บทที่2
“ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก ....” เสียงเดินไปข้างหน้าของเข็มยาวสีดำบนหน้าปัดนาฬิกาเลือนกลมที่แขวนอยู่หลังห้องสอบ ดังลั่นเสนาะหูผมมากว่าทุกครั้ง อาจจะเนื่องสาเหตุมาจากว่าวันนี้สติผมไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยมากนัก
“เสื้อไอขี้เก๊กนั่น ... เอาไปวางไว้ที่ไหนวะ ..ร้านกาแฟแน่ๆ...... ไม่ได้ๆ ไอมังกร มึงสอบอยู่ สอบก่อน เกรดสำคัญกว่า เรื่องเสื้อต้องช่างแม่งไปก่อน”
เวลานี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกึ่งคนปกติกึ่งคนบ้าครับ เพราะจู่ๆก็หลุดพูดพึมพำกับตัวเองระหว่างที่นั่งเพ่งข้อสอบอยู่
นี่เวลาทำข้อสอบก็เริ่มมาได้เกือบจะสิบห้านาทีแล้ว ผมยังตั้งสติและสมาธิให้อยู่กับข้อสอบไม่ได้เลย เพราะดันมีเรื่องบ้าๆเกี่ยวกับเสื้อที่หายไปอยู่ ผุดวนไปวนมาอยู่ในหัวเล่นตอนนี้
“มีสมาธิ ไอมังกร” ผมพูดกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะเริ่มนับหนึ่งถึงยี่สิบ ตั้งสมาธิแล้วตัดเรื่องเสื้อนั่นออกไป เหลือเพียงแต่เรื่องข้อสอบ
......................
.............
ผ่านไปจนเหลือเวลาให้ทำข้อสอบอีกครึ่งชั่วโมง เพื่อนของผมก็เริ่มทยอยออกนอกห้องสอบกันแล้ว รวมถึงไออ๋องด้วย แต่ผมยังเหลืออีกสามสี่ข้อที่ต้องแต่งพารากราฟธุรกิจให้สมบูรณ์ ..ผมเลือกที่จะให้ความสำคัญกับคะแนนที่จะถูกจารึกลงบนแผ่นกระดาษข้างหน้าผมเวลานี้ มากกว่าจะเอาเวลาไปหาเสื้อสีขาวที่หายไป ....
....
“หมดเวลาแล้วจ่ะ” เสียงสัญญาณบอกหมดเวลาของครูเกลดังขึ้น เป็นสัญญาณให้นิสิตทุกคนวางปากกาลงบนข้อสอบและสามารถออกจากห้องสอบได้
“ทำได้มั้ยจ๊ะ เด็กๆ” ครูเกลพูดขณะที่เริ่มเดินเก็บข้อสอบตามโต๊ะ
สีหน้าของเพื่อนผมแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บ้างก็หดหู่จนรู้สึกเหมือนไม่ถูกหวยแต่เช้าหรืออย่างไร บ้างก็ยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนได้กินยาวิเศษโป๊ยเซียนมา
“ไม่ไหวค่ะครู เขียนอีเมลล์จีนหนูทำไม่ได้”
“โหครูคะ ออกละเอียดถึงรากเลยค่ะ หนูนี่ขนสั่นจนจะร่วง”
“ยากกกกคร่า”
“ใช่ค่ะ ยากจะตาย”
เสียงบ่นพึมพำปนบ่นแบบเวอร์ชั่นพรั่งพรูออกมาผสมผสานกันจนทำให้ห้องที่พึ่งจะเงียบเชียบไปสักครู่กลับมาครึกครื้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าผมมีเรื่องอยากจะเมาท์มอยกับครูเกลเป็นกระตั๊ก และอยากจะระบายความอัดอั้นเรื่องข้อสอบเหมือนเพื่อนๆคนอื่นบ้าง แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาที่แม้แต่จะพูดคุยกับเพื่อเรื่องข้อสอบ เหตุเพราะยังมีเรื่องเสื้อตัวสีขาวเป็นกังวลอยู่ภายในใจ เลยรีบเดินตรงไปหาครูเกลแล้วยกมือไหว้สวัสดีลาครูทันที
“อ้าวมังกร ...กลับแล้วหรอ” เชอร์รี่ เพื่อนร่วมห้องของผมอีกคนถามขึ้นเสียงดัง
“งานเข้านิดหน่อยหนะ เดี๋ยวไว้เจอกันนะ” ผมตอบเชอร์รี่ไป
.......
“ไออ๋อง!” ทันทีที่ผมเห็นไออ๋องพึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็แทบจะพุ่งทะยานตัวเข้าไปหามันทันที หวังว่ามันคงจะให้คำตอบผมได้ว่าเสื้อตัวนั้นอยู่ที่ไหน หรือถ้าโชคดีที่สุดก็คือมันเก็บไว้ให้ (แต่ให้คิดยังไงก็ไม่มีทางที่คนอย่างมันจะเก็บไว้)
“เฮ้ยขอบใจมึงมากนะเว่ย ติวกูเมื่อวานช่วยได้เยอะสัส” อ๋องเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา บอกขอบคุณผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มึงยังไม่ต้องขอบคุณกู ..... มึงเห็นเชิ้ตสีขาวตัวที่กูเล่าให้ฟังเมื่อวานได้เปล่าวะ”
“อ่าว ....ก็อยู่ข้างๆตัวมึงไงเมื่อวาน ..... “
“เชี่ยแล้วไง”
“อย่าบอกนะ ..มึงไม่ได้หยิบมา!” อ๋องขึ้นเสียงสูงเหมือนคนตกใจก่อนจะคลายยิ้มมีเล่ห์กลับมาหาผมแทน
“เออดิวะ ..... นึกได้ตอนอยู่บนมอไซค์เมื่อวาน ...แล้วห้างปิดแล้วด้วยไงมึง...”
“เอาแล่วววววววววววววววววววววว” ไอเพื่อตาโตสายคิ้วท์แลบลิ้นให้ผมทันทีก่อนจะยกมือทั้งสองจิ้มบนหัวเข็มขัดของผม
“ทำของหาย โดนเอาแน่มึง!”
“ไอสัสสส! ก็แย่ละครับ”
“แหม่มึง ...... กุรู้นะ มึงอยากโดนอ่ะดิ ...โหยเพื่อนกูโคตรลงทุน ถึงกับยอมลงทุนทำของหาย เสี่ยงตายให้ผู้จัดการว่า ... นี่มึงกลัวจะเครียดสอบขนาดนั้นเลย ถึงกับต้องไประบายกับผู้จัดการใหม่”
อ๋องพูดแซวผมเล่นจนผมก็เริ่มชักจะไปไม่เป็นกับมัน
“มึงนี่ก็คิดได้เนาะไออ๋อง! มึงไม่ต้องเลยนะ ช่วยกูหาเลย .... กูต้องไปเจอเค้าบ่ายสามด้วยเหนี่ย ซักก็ไม่ได้ซัก แล้วยังดันมาหายอีก”
“โถ่ .... ยากอะไรวะ ... มึงก็กลับไปที่ร้านเดิม แล้วถามพี่พนักงานดิ ... แต่ถ้าไม่เจอ .. ก็คงต้องตัวใครตัวมันแล้วหวะ”
อ๋องว่าขณะที่เอื้อมมือขวามาตบไหล่ผมสองที .... โถ่ ไอเพื่อนรักเอ้ย!
“แนะนำง่ายเนาะมึง”
“เอ๊า! กูก็แนะนำดีๆแล้ว หรือจะให้กูแนะนำให้มึงไปซื้อถุงยางรอบำเรอนายมึงหละ”
“ครวย”
“เอ่อ ...ด่ากูแล้วก็รีบไปหาละกัน โทษทีหวะกูไปเป็นเพื่อนไม่ได้ ติดไปช่วยครูเกลเรื่องเอกสารประชุมที่ปักกิ่งนิดหน่อย
“เออๆ เดี๋ยวกูไปเองก็ได้วะ” ...
ผมรีบเก็บของและคว้ากระเป๋าใส่เกียร์หมาลงบันไดจากตึกเรียน วิ่งไปยังถนนใหญ่ทันทีก่อนจะโบกแท็กซี่แล้วดิ่งไปยังห้างเซนทรัลเวิล์ด
...........
ใช้เวลาไม่นานนัก แท็กซี่คันสีชมพูอ่อนก็ได้มาส่งผมจนถึงชั้นGของห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ ผมไม่รีรอที่จะจ่ายเงินและไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณพี่คนขับรถ ปิดประตูแล้วเดินเร็วไปยังร้านกาแฟที่ผมใช้บริการเมื่อคืนทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา
ร้านกาแฟStarbucks Coffeeตอนบ่ายค่อนข้างจะโปร่งคนซักเล็กน้อย ทำให้บรรยากาศการแต่งร้านสไตล์วินเทจเมื่อได้เจอกับความเงียบยามบ่ายอ่อนก็ได้อารมณ์ผ่อนคลาย สบายๆไปอีกรูปแบบหนึ่ง
“พี่ครับ ขอโทษนะครับ”
“สวัสดีครับผม”
พี่หนักงานหล่อตี๋ใส่แว่นดัดฟันกล่าวต้อนรับผมด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่แสนเป็นมิตร ทำให้ผมรู้สึกผิดเล็กๆที่มีท่าทีร้อนรนเป็นการตอบแทนพี่แก มากกว่าจะส่งท่าทีที่เป็นมิตรกลับไป
“พอดีเมื่อวาน ....ผมลืมเสื้อเชิ้ตสีขาวไปตรงนั้นหนะครับ” ....
“อ๋อ เชื้ตสีขาวตัวเมื่อวานหรอครับ ......”
“ชะ....ใช่ครับ” ผมเริ่มชักจะใจคอไม่ดีซะแล้วสิ เหมือนพี่หนักงานหล่อตี๋กลับทำท่าขมวดคิ้วและหน้าถอดสีใส่ผมอย่างชอบกล
“มีลูกค้าที่ออกหลังจากน้อง ถือไปแล้วหนะครับ .....”
คุณพระครับ! นี่ขโมยกันแบบระยะเผาขนเลยหรอวะเนี่ย ขโมยสมัยนี้ทำไมมันฮาร์ดคอร์แบบนี้!
“เป็นของลูกค้าหรอครับ” พนักงานหล่อตี๋ถามขึ้น
“ใช่แล้วครับ”
“คะ.... คือ”
“ขอโทษด้วยนะครับลูกค้า ... คือผมไม่ทราบว่าเป็นของลูกค้าหนะครับ .. เห็นเค้าทำเหมือนเค้าเป็นเจ้าของ ผมเลยไม่ได้ห้ามปรามไว้ ... แล้วผมก็มัวแต่เก็บร้านด้วยหนะครับ .... ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ”
ตั้งสติครับมังกร ....ตั้งสติ เอาไงดีหละชีวิต ทีนี้ ไม่ต้องซงต้องซักต้องฮงต้องหาแล้ว .... เอาไงดีว่อยยย
“ไม่เป็นไรครับพี่.... ขอบคุณมากนะครับ” ผมตัดสินใจกัดฟันกรอธตอบกลับให้พี่พนักงาน ไม่ใช่เป็นเพราะโกรธพี่เค้าหรอกครับ แต่โกรธความเซ่อซ่าไม่ระวังของตนเองเนี่ยแหละ นี่เย็นนี้จะเอายังไงดีวะเนี่ย
ระหว่างที่เดินออกมาจากร้านกาแฟ ในหัวสมองของผมก็คงจะผิดแปลกไปจากเพื่อนแน่นอนครับ คนอื่นคงกำลังคิดและลุ้นกันอยู่ว่าคำตอบที่ตนเองเขียนลงไปในกระดาษข้อสอบนั้นจะถูกหรือผิด ในขณะที่ผมกำลังลุ้นว่าจะแก้ปัญหากับสถานการณ์สุดเปิ่นนี่ยังไง ที่จะให้ตัวเองไม่เจอของดีไปมากกว่านี้ หรืออย่างน้อยขอเจอแบบเบาที่สุดก็ยังดี
แต่ระหว่างที่ใช้ความคิดอยู่นั้น ไอเดียเจ๋งๆก็ผุดขึ้นมาในหัวของผมทันที
“ใช่แล้ว! ซื้อใหม่ก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
เมื่อบรรลุแล้วว่าต้องทำไง ผมก็ไม่รอช้าเลยครับดิ่งลงไปชั้นล่างสุด ร้านH &M ทันที เพราะเท่าทีระลึกได้เวลาที่คลุกตัวอยู่กับเสื้อตัวนั้น ก็น่าจะเป็นยี่ห้อ H&Mแบบกระดุมพิเศษเหนือออกเนี่ยแหละ
โชคดีที่ผมเป็นลูกค้าประจำร้านH&M ประกอบกับเป็นคนชอบแต่งตัว เลยทำให้ผมพอเดาได้ไม่ยากและคาดคะเนถูกว่าเสื้อตัวนั้นน่าจะหาซ้อได้ที่ร้านไหน
ผมเดินเร็วผสมวิ่งเล็กน้อยเพราะอยากจะเผื่อเหลือเผื่อขาดกับเวลา กว่าจะเดินทางไปที่บริษัทอีกก็ตั้งสี่สิบนาที ขืนถ้าลองได้สายสิมีเทศน์รัวแน่ๆ ดีไม่ดีเจอแจ็กพ็อตไล่ออกก็อาจจะเป็นไปได้ จะไปเอาอะไรกับไอผู้จัดการขี้เก๊กนั้นได้หละครับ ... เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก
“เสื้อผ้าคนทำงาน .... อยู่ข้างในสินะ”
ผมค่อยๆเดินเข้าไปข้างในบริเวณโซนที่ขายเสื้อเชิ้ตวัยทำงานของบุรุษเพศก่อนจะเริ่มละเลงกวาดสายตาตามหาเป้าหมายที่ต้องการทันที
“อืม....... เฮ้ยย ! เจอแล้ว!”
คุณพระเจ้า ขอบคุณสวรรค์ที่ยังมีเสื้อตัวนี้หลงเหลือให้ผมได้ซื้อไปบำบัดทุกข์กับตัวเอง ผมรีบดึงเสื้อนั้นลงมาด้วยความปิติจนแทบจะร้องไห้ เพราะคงจะไม่ต้องตายไม่ดีในเย็นนี้แล้ว แต่ปัญหาใหม่ก็คือ....
“ไอบึ้กนั้นใส่ไซส์อะไรวะ”
ปัญหาใหญ่แล้วหละครับ .... ผมไม่รู้ว่าไอบอสพสุธานั่นใส่เสื้อไซส์อะไรกันแน่ แต่จากการพิจารณาของผมแล้ว ไม่น่าจะเป็นเอ็ม .. ก็เหลือเพียงแอลกับเอ็กซ์แอล ... แต่ถ้าใส่เอ็กซ์แอลก็ดูจะใหญ่เกินตัวของเฮียแก
“งั้นก็ต้องเป็นแอลแน่ๆ”
ผมตัดสินใจหยิบตัวที่มีขนาดไซส์แอลไปที่แคชเชียร์ ชำระเงินและเดินทางยังบริษัททันที
..........................................................
.........................
(ณ บริษัท)
“สวัสดีครับพี่” ผมไม่ลืมที่จะยกมือไหว้สวัสดีพี่สาวสวยหมวยอึ๋มที่ยังไม่รู้จักชื่อคนนี้ ทันทีที่ต้องผ่านแผนกinformation ก่อนเพื่อน
“สวัสดีจ้า”
“ผมนัดกับบอสพสุธาไว้ตอนบ่ายสามครับพี่ ตอนนี้สะดวกขึ้นไปได้เลยมั้ยครับ”
ผมพูดไปทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ดูเวลาให้ดีก่อนเพราะมัวแต่เร่งรีบกลัวจะสายเกินเวลา
“แป๊บนึงนะจ๊ะ” พี่สาวสวยพูดพร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้ก่อนจะก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ
“ครับพี่”
“..... อืม .... ตอนนี้บ่ายสองครึ่งอยู่เลยนะ เดี๋ยวพี่ถามบอสให้ก่อนละกัน”
“ขอบคุณมากครับพี่” ผมกล่าวขอบคุณพี่สาวสวยอีกครั้ง ก่อนจะเฝ้ารอคำตอบระหว่างที่พี่แกโทรไปคุยกับไอบอสขี้เก๊กนั่น
.....
(ค่ะบอส ค่ะ) พี่สาวคนนี้ยังคงคุยกับบอสขี้เก๊กด้วยน้ำเสียงกันเองและมีหยอดมุขอีกตงหากด้วย จนทำให้ผมเริ่มชักจะสงสัยซะแล้วว่าไอบอสคนนี้เป็นพวกเลือกปฏิบัติรึเปล่า ทีตอนคุยกับผมนี่เนี่ยบซะไม่มีติดจะเย็นชาเบาๆซะด้วยซ้ำ
“น้องจ๊ะ บอสว่างพอดีเลย ขึ้นไปได้เลยจ่ะ ....” พี่สาวหมวยว่า
“โอเคครับพี่”
“เอ้อ ...บอสฝากบอกด้วยว่า อย่าลืมเคาะประตูห้องก่อนนะจ๊ะ”
ไอบอสบ้าเอ้ย! คือพูดรอบเดียวก็รู้เรื่องแล้วเปล่าววะ อันนี้ต้องให้คนอื่นมาย้ำทำเหมือนตรูเป็นเด็กอนุบาลหมีน้อย ดูถูกกันมากไปแล้วนะว่อยยย
“....ขอบคุณครับพี่”
ผมเอ่ยขอบคุณกับพี่สาวหมวยหน้าสวยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่คุณบอสขี้เก๊กนั่งสถิตอยู่ทันที
.......
บรรยากาศการทำงานและสภาพความสะอาดของทางเดินระหว่างกลางยังเป็นเฉกเช่นเมื่อวานที่ผมได้มาเยือน เศษกระดาษไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียวบนทางเดิน เหล่ามนุษย์เงินเดือนต่างขยันขันแข็งทำงานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็มีบ้างที่รู้เลยครับว่าหลับอู้งาน
“ก๊อกๆๆๆ!”
(ครั้งนี้ผมไม่ลืมที่จะเคาะประตูแล้ว)
“เชิญครับ” เสียงนุ่มทุ้มของผู้ชายที่อยู่ภายในห้องดังสะท้อนประตูพอให้ผมได้ยิน
“แอ๊ดดดด”
......
ไอบอสขี้เก๊กตอนนี้กำลังนั่งจมอยู่กับกองชีทหนาเต๊อบนโต๊ะทำงาน สายตาที่จ้องอยู่กับเอกสารค่อยๆเคลื่อนขึ้นหันมามองผมอย่างช้าๆ ก่อนที่เจ้าของสายตานั่นจะแสยะยิ้มข้างมุมปากจงใจให้ผมเห็น
“ดีมากครับ ที่ไม่ลืมเคาะประตูก่อนเข้าห้อง”
โธ่เอ้ย ...ทำอย่างกับกรูเป็นเด็กอมมือ
“เข้ามานั่งสิ” ... บอสขี้เก๊กชี้มาที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน ผมนึกลุ้นอยู่ในใจขณะที่ก้าวขาเข้ามานั่งหวังให้ไอ้หมอนี่ลืมๆเรื่องเสื้อเชิ้ตไปก่อน
แต่แล้วความปรารถนาของผมก็เป็นอันต้องล่มสลายไปในทันทีเมื่อคำพูดประโยคต่อมาของคนตรงหน้าเอ่ยขึ้น
“ขอเสื้อที่ซักด้วยครับ”
..... เอาแล้วครับ ถึงเวลาที่ต้องลองของกันแล้ว ไอมังกรเอ๊ย เมิงจะรอดไม่รอดก็ตอนนี้แหละเว่ย ...
ผมค่อยๆเปิดกระเป๋าเป้ด้วยสีหน้าที่พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติโดยสิ้นเชิง โดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรกับเจ้าบอสขี้เก๊กคนใหม่ไปเลยแม้แต่คำเดียวที่เข้ามาในบริษัทนี้ นอกจากยกมือสวัสดีตอนเปิดประตู
“นี่ครับ”
ผมหยิบเสื้อขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ ส่วนถุงH&Mผมทิ้งไปเรียบร้อยแล้วครับ ทำลายหลักฐานไปแล้ว แน่นอนว่าเสื้อตัวนี้ต้องเหมือนกับตัวเก่าของไอบอสขี้เก๊กอย่างเป๊ะเวอร์ทุกประการ และไม่มีข้อด่างพร้อยให้สงสัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
“อืม... รอผมสักครู่นะครับ”
ไอบอสขี้เก๊กจัดฉากโชว์กล้ามเซ็กซี่อีกครั้ง มือทั้งสองค่อยๆเคลื่อนมาแกะกระดุมที่ฟิตปึ๋งทาบลงบนหน้าอกกว้างใหญ่น่าซบ .... ครั้งนี้ผมไม่ยอมปล่อยไก่เช่นเดิมหรอกครับ รีบหลบสายตาขวับก้มมองลงพื้นทันที ให้ไอบอสขี้เก๊กคนนี้โชว์หุ่นแข่งกับแสงเดือนแสงตะวันไปคนเดียวเหอะ .... ฮ่าๆๆ
..แต่แล้ว ....
“นี่คุณ!!” เสียงหนักแน่นที่อัดดังเข้ามาทำเอาผมตกใจจนต้องเงยหน้าสบตาดูบอสคนนี้ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นถึงได้อุทานซะเหมือนคนฉุนเฉียว
“คิดว่าผมโง่มากรึไง !คุณซื้อมาใหม่ให้ผมใช่มั้ย!ผมไม่ต้องการ ผมจะเอาเสื้อตัวเก่าคืน!”
ผมแทบตั้งสติไม่ทันกับอารมณ์โกรธแบบเฮอริเคนของคนตรงหน้า แต่ก็ยังนึกสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงได้รู้ความจริง แบบของเสื้อผมก็มั่นใจแล้วว่าถูกต้องตามฉบับเดิมหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ หรือว่า...!
เสียงลมหายใจฮึดฮัดเป็นสัญญาณบอกผมว่าเจ้าของร่างหนาล่ำกำลังโกรธจัด บอสขี้เก๊กเริ่มทำหน้าขมวดคิ้วขณะที่ยื่นด้านในเสื้อมาให้ผมดู
....
ชิบหายครับ ลืมดึงป้ายราคาออก!