Chapter 7 Step by step.
"ขึ้นมาได้ไงวะ"ผมหันไปถามคู่แล็บผมที่ผมเพ้าเรียบร้อยเกินปกติ แล้วทำไมปากมันวาวๆอมชมพูด้วยวะ... นี่มึงทาลิปกลอสด้วยเร๊อะ!!
"ป้ายามโทรขึ้นมาบนตึกว่ามีคนมาหาชวัลกร กูเลยลงไป ก็เลยพาขึ้นมารอนี่แหละ"ตาแม่งเป็นประกายเชียว "ตัวจริงคือขาวมากอ่ะมึง หน้าใสชิบหาย แม่งมีรูขุมบ้างปะวะ ทำไมแม่งเนียนจัง หรือจริงๆแม่งทารองพื้นวะ"อินี่ก็ขี้สงสัยจังล่ะ
"น่าจะแค่ทาครีม"ปกติหน้าสดหลังล้างหน้า แม่งก็เนียนๆแบบนี้แหละ "แล้วโปรกินข้าวมายัง"ผมเลิกสนใจเพื่อนผมที่วันนี้ทำตัวผิดวิสัย แล้วตรงเข้าไปหามนุษย์แฟนเก่าที่กำลังจ้องหน้าจอโทรศัพท์แทน
"แล้ว"เงยหน้ามอตอบแค่นั้น ก่อนจะกลับไปสนใจหน้าจอโทรศัพท์ต่อ
"ขอบคุณนะโปร"คือแค่เห็นหน้ามัน กุแม่งก็ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไงล่ะ "จริงๆก็อยากเจอเราเหมือนกันอ่ะดิ๊"ไม่แซวนี่ไม่ใช่กูแล้ว
"เก็บปากไว้แดกข้าวเหอะ"กูงี้เงียบกริบเลยจ้า
"จานมาแล้วจ้า!!"เสียงแปร๋นๆของจีจี้ดังขึ้นทำลายความเงียบสงัด "โปรตอนไม่ทานด้วยกันจริงๆหรอ"ทานเทินคืออะไร? ถามกูทีนี่มีแต่แดกกับยัดห่า... ความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน!
"ผมทานมาแล้วครับ ตามสบายกันเลย"แล้วอีนี่ก็อีกตัว รอยยิ้มละมุนนี่มันคืออาร๊ายยย
"ขอบคุณมากเลยนะ อุส่าซื้อมาฝากพวกเราด้วย"แจนที่แต่งหน้าสวยวิ้งพูดด้วยตาเป็นประกาย
...รู้แล้วว่าที่กูคบกับพวกมันได้นี่เพราะอะไร...
...ความแรดนี่ไม่ต่างกันเลยไอ้สาดดด...
"ชวัลกร มึงจะยืนตอแหลอีกนานมะ หรือต้องให้พวกกูเอาช้อนเคาะชามก่อนห๊ะ ถึงจะแดกได้"โอ้โห คำพูดคำจาพวกมึงนี่นะ
"สองมาตรฐานจังเลยนะคุณจีรศักดิ์"เรียกชื่อจริงแม่งเลย
"เดี๋ยวกูต่อยร้องเลยอินี่"ไม่ต้องต่อยกูก็จะร้องแล้วห่า น้อยใจเว่ย... หน่องซีน้อยจายยย
"พอๆ กินข้าวเหอะ งานแม่งรออีกเยอะ"พอพูดถึงงาน พวกผมนี่สลดเลยครับ
ผมทิ้งไอ้โปรไว้เบื้องหลัง ก่อนจะไปนั่งล้อมวงบนเสื่อพลาสติกสีชมพูหวานแหววแทน กับข้าวที่มนุษย์แฟนเก่าซื้อมาให้ก็เป็นพวกกับข้าวพื้นๆรสอ่อนๆที่ผมกินได้ แต่อย่าเพิ่งฟินคิดว่ามันซื้อมาเอาใจผมหรืออะไร เพราะว่าผมเป็นพวกกินง่ายอยู่ง่าย มีไม่กี่อย่างหรอกที่ผมไม่กิน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ แดกได้เกือบทุกอย่างที่คนเขากินกัน
...อย่าว่าแต่อาหารคนเลย...
...ขนาดอาหารหมา กูก็ลองมาแล้ว...
"ต้องหั่นหมดนี่เลยหรอ"ไอ้โปรที่เลิกสนใจโทรศัพท์แล้วหันมาถาม "ต้องหั่นเท่านี้เลยใช่ไหม"ไอ้โปรยกถาดสแตนเลสที่ใส่เปลือกมังคุดที่หั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วขึ้นมา
"ไม่ต้องเท่าก็ได้ค่ะ แค่ให้มันเป็นชิ้นเล็กๆอ่ะ"จีจี้อธิบาย
"งั้นเดี๋ยวผมช่วยนะ"ถือมีดแล้วหันมายิ้มเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่... ยิ้มพร่ำเพรื่อไปแล้วมั้ง
"ดีเลยค่ะ ทำให้หมดได้เลยยิ่งดี"เผยธาตุแท้เลยนะพวกมึง
หลังจากที่ไอ้โปรนั่งหั่นเปลือกมังคุดอย่างขะมักเขม้น จนตอนนี้เปลือกมังคุดนั้นถูกหั่นจนเกือบจะหมดแล้ว พวกผมสามคนก็ได้ฤกษ์อิ่มกันสักที แจนกับจีจี้ผละไปเตรียมตัวทำละลาย ในขณะที่ฟอยด์รับบทแม่บ้านเก็บล้างทุกอย่างโดยที่ตัวมันองก็ไม่ค่อยจะเต็มใจหรอก... เสือกแดกเสร็จคนสุดท้ายเอง
... สมน้ำหน้าจริงๆ...
ผมลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามนุษย์แฟนเก่า หยิบโทรศัพท์มาไลน์บอกพ่อว่าไม่กลับดึก ก่อนหันมาจะโชว์สเตปเทพในการหั่นอย่างว่องไว งานที่เหลือเสร็จภายในสิบนาที ผมรีบเอาใบแป๊ะก๊วยสับที่แห้งกรอบแล้วออกมาจากเครื่อง Hot air oven ที่ตั้งอุณหภูมิไว้ที่50องศาเซลเซียส
"โปรช่วยเอาไปให้แจนกับจีจี้ตรงนู้นที"ถึงจะแอ๊วมันอยู่ แต่กูก็ใช้แหลกจ้า
"อือ"ไอ้โปรรับถาดที่ยังอุ่นๆอยู่ไปจากมือผม ก่อนจะเดินเอาไปส่งให้อิสองตัวนั้น
ผมวางถาดเปลือกมังคุดลงไปแทน ก่อนจะปิดประตูเครื่อง แล้วกดปุ่มให้มันเริ่มทำงานอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเตรียมไปช่วยจีจี้กับแจน
"เฮ้ย!"ผมสะดุ้งเมื่อหันมาเจอมนุษย์แฟนเก่าที่ยืนจ้องผมในระยะประชิด "มายืนเงียบๆแบบนี้ตกใจนะเว้ย"ผมเบี่ยงตัวออกไปนิดหน่อย
"มีไรให้ช่วยอีกไหม"
ผมครุ่นคิดเล็กน้อย ที่เหลือก็รอเปลือกมังคุดอีกชั่วโมงครึ่ง เสร็จแล้วก็แช่ตัวทำละลาย ก็ไม่มีอะไรแล้วนะ เพราะงานที่เหลืออยู่ก็มีแต่ต้องรอทั้งนั้น
"ไม่นะ โปรกลับบ้านไปพักเถอะ"ดูจากทรง มันคงจะเหนื่อยกับงานโอเพ้นเฮาส์มาทั้งวันเหมือนกัน "เอารถมาเปล่า"
"เอามา"
"พวกมึง กูลงไปส่งโปรก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาช่วย"ผมตะโกนบอกเหล่ามิตรสหายที่กำลังตวงสารกันอย่างคร่ำเครียดกันอยู่ห้องข้างๆที่แง้มประตูไว้หน่อยนึง
"มึงกลับไปเลยก็ได้ งานแม่งเหลือแค่นี้เอง"ฟอยด์ที่น่าจะทำหน้าที่แม่บ้านเสร็จแล้วตะโกนกลับมา
"งั้นกูกลับเลยนะ"ผมนี่ยิ้มร่าเลยจ้า
"เออ!"กระแทกเสียงกันกลับมาทั้งสามคน
"โปรรอแปปนะ เดี๋ยวเราไปเก็บของก่อน"ไอ้โปรพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปเอ่ยร่ำลากับแก็งค์เพื่อนผมที่ประกอบไปด้วยสองสาวจัญไรและหนึ่งชะนีมีไข่
ผมเก็บข้าวชีทเรียนลงในแฟ้มพลาสติก ก่อนจะยัดลงในกระเป๋าสะพายหนังแบรนด์เนมที่มนุษย์พ่อซื้อให้เนื่องในวันอยากจะใช้เงิน
เก็บของเสร็จผมก็เดินไปหามนุษย์แฟนเก่าที่กำลังยืนยิ้มละมุนตีหน้าละไมอยู่ตรงหน้าประตูห้องเตรียมสารที่มีเพื่อนผมสิงสถิตย์อยู่ ... หมันไส้โว้ย!
"โปร ขอบคุณนะที่ซื้อข้าวมาให้"เกลียดอิบรรยากาศลละมุนฟุ้งๆนี่จัง ดังนั้น... หน่องซีจะทำลายมัน
"ไม่เป็นไร กูคิดซะว่าซื้อให้หมาแดก"ไอ้โปรตอบมาทันควันอย่างลืมตัว
"แค่ก แค่ก "อิสามตัวนั่นถึงกับสำลักน้ำลายกันเลยทีเดียว
"เอ่อ เราล้อเล่น"ไอ้โปรได้แต่พูดเสียงแห้งกับฉีกยิ้มฝืนๆ
"ฮ่าๆๆๆ"ผมเผลอหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นหน้าพะอืดพะอมของมนุษย์แฟนเก่า ที่ตอนนี้อยู่ในสภาวะจะกลืนก็กลืนไม่เข้า จะคายก็คายไม่ออก "กูไปแล้วนะ"ผมโบกมือลาเพื่อนก่อนจะคว้ามือเรียวขาวของคนที่กำลังมองผมตาขวางมากุมไว้
"มึงนี่มัน..."มันคงรู้ตัวแหละว่าผมจงใจให้แม่งหลุด
จูงมือมนุษย์แฟนเก่ามาถึงหน้าลิฟต์ ผมก็ปล่อยมืออีกคนให้เป็นอิสระอย่างเสียไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมเกิดจะรักนวลสงวนตัวอะไรขึ้นมาหรอก ใจจริงอยากจะจับจูงไปส่งยันรถนั่นแหละ แต่อิสายตาอาฆาตที่ส่งมาอย่างแรงกล้านี่ไงที่ทำให้น้องซีที่อยากจะแรดนั้นถึงกับแรดต่อไม่ไหวเลยทีเดียว
แต่จะหยุดแค่นี้มีหวังคืนนี้น้องซีได้นอนไม่หลับเป็นแน่ ก็เล่นไม่ได้เจอกันร่วมสัปดาห์ แต่ได้แค่จับมือง่องแง๊งประมาณสิบวินี่มันไม่ใช่อ่ะซี มันไม่ช่ายยยย
ทันทีที่ลิฟต์เปิดจนสุด สิ่งมีชีวิตที่ผิวขาวสว่างราวหลอดฟลูออเรสเซนต์ก็ก้าวฉับๆเข้าไปในลิฟต์ ผมเดินตามเข้ามาอย่างเงียบงัน มองสำรวจนู้นนี่ไปทั่วจนสายตาไปสะดุดกับบางอย่าง ที่ทำให้ผมคิดแผนชั่วออกมาได้... สวิตช์ไฟ
ไม่ต้องรอไต่ตรองอะไร เพราะตอนนี้น้องซีเห็นมนุษย์แฟนเก่าแล้วรู้สึกฟืดฟาดมาก ผมพยายามเบี่ยงตัวเล็งเป้าหมาย ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดไฟ
พรึ่บ!!
ทั่วห้องสี่เหลี่ยมถูกปกคลุมไปด้วยความมืด อาจจะมีแสงสว่างจากปุ่มสั่งการอะไรมากมาย แต่แสงมันก็ไม่ได้มากพอจะทำให้เห็นอะไรมากพออยู่ดี
ผมยืดคอเขย่งตัวสุดปลายตีน หมายจะลองลิ้มชิมรสริมฝีปากบางเฉียบสีแดงอมส้มนั่นอีกสักครั้ง
ผลั้วะ!!
ไม่รู้โดนอะไรกระแทกเข้าที่ข้างแก้ม ถึงจะไม่แรงมากแต่ตอนนี้หน่องซีก็แทบทรุดเลยครับ... ฮือ ชาเลยกู
แก่ก
ไฟสว่างขึ้นอีกครั้งโดยเงื้อมมือมารที่ฟาดแก้มน้องซีนั่นแหละ
"มึงนี่มันวอนมือวอนตีนจริงๆ"มนุษย์แฟนเก่าปรายตามองผมที่กุมแก้มน้ำตาคลอ
"เจ็บอ่ะ"ผมช้อนตาที่น่าจะเอ่อเพราะน้ำตาขึ้นมองไอ้โปร... พอหายชา มันก็เริ่มเจ็บแล้วอ่ะ
"ไหนดูดิ กูว่ากูเล็งหัวมึงนะ"ถ้าผมไม่ยืดตัวแล้วหันข้างมันก็คงโดนหัวนั่นแหละ "เจ็บมากเลยหรอ"ไอ้โปรคิ้วขมวด ดึงมือผมที่กุมแก้มออก แล้วดันหัวผมเอียงเพื่อได้ดูถนัดขึ้น
"อื๊อ เจ็บ"เจ็บนิดหน่อย แต่สำออยนี่มาก "แต่ไม่เป็นไรหรอก"เห็นมันหน้าเสียเลยขี้เกียจตอแหลแล้ว
"ขอโทษ"ผมสบเข้านัยน์ตาที่ดูเหมือนกำลังสำนึกผิดของอีกคน โปรใช้หัวแม่มือลูบแก้มผมสองสามที ก่อนจะรีบปล่อยมือเมือประตูลิฟต์เปิดออก... โถ ชีวิตหน่องซี จะทำมันเคลิ้มแต่ละที ก็เสือกมีแต่อุปสรรค
...กูจิคราย...
ไอ้โปรเดินไปก่อน ส่วนผมก็ได้แต่เดิมตามมาอย่างเงียบงัน รถมอเตอร์ไซต์สามล้อสุดเถื่อนสีเหลืองอ๋อยจอดอยู่ไม่ไกลรถผมสักเท่าไหร่ ตอนแรกว่าจะขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างร้าวราน แต่คิดอีกที เจอกันทั้งที พี่ซียังไม่ได้ฟินเลย
หมุนตัวเดินตามมนุษย์ตัวเปรตไปอย่างว่องไว ขายาวๆวาดขึ้นคร่อมรถคันใหญ่ ก่อนที่หมวกกันน็อคสีเหลืองแบบเต็มใบจะถูกสวมลงมาปิดบังใบหน้าเจ้าของรถ
ผมหยุดยืนที่ข้างรถก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าอีกครั้ง มือเรียวประคองใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อคให้เงยขึ้น ก่อนจะเอียงหน้าแล้วจรดริมฝีปากลงบนหมวกกันน็อคตรงตำแหน่งริมฝีปาก
คนกระทำปล่อยมือแล้วถอยหลังไปสองก้าว ทั้งที่ไม่ได้จูบโดยตรง แต่ซีก็รู้สึกเขินจนหน้าเริ่มร้อน ใจก็เต้นระรัวไม่เป็นส่ำ... ทั้งที่เริ่มเองแท้ๆ
...เบื่อจัง...
...เกิดมาหน้าบาง...
...ถุย!!!...
"ระ เราให้รางวัลเด็กดีไง ที่ซื้อข้าวมาให่น่ะ"พูดตะกุกตะกัก เมื่อคนที่โดนกระทำเบือนหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกกันน็อคมามอง
ปกติก็เดาหน้ามันไม่ค่อยจะถูก แล้วตอนนี้เสือกใส่หมวกกันน็อคไว้อีก กูจะไปเหลืออะไร แล้วจะมองทำไมวะ ประหม่านะเว่ย
เหมือนอารมณ์ชั่ววูบกำลังทำให้ผมอายจนอยากจะเอาหัวซุกถังขยะหนีความจริง คิดดูดีๆ อะไรคือการที่กูเอาปากไปจูบหมวกกันน็อค แล้วบอกว่ารางวัลเด็กดีวะ... อ้ากกกก
ไม่ทันได้เอ่ยล่ำลา ผมก็รีบเดินกลับมาที่รถอย่างว่องไว ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ คาดเข็มขัดนิรภัย ปลดเบรกมือ ปลดเกียร์ เหยียบคันเร่ง หักพวงมาลัยออกจากที่จอดอย่างรวดเร็ว
มองดูก็กระจกมองหลัง ก็เห็นมนุษย์แฟนเก่าขับรถตามมาอยู่ริบๆ ผมพยายามขับหนีสุดกำลัง แต่เมื่อหันมามองสัญาณไฟจราจรที่เป็นสีแดงหรา ก็ทำให้ผมได้แต่คิดว่า กูจะรีบไปเพื่อใคร
รถมอเตอร์ไซต์สีเหลืองที่ขับมาอย่างไม่เร่งรีบจอดอยู่ระดับเดียวกันกับรถสีขาวสะอาดตาที่ใช้ในการหนี คนตัวขาวสว่างที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดสีน้ำเงินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะกดพิมพ์อะไรบางอย่าง
Rrr
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมา ทำเอาคนที่อับอายเพราะการกระทำสิ้นคิดนั้นแทบจะหัวใจวายตาย ซีหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะอ่านข้อความที่ขึ้นหราด้วยใจระทึก
Proton : จะอายเหี้ยไร
Proton : ตอนมึงเอานมถูแขนกู น่าอายกว่าเรื่องนี้อีกสัด
...เหมือนอิเรื่องนมถูแขนนี่จะตามหลอกหลอนกูไปจนวันตาย...
'มันอายของมันเองอ่ะ'กูนี่งงตัวเองมากเลยเนี่ย ไอ้ตอนขึ้นคร่อมเขานี่ไม่ได้มีความละอายใดๆ แต่แค่อีจูบผ่านหมวกกันน็อคเนี่ยทำไมกูต้องอายด้วยวะ... แล้วอีหัวใจนี่มึงจะเต้นเร็วไปไหนห๊ะ!!
ผมเห็นว่ามันอ่านแล้ว แต่ยังไม่ได้ทันได้พิมพ์อะไรตอบมา สัญญาณไฟก็เปลี่ยนสีเสียก่อน ทำให้มนุษย์คลั่งสีเหลืองต้องเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์สีควันบุหรี่ที่รัดติ้วจนคนมองอย่างผมยังแอบอึดอัดแทน
ขับตีคู่กันมาไม่นาน อีกฝ่ายก็เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน ในขณะที่ผมก็ขับรถฝ่าการจราจรที่ติดขัดเพื่อกลับบ้านตัวเอง เกือบชั่วโมงที่ผมใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนน ทำให้ผมเหมือนจะตั้งสติขึ้นมาได้บ้างแล้ว กดเปิดประตูบ้านด้วยรีโมทย์ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ
คว้ากระเป๋าแล้วเดินทอดน่องเข้าบ้าน พวกพี่แม่บ้านกลับมายึดครองพื้นที่ดูละครกันในห้องรับแขกแล้ว ผมยกยิ้มทักทาย เมื่อทุกคนเอ่ยทักทายผมกันระงม เดินขึ้นไปบนห้องพ่อเมื่อให้พ่อเห็นหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาอาบน้ำด้วยความเมื่อยล้า
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วผมถึงกลับมาสนใจโทรศัพท์อีกครั้ง พวกเพื่อนผมไลน์มาแซวเรื่องมนุษย์แฟนเก่ากันประปราย แต่ผมยังไม่ตอบ เพราะผมอยากตอบใครบางคนก่อน
Proton : มึงเริ่มของมึงเองทั้งนั้น
'นั่นดิ เราเริ่มมาเยอะแล้วเนี่ย เมื่อไหร่โปรจะเริ่มก่อนบ้างอ่ะ'ก็รู้นะว่าผมเป็นฝ่ายจีบมันก่อน แต่บางทีก็อยากให้มันจีบผมบ้างอ่ะ
'เราจำได้นะ เมื่อก่อนโปรบอกว่าถ้าเราเดินเข้ามาหาโปรมาก้าวหนึ่ง โปรก็เดินเข้ามาหาเราก้าวหนึ่ง'
'แต่บางทีเวลาที่เราต้องเดินก่อน เราก็ไม่มั่นใจเลย'ก็รู้นะว่าผมกำลังงี่เง่าเพราะเหนื่อย แต่บางทีมันก็ควบคุมไม่ได้ไง
Proton : ถึงกูจะไม่เคยเดินก่อน
Proton : แต่มึงเชื่อเถอะ
Proton : กูไม่เคยถอยก่อนเหมือนกัน
ผมได้แต่อ่านวนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็เหมือนสิ่งที่มันจะสื่อมันเข้าไปไม่ถึงเหง้าสมองผมสักที โอ้ย! นี่กูโง่ หรือแม่งเข้าใจยากวะ
'พรุ่งนี้โปรทำไรอ่ะ'เบี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนจะจมสู่บรรยากาศทะมึนๆมากกว่านี้
Proton : ไปบ้านคุณย่า
'โห ค้างด้วยใช่ปะ'
'อุส่าต์จะแวะไปหาตอนที่ไปส่งแม่'ดูดิ จะแรดทีไรกูมีอุปสรรคทุกที
'แล้วโปรกลับวันไหนอ่ะ'วันธรรมดาผมก็ไม่มีเวลา พอมาวันหยุดมันก็เสือกไม่ว่างอีก... ทำไมชีวิตรักหน่องซีมันรันทดงี้ล๊า!!
Proton : อือ
Proton : กลับวันจันทร์
ดูเหมือนวันนี้ทางอารมณ์เดือดมนุษย์แฟนเก่าก็ซอฟต์ลงเหมือนกัน รู้แหละว่ามันคงเหนื่อยมาทั้งวันเลยขี้เกียจด่าผม แต่คนมันจีบเขาอยู่ไง เลยต้องเข้าข้างตัวเองเว่ยว่าเขาก็เศร้าที่ไม่ได้เจอเราเหมือนกัน.. อะฮริ้ง
'ไปกี่โมงอ่ะ'
Proton : 6
ตอนแรกกะไว้ว่าถ้าไปสักเที่ยง ผมจะไปหามันสักสิบเอ็ดโมง แต่ถ้าไปเช้าขนาดนั้น ผมว่าปล่อยให้มันนอนดีกว่า ถึงจะอยากเจอยังไง แต่ผมก็ห่วงสุขภาพมันเหมือนกัน เพราะวันนี้ที่เจอมันก็ดูเหนื่อยๆด้วย
'งั้นนอนเถอะ ต้องตื่นเช้า'กูนี่ก็คนดีจังล่ะ
'ฝันดีน๊า'
ผมทิ้งตัวลงนอน รู้สึกเซ็งๆนะ ทั้งที่แอบวาดฝันไว้ต่างๆนาๆ แต่ก็กลายเป็นว่าว่างทั้งทีแต่กูก็ทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากจะงี่เง่าอ่ะ เพราะผมก็เข้าใจว่ามันก็มีธุระเหมือนกัน
Proton : เออ ฝันดี
จบบทสนทนา ผมก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนแปดโมงกว่าๆ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะไปรับแม่ที่สนามบิน
เดินลงมาข้างล่าง เห็นมนุษย์พ่อผมบางกำลังนั่งวางมาดอ่านหนังสือเกี่ยวกับตำราสมุนไพรอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมเปลี่ยนรองเท้าอยู่อย่างง่วงๆ คนที่เมื่อครู่ยังขะมักเขม้นกับตำราเล่มหนาก็เข้ามาประชิดตัวผมอย่างเงียบเชียบ
"ไม่กินข้าวหรือไง วันนี้มีโจ๊กหมูนะ ป้าศรีซื้อมาจากตลาด"พยายามเอาของกินมาล่อ แต่โทษทีเถอะ โจ๊กเจ้าที่ตลาดน่ะของโปรดแม่ ไม่ใช่ของผม
"ไม่อ่ะพ่อ เดี๋ยวซีออกไปกินพร้อมแม่"
"แล้วเที่ยงจะกลับมากินข้าวไหม วันนี้ป้าศรีบอกจะทำป้าหมึกยัดไส้ กับต้มยำกุ้งด้วย"ผมแสยะยิ้มเมื่อพ่อพูดจบ
บางทีผมก็ไม่เข้าใจคนแก่นะว่าเขาคิดอะไรกัน พ่อผมก็ยังรักแม่นั่นแหละ แต่ก็ไม่เคยคิดจะง้อ ส่วนแม่ผมก็ดูรู้ว่ายังห่วงพ่อ แต่ก็ไม่คิดจะคุยกัน... ทิฐิล้วนๆ
"จะให้พาแม่มาบ้านก็บอกตรงๆเถอะ"ลุงเขาเสตามองไปทางอื่น "แล้วถ้าพ่ออยากเจอแม่ พ่อก็ไปรับแม่พร้อมซีเลยเนี่ย ไปด้วยกันเลย"ลุงสั่นหัว ก่อนจะเดินเร็วๆเข้าไปในบ้าน
ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปเอารถออกมาจากโรงจอดรถ จราจรวันเสาร์ยังคงติดขัดอย่างน่าเหนื่อยใจ ยืนรอแม่ตรงทางออกผู้โดยสารขาเข้าราวครึ่งชั่วโมง ก็เห็นมนุษย์แม่ที่อยู่ในชุดเสื้อคอเต่าแขนยาวสีขาว กับกระโปรงทรงสอบสีแดง ที่กำลังก้าวอย่างมั่นใจบนรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีแดง... แม่กูเปรี้ยวมากบอกเลย
"แม่"ผมโบกมือให้แม่เล็กน้อย แม่ฉีกยิ้มด้วยริมฝีปากที่เคลือบสีแดงสดออก ก่อนจะถอดแว่นกันแดดแล้วเข็นกระเป๋ามาทางผม
"หืม หน้าลูกชายแม่หน้าไม่โทรมแล้วนี่"แม่จับหน้าผมพลิกไปมา
"จริงหรอแม่ แต่ช่วงนี้งานซีหนักมากเลยนะ"รีพอร์ตกับมินิโปรเจ็กต์นี่เกือบพลังวิญญาณกูจนหมดร่างเลยจ้า
"ขอบตายังคล้ำอยู่ แต่หนูดูสดใสขึ้นนะ"แม่ตีแก้มผมเบาๆสองที "มีความรักเปล่าเนี่ย"แม่ยิ้มแซวๆ
"คงงั้นมั้ง"แม่หัวเราะก่อนจะลูบหัวผมแทน
ผมตัดสินใจพาแม่มาทานข้าวที่บ้าน เพื่อเอาใจลุงสักหน่อย ผมเห็นแหละว่าลุงจะแอบยิ้ม แต่ลุงก็พยายามควบคุมตัวเองเต็มที่ หน้าลุงตอนนี้ก็เลยดูเกร็งๆพิลึกๆยังไงก็ไม่รู้
ทานข้าวเที่ยงตอนสิบเอ็ดโมงเสร็จ ผมกับแม่ก็ไปนั่งเมาส์กับเหล่าแม่บ้าน ดูเหมือนทุกคนจะดีใจที่แม่ผมมามาก แต่ที่ดีใจสุดๆน่ะ ผมว่าน่าจะเป็นลุงผมบางที่แอบดูอยู่ตรงขอบประตูห้องรับแขกนั่นมากกว่า
ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปจัดการธุรกิจสัมปทานท่าเรือของผมในพาราไดส์ เบย์ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะสั่งเต่าตัวที่สี่ให้ไปหาปลา ข้องความแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นสีเขียวก็เรียกให้ผมตาเบิกกว้าง
Proton : ไปดูหนังกันไหม
ผมกดเข้าไปอ่านวนไปวนมาหลายรอบ ก่อนจะสรุปได้ว่า...ไม่กูก็มันนี่แหละ ใครสักคนต้องเมาอยู่
ตอนต่อ-------------
เลยไปอีกวันจนได้
นี่เขียดเศร้าใจมากนะเว่ย ไม่น่าเถลไถลเลยตู
ตอนนี้มาน้อยด้วย อาจมาเพิ่มให้พรุ่งนี้อีกทีเด้อ
น้องโปรนี่คิดอะไร ไม่มีใครรู้หรอก เพราะอิเขียดเขียนเอง มันยังไม่รู้เลย
หลอกๆ รู้หรอก แต่ยังไม่บอก อิอิ
อย่ากลัวดราม่าเลย เพราะมันไม่ม่าอ่ะ มันแต่หน่วงแปปๆเด่ะก็หายเอง
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ