กลายรักครั้งที่❧12
ตั้งแต่ที่เซโครถูกจับแยกกับยูทาร์ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว...ผมถูกจับให้อยู่ในห้องหนึ่งที่เหมือนกับห้องรับรองสำหรับแขกระดับสูงเพราะทั้งของตกแต่งและเครื่องเรือนต่างก็ดูหรูหราระยิบระยับไปหมด
ตอนนี้สิ่งที่ห่วงไม่ใช่ความปลอดภัยของตัวเองแต่เป็นยูทาร์...
ผมหวังแค่ให้ยูทาร์ปลอดภัยเท่านั้น
ขออย่าให้ยูทาร์ไปทำร้ายใครเลยไม่งั้นเรื่องต้องวุ่นวายแน่ๆ...สิ่งที่ทำได้มีแค่ภวนาและตั้งสติของตัวเองให้มีสมาธิเพื่อจะได้จัดการเรื่องที่จะเกิดต่อจากนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องอะไร
การที่พามายังห้องนี้ก็พอเดาได้เลยว่าใครจะเข้ามา...ถ้าไม่ใช่คุณเลโอ ราวีโอลีก็คงเป็นคุณคันเนโลนี จอร์น...ไม่แน่ว่าอาจเป็นคุณฟาร์ฟาเล่ นาตารีก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครมาก็น่ากลัวทั้งนั้นถ้าพูดอะไรผิดไปทั้งผมและยูทาร์คงไม่ได้เจอกันอีกตลอดไป
การฝ่าฝืนคำสั่งและแอบเอาไดโนเสาร์ออกไปถือเป็นของห้ามสูงสุดขององค์กรดอร์วูนี้และถ้าเรื่องมาถึงขั้นนั้นคนที่จะมาตัดสินก็คือหนึ่งในสามคนที่ผมได้บอกชื่อไว้ก่อนหน้านี้...ทั้งสามคนเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กและยังถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในด้านต่างๆ
ถึงพ่อผมจะถูกเรียกว่าบิดาแห่งการคืนชีพและมีหน้าตาในสังคมระดับแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับพวกเขาทั้งสามคน...แต่จะให้บอกทั้งสามคนก็ดูจะยาวไปสักหน่อยเอาเป็นว่าถ้าคนที่เข้ามาเป็นใครผมจะบอกละกันว่าพวกเขาเป็นใคร
แกร็ก!
ไม่ต้องรอนานประตูหรูก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับคนที่เข้ามาด้านใน...เซโครที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้นยืนเตรียมทำความเคารพในทันทีเมื่อร่างของหญิงวัยกลางคนหรือคุณฟาร์ฟาเล่ นาตารีเข้ามาด้านในแต่แต่ในขณะที่จะทักทายก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเธอไม่ได้มาคนเดียว...
ผมไม่ได้หมายถึงเหล่าบอดี้การ์ดหรือคนคุ้มกันหรอกแต่คนที่ตามมาน่ะชายหนุ่มวัยเดียวกันที่มีเอกลักษณ์คือเส้นผมสีดำกับดวงตาสองสีที่คนทั้งโลกต่างรู้จักคันเนโลนี จอร์น...แต่นั่นไม่ทำให้ผมตะลึงไปมากกว่าเมื่อชายวัยเดียวกันคนที่สามเดินเข้ามา...
คนสุดท้ายที่เดินเข้ามาคือคนที่ถูกเรียกว่าราชสีห์แห่งวงการธุรกิจคุณเลโอ ราวีโอลี
ใครก็ได้พาผมไปเก็บที...จะเอาไว้เป็นอาหารให้ยูทาร์ก็ได้ทำไมพระเจ้าถึงใจร้ายกับผมได้ขนาดนี้...แค่มาสองคนผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าแต่นี่มาถึงสาม!
การพิจารณาแบบปกติจะมาเพียงคนเดียวเพราะแต่ละคนล้วนมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินได้โดยไม่ต้องประชุมขอความเห็น...อาจมีบางครั้งที่มา2คนแต่นั่นต้องเป็นการพิจารณาเรื่องใหญ่พอสมควรและไม่เคยมีมาก่อนว่ามีการพิจารณาที่พวกเขาจะมาพร้อมกันทั้งสามคน!
“...อ่อ...สวัสดีครับ”ผมอยากตบปากตัวเองจริงๆที่พูดเสียงสั่นได้ขนาดนั้น
“คิก...ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้นะ”เสียงหวานในชุดราตรีสีฟ้าดังขึ้นแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านในก่อนจะตามมาด้วยชายวัยกลางคนอีกสองคนที่หันมามองผมแล้วเดินตามไปนั่งที่ก้าวอี้ยาว
พอเห็นทั้งสามท่านนั่งเรียบร้อยผมก็ค่อยเข้าไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยความกังวลใจจนเหงื่อไหลออกมาเป็นสายแล้ว...ถ้าพูดคุยแบบตัวต่อตัวผมคงจะไม่กังวลเท่าต้องมาพูดคุยกับคนระดับโลก3คนแบบนี้
“แหม...เกร็งใหญ่เลยนะหนุ่มหล่อ”คุณฟาร์ฟาเล่พูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มอันอ่อนโยนมาให้ผม...รอยยิ้มนั่นสมแล้วที่ได้ชื่อว่านางฟ้าแห่งอัญมณี...เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอัญมณีทุกชนิดที่อยู่บนโลกรวมทั้งพวกอำพันที่มีซากของเหล่าไดโนเสาร์ก็ถูกคุณฟาร์ฟาเล่ นาตารีเป็นคนค้นพบเป็นส่วนมาก
“หึ...ถ้าเจอแบบนี้แล้วนั่งนิ่งคงแปลกน่าดู”เสียงทุ้มต่ำของชายคนถัดไปดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีทองอ่อนที่จ้องมาราวกับจะล่าเหยื่อ ชายที่ถูกเรียกว่าราชสีห์แห่งวงการธุรกิจคุณเลโอ ราวีโอลี...เขาเป็นคนที่มีความสามารถในการวางแผนและบริหารงานต่างๆได้อย่างดีเยี่ยมและประสบความสำเร็จที่ธุรกิจทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเรื่องการทดลองในการคืนชีพของไดโนเสาร์ก็ได้เขานี่แหละที่เป็นคนให้เงินสนับสนุนการทดลองของพ่อ
“ที่สั่นแบบนั้นเพราะนายน่ากลัวน่ะสิเลโอ”ชายคนสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสองสีที่จ้องมา คุณคันเนโลนี จอร์น...บิดาแห่งการค้นพบ เป็นคนที่ไม่ว่าไปไหนหรือทำอะไรก็จะได้พบสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครค้นพบหรือนึกถึงมาก่อนอย่างเกาะที่แม่ไปทำการศึกษาคนที่ค้นพบก็คือเขานี่แหละ
ฟังจากที่ผมเล่าแล้วคิดว่าคนที่จบปริญญาเอกธรรมดาๆแบบผมจะมีหน้าไปต่อกรกับพวกเขาได้งั้นเหรอ?...แค่พูดไปประโยคเดียวคงได้ถูกสวนกลับมาสัก10บรรทัด
“เรามาเข้าเรื่องกันเถอะฉันมีงานแสดงอัญมณีระดับโลกในอีก6ชั่วโมง”หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวของห้องพูดพรางมองนาฬิกาข้อมือเรือนหรูสีน้ำเงินของตัวเอง
“...คะ...ครับ”หยุดสั่นสักทีเถอะเสียงผม
“เธอฝ่าฝืนกฎที่พวกเราตั้งแล้วพาไดโนเสาร์ออกไปโดยพลการ”คุณเลโอพูดขึ้นพร้อมกับยกขาซ้ายขึ้นมาไขว่ขาขวา ดวงตาสีทองอ่อนราวกับราชสีห์จ้องมาเหมือนผมกลายเป็นเหยื่อตัวเล็กๆที่รอถูกขย้ำ
“ใช่ครับ”ผมสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วตอบออกไปตามความจริง...มาถึงขั้นนี้การโกหกมีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง
“ทำไปทำไม?”ดวงตาสองสีของคุณจอร์นถามต่อทันที
“ยูทาร์อยากอยู่กับผม...ผมไม่สามารถปล่อยเขาให้คนอื่นดูแลได้เพราะยูทาร์ไม่เชื่อใจใครนอกจากผมและถึงผมจะไม่พาเขาไปแต่ด้วยความสามารถที่มีเขาก็ต้องตามผมมาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอยู่ดี...เมื่อเป็นแบบนั้นยูทาร์คงต้องโดนโทษหนัก ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าต้องโดนลงโทษผมยอมเป็นคนที่โดนเองดีกว่า”ผมอธิบายให้เหล่าอัจฉริยะทั้งสามคนฟัง
“เขาเป็นไดโนเสาร์ไม่ใช่มนุษย์...เธอมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะแอบตามเธอไปอย่างที่ว่า”คุณจอร์นถามต่อพร้อมกับเปิดแฟ้มที่ติดมือมาตั้งแต่เข้าห้อง...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคืออะไร...
คงเป็นข้อมูลของผมกับยูทาร์ที่ละเอียดยิบ ด้วยความสามารถของบริษัทคงจะหาได้ทั้งข้อมูลส่วนตัวรวมทั้งความลับต่างๆได้อย่างง่ายดาย
“คุณคงรู้แล้วว่ายูทาร์เป็นไดโนเสาร์ที่พิเศษ...นอกจากจะมีการผสมสายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่ถือเป็นสุยอดเข้าไปถึง4ชนิดแล้วยังมียีนส์ของมนุษย์...นั่นทำให้เขาสามารถกลายเป็นมนุษย์ได้ เรื่องนี้พวกคุณคงรู้อยู่แล้ว...”พอพูดมาถึงตอนนี้ทั้งสามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
“งั้นคุณก็คงรู้ว่าหนึ่งในสายพันธุ์ที่ผสมลงไปคือโทรโอดอนไดโนเสาร์ที่ฉลาดที่สุด...เมื่อความฉลาดของโทรโอดอนกับมนุษย์รวมกันจะทำให้เขามีระบบความคิดและการประมวลผลที่มากกว่ามนุษย์ปกติ...”
“เธอกำลังจะบอกว่าไดโนเสาร์พันธุ์ผสมที่ว่าฉลาดกว่ามนุษย์?”คุณเลโอพูดแทรกขึ้นมาสายตาที่สบมาทำให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูด
“ผมคิดว่าใช่...มนุษย์ปกติจะค่อยๆเรียนรู้และเชื่อในทุกสิ่งที่คนใกล้ตัวป้อนลงไปจนกว่าระดับอายุที่สูงขึ้นจนคิดเองได้แต่ยูทาร์ต่างออกไปนอกจากเขาจะเรียนจากสิ่งรอบตัวด้วยตัวเองแล้วยังมีระดับความเข้าใจที่สูงมาก...อ่อ...ผมจะบอกว่าเขาสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่ามนุษย์ปกติ”ผมตอบพร้อมอธิบายออกไป...พอเริ่มชินกับบรรยากาศผมก็รู้สึกผ่อนคลายแล้วพูดได้อย่างที่ต้องการมากขึ้น
“อย่างเช่น?”
“ยกตัวอย่างเช่นการเดิน...มนุษย์ปกติจะใช้เวลานานกว่าจะยืนได้และเดินด้วยสองขาโดยไม่ต้องใช้อะไรพยุงแต่ยูทาร์เพียงแค่มองผมเดินเขาก็สามารถยืนและเดินได้อย่างรวดเร็วถึงจะช้าก็ตาม”ผมตอบคำถามคุณเลโอ
“ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าเขาก็ควรจะเดินได้ตั้งแต่เกิดใหม่ๆไม่ใช่ตอนที่มาเจอเธอแบบนี้...ตลอดเวลากว่า2ปีที่เห็นมนุษย์เดินเข้าออกน่าจะทำให้เขาเดินได้ง่ายแต่กลับเดินได้เมื่อเธออยู่...นั่นมันดูขัดกับคำพูดที่เธอบอกว่าเขาเรียนรู้ได้เร็วกว่าปกติ”คุณจอร์นปิดแฟ้มลงแล้วพูดสิ่งที่ข้องใจออกมา...ผมรู่สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลลงมาทั้งที่อยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ...
สมแล้วที่ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะ
สิ่งที่คุณจอร์นพูดก็จริงอยู่ถ้ายูทาร์เรียนรู้ได้เร็วคงไม่ต้องใช่เวลาถึง2ปีถึงจะยืนและเดินได้หรอก...แล้วผมจะตอบกลับไปว่ายังไงดีล่ะเนี่ย!
“...อ่อ...มันอาจเป็นแค่สมติฐาน...”ผมพึมพำเบาๆเมื่อเริ่มคิดอะไรบางอย่างออก
“ว่ามา”
“เมื่อก่อนยูทาร์ไม่เชื่อใจมนุษย์นั่นเลยทำให้เขาไม่อยากรับรู้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่มนุษย์ทำแต่เมื่อเขาเริ่มไว้ใจและเปิดใจก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว...”
“จะบอกว่าถ้าเธอที่เป็นคนที่หมอนั่นเชื่อใจก็สามารถสอนหรือแม้แต่สั่งเจ้าตัวได้...ความหมายที่ต้องการบอกคือแบบนี้สินะ?”คุณเลโอไม่ต่องรอให้ผมพูดจบก็สามารถอธิบายได้อย่างรวดเร็ว
“ใช่...ครับ”
“ถ้าเป็นคนอื่นหมอนั่นจะเป็นยังไง?”คุณเลโอถามต่อพร้อมกับจ้องมาที่ผมนิ่ง
“ผมไม่แน่ใจเพราะยูทาร์อยู่กับผมมาตลอดตั้งแต่เข้ามาทำงาน...ผมมั่นใจว่าเขาเชื่อใจผมมากกว่าใครทุกคนที่อยู่ที่นี่ถ้าคุณให้คนอื่นไปดูแล...เขาอาจเปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไป?”
“ครับ...ผมสัญญาว่าจะไปรับเขากลับมาแต่ถ้าผมทำตามที่สัญญาไม่ได้จะทำให้รู้ได้ในทันทีว่ามนุษย์นั้นผิดสัญญาและเขาจะไม่เชื่อใจมนุษย์อีก...การทดลองที่ผ่านมาคงจะจบ”ที่ผมพูดมันเหมือนการขู่แล้วบอกให้คืนยูทาร์มาให้ซะ...ถึงจะรู้ว่าไม่ควรทำแบบนั้นแต่ผมก็นึกอย่างอื่นไม่ออกแล้ว
จากที่ฟังเขาจะเปลี่ยนคนอื่นมาดูแลยูทาร์และนั่นเป็นสิ่งที่ผมคงยอมไม่ได้...
เสียงทุ้มที่เรียกชื่อผม
ดวงตาสีเหลืองอำพันที่จ้องมาอย่างทอประกายแห่งความเชื่อใจ
รวมทั้งสัมผัสอันอบอุ่นที่ได้รับ
ผมยอมยกให้คนอื่นไม่ได้จริงๆ
นี่ผม...อาจจะกำลังขาดยูทาร์ไม่ได้แล้วก็เป็นได้
“เธอกำลังขู่เรา?”เสียงหวานของผู้หญืงเพียงหนึ่งเดียวดังขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบอยู่นาน
“ผมเปล่า...แค่...คนเดียวที่สามารถดูแลยูทาร์ได้คือผม”
“งั้นถ้ามีคนอื่นสามารถดูแลได้ล่ะ?”คุณจอร์นถามขึ้น
“...หมายความว่ายังไง?”
“เธอบอกให้เขาห้ามฆ่ามนุษย์นั่นแปลว่าถึงพวกเราจะเข้าใกล้เขาก็จะไม่ฆ่าเรา...ซึ่งเป็นเรื่องดี...เราอยากรู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาจะยอมทำตามที่สั่งไหม?”
“ผมไม่เคยสั่งยูทาร์...เขาเป็นเพื่อนผม”ผมรีบพูดแก้
“หึ...”
“เลิกแกล้งเซโครได้แล้วมั้ง”คุณฟาร์ฟาเล่ถอนหายใจออกมาแล่วหันไปบอกชายหนุ่มทั้งสองคน
“ก็ได้...แค่อยากรู้ว่าคนที่เราจะมอบหมายให้ดูแลไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวแรกจะเป็นคนยังไงเท่านั้นเอง”คุณจอร์นหันไปตอบหญิงสาว
“เอ่อ...คือ...”นี่มันเรื่องอะไรกัน
“พวกเราแค่อยากรู้เธอเป็นคนยังไง...เราไม่สามารถมอบสิทธิ์ดูแลให้กับคนไม่เอาไหนได้”คุณเลโออธิบาย
“...คุณหมายถึง...ผมจะได้เป็นคนดูแลยูทาร์จริงๆแล้วใช่ไหม?”ผมถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“แค่ว่าที่...พวกเราขอดูว่าเขาฟังเธอมากแค่ไหนก่อนแล้วจะตัดสินใจอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”คุณจอร์นอธิบายต่อ
“ขอดู?...หมายถึงจะให้ผมลองสั่งยูทาร์?”ผมถามอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่...เห็นว่าเธอสามารถบอกให้เขากลับร่างไดโนเสาร์หรือร่างมนุษย์ได้ตามที่ต้องการ”
ใครบอกเนี่ย?!
ทำได้ที่ไหนกัน...แค่ยูทาร์เปลี่ยนร่างเพื่อช่วยผมสองครั้งไม่ได้แปลว่าจะมีครั้งที่สามสักหน่อย
“อ้อ...เราได้ยินเรื่องนี้มาจากหลงไป่จิง”ชื่อที่หลุดออกมาทำให้ผมรู้สึกโกรธแกมหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
หลงไป่จิง!...เขากำลังกลั่นแกล้งผม!
ถ้าผมบอกว่าทำไม่ได้ก็ยิ่งเข้าทางอีกฝ่ายมากขึ้นเพราะงั้นผมต้องทำสิ่งที่หลงไป่จิงว่ามาให้สำเร็จเพื่อเป็นการตอกหน้าเขาให้ยับไปเลย
คอยดูเถอะหลงไป่จิง!!
“ได้ครับ...ไปกันเลย”ผมบอกพร้อมกับลุกขึ้นอย่างฮึกเหิม
“ก็ดี...ฉันมีประชุมในอีก4ชั่วโมง”คุณเลโอบอกพร้อมลุกขึ้นประธานอีกสองคนที่เหลือก็ลุกขึ้นตามเช่นกัน
เซโครถูกพาไปยังกรงของยูทาร์ท่ามกลางเหล่าอัจฉริยะและผู้คุ้มกับนับสิบคน...ถึงจะพูดว่าสิบแต่จำนวนจริงก็ประมาณ30คนได้
“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”ผมพูดขึ้นระหว่างที่เราเดินขึ้นไปบนสะพานด้านบนของกรง
“ว่ามา”
“พ่อผม...เอ่อ...ฟราซิส เบนซ์ ฟงเซ่....เขาโดนลงโทษไหมครับ?”เมื่อได้รับอนุญาตผมก็ถามทันที...หวังว่าพ่อจะไม่โดนไล่ออกนะ
“โดน!”คุณเลโอยกยิ้มแล้วตอบกลับอย่างรวดเร็ว...คำตอบที่ได้รับทำเอาผมหน้าซีดไปเลย
“อาบน้ำทุกวันติดต่อกันทั้งปี...นั่นคือบทลงโทษเขาจ้า”คุณฟาร์ฟาเล่กรซิบบอกเสียงเบาทำให้ผมถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก...
อย่างน้อยก็ไม่โดนไล่ออก...ถึงการอาบน้ำทุกวันสำหรับพ่อจะเหมือนถูกทารุณก็ตาม
“เซโคร!!!”เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังลงมาจากด้านล่าง...พอมองลงไปก็สบเข้ากับดวงตาสีเหลืองอำพันที่แสนคุ้นเคยของยูทาร์ที่จ้องมาทางนี้เขม็ง
“ยูทาร์!!”ผมเรียกยูทาร์กลับแล้วมองไปยังรอบๆ...ตอนนี้ยูทาร์โดนจับมัดด้วยเชือกแล้วยังมีคนที่ถืออาวุธยืนล้อมอยู่เต็มไปหมด
“คุณทำอะไรกับยูทาร์!”ผมหันไปถามคนด้านหลังทันที...มีไม่กี่คนหรอกที่สามารถสั่งพวกข้างล่างได้น่ะ
“พวกเราแค่เผื่อไว้...เขาอาจกลายเป็นไดโนเสาร์ได้นี่นา”คุณจอร์นตอบผมกลับแต่เหตุผลนั่นมันไม่สมควรเลยสักนิด
“ถ้ากลับร่างไดโนเสาร์คิดว่าเชือกเส้นเล็กๆนั่นจะเอาอยู่รึไง?”ผมพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ยูทาร์ที่เห็นผมกำลังหันไปคุยกับคุณจอร์นก็พยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากการจับกุมแต่ด้วยร่างกายของมนุษย์ก็ทำอะไรมากไม่ได้เลยถูกจับกดให้อยู่กับที่
“เซโคร!!”
“ดูท่าจะหวงเธอไม่เบาเลยนะ”คุณเลโอเดินมากระซิบที่ข้างหูผมพร้อมรอยยิ้มยียวนก่อนจะเปลี่ยนมาจับผมล๊อคคอไว้อย่างรวดเร็ว
“อั๊ก!....คุณทำ...”
“เงียบก่อน”ยังไม่ทันพูดจบคุณเลโอก็พูดขึ้นมาอีกรอบ
“ทำอะไรเซโคร?!....เซโคร!!....กรรร...”จากเสียงตะโกนเรียกชื่อผมกลายเป็นเสียงคำรามก่อนที่ร่างมนุษย์จะเริ่มเปลี่ยนแปลง...เหล่าคนถืออาวุธที่อยู่ใกล้ต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ววิ่งออกห่าง
“ห้ามวิ่งนะ!”ผมรีบตะโกนลงไป...ยูทาร์ที่อยู่ในร่างไดโนเสาร์ไม่เหมือนมนุษย์ สัญชาตญาณดิบที่มีมากกว่าในเวลาปกติหลายเท่า...ถ้าขืนขยับตัวยูทาร์คงคิดว่าเป็นอาหารถึงผมจะบอกว่าห้ามทำร้ายมนุษย์แต่เวลาที่โกรธยูทาร์คงไม่ยอมทำตาม
กรรร!!
เสียงขู่คำรามพร้อมกับส่วนหัวที่อ้าปากขนาดใหญ่ออกกว้างจนเห็นซี่ฟันอันแสนคมกริบอย่างชัดเจนจนคนที่อยู่รอบข้างสั่นไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว
“ปล่อยผม!”ผมจะโกนแล้วสะบัดให้หลุดจากการล๊อค...น่าแปลกที่คุณเลโอยอมปล่อยอย่างง่ายดายจนผมต้องหันไปมองอย่างงงๆ
“ฉันแค่อยากเห็นว่าเธอจะคุมสถานการณ์ตอนนี้ยังไง?”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ผมกำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์ไม่ให่ชกคนตรงหน้าสักหมัด
“คุณกำลังเอาชีวิตคนมาเล่น!”
“ถ้าหมอนั่นฟังเธอทุกอย่างก็จบแค่นั้น...แต่ถ้าเธอทำไม่ได้สิ่งที่เธอพูดอาจเชื่อไม่ได้เลย...ความเชื่อใจกันที่บอกในห้องแสดงออกมาให้พวกเราดูหน่อยสิ...แล้วเราจะตัดสินว่าเธอควรค่าแก่การทำงานร่วมกันอยู่ไหม?”คำอธิบายทำให้ผมสงบลงได้แต่ไม่ได้ลดอารมณ์ที่อยากชกหน้าหมอนี่สักหมัดอยู่ดี
“ผมจะแสดงให้พวกคุณเห็น....ยูทาร์!!!”ผมบอกกับทั้งสามคนแล้วก้มลงไปตะโกนเรียกไดโนเสาร์พันธุ์ด้านล่าง
กรรร!!
ยูทาร์ที่ได้ยินเสียงเรียกก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับกระโดดขึ้นแต่อย่างที่เคยบอกไปด้วยความสูงของสะพานที่คำนวณแล้วไม่มีทางที่ยูทาร์จะกระโดดขึ้นมาถึงต่อให้พยายามสักกี่ครั้งก็ตาม
“ยูทาร์....พวกเขาอยากเห็นความเชื่อใจของเรา...ทำให้เขาเห็นได้รึเปล่า?”ผมถามยูทาร์พร้อมรอยยิ้ม...
งื๊ดดดด
เสียงครางสูงพร้อมกับส่วนหัวที่ชูขึ้นทำให้ผมรับรู้ได้ถึงคำตอบของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน...ดวงตาสีเขียวอมฟ้าของผมจ้องไปยังดวงตาสีเหลืองอำพันของยูทาร์ที่สบมาและนั่นทำให้ผมกล้าเสี่ยงสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต...
นั่นคือการกระโดดลงไปจากสะพานด้านบนที่สูงกว่า60เมตร
“เฮ้ย!”เสียงร้องด้วยความตกใจของเหล่าคนด้านบนดังขึ้นตามมาติดๆแต่ผมก็ไม่ได้เงยขึ้นไปมอง
ตอนนี้ผมมองไปยังยูทาร์ที่วิ่งเข้ามาใกล้พร้อมกับก้มส่วนหัวลงเล็กน้อยราวกับจะใช้ส่วนนั้นรับผม...
ตุบ!
เซโครตกลงบนพอดีกับหัวของยูทาร์ที่ลองไว้แต่ด้วยผิวหนังที่ค่อนข้างลื่นทำให้ผมรื่นตกลงไปตรงส่วนคอของยูทาร์แล้วยังไหลลงไปอีกจน...
“โอ๊ย!...”ผมร้องออกมาเบาๆเมื่อหลังผมกระแทรกเข้ากับหนามที่อยู่ตรงหลังของยูทาร์
งื๊ดด
ไดโนเสาร์พันธุ์ผสมครางเบาๆแล้วพยายามหันมาดูว่าผมปลอดภัยไหม...มือผมลูบเบาๆที่คอสีเทาเข้มลายส้มเบาๆเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร
“นี่คือความเชื่อใจของผม!”ผมเงยหน้าขึ้นไปพร้อมกับตะโกนบอกคนที่มองลงมาอย่างตะลึง
กรรร!!
เสียงครางต่ำของยูทาร์ทำให้ผมรู้สึกว่ายูทาร์กำลังไม่พอใจบางอย่าง...พอลองนึกก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดแก้คำพูดใหม่อีกครั้ง...
“พูดผิดไปหน่อย...นี่คือความเชื่อใจของพวกเรา!!”คำพูดผมดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงครางสูงของยูทาร์
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ผมถามยูทาร์ออกไปด้วยความเป็นห่วง...คำตอบของยูทาร์คือการพาผมที่อยู่บนหลังออกวิ่งเป็นวงกลม
“ฮะฮะฮะ...โอเคๆ...เชื่อแล้วว่าไม่เป็นไร”
“ไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่”เสียงเรียกชื่อทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปพร้อมกับยูทาร์
“ครับ?”
“เธอทำให้เขากลับร่างมนุษย์ได้ไหม?”คุณจอร์นถามขึ้น
“แน่นนอนครับ...ยูทาร์ก้มลงหน่อยให้ผมลงไปข้างล่าง”ตอบคนด้านบนเสร็จผมก็หันมาบอกยูทาร์
สองเท้าของผมลงมาถึงพื้นดินอีกครั้งได้อย่างปลอดภัยโดยมีสายตาของกลุ่มคนทั้งด้านบนและด้านล่างมองอยู่ด้วยความตกใจ
“ยูทาร์...”ผมเรียกไดโนเสาร์ตรงหน้าพร้อมกับลูบเบาที่ส่วนจมูกที่ก้มลงมาหา
“ผมมารับกลับแล้วนะ”
งื๊ดดดด
เสียงครางสูงดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีเหลืองอำพันที่จ้องมาราวกับจะบอกว่ากลับมาแล้วก่อนที่ร่างกายอันใหญ่โตจะค่อยๆหดลงกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
“...เซโคร...”ยูทาร์เรียกชื่อผมพร้อมกับดึงเข้าไปกอดแน่น...ใบหน้าของอีกฝ่ายซุกเข้าที่คอผมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่เบ่ารดต้นคอ
“ยูทาร์...ขอบคุณที่รักษาสัญญา”ผมกอดตอบยูทาร์แล้วกระซิบกลับเบาๆ
ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ยูทาร์ไม่ได้เผลอไปทำร้ายใครเข้าไม่งั้นเรื่องคงไม่จบอย่างง่ายดายแบบนี้...ในเมื่อผมแสดงออกให้พวกเขาทั้งสามคนเห็นว่ายูทาร์เชื่อในตัวผมมากแค่ไหนก็คงพอที่จะได้รับสิทธิ์การดูแลยูทาร์อย่างเต็มตัวสักที
“เซโคร...ไม่เป็นไรนะ?”ยูทาร์ถามขึ้นแล้วหมุนตัวผมเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม
“ไม่เป็นไรแค่ไปคุยกันเฉยๆ”ผมตอบกลับไป
“อื้อ...ดีแล้วที่ปลอดภัย”
“นี่ๆจะอยู่ในโลกส่วนตัวกันอีกนานไหม?”เสียงของคุณเลโอดังขึ้นจากด้านบนทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย...
“มีอะไรครับ?”
“พรุ่งนี้เข้ามาหาฉันด้วยแล้วเราจะคุยเรื่องของเธอกับหมอนั่น”คุณเลโอตอบกลับมาพร้อมกับหันไปมองหน้ายูทาร์ที่อยู่ด้านข้างผม
“กี่โมงครับ?”
“สักเที่ยงก็ได้...วันนี้พอแค่นี้เลิกได้”พอพูดจบก่อนเดินออกไปอย่างสบายๆราวกับไม่สนเรื่องของผมกับยูทาร์สักเท่าไหร่....เหล่าคนที่กระจายอยู่โดยรอบก็ค่อยๆทยอยกลับออกไป
“เดี๋ยวสิครับ...อย่างน้อยๆก็ขอเสื้อให้ยูทาร์ใส่หน่อยสิ!”เสียงตะโกนตามหลังดูจะไม่ได้รับการตอบกลับผมเลยได้แต่กัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงินแล้ววิ่งไปหาเสื้อผ้ามาให้ยูทาร์ใส่ก่อนจะพากันกลับไปที่ห้องพักชั้น6ที่ไม่ได้กลับมาสามวันสามคืน
“...ยูทาร์...ผมรู้สึกง่วงมากขอนอนก่อนนะ...มีอะไรก็ปลุกเลยหรือถ้าจะทำอะไรก็ตามสบายนะ”ผมบอกทันทีที่หัวถึงหมอน...วันนี้รู้สึกจะใช้สมองมากไปหน่อยแล้วถ้าไม่พักสักหน่อยผมอาจน๊อคได้
ไม่คิดเลยว่าการพูดคุยกับสามอัจฉริยะของโลกจะเปลืองพลังงานมากมายขนาดนี้
“เซโคร...”เสียงทุ้มเรียกพร้อมกับเขย่าตัวผมเบาๆจนต้องพลิกตัวนอนตะแคงแล้วปรือตามองคนตรงหน้าว่ามีเรื่องอะไร
“นอนด้วยนะ”
“ได้สิ”พอได้รับอนุญาตยูทาร์ก็ล้มตัวลงนอนแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น...ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านทำให้รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นถี่เร็วขึ้น
ยูทาร์ทำให้หัวใจผมเต้นแรงได้เพียงแค่คำพูดและการกระทำธรรมดาๆ...การถูกกอดเป็นสิ่งที่รู้จักมาตั้งแต่เกิดในฐานนะของการทักทายทั้งที่กอดคนอื่นไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยแท้แต่พอคนที่กอดเป็นยูทาร์...หัวใจมันกลับตอบสนองอย่างที่ไม่เคยเกิดกับใครมาก่อน...
ความรู้สึกนั่นมันอาจเป็น...
“รักเซโครนะ”เสียงของยูทาร์ดังขึ้นมาขัดความคิดผมพร้อมกับสัมผัสร้อนที่หน้าผาก
“...ที่พูดมารู้ความหมายรึไง?”อยากจะบอกว่าความง่วงหายไปตั้งแต่ได้ยินความว่ารักจากปากของยูทาร์แล้ว...หัวใจไม่รักดีมันก็ช่างเต้นแรงดีจริงๆ
“ไม่รู้...”นั่นไงว่าแล้ว...ความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างรักมันไม่ใช่ความรู้สึกที่จะพูดออกมาได้ง่ายๆ
“แต่ผมรู้สึกว่ามันใช่”ยูทาร์พูดต่อ
“อะไรที่ใช่ล่ะ?”
“รัก...รักเซโคร...คำว่ารักเหมาะจะพูดกับเซโครที่สุดนั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึก”คำตอบของยูทาร์ทำให้มือผมเผลอกำเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นแล้วหลับตาลงช้าๆเพื่อทบทวนความรู้สึกของตัวเอง...
จริงอยู่ที่ผมรู้สึกดีกับยูทาร์มากกว่าคนอื่นที่เคยเจอแต่นั่นอาจเป็นมิตรภาพที่เรียกว่าเพื่อนสนิทก็ได้...ผมไม่อาจฟันธงให้แน่ใจว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
“...รักคือการที่เราอยากอยู่กับใครคนนั้นตลอดเวลา...”ผมค่อยๆอธิบายให้อีกฝ่ายฟังแล้วซุกตัวเข้าที่อกของยูทาร์ใกล้ขึ้นอีก
“ผมอยากอยู่กับเซโครตลอดเวลา”ยูทาร์ตอบกลับมาทันที
คำตอบของผม...ก็เหมือนกับยูทาร์
“รักคือการที่เราเฝ้าคอยมองหาและเป็นห่วงทุกครั้งที่ไกลกัน...”
“อืม...เป็นอย่างนั้นจริงๆ”และเป็นอีกครั้งที่คำตอบของยูทาร์เหมือนกับผม...
เรื่องในวันนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีว่าผมเป็นห่วงยูทาร์มากแค่ไหนและการกระทำของยูทาร์เองก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นห่วงผมมากเหลือเกิน
“รักคือการที่เรามีความสุขในทุกๆครั้งที่ได้เจอหน้าหรือมองตา...”สำหรับข้อนี้คำตอบของผมมันชัดเจนมากจนไม่ต้องคิดเลยล่ะ...ดวงตาสีเหลืองอำพันที่สะท้อนภาพของผมไม่ว่าจะอยู่ในร่างไดโนเสาร์หรือมนุษย์ผมก็ถูกดวงตาคู่นั้นดูดให้เข้าหาอยู่ทุกที
“ผมชอบเวลาที่ดวงตาของเซโครสะท้อนภาพของผมอยู่ในนั้น”
คำตอบของพวกเราตรงกันทุกข้อ...นั่นอาจหมายความว่าความรู้สึกที่เรามีให้กันนั้นเป็นสิ่งเดียวกันก็ได้...ผมยังไม่อยากฟันธงเพราะแค่มียูทาร์อยู่ข้างๆแบบนี้มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากแล้ว
ผมไม่จำเป็นต้องรีบโดยเฉพาะกับอีกฝ่ายที่พึ่งเรียนรู้เรื่องของมนุษย์ได้ไม่เท่าไหร่...
เพราะงั้นก็ค่อยๆสอนไปทีละขั้นละกัน
“รักเซโคร”ยูทาร์บอกอีกครั้งพร้อมกับก้มหน้าลงมาสบตาผมด้วยรอยยิ้ม...คำพูดของคนตรงหน้าทำให้ผมคลียิ้มออกมาบางๆแล้วใช้สองแขนโอบอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ก็จะกระซิบเบาๆที่ข้างหู...
“รักยูทาร์เหมือนกัน”
.................................................................
สวัสดีคะ
มาอัพต่อแล้วนะคะ
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่มหาลัยเราให้หยุดเนื่องจากน้ำท่วมเลยมีเวลาได้แต่งต่อแถมวิชาสถิติที่ต้องสอบก็เลื่อนไปสอบอาทิตย์หน้าแทน
เมื่อมีเวลาเลยนั่งแต่งตอนนี้แบบยาวๆ...ตอนแรกจะลงแค่ครึ่งเดียวแต่ไหนๆก็แต่งจนจบแล้วเลยลงให้ครบเลยละกัน
สำหรับตอนนี้ตวามสัมพันธุ์ของทั้งคู่ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนรู้ใจตัวเองกันแล้ว
ต่อไปจะเป็นยังไง...ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ
ในตอนหน้าใครที่คิดถึงหลงไป่จิงรับรองไม่ผิดหวังเพราะเขาจะมาพร้อมกับความเป็นตัวร้ายเต็มขั้น เรียกได้ว่าตอนหน้า(ในครึ่งแรก)เขาจะกลายเป็นตัวหลักเลยทีเดียว
แล้วจะได้รู้ถึงความสามารถของเซโครนอกเหนือจากสมองฉลาดๆกับความน่ารักด้วย
ขอขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเม้นท์นะคะ
พบกันใหม่ในตอนหน้านะคะ
บ๊ายบาย
ปล.ตอนนี้ไม่มีมุมให้ความรู้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์นะคะ...ไว้รอตอนหน้ามีแน่คะ^^
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪