสวยและใจดี น้องพี่ต้องชอบแน่ๆ”


“ครับ”น้ำยิ้มให้ท่านชายดลอย่างอบอุ่น


           ขบวนรถขับไปจอดที่หน้าเรือนฝั่งซ้าย หรือเรือนของหม่อมรุ้งพราวนั่นเอง เพียงแค่น้ำเดินลงมาจากรถ น้ำรู้สึกดีใจและ

สดชื่นบอกไม่ถูก ภายในวังจะมีสักกี่คนที่ได้รู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง สวนหม่อม สวนดอกไม้ มากมาย หลายไร่ ต้นไม้น้อยใหญ่ น้ำ

รู้สึกทึ่งกับความงดงามมาก มองออกไปรอบนอก มีคนสวน 4 5คนกำลังตัดแต่งสวนหม่อมอย่างขันแข็ง  มองไกลออกไหอีก

หน่อย เป็นลานน้ำพุสวยงาม น้ำรู้สึกดีใจมากๆ


“เป็นไงบ้าง สวยไหมจะ” หม่อมรุ้งพราวเดินเข้ามาหาน้ำที่ทำท่าทียืนอึ้งอยู่นาน


“สวยครับหม่อมรุ้งพราว”


“เรียกหม่อมป้าสิจะ”


“ครับหม่อมป้า”


“ที่นี่เมื่อ 20 ปีก่อน หม่อมพิมลแม่ของเธอ ชอบสวนหม่อมและดอกไม้แบบนี้แหละ พวกเราสนิทกันมาก ตอนนั้น ชายดลยัง 10
ชันษาอยู่เลย และประทับที่ปารีสกับหญิงภา มาตั้งแต่เด็ก ”


“แล้วแม่ของผมเป็นอะไรถึงเสียชีวิตครับ” น้ำถามหม่อมรุ้งพราวเพราะอยากรู้  เธอได้แต่อึกอักเพราะไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน

“ฉันก็ไม่รู้จ้ะ มาทางนี้มา ป้ามีอะไรจะให้ดู รูปภาพเสด็จพระองค์และหม่อมพิมล มีหลายรูปเลยทีเดียว เผื่อน้ำอยากจะเห็นพระ
พักตร์ของเสด็จพ่อ และหน้าหม่อมแม่”


             หม่อมรุ้งพราว ชวนน้ำคุยเรื่องอื่น ซึ่งก็ได้ผลน้ำเลิกสนใจเรื่องการตายของแม่ตัวเอง และเดินตามหม่อมรุ้งพราวไปที่

เรือน  และเรือนเป็นเรือนหลังใหญ่น้ำไม่คิดเลยว่าจะใหญ่กว่าบ้านของคุณชายภัครพิชัยขนาดนี้ ดุภายนอกอาจจะเก่าไปหน่อย

แต่พอเข้ามาข้างในก็รู้เลยว่าที่นี่มีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา และสะอาดมากด้วย


             หม่อมรุ้งพราว เดินนำน้ำไปจนถึงห้องๆหนึ่งแล้วเธอก็เปิดเข้าไป ภายในห้องนั้นมีรูปภาพมากมายทั้งตั้งไว้ ปะฝาผนังไว้
มากมาย


“หม่อมพิมลแม่ของเธอ สวยมาก ดูรูปนั้นสิ รูปชุดราตรีสีน้ำเงินแวววาวถ่ายคู่กับเสด็จพ่อของเธอ”


         น้ำมองตามหม่อมรุ้งพราวไปที่ภาพแผ่นนั้น เป็นอย่างที่หม่อมป้าพูดจริงๆ แม่ของเค้าสวยมาก สมแล้วที่เป็นชายาของ
เสด็จพ่อ


“หม่อมแม่ สวยจริงๆครับ”


“รุ้อะไรไหม หม่อมพิมลมาเข้าฝันป้าเมื่อคืน เธอบอกป้าว่าขอบคุณที่ทำตามที่เธอขอ ป้าว่า หม่อมแม่ของเธอยังคงอยู่วนเวียน

ปกป้องเธออยู่ตลอดเวลานะน้ำ”


“อย่างนั้นหรอครับ ผมต้องขอบพระคุณหม่อมป้าอีกครั้งนะครับ”


“ไม่ต้องไหว้สาป้าบ่อยไป หรอก อย่าลืมสิว่าเธอเป็นหม่อมเจ้านะ”


“ครับ หม่อมป้า”


“เอาล่ะ น้องน้ำ พี่จะพานายไปเที่ยวชมทั่ววังเลย แต่ก่อนอื่นต้องไปเคารพพระศพของเสด็จพ่อและหม่อมพิมล หม่อมแม่ของ
น้องก่อนนะ”


“ครับ ผมพร้อมแล้วครับ”


“ไปกันเลยไป”





               ภายนอกเรือนของหม่อมรุ้งพราว  ขจี สาวใช้คนของเรือนใหญ่ หรือเรือนของหม่อมบุหลันมาทำลับๆล่อๆแถวๆหน้าสวน แต่ดีที่ช้อยคนของหม่อมรุ้งพราวเห็นเข้าพอดี


“ทำอะไรของมึงอีขจี”


“ว้าย ขวัญมา” ขจีตกใจเสียงที่ทักดังขึ้นมาจากข้างหลัง


“มึงมาทำอะไรลับล่อๆตั้งนานสองนาน”

“กูเปล่า กูก็แค่งงว่า หม่อมรุ้งพราวพาใครมาที่วัง ก็เท่านั้น” ขจีทำสีหน้าเชิด


“หม่อมรุ้งพราวจะพาใครมาที่เรือน มันเกี่ยวอะไรกับสาวใช้อย่างมึง กลับไปที่เรือนใหญ่ ถิ่นของมึงโน่นไป”


“ไม่ต้องไล่กูหรอก อีช้อย คอยดูนะเรื่องนี้ถึงหูหม่อมบุหลันแน่”


“คิดให้ดีนะ อีขจี มึงไปบอกหม่อมบุหลัน ทั้งๆที่มึงมาเดินเพ่นพ่านที่เรือนซ้าย แบบนี้ ใครมันจะชนะ กูก็อยากจะรู้เหมือนกัน”

“เออ กุไม่ฟ้องก็ได้  แต่อย่าคิดนะว่าครั้งนี้มึงชนะแล้วกูจะยอมมึง กูไปแล้ว”



           ขจีทำปากใส่ช้อยแล้วเดินกึ่งวิ่งไปที่เรือนใหญ่ ที่ตั้งไกลออกไป เกือบ 300 เมตร   ช้อยกับขจี ไม่ถูกกันตั้งแต่แรกเห็น

เพราะขจีมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องสาวใช้คนสวน ยันเรื่องเจ้านาย ช้อยไม่ค่อยจะชอบพอเสียเท่าไหร่นัก


          หม่อมเจ้าชยาดลพา น้ำมาไหว้พระศพของเสด็จพระองค์และหม่อมพิมลที่เรือนฝั่งขวา  ด้านข้างเรือนมีอัฐิอยู่สองฝั่ง น้ำ

ก้มกราบไหว้ เสด็จพ่อและหม่อมพิมล อย่างเศร้าใจ คงจะมีเพียงเค้าคนเดียวที่ไม่ทันจะเห็นหน้าทั้งสอง


“เสด็จพ่อ หม่อมอา ครับ ผมพาน้องชายองค์เล็กกลับมาที่วังของเราแล้วนะครับ ไม่ต้องห่วงหรือกังวลอีกต่อไปแล้ว น้องจะได้
อยู่ดี และมีความสุขที่วังแห่งนี้ บ้านแห่งนี้ครับ  น้ำกราบเร็ว”



“ครับ”


          น้ำก้มลงกราบอีกครั้ง ความเสียใจอาจจะมีไม่มาก เพราะความผูกพันนั้นน้ำไม่เคยได้รับ แต่น้ำก็ไม่ลืมพระคุณของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดได้


“ไปชมรอบๆวังกัน”ท่านชายดล ชวนน้องชายทันที เหมือนพี่ชายกำลังเห่อน้องชาย


“ครับ เจ้าพี่”







           ที่บ้านของดุษฎี  ตอนนี้เขตกำลังอาวะวาดหนักมาก  เมื่อคืนเค้าพลาดท่าให้กับแอริน เธอมอมเหล้าเขตและจัดฉากว่ามีอะไรกัน ทั้งๆที่เค้าไม่ได้มีอะไรกับแอรินเลย และอีกอย่างแอรินดกหกเค้ามีป่วยหนักมากเรื่องนี้ดุษฎีก็ต้องรับผิดชอบด้วย


“คุณเขตๆ  ใจเย็นๆนะ ฟังน้องอธิบายก่อน” เสี่ยสิงพยายามพูดให้เขตใจเย็น


“คุณอาดูลูกของคุณอาก่อนนะครับ ทำแบบนี้มันดีที่ไหน จริงอยู่ที่ผมชอบแอริน แต่เพราะเธอทำแบบนี้ผมเองก็รับไมได้หรอกนะ
ครับ”

“พี่เขตๆๆ  อย่าเพิ่งกลับนะคะ  ฟังรินก่อน”


"ไม่ฟังครับริน สิ่งที่รินทำพี่ไม่ชอบเลยนะคะ ”


“พี่เขต รินสัญญารินจะไม่ทำอีก พี่เขตไม่โกรธรินนะ”

“ปล่อยครับริน พี่จะกลับไปโรงพยาบาล”

“ไปทำไมคะ โรงพยาบาล”

“น้ำไม่สบาย พี่ต้องรีบไปหาน้ำแล้ว นี่ก็ทิ้งเค้าไว้คืนนึงแล้วนะ”

“อ๋อ ไอ้เด็กรับใช้ที่พี่เขตไม่ชอบหน้ามันนะหรอคะ ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับรินก่อนนะ รินคิดถึงพี่เขตมากเลย”

“ริน พี่ออกให้ปล่อย”

“ไม่ปล่อยค่ะ รินไม่ให้พี่เขตไปไหมหรอก” แอรินกอดเขตแน่นกว่าเดิม เขตรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมของแอรินขึ้นทุกทีทุกที


“คุณอาครับ พาแอรินออกจากผมเดี๋ยวนี้”


“ครับๆๆๆ  คุณเขต”

“ไม่  คุณพ่ออย่ามาทำให้เสียเรื่องสิคะ รินกำลังรั้งพี่เขตอยู่นะ คุณพ่อนี่ยังไงกันนะ รินไม่เข้าใจเลย”


“ริน พ่อว่าครั้งนี้พอก่อนไหมลูก พี่เขตเค้าโกรธจริงๆแล้วนะ”


“รินพี่บอกให้ปล่อย!”

                เขตตะวาดเสียงดังลั่นจนแอรินตกใจกลัว และปล่อยตัวไปในที่สุด  เขตหันมาเอาเรื่องกับแอรินสายตาดุดันน่ากลัว

ทำให้แอรินไม่กล้าเอาแต่ใจเลยแม้แต่น้อย


“จำไว้นะ แอริน ถ้ายังทำแบบนี้ และโกหกพี่แบบนี้ พี่จะไม่มายุ่งกับรินอีกแล้ว”


“พี่เขต รินรับปากค่ะ พี่เขตอย่าโกรธรินนะ รินขอโทษ รินให้พี่ไปโรงพยาบาลแล้วก็ได้ แต่อย่างโกรธรินนะ”


“คุณอาครับ ผมลาแล้วนะครับ  ครั้งนี้ให้คิดซะว่าเป็นบทเรียน ผมจะไม่เอาเรื่อง ผมเป็นทหาร เป็นพันเอก หม่อมหลวงภูธเนศ จะ

ทำอะไรเกรงใจผมด้วย”


“ครับๆคุณเขต ต้องขอโทษจริงๆนะครับ”


      เขตเดินออกมาจากห้องนอนของแอริน ทั้งๆที่ยังไมได้อาบน้ำ เขตรีบขับรถกลับไปที่โรงพยาบาลทันที เพราะไม่รู้ป่านนี้น้ำ

จะรอเค้าแล้วหรือเปล่า 


“น้ำรอก่อนนะพี่กำลังจะไปหาแล้ว”

           ดุษฎีและแอรินมองหน้ากันอย่างหงุดหงิด  แอรินยิ่งไม่ปลื้มในแผนของเค้ามากนัก เพราะนอกจากจะไมได้อะไรแล้ว ยังถูกเขตมองว่าทำตัวไม่ดีอีก


“คุณพ่อ ต่อไปนี้รินขอบายนะคะ พี่เขต น่ากลัวมาก วันนี้คุณพ่อก็เห็น ถึงรินจะคบพี่เขตไป วันดีคืนดีทำร้ายรินขึ้นมาแล้วรินจะทำ
ยังไง”


“เฮ้อ เบื่อโว้ย  ไม่มีอะไรที่ทำแล้วมันง่ายไปกว่านี้อีกแล้วหรอเนี่ย พ่อหมดหนทางแล้วจริงๆ สมบัติ เกียรติยศที่ควรจะได้ กลับไม
ได้”


“พอเถอะค่ะคุณพ่อ รินมีปัญหาหาแฟนได้อยู่แล้ว  เรื่องพี่เขต ปล่อยไปเถอะ รินไม่อยากยุ่งแล้ว”


“ไม่ได้ยังไงแกก็ต้อง จับคุณเขตให้อยู่หมัด พ่อไม่ยอมให้แกไปแต่งงานกับชายคนอื่นหรอก ไม่มีใครดีเท่าคุณเขตอีกแล้ว หน้าที่
การงาน สมบัติ  มันสำคัญ จำไว้แอริน”


               ดุษฎีชี้หน้าแอริน เพราะต้องการให้แอรินนั้นแต่งงานกับเขตให้ได้ไม่ว่าจะวิธีทางไหน หรือทางใดก็ตามที





        เขตขัยมาถึงโรงพยาบาลก็ตรงดิ่งขึ้นไปที่ห้องพักของน้ำทันที แต่กลับพบกับความว่างเปล่า มีเพียงพนักงานทำความสะอาดห้องเท่านั้น


“โทษนะครับ คนไข้ห้องนี้ไปไหนแล้ว”


“เห็นออกไปแต่เช้าแล้วค่ะ มีคนมารับกลับบ้าน”



“กลับบ้าน?”


“ใช่ค่ะ ตอนนี้ห้องนี้ว่างค่ะ ไม่มีใครอยู่”


“ขอบคุณมากครับ”




     เขตเดินออกมาจากห้องแล้วต่อสายไปที่บ้านตัวเองทันที


“สวัสดีครับ บ้านธำรงอาภรณ์นิชครับ ”


“สงกรานต์  ฉันเอง น้ำกลับบ้านแล้วหรอ”


“เอ่อ….คือ” 


“ว่ายังไง…จะได้คำตอบไหมเนี่ย ฮะ”


“กลับมาแล้ว แล้วก็ไปแล้วครับ”


“ไปแล้ว?  ไปไหน  สงกรานต์แกพูดให้มันจบๆหน่อยสิ”


“ไปวังฉัตรอรุณครับ คุณเขต”


“อะไรนะ ไปทำไม”


“คุณเขตรีบกลับบ้านเถอะครับ คุณชายรอบอกเรื่องสำคัญบางอย่างอยู่”


“ได้ฉันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้”


              เขตตัดสายแล้วทำสีหน้างุนงงก่อนจะรีบขับรถกลับบ้านทันที เรื่องนี้ทำไมสงกรานต์ต้องอึกอักให้น่ารำคาญด้วยนะ

เค้าไม่เข้าใจจริงๆ แล้วน้ำจะไปวังฉัตรอรุณทำไมกัน คุณพ่อพาไปอย่างนั้นหรือ ในตอนนี้เขตมีคำถามอยู่เต็มหัวไปหมด และ

กำลังหงุดหงิดกับเรื่องเมื่อคืนด้วย  แต่ตอนนี้ขอแค่เค้าได้เห็นหน้าน้ำก็พอ





มาแล้วๆๆๆ  ว้าวๆๆๆ ใกล้จบแล้วนะ อีกไม่ถึง 5 6 ตอนก็จะจบแล้ว ขอบคุณที่ตามอ่านน้า  แล้วเจอกันอีกในวันเสาร์อาทิตย์ ที่ 10-11 ตุลานะ 



 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 18 ✥ หน้า 2 Up. (4/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-10-2015 19:47:56
จะจบแล้วเหรอ ใจหายเลยอ่ะ ตอนหน้าหวังว่าคุณเขตคงจะไม่ช็อคไปก่อน

เมื่อรู้ความจริงว่าน้ำเป็นถึงหม่อมหลวงหรอกนะ แล้วคุณเขตจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 18 ✥ หน้า 2 Up. (4/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-10-2015 16:33:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 18 ✥ หน้า 2 Up. (4/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-10-2015 20:37:41
เขตนี่อาภัพเหมือนกันนะ ได้รู้ใจตัวเองละ  แต่คลาดตลอด5555   :laugh:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 18 ✥ หน้า 2 Up. (4/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 10-10-2015 23:43:49
ตอนที่ 19.1



        เขตขับรถมาถึงบ้านด้วยท่าทางเร่งรีบ ร่างหนาลงจากรถตรงดิ่งเข้ามาในบ้าน ทุกคนในบ้านต่างตกใจเล็กน้อยสำหรับการปรากฏตัวที่รวดเร็วเกินไปอย่างคาดไม่ถึง


“คุณเขต!  ทำไมมาถึงเร็วจังคะ” กล้วยไม้ถามเจ้านายด้วยสีหน้าตกใจ


“คุณพ่ออยู่ไหน!” เค้าไม่ฟังเสียงทักของกล้วยไม้แม้แต่น้อย


“อยู่หลังบ้านค่ะ พักผ่อนที่เตียงขอบสระว่ายน้ำ” กล้วยไม้รีบบอกทันทีหลังจากเห็นสีหน้าของเจ้านายที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่



   ภูธเนศเดินทะลุบ้านไปถึงประตูด้านหลังก็พบภัครพิชัยนอนพักอยู่บนเก้าอี้จริงๆ แต่หนุ่มวัยกลางคนหันมาหาลูกชายด้วยสีหน้า

กลุ้มใจที่จะเล่า แต่มันจำเป็นแล้วจริงๆ


“คุณพ่อครับ  สรุปน้ำไปที่วังฉัตรอรุณทำไมครับ”


“คืออย่างนี้นะเจ้าเขต  มันอาจจะฟังดูตลกแต่มันเป็นเรื่องจริง” เขตยิ่งทำสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่


“อะไรกันครับคุณพ่อ ผมงงไปหมดแล้วนะ แล้วนี่ทำไมทุกคนต้องทำท่าทีเหมือนมันเป็นความลับ หรือเรื่องใหญ่โตขนาดนี้” เขต
แสดงท่าทีไม่เข้าใจ


“น้ำ  จริงๆแล้ว ชาติกำเนิดคือ  หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ไกลเกียรติขจรกุล หรือท่านชายน้ำ โอรสของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ องค์ที่ 3 ”


“ผมไม่มีเวลามาฟังละครจากคุณพ่อหรอกนะครับ บอกผมมาเถอะว่าน้ำไปที่วังนั้นทำไม”


“เขต  พ่อพูดความจริงตอนนี้ ท่านชายเสด็จกลับวังแล้ว   ท่านชายไม่ประทับที่นี่อีกต่อไปแล้ว”


   เขตจ้องแววตาของผู้เป็นพ่ออย่างแน่วแน่ในประโยคที่ภัครพิชัยบอกเมื่อครู่ มันยากมากกับการที่จะต้องแยกแยะ  หรือเพราะตอน

นี้เค้ายังไม่กล้าที่จะรับความจริง ถ้าหากเป็นอย่างที่พ่อเค้าพูด แล้วเขตจะทำยังไงต่อไป ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างที่เค้ากับน้ำได้

สร้างสัมพันธ์กันขึ้น มันก็ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นสินะ แล้วเค้าจะอยู่อย่างไร  ตอนนี้เขตกำลังพยายามเข้าข้างตัวเองอย่างที่สุด


“ไม่มีทางหรอกครับคุณพ่อ น้ำจะไปเป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ได้ยังไง”


“ได้สิ เพราะท่านชายเป็นลูกที่ประสูติแต่ หม่อมพิมลกับ เสด็จพระองค์ ”


“ไม่จริง ไหนคุณพ่อบอกผมตอนเด็กๆไงครับว่า พระโอรสสิ้นชีพิตักษัยตั้งแต่แรกประสูติ”


“พ่อก็เชื่อแบบลูกมานาน แต่ความจริงเรื่องนี้พ่อเพิ่งรู้ และพ่อรู้เรื่องนี้จากชื่นกับเวท”


“ชื่น เวท?” เขตทวนคำพูดของพ่ออีกครั้ง


“ใช่ ชื่นกับเวท เป็นคนรับใช้ของวังฉัตรอรุณเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่ถัดจากนั้นมาหม่อมบุหลันเป็นใหญ่ในวัง เวทจึงทนไม่ไหวเลย

ตัดสินใจออกมาก่อน และตามด้วยชื่น ที่หนีออกมาพร้อมกับพระโอรส กลับไปเลี้ยงที่บ้านนอกชนบท”


“แล้วทำไม ทำไมเค้าต้องปิดเรื่องนี้ด้วยครับ ทำไมครับคุณพ่อ  ทำไม!!!”  เขตเริ่มตั้งสติตัวเองไม่อยู่ เค้าตะหวาดเสียงดังลั่นใน

ขณะที่คนใช้ในบ้านทุกคนได้ยินเสียงดังเข้ามาในบ้านทีเดียว





“พี่สงกรานต์ ฉันว่าคุณเขตคงจะรู้ความจริงแล้วล่ะ”


“ก็แน่ล่ะ เสียงดังโวยวายขนาดนั้น”


“แต่ฉันไม่เห็นเข้าใจเลยนะ พี่กล้วยไม้ว่าคุณเขตจะโวยวายทำไม ไม่ชอบท่านชายน้ำแต่ทีแรกอยู่แล้ว ตอนนี้พระองค์ก็ไม่ประทับที่นี่แล้ว ควรจะดีใจมากกว่านะ  ว่าไหมพี่กล้วยไม้”


“ฉันไม่รู้หรอกเรื่องแบบนี้ แต่เท่าที่ดูๆมา ที่แกพอก็ถูกนะใบหลิว ”


“ทีแรกก็ใช่อยู่หรอกนะ แต่หลังๆมาคุณเขต เอ็นดู เป็นห่วงและหวงท่านชายน้ำยิ่งกว่าอะไร”


“ว่าไงนะ เป็นไปได้ยังไง” ใบหลิวทำสีหน้าไม่น่าเชื่อ


“พี่สงกรานต์ ที่พี่พูดหมายความว่ายังไง คุณเขตคงไม่ใช่…”


              กล้วยไม้พยายามพูดถามตรงๆแต่อีกใจก็ไม่อยากได้ยินคำตอบนั้นหลุดออกมาจากปากของสงกรานต์เช่นกัน ว่าเจ้านายเค้ารักเพศเดียวกัน


“ใช่แล้ว กล้วยไม้  คุณเขตรักและชอบท่านชายน้ำ แบบไม่รู้ตัว ตั้งแต่ครั้งไปส่งท่านชายกลับบ้านเกิดเมื่อครั้งนั้นแล้ว”


“ไม่จริง โอ้ยจะเป็นลม” กล้วยไม้ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่สงกรานต์พูดเลยแม้แต่น้อย



“ผมไม่เชื่อคุณพ่อหรอกครับ ผมจะพิสูจน์ให้คุณพ่อได้ดูว่าน้ำไม่ได้เป็นหม่อมเจ้า อย่างที่คุณพ่อปั้นเรื่องขึ้น”

เขตตะโกนลั่นต่อหน้าภัครพิชัยผู้เป็นพ่อ แล้วเดินออกไปทันที



“เขต ลูกจะไปไหน เขต กลับมาหาพ่อก่อน”


       เขตไม่ฟังที่ภัครพิชัยเอ่ยเรียกเลยแม้แต่น้อย เค้าเดินเข้ามาในบ้านเพื่อที่ตรงออกประตูหน้าบ้านทันที ผ่านหน้าของคนในบ้าน 3 คนที่ยืนฟังบทสนทนาเมื่อครู่ไม่ไปไหน


“คุณเขต จะรีบไปไหนหรอครับ” สงกรานต์เอ่ยถามทันที


“ไปวังฉัตรอรุณ”เขตตอบสงกรานต์แบบปัดๆไป


“ให้ผมขับรถให้ไหมครับ”


“ไม่ต้องแกอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับ ”


“เอ่อ.. ตะ…แต่ว่า” สงกรานต์ตะกุกตะกัก


“ไม่มีแต่ สงกรานต์!  ฉันขอสั่งในนายอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”


“ครับคุณเขต”



ภัครพิชัยเดินตามเข้ามาในบ้านติดๆ แล้วก็หยุดเดินตามลูกชายที่ 3 คนนั้นยืนดูรถเก๋งขับออกจากบ้านไป


“นั่นเขตเค้าจะไปไหนกัน” ภัครพิชัยเอ่ยถามจากทั้ง 3 คน


“เมื่อครู่คุณเขตบอกว่าจะไปวังฉัตรอรุณครับคุณชาย”


“อะไรนะ เจ้าเขตจะไปวัง  เรื่องใหญ่แน่ ขอแค่ไม่ไปทำเรื่องวุ่นวายหรอกนะ”


“ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นครับคุณชาย”








      ที่มหาวิทยาลัย ช่วงท้ายเทอม 1 ทางชมรมรักษ์สัตว์ได้จัดกิจกรรมทัศนศึกษาครั้งแรกของปีที่ ป่าชายเลนจันทบุรี เป็นเวลา

3 วัน 2 คืน  ฟ้ามอญ เฌอตา ต่อ และอังกอ ก็ร่วมเดินทางครั้งนี้ด้วย พวกเค้าตื่นเต้นกันกับกิจกรรมครั้งนี้มาก เพราะไม่คิดว่าที่

มหาวิทยาลัยจะมีกิจกรรมแบบนี้ด้วย 


   และแล้วรถทัวร์เพียง 1 คันก็พาทุกคนมาถึงเป้าหมาย โดยพวกเค้าจะพักที่ห้องของสถานที่เตรียมไว้ให้  ฟ้ามอญดีใจมากที่ได้

เห็นทะเลแล้ว และมันสวยมากจริงๆ มีหลายคนแถบภาคเหนือที่ยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลเลย แม้แต่น้อย  แต่ฟ้ามอญยังคิดว่าเค้า

นั้นโชคดีมากที่ได้มา

   คลื่นทะเลซัดเข้าริมฝั่งในขณะที่ลมทะเลพัดกระทบร่างบางอยู่นานไม่น้อยทีเดียว  ฟ้ามอญเดินเล่นที่ชายหาดก่อนใครเพื่อน ต่อ

มองเห็นฟ้ามอญเลี่ยงตัวออกไปก็ตามไปติดๆ



“นี่  ข้าวของไม่ไปเก็บหรอ” ประโยคแรกที่เค้าถามร่างบางทันที  ฟ้ามอญหันหน้ามามองเจ้าของเสียงก่อนจะตอบกลับคืนไป


“ยังหรอก ดูเพื่อนๆสิ เยอะขนาดนั้น ขี้เกียจไปแย่งเค้า รอให้คนเริ่มทยอยเข้าที่พักก่อนแล้วกัน”


“ฟ้า! ฟ้าชอบทะเลหรอ”


“อืมใช่  ชอบมากๆด้วย และฉันเองก็ไม่มีโอกาสบ่อยๆแบบนี้หรอกนะ อ้อ ที่นี่เค้าเรียกว่าหาดอะไรนะ”


“เค้าเรียกแหลมเสด็จ” ต่อ ตอบคำถามฟ้ามอญ


“อย่างนั้นหรอกหรอ อืม น่าสนใจดีนะ  ว่าแต่นายไม่ไปเก็บของหรอ”


“ก็แฟนไม่ไปเก็บของ แล้วเราจะไปก่อนได้ยังไง” ต่อ พูดลอยๆแต่จงใจให้ฟ้ามอญรับรู้


“แฟน!  แล้วใครกันล่ะ แฟนนาย เดี๋ยวนี้มีแฟนด้วยหรอ” ฟ้ามอญหันมามองร่างหนาที่เดินขนาบข้าง


“ฟ้า!  นี่นายแกล้งหรือว่าไม่รู้จริงๆเนี่ย” ภูวนนท์เริ่มหัวเสียทันที


“ก็… ไม่รู้สิ  มันแปลกๆ”


             ร่างบางพูดพลางหันไปมองทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา แทบไม่อยากหันกลับมามองต่อด้วยซ้ำ เพราะเค้าคิดไม่ออกเลยว่าหากหันกลับมาแล้ว ชายร่างสูงข้างๆเค้าจะทำสีหน้ายังไง



“ฟ้า!”


         ร่างหนาใช้มือใหญ่ๆ คว้าแขนฟ้ามอญแล้วดึงให้ร่างบางนั้นหันกลับมาที่เค้า แต่ด้วยแรงที่มีมากไปหน่อย มันทำให้การ

พลิกตัวกลับมาของฟ้ามอญ เสียหลักและเซไปกระแทกร่างหนาๆของเค้าอย่างแรง  และมันแรงพอที่จะทำให้ ต่อ  เสียหลักใน

การรับน้ำหนักตัวของฟ้ามอญเช่นกัน ทั้งสองคนล้มลงไปกองอยู่พื้นทราย โดยมีร่างหนาๆของต่อ รองรับฟ้ามอญไม่ให้เจ็บตัว


   สายตาของหนุ่มทั้งสองมองกัน ราวกับสื่อสารกันได้โดยปราศจากภาษาพูด ฟ้ามอญกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักไปโดย

ปริยาย  แรงดึงดูดของ ต่อ มีอิทธิพลมากมายสำหรับร่างบางอย่างมาก ไม่นึกเลยว่าระยะเวลาที่ผ่านมาเพียงไม่ถึง 4 เดือน ความ

ผูกพันของต่อ ที่มีให้กับฟ้ามอญจะมีมากขนาดนี้



“เอ่อ…นาย  ฉันว่าเราควรจะลุกไปเก็บของได้แล้วนะ”


           ฟ้ามอญพูดเสร็จก็รีบลุกขึ้นจากตัวอุ่นๆที่รองรับร่างเค้าไว้ แต่ไม่ง่ายเลยที่จะหลุดพ้นออกไป เพราะตอนนี้ ภูวนนท์ ได้ใช้

สองแขนทรงพลังนั้นกอดรัดตัวเพื่อนหนุ่มเอาไว้แน่น พร้อมกับส่งสายตาของคนได้ชัยชนะอะไรบางอย่าง



“ไม่ให้ไป  กอดนายอยู่ที่พื้นทรายแบบนี้ ก็ดีอยู่นะว่าไหม?”


“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ต่อ”


“ไม่ปล่อย คนอะไรเล่นตัวฉิบหาย จากนี้ไปถ้าพูดไม่ฟัง เราจะไม่ตามตื้อแล้วนะ”


“เอ่อ…” ฟ้ามอญเขินอายกับคำพูดของคนด้านล่างตัวเค้ามาก แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะหันหน้าหนีไม่สบตาของเค้า ไม่อย่าง

นั้นหัวใจของเค้าต้องแย่แน่ๆ


“ทำอะๆไรกันน่ะ!”



       เสียงที่คุ้นเคย ฟ้ามอญแทบไม่ต้องหันไปมองเลยด้วยซ้ำ  ร่างบางพยายามลุกออกจากตัวของต่ออีกครั้ง แต่พยายามแค่

ไหนก็ไม่มีผลอะไรเลย มิหนำซ้ำเค้ากอดรัดตัวของร่างบางแน่นกว่าเดิมอีก



“ฉันถามว่าทำอะไรกันอยู่” เสียงนั้นตะโกนเสียงดังแล้วเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


“อ้าว อังกอ ก็แฟนกันเค้ากำลังกอดกันไงครับ” ต่อ หันไปตอบคำถามอังกอ ที่ตอนนี้อึ้งอยู่ไม่น้อย


“อะไรนะ ทำไมนายทำแบบนี้ล่ะ ไอ้นี่มันมาทีหลังเรานะ ต่อ  นายจะทำแบบนี้กับเราไม่ได้!”


“อะไร!  ทำไมจะทำไม่ได้  ก็ฟ้ามอญเป็นแฟนเราเอง”


“ไม่จริง  นายโกหก  แฟนนายก็คือเรา  เรานี่ไง ต้องเป็นเรา  ไม่ใช่ไอ้หน้าจืดนี่” อังกอตะหวาดเสียงดังกว่าเดิม พร้อมกับเอามือชี้
หน้าฟ้ามอญอย่างจริงจัง


“มันจะมากไปแล้วนะ อังกอ เรากะจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะ นายควรจะเลิกทำตัวแบบนี้ ใส่ร้ายเราให้ฟ้ามอญเข้าใจเราแบบผิดอีกต่อไปไม่ได้แล้ว”


“เข้าใจผิดหรอ  ไม่จริง เรากำลังทำเพื่อนายอยู่นะต่อ  นายไม่รู้หรือไงว่าฟ้ามอญแค่จะเอาชนะเรา  แต่เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น
เรารักนายจากใจจริง รักมานานมาก รักไม่เปลี่ยนแปลงนะต่อ”


“หมายความว่าไงฟ้า  นายแค่คิดจะเอาชนะอังกอหรอ” ต่อ เริ่มไขว้เขว โดยมีสายตาเยาะเย้ยของอังกอที่ยืนมองความแตกหักของทั้งสองคน


“ไม่จริงนะต่อ  จริงๆแล้วฉัน…..ฉัน….”


“ฉันอะไรฟ้า….”


“ฉันรักนาย!” ฟ้ามอญตัดสินใจพูดออกไป เพราะสถานการณ์บังคับ และไม่อยากให้คนที่เค้ารักต้องเสียใจ


“นายว่าไงนะ?” ร่างหนาถามฟ้ามอญอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ  คราวนี้ร่างบางหันมาสบตากับต่อแล้วพูดประโยคนั้นอีกครั้ง


“เรา  รัก  นาย  ”


“เย้!   ในที่สุดนายก็รับรัก ต่อ แล้ว ยินดีด้วยนะ ไอ้เพื่อนหม่อมหลวง”


   อังกอเดินเข้ามายิ้มให้ทั้งสองคน  ทำเอาฟ้ามอญงงไปหมด อังกอมาแสดงความดีใจหมายความยังไงกันแน่ เค้างงไปหมดแล้ว




“นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ ต่อ”




   ต่อยิ้มยักคิ้วให้อังกอ  ก่อนที่อังกอจะหันหลังให้ทั้งสองคนแล้วเดินกลับไปที่พัก ปล่อยให้สองคนนี้เคลียร์กันเองให้เรียบร้อย   

ฟ้ามอญทำสีหน้างุนงงและต้องการคำตอบอย่างมากจากร่างหนาที่เอาแต่ยิ้มให้เค้า





มาต่อแล้วนะ  ต้องขอโทษจริงๆ วันนี้มีแต่ธุระเต็มไปหมด  แต่ก็ยังดีกว่าไม่มาต่อตามสัญญาเนาะ  เอาครึ่งแรกไปก่อนส่วนครึ่งหลังจะตามมาน้า   อย่าเพิ่งโกรธเค้าน้า ผู้อ่านทุกคน รักเธอเหลือเกิน  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.1 ✥ หน้า 3 Up. (10/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-10-2015 01:30:22
ต้มซะเปื่อยเลย
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.1 ✥ หน้า 3 Up. (10/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-10-2015 06:18:48
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.1 ✥ หน้า 3 Up. (10/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-10-2015 07:45:02
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.1 ✥ หน้า 3 Up. (10/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 11-10-2015 21:41:33
ตกลงอังกอร่วมมือกับต่อหรอ? :katai1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.1 ✥ หน้า 3 Up. (10/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 11-10-2015 23:15:32
19.2




     ฟ้ามอญรีบลุกออกจากร่างหนาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินตามอังกอไป  ฟ้ามอญงุนงงกับคำพูดของคนที่คิดว่าเป็นศัตรูกับเค้า

มานานแสนนาน แต่ทำไมวันนี้มันกลับตาละปัด ไปหมด


“เดี๋ยว นาย!” ฟ้ามอญเดินเข้าไปดึงแขนไว้ทัน


“อะไรของนายอีกล่ะ ฟ้ามอญ  หมดเวลาที่ฉันจะรังควานนายแล้วนะ” อังกอยิ้มให้กับคนตรงหน้า


“หมดเวลา หมายความว่ายังไง บอกฉันมานะอังกอ เรื่องนี้ไม่ตลกซักนิดเลยนะ”


“ใช่ มันไม่ตลก  ต่อ เค้ารักนายจริงๆ แต่นายปากแข็งเอง ฉันก็จนปัญญา  พอมีอะไรจะช่วยได้ฉันก็ช่วย”


“นี่พวกนายสองคนหลอกฉัน”


“ผิดแล้ว ฟ้ามอญ ฉันกับต่อไม่ได้หลอกนาย แต่นายต่างหากที่กำลังหลอกตัวเอง เข้าใจใหม่นะ”


“ฉันไม่เข้าใจ!”


“ต่อ เค้ารู้มานานพอสมควรแล้ว ว่านายก็ชอบต่อเค้าเหมือนกัน  แต่ดูเหมือน ต่อ เค้าจะรุกนายฝ่ายเดียวมันไม่ไหวหรอกนะ เลย
มาขอร้องฉันนี่ไง”


“แล้วนี่…นายไม่ได้ชอบต่อหรอ”


“ชอบสิ  ทำไมจะไม่ชอบล่ะ  แต่นิสัยฉันจริงๆแล้ว ไมได้โหดร้ายกับใครหรอกนะ  ที่นายเห็นไปทั้งหมดเป็นเพียงความต้องการ
ของ ต่อ  เท่านั้นเอง”


“ต่อ?  วันนี้ยาวแน่…” ฟ้ามอญรู้สึกหมั่นไส้ชายหนุ่มร่างหนาขึ้นมาทันที


“เดี๋ยว อย่าไปโทษต่อเลย  ต่อเค้าน่าสงสารออก กว่าจะรู้ว่านายคิดอะไรกับเค้า  เค้าต้องทำตั้งหลายสิ่งหลายอย่าง ฉันเองก็ช่วย
คิดทุกวิถีทางจนจะแย่อยู่แล้ว   ตอนนี้นายก็ดีแล้วนี่ รู้หัวใจตัวเอง และมีคนที่ดีๆอย่างหม่อมหลวงภูวนนท์ ธำรงอาภรณ์นิช ชอบและเป็นห่วงนาย”


“เอ่อ…”


“ให้โอกาสเพื่อนชายคนนี้ของฉันสักครั้งนะ  ฉันเห็นเค้ามาตั้งแต่มัธยมต้น เค้าเป็นคนที่สุภาพบุรุษมากๆ และที่สำคัญเค้าเลือกนาย ไม่ใช่ฉัน  ”


“ขอบใจนะ อังกอ”


“ไม่หรอก ฉันเองต่างหากที่ต้องขอโทษนาย แกล้งนายสารพัด ทั้งๆที่ไม่อยากจะทำเท่าไหร่ แต่ฉันเห็นว่ามันเป็นการณ์ดี ที่จะ
ทำให้พวกนายสองคนรู้ใจตัวเองมากขึ้น”


“ฉันไม่โกรธนายหรอก  เออแล้วนี่ นายได้ห้องพักยัง ถ้ายังไม่ได้ ก็มานอนกับฉันได้นะ  ไม่อยากอยู่ร่วมห้องสองคนกับไอ้คนเจ้า
เล่ห์”


“ฮ่าๆ นายนี่ก็แสบไม่เบานะ  ห้องพักไม่ต้องห่วงฉันได้แล้ว คงไม่ได้ไปพักด้วยหรอก ฉันขอตัวก่อนนะ ยังมีเสื้อผ้าอีกมากมายที่
ยังไม่ได้เอาเข้าตู้  กิจกรรมมีถึง 3 วัน ฉันคิดว่าจะหาเวลาตรงนี้ ทำใจหลายๆเรื่อง”


“เอาน่าอังกอ นายเป็นคนดี สักวันนายจะได้ดี เจอคนที่ใช่ และเฝ้ารอมานานนะ”


“อืม แล้วเจอกันตอนเที่ยง”


“โอเค”


“คุยอะไรกันตั้งนาน หวังว่าไม่ตบกันไปฉาดหนึ่งแล้วนะ”


“บ้าป่ะนาย  ใครจะไปทำแบบนั้น  แต่ก็อย่างว่านะ  ถ้าฉันจะตบจริงๆ ในตอนนี้คือนายนั่นแหละ นายต่อ”


“เฮ้ย ทำไมโหดร้ายแบบนี้ ไม่เอานะฟ้า ”


“จะหนีไปไหนมานี่เลย ตัวแสบ  หลอกเราหรอ ตายแน่ หนีวิ่งหนีนะ มาให้จับซะดีๆ”


          ต่อวิ่งหนีฟ้ามอญสุดฤทธิ์ ท่ามกลางทรายและคลื่นของทะเลที่ซัดเข้าฝั่ง มันเป็นภาพที่งดงามและน่าจดจำมากๆ ท้องฟ้า

ที่แจ่มใสผสมผสานกับสีของทะเลนั้นกำลังกระซิบบอกถึงจุดสิ้นสุดของความวุ่นวายระหว่างต่อและฟ้ามอญลงแล้ว จะไม่มีใคร

และไม่มีเหตุการณ์ใดมาทำให้พวกเค้าต้องเข้าใจผิดหรือมีเหตุการณ์ทะเลาะ และไม่เข้าใจกันอีกต่อไป






           พันเอกทหารหนุ่มขับรถมาเองจนถึงหน้าประตูทางเข้าวังฉัตรอรุณ  เค้าบีบแตรรถดัง 2  3 ครั้งยามเฝ้าประตู 3 คนก็วิ่งกรูออกมาดูทันที


“คุณๆ ห้ามบีบแตรรถนะครับ  ที่นี่เป็นที่ประทับของโอรส ธิดา และชายาของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ ”


“ผมรู้ครับ แล้วตอนนี้ผมมารับ น้ำ  แฟนผมกลับบ้าน”


“น้ำไหนครับ  ถ้าหมายถึง หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ แล้วละก็  ผมคงให้คุณเข้าไปไมได้หรอกนะครับ”


“ฉันไม่ได้ต้องการมาหาหม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์  แต่ฉันมาหา น้ำ ชายธรรมดาๆ แค่นั้น”


“ถ้าอย่างนั้นคุณกลับไปเถอะ เพราะวันนี้ทั้งวันไม่มีคนชื่อนี้มาที่วังแห่งนี้เลย  จะมีก็แต่โอรสองค์ที่ 3 ที่หม่อมเจ้าชยาดลและ
หม่อมรุ้งพราว ไปรับพระองค์กลับวัง หลังจากหายสาบสูญไป 20 ปี”


“ไม่จริง?  ถ้าอย่างนั้นฉันต้องการเข้าพบหม่อมเจ้าชยาดล จะได้ไหม”



   บทสนทนากันจบลงไปได้สักพัก ก็มีขบวนรถ 3 คันกำลังขับออกมาจากด้านในวังฉัตรอรุณ  เขตมองดูคนในรถข้างในอย่างใจจด

ใจจ่อ  แต่ในรถมืดสนิท แทบมองอะไรไม่เห็น   และขบวนรถจอดสนิททันทีขนาบข้างรถของเขต พร้อมกับกดกระจกลง


“คนคนนี้เป็นใคร?” คนขับรถที่เพิ่งลดกระจกลงถามยามเฝ้าประตู


“ไม่รู้ครับ เห็นบอกว่ามาพบ ผู้ชายชื่อน้ำ”
   

“มีอะไรหรอ ทำไมจอดรถ”


“เปล่ากระหม่อม  พอดีเห็นรถข้างๆเค้าต้องการมาพบคนที่ชื่อน้ำ กระหม่อมคิดว่าเค้าอาจจะจำผิดบ้าน”


“น้ำหรอ  เอ๊ะหรือว่าเค้าจะมาหา น้ำ  เดี๋ยวฉันจะลงไปคุยกับเค้าเอง”


“ท่านชายทรงรอสักครู่ กระหม่อมจะลงไปเปิดประตูให้”







   หม่อมเจ้าชยาดลลงจากรถแล้วตรงไปที่รถคันดังกล่าวทันที  ประจวบเหมาะกับเขตเห็นท่านชายพอดี ก็รีบเปิดประตูรถลงมาแล้ว

โค้งคำนับ  ท่านชายเองพอรู้ว่าเป็นใครก็ดีใจ  เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขตอีก


“นายเองหรอเขต  มาทำไม่ไม่บอกฉัน ฉันจะได้ให้ยามพาเข้าไป”


“ไม่เป็นไรกระหม่อม พอดีเพียงแค่แวะมาดูว่า น้ำ มาที่นี่หรือเปล่า”


“อ้อ  นายคงรู้แล้วสินะ  น้ำ เป็นน้องชายของฉันเอง ขอบใจนายและครอบครัวนายมากนะ ที่ดูแลน้ำเป็นอย่างดี”


“หมายความว่า น้ำเป็น หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์จริงๆหรอครับ”


“ใช่แล้ว  แล้วนี่นายเป็นอะไรหรือเปล่า เขต  ดูหน้าตาไม่ดีเลย”


“ปะ…เปล่า กระหม่อม  ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมขอตัวก่อน ไว้วันหลังจะมาหาท่านชายใหม่ กระหม่อมทูลลา”


“ที่นี่ยินดีเสมอนะเขต  น้ำ ก็พึมพำถึงนายพอดีเลย ”


“อย่างนั้นหรอกระหม่อม”


     เขตฝืนยิ้มตอบรับท่านชายดลอย่างยากเย็นแสนเข็ญ  ในตอนนี้เค้าเหมือนกับคนที่ไร้หัวใจไปเสียแล้ว น้ำเป็นถึงหม่อมเจ้า

ราชนิกุลแห่งไกลเกียรติขจรกุล เขตมองไม่เห็นหนทางที่คิดเอาไว้อีกแล้ว ต่อไปนี้เค้าคงไม่ต้องมาพบพระพักตร์ของท่านชายน้ำ

อีกต่อไปแล้ว


“แล้วนี่ ได้ข่าวนายจะได้เลื่อนยศเป็น พลตรี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว ยินดีล่วงหน้านะ”


“ขอบพระทัยท่านชาย  ”


“แล้วนี่ ผู้บังคับบัญชาการเค้าจะย้ายนายไปทำงานที่อื่นหรือเปล่า”


“ย้าย กระหม่อม  ไปที่แถบภาคเหนือเร็วๆนี้กระหม่อม”


“อย่างนั้นหรอ แย่จริงๆ เรื่องนี้คงต้องไปบอกน้ำเสียแล้ว”


“อย่าไปบอกท่านชายน้ำ กระหม่อมขอร้องพระองค์ กระหม่อมไม่อยากให้ท่านชายน้ำทรงคิดมาก”


“อย่างนั้นหรอ ก็ได้  แต่นายต้องสัญญานะว่าจะกลับมาหาน้ำ น้องชายของฉัน”


“เอ่อ…กระหม่อม  กระหม่อมคิดว่าคงไม่อีกแล้ว ฝากท่านชายน้ำไว้กับท่านชายด้วยนะกระหม่อม  กระหม่อมคงต้องไปแล้วจริงๆ
วันนี้มีงานที่กองทัพด้วย กระหม่อมทูลลาอีกครั้ง”


“โชคดี เขต  พลตรีหม่อมหลวงภูธเนศ ชื่อนี้ฉันจะจดจำเอาไว้ ”


           เขตยิ้มให้กับท่านชายดลแล้วขึ้นรถขับออกไปยังถนนใหญ่ทันที  ร่างหนาขับรถด้วยความเร็วสูงและมีน้ำใสๆไหลนอง
เป็นสายไม่หยุด


“ไม่ร้องไห้นะ ไอ้เขต  แกมันเป็นแค่ทหาร อย่าคิดอะไรไปมากกว่านี้ น้ำเค้าไปไกลเกินกว่าที่แกจะมาเพ้อเจ้อนะ”


       เขตบอกตัวเอง แต่น้ำตาเจ้ากรรมยิ่งไหลไปใหญ่ เขตตีไฟเลี้ยวซ้ายจอกรถข้างถนนทันที เพราะขืนขับต่อในสภาพแบบนี้เห็นทีคงจะแย่ได้





“น้ำ  ทำไมต้องเป็นแบบนี้ สวรรค์กลั่นแกล้งผม  ทำไมต้องเป็นแบบนี้!” เขตร้องไห้หนักมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว







   ที่วังฉัตรอรุณ  น้ำเข้าพบหม่อมบุหลันผู้เป็นใหญ่ของวัง ตามคำแนะนำของหม่อมรุ้งพราวผู้แสนดีต่อเค้า  ร่างบางเดินเข้าไปใน

เรือนใหญ่  หญิงสูงศักดิ์ดูสง่าสวยงามนั่งพับเพียบดูนิตยาสารอยู่ พร้อมกับขจีที่นั่งพัดให้เธอตลอด


“หม่อมเจ้าขา มีคนเข้ามาเจ้าค่ะ” ขจีรีบบอกทันที


“นังช้อย แกมาใครเข้ามาในเรือนของฉัน” หม่อมบุหลันถามช้อยผู้ที่พาน้ำเข้ามาทันที


“นี่คือ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ พระองค์มาขอไหว้สาหม่อมบุหลันเจ้าค่ะ”


“สวัสดีครับ” น้ำไหว้หม่อมบุหลันด้วยท่าทีเกรงๆ


   หม่อมบุหลันพนมมือรับไหว้น้ำทันที  เธอมองน้ำด้วยแววตาวิเคราะห์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วค่อยลุกขึ้นจากโต๊ะไม้นั้น


“เหมือนจริงๆ  เหมือนหม่อมพิมล แม่ของเธอไม่มีผิด ฉันจำได้” หม่อมบุหลันรำพรรณเบาๆ


“นี่นะหรอเจ้าคะ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ขจีว่าทรงน่ารักดีนะเจ้าขา”


“อีขจี!” หม่อมบุหลันหันไปตะวาดสาวใช้คนสนิททันที


“เจ้าค่ะๆ ไม่พูดแล้วเจ้าค่ะ” ขจีสีหน้าหงอยไป


“ไหนๆก็เจอตัวแล้ว ไม่นึกว่าเธอจะดูดี มีราศี อันที่จริงวังแห่งนี้ยินดีต้อนรับพระโอรสและพระธิดาของเสด็จพี่อยู่แล้ว คราวหลังไม่
ต้องมากพิธีนะ  แล้วนี่เป็นอะไรไป ยืนตัวเกร็งเชียว ” หม่อมบุหลันถามน้ำด้วยน้ำเสียงอยากรู้


“ปะ…เปล่าครับ  ผมเพียงแค่ได้ยินมาว่า หม่อมบุหลันนั้นอารมณ์ร้อนและน่ากลัวมาก ผมเลย…”


“ใครกันที่พูดแบบนี้ มันน่าเอาหวายลงหลังให้หมด ฉันไมได้โหดร้าย แต่ฉันกำลังกระจายอำนาจ ไม่อย่างนั้นอ้ายอีพวกนี้ก็ฮึกเหิม
ไปกันใหญ่  แล้วเธอเชื่อพวกคนใช้พวกนี้สินะ” หม่อมบุหลันย้อนถามน้ำ


“ไม่หรอกครับ ผมว่า หม่อมบุหลันดูน่าเคารพ สุขุม น่าเกรงขามครับ”


“ฮึๆ  ได้ยินแล้วใช่ไหมอ้ายอีทั้งหลาย พวกแกหาว่าข้าใจยักษ์ใจมาร จริงอยู่ที่ฉันร้าย  แต่ฉันก็เลือกไม่ร้ายกับใครก็ได้”


   หม่อมบุหลันเธอพูดอย่างมีเลศนัยน์ ทำเองสาวใช้คนเก่าแก่ หลายคนในเรือนได้ยินถึงกับผวาไปตามๆกัน แต่ไม่มีใครกล้าพูด

อะไรออกมาแม้แต่คำเดียว



“ฉัน เอ็นดูเด็กคนนี้ ขจี ไปหาน้ำหาขนมหวานมาให้ท่านชายเสวย เดี๋ยวนี้ไป!”


“เจ้าค่ะๆๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ”


“เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มแล้ว”


“อย่าถือเลยนะ ฉันเอ็นดูเธอจริงๆ  ไหนๆลองเรียกฉันว่า หม่อมป้าสิ”


“หม่อมป้า!”


“ดี  อย่างนั้นแหละ”


   หม่อมบุหลันยิ้มอย่างพอใจ ช้อยมองท่าทางของหม่อมบุหลันที่ยากเกินกว่าจะวางใจ เพราะเธอนั้นเป็นอรพิษตัวจริงที่ใครก็รู้กัน

ทั้งนั้นแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเท่านั้นเอง แล้วนี่เธอจะมาไม้ไหนอีก ยากที่จะเดาได้  แต่ถ้าหากเธอพูดตามที่เธอว่าไว้ ก็

เป็นการดีของท่านชายน้ำ





มาต่อแล้วนะ  ต่อกันไปทีละครึ่งตอน เฮ้อ ช่วงนี้ไม่ทันจริงๆ  ต้องขอโทษด้วยนะ คุณผู้อ่าน แต่ไม่ต้องรีบร้อนไปนะ อีก 5 ตอนที่เหลือ  จบบริบูรณ์แน่นอน  ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ปล่อยให้เป็นไปตามเรื่องราวที่ผู้แต่งได้วางไว้นะ  อย่าหลั่งน้ำตามากไปไม่ดีนะจ้าาา  :hao5: :hao5: :hao5:

ตอนที่เหลือไม่กล้านัดวันที่เป๊ะๆแล้ว  เอาไว้ถ้าแต่งเสร็จเมื่อไหร่อัพเมื่อนั้น แต่ไม่นานเกิน 2 สัปดาห์หลังจากนี้ จบแน่นอน น้า
าา  :hao7: :hao7: :hao7: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.2 ✥ หน้า 3 Up. (11/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-10-2015 23:43:23
จบเร็วเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.2 ✥ หน้า 3 Up. (11/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-10-2015 23:44:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.2 ✥ หน้า 3 Up. (11/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-10-2015 13:51:53
โธ่ คุณเขตอย่าเพิ่งรีบตัดใจซิค่ะ สู้เพื่อรักของเราก่อนซิค่ะ ยังไม่ได้สู้เลยยอมแพ้ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.2 ✥ หน้า 3 Up. (11/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-10-2015 18:58:32
หม่อมบุหลันมีแผนอะไรน้อออ :katai1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 19.2 ✥ หน้า 3 Up. (11/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 13-10-2015 00:08:36
ตอนที่ 20.1



    เพียงไม่กี่นาที ขนมไทยต่างๆก็ถูกยกมาไว้ที่โต๊ะไม้ตรงหน้าน้ำ  ช้อยมองดูขนมที่อยู่ตรงหน้านั้นด้วยความระแวง เพราะไม่รู้ว่าจะ

มียาพิษหรือเปล่า คนแบบหม่อมบุหลัน ไม่คิดแง่ลบแล้วจะให้ช้อยคิดในแง่บวกได้อย่างไร



“เสวยสิ ท่านชาย ขนมพวกนี้อร่อยมากเลยนะ ไม่หวานมากด้วย” หม่อมบุหลันอ้างรสชาติให้น้ำฟัง


“ไม่ดีกว่าครับ พอดีผมยังไม่หิวเลย ต้องขอโทษหม่อมบุหลันด้วยนะครับ”


“ไม่เป็นไร ไม่เสวยก็ไม่เป็นไร แล้วนี่ไปอยู่กับชื่นและเวทมานาน ลำบากมากสินะ” หม่อมบุหลันยิ้มเยาะ


“เปล่าเลยครับ แม่ชื่นกับพ่อเวท ให้ความอบอุ่นผมดีมากครับ”


“อย่างนั้นสินะ  อ้อ  แล้วเคยพบหม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณลูกสาวฉันแล้วหรือยังท่านชาย”


“ยังเลยครับ  นี่ผมมีพี่สาวอีกคนหนึ่งหรอครับ”


“จะว่าอย่างนั้นก็ถูกนะ ท่านชายน้ำ  แต่ท่านหญิงรัมภาพรรณ อายุห่างจากท่านชายเกือบ 15 ปี  อย่าริเรียกชื่อเล่นส่งเดช” หม่อม
บุหลันตำหนิน้ำด้วยน้ำเสียง


“ขอโทษครับ”


“เอาล่ะๆ เรื่องของวัง อาจจะยุ่งยากไปหน่อย แต่อยู่ไปเรื่อยๆเดียวก็ชิน ฮึฮึ” หม่อมบุหลันหัวเราะเย้ย ช้อยเห็นท่าทีไม่น่าจะดีเสีย
แล้ว ไม่อยากจะให้น้ำอยู่ต่อที่นี่นานกว่านี้


“ท่านชาย เสด็จกลับเรือนของหม่อมรุ้งพราวเถอะเพคะ”


“ท่านชายเพิ่งจะมา ทำไมถึงรีบร้อนนักเล่า หรือว่าเอ็งไม่ไว้ใจข้า นังช้อย ฮึฮึฮึ” หม่อมบุหลันยิ้มเยาะเย้ยอีกครั้ง


“จริงๆผมคงต้องรีบกลับจริงๆแหละครับ เพราะหม่อมรุ้งพราวจะพาผมไปที่วังทิพย์”


“วังทิพย์?   ไปกันทำไมที่วังทิพย์ มีธุระการณ์ใด ”


“พระอัยยิกา ของท่านชายน้ำ ทรงอยากเห็นพระพักตร์ของท่านชาย องค์เล็กอย่างไรล่ะเจ้าคะ หรือว่าหม่อมบุหลันจะไป”


“อีช้อย อย่ามาเล่นคำแบบนี้อีกนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะลงหวายแก ให้เจ้านายเรือนโน้นแกดู ”


“ดูมันสิเจ้าคะ หม่อมบุหลัน โดนด่าขนาดนี้ยังนั่งนิ่งอย่างกับตอไม้  ” ขจีไม่ชอบช้อยแต่ไหนแต่ไรแล้ว พลางแต่จะยุแยงให้หม่อม
บุหลันลงโทษช้อยสักครั้งเพื่อความสะใจ


“ผมลาแล้วนะครับ หม่อมบุหลัน ไว้ว่างๆผมจะมาหาใหม่”


      น้ำทำลายสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีด้วยการออกไปจากที่เรือนใหญ่จะดีกว่า  หม่อมบุหลันเชิดหน้าไปมองอื่นเพราะเธอได้

แต่พูดไปเท่านั้น หากแต่ไม่มีเหตุผลเพียงพอการลงโทษคนรับใช้นอกเรือนใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย


“อ้าว  หม่อมเจ้าขา ท่านชายกับอีช้อย ไปแล้วนะเจ้าคะ ไม่จัดการหรอเจ้าคะ?”


“อีโง่  ถ้าทำอะไรไปโดยพละการ มีหวังหม่อมรุ้งพราวเอาความไปบอก พระอัยยิกาสำเภางาม จะว่ายังไง”


“จริงด้วยเจ้าค่ะ ไม่ยุ่งดีกว่านะเจ้าคะ”


“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกขจี  เมื่อใดที่มันตกต่ำ หรือทำอะไรที่งามหน้า เมื่อนี้แหละ ฉันจะเหยียบให้จมดิน ให้เหมือนๆกับที่แม่มัน
แย่งเสด็จพี่ไปจากฉัน”



   แววตาอำมหิตดวงนั้น เปลวเพลิงลุกโชนอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน 20 ปีทีเดียว หม่อมบุหลันฝังใจเจ็บแค้นที่ หม่อมพิมล

ต้องพรากความเอาใจใส่และความสนใจของเสด็จพระองค์ชายไปจากเธอ ด้วยเหตุผลนี้เพียงเหตุผลเดียวทำให้เธอต้องเป็นแบบ

นี้ เพราะอะไรนะหรอเพราะอำนาจอย่างไรล่ะ ที่เธออยากได้ครอบครอง แต่เธอก็ดันมามีลุกสาวอีก เทียบไม่ได้กับหม่อมอีกสอง

คนที่มีโอรสให้พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ




   รถ 3 คันขับนำทางไปยังวังทิพย์  วังที่นี่เก่าแก่มาก ดูจากสถาปัตยกรรมของวังแล้ว ดูท่าน่าจะไม่มีการทำลายหรือทำลายน้อย

มาก คนมากมายเดินไปมาในวัง น้ำให้ความสนใจมาก เพราะไม่คิดว่าวังของพระอัยยิกาหรือคนทั่วไปจะเรียกว่าคุณย่า  จะ

สวยงามขนาดนี้ ต้นไม้ต้นใหญ่ คาดว่าอายุย่าจะพอๆกับวังแห่งนี้ร่มรื่น น่าอยู่มาก



“มองไม่คาดสายตาเลยนะ ท่านชาย  ชอบไหมเพคะ”


“ชอบมากๆเลยครับ หม่อมป้า  ผมตื่นเต้นจังเลย” น้ำหันไปบอกหม่อมรุ้งพราวด้วยความตื่นเต้น


“โน่นวังไม้เรือนใหญ่ข้างหน้า จะถึงแล้ว  จำที่ฉันสอนเธอได้ไหมท่านชาย” หม่อมรุ้งพราวถามความพร้อมของน้ำ


“จำได้ครับ ว่าต้องกราบเสด็จย่า แล้วทำตัวให้เรียบร้อยที่สุดและเป็นธรรมชาติ กล่าววาจาเฉพาะสิ่งที่พระองค์ต้องการครับ”


“ดีมากเพคะ ท่านชาย”

“ว่าแต่ที่นี่เสด็จย่าทรงประทับที่นี่พระองค์เดียวหรอครับ”


“เปล่าหรอก  เสด็จย่าท่านมีพระโอรส พระธิดา 4 พระองค์ หนึ่งในนั้นคือ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ เสด็จพ่อของท่านชายไงเพคะ”
หม่อมรุ้งพราวยิ้มให้น้ำอย่างเป็นกันเอง

“แสดงว่าผมมีพี่น้องหม่อมเจ้าด้วยกันเยอะเลยสิครับ”


“ก็เยอะ  เอาเป็นว่าค่อยๆจำแล้วกันนะ  แต่จริงๆที่นี่ตอนนี้ก็จะมีแต่ เสด็จลุงที่ทรงประทับที่นี่ดูแลพระอัยยิกา”


“อ่อครับผม”


“รถจอดให้แล้ว  เรารีบลงไปกันเถอะ”


        หม่อมรุ้งพราวลงจากรถเดินนำน้ำเข้าไปในวังที่มีคนรับใช้ยืนรอที่หน้าบันไดขนาดใหญ่ นับสิบคน ทุกคนที่นี่ใบหน้ายิ้มแย้ม

เบิกบาน  น้ำรู้สึกไม่กดดันเท่าไหร่  ภายในวังที่นี่สวยงาม  น้ำคิดว่าเค้าฝันไปจริงๆกับสิ่งที่ได้รับรู้ได้เข้ามาเห็น  มันยากเกินกว่าที่

จะอธิบายได้  น้ำมองไปด้านหน้า เป็นโต๊ะไม้ใหญ่และมีร่างของหญิงชรา เธอยังดูหน้าเกรงขามและน่าเคารพ ด้านข้างก็มีชาย

หนุ่มใส่ชุดธรรมดาๆ ใบหน้ายิ้มให้น้ำอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว


   ร่างบางไม่รีรอที่จะคุกเข่าและคลานๆใกล้ๆหญิงชราตรงหน้า เรื่อยๆพอถึงระยะที่เหมาะสม น้ำก็นั่งพับเพียบและก้มลงกราบไม่

แบมือหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นมานั่งในท่าพับเพียบ


“น่ารักมากจริงๆ เหมือนหม่อมพิมลไม่มีผิด แววตาเหมือนฉัตรอรุณพ่อของเธอไม่มีผิด”


    หญิงชรากล่าวคำพูดที่สั่นคลอนตามประสาคนแก่ชราทั่วไป น้ำมองพระพักตร์เสด็จย่าด้วยความปราบปลื้ม ที่ได้พบได้เห็นย่า

เหมือนคนอื่นๆที่เค้ามีกัน น้ำน้ำตาคลอทั้งๆที่เค้าไม่ได้เสียใจ แต่มันก็หลั่งออกมาได้


“ดูสิ น้ำตาไหลแล้ว  ลุกมานั่งข้างๆย่านี่มาลูกมา  ”พระอัยยิกาตรัสกับน้ำที่ค่อยๆลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ


“20 ปีมานี้ คงลำบากมาก ได้ข่าวว่าไม่ได้เรียนหนังสือต่อ ย่าเองก็ตกใจ แต่ไม่เป็นไร การศึกษาไม่แก่วัยเกินกว่าเรียนหรอกนะ”


“ขอบพระทัยพระอัยยิกาที่ทรงเมตตา”


“พระอัยยิกา อะไรกัน เรียกว่าคุณย่าสิ ”


“ครับ คุณย่า”


“เหอะๆ น่ารักจริงๆ หม่อมรุ้งพราวไปหาตัวหลานชายคนเล็กของฉันได้ยังไงกัน เก่งจริงๆ ”


“เป็นความบังเอิญมากกว่าเพคะ แต่เกล้าหม่อมฉันรู้สึกดีใจที่หาตัวท่านชายจนเจอ ”


“อืมๆ ดีๆ วังนี้หลานคนอื่นๆก็แยกตัวออกไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว บางคนก็ออกจากฐานันดร เพื่อแต่งงานกับชายที่ตัวเองรัก 
เอ๊ะว่าแต่หลานย่าคนนี้มีคนรักแล้วหรือยัง”


“เกล้าหม่อมฉัน… เอ่อ…”


“ฮ่าๆ อึกอักอย่างนี้ย่าว่า ไม่รอดหรอก มีแล้วสินะ”


“พะยะค่ะ”


“นั่นไง แล้วคนคนนั้นเป็นใครกันล่ะ บอกย่าได้ไหม”


“เกล้าหม่อมฉันคิดว่าเค้าคงจะไม่ชอบเกล้าหม่อมฉันแล้วล่ะพะยะค่ะ ”


“เลิกพูดคำราชาศัพท์เวลาอยู่กับย่าและคนในครอบครัวเราเอง ไหนบอกย่าใหม่สิทำไมถึงคิดแบบนั้น”


“ในตอนนั้น ผมยังไม่ใช่หม่อมเจ้า เค้ารักและเอ็นดูผมในนามของคนรับใช้ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น แล้วเราก็เปลี่ยนผันมาเป็นพี่
น้องที่รู้ใจกันมากขึ้นๆ  และจนถึงวันนี้ผมยังไมได้เจอคนคนนั้นเลยครับ”


“ใครกันคนคนนั้น ”


“พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช ครับ”


            น้ำกลั่นใจตอบไปเพราะไม่อยากโกหกตัวเองอีกต่อไป  ท่ามกลางห้องโถงขนาดใหม่ ทุกคนต่างพากันอึ้งไปหมด  มีก็

เพียงแต่พระองค์เจ้าสำเภางามที่ไมได้อึ้งไปด้วย



“ปู่ของคนที่หลานกล่าวถึง เค้าเป็นหม่อมเจ้าและเคยเป็นเพื่อนเล่นกับย่าสมัยยังเด็ก ย่ารู้จักดีเลยแหละ เอาเถอะ ความรักไม่มีขีด

จำกัด ย่าไม่ได้ห้ามอะไร ได้ข่าวมาว่า หม่อมหลวงคนนี้ก็นิสัยดี เอางานเอาการ เห็นทีหลานย่าคงจะตกข่าว ตอนนี้ต้องเรียกเค้า

ใหม่แล้วนะ เพราะตอนนี้เค้าคืนพลตรีหม่อมหลวงภูธเนศ ต่างหาก และตอนนี้ เค้ากำลังจะไปรับตำแหน่งและรับราชการที่ทาง

ภาคเหนือในวันนี้แล้ว”


“อะไรนะครับ”


“นี่ไม่มีใครบอกหลานของย่าหรอ”


“ไม่นี่ครับ พี่เขตไมได้บอก”


“ตายจริง จะทันไม่ไหมนะ หม่อมรุ้งพราว ให้คนของเธอพาหลานของฉันไปที่บ้านธำรงอานิชเดี๋ยวนี้”


“เพคะ พระอัยยิกา”


“รีบไปเถอะหลานรักของย่า ไปหาความรัก ก่อนที่ภูธเนศจะหมดหวัง จะเขยจ้าว ใครๆก็หวั่นวิตกทั้งนั้น ฝากไปบอกเค้าว่า ย่าไม่
ขัด ”


“ขอบพระทัยพระอัยยิกา” น้ำรีบลงจากโต๊ะไม้ขนาดใหญ่แล้วกราบลงที่เท้าของพระองค์เจ้าสำเภางามก่อนจะรีบขึ้นรถไป


“หม่อมรุ้งพราว ไม่ต้องตามไป  ให้หลานชายของฉันจัดการเอง” พระอัยยิกาทรงเห็นว่าหม่อมรุ้งพราวจะตามไปด้วย ก็ได้ห้ามไว้


“เพคะ” หม่อมรุ้งพราวขานรับแต่ก็ยังคงหันหน้าไปมองตามหลังน้ำอยู่ดี







ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช


   พลตรีหนุ่มไฟแรงกำลังนั่งเก็บข้าวของที่พอจะเอาไปใช้ได้ในกองทัพแห่งใหม่แถบภาคเหนือ เค้าเก็บของไปก็คิดถึงใบหน้าของ

น้ำ เด็กหนุ่มที่แสนน่ารักแต่เค้าก็ทำลายแต่กลั่นแกล้งสารพัด ไม่มีชิ้นดี สุดท้ายปลายทางของน้ำก็ไม่ต่างจากลูกเป็ดชี้เหร่เลย

แม้แต่น้อย


“ลาก่อนนะ พญาหงส์ของพี่” เขตรำพันคนเดียวกับรูปถ่ายที่เค้าแอบถ่ายน้ำเอาไว้นานแล้ว




   น้ำมาถึงที่บ้านพอและได้ยินในประโยคที่เขตพูดขึ้นก็ตกใจและน้ำตามันก็คลอเบ้า




“คุณเขต คุณจะไปไหนไมได้นะ” ร่างบางพูดพร้อมกับหลั่งน้ำตา


“น้ำ!” เขตหันหลังกลับมาหาด้วยความตกใจ หนุ่มน้อยร่างบางที่คุ้นเคยตอนนี้เค้าแทบจะโผลเข้ากอด แต่มันไม่ใช่อีกต่อไป



“คุณเขต ทำไมคุณไม่ไปหาผมเลย ปล่อยให้ผมรอ แล้วนี่คุณจะไปไหนอีก” น้ำตัดพ้อเขต  ร่างหนาลุกขึ้นจากเตียง  แล้วคำนับน้ำหนึ่งครั้ง  ยิ่งทำให้น้ำเสียใจยิ่งกว่าเดิม


“ท่านชาย  ท่านไม่ควรเสด็จมาที่นี่อีกนะกระหม่อม”


“คุณเขต!  ได้โปรดอย่าพูดกับผมด้วยถ้อยคำแบบนั้น”


“หามิได้กระหม่อม เรื่องของกระผม มันจบลงแล้ว ได้โปรด  ท่านชายเสด็จกลับวังเถอะ กระหม่อมมีธุระต้องรีบไป”


“ธุระที่คุณเขตว่า คือการจะจากลาผมไปโดยที่ไม่บอกสักคำเลยหรอครับ”


“เปล่านะกระหม่อม กระหม่อมมิได้เจตตาอย่างนั้น เพียงแต่ไม่อยากให้ท่านชายทรงเป็นห่วง”


“คุณเขต ฮือๆ ผมไม่ให้คุณไปไหน..” น้ำร้องไห้ไม่หยุดและอยากเข้าไปกอดเขตมากที่สุด


“อย่าเข้ามานะกระหม่อม ใครเห็นเข้าพระองค์อาจจะเสื่อมเสียชื่อเสียง” เขตกัดฟันพูดทั้งๆที่ในใจแทบขะตายแล้วเหมือนกัน   น้ำ
หยุดเดินทันที และยิ่งร้องไห้หนักมาก


“คุณเขต  คำพูดที่คุณเขตต้องการได้บยินจากปากของผมมาตลอด คุณเขตยังจำได้ไหม”


“กระหม่อมจำได้ แต่ตอนนี้มันคงไม่มีประโยชน์แล้ว  ท่านชายกระหม่อมขอประทานอภัยให้กับความไม่รู้ของกระหม่อมที่ได้ล่วง
เกินทั้งวรกายและพระทัยของท่านชาย  ขอท่านชายลงโทษกระหม่อมด้วย”


“ไม่คุณเขต ไม่มีทาง ผมไม่เคยโกรธหรือคิดอยากเอาคืนเลยนะ คุณเขตได้โปรดยืนขึ้น”


“กระหม่อมจะไม่ยืนจนกว่า ท่านชายจะทรงลงโทษกระหม่อมก่อน”


“ในฐานะที่ผมเป็นหม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ขอออกคำสั่งให้พลตรีภูธเนศลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” น้ำพูดไปก็ปาดน้ำตาไป เขตไม่มีทางเลือก

เพราะเป็นคำสั่งของหม่อมเจ้า เค้าค่อยๆลุกขึ้นและไม่กล้าสบตาน้ำแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นความอ่อนไหวของเขต จะมีเพิ่มมาก

ขึ้นทันที



“กระหม่อม คงต้องไปแล้ว  ขอท่านชายทรงรักษาพระองค์ด้วย อย่าร้องไห้ให้กับทหารเลวๆอย่างกระหม่อมอีกต่อไปเลย
กระหม่อมทูลลา ”



      เขตกลั่นใจพูดให้จบเพราะไม่อย่างร้องไห้ต่อหน้าน้ำ ให้เค้าเห็นถึงความอ่อนแอ น้ำทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันที ด้วยความอ่อน

แรง ความเสียใจที่พรากเค้าไปจากเขตมันมากเกินกว่าที่จะรับไหว ใครจะไปรู้ว่าการรักใครสักคนจากใจจริง เมื่อถึงคราวที่ต้อง

แยกจาก เจอหน้าก็เหมือนไม่รู้จักกันต่อจากนี้ มันเหมือนคนตายทั้งเป็น!





ปล. อิอิ  มาต่อแล้วๆ คำราชาศัพท์พยายามแล้ว ถ้าผิดพลาดขออภัยมากๆๆๆ  เอามาต่อวันละครึ่งๆ  เดี๋ยวก็จบแล้ว  เอาใจช่วยเขตกับท่านชายน้ำด้วยน้าาา   ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ให้กำลังใจเสมอมาน้าาา

 :hao5: :hao5: :hao5: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 20.1 ✥ หน้า 3 Up. (13/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-10-2015 01:32:39
มันก็เข้าใจนะ เขาเป็นเจ้า  แล้วยังเป็นชายทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 20.1 ✥ หน้า 3 Up. (13/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-10-2015 01:55:22
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 20.1 ✥ หน้า 3 Up. (13/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 13-10-2015 23:31:19
ตอนที่ 20.2
   


       เขตเดินไปที่รถตู้ที่จอดรถอยู่หน้าบันไดบ้านก่อนหน้านี้แล้ว ความรู้สึกของเค้าตอนนี้มีแต่ความเสียใจแต่ไม่สามารถทำอะไร

ได้ นอกจากเดินจากชีวิตของน้ำไป  และนี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้



“สงกรานต์ ขับรถไปส่งฉันที่ดอนเมือง”


“ครับคุณเขต”


   รถตู้คันสีดำขับออกจากรั้วบ้านสีขาวไป ชายที่น้ำรักและรู้สึกอบอุ่นที่สุดกำลังไปจากเค้าแล้ว น้ำตาที่ไหลพรากจากการลาจาก

มันล้นเอ่อไม่ยอมหยุด ร่างบางยืนร้องไห้เกาะขอบหน้าต่างบานใหม่มองดูเขตที่ไม่แม้แต่จะกอดเค้าก่อนลาจากด้วยซ้ำ


   ภัครพิชัยเดินเข้ามาในห้อง ความเห็นใจของเค้ามันมีมาก หากให้ลองคิดดูเค้าเองก็ทำใจยอมรับเรื่องนี้ไมได้ เขตเป็นลูกชายคน

โต ฐานะการงานดี ส่วนน้ำ เด็กหนุ่มที่เค้าเอ็นดูและถูกชะตา นิสัยดีน่ารัก เค้าเองก็รักไม่ต่างกัน จะให้ทำยังไงดี ที่แย่ไปกว่านั้น

คือ คำว่า ราชนิกุล เป็นดั่งโซ่เหล็กที่รัดขังหัวใจของเด็หนุ่มคนนี้อย่างเหนียวแน่น  จะไม่มีใครจะพังมันออกไปได้นอกจากเขต

และน้ำ เค้าสองคนเท่านั้นที่จะทำลายโซ่เหล็กนี้ได้


“ท่านชาย ทูนหัวของกระหม่อม อย่ากรรแสงอีกเลยกระหม่อม ” ภัครพิชัยเดินเข้ามาหาน้ำและกล่าวเบาๆ


“คุณชาย!  คุณเขตเค้าเย็นชากับผมมาก  ผมรั้งเค้าไว้ไม่ได้ ฮือๆ”


   น้ำพูดทั้งน้ำตาแล้วโผลเข้ากอดชายวัยกลางคนที่เค้าเคารพ ภัครพิชัยกอดตอบเพราะเห็นว่านี่น่าจะพอเยียวยาความเสียใจได้


“ฟังกระหม่อมพูดนะท่านชาย ลูกชายของกระหม่อม ทำดีที่สุดแล้ว ท่านชายทรงคิดทบทวนดีๆ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ มันเป็นไปไม่ได้

จริงอยู่ที่กระหม่อมอาจจะหวงลูกชาย แต่สำหรับท่านชายแล้ว คุณเขตได้เพชรเม็ดงามที่ทรงคุณค่าที่สุด แต่มันผิดตรงที่ท่านชาย

และลูกชายของกระหม่อมเป็นผู้ชาย ขอทรงไตร่ตรองด้วยกระหม่อม”



“คุณชาย ผมเข้าใจ ผมจะผ่านเวลาอันเลวร้ายนี้ไปให้ได้ ผมสัญญา”


“ดีแล้วท่านชาย เสด็จกลับวังฉัตรอรุณเถอะกระหม่อม ที่โน่นท่านชาย หม่อมรุ้งพราว คงรอท่านชายไปถึง”


“ครับ  คุณชายผมขอแหวนวงนี้ได้ไหมครับ”


   น้ำเดินไปหยิบเอาแหวนธรรมดาๆวงหนึ่งที่วางอยู่บนเตียง สลักด้วยคำว่า น้ำ  ซึ่งเป็นแหวนที่เขตแอบสั่งทำให้น้ำตอนเค้าเข้าโรง

พยาบาล แต่เค้าก็ไม่มีโอกาสได้ให้มันไว้กับเจ้าของ ภัครพิชัยพยักหน้าให้น้ำแล้วเดินออกจากห้องไป



   ร่างบางค่อยๆสวมแหวนวงนี้ที่นิ้วนางด้านขวาเอาไว้ และน้ำตาก็กลั้นไม่อยู่อีกเช่นเคย หากสิ่งที่เขตคิดนั้นจะเป็นทางออกที่ดี

ที่สุด  ถึงวันนี้จะไม่มีเค้าอยู่แต่แหวนวงนี้จะเป็นตัวแทนของเขตตลอดไป












ถัดจากนั้น 5 ปี


   น้ำได้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านการโรงแรม ตามที่ตั้งใจไว้และมีแดนภพช่วยอีกแรง หลังจากที่ห่างหายไปนาน ถึงทุกๆคน

จะทำให้น้ำลืมเรื่องราวของเขตยังไง แต่เมื่อใดที่น้ำมองดูแหวนวงนี้ก็คิดถึงและไม่ลืมเขตเลย  และที่สำคัญ เขต ไม่ติดต่อกลับ

มาที่บ้านธำรงอาภรณ์นิชเลย


   ที่วังทิพย์ ช่วงนี้น้ำมาหาพระองค์เจ้าสำเภางาม บ่อยๆ เพราะพระองค์ทรงประชวรอยู่บ่อยๆด้วยวัยที่ทรงชราภาพมาก

แล้ว พระองค์ทรงทราบเรื่องของหลานชายคนนี้ดี


“ท่านย่า เกล้าทำต้มจืดใส่ยอดตำลึงและข้าวสวยมาให้ ท่านย่าลองชิมดูนะพะยะค่ะ” น้ำยกเครื่องเสวยมาวางไว้ที่โต๊ะใกล้ๆที่
บรรทม


“หอมมากเลยหลานย่า ฝีมือวันนี้จะอร่อยเหมือนเดิมไหมนะ” หญิงชรายิ้มหน้าบานให้กับน้ำ


“ลองชิมดูนะพะยะค่ะ เกล้าจะป้อนให้”


   น้ำตักหัวไชเท้ากับข้าวสวยพอดีคำป้อนย่าของเค้าด้วยความสุขใจ


“อร่อยมากลูก อร่อยมากจริงๆ นี่ไม่เบื่อบ้างหรือยังไง มาเฝ้ามาดูแลคนแก่อย่างย่าทุกวัน”


“เสด็จย่า ทำไมทรงคิดเช่นนั้นพะยะค่ะ เกล้าหม่อมฉันต้องดูแลเสด็จย่า ช่วยนี้เสด็จย่าประชวรบ่อยๆ เกล้าหม่อมฉันต้องยิ่งเป็น
ห่วงพระองค์มากขึ้นๆนะพะยะค่ะ”


“ย่า มองคนไม่ผิดจริงๆ ”


“เสด็จเพคะ คนที่เสด็จทูลเชิญให้มาเข้าเฝ้า มาแล้วเพคะ”


“อย่างนั้นหรอ บอกเค้าขึ้นมาที่ห้องนอนฉันเลยนะ”


“เพคะ” สาวใช้ชาววังเดินกลับเอาความไปบอก 


   ร่างบางสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าคนนี้เป็นใคร เสด็จย่าถึงได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าที่ห้องบรรทมขนาดนี้


“เสด็จย่า ไม่ทราบว่าคนที่มาเข้าเฝ้าเป็นใครหรือพะยะค่ะ”


“ย่าบอก ก็ไม่สนุกสิ  รออีกนิดเดียวก็รู้แล้ว”


   น้ำยิ่งทำท่าทีอยากรู้มากขึ้นไปเรื่อยๆจนตอนนี้แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว


“เสด็จเพคะ มาแล้วเพคะ”


      หญิงสาวใช้คนเดิมเดินยิ้มเข้ามาบอกที่หน้าประตูห้อง น้ำชะเง้อมองตามไปดูก็ไม่เห็นใครเลย


“หมดธุระแล้วก็ไปทำงานอื่นต่อนะ ” เสด็จพระองค์ตรัสกับหญิงสาวคนนั้น


“เพคะ เสด็จ”


“ไหนครับเสด็จย่า เกล้าไม่เห็นจะเจอใครเลย”


“เข้ามาได้แล้ว ไม่ต้องหลบหรอกนะ”






“พะยะค่ะ”





   ทันทีที่เสียงตอยกลับพระองค์เจ้าสำเภางาม น้ำก็หันไปที่หน้าประตูอีกครั้ง และปรากฏชายหนุ่มที่ใบหน้าค่อนข้างจะเปลี่ยนไป
มาก อาจจะด้วยวัย 35 ปีของชายคนนี้แล้ว แต่น้ำยังจำได้ไม่เคยลืม



“คุณเขต!” น้ำเอ่ยชื่อนี้ออกมาทันทีที่พบ ร่างสูงยืนมองน้ำนิ่ง ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเหมือนดังที่ร่างบางมีเลยแม้แต่น้อย


“เสด็จทรงมีพระอาการดีขึ้นแล้วหรือไม่พะยะค่ะ” ชายตรงหน้าถามเสด็จย่าด้วยความสุภาพอ่อนน้อม


“ไม่เท่าไหร่หรอก ขอโทษด้วยนะที่ต้องไปเรียกตัวมารวดเร็วแบบนี้ ”


“ไม่เป็นไรพะยะค่ะ เกล้าหม่อมฉันเต็มใจ”



“อยู่ที่โน่นสบายดีไหม”



“สบายดีพะยะค่ะ”


“แล้วทำไมไม่ส่งข่าวคราวกลับมาหาคุณชายพ่อของเธอบ้างล่ะ ภูธเนศ”


“เกล้าหม่อมฉัน ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่พะยะค่ะ”


“อย่างนั้นหรอ อืมเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ  ที่ฉันเรียกเธอมาหาที่นี่ เพราะต้องการให้เธอมาเป็นทหารคนสนิทของหม่อมเจ้านที
พิสุทธิ์ หลานชายสุดที่รักของฉัน ”


   น้ำได้ยินที่เสด็จย่าตรัสออกมา ถึงกับอึ้งและไม่อยากจะเชื่อ



“เสด็จย่า คือเกล้าหม่อมฉัน…” น้ำรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที แต่เสด็จย่าก็ปราบขึ้นมาเสียก่อน


“ย่าคิดถูกแล้ว นทีพิสุทธิ์หลานรักของย่า ย่าทำเท่าที่จะพอทำได้ หลานของย่าจะได้ไม่ต้องเหม่อลอยคิดถึงเค้านะ เค้าจะมาอยู่
ข้างเคียงหลานของย่าตลอดไป ”




“เกล้าหม่อมฉันขอตัวนะพะยะค่ะ”


   น้ำลุกขึ้นและคำนับเสด็จแล้วเดินออกจากห้องบรรทมไป


“หลานเขยของฉัน ตามน้องไปสิ”


“พะยะค่ะ เสด็จ” เขตลุกแล้วคำนับออกจากห้องไป


   เขตตามร่างบางมาจนถึงกลางสวนหม่อมที่หอมไปด้วยกลิ่นดอกมะลิซ้อน และจำปา นับ 20 ต้น ร่างบางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น  เขตถด
อนหายใจออกมาแล้วค่อยๆเริ่มพูดในสิ่งที่อยากจะพูด





“ทำไมท่านชายถึงได้หลบหน้ากระหม่อม”




“คุณเขต!  ผมขอโทษผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้”



“นึกว่าท่านชายจะทรงพอพระทัยเสียอีก ที่มีกระหม่อมมาเป็นทหารคนสนิท”



   เขตแสร้งพูดยั่วโมโหน้ำต่อไป เพราะเค้าอยากจะให้น้ำโกรธและพูดในสิ่งที่จะทำให้เค้าเจ็บปวดให้ได้ ถ้าหากเค้าเจ็บแสดงว่าเค้า

ยังรักน้ำ หรือท่านชายนทีพิสุทธิ์อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง


“คุณเขต!  คุณเขตหนีออกไปจากชีวิตผมเอง และเรื่องนี้เป็นความคิดของเสด็จย่า ผมไม่ได้…”


“แสดงว่า ท่านชายไม่ได้โปรดให้กระหม่อมมาเป็นทหารประจำพระองค์”


“คุณเขต…”


“ดีแล้วกระหม่อม  กระหม่อมจะได้รับรู้ว่า ทหารพลตรีอย่างกระหม่อมมันก็ต่ำต้อย ท่านชายทรงไม่อยากหรือโปรดให้กระหม่อมมา
อยู่รับใช้ใช่หรือไม่กระหม่อม” เขตยังแกล้งยั่วยุต่อไป เพราะไม่เห็นทีท่าว่าน้ำจะโกรธหรือต่อว่าเค้าเลย




   จิตใจที่ดีงามเกินไป ตอนนี้เขตแทบอยากจะกอดน้ำให้หายคิดถึง  เค้าดีใจแค่ไหนแล้วที่ได้รับคำสั่งให้รีบกลับมาเข้าเฝ้าพระองค์

เจ้าสำเภางาม และทราบพระประสงค์ที่แท้จริง และตอนนี้พระองค์เจ้าสำเภางามยินดีและเปิดทางให้สองคนนี้รักกันได้ ที่เหลือก็

อยู่ที่สองคนนี้แล้ว



“เปล่านะครับ คุณเขต อย่าพูดให้ตัวเองแบบนี้ ผมต่างหากที่ไม่ดี ถ้ารู้ว่าเสด็จย่าทรงคิดแบบนี้ ผมจะรีบห้ามพระองค์ซะ”


“อย่างนั้นหรือกระหม่อม  แสดงว่าท่านชายไม่ได้โปรดที่อยากจะพบกระหม่อมจริงๆ แต่ช่วยไม่ได้นะกระหม่อมเพราะว่า พระ
ประสงค์ของเสด็จพระองค์ตรัสแล้วกระหม่อมต้องทำตาม หากท่านชายไม่โปรด ก็กล่าวหาหรือว่ากระหม่อมมิได้”


“คุณเขต!” น้ำเริ่มไม่พอใจเขตขึ้นมาทุกทีๆ และเดินหนีเจตไปอีกทาง


“จะไปไหนหรือกระหม่อม อย่านะว่าท่านชายจะเสด็จไปที่ใด กระหม่อมต้องตามเสด็จไปอารักขาที่นั่น”


“ไม่ต้องตามมา ผมอยากอยู่คนเดียว ”


   น้ำเดินหนีเขตไปอย่างรวดเร็ว มีหรือที่เขตจะเชื่อฟัง อิทธิพลคำสั่งในใจของเค้ารวมทั้งพระประสงค์ของเสด็จมันมีมากกว่าคำสั่ง

ของท่านชายน้ำ ที่แสนดี และเป็นเจ้าหัวใจของทหารหนุ่มคนนี้


“บอกไม่ต้องตามมาไง ไม่ได้ยินหรอคุณเขต”


“ไม่ได้กระหม่อม ถ้าท่านชายไม่โปรดกระหม่อมก็ทรงเสด็จไปบอก พระองค์เจ้าสำเภางามให้มีรับสั่งถอนพระประสงค์สิ
กระหม่อม”


“ถ้าทำแบบนั้น เสด็จย่าก็จะเสียพระทัยแน่ๆ”


“ท่านชายพูดแบบนี้ แสดงว่าท่านชายจะไม่เสียพระทัยเลย หากกระหม่อมไม่ได้อยู่กับท่านชายแล้ว อย่างนั้นหรือกระหม่อม”


   เขตพยายามจะเล่นคำพูดให้น้ำโมโหเต้าให้ได้ หากน้ำทำให้เค้าเจ็บได้ แสดงว่าเค้ารักและคิดถึงน้ำอยู่ตลอดเวลา  น้ำทำสีหน้า

อึกอัก เวลาก็ผ่านมานานในตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันจะยังมีอยู่หรือเปล่าตัวเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เขตยืนแกล้งทำหน้านิ่งและสุขุม

อย่างกับทหารหนุ่มที่รู้กฎระเบียบเคร่งครัด เป็นภาพที่น้ำยิ่งหงุดหงิดเพราะเค้าอยากจะได้ คุณเขตพี่ชายที่แสนดีและเป็นห่วงเค้า

เหมือนเดิมจะมากกว่า





มาต่อแล้วๆๆๆ   แก้คำตกและบรรทัดนิดหน่อย ขอโทษผู้อ่านที่เปิดอ่านก่อนหน้านี้ ตอนนี้แก้ไข เรื่องปี พศ แล้ว แอบตกใจ ผ่านไป 25 ปี 5555  แก้เป็น 5 ปีแล้วน้าาา   ขอบคุณที่ติดตามจากใจจริง


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 20.2 ✥ หน้า 3 Up. (13/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-10-2015 00:00:57
5ปี ผ่านไปไวยิ่งนัก
เขตดูสุขุมขึ้น
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 20.2 ✥ หน้า 3 Up. (13/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-10-2015 06:04:47
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 20.2 ✥ หน้า 3 Up. (13/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 16-10-2015 11:34:32
ตอนที่ 21.1



   น้ำเดินหนีเขตอีกครั้งไปจนถึงลานน้ำพุ ทหารหนุ่มเดินตามมาจนทัน และแอบขำท่าทีของคนตัวเล็กกว่าตรงหน้า น้ำยืนกอดอก

หันหลังให้เขต ทำสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพัก และไม่นานก็ได้ยินเสียงพึมพำของน้ำ



“คิดออกแล้ว!”


   ร่างบางเปรยคำพูดเบาๆ แต่เขตได้ยินแน่ชัด เพราะยืนห่างจากหลังของน้ำเพียงแค่ 2 เมตร และแน่นอนว่าเขตต้องอยากรู้ว่าน้ำกำลังคิดอะไร



“คิดอะไรออกหรือกระหม่อม?” เขตถามน้ำกลับด้วยความอยากรู้


   ร่างบางหันมามองหน้าเขตอย่างหงุดหงิดเพราะไม่คิดว่า เขตจะตามมาที่นี่ แต่ทหารหนุ่มกับทำหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



“เรื่องของคุณเขตไงครับ” น้ำตอบกลับแบบไม่ลังเล


“อ้อ จะไปทูลขอเสด็จให้ทรงล้มเลิกพระประสงค์หรือกระหม่อม”


“ไม่บอก รอดูแล้วกันครับคุณทหารหนุ่ม อ้อ ช่วยยืนเฉยๆสีหน้านิ่งๆตรงนี้รอผมนะครับ”


   น้ำพูดเป็นนัยๆ ให้เขตอยากรู้ แล้วเดินยิ้มกลับไปที่วัง ภูธเนศมองตามแผ่นหลังนั้นไป สีหน้าที่นิ่งเฉยเมื่อครู่ตอนนี้กำลังกลุ้มใจ

อย่างหนัก หากน้ำไปบอกล้มเลิกพระประสงค์จะทำยังไง นี่เค้าอุตส่าห์รอคอยเวลามานาน 5 ปีเลยเชียว จะเป็นแบบนั้นไปไม่ได้



“ท่านชาย ทรงรอกระหม่อมด้วย”


“จะตามมาทำไม คุณเขตรออยู่ตรงนั้นแหละครับดีแล้ว”


“ท่านชาย ท่านชายจะไปยกเลิกไมได้นะกระหม่อม”


“เอ๋?  คุณเขตสั่งผมได้ด้วยหรอครับ เอ๊ะหรือว่าทหารรักษาการณ์ประจำตัวของผมคนนี้ จะมีสิทธินี้ด้วยน้า”



   น้ำยิ้มทำสีหน้าครุ่นคิด แกล้งทำท่าทีกวนใจเขต  เพราะเค้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขตจะทนอยู่ในสภาพนิ่งๆแบบนี้ไปได้อีกนานไหม




“ท่านชาย!  ขอทรงอภัยด้วย กระหม่อมผิดไปแล้ว” เขตทำเสียงอ่อนลง เพราะเค้าลืมตัว


“ในเมื่อคุณเขตไม่อยากที่จะอยู่ ผมก็ไม่มีอะไรที่จะบังคับคุณเขตได้ จริงไหมครับ”


“แต่นี่เป็นพระประสงค์ของเสด็จนะกระหม่อม”


“อ้าวหรอครับ แล้วยังไงต่อ…”


“ก็ห้ามไปทูลเสด็จล้มเลิกพระประสงค์ไงกระหม่อม” เขตเริ่มจะห้ามปราม แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่อย่างนี้ เค้าต้องการแกล้งน้ำ แต่

ตอนนี้ทำไมเป็นน้ำที่แกล้งเค้าคืนเสียแล้ว


“ทำไมผมจะไปบอกเสด็จย่าไม่ได้ครับ บอกหน่อยสิคุณทหารหนุ่มผู้สูงศักดิ์” น้ำยิ้มให้เขตและเป็นยิ้มที่เขตแทบอยากจะดึงมาก

อดและหยิกแก้มเข้าให้



“ไม่ได้ก็คือไม่ได้สิกระหม่อม หรือว่าท่านชายไม่โปรดที่จะมีกระหม่อมเป็นทหารรักษาประจำองค์แล้ว”


“ก่อนหน้านี้ 5 ปี ผมไม่เห็นต้องมี ผมก็อยู่ได้นะ” น้ำพูดแทงใจดำเขตหนักพอควร พอถึงจุดนี้เขตแทบจะสติไม่อยู่กับตัวแล้ว




“….” เขตไม่ตอบกลับ จริงของน้ำ เค้าพูดถูกทุกอย่างก่อนหน้านี้ไม่เขตเค้าก็อยู่ได้ อยู่กับครอบครัวใหญ่ที่รายล้อมไปด้วย

ราชนิกุลทั้งวัง เขตสีหน้าแสดงออกถึงความร้อนรนใจอย่างบอกไม่ถูก




“เอ๋  ดูเหมือนคุณทหารจะร้อนรนใจนะครับ ไม่เห็นทำหน้านิ่งแบบเมื่อก่อนแล้ว” น้ำจับจุดเขตได้ เขตรู้ตัวพยายามกลับมาอยู่ให้

เป็นแบบเดิมมากที่สุด แต่มันทำไมได้แล้ว



“ท่านชาย  หลายปีมานี้ ท่านชายทรง…” เขตไม่ทนต่อคำพูดล้อเล่นอารมณ์ของน้ำแล้ว และเค้าต้องการอยากรู้ความจริงบางข้อ


“อะไรหรอครับ หลายปีมานี้ผมทำไมหรอ?” น้ำรีบถามต่อ ก่อนประโยคจะไม่ต่อเนื่อง


“ท่านชายทรงอยู่ได้โดยไม่มีกระหม่อม แล้วท่านชายคิดถึงกระหม่อมหรือไม่” เขตกลั้นใจถามน้ำออกไป


   น้ำไม่ตอบแต่หันหลังให้ร่างหนาแทน  เขตเห็นน้ำหันหลังให้ไม่กล้าตอบคำถาม เค้าเองก็ยิ่งร้อนรนใจ หรือว่านี่เค้าจะเป็นฝ่ายที่
คิดเองเออเองฝ่ายเดียว



“ท่านชายไม่ตอบกระหม่อมก็ไม่เป็นไร  กระหม่อมเข้าใจแล้วว่า ทั้งหมดกระหม่อมคิดไปเองฝ่ายเดียวตลอดมา กระหม่อมขอตัวก่อน” เขตคำนับร่างบางก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง น้ำรีบหันกลับมาหาเขตทันที



“เดี๋ยวก่อนสิครับ!”



“ท่านชายโปรดให้ทำอะไรหรือกระหม่อม” เขตหันกลับมาถามน้ำ แต่ใบหน้าไม่แม้แต่จะมองหน้าน้ำเลย


“ไม่รอฟังคำตอบของผมหน่อยหรอครับ คุณเขต”


“ไม่หรอกกระหม่อม  กระหม่อมรู้ดีว่ากระหม่อมคิดไปเองคนเดียว ต้องขออภัยท่านชายด้วย ที่ทำให้ท่านชายหนักพระทัย”



“คุณเขต  ผมกำลังจะตอบอยู่นี่ไงว่า ผมคิดถึงคุณเขตทุกเวลา ไม่เคยไม่คิดถึง”


   น้ำเดินเข้ามาหาเขตแล้วเอามือสองข้างจับหน้าเขตอย่างอ่อนโยน   เขตสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าน้ำจะกล้าทำแบบนี้  เขตมองแววตาของน้ำแล้ว ตอนนี้เค้าแทบอยากจะกอดและจูบลงที่หน้าผากของท่านชายในดวงใจเค้าเสียเหลือเกิน




“ยิ้มได้แล้วคุณทหาร   จะเกร็งสีหน้าแบบนี้ไปนานแค่ไหนกันเชียว  ไม่เห็นจะหล่อเลย” น้ำหยิกแก้มเขตเล่นเบาๆ เขตได้แต่ยืน

นิ่งและยิ้มให้กับท่านชาย


“ขอบพระทัยท่านชาย” เขตคำนับน้ำอีกครั้ง



“นี่กะจะพูดเพียงแค่นี้จริงๆหรอครับ ท่านนายพล” 


“แล้วถ้ากระหม่อมจะขออะไรท่านชาย ท่านชายจะทรงอนุญาตหรือไม่กระหม่อม”



“แล้วคุณเขตจะขออะไรล่ะครับ”


“ท่านชาย  กระหม่อมอยากจะขอ  กอดท่านชาย ได้หรือไม่กระหม่อม”


   เขตตัดสินใจขอน้ำทันที แบบไม่ลังเล และไม่กลัวด้วยว่าใครจะมาเห็นหรือคิดยังไง



“ได้  ผมอนุญาต” น้ำตอบกลับพลทหารทันที แบบไม่ไตร่ตรองเช่นกัน  เขตยิ้มกว้างก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดทันที   





ท่ามกลางพระเนตรของพระอัยยิกาที่ทรงมองลงมาจากวังชั้นสอง โดยมีท่านชายดลยืนอยู่ด้วย


“เห็นที เรื่องแบบนี้ ย่าจะต้องปรึกษาคนทั้งวังเสียแล้ว”


“เกล้าเห็นด้วยพะยะค่ะ เสด็จย่า  น้องชายของเกล้าคนนี้ลำบากมาแต่เด็ก แต่เป็นเด็กที่น่ารัก เกล้าคิดว่าน้องน่าจะได้รับ…”


“ย่ารู้แล้ว ชายดล  ย่ามองคนไม่ผิดหรอก  พลตรีหม่อมหลวงคนนี้ เหมาะที่สุดแล้วที่จะคู่กับหลานชายของย่าคนนี้”


“ขอบพระทัยเสด็จย่า ”









   ข่าวเรื่องการหมั้นหมายของเขตและน้ำดังไปถึง วังฉัตรอรุณโดยมีหม่อมบุหลันรับข่าวอยู่ที่เรือน เธอสีหน้าไม่พอใจทันที เพราะเรื่องแบบนี้ใครจะไปอวยตามน้ำ


“ไมได้  เรื่องแบบนี้มันผิดผี  เสด็จทรงคิดอะไรอยู่นะ ไม่เข้าใจเลย”



“หม่อมเจ้าขา อย่าเพิ่งใจร้อนไปสิเจ้าคะ เดี๋ยวใครมาได้ยินแล้วเอาไปทูลเสด็จจะแย่เอานะเจ้าคะ” ขจีรีบห้ามปรามนายตัวเองทันที



“ก็มันจริงนี่ ยังไงก็ไม่ได้ ฉันคนหนึ่งแหละที่จะต่อต้านเรื่องนี้ ”



“มีอะไรกันหรือคะหม่อมแม่ เสียงดังแต่เช้าเลย”


“มาก็ดีแล้ว แม่รัมภา แกดูสิเนี่ย น้องชายแกจะริไปหมั้นหมายกับพลตรี ชายกับชายจะแต่งกันได้ยังไง แม่ยอมหรอก”



“หม่อมแม่ เรียกว่า ชายน้ำว่าน้องชายหม่อมฉันหรือเจ้าคะ”


“ก็ใช่นะสิ” หม่อมบุหลันตอบกลับมาเชิงหงุดหงิด



“แล้ว ทำไมชายน้ำถึงจะหมั้นหมายกับพลตรีภูธเนศไม่ได้หรือเจ้าคะ”


“ไมได้ คนนี้แม่หวง พลตรีภูธเนศมีอะไรดีเท่าชายน้ำน้องของเธอ บอกแม่มาสิ”


“มีสิเจ้าคะ หม่อมแม่ ”


“แล้วมันคืออะไร”


“ก็ความรักที่มั่นคงอย่างไรล่ะเจ้าคะ” ท่านหญิงรัมภาพรรณตอบมารดาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“เอ๊ะ แม่รัมภา พูดอะไรน่าเกลียดจะตาย ยังไงแม่ก็ไม่ยอมหรอกนะ  ยน้ำกลับมาเมือ่ไหร่ แม่จะกักขังบริเวณเลยคอยดู”


“ไม่ดีกระมังเจ้าคะ แล้วใครจะเสด็จไปเฝ้าไปดูแลเสด็จย่าล่ะเจ้าคะ ได้ข่าวมาว่า เสด็จย่าทรงโปรดหลานชายคนนี้ยิ่งนักนะเจ้าคะ หม่อมแม่”



“ก็…ก็เธอไง แม่รัมภา ไปเลยนะ ไปแทนน้องเลย แม่ไม่อยากให้น้องเรานะไปคลุกคลีกับพลตรีอะไรนั่น แยกๆมันออกมา”



“ไม่ดีกระมังเจ้าคะหม่อมแม่ ไปแยกคนรักกันมันบาปนะเจ้าคะ”


“โอ้ย แม่เบื่อจริงๆเลย  ขจี ไปเอาน้ำหวานมาทีสิ ฉันเวียนหัวไปหมดแล้ว”


“ได้เจ้าค่ะ หม่อม รอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”


“เออ!  เร็วๆ”




   ท่านหญิงยิ้มและยักคิ้วให้ขจี แบบรู้กัน เพิ่งจะมารู้ก็วันนี้แหละว่าหม่อมบุหลันเธอก็แอบรักและเป็นห่วงชายน้ำเหมือนๆกัน ใครจะไปทนไหวกับความน่ารักและมีความอ่อนโยน อ่อนน้อมแบบชายน้ำกันล่ะ








   ตอนบ่ายของวันนั้นเองหม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์และหม่อมเจ้าชยาดล ประทับรถเก๋งกลับวังฉัตรอรุณ และมีพลตรีอย่างภูธเนศนั่งอยู่

ด้านหน้าข้างคนขับมาด้วย เพียงแค่รถกำลังจะถึงวงเวียนหน้าเรือนใหญ่ ก็พบสาวใช้ของหม่อบุหลันเดินมาตัดหน้ารถทันที เล่น

เอาคนขับแทบจะเบรกไม่ทันทีเดียว





เอี๊ยด!





“โอ้ยยยยยยยยยยย  รอดตายแล้วกู!” เสียงของสาวใช้คนที่ยืนขวางทางรถพูดขึ้นมาทันที หลังจากรอดเหตุการณ์เกือบตายแบบหวุดหวิด


“ดีมากอีขจี  นี่ห้ามขับไปไหนทั้งนั้นนะ ถ้าฉันไม่สั่ง” หม่อมบุหลันเดินตามออกมาอย่างรีบร้อน พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังฝั่งชายน้ำทันที



“อะไรกันครับ หม่อมป้า” ชายดลถามหม่อมบุหลันทันทีด้วยความตกใจ


“ไม่ต้องถามเลยนะชายดล  พาน้องไปเร่ให้คนโน้นคนนี้สนุกพอหรือยัง ชายน้ำ ไปหับป้าเดี๋ยวนี้”


   หม่อมบุหลันดึงแขนน้ำด้วยแรงที่มากพอ  แต่น้ำทำสีหน้างุนงงและหันไปหาพี่ชายดลเพื่อจะเอาคำตอบ แต่เอาไปเอามา ไม่มี

ใครรู้เกินใครจริงๆ น้ำได้แต่เดินตามหม่อมบุหลันไปที่เรือนใหญ่ โดยมีท่านชายดล และ ทหารหนุ่มเดินตามมาติดๆ



“หม่อมป้า  หม่อมป้าจะพาน้องน้ำไปไหนหรือครับ”


“ไม่บอก ไม่ต้องตามมาเลยนะ ฉันว่าฉันจะต้องให้ชายน้ำอยู่กับฉันไม่ให้คลาดสายตาเสียแล้ว  ”


“เอ่อ หม่อมครับ ใจเย็นๆก่อนนะครับ จับแขนน้องแรงแบบนั้นเดี๋ยวน้องเจ็บ” เขตพูดห้ามทันทีโดยไมได้คิด


“นี่ เรียกให้มันดีนะๆ  ใครน้องแก  นี่ท่านชายน้ำ นะยะ แกนี่แหละตัวดี ริจะมาจีบท่านชายของฉัน ไม่มีทาง ชายน้ำเข้าไปใน
เรือน”



   ณ จุดๆนี้ทุกคนยิ่งงงไปกันใหญ่กับท่าทีของหม่อมบุหลันที่เปลี่ยนไปมาก เธอปฏิบัติกับน้ำราวับว่าเป็นลูกเธอเสียอย่างนั้น แล้วนี่

เธอเป็นห่วงและหวงน้ำเสียทั่งแต่เมื่อไหร่ น้ำถูกดึงตัวตามหม่อมบุหลันขึ้นไปชั้นสองอย่างงุนงง และคงไม่มีใครอธิบายเรื่องนี้ให้

เค้าฟังได้ดีเท่ากับหม่อมบุหลันเองแล้วล่ะนะ



“ห้ามใครขึ้นมาเชียวนะ  ชายดล พาไอ้ทหารหน้าหล่อนี่ไปให้พ้นๆเรือนป้าเดี๋ยวเลย”


   งงเข้าไปใหญ่กับประโยคสุดท้ายที่ หม่อมบุหลันตะโกนสั่งเสียงดังแทบไม่หันหน้ามามอง ขจียืนเกาหัวสามที เพราะไม่คิดว่า

หม่อมบุหลันจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เพียงแค่ว่า เสด็จจะหมายหมั้น เขต กับ ท่านชาย เพียงเท่านั้นเอง






มาต่อแล้วววว   ใกล้เข้ามาแล้วๆๆ   อิอิ  จะได้หมั้นหรือไม่ได้หมั้นนะ  อืมมม  ติดตามกันต่อไป...


 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.1 ✥ หน้า 3 Up. (16/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-10-2015 12:38:50
งงกับหม่อมบุหลันจริงๆ  :a5:

จะได้หมั้นมั้ยน้อออ :hao3:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.1 ✥ หน้า 3 Up. (16/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-10-2015 16:04:20
หม่อมบุหลันหลงเสน่ห์ชายน้ำเข้าแล้วสิ จะไม่ให้หลงได้ไงล่ะเนอะ ชายน้ำน่ารักซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.1 ✥ หน้า 3 Up. (16/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-10-2015 18:06:33
หม่อมแกคงเป็นพวกเอาแต่ใจตัวเองอ่ะนะ
ยิ่งสมัยสาวๆคงอาการหนัก
แต่มาตอนนี้แก่แล้ว  มีทุกอย่างพร้อมแล้ว เลยไม่เลวร้ายเท่าไหร่
เหลือแต่ดันมาเอ็นดูน้ำเข้าให้
อารมณ์คนแก่ที่ลูกๆโตกันหมด  แกคงเหงา555
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.1 ✥ หน้า 3 Up. (16/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-10-2015 00:34:33
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.1 ✥ หน้า 3 Up. (16/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 18-10-2015 12:35:13
ตอนที่ 21.2




   หม่อมบุหลัน ดึงตัวน้ำไปจนถึงห้องนอนลำลอง ห้องหนึ่งที่ไม่ได้ใช้งานมานานพอสมควร แต่สภาพยังดีอยู่มาก เธอผลักน้ำ

เข้าไปข้างในแล้วล็อคแม่กุญแจไว้ข้างนอกห้องอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มให้ตัวเองอย่างคนมีชัย  ตามมาด้วยเสียงเคาะประตูจากข้าง

ใน พยายามให้ปล่อยตัวเค้าออกไป



“หม่อมป้าครับ  หม่อมป้าขังผมทำไมหรือครับ  ผมทำอะไรผิด”


“อยู่ในนั้นแหละ ท่านชาย แกน่ะเป็นจ้าวจะไปหมายหมั้นกับพลตรีหม่อมหลวงไม่ได้ เข้าใจไหม”


“หม่อมป้าครับ ปล่อยผมออกไปก่อนเถอะนะครับ อย่าทำแบบนี้เลย”


“ไมได้ ก็คือ ไม่ได้ อยู่ในนั้นแหละไม่ต้องออกมานะ”



   หม่อมบุหลันแผดเสียงสูงดังลั่นตอบกลับน้ำ และแน่นอนร่างบางข้างในห้องก็เงียบสงบลงไป  เขตและท่านชายดลวิ่งตาม

ขึ้นมาถึงชั้นสองของเรือน เห็นหม่อมบุหลันยิ้มให้ตัวเธอเอง มองดูแล้วน่าหมั่นไส้เป็นไหนๆ


“หม่อมป้าครับ น้ำอยู่ไหนครับ” ท่านชายดลมองหาน้องชายแต่กลับไม่พบ


“ใครอนุญาตให้พวกเธอสองคนขึ้นมา ท่านชาย ท่านไม่ควรพลุกพล่านที่ชั้นบนของเรือนป้านะเพคะ”


“แต่ว่า ผมไม่ขึ้นมาไม่ได้หรอกนะหม่อมป้า ก็หม่อมป้าดึงตัวน้ำขึ้นมาที่นี่ ผมต้องมาตามน้องชายถึงจะถูก”


“ฉันไม่ให้  และจะไม่มีพิธีหมายหมั้นใดๆทั้งสิ้น  จำเอาไว้นะหม่อมหลวงภูธเนศ ถึงเธอจะเป็นพลตรี แต่คนที่เธอกำลังจะหมั้นด้วย
เป็นหม่อมเจ้า และเป็นบุรุษด้วยกันทั้งคู่ เรื่องบัดสีแบบนี้ฉันไม่อยากจะได้ยิน”


“แต่ผมรักท่านชายมากนะครับ หม่อม”







เพี๊ยะ!



เสียงฝ่ามือที่ตบลงตรงแก้มของเขตดังจนน่าตกใจ แต่เขตกลับยืนนิ่งเหมือนไม่รู้ความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย หม่อมบุหลันยิ้ม

และหัวเราะดังลั่น


“ฮ่าๆๆๆ  เป็นอย่างใด รสชาติฝ่ามือของฉัน คงจะทำให้พลตรีหมายบ้าและคิดได้นะคะ หยุดพูดเรื่องไม่เป็นจริงเสียที” หม่อม

บุหลันแววตาดุดันมองเขตแบบเสือจ้องจับเหยื่อ



“หม่อมป้า  หม่อมป้าตบเพื่อนของผมทำไมครับ หม่อมป้าทำไม่ถูกนะครับ”


“ทำไมฉันจะตบไมได้ อยากมายุ่งกับหลานชายของฉันดีนัก  อีขจี ขึ้นมาชั้นบนเดี๋ยวนี้”


“มาแล้วเจ้าค่ะ หม่อม  ”


“ไปเอาน้ำมาให้ฉัน ”


“เอาน้ำส้มหรือว่าน้ำหวานเจ้าคะ หม่อม”


“อีโง่  ไปเอาน้ำเปล่ามา อีนี่นิ ถามพิรี้พิไร จริงๆเลย ”


“เจ้าค่ะๆ ทราบแล้วเจ้าค่ะ”





ปังๆๆๆๆๆๆ!!!!





เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ คราวนี้น้ำส่งเสียงดังออกมาจากอีกฝั่งของประตู เขตและท่านชายดลถึงได้รู้ว่าน้ำถูกขังอยู่ในนั้น




“ช่วยด้วย  พี่ชายดล คุณเขต  ผมอยู่ในนี้ ”


“น้ำ!” ทั้งสองอุทานชื่อน้ำออกมาพร้อมกัน


“หยุดนะ ทั้งสองคน  อย่าได้คิดเดินไปแตะที่กุญแจหน้าห้องเด็ดขาด ไม่มีใครช่วยท่านชายน้ำได้หรอก กลับไปซะ”



   ทั้งสองยืนทำสีหน้าลังเลใจที่จะช่วย หม่อมบุหลันขวางทางไว้แบบนี้ยิ่งไม่เป็นการณ์ดี แล้วนี่วันพรุ่งนี้ไปหาเสด็จแล้วจะ

ตอบพระองค์ว่าอย่างไรกัน




“หม่อมเจ้าขา น้ำมาแล้วเจ้าค่ะ”



“ดี เอามานี่เร็วๆ”






ซ่า!!!!





หม่อมบุหลันยกแก้วน้ำขึ้นมาสาดใส่ตัวของเขตอย่างไม่ลังเลใจ ท่านชายดลถึงกับตกใจเบิกตาโพง เพราะไม่คิดว่าหม่อมบุหลัน

จะกล้าทำอะไรแบบนี้



“เขต!   หม่อมป้าจะทำแบบนี้ไมได้นะครับ”


“ทำไมจะทำไมได้  ที่นี่มันบ้านฉัน และท่านชายก็พาเพื่อนของท่านชายออกไปจากบ้านซะสิเพคะ”


“เขต กลับกัน  เรื่องนี้เราจะไปทูลเสด็จทันที”


“เอาเลย จะไปทูลเสด็จก็เชิญ แต่สิ่งที่ฉันได้ทำไป บอกเลยว่าเสด็จต้องเข้าข้างอย่างแน่นอน”


   ท่านชายดลและน้ำมองหม่อมบุหลันด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก แต่ทำอะไรเธอไมได้เลยแม้แต่น้อย ขจีมองเหตุการณ์

เมื่อครู่ด้วยความหวั่นวิตก เรื่องนี้เรื่องใหญ่ หม่อมบุหลันจะสู้เสด็จได้หรือ


“หม่อมเจ้าคะ ทำถึงขนาดนี้ ไม่กลัวบ้างหรือเจ้าคะ”


“ทำไมต้องกลัว  ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดอยู่ที่เรือนของฉัน ฉันสามารถทำอะไรก็ได้ ฮึฮึ”


“หม่อมจะไปไหนเจ้าคะ”


“อ้าว ก็ไปด้านล่างนะสิถามได้ ”


“แล้วท่านชายน้ำล่ะเจ้าคะ จะปล่อยไว้อย่างนี้หรือ”


“ฮึ แกก็อาสาส่งข้าวส่งน้ำให้ท่านชายซะสิ อีขจี หรือไม่ก็ให้อดตายไปอย่างนั้นแหละ”


“ขจีไม่เข้าใจจริงๆ หม่อมกำลังคิดอะไรอยู่เจ้าคะ”


“ฮึ เดี๋ยวถึงเวลาแกก็รู้ เวรกรรมน่ะ มันกำลังจะตามมาถึงตัวแล้ว ”


“เอ๋ เวรกรรมหรือเจ้าคะ เวรกรรมของผู้ใด  ของท่านชาย หรือว่าของหม่อมบุหลันเองล่ะเจ้าคะ”


“เอ๊ะ อีนี่นิ อยากให้ข้าลงหวายหรือยังไงกัน มีอะไรก็ไปทำไป”


“เจ้าค่ะๆ ไปแล้วเจ้าค่ะ”







“ฉันทำผิดมาหนึ่งครั้งแล้ว ฉันจะไม่ยอมทำผิดกับลูกของเธอ หม่อมพิมล”

   หม่อมบุหลันมองไปประตูที่มีแม่กุญแจใหญ่ล็อคเอาไว้ ก่อนจะเดินลงไปชั้นด้านล่าง  ด้านในห้องนอนที่กว้างใหญ่ ร่างบาง

ค่อยๆชุกขึ้นไปเปิดไฟ  ภายในห้องดูสวยงามมาก รูปของเสด็จพ่อยังอยู่เต็มไปหมด น้ำเริ่มจะแน่ใจแล้วว่าห้องนี้เป็นห้องของ

เสด็จพ่อเมื่อครั้งที่พระองค์โปรดและประทับที่เรือนใหญ่







ที่เรือนฝั่งซ้าย หม่อมรุ้งพราวนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนใกล้ๆสระปลาหางนกยูง เธอกำลังยิ้มให้กับรูปภาพในมือของเธอ เป็น

หนังสือที่เป็นแบบจัดงานหมั้นสไตล์ต่างๆสวยงาม เธอกำลังวางแผนการจัดงานครั้งแรกในชีวิตด้วยตัวเอง


“ขออภัยหม่อมรุ้งพราว หากเป็นการรบกวน”


“อ้าว แดนภพ มาแล้วหรอ มาเร็วเหมือนกันนะเรา”


“เรื่องแบบนี้ เพียงหม่อมรุ้งพราวรับสั่งผมเต็มใจทำให้เต็มที่ครับ ว่าแต่หม่อมเลือกแบบได้หรือยังครับ”


“ได้แล้ว นี่ๆมาดูนี่เร็ว ถ้าฉันจะเลือกสไตล์นี้ จัดที่วังทิพย์จะเป็นอย่างไร”


“สวยมากครับหม่อม ผมว่าเสด็จและราชนิกุลที่มาร่วมงานจะต้องทรงโปรดและประทับใจมากๆเลยครับ”


“อย่างนั้นหรอ  แล้วนี่ว่าแต่เธอเถอะแดนภพ ไม่คิดอยากจะหาคู้ครองหน่อยหรอ นี่ก็ 35 ปีแล้วนะ”


“ไม่หรอกกหม่อม ผมขอโสดแบบนี้ไปเรื่อยๆจะดีกว่า เป็นเพื่อนกับท่านชายดลด้วย ”


“ชายดล จะว่าไปแล้วเห็นทีคงจะไม่มีบุญได้อุ้มหลานเสียแล้วสิ”


“ไม่หรอกหม่อม ถ้าท่านชายพร้อมก็คงจะมีเอง หม่อมอย่าคิดมากเลยครับ”


“ถามจริงๆเถอะนะ แดนภพ  เธอชอบท่านชายน้ำหรือเปล่า”


“ชอบครับ”  แดนภพตอบอย่างไม่ลังเลใจ


“แล้วเธอ…”


“หม่อมไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ  ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก ท่านชายเองก็ทรงโปรดเขต เพื่อนของผมมาก ผมดีใจเสียอีกที่อย่าง
น้อยเขตก็ทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าผม”


“ฉันเข้าใจเธอนะ เอาล่ะ เราไปคุยกันเรื่องจัดงานหมั้นดีกว่า ว่าขาดเหลืออะไรบ้าง”


“ครับ หม่อม”






ผ่านไป 2 วัน ร่างบางก็ยังคงได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างใหญ่ และหรูหรา  แต่มันจะดีกว่านี้หากเค้าจะได้ออกไปรับอากาศ

บริสุทธิ์ข้างนอกห้องบ้าง  สองวันมานี้น้ำได้เจอแต่ใบหน้าของสาวใช้ที่ชื่อ ขจี เท่านั้น ที่คอยเอาข้าวเอาน้ำไปให้ตลอดเวลา และวันนี้ก็เช่นกัน


“ท่านชายเพคะ อาหารเช้าหม่อมฉันวางไว้ตรงนี้นะเพคะ”


“ครับ ผมรู้แล้ว ขอบคุณมาก”


“ท่านชาย อย่าทรงคิดมากนะเพคะ เชื่อขจีเถอะค่ะว่ายังไงซะ ท่านชายดลและคุณเขต ต้องหาทางช่วยท่านชายได้แน่นอน”


“ขจีพูดแบบนี้ไม่กลัว หม่อมบุหลันรู้เรื่องหรอกหรือ”


“ก็กลัวละค่ะ แต่ทำไงได้ ขจีสงสารท่านชาย หม่อมนะทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้เสด็จก็ทรงมีรับสั่งออกมาแล้ว หม่อมไม่น่าขัด

พระประสงค์ของเสด็จเลย”



“ช่างเถอะ เราจะรออยู่ในห้องนี้อย่างใจเย็น หม่อมทำแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ ”


“ค่ะ เดี๋ยวตอนเที่ยงหม่อมฉันจะมาอีกนะเพคะ”


“ครับ ไปเถอะ”


   ขจีเดินออกจากห้องไปแล้วล็อคประตูอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีร่างบางสูงโปร่งมายืนข้างๆเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้


“ว้าย!  ตายแล้ว  ท่านหญิงตกใจหมดเลยเพคะ”


“อะไรของเธอ ขจี  แล้วนี่เข้าไปในห้องเสด็จพ่อทำไม”


“ปะ…เปล่านะเพคะ  ขจีไมได้เข้าไปโดยพละการนะเพคะ เป็นคำสั่งของหม่อมบุหลันต่างหาก”


“หม่อมแม่ หม่อมแม่ใช้ให้เธอทำอะไร แล้วนี่ถาดอาหารนี่  เธอเอาถาดอาหารเข้าไปในห้องนี้ทำไม”


“ท่านหญิงอย่าทรงถามหม่อมฉันมากสิเพคะ หม่อมฉันคิดหนักที่จะตอบ”


“ได้   ไม่ตอบก็หลีกไป ฉันจะดูเอง”


“ว้าย!  ไม่ได้ใหญ่เลยเพคะ ห้ามเพคะ ห้ามเปิด”


“ก็บอกว่าจะขอดูนิดหน่อยเองว่ามีอะไรในห้องนั้น”


“ทำอะไร หญิงรัมภา!”


“หม่อมแม่!”




โอ้ พระเจ้า จะจบแล้ว ดีใจจัง  อีก ไม่กี่ตอนละอิอิ  ขอบคุณที่ติดตามน้า

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.2 ✥ หน้า 3 Up. (18/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-10-2015 13:11:32
หม่อมป้าทำแบบนี้ทำไมค่ะ ไม่สงสารท่านชายน้ำบ้างเหรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.2 ✥ หน้า 3 Up. (18/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-10-2015 15:40:59
เหตุผลอะไรน้อออ ลุ้นๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.2 ✥ หน้า 3 Up. (18/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Jupiter(Zeus) ที่ 18-10-2015 16:06:57
หม่อมบุหลันจะทำอะไร เอาใจช่วยน้ำกับเขตให้ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ รักไม่แบ่งแย่งเพศ และชนชั้น
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.2 ✥ หน้า 3 Up. (18/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 18-10-2015 23:30:20
หม่อมบุหลันคิดจะทำอะไรน้า?
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.2 ✥ หน้า 3 Up. (18/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-10-2015 01:03:31
น่าสงสารน้ำ โดนกระทำตลอด
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 21.2 ✥ หน้า 3 Up. (18/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 20-10-2015 15:54:01
ตอนที่ 22



“ออกไปจากหน้าของเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้นะ”


“ทำไมค่ะหม่อมแม่ หม่อมแม่มีอะไรซุกซ่อนอยู่ในห้องนั้นหรือคะ ”


“แม่ขังชายน้ำ ไว้  รู้อย่างนี้แล้ว ลูกจะทำอย่างใดได้ ออกไปจากตรงนี้ซะ”

“ได้หญิงจะไป  แต่หม่อมแม่ทำไม่ถูก เสด็จย่าทรงถามหาชายน้ำ ถ้าหม่อมแม่ยังไม่ปล่อยชายน้ำ หญิงจะไปกราบทูลเสด็จย่าเอง”


“ดี ไปเลย ไปบอกเลย แม่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าคนจำนวนไม่น้อยทั่วกรุงเทพ ทราบเรื่องพิธีหมั้นระหว่างหม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ไกลเกียรติขจรกุล กับ พลตรีหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช จะงามหน้าเพียงใด ”


“หม่อมแม่!”


“ฮึ ไม่ไปกราบทูลเลยหรือ หญิงรัมภาพรรณ ไปสิไปช่วยน้องลูก ”


“หญิงจะไปหา พริ้ม ค่ะ กว่าจะกลับก็คงหัวค่ำ หม่อมแม่ไม่ต้องรอหญิงนะคะ ” ท่านหญิงทรงเปลี่ยนเรื่องทันทีหลังจากที่ทราบที่
ไปที่มาของแม่ตัวเองที่กักขังชายน้ำเอาไว้


“ฝากความคิดถึงไปหา พริ้มด้วยนะ แต่งงานกันมา 5 ปีแล้ว มีลูกถึง 2 คน ว่าแต่ลูกเถอะเมื่อไหร่กันจะเลือกใครสักคน  นี่ก็จะ 40 ชันษาแล้วนะหญิง”


“ไม่ค่ะ หญิงอยากเป็นโสด ไม่ต้องคิดอะไรมากความ เอาว่าหญิงจะบอกพริ้มให้นะคะ สวัสดีค่ะ  ขจีไปกับฉันไหม”


“ไม่เป็นไรเพคะท่านหญิง ขจีต้องอยู่คอยเอาข้าวเอาน้ำไปให้ท่านชายน้ำเพคะ”


“อ้อ ดีเหมือนกัน ฝากชายน้ำด้วยนะ”


“ได้สิเพคะ ท่านหญิงเสด็จเถอะเพคะ ไม่ต้องทรงกังวลพระทัย”



   รัมภาพรรณพยักหน้าให้ขจีสาวใช้ พลางเหลือบมองหม่อมบุหลันผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจความคิดและความรู้สึกของเธอ

เสียเท่าไหร่ จะว่าไปรัมภาพรรณเองก็เป็นห่วงน้องชายคนนี้มาก เพราะด้วยวัยและอะไรหลายๆอย่าง เธอไม่อยากให้น้องชายต้อง

มาเศร้าเสียใจไปตลอดชีวิต







   ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช หม่อมหลวงภูวนนท์ หรือ คุณต่อ ได้กลับมาอยู่ที่บ้านทำงานบริษัทช่วยหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย แต่

เร็วนี้ๆก็มีแผนเดินทางไปเชียงใหม่ ไปหาหวานใจของเค้าที่นั่น ไม่ใช่ใครเลยนอกจาก ฟ้ามอญ หลังจากเรียนจบ ฟ้ามอญก็กลับ

ไปทำงานแถวบ้าน โดยมีเงินก้อนหนึ่งจากคุณต่อ เป็นทุนให้สร้างโรงแรมล้านนาไทย และมอบให้ฟ้าเป็นคนดูแล  กิจการก็ไปได้

สวย เปิดมาได้ 4 – 5 ปี แล้ว ลูกค้ามากมายอย่างไม่คาดคิด


“ต่อลูก  พ่อมีอะไรจะปรึกษาหน่อย”


“ครับคุณพ่อ”


“ถ้าสมมติว่า พี่ชายเราเค้าจะได้หมายหมั้นกับเชื้อจ้าว ต่อ คิดว่าดีไหม”


“ดีสิครับ แหม ได้เป็นเขยจ้าว ผมไม่ขัดข้องอยู่แล้วครับ ว่าแต่คนคนนั้นคือใครครับ ธิดา วังไหน”


“ฮ่าๆๆๆ นี่ทำงานที่บริษัทเพลินไปแล้วสินะ ข่าวเค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ยังจำน้ำ ลูกบุญธรรมของพ่อเมื่อ 5 ปีก่อนได้ป่าว”


“อ้อ จำได้สิครับ เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม น่ารัก ร่าเริง ตัวเล็ก เหมือนตุ๊กตาเลย ถามคุณพ่อ คุณพ่อก็ไม่ยอมบอกผมว่า

เค้าหายไปไหน”


“เอาล่ะ ต่อไปนี้ ให้เรียกน้ำ ใหม่ ว่าท่านชายน้ำแล้วกันนะ”


“ท่านชาย?  อะไรกันครับ นี่เป็นชื่อเรียกลำลองของ หม่อมเจ้าเลยนะครับ คุณพ่อพูดตลกอีกแล้ว”


“ก็ใช่นะ น้ำ ที่ลูกรู้จัก คือหม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ไกลเกียรติขจรกุล”


“อ้าว อย่าบอกนะครับ ว่าที่คุณพ่อพูดมาคือ…”


“ใช่ พี่ชายของลูก เค้ากำลังจะหมั้นกับ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ โดยเป็นพระประสงค์ของพระองค์เจ้าสำเภางาม”


“พระองค์เจ้า? โหย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลยล่ะครับ”


“ก็รู้ซะตอนนี้เลยสิ ฮ่าๆๆ”


“แหม อารมณ์ดีเชียวนะครับ คุณพ่อไม่ขัดใจอะไรเลยหรอครับที่ลุกชายตัวเองจะหมั้นกับผู้ชายด้วยกัน”


“ปัดโถ่เอ้ย จะให้พ่อเริ่มขัดใจใครก่อนดี ระหว่าง พี่ชายเรา หรือว่าจะเป็นลูกเอง เจ้าต่อ”


“โหย ถ้าอย่างนั้นไม่เอาดีครับ ดีจริงๆครับคุณพ่อที่คุณพ่อไม่ขัดใจอะไร แล้วผมกำลังจะลาคุณพ่อไปที่เชียงใหม่ 2 สัปดาห์นะ
ครับ”


“ไปเชียงใหม่ ไปทำไม?”


“ไปหา…ดวงใจของผมไงพ่อ”


“อ้อ ฟ้ามอญ พ่อลืมไปเลย จะว่าไปแกเองก็ยังไม่ได้หมั้นให้เป็นเรื่องเป็นราว เอาพร้อมๆกับพี่ชายแกเลยไหม”


“ไม่ดีมั้งครับ จัดงานครั้งนี้ถ้าเดาไม่ผิด ผมว่าน่าจะเป็นงานใหญ่ อีกอย่าง ผมทำตัวไม่ถูกหรอกนะเรื่องมารยาทในวังเนี่ย จำได้

เลยโดนหม่อมบุหลันที่วังฉัตรอรุณวิ่งไล่เอาไม้เรียวตี โทษฐานไปวิ่งบนเรือนเสด็จ”


“ฮ่าๆๆๆ เรื่องมันก็นานมาแล้ว หม่อมบุหลันเธอเองก็คงจะลืมไปแล้วล่ะนะ อย่าสนใจเลย”


“ไม่เอาด้วยหรอกครับ เธอโหดจะตายไป คุณพ่อครับ ยังไม่ตอบคำถามผมเลย”


“อ้อ ก็ไปสิ อยากไปหาฟ้ามอญก็ไป แต่ต้องกลับมาให้ทันงานหมั้นพี่ชายเรานะ”


“ได้สิครับ”







   เขตและท่านชายดลเข้าวังทิพย์ ตามพระประสงค์ของเสด็จ ตอนนี้พระองค์มีพระวรกายที่ดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ต้องแปลก

พระทัย ที่ไม่พบชายน้ำอีกเช่นเคย



“อะไรกัน วันนี้ชายน้ำก็ไม่ว่างมาอีกแล้วหรือนี่”


“เอ่อ พะยะค่ะ ” ชายดลตอบเสด็จด้วยท่าทีที่กลุ้มใจ จนครั้งนี้เสด็จย่าจับจุดได้


“ชายดล มีเรื่องอะไรบิดบังย่าหรือเปล่า”


“เอ่อ คือ เกล้าหม่อมฉัน มะ…ไม่มีเรื่องอันใดจะบิดบังเสด็จพะยะค่ะ”


“ชายดล!” เสด็จรับสั่งเสียงดุและดังขึ้นกว่าเดิม จนชายดลต้องตัดสินใจทูลเรื่องจริงไป



“จริงๆแล้ว หลายวันมานี้ที่ชายน้ำ ไม่ได้เสด็จมาหาเสด็จ เพราะหม่อมป้าได้กักกันตัวไว้ที่เรือนของหม่อมป้าเองพะยะค่ะ”


“อะไรนะ มีเรื่องแบบนี้ ทำไมไม่มาบอกย่า  แล้วนี่หม่อมบุหลันมีเหตุผลอะไรที่ทำแบบนั้น”


“หม่อมป้าทำไปเพราะ…” ชายดลกำลังจะทูลตอบจบประโยค ก็มีเสียงหนึ่งต่อประโยคนั้น ด้วยน้ำเสียงที่คุ้นหูทีเดียว




“เพราะหม่อมฉัน ไม่ต้องการให้เรื่อง ชายหมายหมั้นชายเกิดขึ้นเพคะ เสด็จ  ขอเสด็จทรงประทานอภัย ที่หม่อมฉันมาโดยมิได้บอกกล่าว”


“หม่อมบุหลัน  มาก็ดีแล้ว เหตุผลที่เธอว่า ฉันตัดสินใจแล้ว”


“หม่อมฉันทราบเพคะ เสด็จ แต่ที่หม่อมฉันมาที่นี่ เพียงเพราะอย่างให้พระองค์ทรงไตร่ตรองเรื่องนี้ใหม่ด้วยเพคะ  หม่อมฉันเห็น

ว่าเรื่องแบบนี้ หากหม่อมพิมลยังมีชีวิต ก็จะไม่ยินยอมเช่นหม่อมฉันแน่นอนเพคะ”



“พูดเรื่องนี้มาทีไร ฉันเองก็ลำบากใจ ”


“ใช่เพคะ เสด็จ  หม่อมฉันก็ทุกข์ใจ เพราะหม่อมฉันไม่ต้องการให้ชายน้ำ ต้องมาตกเป็นเรื่องขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว”


“ขอเสด็จย่าทรงไตร่ตรอง เรื่องนี้ เกล้าหม่อมฉันคิดว่า ชายน้ำไม่ได้รู้สึกอับอายแน่นอนพะยะค่ะ”


“เอ๊ะ ชายดล จะมาตอบแทนชายน้ำได้ยังไง เงียบไปเลยนะ” หม่อมบุหลันหันไปตวาดเสียงดังใส่ชายดล


“เอาล่ะๆ  หม่อมบุหลัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน ในเมื่อเค้าสองคนตกลงปลงใจกันแล้ว ก็คือจบ อีกอย่างฉันเองก็ตัดสินใจไปแล้วด้วย”


“เสด็จ!”


“เสด็จย่า ขอทรงรับสั่งให้ปล่อยตัวชายน้ำด้วยเถอะพะยะค่ะ ชายน้ำ อยู่ในห้องของเสด็จพ่อมานานนับ 3 วันแล้ว ไม่เห็นเดือน
เห็นตะวัน เกล้าสงสารน้องชายพะยะค่ะ”


“อืมๆ หม่อมบุหลัน เธอกลับไปปล่อยตัวชายน้ำได้แล้ว ฉันเองก็คิดถึงหลาน ปล่อยเค้าแล้วให้มาหาฉันที”


“ไม่เพคะ หม่อมฉันขอขัดรับสั่งของเสด็จ!”


“หม่อมป้า!  นี่หม่อมป้ากล้าขัดรับสั่งของเสด็จเชียวหรือครับ”


“ใช่  เสด็จเพคะ เรื่องนี้หม่อมฉันไม่ยอม จะไม่มีพิธีหมายหมั้นใดๆทั้งสิ้น เพราะหม่อมฉันไม่อยากให้หม่อมพิมลต้องเสียใจอีก

ตอนนี้เธอก็ไม่อยู่แล้ว หม่อมฉันกำลังไถ่โทษเธอด้วยการดูแลโอรสองค์เล็กของเสด็จพี่ ให้หม่อมฉันได้ทำในสิ่งที่ถูกด้วยเถอะ

เพคะ”



“อะไรของเธอ สิ่งที่ถูกหรือ?  และไถ่โทษอีก?  พูดออกมาให้หมดนะหม่อมบุหลัน ฉันงงไปหมดแล้ว”


หม่อมบุหลันยืนนิ่ง แววตาเยือกเย็น เธอกำลังรวบรวมความกล้าที่จะพูดในสิ่งต่อไปนี้ และเธอก็คิดว่าถึงเวลาแล้วนี่เธอจะต้องรับ

ผิดชอบ  ถึงแม้เธอจะไม่ชอบหม่อมพิมลเลยก็ตาม แต่ยังไงเะอก็ต้องพูด


“เมื่อ 20 ปีก่อน  หม่อมฉันใช้ให้คนไปวางยาพิษหม่อมพิมลเองเพคะ แต่คนของหม่อมฉันทำผิดแผน เอาไปให้หม่อมพิมลกิน

ตอนเธอคลอดแล้ว และเรื่องนี้หม่อมฉันเข้าใจมาโดยตลอดว่า ลูกของเธอได้ตายไปกับเธอด้วย”



“นี่เรื่องจริงหรือนี่ คุณพระช่วย”



“เสด็จย่า ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาที ”


“มาแล้วเพคะ ท่านชาย”


“โทรเรียกหมอมาเร็ว”


“เพคะ ท่านชาย”



“หม่อมป้า  ผมไม่คิดเลยนะครับว่าหม่อมป้าจะทำได้ถึงเพียงนี้” ท่านชายดลหันมาต่อว่าเธอ ที่กำลังยืนนิ่งอย่างคนเลือดเย็น




“ทรงฟังหม่อมฉันนะเพคะ เสด็จ  หม่อมฉันจะไม่ให้ท่านชายน้ำ ได้เข้าพิธีตามที่เสด็จรับสั่ง เพราะหม่อมฉันไม่อยากให้ท่านชาย

น้ำต้องเสียพระทัย ” หม่อมบุหลันยังคงพูดในสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นความหวังดีต่อ



“เสียใจหรือ  ผมว่าไม่นะครับหม่อมป้า น้ำไม่เสียใจเรื่องนี้แน่นอน  ผมว่าหม่อมป้าเองต่างหากที่กลัวว่าจะเสียชื่อเสียงของเสด็จพ่อ”


“ไม่จริง  ฉันทำเพื่อชายน้ำนะ  ชายดล  เธออย่าพูดพร่อยๆแบบนี้นะชายดล”


“ทำไมผมจะพูดไม่ได้ หม่อมป้าห่วงแต่ตัวเอง ไม่ห่วงคนอื่นเลย แม้แต่พี่หญิงรัมภาพรรณเอง หม่อมก็ไม่เคยจะสนใจ ”


“พอกันที  ภูธเนศ  ไปที่เรือนของหม่อมบุหลัน แล้วไปเอาชายน้ำออกมา พิธีหมั้นต้องเกิดขึ้น  แม่บุหลัน ถ้าเธอยังมีความเป็น

มนุษย์อยู่บ้าง และถ้าเธออยากจะไถ่บาปครั้งนี้ เธอต้องให้ชายน้ำเข้าพิธีหมั้นกับพลตรีภูธเนศเท่านั้น ” พระองค์เจ้าฉัตรบดินทร์ที่

นั่งฟังเรื่องนี้อยู่นานก็มีรับสั่งกับหม่อมบุหลันทันที



“เสด็จ ไม่นะเพคะ เสด็จ  หม่อมฉันไม่ยอม ”


“ข้างนอกมีใครอยู่บ้าง เอาตัวหม่อมบุหลันออกไป!  เอาไปให้พ้นพระพักตร์เสด็จ เดี๋ยวนี้!”



   พระองค์เจ้าฉัตรบดินทร์ พี่ชายคนโต หรือลุงของชายดลและชายน้ำ ตะโกนรับสั่งทันที จากนั้นไม่นานชายหนุ่ม 5 6 คนก็

รีบเข้ามาข้างในแล้วพาหม่อมบุหลันออกไป  ท่ามกลางความไม่เต็มใจของเธอ


“หม่อมฉัน ไม่ยอมง่ายๆหรอก คอยดูนะเพคะ หม่อมฉันจะทำลายพิธีหมั้น”


“ฟังให้ดีนะ หม่อมบุหลัน ถ้าเธอยังไม่หยุด เรื่องที่เธอเล่ามาทั้งหมด ฉันจะให้ตำรวจเอาเธอไปสอบสวนและไปนอนอยู่ในคุกซะ”


“ไม่นะ ไม่  พระองค์เจ้าฉัตรบดินทร์ เพคะ อย่าบอกตำรวจนะ หม่อมฉันยอมแล้วก็ได้ หม่อมฉันยอมแล้ว”


   หม่อมบุหลันตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แล้วถูกนำตัวออกไป จนเสียงและตัวหายลับตาไปในที่สุด  สักพักหมอก็มาถึงเพื่อมาดูพระอาการของเสด็จ


“หม่อมหลวงปฐพี?”


“ท่านชาย!  สบายดีหรือกระหม่อม”


“สบายดี  เอ่อ ช่วยดูพระอาการของเสด็จย่าให้ฉันทีนะ”


“ได้กระหม่อม ”



   หมอที่มาครั้งนี้คือ คุณแดนภพนั่นเอง ปัจจุบันเป็นนายแพทย์ใหญ่และเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างถึงความเก่งและเชี่ยวชาญ

ของหมอ และด้วยวัยถึง 35 ปีแล้ว แต่ยังครองโสด เป็นที่จับตาของสาวในโรงบาลไม่น้อย   



   เท้าความหลังสมัยเด็ก หม่อมราชวงศ์ประศิตพ่อของหม่อมหลวงปฐพีของแดนภพ เคยเข้าเฝ้าพระองค์เจ้าฉัตรอรุณอยู่

บ่อยๆ เนื่องจากเป็นเพื่อนกันมานาน ท่านชายดลก็ได้เพื่อนเล่นด้วย นอกจากเขตแล้วก็มีแดนภพนี่แหละที่พอจะเป็นเพื่อนด้วยได้ 

แต่ตอนนี้ไม่นึกว่าจะมาเจอกันอีก หลังจากที่ไม่เจอกันอีกเลยตั้งแต่งานจัดงานฉลองโรงแรมไอยราของเสี่ยสิงห์ เมื่อ 5 6 ปีก่อน


   แดนภพดูพระอาการของเสด็จแล้วไม่มีอะไรน่ากังวลและให้คำแนะนำกับพระองค์เจ้าฉัตรบดินทร์ไป  ก่อนจะขอตัวกลับไป

ทำงานที่โรงพยาบาล  ท่านชายดลก็ขอให้อยู่ต่อสักครู่ เพราะต้องการถามอะไรบางอย่างที่อยากจะรู้มานานแล้ว


“แดนภพ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”


“ได้กระหม่อม พอจะมีเวลาอยู่บ้าง 30 นาที ”


“ถ้าอย่างนั้น ไปที่สวนดอกไม้ดีกว่านะ”









“ท่านชายทรงมีเรื่องอะไรหรือกระหม่อม”


“ไม่อ้อมค้อมแล้วนะแดนภพ  จริงๆแล้ว ฉันอยากรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำไมนายไม่มีคู่ครองเสียที ทั้งๆที่หม่อมราชวงศ์ประ

ศิต ก็พยายามจะหา หญิงสาวที่มารยาทการศึกษาฐานะดีให้นายเสียมากมาย”


“ไม่หรอกกระหม่อม  คิดไปคิดมาอยู่เป็นโสดแบบนี้จะดีเสียอีก  ว่าแต่ท่านชายเถอะ ทำไมยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนเลยล่ะ

กระหม่อม”


“ฉันรอคอยใครสักคนอยู่นะสิ”


“รอคอย?  คนคนนั้นเป็นใครหรือกระหม่อม”


“อยากรู้จริงๆหรอแดนภพ”


“อยากรู้สิกระหม่อม แหมคนรักของท่านชาย กระหม่อมยิ่งอยากรู้”






“นายไง แดนภพ!”




   คำตอบของหม่อมเจ้าชยาดล ทำเอาแดนภพหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าท่านชายจะทรงรับสั่งอะไรเช่นนี้



“แดนภพ!   แดนภพ!” เสียงเรียกสติของท่านชายดล ทำให้แดนภพได้สติ พร้อมกับทำสีหน้าตื่นเต้น หัวใจของแดนภพตอนนี้เต้น

แรงเสียยิ่งกว่ากลองเสียอีก



“ท่านชาย อย่าล้อกระหม่อมเล่นสิ”


“ไม่ได้ล้อเล่น เรารักนายตั้งแต่ยังเด็กๆแล้ว เพียงแต่นายเองต่างหากที่ไม่เปิดใจ”


“กระหม่อมหรือที่ไม่เปิดใจ?”


“ใช่ นายนั่นแหละ เอาแต่เดินหนี ไม่ทักทาย พอฉันแวะไปหาที่โรงพยาบาลนายก็เอาแต่ไม่ว่าง อยู่บ่อยครั้ง”


“ท่านชายเสด็จไปโรงพยาบาลด้วยหรือกระหม่อม”


“อืม ใช่!  แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันได้บอกความในใจแล้ว เห็นทีคงไม่ต้องรอให้นายตอบกลับหรอก ขอบใจนะที่รับฟัง”


“ท่านชาย! เอ่อ… ขอบพระทัยที่ทรงรู้สึกแบบนั้นกับกระหม่อม แต่กระหม่อม…”


“ฉันเข้าใจ แดนภพ นายเองก็คงจะมีคนที่นายแอบชอบอยู่แล้ว นายกลับไปทำงานเถอะ”


“เดี๋ยวท่านชาย”


“มีอะไรหรือเปล่า?”


“เกล้าหม่อมฉัน ขออะไรท่านชายได้ไหมกระหม่อม”


“ขออะไรล่ะ”


“ต้องสัญญาก่อนว่าจะทรงอนุญาต”


“ได้อนุญาต  ว่ามา”


“กระหม่อมของกอดท่านชายได้หรือไม่”


“ไม่มีปัญหา ”


   หม่อมเจ้าชยาดล อ้าแขนสองข้างทันที พลางบอกสัญญาณให้แดนภพเข้ามา แดนภพเองไม่ลังเลใจที่จะเข้าไปกอดท่าน

ชาย สรุปแล้ว เค้าไมได้รู้สึกไปเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เค้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะพระองค์เป็นหม่อมเจ้าที่เพียบพร้อม

ในทุกๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การกีฬา การดนตรี แม้แต่การงาน ณ ตอนนี้ที่ทรงทำงานอยู่ก็กำลังก้าวหน้าและไปได้สวย



“ขอบพระทัย ท่านชาย”



   แดนภพกล่าวขอบคุณท่านชายทั้งๆที่อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น ทั้งสองคนมีความสุขต่างฉีกรอบยิ้ม ความสุขที่ดีที่สุดใน

ชีวิต ที่ไม่คิดว่าจะได้รับแต่ก็ได้รับแล้ว แดนภพเริ่มเปิดใจยอมรับหัวใจตัวเองมากขึ้นเพราะท่านชายผู้นี้ ผู้ที่แสนอบอุ่นที่สุดใน
ชีวิต






ปัง!  ปัง!



เสียงพังประตูดังลั่น จากแรงข้างนอกประตูที่พยายามพังมันเข้ามา ขจีได้ยินเสียงก็รีบวิ่งตามขึ้นมาดุ ปรากฏว่าเป็นพลตรีทหารชั้น

สูงกำลังพังห้องเสด็จ ด้วยความตกใจเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามทันที ก่อนที่ประตูจะพังลงมาเสียก่อน


“ท่านนายพล เจ้าขา ใจเย็นๆเจ้าค่ะ  อย่าพังประตูเลย”


“กุญแจอยู่ไหน ไปเอากุญแจมาเปิดเดี๋ยวนี้”


“ค่ะๆๆๆ ไปแล้วค่ะไปแล้ว  ดุจังเลย”


“ท่านชาย  ท่านชายน้ำ  ดวงใจของกระหม่อม  กระหม่อมมาช่วยแล้ว ”


“คุณเขต!   คุณเขตมาช่วยผมแล้ว  ”


“อดใจรอนะท่านชาย กระหม่อมกำลังให้ขจีเอากุญแจมาเปิดให้”


“ขจี  ได้หรือยัง ทำไมช้าขนาดนี้” เสียงตะโกนของนายพลทหารดังลั่นบ้าน จนขจีตัวสั่นไปทั้งตัว


“มะ…มาแล้วเจ้าค่ะ  อย่าใจร้อนสิเจ้าคะ  มาแล้วๆๆ”


“เปิดเร็วๆสิ”


“ปะ…เปิดแล้วเจ้าค่ะ เปิดแล้ว เข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ” ขจีทุลักทุเลในการเปิดประตูเพราะมือไม้ที่สั่นไปหมดด้วยความกลัวเขตมีมาก

เหลือเกิน



“ท่านชาย!”


“คุณเขต”


   น้ำวิ่งเข้ากอดเขตทันทีที่ประตูเปิดออก  เป็นภาพที่ซึ้งมาก ขจีเห็นแล้วแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ความรักนั้นไม่ได้มีเพียง

ชายหญิงจริงๆ  ขจีมองภาพที่สวยงามนั้นก่อนจะเดินเลี่ยงตัว ทิ้งไว้ให้ท่านชายน้ำและเขตอยู่ด้วยกันสองคน


“ท่านชาย กระหม่อมคิดถึงเหลือเกิน”


“ผมก็คิดถึง”


“จริงหรือกระหม่อม”


“ครับ คิดถึงอ้อมกอดแบบนี้มานานเหลือเกิน คุณเขตอย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ”


“ได้ๆ กระหม่อมรับปาก ”


   น้ำยิ้มให้เขต  ร่างสูงทำสีหน้าจริงจัง แววตาดูเป็นห่วงที่สุด ก่อนหน้านี้เค้าอยากช่วยอยู่บ่อยครั้ง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของ

คนในครอบครัว อีกอย่างเค้าไม่ควรไปยุ่งเรื่องของเจ้านายชั้นสูง  ได้แต่เพียงรอคอยเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่สวรรค์ก็เข้าข้าง

เพียงไม่กี่วัน เสด็จก็ทรงรับสั่งให้มาช่วยน้ำทันที ต่อจากนี้ก็คงจะไม่มีใครมาขัดขวางเขาได้อีกแล้ว





มาต่อแล้วๆๆ  จะจบแล้วน้า  อีกตอนเดียวเท่านั้น อิอิ  อ้อๆๆ  ขอมาประชาสัมพันธ์เลยแล้วกัน นิยายเรื่องต่อไป

คือ สู่กลางใจเธอนะจ้ะ  ติดตามให้กำลังเรื่องให้ด้วยนะ
  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 22 ✥ หน้า 3 Up. (20/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-10-2015 17:15:49
หม่อมบุหลันควรเอาเข้าคุกนะ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 22 ✥ หน้า 3 Up. (20/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 20-10-2015 17:17:35
จะได้หมั้นกันแล้วววว  อิอิ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 22 ✥ หน้า 3 Up. (20/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-10-2015 22:49:09
 :pig4: ใกล้จบแล้วซิ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 22 ✥ หน้า 3 Up. (20/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-10-2015 05:04:38
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 22 ✥ หน้า 3 Up. (20/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 22-10-2015 20:45:59
ตอนที่ 23 ตอนอวสาน




   จากหนึ่งวันผันเปลี่ยนไปหลายคืน  และแล้วก็ถึงวันนี้วันที่น้ำและเขตรอคอย  ที่วังทิพย์ คนใช้บ่าวสาวพากันวิ่งวุ่นเตรียม

งานบางส่วนให้พร้อมสำหรับพิธีหมั้นของท่านชายน้ำ และ พลตรีภูธเนศ อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง งานพิธีก็จะเริ่ม ร่างบางในชุดไทยสี

ครีม นั่งทำหน้านิ่งอยู่ตรงกระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัวชั้นสอง โดยมีหม่อมรุ้งพราวเป็นคนดูแลและกำลังตรวจดูความเรียบร้อย

ทรงผมของท่านชายน้ำ แต่ตอนนี้สีหน้าของท่านชายดูนิ่งและไม่ปรากฏรอบยิ้มเธอก็แปลกใจไม่น้อยทีเดียว


“ท่านชายวันนี้วันหมั้นของพระองค์นะเพคะ ทำไมพระพักตร์ไม่แจ่มใสเลย”


“ผมกังวลนิดหน่อยครับหม่อมป้า”


“กังวล?   กังวลเรื่องอะไรอีก ไหนบอกป้ามาหน่อยสิเพคะ”


“หม่อมบุหลัน เธอจะมางานของผมหรือเปล่าครับหม่อมป้า”


“นึกว่าเรื่องอะไร กลัวว่าหม่อมเธอจะมาอาละวาดที่งานหรอเพคะ ไม่ต้องห่วงนะเพคะ ทหารหลายร้อยคนวันนี้เป็นหูเป็นตาให้

ท่านชายแน่นอนเพคะ”


“เปล่าครับ ผมแค่อยากให้หม่อมป้ามาด้วย ผมไม่อยากให้งานที่เป็นมงคลแบบนี้ไม่มีผู้ใหญ่ร่วมงานไม่ครบ”


“ไม่มาจะดีกว่านะเพคะเชื่อป้าเถอะนะ เอาล่ะเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ไหนทรงลุกขึ้นแล้วหมุนให้ป้าดูหน่อยสิเพคะ”


   น้ำทำตามอย่างว่าง่าย หม่อมรุ้งพราวยิ้มอย่างมีความสุข ไม่นานนัก สาวใช้ของหม่อมรุ้งพราวที่ชื่อช้อย ก็เดินเข้ามาข้างใน

ห้องแต่งตัวทันที



“ขอประทานโทษเพคะ  ท่านชายเพคะ หม่อมรุ้งพราวเจ้าขา เสด็จทรงมีรับสั่งให้มาดูความพร้อมเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวงานจะเริ่ม

แล้วเจ้าค่ะ”



“ไปทูลเสด็จว่า ท่านชายทรงพร้อมแล้ว” หม่อมรุ้งพราวหันไปสั่งสาวใช้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“เจ้าค่ะ หม่อมรุ้งพราว”


“ท่านชายวันนี้เป็นวันที่ท่านชายจะต้องมีความสุขที่สุดนะเพคะ  เพื่อนๆของคุณเขตและนายร้อย นับร้อยคนมาแสดงความยินดีกับ

ท่านชาย ป้านะดีใจเหลือเกิน  ห้ามทรงเดินลงไปแล้วหน้านิ่งแบบนี้นะเพคะ ใครๆเห็นเข้าจะไม่สบายใจ ยิ่งโดยเฉพาะคุณเขต”


“ครับหม่อมป้า รับรองว่าจะมีแต่รอยยิ้มเท่านั้น”


“ดีเพคะ  ปะ ลงไปข้างกันเถอะเพคะ ทุกคนรอท่านชายอยู่ห้องโถงแล้ว”


   น้ำพยักหน้าตอบรับหม่อมรุ้งพราวหนึ่งครั้ง ความตื่นเต้นตอนนี้มีมากมายเลยทีเดียว เค้าไม่คิดว่าจะมีการจัดงานยิ่งใหญ่

ขนาดนี้สำหรับเค้า ร่างบางเดินลงบันไดคอนกรีตหินอ่อนขนาดใหญ่ มาพร้อมกับหม่อมรุ้งพราว  น้ำค่อยๆเดินลงจากบันได ไปหา

เขตที่ยืนรอน้ำอยู่ด้านล่างบันได


“น้ำ  วันนี้น้ำหล่อและน่ารักมากเลยนะ” เขตทักและยิ้มให้น้ำเล่นเอาซะเจ้าตัวเขินมากทีเดียว


“คุณเขต! ชมมากไปแล้วครับ”


“ไม่มากไปหรอกครับ  ไหนเรียกพี่สิครับ” เขตกระซิบที่ข้างๆหูของน้ำ


“ครับพี่เขต  วันนี้พี่เขตก็ดูหล่อมากเช่นกันครับ ใส่ชุดพลตรีเต็มยศแบบนี้ ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลยนะ”


“อย่างนั้นหรอ อีกหน่อยน้ำก็จะมาเป็นท่านชายของพลตรีคนนี้แล้ว เพื่อนๆและรุ่นน้องของพี่ต่างรอดูน้ำกันในวันนี้เลยนะ พวกเค้า

ประทับและรักน้ำมาก ”


“เอ๊ะ พี่เขต นี่พี่เอาเรื่องผมไปพูดให้คนอื่นฟังเสียๆหายๆหรือเปล่าครับเนี่ย”


“ไม่เลยครับ คนดีของพี่  น้ำมีแต่ความดี ไม่มีเรื่องที่ไม่ดีปะปนอยู่เลย พี่จะเอาอะไรไปว่าให้เสียหายกันล่ะครับ”


“ขอบคุณครับ”


“ไปกันเถอะ เสด็จทรงประทับรออยู่ ”


“คุณเขตคะ ท่านชายเพคะ  นี่คือพานพุ่มดอกไม้ เพคะ อย่าทรงลืมที่หม่อมฉันสอนเมื่อวานนะเพคะ” ช้อยแอบเตือนท่านชายของ

เธอเบาๆ


“มั่นใจได้เลยครับ พี่ช้อย น้ำไม่ทำให้พี่ช้อยเสียชื่อแน่นอนครับ”


   เขตและน้ำเดินถือพานพุ่มคนละอัน เดินเข้าไปในห้องโถง เพียงแค่ก้าวแรกที่ทั้งสองคนเดินเข้าไป ทุกคนนับร้อยชีวิตใน

ห้องโถงนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน ทำเอาร่างหนาร่างบางใจสั่นรัวทีเดียว

เสด็จย่าและราชนิกุลหลายพระองค์ นั่งอยู่ตรงหน้าขนาบข้าง เก้าอี้ทองที่เสด็จย่านั่ง แววตาทุกคนที่มองมา มีแต่ความปีติยินดี

และเห็นชอบทั้งนั้น



   เขตและน้ำเดินไปถึงหน้าพระพักตร์ของเสด็จก็ก้มลงเดินคุกเข่าเข้าไปที่พระบาทของเสด็จย่าแล้วก้มลงกราบไม่แบมือ

อย่างสวยงามหนึ่งครั้ง จากนั้นพวกเขาสองคนก็เปิดกรวยใบตองสวยงามนั้นออก เผยให้เห็นดอกไม้หลายชนิดอยู่ในกรวยกลิ่น

หอมฟุ้งกระจาย แล้วยกพานให้เสด็จรับไป



“ขอให้เจริญๆนะหลานย่า ”


“ขอบพระทัยเสด็จย่าพะยะค่ะ”


“ส่วนเธอ พลตรีภูธเนศ ฉันยกหลานชายที่ฉันรักที่สุดคนนี้ให้เธอดูแลเค้าแทนฉันด้วยนะ”


“เกล้ากระหม่อมจะดูแลและรักเพียงหม่อมเจ้าชายนทีพิสุทธิ์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ พะยะค่ะ”


“อืม ดีแล้วล่ะ ฝากด้วยนะ”


   เขตกับน้ำก้มลงกราบเสด็จอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนตัวไปกราบหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยผู้เป็นพ่อของเขตและพ่อบุญธรรมของ
น้ำ


“ขอให้ทั้งสองคนเจริญๆในหน้าที่การงานและชีวิตคู่ให้อยู่ด้วยกันนานๆนะลูก”


“ครับคุณครับคุณพ่อ”


   และถึงตอนสำคัญที่สุดของงานคือ แหวนหมั้นที่เขตเตรียมไว้นานแล้ว มันคือแหวนเพชร มูลค่านับ 2 ล้านบาท สวยงาม

มากทันที่เขตเปิดกล่องนั้นออกมา ทุกคนในงานต่างตะลึงในแหวนวงนั้น  เขตหยิบแหวนออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปจับนิ้วนาง

ด้านซ้ายของน้ำมาสวมใส่ทันที และมันก็พอดีกับนิ้วของน้ำอย่างไม่น่าเชื่อ  เสียงปรบมือดังกึกก้องหลังจากพิธีผ่านพ้นไปด้วยดี

แต่จู่ๆสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น






“ไม่ได้ จะหมายหมั้นกันไม่ได้!”



   เสียงตะโกนดังลั่นมาจากประตูห้องโถงใหญ่ ทำให้พิธีการที่ดำเนินอยู่หยุดชะงัก ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงทันที และ

ไม่มีใครตกใจไปมากกว่าหม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ ที่รีบลุกขึ้นยืนและกราบทูลเสด็จย่าทันที


“เสด็จย่า หม่อมแม่ของหม่อมฉันเองเพคะ หม่อมฉันจะพากลับวังเดี๋ยวนี้”


“ไม่ต้องหรอก รัมภา  อย่าถือสาคนสติไม่ดีเลย ให้ทหารแถวนั้นพาตัวไปสงบสติจะดีกว่า”


   ใช่แล้วเสด็จตรัสถูกแล้ว  ก่อนหน้านี้ เหมือนบาปกรรมจะตามเธอทัน เธอคิดมากและสุดท้ายก็สติแตก ความคิดฟั่นเฝือง 

ราวกับคนบ้า แม้แต่ชื่อของลูกสาวตัวเองแท้ๆยังจนไมได้  แต่สิ่งที่เธอจำได้มีเพียงเรื่องราวชั่วๆที่เธอเคยทำ และเธอชอบปลีกตัว

ไปนั่งเหม่อลอย หรือไม่ก็คลั่งพูดเรื่องผิดศีลธรรมมนุษย์ที่เธอเคยทำอยู่ประจำ ให้คนทั้งวังฉัตรอรุณรู้ไปทั่ว แต่ท่านชายน้ำไม่

เอาผิดโทษเธอแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าที่เธอเป็นอยู่ทุกวันนี้เธอก็กำลังชดใช้กรรมนั้นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เธอไปนอนอยู่ใน

คุกในตารางเพื่อให้เสียชื่อชายาคนแรกของเสด็จพระองค์เจ้าฉัตรอรุณจะดีกว่า


“พวกแก มากมายเข้ามาในวังฉันได้ยังไง ออกไปให้หมด ที่นี่วังของฉัน วังของฉัน ฮ่าๆๆๆๆๆ” หม่อมบุหลันเดินเข้ามาอาละวาดชี้

หน้าแขกหลายคนในงาน  ท่ามกลางความเวทนาของราชนิกุลและเสด็จเป็นอย่างมาก



“เสด็จแม่ หม่อมบุหลันให้เป็นหน้าที่ลูกเอง  เดี๋ยวลูกจะพาเธอออกไปเองพะยะค่ะ” พระองค์เจ้าฉัตรบดินทร์ทรงเสนอตัว


“อืม พาเธอออกไปสงบสติข้างนอกนะ อย่าทำร้ายเธอล่ะ แม่สงสารเธอ”


“พะยะค่ะเสด็จแม่”


   พระองค์เจ้าฉัตรบดินทร์เดินไปหาหม่อมบุหลันพร้อมกับทหาร 2 นาย จับล็อคแขนทั้งสองฝั่งไว้ไม่ให้เดินเข้าไปใกล้แขก

มากกว่านี้ ท่าวกลางคนร่วมงานพากันฮือฮา เพราะมีหลายคนรู้จักและจำใบหน้าของหม่อมบุหลันได้ ก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนา

นาๆ 


   ในสภาพเธอตอนนี้ดูไม่ผิดไปจากคนบ้า ผมฟูพะรุงพะรัง เสื้อผ้าสกปรกๆ ไม่เหลือเค้าผู้ดีอยู่เลยแม้แต่น้อย


“หม่อมบุหลัน ไปกับฉัน”


“ไม่ไป แกเป็นใคร  จะพาฉันไปไหน ไม่ไปๆๆ  ฉันจะไปหาท่านชายน้ำ  ฉันอยากเตือนเค้า จะต้องไม่มีงานหมายหมั้น ฮ่าๆๆๆๆ”

หม่อมบุหลันเสียสติไปมากมายขนาดนี้ ช่างน่าเวทนาต่อผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก


“เอาล่ะ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน พิธีก็เสร็จลงด้วยดีแล้ว ขอเชิญทุกท่านร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ทางเราเตรียมไว้ให้ ขอ

เชิญนะคะ”


“ขอบพระทัยพระองค์เจ้าสำเภางาม ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญพะยะค่ะ”


   เสียงขอบคุณของแขกทุกคน ดังกังวลขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน เขตกับน้ำปลีกตัวออกมาจากผู้คนจำนวนมาก ไปที่ลานน้ำพุ


“น้ำ พี่ดีใจเหลือเกินที่มีวันนี้”


“ผมก็ดีใจครับ”


“น้ำ พี่รักน้ำนะ”


“ผมรู้แล้วครับ ท่านนายพล”


“ฮ่าๆ นี่ ท่านชายจะไม่ทรงตรัสบางประโยคหรือบางคำกับกระหม่อมเลยหรือ”


“อะไรกันครับพี่เขต สำบัดสำนวนอีกแล้วนะ น้ำบอกแล้วไงว่าไม่ต้องใช้ราชาศัพท์”


“ก็ได้    แล้วนี่ไม่รู้จริงหรอน้ำ โถ พี่ยังไม่เคยได้ยินน้ำบอกรักพี่เลยนะ”


“ฮ่าๆๆ พี่เขต ก็นึกว่าเรื่องอะไร  จริงๆแล้วผมต้องบอกพี่เขตอยู่อีกหรอครับ หลักฐานก็เห็นๆกันอยู่”


“ไม่เอา พี่อยากได้ยินจากปากของน้ำเองมากกว่า”


“ก็ได้ครับ ผมระ….”


“พี่เขต!!!”


   เสียงที่คุ้นหูนั้นทำให้ประโยคของท่านชายถูกแทรกและหยุดไปเสียดื้อๆ ทำเอาอารมณ์เขตตอนนี้ดุเดือดขึ้นมาเสียแล้ว


“เอ้ย ไอ้น้องบ้า โผล่มาอะไรตอนนี้”


“อ้าว ทำไมผมจะโผล่มาไม่ได้อ่ะ ก็นี่วังของท่านชายน้ำ ไม่ใช่วังของพี่เสียหน่อย”


“เอ๊ะ แล้วนี่โผล่มาตอนนี้ มีอะไร”


“ก็เปล่า…เห็นพี่พาท่านชายมาที่นี่ เลยตามมาดู”


“ไอ้บ้าเอ้ย ไปเลยไป จะไปไหนก็ไป”


“ไปก็ได้  นี่ท่านชาย ผมยินดีด้วยนะครับ สำหรับงานวันนี้ท่านชาย คือ เจ้าชายตัวจริงของงานวันนี้เลยครับ ทั้งสง่า หล่อ และน่า

รักด้วย”


“พูดผิดแล้วไอ้เจ้าต่อ พูดใหม่”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นกันเองแหละดีแล้ว ผมเองก็เบื่อนะราชาศัพท์ เนอะๆต่อ”


“ใช่ๆๆๆๆๆ ท่านชายพูดถูกแล้ว อ้อนี่ครับท่านชาย ผมมีเพื่อนมาให้ท่านชายรู้จัก”


“ใครกันหรอ”


“นี่คือ ฟ้ามอญ เพื่อนผมตั้งแต่ปี 1 ยันตอนนี้เลย”


“แฟนละสิไม่ว่า” เขตพูดลอยๆออกมา


“เออๆ นั่นแหละๆ แต่ไม่อยากพูดว่าแฟนไง เดี๋ยวท่านชายจะตกใจ”


“อืมใช่ผม ตกใจมาก นี่ไม่คิดเลยนะว่าต่อจะมีแฟนเป็นผู้ชาย”


“เอาน่าท่านชาย สมัยนี้ แมนๆเตะบอลครับ ฮ่าๆ”


“เสร็จธุระยังเจ้าต่อ”


“ยัง!  ผมยังคุยกับท่านชายไม่จุใจเลย พี่เขตจะเร่งทำไมเนี่ย”


“ได้ เล่นอย่างนี้เลยใช่ไหม ”


“อะไรๆๆ  ท่านชายดูนะครับ เป็นพี่ที่นิสัยไม่ดีจริงๆเลย  น่าถ้าวันไหนโดนพี่เขตแกล้งแบบนี้บอกผมนะผมจะไปฟ้องคุณพ่อให้”


“พี่เขต ผมว่าพี่ใจเย็นๆก่อนนะครับ ผมเองก็เพิ่งจะได้เจอกับต่อ หลายปีมานี้ไมได้เจอกันเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างผมอยากรู้จัก ฟ้า

มอญให้มากกว่านี้”



“ก็ได้ๆ พี่จะไปรอที่ศาลาไทยฝั่งโน้นนะ ”


“ครับ”





“ไงต่อ ไหนจะเล่าอะไรอีก”


“นี่นะ กำลังจะบอกท่านชายว่า พวกเราสองคนได้ทำธุรกิจโรงแรมล้านนาที่เชียงใหม่ เลยอยากจะให้ท่านชายเสด็จไปเปิดงานนี้

ให้หน่อยครับ”


“โรงแรมล้านนา เข้าท่าดี ได้สิแล้วจะให้ไปเมื่อไหร่”


“อีก 3 วันครับท่านชาย ”

“อืมๆ โอเค ผมว่างพอดี แล้วนี่ต่อกับฟ้ามอญจะกลับเชียงใหม่วันไหน”


“วันนี้เลยครับท่านชาย กลัวว่าจะจัดงานไม่ทัน ”


“เดินทางปลอดภัยนะ อีก 3 วันผมจะไปแน่นอน”


“ขอบคุณมากๆครับ เออนี่ๆท่านชาย พอดีผมแอบไปเห็นสมุดโน้ตพี่เขตมา ในนี้มีแต่รูปภาพท่านชายทั้งนั้นเลย สงสัยอดคิดถึง

ท่านชายตอนไปประจำการที่ทางเหนือไม่ไหว เก็บไว้นะครับท่านชาย”


“เอ่อ แต่ว่า…”


“เอาไว้กับท่านชายแหละดีแล้ว อย่างมากพี่เขตก็ไม่ดุหรอก ถ้าเทียบกับผมแล้ว อาจจะไม่รอด”


“เข้าใจแล้วๆ ”


“อ้อ อีกเรื่องครับ ยังจำเสี่ยสิงห์กับแม่แอรินได้ไหมครับท่านชาย”


“อ้อๆ จำได้ๆ ทำไมหรอ”


“เสี่ยสิงห์นะ ถูกจับแล้วข้อหาค้ายาเสพติดครับ ส่วนแอรินเธอเอาเงินส่วนที่เหลือของเสี่ยสิงห์ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศกับ

แฟนใหม่ของเธอ  น่าเห็นใจจริงๆ”


“ไม่น่าเลยนะ ผ่านไป 5 ปี อะไรๆก็เปลี่ยน”


“ใช่ครับ  แล้วนี่ครอบครัวเก่าที่เลี้ยงดูท่านชาย เค้ามาร่วมงานไหมครับ”


“มาสิ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ในงานกับเสด็จย่า สงสัยจะคุยเรื่องเก่าๆ”


“อ้อครับ ถ้าอย่างนั้นผมไปแล้วนะท่านชาย ขอบคุณมากที่อนุญาตให้ใช้คำสามัญชน ผมถนัดนักเชียว  ฟ้ามอญลาท่านชายเร็ว”


“กระหม่อมทูลลาท่านชายน้ำ”


“ครับแล้วเจอกันนะฟ้ามอญ”


   น้ำเดินตามเขตมาจนถึงศาลาไทยตามที่บอก ที่ตรงนี้ปลอดคนยิ่งกว่าลานน้ำพุเมื่อครู่อีก แต่พอร่างบางไปถึงก็ไม่พบทหาร

หนุ่มเสียแล้ว


“ไปไหนนะ   พี่เขตครับ!  พี่เขต อยู่ไหนครับ!” น้ำตะโกนเรียกเขตอยู่สักพัก จู่ๆดวงตาของเค้าก็มืดสนิท


“อุ้ย  พี่เขต ไม่เล่นแบบนี้นะครับ ตกใจหมดเลย”


“ฮ่าๆๆๆ  แกล้งนิดหน่อยเองน้ำ  ทำไมไปนานจัง”


“นานหรอครับ ไม่ถึง 5 นาทีเลย”


“ไม่รู้แหละ หายไปนานขนาดนี้มีอะไรจะตอบแทนบ้างเอ่ย”


“ตอบแทน?  ”


“อ้าว ใช่ครับ น้ำหายไปจนพี่นี้แทบทนรอไม่ไหว แล้วจะทำอะไรไถ่โทษพี่ครับ”


“อืม…ได้ครับ  พี่เขตสัญญาก่อนว่าจะทำตาม”


“หืม นี่พี่กำลังลงโทษน้ำอยู่นะ”


“เอาน่าครับ รับปากก่อนว่าจะสัญญา”


“ได้ๆๆ พี่สัญญา ”


“หลับตาครับ”


“จะแกล้งพี่ใช่ปะ รู้ทันหรอกนะน้ำ”


“เปล่าเสียหน่อยครับ คิดมากจริงๆ หลับตาเร็วๆเข้า”


“ก็ได้  อ่ะ พี่หลับตาแล้ว”


   น้ำแอบยิ้มที่หนุ่มวัย 35 ปีใส่ชุดพลทหาร ว่านอนสอนง่าย มันดูน่ารักเป็นบ้าเลยทีเดียว น้ำถือโอกาสนี้เพื่อที่จะสื่อความใน

ใจของน้ำที่มีให้เขตตลอดมา ผ่านกิริยาบทที่อยากจะทำมานานแต่ไม่เคยได้ทำ ร่างบางไม่ลังเลที่เดินเขย่งเท้าเอาริมฝีปากบางๆ

ประกบจูบที่ริมฝีปากร่างสูงทันที



   ภูธเนศ ดวงตาเบิกโพงทันทีที่ริมฝีปากที่นุ่มๆนั้นสัมผัส เค้าเอามือสองข้างโอบกอดรัดร่างบางไว้แนบกายทันที


“พี่เขต!” น้ำตกใจหลังจากที่ถูกกอดรัดเอาไว้ในอ้อมอกหนาใหญ่นั้น


“อะไรครับ จูบต่อสิ กำลังเพลินเชียว”


“ไม่แล้วครับ”


“อ้าวทำไมล่ะ โหยอุตส่าห์อดใจไว้ตั้งแต่ 5 ปีก่อนเลยนะ ”


“อะไรกันครับ พูดเว่อร์เกินไปแล้ว”


“ไม่เกินไปหรอก พี่รอมานานแล้ว ไม่คิดว่าน้ำจะกล้าทำแบบนี้”


“ก็กล้าเฉพาะกับพี่เขตเท่านั้นแหละ”


“ดีครับ ถ้าไปกล้าทำกับคนอื่น มันต้องตายเท่านั้น”


“พี่เขต อย่าพูดเรื่องตายสิครับ มันไม่ดี”

“ไม่รู้แหละพี่พูดจริงทำจริงด้วย ห้ามน้ำไปยุ่งกับใครนอกจากพี่โอเคไหม”

“ครับๆ โอเคครับ  แล้วนี่หายโกรธหรือยังครับ”


“ยังไม่หายโกรธครับ”


“อ้าว! แล้วนี่ผมต้องทำยังไงครับพี่เขตถึงจะหายโกรธ”


“ไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ เพราะว่าพี่ไมได้โกรธน้ำจริงๆหรอก”


“พี่เขต!  ไม่ตลอกเลยนะครับ”


“อ่าๆๆ โอเคๆ ไม่หัวเราะแล้ว      นี่น้ำ!....”


“ว่าไงครับ”


“รู้อะไรไหมว่าน้ำเป็นคนเดียวบนโลกนี้ที่ทำให้พี่รู้จักรักแท้ ที่ไม่ทิ้งกัน  ถ้าหากเปรียบว่าพี่เป็นโจทย์  น้ำคือคำตอบของโจทย์นี้

ทุกอย่างทุกประการ  รวมทั้งหัวใจของพี่”


“หัวใจของพี่เขต!”


“ใช่ หัวใจของ  ที่จำนนหัวใจ ให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นถึงราชนิกุล ผู้ชายที่น่ารัก จิตใจดี มีเมตตา และอ่อนโยน  พี่รักน้ำนะ”


“น้ำก็รักพี่เขตครับ รักตลอดไป”


“ขอบคุณนะที่ลดตัวลงมาเพื่อรับรักกับผู้ชายที่ไม่ดีคนนี้”


“พี่เขตเป็นคนดี เป็นฮีโร่ในใจผมเสมอครับ”


   เขตสวมกอดน้ำอีกครั้ง ทั้งสองคนมีความสุขที่สุด โดยมีสักขีพยานคือ ดอกไม้หอมและหมู่มวลผีเสื้อนับ 20 ตัวที่บินไปมา 

พร้อมๆกับสายลมอ่อนๆที่โชยพัดเข้าร่างสองคนนี้พลางบอกว่าจุดจบของเรื่องราวร้ายๆกำลังหมดไป แต่จุดเริ่มต้นแห่งความสุข

นั้นต่างหากที่กำลังจะเกิดขึ้น


   ภายใต้ศาลาไทยที่สองคนนั้นสวมกอดกันอยู่ แต่กลับปรากฏร่างของหม่อมพิมลและพระองค์เจ้าฉัตรอรุณที่ยืนมองทั้งคู่ได้

พบกับรักที่แท้จริงและจอยู่คู่กันตลอดไป  ตราบจนลมหายใจจะไม่มี


อวสาน







จบแล้วๆๆๆๆ   ขอบคุณที่ติดตามกันมา ตลอดเวลา เกือบๆ 6 เดือนน้า บ้ายบาย  ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะ  สู่กลางใจเธอ ใส่ไปแล้วครึ่งตอนแรก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 23(อวสาน) ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-10-2015 21:05:59
 :hao5:  ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ชอบฉากแต่งงานของนิยาย  คงเพราะว่าน้อยนักที่จะจัดกันยิ่งใหญ่
ส่วนมากมักเพลย์เซฟ จัดกันจุกจิกในครอบครัว
แต่เรื่องนี้เป็นทั้งเจ้าเป็นทั้งชาย-ชาย แต่กลับแต่งกันโดยที่ทุกคนสนับสนุน
น่ารักมากจ้า
ขอบคุณคนแต่งนะ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 23(อวสาน) ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 22-10-2015 21:20:09
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 23(อวสาน) ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 22-10-2015 22:18:27
ชอบเรื่องนี้มากเลยน้ำน่ารักตลอดใครอยู่ใกล้ก็เอ็นดูยิ่งตอนจบละมุนดีอ่ะนึกถึงวังจุฑาเทพขึ้นมาเลย
ขอบคุณคนแต่งนะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านและที่สำคัญลงตรงเวลาไม่ค่อยผิดนัดน่ารักที่สุด
ปล.จะติดตามเรื่องต่อๆไปจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนที่ 23(อวสาน) ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-10-2015 21:18:47


หมั่นไส้นายเขตมากบอกเลย

แต่ก็ยอมรับหนูน้ำเขาดีจริง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-10-2015 20:15:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 31-10-2015 02:28:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 04-11-2015 05:43:25
เคยอ่านมา 7 -8 ตอนแล้วมาเจออีกทีปรากฏว่าจบแล้ว

สนุกค่ะ  ไม่มี*ฉาก*เอาไปสร้างเป็นละครได้เลยนะคะ

ฟีดแบ็คจากเราอีกตามเคย  ติงเพื่อให้มีโอกาสปรับปรุงนะคะ

ราชาศัพย์คงต้องปรับปรุงอีกเยอะเลยนะคะ 
เช่นจุดที่ใช้ในการบรรยายมีละเลยหลายจุด   ไม่งั้นก็ควรเลือกใช้ราชาศัพย์ในบทสนทนาแล้วละตอนบรรยายไปเสียจะง่ายกว่าเยอะ 

คำว่าเกล้าหม่อมฉันไม่มีใช้นะคะ   มีแต่เกล้ากระหม่อมสำหรับผู้ชาย  และเกล้ากระหม่อมฉันสำหรับผู้หญิง ที่ใช้ต่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ (ที่มิได้ทรงกรม) และ พระอนุวงศ์ชั้นพระวรวงศ์เธอ (ที่ทรงกรม)

สรรพนาม บุรุษที่ ๑ – (ชาย) กระหม่อม (หญิง) หม่อมฉัน ใช้กับ พระอนุวงศ์ชั้นพระวรวงศ์เธอ (ที่มิได้ทรงกรม)

พี่น้องกันหม่อมเจ้า - พี่ชายพี่หญิง  ท่านพี่(กรณีที่ไม่สนิทกัน)

การใช้ภาษาของคนเขียนคือเพราะจงใจเขียนออกมาในแนวพีเรียดก็เลยให้ความรู้สึกเก่าๆ ก็เลยทำให้บรรยากาศของเรื่องดูแปลกๆคือเก่าๆในยุคปัจจุบัน

บทสนทนาในบางตอนกลายเป็นบทเขียนมากกว่าเป็นบทสนทนาจริงๆ  ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือตอนที่สาวใช้ในบ้านเล่าถึงโรงแรมไอยราให้น้ำฟัง

บางจุดแปลกๆเช่น เดินทะนง, หม่อมบุหลันใช้คำว่ากระจายอำนาจซึ่งไม่น่าใช้ในบริบทนี้   ที่น่าจะหมายถึงการปกครองโดยใช้พระเดช   เชื้อเจ้านะคะ  ไม่ใช่เชื้อจ้าว

สะดุ้งทุกครั้งที่หม่อมบุหลันใช้คำว่าอีขจี  คำว่าไอ้ อีที่ในวังใช้กันก็น่าจะเป็นช่วงนานมาแล้วค่ะ  การจิกด่าคนรับใช้ในวังน่าจะหยุดอยู่แค่คำว่านัง   ในรั้วในวังก็มีกฏระเบียบจารีตที่ปฏิบัติต่อๆกันมา โดยเฉพาะวังของราชสกุล   ถ้าหากว่าคนรับใช้พูดดันเองเช่นขจีเรียกช้อยว่าอีช้อยนี้โอเคค่ะ   เจ้านายถึงจะไม่ใช่สายราชสกุลโดนตรงแต่การได้เข้าไปอยู่ในวังเจ้าวังนายมานานก็น่าจะเรียนรู้อะไรมานะคะ  เหมือนกับการโบยหรือเฆี่ยนด้วยหวาย  บ่าวไพร่น่าจะหมดไปนานแล้วค่ะ   

ชอบจุดหักมุมฟ้า - ต่อ - อังกอค่ะ  สมแล้วที่เป็นคู่รอง   แต่ท่านชายดลกับหมอสิคะที่มาแบบ.....เฮ๊ย...มาได้ไงเนี่ย  เรายังนึกว่าคุณหมอจะไปทางพี่หญิงใหญ่เสียอีก

จุดจบหม่อมบุหลันนี่มาแบบผู้ดีมากเลยค่ะ   เรื่องของหม่อมมาแบบแหวกขนบมากๆ  เป็นความแปลกใจที่น่ายินดี

บุคลิกน้ำนี่น่ารักน่าเอ็นดู   แต่เขตนี่บอกตรงๆว่าเราไม่ปลื้มเท่าไหร่   เพราะกริยากับนิสัยของเขตกับหม่อมบุหลันนี่ไปในแนวเดียวกันเลย  สำหรับเราเขตเป็นพระเอกเพราะน้ำรักเขต  ไม่ใช่เพราะตัวเขตเอง

ที่เขียนๆมานี่คือฟีดแบ็คจากการอ่านและตีความของเราหลัวจากได้อ่านนิยายคุณ  ไม่ได้มีเจตนามาทำให้คุณเสียอารมณ์  เราคิดยังไงก็บอกไป   หวังว่าคุณจะสามารถนำไปลองคิดดูเพื่อพัฒนาการเขียนเรื่องต่อๆไป

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 14-11-2015 19:36:00
 o18
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 14-11-2015 23:06:40
เร็วไปนิด แต่โดยรวมสนุกดีคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 15-11-2015 03:37:59
เห็นด้วยกับนักอ่านคนอื่นๆ มันเหมือนยกตัวละครจากอดีตมาวางแปะลงบนฉากบ้านเมืองปัจจุบัน เลยขัดกันประหลาดๆ // ไม่ชอบเขต อ่านแล้วนึกถึงลูกคนใหญ่คนโตที่ทำตัวอันธพาล คนที่พื้นฐานจิตใจดีไม่น่าทำเรื่องแย่ๆซ้ำๆ (ถ้าครั้งเดียว ยังถือว่าสี่เท้ายังรู้พลาด ให้อภัยได้) เขตเหมาะกับบทตัวร้ายมากกว่าพระเอก
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Hunnie277 ที่ 17-11-2015 18:43:05
เนื้อเรื่องดูขัดๆกันจังเลย เเบบพระเอกตอนเเเรกก็ร้ายซะ ตอนหลังก็ดี เเถมอยู่ดีดีหม่อมบุหลันก็เป็นบ้า งงเเฮะ เเต่ยังไงก็ขอบคุณทีเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 11:29:24
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 08-02-2018 11:30:16
เหนื่อยกับคู่พี่อย่างพี่เขตน้องน้ำ   :serius2:

คู่น้องอย่างต่อกับฟ้ามอญก็ลุ้นจนเหนื่อย  :o12:

ใช้พลังงานในการอ่านเรื่องนี้มาก  :a5:

โดยเฉพาะความไบโพล่าของพี่เขต  :katai1: ขัดใจ ๆ  :z3: