ตอนที่ ๑๑
สอบกลางภาคของภาคเรียนที่ ๑ ผ่านไป
ช่วงเวลา ๑ อาทิตย์ ก่อนสอบผมไม่ได้ไปตามเรื่องกี้เลย เพราะต้องตั้งใจติวหนังสือช่วยกันกับเพื่อนในกลุ่ม
แต่ก็พยายามกันโอ๊ตออกจากกี้นะครับ ในกรณีที่โอ๊ตจะไปนอนกับกี้ อ้างโน่นนี่นั่นไปให้โอ๊ตเปลี่ยนใจหรือชวนโอ๊ตไปอ่านหนังสือดึกๆ โดยที่กี้ก็ต้องไม่เอะใจอะไร
ภาพที่ผมมองมิคกี้ หรือ กี้ เด็ก ม.๕ ใสๆ นั่นเปลี่ยนไปเยอะครับ กลายเป็นว่าผมมองด้วยความเวทนา สงสาร หรือมองด้วยความสับสนว่าที่ทำไปนั่นตั้งใจ เต็มใจ หรือโดนป้าบังคับ
..........................................................................................
“ผลการเรียนก็ดูดีขึ้นนะ โอ๊ตกลับมาเป็นปกติแล้ว จากที่ขี้เกียจมานาน”
ผมเอาผลการสอบกลางภาคของโอ๊ตมาให้คุณบิ๊กดูครับ โดยเรานัดเจอกันที่ห้องผมนี่แหละ
“ครับ” ผมตอบกลับไปแบบเหม่อๆ จะบอกดีไหมนะ
“อ้าวเป็นอะไร เมื่อกี้ได้ฟังไหม” อะไรนะ ผมเหม่อและเบลอจริงๆ
“ครับผมขอโทษครับคุณ”
“เมื่อครู่ผมบอกว่า อยากให้โอ๊ตเรียนดีขึ้นกว่านี้อีกนะ ไม่จำเป็นต้องที่หนึ่งหรือที่สองของห้องหรอก เอาแบบที่อยู่ในกลุ่มที่เรียนดีแล้วกัน ตกลงนะ”
“ได้ครับ เอ่อ คุณบิ๊ก ผมมีเรื่องจะบอก” ผมเหงื่ออกรักแร้แล้วครับตอนนี้
“เรื่องอะไร บอกได้ เห็นเหม่อมานาน มาปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ ที่รู้มาคือน้องโอ๊ต บางคืนก็ไม่ได้กลับบ้านใช่ไหมครับ” เริ่มแซะๆเข้าไปแล้วกัน
“ใช่จริงด้วย ผมลืมคุยกับคุณเรื่องนี้”
“คือโอ๊ตไปนอนห้องเพื่อนครับ แต่มันมีปัญหาตรงที่ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”
“ใช่เพื่อนจริงๆใช่ไหม”
“ใช่ครับ เป็นเพื่อนในกลุ่มนี่แหละครับ”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมตั้งใจจะถามว่า เพื่อนจริงๆหรือแฟน” อ้าว คุณบิ๊กรู้หรอว่าหลานตัวเองชอบแบบนั้น
“เอ่อ คือ”
“เล่ามาให้หมด ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ผมจะช่วยคุณเอง”
ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ละเอียดอีกที โดยเฉพาะที่ของกี้ที่ผมรู้มาทั้งหมด
“เฮ้อ” คุณบิ๊กถอนหายใจยาว แล้วทิ้งตัวลงเอนไปกับโซฟาที่ห้องรับแขกของผม หลังจากฟังเรื่องทั้งหมด
“แต่คุณ มันไม่ใช่ความผิดโอ๊ตหรอกนะ”
“ผมเข้าใจ ขอผมคิดสักครู่แล้วกันว่าจะเอาอย่างไรดี”
“ครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำผลไม้เย็นๆมาให้”
ผมเดินไปเตรียมน้ำให้คุณบิ๊ก ปล่อยให้ได้คิดดูก่อนแล้วกัน
...................................................................................
“เอาแบบนี้แล้วกันนะ ฝากโอ๊ตด้วยนะบีน วันนี้ผมกลับก่อน”
คุณบิ๊กกลับไปแล้ว ผมมานั่งทบทวนเรื่องที่คุณบิ๊กได้บอกผมไปว่าจะจัดการอย่างไร
เริ่มแรกเลย ต้องหาทางเข้าห้องกี้ไปให้ได้ หาพวกเศษยาถ้าใช้จริงจะพวกอุปกรณ์ที่ใช้ในการเสพ ไฟแช็ค ขวดปอปเปอร์ ถ่ายรูปมาให้หมดนะ ลองค้นตามถังขยะหรือถุงขยะดู
ส่วนเรื่องกี้ส่งยา คุณบิ๊กจะให้ลูกน้องที่เก่งๆสะกดรอยตามพร้อมกับถ่ายรูปยืนยันเป็นหลักฐานอีกที
ถ้ารู้เรื่องทั้งหมดแน่ๆแล้วว่ากี้ทั้งเสพและส่งยา คุณบิ๊กตกลงไว้ว่าให้เอาเรื่องนี้ไปตกลงกับกี้ก่อนว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ ให้เลิกทำซะ โดยอ้างเหตุผลที่สมเหตุสมผล พร้อมสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องทั้งหมดกับโอ๊ตและคนอื่นๆ
งานและภาระมาอีกแล้ว เหนื่อยๆ ขอนอนพักแล้วกัน วันจันทร์ต้องแอบจิ๊กกุญแจห้องกี้มาให้ได้
..................................................................................................
หลังเลิกเรียนผมก็ออกอุบายให้กี้ไปร้านหนังสือที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งกับผม วันก่อนไปดูร้านปั๊มกุญแจมาแล้วครับ ว่ามีอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ไม่แพง ได้เร็วด้วย
“ซื้อแล้วไปหาอะไรกินกันเนาะกี้”
“ก็ดีกี้ก็หิวๆแล้วเหมือนกัน”
เราสองคนไปหาที่นั่งในฟู๊ดคอร์ท เลิกที่นั่งในมุมลึก โดยผมให้เหตุผลว่าต้องการที่เงียบ กี้ก็เออออไป ผมเลยให้กี้ไปซื้ออาหารก่อน จะได้เอากุญแจที่อยู่ในกระเป๋าไปปั๊ม ซึ่งผมแอบมาหาดูก่อนตอนพักเที่ยงว่าอยู่ช่องไหนของกระเป๋า
เจอแล้ว ผมหยิบมันมันใส่กระเป๋ากางเกงก่อนรูดซิบให้เรียบร้อย
กี้มาพร้อมอาหารแล้วนั่งลงที่โต๊ะ
“ไปสั่งข้าวไปบีน ”
“โอเค เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำด้วยนะ ปวดท้อง” กี้พยักหน้าตกลง
ผมรีบเดินไป ก็จะเป็นวิ่งไปที่ชั้นใต้ดินแล้วปั๊มกุญแจ สองดอก อันแรกเป็นของลูกบิด อีกอันเป็นของกุญแจคล้องสายยู
เรียบร้อยครับ ใช้เวลาไม่ถึง ๑๐ นาที ผมรีบไปสั่งข้าวแล้วกลับไปนั่งทานข้าว
“ทำไมเหงื่อเยอะขนาดนั้นล่ะบีน ร้อนหรอ”
“อ้าวหรอ ในห้องน้ำมันร้อน เออบีนลืมซื้อน้ำ ฝากซื้อด้วยนะ”
“ได้ๆ เดี๋ยวไปซื้อตอนนี้แหละ”
จังหวะที่กี้ไปซื้อน้ำก็ตามแผนครับ ผมก็เก็บกุญแจไว้ในกระเป๋าของกี้เหมือนเดิม
เย็นวันต่อมาผมได้ขอให้บอยไปที่ห้องกี้ด้วยกัน เพราะว่าจะไปตรวจดูในห้องว่ากี้เล่นยาจริงหรือเปล่า
เรายืนกันอยู่หน้าหอกี้หลังเลิกเรียน ซึ่งตอนนี้กี้ไปดูหนังกับพวกโอ๊ตอยู่ คงกลับช้า
ดีนะครับที่หอไม่ได้หรูหรือแพงมาก เลยไม่มีคีย์การ์ด ไม่อย่างนั้นคงต้องยุ่งยากมากกว่านี้
“ เอายังไงดีบอย ค้นดูจากตรงไหนก่อน” ผมถามบอย เข้ามาในห้องกี้แล้ว ห้องกี้ก็ห้องพักธรรมดาครับ เล็กๆ มีเตียงใหญ่หน่อย ตู้เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็น โต๊ะทำการบ้าน ห้องน้ำ ระเบียง
“ เดี๋ยวบอยจะไปค้นดูถังขยะก่อน ส่วนบีนก็ไปดูตามตู้เย็นนะ ”
“โอเค” บอยไปคุ้ยดูถังขยะ ส่วนผมหาดูตามตู้เย็น บนหลังตู้เย็นจะมีกล่องอยู่หลายกล่อง
ผมเปิดไปมาก็เจอกับหลอดกาแฟ ที่มีทั้งปากธรรมดาและปากแหลม ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์เสพยาไอซ์ ผมเอามือถือขึ้นมาถ่ายหลอดไว้
“บีนๆ นี่ใช่ไหม” บอยที่ค้นถุงขยะอยู่ที่ระเบียงเรียกผม
บอยหยิบถุงซิบพลาสติกเล็กๆเปล่า ที่เหมือนใช้งานแล้ว ขึ้นมามีอยู่สามสี่ถุง พร้อมกับถ่ายรูปไว้ ผมหยิบถุงที่มีเหมือนเศษผงคล้ายเกร็ดใสๆเหลืออยู่ มาเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนทิ้งถุงซิบอันที่เหลือไปในถุงขยะ
“ค้นดูอีกถุงซิบอย”
บอยมัดปากถุงขยะถุงแรกไว้ ก่อนเดินไปเปิดปากอีกถุง
และค้นดู
ระหว่างค้นก็เจอทั้งไฟแช็คและก็ซองบุหรี่
“เฮ้ย ไอ้เชี่ย แหวะ” บอยร้องขึ้น
“อะไร ”
“ถุงยาง ใช้แล้วด้วย จะอ๊วก เดี๋ยวบอยไปล้างมือก่อน ” อี๋ ถุงยางจริงๆครับ ของน้องโอ๊ตหรือเปล่านะ
ผมนั่งไปเขี่ยดูต่อก็เจอกับถุงสีดำอีกถุง แกะดูข้างในมีขวดสีน้ำตาลเล็กๆสี่ขวด
เป๊ะเลยครับ ตามที่หาดูในเน็ต นี่มันขวดปอปเปอร์ ที่ใช้ดมตอนที่มีอะไรกัน
ผมเก็บไว้กับตัวเอง ๑ ขวด ก่อนจะจัดการเก็บของให้เรียบร้อย
“บอยป่ะ” เมื่อได้เจอของที่ต้องการและถ่ายรูปแล้วผมก็ชวนบอยกลับ
.................................................................................................
“ได้มาแล้วครับคุณบิ๊ก”
ผมโทรหาคุณบิ๊กเมื่อกลับมาถึงคอนโด แล้ววางพวกของผัก เนื้อ ใข่ ต่างๆ ที่ซื้อจากซูปเปอร์มาเกต มาทำกับข้าวกันกับบอย ซึ่งเด็กบอยขอกลับไปเก็บของที่บ้านก่อน คืนนี้จะมานอนค้างด้วย
คุณบิ๊กก็เซอร์ไพรส์ผมด้วยการมาดูของพร้อมกับรูปถ่ายที่ผมได้มาที่คอนโดผม พร้อมกับรูปถ่าย ตอนนี้เลยทันที ให้เหตุผลว่าขับผ่านมาพอดี ก็ไม่บอกกันเลยนะ
“ใช่ ยาจริงๆ ผมไม่สบายใจเลยคุณกับเรื่องแบบนี้ คบกันไม่ว่านะ แต่มันต้องไม่ใช่อะไรแบบนี้ ”
“ใจเย็นคุณบิ๊ก น้องโอ๊ตไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก คือตอนนี้เราสบายใจไปเรื่องหนึ่งคือ โอ๊ตคงไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่องส่งยาหรอก เพียงแต่ผมห่วงเรื่องที่ว่าเวลาโอ๊ตไปค้างห้องกี้จะเสพยาพวกนี้ด้วยหรือเปล่านี่ล่ะ”
“ช่วงหลังๆโอ๊ตก็นอนที่บ้านตลอดนะ เอาเป็นว่าผมมั่นใจในระดับหนึ่งนะคุณว่าหลานผมไม่เกี่ยวกับยาเสพติดหรอก”
คุณบิ๊กพูดขึ้นอย่างมั่นใจ ผมก็คิดแบบนั้นแต่บางครั้งก็อยากเผื่อใจไว้
“แล้วต่อไปก็ตามแผนเลยใช่ไหมครับ”
คุยกันซะเพลินเลยครับ บอยถึงไหนแล้วนะ อาจจะใกล้ถึงแล้วเพราะตอนแยกกันผมยังไม่ได้ไปซื้อของเลย
“ตามนั้นเลยบีน”
.............................................
“จะกลับเลยไหมครับคุณบิ๊ก ดูคุณเหนื่อยๆ” ต้องเร่ง เดี๋ยวบอยมาแล้วจะยุ่งยาก
“ใช่ผมเหนื่อย ขอนั่งพักก่อนแล้วกัน” ตายแล้ว แล้วบอยมันก็ขึ้นมาเองได้ด้วยนะครับ เพราะผมแจ้งกับยามข้างล่างไว้แล้ว
“ทำไมเหรอ ดูแปลกๆ”
“เอ่อ คุณคือเพื่อนผมจะมาห้องครับ เพื่อนในห้องม.ปลายนี่แหละ ผมกลัวความลับจะแตก”
“อ้าว ก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรก อย่างนั้นเดี๋ยวผมไปก่อนแล้วกัน”
ติ๊ง ติ๊ง
ตายห่าแล้วเสียงกริ่ง บอยมาแล้ว
เอายังไงดี
“บอกว่าผมเป็นญาติคุณสิ ไม่เห็นจะยาก เดี๋ยวผมเปิดประตูเอง”
“เฮ้ยคุณ”
แกร๊ก
“บิ ” บอยกำลังจะทักผมก็ตกใจ ที่เข้ามาเห็นคุณบิ๊กยืนอยู่ตรงประตู
“คนนี้ใช่ไหมเพื่อนบีน สวัสดีครับพี่เป็นญาติบีนเอง ” เนียนจริงนะคุณบิีก
ทั้งสองก็ยืนนิ่ง มองหน้ากัน เป็นอะไรกันรู้จักกันหรอ
“สะ สวัสดีครับ” บอยทักทายคุณบิ๊กแบบยิ้มแห้งๆ
“เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะบีน” อยู่ดีๆ ก็รีบไปเลย
“ครับ” บอยตอบคุณบิ๊กก่อนปิดประตู
“ญาติบีนจริงหรอ” บอยถาม
“ใช่ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมก็โกหกหน้าตาย
“ไม่มีอะไร ทำกับข้าวกินกันเถอะ” ปรับอารมณ์เร็วจังนะ เด็กมัธยมนี่
..................................................................................................
“ไปไหนกันต่อไหมมึง กูว่าจะกลับไปก่อนว่ะ”
“อะไรวะ วันนี้อุตส่าห์มากันครบห้าคน” โอ๊ตโอดครวญอย่างเสียดาย เย็นวันศุกร์กลุ่มผมมาทานข้าวด้วยกันที่ห้างครับ เลิกเรียนปุ๊ปก็มากันเลย แต่อ๊อฟกลับก่อน
“กูต้องรีบไปเรียนพิเศษ ลืมไปเลยว่ามีเรียนวันนี้” ที่บ้านอ๊อฟมันเข้มงวดครับ จ้างครูมาสอนตัวต่อตัว
“เออ วันจันทร์เจอกัน”
“แล้วพวกเราเอาไงต่อ” ไบท์ถามขึ้น
“ไปกิน After you กัน” กี้ชวนพวกผม
“เออจริงด้วย ไม่ได้ไปนานแล้ว” โอ๊ตก็ดูสนใจ
“กูอยากกิน น้ำแข็งไสที่ korean dessert มากกว่า” ไบท์เสนอขึ้น ความเห็นเริ่มไม่ตรงกันแล้ว
“อย่างนั้นก็แยก ร้านอยู่ใกล้ๆกัน เดี๋ยวเราไปกับไบท์เอง แล้วกี้ก็ไปกับโอ๊ต โอเคนะ”
“ตกลงตามนั้น ป่ะกี้ ” โอ๊ตตกลง
โน่นเดินกอดคอกันไปแล้ว รักกันมากจริง หมั่นไส้
“อิจฉาหรอ” ไบท์ถามผมไม่พอ เอาหน้ามาใกล้อีก
“ไม่เลย แค่หมั่นไส้เฉยๆ ในโรงเรียนไม่เท่าไหร่หรอก พอออกนอกโรงเรียนเท่านั้นล่ะตัวติดกันเชียว ป่ะ ไปกันเถอะ”
“อารมณ์แปรปรวนจริงนะมึง”
..............................................................................................
หลังจากที่กินอะไรกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินดูเสื้อผ้า รองเท้า กับไบท์สักพัก
“แล้วนี่ ช่วงนี้ไม่ไปกับสาวๆบ้างหรือไบท์”
“ช่วงนี้ไม่มีว่ะ ตั้งใจเรียน ตั้งแต่มึงย้ายมาแล้วมาอยู่กลุ่มพวกกูนะ กูรู้สึกว่าพวกกูเรียนดีขึ้นว่ะ”
“ก็อยู่ที่ตัวเองด้วย ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เราคนเดียวหรอก”
“ว่าแต่ มึงรู้หรือยังว่าพรุ่งนี้พวกเราสี่คนจะไปเที่ยวผับกัน”
“อีกแล้วหรอ”
“อืม สงสัยอะไร”
“ไม่ ก็เห็นไปกันบ่อย ใครชวน”
“กี้ชวน เดี๋ยวนี้ดูมันอยากไปบ่อยนะ แต่ว่าช่วงที่คบกับพี่แทนมันก็ไปประจำนะ”
ส่งยา กี้ต้องไปส่งยาอีกแน่ๆ
ผมเดินกับไบท์สักพัก ก็เลยขอแยกทางกลับ และโทรหากี้
“กี้ ”
“ว่าไงบีน”
“อยู่ไหนถึงห้องยัง”
“ใช่อยู่ห้อง มีอะไรเปล่า”
“เออพอดี จะไปหา มีเรื่องคุยด้วย อยู่คนเดียวใช่ไหม”
“ใช่”
“เดี๋ยวไปตอนนี้เลย” ผมวางสายลงก่อนรีบไปที่หอของกี้
ต้องบอกให้ไปหยุดทำครับ จะยังไงก็แล้วแต่แล้วตอนนี้ จะปล่อยให้ถลำลึกไปแบบนั้นไม่ได้ ยังไงเป็นเพื่อนกันก็ต้องเป็นห่วงกันเป็นธรรมดาและก็กลัวโอ๊ตจะได้รับผลกระทบจากสิ่งที่กี้ทำอยู่ด้วยนี่แหละ
...
“มีอะไรหรือเปล่าบีน อยู่ดีๆก็มา แล้วนี่หาหอเจอได้ยังไง”
“โทรถามโอ๊ต”
“ถามเราก็ได้นะบีน รบกวนโอ๊ตเขา”
“กี้กับโอ๊ตนี่ดูรักกันจริงๆนะ กี้รักโอ๊ตมากไหม” ผมถาม
“มากสิ โอ๊ตช่วยเราได้มากเลย เราเศร้านะตอนที่เลิกกับพี่แทน ที่ผ่านมาก็ได้โอ๊ตนี่แหละที่คอยปลอบ คอยห่วงใย”
“แล้วกี้ทำอะไรให้โอ๊ตบ้างหรือเปล่า” ผมถามกลับอีก
“หมายความว่าไง แล้วนี่บีนจะมาคุยกับเราเรื่องอะไร” ผมรู้ครับว่ากี้เริ่มหงุดหงิด
“เรื่องนี้แหละ”
“เรื่องอะไร” กี้ดูหงุดหงิด ไม่ดูใสๆเหมือนอยู่กับโอ๊ตเลย
“เรื่องที่กี้ทำอยู่ไง มันไม่ดีนะกี้ อย่างน้อยก็เห็นแก่โอ๊ตเถอะ โอ๊ตไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”
“เรื่องอะไรก็บอกมาสิบีน” กี้เริ่มถามเสียงดังขึ้น
“เรื่องยาไง เลิกส่งและก็เสพเถอะ มันไม่ดี เรายังเด็กอยู่เลยนะ ไปทำอย่างนั้นได้ยังไง”
กี้อึ้งไปครับ จากนั้นเราก็เงียบกันไม่ถึงนาที
ฮึก ฮึก ฮืออออ
อ้าวกี้ร้องไห้ เจ้าน้ำตาจริง เชื่อได้ไหมนี่
“กี้ ฮึก กี้โดนป้าบังคับ คือ ฮึก บ้านกี้มีปัญหาเรื่องเงิน ก็เลยต้องส่งยา ”
“แล้วเรื่องเสพยาล่ะกี้”
“บีนรู้ได้ยังไง”
“รู้มาอีกที ได้ยินพวกกลุ่มฝั่งหน้าต่างเขาคุยกันในห้องน้ำที่โรงเรียน”
อันนี้ได้ยินมาตั้งแต่ผมย้ายเข้าแรกๆเลยครับ พึ่งนึกได้เมื่อวันก่อน กลุ่มนั้นเม้าว่า กี้เล่นยากับแฟนที่เป็นนักร้อง แต่ผมนึกว่าไม่ใช่มิคกี้ นึกว่าเป็นคนชื่อเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพวกนั้นรู้มาจากไหน
“ฮึก เรา ฮึก โดนพี่แทนบังคับ ”
“เฮ้อ”
ผมถอนหายใจแล้วนั่งลงปลายเตียงหันหน้าเข้าไปทางตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีลวดลายเป็นกระจกเงายาวๆ พอที่จะเห็นหน้ากี้โดยไม่ต้องหันหลังไปมอง ร้องไห้จริงด้วยแฮะหรือว่าเด็กมันโดนบังคับจริง แต่เรื่องมีอะไรกับคนส่งยาล่ะ จะถามก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะรู้อีกว่าผมตามไปดู
“เอาเป็นว่าจากนี้ก็พยายามเลิกนะกี้ พรุ่งนี้จะไปผับนี่ จุดประสงค์คืออะไร ส่งยาใช่ไหม”
ผมถามพร้อมเล่าว่าวันที่ไปผับกันครั้งก่อน ผมบังเอิญไปเห็นกี้ส่งยา
“ฮึก ฮืออออ”
“เราสัญญานะกี้ว่าจะไม่บอกใคร ตกลงไหม แต่กี้ต้องเลิกทุกอย่างนะ บีนเป็นห่วงโอ๊ต ตอนนี้โอ๊ตกำลังไปได้ดี”
“ฮึก ตกลง เราจะทำตามที่บีนบอก ฮึก”
“เลิกร้องได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ยกเลิกนัดซะ”
“จ้ะ ฮึก” กี้ยังสะอึกสะอื้นอยู่
“ตามนี้นะกี้ บีนเป็นห่วงกี้นะ อนาคตยังอีกตั้งไกล”
“โอเค เราเข้าใจแล้ว” กี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเป็นปกติ
“อย่างนั้นเดี๋ยวเรากลับก่อน” ผมนั่งหันหลังให้กี้อยู่
จังหวะที่ผมกำลังจะลุก ผมกลับมองเห็นกี้ในกระจก
กี้ที่ทำหน้าเยาะยิ้ม เยาะเย้ย พร้อมเบ้ปากใส่ผม แบบนางร้ายในละครที่ชอบเล่นกล้องสอง
กี้มันคงไม่สังเกตว่าผมเห็นเงามันในลายกระจกที่ติดอยู่ตู้เสื้อผ้า ผมรีบหันหน้าไปทางกี้พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ
“ต่อจากนี้ก็สู้ๆนะ”
ผมเดินออกมาจากห้องกี้ พร้อมกับปลงและโกรธมาก สงสัยคงแก้ไม่หายแล้วล่ะ ไปบอกให้เลิกดีกับมาทำหน้าทำตาใส่ ถึงขาดนี้คงไม่ฟังกันแล้ว กี้อาจจะมาพาลเกลียดผมไปอีกก็เป็นได้
ผมกัดฟันเสียงดังกรอดๆ
ตุ๊ดเด็กนี่มันน่าตบจริงๆ
.....................................................................
ใจเย็นนะบีน สู้ๆ
มาดึกๆอีกตามเคย หวังว่าจะสนุกกันนะทุกคน
ผู้เขียนต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเข้ามาตอบกันนะครับ