กลายรักครั้งที่❧11
การเดินทางไปหาคุณแม่ใช้เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวพาบินตรงไปยังเกาะที่อยู่ห่างจากเกาะลับที่เซโครอยู่ประมาณชั่วโมงครึ่งถือว่าใช้เวลาเดินทางพอสมควร ทั้งผมและยูทาร์ต่างก็เตรียมกระเป๋าของตัวเองที่พกของใช้ที่จำเป็นสำหรับเข้าป่าทั้งเชือก มีดหรือพวกอาหารกระป๋องถึงแม้กระเป๋าของยูทาร์ผมจะเป็นคนจัดเองก็เถอะ
ถือว่าเป็นโชคดีที่คนขับแฮลิคอปเตอร์เป็นพี่ครูชที่มาทำหน้าที่แทนชั่วคราวเลยพอคุยกันได้...การที่พายูทาร์ออกมาถึงจะเป็นแผนการที่รัดกุมขนาดไหนผมว่ายังไงก็ต้องมีคนรู้ ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง...
ขากลับคงต้องเตรียมใจยอมรับโทษสินะ
“...สีฟ้า”ยูทาร์พึมพำออกมาโดยที่สายตามองผ่านกระจกลงไปยังผืนน้ำด้านล่าง
“นั่นคือทะเล”
“ที่เซโครบอกว่าน้ำเค็มมาก”
“ใช่...เค็มมากเพราะงั้นห้ามดื่มเข้าไปนะ”ผมบอกห้ามยูทาร์...การออกมาจากเกาะก็คงเหมือนให้ยูทาร์ได้เห็นโลกใบใหม่ที่แตกต่างจากเดิม
“ใกล้ถึงแล้วนะ”เสียงพี่ครูชดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองที่ด้านนอกหน้าต่าง...เกาะขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้สีเขียวขจีปกคลุมทั่วทั้งเกาะจนแทบมองไม่เห็นส่วนที่เป็นพื้นดินเลย พี่ครูชบินวนทั่วทั้งเกาะทำให้ผมได้เห็นภาพรวมของเกาะที่มีภูเขาหลายลูกตั้งอยู่ติดๆกันและมีแม่น้ำหลักที่ไหลลงมากจากยอดเขาก่อนจะแตกย่อยเป็นแม่น้ำ3สายแยกกันไป
เท่าที่เห็นระบบนิเวศของที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์คงจะเป็นเกาะที่ยังไม่ถูกค้นพบ...ที่ไหนมีมนุษย์ส่วนมากระบบนิเวศที่มีก็จะเสียหายเพราะความมักง่ายของมนุษย์ที่อยากทำอะไรก็ทำจนพืชหลายสายพันธุ์ต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย
เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆลงจอดบริเวณพื้นทรายเลียบชายหาด...ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่มีการทำที่จอดเฮลิคอปเตอร์หรือท่าเรือที่เกาะนี้ไม่งั้นระบบนิเวศคงต้องเสียไปอีก
“ขอบคุณมากครับพี่ครูช”ผมบอกพี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าแล้วลงมาข้างล่าง
“...ขอบคุณครับ”ยูทาร์เองก็ขอบคุณตามที่ผมทำก่อนจะตามลงมา
“อีก3วันพี่จะมารับกลับที่นี่นะ...ห้ามลืมนะ”พี่ครูชตะโกนตามาก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้งนึง
หาดทรายสีทองท้องทะเลสีคราม...บรรยากาศแสนสงบที่คงหาไม่ได้อีกแล้วในเขตที่อยู่อาศัย...ผมหันไปมองยูทาร์ที่ยืนหลับตารับลมร้อนจากไอทะเลด้วยรอยยิ้ม
การที่พายูทาร์มาอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ได้
“เซโคร”อยู่ๆยูทาร์ก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมาเรียกผม
“หื้อ?”
“มีมนุษย์กำลังมาทางนี้...หลายสิบคนด้วย”คำพูดของยูทาร์ทำให้ผมคิดว่ากลุ่มคนเหล่านั้นคงจะเป็นแม่กับเหล่านักสำรวจแน่ๆ
“ไม่เป็นไร...คงจะเป็นแม่ผมน่ะ”ผมบอกยูทาร์ออกไปแล้วมองไปยังทิศที่ดวงตาสีเหลืองอำพันของยูทาร์จ้องไป...ถึงตรงนี้จะร้อนแต่ด้านในที่เป็นป่าทึบคงจะมีอุณภูมิค่อนข้างต่ำ...ความจริงพืชที่ควรอยู่ติดชายหาดน่าจะเป็นพวกต้นมะพร้าวแต่ผมไม่เห็นเลยสักต้นเดียว ถัดไปด้านในก็เป็นต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นสูงเรียงรายกันจนมองแทบไม่เห็นด้านใน
“แม่ของเซโคร...ก็เป็นแม่ของผมด้วยใช่ไหม?”
“คิก...นั่นสิ...คงใช่”ผมหลุดขำออกมาก่อนจะยกมือขึ้นรวบเส้นผมที่หลุดออกมาจากยางที่รัดไว้ไปทัดที่หูอีกฝ่าย
“เซโคร!!”เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังลั่นพร้อมกับกลุ่มคนประมาณ20กว่าคนที่ถยอยเดินออกมาจากเขตป่าทึบ...หญิงสาวร่างบางหนึ่งเดียวของกลุ่มวิ่งเข้ามาหาก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดแล้วจูบเบาๆที่แก้มทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกซอยสั้นกว่าแต่ก่อนทำให้ดูแปลกตาแต่ยังไงผมก็จำได้ว่าคนตรงหน้านี้คือใคร...
“แม่ครับ”ผมเรียกแล้วกอดตอบหญิงสาวตรงหน้า...แม่ผมเป็นคนตัวเล็กแต่สูงพอสมควรทำให้หลายคนมองว่าอ่อนแอแต่ด้วยความที่ต้องไปสำรวจที่นั่นที่นี่บ่อยๆเลยทำให้แม่เป็นผู้หญิงสายลุยเรียกได้ว่าถ้าให้แข่งเดินมาราธอนหรือวิ่งมาราธอนแม่ผมสามารถชนะผู้ชายร่างใหญ่ได้อย่างสบายๆ
“เซโคร...เป็นไงบ้างลูก?...โตขึ้นเยอะเลย...แม่ขอโทษที่ไม่ได้ไปงานรับปริญานะ”แม่บอกผมด้วยรอยยิ้มเศร้าพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตาสีฟ้าสดคู่สวย
“ไม่เป็นไรครับแม่...อย่าร้องไห้สิเดี๋ยวหมดสวยนะ”ผมบอกไปแล้วส่งยิ้มไปให้...การที่ไม่มีใครไปงานพบผู้ปกครองหรืองานรับปริญาผมชินกับมันแล้วล่ะ...ไม่เคยนึกโกรธหรืองอนเลยสักครั้งที่พ่อแม่ไม่มาร่วมงาน
“ลูกพูดเหมือนพ่อเลย...แล้วนี่ใครเอ่ย?”แม่ยิ้มพรางมองไปยังด้านข้างผม
“ผมชื่อยูทาร์ครับ...ยินดีที่ได้รู้จักครับแม่”ยูทาร์แนะนำตัว
“อุ้ย...เรียกแม่ด้วย...ยินดีที่ได้รู้จักจ้าฉันชื่อวาลีชนะเป็นแม่ของเซโคร...ลูกชายแม่คงรบกวนหลายอย่างยังไงก็ขอฝากเซโครด้วยนะ”ดูเหมือนแม่จะถูกใจยูทาร์นะถึงได้ยิ้มขนาดนั้น
“ผมต่างหากที่รบกวนเซโครบ่อยๆ”
“แหมลูกชายอีกคนนี่น่ารักจริง...มาให้แม่กอดหน่อยมา”แม่เข้าไปสวมกอดยูทาร์แล้วหอมแก้มซ้ายขวาจนยูทาร์สะดุ้งอย่างตกใจ ดวงตาสีเหลืองอำพันหันมาขอความช่วยเหลือแกมขอร้อง
“พอแล้วแม่...ยูทาร์เขาไม่ชินการทักทายแบบนี้หรอกนะ”ผมบอกแล้วแยกแม่กับยูทาร์ให้ออกจากกัน
“ขอโทษทีพอดีลืมตัวไปหน่อย...ขอแนะนำเพื่อนแม่นะ...คนนี้เป็นทั้งลูกน้องและเพื่อนคนสนิทที่ไปสำรวจด้วยกันบ่อยๆ”แม่บอกพร้อมชี้ไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่มีร่างกายบึกบึนเหมือนทหาร
“ชาลีคะ...ได้ยินเรื่องลูกชายของวาลีชมานานแล้วยินดีที่ได้รู้จัก”เธอทักทายแล้วยื่นมือมาตรงหน้าผม
“เซโครครับ...ยินดีเช่นกัน”ผมตอบพร้อมกับยื่นมือไปจับ...หลังจากนั้นแม่ก็แนะนำอีกหลายคนให้รู้จักก่อนที่จะพากันเข้าไปในป่าอีกครั้งนึง
ดูจากท่าทางของแม่คงจะยังไม่รู้ว่ายูทาร์เป็นอะไรเพราะงั้นก็ขอไม่บอกละกันเนอะ
จากภายนอกดูเหมือนจะเป็นป่าทึบและพอเข้ามาเดินจริงๆแล้วเป็นป่าชื้นที่มีความชื้นอยู่มากทำให้มีพืชตะกูลเฟินและมอสขึ้นอยู่มาก...คณะสำรวจพาลัดไปจนถึงต้นน้ำสายหนึ่งก่อนที่เราจะทำการตั้งแคมป์กันบริเวณนี้
“เซโคร...มานี่หน่อย”ผมเดินไปหาแม่ตามเสียงเรียกโดยที่มียูทาร์ตามหลังมาติดๆ
“ครับ”
“ลูกคิดว่านี่คือต้นอะไรล่ะ?”แม่ถามพร้อมกับนั่งยองๆตรงบริเวณโขดหินริมแม่น้ำแล้วชี้ไปยังต้นไม้เล็กๆที่ขึ้นอยู่ด้านข้าง
เซโครนั่งลงแล้วมองสังเกตลักษณะของต้นไม้ขนาดเล็ก...ลักษณะคล้ายคลึงกับเฟินแต่แตกต่างจากที่เคยเห็นมา นั่นทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดเพราะไม่รู้ว่าเป็นเฟินสายพันธุ์ไหนกันแน่...
“ผมไม่แน่ใจ...อาจเป็นเฟินเมล็ดในสกุลpteridospermsก็ได้...ผมเคยเห็นผ่านในภาพวาดเท่านั้น...เป็นเฟินที่อยู่ในยุคมิสซิสซิปเปียนเมื่อประมาณ340ล้านปีก่อน...น่าจะสูญพันธุ์ไปพร้อมกับไดโนเสาร์แล้ว”ผมเอ่ยออกมาแล้วพยายามก้มลงสำรวจอีกครั้ง...ด้วยขนาดที่เล็กทำให้ลำบากในการตรวจสอบ
พืชสมัยก่อนในยุคไดโนเสาร์เป็นพวกพืชที่อยู่ในตระกูล เฟิร์น สน ปรงเป็นส่วนมากที่ขยายพันธุ์โดยสปอร์ พืชเหล่านี้หลายชนิดได้วิวัฒนาการจนมีขนาดใหญ่มหึมา ลำต้นสูงตรง ไม่มีกิ่ง ยกเว้นตรงส่วนปลายยอดเท่านั้น
“ลูกคิดเหมือนแม่เลย...แต่ลักษณะของเฟินเมล็ดจากฟอสซิสที่เคยเห็นมีข้อแตกต่างกันอยู่หน่อย...แม่เลยคิดว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นมาใหม่จากเฟินเมล็ดน่ะ...ลูกคิดว่ายังไง?”แม่ถามความเห็นผม
“มีความเป็นไปได้สูงเพราะการขยายพันธุ์โดยสปอร์ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ได้...มีความเป็นไปได้ว่าสปอร์จากเฟินเมล็ดจะเข้าไปอยู่ในเกสรของดอกไม้อื่นแล้วทำการผสมข้ามสายพันธุ์”ผมบอกออกไปตามที่นึกออก...เรื่องทางชีวะผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญนักเลยพูดเท่าที่รู้
“อืม...แปลว่านี่เป็นเฟินสายพันธุ์ใหม่อย่างที่คิดสินะ”
“จริงด้วย...ถ้าไม่เคยมีใครพบงั้นแม่ก็เป็นผู้ค้นพบน่ะสิ”ผมพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“ใช่จ้า...แม่กำลังคิดชื่ออยู่เลย”แม่หันมาบอกอย่างอารมณ์ดี
“เอาเพราะๆนะแม่”
“แน่นอน...ไม่ใช่พ่อนะที่ตั้งชื่อแปลกๆน่ะ”แม่หันมาย้อนผม
หลังจากนั้นแม่ก็พาผมไปสำรวจอีกหลายที่บริเวณรอบๆโดยที่มียูทาร์ตามไปด้วย...ถึงจะตามมาแต่ยูทาร์ก็อยู่เงียบๆไม่ขัดการสนทนาแต่พอมีอะไรสงสัยก็จะเอ่ยถาม พอกลับไปยูทาร์คงมีความรู้ใหม่เพียบแน่...ก่อนกลับไปแคมป์พวกเราได้ไปดูต้นปรงสายพันธุ์เก่าแก่ที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ตรงปรงเป็นต้นไม้ที่แบ่งย่อยได้หลายชนิดและมีมากในปัจจุบันแต่ต้นปรงในอดีตจะสูงกว่าที่จะมีใบแค่ตรงส่วนยอดของต้นเท่านั้น
ช่วงดึกในขณะที่คนอื่นหลับกันหมดมีเพียงผมที่ยังตาค้างแล้วตัวสั่นอยู่ในความมืดด้วยความที่เป็นเต้นท์รวมทำให้ไม่สามารถเรื่องมากบอกให้เปิดไฟนอนได้...ผมเลยได้แต่พลิกไปพลิกอยู่ในถุงนอนส่วนยูทาร์ก็ถูกแม่ลากให้ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนปล่อยให้ผมนอนตัวสั่นอยู่คนเดียว
“เซโคร...”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยกระซิบเรียกเบาพร้อมกับมือที่สัมผัสเส้นผมสีบลอนด์ทองอย่างเบามือ
“ยูทาร์”ผมปรือตามองในความมือพร้อมกับพลิกตัวไปหาอีกฝ่าย
“กลับมาแล้ว”ยูทาร์บอกแล้วนอนลงข้างๆผม
“มาช้า...ผมกลัวนะ”ผมบ่นอีกฝ่ายเบาๆ...เรื่องที่ผมกลัวความมืดพ่อรู้แต่แม่ไม่รู้...ผมเป็นคนบอกพ่อเองว่าห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้แม้แต่กับแม่ก็ตาม...ก็แม่เป็นคนที่ขี้กังวลและขี้เป็นห่วงมากถ้ารู้ว่าผมกลัวต้องเลิกทำงานที่ตัวเองรักแล้วมาเฝ้าผมแน่
“ขอโทษ...ผมอยู่ตรงนี้”ยูทาร์พูดพร้อมกับดึงตัวผมเข้าไปกอดทั้งถุงนอน
“ไม่หนาวเหรอ?”ผมถามเมื่อไม่เห็นยูทาร์นอนในถุงนอน
“กอดเซโครก็อุ่นแล้ว”ยูทาร์กระซิบเบาก่อนที่ผมจะสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ประทับลงบนหน้าผากผมเบาๆแล้วผละออกไป
“ยูทาร์...”
“พ่อบอกว่าถ้าทำแบบนี้ยูทาร์จะฝันดี”
“อืม...ขอบคุณที่มาด้วยกันนะ”ผมบอกอีกฝ่ายแล้วซุกตัวลงที่หน้าอกของยูทาร์ก่อนจะหลับตาลงแล้วปล่อยสติให้หายไปในความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากคนที่กอดอยู่...เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบเบาๆก่อนจะจูบลงที่หน้าผมอีกครั้ง
น่าแปลกที่ผมได้ยินคำที่อีกฝ่ายพูดอย่างชัดเจนทั้งที่ตัวเองน่าจะหลับสนิทไปแล้ว...
“ผมจะอยู่กับเซโครในทุกๆที่”
ยามค่ำคืนที่ท้องฟ้ายามราตรีถูกย้อมเป็นสีดำ บรรยากาศอันเงียบเชียบทำให้เหล่าคนที่นอนอยู่ในเต้นท์หลับสนิทอย่างลืมระวังตัวแต่ไม่ใช่กับยูทาร์...เพียงแค่มีเสียงอะไรบางอย่างที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ดวงตาสีเหลืองอำพันก็เบิกกว้างขึ้นท่ามกลางความมืดมิดก่อนจะก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างหวงแหน
“เซโคร...”
เสียงเรียกชื่อทำให้คนที่นอนหลับสนิทอยู่ค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆก่อนจะเจอกับดวงตาคู่สวยที่จ้องมาในระยะปะชิด...นั่นทำให้เซโครเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ
“ยูทาร์?”อยากจะถามเหลือเกินว่ามีอะไรถึงได้ปลุกผมขึ้นมาดึกๆแบบนี้
“มีอะไรบางอย่างกำลังมา”คำพูดของยูทาร์ทำให้ผมเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างลืมไปเลยว่าตัวเองกลัวความมืด
“อะไร?”
“ไม่รู้...แต่เสียงมาจากน้ำแถมยังไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย”
“น้ำ?...มาจากแม่น้ำเหรอ?...พวกปลารึเปล่า?”ผมถามอีกฝ่ายกลับ...ถ้าเสียงมาจากทางน้ำก็มีไม่กี่อย่างหรอก
“ไม่ใช่...ใหญ่กว่านั้น”
“งู?”ผมลองบอกต่อ...แต่ถ้าเป็นงูก็ไม่น่าจะมาทีหลายตัวนี่
“ไม่เหมือนไททันโอโบอาที่เคยเจอ”ยูทาร์ส่ายหัวพร้อมกับบอกออหมา ท่าทางของยูทาร์เหมือนกำลังระวังทุกอย่างที่เข้ามาใกล้ในรัศมี
“งูธรรมดาไม่ใหญ่ขนาดนั้นหรอก”
“ไม่...ยาวพอๆกัน”
“...”ผมถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ยูทาร์บอก...
ยาวพอกับไททันโอโบอา!!
งูยักษ์ที่ยาวถึง15เมตรเนี่ยนะ?!
จะมีสัตว์ในแม่น้ำที่ไหนใหญ่เท่านั้นได้!
ไม่มีทางเป็นไปได้!
เดี๋ยวนะ...เมื่อกี๊ยูทาร์บอกว่า ‘ยาว’
ยาวพอๆกัน...ไม่ได้บอกว่าใหญ่พอๆกัน...
“ยูทาร์แล้วขนาดล่ะ?...ใหญ่กว่าไททันโอโบอาอีกเหรอ?”ผมถามด้วยน้ำเสียงตึงเครียด เรื่องนี้มันชักบ้าไปใหญ่แล้ว
“...อืม...ถ้าตัวที่ใหญ่สุดก็ใหญ่กว่าหลายเท่าเลย”
“บ้าน่า...มันเป็นอะไรกันแน่...ไม่สิตอนนี้ต้องรีบบอกทุกคนให้หนีก่อน”ผมพูดอย่างร้อนรนแล้วขยับเข้าไปปลุกแม่ที่นอนอยู่ฝั่งตรงข้ามแรงๆ
“แม่...แม่ครับ”
“อะไรเซโคร...ถ้าอยากเข้าห้องน้ำให้ยูทาร์พาไปนะ”แม่ปรือตาขึ้นมาแล้วบอกเสียงเบา
“ไม่ใช่แม่...มีอะไรบางอย่างกำลังมา”ผมตะโกนขึ้นเสียงดังจนคนอื่นๆเริ่มตื่น
“อะไรบางอย่าง?...อะไรล่ะ?...ปลาเหรอ?”แม่พูดติดตลกแต่ตอนนี้ผมไม่ขำด้วยหรอกนะ
“ไม่ใช่ปลา...รีบหนีเดี๋ยวนี้เลยเร็วเข้า!”ผมตะโกนบอกอีกครั้งนึง
“ใจเย็นก่อนเซโครแม่ยังไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”แม่ดึงแขนผมแล้วเขย่าเบาๆเพื่อเตือนสติ
“ผมก็ไม่รู้แต่มันตัวใหญ่กว่าไททันโอโบอาอีกแถมยังมากันหลายตัว...”
“หลายสิบตัว”ยูทาร์พูดแก้ให้
“นั่นแหละๆ...เพราะงั้นรีบหนีเถอะ”ผมรีบบอกออกไปอย่างร้อนรน
“ไททันโอโบอา?...ใหญ่กว่า?...พูดเรื่องอะไรน่ะ?...งูยักษ์นั่นยาวตั้ง15เมตรแถมนั่นเป็นไดโนเสาร์ที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมา...จะบอกว่ามีไดโนเสาร์อยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”คำพูดของแม่ทำให้ผมชะงักก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก
ความยาวประมาณ15เมตร
ตัวใหญ่กว่าไททันโอโบอา
อาศัยอยู่ในแม่น้ำ
“บ้าน่า...เป็นไปไม่ได้....มันยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้งั้นเหรอ?”ในหัวผมตอนนี้ชักปั่นป่วนไปหมดแล้ว...ถ้าสิ่งที่คิดเป็นจริงพวกเราจะไม่มีใครรอดกลับไป
“เซโคร...เป็นอะไร?”ยูทาร์จับที่ไหล่ผมแล้วถามขึ้นอย่างเป็นห่วง ตอนนี้หน้าผมคงซีดเหมือนกระดาษแล้วล่ะ
“ลูกคิดอะไรอยู่เซโคร?”แม่ถามผมด้วยอีกคน...เหล่าคณะสำรวจที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงผมจุดตะเกียงแล้วเข้ามาล้อมตัวผมไว้เหมือนกำลังสนใจสิ่งที่ผมกำลังจะพูด
“...ไดโนซูซุส...”ผมพึมพำชื่อหนึ่งออกไปแล้วภวนาอย่าให้มันเป็นอย่างที่ตัวเองคิดเลย
“อะไร?...นั่นชื่อไดโนเสาร์เหรอ?”แม่ที่ฟังอยู่ถามต่อทันที
“ครับ...จะว่าเป็นไดโนเสาร์ก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะนักวิทยาศาสตร์จัดให้มันเป็นเพียงสัตว์ดึกดำบรรพ์เมื่อ70ล้านปีก่อนเท่านั้น...ไดโนซูซุสเป็นจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าจระเข้ในปัจจุบันจนเทียบไม่ได้...ความยาวที่สามารถยาวได้ถึง15เมตรและน้ำหนักกว่า10ตัน...เป็นจระเข้ที่สามารถกินไดโนเสาร์ด้วยกันได้อย่างง่ายดาย...จากที่ยูทาร์บอกผมคงคิดได้แค่ว่าพวกมันยังไม่สูญพันธุ์แต่อยู่ที่นี่ บนเกาะแห่งนี้มาตลอดหลายสิบล้านปี”พอผมพูดจบสีหน้าของทุกคนก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด...บางคนถึงขนาดน้ำตาไหลเลยก็มี
“ลูกแน่ใจได้ยัง?...เรายังไม่มีหลักฐาน...”
“ใกล้เข้ามาแล้วเซโคร...กำลังจะมาถึงแล้ว”ยูทาร์สะกิดผมพร้อมกับหันหน้าไปด้านหน้า...จมูกที่ขยับไปมาราวกับกำลังดมกลิ่นอยู่
“อะไรกำลังมา?”คุณชาลีที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นอย่างร้อนรนไม่แพ้กัน
“ไดโนซูซุสน่ะสิ...รีบออกไปข้างนอกเร็ว!”ผมตะโกนขึ้นพร้อมกับกับกลุ่มคนที่วิ่งกันออกจากเต็นท์
ผมแม่และยูทาร์ก็ออกมาพร้อมกับกันก่อนที่จะวิ่งไปปลุกคนที่อยู่เต็นท์ด้านข้าง...ถึงท้องฟ้าจะเป็นสีดำสนิทแต่ดวงจันทร์กลับส่องสว่างจนสามารถมองเห็นทุกสิ่งรอบกายได้
“ขึ้นไปแล้ววิ่งเลย”ผมตะโกนบอกทุกคนแล้วขึ้นไปอยู่บนทางชันข้างแม่น้ำ...มีคนอีกหลายคนที่ยังมึนงงแล้วยังไม่ได้หนีมา...ผมเลยต้องรอพวกเขาไปให้หมดก่อนค่อยปิดท้าย
“ทางนี้เร็วๆ”แม่ตะโกนบอกลูกน้องแล้วดันหลังให้วิ่งเข้าไปในป่า
“พวกเธอรู้ได้ยังไง?”คุณชาลีตะโกนถามขึ้นมา
“ยูทาร์สามารถได้ยินเสียงของพวกมันได้!”ผมตะโกนตอบกลับไป
“ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”
“ยูทาร์พิเศษกว่าคุณเพราะงั้นขอให้เชื่อเถอะ”
“พิเศษ?...”
“เซโครมาแล้ว”ยูทาร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังกระซิบบอก ดวงตาสีเหลืองอำพันจ้องไปยังปลายน้ำที่เริ่มสั่นไหวเหมือนกับมีอะไรกำลังเคลื่อนที่มา
“กรี๊ดดด...”เสียงกรีดร้องดังลั่นจากเต็นท์ที่อยู่ทางปลายน้ำก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรสักอย่างหักครึ่ง....ไม่จริงน่าอย่าบอกนะว่า...
พวกมันกำลังล่ามนุษย์น่ะ!
“ช่วยด้วยยย!!”เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมๆกับภาพของฝูงจระเข้ยักษ์หรือไดโนซูซุสที่ทำลายเต็นท์พร้อมกับกินมนุษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่...ผมมองภาพนั้นแล้วกัดริมฝีปากตัวเองแน่น...ถ้าผมรู้สึกตัวเร็วกว่านี้ก็คงจะหนีทันกันหมดแล้ว
ไดโนซูซุสกว่า20ตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ด้วยฟันที่มีมากถึง100ซี่มากกว่าไดโนเสาร์กินเนื้อที่ยืนสองขากว่า20ซี่และแน่นอนว่ามากกว่ายูทาร์ด้วย
“โอ๊ย...”เสียงสะดุดล้มของชายหนุ่มคนนึงทำให้เหล่าไดโนซูซุสหันควับมามองเป็นตาเดียว...
ผมไม่รู้ว่าอะไรดนใจให้ทำแบบนี้แต่ผมวิ่งเข้าไปช่วยชายคนนั้นท่ามกลางเรียกกรีดร้องของแม่ที่ตามหลังมาแต่ถึงจะได้ยินแต่ผมก็ไม่สามารถหยุดขาตัวเองได้จริงๆ...
ใครจะยอมให้คนตายไปมากกว่านี้เล่า!
“ไหวไหม...รีบลุกเร็วเข้า”ผมเข้าไปพยุงตัวอีกฝ่ายแล้วดังหลังให้รีบวิ่งไปเร็วๆในจังหวะเดียวกับที่ไดโนซูซุสกระโจนเข้าใส่อย่างเต็มแรง...ถือว่าเป็นโชคดีที่ผมไม่โดนกินแต่พอจะวิ่งกลับไปก็ถูกฝูงของไดโนซูซุสล้อมไว้แล้ว
“เซโคร!!!”เสียงแม่จะโกนเรียกอย่างร้อนรนและพยายามวิ่งเข้ามาหาผมแต่ถูกคุณชาลีห้ามไว้...ดีแล้วล่ะห้ามเข้ามาใกล้เด็ดขาดเลย
ผมยังไม่คิดจะตายที่นี่หรอก...
คงไม่ลืมใช่ไหมว่าผมมากับใคร...
ราชาของเหล่าไดโนเสาร์ในยุคนี้เลยนะ!
“เซโคร...กรร!!...”เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกผมก่อนร่างมนุษย์นั้นจะกลายเป็นไดโนเสาร์อย่างรวดเร็ว...สองขาของยูทาร์วิ่งตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับกัดเหล่าไดโนซูซุสที่ขวางทางพร้อมกับเหวี่ยงทิ้งไป
“ยูทาร์”ผมรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที...
กรรรร!!!
เสียงขู่คำรามที่ดังกึกก้องทำให้ฝูงไดโนซูซุสชะงักแล้วถอยหลังออกไปอย่างช้าๆราวกับกำลังกลัวยูทาร์อยู่...แต่ถึงจะมีบางตัวที่ถอยหนีแต่ก็ยังมีตัวที่กระโจนเข้าใส่ยูทาร์...แรงกระโจนของไดโนซูซุสว่ากันว่ามีความยาวเท่ากับขนาดตัวของมันเลยทำให้การกระโจนเพียงครั้งเดียวก็เข้ามาถึงตัวยูทาร์ได้อย่างง่ายดาย
กรรร!!
ตึง!
ยูทาร์ที่ดูเหมือนจะอ่านออกเลยก้มหัวลงแล้วโหม่งเข้าไปที่ท้องจนไดโนซูสตัวนั้นกระเด็ดไปไกล...การต่อสู้ดูจะไม่จบสิ้นเพราะจำนวนของอีกฝ่ายมีมากกว่าหลายเท่า...
“ยูทาร์...ใช้หาง...ปัดพวกมันออกไปเลย!!”ผมตะโกนบอกยูทาร์
กรรร!!
ยูทาร์คำรามพร้อมกับสะบัดหางวนไปทั่วเหล่าไดโนซูซุสกระเด็ดออกไปเป็นแถบ...ระหว่างที่ยูทาร์สู้ผมก็มองไปรอบเพื่อหาจ่าฝูงของมันตอนแรกยังเห็นอยู่เลยตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้วล่ะ?
ถ้าจัดการจ่าฝูงได้ทุกอย่างก็จบ
“อ๊ะ...เจอแล้ว”ผมพึพำเมื่อสายตาสังเกตเห็นเงาขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่อยู่ตรงเต้นท์
“ยูทาร์”
กรรร!!
ดูเหมือนยูทาร์จะเข้าใจโดยที่ผมไม่ต้องบอก...ปากขนาดใหญ่ของยูทาร์อ้าออกกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ราวกับจะแสดงออกว่าขอท้าจ่าฝูงของไดโนซูซุสสู้...และดูเหมือนฝ่ายที่ถูกท้าจะเป็นพวกไม่ยอมใครเพราะร่างขนาดใหญ่ของมันค่อยๆเดินมาประชันหน้ากับยูทาร์
“ยูทาร์...ห้ามประมาทนะ...ดูยังไงเราก็เสียเปรียบอย่างน้อยก็ต้องกัดให้โดนสักครั้งพิษของยูทาร์จะทำให้มันเคลื่อนไหวไม่ได้”ผมรีบบอกยูทาร์แล้วยกมือขึ้นลูบบริเวณขาที่อยู่ด้านข้างของตนเองเป็นการให้กำลังใจ
กรรร!!
กรรร!!
เสียงขู่คำรามของไดโนเสาร์สองตัวดังก้องป่าจนเหล่านกที่อาศัยอยู่รอบต่างก็บินหนีทั้งที่เป็นตอนกลางคืน...มันคงเป็นฉากที่น่าตื่นเต้นที่สุดถ้าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือหนังเรื่องหนึ่งที่ไม่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงจริงแบบนี้
ทั้งคู่จ้องตากันราวกับจะรอจังหวะในการเริ่มต้นการต่อสู้...เหล่าฝูงไดโนซูซุสถอยห่างจากยูทาร์และจ่าฝูงของมันเหมือนจะคอยดูการต่อสู้ที่สูสีตรงหน้า
ในความคิดผมการต่อสู้นี้ไม่ได้สูสีเลยสักนิดดูยังไงไดโนซูซุสก็ได้เปรียบกว่าเห็นๆทั้งจำนวนฟันที่มีมากกว่า ทั้งแรงกระโจนที่รุนแรงและยังมีน้ำหนักที่มากกว่ายูทาร์อยู่หลายตัน...สิ่งเดียวที่ยูทาร์ได้เปรียบคือเขี้ยวพิษจากไซนอร์นิโตซอรัส...
ถ้าสามารถกัดเข้าไปในเนื้อของอีกฝ่ายได้ละก็นะ...หนังจระเข้ปกติก็หนาจะแย่ไม่ต้องถามเลยว่าหนังของไดโนซูซุสจะหนากว่ามากแค่ไหน
“พยายามเข้ายูทาร์”ผมพึมพำเสียงเบาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธิของยูทาร์ที่จ้องตากับจ่าฝูงไดโนซูซุสอยู่
(มีต่อ)