Chapter 14 : ครอบครัวของน้ำภายในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ สมาชิกสโมสรคณะตั้งโต๊ะขนาดย่อมๆ วางกองรูปถ่ายหนาเตอะไว้เป็นสิบกองแล้วปักป้ายขาย “รูปถ่ายของคณะเรา ใบละสิบบาทโลด เอาเงินเข้างานกิจกรรมคณะนะ มาช่วยกันซื้อหน่อยเร้ววว~”
รุ่นน้องปีหนึ่งที่อยู่ละแวกนั้นบ่นเสียงดัง “โหย! ไม่ถ่ายรูปสาวๆ คณะอื่นมาขายวะพี่”
“ไปถ่ายรูปคณะอื่นมาขาย เขาจะได้ตามมาแหกอกเอาสิวะ!” รุ่นพี่ตอบสวนกลับไปทันควัน
“เหี้ย ทำไมผมมีแต่หน้าประหลาดๆ วะพี่” เสียงชื่นชมการถ่ายภาพดังแว่วมาเป็นระยะๆ
“หน้าประหลาดๆ มึงจะได้อายไง รีบซื้อไปให้หมดเลยไวๆ ไม่งั้นกูจะเอาไปขายคณะอื่น”
เสียงเอะอะโวยวายดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ ไม่เว้นแม้แต่โต๊ะที่เมฆนั่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนในคณะ หลายคนในโต๊ะวิ่งเข้าวิ่งออกไปแย่งกันหาซื้อรูปแล้วเอามาหัวเราะกัน
“ไอ้เมฆไม่สนบ้างเหรอวะ” ตำลึงหันไปถาม
“สนสิวะ ถ้ามีรูปกู กูก็อยากจะซื้อรูปกูเนี่ย แต่คนแม่งเยอะฉิบหาย”
เมื่อกลุ่มคนบางตาลงไป เมฆจึงลุกขึ้นไปดูรูปบ้าง หากเพราะใบหน้าของประธานรุ่นเป็นที่รู้จัก เมื่อสมาชิกสโมสรคณะเห็นเข้า ก็หยิบกองรูปกองหนึ่งส่งให้เด็กหนุ่มทันที “รู้สึกว่ารูปน้องเมฆจะอยู่กองนี้ มีหลายรูปเลยค่า”
“ถ่ายมาทำไมเยอะแยะพี่ จะให้ผมซื้อจนหมดตูดเลยรึไง!”
“เอาไว้ขายสาวๆ หรอก”
เมฆหัวเราะ “สาวๆ เขาไม่ซื้อหรอก เพราะผมยอมให้ถ่ายฟรีๆ เลย” เขาพลิกรูปในมือดูทีละใบ ทว่าในกองนั้นน่ะ ไม่ได้มีเพียงรูปตัวเขา แต่ยังมีรูปพวกพี่ว้ากปีสี่ แล้วก็รุ่นพี่ต่างคณะคนนั้นหลงติดมาด้วย
มีภาพถ่ายที่น้ำกับตั้งใจอยู่ในเฟรมเดียวกันหนึ่งภาพ พวกเขาโอบไหล่กัน กระซิบกัน ดูท่าทางสนิทสนมกันเหมือนเมื่อวันที่เขาเห็นในคอนโดมิเนียมไม่มีผิด แต่ก็มีภาพอื่นที่น้ำยืนถือกล้องอยู่ตามลำพัง เด็กหนุ่มเลือกรูปแยกออกมาไว้ต่างหาก แล้วรวมๆ ไว้กับรูปถ่ายของตน
“ว่าไงน้องเมฆ เอากี่รูปดี”
เมฆสะดุ้งเฮือก “เอ่อ...”
“ซื้อๆ ไปเถอะน่า ช่วยคณะไง”
เด็กหนุ่มเหงื่อตก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะซื้อรูปของรุ่นพี่ต่างคณะไปทำไมกันวะ เขาคลี่รูปในมือพอให้เห็นจำนวนใบ ใจภาวนาให้อีกฝ่ายไม่หยิบไปนับ รีบพูดตัดบทแล้วยัดเงินใส่มือรุ่นพี่ไป “สิบห้ารูปครับ”
“โอเค ร้อยห้าสิบบาท ขอบใจจ้า”
เมฆพรูลมหายใจออกยาว เขารีบเก็บรูปใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้เมฆ ซื้อรูปไหนมาบ้างวะ”
“เดี๋ยวค่อยดูละกัน กูลืมของไว้ที่ห้อง ต้องรีบไปเอาก่อน” เด็กหนุ่มตอบแล้ววิ่งป่าราบออกไปจากใต้ตึกคณะทันที
เมฆรู้สึกว่าใบหน้าร้อนๆ ชอบกล เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ซื้อรูปรุ่นพี่ต่างคณะคนนั้นมาตั้งห้ารูป! เอามาทำไมกันวะ!
สองขาวิ่งไปเรื่อยๆ อย่างลืมเหนื่อย จนกระทั่งถึงหอพัก ก้าวยาวๆ ข้ามขั้นบันไดไปจนถึงชั้นที่หมาย แล้วไปหยุดหอบแฮกอยู่ภายในห้องของตน
“ถ้าใครมาเห็นเข้ากูต้องแย่แน่ๆ” เด็กหนุ่มหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูทีละใบ เขาเลือกซื้อรูปที่คิดว่ารุ่นพี่ต่างคณะยิ้มแย้มมากที่สุด แต่ก็แค่ยิ้มตรงมุมปากเท่านั้น บางทีอาจจะมีรูปตอนยิ้มในกองอื่น แต่เขาไม่กล้ากลับไปค้นหรอก แค่นี้ก็หัวใจจะวายแล้ว
นัยน์ตาโตสีดำขลับจับจ้องภาพที่มีชายหนุ่มต่างคณะติดมา อีกฝ่ายถือกล้องแบบนี้ น่าจะเป็นวันที่เลือกประธานคณะ ตอนนั้นเขายังไม่ชอบขี้หน้ารุ่นพี่อยู่เลย แล้วดูวันนี้สิ... เขาเพี้ยนขนาดไปซื้อรูปอีกฝ่ายมาได้
เมื่อมือพลิกภาพมาจนถึงภาพเฮดว้ากปีสี่กับเพื่อนสนิทต่างคณะ หัวใจเด็กหนุ่มเต้นหนักๆ แบบแปลกๆ เขาไม่ชอบรูปใบนี้เอาเสียเลย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะซื้อมาทำไม
...หมั่นไส้ว่ะ แม่ง น่าตัดต่อเอาหน้ากูไปใส่ฉิบหาย
“เฮ้ย!” เมฆสะดุ้งโหยงกับความคิดของตัวเอง “กูเป็นอะไรไปแล้ววะเนี่ย! เหี้ย!” เขารีบก้มลงเอารูปของน้ำยัดใส่ไว้ในหนังสือคำศัพท์ภาษาอังกฤษ แล้วเอายัดใส่ลิ้นชักไว้อีกที จากนั้นจึงนำเอารูปที่เหลือกลับไปให้เพื่อนๆ ที่รออยู่ใต้ตึกเรียนดู
ฝ่ายน้ำนั้น เขานั่งประชุมอยู่กับองค์การนักศึกษา ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ฟังการประชุมไปอย่างเบื่อๆ จนกระทั่งประธานนักศึกษาส่งแฟ้มรูปให้ “ส่วนเรื่องรูปในเว็บของมหาลัย ผมว่าควรจะมีรูปประธานรุ่นปีหนึ่งทุกคณะ กับตอนทำกิจกรรมเชียร์นิดหน่อย ในแฟ้มนี่เป็นชื่อ รหัสกับรูปประธานรุ่นแต่ละคณะที่เลือกไว้แล้ว เหลือรูปตอนกิจกรรมเชียร์”
“แล้วรูปดาวเดือนคณะไม่เอาเหรอพี่” สมาชิกคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ดาวเดือนเขามีเพจต่างหาก เราแค่ลิ้งไปจากเว็บเราก็พอ จะได้ไม่ซ้ำซ้อนน่ะ” เลขาในที่ประชุมตอบ “เรื่องเลือกรูปกิจกรรมเชียร์ฝากน้ำเป็นคนจัดการเลยแล้วกัน ใส่ลายน้ำ แล้วเอาขึ้นเพจได้เลยนะ”
“อืม” น้ำพยักหน้ารับ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มพลิกดู ก่อนจะไปสะดุดอยู่ที่รูปประธานรุ่นปีหนึ่งคณะวิศวะ คนที่เขาคุ้นเคยใบหน้าดี
รูปที่ถูกเลือกใบนี้ เขาเป็นคนถ่ายเองกับมือ เขาจำสีหน้าและแววตามุ่งมั่นของเด็กหนุ่มในตอนนั้นได้ดีเลยทีเดียว
แต่ฉับพลันภาพใบหน้าของรุ่นน้องต่างคณะเมื่อวันที่เจอกันครั้งล่าสุดก็ผุดขึ้นมาในความคิด เขาไปวุ่นวายกับเมฆมากไปหรือเปล่านะ อีกฝ่ายถึงได้ทำสีหน้าอึดอัดชอบกล ที่จริงพวกเขาก็รู้จักกันแค่เพียงผิวเผิน แต่เพราะเวลาอยู่กับเด็กหนุ่มแล้วเขารู้สึกสบายใจ
“เป็นตัวของตัวเองบ้างก็ได้”นอกจากเพื่อนในกลุ่มทั้งห้าคนนั้นแล้ว ก็มีเมฆนี่แหละที่พูดแบบนี้กับเขา ไอ้พวกเพื่อนรักทั้งห้าคนนี่ คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยเขามาแต่ไหนแต่ไร เพราะสนิทสนมคุ้นเคยกันมานานรู้ไส้รู้พุงกันทุกอย่าง แต่ว่าเมฆไม่ใช่ พวกเขาเพิ่งได้พบกัน แม้ไม่ชอบขี้หน้ากัน อีกฝ่ายก็มักจะเข้ามาหาทำให้เขารู้สึก... ประหลาดใจ... อยู่เสมอ
“น้ำ”
“น้ำโว้ย!”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด “ฮะ!”
“หลับในอยู่รึไง ประชุมเสร็จแล้วโว้ย เขาเดินออกจากห้องไปกันจะหมดแล้ว!”
“อ่า โทษทีๆ” น้ำลุกขึ้นเก็บแฟ้มเอกสาร แล้วเดินออกจากห้องไป
เย็นวันนั้น เขาเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาค้นหารูปถ่ายของกิจกรรมเชียร์จากฮาร์ดดิสต์ที่ใช้เก็บภาพถ่ายทั้งหมดซึ่งถูกถ่ายไว้โดยสมาชิกองค์การนักศึกษา เลือกรูปไปเรื่อยๆ จนไปถึงแฟ้มภาพถ่ายของตน ซึ่งหนึ่งในแฟ้มย่อยเป็นภาพของคณะวิศวกรรมศาสตร์
น้ำกดไล่ดูรูปไปสักพัก แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบว่ามีรูปถ่ายของเมฆหลายรูปเหลือเกิน เยอะพอๆ กับรูปเพื่อนตนเลยทีเดียว
ในสายตาของเขาคิดว่ารูปถ่ายของเมฆดูดีมากทุกรูป ทั้งมุมกล้อง สีหน้าและแสงเงา ส่งผลให้เขายิ้มออกมาอย่างลืมตัว แวบหนึ่งคิดว่าถ้าอีกฝ่ายได้เห็นรูปคงจะชอบ เขาจึงหันไปควานหาโทรศัพท์มือถือมาทันที
“......” น้ำจ้องมองโทรศัพท์ในมือพลางขมวดคิ้ว เขาไม่เคยมีเบอร์ของเมฆสักหน่อย จะโทรไปหาได้อย่างไร แล้วอีกอย่าง...
ใบหน้ายุ่งๆ ของเด็กหนุ่มผุดขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง ถ้าหากจู่ๆ เขาโทรศัพท์ไปหา อีกฝ่ายอาจจะทำหน้าตาประหลาดแบบครั้งก่อนอีกก็เป็นได้ เพราะงั้นอย่าเลยดีกว่า
น้ำวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะพร้อมกับพ่นลมหายใจออกหนักๆ ทว่าเพียงชั่วครู่ โทรศัพท์เครื่องนั้นก็ดังขึ้นด้วยเสียงเรียกเข้าที่เขาตั้งไว้เป็นพิเศษ น้ำปรับสีหน้าให้เป็นปกติ จากนั้นจึงหยิบขึ้นมากดรับสายวิดีโอคอลจากทางไกล “ครับ”
“อาน้ำสบายดีรึเปล่า” ใบหน้าน่ารักพร้อมกับน้ำเสียงใสแจ๋วแว่วมาจากปลายสาย ตามมาด้วยเสียงทะเลาะแย่งกันพูด “อาน้ำค้า รินคิดถึง / รันคิดถึงอาน้ำมากกว่า” จบด้วยเสียงห้ามของบิดา “ให้พ่อคุยก่อนนะ เข้าแถวเลย” แล้วขยับเข้ามาพูดในสาย “น้ำเป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบพลางยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“คือว่า... เดือนหน้าพี่คงไปเยี่ยมน้ำไม่ได้ แต่ริซาโกะกับเด็กๆ จะไปหาน้ำเหมือนเดิมนะ ส่วนพี่ต้องไปเมกาน่ะ”
“ทำไมไม่พาริซาโกะกับรินรันไปเที่ยวด้วยละครับ”
“น้ำไม่เหงารึ” ไม้ทำหน้าสลด “ไหนหมุนกล้องให้เห็นหน้าชัดๆ หน่อยสิ”
น้ำทำตามที่อีกฝ่ายสั่งอย่างว่าง่าย “ผมสบายดี เห็นมั้ย พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมมีพวกไอ้ตั้งใจอยู่ตั้งหลายคน อีกอย่างทั้งเรียนทั้งกิจกรรมตั้งมากมาย ผมไม่เหงาหรอกครับ พาครอบครัวของพี่ไปเที่ยวเถอะ”
“แล้วน้ำไม่ใช่ครอบครัวของพี่รึไง ถ้างั้นน้ำจะไปเมกาพร้อมกันมั้ย”
“ผมมีเรียนแล้วก็มีสอบด้วยนะครับ”
ปลายสายเงียบไป พี่ชายทำหน้าบอกบุญไม่รับทุกครั้งที่ได้ยินน้ำตอบกลับมาแบบนี้ “.....” เขาจึงหันไปสะกิดให้ลูกมาคุยแทน
“อาน้ำ! อาน้ำไม่คิดถึงรินกับรันเหรอ อาน้ำไม่รักรินกับรันแล้วเหรอไง”
“รักสิ แต่อาน้ำต้องเรียนหนังสือนะครับ”
“รินอยากให้อาน้ำกลับมาญี่ปุ่น” หลานสาวเอ่ยเสียงอ่อย ตามมาด้วยเสียงของหลานชาย “อาน้ำสัญญาว่าจะช่วยรันต่อกันดั้มไงล่ะ พ่อซื้อไว้ให้ตั้งหลายกล่องแน่ะ”
น้ำยังไม่ทันได้อ้าปากตอบ โทรศัพท์ก็ถูกแย่งไปอยู่ในมือของริซาโกะ พี่สะใภ้ของน้ำบ้าง “น้ำพูดอะไรกับไม้อีกล่ะเนี่ย งอนเดินตุ๊บป่องออกไปข้างนอกแล้ว”
“ผมแค่บอกว่าให้พี่ไม้พาริซาโกะกับรินรันไปเที่ยวเมกา ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมผม ก็เท่านั้น”
“น้ำใจร้ายกับพี่ไม้อีกแล้วนะ พี่เขาคิดถึงน้ำมากรู้มั้ย เขาเสียใจจะตายไปที่ลาหยุดไปหาน้ำไม่ได้น่ะ”
“อืม” น้ำยิ้มบาง “ผมก็คิดถึงทุกคน แต่อย่างที่บอก ไม่ต้องเป็นห่วงผม ไม่จำเป็นต้องมาหาผมก็ได้ ผมดูแลตัวเองได้น่ะ”
ริซาโกะถอนหายใจยาว “ไม่ใช่อย่างนี้สิ ถ้าน้ำคิดถึงทุกคนจริง ก็เอาแต่ใจบ้าง อ้อนให้ไม้เขาไปหาบ้างสักครั้งสิจ๊ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่รึไง”
“ผมโตแล้วนะริซาโกะ จะให้ร้องไห้หาพี่ชายเป็นเด็กประถมได้ยังไงกัน”
“อย่ามาพูดดีเลย น้ำเคยร้องไห้หาพี่ไม้สักครั้งมั้ย”
ทุกครั้งที่คุยกับครอบครัวของพี่ชาย เรื่องราวก็วนๆ อยู่เพียงแค่นี้
“น้ำจ๊ะ สำหรับไม้ น้ำเป็นน้องเล็กเสมอนะ”
น้ำส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “บอกรินกับรันว่าเดี๋ยวผมจะส่งของเล่นไปให้นะครับ ตอนนี้ผมกำลังทำงานให้องค์การนักศึกษาอยู่ ขอตัวก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มกดวางสาย แล้ววางโทรศัพท์ลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง เขาลุกเดินออกไปยังระเบียงด้านหลัง เอาตัวพิงราวระเบียงแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพบพี่ชาย พี่สะใภ้กับหลานๆ แต่เขาอยากให้พี่ชายใช้เวลากับครอบครัวบ้าง ไม่ใช่เมื่อมีเวลาว่างก็ทุ่มเทเพื่อตัวเขาเพียงคนเดียว
เพราะความผิดในคราวนั้น... ยังคงชัดเจนอยู่ในใจ
ตั้งแต่เมื่อครั้งที่บิดามารดาจากไปเมื่อตอนอยู่มัธยมต้น ไม้กับภรรยาซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีบุตรเป็นคนรับดูแล เป็นผู้ปกครองของน้ำแทน ไม้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับน้องชาย เขาทั้งรัก เอ็นดูและสงสาร เนื่องจากน้องชายต้องเสียบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเยาว์ เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อทดแทนในสิ่งที่อีกฝ่ายขาดหายไป
“พี่ไม้รักน้ำมากนะ น้ำอยากได้อะไร พี่ไม้จะให้ทุกอย่าง”
ในช่วงแรกน้ำก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่พี่ชายและพี่สะใภ้คอยเอาอกเอาใจ พี่ชายไม่เคยดุว่า ไม่เคยห้ามอะไรเลย ตามใจเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้เงินซื้อเกม ซื้อของเล่นฟุ่มเฟือย หรือเกเรที่โรงเรียนจนทางโรงเรียนเชิญผู้ปกครองไปพบ
ต่อมาธุรกิจของครอบครัวเติบโตมากขึ้น ทำให้ไม้ต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆ และปล่อยให้ริซาโกะอยู่กับบ้านเพื่อดูแลตัวเขา
เด็กชายในตอนนั้นอยู่ในช่วงวัยรุ่น ต้องการความรัก ความเข้าใจมากเป็นพิเศษ และยังอยู่ในวัยที่เริ่มจะสนใจเพศตรงข้าม สำหรับน้ำแล้ว เขาไม่ได้สนใจเด็กสาวในวัยเดียวกัน ทว่าดันไปหลงรักหญิงสาวที่อยู่ใกล้ชิดกันเป็นประจำทุกวัน เธอคือริซาโกะ พี่สะใภ้ของตน
ริซาโกะเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่มีรูปร่างเล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์ เธอแต่งงานเข้ามาในบ้านอัครบวรได้ห้าปีแล้ว ในอดีตบิดามารดาไม่ค่อยพอใจกับสะใภ้คนนี้นัก เพราะริซาโกะไม่ได้มาจากครอบครัวมีอันจะกินอย่างครอบครัวของฝ่ายชาย
น้ำเคยเห็นบิดามารดาแกล้งต่อว่าริซาโกะเจ็บๆ หลายต่อหลายครั้ง หากเขาก็ไม่เคยเข้าไปช่วย ไม่เคยฟ้องพี่ชาย... เขาไม่ได้ใส่ใจว่าเธอจะเป็นเช่นไร
...หากเมื่อบิดามารดาจากไป เธอกลับเป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาหา คอยดูแลให้ความรัก ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มให้เขาอยู่เสมอ เธอสอนภาษาญี่ปุ่น ทำอาหารให้รับประทานเองทุกมื้อและคอยไปรับส่งให้ที่โรงเรียน
ในตอนเย็นของวันที่พี่ชายยังไม่กลับมาบ้านเช่นเคย น้ำนั่งเรียนภาษาญี่ปุ่นกับริซาโกะอยู่สักพัก ก่อนเธอจะเริ่มแสดงอาหารคลื่นไส้ และวิ่งไปอาเจียนอยู่บ่อยๆ ร่างกายของเธออ่อนล้า ไม่นานก็ผล็อยหลับไปบนโซฟา
เด็กชายซึ่งในตอนนั้นหลงรักพี่สะใภ้ของตัวเองนั่งจ้องมองเธออยู่นาน เขาขยับเข้าไปจูบตรงมุมปากของเธอแล้วยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหันกลับมาพบกับพี่ชายที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ทางด้านหลัง
สีหน้าของไม้ดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ปรับให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขายิ้มให้กับน้องชาย “พี่ไม้กลับมาแล้ว วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง”
ใบหน้าของน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาลุกขึ้นพรวด “ทำไมพี่ไม้ไม่ถาม”
“หืม ถามอะไรเหรอ”
“ผม... กับริซาโกะ”
ไม้เดินเข้าไปหาน้องชายแล้วลูบศีรษะเล็ก “น้ำรักริซาโกะก็ดีแล้วนี่ เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ”
“ไม่...”
“พี่ไม้รักน้ำนะ น้ำอยากได้อะไร พี่ไม้จะให้ทุกอย่าง ขอให้น้ำเป็นเด็กดี”
น้ำเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับพี่ชาย ไม้เอ่ยคำพูดนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากสีหน้าแฝงไว้ด้วยความเศร้า... เด็กชายในตอนนั้นได้แต่รู้สึกสับสนในใจ เขาไม่ได้พูดอะไรกับพี่ชายอีกเลยนับจากวันนั้น
ในตอนค่ำของวันหนึ่ง น้ำกับเพื่อนในกลุ่มชวนกันไปดูหนังในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งมีตึกโรงแรมอยู่ติดกัน หลังจากดูหนังจบก็พากันเข้าไปนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ตรงทางเดินเชื่อมไปยังโรงแรมพอดี พวกเขานั่งอยู่ริมผนังกระจก ระหว่างที่พูดคุยกันไป นัยน์ตาเรียวเหลือบไปเห็นคู่ชายหญิงที่เดินออกมาจากทางเชื่อมโรงแรม ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่พอได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นชัดๆ เขาก็ลุกขึ้นพรวด
พี่ไม้!
“เฮ้ย! มีอะไรวะไอ้น้ำ” เพื่อนในโต๊ะถาม
“เอ้อ กูไปห้องน้ำแป๊บ เดี๋ยวมา” เด็กชายกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากร้านอาหาร ตามหลังคู่ชายหญิงไปห่างๆ จนกระทั่งพวกเขาเดินคู่เคียงกันเข้าไปในร้านอาหารหรูที่มีบรรยากาศเงียบสงบแห่งหนึ่ง
“พี่ไม้... มากับใครวะ” น้ำพึมพำกับตัวเอง พลางชะเงื้อมองเข้าไปภายในร้าน
โต๊ะของพี่ชายกับหญิงสาวตั้งอยู่ในมุมสงบ ฝ่ายหญิงดูจะเอาอกเอาใจพี่ชายเขาเสียเหลือเกิน นั่งชิดกันจนแทบจะเกยกันอยู่แล้ว คอยตักอาหารและป้อนนู่นนี่ให้
“ไม่จริงน่ะ พี่ไม้จะนอกใจ...”
“พี่ไม้รักน้ำนะ น้ำอยากได้อะไร พี่ไม้จะให้ทุกอย่าง" คำพูดของพี่ชายแล่นแวบเข้ามาในความคิด ส่งผลให้ตัวเขารู้สึกเย็นวาบ
...หรือว่าพี่ไม้จะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่เขาไม่ได้ต้องการอย่างนั้นเลยนะ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายครอบครัวของใคร โดยเฉพาะพี่ชายเพียงคนเดียวของตน
วินาทีนั้น สิ่งแรกที่นึกขึ้นได้คือริซาโกะ เธอน่าจะมาถึงที่ห้างนี้เพื่อมารับเขาในไม่ช้า ตามที่ได้นัดกันไว้ เด็กชายรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หากเวลาที่เร่งรีบเช่นนี้ ปลายนิ้วเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อ กว่าจะกดโทรศัพท์ออกไปได้ก็เสียเวลาไปพักใหญ่ เขาเดินวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร แล้วไปนั่งลงบนม้านั่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น
เสียงเรียกเข้าดังอยู่ครู่ใหญ่แล้ว ทว่าปลายสายกลับเงียบกริบ “ริซาโกะ ทำอะไรอยู่นะ”
“ก็เดินหาน้ำอยู่น่ะสิ มาทำอะไรแถวนี้”
เด็กชายสะดุ้งเฮือก หันขวับไปทางต้นเสียงทันที “ริซาโกะ!”
“เมื่อกี้ไปที่ร้านมา เพื่อนน้ำบอกว่าน้ำเดินมาแถวนี้” เธอยิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มแบบที่น้ำรู้จักดี รอยยิ้มที่เขาอยากพบเห็นทุกวัน และอยากรักษาเอาไว้ “น้ำมานั่งทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่อยู่กับเพื่อน”
“ผม... เราไปจากตรงนี้...” น้ำคว้าแขนของพี่สะใภ้ แต่ช้าไปเสียแล้ว พี่ชายของเขาเดินออกมาจากร้านอาหารโดยที่มีหญิงสาวแปลกหน้าควงแขนมาด้วย
“ไม้” ริซาโกะเบิกตาโพลง
“ริซาโกะ”
ทั้งสี่คนเผชิญหน้ากัน สีหน้าของน้ำถมึงทึง ส่วนริซาโกะกับไม้นั้นใบหน้าซีดเผือด
“พี่ไม้มาทำอะไรที่นี่” เด็กหนุ่มถาม หากเมื่อหันไปเห็นพี่สะใภ้ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ เขาก็กำมือแน่น เลือดในกายพลุ่งพล่านด้วยความโกรธ
“พี่ควรจะถามน้ำสิ มาทำอะ...”
พลั่ก!
ไม้ยังพูดไม่ทันจบประโยค ตัวเขาก็โดนน้องชายเอาหมัดเสยคาง ล้มลงไปกองอยู่บนพื้นเรียบร้อย
“ไม้!” ริซาโกะร้องลั่น ยังไม่ทันจะเข้าไปช่วยประคองสามี หญิงสาวที่มาด้วยกันก็ก้าวเข้ามาขวาง พร้อมกับจับแขนของเด็กชายไว้
“ไอ้เด็กบ้า! ทำอะไรน่ะ!” เธอง้างกระเป๋าคลัชในมือขึ้น หมายจะฟาดไล่ให้เด็กชายถอยออกห่าง
“หยุดนะ!” ไม้ถลาเข้าไปกระชากแขนของเธอไว้ “คุณจะทำอะไรน่ะ! นี่น้องชายผม!”
“ฮะ!” หญิงสาวชะงัก เธอหันไปสบสายตากับชายหนุ่ม แล้วหันไปมองน้ำกับริซาโกะ
“คุณพิณ ผมขอโทษนะครับ คุณกลับไปเถอะ”
“อะไรของคุณกันคะ! แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!”
“เธอเป็นภรรยาของผมเอง ผมขอโทษด้วย...”
เพียะ!
หญิงสาวง้างฝ่ามือแล้วฟาดลงไปบนใบหน้าของชายหนุ่มเต็มแรง ก่อนจะสาวเท้าออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาบริเวณนั้นมากนัก พวกพนักงานในร้านอาหารใกล้ๆ ก็ชะโงกหน้าออกมาดูบ้างเป็นครั้งคราว ไม้เห็นท่าไม่ดี เขาเอื้อมมือออกไปจับแขนของภรรยา หากเธอสะบัดออกเต็มแรง “ริซาโกะ ผม...”
ริซาโกะร้องไห้... เธอไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ไม่มีแม้แต่คำต่อว่า ใบหน้าของเธอเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
น้ำจ้องมองพี่สะใภ้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด รู้สึกโกรธเกลียดพี่ชายของตัวเองเป็นที่สุด เขากัดฟันกรอดแล้วพูดออกไป “ทำไมพี่ไม้ถึงทำแบบนี้”
ไม้ก้มหน้าลงมองพื้น “พี่ขอโทษ”
“เพราะผม... ใช่มั้ย”
“ไม่... มันไม่ใช่ความผิดของใคร พี่ผิดเอง”
น้ำหันไปจ้องมองพี่ชาย น้ำเสียงที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาแหบแห้ง หัวไหล่สั่นเล็กน้อย แต่กำมือแน่นจนเกร็งไปทั้งท่อนแขน พี่ชายคงรู้ว่าทำผิด และที่เป็นเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะตัวเขา... ถึงแม้พี่ชายจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ก็ตามที
“พี่ไม้ ผมขออะไรหน่อยได้มั้ย”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น แววตาสั่นไหว สีหน้าอ่อนโยนแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด “ได้สิ น้ำอยากได้อะไร... พี่ให้ได้ทุกอย่าง”
หัวใจของน้ำกระตุกวาบ เด็กชายในตอนนั้นนึกโทษตนเองว่าเป็นสาเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่ เขาทำร้ายจิตใจพี่ชายคนที่รักเขามากที่สุด ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเขา แล้วยังพี่สะใภ้ที่รักและเอ็นดูเขามากมาย เขาทำเช่นนั้นไปได้อย่างไร
เลวสิ้นดีเลย ไอ้น้ำ
“อย่า... อย่าทำแบบนี้อีก อย่านอกใจริซาโกะ” น้ำพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด เขาหันไปทางพี่สะใภ้ ผลักไหล่เธอเข้าไปหาพี่ชายเบาๆ “ริซาโกะ ไปคุยกับพี่ไม้ให้รู้เรื่อง เดี๋ยวผมจะกลับบ้านเอง” จากนั้นจึงแยกออกมา ปล่อยให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกัน
หลังจากวันนั้นไม่นาน ริซาโกะก็มีข่าวดีมาบอกกับทุกคน เธอตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว และน้ำกำลังจะมีหลานในไม่ช้า นั่นเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัว ทว่าพี่ชายก็ยังคงเดินทางไปมาระหว่างประเทศเช่นเคย เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องในวันนั้นกับน้ำอีก แต่ฝากไว้เพียงแค่ว่า “ฝากดูแลริซาโกะด้วยนะน้ำ เป็นเด็กดีของพี่ไม้นะ”
น้ำรู้ว่าพี่ชายกับริซาโกะเข้าใจกันดีแล้ว ทว่าความรู้สึกผิดในใจยังคงอยู่ ก็ใครกันเล่าที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ เด็กชายพยายามทำตัวให้เป็นปกติ หากเริ่มรักษาระยะห่างจากพี่ชายและพี่สะใภ้ไปด้วย
ในตอนนั้นเด็กชายคิดไปตามประสาเด็กๆ ว่า สิ่งที่เขาทำเพื่อครอบครัวได้ ก็คงมีแค่... การเป็นเด็กดีเท่านั้น เขาเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ ตั้งใจเรียนมากขึ้นและไม่เกเรที่โรงเรียนอีก แทนคำขอโทษที่ไม่เคยได้พูดออกไป และบางทีนั่นอาจจะช่วยให้ความรู้สึกผิดในใจจางหายไปได้บ้าง
จนเมื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ช่วงปีแรกที่เป็นอิสระนั้นน้ำปล่อยตัวปล่อยใจทำตามทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ คบหาหญิงสาวมากมายหลายต่อหลายคน เขาก็แค่ต้องการความรัก ต้องการการยอมรับจากใครสักคน ทว่าไม่มีใครที่ทำให้ช่องว่างในหัวใจหายไปได้ ประกอบกับพี่ชายเริ่มระแคะระคายเรื่องที่เขาดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตนเองอีกครั้ง
หากเมื่อนานวันไป กำแพงที่เด็กหนุ่มก่อกั้นไว้ระหว่างตัวเขากับคนในครอบครัวก็สูงมากขึ้นทุกที โดยที่เขายังคงรักษาภาพลักษณ์เด็กดี ด้วยการเป็นน้องชายที่ดีกับนักศึกษาตัวอย่างไว้เช่นเคย จนกลายเป็นว่า มันเป็นภาพลักษณ์ที่เขาแสดงต่อหน้าทุกคน ยกเว้นแต่กับเพื่อนรักทั้งห้า
“เป็นตัวของตัวเองบ้างก็ได้”แล้วก็... เด็กหนุ่มรุ่นน้องต่างคณะคนนั้น
(กลับมาที่เมฆ)หลังจากอาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมฆเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอ่านหนังสือของตน เขาหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านทบทวนอยู่สักพัก จากนั้นจึงชะโงกหน้าไปสำรวจภายในห้อง รูมเมตของตนคนหนึ่งหลับไปแล้ว อีกสองคนนั่งดูละครจากแล็ปท็อปอยู่ที่บนเตียง พอเห็นว่าทางสะดวก เขาจึงค่อยๆ เปิดลิ้นชักออก แล้วหยิบรูปที่ซื้อมาขึ้นมาดูอีกครั้ง
นัยน์ตาสีนิลจับจ้องใบหน้าของรุ่นพี่ต่างคณะ ขณะที่มือเขียนตัวเลขลงไปในหนังสือเรียน พอหันไปมองตามที่มือเขียน เขาก็ถอนหายใจยาว
เขาเพ้อเขียนเบอร์โทรศัพท์ของน้ำลงไปบนหน้าหนังสือเรียน ที่จริงก็จำได้หมดทุกอย่างในแผ่นกระดาษที่น้ำเคยเขียนให้เมื่อครั้งที่ทำมิชชั่น หากไม่เคยโทรไปหาอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลอะไรในการโทรไป ดีไม่ดีอาจจะถูกน้ำต่อว่าเอาได้
ก็พวกเขาเป็นแค่เพียงคนรู้จักกัน พี่น้องในคณะเดียวกันก็ไม่ใช่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโคจรมาเจอกันบ่อยๆ ช่างประหลาดดีเหลือเกิน
“จริงสิ ยังมีมิชชั่นของเพื่อนพี่น้ำอยู่อีกนี่หว่า” เมฆพึมพำกับตนเองพลางยิ้มกว้าง นั่นคงเป็นวิธีที่จะทำให้เขามีข้ออ้างเข้าหารุ่นพี่ต่างคณะได้ เขาจัดการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของน้ำลงในเครื่อง แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
เด็กหนุ่มปิดตาลง ใจนึกย้อนไปถึงตอนที่น้ำมาที่ห้อง อีกฝ่ายยิ้มกว้างและหัวเราะเสียงดัง ทำให้เขาพลอยยิ้มหน้าบานไปด้วย เขาอยากได้รูปน้ำตอนนั้นมากกว่ารูปทั้งห้าใบที่ซื้อมาเสียอีก
แล้วกูจะเอารูปพี่เขามาทำอะไรวะ! เมฆเบิกตาโพลง จากนั้นก็ลุกขึ้นพรวด เก็บรูปใส่หนังสือและจัดวางลงในลิ้นชักเช่นเดิม ก่อนจะรีบเดินไปเอนตัวลงนอน พร้อมกับคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง
“ไอ้เมฆเจอผีมาเหรอวะ” เพื่อนที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ กันชะโงกหน้าออกมาถาม
“ผีจับหัวมึงน่ะสิ ห่านี่!” เมฆโผล่หน้าออกมาตอบ “กูจะนอนแล้ว!”
TBC~*ตอนนี้แอบเครียดเบาๆ แต่ก็คงเข้าใจน้ำกันแล้วนะคะ ว่าทำไมถึงได้ทำตัวเป็นนักเรียนดีเด่นจังเลย ฮือๆๆๆ น่าสงสาร
เผื่อบางคนอาจสงสัย ทำไมน้ำถึงรู้สึกว่าเมฆเป็นคนพิเศษสำหรับตัวเอง เพราะน้ำมาจากครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น เป็นคนที่โหยหาความรัก ส่วนเมฆก็ตรงกันข้ามกับน้ำเต็มที่ ครอบครัวเมฆอบอุ่น เมฆเป็นพี่ชายที่แสนดี กับเพื่อนก็เคยปกป้องเพื่อนซะจนแทบจะโดนพี่ว้ากรุม(โทรม) ทั้งสองจึงเป็นเหมือนแม่เหล็กต่างขั้ว ดูดเข้าหากันรัวๆ อะไรประมาณนั้นค่ะ ฮาาาา... (ทำไมวันนี้เขียนอะไรมีสาระ)
แต่ว่า... น้องเมฆจะเอารูปพี่น้ำไปทำอะไรนะ กร๊ากก
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากค่า จุ๊บๆ 