Chapter 18 : หวั่นไหว หลังจากแหนมและตำลึงเดินออกไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่นๆ ก็จูงเด็กหญิงเข้ามาภายในโรงอาหาร สีหน้าของพวกเธอสลดไปเล็กน้อย ยิ่งเมื่อเห็นพี่ชายลุกขึ้นทำหน้าดุ พวกเธอก็เกาะแขนน้ำเอาไว้แน่น
น้ำย่อตัวลงพร้อมกับดันหลังของเด็กหญิงเบาๆ “ไปขอโทษคุณตาคุณยายกับพี่เขาซะนะครับ”
เด็กหญิงพยักหน้า ยกมือขึ้นไหว้ “ขอโทษค่ะคุณตาคุณยาย ขอโทษค่ะพี่เมฆ”
เมฆทำหน้าขรึม พร้อมกับพูดเสียงดุ “ไปไหนมาไหนทำไมไม่บอก พี่เมฆสอนแล้วไม่ใช่เหรอ!”
พอถูกพี่ชายสุดที่รักดุเข้าก็หน้าเสีย พาลจะร้องไห้ “ฟ้า/ฝนขอโทษ”
เด็กหนุ่มดึงร่างเล็กทั้งสองเข้ามาสวมกอด “จะทำให้พี่เมฆกับคุณตาคุณยายหัวใจวายตายรึไงกัน! อย่าทำแบบนี้อีกเชียวนะ!”
“ไม่ทำแล้วค่ะ ฮือ...”
เมฆค่อยๆ ลูบหลังเด็กหญิงทั้งสองที่กำลังสะอึกสะอื้นไห้ แล้วจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอด ปล่อยให้เธอไปหาคุณตาคุณยายบ้าง ส่วนตัวเขาก้าวเข้าไปขอบคุณน้ำ “ขอบคุณครับพี่น้ำ”
“อืม แล้วนี่... คุณตาคุณยายจะกลับกันยังไงล่ะ”
“เดี๋ยวผมจะพานั่งสองแถวไปต่อรถหน้าม. แล้วไปส่งที่ท่ารถไปกรุงเทพฯ ครับ อาผมขับรถมารับจากนครสวรรค์ นัดกันไว้ที่หมอชิต”
น้ำพยักหน้า เขาหันไปมองสภาพของคุณตาคุณยายที่ดูจะเหนื่อยและอ่อนล้ามาก กับเด็กหญิงที่ร้องไห้จนหมดแรงแล้วก็สงสาร ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อมูลสักพัก จึงหันไปบอกกับเมฆ “โทรบอกให้อามาพบที่สนามบินสุวรรณภูมิได้มั้ย ไม่ต้องขับเข้าไปเสียเวลารถติดในกรุงเทพฯ ด้วย”
“หา!” เมฆขมวดคิ้ว
“เดี๋ยวผมจะพาคุณตาคุณยายกับน้องฟ้าน้องฝนไปส่งให้เอง”
“เฮ้ย! จะดีเหรอครับ มันไกลนะพี่น้ำ”
“ขับรถแค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น หลังจากนี้ผมก็ว่างด้วย”
“อย่าเลยครับ!”
“เมฆ” น้ำเรียกชื่อเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อย่ามาเกรงใจไม่เข้าเรื่อง ดูสภาพทุกคนสิ เหนื่อยจะแย่ ปล่อยไปตามลำพังจะไม่อันตรายรึไง”
“อ่า” เมฆหันไปมองคุณตาคุณยายกับน้องสาว ซึ่งทุกคนก็ดูอิดโรยกันมากแล้วจริงๆ เขาเองก็สงสาร แต่จะรบกวนให้น้ำขับรถไปถึงกรุงเทพฯ ก็ใช่เรื่อง
“คุณประชุมเชียร์กี่โมง”
“วันนี้นัดห้าโมงครับ”
“อืม มีเวลาเหลือเฟือ ไปด้วยกันมั้ยล่ะ น่าจะกลับมาทันประชุมเชียร์นะ”
“เอ่อ...”
“เดี๋ยวกินมื้อเที่ยงกันแล้วก็รีบไปเลย” น้ำสรุปเองเสร็จสรรพ เขาก้าวฉับๆ ไปนั่งลงที่โต๊ะเดียวกับสองตายายและเด็กหญิง พร้อมกับหันไปเรียกเมฆ “ไปซื้ออะไรมากินเร็วเข้า”
“แล้ว... พี่น้ำจะกินอะไรดี”
น้ำยิ้มมุมปาก “อะไรก็ได้”
เมฆพยักหน้ารับแล้ววิ่งออกไปทันที
สักพักตำลึงและแหนมก็กลับมาพร้อมกับถาดใส่ก๋วยเตี๋ยว พวกเขาวิ่งไปวิ่งมาเพื่อเสิร์ฟอาหารให้กับทุกคนในโต๊ะ ตามมาด้วยเมฆซึ่งถือจานข้าวมันไก่มาเสิร์ฟให้รุ่นพี่ต่างคณะ
หลังเสร็จจากมื้ออาหาร แหนมกับตำลึงรีบไปเรียนต่อ พวกเขาจึงไม่ได้สอบถามอะไรมากมาย ส่วนเมฆเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
“จะดีหรือพ่อหนุ่ม” คุณตาเอ่ยท้วง “ตามาเองได้ก็กลับได้น่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณตา เอาไว้คราวหน้า เอาขนมมาฝากผมอีกก็แล้วกัน” น้ำยิ้มบาง พลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเด็กหญิงฝาแฝด “เหนื่อยกันแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวนอนกันไปในรถนะ”
พวกเธอยิ้มรับ “พี่น้ำใจดีที่สุดเลย ใจดีเหมือนพี่เมฆ พี่หมอก พี่เดือนเลยค่ะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อื้อหือ... มีอีกเหรอเนี่ย” ...ช่างเป็นครอบครัวที่อุ่นหนาฝาคั่งดีเหลือเกินแฮะ “งั้นเรารีบไปกันเถอะครับ เมฆโทรหาคุณอาด้วยนะ”
“ครับ”
น้ำจูงมือเด็กหญิงเดินนำออกไปยังลานจอดรถ โดยมีคุณตาคุณยายและรุ่นน้องเดินตามมาติดๆ เมื่อทุกคนขึ้นนั่งบนรถแล้ว รถคันหรูจึงค่อยๆ เคลื่อนออกไปสู่ที่หมาย
ภายในตัวรถดูแคบไปถนัดตา คุณตาคุณยายและเด็กหญิงสองคนนั่งรวมกันอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนเมฆนั่งด้านหน้าคู่คนขับ เจ้าของรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ พร้อมกับเปิดเพลงบรรเลงคลออย่างแผ่วเบา รถยนต์เคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัยไปได้ไม่ทันไร ทุกคนที่เบาะหลังก็พากันหลับสนิท
โชคดีที่การจราจรไม่ติดขัด และน้ำเองก็ตีนผีใช่ย่อย ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ พวกเขาก็ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งต่อคุณตาคุณยายและเด็กหญิงทั้งสองให้กับคุณอาอีกที
“ขอบใจพ่อหนุ่มมากนะ เอาไว้ปิดเทอมมาเที่ยวบ้านตายายนะ จะเลี้ยงให้อิ่มหนำสำราญเลย”
น้ำหัวเราะ “เดินทางกลับกันดีๆ นะครับ” เขาย่อตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกันกับเด็กหญิงทั้งสอง “ดูแลคุณตาคุณยายนะครับ แล้วอย่าลืม ไปไหนมาไหนต้องบอกผู้ใหญ่นะ”
ฟ้ากับฝนยกมือไหว้ “ค่ะ”
เมฆโอบกอดคุณตาคุณยายแล้วยกมือไหว้ “ขอบคุณที่เป็นห่วงผมนะครับ คราวหน้าจะมา หรือจะไปไหนมาไหนก็ต้องบอกพ่อแม่ก่อนนะครับ เหมือนกันเลยทั้งตายาย ทั้งฟ้าฝน” คำพูดของเขาส่งผลให้ชายหนุ่มที่มาด้วยกันหัวเราะเบาๆ
“อืม เหมือนกันจริงๆ”
เมื่อร่ำลากันเรียบร้อย สองหนุ่มก็รีบกลับไปยังรถที่จอดไว้ จากนั้นจึงมุ่งหน้ากลับไปมหาวิทยาลัย
รถยนต์วิ่งฉิวไปบนทางด่วนพิเศษ คนขับยังคงขับรถด้วยท่าทีสบายๆ เฉกเช่นทุกครา หากคนที่นั่งข้างๆ กันนั้นกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข เขาคิดอยากจะชวนรุ่นพี่พูดคุย แต่ก็เกรงว่าจะทำให้สมาธิในการขับรถลดลง จึงได้แต่เหลือบมองท่วงท่าในการขับรถของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ
“พี่น้ำตอนขับรถนี่เท่ฉิบหาย” ...เดี๋ยวก่อน เขาคิดดังไปหรือเปล่าวะ! เมฆเบิกตาโพลงพลางยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
น้ำหันขวับ แล้วหัวเราะ “ขอบใจที่ชม”
“เอ้อ! คือ... เอ่อ...” ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นั่งบิดไปมาราวกับปวดฉี่
“ที่บ้านอยู่กันหลายคนดีนะ”
เมฆยกมือขึ้นลูบใบหน้า พยายามสงบจิตใจแล้วพูดคุยกับเจ้าของรถอย่างเป็นปกติที่สุด “เมื่อก่อน... ก็หลายคนครับ มีตายาย พ่อแม่ พี่เดือน พี่หมอก ผม ฟ้า ฝน รวมกันก็เก้าคน”
“แล้วอาคนที่มารับ...”
“บ้านอาอยู่ใกล้ๆ กันครับ เป็นอู่ซ่อมรถ... แต่ว่าตอนนี้ พี่เดือนกับพี่หมอกได้ทุนไปเรียนเมืองนอก ผมก็มาอยู่หอ ที่บ้านก็เลยโล่งเลย”
“อืม มิน่า คุณตาคุณยายกับน้องฟ้าน้องฝนถึงได้เหงา”
“พี่น้ำ”
“หือ”
“ทำไมเรียกน้องฟ้าน้องฝนได้ ไม่เรียกน้องเมฆบ้างล่ะครับ”
“...น้องฟ้าน้องฝนน่ะน่ารัก”
“แล้วน้องเมฆไม่น่ารักเหรอ”
“ไม่” น้ำตอบพร้อมหัวเราะเสียงดัง “เก็บไว้ไปให้แฟนคลับเรียกเถอะ”
เมฆเบิกตาโพลง “เห! แฟนคลับอะไรกันครับ! ผมมีที่ไหนกัน! พี่น้ำเอามาจากไหนเนี่ย!?”
“ไม่ได้กลับบ้านนานแค่ไหนแล้ว”
“ตั้งแต่รับน้องรวมก็ยังไม่ได้กลับเลยครับ แต่เดี๋ยวก่อน! พี่น้ำยังไม่ตอบคำถามผมเลย!”
น้ำยิ้มมุมปาก “อย่างนี้แฟนคลับที่บ้านคงคิดถึงแย่”
“อ๊า!” เมฆร้องลั่นพลางยกมือขึ้นตีหน้าผาก “ยัยฟ้ายัยฝนเล่าอะไรให้พี่น้ำฟังเนี่ย!”
“แล้วจริงมั้ยล่ะ”
“ก็... สมัยเรียนน่ะครับ ใครเล่นกีฬาก็มีคนมาเชียร์ทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่แฟนคลับอะไรหรอก พี่น้ำก็เล่นยูโดเหมือนกันนี่”
“ผมไม่เคยมีหรอก แฟนคลับน่ะ”
“หูย อมพระกับวัดทั้งวัดมาพูดยังไม่เชื่อเลย” เมฆพึมพำ เขานิ่งไปสักพักจึงถามเสียงเบาราวกระซิบ “แล้วแฟนล่ะครับ”
“หือ” น้ำขมวดคิ้ว
เด็กหนุ่มหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เขาไม่รู้ว่าคำถามนี้ส่วนตัวไปหรือเปล่า แต่แบบว่า... ก็อยากรู้น่ะ ไหนๆ ก็เกริ่นเรื่องนี้ไปแล้ว “พี่น้ำมีแฟนรึเปล่า”
“เคยเห็นผมเดินกับใครมั้ยล่ะ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
“.......” ...เขาไม่เคยเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีนี่หว่า ในเมื่ออยู่กันคนละคณะแบบนี้ ไม่ได้พบกันทุกวันเสียด้วย เมฆคิดไปพลางนิ่งขรึม
“ใกล้ถึงมอแล้ว ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย แวะกินอะไรหน้ามอก่อนมั้ย”
“อะ... ก็ดีครับ”
รถยนต์แล่นต่อไปชั่วครู่ น้ำจึงเปิดไฟเลี้ยว จากนั้นจึงเบี่ยงเข้าไปจอดหน้าร้านเป็ดย่าง “กินเป็ดได้ใช่มั้ย... เมื่อกลางวันกินก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว งั้นกินข้าวดีกว่านะ”
เมฆยิ้มรับ รู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายสนใจจดจำและเอาใจใส่เรื่องของเขาด้วย “ครับ”
ทั้งสองเดินไปนั่งลงด้วยกันที่โต๊ะอาหารด้านนอกร้าน “เคยมากินร้านนี้มั้ย”
“ไม่เคยครับ ผมไม่ค่อยได้ออกมากินอะไรแถวหน้ามอหรอก ส่วนใหญ่ก็กินแต่อาหารที่ไอ้คะน้ากับไอ้แหนมทำทั้งนั้น”
“อ้อ มีพ่อครัวส่วนตัวนี่นะ ผมก็ลืมไป”
อาหารถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ทั้งสองหนุ่มจึงก้มหน้าจัดการอาหารของตนกันไป เมื่ออิ่มแล้วจึงนั่งคุยกันต่อสักพัก
“ได้ลายเซ็นครบหมดรึยังล่ะ”
“เหลือไม่เยอะหรอกครับ แต่ที่หนักสุดก็คงเป็นพี่ตั้งใจแหละครับ... ผมคิดว่าจะไปขอพี่เขาภายในอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ล่ะ เพราะสิ้นเดือนก็จะวันชิงรุ่นแล้ว”
“อืม พยายามเข้านะ”
เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม “คราวนี้พี่ตั้งใจจะให้ไปทำอะไรกับพี่น้ำก็ไม่รู้นะครับ”
“ไม่หรอก ผมสั่งไว้แล้ว”
แวบหนึ่งหัวใจของเมฆกระตุกวูบ เขารู้สึก... เสียดาย รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปทันควัน “อ้าว...”
“ไม่ดีใจเหรอ”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “กับพี่น้ำ ผมยังรู้ว่าพี่น้ำคงจะช่วยผม เพราะพี่น้ำใจดี แต่กับคนอื่น...” พร้อมกับทำหน้าจ๋อย
“ไม่หรอกน่ะ คราวนี้ไอ้ตั้งใจอาจจะให้ไปหารุ่นพี่สาวๆ บ้างก็ได้ จะได้ไม่เซ็งเหมือนมาหาผมไง”
เมฆโน้มใบหน้าเข้าไปหารุ่นพี่ต่างคณะ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ขณะที่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมไม่เซ็งสักหน่อย อยากไปหาพี่น้ำมากกว่า”
น้ำเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ผละออก “อยากมาหาผม... จะมาเมื่อไหร่ก็ได้นี่ โทรมาบอกก่อนสักหน่อยก็ดี”
“จริงเหรอครับ” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาสีนิลเปล่งประกาย
“ติดใจทีวีห้องผมมากเลยรึไง”
“อ๋า ไม่ใช่นะครับ!” เมฆรีบปฏิเสธ ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็หันไปเรียกหาพนักงานเก็บเงินซะแล้ว
“ใกล้เวลาประชุมเชียร์แล้วไม่ใช่รึไง เรารีบไปกันดีกว่า”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวด “พี่น้ำ มื้อนี้ให้ผมเลี้ยงนะ”
“กลางวันก็เลี้ยงไปแล้วนี่”
“ไม่ได้หรอก วันนี้พี่น้ำช่วยผมไว้ตั้งหลายเรื่อง” เขาไม่รอฟังคำตอบ รีบชิงวิ่งไปหาโต๊ะเก็บเงินด้านในสุดของร้านเพื่อจ่ายเงิน แล้วจึงวิ่งกลับออกมา “เสร็จแล้วครับ”
น้ำยิ้มรับ “ขอบใจนะ”
รอยยิ้มของชายหนุ่มส่งผลให้คนที่เดินเข้ามาหยุดกึก เขาจ้องมองใบหน้าของรุ่นพี่เขม็ง “....”
“มีอะไร”
“พี่น้ำยิ้มแล้วน่ารักมากเลยรู้มั้ยครับ”
“เพ้อเจ้ออะไร” น้ำยกมือขึ้นเขกศีรษะคนพูดแล้วเดินนำออกไป
“ผมพูดจริงๆ นะพี่น้ำ” คนเดินตามร้องบอก
“ถ้าไม่หยุดพูดไร้สาระจะให้เดินเข้ามอเองนะ” ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย เขากดปลดล็อกรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง โดยที่เด็กหนุ่มก็รีบสาวเท้าขึ้นไปนั่งอีกฝั่ง
รถยนต์คันหรูเคลื่อนกลับเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นจึงไปจอดอยู่ที่หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์
“ขอบคุณพี่น้ำมากๆ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ รีบก้าวลงจากรถไปแล้วหันกลับมาบอก “พี่น้ำใจดีแล้วก็น่ารักมากเลยจริงๆ นะครับ”
น้ำหัวเราะ “เออๆ รีบไปเถอะ”
เมฆยิ้มกว้างพร้อมโบกมือลา “ผมไปนะครับ พี่น้ำขับรถกลับคอนโดฯ ดีๆ ล่ะ”
เจ้าของรถนั่งนิ่งอยู่ที่หลังพวงมาลัย ดวงตามองตามเด็กหนุ่มซึ่งวิ่งห่างออกไปจนกระทั่งมองไม่เห็นในที่สุด บนใบหน้ายังคงปรากฎรอยยิ้มบางๆ ไว้ และคงอยู่เช่นนั้นจนชายหนุ่มขับรถออกไป
TBC~*
กี๊ดดดด เอามาลงช้าไปนิดนุง ขออภัยค่า พอดีฮัสกี้อยู่ตจว เน็ตกากมาก ฮรือออ
แต่ว่าตอนนี้ ความสัมพันธ์ก็คืบหน้าไปไกลโข แล้วววว
พี่น้ำดีขนาดนี้ น้องเมฆไม่ไหวแร้วววว~ ใครจะทนไหวคะ ใคร๊~ 55555
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านคร่า จุ๊บๆๆๆ