Yours and Mine EP.8 [100%]“Be quiet. 3 2 1 action! (ขอเงียบนะ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น!)” นักแสดงขยับปากพูดบทของตัวเอง ทีมงานทุกคนยืนเงียบ ผมยืนมองหน้าจอมอนิเตอร์จนเกือบจะลืมกะพริบตา เพราะต้องการดูว่าภาพที่เห็นในจอมอนิเตอร์เป็นยังไง ซีนนี้เราถ่ายในเซ็นทรัลปาร์คยามค่ำคืนที่แสงไฟของเมืองนิวยอร์กส่องสว่างแบบที่แสงจันทร์ไร้ค่าไปเลย เลือกมุมที่เสียงผู้คนจะรบกวนน้อยที่สุด มันเป็นการยากมากที่จะไม่ให้สถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียง ไม่ให้ที่แห่งนี้ไร้ผู้คนถ้างบกองถ่ายยังเบี้ยน้อยหอยน้อยแบบนี้
RRrrr!
โทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อ Mr.Handsome ของผมโทรมา ผมมองลาดเลาแล้วว่าน่าจะยังไม่ถ่ายเสร็จทันทีหรอก รีบพูดรีบวางก็น่าจะทัน ผมเดินออกห่างจากจอมอนิเตอร์ เพื่อไม่ให้เสียงตัวเองรบกวนคนอื่นตอนคุย
“ฮัลโหล” ผมพูดเสียงเบา
[ทำอะไรอยู่] เสียงตะโกนสั่งคัทดังอยู่ด้านหลัง ผมหันไปมองหน้าเหวอเล็กน้อย สั่งคัทเพราะถ่ายเสร็จแล้วหรือมีอะไรมารบกวนหรือเปล่า ผมมองสถานการณ์ตรงหน้าเซ็ท ผู้กำกับตัวสูงหัวสีขาวลุกขึ้นยืน หันมาคุยกับทีมงานคนอื่นที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเองด้วยท่าทีจริงจัง
[แมท อยู่รึเปล่า] เสียงเข้มๆ ของวิคเตอร์ทำให้ผมดึงสติกลับมาอยู่กับโทรศัพท์อีกครั้ง
“อยู่ๆ ผมถ่ายอยู่ที่เซ็นทรัลปาร์ค” ผมเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาอีกนิด กะว่าจะรีบตัดบทให้จบทันที
[เลิกกองกี่โมง]
“ตามคิวก็เลิกสามทุ่ม แต่นี่สองทุ่มครึ่งแล้ว ยังเหลืออีกสามซีน”
[ถ้าเลิกสามทุ่ม เสร็จไม่เสร็จก็เดินออกมา] ไม่ต้องอยู่ตรงหน้าผมก็รู้ว่าตอนนี้ไอ้ยักษ์คงหงุดหงิดน่าดู น้ำเสียงเหวี่ยงอย่างไม่ต้องพิจารณาให้มากความ
“จะบ้าเหรอ ทำงั้นได้ไง”
“แมท!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังลั่นทำเอาผมสะดุ้งนิดหน่อย ผมหน้าเหลอกหลาด้วยความตกใจ หันไปมองก็เห็นพีทยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างผู้กำกับรุ่นพ่อผม
“แค่นี้ก่อนนะวิคเตอร์” ผมกดตัดสายจากวิคเตอร์ทันทีแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปหาทุกคน
“นายไม่ควรคุยโทรศัพท์ในเวลางานรึเปล่า” พีทจิกผมนิ่งๆ ผมก้มหน้าลงนิดหน่อย
“ขอโทษครับ มีอะไรให้ผมทำเหรอ”
“มีแน่ ไม่งั้นจะเรียกมาทำไม” ผมไม่อยากแสดงสีหน้าท่าทางไม่ดีถึงแม้ว่าพีทจะมีทีท่าไม่ดีกับผม ที่ทำได้คือเก็บความขุ่นเคืองไว้ข้างในให้มิดชิดที่สุด
“อย่าเพิ่งดุกันเลย ฉันแค่จะเรียกนายมาถามว่าซีนต่อไปคืออะไร” ผมรีบพลิกกระดาษตารางการถ่ายทำส่วนตัวที่ทำเอาไว้ให้เข้าใจแค่ตัวผมเองอย่างรวดเร็ว
“ซีน 10 ครับ ถ่ายฉากเดินคุยกันที่จะต่อเนื่องไปถึงตอนเช้า”
“โอเค ขอบใจมาก และที่ฉันอยากบอกคือ โทรศัพท์คุยได้ แต่คุยตอนเบรคจะดีกว่าคุยตอนที่งานกำลังเดินนะ” ผู้กำกับตัวสูงร่างผอมตาสีเทาขุ่นมองผมด้วยสายตาปรามเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นดุหรือขุ่มขู่แบบพีท ผมหน้าเสียไปนิดและพยักหน้ารับคำของเขา
“ขอโทษครับ ผมแค่จะบอกที่บ้านว่า เอ่อ ช่างมันเถอะครับ ผมขอโทษที่ทิ้งหน้างานไป” ผมก้มหัวลงในขณะที่โทรศัพท์สั่นอยู่ในมืออีกครั้ง ผู้กำกับยิ้มให้ผมและเดินออกไปจากตรงจอมอนิเตอร์
“ไปช่วยคนอื่นยกของสิ หวังว่าคงจะไม่หนีไปคุยโทรศัพท์หรือยืนเฉยๆ นะ” ผมอยากจะกลอกตาใส่พีทพร้อมกับเบ้ปากแรงๆ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับและหมุนตัวเดินไปช่วยคนอื่นๆ ย้ายเซ็ทไปตรงที่ใหม่ ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่เห็นเป็นชื่อวิคเตอร์โทรเข้ามา ผมจำใจตัดสายทิ้งและตั้งโหมดห้ามรบกวน
เราย้ายเซ็ทมาตรงซุ้มต้นไม้ที่ผมกับวิคเตอร์เคยมาเดินฟังเพลงด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยต้นรักเริ่มก่อตัวในหัวใจ ช่วงเวลานี้ผู้คนไม่ได้ล้นหลาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะห้ามไม่ให้เดินผ่านกล้อง ฉะนั้นทีมงานที่ไม่จำเป็นต้องจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ตลอดเวลาแบบผมเลยต้องไปคอยยืนกันผู้คนให้เดินไปทางอื่นในช่วงที่ถ่ายทำอยู่
“หรือถ้าเขาจะเดินเข้ามา บอกเขาว่าอย่ามองกล้องหรือมองนักแสดง ให้เดินตามปกติได้เลย” ผู้กำกับบอกพวกเราชาวกั้นคนก่อนที่จะปล่อยให้พวกผมหกคนชายสี่หญิงสองเดินไปประจำจุดที่คนน่าจะเดินฝ่าเข้ามา พอนักแสดงเดินออกมาประจำที่ผู้คนก็เริ่มหยุดมุงดู และพอมีคนหยุดดูมันก็มีมาต่อเรื่อยๆ ใครบอกว่ามีแต่ไทยมุง นิวยอร์กก็มุงเป็นเหมือนกัน
นักแสดงที่มาแสดงเรื่องนี้เป็นพระนางที่มีชื่อเสียงพอตัว ทั้งคู่เป็นมิตร ไม่เรื่องมาก เอ่อ จริงๆ ก็มีบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย ทำงานด้วยไม่ยาก รู้จักวิคเตอร์ด้วย แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เหมือนเคยเจอกันตามงานมากกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ฟอร์มยักษ์ เป็นฟอร์มขนาดกลางจนเกือบจะเล็ก งบเกินหนังอินดี้มาเฉียดฉิว แต่เนื้อหาหนังดี ส่งเสริมคนมีฝันในด้านดนตรี และแน่นอนว่าต้องมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง จากการอ่านบทและได้เขียนแก้บทนิดหน่อยผมว่าเนื้อหามันดี ไม่รู้ว่าพอถ่ายทอดออกมาเป็นภาพและการตัดต่อจะเป็นยังไงบ้าง แต่ผู้กำกับคนนี้ก็ละเอียดพอสมควรเลยนะ ผมว่าหนังมันต้องดีแหละ
“Oh, sorry. Can you walk in another way please? We are shooting now.” ผมบอกหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมผิวขาวคนหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่าไปทางเซ็ทที่กำลังถ่ายทำอยู่ หน้าตาของเธอถมึงทึงไม่สนโลก ไม่สนดาวดวงไหนในกาแล็คซี่นี้
“I pay the tax for this city I can walk in every way. (ฉันจ่ายภาษีให้กับเมืองนี้ ฉันเดินทุกเส้นทางนั่นแหละย่ะ)” ผมเกือบจะหน้าม้าม หน้าชาแล้ว แต่ความหน้าด้านมันมีมากกว่าเลยพยายามกั้นเธอเอาไว้สุดชีวิต
“Please. (ได้โปรดเถอะครับ)” แต่เธอหาได้สนใจการอ้อนวอนของผมไม่ เธอเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี ไม่สนใจ แต่นับว่าเป็นโชคดีที่เธอไม่มองกล้อง ไม่สนใจนักแสดง ก็เดินไปเรื่อยของเธอ ผมลุ้นมากว่าจะมีการสั่งคัทมั้ย แต่ผู้กำกับก็เงียบ ผมเลยพ่นลมหายใจเบาๆ หันไปมองฝูงชนบางตาที่ยืนมองการถ่ายทำ หลายคนเข้าใจการทำงานเลยเลือกจะยืนมองจากตรงนี้และยกมือถือมาถ่ายรูป ผมทวนในหัวตัวเองว่ามีการห้ามถ่ายรูปมั้ย แต่ก็จำได้ว่าไม่มีการเน้นประเด็นนี้ เลยไม่ได้ห้าม
“ห้ามพวกเขาถ่ายรูป ทำไมนายไม่บอก” กำลังสบายใจๆ ก็ต้องหน้าเหวอจนจะเป็นคนเอ๋ออยู่แล้วเมื่อพีทเดินเข้ามาสะกิดหลังผมอย่างเร็วพร้อมกับทำหน้าตาอย่างกับโกรธผมมานับศตวรรษ
“ผมนึกว่าถ่ายได้ ไม่เห็นมีใครบอกผมนี่ครับ” ผมไม่ได้พูดในเชิงเถียง ก็แค่พูดตามความเป็นจริงว่าไม่มีใครบอกผมเรื่องห้ามถ่ายรูป
“คอมมอนเซ้นส์ของนายไม่มีเลยรึไง” ผมหน้าเสียไปนิด ก้มหัวลงให้พีทหนึ่งที
“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะบอกพวกเขา” พีทส่ายหัว หน้าตาไม่สบอารมณ์ ผมเองก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์นักหรอก ก็มันไม่มีใครบอกจริงๆ อะ ถ้าต้องการปิดเป็นความลับควรบอกป้ะวะ
“Sorry. You can’t take any photos. Thank you. No. No, you can’t. And if someone already did, don’t share it please.” เออ อยากไปอีกอะ บางคนแชร์ลงโซเชียลไปแล้วมั้ง มาถ่ายกลางที่สาธารณะอย่างนี้ แม่งยากจะตายห่าที่จะไม่ให้คนถ่ายรูป นั่นดารานะโว้ย ถึงจะดังน้อยหน่อย แต่ก็มีคนรู้จักไง ผมเคยเข้าใจเมื่อช่วงสมัยมาฝึกงานกับวิคเตอร์ว่าคนต่างชาติจะไม่ค่อยเห่อดารานักแสดงสักเท่าไหร่ ผมว่าผมน่าจะเข้าใจผิด เรื่องแบบนี้พูดยาก เจอคนชอบก็คือชอบ เจอคนเฉยก็แค่มองๆ แล้วจากไป หรือไม่ได้ชอบ ไม่เฉย แต่แค่เห็นว่าเป็นดารา เป็นการถ่ายทำ ก็อยากมีส่วนร่วมในการถ่ายรูปไง
“What is the name of movie? (หนังชื่ออะไรเหรอ)” ชายหนุ่มรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ใส่หมวกแก๊ปสีดำถามพลางทำท่าจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมรีบโบกมือทำท่าว่าถ่ายไม่ได้ เขาทำหน้าเก็ทและเก็บมือถือลงไป
“I want to tell you but I am not allowed to do that. (ผมอยากบอกนะครับ แต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้บอก)” ถึงจะไม่มีใครห้าม แต่ก็ต้องใช้คอมมอนเซ้นส์ตามที่พีทเขาบอกละน่ะ
“Oh, okay.” ชายหนุ่มคนนั้นทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อย ผมแอบกลอกตาเร็วๆ แกจะมาเบื่อหน่ายอะไรล่ะ ก็กูบอกไม่ได้จริงๆ โหวย บอกไปเดี๋ยวไอ้พีทมันก็มาด่าว่างั่งอีกอะ
ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากให้ทางค่ายหนังเพิ่มงบถ่ายทำ หรือจ้างโปรดิวเซอร์คนใหม่กันแน่
การถ่ายทำดำเนินไปจนเกินคิวสามทุ่มอย่างที่ตั้งใจกันไว้ แต่ก็เหลืออีกสองซีน จริงๆ มันไม่ใช่ซีนยากมากมาย แต่ผู้กำกับเขาคงไม่ได้มุม ไม่ได้อารมณ์ที่เขาอยากได้สักทีเลยหลายเทคไปนิด (ไม่น่าจะนิด) แต่ในขณะเดียวกันผู้กำกับก็เริ่มเครียดเพราะกลัวว่ามันจะดึกเกินไปมากกว่านี้ และค่าโอทีทีมงานจะบานเบอะ อันที่จริงการทำงานของโปรดัคชั่นฝรั่งเคร่งเรื่องเวลามาก เริ่มเท่านั้น ก็ต้องจบเท่านี้ตามที่คุยกันไว้ ถ้าเกินแม้จะชั่วโมงเดียวก็ต้องจ่าย แต่ถ้าเกินสิบยี่สิบนาทียังพออลุ่มอล่วยกันได้แต่อันนี้เกินมาจะครบชั่วโมงแล้ว ซึ่งผมอยากให้เคร่งเรื่อง (เพิ่ม) เงินและเรื่องโพสิชั่นงานในกองด้วยจัง
ผมเริ่มหาววอด ตาเริ่มลายเพราะหาวบ่อยเกิน ตอนที่กำลังเดินกลับไปตรงหน้าเซ็ทหลังจากผู้กำกับสั่งคัทซีนรองสุดท้าย ผมก็เหลือบไปเห็นออสตินยืนอยู่ในหมู่ฝูงชน เขามองนิ่งสงบมาที่ผม จากที่ง่วงๆ ก็ตื่นตัวขึ้นนิดหน่อย ผมรีบเดินไปตรงหน้าจอมอนิเตอร์ ใจเต้นตุ้มต่อมกลัวว่าวิคเตอร์จะส่งเขามาอุ้มผมกลับบ้านทั้งที่งานยังไม่เสร็จ
“ถ่ายฉาก 15 ฉากนั่งเก้าอี้ มีวงดนตรีด้วยครับ” ผมบอกผู้กำกับว่าต้องทำอะไรต่อไป ซีนนี้เป็นซีนสุดท้ายก็จริง แต่เป็นซีนใหญ่ของวันนี้ ผมมองไปทางวงดนตรีที่ถูกจ้างมาเข้าฉาก พวกเขาเป็นนักดนตรีที่ร้องตามผับตามบาร์ พีทให้ผมไปตามหาทั้งที่ผมไม่ใช่คนนิวยอร์ก โชคดีว่าวิคเตอร์ช่วยเรื่องนี้ได้เพราะเขาสังสรรค์บ่อย
“คุณแมทครับ” ผมหายใจเข้าดังเฮือกด้วยความตกใจ ตกใจจริงไม่ได้แอคติ้ง เพราะกำลังยืนง่วงและแอบอู้เล็กน้อยที่ไม่ได้เข้าไปช่วยเขาจัดหน้าเซ็ท แต่เอาจริงๆ ผมจะช่วยตรงไหนในเมื่อนักดนตรีเขาจัดการโยงสายนั่นนี่อย่างคล่องแคล่ว
“คุณเรย์มอนด์ให้มารับคุณกลับบ้าน” ออสตินหาได้สนใจอาการตกใจของผมไม่ เขาพูดต่อหน้าตาเฉย ผมย่นคิ้วใส่เขา
“ไม่เห็นรึไงว่าผมทำงานอยู่ จะกลับได้ไงเนี่ย” ผมทำตาโตใส่เขา รู้ทั้งรู้แหละว่าทำไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ในหัวของออสตินมีแต่คำสั่งของวิคเตอร์
“เห็นครับ แต่คุณบอกเขาว่าคุณเลิกสามทุ่ม ซึ่งตอนนี้มันเกินมาชั่วโมงนึงแล้ว” ผมทำหน้าเหลือเชื่อ ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดหรอก ไอ้ยักษ์ส่งพ่อหัวเกรียนตาสีเทาอ่อนมารับผมกลับบ้านจริงๆ ด้วย
“ไม่ได้…” ผมพูดเสียงกระซิบ แต่ก็ใช่ว่าไม่ได้ยิน “…งานผมยังไม่เสร็จจะกลับได้ไง”
“ผมเอารถมารับครับ” ผมอ้าปากหวอเล้กน้อย ก่อนจะหุบปากฉับแล้วทำหน้าเอือม
“ไม่ได้หมายความจะกลับยังไง แต่งานผมยังไม่เสร็จ ผมยังกลับไม่ได้”
“งั้นคุณต้องบอกคุณเรย์มอนด์เอง คุณปิดเครื่องหนีเขา เขาเลยให้ผมมาตามคุณที่นี่” ฮาโลววว ผัวหวงอีกแล้ววว
ผมกลอกตา กำลังจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาวิคเตอร์ แต่ก็มีเสียงเรียกให้ผมไปหน้าเซ็ท ผมหันมองออสตินด้วยท่าทีงงๆ สักแปบก่อนจะชี้ไม้ชี้มือว่าให้เขาอยู่ตรงนี้แล้ววิ่งไปหาผู้กำกับ
“พรุ่งนี้เรามีทำฉากอะไรบ้าง” ผมยกปึกกระดาษขึ้นมาเปิดดูตารางการถ่ายทำสำหรับวันพรุ่งนี้ กำลังพลิกๆ อยู่ก็มีมือถือยื่นมาตรงหน้าผม
“คุณแมทครับ วิคเตอร์จะคุยด้วย” ผมขมวดคิ้วฉับ หันไปมองออสตินที่ยื่นมือถือมาให้ ผมคลายคิ้วอ้าปากหวอหันไปมองหน้าผู้กำกับที่เลิกคิ้วขึ้น ผมรีบดึงมือออกสตินมากดตัดสายวิคเตอร์แล้วถือยึดไว้
“อ่า… มีฉาก…”
ครืดดด ครืดดด
ผมกดปิดหน้าจอ ก้มลงมองกระดาษในมือแล้วบอกผู้กำกับว่าพรุ่งนี้มีถ่ายทำฉากไหนบ้าง พอบอกเสร็จเขาก็หันไปคุยกับพวกนักดนตรีเรื่องการถ่ายทำวันพรุ่งนี้ ผมหันไปมองออสตินที่ยืนนิ่งด้วยอาการหัวเสียนิดๆ ทั้งเจ้านายและลูกน้องปรองดองกันมึนมาก
“อีกฉากเดียวจะเสร็จแล้ว ใจเย็นได้มั้ยเนี่ย” ออสตินไหวไหล่ขวาเบาๆ สักพักมือถือเขาก็สั่นอีกรอบ ผมพ่นลมหายใจแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล”
[ปิดเครื่อง ตัดสายทิ้ง ไม่รับสาย นายอยากมีเรื่องกับฉันเหรอแมท] โอ๊ยยย ใครจะไปมีเรื่องกับแก๊ไอ้ยักษ์
“วิคเตอร์ ผมทำงาน คุณควรเข้าใจผมที่สุดสิเพราะคุณก็อยู่หน้าเซ็ทนะ” ผมว่าอย่างหัวเสีย สายตายังพยายามโฟกัสทุกคนหน้ากองไว้เผื่อมีใครเรียก โดยเฉพาะพีท เดี๋ยวมาจิกผมอีก
[ไม่เข้าใจ] ผมหน้าเอ๋อแดกไปละกับน้ำเสียงห้วนสั้นด้วยอารมณ์โกรธของวิคเตอร์ ผมว่าเขาเข้าใจ แต่เขากำลังหงุดหงิดที่ผมไม่รับสายเขา
“งั้นเดี๋ยวไปเคลียร์กันให้เข้าใจที่บ้าน แค่นี้ก่อนนะผมทำงาน”
[แมท!] ผมกดตัดสาย ปิดเครื่องให้ออสตินเรียบร้อยและยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง หันไปหาออสิตนที่ยืนนิ่งตามเดิม
“เคลียร์เรียบร้อย ทำงานเสร็จค่อยกลับบ้าน โอเค๊”
“นิวเคลียร์พร้อมยิงใส่คุณแน่ๆ เมื่อคุณถึงบ้าน” ผมถลึงตาใส่ออสติน ชอบเป็นอย่างเงี้ย ชอบตัดกำลังใจแล้วก็ข่มผมแทนเจ้านายตัวเอง นิสัยไม่ดี
“แมท หลบ จะถ่าย!” ผมหันไปมองพีท เขาตะโกนลั่นพร้อมกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหาตรงหลังจอมอนิเตอร์ เพราะตอนนี้ผมกับออสตินยืนจังก้าอยู่หน้าจอแบบที่แย่งซีนนักแสดงไปมากแล้ว ผมรีบดึงมือออสตินออกไปจากบริเวณนั้นทันที
กว่าจะเลิกก็เกือบห้าทุ่ม ซีนสุดท้ายแทบจะถ่ายวนแล้ววนอีก นักดนตรีก็เล่นกันสนุกสนาน นักร้องเสียงจะแหบแล้วมั้ง ผู้กำกับเขาขอหลายมุมมากจนผมคิดว่าถ้าขึ้นไปตั้งกล้องบนท้องฟ้าได้เขาอาจจะทำ เรื่องถ่ายเรื่องแสดงไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาตอนหลังคือว่าคนที่มุงไม่ใช่คนเดิมแล้วภาพมันโดด เลยต้องจ้างเอ็กซ์ตร้ากันสดๆ ตรงนั้นอะ ถามว่าใครติดต่อล่ะ กู๊ อีแมทนี่ไง แต่หลายคนก็ทำนะ จะไม่ได้ทำได้ไงล่ะ ยืนมุงๆ มองๆ ชั่วโมงเดียวก็ได้ไปหนึ่งร้อยดอลล่าห์เก๋ๆ จ้างเอ็กซ์ตร้าแต่แรกก็จบแล้ว เลยต้องได้ถ่ายใหม่อีกหลายฉากเลย เวลาเลยยืดเยื้อ ได้ค่าโอทีก็จริง แต่ก็เหนื่อยสายตัวจะขาด ผมนั่งรถกลับบ้านอย่างสลึมสลือ ไม่หือไม่อืออะไรกับออสติน
ฮ้าววว
“มานี่!” อะโหย เพิ่งจะเดินละล่องเข้ามาในบ้านได้แปบนึงก็มีเสียงเข้มๆ ต้อนรับแล้ว เสียงไม่เท่าไหร่ หน้าตาเหมือนยักษ์สมฉายายิ่งตอกย้ำความพิโรธของไอ้ผนุ่มผมยาวได้ดี แต่ผมแทบจะหมดพลังไฟท์ด้วยแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปหาเขาอย่างเนือยๆ
“บ่นพรุ่งนี้ได้มั้ยอ้า…” ผมตาจะปิดแล้ว แต่พอนึกอะไรขึ้นได้ก็เปิดเปลือกตากว้างขึ้นอีกนิด
“…แต่เป็นตอนค่ำๆ นะ รอเลิกกองก่อน”
“ไม่ต้องไปทำแล้ว!” โวะ! อันนี้ตื่นแทบจะเต็มตาเลย ผมมองหน้าดำคร่ำเครียดของวิคเตอร์ด้วยความตะลึงเบาๆ
“ได้ไง?!”
“ได้สิ ไม่ต้องไปทำ แบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนมาอยู่ด้วยกัน” วิคเตอร์เสียงแข็งพอๆ กับดวงตา ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ เขา แต่พอนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเพราะใกล้มือเขาไปก็เลยทำท่าจะลุก แต่วิคเตอร์ใช้แข้งดันอกผมให้หลังติดกับพนักพิงโซฟา
ขอบคุณนะที่ยังไม่ใช้ตีน
“วิคเตอร์ มันก็เป็นแค่ช่วงนี้…”
“…สามเดือนต่อจากนี้น่ะเหรอที่นายจะใช้ชีวิตแบบนี้”
“ผมก็มีวันหยุด ใช่ว่าจะถ่ายทุกวัน” ผมยกมือตีหน้าแข้งที่เต็มไปด้วยขนของเขา วิคเตอร์เอาขาออกจากคอผมไปวางบนพื้น ผมอ้าปากหาววอด มองใบหน้าถมึงทึงของไอ้ยักษ์ด้วยความเพลีย ไม่ได้เพลียที่เห็นหน้าเขานะ เพลียเพราะเหนื่อยล้วนๆ
“ไหนลองนับเดย์ออฟมาซิ” เขาพูดด้วยความหงุดหงิด ส่วนผมตาจะปิดแล้ว
“ก็…” ผมนั่งนึกในหัว ถ่ายสามเดือน หยุดวันไหนบ้างนะ เอ่อ โอย งง ง่วง
“…หยุดทุกเสาร์อาทิตย์” ผมอ้าปากหาวอีกทีจนน้ำตาเริ่มไหลออกทางหางตา
“สามเดือน นายได้หยุดยี่สิบสี่วัน และแน่ใจเหรอว่าจะหยุดจริงๆ” ผมย่นคิ้ว มองไอ้ยักษ์หนวดผมรกรุงรังหน้าตาโมโหโกรธา
“ก็ต้องหยุดสิ นี่ วิคเตอร์ ผมง่วงนอนแล้วอะ ขอไปนอนก่อนไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้ผมต้องไปถึงกองถ่ายเจ็ดโมงเช้าเลยนะ” ผมยกมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วอ้าปากหาวอีกรอบ
วิคเตอร์นิ่งเงียบ ผมตาปรือมองเขาเห็นเขาขบกรามแน่นแล้วพ่นลมหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาก้มตัวลงช้อนตัวผมขึ้น ผมยิ้มเพลีย นอนซุกเข้ากับอกเปลือยของเขา ดมกลิ่นเนื้ออุ่นเข้าเต็มปอด
“ไม่อาบน้ำได้มั้ยอะ” ผมถามเสียงแง๊วๆ เหมือนเด็กน้อย เพราะสมองเรียกร้องการนอนเต็มที่แล้วจริงๆ
“โสโครก” วิคเตอร์ว่าเสียงห้วนในขณะที่พาผมเดินขึ้นบันไดบ้านไปยังห้องนอน
“งั้นอย่ามานอนกอดผมนะ” ผมว่าเสียงละเหี่ยเพลียกาย แต่ขยับหัวซุกอกวิคเตอร์ราวกับหัวถึงหมอนแล้ว
วิคเตอร์ไม่พูดอะไร สติผมตัดแล้ว น้ำก็ไม่อาบ ฟันก็ไม่แปรง แต่ผมหมดแรงจริงๆ ยืนทั้งวันปวดเท้ามาก แล้วไหนจะวิ่งหาคนนั้นทีคนนี้ที ผมรู้สึกแน่นตัวเหมือนโดนรัดในตอนที่หลับสนิทไปแล้ว
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้

ครบค่าาา ครบแบบมึนๆ มั่วๆ ปวดหัวกับการงาน อยากจะแบ่งเวลาให้เป็น เดือนหน้าก็อยากจะอัพเรื่องของแซ็คแล้ว แต่ต้นฉบับยังไม่กระดึ๊บเลย โถถถถ
มีคนมาถามหาหนังสือภาคสามของเรื่องนี้แล้ว กรีสสส ปลาบปลื้ม แต่ใจเย็นเด้อออ ยังเขียนไม่ถึงไหนเลยยย มาอ่านที่นี่ มาให้กำลังใจคนเขียนที่นี่กันไปก่อนนาาา หนังสือมาแล้วจิแจ้ง ยังไงหนังสือมาแน่ๆ ค่ะ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเร่งสมองตัวเองได้แค่ไหน ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ยังรอตอนจบของคู่นี้ ภาคนี้จบแท้แน่นอนค่ะ ตั้งใจว่าอยากให้จบเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้เมื่อสองปีก่อน มันจะได้ครบสามปีพอดี ไม่อยากให้อายุนิยายเรื่องนี้มันมากไปกว่านี้แล้ว 55555 ขุ่นแม่เรียวจันทร์มาทีหลัง นางจับผัวแฮปปี้เอนดิ้งไปแล้ววว น้องแมทช้าไม่ได้แล้วนะลู๊กกก
มีคนอ่านกังวลกับชื่อตอน 555555 ทำม๊ายยยย ชื่อตอนเฉยๆ เด๊หนิ ไม่มีอะไรเล้ยยย (เสียงสูงอีกละ)
ขอบคุณคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ และขอต้อนรับคนอ่านหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งมาตามเรื่องนี้ค่ะ คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เปิดเรื่อง ปัจจุบันก็หายหน้าหายตากันไปเยอะอยู่ 555555 สงสัยนานเกินนน แต่ที่ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังจำได้แน้
เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ
ปล. ข้อมูลเรื่องกฎหมาย หากผิดพลาด บอกกล่าวกันได้นะคะ ตอมจะได้แก้ให้ถูกต้องค่าาา
แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries