กลายรักพิเศษ❧ครอบครัวสุขสันต์
การมีครอบครัวหลายๆคนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ง่ายๆแต่ความเป็นจริงนั้นมีเพียงคนที่มีครอบครัวแล้วเท่านั้นที่จะรู้ว่าคำว่าง่ายนั้นมันไม่มีเลยสักนิด ไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่เองก็เป็นหนึ่งในคนที่เริ่มจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองโดยมีเด็กผิวขาวเส้นผมสีเงินแซมสีน้ำเงินเป็นลูกบุญธรรม
การที่รับเด็กคนหนึ่งมาดูแลไม่ใช่เรื่องง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เด็กคนนั้นว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
กิจวัตรประจำวันที่มีเพียงแค่ผมและยูทาร์เริ่มแปรเปลี่ยนไปทีละนิด...
จากที่ในห้องมีแค่ผมและยูทาร์ตอนนี้เพิ่มลูกชายสุดที่รักหรืออานโน่เพิ่มเข้ามา
เตียงนอนที่ผมมักจะถูกยูทาร์นอนกอดอยู่ทุกวันตอนนี้ก็มีอานโน่นอนแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเรา
ตู้เสื้อผ้าที่ปกติมีเพียงตู้เดียวก็ถูกซื้อเพิ่มโดยที่ภายในมีเสื้อผ้ามากมายที่พ่อและแม่ต่างซื้อมาให้และอีกหลายๆอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเราพ่อ แม่และลูกอยู่พร้อมหน้ากันโดยที่ผมและยูทาร์ไม่ต้องไปปฏิบัติภารกิจ ปกติถ้าต้องออกไปปฏิบัติภารกิจผมจะฝากอานโน่ให้พ่อหรือพี่โนว่าช่วยดูแลจนกว่าจะจัดการงานเสร็จ...ตอนแรกอานโน่ไม่ไว้ใจทั้งพ่อหรือพี่โนว่าแต่เพราะมีภารกิจฉุกเฉินเลยต้องฝากอานโน่ไว้โดยที่เขาไม่เต็มใจเท่าไหร่
หลังจากที่เสร็จงานกลับมาในอีก3วันให้หลังผมกับยูทาร์ถึงกับงงที่เห็นอานโน่ที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมกับใครกำลังเล่นอยู่กับพี่โนว่าที่ฐาน2โดยมีเหล่ายูทาห์แรพเตอร์ทั้ง5ตัวล้อมรอบอยู่ด้วยรอยยิ้ม
ไม่รู้ว่าพี่โนว่าทำได้ยังแต่นั่นทำให้ผมวางใจที่จะฝากอานโน่ไว้มากขึ้น
ความจริงผมควรจะให้อานโน่อยู่รวมกับเหล่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นๆแต่ก็อย่างที่บอกไปว่าอานโน่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆอีกทั้งยังเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ถ้าเขาไว้ใจใครก็จะยิ้มร่าด้วยท่าทาเป็นเป็นมิตรในทางตรงกันข้ามก็เช่นกันถ้าเขาไม่ไว้ใจต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสนิทด้วย
อานโน่อาจดูเหมือนเป็นเด็กที่หยิ่งและเอาแต่ใจ นั่นเป็นเพียงสิ่งที่คนภายนอกมองเห็นเท่านั้นสำหรับผมและคนที่อานโน่สนิทด้วยกล้าพูดได้เลยว่าเด็กคนนี้ทั้งน่ารักและขี้อ้อนสุดๆ...ใครเห็นเป็นต้องหลงแน่นอน
“ยูทาร์ตื่นเช้าจังเลยนะ”ผมทักทายคนรักของตัวเองที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาตัวยาวด้านข้างเตียง...เสียงของโทรทัศน์ถูกหรี่จนเบาเพื่อไม่ให้รบกวนอานโน่ที่นอนอยู่บนเตียง
ผมเองก็พึ่งตื่นเหมือนกัน...น่าแปลกที่ไม่ตื่นมาโดยมียูทาร์กอดอยู่เหมือนวันอื่นๆ
ถึงก่อนนอนอานโน่จะนอนตรงกลางแต่พอเข้าช่วงดึกๆยูทาร์ก็ชอบแอบย่องมานอนกอดผมทุกครั้งไป
“ผมพึ่งตื่นเมื่อ10นาทีที่แล้วเอง...อรุณสวัสดิ์เซโคร”คำทักทายดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาข้างๆยูทาร์
“วันนี้แปลกนะที่ตื่นมาแล้วไม่ถูกยูทาร์กอดน่ะ”ผมพึมพำไปเรื่อยโดยที่มองไปยังโทรทัศน์ตรงหน้าที่ออกข่าวเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่หลุดออกมาแล้วได้หนึ่งในหน่วยของผมเข้าไปจัดการจนไม่เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง
“เซโครอยากให้ผมกอดเหรอ?”คนด้านข้างหันมาถามทันทีด้วยแววตาที่เป็นประกายเหมือนเด็กๆ
“ใครพูดกัน”
“เซโครไง”
“ผมแค่พูดว่าแปลกใจเฉยๆเองนะ”ผมยังคงพยายามแถไปเรื่อยเมื่อถูกจับได้ว่าอยากถูกอีกฝ่ายกอด
“ความหมายก็เหมือนกันนี่...ผมกอดตอนนี้ก็ได้นะ”
“ไม่ต้องก็...เฮ้ย...”ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกไดโนเสาร์ในร่างมนุษย์ตรงหน้ากระโดดเข้ากอดเต็มแรงจนผมหงายหลังลงไปนอนราบบนโซฟาตัวยาวโดยมีดวงตาสีเหลืองอำพันจ้องมาด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยน
รอยยิ้มที่คลีออกเล็กน้อยของคนด้านบนทำให้หัวใจที่สงบนิ่งเริ่มเต้นแรงขึ้น
ทั้งที่คิดว่าชินกับรอยยิ้มของยูทาร์แล้วแท้ๆแต่ทำไมหัวใจมันยังเต้นแรงแบบนี้นะ
“...เซโครหน้าแดง”
“ระ...รู้แล้ว...อย่าพูดสิ”คำพูดของยูทาร์ยิ่งสร้างความเขินอายที่มีอยู่แล้วให้เพิ่มขึ้นอีก
“น่ารัก”ยูทาร์ก้มหัวลงมาจนปลายจมูกของเราสัมผัสกันเบาๆก่อนจะเอ่ยคำพูดน่าอายนั่นออกมา
“...”ตอนนี้ผมได้แต่เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นโดยที่ดวงตาสีเขียวอมฟ้าของผมยังคงประสานอยู่กับดวงตาสีเหลืองอำพันของคนด้านบน
ในหัวเริ่มขาวโพลนจนคิดอะไรแทบไม่ออก
อยากจะหลบสายตาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกดวงตาสีสวยตรงหน้าตรึงไว้จนไม่สามารถละออกมาได้
อยากจะผลักอีกฝ่ายให้ออกไปแต่สองมือของตัวเองทำเพียงแค่กำเสื้อของยูทาร์แน่นขึ้นเท่านั้น
การกระทำแบบนั้นไม่ต่างจากการบอกว่าอยากให้อีกฝ่ายอยู่แบบนี้ต่อเลยสักนิด
อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนแล้ว
“ทำแบบนี้ผมคิดเอาเองนะว่าเซโครอยากให้ผมกอด”เสียงทุ้มติดขี้เล่นเริ่มออกแนวเจ้าเล่ห์ขึ้นทีละน้อย มือทั้งสองข้างของยูทาร์กระชับกอดผมแน่นพร้อมกับซุกหน้าลงที่คอแล้วจูบเบา
“อื้อ!...ยูทาร์”
“เซโคร”ชื่อของตัวเองที่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงกระเส่าทำให้ร่างกายเริ่มร้อนขึ้น
“...ยูทาร์”สิ่งที่ผมทำมีเพียงเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดคอคนด้านบนที่เริ่มพรมจูบไปตามลำคอขาวลงมาเรื่อยๆ
“อยากทำจังเลย...ให้ผมทำได้ไหม?”คำถามที่ยากจะปฏิเสธดังขึ้นที่ข้างหูก่อนที่ยูทาร์จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมด้วยแววตาที่ออดอ้อนและเว้าวอน
ทำแบบนั้นแล้วผมจะปฏิเสธยังไงได้
“...แต่ลูก...”
“เขายังไม่ตื่นหรอก”ยูทาร์รีบพูดแทรกก่อนจะประกบปากลงมาอย่างรวดเร็ว
“อื้ออ...”เสียงครางของเซโครดังขึ้นเมื่อลิ้นร้อนของยูทาร์เริ่มลุกเข้ามาแล้วทวีความรุนแรงมากขึ้นเหมือนเขากำลังกระหายให้ตัวผมอย่างหยุดไม่ได้
มือของยูทาร์ที่กระชับกอดผมแน่นเริ่มเริ่มคลายออกแล้วเปลี่ยนมาถกเสื้อสีครีมของผมขึ้นพร้อมลูบไล้ที่หน้าท้องขาวเพื่อกระตุ้นอารมณ์ที่มีอยู่ให้มากขึ้นกว่าเดิม
“...อ่า...หยุดเถอะยูทาร์”ถึงจะอยากยอมแค่ไหนแต่จะให้ทำโดยที่มีลูกนอนอยู่ไม่ไกลแบบนี้ไม่ได้
มันทั้งไม่ดีและน่าอายที่สุดเลย
“แต่ผมอยากกินเซโคร...ให้ผมกินเซโครนะครับ”
“ไม่...”
“พ่อจะกินแม่เหรอครับ?”ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบจบประโยคเสียงเล็กๆที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นก่อนที่ร่างของอานโน่จะเดินเข้ามาหาผมและยูทาร์ที่มีสภาพไม่น่าดูเท่าไหร่
ผลัก!
พอเห็นลูกเดินมาร่างกายผมก็ขยับไปเองโดยไม่รู้ตัว...รู้ตัวอีกทีก็เผลอถีบยูทาร์จนเกือบหงายหลังแล้ว เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยถูกจัดอย่างลวกๆด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีจัดด้วยความตกใจและความอายที่ถูกเห็นในสภาพแบบนี้
“อะ...อานโน่”ทันทีที่สติเริ่มกลับเข้าร่างเซโครก็หันไปยิ้มให้ลูกชายที่มองมาอย่างงงๆปนไม่เข้าใจ
บอกเลยว่ารอยยิ้มตอนนี้มันช่างเสแสร้งสิ้นดี!
ผมอยากจะวิ่งหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำสัก2ชั่วโมงให้ความเขินอายนี่หายไปจริงๆ
ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเหตุการณ์มันเลยเถิดไปมากกว่านี้แล้วอานโน่มาเห็นเข้าจะเป็นยังไง
“ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ?”เสียงเล็กยังคงถามต่อพร้อมเดินเข้ามาหาผม
“เอ่อ...”ผมควรจะตอบว่าอะไรดี
“แล้วพ่อจะกินแม่เหรอครับ?”เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอานโน่เลยเปลี่ยนเป้าหมายจากผมไปเป็นยูทาร์ที่นั่งใช้มือสองข้างกุมท้องที่ถูกผมถีบไปเมื่อครู่
“...ก็ไม่เชิงกิน”ยูทาร์ตอบกลับโดยที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมายังผม
“จัดการเองละกัน”เล่นทำผมอายต่อหน้าลูกขนาดนี้แล้วยังกล้าขอความช่วยเหลืออีกงั้นเหรอ
ใครจะช่วยกันล่ะ
ช่วยตัวเองไปละกัน!
“หมายความว่ายังไง?...พ่อกินแม่เหมือนกินอาหารเหรอ?”อานโน่ที่ได้คำตอบไม่ชัดเจนถามต่อพร้อมเดินเข้าไปหายูทาร์ใกล้ขึ้น
“เอ่อ...คือ...”
“ไม่ได้นะ!...แม่ไม่ใช่อาหารนะพ่อถ้าหิวก็ควรไปหาของกินข้างล่างสิ!”ยูทาร์ยังไม่ทันได้ตอบอะไรอานโน่ก็ตะโกนขึ้นเสียงดังพร้อมกับวิ่งมากอดผมไว้แน่นแล้วมองไปยังยูทาร์เหมือนจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้ผม
เซโครมองยูทาร์ที่เบิกตากว้างทำหน้าเลิกลักด้วยความขบขัน...ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นยูทาร์ในมุมนี้
ใบหน้าของคนที่ทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้จะอธิบายให้ลูกฟังยังไง
ผมละอยากหัวเราะออกมาดังๆให้โลกรู้ไปเลยว่าท่าทางแบบนั้นทำให้ผมขบขันแบบสุดๆแต่ก็ต้องกลั้นไว้เพราะการหัวเราะคนที่กำลังแย่มันไม่ดีเท่าไหร่
“...อุ๊บ!...ฮะฮะฮะ”ถึงจะบอกแบบนั้นแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ
“เซโคร!”ยูทาร์ที่เห็นผมหัวเราะเสียงดังก็รีบตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงเคืองๆพร้อมขยับเข้ามาใกล้แต่ก่อนจะเข้ามาถึงตัวผมร่างเล็กๆของอานโน่ที่กอดผมอยู่ก็ขยับตัวขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับดันคนที่ได้ชื่อว่าพ่อของตัวเองไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้
“ห้ามพ่อเข้าใกล้แม่นะ!”เสียงอันเฉียบขาดทำเอายูทาร์ที่กำลังขยับตัวถึงกับชะงัก
“...อานโน่”เสียงทุ้มเรียกชื่อลูกชายเบาๆโดยที่ทำหน้าหง๋อยลง
ใบหน้านั่นดูเศร้ามากจนผมหยุดหัวเราะแล้วรวบตัวอานโน่ที่ทำตาขวางใส่พ่อของตัวเองมาไว้ในอ้อมกอดก่อนะจะหอมแก้มเด็กตรงหน้าแรงๆด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณที่ช่วยปกป้องแม่นะ”
“แน่นอนครับ”อานโน่ตอบกลับพร้อมหันมายิ้มให้
“...เซโคร”เสียงหง๋อยๆนั่นเรียกชื่อผมพร้อมส่งสายตาที่สื่อเป็นนัยบางอย่างไว้
ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่รู้หรอกว่ายูทาร์ต้องการจะสื่ออะไรแต่สำหรับผมที่อยู่กับยูทาร์มาตลอดรู้ได้ในทันทีถึงสิ่งคำพูดที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น...
‘ช่วยผมหน่อย...ลูกเกลียดผมแล้ว’
เซโครคลียิ้มพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจกลับไปให้...ทันทีที่ยูทาร์เห็นรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นทันที
“อานโน่”ผมเรียกเด็กในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ครับแม่”
“พ่อไม่ได้จะทำร้ายแม่หรอกนะ”ผมอธิบายความจริงออกไป
สำหรับเด็กวัยประมาณ8-9ขวบจะให้อธิบายถึงความสัมพันธ์แบบนี้คงจะไม่ได้...ถึงจะบอกว่า8-9ขวบแต่จริงๆอานโน่ก็พึ่งอยู่กับผมมาได้แค่ปีเดียวเท่านั้นแต่พัฒนาการในแต่ละด้านมันเลยของเด็กไปแล้ว
“...แต่พ่อบอกว่าจะกินแม่นะ”อานโน่เงียบไปพักนึงเหมือนกำลังคิดก่อนจะพูดต่อ
“แค่แกล้งเฉยๆ...เนอะยูทาร์”ผมบอกพร้อมกับหันไปส่งซิกให้ยูทาร์ให้เออออตามไป
“อ่อ...ใช่ๆ...พ่อแค่แกล้งเฉยๆ”
“แต่ผมเห็น...พ่อกำลังงับคอแม่นี่นา”อานโนพูดต่อพร้อมหันมาหาผม ดวงตาสีแดงอ่อนทอประกายสงสัยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อานโน่เป็นเด็กฉลาดและมีไหวพริบดีมากเมื่อเทียบกับไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นๆ
และเพราะเป็นเด็กที่สงสัยอะไรก็จะถามออกมาตรงๆโดยไม่รู้สักนิดว่าคำถามนั้นอาจทำให้คนตอบต้องคิดหนักเหมือนอย่างผมในตอนนี้...
อยากบอกออกไปตรงๆว่าที่อานโน่เห็นไม่ใช่งับแต่เป็นจูบ
แต่ถ้าบอกความจริงคงได้มีคำถามอื่นโผล่มาอีกหลายข้อแน่
“พ่อไม่ได้งับนะ”ยูทาร์พูดค้านพร้อมส่ายหัวไปมาราวกับจะบอกว่าสิ่งที่อานโน่พูดไม่ใช่ความจริง
“...ถ้าไม่ได้งับ...งั้นก็เลียคอแม่เหรอ?”อานโน่นิ่งไปสักพักก่อนจะเปลี่ยนคำถาม
เอ่อ...ผมว่าคำถามมันชักจะเลยเถิดไปหน่อยแล้วมั้ง
“...ก็ไม่เชิง”เป็นอีกครั้งที่คนเป็นพ่อไม่รู้จะอธิบายออกไปว่ายังไง
“แล้วยังไงล่ะ?”อานโน่ถามย้ำพร้อมเอียงหัวไปมาด้วยความอยากรู้ เส้นผมสีเงินยาวแซมสีน้ำเงินปัดไปมาจนผมต้องเอื้อมมือไปลูบเบาๆ
อยากรู้จังว่ายูทาร์จะจัดการสถานการณ์ตอนนี้ยังไง
เพราะอยากรู้เซโครเลยเลือกที่จะเงียบแล้วมองไปยังยูทาร์ที่ขมวดคิ้วสองข้างเข้าหากัน
คงจะกำลังคิดอยู่สินะ
“พ่อ”
“...นั่นเป็นการ...แสดงความรักน่ะ”เมื่อโดนเร่งอีกรอบยูทาร์ก็ค่อยๆเปิดปากอธิบาย
คำอธิบายนั่นทำให้ผมต้องเลิกคิ้วขึ้นเพราะความสนใจ...
ยูทาร์อธิบายได้ดีเกินคาด
“แสดงความรัก?”
“ก็...เวลารักใครเราก็ต้องแสดงออกใช่ไหม...นี่ก็เป็นหนึ่งในการแสดงความรักที่พ่อมีต่อแม่ไง”
“งั้นพ่อก็รักแม่ใช่ไหม?”
“ใช่เลย”ยูทาร์ตอบทันทีด้วยรอยยิ้ม
“ผมก็รักแม่เหมือนกัน”อานโน่เงยหน้าขึ้นมาจนดวงตาสีแดงสบเข้ากับดวงตาสีเขียวอมฟ้าของผม
“รักอานโน่เหมือนกัน”ผมบอกพร้อมกับจูบเบาๆที่หน้าผากของลูกชาย
“แล้วแม่รักพ่อไหม?”
“...แน่นอน”ผมเงียบไปสักพักเพื่อสะกดความเขินอายแล้วบอกออกไปโดยที่เงยหน้าขึ้นไปสบตากับยูทาร์ที่จ้องมาด้วยประกายแห่งความดีใจ
“ในเมื่อผมก็รักแม่แปลว่าผมก็แสดงความรักได้เหมือนที่พ่อทำกับแม่สินะ”
“ห๊ะ?!”ผมถึงงงเมื่อได้ยินประโยคของอานโน่แต่งงได้ไม่นานเด็กชายตัวเล็กก็หันหน้ามาพร้อมกับอ้าปากเล็กน้อยโดยที่สายตาของเขาหยุดอยู่ที่คอผม
นี่คิดจะทำเหมือนที่ยูทาร์ทำ?
“ไม่นะอานโน่...”
กึก!
ใบหน้าของอานโน่ที่เกือบจะถึงลำคอผมหยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนกับถูกใครดึงไว้และพอมองก็เจอกับยูทาร์ที่คว้าคอเสื้อของอานโน่ไว้แล้วดึงจนร่างเล็กไปนั่งอยู่บนตักของยูทาร์แทน
“...เฮ่อ”ผมถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อยังไม่โดนลูกตัวเองงับหรือเลียคอ
“ห้ามทำแบบนี้กับแม่เข้าใจไหม?”ยูทาร์บอกเสียงเข้มพร้อมมองอานโน่ด้วยสายตาดุๆ
“ทำไมล่ะ?”อานโน่ดูจะไม่กลัวสายตาดุที่ส่งไปเลย นั่นทำให้ผมอมยิ้มที่ราชาของไดโนเสาร์ดูจะมีรุ่นต่อไปให้สืบทอดแล้ว
ปกติเวลาที่ยูทาร์มองด้วยสายตาดุๆแบบนี้พวกไดโนเสาร์หรือแม้แต่มนุษย์ก็ยังต้องก้าวถอยหลังแต่อานโน่กลับไม่มีแม้แต่ความกลัว...ไม่รู้ว่าเพราะรู้ว่ายูทาร์ไม่คิดจะทำอะไรหรือใจกล้ากันแน่
“คนเดียวที่จะทำแบบนั้นกับเซโครได้มีแค่พ่อเท่านั้น”ยูทาร์ที่ปกติจะแทนชื่อผมว่าแม่หลดเรียกชื่อผมออกมาซะแล้ว
คงจะไม่ชอบใจสินะ
“งั้นถ้าผมอยากแสดงว่ารักแม่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
“...”คำถามนั้นทำเอายูทาร์ถึงกับเงียบไปเลย
คงจะคิดไม่ถึงว่าจะถูกถามคำถามนี้ละมั้ง
“พ่อ?”
“...เอ่อ...ถ้าแค่กอดละก็...”
“แล้วหอมแก้มล่ะ...ปกติผมก็ทำนะ”
“นั่นก็โอเค”
“แล้วหน้าผากล่ะครับ?”อานโน่ยังคงถามต่อ
“ก็ไม่มีปัญหา”
“แล้วอะไรที่ผมทำไม่ได้ล่ะพ่อ?”สุดท้ายก็วกกลับมาที่เดิม
ผมได้แต่นั่งมองพ่อลูกคุยกันด้วยรอยยิ้ม...ต่อหน้าผมยูทาร์มักจะทำตัวเหมือนเด็ก ทั้งออดอ้อนทั้งขี้เล่น...แต่พออยู่ต่อหน้าอานโน่ยูทาร์ก็จะกลายเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูพึ่งพาได้จนอานโน่ยังพูดบ่อยๆว่าโตไปอยากเป็นเหมือนพ่อ
“ห้ามจูบ”ยูทาร์บอกต่อ
“จูบ?”
“หมายถึงปากแตะปากน่ะ”
“อ้อ...แล้วพ่อทำได้รึเปล่า?”
“แน่นอน...ก็พ่อเป็นคนรักของแม่นี่นา”
“ผมก็เป็นลูกรักทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะ?”
“...ก็มัน...”เหมือนท้ายที่สุดยูทาร์ก็หมดหนทาง ดวงตาสีเหลืองอำพันเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้าของผมเป็นเชิงของความช่วยเหลือ
นั่นทำให้ผมคลียิ้มออกมาก่อนจะเข้าไปช่วยยูทาร์อธิบาย
“มันเป็นเหมือนวัฒนธรรมของมนุษย์น่ะอานโน่”ผมอธิบายแทนยูทาร์
“วัฒนธรรม...ของมนุษย์?”อานโน่หันมาทันทีที่ได้ยินคำอธิบาย
แววตาที่เต็มไปด้วยความต้องการจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นเหมือนผมเมื่อก่อนเลย
“หมายถึงสิ่งที่มนุษย์ต่างยึดถือและปฏิบัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...หนึ่งในวัฒนธรรมเหล่านั้นคือการแสดงออกถึงความรัก...จริงอยู่ที่ลูกรักแม่และพ่อแต่ทุกอย่างล้วนมีขอบเขต...ลูกสามารถแสดงออกว่ารักแม่ได้แต่ไม่มากเท่าที่พ่อแสดง”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะพ่อเป็นคนรักของแม่...เป็นคนที่แม่รักก่อนที่จะได้เจอลูก”มาถึงตอนนี้ก็ชักจะอธิบายไม่ถูกแล้วสิ
“หมายความว่าเพราะพ่อกับแม่รักกันก่อนจะเจอผม...พ่อเลยมีสิทธิ์ในตัวแม่มากกว่าผมแบบนี้ใช่ไหมครับ?”
“ใช่เลยอานโน่!”ผมรีบตอบกลับทันที เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆถ้าขืนถามต่ออีกผมคงตอบไม่ได้แน่
“ผมเข้าใจแล้ว...พ่อครับ”
“หื้อ?”
“ขอโทษที่จะทำแบบนั้นกับแม่นะ”อานโน่หันไปพูดกับยูทาร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด
“...ไม่เป็นไร...พ่อเองก็ขอโทษที่ทำท่าดุลูกนะ”ยูทาร์ตอบพร้อมกับดึงตัวอานโน่เข้าไปกอดไว้แน่น ช่วงที่เงียบไปคงจะตกใจที่อานโน่ขอโทษแน่ๆ
“...อืม...รักพ่อนะ”เสียงเล็กๆดังอู้อี้แต่ก็ทำให้ยูทาร์กดจูบที่หน้าผากของเด็กในอ้อมกอดด้วยความเอ็นดู
“รักลูกเหมือนกัน”
“อ้าว...รักกันอยู่สองคน...ไม่รักกันแล้วเหรอ?”ผมที่เงียบอยู่นานถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แกล้งงอน
“ไม่ใช่นะเซโคร!/ไม่ใช่นะแม่!”สองเสียงประสานกันอย่างรวดเร็วจนผมหลุดยิ้มออกมา
เหมือนกันจริงๆพ่อลูกคู่นี้
“แล้วยังไงล่ะ?”
คำถามที่เอ่ยไปนั่นผมไม่ต้องการคำตอบเลยสักนิด...
ไม่จำเป็นต้องตอบผมก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทั้งสองคนต้องการจะบอกคืออะไร
วันหยุดที่มีน้อยนิดแต่ทุกครั้งที่ได้อยู่พร้อมหน้ามันช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขจนไม่มีสิ่งไหนมาทดแทนได้
“ผมรักเซโคร!/ผมรักแม่!”ทั้งคู่ตะโกนขึ้นพร้อมกันก่อนที่ยูทาร์จะดึงผมเข้าไปกอดพร้อมกับอานโน่ที่ยกแขนขึ้นกอดคอผมแน่น รอยยิ้มของพวกเราทั้งสามปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย
ความอบอุ่นที่สัมผัสได้
นั่นทำให้ผมรู้...
การที่มีพวกเขาอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้…
ผมมีความสุขจริงๆ
“รักทั้งคู่เหมือนกัน”
..................................................................................
สวัสดีค่า
อ่า...ตอนนี้มันช่างละมุนเหลือเกิน
แต่งเองชอบเอง555+
อยากจะแต่งตอนที่อานโน่เจอฉากที่ยูทาร์และเซโครกำลังจะ...อยู่จนได้ออกมาแบบนี้แหละ
จะว่าสงสารยูทาร์ที่ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจก็สงสารอยู่นะแต่ขำมากกว่า เหอะๆ
ตอนนี้ถือว่าเป็นครอบครัวสุขสัตน์ละกันเนอะ
สำหรับภาคต่อ...จะเป็นเรื่องราวของอานโน่นะคะ
จะมาอัพวันนี้เช่นกัน
ชื่อเรื่องของภาคต่อคือ✣Jurassic Confidant✣ คู่หู กลายพันธุ์รัก
รอติดตามกันด้วยนะคะ
คาดว่าจะมาอัพในช่วงดึกหน่อยค่ะ
ถือว่าวันแห่งความรักนี่เป็นวันดีในการเปิดเรื่องใหม่
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจนะคะ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันแห่งความรัก...
happy valentine's day
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪