We meet because of luck.
We separate because of destiny.
We return because of fate.ติดแฮชแท็ก #พี่ควอตซ์น้องเหนือ ในทวิตเตอร์ Valentine’s Dayเสียงเพลงรักหวานซึ้งดังไปทั่วทั้งห้างสรรพสินค้าเนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่คนมีคู่มักจะเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข มองไปข้างหน้าก็เห็นคู่หนุ่มสาวจับจูงมือกันตลอดทาง มองไปทางขวาก็เห็นเด็กนักเรียนเดินกันเป็นคู่ๆ ในมือถือตุ๊กตาบ้าง ดอกไม้บ้าง ส่วนทางซ้ายก็เจอกับคู่รักกำลังถ่ายรูปกับของขวัญอย่างสนุกสนาน
วันนี้เป็นวันที่ใครๆ ต่างก็มีความสุข เป็นวันที่ได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขจากใครหลายๆ คน แม้ตัวเขาจะไม่มีคนยืนข้างๆ ในวันนี้แต่ก็อดที่จะยิ้มไปกับคนอื่นไม่ได้
มือของเขาหอบดอกกุหลายเอาไว้เต็มแขนหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็หยิบดอกไม้ในอ้อมแขนของตัวเองส่งให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เบื้องหลังเป็นบูธเครื่องสำอางยี่ห้อดังที่มาจัดอีเว้นท์พิเศษเนื่องในวันแห่งความรัก ลูกค้าที่รับดอกกุหลาบที่กำลังแจกอยู่นั้นมีสิทธิลุ้นรับบัตรของขวัญสุดพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม คนแจกกุหลายอย่างเขาก็ยืนยิ้มมาร่วมชั่วโมงแล้วยื่นดอกกุหลาบดอกแล้วดอกเล่าให้กับลูกค้าไม่หยุดไม่หย่อนจนรู้สึกอยากจะนั่งพักบ้าง
“น้ำเหนือไปพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราแจกให้ต่อก่อน ยืนมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว” เสียงของผู้หญิงดังขึ้นพร้อมกับเดินหอบดอกกุหลาบมาเต็มแขน
“เราขอพักแปบหนึ่ง เดี๋ยวจะมาช่วยต่อนะ” น้ำเหนือพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มหวานมาให้แล้วพยักหน้ารับ
พอเห็นอย่างนั้นน้ำเหนือก็เลยเดินเลี่ยงมานั่งหลบมุมข้างๆ บูธเครื่องสำอาง วางดอกกุหลาบที่ยังเหลืออยู่บนที่นั่งที่ทางห้างสรรพสินค้าจัดเอาไว้ ส่วนตัวเขาเองก็ลงไปนั่งเหยียดแขนเหยียดขาบนพื้น โชคดีที่อยู่มุมของบูธพอดีคนจึงไม่สนใจนักเพราะอย่างนั้นน้ำเหนือก็เลยไม่ต้องทนสายตาใครต่อใคร มือทั้งสองข้างบีบทุบเขาตัวเองเรื่อยๆ เพื่อคลายความเมื่อยล้า หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็นน้ำเหนือก็ตรงมาที่ห้างนี้ทันทีเพื่อรับงานอีเว้นท์แจกดอกกุหลาบนี่ ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้ว รวมๆ แล้วน้ำเหนือมายืนแจกดอกไม้ก็ตั้งสี่ชั่วโมงแล้ว แม้จะได้เงินไม่เยอะเท่าไหร่แต่มันก็ไม่มีทางเลิกมากนักสำหรับคนที่หาเลี้ยงตัวเองแบบเขา
“น้ำเหนือ พี่วานอะไรหน่อยสิ พอดีเขามาส่งดอกไม้เพิ่มให้วานน้ำเหนือลงไปเอาที่หน้าห้างให้หน่อยได้ไหม” พี่ที่เป็นออแกไนซ์จัดงานอีเว้นท์นี้เดินมาหาน้ำเหนือที่นั่งพักอยู่
เจ้าตัวเด้งตัวลุกขึ้นทันทีที่เห็นอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้ารับหงึกหงัก “ได้ครับ เดี๋ยวผมลงไปเอามาให้นะครับ”
“ขอบใจมากนะ” อีกฝ่ายยิ้มให้ ซึ่งน้ำเหนือเองก็ยิ้มตอบ
เจ้าตัวสะบัดแขนสะบัดขาอีกสองสามรอบก่อนจะเดินไปที่บันไดเลื่อนเพื่อลงไปชั้นล่าง เวลาแบบนี้ภายในห้างสรรพสินค้าคนค่อนข้างเยอะทีเดียวทั้งเด็กนักเรียน นักศึกษารวมไปถึงคนทำงาน ทุกคนต่างก็มาฉลองวันแห่งความรัก บ้างก็มาผ่อนคลายสมองที่นี่ น้ำเหนือหันมองไปรอบๆ อย่างสนใจแม้จะมีโอกาสได้เดินห้างบ้าง แต่ห้างใหญ่ๆ แบบนี้นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มา อีกทั้งรอบๆ ก็มีแต่ของน่าสนใจไปหมด แต่ทุกอย่างก็ถือว่าเป็นของสิ้นเปลืองสำหรับเขาทั้งนั้น แค่ได้ดูได้มองเจ้าตัวก็พอใจแล้ว
แอบหลงทางไปหลายนาทีกว่าจะมาถึงหน้าห้าง พอมาถึงก็เห็นพนักงานยืนรออยู่พอดี น้ำเหนือจึงเดินเข้าไปแสดงตัวว่ามารับดอกไม้ที่สั่งเอาไว้ จำนวนที่สั่งเพิ่มไม่ได้เยอะถึงขนาดใส่ลังเพราะอีกไม่นานกี่ชั่วโมงก็ถึงเวลาปิดทำการของห้างแห่งนี้แล้ว แต่ดอกกุหลาบที่มีอยู่ที่บูธก็ทำท่าจะหมดแล้วเช่นกัน พี่คนจัดอีเว้นท์ถึงได้สั่งมาเพิ่ม
น้ำเหนือหอบเอาดอกกุหลาบมาถือเอาไว้เต็มอ้อมแขน ก้มหัวขอบคุณพนักงานส่งดอกไม้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้าง ใครหลายคนไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเพราะอะไรเขาถึงได้หอบดอกกุหลาบเยอะขนาดนี้ก็พากันชี้ชวนให้ดูเขา จนน้ำเหนือได้แต่ยิ้มออกไป อย่างจะบอกเหมือนกันว่าเขาไม่ได้ร่ำรวยขนาดซื้อดอกไม้มากขนาดนี้มาให้แฟนหรอก แต่เป็นดอกไม้ของแบรนด์เครื่องสำอางที่จัดอีเว้นท์อยู่บนชั้นสามต่างหาก
“นี่มันวันวาเลนไทน์นะ! ไม่คิดจะซื้อของขวัญหรือดอกกุหลาบให้มิ้นท์เลยหรือยังไงกันคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น แม้จะไม่ได้ดังมากแต่น้ำเสียงของเธอก็บ่งบอกชัดเจนว่าหงุดหงิดมากทีเดียว
“มันก็แค่วันธรรมดา” อีกเสียงตอบเหมือนอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
น้ำเหนือก็ไม่ได้อยากจะฟังคนรักกันมาเถียงมาทะเลาะกันหรอกแต่เพราะทั้งสองคนนั้นกำลังยืนขวางทางเขาอยู่
“ควอตซ์คะ! จะบอกว่ามันเป็นวันธรรมดาได้ยังไงกัน เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอคะ ก็ควรทำอะไรให้มันพิเศษหน่อยสิ!” ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะไม่ยอมเท่าไหร่เพราะเสียงของเธอเริ่มดังขึ้น และคนรอบๆ ก็เริ่มหันมามอง
“แล้วมันวิเศษตรงไหน มันก็แค่วันวันหนึ่งเองมิ้นท์ ไม่ใช่วันที่หิมะตกเมืองไทยเสียหน่อยจะได้บอกว่ามันพิเศษ” น้ำเหนือแอบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำตอบของคนรักของเธอ
สำหรับคนไร้คู่อย่างเขา น้ำเหนือก็คิดว่ามันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่งแค่นั้น วันที่เขาต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเองต่อไป
“ควอตซ์คะ!!”
“อย่าโวยวายน่ามิ้นท์ หัดหายคนอื่นเขาบ้างเถอะ” อีกฝ่ายว่าอย่างเหนื่อยใจ น้ำเหนือเห็นว่าเขากำลังจะเดินหนีเขาถึงได้ตั้งท่าเบี่ยงหลบไม่อย่างนั้นคงโดนชนและดอกไม้ในอ้อมแขนคงกระจัดกระจายเละเทะหมดแน่
นิสัยคนเรานี่ก็แปลก... เห็นคนทะเลาะกันก็ชอบมุงดู จนตอนนี้ทางเดินตรงนี้เริ่มมีไทยมุงมามุงจนทำให้น้ำเหนือหาทางเดินซอกแซกไปลำบาก
เจ้าตัวถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อเดินอ้อมไปอีกทาง ทั้งๆ ที่อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงบูธอยู่แล้วเชียว
“เหวอ!!” น้ำเหนือร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อรู้สึกเหมือนโดนชนเข้าจังๆ เพราะความไม่ทันระวังตัวจึงเซไปหลายก้าวมือที่หอบดอกกุหลาบอยู่ก็เผลอปล่อยจนดอกไม้สีแดงกระจัดกระจายทั่วพื้น น้ำเหนือได้แต่มองบรรดาดอกกุหลาบบนพื้นตาโต
“ขอโทษครับ... มิ้นท์ ทำบ้าอะไรเนี่ยเห็นไหมว่าโดนคนอื่นไปหมดแล้ว” เสียงที่น้ำเหนือได้ยินก่อนหน้านี้ดังขึ้นใกล้ๆ เขาหันมาขอโทษก่อนจะหันไปคุยกับคนรัก
น้ำเหนือพยายามไม่สนใจ เจ้าตัวก้มลงเก็บดอกกุหลาบขึ้นมาหอบเอาไว้เหมือนเดิม แต่ดวงตากลมๆ นั้นเป็นอันต้องเบิกกว้างอีกรอบเมื่ออยู่ๆ ก็มีส้นสูงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่มือของหญิงสาวจะคว้าดอกกุหลาบบนพื้นรวมไปถึงในอ้อมแขนของเขาไป เธอจัดการปาดอกกุหลาบพวกนั้นใส่ผู้ชายอีกคนที่ทะเลาะด้วย กระทืบเท้าเร่าๆ อย่างไม่ชอบใจ บางจังหวะก็เหยียบเข้าที่ดอกกุหลาบเต็มๆ จนมันช้ำไปหมด
“มิ้นท์!!! ให้ตายเถอะ วุ่นวายชะมัด” เสียงของผู้ชายฟังดูไม่พอใจอย่างมาก แน่นอนว่าน้ำเหนือก็ไม่พอใจ ดอกไม้เสียหายแบบนี้ใครจะรับผิดชอบ!
แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่รู้สึกอะไรเพราะเจ้าตัวทำเพียงแค่กระทืบเท้าเดินหนีไป ปล่อยน้ำเหนือเอาไว้กับซากดอกกุหลาบกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
น้ำเหนือได้แต่ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กับใครอีกคน เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองพอดีกับที่อีกฝ่ายก็ก้มลงมองเหมือนกัน ดวงตาสีแปลกนั้นทำให้น้ำเหนือชะงักไปนิดก่อนที่เขาจะละสายตากลับมาที่ดอกกุหลาบบนพื้นแทน พอเห็นดอกกุหลาบที่ช้ำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา คาดว่าค่าแรงในวันนี้จะโดนตัดไปเป็นค่าดอกไม้ทั้งหมดแล้วสิ
“ขอโทษที” อีกฝ่ายลงนั่งยองๆ ก่อนจะช่วยน้ำเหนือเก็บดอกไม้ “เดี๋ยวจะจ่ายค่าเสียหายให้แล้วกัน”
“ครับ...” ไม่ได้เห็นแก่เงินหรอก แต่ดอกไม้พวกนี้ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่เงินของน้ำเหนือ แต่เป็นของคนอื่น ซึ่งมีคนมาทำมันเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ อีกอย่าง... ค่าเสียหายที่อีกฝ่ายจะจ่ายก็ไม่ได้เข้ากระเป๋าน้ำเหนือเลยสักบาท อีกทั้งเขายังต้องวิ่งโร่ตามหาดอกกุหลาบมาแทนดอกที่เสียไปอีก
วันวาเลนไทน์ทั้งที... นอกจากจะไม่ได้ฉลองกับใครแล้ว... ยังต้องมาเหนื่อยตามหาดอกกุหลาบอีกเฮือก!!ดวงตาที่หลับสนิทลืมตาโพลงพร้อมกับเด้งตัวลุกขึ้นนั่งให้คนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นด้วยเช่นกัน
“น้ำเหนือเป็นอะไร...” เสียงติดพร่าเพราะเพิ่งเติมเอ่ยถาม รั้งคนที่นั่งอยู่ให้เข้ามาใกล้ก่อนจะกอดเอาไว้ เขาชะเง้อดูที่เตียงนอนเด็กว่าลูกฝาแฝดตื่นขึ้นมาหรือเปล่า เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะตื่นก็หันกลับมาสนใจคนในอ้อมแขน
“ผมฝันครับ”
“ฝันเหรอ ฝันอะไร... ฝันร้ายอย่างนั้นเหรอ” มือหนาลูบแขนลูบไหล่คนรักอย่างจะปลอบโยน
น้ำเหนือส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันมามองคนที่นั่งกอดเขาเอาไว้ ดวงตากลมโตนั้นจ้องมองไปที่ดวงตาเรียวสีสวยนั้นอย่างไม่ละสายตา แบบที่ควอตซ์เองก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “ผมคิดว่า... ผมฝันถึงพี่”
“หือ...” เป็นควอตซ์ที่แปลกใจ เขาขยับไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วรั้งน้ำเหนือมาพิงอกเขาอีกที “ฝันถึงพี่ ฝันว่าอะไร”
“ผม...” น้ำเหนือเงยหน้ามองคนรักอีกรอบพร้อมกับนึกถึงความฝันเมื่อครู่ มันเหมือจริงเสียจนคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริง...
นึกย้อนไปสมัยเรียน เขาเคยรับงานวันวาเลนไทน์เป็นงานแจกดอกไม้ให้กับเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง และมันก็มีเหตุการณ์แบบในฝันเกิดขึ้น แต่ตอนนั้นน้ำเหนือก็ไม่ได้สนใจนักว่าใครที่ทำให้ดอกไม้ในมือเขาต้องหล่นกระจัดกระจาย จำได้ว่าดวงตาของคนที่มาช่วยนั้นแปลก... แต่เพราะต้องรีบหาดอกไม้มาใหม่น้ำเหนือจึงเลิกสนใจแล้วก็ลืมไปในที่สุด จนกระทั่ง... ความฝันเมื่อครู่นี้
“ผมคิดว่า... เราเคยเจอกันมาก่อน เมื่อกี้ผมฝัน”
คำบอกของน้ำเหนือทำให้คิ้วของควอตซ์ขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ “เจอกัน... หมายความว่ายังไง”
“ตอนผมเรียนมหา’ลัย ผมเคยรับงานไปยืนแจกดอกกุหลาบให้กับยี่ห้อเครื่องสำอาง” น้ำเหนือเริ่มต้นเล่าเรื่องราวในความฝัน “แล้ว... พี่ออแกไนซ์วานให้ผมไปเอาดอกกุหลาบมาเพิ่มแต่ตอนที่จะเดินกลับบูธก็เจอคู่รักทะเลาะกัน ผู้หญิงโวยวายผลักคนรักมาชนผมเต็มแรงจนดอกไม้ผมกระจายหมด แล้วเธอก็เอาดอกกุหลาบที่ผมกำลังเก็บไปปาใส่คนรักก่อนจะกระทืบจนดอกไม้ผมพังหมด”
ควอตซ์ชะงักตอนที่ฟังเรื่องเล่าจากคนรัก เหตุการณ์ที่น้ำเหนือเล่ามันคุ้นๆ เหมือนจะเขาจะเคยเจอมากับตัว...
“แล้วผู้ชายคนนั้นก็มาช่วยผมเก็บดอกไม้รวมไปถึงจ่ายค่าเสียหายให้ แต่ผมก็ลืมๆ ไปเพราะวุ่นกับทำงาน แต่พอนึกถึง... สิ่งที่ผมจำได้แม่นก็คือตาของเขา” มือของน้ำเหนือยกขึ้นสัมผัสแก้มของคนรัก “ตาของเขาเป็นสีนี้... แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อมิ้นท์ก็เรียกเขาว่า ควอตซ์”
“มิ้นท์...” ควอตซ์ทวนคำพลางนึกย้อนกลับ หากน้ำเหนือบอกว่าตอนนั้นตัวน้ำเหนือยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เขาเองก็คงเพิ่งจะเรียนจบหรือไม่ก็กลับมาประเทศไทยตอนวันหยุด แต่ก็พอจำได้ว่ามีแฟนชื่อมิ้นท์อยู่เหมือนกัน
“พี่ว่า... พี่เริ่มจะจำได้แล้ว” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าคมคาย “เด็กคนนั้นที่นั่งมองดอกกุหลาบตาละห้อยก็คือเราเองอย่างนั้นเหรอ”
“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย ตอนนั้นผมเรียนมหา’ลัยแล้วนะ”
ควอตซ์หัวเราะกับใบหน้าบึ้งตึงของคนรัก ก้มลงหอมแก้มนิ่มเบาๆ “ตอนนั้นเจอกันแปบเดียวเอง พี่เองก็จำไม่ได้ ไม่คิดว่าจะเป็นน้ำเหนือ”
อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนั้น “ผมก็จำไม่ได้ ยังแปลกใจเลยว่าทำไมอยู่ๆ ก็ฝันถึงได้ ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรสำคัญเลยสักนิด”
“นั่นสิ” ควอตซ์รับคำ จริงอย่างที่น้ำเหนือพูด ตอนนั้นเจอกันก็แค่แปบเดียว อีกทั้งยังไม่ได้พูดคุยกันมากมาย แค่บังเอิญเจอและเกิดอุบัติเหตุ แล้วต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปไม่ได้มีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ให้น่าจดจำเลยสักนิด
“แปลกดีนะครับ เราเคยเจอกัน แล้วเราก็มาเจอกันอีกรอบแบบนี้ แต่ก็จำไม่ได้เลยแล้วอยู่ๆ ผมก็มาฝันถึง” น้ำเหนือพูด ซบใบหน้าลงที่อกกว้างของคนรัก
“It is fate.”“คงจะอย่างที่พี่ควอตซ์ว่าแหละครับ” น้ำเหนือพยักหน้าไปกับคำพูดของควอตซ์ ก่อนจะหาวออกมาอีกรอบให้เขายิ้มขำกับท่าทางเหมือนลูกแมวง่วงนอนนั้น
“นอนต่อเถอะ เพิ่งจะตีหนึ่งเองยังเหลือเวลานอนอีกหลายชั่วโมงเลย” ควอตซ์กระซิบบอก จัดท่าทางของคนง่วงให้ลงนอน
น้ำเหนือขยับตัวหาท่วงท่าที่สบายที่สุดนั่นก็คือการนอนซุกอกของควอตซ์โดยมีอ้อมกอดของอีกฝ่ายกอดเอาไว้ไม่ห่าง ดวงตากลมโตนั้นปรือปรอยอย่างคนง่วงนอนเต็มแก่ ริมฝีปากของควอตซ์ประทับลงที่หน้าผากมน มือหนาลูบหลังคนรักกล่อมให้นอนหลับฝันดี
ไม่นานน้ำเหนือก็พล็อยหลับไปอีกรอบ ควอตซ์มองใบหน้ายามหลับของคนรักก่อนจะยิ้มออกมา ดึงผ้าขึ้นห่มให้ทั้งตัวเองและน้ำเหนือก่อนที่เขาจะหลับตาลงและหลับตามอีกฝ่ายไป...
We meet because of luck.
เราพบกัน เพราะวาสนา
We separate because of destiny.
เราจากกัน เพราะโชคชะตา
We return because of fate.
เรากลับมา เพราะพรหมลิขิต
Happy Valentine’s Day************************************************
ตอนนี้โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้... ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ แต่อยู่ๆ ก็มีพล็อตนี้ขึ้นมาในหัว ว่าเออ... สองคนนี้เขาอาจจะเคยเจอกันมาก่อนนะ แต่จำกันไม่ได้ ก็เลยมานั่งแต่งเลยค่ะ 5-10 นาทีในการคิดพล็อต และ 1 ชั่วโมงในการแต่งตอนนี้ รวดเร็วมาก มันอาจจะแปร่งๆ แปลกๆ เพราะเป็นพล็อตแบบกะทันหันมาก ฮ่าาาาาา
แต่ก็คิดว่าเป็นตอนพิเศษที่อ่านง่ายๆ สบายๆ ไม่หวือหวา ไม่มีดอกกุหลาบราคาแพง ไม่มีดินเนอร์หรูหรา แต่ก็อิ่มเอมใจนะเออ คู่นี้มาเพื่อฆ่าคนโสดจริงๆ อิจฉาเบาๆ ฮี่ๆๆๆ ส่วนเนื้อเรื่องหลักเดี๋ยวเอาไว้เจอกันนะค้า ^^
ปล. มีคำผิด บอกได้ค่า
อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็จะไม่ทิ้งไปไหนแน่นอนค่ะ หวังว่าจะเข้าใจกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ฟางด้วยค่ะ ^^
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ อย่าลืม กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ