Yours and Mine EP.11 :: Silence. (ความเงียบ) [50%] ตอนที่ผมตื่นในเช้าวันต่อมา ผมก็ไม่เจอวิคเตอร์แล้ว แต่ผมเจอโทรศัพท์มือถือวางไว้บนฝั่งที่เขานอน ผมหยิบขึ้นมาเปิดเครื่อง มีการแจ้งเตือนจากโซเชียล แต่ไม่มีการแจ้งเตือนเรื่องสายไม่ได้รับ ผมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงสักพักด้วยความรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ แต่ก็ทำเชิดลุกเดินไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พอเดินลงมาด้านล่างก็ไม่เจอวิคเตอร์ เจอออสตินกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะหินอ่อน ซากเก้าอี้หักเมื่อวานหายไปแล้ว แต่ร่องรอยความโมโหร้ายของวิคเตอร์ก็ทิ้งรอยแหว่งไว้ให้โต๊ะหินอ่อน
“คุณเรย์มอนด์ไปทำงานแล้วครับ” ผมพยักหน้ากับคำบอกของออสติน หยิบขนมปังกับนมจืดไปกินและออกจากบ้านไปทำงานพร้อมกับเขา พอเปิดประตูก็เจอกับรถตู้คันเดียวกับเมื่อวานจอดรออยู่ ผมชักสีหน้ากับตัวเองเล็กน้อย ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เหมือนกำลังโดนประชด แต่ลุงเขาขับมารับถึงที่นี่แล้วผมก็ต้องไป
ระหว่างทางผมไม่ได้พูดคุยกับใคร โทรศัพท์เงียบ มีแต่โปรแกรมกลุ่มแชทของเพื่อนๆ ที่เด้ง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร พูดคุยกันสนุกสนานไปเรื่อยเท่านั้น พอมาถึงกองถ่ายที่วันนี้ถ่ายกันใต้สะพานบรู๊คลิน ผมก็ลงไปแบบเอื่อยๆ ทักทายกับทีมงานบางคนเท่านั้น แน่นอนว่าพีททำเหมือนผมเป็นลมที่พัดผ่านมาและผ่านไป ผู้กำกับก็ทำเพียงยิ้มให้แต่ก็ไม่สั่งงานอะไร ผมได้แต่ถอนหายใจ เดินไปหาผู้ช่วยกองถ่ายที่เป็นผู้หญิงอีกคนแทน
“มีอะไรให้ฉันทำมั้ย” สาวหัวทองอ่อนๆ รูปร่างท้วมหันซ้ายแลขวาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะส่ายหัว
“ไม่มีหรอก ส่วนมากก็เตรียมงานเสร็จไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ผมค้างเติ่งไปนิดหนึ่ง
“เตรียมไปแล้วเหรอ” เธอยิ้มและพยักหน้าหงึกๆ
“ใช่ พีทให้พวกเราจัดการเสร็จไปแล้วละ ฉันก็ถามนะว่าให้ตามเธอมั้ย แต่เขาบอกไม่ต้อง” ผมยิ้มเหนื่อยและพยักหน้านิดหน่อย ก็รู้แหละว่าโดนกันออกมาแล้ว
“งั้นตอนถ่ายจะให้ฉันทำอะไร เรียกได้เลยนะ” เธอทำหน้างงนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้ารับ
ผมหันไปมองออสตินที่ยินสงบนิ่งแล้วนึกเบื่อ เห็นหน้าเขาแล้วพาลให้นึกถึงวิคเตอร์ไปด้วย ผมเลยเดินออกจากเต็นท์ ความรู้สึกสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อคุ้นว่าแถวนี้มันใกล้บ้านป้าแมร์รี่ที่ผมเคยมาอยู่เมื่อตอนมาฝึกงาน
“ผมจะไปหาคุณป้าที่ผมเคยมาเช่าบ้านเธออยู่” ออสตินพยักหน้าและผายมือให้ผมเดินนำไปก่อน ผมหันไปมองกองถ่าย ทุกคนหยิบจับนั่นนี่ยกไปทางนั้นทีทางนี้ที ดูยังไม่เร่งรีบมาก ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินไปพร้อมกับออสติน
บ้านหลังสีขาวตัดสลับสีน้ำตาลอ่อนหลังเล็กน่ารักของป้าแมร์รี่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย มีแค่ต้นไม้ดอกไม้ที่ดูจะมากขึ้น สนามหญ้าเล็กๆ เขียวชอุ่มชุ่มชื่น บ้านยังคงน่าอยู่ น่ามองเช่นเคย ผมยิ้มเมื่อมองเห็นระเบียงห้องนอนของตัวเองที่เคยรีเควสป้าแกไว้แต่แทบไม่เคยได้ออกมายืนหรือนั่งระเบียงนั้นเลย ชิงช้าที่ผมเคยนั่งกับเอิร์ทยังคงอยู่ที่เดิม สีเดิม สภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผมเอื้อมมือไปกดออดตรงรั้วบ้าน รออยู่พักหนึ่งป้าแมร์รี่คนเดิมก็เดินออกมาด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย เธอเพ่งมองผมในตอนที่อยู่บนชานหน้าบ้าน ก่อนจะก้าวเท้าเดินมาทางนี้ ผมยกยิ้มกว้างขึ้น
“สวัสดีครับป้าแมร์รี่” เธอทำหน้างงจนกระทั่งเดินมาถึงตรงหน้าประตู้รั้วไม้อันสูง หญิงร่างท้วมสูงวัยใช้สายตามองหน้าผมด้วยความพิจารณาผ่านช่องรั้วไม้
“จำผมได้มั้ยครับ ผมชื่อแมท เคยมาเช่าบ้านป้าอยู่ตอนที่ผมมาเวิร์คแอนด์ทราเวิล สักสามหรือสี่ปีก่อน” ป้าแมร์รี่ทำหน้านึกอยู่ครู่หนึ่ง และก็ไม่ได้อ๋อทันที แต่ก็มีสีหน้าที่พยายามทำความเข้าใจ
“แมทเหรอ” เธอทำหน้านึกเล็กน้อย น่าจะจำได้เลือนลางๆ ละมั้ง
“ใช่ครับ ผมมาจากเมืองไทย ตอนนั้นเด็กไทยมาเช่าบ้านป้าหลายคนเลย แต่ผมจะเป็นคนที่ป้าเห็นหน้าน้อยที่สุด ยิ่งช่วงก่อนกลับป้าไม่ค่อยเห็นผมเลยแหละ”
“เคยมีเด็กไทยมาเช่าบ้านเยอะเหมือนกัน ฉันน่าจะจำเธอได้แหละ แต่ขอเวลาคิดหน่อยนะ คนแก่ก็แบบนี้” เธอหัวเราะน้อยๆ สายตาเลื่อนไปมองออสตินด้วยความสงสัยหน่อยๆ
“พอดีผมมีโอกาสได้กลับมาทำงานที่นี่ครับ วันนี้มาทำงานแถวนี้พอดีเลยอยากแวะมาเยี่ยม”
“โอ้ งั้นเหรอ เข้ามาก่อนสิ” ผมยิ้มอ่อน เธอยังใจดีแบบที่เคยเป็น มืออวบเหี่ยวย่นดึงกลอนล็อคประตูออกและเปิดให้ผมกับออสตินเข้าไป
“ผมขอนั่งรอที่ชิงช้าได้มั้ยครับ”
“เอาเลยจ้ะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้” เธอยิ้มให้อย่างใจดี ผมยิ้มตอบและเดินไปนั่งชิงช้า ปล่อยให้เธอเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมใช้เท้าดันพื้นเพื่อให้ชิงช้าเคลื่อนไหวเบาๆ หันไปมองตัวบ้านอีกครั้งแล้วก็ยิ้มเมื่อนึกถึงความทรงจำในตอนนั้น
“นั่งก่อนก็ได้ออสติน” พ่อหัวเกรียนพยักหน้า เดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวริมรั้วข้างบ้าง ผมใช้เท้าดันให้ชิงช้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้านหลังแบบเพลินๆ หยิบมือถือขึ้นมาดูก็ไร้สัญญาณการเรียกหาใดๆ ทั้งจากงานและจากแฟน
“น้ำจ้ะ” ผมหันไปมองป้าแมร์รี่ที่ถือถาดสีดำออกมาพร้อมกับแก้วใส่น้ำองุ่นสองแก้ว ผมกล่าวขอบคุณเธอและยื่นมือไปรับ ออสตินลุกเดินขึ้นมาหยิบแก้วไปจากถาดด้วยตัวเองแล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม
“ฉันพอจะนึกออกละ สักเกือบสี่ปีก่อน มีเด็กคนนึงรีเควสห้องมีระเบียง และปีนั้นเด็กไทยเยอะมาก” ผมพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับยิ้มกว้าง
“ใช่แล้วครับ ผมเอง”
“เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ” ผมยิ้มน้อยๆ รู้สึกอย่างที่ป้าแกพูดว่าเวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ นึกย้อนไปก็… นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมกับวิคเตอร์ได้พบกัน และคบกันมาจนถึงทุกวันนี้
วันครบรอบที่เราไม่เคยจำ มันเกือบสี่ปีแล้วเหรอเนี่ย
“ปีนี้มีเด็กไทยมาเช่าเยอะมั้ยครับ”
“ปีนี้ที่กำลังจะมามีสองคนเท่านั้นแหละ ตอนนี้ก็มีคนไทยเช่าอยู่นะ แต่ไม่ใช่นักศึกษาหรอก เขามาเที่ยวน่ะ” ผมยิ้มน้อยๆ และพยักหน้า ป้าแมร์รี่ทำหน้าตกใจนิดหน่อย
“แย่จริงๆ ฉันว่าจะเอาคุกกี้มาให้ด้วย เดี๋ยวรอแปบนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว ผมแค่อยากมาดูบ้านที่เคยอยู่น่ะครับ” ป้าแมร์รี่มีท่าทีลังเล หันไปมองออสตินที่นั่งตัวตรง ท่าทางนิ่งสงบแล้วหันกลับมามองผมอีกที ผมว่าลึกๆ เธอคงสงสัยว่าออสตินเป็นใคร (ดีไม่ดียังสงสัยผมด้วยว่าผมเป็นใคร แต่แกล้งตอบว่าจำได้ไปก่อน) แต่ด้วยนิสัยของป้าแกที่ไม่ยุ่งกับเรื่องส่วนตัวใคร แกเลยไม่ถาม
“เอางั้นเหรอ”
“ผมขอนั่งตรงนี้สักพัก แล้วเดี๋ยวก็กลับไปทำงานแล้วครับ” เธอพยักหน้าพร้อมยิ้ม ก่อนบอกให้ผมทำตัวตามสบายแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมเอาแก้วน้ำวางไว้บนชิงช้าอีกอัน สายตามองไปทางแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปด้วยความโล่ง เหมือนได้ปลดปล่อยความหนักอึ้งออกไปจากหัวและตัว
Rrrr!
ผมยกมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ แว้บแรกคิดว่าจะเป็นที่กองถ่ายโทรมาแต่ไม่ใช่ เป็นไวโอล่าโทรมาหา ผมยกยิ้มขึ้นแล้วกดรับสายเธอ
“Hello. (ฮัลโหล)”
[Do you have time to talk with me than one minute? (วันนี้จะคุยได้มากกว่าหนึ่งนาทีมั้ย)] เธอเคยโทรมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นผมกำลังยุ่งมาก เราเลยได้คุยกันแบบสั้นๆ แบบที่สั้นมาก แล้วผมก็รีวางสายไป และเธอก็โทรมาอีกครั้งแต่ครั้งนั้นผมไม่ได้รับ แล้วก็ลืมโทรกลับหาเธอ
“I can talk with you for hour. We don’t start work yet. (คุยได้เป็นชั่วโมงเลยละ ยังไม่เริ่มงานน่ะ)” ไม่รู้จะมีงานให้เริ่มรึเปล่า…
[It seem you have a heavy job. (เธอทำงานหนักไปรึเปล่า)] พูดเหมือนไปฟังใครพูดอะไรมา วิคเตอร์โทรไปเล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าเนี่ย
“Nah. (ไม่หรอก)” ผมยิ้มน้อยๆ พลางใช้เท้าดันชิงช้าเบาๆ
[I call you because of the child. (ฉันจะโทรมาบอกเรื่องลูกน่ะ)] ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อนึกถึงเด็กตัวเล็กๆ ที่ตอนนี้กำลังอาศัยอยู่ในท้องไวโอล่า หัวใจผมเต้นตุบๆ ด้วยความตื่นเต้นก่อนหันไปมองออสตินที่นั่งก้มมองมือถืออยู่ ผมลุกขึ้นยืนเนียนๆ และเดินไปทางริมรั้วไม้สูงระดับเอว
“How is it going? (เป็นยังไงบ้าง)”
[They are the boy. (พวกเขาเป็นผู้ชาย)] ผมย่นคิ้ว
“The boy? Wow, but THEY? (เด็กผู้ชายเหรอ ว้าว แต่ว่า พวกเขางั้นเหรอ)”
[The twins! (แฝดผู้ชายล่ะ)] ไวโอล่าบอกด้วยความตื่นเต้น ผมอ้าปากค้างน้อยๆ รู้สึกตื่นเต้นไปกับเธอด้วย
“Twins? (แฝดงั้นเหรอ)” ไวโอล่าหัวเราะน้อยๆ
[The marauder twins! (ฝาแฝดจอมกวน!)] ผมหัวเราะ ความหม่นหมองหมองเศร้าแทบจะสลายหายไปในอากาศ รู้สึกปริ่มเปรมไปกับคุณแม่คนใหม่ และรู้สึกชอบชื่อที่ไวโอล่าเรียกเจ้าสองแฝดที่ดัดแปลงมาจากคำศัพท์ในเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์
ผมหันไปมองออสติน เขายกน้ำองุ่นขึ้นจิบ ไม่มีทีท่าดักฟัง ซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาอยู่แล้วด้วยละ ผมหันกลับไปมองแม่น้ำต่อ ระบายยิ้มอ่อนบนใบหน้า
“Congratulations, V.” ผมบอกเสียงเบาด้วยความปลื้มใจกับเด็กน้อยสองคนที่กำลังจะเกิดมาลืมตาดูโลก
[เตรียมคิดชื่อไว้ด้วยนะ ฉันให้สิทธิ์นี้กับแม่ทูลหัว] ผมหัวเราะ หัวเราะทั้งที่น้ำตาคลอ มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกกับการได้ยินเรื่องดีๆ น่ารักๆ แบบนี้ ประหนึ่งว่าตั้งท้องเอง
“แล้วตัวเธอสบายดีนะ”
[สุขสบายที่สุด ตอนนี้พ่อก็ยังไม่รู้เลย] ไวโอล่าหัวเราะคิกคัก ผมรู้สึกทึ่งหน่อยๆ แต่อาจเป็นเพราะเธอตัวเล็ก และมันเพิ่งจะสองเดือนกว่าเท่านั้นเอง
“แล้วจะบอกเขามั้ย”
[คิดว่าต้องบอกเร็วๆ นี้แหละ คงปิดได้ไม่นานหรอก ส่วนพี่ รอให้เด็กๆ แข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยบอก จะได้รับเสียงตะคอกเขาได้] ผมหัวเราะชอบใจกับการพูดถึงวิคเตอร์แบบนั้น เป็นการพูดที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุด
“ฝึกเด็กๆ ให้พูดตั้งแต่ในท้องเลยได้มั้ย จะได้เถียงพี่ชายเธอตั้งแต่เนิ่นๆ” ไวโอล่าหัวเราะเบาๆ ผมยิ้มขำน้อยๆ กับตัวเอง
[แล้วพี่อยู่บ้านเหรอ] รอยยิ้มผมหุบลงทีละนิด ความรู้สึกอึกอักกลับเข้ามา แต่ก็ตอบคำถามของไวโอล่าตามปกติ
“ไปทำงานแต่เช้าแล้วละ”
[ฉันดูซีรีส์เรื่องใหม่ของเขาแล้วนะ ฝากบอกเขาทีว่าเป็นนักรบที่สกปรกมาก]
“ฉันยังไม่ได้ดูเลย” ผมจำได้ว่าเริ่มออกอากาศไปแล้ว แต่จำวันไม่ได้ว่าวันไหนและออนแอร์กี่ตอนก็ยังไม่รู้เลย
[ออนแอร์ไปสองตอนแล้วนะ เธอน่าจะหาเวลาดูผลงานเขาบ้าง แต่อีพีสอง ใจแข็งหน่อยก็แล้วกัน] ผมย่นคิ้วพร้อมกับยิ้มงงๆ
“ทำไมล่ะ”
[ก็ฉากเซ็กซี่น่ะถึงพริกถึงขิงมาก] ผมทำหน้าว่าอ๋อแล้วหัวเราะน้อยๆ ไวโอล่าเองก็หัวเราะ ผมรู้สึกดีใจที่เธออารมณ์ดีไม่เครียด เพราะมันจะส่งผลถึงเด็กทั้งสองคน
เราคุยกันอีกสักพักผมก็มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เวลาผ่านมาจะชั่วโมงตั้งแต่มาที่นี่ ผมเลยขอวางสายจากเธอและเข้าไปลาป้าแมร์รี่ ก่อนเดินออกจากบ้านพร้อมออสตินเพื่อเดินกลับไปที่กอง ตอนที่ไปถึงผมก็เห็นว่าการถ่ายทำเริ่มดำเนินไปแล้ว ผมได้แต่บอกให้ตัวเองทำใจ เดินเข้ากองด้วยความปกติ ผมไปยืนตรงหน้าจอมอนิเตอร์ พีทหันมามองผมอย่างเฉยเมยแล้วหันกลับไปยืนมองจอเหมือนเดิม นักแสดงกำลังถ่ายทำกันไปตามบทบาทที่ได้รับ
“OK!” เจมส์ตะโกนบอกนักแสดง แล้วสักพักเขาก็หันมาหาพีทและพยักหน้า ผมยืนถือบอร์ดไม้กระดานของตัวเองไว้ กะว่าจะเดินเข้าไปบอกเขาว่าถ่ายทำฉากอะไร แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้เพราะพีทลุกขึ้นยืน
“ช่วยกันขนเครื่องดนตรีเข้าฉากหน่อยนะ!” แล้วพอหันไปทางผู้กำกับอีกทีเขาก็เดินไปหน้าเซ็ทแล้ว ทุกคนเริ่มทยอยเดินไปทางเครื่องดนตรีที่วางเอาไว้บนพื้น ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้าไปช่วยทุกคนยกของ เห็นเขาเอาไปวางตรงไหนก็เดินตามเขาไป ผมยกอันแรกเสร็จก็เดินกลับไปยกอันที่สองจนกระทั่งเครื่องดนตรีถูกจับเอาไปเซ็ทเพื่อเตรียมถ่ายฉากต่อไป พีทคุยอะไรกับผู้ช่วยกองถ่ายที่เป็นผู้หญิงอยู่สักพักก่อนที่เธอจะวิ่งไปทางนักดนตรีแล้วคุยกับพวกเขา ผมชั่งใจอยู่พักนึงว่าควรเดินเข้าไปมั้ย และสุดท้ายผมก็เดินเข้าไป
“มีอะไรให้ช่วยมั้ย”
“ยังหรอก ก็แค่บรีฟน่ะว่าพวกเขาต้องทำอะไรบ้าง” เธอยิ้มเล็กน้อย ผมกระตุกยิ้มนิดหน่อยและยืนฟังเธอบรีฟงานกับนักดนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ผมต้องเป็นคนทำ และมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมต้องทำ แต่มาตอนนี้คือผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ผมเลยหันไปมองรอบกองเผื่อว่าใครจะมีอะไรให้ช่วย แต่ก็ไม่มี คือเอาเข้าจริงๆ ตำแหน่งผู้ช่วยกองถ่ายกับวิ่งหน้ากองเขาก็มีแล้วละ แต่ก่อนหน้านั้นหน้าที่นั้นไม่ค่อยถูกเรียกใช้เท่าผมที่มีหน้าที่จับฉ่าย
ผมยืนเคว้งอยู่กับที่สักพัก ยกมือเกาหัวตัวเองด้วยความงงว่าควรจะยังไงดี ผมก้าวเท้าเดินกลับไปทางหน้าจอมอนิเตอร์ แล้วยืนรอให้ทุกคนกลับมาตรงนี้ พีทเดินกลับมาคนแรก เขาไม่มอง ไม่สนใจผมเลย
“พีท คุณมีอะไรให้ผมทำ คุณบอกได้นะ” ผมลองพูดตะล่อม พีทหันมามองผมด้วยความนิ่ง
“ไม่มี” แล้วเขาก็หันกลับไป ผมกลอกตาเบาๆ วันนี้เลิกกองหกโมงเย็น เดี๋ยวผมจะอยู่รอก่อน เผื่อทุกคนจะมีเตรียมงานล่วงหน้าสำหรับสัปดาห์ถัดไป เพราะพรุ่งนี้วันหยุด ไม่มีถ่าย ผู้กำกับวิ่งกลับมานั่งที่เดิม เขายักคิ้วให้ผมแบบสั้นๆ แบบที่สั้นมากแล้วก็นั่งประจำที่ก่อนสั่งแอคชั่นเสียงดังลั่นกอง
โอเค รังศีผัวตูคงมาแผ่บารมีไว้อย่างแรงกล้าจริงๆ
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้

มาต่ออย่างว่องไว กลัวจะค้างคาใจกันนานว่าเอเลี่ยนโดนยักษ์บีบคอกลางดึกไปหรือเปล่า
นางยังอยู่รอดปลอดภัย และยังเสนอหน้าไปหางานทำเหมือนเดิม 555555
เด็กกกกๆ แฝดน้อยกลอยใจ กิ๊ๆ ใครอ่านตอนพิเศษในเพจที่เคยลงไว้เมื่อปีหรือสองปีก่อนจะร้องอ๋อแหละตอมว่า
มาทำงานต่างจังหวัดค่ะ แบกโน้ตบุ๊คมาอัพนิยายด้วย พรุ่งนี้ก็กลับละ งานด่วนมาด่วนกลับไว เหนื่อยกายยยย มีนิยายนี่แหละที่ช่วยเยียวยาได้ จะรู้สึกมีแรงใจทุกครั้งเวลาได้อ่านคอมเม้นของคนอ่านที่ตามอ่านเรื่องเราอยู่
ใครที่รอพี่แซ็คอยู่ ตอนแรกของพี่แซ็คจะลงหลังจากอัพตอนที่ 12 ของเรื่องนี้จบแล้วค่ะ แต่ตอมเปิดลิงก์เรื่องไว้แล้ว ยังไม่มีเนื้อหาอะไรค่ะ เป็นลิงก์สำหรับลงเรื่องเฉยๆ แต่ก็ตกแต่งไปแล้วนิดหน่อยยย
เจอกันอีกครึ่งที่เหลือนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ
แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries