แจ้งก้ะ สำหรับคนไม่เล่นเฟสนะก้ะ >__<
ขออนุญาตชี้แจงนะคะ
เรื่องเป็นเอกที่จบห้วน มันห้วนจริง 555 แต่!!!
มันเป็นเรื่องที่จะจบในตอนพิเศษ เพราะ!!!
แบมยังมีปมที่ยังไม่คลาย ซึ่งจะเก็บไว้เฉลยตอนพิเศษ เพราะเป็นปีกย่อยที่จะทำให้เรื่องหลักมันยืดเยื้อนะก้ะ
ซึ่งปมทั้งหมดจะลงเว็บแน่นอน ไม่ไปกั๊กในเล่มนะจ๊ะ
ปมที่มีเม้นมาถามก็เช่น สเปียล่ะ? ศิวาล่ะ? คนมีชื่อเหล่านี้มีเรื่องและที่มาที่ไป -....- ซึ่ง!!! อยุ่ในตอนพิเศษ
และที่สำคัญ ... ยังไม่ได้เฉลยเลยว่าใครวางยาเป็นเอก ทำให้เดินตามกรีนไป (จำได้มุ้ยยย) -...-
เรียกว่าจบนี่คือจบเรื่องหลักนะค้า รอดูปมต่างๆและลุ้นต่อก่อนนะคะ 555
ปล. .... ยังเจอกันอีกหลายตอนค่ะ อย่าพึ่งนอกใจเป็นเอกน้า คิคิ
ปล2. ขอบคุณที่คอมเม้นตั้งข้อสัง้กตนะคะ เพราะแบมจะได้นำมาพัฒนางานตัวเอง
ปล3. แบมก็ไม่ชี้แจงให้ชัดเจนเอง T-T ขอโทษด้วยนะก้ะ
===========================================
ตอนพิเศษ 1 พินัยกรรม
ตอนนี้อาการของเป็นเอกเริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายดีทำให้วันเปิดพินัยกรรมเป็นเอกไม่สามารถรับสิทธิ์ในการดูแลกิจการของนฤนาฏได้ ซึ่งทุกคนรู้ดีจึงมารอฟังว่าคุณอัศวพลจะจัดการยังไงในกรณีนี้
ซึ่งระดับผู้ที่บริหารนฤนาฏมีทั้งชีวิตย่อมมีหนทางแก้ไขใส่ไวในพินัยกรรมด้วย
“ครบแล้วก็เริ่มเถอะฉัตร”
เอกอัครานั่งไขว่ห้างมือประสานกันอยู่ที่หน้าตักบนโซฟาตัวยาว เอกบดินทร์ยืนหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง วลัลลนานั่งอยู่กับภรรยาของอรุณ ส่วนภรรยาของเอกรินทร์ไม่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมเพราะไม่ได้จดทะเบียนและไม่มีชื่อเอ่ยถึง
“ยังไม่ครบครับ”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แม้แต่เอกบดินทร์ยังหันมาขวดคิ้ว
“เหลือใครอีกคะ?”
“เอ่อ…มาแล้วครับ”
เต็งหนึ่งเปิดประตูเข้ามางงๆ ก่อนทนายฉัตรชัยจะผายมือให้นั่งลงซึ่งเจ้าตัวก็รีบนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่ว่างอยู่ใกล้ประตู ใบหน้ายังเหรอหราไม่เข้าใจว่าตัวเองมาเกี่ยวอะไรกับการเปิดพินัยกรรมบ้านนี้
“นี่จะมีใครอีกหรือเปล่า?”
เอกบดินทร์ขมวดคิ้ว
“มี”
“หืม?”
เอกอัคราทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่ถึงห้าหน้าทีผู้ชายสองคนก็เปิดประตูเข้ามา… คนแรกตัวสูงโปร่งในชุดสูททำงานเรียบร้อยและมีกระเป๋าเอกสารถืออยู่ข้างกาย
คนที่สองตัวหนากว่าแม้ส่วนสูงจะไล่กัน ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์สีเข้มใบหน้าคมกว่า
แต่ที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ…ดวงตาสวย…เอกลักษณ์ของนฤนาฏที่เหมือนคุณอัศวพล เอกบดินทร์…เป็นเอก…และสองคนนี้มีเหมือนกัน
“ขอแนะนำให้รู้จักครับ คนแรกคุณศิลป์ นฤนาฏ และคนที่สองคุณศิวา นฤนาฏ … ลูกนอกสมรสของคุณท่านอัศวพลครับ”
เอกอัครายกมือกุมขมับ
“อะไรนะ? สเปียร์เนี่ยนะ!! ”
น้องคนเล็กของบ้านเบิกตากว้างกัดฟันกรอด
“คุณสเปียร์… เอ่อ คุณศิลป์เข้ามาทำงานในบริษัทแผนกเดียวกับที่คุณเป็นเอกไปฝึกงาน ก็อย่างที่คุณดินเข้าใจครับ …คุณสเปียร์ถูกคุณดินลากเข้าไปช่วยยักยอกอำนาจจากของริน”
นอกจากหัวหน้าแผนกบริหารธุรกิจก็มีคนหน้าอ่อนอย่างสเปียร์นี่แหละที่ถูกเอกบดินทร์ดึงไปช่วยเรื่องการยักยอกและเอกสาร
“แล้วทำไมไม่บอกกันวะ! ห้ะสเปียร์ แล้วนี่… ตกลงอายุเท่าไหร่เนี่ย”
“ยี่สิบแปดครับ…ผมก็เพิ่งรู้ไม่นาน ผมกับพี่สกายพึ่งได้กลับมาประเทศไทยเมื่อห้าปีก่อน เราก็งงเหมือนกันครับเพราะรู้จากคุณแม่ว่าท่านแยกทางกับคุณพ่อแต่คุณพ่อก็ยังส่งเสียพวกเราเรียน…จนถูกเรียกกลับไทยมาทั้งคู่”
เด็กกว่าเอกบดินทร์สิบปีพอดี
“พ่อนะพ่อ”
เอกอัคราพ่นลมหายใจด้วยความเซ็ง เห็นหน้านิ่งๆตามใจภรรยาทุกอย่างคุณพ่อก็ยังไม่ทิ้งลายคาสโนว่าไปแอบไข่ไว้อีก
“คุณศิวาหรือคุณสกายก็ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดของคุณอัศวพลอยู่ช่วงหลังก่อนท่านเสียชีวิตแล้วก็ทำหน้าที่นักสืบเต็มตัวร่วมกับคุณธารธารา…คุณอัศวพลท่านเหมือนระแคะระคายเรื่องคุณทั้งสี่คนแย่งสมบัติกัน ท่านจึงให้ยกสมบัติทั้งหมดให้คุณเป็นเอก หลานคนเดียว…เพราะนอกจากคุณเป็นเอก..พวกคุณทั้งสี่และคุณศิลป์กับคุณศิวาไม่มีลูกอีกแล้ว ท่านมองว่าให้หลานไปซะก็จบพี่น้องจะได้ไม่ต้องแย่งกัน”
“ก็ให้ไปสิครับ ผมกับสเปียร์เราไม่ได้อยากได้สมบัติคุณอัศวพล”
ศิวาที่เงียบมาตลอดยักไหล่ไม่ใส่ใจ เพราะตัวเองไม่ได้มายุ่งกับบ้านนี้มาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะใช้นามสกุลแต่ก็ไม่ได้ถือสัญชาติไทยเพราะไปเกิดและโตที่อเมริกา ขนาดตอนทำงานยังเปลี่ยนไปใช้นามสกุลอื่น ตอนโดนดึงตัวมาช่วยงานสืบสวนเพราะพึ่งลาออกจากงานที่นั่นก็ยังแปลกใจด้วยซ้ำว่าทำไมนายจ้างนามสกุลเหมือนที่ตัวเองเคยใช้ สเปียร์ก็เปลี่ยนนามสกุลเหมือนกันก็ถูกเรียกกลับมาทำงานที่บริษัทเพราะทนายนี่แหละที่ติดต่อแม่ไปว่าพ่ออยากเจอลูกชายบ้าง
มารู้ทีหลังว่าตัวเองกับน้องเป็นลูกนอกสมรส แต่มันก็แก่เลยวัยจะมาทำตัวมีปัญหา วัยเด็กเขากับน้องก็ใช้ชีวิตมีความสุขเพราะพ่อก็ยังส่งเงินให้ ช่วงแม่ตกงานก็ไม่ได้ใช้ชีวิตลำบาก
“ท่านเขียนเงื่อนไขไว้ครับ ถ้าคุณเป็นเอกไม่สามารถดูแลกิจการนฤนาฏทั้งหมดได้…ต้องแบ่งกันให้ทุกคน ซึ่งท่านได้แบ่งสัดส่วนมาทั้งหมดแล้ว”
“เอ่อขอโทษนะครับ แล้วผมเกี่ยวอะไร…”
เต็งหนึ่งที่ถูกเรียกเข้ามาไม่รู้เรื่องรู้ราวถามขึ้น
“คุณหนึ่งได้รับมรดกด้วยครับ”
คนได้รับมรดกเบิกตากว้างเพราะตัวเองไม่ได้มีสายเลือด มีบทบาท เรียกได้ว่านอกจากเป็นแฟนเป็นเอกก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยแม้แต่ขี้เล็บ!!!
“งั้นครบแล้วเราจะเริ่มเปิดพินัยกรรมกันเลยนะครับ”
นฤนาฏเป็นเจ้าของสี่บริษัทใหญ่…หุ้นส่วนใหญ่ถูกยกให้เอกบดินทร์ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานเครือนฤนาฏไปโดยปริยาย เอกอัครายังคงถือหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นเท่าเดิมที่คุณอัศวพลเคยยกให้ไปก่อนแล้วแต่ได้รับคฤหาสน์นฤนาฏไปด้วย
“พ่อนะพ่อ…”
หวนนึกถึงไปสมัยที่พ่อยังอยู่เอกอัคราเคยถูกเรียกเข้าไปเซ็นรับหุ้นในห้องทำงาน…ยังจำได้ดีวันที่พ่อบีบไหล่เขาเบาๆ
‘อัคร…พ่อเชื่อว่าถึงอัครจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่อัครจะรักษาตระกูลเราไว้ได้…พ่อรักบ้านนี้ที่สุด อัครก็รักบ้านนี้ มากกว่าริน อรุณ หรือดินด้วยซ้ำ ช่วยพ่อดูแลบ้านนะ’
ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว
“ส่วนหุ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์ จะเป็นของคุณศิวากับคุณศิลป์บริษัทละห้าเปอร์เซ็นนะครับ หุ้นที่เหลือก็อย่างที่ทราบว่าบริษัท
เราเข้าตลาดหลักทรัพย์ดังนั้นจึงไม่สามารถดึงมาเป็นพินัยกรรมได้ บริษัทลูกที่เดนมาร์กถูกยกให้คุณเอกรินทร์แต่เจ้าตัวได้ทำความผิดเงื่อนไขผู้รับพินัยกรรมตอนนี้จึงอยู่ในอำนาจการตัดสินใจของคุณดินนะครับ ส่วนคุณเอกอรุณคุณท่านยกบริษัทที่อังกฤษให้ทั้งหมดรวมถึงที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นบริษัทใหม่ และยังมีเพนท์เฮาส์ริมแม่น้ำอีกห้าแห่งในยุโรป คุณแตงที่เป็นภรรยาจะรับดูแลทั้งหมดนะครับ”
“แต่…แตงไม่รู้เรื่องบริหารเลยค่ะ”
ภรรยาที่เป็นแม่บ้านคอยดูแลลูกเกิดความกังวล
“ไม่เป็นไรครับคุณแตง เราจ้างทีมบริหารได้ให้คุณเอกกับคุณดินช่วยก็ได้ครับเพราะยังต้องขึ้นกับบริษัทแม่อยู่”
“ไม่เป็นไรนะคะแตง พี่อัครช่วยดูแลแน่นอนค่ะ”
“เหอะ…”
ผู้ชายใจร้อนคนเดียวของห้องสบถในลำคอหลายคำ สร้างความงุนงงให้กับสาวร่างบาง แต่เอกอัครากับอมยิ้ม ‘ความขี้หึง’ ของน้องชายตัวเอง
“เรื่องที่ดินทั้งหมดยกให้คุณเอกบดิทร์นะครับ แต่คอนโดในกรุงเทพ ที่คุณสเปียร์ได้หนึ่งห้องท่านยกให้เลย ส่วนอาคารกระจากสามชั้นที่คุณศิวาใช้ทำงานท่านก็ยกให้ครับ พร้อมคอนโดอีกหนึ่งห้อง”
“คุณอัครได้ห้องเดิมที่เคยอยู่นะครับ ส่วนคุณดินได้อีกสิบห้องที่เหลือ แล้วผมจะส่งรายละเอียด โฉนด สัญญาทุกอย่างให้ทุกคนนะครับ อ้อ…มาถึงส่วนของคุณเต็งหนึ่ง”
“ครับ?”
“คอนโดที่ตอนนี้คุณพักอาศัยอยู่กับคุณเป็นเอก…ท่านยกให้เป็นชื่อคุณครับเพราะท่านบอกว่าที่นั่นเป็นบ้านคุณกับคุณเป็นเอกไปแล้ว ท่านจะไปแย่งคืนก็คงไม่ดี”
คนถูกแซวในพินัยกรรมเขินจนยกมือเกาหัวแกรกๆ ได้แต่อ้อมแอ้มขอบคุณ
“ไว้อาจะเข้าไปเอารถคืนนะหนึ่ง”
เอกอัครายิ้มแซวแฟนลูกชาย
“อ่า..ครับ ผมสั่งช่างเชคสภาพไว้หมดแล้ว คราวก่อนมันโดนตัดสายเบรกซะหมด”
ทุกคนหน้าเครียดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เพราะตัวต้นเหตุก็เข้าไปรับใช้โทษตามกฎหมายแล้ว
“ส่วนคุณวลัลลนาท่านยกชุดเครื่องเพชรของคุณหญิงแพงภัตราให้ทั้งหมดนะครับ”
คุณหญิงที่ตรอมใจจากไปหลังจากเสียสามีไปไม่นาน
“ลัลไม่ได้ที่ดินหรือหุ้นอะไรเลยหรอ?”
เอกบดินทร์แย้งขึ้นมา ถึงยังไงก็สะใภ้ใหญ่
“ท่านเขียนไว้ว่า…คุณลัลมีคนดูแลที่ดีอยู่แล้วครับ ท่านบอกคุณอัครดูแลภรรยาได้ดี”
“เหอะ…”
สบถยาวอีกรอบ…
“จบยัง จะได้ไป!”
“หมดแล้วครับ”
เอกบดินทร์กระแทกเท้าเดินออกจากห้องคนแรก วลัลลนารีบวิ่งตามไป
หญิงสาวตัวเล็กวิ่งตามผู้ชายขายาวที่เดินไวอย่างกับติดจรวด
“คุณดินคะ…รอลัลก่อน”
คนฟัง ยิ่งฟังยิ่งหงุดหงิด ก้าวเท้าเร็วขึ้น
“โอ๊ย..”
หันขวับไปมองเมื่อผู้หญิงตัวเล็กสะดุดเท้าตัวเองล้มอยู่ตรงหน้าบันได ชีวิตของวลัลลนาไม่เคยได้วิ่งเร็วๆสักที เดินยังเชื่องช้า…
“เจ็บมั้ยน่ะ”
ถอนหายใจยอมเดินกลับไปรวบเอวบางดึงขึ้นยืนข้างกัน
“คุณดินจะไปไหนคะ”
ไม่ตอบ…แต่ถามกลับ
“กลับบ้าน นี่บ้านพี่อัครไม่ใช่บ้านฉัน”
“ทำไมไม่รอลัลคะ”
“ก็คนดูแลเธออยู่นี่ ก็อยู่กับพี่อัครไปสิ”
เบือนหน้าหนีปล่อยแขนที่โอบเอวบางออก แต่สาวเจ้าก็รีบคว้าต้นแขนแกร่งไว้
“พี่อัครทั้งใจดี มีน้ำใจ ไม่เคยทำลัลเสียใจ…แต่พี่อัครดูแลลัลไม่ดีหรอกค่ะ”
“ชมขนาดนี้ไม่ดีตรงไหนหา!!”
“ลัลอยากอยู่กับคุณดินมากกว่า ถึงคุณดินจะนิสัยเสียแต่…ลัลรับได้นะคะ”
“ยัยบ้า! ตบหัวแล้วลูบหลังเรอะ”
“พาลัลไปด้วยนะคะ”
ยิ้มอ้อน
“คำก็พี่อัคร…สองคำก็พี่อัคร…ฉันมันแค่คุณดิน…”
บ่นหน้าดุแล้วสาวเท้าเดินต่อแต่คราวนี้เดินช้าให้หญิงสาวตัวเล็กเดินตามทัน
“ทำไม…พี่ดินขี้หึงจังคะ”
“ปล่อยเลย!”
“อ้ะ…เท้าลัล…”
เอกบดินทร์รีบก้มมองข้อเท้าขาวเนียนที่น่าจะเจ็บจากการล้มเมื่อครู่
“ไปโรงบาลมั้ย”
กังวล..
“เจ็บนิดเดียวเองค่ะพี่ดิน”
ฟังแล้วมันก็เขิน แต่ก็ยังหน้าเครียด
“เผื่อมันเป็นหนัก”
“พี่ดินเดินช้าๆ…รอลัล ก็ไม่เจ็บแล้วค่ะ”
เอกบดินทร์ขมวดคิ้ว…ทำไมรู้สึกยัยผู้หญิงนุ่มนี่มีอิทธิพลในชีวิตเขาจังวะ! ทำไมเขานึกถึงกวางน้อยในเพจพ่อบ้านใจกล้าขึ้นมาตะงิดๆ…
“แล้วทำไม…ตอนนั้นถึงยอมแต่งกับพี่อัคร”
ถามขณะอยู่บนรถโดยมีร่างนุ่มนิ่มเอนตัวพิงไหล่
“ก็…ลัลท้องตอนอายุสิบห้า…คุณดินก็เพิ่งสิบเจ็ด…คุณพ่อกลัวคุณดินเสื่อมเสียชื่อเสียง…ถึงให้พี่อัครมาแต่งกับลัลก่อน อยู่ๆไปรอคุณดินโตค่อยหย่ากับคุณอัครมาอยู่กับคุณดินทีหลัง…แต่คุณดินใจร้ายเอาแต่ว่าลัลคุณพ่อเลย…บอกว่าให้ลัลอยู่กับพี่อัครน่ะดีแล้ว…”
“พี่ดิน”
“คะ…อ้อ…ค่ะพี่ดิน”
ยิ้มน่ารัก…
“ชิ…พ่อนะพ่อ จะกลัวไรแค่ชื่อเสียง”
“แต่พี่ดินก็ชอบใจร้ายกับลูกเรา”
ยังจำภาพได้ที่เด็กชายเป็นเอกชอบโดนอาดินต่อว่าบ่อยๆ
“เห็นแล้วมันหมั่นไส้ พ่ออยู่ตรงนี้ดันเรียกอาดินๆ อยู่นั่น! ไอ้พี่อัครก็ไม่ใช่พ่อเรียกพ่อๆๆอยู่ได้ นอกจากขาวแล้วพี่อัครหน้าเหมือนมันตรงไหน”
ลัลได้แต่หัวเราะเบาๆกับความเจ้าอารมณ์ของคนรัก…ถ้าสังเกตสักนิดเป็นเอกหน้าเหมือนเอกบดินทร์จะตาย…แต่อารมณ์ไม่ร้ายเท่า…
ไม่มีใครขี้โวยวายเท่าเอกบดินทร์หรอก…ขี้หึงด้วย
“จริงๆลัลมีเรื่องจะบอกค่ะ”
“อะไรอีก?”
“ลัลท้อง…สี่เดือนแล้วค่ะ”
คนขับรถถึงกับเบรกตัวโก่งจนรถข้างหลังบีบแต่ด่าเป็นแถว ตาสวยเบิกกว้างหันมามองหญิงสาวที่ยังยิ้มน่ารัก…ก็ช่วงที่ผ่านมาลัลก็อยู่กับเขาตลอด…ลูก…
“ลัลอยากให้เป็นลูกสาวจัง เอกมีน้องสาวน่าจะดีใจนะคะ พี่ดินว่าไง”
“ไป.. ไปโรงบาล! เมื่อกี๊ล้มใช่มั้ย ลูกจะกระทบหรือเปล่า แล้วทำไมไม่บอกฉันหา!”
“ลัล…กลัวพี่ดินตกใจ”
“ยัยโง่!”
=========================================
-...- จริงๆเราชอบคุณเอกบดินทร์นะ ไม่รู้ดิ ดูปากร้าย งอแง 55555555555