ตอนที่ 11
เกือบตีสองกว่า…ยังไม่มีใครหลับ ร่างหนึ่งนั่งพิงหัวเตียงลูบกลุ่มผมนิ่มของคนที่นอนหนุนตัก สองแขนหนาโอบเอวบางกว่าไว้แน่น ซุกหน้าลงกับหน้าท้องไม่ยอมปล่อย
เป็นเอกลูบหัวเต็งหนึ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งมือหนาดึงมือไปหอมหลายที
ตาสวยหลุบมองคนที่เลิกขบกรามตัวเองสักที ร่างกายเริ่มผ่อนคลายลงกว่าเดิม
เต็งหนึ่งไม่ค่อยโกรธ…แต่เป็นคนโกรธแรง
แรง…จนต้องห้ามไว้ให้ดี
“หนึ่ง”
“หือ”
“ไม่ต้องมา”
“…อะไร”
“ไม่ต้องมาเฝ้า”
ร่างหนาชะงักก่อนจะหลุดลุกขึ้นจ้องตาสวย มีเพียงความนิ่งเงียบตอบกลับมาจึงเสยผมแรงๆลุกไปนั่งที่ขอบเตียงแทน
สักพักก็มีเรียวแขนซีดตามมากอดจากด้านหลัง
“ไป..ก็โกรธอีก”
“กลัวกูฆ่ามันรึไง ไอ้เหี้ยจินั่นน่ะ”
มือหนาพยายามแกะเรียวแขนซีดออก ปกติเต็งหนึ่งยอมให้ทุกครั้งแต่คราวนี้แค่แปปเดียวก็ลุกยืนขึ้น หันไปมองเป็นเอกที่ขมวดคิ้วอยู่บนเตียง
“มันไม่ตายหรอก”
“อย่าพาล”
“ต้องโดนมันจับแค่ไหนถึงพอใจหรอเอก ทำไมกูจับมึงทั้งตัวจนมึงเบื่อเลยต้องไปให้คนอื่นแตะมั่งหรอ อยากเปลี่ยนกลิ่นรึไง?”
ผั้วะ!
กำปั้นจากคนเงียบกระแทกเข้ามาที่หน้าจนหัน มันไม่แรงมาก แต่ก็พอทำให้เซได้เล็กน้อย
เต็งหนึ่งตาวาวโรจน์กระชากแขนซีดจนเป็นเอกถลาเข้ามาประชิดแผ่นอก แววตาไหววูบด้วยความตกใจ
“เหอะ…”
ผลักออกแล้วเดินออกจากห้อง…ตอนนี้คงอยู่ด้วยกันไม่ได้
ตอนคบกันแรกๆทะเลาะกันทีไรก็ต่อยตีกันปกติจนทั้งสองบ้านแทบจะจับเลิกกันเพราะเคยหนักขนาดต้องแอดมิดเข้าโรงบาลทั้งคู่ แต่หลังๆก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมันตัวบางเข้าไปทุกทีจนถนุถนอมมันเป็นพิเศษ
มือคว้ากุญแจเวสป้าพร้อมกระเป๋าตังบนโต๊ะกระจก ใส่รองเท้าผ้าใบแล้วออกมาทันที
คิ้วเข้มยังขมวดมุ่น เสียงกัดฟันดังจนตัวเองได้ยินชัด ลมเย็นๆที่พัดมากับท้องถนนที่ไร้รถในยามวิกาลไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
สุดท้ายก็เลี้ยวเข้าคอนโดแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เต็งหนึ่งโยนกุญแจรถลงบนโซฟาสีน้ำเงินก่อนจะเดินเลยเข้าไปในห้องนอน…คอนโดส่วนตัวที่ไม่ได้กลับมานานเป็นปี ถึงจะเล็กกว่าเพนท์เฮาส์สองชั้นของเป็นเอกแต่ก็กว้างจนสามารถวางชั้นวางดาบญี่ปุ่นได้ถึงเจ็ดชั้น
ออกมาอีกครั้งพร้อมชุดฟันดาบแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ผมรวบตึงด้วยยางปลาโลมาเส้นเดิม หยิบดาบที่ใกล้มือที่สุดขึ้นมาเดินออกไปที่ระเบียงกว้างพอๆกับระเบียงห้องเป็นเอก
ซ้อมไปเรื่อยๆจนกระทั่งเหงื่อโทรมกายถึงหยุดพัก พระอาทิตย์ขึ้นเกาะขอบฟ้าพอดี เพราะพ่อดันไปแต่งงานกับลูกสาวสำนักสอนฟันดาบในญี่ปุ่น ก็เลยถูกตาเคี่ยวเข็ญให้เรียนฟันดาบตั้งแต่เด็ก
สุดท้ายก็ถูกตาไล่มาไทยเพราะดันไปเข้าแก๊งยากูซ่า ต่อยตีกับชาวบ้านตั้งแต่อายุ 13 … ถ้าไม่ถูกส่งตัวกลับมาป่านนี้ได้อยู่ตำแหน่งระดับสูงๆไปแล้ว เผลอๆเป็นรองหัวหน้าแก๊งไปแล้วเพราะมีเรื่องเก่งกว่าพวกรุ่นพี่อีก
โกรธง่าย…มีฝีมือ…ตาเลยกลัวจะไปหลงผิดหนักกว่าเดิม
แต่ความโกรธนี่มันจะไปห้ามยังไงได้ก็ต้องหาทางระบายออก เลยเลือกไปเตะบอล เตะไปเตะมาก็ได้เป็นตัวแทนนักบอลโรงเรียน เข้ามหาลัยก็กลายเป็นนักบอลมหาลัยต่อ
สงสัยช่วงนี้ไม่ได้ออกแรงนานเลยหงุดหงิดขึ้นมาอีก ไอ้เหี้ยจิหน้ายิ้มนั่นอีก คนของเราก็ไปยอมมันอีก เยอะ!
เต็งหนึ่งฟาดงวงฟาดงาคนเดียวจนพอใจถึงเอาดาบไปเก็บอาบน้ำให้หัวมันเย็นขึ้น ผมที่พึ่งสระมาก็สระอีกรอบเอาให้ผมร่วงหมดหัวไปเลย
ขยี้หัวไปมาก็มีบางอย่างแวบเข้าหัว
‘อกหักต้องตัดผม’
เอาวะ ตัดก็ตัด!!!
วันต่อมาหลายแฟนเพจก็ได้รูปเต็งหนึ่งทรงผมใหม่…ผมยาวเหมือนเดิมแต่สองข้างไถเปิดหูแล้วสุดท้ายก็หน้าม้าที่สั้นกว่าเดิมปัดข้าง เรียกว่าปล่อยผมก็ดูเป็นผมยาวเท่ๆ มัดผมก็ดูเป็นซามูไรญี่ปุ่นไปเลย…แต่ที่ตั้งคำถามกันมากที่สุดคือแก้มช้ำๆนี่ไปได้แต่ใดมา?
“โอ้โห สาวมองมึงกว่าเดิมยกกำลังแปดนะเพื่อน”
สก๊อตแซวเพราะมันตัดผมทรงนี้อัพเกรดจากมาดสถุลมาเข้าข่ายหนุ่มหน้าเซอร์เข้าไปทันที แต่ไอ้ยางปลาโลมานี่ก็ยังขัดใจ
พลั่ก!
หนุ่มมาดเซอร์ของสก๊อตโดนคนเข้ามาขวาง
“…”
สก๊อตถึงกับงงที่เป็นเอกยืนทำหน้าเครียดกับเต็งหนึ่งที่เงียบกริบ
“ไปเหอะก๊อต”
เดินหนี…แต่ก็มีคนเดินตาม คำสบถยังคงออกมาไม่หยุดแต่ก็ไม่คิดจะหยุดเดิน
ทุกสายตาจับจ้องตั้งแต่เห็นขายาวๆใต้กางเกงยีนส์สีซีดพาตัวเองมาขวางทางคนหน้าเข้มจนเดินชนกันเข้าไปหนึ่งรอบ
“หนึ่ง”
“…”
“หนึ่ง…”
“เอก อยู่นี่เองพี่หาตั้งนาน”
ชะงักเพราะบุคคลที่สาม
เต็งหนึ่งหันหลังกลับไปมอง…ภาพตลกๆ ที่มีแฟนตัวเองถูกผู้ชายอีกคนรั้งแขนไว้
“มึงปล่อย”
“อะไร?”
จิทำหน้าไม่เข้าใจ
“ปล่อยแฟนกูไงไอ้เหี้ย!!!”
เสียงตะคอกลั่นไม่สนว่าเป็นโรงอาหาร
“แฟน? อ้าวเอกมีแฟนแล้วหรอ”
ยังคงทำหน้ายิ้ม
“ไหนบอกไม่มีใคร….”
คิ้วสวยขมวดกำลังนึกคำพูดแต่กระแสลมผ่านหน้า…กระพริบตาอีกทีจิก็ลงไปกองกับพื้น
ก่อนจะตามด้วยเจ้าของหมัดที่จะตามลงไปซ้ำแต่สก๊อตวิ่งมาดันตัวออกก่อน คนนั่งกินข้าวกระจายลุกฮือออกห่างทันที
“หนึ่งหยุดโว้ย!!!”
“มึงปากดีแบบนี้ไม่กลัวตายใช่มั้ยไอ้เหี้ย!! เป็นส้นตีนอะไรยุ่งกับแฟนกูอยู่ได้ เห็นกูไม่ทำอะไรเลยคิดว่ากูใจดีหรอ มึงลุกขึ้นมาดิไอ้สัส
ปล่อยกูโว้ย!!!”
“หนึ่งหยุดก่อน ไอ้เหี้ยใจเย็นๆ”
สก๊อตดันเพื่อนไว้สุดแรง…เวลามันโกรธใช่ย่อยที่ไหน
“เฮ้ยไรกันวะ เอ้าพี่จิ”
หัวฟูตัวสูงเดินเข้ามาพร้อมคนสายตาไม่ดีที่ยังมองเหตุการณ์ไม่ชัด
“เชี่ยแมทเอาไอ้จิออกไปดิ๊ กูจะห้ามไอ้หนึ่งไม่ไหวแล้ว”
“ห้ะ เห้ยหนึ่งอย่ามีเรื่องดิ”
ปุ้นไวกว่ารีบดึงจิขึ้น แต่ทันทีที่ลุกขึ้นได้จิก็ถลาเข้าหาจะสวนหมัดคืนแต่ปุ้นกระชากคอเสื้อไว้แล้วเหวี่ยงไปอีกทาง ก่อนจะยืนขวางไม่ให้ถลาเข้าหากันอีก
“หยุดเลยพวกมึงทะเลาะอะไรกันวะ ไอ้ตาบอดมึงมานี่”
แมทถูกลากมายืนข้างๆ
“แม่งเอ้ย!!!”
เต็งหนึ่งยอมหยุดก่อนจะเสยผมแรงๆ มองหน้าจิสลับกับเป็นเอกที่ยังยืนนิ่ง
“มึงบอกมันว่าไม่มีใครใช่มั้ยเอก?”
“…”
“ตอบ!”
“เปล่า"
“ได้ยินชัดยังไอ้เหี้ย อย่ามโน!! มันเป็นแฟนกูไม่ใช่มึง ถ้ามึงกล้าแตะมันอีกทีมึงไม่มีมือไว้แดกข้าวแน่ไอ้เหี้ย ทุกคนเป็นพยานนะถ้าไอ้เหี้ยนี่มันยุ่งกับของๆกูอีก มันตาย!”
ตาคมวาวโรจน์เดินไปคว้ามือเป็นเอกให้เดินตาม กระชากลากกันออกมาจากโรงอาหารก็ยังไม่หยุดเดิน เดินจนสุดท้ายหมดแรง…ก็เดินเลยมาไกลจนตกใจตัวเอง
หันไปมองก็เจอคนหน้าซีดหน้าขึ้นสีแดงเพราะเหนื่อยหอบ
“บอกว่าอย่าให้มันจับ มึงนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
บ่น..แต่เสียงอ่อนลง
“….หนึ่ง”
“เออ”
“กลับบ้าน”
“กูอยู่บ้านกู”
หลบตา
“…”
ปากบางเม้มแน่นจับมือหนาไว้ไม่ยอมปล่อยเมื่ออีกฝ่ายพยายามคลายมือออก
“กูจะไปเรียนแล้ว”
“หนึ่ง…”
“….”
“กลับบ้าน”
“กลับไปทะเลาะกับมึงอ่ะหรอ”
ยิ้ม…เยาะตัวเอง
“ไม่มีพี่จิ”
“….”
“ไม่มี ไม่เคยมี”
“แต่มึงก็ต้องไปซ้อมกับมันทุกวัน… กูทนไม่ได้ จะว่ากูงี่เง่าก็ได้ มันเป็นงานมึงกับมันแล้วกูแยกแยะไม่ออกเอง”
“….”
“ถ้ากูจับมึงล็อคเก็บไว้ในตู้ได้ก็ดีสิ”
มือหนาเสยผมตัวเองลวกๆอีกทีก่อนจะหันหลังหนี แต่คนยืนข้างกันก็เห็นแววตาเสียใจบนนัยน์ตาคมเข้มอยู่ดี
แขนซีดโอบกอดร่างหนาจากด้านหลัง
หน้าซุกลงที่ลาดไหล่กว้าง
ไม่มีคำพูดแค่กอดไว้แน่นๆ…แม้คนถูกกอดจะพยายามดึงออก จนสุดท้ายก็ยืนนิ่ง
“ขาดมึง…”
“…”
“แล้วจะอยู่ยังไง”
เสียงแผ่วเบา…
ถอนหายใจหนัก หันไปกอดตอบ…
ตอนเย็นหอประชุมกลางถึงกับเงียบเมื่อนักเปียโนเดินมาพร้อมคนตาดุที่กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์คู่กันไปแล้ว หมัดตรงสวนซะฝ่ายเสียงลงไปกองกับพื้นแถมประกาศกร้าวจะเอาให้ตาย
นั่งลงมุมเวทีใกล้เปียโนเหมือนเดิม
คราวนี้จิไม่อยู่ให้ลำคาญตาลำคาญใจ การซ้อมดำเนินไปตามปกติจนถึงช่วงพัก
“เล่นเก่งนะมึง”
เต็งหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีไปนั่งข้างๆ
“เพลงง่าย”
มือหนาลองทาบนิ้วตัวเองลงข้างมือซีด ก่อนจะเริ่มกดลงไปตามโน้ตที่เห็นบนโน้ต ช้าๆ… ไม่เก่งเท่าแต่ก็ฟังได้
“เออง่ายดี เกือบลืมไปหมดแล้ว”
เมื่อก่อนตามไปดูคนตัวซีดมันซ้อมทุกวัน…สุดท้ายก็เลยเล่นพอได้
มืดซีดเริ่มเล่นเพลงที่ไม่ได้อยู่บนกระดาษ…แต่เป็นเพลงที่เคยนั่งข้างกัน…เล่นด้วยกัน
เต็งหนึ่งยกยิ้มก่อนจะเริ่มกดนิ้วลงเล่นตาม ชะงักเมื่อมือชนกันก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วเริ่มใหม่ สุดท้ายก็ได้เพลงที่กระท่อนกระแท่นไปบ้าง
คนรอบข้างมอง…บ้างก็ยิ้มตาม บ้างก็แปลกใจ…
เป็นเอกมาซ้อมทุกวันหน้าไม่เคยแสดงอารมณ์….จนกระทั่งเต็งหนึ่งคุยด้วยไม่กี่คำ
กำแพงหนาที่คงมีแค่คนเดียวที่ปีนข้ามเข้าไปได้
“สวีทเนอะ”
ปุ้นหยิบมะม่วงมันเข้าปากกัดหนึ่งคำ ก่อนจะยัดใส่ปากไอ้คนตาบอด … มันไม่ได้ตาบอดแต่สายตาสั้นเข้าขั้นวิกฤต แมททำหน้าเบ้แต่ก็กัดมะม่วง
“มึงพากูมาดูมึงซ้อมทำไม ออกไม่กี่ฉาก”
“กูกลัวมึงมองไม่เห็นไปเดินชนชาวบ้านเขา หรือไปโดนกระทืบขึ้นมา คราวนี้ตาบอดของจริงแน่”
“กูจะไปตัดแว่นใหม่ก็ไม่ได้ไปเพราะมึง ง่วงก็ง่วง”
“อ้าวง่วงแล้วหรอ”
“เออ มันกี่โมงแล้วไอ้เหี้ย”
ปุ้นยกนาฬิกาขึ้นดู …สี่ทุ่ม
“งั้นไปกัน”
ลุกพรวดพร้อมดึงแมทขึ้นยืนข้างกัน
“เฮ้ยพี่ ไปละนะ”
“ไม่ได้โว้ย มึงนี่ชิ่งตลอด มาซ้อมก่อน!!!!!!!!!!”
คราวนี้พี่ผู้กำกับมากระชากลากปุ้นไปด้วยตัวเอง พระเอกบ้าไรซ้อมไม่เคยถึงฉากตัวเองก็หนีกลับก่อนตลอด นางเอกซ้อมกับผู้กำกับแทนจนจะจำหน้าพระเอกไม่ได้แล้วมั้งเนี่ย
“ไรวะ รอกูแปปนะเตี้ย”
“ไม่เตี้ยโว้ย”
“งั้นไอ้บอด หึหึ”
นิ้วกลางถูกแจกไปหนึ่งที…
สุดท้ายก็ซ้อมเสร็จเท่ากันคือเที่ยงคืนกว่า ปุ้นเดินลงมาจากเวทีก็เจอไอ้ตาบอดนั่งพิงกำแพงหลับไปแล้ว
“เดี๋ยวมึงจะไปส่งเพื่อนกูหรอ?”
คนเห็นเพื่อนตัวเองเดินเข้ามา
“เออเดี๋ยวกูไปส่งเอง กูพามันมาได้ก็พามันกลับได้”
ไม่มีมารยาทระหว่างรุ่น
“เพื่อนกูอยากไปกับมึงหรอ?”
เต็งหนึ่งเลิกคิ้ว ก็พอจะดูออกว่าถ้ามาด้วยกันได้มันต้องมีอะไรบางอย่าง แต่จะไม่ฟันธงจนกว่าเพื่อนจะบอกเอง
“เออดิ เมื่อวานมันก็อยู่กับกู”
“แล้วมึงพามันไปตัดแว่นยัง”
เรียนด้วยกันไอ้แมทมองสไลด์อาจารย์ไม่เห็นสักคาบ ทำฟอมูล่าก็ลำบากเพราะหาของไม่ค่อยเจอ มันมองไม่ชัดไปหมด
“ยัง”
ยักไหล่
“พามันไปด้วย”
“จะพาไปพรุ่งนี้แหละ ไม่ต้องสนมันหรอก กูดูแลอย่างดี”
“ให้แน่นะ?”
“มึงนี่ทำตัวเป็นพ่อมัน”
ตาคมสองคู่มองกันสักพักก่อนเต็งหนึ่งจะยกยิ้มแล้วยอมเดินออกมาหาคนที่ยืนถือโน้ตเพลงรอที่ประตู
“ฮ้าวว เสร็จแล้วหรอ”
ปุ้นก้มหน้าลงมองคนขยี้ตาป้อยๆก่อนจะลดตัวลงนั่งยองๆ
“ไปได้แล้วบอด ไปกินข้าวต้มกัน กูมีร้านเด็ด”
“อือ…”
คนตัวเล็กกับคนตัวสูงโย่งเดินคู่กันก่อนแขนยาวจะตวัดล็อคคอคนที่เผลอเดินห่างออกไปเล็กน้อยเข้ามาใกล้
“อะไรวะ…”
“เดี๋ยวมึงมองไม่เห็นทาง กูจะเสียสละตัวเองเป็นเนวิเกเตอร์ให้มึงเอง”
=======================
เจอเม้นบนบอกอยากได้เคะแบบเต็งหนึ่ง บอกเลยเราเกือบให้เต็งหนึ่งเคะแล้ว เพราะเราอยากได้เมะแบบเป็นเอก 5555555555555
ไว้สลับกันดีมั้ย ? -...-