
“นี่ไง หมีอดกินน้ำผึ้ง แบบนี้เลย”
ติดแฮชแท็ก #พี่ควอตซ์น้องเหนือ ในทวิตเตอร์✽ ✽ ✽ ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ ✽ ✽ ✽
ฟ้ามืดลงแล้ว... สินธรกลับไปเมื่อไม่นานนี้หลังจากที่อยู่ทานข้าวกับลูกชายแล้ว และสัญญาว่าจะมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น ส่วนคุณโทมัสและคุณหญิงมรกตก็ติดภารกิจต้องไปร่วมงานเลี้ยงของลูกค้าคนสำคัญของบริษัท ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ควอตซ์กับน้ำเหนือสองคน
พยาบาลเพิ่งเดินเข้ามาดูอาการ เอาเครื่องวัดการบีบตัวของมดลูกมาใส่คาดไว้ที่หน้าท้องให้น้ำเหนือเพื่อคอยดูการบีบตัวของมดลูกว่าใกล้คลอดแล้วหรือยัง อีกทั้งเครื่องนี้ยังสามารถตรวจเช็คอัตราการเต้นของหัวใจของแฝดทั้งสองได้อีก
อาการโดยรวมตอนนี้ของน้ำเหนือไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก นอกจากต้องคอยระวังไม่ขยับเคลื่อนไหวร่างกายมากจนเกินไป จนทำให้มดลูกมีการบีบตัวและอาจจะเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ ในตอนนี้หมอวิรัชอยากจะประคับประคองน้ำเหนือให้เข้าสู่สัปดาห์ที่สามสิบหกไปก่อน เพราะถ้าหากคลอดก่อนถึงช่วงสัปดาห์ที่สามสิบหก แฝดทั้งสองคนจะต้องเข้าตู้อบและใช้เครื่องในการช่วยหายใจก่อนจนกว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น
“อยากเปิดโทรทัศน์ดูอะไรไหม เบื่อหรือเปล่า” ควอตซ์เอ่ยถามคนที่นอนอยู่บนเตียง ส่วนตัวเขานั้นกำลังนั่งอ่านเอกสารงานที่ลินนำมาให้
“พี่ควอตซ์หยิบรีโมทให้ผมหน่อย” อีกฝ่ายว่าเช่นนั้น
คนตัวสูงก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์มาส่งให้คนรักก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง ว่าจะพักสายตาเสียหน่อย...
"ขอบคุณครับ” น้ำเหนือยิ้มขอบคุณ ก่อนจะรับรีโมทมากดเปิด เลื่อนช่องไปเรื่อยๆ แต่ช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นช่องไหนๆ ก็มีแต่ข่าว เขาเลยเลือกที่จะเปิดช่องหนึ่งเอาไว้ก่อน ข่าวที่ได้ยินก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง
"โอ๊ตส่งข้อความมาหา บอกว่าพรุ่งนี้จะแวะเข้ามาเยี่ยม” ควอตซ์หยิบโทรศัพท์ของน้ำเหนือมากดดูเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน
พอน้ำเหนือได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ “ดีจังครับ ผมไม่ได้เจอพี่โอ๊ตมาเป็นเดือนแล้ว ที่ร้านสาขาคงงานยุ่งน่าดูเลย”
“อือ ก็ยุ่งนะ ใกล้ปลายปีแบบนี้คงเตรียมเครื่องประดับเอาไว้ออกงานปีใหม่กันเยอะ” ควอตซ์ตอบคำ พร้อมกับพิมพ์ข้อความตอบกลับหาโอ๊ตให้คนรักไปด้วย ก่อนจะวางโทรศัพท์ของน้ำเหนือเอาไว้ที่ตู้ข้างเตียง
ทั้งสองคนคุยกันไปดูโทรทัศน์กันไป ก่อนที่เสียงพูดคุยจะหยุดชะงักเมื่อนักข่าวในจอกำลังเล่าข่าวที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนชะงักได้ไม่ใช่เพราะว่าเป็นข่าวฆ่าตัวตาย แต่เพราะชื่อของผู้เสียชีวิตที่ทำให้พวกเขาชะงัก
น้ำเหนือตาโตพลางจ้องโทรทัศน์ไม่วางตา ไม่ต่างอะไรจากควอตซ์
“จากการตรวจสอบทำให้ทราบชื่อผู้เสียชีวิต เป็นชาวต่างชาติ ชื่อ เฌอรีน เวอร์น่า คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง ผู้พบศพคือแม่บ้านที่เข้าไปทำความสะอาดในห้องค่ะ ผู้พบศพเล่าว่าในทุกวันจะต้องเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องของผู้เสียชีวิตเป็นประจำ วันนี้เมื่อถึงเวลาก็เลยเข้าไปทำความสะอาด จนพบกับผู้เสียชีวิตจึงได้รีบโทรแจ้งตำรวจ” เสียงของนักข่าวในจอโทรทัศน์รายงาน
“จากการตรวจสอบ ทางตำรวจบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะในที่เกิดเหตุมีมีดทำครัวตกอยู่ข้างๆ ร่างของผู้เสียชีวิต อีกทั้งที่ข้อมือยังมีรอยกรีดหลายรอย ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่าน่าจะเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากค่ะ”
“ส่วนรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม รวมไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้เสียชีวิตตัดสินใจฆ่าตัวตายคงจะต้องสืบสวนกันต่อไป”
นักข่าวเปลี่ยนเรื่องข่าวรายงานไปแล้ว แต่ทั้งสองคนที่ยังอยู่ในห้องยังคงนิ่งเงียบเพราะตกใจกับข่าวที่ได้ยิน
“พ... พี่ควอตซ์” น้ำเหนือหันไปมองคนรักที่เหมือนจะช็อคไปไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน ดวงตาของควอตซ์เบิกกว้าง มือทั้งสองข้างสั่นอย่างเห็นได้ชัด
มือบางเอื้อมไปจับมือที่เย็นเฉียบของควอตซ์ ก่อนจะออกแรงบีบเพื่อเรียกสติของคนตรงหน้า “พี่ควอตซ์ครับ...”
คนถูกเรียกหันกลับมามอง สีหน้าของชายหนุ่มนั้นซีดเผือดด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ มือทั้งสองข้างสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เจ้าตัวหลับตาลงอย่างต้องการเรียกสติของตัวเองกลับมา มือทั้งสองข้างที่สั่นเริ่มหยุดสั่นโดยมีมือของน้ำเหนือจับมือของควอตซ์เอาไว้อยู่
เพราะเขารับรู้ได้ว่าน้ำเหนือเองก็เป็นห่วงและก็เป็นกังวล ควอตซ์จึงค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น และนึกถึงคนรักกับลูกมากขึ้น จนเริ่มมีสติมากขึ้น
"พี่ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรนะ” ควอตซ์ลืมตาขึ้นส่งยิ้มให้คนรักก่อนจะบีบมือน้ำเหนือกลับ มืออีกข้างก็ลูบผมของน้ำเหนือไปด้วย
"พี่แค่ตั้งตัวไม่ทัน เหมือนเสียศูนย์ แต่พี่ไม่เป็นอะไร"
น้ำเหนือพยักหน้ารับแม้จะไม่เชื่อเต็มร้อย แต่เขาก็เข้าใจ... เมื่อวันก่อนเพิ่งจะรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเพื่อนรักเพื่อนสนิท แต่ผ่านไปยังไม่ถึงสองวันก็รู้ข่าวว่าเพื่อนตัวเองเสียแล้ว เป็นใคร... ก็คงตั้งตัวไม่ทันกันทั้งนั้น
"พี่ควอตซ์ครับ พี่จะไปดูคุณเฌอรีนก็ได้นะ" คำพูดนั้นทำให้ควอตซ์ชะงักไป ก่อนจะมองหน้าน้ำเหนืออย่างไม่เข้าใจ
“ผม... ถ้าให้พูดตรงๆ ผมเองก็ไม่ชอบใจกับสิ่งที่คุณเฌอรีนทำกับผม ผมโกรธ... ผมไม่พอใจ... ผมโกรธมากจริงๆ เพราะผมไม่เข้าใจว่าผมกับลูกทำอะไรผิด ถึงต้องจะทำร้ายกันขนาดนี้ด้วย...”
“น้ำเหนือพี่...” ควอตซ์จับมือของคนรักเอาไว้แน่นตอนที่ฟังความรู้สึกจากปากของอีกฝ่าย
“ผมถึงไม่อยากให้พี่ควอตซ์ไปยุ่งกับเขาอีกเลยบอกให้พี่ไปคุยกับคุณแม่ ให้คุณแม่จัดการแทน” น้ำเหนือพูดเสียงค่อย “แต่ตอนนี้... คุณเฌอรีนเธอ... ไม่อยู่แล้ว แม้ผมจะยังสับสนและไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันจบแล้วผมก็อยากจะอโหสิกรรมให้ เพราะคุณเฌอรีนก็รับผลของการกระทำของตัวเองแล้ว”
คนที่นอนอยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นมองสบตากับคนรัก “เพราะอย่างนั้น... ถ้าพี่ควอตซ์จะไปหาคุณเฌอรีนเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะของเพื่อนกันผมก็ไม่ว่าอะไรครับ คุณเฌอรีนเธอคงดีใจ แล้วเราก็ปล่อยให้เรื่องราวทุกอย่างมันจบลง”
“พี่ขอโทษ”
น้ำเหนือส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มให้ “ไม่ใช่ความผิดของพี่หรอกครับ อย่าเอาแต่โทษตัวเองนะครับ เรื่องของคุณเฌอรีนก็ด้วย ไม่ใช่ความผิดของพี่เหมือนกันคุณเฌอรีนเลือกที่จะเดินทางนี้เอง...”
ควอตซ์ส่งยิ้มบางให้ ก้มลงจูบหน้าผากของคนรักเบาๆ “ครับ น้ำเหนือนอนพักเถอะ สองสามวันมานี้เจอแต่เรื่อง พักผ่อนเยอะๆ นะ”
“พี่ควอตซ์ก็ด้วยนะครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาเลือกที่จะนั่งมองคนรักอยู่แบบนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายหลับไป มือของควอซ์ยังประสานอยู่กับมือของน้ำเหนือเพื่อย้ำบอกว่าเขายังมีคนอยู่ข้างๆ ยังมีคนที่เขาต้องคิดถึงและดูแล เพราะอย่างนั้นเขาจะต้องเข้มแข็งและผ่านเรื่องราว ความรู้สึกในตอนนี้ไปให้ได้
แม้จิตใจของควอตซ์จะกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักก็ตาม...
เรื่องของเฌอรีนเรียบร้อยทุกอย่างในสัปดาห์ต่อมา พิธีกรรมทางศาสนานั้นดำเนินในประเทศไทย ไม่ได้ส่งร่างของเฌอรีนกลับประเทศ เพราะเฌอรีนไม่มีครอบครัวพ่อกับแม่เสียไปหลายปีก่อน ญาติคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ติดต่อกัน ควอตซ์จึงตัดสินใจทำพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศไทยนี้ อย่างน้อย... ก็ทำให้กับเพื่อน
เพื่อนๆ ในกลุ่มที่สะดวกเดินทางก็เดินทางมาร่วมงาน ทุกคนต่างตกใจกับข่าวที่ได้รับอย่างกะทันหัน
"ควอตซ์..."
คนถูกเรียกหันกลับไปมอง "มิเชล..."
ผู้หญิงเจ้าของชื่อส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างๆ ควอตซ์ พร้อมกับทอดสายตามองไปที่แผ่นป้ายชื่อที่มีชื่อของเฌอรีนสลักอยู่บนนั้น
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน เป็นความเงียบที่ควอตซ์รู้สึกอึดอัด จนสุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมาก่อน "ขอโทษ..."
"ขอโทษฉันเรื่องอะไรกัน" มิเชลหันไปมอง
"ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เฌอรีนต้องตาย ขอโทษที่ทำให้คนรักของเธอ..."
มิเชลถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยพูด "ที่จริง... มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ จริงๆ แล้วฉันกับเฌอรีนเราไม่ใช่คนรัก สถานะของเราคือคุณหมอกับคนไข้"
พอได้ยินแบบนั้นควอตซ์ก็หันมามองทันที "หมายความว่ายังไง"
"อย่างที่เธอรู้ ฉันเป็นจิตแพทย์ส่วนเฌอรีนเป็นคนไข้ของฉัน หลายปีแล้ว... ก่อนจะเข้ามหา'ลัย เฌอรีนต้องเข้าพบจิตแพทย์ ช่วงไฮสคูลเฌอรีนเจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจค่อนข้างรุนแรงจนต้องเข้ารักษาตัวมาตลอด ฉันเริ่มรู้จักเฌอรีนก็ตอนที่เข้าเรียน เคยเข้าไปศึกษาเคสกับอาจารย์หมอก็เลยได้รู้จัก หลังจากนั้นก็ติดต่อกันมาตลอด"
"แต่พวกเธอ..."
"เรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจของเฌอรีนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้ชายน่ะ เฌอรีนเลยเกลียดแล้วก็ขยาดผู้ชาย ฉันก็เลยช่วยคอยกันพวกผู้ชายให้แล้วทุกคนก็เข้าใจผิดกันไปน่ะ" มิเชลว่า "ฉันก็ไม่รู้นะว่าทำไมหรือเพราะอะไร แต่เธอคือผู้ชายคนเดียวที่เฌอรีนรัก"
"แต่ฉันไม่คิดจริงๆ ว่าเฌอรีนจะถึงขนาดคิดสั้นแบบนั้น... ทั้งๆ ที่คิดว่าอาการอาละวาดจะหายไปแล้ว"
ควอตซ์เงียบไปกับคำพูดของมิเชล เรื่องของเฌอรีนเขาไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนคนนี้มีอดีต และมีเบื้องหลังอย่างไรบ้าง
"ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันเอง" ควอตซ์พูด
'สิ่งที่ไอเกลียดที่สุด... ก็ยูไง เฌอรีน' ถ้อยคำที่แม้จะเบาเหมือนเสียงกระซิบ แต่มันกลับฝังแน่นลงไปในจิตใจของคนฟัง จนได้แต่นั่งอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกจากดวงตาคู่นั้นหลังจากที่ใครอีกคน... คนที่เธอรักสุดหัวใจเดินออกจากห้องไป
ทุกอย่างเหมือนพังทลาย ความรู้สึกเหมือนถูกเหยียบจนจมดิน เธอกรีดร้อง เธอดิ้นรน เธอกล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่างจนมองข้ามในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงได้
"กรี๊ด!!! กรี๊ดด!!!" เฌอรีนกรีดร้องเสียงดังลั่นห้อง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกจากดวงตาคู่นั้นไม่หยุด มือทั้งสองข้างจิกทึ้งที่เส้นผมของตัวเอง
เธอกรีดร้องซ้ำไปซ้ำมา
"กรี๊ด!! ฉันเกลียดแก!! ฉันเกลียดแกได้ยินไหม กรี๊ดดด!!" ข้าวของในห้องกระจัดกระจาย กรอบรูป แจกันถูกปาทิ้งลงพื้นตามแรงอารมณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ร่างเพรียวของหญิงสาวเซพิงผนังห้องก่อนจะทรุดลงกับพื้น เล็บยาวจิกเข้าที่แขนของตัวเองจนเป็นแผลทางยาว
"ฮืออ... ค ควอตซ์... อ ไอรักยู อึก... ฮืออ... ท ทำไมยูทำกับไอแบบนี้!" ได้แต่นึกถึงคนที่เธอรักและร่ำไห้ออกมาอย่างคนจะขาดใจ แต่ไม่นานอารมณ์ที่เศร้าหมองก็แปลเปลี่ยนเป็นรุนแรง พร้อมกับกรีดร้องออกมาอีกรอบด้วยความขับข้องใจ "กรี๊ดดด ฉันเกลียดแกน้ำเหนือ!! ฉัน... อึก... ฉันเกลียดแก ฮืออ... ก แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน แกแย่งเขา... ฮืออ... ไปจากฉัน ฉันเกลียด... เกลียด..."
ชีวิตของเฌอรีนเหมือนอยู่ในห้องมืดที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีดำ เธอจมปลักอยู่กับความเศร้า ความเกลียดชัง เอาจิตใจของตัวเองไปฝังเอาไว้กับคนอื่นจนลืมมองคุณค่าของตัวเอง ทุกวินาที ทุกนาทีที่ผ่านไปเธอเหมือนตกนรกทั้งเป็นเพราะจิตใจของตัวเอง
เธอได้แต่กรีดร้อง ร้องไห้ และคลุ้มคลั่ง สติ ความนึกคิดเริ่มเลือนหายไปทีละนิด ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องและคิดฟุ้งซ่านไม่หยุด จนความเครียด ความกลัว ค่อยๆ เกาะกุมจิตใจของเธอ จนขาดความยั้งคิด
เฌอรีนพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงเพราะไม่ได้ดื่ม ไม่ได้ทานอะไรเข้าไปในครัว ก่อนจะหยิบมีดทำครัวออกมาจากที่เก็บมีด
"I hate you"
"I... I love you..."
"I hate you"
"I... I love you..." เฌอรีนได้แต่พูดสองประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา ดวงตาของเธอเหม่อลอยเหมือนคนไม่มีสติ และทุกครั้งที่พูดมือที่ถือมีดอยู่นั้นก็กรีดลงบนข้อมือของตัวเอง หนึ่งประโยคต่อหนึ่งรอยกรีดจนเลือดสีแดงไหลย้อนไปทั่วทั้งมือและแขน ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ ทรุดลง มือที่ถือมีดทิ้งลงข้างลำตัว ใบหน้าซีดเซียวเพราะเลือดออกมาก
ก่อนที่ทุกอย่าง... จะจบลงพร้อมกับลมหายใจของเธอ
"I... love...""อย่าโทษตัวเองเลยควอตซ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเฌอรีนเลือกเอง แม้ทางเลือกของเธอจะผิดแต่เธอก็เลือกแล้ว" มิเชลยกมือขึ้นจับไหล่อีกฝ่ายหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทุกอย่าง "ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเอาแต่โทษตัวเอง สิ่งสำคัญกว่าคือวันพรุ่งนี้ต่างหาก"
มิเชลหันกลับไปมองสุสานของเฌอรีนอีกครั้ง "เฌอรีนไปแล้ว อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานอะไรอีกแล้ว"
"อือ..."
"ทำใจให้สบายเถอะ อย่าคิดอะไรมากเลย" มิเชลย้ำอีกรอบ "ฉันขอตัวก่อนนะ ต้องรีบไปเตรียมตัวบินกลับแล้ว ฉันดีใจที่ได้เจอนายนะ ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก ถ้าบินไปเที่ยวที่นู้นก็นัดเพื่อนๆ ด้วย พวกนั้นก็อยากเจอนาย แต่มาไม่ได้"
ควอตซ์พยักหน้ารับ "อือ เอาไว้เจอกันใหม่มิเชล"
มิเชลตบไหล่ควอตซ์อีกรอบเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนที่เธอจะเดินออกจากบริเวณนี้ไป ส่วนควอตซ์ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ควอตซ์ยืนอยู่อย่างนั้น แต่ก็นานพอที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี
เขาละสายตาจากภาพตรงหน้า ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกมา โดยไม่ได้หันกลับไปมองอีก
"ไอ... ให้อภัยยูแล้ว แล้วก็หวังว่ายูจะให้อภัยไอ... เฌอรีน..."
“พี่ควอตซ์... เสร็จพิธีแล้วเหรอครับ” น้ำเหนือร้องถามเมื่อเห็นคนรักเดินเข้ามาในห้อง
อีกฝ่ายเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตียงเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของน้ำเหนือเอาไว้ “เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ”
“ดีแล้วละครับ ว่าแต่พี่ควอตซ์ไม่กลับไปพักที่บ้านเหรอครับ น่าจะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” น้ำเหนือกวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่าย
“ไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นหรอก อีกอย่างกลับไปบ้านก็เป็นห่วงน้ำเหนือด้วย มาพักที่โรงพยาบาลนี่ก็ได้” อีกฝ่ายว่า
ใบหน้าน่ารักซับสีระเรื่อเล็กน้อยกับถ้อยคำนั้น “พี่... โอเคใช่ไหมครับ”
ควอตซ์เลิกคิ้วขึ้น ระบายยิ้มจางๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ “โอเคสิ พี่ให้อภัยเฌอรีนไปหมดแล้ว”
“ดีแล้วละครับ เอาไว้... ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วเราไปทำบุญให้คุณเฌอรีนกันนะ”
“อือ ได้สิ” ควอตซ์รับคำ ก่อนจะถามอีกคนกลับ “แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง มีปวดท้องหรือเปล่า น้าหมอว่ายังไง”
“ปกติทุกอย่างครับ น้าหมอก็บอกว่าให้ลดการขยับตัวเหมือนทุกครั้ง หัวใจของลูกก็เต้นเป็นปกติดียังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วก็... รอเวลาครับ” น้ำเหนือเล่าให้ฟัง “น้าหมอบอกอยากให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยผ่าคลอด”
มือหนาสอดประสานมือของน้ำเหนือเอาไว้ ก่อนจะยกขึ้นแล้วแนบริมฝีปากของตัวเองที่หลังมือของอีกฝ่าย “อดทนนะ อีกไม่นานหรอก”
“ครับ แค่นี้เองไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว สบายผมต่างหากนอนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย” พูดเสียงทะเล้น ให้คนฟังนึกมันเขี้ยวจนต้องใช้มืออีกข้างบีบปลายจมูกรั้นๆ นั้นเล่นเบาๆ
น้ำเหนือทำหน้ามุ่ยเมื่อโดนแกล้ง ยกมือตีมือของควอตซ์เสียงดัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีสลดอีกทั้งยังหัวเราะชอบใจที่แกล้งให้คนรักทำหน้าง้ำหน้างอได้ เห็นแบบนั้นน้ำเหนือก็นึกหมั่นไส้จนต้องคว้ามือของควอตซ์มาแล้วกัดลงไป จนคนไม่ระวังตัวต้องส่งเสียงร้องออกมา
“โอเวอร์! ผมไม่ได้กัดแรงขนาดนั้นเสียหน่อย” น้ำเหนือว่าอย่างหมั่นไส้กับเสียงร้องโอเวอร์ของคนรัก
“มากัดกันแบบนี้นี่ฉีดยาแล้วใช่ไหมเนี่ย” ควอตซ์ดึงมือของตัวเองกลับ ก้มมองรอยฟันจางๆ ที่ปรากฏบนมือ
“พี่ควอตซ์!” น้ำเหนือร้องยื่นมือไปตีไหล่อีกคน “ผมไม่ใช่หมาน่ะ!”
ควอตซ์ยิ้มขำ “ก็ไม่ได้ว่าเป็นหมา แต่เป็นแมวไง ชอบขู่ ชอบกัด”
“คอยดูเถอะ ถ้าผมลุกได้นะผมจะกัดพี่ควอตซ์ทั้งวันไม่ปล่อยเลย! เอาให้พี่ควอตซ์กลายเป็นแมวบ้าไปเลย”
คนโดนขู่ทำตาโตอย่างตกใจแบบที่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำ ก่อนที่ดวงตาตกใจนั้นจะพราวระยับพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก “อย่างนั้นแลกกันไหม”
น้ำเหนือหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจกับคำพูดของคนรัก ก่อนจะหน้าแดงวาบนึกอยากจะเอาหมอนที่หนุนนอนฟาดใส่อีกคนแรงๆ หลายๆ ที แต่ติดที่ว่าทำแบบที่ใจคิดไม่ได้ เลยได้แต่นอนหน้าแดงอยู่แบบนั้น พร้อมกับปล่อยให้อีกคนหัวเราะชอบใจที่ทำให้เขาเขินได้
“ถ้าน้ำเหนือกัดพี่ทั้งวัน พี่ก็จะกินเราทั้งวัน แลกกันไง ดีไหม... มัมมี๊”************************************************
ไม่รู้ว่ายังไงเนอะ แต่ตั้งแต่แรกที่คิดพล็อตแล้ววางเอาไว้ว่าใครเป็นตัวร้าย ฟางก็วางจุดจบของเขาเอาไว้เลย ส่วนหนึ่งคือไม่อยากให้มือของตัวละครหลัก หรือคุณหญิงแม่ต้องเปื้อน (ไม่ได้หมายถึงเปื้อนเลือดนะ) แล้วก็คือ... อยากให้ทุกอย่างจบ จบแบบจบจริงๆ ก็เลยวางเอาไว้ว่าเขาจะฆ่าตัวตาย คือสองสามรอบมั้งที่ฟางเขียนถึงเฌอรีนกรีดร้อง ชีวิตของเฌอรีนคืออยู่กับการคิดไปเอง มโน แล้วก็คลุ้มคลั่ง ฟางก็เลยคิดว่าแบบนี้ก็เหมาะกับเขาแล้ว เขาขังตัวเองเอาไว้ด้วยตัวเอง ปิดหูปิดตาตัวเอง แล้วก็ทรมานตัวเองจนไม่มีความสุขเลยเลือกทางนี้ ฟางคิดว่าก็โอเคแล้ว ซึ่งก็อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคนหรือเปล่า 5555 แบบไม่อยากยืดยาวออกไปอีกอ่ะค่ะ ให้มันจบแบบนี้นี่แหละเนอะ
อารมณ์หน่วงๆ เทาๆ มาเต็มตอน มาเปลี่ยนสีเอาตอนท้าย ไม่อยากให้เครียดกันจ้า แล้วหลังจากนี้จะเจอแต่ความสุข ความสุข แล้วก็ความสุขแล้วค่ะ คือเหมือนอย่างที่บอกไปในเปิดใจ เรื่องนี้แต่งยากจริงๆ ค่ะ ยากแทบจะทุกฉากทุกตอนเลย ยังไงก็เอาใจช่วยฟางด้วยน้า
ปล. มีคำผิด บอกได้ค่า
อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็จะไม่ทิ้งไปไหนแน่นอนค่ะ หวังว่าจะเข้าใจกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ฟางด้วยค่ะ ^^
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ อย่าลืม กดเมนต์ กดโหวด แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ